The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือบำบัดน้ำเสีย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นฤมล ดีชัยยะ, 2020-08-10 00:49:51

คู่มือบำบัดน้ำเสีย

คู่มือบำบัดน้ำเสีย

ระบบบาํ บดั น้ําเสียชมุ ชน

กรมควบคุมมลพิษ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม

คํานํา

ปจจุบันปญหามลพิษทางน้ําทวีความรุนแรงมากข้ึนอันเน่ืองมาจาก
การขยายตัวอยางรวดเร็วของชุมชน กอใหเกิดกจิ กรรมการผลิตและบริการ
เพื่อตอบสนองความตองการของชุมชนมากยิ่งขึ้น สงผลใหเกิดนํ้าเสียจาก
แหลงชุมชน (Domestic Wastewater) เพ่ิมมากข้ึนดวย ซ่ึงสาเหตุหลักๆ
มาจากกิจกรรมประจําวันและกิจกรรมท่ีเปนอาชีพของประชาชนท่ีอาศัยอยู
ในชุมชน ไดแก น้ําเสยี จากการประกอบอาหาร การชาํ ระลางสิ่งสกปรก
ทัง้ หลายภายในครวั เรอื น ตลาดสด และอาคารประเภทตางๆ เปนตน

การบําบัดนํ้าเสียจึงเปนส่ิงจําเปนที่ทุกภาคสวนท่ีเก่ียวของควรใหความ
รวมมือชวยกันลดและบําบัดน้ําเสียที่เกิดข้ึน เชน การบําบัดน้ําเสียจาก
แหลง กาํ เนดิ และการลดการระบายนํ้าเสียออกสูสิง่ แวดลอม กรมควบคุมมลพิษ
จึงจัดทํา “คมู ือระบบบาํ บดั นํา้ เสียชุมชน” เพอื่ เสริมสรางความรูความเขาใจ
ในการบําบัดน้ําเสียและเปนแนวทางในการจัดการระบบบําบัดน้ําเสียอยางมี
ประสิทธิภาพ

คณะผูจัดทําหวังเปนอยางยิ่งวาคูมือฉบับน้ีจะเปนประโยชนและ
เสริมสรางความรูความเขาใจใหผูอานไดรับความรูและสามารถดําเนินการ
ตามแนวทางท่ีนําเสนอ เพ่ือลดปริมาณนํ้าเสียที่ระบายออกสูสิ่งแวดลอมและ
แหลงนํ้ามีคุณภาพดีอยางยั่งยืนตอไป หากมีขอผิดพลาดประการใดคณะ
ผจู ัดทําขอรับคาํ แนะนาํ และขออภยั มา ณ โอกาสนี้

สาํ นกั จดั การคณุ ภาพนํ้า
กรมควบคุมมลพษิ
กนั ยายน 2560

สารบัญ หนา

บทนาํ ทีม่ าและความสาํ คญั 1

บทท่ี 1 น้าํ เสียชุมชน (Domestic Wastewater) 3
1.1 น้ําเสีย (Wastewater) 3
1.2 นาํ้ เสียชุมชน (Domestics Wastewater) 4
1.3 ลักษณะนํ้าเสยี 6
1.4 ผลกระทบของนาํ้ เสียชุมชนตอ สุขภาพอนามัย 8
1.5 การควบคมุ การเกดิ มลพิษทางนา้ํ
12
บทท่ี 2 กระบวนการบาํ บดั นํา้ เสีย 13
(Wastewater Treatment Process) 14
2.1 การบําบดั ข้ันเตรยี มการและขน้ั ตน 15
(Preliminary Treatment/Primary Treatment) 16
2.2 การบาํ บดั ขัน้ ทส่ี อง (Second Treatment) 17
2.3การบําบดั ขั้นทสี่ าม (Tertiary Treatment) 19
2.4 การบําบดั ข้นั สูง (Advance Treatment) 22
2.5การบําบดั กากตะกอนหรือสลัดจ (Sludge Treatment) 24
2.6การกาํ จัดตะกอน 24

บทที่ 3 หนว ยบาํ บดั นา้ํ เสีย (Unit Operation)
3.1 การบาํ บดั ทางกายภาพ (Physical Treatment)
3.2 การบาํ บดั ทางเคมี (Chemical Treatment)
3.3 การบาํ บดั ทางชวี ภาพ (Biological Treatment)
3.4 ขอ แตกตา งระหวางกระบวนการใชอ ากาศและไมใชอ ากาศ

สารบัญ หนา

บทที่ 4 รูปแบบการจัดการน้าํ เสียชมุ ชน 26
4.1 การรวบรวมนํา้ เสีย 28
4.2 ประเภทระบบบาํ บัดน้าํ เสยี ชุมชน 38
 ระบบบําบดั นํ้าเสียแบบติดกบั ท่ี 42
 ระบบบําบัดน้าํ เสียแบบรวมกลมุ อาคาร
 ระบบบําบดั นํ้าเสยี แบบรวมศนู ย 45
53
บทที่ 5 ระบบบําบดั นาํ้ เสยี แบบรวมศนู ย 59
(Central Wastewater Treatment) 73
5.1 ระบบบําบดั นาํ้ เสยี แบบบอ ปรับเสถยี ร 82
(Stabilization Pond: SP)
5.2 ระบบบาํ บดั น้าํ เสียแบบบอ เตมิ อากาศ 90
(Aerated Lagoon: AL) 90
5.3 ระบบแอก็ ทิเวเตด็ สลัดจห รือระบบตะกอนเรง 94
(Activated Sludge: AS)
5.4 ระบบบาํ บดั น้ําเสยี แบบบึงประดษิ ฐ
(Constructed Wetland)
5.5 ระบบบาํ บัดนาํ้ เสยี แบบจานหมนุ ชวี ภาพ
(Rotating Biological Contactor; RBC)

บทที่ 6 ระบบบาํ บัดน้ําเสยี ชมุ ชนในประเทศไทย
(Domestic Wastewater System)
6.1 สถานการณการจัดการน้ําเสยี ณ แหลง กําเนิด
6.2สถานการณก ารจัดการน้ําเสยี รวมของชมุ ชน

เอกสารอา งอิง

บทนาํ
ทมี่ าและความสําคญั

ปญหามลพิษทางน้ําในปจจุบันมักเกิดจากการระบายนํ้าเสียจาก
อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และกิจกรรมตางๆ ของชุมชนลงสูแหลงน้ํา
ธรรมชาติ ซ่ึงนับวันปญหาเหลาน้ีจะย่ิงทวีความรุนแรงมากยิ่งข้ึน โดย
แหลงท่ีมาของมลพิษทางนํ้าสวนใหญมาจาก นํ้าเสียของแหลงชุมชน
(Domestic Wastewater) ซ่ึงเกิดจากกิจกรรมประจําวันของประชาชนท่ี
อาศัยอยูในชุมชนและกิจกรรมท่ีเปนอาชีพ ไดแก นํ้าเสียที่เกิดจากการ
ประกอบอาหารและชําระลางสง่ิ สกปรกทั้งหลายภายในครัวเรือน และอาคาร
ประเภทตางๆ เชน อาคารบานเรือน หมูบานจัดสรร โรงแรมคอนโดมิเนียม
ตลาดสด โรงพยาบาล เปนตน

แมวาแหลงกําเนิดน้ําเสียชุมชนบางสวนจะมีการบําบัดนํ้าเสียจาก
สวมดวยบอเกรอะ-บอ ซึม หรือเลือกใชถ ังบําบัดนํ้าเสียสําเร็จรูปขนาดเล็ก
มาใชงานกต็ าม นํ้าท้ิงท่ีออกจากบอหรือถังบําบัดเหลาน้ีจะถูกระบายลงสู
คลองหรือทอระบายนํา้ สาธารณะและไหลลงสูแมน ํ้าหรือแหลงน้าํ ธรรมชาติ
ในท่ีสุด นอกจากนี้ชุมชนเมืองอีกหลายแหงของประเทศยังไมมีระบบการ
จัดการนํ้าเสียที่ดี ทําใหนํ้าเสียที่เกิดข้ึนถูกระบายลงสูทางระบายน้ํา
สาธารณะ กอใหเกิดสารประกอบไฮโดรเจนซัลไฟดหรือกาซไขเนา กาซ
มีเทน และสารประกอบแอมโมเนีย ทําใหแหลงน้ํามีสภาพเสื่อมโทรม น้ําเนา
เสียมสี ดี ําและสง กล่นิ เหมน็ จนไมสามารถใชประโยชนไ ดใ นทส่ี ุด

ดังนั้น เพื่อชวยกันลดปญหามลพิษทางนํ้าของแหลงนํ้าในอนาคตและ
ปองกันไมใหมกี ารระบายนํ้าเสียลงสูแหลงน้ําโดยตรง จึงควรมีการจัดการ
นํ้าเสียอยางเหมาะสม ไมวาจะเปนประชาชนท่ีอยูอาศัยตามอาคาร
บานเรือน รวมท้ังเจาของสถานประกอบการ รานอาหาร และตลาด

คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 1

จะตองรวบรวมและบาํ บดั นํ้าเสีย ณ บริเวณแหลงกําเนิดกอ นระบายท้ิงหรือ
รวบรวมนํ้าเสียท่ีเกิดขึ้นสงไปบําบัดท่ีระบบบําบัดนํ้าเสียรวม (Central
Treatment Plant) ของทองถนิ่ สวนในกรณีที่อาคารบานเรือนต้ังอยใู น
บริเวณเดียวกันและมีขอ จาํ กัดเร่ืองพื้นที่ท่ีไมสามารถกอสรางระบบบําบัดนํ้า
เสียรวมขนาดใหญได จะตองมีระบบรวบรวมนํ้าเสียท่ีสามารถนําน้ําเสียท่ี
เกิดข้ึนทั้งหมดเขาสูระบบบําบัดนํ้าเสียของกลุม (Cluster Treatment
Plant) ซ่ึงเปนระบบบําบัดนํ้าเสียรวมขนาดเล็กกอนระบายลงสูแหลงนํ้า
ธรรมชาติ แตหากเปนชุมชนขนาดเล็กมีบานเรือน รานคาต้ังกระจายแตละ
หลังไมรวมเปนกลุม การบําบัดน้ําเสียโดยใชระบบบําบัดนํ้าเสียแตละหลัง
(Onsite Treatment) กอนระบายนํ้าเสียออกสูสิ่งแวดลอมจะเปนวิธีที่
เหมาะสมและเปน ที่นิยมใช

คูม่ อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 2

บทท่ี 1
นํ้าเสียชุมชน (Domestic Wastewater)

1.1 นาํ้ เสีย (Wastewater)
หมายถึง นํ้าที่มีสิ่งเจือปนตางๆ มากมาย จนกระท่ังกลายมีลักษณะ

กลิ่น สี รส นารังเกยี จของคนทั่วไป ไมเ หมาะสมสําหรับใชประโยชนอีกตอ ไป
ถา ปลอ ยลงสลู ํานา้ํ ธรรมชาติจะทําใหค ณุ ภาพนาํ้ ของธรรมชาตเิ ส่อื มโทรมได
1.2 นาํ้ เสียชุมชน (Domestic Wastewater)

หมายถงึ นํ้าเสยี ที่เกิดจากกิจกรรมประจําวันและกิจกรรมที่เปนอาชีพ
ของประชาชนที่อาศัยอยูในชุมชน ไดแก น้ําเสียที่เกิดจากการประกอบ
อาหารและชําระลางส่ิงสกปรกทั้งหลายภายในครัวเรือน และอาคาร
ประเภทตา งๆ

ปริมาณนํ้าเสียท่ีปลอยทิ้งจากอาคาร บา นเรือน มีประมาณรอยละ 80
ของปริมาณนํ้าใชหรืออาจประเมินไดจากจํานวนประชากร หรือพ้ืนที่ใชสอย
ของอาคารแตละประเภท ดงั แสดงในตาราง

ตารางท่ี 1 - 1 อัตราการเกิดน้าํ เสยี ตอ คนตอวัน

ภาค อตั ราการเกิดนํ้าเสยี (ลิตร/คน-วนั )
2536 2540 2545 2550 2555 2560

กลาง 160-214 165-242 170-288 176-342 183-406 189-482

เหนือ 183 200 225 252 282 316

ตะวันออกเฉียงเหนือ 200-253 216-263 239-277 264-291 291-306 318-322

ใต 171 195 204 226 249 275

ที่มา : โครงการพัฒนาและปรับปรุงขอมูลอัตราการเกิดน้ําเสียและปริมาณความสกปรกของ
แหลง กาํ เนิดประเภทชมุ ชน กรมควบคมุ มลพิษ 2553

ตารางท่ี 1 - 2 ปริมาณนาํ้ เสยี จากอาคารประเภทตา งๆ

คูม่ อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 3

ประเภทอาคาร หนว ย ลติ ร/วัน-หนว ย

อาคารชดุ /บา นพัก ยูนติ 500
โรงแรม หอง 1,000
หอพัก หอ ง 80
สถานบริการ หอง 400
หมูบ านจดั สรร คน 180
โรงพยาบาล เตียง 800
ภตั ตาคาร ตารางเมตร 25
ตลาด ตารางเมตร 70
หางสรรพสนิ คา ตารางเมตร 5.0
สํานักงาน ตารางเมตร 3.0

