The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือไบโอซีเคียวริตี้ โรงเพาะฟักแโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล (Biosecurity Manual for Marine Shrimp Hatchery and Nursery) สำหรับผู้ประกอบการ ใช้ในการประเมินจุดเสี่ยงของฟาร์มและกำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อจัดการความเสี่ยงบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้ฟาร์มสามารถลดปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อก่อโรคในลูกกุ้งที่ผลิตซึ่งเป็นต้นน้ำของกระบวนการผลิตกุ้งทะเลให้ได้มากที่สุด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sakulrat Duangsuk, 2024-04-08 09:16:27

คู่มือไบโอซีเคียวริตี้ โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล (สำหรับผู้ประกอบการ)

คู่มือไบโอซีเคียวริตี้ โรงเพาะฟักแโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล (Biosecurity Manual for Marine Shrimp Hatchery and Nursery) สำหรับผู้ประกอบการ ใช้ในการประเมินจุดเสี่ยงของฟาร์มและกำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อจัดการความเสี่ยงบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้ฟาร์มสามารถลดปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อก่อโรคในลูกกุ้งที่ผลิตซึ่งเป็นต้นน้ำของกระบวนการผลิตกุ้งทะเลให้ได้มากที่สุด

Keywords: คู่มือไบโอซีเคียวริตี้,โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล,Biosecurity,Marine Shrimp,Hatchery,Nursery

คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 คู่มือไบโอซีเคียวริตี้ โรงเพาะฟักและอนบุาลกงุ้ทะเล ส าหรับผู้ประกอบการ โดย กองวิจัยและพัฒนาส ุขภาพสัตว์น ้า กองวิจยัและพฒันาการเพาะเล้ียงสตัวน์ ้าชายฝั่ง กรมประมง 2567 (Biosecurity Manual for Marine Shrimp Hatchery and Nursery)


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 สารบัญ เรื่อง หน้า 1. บทน า 1 2. โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเลในประเทศไทย 2 3. โรคกุ้งทะเล 4 4. เชื้อก่อโรคที่ส าคัญในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 5 5. การพัฒนาระบบไบโอซีเคียวริตี้ในโรงเพาะและอนุบาลกุ้งทะเล 11 6. การประเมินสถานะระบบไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 23 ภาคผนวก 1. แบบประเมินสถานะระบบไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 24 2. ความรู้ทั่วไปในการก าจัดเชื้อก่อโรคในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 32 3. แนวทางการฆ่าเชื้อในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 35 4. ตัวอย่างแบบบันทึกการเข้า-ออกฟาร์ม 38 5. ตัวอย่างแบบบันทึกสุขภาพพ่อแม่พันธุ์กุ้งทะเล 40 6. ตัวอย่างแบบบันทึกสุขภาพลูกกุ้งทะเล 41 7. ค่าคุณภาพน ้าที่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงลูกกุ้งทะเล 42 8. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องก าหนดมาตรฐาน ควบคุมการระบายน ้าทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น ้ากร่อย 42 9. รายชื่อโรคระบาดในกุ้งทะเลตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ 43 10. วิธีการจัดการท าลายเชื้อโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็ นโรคระบาด หรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็ นพาหะของโรคระบาด 44 เอกสารอ้างอิง 45


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 1 1. บทน า กุ้งทะเลเป็ นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศไทยมาเป็ นระยะเวลาหลายสิบปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531-พ.ศ. 2552 โดยระหว่างปีพ.ศ. 2531-พ.ศ. 2541 ชนิดกุ้งทะเลที่เลี้ยงคือกุ้งกุลาด า (Penaeus monodon) ซึ่งเป็ นกุ้งพื้นถิ่นของไทย ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. 2542- พ.ศ. 2552 เปลี่ยนมา เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม (Penaeus vannamei) ซึ่งเป็ นกุ้งต่างถิ่นที่น าเข้ามาจากแถบอเมริกาใต้ สาเหตุ หนึ่งที่ท าให้มีการเปลี่ยนชนิดกุ้งที่เลี้ยงคือปัญหาโรคระบาด (Epidemic) และการขาดแคลนสายพันธุ์ กุ้งกุลาด าที่ดีเกิดปัญหากุ้งกุลาด าโตช้าและอ่อนแอ เกิดโรคระบาดง่าย อย่างไรก็ตามหลังการเปลี่ยน ชนิดกุ้งที่เลี้ยงมาระยะหนึ่ง ปัญหาโรคระบาดในกุ้งชนิดใหม่ก็เกิดขึ้นท าให้ผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศ ไทยลดลงอย่างมาก ส่งผลเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมต่ออุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ของประเทศไทย ตลาดส่งออกหายไปเนื่องจากโรงงานแปรรูปกุ้งทะเลต้องปิ ดตัวลงจากการขาด วัตถุดิบกุ้งป้ อนโรงงาน ส่งผลกระทบถึงการตกงานที่เกิดจากการเลิกจ้าง การระบาดโรคที่เกิดขึ้น สาเหตุหนึ่งเกิดจากลูกกุ้งที่ผลิตป้ อนสู่ฟาร์มเลี้ยงมีคุณภาพด้อยลง พบการผิดปกติของตับและตับ อ่อนรวมถึงพบการปนเปื้ อนเชื้อก่อโรคที่เพิ่มขึ้น การควบคุมกระบวนการผลิตลูกกุ้งที่มีคุณภาพและ ปลอดเชื้อก่อโรคจึงมีความส าคัญที่จะขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลของไทยฟื้ นตัว และสามารถเลี้ยงได้ยั่งยืนต่อไป มาตรการหนึ่งที่องค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organisation for Animal Health: WOAH) ส่งเสริมให้น ามาประยุกต์ใช้เพื่อลดความเสี่ยงของโรคระบาดคือระบบการจัดการความปลอดภัยทาง ชีวภาพ หรือ “ไบโอซีเคียวริตี้(Biosecurity)” ที่มุ่งเน้นการป้ องกันการน าเชื้อก่อโรคเข้าฟาร์ม ป้ องกันเชื้อก่อโรคแพร่กระจายภายในฟาร์ม และการป้ องกันการแพร่เชื้อก่อโรคออกนอกฟาร์ม หลักการส าคัญในการประยุกต์ใช้ระบบไบโอซีเคียวริตี้ส าหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น ้าคือ ฟาร์มต้อง ทราบความเสี่ยงของการเกิดโรคทั้งระบบ ซึ่งแต่ละฟาร์มอาจมีจุดเสี่ยงที่แตกต่างกัน ฟาร์มจึง จ าเป็ นต้องมีการประเมินจุดเสี่ยงของฟาร์มตนเอง เพื่อให้สามารถก าหนดวิธีปฏิบัติเพื่อจัดการลด ความเสี่ยงได้ตรงประเด็นปัญหาของฟาร์มนั้น คู่มือฉบับนี้จัดท าขึ้นเพื่อเป็ นแนวทางให้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล ใช้ในการประเมินจุด เสี่ยงของฟาร์มและก าหนดวิธีปฏิบัติเพื่อจัดการความเสี่ยงบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้ ฟาร์มสามารถลดปัญหาการปนเปื้ อนของเชื้อก่อโรคในลูกกุ้งที่ผลิตซึ่งเป็ นต้นน ้าของกระบวนการ ผลิตกุ้งทะเลให้ได้มากที่สุด คณะผู้จัดท าหวังเป็ นอย่างยิ่งว่าคู่มือฉบับนี้จะเป็ นประโยชน์ส าหรับฟาร์ม ที่มีกิจกรรมการเพาะฟักและอนุบาลลูกกุ้งทะเล รวมถึงภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และสามารถ ส่งเสริมให้โรงเพาะและอนุบาลกุ้งทะเลของประเทศไทยผลิตลูกกุ้งที่มีคุณภาพและปลอดโรคส่งเข้าสู่ ระบบการเลี้ยงกุ้งทะเลต่อไป


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 2 2. โรงเพาะฟักและอนบุาลกงุ้ทะเลในประเทศไทย การเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเลเป็ นกิจกรรมหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเล ซึ่งเป็ นต้น สายการผลิต กิจกรรมการผลิตลูกกุ้งทะเลในประเทศไทย แบ่งเป็ น 3 รูปแบบ คือ 1) โรงเพาะฟัก (Hatchery) ด าเนินกิจกรรมรับพ่อแม่พันธุ์มาผลิตลูกกุ้งระยะนอเพลียสและ จ าหน่ายลูกกุ้งระยะนอเพลียส 2) โรงเพาะฟักและอนุบาล (Hatchery and Nursery) ด าเนินกิจกรรมรับพ่อแม่พันธุ์มาผลิตลูก กุ้งระยะนอเพลียสและอนุบาลลูกกุ้งจนถึงระยะโพสต์ลาวาร์ (Post larvae; PL) จ าหน่ายลูกกุ้งระยะ นอเพลียส และ/หรือ ลูกกุ้งระยะ PL 3) โรงอนุบาล (Nursery) ด าเนินกิจกรรมรับลูกกุ้งระยะนอเพลียสจากโรงเพาะฟักมาอนุบาล เป็ นลูกกุ้งระยะ PL และจ าหน่ายลูกกุ้งระยะ PL ซึ่งปัจจุบันการอนุบาลกุ้งมีการขยายระยะเวลาการ อนุบาลจนกุ้งมีขนาดใหญ่ขึ้น ถึง PL25 หรือขนาดใหญ่กว่า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ลูกกุ้ง ลดความ เสียหายจากเชื้อก่อโรคที่ส่งผลในกุ้งขนาดเล็ก เช่น เชื้อก่อโรคตับวายเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อ แบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus, Acute Hepatopancreatic Necrosis Disease strain (VpAHPND) ระบบการผลิตลูกกุ้งทะเลของประเทศไทยอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิต ประกอบด้วย มาตรฐานบังคับและมาตรฐานทั่วไปซึ่งเป็ นมาตรฐานสมัครใจ (ตารางที่ 1) ส าหรับมาตรฐานบังคับ (มกษ. 7432-2558) เป็ นมาตรฐานที่บังคับใช้ส าหรับโรงเพาะฟักที่ผลิตลูกขาวแวนนาไมระยะ นอเพลียสเพื่อจ าหน่าย โดยก าหนดให้ฟาร์มเข้าสู่กระบวนการเฝ้ าระวังโรคเชิงรุก (Active surveillance) และมีการตรวจโรคที่ก าหนดอย่างน้อยปี ละ 2 ครั้งตามข้อก าหนดขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) และฟาร์มต้องมีการจัดท าคู่มือการจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพหรือคู่มือไบโอซีเคียว ริตี้ประจ าฟาร์มเพิ่มเติมจากคู่มือการผลิต อย่างไรก็ตามมาตรฐาน มกษ. 7432-2558 ใช้บังคับ เฉพาะการผลิตนอเพลียสกุ้งขาวแวนนาไมเท่านั้น ยังไม่บังคับใช้กับกิจกรรมการผลิตนอเพลียสกุ้ง กุลาด า และไม่ครอบคลุมไปถึงการผลิตลูกกุ้งระยะ PL ทั้งกุ้งขาวแวนนาไมและกุ้งกุลาด า ส าหรับมาตรฐานทั่วไป 3 มาตรฐาน ได้แก่มาตรฐาน GAP, CoC และ มกษ. 7422 นั้น เน้น กระบวนการผลิตทั่วไป ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพสัตว์ โดยมีข้อก าหนดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสุขภาพกุ้งในฟาร์มเพียงบางส่วน และไม่ได้มีการกล่าวถึง การใช้ระบบไบโอซีเคียวริตี้เพื่อการป้ องกันและควบคุมโรคที่ลงรายละเอียดมากนัก ดังนั้นการจัดท า คู่มือไบโอซีเคียวริตี้ฉบับนี้จึงน าหลักการไบโอซีเคียวริตี้ที่เป็ นแนวปฏิบัติในมาตรฐาน มกษ. 7432- 2558 มาปรับปรุงเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมการด าเนินงานของการผลิตลูกกุ้งทะเลทั้ง 3 รูปแบบ เพื่อ เป็นแนวทางให้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเลน าไปประยุกต์ใช้ในฟาร์มที่มีกิจกรรมที่แตกต่างกัน การ ส่งเสริมการใช้คู่มือระบบไบโอซีเคียวริตี้ในการผลิตลูกกุ้งทะเลนี้ จะเป็ นส่วนสนับสนุนให้ระบบการ ผลิตลูกกุ้งซึ่งเป็ นต้นสายของการผลิตกุ้งทะเล มีระบบการจัดการป้ องกันและควบคุมโรคที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถผลิตลูกกุ้งที่ปลอดเชื้อก่อโรคและมีคุณภาพเพื่อส่งเข้าสู่ฟาร์มเลี้ยง ต่อไป


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 3 ตารางที่ 1 แสดงมาตรฐานโรงเพาะฟักและอนบุาลกงุ้ทะเลในประเทศไทย ชื่อมาตรฐาน ประเภทมาตรฐาน ขอบข่าย 1.การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยง สัตว์น ้าที่ดีส าหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้ง ขาวแวนนาไมปลอดโรค (มกษ. 7432-2558) มาตรฐานบังคับ รับรองระบบการผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไม ระยะนอเพลียส (Nauplius) ปลอดจากโรค ที่ก าหนด 2.การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยง สัตว์น ้าที่ดีส าหรับฟาร์มเพาะและ อนุบาลลูกกุ้งทะเล (มกษ. 7422-2561 (เดิม มกษ. 7422-2553)) มาตรฐานสมัครใจ รับรองระบบการเพาะพันธุ์และ/หรือ อนุบาลลูกกุ้งทะเล โดยค านึงถึงสุขภาพ และสวัสดิภาพสัตว์ ความรับผิดชอบต่อ สิ่งแวดล้อมและสังคม 3. มาตรฐานซีโอซี (Code of Conduct) มาตรฐานสมัครใจ รับรองระบบการเพาะพันธุ์และ/หรือ อนุบาลลูกกุ้งทะเล โดยเน้นการจัดการ สิ่งแวดล้อมส าหรับอุตสาหกรรมการ เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลอย่างยั่งยืนตลอด สายการผลิตจากฟาร์มถึงโรงงานแปรรูป เพื่อพัฒนาให้ได้กุ้งคุณภาพมีความ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค 4. มาตรฐานจีเอพี (GAP/Good Aquaculture Practice) มาตรฐานสมัครใจ รับรองระบบการเพาะพันธุ์และ/หรือ อนุบาลลูกกุ้งทะเล เน้นการผลิตกุ้งทะเล ให้มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค ท าให้ ถูกสุขลักษณะที่ดีของฟาร์มเลี้ยงกุ้งทะเล ป้ องกันการใช้ยา และสารเคมีในการเลี้ยง ไม่ให้มีสารตกค้างในเนื้อกุ้ง


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 4 3. โรคก ุ้งทะเล องค์ประกอบของการเกิดโรคในกุ้งทะเลมีสามส่วน คือ ตัวกุ้ง เชื้อก่อโรค และปัจจัยแวดล้อม (ภาพที่ 1) ในสภาวะการเลี้ยงปกติที่กุ้งมีความแข็งแรง ไม่มีเชื้อก่อโรคในระบบ และปัจจัยแวดล้อม การเลี้ยงเหมาะสม โอกาสที่กุ้งเกิดโรคมีน้อย กรณีที่ไม่มีเชื้อก่อโรคในระบบการเลี้ยง โรคหรืออาการ ผิดปกติที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแต่เกิดจากปัจจัยแวดล้อมการเลี้ยงไม่เหมาะสมกับการ ด ารงชีวิตของกุ้ง เช่น คุณภาพน ้า คุณภาพอาหาร สภาพอากาศ รวมไปถึงเทคนิคการจัดการการ เลี้ยงที่ไม่เหมาะสม เมื่อมีเชื้อก่อโรคเข้ามาในระบบ ฟาร์มมีความเสี่ยงในการเกิดโรคติดเชื้อ ซึ่งต้องใช้ มาตรการการจัดการไบโอซีเคียวริตี้เข้ามาช่วยในการป้ องกันการน าเชื้อก่อโรคเข้าฟาร์ม หากมีเชื้อก่อ โรคหลุดรอดเข้ามาในระบบต้องมีการจัดการไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย การจัดการสุขภาพของตัวกุ้งให้ แข็งแรงจึงช่วยลดโอกาสการเกิดโรค และลดความเสียหายจากเชื้อก่อโรคได้ ภาพที่ 1 องค์ประกอบการเกิดโรค โรคติดเชื้อในกุ้งทะเลเกิดจากเชื้อก่อโรคหลายกลุ่ม ได้แก่ ไวรัส แบคทีเรีย รา และปรสิต เชื้อ แต่ละกลุ่มมีการก่อโรคที่แตกต่างกัน มีความแตกต่างกันของช่องทางการติดเชื้อ อวัยวะเป้ าหมาย ของเชื้อ ความคงตัวในสภาวะแวดล้อม ความรวดเร็วของการแพร่กระจายเชื้อ และพาหะน าเชื้อ ส่งผล ให้เชื้อแต่ละกลุ่มมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายแตกต่างกัน เชื้อไวรัส เป็ นเชื้อที่ไม่มียารักษา บางเชื้อมีการแพร่เชื้อหรือถ่ายทอดทางตรงจากพ่อแม่พันธุ์ สู่ลูกพันธุ์ เชื้อสามารถถ่ายทอดผ่านน ้า ผ่านการกินกุ้งที่มีเชื้อ มีสัตว์พาหะหลายชนิดที่เป็ นแหล่งเชื้อ การจัดการไม่ให้เชื้อเข้ามาในระบบการเลี้ยงจึงเป็ นหลักการหนึ่งของไบโอซิเคียวริตี้ที่ดีที่สุดส าหรับ เชื้อไวรัส โดยเชื้อไวรัสที่ก่อโรครุนแรงในกุ้งทะเลของประเทศไทย คือ เชื้อก่อโรคตัวแดงดวงขาว (WSSV) และเชื้อก่อโรคหัวเหลือง (YHV) ส าหรับเชื้อก่อโรคแคระแกร็น (IHHNV) ถึงแม้ไม่ได้ก่อให้เกิด การตายและไม่เสียหายรุนแรงแต่ยังเป็ นเชื้อที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของ WOAH และบัญชีรายชื่อของ พรบ. โรคระบาดสัตว์ และยังมีการตรวจพบในลูกกุ้งระยะ PL จากโรงอนุบาล จึงยังมีความเสี่ยงต่อ Host (ก ุ้ง) Pathogens (เชื้อก่อโรค) Environmental (ปัจจยัแวดลอ้ม)


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 5 การน าเชื้อไปยังฟาร์มเลี้ยงผ่านลูกกุ้งที่ติดเชื้อ เชื้อไวรัสส่วนใหญ่พบระดับต ่าในลูกพันธุ์กุ้ง ความ เสียหายจึงมักไปเกิดในฟาร์มเลี้ยงมากกว่าโรงเพาะฟักและอนุบาล นอกจากเชื้อทั้ง 3 ชนิดข้างต้นแล้ว ยังมีเชื้อที่ยังไม่มีการรายงานในประเทศไทยที่ต้องเฝ้ าระวังอีก 2 ชนิดคือ เชื้อไวรัสก่อโรคกล้ามเนื้อ ตาย (IMNV) และเชื้อก่อโรคดีไอวีวัน (DIV1) เนื่องจากมีรายงานสร้างความเสียหายให้กุ้งที่เลี้ยงใน ประเทศอื่นๆ เชื้อแบคทีเรีย สามารถพบได้ในธรรมชาติในระดับที่ไม่ก่อโรค แต่ในระบบการเพาะเลี้ยง สัตว์น ้า ที่มีการสะสมของสารอินทรีย์จากอาหารเหลือ เป็ นปัจจัยส าคัญที่กระตุ้นให้เชื้อเพิ่มจ านวนได้ อย่างรวดเร็วจนส่งผลต่อสุขภาพกุ้ง การป้ องกันเชื้อแบคทีเรียจึงเน้นการจัดการการให้อาหารที่ เหมาะสม รวมถึงการจัดการตะกอนของเสียและสารอินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ถึงแม้เชื้อกลุ่ม แบคทีเรียสามารถใช้ยารักษาได้ แต่การใช้ยาอาจส่งผลให้เกิดการตกค้างของยาในเนื้อกุ้งและการดื้อ ยาต้านจุลชีพ ซึ่งส่งผลให้ปัญหาโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการใช้ยา เชื้อ แบคทีเรียในกุ้งทะเลที่มีความรุนแรง คือเชื้อก่อโรคตับวายเฉียบพลัน (VpAHPND) ซึ่งมีความเสี่ยงใน การตรวจพบเชื้อทั้งในโรงเพาะฟัก โรงอนุบาล และฟาร์มเลี้ยง ปัญหาแบคทีเรียอีกชนิดที่พบในโรง อนุบาลคือเชื้อก่อโรคเรืองแสงที่เกิดจากเชื้อ Vibrio harveyi นอกจากนี้ยังมีเชื้อแบคทีเรียที่ต้องเฝ้ า ระวัง ซึ่งเป็ นเชื้อที่ยังไม่มีรายงานการพบในประเทศไทย ได้แก่แบคทีเรียก่อโรคตับอักเสบ (NHPB) ที่ อยู่ในบัญชีรายชื่อของ WOAH และเชื้อก่อโรค High Lethal Vibrio Disease (HLVD) หรือโรค Translucent Post Larvae Disease (TPD) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียวิบริโอสายพันธุ์สร้างสารพิษที่รายงานสร้างความ เสียหายในประเทศจีนและประเทศเวียดนาม เชื้อรา เชื้อ EHP (Enterocytozoon hepatopenaei) เป็ นเชื้อก่อโรคที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเชื้อรา พบ เชื้อได้ในระบบการเลี้ยงตั้งแต่โรงเพาะฟักและอนุบาลไปจนถึงฟาร์มเลี้ยง นอกจากนี้ยังมีเชื้อราชนิด อื่นที่รายงานในกุ้งทะเลคือเชื้อราชนิด Lagenidium thermophilum ซึ่งมีความรุนแรงในลูกกุ้งกุลาด าวัย อ่อนระยะซูเอีย ระยะไมซีส และระยะ PL ท าให้มีการสูญเสียลูกกุ้งทั้งบ่อในระยะเวลาเพียง 2-3 วัน (องอาจและคณะ, 2546) นอกจากนี้ยังมีเชื้อราชนิด Pythium insidiosum ที่ท าให้พ่อแม่พันธุ์กุ้งขาว แวนนาไมตายในประเทศอินเดีย (Otta et al., 2018) แต่ยังไม่มีรายงานในโรงเพาะฟักและอนุบาลของ ประเทศไทย เชื้อปรสิต เชื้อปรสิตที่พบในโรงอนุบาลคือกลุ่มโปรโตซัว ที่พบบ่อยคือ Zoothamnium sp. และ Acenita sp. พบเกาะตามรยางค์และเหงือก ส่งผลต่อระบบการแลกเปลี่ยนออกซิเจนของกุ้ง สาเหตุเกิด จากการสะสมของตะกอนสารอินทรีย์ในบ่อ การจัดการลดของเสียในบ่อเลี้ยงและการจัดการ คุณภาพน ้าที่ดีสามารถลดปัญหาเชื้อปรสิตในโรงเพาะฟักและอนุบาลได้ 4. เชื้อก่อโรคที่ส าคัญในโรงเพาะฟักและอนุบาลก ุ้งทะเล โรคกุ้งทะเลหลายชนิดที่ไม่แสดงอาการในลูกกุ้งในโรงเพาะฟักและอนุบาลเนื่องจากปริมาณ เชื้อยังไม่มากพอ แต่เนื่องจากลูกกุ้งเป็ นต้นสายของห่วงโซ่การผลิตกุ้ง เชื้อบางชนิดถ่ายทอดจากพ่อ แม่พันธุ์สู่ลูกพันธุ์ท าให้ลูกกุ้งที่ผลิตมาจากพ่อแม่พันธุ์ที่ติดเชื้อมีโอกาสติดเชื้อในระดับต ่า และ เนื่องจากเชื้อทุกชนิดสามารถถ่ายทอดผ่านน ้า ดังนั้นการใช้น ้าที่ปนเปื้ อนเชื้อในการเพาะฟักและ


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 6 อนุบาล มีโอกาสให้เกิดการติดเชื้อแพร่ไปในระบบทั้งในส่วนของพ่อแม่พันธุ์ ไข่ ลูกพันธุ์ระยะนอเพลียส และระยะ PL และน าเชื้อสู่ฟาร์มเลี้ยงได้ โดยเชื้อก่อโรคที่มีรายงานตรวจพบในโรงเพาะฟักและอนุบาล กุ้งทะเลมีดังนี้ 4.1) เชื้อ Enterocytozoon hepatopenaei (EHP) • เชื้อ EHP ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มเชื้อรา เนื่องจากมีคุณสมบัติในการสร้างสปอร์ มีอวัยวะ เป้ าหมายคือตับและตับอ่อนของกุ้ง สามารถตรวจพบได้ทั้งในพ่อแม่พันธุ์ ลูกกุ้งระยะ นอเพลียส และลูกกุ้งระยะ PL ซึ่งการติดเชื้อในโรงเพาะและอนุบาลจะไม่เห็นอาการป่ วย ของกุ้งที่ชัดเจน ไม่ได้ท าให้กุ้งเกิดการตายสูง แต่การปนเปื้ อนเชื้อในลูกกุ้งสามารถน าเชื้อ ไปสู่ฟาร์มเลี้ยง มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการขี้ขาวและอาการโตช้าได้ • เชื้อ EHP ยังไม่มีข้อมูลยืนยันการติดเชื้อทางตรงจากพ่อแม่พันธุ์ไปยังลูกพันธุ์ แต่มี โอกาสที่เชื้อจะปนเปื้ อนในน ้า ท าให้พบการติดเชื้อในลูกกุ้งระยะนอเพลียสที่เลี้ยงในน ้าที่มี เชื้อได้ช่องทางการติดเชื้อจึงเป็ นการติดเชื้อทางอ้อมผ่านการเลี้ยงร่วมกัน และการกิน ซากกุ้งที่ติดเชื้อหรือขี้กุ้ง • เชื้อ EHP พบในสัตว์พาหะหลายชนิด เช่น เพรียง หอย ปู อาร์ทีเมีย การใช้อาหารมีชีวิต ในโรงเพาะฟักและอนุบาลจึงมีความเสี่ยงของการติดเชื้อในลูกกุ้งได้ • เชื้อ EHP เป็ นสาเหตุร่วมของการเกิดอาการขี้ขาวในกุ้งฟาร์มเลี้ยงซึ่งมักพบติดเชื้อ EHP ร่วมกับเชื้อแบคทีเรียกลุ่มวิบริโอ การผลิตลูกกุ้งปลอดเชื้อ EHP จึงช่วยลดความเสี่ยง ของปัญหาอาการขี้ขาวของกุ้งในฟาร์มเลี้ยงได้ • แนวทางการป้ องกันเชื้อ EHP ในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 1) ใช้พ่อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์กุ้งที่ทราบสถานะของโรค เช่น มีผลการตรวจเชื้อ มาจาก แหล่งปลอดเชื้อ หรือ มีการตรวจเชื้อก่อนน าเข้าฟาร์ม 2) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท าความ สะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 3) ใช้น ้าที่ปลอดเชื้อ โดยการก าจัดเชื้อในน ้าด้วยวิธีการต่างๆ เช่น สารที่ท าให้เกิด สภาวะความเป็ นด่างสูง ในกลุ่มของวัสดุปูน เช่น ปูนร้อน (CaO) โซดาไฟ (NaOH) เพื่อเพิ่ม pH น ้าให้สูงกว่า 9 เป็ นการกระตุ้นให้สปอร์ EHP แตกตัวออกมาในสภาพที่ ไม่มีกุ้งหรือสัตว์พาหะ เชื้อ EHP จะตาย หลังจากนั้นจึงฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนหรือ สารเคมีอื่นๆ 4) เนื่องด้วยสปอร์เชื้อ EHP มีผนังเซลล์หนาทนต่อการท าลายของสารเคมีการใช้ สารเคมีฆ่าเชื้อจึงต้องเลือกใช้ชนิดที่สามารถท าลายสปอร์ของเชื้อได้ และมีความ เข้มข้นสารและระยะเวลาการฆ่าเชื้อที่มากเพียงพอ เช่น คลอรีน 40 พีพีเอ็ม ด่าง ทับทิม 15 พีพีเอ็ม


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 7 5) หลีกเลี่ยงการใช้อาหารมีชีวิต/อาหารสดที่ปนเปื้ อนเชื้อ โดยใช้อาหารที่ผ่านการ รับรองสถานะปลอดเชื้อ หรือมีการฆ่าเชื้อในอาหารมีชีวิต/อาหารสดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อหยุดการเจริญของสปอร์ก่อนการใช้เลี้ยงกุ้ง 4.2) เชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus AHPND strain (VpAHPND) ก่อโรคตับวาย เฉียบพลัน Acute Hepatopancreatic Necrosis Disease (AHPND) • เชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus สายพันธุ์ VpAHPND สร้างสารพิษ Photorhabdus insect-related (Pir) toxins (PirA และ PirB) สารพิษมีคุณสมบัติเหมือนยาฆ่าแมลง ก่อโรค ตับวายเฉียบพลัน (Acute Hepatopancreatic Necrosis Disease: AHPND) หรือโรคตายด่วน (Early Mortality Syndrome: EMS) สารพิษท าลายตับโดยการท าให้ผนังเซลล์ท่อตับเกิดรู รั่ว (pore-forming toxins) เป็ นโรคที่มีความรุนแรงสูง การตายไม่สูงในลูกกุ้งจากโรง อนุบาล แต่สามารถน าเชื้อส่งต่อไปบ่อเลี้ยง สร้างความเสียหายหลังน าลูกกุ้งไปลงบ่อ เลี้ยงแล้วระยะหนึ่ง เชื้อ VpAHPND ยังมีการตรวจพบในลูกกุ้งจากโรงอนุบาลกุ้งทะเล จึงมี ความเสี่ยงในการน าเชื้อสู่ฟาร์มเลี้ยง • เชื้อ VpAHPND มีอวัยวะเป้ าหมายคือกระเพาะอาหารของกุ้ง มีการสร้างสารพิษที่มีผล ท าลายตับและตับอ่อน มีรูปแบบการติดเชื้อเฉพาะที่ในส่วนของระบบทางเดินอาหาร (Enteric infection) • ช่องทางการแพร่กระจายหรือถ่ายทอดเชื้อ VpAHPND ผ่านการแช่ (immersion) การกิน (oral) ไม่ถ่ายทอดเชื้อจากพ่อแม่สู่ลูกพันธุ์ การพบเชื้อในพ่อแม่และลูกพันธุ์กุ้งจึงเกิดจาก น ้า อาหาร อุปกรณ์ที่มีการปนเปื้ อนเชื้อ การแพร่กระจายหรือการถ่ายทอดเชื้อจึงเป็ น การติดเชื้อทางอ้อม โดยติดเชื้อได้จากการเลี้ยงกุ้งในน ้าที่ปนเปื้ อนเชื้อ หรือการกินซาก กุ้งที่ติดเชื้อ • เชื้อ VpAHPND ท าความเสียหายให้กับกุ้งบ่อเลี้ยงทั้งกุ้งขาวแวนนาไมและกุ้งกุลาด า หลังลง เลี้ยงในบ่อดิน 10-40 วัน มีอัตราการตายสูงถึง 100% โดยพบกุ้งตายจ านวนมาก บริเวณพื้นก้นบ่อ แตกต่างจากกุ้งที่ป่ วยด้วยโรคตัวแดงดวงขาวหรือโรคหัวเหลือง ที่พบ กุ้งลอยเข้ามาตายบริเวณขอบบ่อ • กุ้งที่ติดเชื้อ VpAHPND มีอาการเซื่องซึม ไม่แข็งแรง ว่ายน ้าช้า กินอาหารลดลง อาหารไม่ เต็มล าไส้กุ้งมีเปลือกนิ่ม ตับและตับอ่อนมีสีซีด ถ้าติดเชื้อรุนแรงตับจะซีดขาว เนื้อตับ เหนียวติดกัน ตับฝ่ อเล็ก เมื่อตรวจสอบใต้กล้องจุลทรรศน์จะเห็นการหลุดลอกของเซลล์ ท่อตับและการตายของเซลล์ตับ • แนวทางการป้ องกันเชื้อ VpAHPND ในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 1) ใช้พ่อแม่พันธุ์ลูกพันธุ์กุ้ง และอาหารมีชีวิตหรืออาหารสด ที่ทราบสถานะของโรค เช่น มีผลการตรวจเชื้อ มาจากแหล่งปลอดเชื้อ หรือ มีการตรวจเชื้อก่อนน าเข้า ฟาร์ม