ที่มา : ขอพจิ ารณาเกีย่ วกับปรมิ าณและลักษณะน้าํ ทิง้ ชุมชนในประเทศไทย
เอกสารประกอบการประชมุ สวสท 36, สมาคมส่ิงแวดลอมแหงประเทศไทย 2536

1.3 ลักษณะนํ้าเสยี

เกิดจากบานพักอาศัยประกอบไปดวยน้ําเสียจากกิจกรรมตางๆ ใน
ชีวิตประจาํ วนั ซึง่ มอี งคป ระกอบตางๆ ดังนี้

 สารอินทรียใ นนาํ้ เสีย ไดแ ก คารโ บไฮเดรต โปรตีน ไขมนั เชน เศษขาว
กวยเต๋ียว พืชผัก น้ําแกง เศษใบตอง ช้ินเนื้อ เปนตน ซึ่งสามารถถูก
ยอ ยสลายไดโ ดยจลุ ินทรียที่ใชออกซิเจน ทาํ ใหระดับออกซิเจนละลาย
น้ํา (Dissolved Oxygen) ลดลงเกิดสภาพเนาเหม็นได ปริมาณของ
สารอินทรียในน้ํานิยมวัดดวยคาบีโอดี (Biochemical Oxygen
Demand: BOD) เมือ่ คาบีโอดใี นน้ําสูง แสดงวามีสารอนิ ทรียป ะปน
อยูมากและสภาพเนาเหม็นจะเกดิ ขน้ึ ไดง า ย

 สารอนนิ ทรียในนา้ํ เสยี ไดแ ก แรธาตุตา งๆ ที่อาจไมท ําใหเกดิ นํ้าเนา
เหมน็ แตอาจเปนอนั ตรายตอ ส่ิงมชี ีวิต ไดแ ก คลอไรด, ซัลเฟอร

คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 4

 โลหะหนักและสารพิษ อาจอยูในรูปของสารอินทรียหรืออนินทรีย
และสามารถสะสมอยูในหวงโซอาหารของสัตวหรือพืชก็ได และเกิด
เปนอันตรายตอส่งิ มีชีวิต เชน ปรอท โครเมียม ทองแดง ปกติจะอยู
ในนํ้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และสารเคมีท่ีใชในการกําจัด
ศัตรูพืชที่ปนมากบั นาํ้ ทิ้งจากการเกษตร สําหรับในเขตชมุ ชนอาจมสี าร
มลพิษน้ีมาจากอุตสาหกรรมในครัวเรือนบางประเภท เชน อูซอมรถ
รานชุบโลหะ และน้ําเสียจากโรงพยาบาล เปนตน

 นํา้ มันและเศษวตั ถุลอยนาํ้ ตางๆ เปน อปุ สรรคตอ การสงั เคราะหแสง
และกีดขวางการกระจายของออกซิเจนจากอากาศลงสนู ํา้ นอกจากน้ัน
ยงั ทําใหเกิดสภาพไมนาดู

 ของแขง็ เมื่อจมตัวสูกนลํานา้ํ จะเกิดสภาพไรออกซิเจนทท่ี องน้ํา ทําให
แหลงนํ้าต้ืนเขิน มีความขุนสูง มผี ลกระทบตอการดํารงชีพของสัตวนํ้า
โดยเฉพาะสตั วน ํา้ ทอ่ี าศัยและหากินใตท อ งนา้ํ

 สารกอใหเกิดฟอง/สารซักฟอก ผงซักฟอก สบู ฟองจะกีดกันการ
กระจายของออกซเิ จนในอากาศสนู ้าํ และเปน อันตรายตอส่ิงมชี ีวิตในนา้ํ

 จุลินทรีย ปกติในน้ําเสียจะมีจุลินทรียอยูโดยธรรมชาติ โดยน้ําเสีย
จากโรงฟอกหนัง โรงฆาสัตวหรือโรงงานผลิตอาหารทุกประเภทจะมี
จุลนิ ทรียเ ปนจํานวนมาก จลุ ินทรียเ หลาน้ีใชออกซิเจนในการดํารงชวี ิต
ทําใหระดับออกซิเจนท่ีละลายอยูในน้ําลดลง แหลงน้ําเนาเหม็น
นอกจากน้ี จุลินทรียบางชนิดอาจเปนเช้ือโรคที่เปนอันตรายตอ
ประชาชน เชน จลุ ินทรียในนาํ้ เสยี จากโรงพยาบาล

 ธาตุอาหาร ไดแก ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส เมอ่ื มีปริมาณสงู จะทําให
เกดิ การเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอยางรวดเร็วของสาหราย (Algae
Bloom) ซ่ึงเปนสาเหตุสําคัญทําใหระดับออกซเิ จนในน้ําลดตํ่าลงมาก

คู่มือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 5

ในชวงกลางคืนและทําใหเกิดวัชพืชน้ํา ซึ่งเปนปญหาแกการระบายน้ํา
และการสัญจรทางนํา้
 กลน่ิ เกิดจากกาซไฮโดรเจนซลั ไฟด (H2S) ซึ่งเกิดจากการยอยสลาย
ของสารอินทรียแบบไรออกซิเจนหรือกลิ่นอ่ืนๆ จากโรงงาน
อุตสาหกรรม เชน โรงงานทําปลาปน โรงฆา สตั ว เปน ตน
1.4 ผลกระทบของนาํ้ เสียชุมชนตอ สุขภาพอนามัย
โดยทั่วไปเช้ือโรคท่ีพบในน้ําเสียที่กอใหเกิดโรคตอมนุษยได มี 4 ชนิด
คือ แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว และพยาธิ แหลงท่ีมาของเช้ือโรคเหลาน้ี
มาจากอุจจาระของมนุษยและสัตวปนมากับนํ้าเสีย โรคติดเช้ือจากสิ่ง
ขับถายสามารถติดตอสคู นมี 2 วิธี คือ เกิดจากเช้ือโรคที่อยูในส่ิงขับถา ย
ของมนษุ ยและสัตวแ พรกระจายออกสูส่งิ แวดลอ มแลวเขา สูคนโดยตรง เชน
การรบั เชื้อโรคจากสง่ิ ขบั ถายเขาทางปาก ตา ผิวหนัง เปนตน หรือการรับ
เชอื้ โรคผานทางสตั วพาหนะ เชน หนูหรือแมลงตา ง ๆ ที่อาศัยสิ่งขับถายใน
การขยายพันธุ จะรบั เชือ้ โรคเขาสูรา งกาย โดยเชอื้ อาจอยูในตัว ลําไส หรือ
ในเลอื ดของสัตวพาหนะน้ัน โดยที่คนจะไดรับเชือ้ ผา นสัตวเหลานั้นอีกทีหนึ่ง
ซ่ึงองคการอนามัยโลก (WHO) ไดจ ําแนกเชือ้ โรคตามลักษณะการติดเช้ือ
ออกเปน 6 ประเภท
ประเภทที่ 1 การติดเชอ้ื ไวรัสและโปรโตซวั สามารถทําใหเกดิ โรคได
แมวาจะไดร บั เชื้อเพียงเล็กนอย และสามารถติดตอไดงาย ซึ่งการปรับปรุง
ระบบสุขาภิบาลเพียงอยางเดียวยังไมพอ จะตองใหความรูเกี่ยวกับสุขภาพ
ควบคกู นั ดว ย
ประเภทท่ี 2 การติดเช้ือจากแบคทเี รีย จะตอ งไดร ับเชื้อในปริมาณที่
มากพอจึงจะทําใหเกิดโรคไดแตติดตอกันไดยาก เช้ือน้ีมีความทนทานตอ
สภาพแวดลอ มและสามารถแพรพ ันธุไดด ีในทที่ ี่เหมาะสม

ค่มู ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 6

ประเภทท่ี 3 การติดเช้ือจากไขพยาธิ การติดเช้อื ประเภทนี้ทําใหเกดิ
โรคไดทั้งในระยะแฝงและระยะฝงตัว แตจะไมติดตอจากบุคคลหนึ่งไปยัง
อีกบุคคลหน่ึงไดโดยตรง การแพรกระจายของเชื้อตองการสถานท่ีและ
สภาวะที่เหมาะสมเพ่ือเจริญเติบโตเปนตัวพยาธิและเขา สูรางกายได ดังนั้น
การจัดระบบสุขาภิบาลที่ดี เชน การกําจัดสิ่งขับถายที่ถูกตองจึงเปนสิ่ง
สําคญั ซึ่งจะปองกนั มิใหม สี ง่ิ ขับถา ยปนเปอนในส่งิ แวดลอม

ประเภทท่ี 4 พยาธิตัวตดื อาศัยอยูใ นลําไสคน ไขพยาธิจะปนออกมา
กับอุจจาระ ถาการกําจัดสิ่งขับถายไมเหมาะสม ก็จะทําใหสัตวจําพวกโค
กระบือ และสุกร ไดรับไขพยาธิจากการกินหญาที่มีไขพยาธิเขาไป ซึ่งไข
พยาธนิ ี้เมื่อเขาไปในรางกายสัตวแลว จะกลายเปนซีสต (Cyst) และฝงตัว
อยูตามกลามเนื้อ คนจะไดรับพยาธิเม่อื รับประทานเนื้อสัตวดิบๆ ดังน้ันการ
จัดระบบสุขาภิบาลที่ดี เชน การกําจัดส่ิงขับถายที่ถูกตองจึงเปนส่ิงสําคัญ
ที่จะปองกันมิใหม สี งิ่ ขบั ถา ยปนเปอ นในส่ิงแวดลอม

ประเภทที่ 5 พยาธิท่ีมีบางระยะของวงชีวิตอยูในน้ํา พยาธิเหลานี้
จะมรี ะยะติดตอ ตอนท่ีอาศัยอยูในน้ํา โดยจะเขาสูรางกายคนโดยการไชเขา
ทางผิวหนังหรือรับประทานสัตวน้ําที่ไมไดทําใหสุก ดังน้ันการจัดระบบ
สุขาภบิ าลท่ีดี จึงเปนการปอ งกนั มิใหพยาธิเหลาน้ปี นเปอนในสิ่งแวดลอม

ประเภทท่ี 6 การติดเช้ือโดยมีแมลงเปนพาหะ ไดแก ยุง แมลงวัน
โดยยุงพวก Culex pipines จะสามารถสบื พันธไุ ดในนํ้าเสยี โดยเช้ือจะติด
ไปกับตัวแมลง เมื่อสัมผัสอาหารเชื้อก็จะปนเปอนกับอาหาร การจัดระบบ
สุขาภบิ าลที่ดจี งึ เปนการปองกันพาหนะเหลานี้

ดังน้ัน แนวทางหน่ึงในการควบคุมการแพรกระจายของเชื้อโรค คือ
จะตองจัดระบบสุขาภิบาลต้ังแตระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับชุมชนให
ถูกตอ งเหมาะสมและควรมีระบบการจดั การบาํ บดั นํ้าเสียรวมของชมุ ชนและ

คู่มอื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 7

การระบายนํ้าท่ีดีเพ่ือกําจัดเชื้อโรคและปองกันการแพรพันธุของสัตวพาหะ
ในนาํ้ ทิ้งไดกอนทจี่ ะระบายลงสูแ หลงนํ้าสาธารณะหรอื ออกสสู ง่ิ แวดลอม
1.5 การควบคุมการเกิดมลพษิ ทางนาํ้

การควบคุมการเกิดมลภาวะทางน้ํา ก็คือการไมปลอยสารมลพิษลง
แหลงน้ําหรือปลอยใหนอยลงเทาท่ีจะทําได หากเกิดมลพิษทางน้ําขึ้นแลว
จะตองมีการกําจัดมลพิษในนํ้าใหเหลือนอยที่สุด ซึ่งการกําจัดนํ้าเสียทําได
หลายวธิ ี ดังนี้

การกําจัดนาํ้ เสยี โดยวิธธี รรมชาติ (self purification) แหลงน้ําใน
ธรรมชาติจะมีจุลินทรียหลายชนิดปะปนอยูทั่วไป ปริมาณของเช้ือจุลินทรีย
เหลาน้ีมีมากบางนอยบางขึ้นอยูกับแหลงนํ้าไดรับการปนเปอนจากน้ําเสีย
หรือส่งิ สกปรกมากนอยเพียงใด จุลนิ ทรียในแหลงธรรมชาติทม่ี ีการปนเปอ น
จากส่ิงสกปรกนอยโดยทั่วไปจะเปนจุลินทรียชนิดแบคทีเรียที่ใชออกซิเจน
ทาํ หนา ทกี่ าํ จดั สารมลพิษในนํ้าเสยี โดยธรรมชาติ การยอยสลายสารมลพิษ
ท่ีเปนสารอินทรียโดยแบคทีเรียทําใหลดการเนาเสียของแหลงน้ํา หากมี
การควบคุมจํานวนแบคทีเรียใหอยูในชวงที่เหมาะสมไมมากจนเกินไปจนทํา
ใหออกซิเจนในนํ้าขาดแคลน หรือมีนอยจนเกินไปจนทําใหแบคทีเรียใน
น้ํายอยสลายสารอินทรียไมทัน นอกจากนั้นยังตองควบคุมปริมาณ
ออกซิเจนในน้ําใหมีมากพอ โดยจัดการใหอากาศในน้ํามีการหมุนเวียน
ตลอดเวลา เชน จัดต้ังเคร่ืองตีน้ําหรือเคร่ืองเติมอากาศเพื่อเติมอากาศลง
ในนา้ํ หรือการพนอากาศลงในนา้ํ เปนตน