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 8 2) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท าความ สะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 3) ควบคุมไม่ให้มีอาหารเหลือ และใช้จุลินทรีย์ที่ดีในการควบคุมเชื้อแบคทีเรียก่อโรค 4) ตรวจสอบปริมาณเชื้อในน ้าในบ่อเลี้ยงเป็ นระยะ เพื่อใช้เป็ นข้อมูลในการควบคุม ปริมาณเชื้อแบคทีเรียกลุ่มวิบริโอให้อยู่ในเกณฑ์ก าหนดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ กุ้ง 4.3) เชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus High Lethal Vibrio Disease strain (VpHLVD) ก่อโรค Translucent Post Larva Disease (TPD) • เชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus สายพันธุ์ VpHLVD สร้างสารพิษ Tc (Toxin complex toxins) ก่อโรคตัวใสในกุ้ง Glass Post Larva Disease (GPD) หรือ Translucent Post Larva Disease (TPD) • สารพิษชนิดนี้แบ่งกลุ่มได้ 3 subunit ได้แก่ TcA, TcB และ TcC ซึ่งสารพิษ TcC และ แบ่งเป็ นกลุ่มย่อยอีก 3 ชนิด ได้แก่ TcC1, TcC2 และ TcC3 เชื้อในกลุ่ม VpAHPND และ Vibrio parahaemolyticus สามารถตรวจพบยีนสร้างสารพิษ Tc toxin ได้เช่นกัน อย่างไรก็ ตามเชื้อ VpHLVD จะต้องตรวจพบยีนสร้างสารพิษ Tc toxin ครบถ้วนทุก subunit (TcA, TcB และ TcC) และชนิดย่อย (TcC1, TcC2 และ TcC3) • สารพิษท าลายตับโดยมีกลไกการฉีดสารพิษ (syringe-like mechanism) เข้าในไซโตพลาส ซึมของเซลล์ท่อตับเกิดกระบวนการท าลายภายในเซลล์ • รายงานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ในโรงอนุบาลกุ้งขาวแวนนาไมใน ประเทศจีน มีความรุนแรงในลูกกุ้งระยะ PL 6-12 มีอาการคล้ายกับสารพิษ PirA และ PirB ในเชื้อ VpAHPND แต่สายพันธุ์ VpHLVD มีความรุนแรงมากกว่าประมาณหนึ่งพันเท่า มี อัตราการตายสูงกว่า ท าให้ลูกกุ้งตายเป็ นจ านวนมาก โดยเป็ นผลมาจากสารพิษ Tc toxin กุ้งติดเชื้อมีอาการ ตับซีด ล าไส้ว่าง ตัวโปร่งใส เนื่องจากเชื้อท าลายท่อตับและ เนื้อเยื่อทางเดินอาหารส่วนกลาง (Midgut) กุ้งที่ติดเชื้อเมื่อเริ่มแสดงอาการจะตายถึง 90% ภายใน 24-28 ชั่วโมง • แนวทางการป้ องกันเชื้อ VpHLVD ในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 1) ใช้พ่อแม่พันธุ์ ลูกพันธุ์กุ้ง และอาหารมีชีวิตหรืออาหารสด ที่ทราบสถานะของโรค เช่น มีผลการตรวจเชื้อ มาจากแหล่งปลอดเชื้อ หรือ มีการตรวจเชื้อก่อนน าเข้า ฟาร์ม 2) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท าความ สะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 3) ควบคุมการให้อาหารไม่ให้มีอาหารเหลือ และใช้จุลินทรีย์ที่ดีในการควบคุมเชื้อ แบคทีเรียก่อโรคระหว่างเลี้ยง


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 9 4) ตรวจสอบปริมาณเชื้อแบคทีเรียในน ้าในบ่อเลี้ยงเป็ นระยะ เพื่อใช้เป็ นข้อมูลในการ ควบคุมปริมาณเชื้อแบคทีเรียกลุ่มวิบริโอให้อยู่ในเกณฑ์ก าหนดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อ สุขภาพกุ้ง 4.4) เชื้อแบคทีเรีย Vibrio harveyi ก่อโรคเรืองแสง • เชื้อ Vibrio harveyi เป็ นแบคทีเรียแกรมลบ ก่อให้เกิดโรคเรืองแสงท าให้กุ้งตายได้ทุก ระยะของการเจริญเติบโตตั้งแต่ ระยะนอเพลียสจนถึงระยะ PL • เชื้อ V. harveyi เจริญได้ดีในช่วงความเค็ม 10-40 พีพีที และเจริญได้น้อยลงที่ความ เค็มต ่ากว่า 10 จึงมักพบปัญหาในโรงเพาะและอนุบาลกุ้งทะเลซึ่งต้องใช้น ้าความเค็ม สูง • ปริมาณเชื้อที่ท าให้กุ้งตาย 50% โดยการแช่ ภายใน 48 ชั่วโมง (LC50) มีค่า 1.30 x 103 CFU/มิลลิลิตร • กุ้งติดเชื้อจะอ่อนแอ ว่ายน ้าช้าลง ตัวขาวขุ่น ตับซีด และตายในที่สุด มีรายงานความ เสียหายในการอนุบาลกุ้งกุลาด าในโรงอนุบาล • เชื้อ V. harveyi สามารถปนเปื้ อนในระบบการเพาะฟักได้ผ่านการใช้น ้าที่มีเชื้อโดยเฉพาะ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลในช่วงฤดูมรสุม ซึ่งคุณภาพน ้าไม่ดี และมีลมพัดแรงจากทะเลเข้าสู่ ชายฝั่ง • แนวทางการป้ องกันเชื้อ V. harveyi ในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 1) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท า ความสะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 2) ควบคุมการให้อาหารไม่ให้มีอาหารเหลือ และใช้จุลินทรีย์ในการควบคุมเชื้อ แบคทีเรียก่อโรคระหว่างเลี้ยง 3) ตรวจสอบเชื้อในน ้าในบ่อเลี้ยงเป็ นระยะ เพื่อใช้เป็ นข้อมูลในการควบคุมปริมาณ เชื้อแบคทีเรียกลุ่มวิบริโอให้อยู่ในเกณฑ์ก าหนดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกุ้ง 4.5) อาการผิดปกติในลูกก ุ้งระยะซูเอี้ย 2 (Zoea-II Syndrome) • Zoea II syndrome เป็ นอาการผิดปกติที่พบในลูกกุ้งขาวในโรงเพาะและอนุบาลในประเทศ ต่างๆ ได้แก่ อินเดีย เอกวาดอร์ เม็กซิโก และอินโดนีเซีย มีรายงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ต่อมาในปี ค.ศ. 2016 พบความเสียหายจากอาการดังกล่าวในโรงเพาะและอนุบาลกุ้ง ของอินเดีย โดยท าให้สูญเสียนอเพลียสถึง 100 ล้านต้ว (Kumar et al., 2017) • อาการที่พบคือลูกกุ้งไม่กินอาหาร มีพัฒนาการผิดปกติ ลอกครอบช้า และมีการตาย 30-100% ลูกกุ้งจะหยุดกินอาหารทันทีในช่วง 36-48 ชั่วโมง หลังพัฒนาเข้าระยะ ซูเอี้ย 1 หลังจากนั้นจะแสดงอาการป่ วยและตายในที่สุด โดยอาการที่พบคือ ลูกกุ้งไม่กิน อาหาร ล าไส้ว่าง ผนังล าไส้อักเสบ มีดวงหรือแถบสีขาวบริเวณล าไส้


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 10 • สาเหตุของเชื้อก่อโรคที่ท าให้เกิด Zoea II Syndrome ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด แต่มี รายงานว่ากุ้งป่ วยมีปริมาณเชื้อ Vibrio alginolyticus และ V. harveyi ระดับสูง (Kumar et al., 2017) ซึ่งอาจเป็ นสาเหตุท าให้กุ้งเกิดอาการผิดปกติ • แนวทางการป้ องกัน เช่นเดียวกับเชื้อแบคทีเรียบทั่วไป คือการควบคุมปริมาณของเชื้อ แบคทีเรียก่อโรค โดย o ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท า ความสะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 o ควบคุมการให้อาหารไม่ให้มีอาหารเหลือ และใช้จุลินทรีย์ในการควบคุมเชื้อ แบคทีเรียก่อโรคระหว่างเลี้ยง o ตรวจสอบเชื้อในน ้าในบ่อเลี้ยงเป็ นระยะ เพื่อใช้เป็ นข้อมูลในการควบคุมปริมาณเชื้อ แบคทีเรียกลุ่มวิบริโอให้อยู่ในเกณฑ์ก าหนดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกุ้ง 4.6) เชื้อก่อโรคตัวแดงดวงขาว (White Spot Syndrome Virus; WSSV) • เชื้อ White Spot Syndrome Virus (WSSV) ก่อให้เกิดโรคตัวแดงดวงขาวหรือโรคจุดขาว (White Spot Disease: WSD) เป็ นโรคที่มีความรุนแรงสูง อัตราการตายสูงถึง 100% ใน ฟาร์มเลี้ยง แต่ในโรงเพาะฟักและอนุบาล กุ้งที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการที่ชัดเจน แต่สามารถ เป็ นพาหะน าเชื้อไปยังฟาร์มเลี้ยงได้ • เชื้อ WSSV พบได้ในกุ้งทุกระยะตั้งแต่พ่อแม่พันธุ์ ไข่ นอเพลียส และ PL สามารถแพร่ กระจายเชื้อทางตรง (vertical transmission) จากแม่พันธุ์ไปสู่ลูกพันธุ์กุ้ง รูปแบบการ แพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นภายในไข่ (intra ovum) การล้างไข่จึงไม่สามารถก าจัดเชื้อได้ (Motte et al., 2003) เมื่อพบการติดเชื้อในแม่พันธุ์จึงไม่ควรใช้ผลิตลูกพันธุ์กุ้ง และ สามารถแพร่กระจายเชื้อทางอ้อม (horizontal transmission) ผ่านทางน ้าที่มีการปนเปื้ อน และการกินกันเองของกุ้ง • เชื้อ WSSV มีสัตว์พาหะน าเชื้อหลากหลายชนิด เช่น กุ้ง ปู แมลง อาหารมีชีวิต เช่น เพรียง อาร์ทีเมีย โคพีพอด และมีสัตว์น าโรคได้แก่ นก สุนัข และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ รวมถึง คน • แนวทางการป้ องกันเชื้อ WSSV ในโรงเพาะฟักและอนุบาล 1) ใช้พ่อแม่พันธุ์ ลูกพันธุ์กุ้ง และอาหารมีชีวิตหรืออาหารสด ที่ทราบสถานะของโรค เช่น มีผลการตรวจเชื้อ มาจากแหล่งปลอดเชื้อ หรือ มีการตรวจเชื้อก่อนน าเข้า ฟาร์ม 2) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท าความ สะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 3) ในโรงอนุบาล เลี้ยงลูกกุ้งที่อุณหภูมิน ้า 32 องศาเซลเซียส ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วัน ช่วยลดการติดเชื้อ WSSV ในลูกกุ้งได้ (Wongmaneeprateep et al., 2010)


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 11 4.7) เชื้อไวรัส Infectious Hypodermal and Hematopoietic Necrosis Virus (IHHNV) ก่อ โรคตัวพิการหรือแคระแกร็น (Runt Deformity/Slow Growth) • เชื้อ Infectious Hypodermal and Hematopoietic Necrosis Virus (IHHNV) เป็ นสาเหตุของ โรคตัวพิการหรืออาการกรีคดงอผิดปกติในกุ้งขาวแวนนาไม ส าหรับในกุ้งกุลาด าท าให้ กุ้งแคระแกร็นและโตช้า • เชื้อ IHHNV สามารถแพร่กระจายเชื้อทางตรงจากแม่พันธุ์ไปสู่ลูกพันธุ์กุ้งได้ รูปแบบการ แพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นภายในไข่ (intra ovum) ลักษณะเดียวกับเชื้อ WSSV การล้างไข่จึง ไม่สามารถก าจัดเชื้อได้ กรณีติดเชื้อ IHHNV ระดับสูงจะส่งผลให้ตัวอ่อนไม่มีการพัฒนา หรือไม่ฟักเป็ นตัว เมื่อพบการติดเชื้อในแม่พันธุ์จึงไม่ควรน ามาใช้ผลิตลูกกุ้ง ส าหรับ สเปิ ร์มของพ่อพันธุ์กุ้งไม่มีรายงานการถ่ายทอดเชื้อ IHHNV ไปยังลูกกุ้ง (Motte et al., 2003) และสามารถแพร่กระจายเชื้อทางอ้อมโดยผ่านน ้าที่มีการปนเปื้ อนเชื้อ และการ กินกันเองของกุ้ง • ในประเทศไทยยังมีการตรวจพบเชื้อ IHHNV ในลูกกุ้งกลาด าจากโรงอนุบาล แต่ไม่พบใน ลูกกุ้งขาว และปัจจุบันไม่ได้ส่งผลให้กุ้งมีอาการตัวพิการ แคระแกร็น และโตช้า อาการ ของโรคดังกล่าวจะพบในกุ้งที่มีการติดเชื้ออื่นร่วมด้วย • แนวทางการป้ องกันเชื้อ IHHNV ในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 1) ใช้พ่อแม่พันธุ์ ลูกพันธุ์กุ้ง และอาหารมีชีวิตหรืออาหารสด ที่ทราบสถานะของโรค เช่น มีผลการตรวจเชื้อ มาจากแหล่งปลอดเชื้อ หรือ มีการตรวจเชื้อก่อนน าเข้า ฟาร์ม 2) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท าความ สะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 4.8) เชื้อ Yellow Head Virus (YHV) ก่อโรคหัวเหลือง (Yellow Head Disease: YHD) • เชื้อ Yellow Head Virus (YHV) ก่อให้เกิดโรคหัวเหลือง (Yellow Head Disease: YHD) เป็ น โรคที่มีความรุนแรงสูง อัตราการตายสูงถึง 100% ในฟาร์มเลี้ยง แต่ในโรงเพาะฟักและ อนุบาล กุ้งที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการที่ชัดเจน แต่สามารถเป็ นพาหะน าเชื้อไปยังฟาร์มเลี้ยง ได้ • กุ้งสามารถติดเชื้อ YHV จากแม่พันธุ์สู่ลูกพันธุ์ การติดเชื้อเป็ นรูปแบบ per-ovum เชื้ออยู่ บริเวณผิวของไข่ การล้างไข่กุ้งและนอเพลียสจึงช่วยลดเชื้อได้ และสามารถติดเชื้อ ทางอ้อมผ่านการกินกันเอง และผ่านน ้าที่มีเชื้อปนเปื้ อน โดยการกินกันเองมักท าให้เชื้อ แพร่ระบาดได้เร็วกว่าการติดเชื้อผ่านทางน ้า (Hamano et al., 2015) • เชื้อ YHV มีชีวิตในน ้าได้นาน 72 ชั่วโมงในห้องปฏิบัติการ และสามารถถูกท าลายได้ด้วย คลอรีน 30 พีพีเอ็ม (WOAH, 2023b)


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 12 • มีความรุนแรงสูงในพื้นที่ความเค็มต ่า พบการติดเชื้อได้ทั้งกุ้งขาวแวนนาไมและกุ้งกุลาด า ได้ทุกช่วงอายุของการเลี้ยง • ในพื้นที่น ้าจืดมีสัตว์พาหะที่สามารถน าเชื้อหัวเหลืองได้คือ ปูนา กุ้งฝอย กุ้งก้ามกราม แมลงน ้า หอย พาหะเหล่านี้ถ้าหลุดรอดเข้ามาในระบบการเลี้ยง สามารถท าให้กุ้งขาว หรือกุ้งกุลาด าเกิดการติดเชื้อและป่ วยตายได้ • สัตว์น าโรค ได้แก่สัตว์เลี้ยงในฟาร์ม เช่น สุนัข แมว และสัตว์กลุ่มของนก หนู • ก่อนแสดงอาการป่ วยกุ้งมีพฤติกรรมการกินอาหารมากผิดปกติ โดยกุ้งป่ วยแสดง อาการอ่อนแรง ว่ายน ้าบริเวณขอบบ่อ ล าตัวซีด ส่วนหัวมีลักษณะซีดเหลือง เนื่องจากสี ของเหงือกที่ซีดลงและสีของตับและตับอ่อนที่เปลี่ยนจากสีน ้าตาลเป็ นสีเหลือง การตาย เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังกุ้งเริ่มแสดงอาการป่ วย โดยพบอัตราการตายอยู่ในช่วง 60- 70% ในสองวันแรกและอาจเพิ่มเป็ น 100% ในช่วง 3-9 วัน • แนวทางการป้ องกันเชื้อ YHV ในโรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล 1) ใช้พ่อแม่พันธุ์ ลูกพันธุ์กุ้ง และอาหารมีชีวิตหรืออาหารสด ที่ทราบสถานะของโรค เช่น มีผลการตรวจเชื้อ มาจากแหล่งปลอดเชื้อ หรือ มีการตรวจเชื้อก่อนน าเข้าฟาร์ม 2) ใช้วิธีการล้างไข่กุ้งและนอเพลียสเพื่อลดเชื้อ ตามวิธีการในภาคผนวก 3 3) ใช้ บ่อ/ถังเลี้ยงกุ้ง และอุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อและล้างท า ความสะอาดบ่อ/ถัง และอุปกรณ์ต่างๆ ตามวิธีการในภาคผนวก 2 และ 3 5. การพัฒนาระบบไบโอซีเคียวริตี้ในโรงเพาะฟักและอนุบาลก ุ้งทะเล ไบโอซีเคียวริตี้เป็ นมาตรการการจัดการที่น ามาใช้ปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อ ก่อโรคเข้าฟาร์ม ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อภายในฟาร์ม และลดความเสี่ยงการปล่อยเชื้อ ออกนอกฟาร์ม (WOAH, 2023a) วัตถุประสงค์เพื่อป้ องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก โรคระบาด ในห่วงโซ่การผลิตกุ้ง โรงเพาะฟักและโรงอนุบาล ซึ่งผลิตลูกพันธุ์กุ้งส่งต่อให้ฟาร์มเลี้ยงที่ ถือเป็ นต้นสายการผลิต หากมีการปนเปื้ อนเชื้อก่อโรค จะมีโอกาสส่งผ่านเชื้อต่อไปยังฟาร์มเลี้ยงได้ การพัฒนาระบบไบโอซีเคียวริตี้ของโรงเพาะฟักและอนุบาลที่มีประสิทธิภาพจึงมีความส าคัญ โดย เริ่มต้นจากการระบุจุดวิกฤติซึ่งเป็ นแหล่งของความเสี่ยง การวิเคราะห์ช่องทางหรือการปฏิบัติงานที่ น าเชื้อก่อโรคเข้าฟาร์ม แพร่กระจายในฟาร์ม และแพร่เชื้อออกนอกฟาร์ม หลังจากนั้นก าหนด มาตรการในการจัดการความเสี่ยงด้วยแนวทางที่ด าเนินการแล้วมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบย้อนกลับ ได้ การน าระบบไบโอซีเคียวริตี้มาใช้กับโรงเพาะฟักและโรงอนุบาลเป็ นการเพิ่มมาตรการเพื่อป้ องกัน ความผิดพลาดทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ในรูปแบบการน าเข้าเชื้อก่อโรคจากภายนอกเข้าสู่ภายในฟาร์ม การท าให้เชื้อก่อโรคแพร่กระจายในฟาร์มและการท าให้เชื้อก่อโรคหลุดรอดออกจากฟาร์ม ฟาร์ม สามารถศึกษาหลักการของระบบและน าไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับฟาร์มของตนเอง เพื่อลดความ เสี่ยงในการปนเปื้ อนเชื้อและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไบโอซีเคียวริตี้


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 13 การระบุจุดเสี่ยง วัตถ ุประสงค์และแนวทางปฏิบัติในการลดความเสี่ยง 5.1) ที่ตั้งฟาร์ม สภาพแวดล้อม และการจัดสรรพื้นที่ ที่ตั้งฟาร์มและสภาพแวดล้อม จุดเสี่ยง: 1)ฟาร์มตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีฟาร์มหรือชุมชนหนาแน่น 2) ตั้งอยู่ในพื้นที่น ้าไม่เพียงพอ หรือคุณภาพน ้าไม่เหมาะสมในบางช่วงเวลา วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการรับเชื้อจากสิ่งแวดล้อม และการขาด แคลนแหล่งน ้าใช้ แนวทางปฏิบัติ: กรณีฟาร์มใหม่ • หลีกเลี่ยงการตั้งฟาร์มในพื้นที่ที่มีฟาร์มกุ้งหนาแน่น • หลีกเลี่ยงการตั้งฟาร์มในที่ห่างไกลแหล่งน ้าหรือแหล่งที่คุณภาพน ้าไม่เหมาะสม กรณีฟาร์มเก่า • ควรมีระบบป้ องกันผลกระทบจากการใช้น ้าที่อาจปนเปื้ อนเชื้อโรคกุ้ง สารอินทรีย์ ใน พื้นที่ที่มีการเลี้ยงกุ้งหนาแน่น • ควรมีระบบการจัดการและส ารองน ้าใช้ที่มีประสิทธิภาพ การจัดสรรพื้นที่ฟาร์ม จุดเสี่ยง: ฟาร์มมีข้อจ ากัดของพื้นที่ ไม่สามารถแยกพื้นที่การด าเนินกิจกรรมที่ชัดเจนได้ท า ให้มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้ อนเชื้อข้ามในกระบวนการผลิตลูกกุ้ง วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของปนเปื้ อนหรือแพร่กระจายเชื้อข้ามพื้นที่ แนวทางปฏิบัติ: • มีแผนผังฟาร์มแสดงพื้นที่การใช้งานแต่ละกิจกรรมแยกกันอย่างชัดเจน • ก าหนดเขตพื้นที่ตามกิจกรรมภายในฟาร์ม เช่น พื้นที่ส านักงาน ที่พักอาศัย พื้นที่จอด รถ พื้นที่เลี้ยงกุ้ง พื้นที่เตรียมอาหาร พื้นที่เก็บอาหารและปัจจัยการผลิต พื้นที่บรรจุ กุ้ง (แพ็คกุ้ง) เป็ นต้น • ก าหนดระดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ เพื่อด าเนินมาตรการจัดการไบโอซีเคียวริตี้ ที่ เหมาะสม เช่น พื้นที่ใช้มาตรการระดับสูงหรือมาตรการเข้มข้น ได้แก่ โรงเรือนพ่อแม่ พันธุ์ โรงเรือนอนุบาล พื้นที่แพ็คกุ้ง พื้นที่บ่อและระบบการเตรียมน ้า บ่อบ าบัดน ้าทิ้ง สถานที่เก็บปัจจัยการผลิต พื้นที่ก าจัดซากกุ้ง พื้นที่ใช้มาตรการระดับต ่าลงมา ได้แก่ ส านักงาน ที่พักอาศัย เป็ นต้น • มีแนวรั้วและประตูที่ป้ องกันบุคคลภายนอกหรือสัตว์อื่นเข้ามาภายในฟาร์ม มีเวลาการ เปิ ด-ปิ ด และมีการควบคุมให้เฉพาะผู้ที่ได้รับการอนุญาตเข้าฟาร์ม


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 14 5.2) โรงเรือน โรงกักกัน บ่อพ่อแม่พันธ ุ์ บ่ออนุบาล โรงเรือน จุดเสี่ยง: พื้นที่เพาะฟักหรืออนุบาลไม่ได้เป็ นโรงเรือนปิ ด มีทางเข้าออกหลายทาง วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อจากภายนอก เช่น บุคคล ละอองน ้าในอากาศ สัตว์พาหะ แนวทางปฏิบัติ: • โรงเรือนท าจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน สามารถกันละอองน ้าและฝนได้ มีการซ่อมบ ารุง อย่างต่อเนื่อง • พื้นโรงเรือนต้องสะอาด แห้ง ไม่มีน ้าขัง • มีการฆ่าเชื้อโรงเรือนอย่างเหมาะสมและสม ่าเสมอ (ตามภาคผนวก 2 และ 3) • ประตูต้องสามารถปิ ดสนิทได้และมีการควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด โรงกักกัน จุดเสี่ยง: การใช้โรงกักกันร่วมกับฟาร์มอื่น วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อจากการน าพ่อแม่พันธุ์เข้ามา ใช้ภายในฟาร์ม แนวทางปฏิบัติ: • ใช้โรงกักกันพ่อแม่พันธุ์ที่ได้การรับรองมาตรฐาน กรณีใช้โรงกักกันของฟาร์มอื่นควร ทราบประวัติการใช้งานและมั่นใจว่าโรงกักกันยังอยู่ภายใต้การรับรองมาตรฐาน o โรงกักกันต้องเป็ นโรงเรือนแยกออกจากพื้นที่อื่น มีทางเข้าและออกทางเดียวที่แยก ออกจากทางเข้าออกปกติ ต้องปิ ดประตูให้สนิท และมีการควบคุมการเข้าออก อย่างเข้มงวด o มีบ่อฆ่าเชื้อน ้าทิ้งแยกจากโรงเรือนอื่น o พื้นโรงเรือนต้องสะอาด แห้ง ไม่มีน ้าขัง o มีการฆ่าเชื้อโรงเรือนอย่างเหมาะสมและสม ่าเสมอ (ตามภาคผนวก 2 และ 3) บ่อพ่อแม่พันธุ์ บ่ออนุบาล จุดสี่ยง: บ่อมีอายุการใช้งานนาน มีโอกาสเกิดการฝังตัวของเชื้อก่อโรค วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อสู่รุ่นถัดไปเนื่องจากเชื้อที่ ตกค้างภายในบ่อ แนวทางปฏิบัติ: • สร้างบ่อที่มีความแข็งแรง ทนต่อการผุกร่อน แตกร้าวหรือฉีกขาด • พื้นผิวจะต้องมีลักษณะเรียบ ท าความสะอาดง่าย • มีการส ารวจบ ารุงรักษา ซ่อมแซม ทาสีบ่อ อย่างสม ่าเสมอ • มีการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสมและสม ่าเสมอ (ตามภาคผนวก 2 และ 3)


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 15 5.3) พ่อแม่พันธ ุ์/ลูกพันธ ุ์ก ุ้งทะเล จุดเสี่ยง: โรงเพาะฟักใช้พ่อแม่พันธุ์ที่ไม่ทราบสถานะของโรค เช่นพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติ หรือบ่อดิน หรือ โรงอนุบาลใช้นอเพลียสจากฟาร์มที่ไม่ทราบสถานนะของโรค เช่นฟาร์มที่ ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อจากภายนอกผ่านการ เคลื่อนย้ายกุ้งทะเลมีชีวิตเข้าสู่ระบบการเลี้ยง แนวทางปฏิบัติ: • พ่อแม่พันธุ์หรือลูกพันธุ์ระยะนอเพลียสที่มีการน าเข้าฟาร์มต้องทราบสถานะของโรค ต้องมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีผลการตรวจโรค/เอกสารรับรองสถานภาพปลอดโรค ทุกครั้งก่อนน าเข้าฟาร์ม รวมถึงเอกสารแสดงถึงแหล่งที่มา • ไม่ควรใช้พ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติเนื่องจากมีความเสี่ยงของการน าเชื้อก่อโรค กรณี จ าเป็ นต้องใช้ควรมีการกักกันอย่างน้อย 30 วัน และตรวจเชื้อก่อโรคด้วยเทคนิคพีซีอาร์ และใช้กุ้งปลอดเชื้อในการเพาะพันธุ์ ไม่น านอเพลียสที่ได้จากพ่อแม่พันธุ์ที่ไม่ทราบสถานะ ของโรคเข้าสู่ระบบการเลี้ยง • พ่อแม่พันธุ์ควรแยกบ่อตามชุดที่น าเข้ามาใช้ เพื่อให้สามารถจัดการในกรณีพบการติด เชื้อในกุ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ • ลูกพันธุ์ระยะนอเพลียสส าหรับผลิตกุ้งระยะ PL ในแต่ละรุ่นที่น าเข้าสู่ฟาร์มควรแยกบ่อ ไม่ปะปนกัน เพื่อป้ องกันการปนเปื้ อนข้ามของเชื้อระหว่างชุด • มีการสุ่มเก็บตัวอย่างพ่อแม่พันธุ์ และลูกกุ้งระยะ PL เพื่อตรวจหาเชื้อก่อโรคที่ส าคัญ อย่างสม ่าเสมอ • ควรมีเอกสารรับรองผลการตรวจโรค/รับรองชุดการผลิต และ เอกสารก ากับการซื้อ ขาย (Aquatic Animal Fry Purchasing Document: AFPD) ลูกกุ้งระยะนอเพลียสหรือระยะ PL ที่จ าหน่ายให้แก่ผู้ซื้อ กรณีเกิดโรคระบาด หรือมีการตายผิดปกติ o ให้ผู้ปฏิบัติงานที่รับผิดชอบดูแลกิจกรรมแจ้งหัวหน้าหรือผู้ควบคุมทราบโดยทันที o ไม่เคลื่อนย้ายกุ้งและปล่อยน ้าออกนอกฟาร์ม o กรณีจ าเป็ นต้องเคลื่อนย้ายกุ้งเพื่อการท าลายหรือฆ่าเชื้อ ต้องใช้ภาชนะที่แข็งแรง มิดชิดไม่ให้เกิดการปนเปื้ อนไปยังพื้นที่อื่นในระหว่างการปฏิบัติงาน น ้าที่ใช้ต้องมี การฆ่าเชื้อก่อนทิ้ง (ภาคผนวก 10) o เก็บตัวอย่างกุ้งป่ วยส่งตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของโรค โดยต้องเก็บตัวอย่าง ในถุงพลาสติกสะอาด ปิ ดปากถุงให้สนิท มีการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ใช้เก็บตัวอย่างหลัง การใช้งาน


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 16 o กรณีพบว่าเป็ นโรคระบาดตามรายชื่อที่ระบุตามประกาศกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เรื่อง ก าหนดโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ (2563) (ภาคผนวก 9) หรือฉบับล่าสุด ให้แจ้งหน่วยงานกรมประมงในพื้นที่ o ให้ท าลายซากกุ้งในบ่อที่ติดเชื้ออย่างถูกวิธีตามประกาศกรมปศุสัตว์ เรื่อง ก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการท าลายสัตว์ที่เป็ นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็ น โรคระบาด หรือสัตว์ หรือซากสัตว์ที่เป็ นพาหะของโรคระบาด (2563) (ภาคผนวก 10) หรือฉบับล่าสุด 5.4) สัตว์พาหะ/สัตว์น าเชื้อ จุดเสี่ยง: มีการน าสัตว์พาหะเข้าฟาร์มหรือระบบการก าจัดพาหะจากแหล่งน ้าใช้ไม่มี ประสิทธิภาพดีพอ หรือ มีสัตว์น าเชื้อที่หลุดลอดเข้ามาบริเวณพื้นที่เลี้ยง วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อเข้าสู่ฟาร์มหรือแพร่กระจาย ในฟาร์ม โดยสัตว์พาหะหรือสัตว์น าเชื้อ เช่น นก หนู สุนัข แมว และสัตว์ประเภทแมลง แนวทางปฏิบัติ: • ฟาร์มควรมีแผนปฏิบัติการป้ องกันและก าจัดสัตว์พาหะบริเวณพื้นที่เลี้ยงกุ้งที่มี ประสิทธิภาพ มีการน ามาใช้ปฏิบัติเป็ นประจ า มีการประเมินประสิทธิภาพพร้อมบันทึก การด าเนินการ เช่น o วางกับดักและเหยื่อล่อหนูตลอดระยะเวลาที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น ้า ท าการ ตรวจสอบกับดักและบันทึกผลการตรวจสอบไว้ในรายงานการปฏิบัติงานอย่าง สม ่าเสมอ o ส ารวจและปิ ดช่องทางที่นกสามารถเข้าสู่โรงเรือนได้ เช่น การใช้ตาข่ายปิ ดช่อง ทางเข้าออก การปิ ดประตูเพื่อป้ องกันไม่ให้นกเข้า-ออกได้ o ตรวจสอบและซ่อมแซมโรงเรือน อาคาร และห้องเก็บอาหารและปัจจัยการผลิต ให้ อยู่ในสภาพที่ดีสามารถป้ องกันสัตว์พาหะหรือสัตว์น าโรคได้ • ฟาร์มควรมีรั้ว ประตู ตาข่าย ที่ป้ องกันสัตว์พาหะหรือสัตว์น าโรคเข้ามาภายในฟาร์ม • ท าความสะอาดพื้นที่ฟาร์มเพื่อไม่ให้เป็ นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์พาหะ เช่น บริเวณรอบ โรงเรือน ควรสะอาด ไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่หรือพุ่มไม้โดยรอบ • ตรวจสอบและก าจัดแหล่งเพาะพันธุ์แมลงบริเวณโดยรอบพื้นที่ฟาร์ม เช่น แหล่งน ้าขัง มูลสัตว์ กองขยะ กองปุ๋ ย เป็ นต้น 5.5) บุคคล (บุคลากรฟาร์มและบุคคลภายนอก) จุดเสี่ยง: 1) ไม่มีการแยกผู้ปฏิบัติงานระหว่างกิจกรรมหรือระหว่างพื้นที่ 2) ผู้ปฏิบัติงานไม่ ทราบแนวทางการด าเนินการเมื่อพบการปนเปื้ อนเชื้อหรือเกิดโรคในฟาร์ม


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 17 วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม การแพร่กระจายเชื้อภายในฟาร์ม และการปล่อยเชื้อแพร่ออกนอกฟาร์ม ผ่านบุคคล แนวทางปฏิบัติ: • ควบคุมการเข้าออกฟาร์ม เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม และการเข้าพื้นที่ของผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฟาร์ม o มีรั้วรอบหรือก าหนดขอบเขตโดยวิธีอื่นที่สามารถป้ องกันบุคคลทั่วไปเข้าฟาร์มได้ เช่น รั้วคอนกรีต รั้วเหล็ก รั้วต้นไม้ คูน ้า เป็ นต้น o ประตูฟาร์มจะต้องปิ ดตลอดเวลา สามารถป้ องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้ามาภายใน ฟาร์มได้ o มีการคัดกรองให้เฉพาะผู้ที่ได้รับการอนุญาตเข้าฟาร์มเท่านั้น และจะต้องลงบันทึกใน แบบบันทึกการเข้าออกฟาร์ม บุคลากรฟาร์ม • ฟาร์มควรมีผู้จัดการที่ได้รับมอบหมายให้ก ากับดูแลไบโอซีเคียวริตี้ของฟาร์ม โดยต้องมี ความเข้าใจถึงแผนไบโอซีเคียวริตี้ของฟาร์มและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองในแผน ความปลอดภัย • บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานของฟาร์มต้องปฏิบัติตามหลักไบโอซีเคียวริตี้ของฟาร์มอย่าง เคร่งครัด o มีการท าความสะอาดร่างกายหรือเปลี่ยนชุด หรือมีการใช้รองเท้าที่ฟาร์มจัดเตรียม ไว้ก่อนเข้าสู่พื้นที่เพาะเลี้ยง o เมื่อเข้าสู่พื้นที่เลี้ยงมีการฆ่าเชื้อมือและเท้า (ตามภาคผนวก 3) ก่อนเข้าและออกจาก โรงเรือนหรือพื้นที่เลี้ยง o ฟาร์มมีการท าความสะอาดฆ่าเชื้อเสื้อผ้าและรองเท้าหลังการใช้งานก่อนน ากลับไป ใช้อีกครั้ง • ฝึ กอบรมผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจถึงความรับผิดชอบด้านไบ โอซีเคียวริตี้และมีความรู้ความเข้าใจด้านโรคกุ้งขั้นพื้นฐานในการปฏิบัติงาน o ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้งทุกระดับภายในฟาร์มต้องได้รับการอบรม ความรู้ทางด้านโรคและความรู้ด้านระบบไบโอซีเคียวริตี้เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ ทางด้านโรคขั้นพื้นฐานในการปฏิบัติงาน o มีแผนการฝึ กอบรมไบโอซีเคียวริตี้ให้ผู้ปฏิบัติงานทุกราย และมีขั้นตอนและแผนการ อบรมส าหรับผู้ปฏิบัติงานรายใหม่ที่ชัดเจนก่อนการเริ่มปฏิบัติงาน o มีแผนการประชุมทบทวนผลการปฏิบัติงานตามไบโอซีเคียวริตี้ของฟาร์ม เพื่อ ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต อย่างน้อยปี ละ 1 ครั้ง o ผู้ปฏิบัติงานต้องตระหนักถึงความส าคัญของมาตรการที่เกี่ยวกับการป้ องกันโรค การตรวจพบโรค ความผิดปกติในระยะแรก และการรายงานความผิดปกติ กุ้งป่ วย