การทาํ ใหเ จือจาง (Dilution) เปนการเติมน้ําจํานวนมากพอที่ทําให
สารมลพษิ เจือจางลง เชน การระบายนํ้าเสียลงแมน า้ํ การเจือจางจะขนึ้ กับ
ปรมิ าตรของน้าํ ทเ่ี ติม ซง่ึ จะตองคาํ นงึ ถึงปริมาณของเสยี ที่แหลง นํ้าสามารถ
รับไวดวย น่ันคือปริมาตรน้ํามากจะทําใหเกดิ การเจือจางขึ้น (ประเทศไทย

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 8

การเจือจางปริมาณความสกปรกหรือปริมาณของเสียถือวาผิดกฎหมาย
เนือ่ งจากทาํ ใหแ หลงนาํ้ มีการปนเปอนของของเสีย ถึงแมป รมิ าณของเสียถกู
เจือจางไปแลวก็ตาม) อยางไรก็ตามของเสียเหลานน้ั กถ็ กู ระบายลงแหลง น้ํา
ทาํ ใหส ิ่งมีชีวติ ในแหลง น้าํ ไดรับผลกระทบดวย

การนํานํ้ากลับมาใชใ หม (Reclamation) วิธีนี้เปนการทําน้ําเสียให
กลับมาเปนนํ้าดีเพื่อนํามาใชตอ โรงงานอุตสาหกรรมที่ตองใชนํ้าในปริมาณ
มากในกระบวนการผลิตสวนใหญนิยมนํานํ้ากลับมาใชใหม (Reclamation)
จะเกดิ ผลดคี อื ลดปริมาณของเสยี ทปี่ ลอยออกจากโรงงาน ลดตน ทุนการผลิต
ลดปญหาการหาแหลงน้าํ ใหมส ําหรับใชใ นกระบวนการผลิต เนื่องจากนําน้ําท่ี
ใชแ ลว กลับมาใชใหมไดอกี นํ้าที่นํากลับมาใชใ หม (Reclaimed Water) นี้
อาจมีคุณสมบัติดีกวาหรือดอยกวาน้ําท่ีใชครั้งแรกข้ึนอยูกับกระบวนการ
ปรบั ปรุงคณุ ภาพนํ้าเสยี ทีน่ ํามาปรับปรงุ และนาํ กลบั มาใชใหม สว นใหญจ ะมี
คณุ ภาพดอยกวานาํ้ ท่ีใชใ นครงั้ แรก ดังนน้ั จึงนาํ ไปใชเ ปน นํา้ ในกระบวนตั้งตน
การผลติ ทําความสะอาด และรดตนไม เปน ตน

การควบคุมการปลอยนํ้าเสียลงสูแหลงน้ํา เปนการปองกันและ
ลดการนาํ สารมลพษิ ลงสูแหลง นํ้า วิธีการควบคุมมีหลายวิธี เชน การตดิ ตัง้
ระบบเตือนภัยเมื่อน้ําท้ิงท่ีระบายลงสูแหลงน้ํามีคาความสกปรกเกิน
มาตรฐานท่ีกําหนด (นิยมใชในการควบคุมคุณภาพนํ้าทิ้งกอนระบายลง
แหลง น้ําในประเทศสาธารณรัฐเกาหล)ี และการกอสรางและติดตัง้ อุปกรณ
สูบสงนํ้าเสียในระบบรวบรวมน้ําเสียท่ีออกแบบใหทอรวบรวมนํ้าเสียและ
ทอนํ้าฝนเปนทอเดียวกัน (Combined System) โดยในชวงเวลาท่ีฝนไมต ก
ปริมาณน้ําเสียในระบบรวบรวมมีนอย อุปกรณจะถูกออกแบบใหสูบน้ําเสีย
ไปบําบัด แตในชวงมีฝนตกปริมาณนํ้าเสียรวมปะปนอยูกับน้ําฝนมีปริมาณ
มาก ระบบรวบรวมถกู ออกแบบยอมใหนํ้าเสียที่เจือจางอยูกับน้ําฝนระบาย

ค่มู ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 9

ลงแหลงน้ํา สําหรับแหลงนํ้าที่เกิดภาวะนํ้าเนาเสียแลวอาจจะตองใช
มาตรการทางกฎหมายบงั คบั ไมใหท้งิ ส่ิงปฏกิ ูลของเสยี ลงในแหลง นํ้านั้น

การบําบัดนํ้าเสีย เปนการใชวิธีทางธรรมชาติแลทางวิทยาศาสตร
บําบัด/ปรับปรุงนํ้าเสียเพ่ือลดความสกปรกกอนระบายออกสูส่ิงแวดลอม
โดยท่ัวไปจะใชวิธีการเรงเวลาการปรับปรุงคุณภาพน้ําใหเร็วข้ึนกวาที่จะใช
ธรรมชาติบําบัด เชน การเพิ่มปริมาณออกซิเจนโดยการเติมอากาศเพื่อให
แบคทีเรียยอยสลายของเสียในน้ําเสีย การใชส ารเคมีตกตะกอนสีและสาร
แขวนลอยในนํ้าเสีย การใชแรงเหวี่ยงเพ่ือเรงการตกตะกอนของแข็ง และ
ของแข็งลอยนา้ํ ในนาํ้ เสีย เปนตน

การกักเก็บของเสียไวระยะหน่ึงกอนปลอยออกจากแหลงผลิต
(Detention) วิธีนี้อาศยั ขบวนการทางธรรมชาติ โดยการปลอยใหของเสีย
สลายตัวเองตามธรรมชาติในชวงเวลาท่ีกักเก็บไวและตองใชเวลานาน
ซ่ึงระยะเวลาเก็บกักตองเพียงพอใหจ ุลินทรียใ นน้ําเสียยอ ยสลายสง่ิ สกปรก
สารอนิ ทรียหรือของเสยี ในนาํ้ เสยี จนเหลือความสกปรกนอยกอนระบายออก
สูสงิ่ แวดลอ ม

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 10

บทที่ 2
กระบวนการบาํ บดั นํ้าเสยี
(Wastewater Treatment Process)

มลพิษทางนํ้า เปน น้ําที่มีสารหรอื สิ่งปฏิกูลท่ไี มพงึ ปรารถนาปนอยู

การปนเปอ นของสิ่งสกปรกเหลา นี้ทําใหคุณสมบตั ขิ องนา้ํ เปล่ียนแปลงไปจน
อยูในสภาพที่ไมสามารถนาํ กลบั มาใชประโยชนได ส่ิงปนเปอนท่ีอยใู นนํ้าเสยี
ไดแก นํา้ มนั ไขมนั ผงซกั ฟอก สบู ยาฆาแมลง สารอินทรยี ท่ที าํ ใหเ กิดการ
เนาเหม็นและเชอ้ื โรคตางๆ สําหรบั แหลง ท่ีมาของมลพิษทางนํ้าสวนใหญม า
จากน้ําเสียของแหลงชุมชน จากกิจกรรมสําหรับในการดํารงชีวิตของคน
เชน อาคารบานเรือน หมบู า นจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรม ตลาดสด
โรงพยาบาล เปนตน

ปญหาของนํ้าเสียเกดิ ข้ึนพรอมๆกับการเจริญเติบโตของชุมชนและการ
เพิม่ ขึ้นของการผลติ ภาคอตุ สาหกรรม และการเพิ่มผลผลิตภาคเกษตรกรรม
นํ้าเสียเกิดข้ึนจากการใชนํ้าเพ่ือใชประโยชนตางๆในการอุปโภคบริโภคและ
จากกระบวนการผลิต น้ําเสียกอ ใหเ กิดปญหาแกแ หลง รองรับน้ํา ทําใหเกิด

คมู่ อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 11

การเนาเหม็นหรือเปนอนั ตรายตอส่ิงมีชีวิตในนํ้าซึ่งเปนหวงโซอาหารของคน
และสัตว สิ่งเจือปนท่ีมีอยใู นน้ําเสีย ไดแ ก สารอินทรยี  กรด ดา ง ของแข็ง
สารแขวนลอย นํ้ามัน ไขมัน เกลอื และแรธาตทุ เ่ี ปนพิษ สารกัมมันตภาพรังสี
สารที่ทําใหเกิดความรอ น สี และกลิ่น เปนตน ในอดีตปริมาณน้ําเสียที่
เกดิ ขึ้นมีปรมิ าณไมมากนัก เม่อื ระบายลงสูแหลงนํ้าสาธารณะธรรมชาติจะ
สามารถทําความสะอาดน้ําเสียไดอยางทันทวงที อยางไรก็ตามเมื่อมีการ
ขยายตัวของชุมชนและมีการพัฒนาประเทศในดานตางๆ เพิ่มข้ึน นํ้าเสยี มี
ปรมิ าณเพิ่มขึ้นจนถึงจดุ ท่ีธรรมชาติไมส ามารถบาํ บัดได แหลง น้ําจึงเกิดการ
เนาเสียและเส่ือมคุณภาพลง ดังนั้น ภาครัฐจึงออกกฎหมายในการควบคุม
มาตรฐานน้าํ ท้งิ จากแหลงกําเนิดตางๆ เพือ่ ใหแหลงกาํ เนิดตอ งบาํ บัดนํ้าเสยี
ใหไดตามมาตรฐานน้าํ ทิ้งกําหนดกอนระบายออกสูแหลงนํ้าสาธารณะตอไป
กระบวนการบําบัดนํ้าเสียสามารถแบง เปน ข้นั ตอน ไดด งั น้ี
2.1 การบําบัดข้นั เตรียมการและข้นั ตน (Preliminary Treatment /

Primary Treatment)
สว นใหญเปน การบําบัดเพ่ือแยกทราย กรวด และของแข็งหรือเศษวัตถุ
ที่ไมละลายน้ําออกจากน้ําเสีย เปนการลดปริมาณของแข็งและนํ้ามันหรือ
ไขมันท่ีปะปนอยูในนํ้าเสีย การบําบัดน้ําเสียขั้นน้ีสามารถกําจัดของแข็ง
แขวนลอยไดรอยละ 50-70 และกําจัดสารอินทรียซึ่งวัดในรูปของบีโอดีได
รอ ยละ 25-40 ประกอบดวย
การกําจัดดวยตะแกรงหยาบ (Screening) เปนการกําจดั เศษวัตถุ
ของแข็งขนาดใหญโ ดยใชตะแกรง โดยท่วั ไปตะแกรงที่ใชมี 2 ประเภท คือ
ตะแกรงหยาบและตะแกรงละเอียด การใชต ะแกรงชนิดใดข้ึนกบั ขนาดวัตถุ
ท่ีตองการกรองออกจากนํ้าเสีย แตตองพิจารณาการทําความสะอาด
ตะแกรงบอยคร้ัง หากมีการอุดตันของตะแกรงเน่ืองจากเลือกตะแกรงที่มี

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 12

รองละเอียดเกินไป โดยตอ งคํานึงถึงวัสดุท่ีใชทําตะแกรง ถา นํ้าเสยี มคี วาม
เปนกรด-ดางคอนขางสูง ควรเลือกใชวัสดุที่ทนตอการกัดกรอน เชน โลหะ
แสตนเลส เปนตน

บอดักกรวดทราย (Grit Chamber) เปนการกําจดั พวกกรวดทราย
โดยการแยกใหตกตะกอนในรางดักกรวดทราย ในระบบบําบัดนํ้าเสียบาง
แหงอาจเพิ่มการหมุนเวียนของน้ําเสียในบอนี้เพ่ือใหเศษวัสดุที่เปนของแข็ง
ตกตะกอนแยกจากเศษวัสดทุ ่ีมขี นาดเบากวา

ถังตกตะกอนเบ้อื งตน (Primary Sedimentation tank) คอื ถัง
ตกตะกอนที่ทําหนาท่ีแยกตะกอนตางๆ ออกจากน้ําเสียกอนที่จะไหลไปลง
ถังบําบัดนํ้าเสียดวยวิธีชวี วิทยา กระบวนการน้จี ะเปนการเพิ่มเวลาใหเศษ
วัสดุขนาดเล็กตกตะกอนลงกนบอมากข้ึน แตมีขอเสีย คือ ตองใชพ้ืนที่เพิ่ม
มากขึ้นสําหรบั กอ สรา งบอตกตะกอนเบอื้ งตน

บอดักไขมนั และนํ้ามนั (Oil and Grease Removal) น้ํามันและ
ไขมนั จะพบมากในน้าํ ท้งิ จากบานเรือน รานอาหาร สถานีจาํ หนายน้ํามัน และ
โรงงานอตุ สาหกรรมประเภทที่มไี ขมนั การกําจดั นํ้ามันและไขมันมีอยูด วยกนั
หลายวิธี เชน การเติมคลอรีนรวมกับการเปาอากาศ การทําใหลอย
(Flotation) แลว เก็บกวาดออกจากผวิ น้ํา การเพม่ิ อุณหภูมิ เพื่อชว ยลดคา
ความถวงจําเพาะของนํ้ามันหรือไขมันทําใหลอยข้ึนมาไดมาก เปนตน
ขัน้ ตอนน้ีจะชวยลดปริมาณความสกปรกท่ีเกิดจากน้ํามนั และไขมันลงไดมาก
ท้ังยังชวยเพิ่มการละลายของออกซิเจนลงในนํ้าเสียในขั้นตอนการเติม
อากาศซึ่งเปน ขัน้ ตอนตอไปดว ย
2.2 การบาํ บดั ขน้ั ทส่ี อง (Secondary Treatment)