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 18 หรือตาย ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสัตว์น ้า โดยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กรมประมงในพื้นที่ ที่ฟาร์มตั้งอยู่ o ผู้ปฏิบัติงานควรทราบว่าต้องด าเนินการอย่างไรเมื่อพบการติดเชื้อหรือเกิด เหตุการณ์โรคระบาด • ผู้ปฏิบัติงานไม่ควรน าวัตถุดิบอาหารทะเลกลุ่มครัสตาเชี่ยน (กุ้ง กั้ง ปู) ในสภาพมีชีวิต สด แช่เย็นหรือแช่แข็ง เข้ามาภายในฟาร์ม • ผู้ปฏิบัติงานของฟาร์มที่ไปฟาร์มอื่นหรือพื้นที่อื่นที่เสี่ยงต่อการปนเปื้ อนเชื้อ ควรงดเว้น การเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เลี้ยงกุ้งอื่นเป็ นระยะเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง กรณีจ าเป็ นต้อง เข้าพื้นที่ควรอาบน ้า ท าความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเข้าพื้นที่เลี้ยงกุ้ง บุคคลภายนอก • ฟาร์มมีแนวปฏิบัติในการเยี่ยมชมฟาร์มและมีแนวทางในการแจ้งผู้ปฏิบัติงานในฟาร์มและ ผู้เยี่ยมชมทราบแนวปฏิบัติ • การเยี่ยมชมฟาร์ม ต้องก าหนดเส้นทางการเยี่ยมชมอย่างเป็ นระบบตามระดับการ ควบคุมความเสี่ยง จากพื้นที่ควบคุมความเสี่ยงระดับสูงสุด เช่น โรงเรือนพ่อแม่พันธุ์ โรงเรือนลูกพันธุ์ ไปยังพื้นที่ควบคุมความเสี่ยงระดับต ่ากว่า เช่น พื้นที่เก็บปัจจัยการผลิต พื้นที่แพ็คกุ้ง และส่วนอื่น ๆ ตามล าดับ • ผู้เยี่ยมชมต้องปฏิบัติตามข้อก าหนดอื่นๆ ของฟาร์มในการเยี่ยมชมฟาร์มโดยเคร่งครัด เช่น ห้ามสัมผัสตัวกุ้ง น ้า และอุปกรณ์ ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่ก าหนด กรณีเกิดโรคระบาด หรือมีการตายผิดปกติ o ต้องยกระดับความเข้มงวดของการใช้ไบโอซีเคียวริตี้ส่วนบุคคล เช่น สวมชุดเสื้อผ้า และถุงมือ ที่ใช้แล้วทิ้ง สวมร้องเท้าชนิดที่ท าความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ กรณีเครื่อง แต่งกายชนิดน ากลับมาใช้ใหม่เมื่อใช้แล้วจะต้องเก็บไว้ในถุงที่ปิ ดสนิท พ่นหรือจุ่ม น ้ายาฆ่าเชื้อก่อนจะน าไปไว้บนยานพาหนะส่วนสกปรกที่ใช้เก็บสิ่งของที่มีการปนเปื้ อน เพื่อน าไปท าลายเชื้อด้วยวิธีที่เหมาะสมต่อไป o ระงับไม่ให้บุคคลภายนอก/บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในส่วนที่เกิดโรคระบาด 5.6) ยานพาหนะ จุดเสี่ยง: 1)การปนเปื้ อนเชื้อของยานพาหนะของฟาร์มที่ใช้ในการขนส่งล าเลียงลูกพันธุ์กุ้ง 2) การปนเปื้ อนเชื้อของยานพาหนะที่มาจากภายนอกฟาร์ม วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม แพร่กระจายในฟาร์ม และแพร่ออกจากฟาร์มผ่านยานพาหนะ แนวทางปฏิบัติ: • เมื่อมีการน ายานพาหนะทุกประเภทเข้า-ออกจากฟาร์มต้องมีการฆ่าเชื้อก่อนบริเวณ พื้นที่ประตูทางเข้า


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 19 • ก าหนดให้มีพื้นที่เฉพาะส าหรับจอดยานพาหนะภายนอกและยานพาหนะบุคลากรใน ฟาร์มที่ห่างจากพื้นที่เพาะเลี้ยง • ยานพาหนะที่ใช้ภายในฟาร์มไม่ควรน าออกไปใช้ภายนอก กรณีเกิดโรคระบาด หรือมีการตายผิดปกติ o ระงับการน ายานพาหนะภายนอกเข้าฟาร์ม o ไม่ควรน ายานพาหนะภายในฟาร์มเข้าพื้นที่เกิดโรคระบาด หรือน าออกไปใช้งานนอก ฟาร์ม o ฆ่าเชื้อยานพาหนะกรณีเสี่ยงต่อการปนเปื้ อนก่อนน าไปใช้งานตามปกติ 5.7) อ ุปกรณ์ จุดเสี่ยง: 1) การใช้อุปกรณ์ร่วมกันภายในฟาร์ม หรือระหว่างฟาร์ม 2) การฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อโรคแพร่กระจายภายในฟาร์ม หรือแพร่กระจายเข้า-ออกฟาร์ม ผ่านอุปกรณ์ แนวทางปฏิบัติ: • มีการแยกใช้งานอุปกรณ์เป็ นชุดเฉพาะพื้นที่หรือเฉพาะบ่อ • อุปกรณ์ต้องฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังจากใช้งาน (ตามภาคผนวก 3) • มีการจัดเก็บอุปกรณ์ที่ฆ่าเชื้อแล้วอย่างถูกสุขอนามัยในพื้นที่แห้งและสะอาด • กรณีที่ใช้อุปกรณ์จากพื้นที่อื่น หรือฟาร์มอื่นต้องได้รับการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องก่อน น ามาใช้งาน • การใช้สารฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต้องค านึงถึงชนิด ความเข้มข้น และระยะเวลา เพื่อการฆ่าเชื้อที่ มีประสิทธิภาพ กรณีเกิดโรคระบาด หรือมีการตายผิดปกติ o ระงับการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทุกชนิดออกจากพื้นที่การระบาด o ไม่น าอุปกรณ์ที่ใช้ในกรณีเกิดโรคระบาดมาใช้ปะปนกับอุปกรณ์ปกติ เว้นแต่ได้รับ การฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง (ตามภาคผนวก 3) 5.8) อาหารมีชีวิต อาหารสด อาหารส าเร็จรูป จุดเสี่ยง: 1) การใช้อาหารมีชีวิตที่ไม่ทราบสถานะของโรค 2) การใช้อาหารสดที่ปนเปื้ อนเชื้อ 3) การใช้อาหารส าเร็จรูปที่เสื่อมคุณภาพ วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม จากอาหารแต่ละประเภท


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 20 แนวทางปฏิบัติ: • อาหารมีชีวิต/กรณีอาหารสด o อาหารมีชีวิตและอาหารสดจะต้องปลอดจากเชื้อก่อโรคระบาดที่ส าคัญ โดยควร น ามาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองการปลอดเชื้อ o อาหารมีชีวิตที่มีการผลิตใช้เองภายในฟาร์ม เช่น แพลงก์ตอนและอาร์ทีเมีย ต้องมี การควบคุมและลดความเสี่ยงของการปนเปื้ อนเชื้อก่อโรค o กรณีที่ใช้อาหารสดจากแหล่งธรรมชาติ ฟาร์มควรมีการฆ่าเชื้อก่อนน ามาใช้ o อาหารมีชีวิตควรมีการฆ่าเชื้อก่อนน ามาใช้ o มีการสุ่มตรวจโรคในอาหารมีชีวิตและอาหารสดที่ใช้อย่างสม ่าเสมอ o มีการเก็บรักษาอาหารสดในอุณหภูมิภาชนะและสถานที่เก็บที่เหมาะสม ไม่ปะปนกัน ในแต่ละชุด • กรณีอาหารส าเร็จรูป o เลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามกฎหมายควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ o ไม่ใช้อาหารที่หมดอายุ เสื่อมสภาพ หรือพบว่ามีการปนเปื้ อนเชื้อรา o อาหารกุ้งควรเก็บในภาชนะที่ปิ ดสนิท สามารถป้ องกันการเข้าถึงของสัตว์น าเชื้อ o อาหารกุ้งควรเก็บในบริเวณที่แห้ง มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีความชื้น o มีการท าความสะอาดบริเวณที่เก็บอาหารหรือบริเวณที่มีอาหารตกหล่นเป็ นประจ า โดยทันที เพื่อป้ องกันสัตว์พาหะหรือสัตว์น าโรค 5.9) ระบบน ้าและระบบการเติมอากาศ จุดเสี่ยง: 1) การปนเปื้ อนเชื้อในน ้าใช้เนื่องจากการเตรียมน ้ายังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือ ปริมาณน ้าไม่เพียงพอ 2) การสะสมของเชื้อโรคในระบบท่อให้อากาศ วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการน าเชื้อก่อโรคจากภายนอกเข้าสู่ ฟาร์ม จากแหล่งน ้า และอากาศที่อาจมีการปนเปื้ อนเชื้อก่อโรค แนวทางปฏิบัติ: • น ้าที่ใช้ภายในฟาร์มต้องผ่านการฆ่าเชื้อ o มีการลดเชื้อด้วยวิธีทางกายภาพ เช่น การกรอง ความร้อน การใช้รังสียูวี หรือ วิธีการอื่นที่เหมาะสม (ตามภาคผนวก 3) o มีการฆ่าเชื้อด้วยวิธีทางเคมี เช่น การใช้คลอรีน ปูนร้อน ไอโอดีน ด้วยความเข้มข้น และระยะเวลาที่เหมาะสม (ตามภาคผนวก 3) • มีการตรวจสอบคุณภาพน ้าและเชื้อก่อโรคในน ้าอย่างสม ่าเสมอก่อนน าน ้ามาใช้เลี้ยงกุ้ง • เครื่องปั๊มอากาศ ควรมีระบบกรองอากาศก่อนน าเข้าไปใช้ภายในฟาร์มและมีการท า ความสะอาดและเปลี่ยนใหม่อย่างสม ่าเสมอ


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 21 • ท าความสะอาดท่อส่งน ้า สายยางดูดน ้า ท่ออากาศ และสายยางให้อากาศ ภายในฟาร์ม อย่างสม ่าเสมอ พร้อมทั้งมีการตรวจสอบการปนเปื้ อนเชื้อก่อโรคภายในท่อน ้าและท่อ อากาศอย่างสม ่าเสมอทุกรอบการผลิต 5.10) ของเสีย (น ้าทิ้ง ซากสัตว์ขยะ และสิ่งปฏิกูล) จุดเสี่ยง: การปนเปื้ อนเชื้อในน ้าทิ้ง ซากกุ้ง ขยะ และ ของเสีย อื่นๆ ภายในฟาร์ม วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อย้อนกลับเข้ามาภายในฟาร์ม และป้ องกันการแพร่กระจายเชื้อจากฟาร์มไปยังสิ่งแวดล้อมและฟาร์มบริเวณใกล้เคียง แนวทางปฏิบัติ: • มีการแยกเส้นทางระบบถ่ายน ้าทิ้งออกจากระบบน ้าดีอย่างชัดเจน • ท่อน ้าทิ้งจะต้องปิ ดมิดชิด ลดโอกาสการรั่วซึมของน ้าระหว่างการถ่ายน ้า • การเคลื่อยย้ายซากกุ้งหรือกุ้งป่ วยไปท าลายต้องใช้ภาชนะที่ปิ ดมิดชิดป้ องกันการรั่วไหล ของน ้าและการตกหล่นของซากระหว่างขนย้ายได้ • มีวิธีการท าลายหรือฆ่าเชื้อซากกุ้งและเปลือกที่มีประสิทธิภาพ เช่น การฝังกลบให้มิดชิด และ การโรยปูนทับ (ภาคผนวก 10) • น ้าทิ้งต้องผ่านการบ าบัดก่อนทิ้ง เพื่อควบคุมให้คุณภาพน ้าอยู่ในระดับที่ไม่เกินเกณฑ์ ของคุณภาพน ้าทิ้งตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน ้าทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น ้ากร่อย (2550) (ภาคผนวก 8) หรือฉบับล่าสุด กรณีเกิดโรคระบาด หรือมีการตายผิดปกติ o น ้าทิ้งต้องผ่านการฆ่าเชื้อก่อนทิ้งด้วยคลอรีน หรือสารฆ่าเชื้ออื่นที่มีประสิทธิภาพ ในปริมาณและเวลาไม่น้อยกว่าก าหนด (ตามภาคผนวก 3) o กรณีใช้คลอรีนในการฆ่าเชื้อต้องบ าบัดน ้าทิ้งที่ผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อท าลายความเป็ น พิษของคลอรีนก่อนทิ้ง โดยใช้โซเดียมไทโอซัลเฟตมากกว่าคลอรีน 2.85 เท่าโดย น ้าหนัก แต่หากใช้ไอโอดีนในการฆ่าเชื้อให้ใช้โซเดียมไทโอซัลเฟตมากกว่าไอโอดีน 0.78 เท่าโดยน ้าหนัก 5.11) ป้ ายและสัญลักษณ์ จุดเสี่ยง: ไม่มีการติดป้ ายหรือสัญลักษณ์ ท าให้มีโอกาสผิดพลาดในการด าเนินการจัดการ การเลี้ยง ไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับกรณีเกิดโรคหรือเกิดปัญหาในฟาร์ม วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อใช้สื่อสารภายในฟาร์ม แจ้งเตือน ก ากับ และป้ องกันความ ผิดพลาดในการปฏิบัติงาน แนวทางการปฏิบัติ: • มีการจัดท าป้ ายหรือสัญลักษณ์


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 22 o ป้ ายก าหนดเขตพื้นที่ เช่น ส านักงาน สถานกักกัน โรงเรือน ห้องเก็บอาหาร o ป้ ายก ากับการปฏิบัติงาน เช่น ห้ามเข้า ล้างมือ จุ่มเท้า ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ o ป้ ายส าหรับการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน เช่น ชื่อผู้ดูแลและเบอร์โทร • ป้ ายต้องมีข้อความหรือสัญลักษณ์ที่ชัดเจน และติดตั้งในบริเวณที่สังเกตเห็นได้ง่าย 5.12) แผนฉ ุกเฉินในกรณีเกิดโรคระบาดและการเกิดเหต ุการณ์ไม่ปกติ จุดเสี่ยง: ฟาร์มไม่มีการจัดท าแผนฉุกเฉิน กรณีเกิดโรคระบาดท าให้ผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถ ด าเนินการจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานภายในฟาร์มมีความรู้และความ เข้าใจในการปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินเมื่อเกิดโรคระบาดเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อก่อโรค และลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ แนวทางปฏิบัติ: • มีแผนฉุกเฉินของฟาร์มโดยมีรายละเอียดการปฏิบัติงาน ในกรณีต่างๆ เช่น กรณีการ เกิดโรคระบาด กรณีเกิดภัยธรรมชาติ กรณีไฟฟ้ าดับ เป็ นต้น • บุคลากรฟาร์มหรือผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดของฟาร์มควรทราบขั้นตอนและเข้าใจถึงแผน ฉุกเฉินและสามารถปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ก าหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ • แผนฉุกเฉินของฟาร์มกรณีการเกิดโรคระบาดจ าเป็ นต้องยกระดับไบโอซีเคียวริตี้ให้ สูงขึ้นกว่าแผนการท างานปกติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายเป็ นวงกว้าง o ก าหนดผู้รับผิดชอบในส่วนงานของบุคลากรฟาร์ม และช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน และเป็ นปัจจุบัน o ก าหนดขั้นตอนการท างานที่ชัดเจน ควรมีการประชุมชี้แจงและซักซ้อมชี้แจง บุคลากรฟาร์ม o ระบุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องติดต่อประสานงานกรณีเกิดโรคระบาดพร้อมข้อมูล การติดต่อสื่อสารที่เป็ นปัจจุบัน • เก็บตัวอย่างและเก็บข้อมูล เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และพิจารณาปรับปรุงมาตรการ ป้ องกัน ควบคุม และการจัดการเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดซ ้าในอนาคต 5.13) คู่มือและการจดบันทึก จุดเสี่ยง: 1)ไม่มีคู่มือการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ไม่สามารถจัดการป้ องกันโรคตามหลักการ ไบโอซิเคียวริตี้ได้ 2) ไม่มีการบันทึกการปฏิบัติงานท าให้ไม่สามารถตรวจสอบย้อยกลับเพื่อ หาสาเหตุของการเกิดโรคได้กรณีเกิดโรคระบาด วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติ: เพื่อใช้เป็ นมาตรฐานในการปฏิบัติงานและการตรวจสอบ ย้อนกลับ เพื่ออธิบายถึงสาเหตุของการเกิดโรค