เปนการบําบัดน้ําเสยี โดยการกาํ จัดสารอินทรียและสารแขวนลอยออก
จากนํ้าเสียโดยกระบวนการทางชีวภาพและ/หรือกระบวนการทางเคมี ซึ่ง

คูม่ อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 13

การบําบัดน้ําเสียในข้ันนี้เปนกระบวนการทางชีวภาพสามารถกําจัด
สารแขวนลอยและสารอินทรียซ่ึงวัดในรูปของบีโอดีลงไดประมาณรอยละ
75 - 95 ขึ้นอยกู บั ระบบที่ใช หากเปนระบบบําบดั นํ้าเสยี ชมุ ชนขนาดใหญ
นิยมใชระบบบําบัดนํ้าเสียที่ใชกระบวนการทางชีวภาพที่ใชจุลินทรียแบบใช
ออกซิเจนในการบําบัด เน่ืองจากใชเวลาและคาใชจายบําบัดนอยกวา
กระบวนการบําบัดโดยใชสารเคมี น้ําท้ิงท่ีบําบัดแลวมีความสกปรกนอย
และประสิทธิภาพการบําบัดสูงกวาระบบที่ไมใชออกซิเจน แตมีขอเสีย คือ
มีคาใชจ ายในการเติมออกซิเจนลงในนาํ้ เสีย และเกิดตะกอนจุลินทรียมากใน
ระบบบําบัดที่ตองเพ่ิมข้ันตอนการกําจัด อยางไรก็ตาม ในบางชนิดของ
ระบบบําบัดแบบใชจุลินทรียประเภทใชออกซิเจน เชน ระบบบอผึ่ง
(Stabilization Pond หรือ SP) ซึ่งใชพ ื้นท่ีกอ สรา งมาก บอจะปลอยให
ออกซเิ จนในอากาศละลายในน้ําเสยี ไดโดยธรรมชาติจงึ ไมจาํ เปน ที่ตองตดิ ตง้ั
เคร่ืองจักรกลในการเติมอากาศใหแกนํ้าเสีย แตสําหรับการบําบัดนํ้าเสียท่ี
ใชกบั บานเรือนทีอ่ ยอู าศัยเฉพาะแตล ะหลังนิยมใชกระบวนการบําบัดโดยใช
จลุ นิ ทรียท ง้ั แบบไมใ ชออกซิเจน (Anaerobic Microorganism) และแบบกง่ึ
ใชออกซิเจน (Facultative Microorganism) ซ่ึงมีอยูในนํ้าเสียอยูแลว
ดังนนั้ ระบบบําบดั นา้ํ เสียของบานเรอื นทั่วไปจงึ มคี า ใชจ า ยไมส งู มากนกั
2.3 การบําบดั ขน้ั ท่ีสาม (Tertiary Treatment)

เปนการบําบัดเพื่อนําสารเคมี สาหราย ไขพยาธิ ตัวออนสัตวพาหะ
นําโรคออกจากนํ้าเสียกอ นระบายสสู งิ่ แวดลอม การบําบดั ข้ันที่ 3 น้ีมีหลาย
กระบวนการใหเลอื กซ่งึ ขนึ้ อยูวาตองการกําจัดสิ่งสกปรกชนิดใดออกจากน้ํา
กอนระบายทิ้ง ซึ่งกระบวนการที่นิยมใชเหลานี้ เชน การฆาเชื้อโรค
(Disinfection) ดวยการเติมคลอรีนหรือใชแ สงอลั ตราไวโอเล็ท หรือ การ
ใชโอโซนเพื่อฆาเชื้อจุลินทรีย ไขพยาธิ ตัวออนของสัตวพาหะ และการใช

คูม่ ือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 14

สารเคมีตกตะกอนเพ่ือกําจัดฟอสฟอรัสท่ีจะทําใหเกิดยูโทรฟเคชั่น หรือ
ภาวะสาหรายบานสะพรง่ั ในแหลง นํา้ เปน ตน
2.4 การบาํ บดั ขัน้ สูง (Advance Treatment)

ระบบบาํ บดั นาํ้ เสียสว นใหญมกั ไมพ บกระบวนการบําบัดน้ี เนื่องจากการ
บําบัดขั้นสูงเปนกระบวนการกําจัดสารอาหาร ท่ียังคงเหลือคางอยูในน้ําท้ิง
เชน ไนโตรท ไนไตรท ฟอสเฟต สี สารแขวนลอยที่ตกตะกอนยากและอ่นื ๆ
นอกจากน้ียังชวยปองกันการเติบโตผิดปกติของสาหรายท่ีเปนสาเหตุทําให
เกิดน้ําเนา แกไขปญหาความนารังเกียจของแหลงนํ้าอันเน่ืองจากสี และ
แกไขปญหาอ่นื ๆ ซ่งึ ยังไมไดถูกกําจัดโดยกระบวนการบาํ บัดข้ันท่ีสอง ท้ังนี้
กระบวนการน้จี ะใชเมื่อตอ งการนํ้าทิ้งท่ีมคี ุณภาพสูง โดยสวนใหญจ ะใชเม่ือ
ตองระบายนํ้าท้ิงลงแหลงนํ้าที่มีความสําคญั หรือตอ งการนํานํ้าท้ิงกลับมา
ใชป ระโยชนซ้ําอกี (reuse and reclamation) ในปจ จบุ ันข้นั ตอนนี้ไดมีการ
พัฒนานํามาใชอยางกวางขวาง โดยเฉพาะในพ้ืนที่ที่ขาดแคลนนํ้า ซ่ึง
กระบวนการเหลานี้ไมเพียงเฉพาะใชบําบัดน้ําเสียเทานั้น แตเปน
กระบวนการที่ถูกพัฒนาข้ึนเพื่อใชปรับปรุงคุณภาพนํ้าดิบเพื่อนําไปอุปโภค
บริโภคกอน แลวจึงถูกนํามาประยุกตใชในการจัดการนํ้าเสียขั้นสูงในท่ีสุด
กระบวนการท่ีนิยมใชในการบําบัดขั้นนี้ เชน การกรองดวยวิธีการตางๆ
(ระบบกรองยอนกลับ หรือ reverse osmosis การใชเย่ือกรอง หรือ
membrane filtration) และการกรองสารละลายน้ํา (Demineralization)
เปน ตน โดยกระบวนการเหลา น้ีจัดใหมเี พิม่ เตมิ เพือ่

- การกําจัดสารประกอบพื้นฐานของฟอสฟอรัส เชน ออโธฟอสเฟต
ซง่ึ มที ้ังแบบใชก ระบวนการทางเคมีและกระบวนการทางชีวภาพ

- การกําจัดสารประกอบพื้นฐานของไนโตรเจน เชน ไนเตรท ไนไตรท
ซงึ่ มีทั้งแบบใชก ระบวนการทางเคมแี ละแบบใชก ระบวนการทางชีวภาพ โดย

คูม่ อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 15

วิธกี ารทางชวี ภาพมี 2 ขน้ั ตอน คือ ข้นั ตอนการเปล่ียนแอมโมเนียไนโตรเจน
ใหเปนไนเตรทที่เกิดขึ้นในสภาวะแบบใชออกซิเจน หรือที่เรียกวา
"กระบวนการไนทริฟเคชั่น (Nitrification)" และขั้นตอนการเปล่ียนไนเทรต
ใหเปนกาซไนโตรเจนซ่ึงเกิดขึ้นในสภาวะไรออกซิเจน หรือท่ีเรียกวา
"กระบวนการดไี นทริฟเคช่นั (Denitrification)"

- การกรอง (Filtration) เปนการกําจัดสารท่ีไมตองการโดยวิธีการ
ทางกายภาพ ไดแ ก สารแขวนลอยท่ตี กตะกอนไดยาก เปน ตน

- การดูดตดิ ผิว (Adsorption) เปนการกาํ จัดสารอนิ ทรียท่ีมใี นน้ําเสีย
โดยการดดู ตดิ บนพ้ืนผวิ ของของแขง็ รวมถึงการกาํ จัดกลิน่ หรือกาซท่เี กิดขน้ึ ดว ย

- การฆาเชื้อโรค นํ้าท้ิงท่ีผานระบบบําบัดนํ้าเสียตองไดรับการบําบัด
ขั้นสุดทายโดยการฆาเช้ือโรคกอนปลอยท้ิงลงสูแหลงน้ํา เพ่ือฆาเชื้อโรค
บางตัวที่เปนสาเหตุใหเกิดโรคกบั สงิ่ มชี วี ิตในนํ้าและตอมนุษยโดยใชส ารเคมี
เชน ปนู คลอรีน กาซโอโซน และสาร H2O2 เปนตน กระบวนการฆา เช้ือที่
นยิ มใชค อื บอ บม และถงั สมั ผัสคลอรีน
2.5 การบําบัดกากตะกอนหรอื สลัดจ (Sludge Treatment)

ระบบบําบัดน้ําเสียท่ีใชหลักการทางชีวภาพจะมีกากตะกอนจุลินทรีย
หรือสลัดจเปนผลผลิตตามมาดวยเสมอ ซ่ึงเปนผลจากการเจริญเติบโตของ
จุลินทรียในการกินหรือยอยสลายสารอินทรียในน้ําเสีย จึงจําเปนตองกําจัด
สลัดจเพื่อไมใหเกิดปญหาการเนาเหม็น การเพ่ิมภาวะมลพิษและเปนการ
ทําลายเช้ือโรคดวย นอกจากน้ีการลดปริมาตรของสลัดจโดยการกําจัดน้ํา
ออกจากสลัดจ ชวยใหเกิดความสะดวกในการเก็บขนไปกําจัดท้ิงหรือนําไปใช
ประโยชนอ ่ืนๆ การกาํ จดั สลดั ประกอบดว ยกระบวนการหลกั ๆ ดงั นี้

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 16

การทําขน (Thickener) โดยใชถ ังทําขนซ่ึงมที ง้ั ท่ีใชกลไกการตกตะกอน
(Sedimentation) และใชกลไกการลอยตัว (Flotation) ทําหนาท่ีในการลด
ปริมาณสลัดจก อ นสงไปบาํ บัดโดยวธิ กี ารอนื่ ตอ ไป

การทําใหส ลัดจค งตัวหรอื การลดปรมิ าณเนื้อสลัดจ (Stabilization
หรือ Digestion) โดยการยอยสลัดจดวยกระบวนการใชอากาศ หรือใช
กระบวนการไรอากาศเพื่อใหจุลินทรียในสลัดจยอยสลายกันเอง ทําให
ปรมิ าณสลดั จค งตวั ไมเ พิม่ ปริมาณมากขนึ้ และสามารถนาํ ไปทิ้งไดโดยไมเกิด
การเนา เหมน็ รุนแรง

การปรับสภาพสลัดจ (Conditioning) ทําใหสลัดจมีความเหมาะสม
กับการนําไปใชประโยชนตอไป เชน ทําปุย การใชปรับสภาพดินสําหรับใช
ทางการเกษตร เปนตน

การรีดนํา้ (Dewatering) เพื่อลดปริมาณสลดั จที่จะนําไปทิ้งโดยการ
ฝงกลบ การเผา หรือนําไปใชประโยชนอื่น โดยสลัดจท ่ีไดจากกระบวนการนี้
จะมีลักษณะเปนกอน (Cake) คลายกอนตะกอนดินท่ัวไป ทําใหเกิดความ
สะดวกในการขนสง โดยอุปกรณท่ีใชในการรีดนํ้า ไดแก เคร่ืองกรอง
สญู ญากาศ (Vacuum filter) เคร่ืองอดั กรอง (Filter press) หรือเคร่ือง
กรองหมนุ เหว่ยี ง (Centrifuge) และงลานตากสลดั จ (Sludge drying bed)
2.6 การกาํ จัดตะกอน

สลดั จท ี่ไดจ ากการบําบดั นํา้ เสียจะไดรับการบําบดั ใหมีความคงตวั
ไมมีกลิ่นเหม็น และมีปริมาตรลดลง เพื่อความสะดวกในการขนสง ในข้ัน
ตอมากค็ ือ การนําสลัดจเหลานน้ั ไปกําจัดท้งิ โดยวธิ ีการทเ่ี หมาะสม ดงั น้ี

การฝงกลบ (Landfill) เปนการนําสลัดจมาฝง ในที่ที่เตรียมไว
และกลบดว ยชนั้ ดินทบั หนาอีกช้ันหน่ึง

ค่มู ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 17

การหมักทําปุย (Composting) เปนการนําสลัดจมาหมักตอ
เพ่ือนําไปใชเปนปุย ซ่ึงเปนการนําสลัดจกลับมาใชประโยชนในการเปนปุย
สําหรับปลูกพืช เนื่องจากในสลัดจประกอบดวยธาตุอาหารท่ีจําเปนในการ
เจรญิ เติบโตของพืช ไดแก ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั และแรธาตุตา งๆ