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 23 แนวทางการปฏิบัติ: • มีการจัดท าคู่มือการจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ “คู่มือไบโอซีเคียวริตี้” และ แบบบันทึกเพื่อใช้เป็ นแนวทางในการปฏิบัติงานของบุคลากรฟาร์ม เพื่อให้การ ด าเนินงานเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน • มีการทบทวนคู่มือและแบบบันทึกและปรับปรุงให้เป็ นปัจจุบัน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถ จัดการความเสี่ยงใหม่ ของการเกิดโรคกุ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ • มีการบันทึกข้อมูลเป็ นระบบเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อตรวจสอบปัญหา หรือปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่ o ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต เช่น แหล่งพ่อแม่พันธุ์ นอเพลียส และวันเดือนปีที่น าเข้า การเตรียมบ่อ การเตรียมน ้า การพัฒนาการของกุ้ง การจัดการการเลี้ยง การให้ อาหาร การตรวจสอบคุณภาพน ้าระหว่างเลี้ยง การประเมินการเจริญเติบโต การ ประเมินผลผลิต การจ าหน่ายพ่อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ o ข้อมูลด้านระบบไบโอซิเคียวริตี้เช่น ผลการตรวจเชื้อก่อโรค การประเมินสุขภาพพ่อ แม่พันธุ์และลูกพันธุ์กุ้ง การใช้ยาและสารเคมี การเคลื่อนย้ายกุ้งระหว่างเลี้ยง เป็ น สิ่งที่ช่วยในการเฝ้ าระวังการติดเชื้อโดยสามารถท านายแนวโน้มการติดเชื้อที่อาจ เกิดขึ้นได้หากผลการทดสอบใกล้ถึงจุดวิกฤต o บันทึกการจัดการฟาร์มในกรรีฉุกเฉิน (ถ้ามี) • ควรมีการเก็บบันทึกอย่างน้อย 3 ปี 6. การประเมินสถานะระบบไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลก ุ้งทะเล ไบโอซีเคียวริตี้มีขอบเขตครอบคลุม 3 ส่วน คือ 1) การป้ องกันเชื้อเข้าฟาร์ม (entry biosecurity) เป็ นการป้ องกันเชื้อที่อาจปนเปื้ อนมากับสิ่งที่น าเข้าสู่ฟาร์ม เช่น พ่อแม่พันธุ์ นอเพลียส สัตว์พาหะ น ้า อาหาร ยานพาหนะ ผู้เยี่ยมชมฟาร์มและบุคลากรฟาร์ม 2) การป้ องกันหรือลดความ เสี่ยงการระบาดของเชื้อภายในฟาร์ม (internal biosecurity) เป็ นการป้ องกันเชื้อที่อาจปนเปื้อนจาก พื้นที่หนึ่งของฟาร์มที่ติดเชื้อแล้วไปยังพื้นที่ที่ยังไม่มีการติดเชื้อ การปนเปื้ อนดังกล่าวอาจปนเปื้ อนมา กับสิ่งที่มีการใช้ร่วมกันภายในฟาร์มหรือกิจกรรมภายในฟาร์ม เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน บุคลากร ฟาร์ม การจัดการของเสียและซากกุ้ง 3) ป้ องกันการแพร่กระจายของเชื้อออกสู่ภายนอกฟาร์ม (exit biosecurity) เช่น น ้าทิ้ง ซากกุ้ง เปลือกกุ้ง ฟาร์มควรมีการประเมินความเสี่ยงโอกาสการแพร่กระจาย เชื้อก่อโรค โดยประเมินตามหัวข้อปัจจัยเสี่ยงซึ่งแตกต่างกันในแต่ละฟาร์ม เอกสารการประเมินตนเอง ด้านไบโอซีเคียวริตี้โดยใช้ “แบบประเมินสถานะระบบไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะและอนุบาลก ุ้ง ทะเล” (ภาคผนวก 1) จะช่วยให้ฟาร์มประเมินระบบไบโอซีเคียวริตี้ของฟาร์มตนเองได้ เมื่อทราบถึง สถานะของระบบไบโอซีเคียวริตี้ของฟาร์มตนเองแล้ว ฟาร์มสามารถน าข้อบกพร่องไปปรับปรุงแนว ปฏิบัติให้ครอบคลุมตามหลักการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการป้ องกันและควบคุมโรคต่อไป


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 24 ภาคผนวก 1 แบบประเมินสถานะระบบไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลก ุ้งทะเล ชื่อฟาร์ม…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ที่ตั้งฟาร์ม…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ชื่อผู้ประกอบการ…………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ชื่อผู้ประเมิน......................................................................................ต าแหน่ง......................................................... เลขทะเบียนฟาร์ม…………………………………………………………….เลขที่ จสค…………………………………………………………… เลขทะเบียนมาตรฐานฟาร์ม………………………………………………………………………………………………………………………….. คู่มือประจ าฟาร์ม มี ไม่มี คู่มือปฏิบัติงาน (SOP) การเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล (Production manual) มี ไม่มี คู่มือไบโอซีเคียวริตี้(Biosecurity manual) รายการ ผลการประเมิน ข้อมูลเพิ่มเติม 1. ที่ตั้งฟาร์ม สภาพแวดล้อม และการจัดสรรพื้นที่ 1.1) มีแผนผังฟาร์มแสดงพื้นที่การใช้งานแต่ละส่วนอย่าง ชัดเจน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 1.2) มีแนวรั้วและประตูที่ป้ องกันบุคคลภายนอกหรือสัตว์อื่น เข้ามาภายในฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 1.3) มีการก าหนดเขตพื้นที่ตามกิจกรรมภายในฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 1,4) ไม่อยู่ในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงกุ้งหนาแน่น ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 1.5) มีการก าหนดระดับความสี่ยงของพื้นที่ปฏิบัติงานภายใน ฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 1.6) อยู่ใกล้แหล่งน ้าทะเลที่สะอาด หรือมีระบบการทรีตน ้า เบื้องต้นในกรณีแหลังน ้ามีความเสี่ยง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 1.7) มีระบบส ารองน ้าที่เพียงพอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2. โรงกักกัน โรงเรือน บ่อพ่อแม่พันธ ุ์และบ่ออนุบาล โรงกักกัน 2.1) มีสถานกักกันของฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.2) ใช้สถานกักกันอื่นที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.3) โรงเรือนท าจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน สามารถกัน ละอองน ้าและฝนได้ มีการซ่อมบ ารุงอย่างต่อเนื่อง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.4) พื้นโรงเรือนสะอาด แห้ง ไม่มีน ้าขัง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.5) มีการฆ่าเชื้อโรงเรือนอย่างเหมาะสมและ สม ่าเสมอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.6) เป็ นโรงเรือนแยกออกจากพื้นที่อื่น และมีบ่อฆ่าเชื้อน ้าทิ้ง แยกจากโรงเรือนอื่น ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.7) มีทางเข้าและออกทางเดียว ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 25 2.8) ประตูต้องสามารถปิ ดสนิทได้และมีการควบคุมการเข้า ออกอย่างเข้มงวด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ โรงเรือน 2.9) โรงเรือนท าจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน สามารถกัน ละอองน ้าและฝนได้ มีการซ่อมบ ารุงอย่างต่อเนื่อง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.10) พื้นโรงเรือนสะอาด แห้ง ไม่มีน ้าขัง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.11) มีการฆ่าเชื้อโรงเรือนอย่างเหมาะสมและสม ่าเสมอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.12) ประตูต้องสามารถปิ ดสนิทได้และมีการควบคุมการเข้า ออกอย่างเข้มงวด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ บ่อพ่อแม่พันธุ์และบ่ออนุบาล 2.13) บ่อพ่อแม่พันธุ์ บ่ออนุบาลมีการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม และสม ่าเสมอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.14) บ่อมีความแข็งแรงทนต่อการผุกร่อน แตกร้าวหรือฉีก ขาด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.15) พื้นผิวบ่อมีลักษณะเรียบ ท าความสะอาดง่าย ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 2.16) มีการบ ารุงรักษา ซ่อมแซม ทาสี สม ่าเสมอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3. พ่อแม่พันธ ุ์/ล ูกพันธ ุ์ก ุ้งทะเล 3.1) พ่อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์กุ้งขาวระยะนอเพลียสที่มีการ น าเข้าฟาร์มต้องมีสถานะปลอดโรค ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.2) หลีกเลี่ยงการใช้พ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติกรณี หลีกเลี่ยงไม่ได้ให้มีการกักกันอย่างน้อย 30 วัน และตรวจเชื้อ ก่อโรคด้วยเทคนิคพีซีอาร์ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.3) แยกบ่อพ่อแม่พันธุ์ ตามชุด (lot) หรือตามแผนการผลิต ที่ก าหนด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.4) มีการสุ่มเก็บตัวอย่างลูกกุ้งเพื่อตรวจหาเชื้อก่อโรคที่ ส าคัญเป็ นระยะ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.5) มีการก าหนดให้มีผู้รับผิดชอบดูแลแต่ละบ่ออย่างชัดเจน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.6) ลูกพันธุ์ที่จ าหน่าย มีเอกสารก ากับการซื้อขาย (AFPD) ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.7) กรณีเกิดโรคระบาด ให้ผู้รับผิดชอบดูแลแจ้งหัวหน้าหรือ ผู้ควบคุมทราบโดยทันที ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.8) กรณีเกิดโรคระบาด ไม่เคลื่อนย้ายกุ้งและปล่อยน ้าออก นอกฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.9) กรณีเกิดโรคระบาด เก็บตัวอย่างกุ้งป่ วยหรือตายตรวจ วินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของโรค ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.10) กรณีเกิดโรคระบาด ท าลายซากกุ้งอย่างถูกวิธี ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 26 3.11) กรณีเกิดโรคระบาด ตามรายการที่ระบุตามประกาศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้แจ้งหน่วยงานกรมประมงใน พื้นที่ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.12) ไม่กระจายนอเพลียสที่ได้จากพ่อแม่พันธุ์ที่ไม่ทราบผล การตรวจโรคเข้าสู่ระบบการเลี้ยง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.13) ลูกพันธุ์ระยะนอเพลียสส าหรับผลิตกุ้งระยะโพสต์ลาวา ในแต่ละรุ่นที่น าเข้าสู่ฟาร์ม มีการแยกบ่อ ไม่ปะปนกัน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 3.14) ลูกพันธุ์ที่จ าหน่าย มีเอกสารรับรองผลการตรวจโรค/ รับรองชุดการผลิต ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4. สัตว์พาหะ 4.1) มีรั้ว ประตู และตาข่ายที่ป้ องกันสัตว์อื่นเข้ามาภายใน ฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4.2) อาหารกุ้งควรเก็บในภาชนะที่ปิ ดสนิท แข็งแรง และมีการ ท าความสะอาดบริเวณที่เก็บอาหารหรือบริเวณที่มีอาหารตก หล่นเป็ นประจ าโดยทันทีเพื่อป้ องกันสัตว์พาหะเข้ามา ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4.3) มีการวางกับดักและเหยื่อล่อหนูตลอดระยะเวลาที่มีการ เพาะเลี้ยงสัตว์น ้า ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4.4) มีการปิ ดช่องทางที่นกสามารถเข้าสู่โรงเรือนได้ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4.5) มีการตรวจตราและซ่อมแซมโรงเรือนและห้องเก็บ อาหาร ให้อยู่ในสภาพที่สามารถป้ องกันสัตว์พาหะ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4.6) ท าความสะอาดพื้นที่โดยรอบเพื่อไม่ให้เป็ นแหล่งที่อยู่ อาศัยของสัตว์พาหะ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 4.7) ตรวจสอบและก าจัดแหล่งเพาะพันธุ์แมลงบริเวณ โดยรอบพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5. บุคลากรฟาร์มและบุคคลภายนอก บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานของฟาร์ม 5.1) ฟาร์มมีการมอบหมายผู้ที่ก ากับดูแลด้านไบโอซีเคียวริตี้ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.2) ฟาร์มมีการมอบหมายผู้ปฏิบัติงานแยกตามกิจกรรม หรือก าหนดแนวทางปฏิบัติของผู้ปฏิบัติงานเพื่อลดความ เสี่ยงการปนเปื้ อนเชื้อข้ามพื้นที่ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.3) ฟาร์มมีแผนการฝึกอบรมแก่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ การเลี้ยงกุ้งทุกระดับภายในฟาร์มและด าเนินการอบรมตาม แผนเพื่อให้ความรู้ด้านระบบไบโอซีเคียวริตี้ความรู้ด้านโรค และด้านอื่นๆ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.4) ผู้ปฏิบัติงานมีการท าความสะอาดร่างกายหรือเปลี่ยน ชุด หรือมีการใช้รองเท้าที่ฟาร์มจัดเตรียมไว้และมีการฆ่าเชื้อ มือก่อนและหลังเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เพาะเลี้ยง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.5) ผู้ปฏิบัติงานไม่น าวัตถุดิบอาหารทะเลกลุ่มครัสตาเชี่ยน (กุ้ง กั้ง ปู) ในสภาพมีชีวิต สด แช่เย็นหรือแช่แข็ง เข้ามา ภายในฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 27 5.6) ผู้ปฏิบัติงานทราบขั้นตอนการปฏิบัติงานเมื่อพบการติด เชื้อหรือเกิดเหตุการณ์โรคระบาด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.7) กรณีเกิดโรคระบาด ควบคุมการเข้าออกของบุคลากร ฟาร์มที่ไม่เกี่ยวข้อง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ บุคคลภายนอก 5.8) ฟาร์มมีแนวปฏิบัติในการเยี่ยมชมฟาร์มและมีแนวทางใน การแจ้งผู้ปฏิบัติงานในฟาร์มและผู้เยี่ยมชมทราบแนวปฏิบัติ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.9) ฟาร์มมีการก าหนดเส้นทางการเยี่ยมชมอย่างเป็ นระบบ ตามระดับการควบคุมความเสี่ยง จากพื้นที่ควบคุมความ เสี่ยงระดับสูงสุด ไปยังพื้นที่ควบคุมความเสี่ยงระดับต ่า ตามล าดับ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.10) ก าหนดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมต้องไม่เข้าฟาร์มกุ้งหรือไม่ไป ยังพื้นที่เสี่ยงมาก่อนหน้าอย่างน้อย 48 ชั่วโมง กรณี จ าเป็ นต้องเข้าพื้นที่ ต้องมีวิธีการปฏิบัติที่ท าให้มั่นใจว่าไม่น า เชื้อ เช่น ให้อาบน ้า ท าความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเข้าพื้นที่เลี้ยงกุ้ง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.11) ก าหนดให้ผู้เยี่ยมชมใช้เสื้อผ้าและรองเท้าที่ฟาร์มจัดให้ ในการเข้าพื้นที่เลี้ยง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.12) ก าหนดให้ผู้เยี่ยมชมฟาร์ม ลงบันทึกในแบบบันทึกการ เข้าออกฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 5.13) กรณีเกิดโรคระบาด ห้ามการเข้าออกของบุคคล ภายนอก ยกเว้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบสวนและการ ควบคุมโรค ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 6. ยานพาหนะ 6.1) มีการฆ่าเชื้อยานพาหนะที่เข้า-ออกจากฟาร์มบริเวณ พื้นที่ประตูทางเข้า ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 6.2) กรณีเกิดโรคระบาด ระงับการน ายานพาหนะภายนอก เข้าฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 6.3) มีพื้นที่เฉพาะส าหรับจอดยานพาหนะภายนอกและ ยานพาหนะบุคลากรในฟาร์มที่ห่างจากพื้นที่เพาะเลี้ยง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 6.4) ไม่น ายานพาหนะที่ใช้ภายในฟาร์ม ออกไปใช้ภายนอก ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 6.5) กรณีเกิดโรคระบาด ไม่น ายานพาหนะภายในฟาร์มเข้า พื้นที่เกิดโรคระบาด หรือน าออกไปใช้งานนอกฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 7. อ ุปกรณ์ 7.1) มีการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทุกครั้งหลังจากใช้งาน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 7.2) การใช้อุปกรณ์จากพื้นที่อื่นหรือฟาร์มอื่น ต้องผ่านการ ฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องก่อนน ามาใช้งาน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 7.3) การใช้สารฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต้องค านึงถึงชนิด ความ เข้มข้น และระยะเวลา เพื่อการฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 7.4) กรณีเกิดโรคระบาด ระงับการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทุก ชนิดออกจากพื้นที่การระบาด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 28 7.5) กรณีเกิดโรคระบาด ไม่น าอุปกรณ์ที่ใช้ในกรณีเกิดโรค ระบาดมาใช้ปะปนกับอุปกรณ์ปกติ เว้นแต่ได้รับการฆ่าเชื้อ อย่างถูกต้อง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 7.6) มีการแยกใช้งานอุปกรณ์เป็ นชุดเฉพาะพื้นที่หรือเฉพาะ บ่อ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 7.7) มีการจัดเก็บอุปกรณ์ที่ฆ่าเชื้อแล้วอย่างถูกสุขอนามัยใน พื้นที่แห้งและสะอาด ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8. อาหาร อาหารมีชีวิต/อาหารสด 8.1) อาหารสดจากแหล่งธรรมชาติ ฟาร์มต้องมีการจัดการ ฆ่าเชื้อก่อนใช้งาน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.2) มีการสุ่มตรวจโรคในอาหารสด/อาหารมีชีวิตที่ใช้อย่าง สม ่าเสมอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.3) มีการเก็บรักษาอาหารสดในอุณหภูมิ ภาชนะและสถานที่ เก็บที่เหมาะสม ไม่ปะปนกันในแต่ละล็อต ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.4) ปลอดจากเชื้อก่อโรคระบาดที่ส าคัญ โดยควรน ามาจาก แหล่งที่ได้รับการรับรองการปลอดเชื้อ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.5) มีการควบคุมและลดความเสี่ยงของการปนเปื้ อนเชื้อก่อ โรคในอาหารมีชีวิต/อาหารสดที่มีการผลิตใช้เองภายในฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ อาหารส าเร็จรูป 8.6) เลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามกฎหมาย ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.7) ไม่ใช้อาหารที่หมดอายุ เสื่อมสภาพ หรือพบว่ามีการ ปนเปื้ อนเชื้อรา ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.8) เลือกใช้อาหารที่มีการรับรองการปลอดเชื้อก่อโรค ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 8.9) มีพื้นที่เก็บอาหารแยกจากพื้นที่เลี้ยงกุ้ง ในบริเวณที่แห้ง ไม่มีความชื้น และสามารถป้ องกันการเข้าถึงของสัตว์น าเชื้อ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 9. ระบบน ้าและระบบการเติมอากาศ 9.1) มีการลดเชื้อด้วยวิธีทางกายภาพที่เหมาะสม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 9.2) มีการฆ่าเชื้อด้วยวิธีทางเคมีที่เหมาะสม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 9.3) มีการตรวจสอบคุณภาพน ้าและเชื้อก่อโรคในน ้าเป็ น ประจ าก่อนน าน ้ามาใช้ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 9.4) มีการท าความสะอาดเส้นทางเดินของการจ่ายน ้าและ อากาศเป็ นประจ าทุกรอบการผลิต ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 9.5) มีการตรวจสอบการปนเปื้ อนเส้นทางเดินของการจ่าย น ้าและอากาศอย่างสม ่าเสมอทุกรอบการผลิต ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 29 9.6) เครื่องปั๊มอากาศ มีระบบกรองอากาศก่อนน าเข้าไปใช้ ภายในฟาร์มและมีการท าความสะอาดและเปลี่ยนใหม่อย่าง สม ่าเสมอ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10. ของเสีย (น ้าทิ้ง ซากสัตว์และสิ่งปฏิกูล) 10.1) มีการแยกเส้นทางการล าเลี้ยงน ้าทิ้งออกจากระบบ น ้าดีอย่างชัดเจน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10.2) การขนย้าย ซากกุ้งหรือกุ้งป่ วยไปท าลาย ต้องใช้ ภาชนะที่ปิ ดมิดชิด หรือภาชนะที่ป้ องกันการตกหล่นได้ ป้ องกันการรั่วไหลของน ้าและตกหล่นของซากระหว่างขนย้าย ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10.3) ซากกุ้งและเปลือก ให้ท าลายเชื้อโดยการโรยปูนขาวและ ฝังกลบให้มิดชิด หรือวิธีการอื่นๆ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10.4) กรณีเกิดโรคระบาด น ้าทิ้งต้องผ่านการฆ่าเชื้อก่อนทิ้ง ด้วยคลอรีน หรือสารฆ่าเชื้ออื่นที่มีประสิทธิภาพ และต้อง บ าบัดน ้าไม่ให้มีคลอรีนเหลืออยู่ก่อนทิ้ง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10.5) กรณีเกิดโรคระบาด ซากสัตว์ให้ท าลายเชื้อโดยการให้ ความร้อน เช่น ต้ม เผา หรือใช้สารเคมี เช่น คลอรีน และน า ซากไปฝังให้ลึกอย่างน้อย 50 เซนติเมตรจากขอบหลุมในที่น ้า ท่วมไม่ถึง พร้อมด้วยการราดน ้ายาฆ่าเชื้อก่อนกลบดิน หรือ วิธีการอื่นๆ ตามประกาศกรมปศุสัตว์ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10.6) น ้าทิ้งต้องผ่านการบ าบัดก่อนทิ้ง เพื่อควบคุมให้ คุณภาพน ้าอยู่ในระดับที่ไม่เกินเกณฑ์ของคุณภาพน ้าทิ้ง ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 10.7) ท่อน ้าทิ้งจะต้องปิ ดมิดชิด ลดโอกาสการรั่วซึมของน ้า ระหว่างการถ่ายเท ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 11. ป้ ายและสัญลักษณ์ 11.1) มีการจัดท าป้ ายหรือสัญลักษณ์ก าหนดเขตพื้นที่ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 11.2) ป้ ายมีข้อความหรือสัญลักษณ์ที่ชัดเจน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 11.3) มีการจัดท าป้ ายหรือสัญลักษณ์ก ากับการปฏิบัติงาน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 11.4) มีการจัดท าป้ ายหรือสัญลักษณ์ส าหรับการติดต่อใน กรณีฉุกเฉิน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 12. แผนฉ ุกเฉินในกรณีเกิดโรคระบาดและการเกิดเหต ุการณ์ไม่ปกติ 12.1) ฟาร์มมีการจัดท าแผนฉุกเฉินโดยมีรายละเอียดการ ปฏิบัติงานเป็ นขั้นตอนที่ชัดเจน ในกรณีต่างๆ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 12.2) ผู้ปฏิบัติงานทราบและเข้าใจแผนฉุกเฉินของฟาร์ม ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 12.3) แผนฉุกเฉินมีการยกระดับไบโอซีเคียวริตี้ให้สูงขึ้นกว่า แผนการท างานปกติ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 12.4) มีขั้นตอนการสืบหาสาเหตุ และวิธีปฏิบัติในการเก็บ ตัวอย่างส่งตรวจวินิจฉัย และพิจารณามาตรการแก้ไขปัญหา และป้ องกันการเกิดซ ้า ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 30 13. คู่มือและการจดบันทึก 13.1) มีการจัดท าคู่มือระบบไบโอซีเคียวริตี้ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 13.2) มีการบันทึกข้อมูลที่ส าคัญทางด้าน ระบบไบโอซิเคียวริตี้ ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 13.3) มีการบันทึกข้อมูลการผลิตทั่วไป ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 13.4) มีการทบทวนและปรับปรุงคู่มือมาตรฐานการ ปฏิบัติงานให้เป็ นปัจจุบัน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่ 13.5) มีบันทึกการจัดการฟาร์มกรณีฉุกเฉิน ☐ ใช่ ☐ ไม่ใช่


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 31 สร ุปผลการประเมินตนเองของสถานะระบบไบโอซีเคียวริต้ีโรงเพาะฟักและอนบุาลกงุ้ทะเล ชื่อฟาร์ม…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ที่ตั้งฟาร์ม…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ชื่อผู้ประกอบการ…………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ชื่อผู้ประเมิน......................................................................................ต าแหน่ง......................................................... เลขทะเบียนฟาร์ม…………………………………………………………….เลขที่ จสค…………………………………………………………… เลขทะเบียนมาตรฐานฟาร์ม………………………………………………………………………………………………………………………….. รายการ จ านวน ข้อก าหนด ผลการประเมิน ใช่ (ข้อ/%) ไม่ใช่ (ข้อ/%) 1. ที่ตั้งฟาร์ม สภาพแวดล้อม และการจัดสรรพื้นที่ 7 ………/…….. ………/…….. 2. โรงกักกัน โรงเรือน บ่อพ่อแม่พันธุ์และบ่ออนุบาล 16 ………/…….. ………/…….. 3. พ่อแม่พันธุ์/ลูกพันธุ์กุ้งทะเล 14 ………/…….. ………/…….. 4. สัตว์พาหะ 7 ………/…….. ………/…….. 5. บุคลากรฟาร์มและบุคคลภายนอก 13 ………/…….. ………/…….. 6. ยานพาหนะ 5 ………/…….. ………/…….. 7. อุปกรณ์ 7 ………/…….. ………/…….. 8. อาหาร 9 ………/…….. ………/…….. 9. ระบบน ้าและระบบการเติมอากาศ 6 ………/…….. ………/…….. 10. ของเสีย (น ้าทิ้ง ซากสัตว์ขยะ และสิ่งปฏิกูล) 7 ………/…….. ………/…….. 11. ป้ ายและสัญลักษณ์ 4 ………/…….. ………/…….. 12. แผนฉุกเฉินในกรณีเกิดโรคระบาดหรือเหตุการณ์ ไม่ปกติ 4 ………/…….. ………/…….. 13. คู่มือและการจดบันทึก 5 ………/…….. ………/…….. รวม 104 ………/…….. ………/…….. หมายเหต: ให้ระบุจ านวนข้อและ% ของข้อที่ “ใช่”และ“ไม่ใช่” ใน …………/……….. ของแต่ละหมวด เพื่อให้ทราบร้อยละ ของข้อปฏิบัติที่เป็ นจุดแข็งและจุดอ่อนของฟาร์มในแต่ละหมวด วิธีการประเมินและพัฒนาหรือปรับปร ุงระบบไบโอซีเคียวริตี้ ด าเนินการประเมินได้หลายครั้งเพื่อตรวจสอบสถานะและการพัฒนาของระบบไบโอซีเคียวริตี้ที่ ฟาร์มด าเนินการ การประเมินครั้งแรก: เพื่อให้ทราบสถานะปัจจุบันของระบบไบโอซีเคียวริตี้ที่ฟาร์มที่เป็ นปัจจุบัน ข้อ ผลการประเมิน ไม่ใช่ แสดงให้เห็นถึงข้อมูลการปฏิบัติงานในส่วนที่ฟาร์มต้องพัฒนาหรือปรับปรุง เพื่อให้เป็ นไปตามหลักการไบโอซีเคียวริตี้ฟาร์มสามารถก าหนดแนวปฏิบัติหรือแนวทางการ ด าเนินงาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบก่อนการประเมินครั้งถัดไป การประเมินเพื่อตรวจสอบระบบหลังการพัฒนาปรับปร ุง: ด าเนินการประเมินหลังมีการพัฒนา หรือปรับปรุงการปฏิบัติงานของฟาร์มแล้ว เปรียบเทียบผลการประเมินกับการประเมินครั้งแรก และ วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของไบโอซีเคียวริตี้ที่เพิ่มขึ้นกับปัญหาการปนเปื้ อนเชื้อหรือการเกิดโรคใน ฟาร์มและพื้นที่รอบฟาร์ม


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลภาคผนวก 2 ความรทู้วั่ไปในการก าจดัเช้ือล าดับ เชื้อก่อโรค การแพร่ เชื้อ* การมีชีวิตของเชื้อ ในสิ่งแวดล้อม ม1 Enterocytozoon hepatopenaei (EHP) ทางอ้อม สปอร์EHP ตกค้าง เป็ นระยะเวลานาน 1) ใช้พ่ปลอ2) ฆ่าเชืก่อน3) ฆ่าเชืพีพีเ4) หลีกจับจทา ใหอุณเลี้ยง2 Vibrio parahaemolyticus VpAHPND ทางอ้อม เชื้ออยู่รอดได้ 9-18 วันในน ้าทะเลที่ไม่มี สารอาหาร ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส 1) ใช้พ่ปลอ2) ควบจัดกเลี้ยง


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 32 อกอ่ โรคในโรงเพาะฟักและอนบุาลกงุ้ทะเล มาตรการควบค ุม การท าลายเชื้อ การท าใหเ้ช้ือหมดฤทธิ์ การใช้สารฆ่าเชื้อ อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ อดเชื้อ EHP ชื้อบ่อ ถัง และอุปกรณ์ นหลังน ากุ้งเข้าฟาร์ม ชื้อน ้าด้วยคลอรีน 40 เอ็ม ก่อนน าไปใช้เลี้ยงกุ้ง กเลี่ยงการใช้อาหารมีชีวิตที่ จากธรรมชาติ หรือจัดการ หเ้ชื้อหมดฤทธิ์โดยการใช้ หภูมิหรือสารฆ่าเชื้อก่อนใช้ งกุ้ง 1) อุณหภูมิ • 20 องศาเซลเซียส 48 ชั่วโมง • 70 องศาเซลเซียส 15 นาที • 75 องศาเซลเซียส 1 นาที 2) ความเป็ นกรดด่าง • pH สูงกว่า 9, 15 นาที • pH ต ่ากว่า 4, 15 นาที 1) คลอรีน 40 พีพีเอ็ม 15 นาที หรือ 10 พีพีเอ็ม 24 ชั่วโมง 2) ด่างทับทิม 15 พีพีเอ็ม 15 นาที 3) เอทานอล 20% 15 นาที 4) ฟอร์มาลีน 200 พีพีเอ็ม 24 ชั่วโมง อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ อดเชื้อ VpAHPND บคุมการให้อาหารและการ การของเสียในระบบการ ง อุณหภูมิ • แช่แข็ง • สูงกว่า 60 องศา เซลเซียส 15 นาที 1) คลอรีน 250 พีพีเอ็ม 30 นาที 2) ไอโอดีน 25 พีพีเอ็ม 2 นาที 3) โอโซน 1.9 พีพีเอ็ม ต่อนาที 4) รังสียูวี UV 5 มิลลิจูลต่อ ตารางเซ็นติเมตร


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลล าดับ เชื้อก่อโรค การแพร่ เชื้อ* การมีชีวิตของเชื้อ ในสิ่งแวดล้อม ม3 White spot syndrome virus (WSSV) ทางตรงและ ทางอ้อม 1) เชื้ออยู่รอดได้ มากกว่า 30 วัน ในน ้า ทะเลที่มีอุณหภูมิสูง กว่า 30 องศา เซลเซียส 2) เชื้ออยู่รอดได้ มากกว่า 21 วันในบ่อ เลี้ยงที่ตากแห้ง 3) เชื้ออยู่รอดได้ มากกว่า 40 วันในบ่อ เลี้ยงที่มีตะกอนและมี น ้าขัง 1) ใช้พ่2) ใช้พ่ปลอ3) ตรวพันธฟาร์4) ใช้ระเพาะ4 Yellow head virus genotype1 (YHV1) ทางตรงและ ทางอ้อม เชื้ออยู่รอดได้มากกว่า 72 ชั่วโมงในน ้าทะเลที่ มีการให้อากาศ 1) ใช้พ่ปลอ2) ล้าง3) ตรวพันธฟาร์4) ใช้ระเพาะ5 Infectious hypodermal and haematopoietic necrosis virus (IHHNV) ทางตรงและ ทางอ้อม ไม่มีข้อมูล 1) ใช้พ่2) ใช้พ่ปลอ


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 33 มาตรการควบค ุม การท าลายเชื้อ การท าใหเ้ช้ือหมดฤทธิ์ การใช้สารฆ่าเชื้อ อแม่พันธุ์ต้านโรค อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ อดเชื้อ WSSV วจคัดกรองโรคจากพ่อแม่ ธุ์หรือนอเพลียสที่น าเข้า ร์ม ะบบไบโอซีเคียวริตี้ในการ ะเลี้ยงกุ้ง 1) อุณหภูมิ • 50 องศาเซลเซียส 120 นาที • 55 องศาเซลเซียส 90 นาที • 60 องศาเซลเซียส 1 นาที • 70 องศาเซลเซียส 5 นาที 2) ความเป็ นกรดด่าง • pH 1, 10 นาที • pH 3, 60 นาที • pH 12, 10 นาที 1) คลอรีน 100 พีพีเอ็ม 10 นาที 2) ไอโอดีน 100 พีพีเอ็ม 10 นาที 3) บีเคซี (Benzalkonium chloride) 100 พีพีเอ็ม 10 นาที 4) รังสียูวี9.30×105 ไมโครวัตต์วินาทีต่อ ตารางเซ็นติเมตร 5) โอโซน 0.5 พีพีเอ็ม 10 นาที อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ อดเชื้อ YHV1 ไข่กุ้งและนอเพลียส วจคัดกรองโรคจากพ่อแม่ ธุ์หรือนอเพลียสที่น าเข้า ร์ม ะบบไบโอซีเคียวริตี้ในการ ะเลี้ยงกุ้ง อุณหภูมิ • 60 องศาเซลเซียส 15 นาที 1) คลอรีนน ้า 100 พีพีเอ็ม ไม่น้อยกว่า 10 นาที 2) โอโซน 0.5 พีพีเอ็มต่อ นาที อแม่พันธุ์ต้านโรค อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ อดเชื้อ IHHNV ไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมูล


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลล าดับ เชื้อก่อโรค การแพร่ เชื้อ* การมีชีวิตของเชื้อ ในสิ่งแวดล้อม ม3) ตรวพันธฟาร์4) ใช้ระเพาะ* หมายเหตุ การแพร่เชื้อทางตรง (vertical) หมายถึงการติดต่อผ่านพ่อแม่พันธุ์สู่ลูกพันธุ์ การแพร่เชื้อทางอ้อม (horizontal) หมายถึงการติดต่อผ่านปัจจัยรอบข้าง ได้แที่มา: World Organisation for Animal Health (WOAH). 2023b. Manual of Diagnostic Test for Aqhttps://www.oie.int/en/what-we-do/standards/codes-and-manuals/aquatic-manuAldama-Cano, D.J., Sanguanrut, P., Munkongwongsiri, N., Ibarra-Gámez, J.C., Itsathitphaisextrusion of shrimp Enterocytozoon hepatopenaei (EHP). Aquaculture, 490: 156-


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 34 มาตรการควบค ุม การท าลายเชื้อ การท าใหเ้ช้ือหมดฤทธิ์ การใช้สารฆ่าเชื้อ วจคัดกรองโรคจากพ่อแม่ ธุ์หรือนอเพลียสที่น าเข้า ร์ม ะบบไบโอซีเคียวริตี้ในการ ะเลี้ยงกุ้ง โดยติดต่อผ่านระบบสืบพันธุ์ ได้แก่ น ้าเชื้อและไข่กุ้ง แก่ น ้า อาหาร ขี้กุ้ง อุปกรณ์ สัตว์พาหะและสิ่งแวดล้อม เป็ นต้น quatic Animals 2023. ual-online-access/ sarn, O., Vanichviriyakit, R. & Thitamadee, S. 2018. Bioassay for spore polar tube -161.