การเผา (Incineration) เปนการนําสลัดจท่ีจวนแหง (ความชื้น
ประมาณรอยละ 40) มาเผา เพราะไมสามารถนําไปใชทําปุยหรือฝงกลบได
การเผานี้เหมาะที่จะใชกับสลัดจท่ีมาจากตะกอนจุลินทรียของระบบบําบัด
นํ้าเสียจากสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลที่ตองการทาํ ลายเชอ้ื จุลินทรียท ี่
ยังคงเหลืออยู

รปู ที่ 2 -1 แสดงกระบวนการบําบดั นํา้ เสยี จากกิจกรรมประเภทตางๆ

ค่มู อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 18

บทที่ 3
หนว ยบําบัดนํ้าเสยี (Unit Operation)

การเลือกระบบบาํ บัดนาํ้ เสยี ข้ึนกับปจจัยตา งๆ ไดแ ก ลกั ษณะของนํา้ เสีย
ระดับการบําบัดนํ้าเสียท่ีตองการ สภาพทั่วไปของทองถิ่น คาลงทุนกอสราง
และคาดําเนินการดูแลและบํารุงรักษา และขนาดของท่ีดินท่ีใชในการกอสราง
เปน ตน ทั้งนเ้ี พือ่ ใหร ะบบบาํ บดั นํา้ เสียที่เลือกมีความเหมาะสมกับแตล ะทองถิ่น
ซึ่งมีสภาพแวดลอมที่แตกตางกัน การบําบัดน้ําเสียสามารถแบงไดตามกลไก
การกําจัดสิง่ เจือปนในน้ําเสยี ได 3 ประเภทใหญๆ ดงั นี้

3.1 การบาํ บัดทางกายภาพ (Physical Treatment)
เปนวิธีการแยกเอาสิ่งเจือปนออกจากนํ้าเสีย เชน ของแข็งขนาดใหญ

พลาสติก เศษอาหาร กรวด ทราย ไขมันและนํ้ามัน โดยใชอุปกรณบําบัด
ทางกายภาพ คือ ตะแกรงดักขยะ ถังดักกรวดทราย ถังดักไขมันและน้ํามัน
และถังตกตะกอน ซึ่งจะเปนการลดปริมาณของแข็งทั้งหมดท่ีมีในนํ้าเสียเปน
หลัก อปุ กรณทีใ่ ชในการบาํ บดั น้ําเสียทางกายภาพ ไดแ กตะแกรงหยาบและ
ตะแกรงละเอยี ด ถงั ดักกรวดทราย ถงั ดักไขมนั ถังตกตะกอน เปนตน

ตะแกรงหยาบและตะแกรงละเอียด
(Bar Screen) ตะแกรงหยาบใชสําหรับดัก
ส่ิ ง ข อ ง ที่ ล อ ย น้ํ า เ ช น เ ศ ษ ผ า ใ บ ไ ม
ถุงพลาสติก ฯลฯ ตะแกรงละเอียดจะมีขนาด
ตาเล็กกวาตะแกรงหยาบและใชดักส่ิงของที่มี
ขนาดเล็ก ตะแกรงทั้งสองน้ีชวยปองกันมิให
เคร่ืองสูบนํ้าอุดตัน

รปู ท่ี 3 – 1 ตะแกรงกรองเศษวัสดุ

คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 19

ถังดักกรวดทราย (Grit Chamber) รูปแบบการสรางเปนถงั หรือ
บอคอนกรีตท่ีมีขนาดข้ึนกับปริมาณน้ําเสียที่จะบําบัด การออกแบบให
สามารถดักจับกรวดทรายในนํ้าเสียที่ไหลผานและตกลงสูกนถังที่ถูก
ออกแบบเฉพาะใหมีลักษณะเปนกรวยหรือชองสอบเขาเพื่อดักกรวดทราย
ออกจากนํ้าเสยี โดยอาศัยหลักการแรงโนม ถว งใหเศษกรวยทรายท่ีหนักตก
ลงกนถังหรือบอ ในระบบบําบัดนํ้าเสียขนาดใหญจะมีอปุ กรณประกอบเปน
รอกและกะบะเหล็กตกั กรวดทรายท่ีตกอยูกน ถังไปแยกกําจัดทิ้ง หรือถาถัง
หรอื บอ ดกั กรวยทรายมขี นาดไมล ึกมากนักสามารถตกั ขนยายดวยแรงคนได
มีขอพึงระวังอันตราย คือ กรวยทรายที่สะสมอยูกนถังรวมกับเศษส่ิง
สกปรกอาจมีการหมกั หมมใหเ กดิ แก็สพิษ เชน กาซมีเทน (CH4) กาซไขเ นา
(H2S) ได ดังน้นั การตกั กรวยทรายโดยใชแรงคนจึงตอ งเพ่มิ ความระวังดว ย
การถายเทหมนุ เวียนไลอากาศภายในบอใหผสมเจือจางกบั อากาศภายนอก
จนกา ซท่เี หลอื อยูในถงั ถูกเจอื จางไปจนหมดจงึ เขาดาํ เนนิ การ

ถักดกั ไขมันและนํ้ามัน (Oil and Grease Trap) นํ้าเสยี หลาย
ประเภทมีน้ํามันหรือไขมันปนอยูดวย เน่ืองจากไขมันหรือน้ํามันมีความ
ถวงจําเพาะนอยกวาน้ําจึงลอยตัวอยูเ หนือน้ํา จึงแยกผิวหนาน้ําท่ีไขมันและ
น้ํามันลอยอยูบนผิวนํ้าออก สวนนํ้าเสียท่ีอยูตอนลางจะมีทางออกอยูตรง
สวนลางของถังหรือบอดักไขมัน นํ้าเสียสวนใหญมีอุณหภูมิสูงประมาณ 50
– 80 องศาเซลเซียส ทําใหไขมันและนํ้ามันที่ปะปนมากับน้ําเสียผสมกับ
นํ้าเสียเปนเนื้อเดียวกัน การแยกไขมันและนํ้ามันออกจากน้ําเสียประเภทนี้
ตองใชเ วลานานกวาปกติใหนํ้าเสยี เย็นลงสอู ณุ หภูมปิ กติ น้ํามันหรือไขมันจะ
ลอยแยกออกจากชัน้ นํ้าเสีย ซึง่ สามารถแยกไปกาํ จดั ได

คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 20

ดังนั้นในการออกแบบขนาดของถังหรือบอดักไขมันและน้ํามันจึงตอง
คาํ นงึ ถึงปรมิ าณไขมันและน้าํ มันและอณุ หภูมิของน้ําเสยี ทเี่ ขาระบบบาํ บัดดวย

รปู ท่ี 3 – 2 ลกั ษณะภายในของถังดักไขมนั และนา้ํ มัน

ถังตกตะกอน ของแข็งหรือสารแขวนลอยที่ลอยผานตะแกรงมาได
จะถูกบําบดั ออกจากนํ้าเสียดวยถงั ตกตะกอนซ่ึงเปนถงั ขนาดใหญท่ีเปนท่ีพกั
นาํ้ เสยี เมอ่ื นํา้ เสียไหลเขามาในถังตกตะกอน น้ําเสยี จะอยูในถังนี้ 2 - 4 ชม.
ทําใหของแข็งที่ยังแขวนลอยอยูมีเวลาตกตะกอนลงสูกนถัง น้ําเสียที่ไหล
ออกไปจงึ มีสารแขวนลอยเหลอื นอย ถังตกตะกอนมบี ทบาทอยใู นการบําบัด
นํ้าเสียแบบตางๆ เกือบทุกประเภทและถือเปนหนวยสําคัญในการกําจัด
ของแข็งแขวนลอยในน้ํา ในหนวยการบําบัดน้ําเสียของแหลงกําเนิดสวน
ใหญ จะปรับใหถังตกตะกอนเบ้ืองตนนี้เปนถังผสมน้ําเสีย หรือ
Equalization Tank เพือ่ เปนถังสําหรับปรับน้ําที่มีความสกปรกแตกตางกนั
ใหมีลักษณะที่มีคุณสมบัติเดียวกัน และยังชวยในการสูบสงนํ้าเสียเขาสู
ระบบบําบัดในปริมาณสม่ําเสมอตลอดชวงการทํางานของระบบบําบัด

คูม่ ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 21

3.2 การบําบัดทางเคมี (Chemical Treatment)
เปนวิธกี ารบําบัดนํ้าเสียโดยใชกระบวนการทางเคมี เปนการใชสารเคมี

หรือการทําใหเ กดิ ปฏิกิรยิ าเคมเี พือ่ บําบดั นาํ้ เสยี โดยมวี ตั ถุประสงค
­ เพื่อรวมตะกอนหรือของแข็งแขวนลอยขนาดเล็กในน้ําเสียใหโต

พอท่ีจะตกตะกอนไดงาย เรียกตะกอนนี้วา Floc และกระบวนการน้ีวา
การสรา งตะกอน (coagulation) และการรวมตะกอน (flocculation)

­ เพื่อใหของแข็งท่ีละลายในนํ้าเสียใหกลายเปนตะกอน หรือทําใหไม
สามารถละลายนา้ํ ไดเรียกกระบวนนี้วา การตกตะกอนผลึก (precipitation)

­ เพ่ือทําการปรับสภาพน้ําเสียใหมีความเหมาะสมที่จะนําไปบําบัด
ดวยกระบวนการอ่ืนตอไป เชน การทําใหน้ําเสียมีความเปนกลางกอนแลว
นําไปบําบัดดวยวธิ ีทางชีวภาพ เปน ตน

­ เพื่อทําลายเช้ือโรคในนํ้าเสียกอนปลอยลงสูแหลงนํ้าตามธรรมชาติ
หรือกอ นทีจ่ ะบําบัดดว ยวิธีการอ่ืนๆ ตอ ไป

โดยท่ัวไปแลวการบําบัดน้ําเสียดวยวิธีทางเคมีนี้มักจะทํารวมกันกับ
หนวยบําบัดน้ําเสียทางกายภาพ ตัวอยางเชน กระบวนการบําบัดน้ําเสีย
ทางเคมีโดยการใชสารเคมี เพื่อทาํ ใหตกตะกอน เปนตน ในปจจบุ ันมีการใช
หนวยบําบัดนํ้าเสียดวยวิธีทางเคมีหลายอยางดวยกัน แตจะขอกลาว
เฉพาะท่ถี ูกนํามาใชใ นการบําบัดนาํ้ เสียเปน สว นใหญ คอื การตกตะกอนโดย
ใชส ารเคมี การทาํ ใหเ ปน กลาง และการทาํ ลายเชื้อโรค

การตกตะกอนโดยใชสารเคมี (Chemical coagulation/Precipitation)
เปน การใชสารเคมชี ว ยตกตะกอนโดยใหเติมสารเคมี (coagulant) ลงไป เพื่อ
เปล่ียนสถานะทางกายภาพของของแข็งแขวนลอยที่มีขนาดเล็กใหรวมกันมี
ขนาดใหญขึ้นรยี กกระบวนดงั กลา ววา (flocculation)

คู่มือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 22

รปู ที่ 3 – 3 แสดงลักษณะการจับตวั ของตะกอน

การทาํ ใหเ ปนกลาง (Neutralization) เปนการ
ปรับสภาพความเปนกรด - ดาง หรือ pH ใหอยูใน
สภาพที่เปนกลาง เพื่อใหเกิดความเหมาะสมที่จะ
นําไปบําบัดนํ้าเสียในขั้นอื่น ตอไป โดยเฉพะ
กระบวนการบําบัดนํ้าเสียดวยวิธีทางชีวภาพซึ่ง
ตองการน้ําเสยี ท่ีมีคา pH อยูในชวง 6.5-8.5 แตก อนท่ีจะปลอยน้ําเสยี ท่ี
ผานกระบวนการบาํ บัดดแี ลวลงสูธรรมชาติ ตอ งปรับสภาพ pH อยูในชวง
5-9 ถา pH ตํ่าจะตองปรับสภาพดว ยดาง [นิยมใชคือ โซดาไฟ (NaOH)
ปูนขาว (CaO) หรือ แอมโมเนีย (NH3) ] แตถานํ้าเสยี มคี า pH สงู ตอง
ทําการปรับสภาพ pH ใหเปน กลางโดยใชกรด [นิยมใชค ือ กรดกํามะถัน
(H2SO4) กรดเกลือ (HCL) หรือกาซคารบอนไดออกไซด (CO2)]

การทําลายเชือ้ โรค (Disinfection) การทําลายเชื้อโรคในน้ําเสยี เปน
การทําลายจุลินทรียที่ทําใหเกดิ โรคโดยใชเคมีหรือสารอื่นๆ มีวัตถุประสงค
คือ เพื่อปองกันการแพรกระจายของเช้ือโรคมสูคนและเพื่อทําลายหวงโซ
ของเช้ือโรคและการติดเชื้อกอนที่จะถูกปลอยลงแหลงน้ําธรรมชาติ ซ่ึง
สารเคมีท่ีใชในการกําจัดเช้ือโรค ไดแก คลอรีน และสารประกอบคลอรีน
โบรมีน ไอโอดีน โอโซน ฟนอลและสารประกอบของฟนอล แอลกอฮอล
เปนตน ซง่ึ คลอรีนเปน สารเคมีทนี่ ิยมใชมาก

คู่มือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 23

3.3 การบาํ บัดทางชีวภาพ (Biological Treatment)
เปนวิธีการบําบัดนํ้าเสียโดยใชกระบวนการทาง ชีวภาพหรือใช