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลภาคผนวก 3 แนวทางการฆ่าเชื้อใพื้นที่/จุดเสี่ยง การจัดการ โรงเรือน การฆ่าเชื้อภายในโรงเรือน ปิ ดโรงเรือนรมควันฆ่าเชื้ใช้ด่างทับทิม 17.5 กรัมหรือใช้ด่างทับทิม 22 กรการฆ่าเชื้อพื้นโรงเรือน ขัดล้างด้วยสารละลายคทางเข้าฟาร์มหรือทางเข้า โรงเรือน อ่างล้างล้อรถ 1) สารละลายคลอรีน เข2) สารละลายไอโดดีน เอ่างย ่าฆ่าเชื้อเท้า 1) คลอรีน เข้มข้นไม่น้อ2) ไอโอดีน ความเข้มข้นการฆ่าเชื้อมือบุคคล 1) ไอโดดีน 20 พีพีเอ็ม 2) 70% เอธิลแอลกอฮบ่อ/ถัง บ่อที่ทนต่อการกัดกร่อนหรือ บ่อคอนกรีต 1) ใช้สารผสมโซดาไฟ 2พ่นผนังบ่อ โดยใช้2นั้นล้างด้วยน ้าสะอาด2) บ่อขนาดเล็กใช้สารลชั่วโมง หลังจากนั้นล้3) บ่อขนาดใหญ่ ใช้สารถังเลี้ยงกุ้ง กวาดหรือล้างเพื่อขจัดเศคลอรีนผงให้ได้ความเข้คลอรีนที่ความเข้มข้น 1อุปกรณ์ อุปกรณ์เตรียมอาหารมีชีวิต เช่น มีด เขียง เครื่องปั่นบด แช่สารละลายคลอรีน หรืระบาด เพิ่มความเข้มข้นอุปกรณ์ที่ทนต่อการกัดกร่อน แช่สารละลายคลอรีน เข้มอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช็ดด้วยสารละลายคลอรีอุปกรณ์ภายในบ่อ แช่ในสารละลายคลอรีน พีพีเอ็ม


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 35 ในโรงเพาะฟักและอนุบาลก ุ้งทะเล สารเคมี/วิธีการ/ระยะเวลา ชื้อนาน 30-60 ชั่วโมง จากนั้นเปิ ดระบายอากาศ 24–48 ชั่วโมง มต่อฟอร์มาลีน 35 มิลลิลิตร กับปริมาตรโรงเรือน 2.83 ลูกบาศก์เมตร รัมต่อฟอร์มาลิน 44 มิลลิลิตร กับพื้นที่โรงเรือน 5 ตารางเมตร ลอรีน 200 พีพีเอ็ม ตามด้วยน ้าสะอาด ข้มข้น 100 พีพีเอ็ม เปลี่ยนใหม่ทุก 5-7 วัน ข้มข้น 200-250 พีพีเอ็ม เปลี่ยนใหม่ทุก 5 วัน อยกว่า 50 พีพีเอ็ม เปลี่ยนใหม่ทุก 5-7 วัน น 200-250 พีพีเอ็ม เปลี่ยนใหม่ทุก 5 วัน (ถ้งจุ่มล้างมือหรือขวดสเปรย์) ฮอล์ (ขวดสเปรย์) 25 กรัม และน ้ายาท าความสะอาด เช่น Teepol 2.5 มิลลิลิตร ในน ้าสะอาด 2.5 ลิตร ฉีด .5 ลิตรต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ทิ้งไว้นาน 24 ชั่วโมง (ค่า pH ประมาณ 12) หลังจาก ด ละลายคลอรีน เข้มข้น 200 พีพีเอ็ม (20 กรัม/น ้า 100 ลิตร) แช่ทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 12 ล้างด้วยน ้าสะอาด รละลายคลอรีน เข้มข้น 1,600 พีพีเอ็ม (160 กรัม/น ้า 100 ลิตร) ฉีดพ่น ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง ศษอินทรีย์สารต่างๆ เช่น ตะไคร่น ้า และเศษอาหารที่ตกค้างในถัง เติมน ้าให้เต็มแล้วเติม ข้มข้นคลอรีน 200 พีพีเอ็ม ทิ้งไว้ 24 ชั่งโมง สเปรย์พื้นผิวทั้งภายในและภายนอกด้วย 600 พีพีเอ็ม ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง ก่อนล้างออกด้วยน ้าสะอาด รือ ไอโอดีน เข้มข้น 50 พีพีเอ็ม นาน 24-48 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน ้าสะอาด กรณีเกิดโรค เป็ น 200 พีพีเอ็ม ้มข้น 200 พีพีเอ็ม นาน 24 ชั่วโมง รีน เข้มข้น 200 พีพีเอ็ม ตามด้วยน ้าสะอาด 50 พีพีเอ็ม ระยะเวลา 30 นาทีขึ้นไป กรณีเกิดโรคระบาด เพิ่มความเข้มข้น เป็ น 200


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลพื้นที่/จุดเสี่ยง การจัดการ ตัวกุ้ง พ่อแม่พันธุ์ 1) กุ้งที่น าเข้าจากภายน100 พีพีเอ็ม ก่อนน 2) หลังน าแม่พันธุ์ออกจไข่กุ้ง ล้างไข่กุ้งด้วยน ้าทะเลสะเอ็ม นาน 1 นาที ตามด้แล้วล้างด้วยน ้าทะเลสะอลูกกุ้งระยะนอเพลียส (เลือกวิธีการตามความเสี่ยง) รวบรวมนอเพลียส ก าจัน ้าสะอาด และก าจัดเชื้อแสะอาด รวบรวมนอเพลียส ก าจัแบคทีเรียโดยจุ่มในสารลนาที รวบรวมนอเพลียส ล้างด100 ลิตร) 30-60 วินานาน 1 นาที แล้วล้างด้วอาหารมีชีวิตและ อาหารสด เพรียง 1) ลดเชื้อ EHP โดยน าไ2) ก าจัดเชื้อแบคทีเรียโดหมีก หอย ก าจัดแบคทีเรียโดยจุ่มแชฟอกไข่อาร์เมียก่อนเพาะ โซดาไฟ (NaOH) 40 กรัตามด้วย 100 กรัมโซเดีฆ่าเชื้อไข่อาร์ทีเมีย 1) แช่ฟอร์มาลีน 10 พีพ2) แช่ไอโอดีน เข้มข้น 1อาร์ทีเมียแรกฟัก (nauplii) ล้างด้วยคลอรีนน ้า 20 พบุคคล เสื้อผ้า รองเท้า แช่สารละลายคลอรีน 50ความเข้มข้นคลอรีนเป็ น ระบบน ้าและ ระบบให้อากาศ น ้าบ่อพัก 1) กรองผ่านระบบกรอง2) ตกตะกอนในน ้าด้วยวั3) ฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน ดึ


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 36 สารเคมี/วิธีการ/ระยะเวลา นอก ก่อนน าลงบ่อเลี้ยงให้จุ่มแช่ในสารละลายไอโอดีนเข้มข้น 20 พีพีเอ็ม หรือ ฟอร์มาลีน าลงบ่อเลี้ยง จากถังวางไข่ ให้จุ่มแช่ในสารละลาย ไอโอดีน 20 พีพีเอ็ม 15 วินาทีก่อนน ากลับบ่อเลี้ยง ะอาด 1-2 นาทีหลังจากนั้นแช่ฟอร์มาลีน 100 พีพีเอ็ม(10 มิลลิลิตร/น ้า 100 ลิตร) ้วยแช่ในสารละลายไอโอดีน 0.1 พีพีเอ็ม (0.1 มิลลิลิตร/น ้า 1000 ลิตร) นาน 1 นาที าด 3-5 นาทีก่อนน าไปฟัก ัดเชื้อราโดยแช่ในสารละลายไตรฟูลาลิน (Trifuralin; Treflan) เข้มข้น 0.1 พีพีเอ็ม ล้างด้วย แบคทีเรียโดยจุ่มในสารละลายไอโอดีน เข้มข้น 100 พีพีเอ็ม นาน 1-3 นาที แล้วล้างน ้า จัดปรสิตโดยจุ่มในสารละลายฟอร์มาลีนเข้มข้น 300 พีพีเอ็ม นาน 30 วินาที และก าจัด ละลายไอโอดีน เข้มข้น 100 พีพีเอ็ม 30 วินาที หลังจากนั้นล้างด้วยน ้าสะอาดปลอดเชื้อ 3 ด้วยน ้าทะเลสะอาด 1-2 นาที น าไปแช่ในฟอร์มาลีน 400 พีพีเอ็ม (40 มิลลิลิตร/น ้า าที ตามด้วยแช่ในสารไอโอโดฟอร์ไอโอดีน 0.1 พีพีเอ็ม (0.1 มิลลิลิตร/น ้า 1000 ลิตร) ยน ้าทะเลสะอาด 3-5 นาทีก่อนน าไปอนุบาล ปแช่แข็ง ข้ามคืน ดยแช่สารละลายไอโอดีนเข้มข้น 100 พีพีเอ็ม นาน 3 นาที แล้วล้างน ้าสะอาด ช่ในสารละลายไอโอดีน เข้มข้น 100 พีพีเอ็ม แล้วล้างน ้าสะอาด รัม + 4 ลิตร คลอรีนน ้า (8-10%คลอรีน) + น ้าทะเล 4 ลิตร ต่อไข่อาร์ทีเมีย 1 กิโลกรัม ดียมไธโอซัลเฟต เพื่อหยุดการท างานของคลอรีน ล้างด้วยน ้าสะอาด ก่อนน าไปฟัก พีเอ็ม (1 มิลลิลิตร/น ้า 100 ลิตร) 1 ชั่งโมง ก่อนฟัก 0 พีพีเอ็ม (1 กรัม/น ้า 100 ลิตร)1 ชั่งโมง ก่อนฟัก พีพีเอ็ม นาน 3 นาที ตามด้วยน ้าสะอาด 0 พีพีเอ็ม ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ล้างด้วยน ้าสะอาด ตากให้แห้ง กรณีเกิดโรคระบาดเพิ่ม 200 พีพีเอ็ม งใต้ทราย หรือผ่านระบบกรองอื่นๆ เพื่อ ป้ องกันสัตว์พาหะ วัสดุปูน หรือ ด่างทับทิม หรือสารตกตะกอนอื่นๆ ดงน ้าส่วนใสมาฆ่าเชื้อด้วยโอโซน ปรับสภาพน ้า และฆ่าเชื้อด้วย UV ก่อนลงบ่อเลี้ยง


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลพื้นที่/จุดเสี่ยง การจัดการ น ้าบ่อพร้อมใช้ กรองจากบ่อพร้อมใช้เข้าท่อส่งน ้าพร้อมใช้ 1) สูบอัดน ้าร้อน 60 อง2) สูบอัดสารละลายคลท่อให้อากาศ ล้างฆ่าเชื้อด้วยสารละลาน ้าทิ้ง ซากกุ้ง คราบกุ้ง น ้าทิ้ง 1) คลอรีน เข้มข้น 50 พ2) โอโซน ความเข้มข้นสซากกุ้ง คราบกุ้ง ก าจัดเชื้อในกุ้งติดเชื้อด้วกรณีเกิดโรคเพิ่มความเขเผา หรือวิธีการอื่น ตาม1) การฝังกลบให้ส่วนข2) เผาซากโดยใช้ความรหมายเหตุการใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท ใที่มา OIE. 2009. Manual of Diagnostic Tests for Aquatic Animals 2009: Methods for Disinfectihttps://www.oie.int/fileadmin/Home/eng/Health_standards/aahm/2009/1.1.3


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 37 สารเคมี/วิธีการ/ระยะเวลา าบ่อเลี้ยงผ่านระบบกรองละเอียด งศาเซลเซียส เข้าท่อน ้า ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง ลอรีน 200 พีพีเอ็ม ทิ้งไว้นาน 24-48 ชั่วโมง ไล่น ้ายาในท่อด้วยน ้าสะอาด ายคลอรีนหรือไอโอดีน 50-200 พีพีเอ็ม หรือสารอื่นๆ พีพีเอ็ม กรณีเกิดโรคเพิ่มความเข้มข้นคลอรีนเป็ น 200 พีพีเอ็ม สุดท้าย 0.08 -1.0 พีพีเอ็ม วยวิธีการต่างๆ เช่น ใช้ความร้อนโดยการต้ม ใช้สารเคมีโดยแช่ด้วยคลอรีน 50 พีพีเอ็ม ข้มข้นเป็ น 200 พีพีเอ็ม ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง แล้วน าซากไปก าจัดด้วยวิธีการฝังกลบ มภาคผนวก 10 ของซากกุ้งอยู่ไต้ผิวดินไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตรและปิ ดปากหลุมด้วยวัสดุปูน ร้อน ใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสม และมีการเปลี่ยนน ้ายาตามก าหนด ion of Aquaculture Establishments (online) 3_DISINFECTION.pdf


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลภาคผนวก 4 ตัวอย่างแบบตัวอย่างแบบบันทึกการเข้า-ออกฟาร์มส าหรับบุคลากรฟาร์ม ว/ด/ป ชื่อ-สก ุล แผนก/ฝ่ าย/ส่วนงาน หมายเหตุ ……………………………………………………………………………………………………………………


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 38 บบันทึกการเข้าออกฟาร์ม วัตถ ุประสงค์ เวลาเข้า-ออก ผู้อนุญาต …………………………………………………………………….………………………………………………………………


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักแลตัวอย่างแบบบันทึกการเข้า-ออกฟาร์มส าหรับบุคคลภายนอก ว/ด/ป ชื่อ-สก ุล หน่วยงาน หมายเหตุ ……………………………………………………………………………………………………………………


ละอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 39 วัตถ ุประสงค์ เวลาเข้า-ออก ผู้อนุญาต …………………………………………………………………….………………………………………………………………


คู่มือไบโอซีเคียวริตี้โรงเพาะฟักและอนุบาลกุ้งทะเล กรมประมง 2567 40 ภาคผนวก 5 ตัวอย่างแบบบันทึกส ุขภาพพ่อแม่พันธ ุ์ก ุ้ง ชื่อฟาร์ม................................................................................................................................................................. หมายเลขโรงเรือน................................................................................................................................................ ที่มาพ่อแม่พันธุ์..................................................................................................................................................... วันที่น าเข้าระบบการเลี้ยง.................................................................................................................................. ประเภทกุ้ง พ่อพันธุ์หมายเลขบ่อ......................อายุ.............วัน จ านวนกุ้ง.........................ตัว แม่พันธุ์หมายเลขบ่อ......................อายุ.............วัน จ านวนกุ้ง.........................ตัว ว/ด/ป อาการ/ลักษณะผิดปกติ การจัดการ ผู้บันทึก หมายเหตุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


Click to View FlipBook Version