จุลินทรีย ในการกําจัดสิ่งเจือปนในน้ําเสียโดยเฉพาะสารคารบอนอินทรีย
ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส โดยความสกปรกเหลานี้จะถกู ใชเปนอาหารและ
เปน แหลงพลงั งานของจลุ ินทรียในถังเล้ยี งเช้ือเพื่อการเจริญเติบโต ทําใหน้ํา
เสียมีคาความสกปรกลดลง สามารถแบงยอ ยตามชนิดแบคทีเรียไดดังนี้

ระบบบําบัดน้าํ เสียแบบใชอากาศ (Aerobic process) จะทําการยอย
สลายสารอินทรียโดยแบคทีเรียท่ีใชอากาศ ดังนั้นตองมีการเติมอากาศ
ตลอดเวลา ระบบท่ีนิยมใชไดแก ระบบแอคติดเวเต็ดสลัดจ (Activated
Sludge) ระบบบอเติมอากาศ (Aerated Lagoon) และระบบบึงประดิษฐ
(Wetland) เปน ตน

ระบบบําบัดน้ําเสียแบบไมใชอากาศ (Anaerobic process) เปน
ระบบบําบัดนํ้าเสีย ท่ีใชแบคทีเรียแบบไมใชอากาศในการยอยสลาย
สารอินทรยี  ระบบที่นิยมใช ไดแก ถงั กรองไรอ ากาศ (Anaerobic Filter, AF)
ระบบคฟั เวอรลากนู (Covered Lagoon) ระบบฟกซโดม (Fixed Dome)
ระบบยเู อเอสบี (UASB: Upflow Anaerobic Sludge Blanket) เปน ตน
3.4 ขอแตกตางระหวา งกระบวนการใชอ ากาศ และไมใ ชอากาศ

ขอ แตกตา งโดยรวมระหวา งกระบวนการบาํ บัดแบบใชอากาศและไมใ ช
อากาศสามารถแสดงไดดังรูปที่ 3 – 4 กลาวคือ การยอยสลายแบบใช
อากาศจะไดนํ้าท้ิง (effluent) ที่มีคุณภาพดีกวา คือ มีสารท่ีตองการ
ออกซเิ จนเหลอื อยูในนาํ้ ทง้ิ ปริมาณเล็กนอย (ประมาณ 10%ของสารอนิ ทรีย
ตั้งตน) โดยสารอินทรียตั้งตนสวนใหญจะถูกเปล่ียนรูปไปเปนตะกอน
สว นเกนิ (excess sludge) ในรูปของมวลชีวภาพของจุลินทรีย (bacterial

คมู่ อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 24

biomass) คดิ เปนปรมิ าณ COD ประมาณ 60 % ของ COD ที่เขาระบบ
ซ่ึงจําเปนตองนําไปบําบัดเพิ่มเติม สวนการบําบัดแบบไมใชอากาศ จะมี
ปริมาณของแข็ง (residual solid) และสารที่ตองการออกซิเจนเหลอื อยูใ น
น้ําท้ิงปริมาณมากกวากระบวนการใชอากาศโดยทั่วไป (ประมาณ 30 %
ของสารอินทรียตั้งตน) แตจะใหตะกอนสวนเกินในปริมาณนอยกวาและมี
ความเสถียร (more stable) กวากระบวนการใชอ ากาศ (คิดเปนปริมาณ
COD ประมาณ 5 % ของ COD ที่เขาระบบ) นอกจากน้ัน ระบบไมใช
อากาศยังใหผลผลิตสุดทายเปนกาซมีเทน ซ่ึงใชเปนเช้ือเพลิง และแหลง
พลังงานได

รปู ท่ี 3 – 4 แสดงการเปรยี บเทียบสมดุล COD และ พลังงานของ
กระบวนการบําบัดแบบใชอ ากาศและไมใชอ ากาศ

คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 25

บทท่ี 4
รปู แบบการจดั การนํา้ เสียชุมชน

(Types of Treatment)

การจดั การและการแกไ ขปญหาน้ําเสียชมุ ชนควรพจิ ารณาจากลกั ษณะ
หรอื ประเภทของนาํ้ เสยี วัตถปุ ระสงคใ นการบําบัดนํ้าเสีย และคุณภาพนํ้าท่ี
ตอ งการ อาทเิ ชน การนาํ นาํ้ กลบั มาใชใ หม การกําจัดความเปน พิษ ปรมิ าณ
สิ่งเจือปนท่ีตองกําจัด ขอกําหนดทางกฎหมาย ตนทุนในการกอสราง
ขอพิจารณาดา นสิ่งแวดลอมและพลังงาน เปน ตน
4.1 การรวบรวมน้าํ เสีย

ระบบรวบรวมนํ้าเสีย หรือระบบระบายนํ้า หมายถึง ระบบทอท่ีมีการ
เชื่อมโยงเปนเครือขายท่ีซับซอนทําหนาท่ีรวบรวมน้ําเสียจากแหลงกําเนิด
หลายๆ แหงไปรวมกันยังสถานที่ที่จะบําบดั โดยผานทอระบายนํ้า ทั้งน้ีระบบ
ทอระบายนํ้าจะตองมีความสามารถในการรองรับน้ําท่ีไหลเขาทอระบายน้ําได
ทั้งหมดโดยไมกอใหเกิดการร่ัวซึมหรือทําใหเกิดน้ําทวมข้ึนภายในชุมชน โดย
แบง ออกเปน 2 รปู แบบ ดงั น้ี

4.1.1 ระบบทอรวม (Combined System) เปนระบบท่ีใชทอระบาย
น้ําฝนและน้ําเสียรวมกัน โดยจะตองสรางทอดักน้ําเสีย (Interceptor) เปน
ระยะๆ เพื่อรวบรวมน้ําเสียใหไหลตามทอรวมไปยังบอบําบัดน้ําเสีย สวน
นา้ํ ฝนจะถกู ปลอยลงสูแหลง นาํ้ สาธารณะ

ขอ ดี : ตน ทนุ คากอสรางตํา่ เพราะไมตอ งขดุ ฝง ทอ เปน พ้ืนท่ีกวา ง
ขอ เสีย : นํ้าฝนจะถูกสงไปบําบัดพรอมกับน้ําเสียทําใหส้ินเปลือง
คาไฟฟาในการสูบสงและระบบบําบัดจะถูกออกแบบใหมีขนาดใหญเกินกวา
ปรมิ าณนํา้ เสียทีต่ อ งบาํ บัด

ค่มู อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 26

4.1.2 ระบบทอแยก (Separated System) เปนระบบที่แยกทอ
ระบายนาํ้ เสียออกจากทอระบายน้าํ ฝน

ขอ ดี : มเี ฉพาะนํ้าเสียถกู สูบสงไปบาํ บัด ทําใหต น ทุนคาไฟฟาเดิน
ระบบรวบรวมนํ้าเสียและบําบัดนํ้าเสียเกิดจากการบําบัดปริมาณนํ้าเสียท่ี
เกิดข้ึนจรงิ และยังมีผลใหการออกแบบขนาดของระบบรวบรวมและบําบัดน้ํา
เสยี มีขนาดไมใ หญโ ตและมตี นทนุ กอ สรางต่ํา

ขอ เสยี : ตองเปดหนาดินกวางเพื่อฝงทอรวบรวมนํ้าเสียและทอ
ระบายนาํ้ ฝน ทําใหม ีตนทนุ ในการกอ สรางระบบทอ คอ นขา งสงู

รูปที่ 4 – 1 เปรยี บเทยี บวธิ ีการการรวบรวมนํ้าเสยี

คู่มอื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 27

4.2 ประเภทระบบบําบัดน้ําเสยี ชมุ ชน

ในการออกแบบระบบบําบัดน้ําเสียมีหลายรูปแบบใหเลือกพิจารณา
สามารถจาํ แนกระบบบําบดั นํา้ เสยี ในประเทศไทยออกเปน 3 รปู แบบ ดงั น้ี

4.2.1 ระบบบาํ บัดนํ้าเสียแบบตดิ กับท่ี (On-site Wastewater System)
หมายถึง ระบบบําบัดน้ําเสียท่ีมีการกอสรางหรือติดต้ังเพื่อบําบัดน้ําเสีย
จากอาคารเด่ียวๆ เชน บานพักอาศัย อาคารชุด โรงเรียน อาคารสถานที่
ซงึ่ เปนการจัดการนํ้าเสีย ณ แหลงกําเนิด โดยมีวัตถุประสงคเพื่อลดความ
สกปรกของนา้ํ เสียกอนระบายออกสสู ิ่งแวดลอ ม ระบบบาํ บัดน้ําเสยี แบบติด
กับท่ีสาํ หรับบานพักอาศัยท่ีนิยมใชกัน ไดแก บอ ดักไขมนั (Grease Trap)
ระบบบอ เกรอะ (Septic Tank) ระบบบอกรองไรอากาศ (Anaerobic Filter)
เปน ตน เนื่องจากเปนระบบท่ีกอสรา งไดง ายและในปจจบุ นั มีเปนการทําเปน
ถังสาํ เร็จรูปจาํ หนายทําใหสะดวกในการติดตั้ง สาํ หรับอาคารพาณิชยหรือ
อาคารสํานักงานขนาดใหญ อาจมีการกอสรางเปนระบบขนาดใหญ เชน
ระบบแอกตเิ วเตด็ สลัดจ เปน ตน เพอ่ื ใหสามารถบําบัดน้ําเสยี ไดตามมาตรฐาน
นํ้าทิ้งกอนระบายออกสูสิ่งแวดลอมในคูมือเลมน้ีจะกลาวถึงเฉพาะระบบบอ
เกรอะ และระบบบอกรองไรอากาศ เน่ืองจากเปน ระบบบาํ บดั นา้ํ เสียแบบติด
กับที่ขนาดเล็กที่ใชในการบําบัดน้ําเสียจากหองนํ้า หองสวม ในบานเรือน
และอาคารตา งๆ อยางแพรห ลาย

(1) ระบบบอ เกรอะ (Septic Tank) มีลักษณะเปนบอปด ซึ่งนํ้าซึม
ไมไดและไมมีการเติมอากาศ ดังนั้นสภาวะในบอจึงเปนแบบไรอากาศ
(Anaerobic) โดยท่ัวไปมักใชสําหรับการบําบัดนํ้าเสยี จากสวม แตจะใชบําบัด
นํ้าเสียจากครัวหรือนํ้าเสยี อื่นๆ ดวย ถาหากส่งิ ท่ไี หลเขา มาในบอเกรอะมแี ต
อุจจาระหรือสารอินทรียท่ียอยงาย หลังการยอยแลวก็จะกลายเปนกาซกับ
น้ําและกากตะกอน (Septage) ปริมาณนอ ยจึงทําใหบอไมเต็มไดง าย (อตั รา

คู่มอื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 28

การเกิดกากตะกอนประมาณ 1 ลิตร/คน/วัน) แตอาจตองมีการสูบกาก
ตะกอนในบอเกรอะ (Septage) ออกเปนครั้งคราว (ประมาณปละหน่ึงคร้ัง
สําหรับบอ เกรอะมาตรฐาน) แตถา หากมีการทิ้งสง่ิ ที่ยอ ยหรือสลายยาก เชน
พลาสติก ผาอนามัย กระดาษชําระ สิ่งเหลาน้ีจะยังคงคางอยูในบอและทํา
ใหบอเต็มกอนเวลาอันสมควร เพ่ือใหบอเกรอะสามารถใชงานไดอยางมี
ประสทิ ธภิ าพ
ลักษณะบอเกรอะ บอเกรอะมีใชอยูตามอาคารสถานที่ทั่วไปจะสรางเปนบอ
คอนกรีต หรอื ถา เปนอาคารขนาดเล็กหรือบานพกั อาศัยก็มกั นิยมสรางโดยใช
วงขอบซีเมนต แตปจจุบันมีการสรางถังเกรอะสําเร็จรูป ซึ่งมีจําหนายตาม
รานคาวัสดุกอสรางท่ัวไป ลักษณะท่ีสําคัญของบอเกรอะ คือ ตองปองกัน
ตะกอนลอย (ฝาไข:Scum) และตะกอนจมไมใ หไหลไปยังบอ เกรอะข้ันสอง เชน
ใชแผนกั้นขวาง หรือทอรูปตัวที (สามทาง) แตปจ จบุ ันมีการสรางถังเกรอะ
สําเรจ็ รูปจาํ หนายโดยใชห ลักการเดยี วกนั
เกณฑการออกแบบ บอเกรอะท่ีรับน้ําเสียจากสวมของบานพักอาศัย
หาขนาดไดจากสตู ร

 กรณจี ํานวนนอยกวา 5 คน
ใชปริมาตรบอ ขนาดตัง้ แต 1.5 ลกู บาศกเมตรขึน้ ไป

 กรณจี าํ นวนตั้งแต 5 คนขึ้นไป
ปริมาตรบอ (ลูกบาศกเมตร) = 1.5 + 0.1 คูณดว ย (จํานวน -5)

ประสทิ ธิภาพในการบําบัดนํ้าเสยี ของบอเกรอะไมสูงนักประมาณรอยละ
40 - 60 ทําใหน้ําทิ้งจากบอเกรอะยงั คงมคี าบีโอดีสูงเกินคามาตรฐานที่
กฎหมายกําหนดไว จึงไมสามารถปลอยท้ิงลงแหลงนํ้าธรรมชาติได จําเปน
จะตองผา นระบบบําบดั ข้ันสองเพือ่ ลดคาบโี อดกี อน

คู่มอื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 29

รปู ท่ี 4 – 2 แบบบอ เกรอะขนาดเลก็

ค่มู อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 30

ตารางท่ี 4 – 1 ลกั ษณะของตะกอนในบอ เกรอะ (Septage)

พารามิเตอร ความเขม ขน (มก./ล.)
คาโดยทว่ั ไป(1) คาโดยท่ัวไป(2)

1. คาบโี อดี (Biochemical Oxygen Demand: BOD) 6,000 5,000
2.คาของแข็งทั้งหมด (Total Solids: TS) 40,000 40,000
3.คาของแข็งแขวนลอย (Supended Solids: SS) 15,000 20,000
4.คา ไนโตรเจนในรูปที เค เอน็ (TKN) 700 1,200
5.คาไนโตรเจนในรูปแอมโมเนีย (NH 3) 400 350
6.คา ฟอสฟอรสั ทั้งหมด (TP) 250 250

7. คา ไขมัน (Grease) 8,000 -

ทีม่ า : (1) Wastewater Engineering, Metcalf & Eddy 1991 (2) โครงการศกึ ษาเพอ่ื จดั ลําดับความสาํ คัญ

การจัดการนํ้าเสยี ชมุ ชน,สํานักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดลอม 2538

ตารางท่ี 4 – 2 ขนาดบอเกรอะรบั เฉพาะนํา้ สว มจากบานพักอาศยั

ปรมิ าณนา้ํ สว ม ขนาดบอ (วดั จากรยะขอบบอดานใน)
จํานวน (ลบ.ม/วนั )
ผูพ กั ราด ซักโครก ปรมิ าตร ความลกึ ความกวา ง ความยาว
(ลบ.ม) (เมตร) (เมตร) (เมตร)

5 0.1 0.3 1.5 1.00 0.90 1.70

5-10 0.2 0.6 2.0 1.00 1.00 2.00

10-15 0.3 0.9 2.5 1.25 1.00 2.00

15-20 0.4 1.2 3.0 1.25 1.10 2.20

20-25 0.5 1.5 3.5 1.25 1.20 2.40

25-30 0.6 1.8 4.0 1.40 1.20 2.40

30-35 0.7 2.1 4.5 1.50 1.20 2.50

35-40 0.8 2.4 5.0 1.60 1.20 2.60

40-45 0.9 2.7 5.5 1.60 1.30 2.60

45-50 1.0 3.0 6.3 1.60 1.40 2.80

ท่มี า : คูมือเลมที่ 2 สําหรับผอู อกแบบและผูผ ลิตระบบบําบัดน้าํ เสียแบบติดกบั ท่ี,
กรมควบคุมมลพิษ 2537

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 31

การใชงานและการดูแลรกั ษา
 ตกั หรือดดู ตะกอนออกจากบอ เกรอะ ทัง้ น้คี วามสงู ของชั้นตะกอนควร

ตํ่ากวาทางนํ้าออกเพราะตะกอนอาจหลุดไปกับน้ําท้ิง ทําใหระบบซึมอุดตัน
ควรตรวจสอบความหนาชั้นตะกอนอยา งนอ ยปล ะ 1 ครัง้

 หามเทสารทเ่ี ปน พษิ ตอ จลุ นิ ทรียล งในบอเกรอะ เชน น้ํากรดหรือดาง
เขมขน นํ้ายาลางหองน้ําเขมขน คลอรีนเขมขน ฯลฯ เพราะจะทําให
ประสิทธิภาพในการทํางานของบอเกรอะลดลง นํ้าทง้ิ ไมไ ดค ณุ ภาพ

 หามท้ิงสารอนินทรียหรือสารยอยยาก เชน พลาสติก ผาอนามัย ฯลฯ
ซึ่งมีผลทาํ ใหส วมเต็มกอ นกําหนดและอาจเกดิ การอดุ ตันในทอระบายได

 กรณีนํ้าในบอเกรอะสูงและราดสวมไมลง ใหตรวจดูการระบายของ
บอซึมวามีการซึมออกดีหรือไม ถาไมมีบอซึมปญหาอาจมาจากน้ําภายนอก
ไหลทวมเขามาในถังตองแกไขโดยการยกถังขึ้นสูง ในกรณีใชบอเกรอะ
สําเรจ็ รูปใหต ดิ ตอผแู ทนจําหนายเพอื่ ตรวจสอบและแกไข

(2) ระบบบอกรองไรอากาศ (Anaerobic Filter) บอกรองไรอากาศ
เปนระบบบําบัดแบบไมใชอากาศเชนเดียวกับบอเกรอะ แตมีประสิทธิภาพใน
การบําบัดของเสียมากกวา โดยภายในถังชวงกลางจะมีชั้นตัวกลาง (Media)
บรรจอุ ยู ตัวกลางท่ใี ชก ันมีหลายชนดิ เชน หนิ ลกู บอลพลาสติก กรงพลาสติก
และวัสดุโปรงอ่ืนๆ ตัวกลางเหลานี้จะมีพ้ืนที่ผิวมากเพื่อใหจุลินทรียยึดเกาะ
ไดมากข้ึน น้ําเสียจะไหลเขาทางดานลางของถังแลวไหลขึ้นผานช้ันตัวกลาง
จากนั้นจึงไหลออกทางทอดานบน ขณะท่ีไหลผานชั้นตัวกลาง จุลินทรียชนิด
ไมใชอากาศจะยอยสลายสารอนิ ทรียในนํ้าเสีย เปล่ียนสภาพใหกลายเปน กา ซ
กับนา้ํ นา้ํ ทงิ้ ทไ่ี หลลน ออกไปจะมีคา บโี อดีลดลง

คู่มือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 32

การท่ีจุลินทรียกระจายอยูในถังสม่ําเสมอ น้ําเสียจะถูกบําบัด
เปนลําดับจากดานลางจนถึงดานบน ประสิทธิภาพในการกําจัดบีโอดีของ
ระบบน้ีจึงสูงกวาระบบบอเกรอะ แตอาจเกิดปญหาจากการอุดตันของ
ตัวกลางภายในถังและทําใหนํ้าไมไหล ดังนั้นจึงตองมีการกําจัดสาร
แขวนลอยออกกอน เชน มีตะแกรงดักขยะและบอดักไขมันไวหนาระบบ
หรอื ถา ใชบ ําบดั นํ้าสว มก็ควรผานเขา บอเกรอะกอ น

รูปท่ี 4 – 3 แสดงลักษณะภายในของบอ กรองไรอากาศ
รปู ท่ี 4 - 4 การตดิ ตั้งชน้ั ตวั กลางภายในบอ กรองไรอ ากาศ

คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 33

ถังกรองไรอากาศอาจสรางดวยวงขอบซีเมนตหรือคอนกรีตในท่ี
หรือใชถังสําเร็จรูปที่มีการผลิตออกจําหนายในปจจุบัน อยางไรก็ตามหาก
ออกแบบบอกรองไรอ ากาศหรือดูแลรักษาไมด ี นอกจากจะไมสามารถกาํ จัด
ของเสยี ไดแ ลวยงั เกิดปญ หากลน่ิ เหมน็ รบกวนได
การใชง านและการดแู ลรักษา

 ในระยะแรกที่ปลอยน้ําเสียเขาถังกรองจะยังไมมีการบําบัด
เกิดข้ึน เน่ืองจากยังไมมีจุลินทรีย การเกิดขึ้นของจุลินทรียอาจเรงไดโดย
การตกั เอาสลดั จห รือข้ีเลนจากบอเกรอะหรือทอ งรองหรือกนทอระบายของ
เทศบาลมาใสถังกรอง 15-30 ลิตร

 นํ้าที่เขาถงั กรองจะเปนน้าํ ท่ีไมมีขยะหรือกอนไขมันปะปน เพราะ
จะทําใหตวั กลางอุดตันเร็ว สว นวิธีแกไขการอุดตัน คือ ฉีดน้ําสะอาดชะลาง
ทางดานบนและระบายนาํ้ สวนลา งออกไปพรอ มๆ กนั

 ถาพบวานา้ํ ทีไ่ หลออกมอี ตั ราเร็วกวาปกติและมีตะกอนติดออกมา
ดวย อาจเกิดจากกาซภายในถังสะสมและดันทะลุตัวกลางขึ้นมาเปนชอง
ตองแกไ ขดวยการฉดี นา้ํ ลา งตวั กลาง

คู่มือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 34

ตารางท่ี 4 – 3 ขนาดมาตรฐานถังกรองไรอ ากาศสําหรับบา นพักอาศยั

ปริมาตรตัวกลาง ถังทรงกระบอก แบบถังส่เี หล่ยี ม
(ลบ.ม)
จํานวนผู จํานวนถัง x กวาง x ยาว จํานวน
พกั (สงู 1.20 ม.) สผก. (ม2) ถงั

5 0.5 (สูง 1.50 ม.) (สูง 1.50 ม.)
5-10 1.0
10-15 1.5 1 x 1.00 - -
15-20 2.0
20-25 2.5 2 x 1.00 - -
25-30 3.0
30-35 3.5 3 x 1.00 - -
35-40 4.0
40-45 4.5 3 x 1.20 - -
45-50 5.0
4 x 1.20 - -

- 1.6 x 1.6 -

- 1.7 x 1.7 2

- 1.8 x 1.8 2

- 1.9 x 1.9 2

- 20 x 2.0 2

หมายเหตุ: * สผก. = เสนผานศูนยกลาง (เมตร)
ทมี่ า : คมู อื เลมท่ี 2 สาํ หรับผอู อกแบบและผผู ลิตระบบบาํ บัดน้ําเสียแบบตดิ กับท,ี่ กรมควบคมุ

มลพิษ 2537

คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 35

รปู ที่ 4 – 5 การตดิ ตั้งบอ กรองไรอากาศแบบบอ สี่เหลีย่ ม

ค่มู

รปู ท่ี 4 – 6 การตดิ ต้งั บอ กรองไรอากาศแบบวงขอบซเี มนต

มอื ระบบบาํ บดั นาํ เสยี ชมุ ชน ‘ 36

การเลือกพื้นท่กี อสรา งระบบบาํ บดั นํ้าเสียแบบตดิ กบั ท่ี
­ พนื้ ที่ท่ไี มม ีนาํ้ ทว มขัง
­ ชนดิ ของดินในบรเิ วณกอสรางระบบมกี ารซึมนาํ้ ไดด ี
­ บริเวณกอสรางต้งั อยูหางจากแหลงน้ําธรรมชาติ เชน หนอง คลอง บึง

ไมนอยกวา 30 เมตร
­ เปนพ้ืนที่ที่ระดับน้ําใตดินไมสูงจนเกิดปญหาในการซึม โดยกนบอซึม

ควรมคี วามลกึ ของดนิ ถงึ ระดับนํ้าใตดนิ สูงสดุ ไมน อ ยกวา 0.6 เมตร
­ ความสะดวกสบายและปลอดภยั ในการเขา ถึงอาคารจากพืน้ ที่โดยรอบ

รวมทั้งความสะดวกในการเขาไปดูแลบํารุงรักษาระบบสุขาภิบาลดวย ใน
ปจจุบันการใชระบบบําบัดนา้ํ เสียแบบติดกับท่ี (On-Site Treatment) มีการ
ใชท ้ังแบบกอสรางเองและแบบถงั สําเร็จรปู (Package On-Site) ซ่งึ แหลง
ชมุ ชนท่ีควรเลอื กใชระบบบาํ บัดแบบติดกบั ทนี่ ้ี ไดแ ก

- ชุมชนขนาดเล็กทีม่ จี ํานวนประชากรนอยกวา 1,000 คน
- ชุมชนที่ยังไมมีปญหาคุณภาพแหลงนํ้า อาจไมจําเปนตองใชระบบ
บําบัดนํ้าเสยี ท่ีใชเทคโนโลยีท่ีมีประสิทธิภาพในการบําบัดมากนัก แตควรมี
การวางแผนในระยะยาว เพือ่ รองรบั การขยายตัวของชมุ ชนในอนาคตดวย
- ชุมชนที่มีบานเรือนอยูกระจัดกระจาย ไมคุมคาทางเศรษฐศาสตรใน
การลงทนุ กอสรางและดาํ เนินการดูแลรักษาระบบรวมรวมและบําบัดนํ้าเสยี
ซงึ่ ทาํ ใหคาลงทุนและดแู ลรกั ษาตอ คนสงู กวา ชุมชนขนาดใหญ

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 37

4.2.2 ระบบบําบัดน้ําเสียแบบกลุมอาคาร (Cluster Wastewater
System) หมายถึง ระบบรวบรวมและบําบดั น้ําเสียที่รับจากบานเรือนหรือ
อาคารต้ังแตสองหลังข้ึนไปและตั้งอยูในบริเวณที่ใกลเคียงกันมาบําบัดยัง
ระบบบําบัดน้าํ เสยี ทีต่ ัง้ อยตู าํ แหนง ทีเ่ หมาะสมใกลบ า นเรือนของกลุมอาคาร
นน้ั ดังแสดงในรูปที่ 4 - 7

รูปท่ี 4 - 7 ระบบบําบดั น้าํ เสียแบบกลุม อาคาร (Cluster Wastewater Treatment)

ระบบบําบัดน้ําเสียแบบรวมกลุมอาคารมีการพัฒนาขึ้นมา
เพื่อใหสอดคลองกับสภาพความเปนจริงในปจ จุบันท่ีมีพ้ืนท่ีวิกฤตหรือแหลง
ชุมชนใหญเพียงบางจดุ หรือแหลงทองเที่ยวบางแหงที่ตองรองรับนักทองเที่ยว
เปนจํานวนมาก การกอสรางระบบบําบัดนํ้าเสียท่ีมีขนาดเล็กและมตี นทุนใน
การกอ สรางตา่ํ กวา ระบบบําบดั รวมของชุมชน หรอื ระบบบําบดั น้ําเสียแบบรวม
ศูนย (Central Wastewater System) จึงเปนทางเลือกในการแกปญหา

คมู่ อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 38

มลพิษทางนํ้าไดเปนอยางดี โดยรูปแบบของระบบบําบัดนํ้าเสียแบบ
รวมกลุมอาคารจะเปนการรวบรวมนํ้าเสียชุมชนจากแหลงกําเนิดในพื้นที่
วิกฤตหรือแหลงชุมชนใหญเขาไปบําบัดยังระบบบําบัดนํ้าเสียที่มีขนาดและ
องคประกอบของระบบท่ีเหมาะสมกับปริมาณและความสกปรกของน้ําเสีย
ระบบบําบัดนํ้าเสียแบบรวมกลุมอาคารจึงเหมาะกับพ้ืนที่ที่มีประชากรอยู
อาศยั หนาแนนเปนกลมุ ๆ พื้นที่แหลงทอ งเที่ยวท่ีไดรับความนิยม ลักษณะ
พื้นท่ีเชนนี้มักไมกอใหเกิดน้ําเสยี กระจายทั้งพ้ืนที่ โครงขายของระบบทอ
รวบรวมน้ําเสียเขาสูระบบฯ จึงไมจําเปนตองมีขนาดใหญเพื่อใหครอบคลุม
พน้ื ท่ีทง้ั หมด ซึ่งทําใหค า ใชจ ายในการกอสรางและบํารุงรักษาสูง
หลักเกณฑก ารเลือกใชการจดั การนาํ้ เสียแบบรวมกลุมอาคาร

การพิจารณาเลือกใชระบบบําบัดน้ําเสียแบบกลุมอาคารสามารถใช
หลักเกณฑ ดังตอไปนี้

- เปนพ้ืนที่ที่มีระบบทอรวบรวมนํ้าเสียแลว ไมตองกอสรางระบบทอ
รวบรวมนํ้าเสียหลกั เพ่มิ เติมและอาจมีสถานีสบู น้ําเสียเพียง 1 สถานี
เพื่อสบู ยกนํ้าเสยี เขาสรู ะบบบําบดั น้ําเสีย

- มีท่ีต้งั ระบบฯ อยูใกลบา นเรือนหรือกลุมอาคารเพ่ือใหการรวบรวมน้ํา
เสียสะดวก และอยูใกลแหลงนํ้าทเี่ ปนแหลงรองรับนาํ้ เสยี

- ปริมาณนาํ้ เสียชมุ ชนที่อยูในพื้นที่ใหบริการของโครงการประมาณ 50
ลกู บาศกเ มตรตอ วนั

- ประชาชน และผูนําชุมชน ในพื้นที่โครงการมีความสนใจและใหความ
รวมมือกับการดาํ เนินงานของโครงการ

- ตองยึดหลักของการสรางการมีสวนรวมและการแสดงความคิดเห็น
ของชาวบานในพ้ืนที่เสมอ เพ่ือลดปญหาในการตอตานและไมเขาใจใน
โครงการ

คู่มือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 39

- ในชุมชนมีพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นท่ีของหนวยงานสวนทองถ่ินหรือ
พื้นทีข่ องเอกชน ซ่ึงพรอ มใหความอนเุ คราะหพื้นที่สําหรับการกอสราง
ระบบบําบดั น้ําเสยี

- ชุมชนหรือหนวยงานสวนทองถิ่นมีความพรอมในการสนับสนุนการ
ดําเนินงานของระบบ เชน อุปกรณและเครื่องจักรในการดาํ เนินการ
กอสราง หรือคาใชจา ยในการดําเนินการและบาํ รุงรักษาเครื่องสูบน้ํา
เคร่อื งเตมิ อากาศ เปนตน

- ชมุ ชนหรอื หนว ยงานสว นทองถิ่นสามารถสนับสนุนการจดั กิจกรรมการ
มีสวนรวมของประชาชนไดอยางตอเนื่อง แมเมื่อเสร็จส้ินในการ
ดําเนินงานของโครงการฯ แลว รวมท้ังสนับสนุนใหประชาชนในพ้ืนท่ี
รวมชว ยกันดูแลรักษาระบบฯ

- การพิจารณาออกแบบระบบบําบัดนํ้าเสียชมุ ชนขนาดเล็ก ใหคาํ นึงถึง
ความเหมาะสมและสอดคลอ งกับสภาพพื้นท่ี

- ยึดหลกั การใชธรรมชาติบาํ บัด หรอื ใชเ ทคโนโลยีการจดั การน้ําเสียอยาง
งาย เชน ระบบบึงประดิษฐแบบไหลแนวดง่ิ ระบบบอ ผึง่ ผสม ถังเซบ
ติคแบบมผี นงั กั้น ระบบกรองชวี ภาพไรอากาศ ระบบทรายกรอง และ
ระบบหอชีวภาพ เปนตน

- องคกรปกครองสว นทองถ่ิน ตองมีการออกเทศบัญญัตหิ รือประกาศ
อ่นื ใดเก่ยี วกับการตดิ ต้ังบอดักไขมนั ในระดับครวั เรือนไวดวยแลวระบบ
บําบัดนํ้าเสียแบบรวมกลุมหรือแบบกลุมอาคารน้ีสามารถกอสรางได
หลายรูปแบบขึ้นอยกู ับสภาพของพ้ืนท่ีและงบประมาณในการกอ สรา ง
รวมถึงงบประมาณในการเดิน บํารุงรกั ษาระบบทจ่ี ะตองจัดหา
ในอนาคตโดยกรมควบคมุ มลพิษไดม กี ารศกึ ษารูปแบบและราคา

ระบบบําบัดนํา้ เสยี แบบกลุมอาคารในเบือ้ งตน ดงั แสดงในตารางที่ 4 - 4

คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 40

ขอดีของการจดั การนาํ้ เสียแบบรวมกลุมอาคาร
- เหมาะกับชุมชนขนาดเล็ก หรือชมุ ชนท่ีประชากรอยูอาศัยหนาแนนใน
บางพ้นื ท่ีของชมุ ชน หรือพ้ืนท่ีบางสวนของชุมชนที่เปน พ้ืนท่ีวิกฤต จึง
ไมต องเสียคาใชจา ยในการกอสรางระบบรวบรวมนํ้าเสียมาก ทําให
คาใชจายในการกอสรางตํ่ากวาการจัดการน้ําเสียแบบรวมศูนย
(Centralized Wastewater Treatment System)
- สามารถดําเนนิ การกอ สรางเฉพาะในพื้นท่ีท่ีมปี ญ หานา้ํ เสียรุนแรงกอ น
- ปริมาณน้ําเสียท่ีนํามาบําบัดจะนอยลง ทําใหระบบมีขนาดเลก็ ซง่ึ ทํา
ใหความซับซอนในการดาํ เนนิ งานระบบลดลง สงผลใหงายตอการเดนิ
ระบบและดูแลรกั ษาระบบ และลดคาใชจ า ยในการเดนิ ระบบฯ ดว ย
- เนื่องจากเปนระบบขนาดเล็กและไมมีระบบรวบรวมน้ําเสียที่ซับซอน
จงึ ใชบุคลากรในการควบคมุ ดแู ลระบบท้ังหมดไมม าก
- มีรูปแบบการบาํ บัดนาํ้ เสียหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบกอ สรางหลายๆ
บอ หรือแบบ compact system ท่ีใชพ ื้นท่นี อย สามารถเลือกใชให
เหมาะสมกับสภาพพื้นทีช่ ุมชน
- สามารถนํานํ้าท้ิงที่ผานการบําบัดแลวกลับมาใชใหมไดหากไดรับการ
จัดการท่ดี ี

ขอ จํากัดของการจัดการนํา้ เสียแบบรวมกลมุ อาคาร
- อาจจําเปนตองกอสรางระบบรวบรวมน้ําเสียเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมน้ํา
เสยี เขามาบําบดั
- ยังคงตองใชบุคลากรท่ีมีความรูความเขาใจในการดูแลระบบเพ่ือ
ควบคมุ คณุ ภาพของนํา้ ท้งิ
- พื้นทใี่ นการกอสรางระบบบาํ บัดน้ําเสียอาจตอ งอยใู นเขตชุมชน ซึง่ จะ
ทําใหหาพนื้ ทไี่ ดยาก

คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 41

ระบบบําบดั น้ําเสียแบบกลุมอาคาร เปน อีกทางเลือกหนึ่งสําหรับ
การบําบัดนํ้าเสียจากชุมชน เนื่องจากระบบนี้สามารถรับน้ําเสียจากการ
รวบรวมนา้ํ เสยี ในพน้ื ที่บางสวนของชมุ ชนท่ีเปนพ้นื ที่ท่ีมีปญ หามลพิษทางนํ้า
ระบบบําบัดนํ้าเสียแบบน้ีเปนระบบท่ีมีขนาดใหญกวาระบบบําบัดน้ําเสีย
แบบตดิ กับท่ี แตม ีขนาดเลก็ กวาระบบบําบดั นํา้ เสียรวมของชมุ ชน

4.2.3 ระบบบําบัดนํ้าเสียแบบรวมศูนย (Central Wastewater
System) หมายถึง ระบบบําบัดน้ําเสียรวมของชุมชน หรือระบบบําบัดน้ํา
เสียแบบรวมศูนย (Central Wastewater System) หมายถึง ระบบบาํ บัด
นํ้าเสียชนิดท่ีมีการกอสรางเพื่อรวบรวมน้ําเสียจากกิจกรรมทุกประเภทใน
ชุมชนมาบําบัด ณ จุดใดจุดหน่ึง ซ่ึงระบบทอรวบรวมน้ําเสียของชุมชนน้ันมี
อยู 2 รปู แบบหลัก คอื ระบบทอ รวบรวมรวม และระบบทอ รวบรวมแยก ดัง
แสดงในรูปที่ 4-8 สาํ หรับระบบบําบัดนํ้าเสยี นนั้ มไี ดห ลากหลายรูปแบบ โดย
สามารถแบงออกเปนระบบที่ใชวิธีการบําบัดทางกายภาพ ทางชีวภาพ และ
การใชส ารเคมี

รปู ที่ 4 - 8 รปู แบบระบบบาํ บัดนํา้ เสยี รวมของชุมชน (Central Wastewater System)

คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 42

ตารางที่ 4 - 4 รูปแบบและราคาระบบบาํ บัดนาํ้ เ

ท่มี า : 1/ โครงการนํารอ งระบบการจัดการน้าํ เสียจากแลง กําเนดิ
2/ โครงการฟนฟคู ณุ ภาพน้าํ เพื่อการอนุรักษค ลองภาษเี จร
3/ โครงการอนุรักษแ ละฟนฟูคณุ ภาพน้าํ ในพื้นทีว่ กิ ฤตคลอ
หมายเหตุ * การประมาณราคาน้ีไมไดรวมภาษี คาดาํ เน
ราคาจากสว นกลาง ในกรณที ีจ่ ะนําไปใชยงั พื้น

ค่มู

เสยี แบบกลุมอาคาร (Cluster)

ดประเภทชมุ ชนขนาดเล็ก, กรมควบคุมมลพษิ 2548
รญิ , กรมควบคุมมลพิษ 2548
องลาํ ปา และคลองอตู ะเภา, กรมควบคมุ มลพิษ 2549
นินการ และกําไรของผูกอสราง ซึ่งราคาที่ใชในการประมาณราคานี้เปน
นทจ่ี ริงควรตรวจสอบราคาวัสดุและคา ขนสง อีกคร้ัง

มือระบบบาํ บดั นาํ เสียชมุ ชน ‘ 43

ระบบบําบัดน้ําเสียทางชีววิทยายังแบงออกเปนระบบบําบัดนํ้าเสีย
แบบไมใชออกซิเจน เชน ระบบน้ําเสียแบบบอหมักไรอากาศ ถังไรอากาศ
แบบชั้นตะกอนจลุ นิ ทรีย ถงั ไรอากาศแบบแผนกั้น เปน ตน สวนระบบบําบัด
น้ําเสียแบบใชออกซิเจน เชน ระบบบําบัดนํ้าเสียแบบบอปรับเสถียร ระบบ
บาํ บัดน้ําเสียแบบสระเติมอากาศ ระบบบาํ บัดนํ้าเสียแบบตะกอนเรง เปนตน
ซ่งึ จะกลาวโดยรายละเอยี ดในบทตอ ไป

รูปท่ี 4 - 9 ระบบบําบดั นํ้าเสียรวมศูนยแบบใชออกซิเจน

คู่มือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 44


Click to View FlipBook Version