บทท่ี 5
ระบบบําบดั นาํ้ เสยี แบบรวมศูนย
(Central Wastewater System)
ระบบบําบัดน้ําเสียรวมของชุนชนในประเทศไทยใชวิธีทางชีววิทยา
แบบใชออกซิเจนเปนหลัก เน่ืองจากนํ้าเสียชุมชนมีปริมาณสารอินทรีย
ปนเปอนหลากหลายประเภท จากกิจกรรมของมนุษย จําพวกการซักลาง
ชําระรางกาย แตความเขมขนเฉลี่ยของสารอินทรียในน้ําเสียไมสูงพอแก
การบําบัดแบบไรอากาศ ดังเชนนํ้าเสียจากแหลงเกษตรกรรมหรือ
อุตสาหกรรม หากแตสามารถใชระบบบําบัดแบบใชออกซิเจนไดทันที โดย
ไมต องเตมิ สารอาหารที่จําเปน ตอ การทาํ งานของจลุ ินทรียเพิม่ ลงไปในระบบ
บําบัด ซึ่งระบบบําบัดน้ําเสียรวมของชุนชนในประเทศไทย สามารถแบง
ออกเปน 5 ประเภทใหญๆ ดงั นี้
5.1 ระบบบาํ บัดน้ําเสยี แบบบอปรับเสถียร (Stabilization Pond:SP)
บอปรับเสถียรเปนการบําบัดสารอินทรียในนํ้าเสียโดยกระบวนการ
ทางธรรมชาติ สามารถจําแนกตามลักษณะการทํางานไดดังนี้ บอแอนแอโร
บิค (Anaerobic Pond) บอ แฟคัลเททีฟ (Facultative Pond) และบอ
ออกซิเจน (Oxidation Pond) ท้ังนี้ ข้ึนอยูกับคาความสกปรกของนํ้าเสีย
ปริมาณน้ําเสีย และระยะเวลากักเก็บ ซ่ึงหากมีหลายบอตอเน่ืองกัน บอ
สดุ ทายจะทาํ หนาท่ีเปนบอบม (Maturation Pond) เพือ่ ปรับปรุงคุณภาพ
นํ้าทิ้งกอนระบายออกสูส่ิงแวดลอม นอกจากน้ี ยังมีคากอสรางและคาดูแล
รักษาต่ํา วิธีการเดินระบบไมยุงยาก ซับซอน แตตองใชพื้นที่กอสรางมาก
คู่มือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 45
จึงเปนระบบท่ีเหมาะกับชุมชนที่มีพื้นที่เพียงพอและราคาไมแพง ซึ่งโดย
ปกติระบบบอปรับเสถยี รจะมกี ารตอกันแบบอนกุ รมอยางนอย 3 บอ
เม่ือน้ําเสียไหลเขา มาในบอ จะมีการตกตะกอนเกิดขึ้น ทําใหมีตะกอน
ที่กนบอ พรอมๆ กันน้ัน สวนท่ีไมตกตะกอนจะถูกยอยสลายกลายเปน
คารบอนไดออกไซด (CO2) ไนโตรเจน (N) และฟอสฟอรัส (P) โดยปกติ
ตะกอนที่กนบอจะมีการยอยสลายดวยกระบวนการหมักแบบไรออกซิเจน
ทําใหสารอินทรียกลายเปนกา ซตางๆ เชน มีเทน (CH4) ไฮโดรเจนซลั ไฟด
(H2S) คารบอนไดออกไซด (CO2) และมีเซลลใ หมเ กิดข้ึน เม่ือมแี สงแดด
และสารอาหารประกอบกบั เวลาและอุณหภูมทิ ี่เหมาะสม สาหรายสีเขียวจะ
เจริญเตบิ โตไดดี สาหรายเหลา น้จี ะใชค ารบ อนไดออกไซด (CO2) ไนโตรเจน
(N) และฟอสฟอรัส (P) ซึ่งเกิดจากการยอยสลายสารอินทรียในน้ําเสีย
เพื่อขยายพันธุและสรางออกซิเจนใหกับน้ํา โดยแบคทีเรียจะตองใช
ออกซิเจนที่สาหรายผลิตขึ้นในการหายใจและยอยสลายสารอินทรียที่
ละลายอยูในนํา้ เสีย
สว นประกอบของระบบ
(1) บอ แอนแอโรบคิ (Anaerobic pond)
บอแอนแอโรบิค หรอื บอไรอ อกซเิ จน หรือ บอ เหม็น เปนระบบทใ่ี ช
กําจดั สารอนิ ทรยี ทีม่ ีความเขม ขน สูงโดยไมตอ งการออกซิเจน บอนี้จะถูก
ออกแบบใหม ีอตั รารบั สารอินทรียส ูงมาก จนสาหรา ยและการเติมออกซิเจน
ทผ่ี วิ หนา ไมสามารถผลิตและปอนออกซิเจนไดท ัน ทําใหเ กิดสภาพไรออกซิเจน
ละลายนํ้าภายในบอ จึงเหมาะกบั นา้ํ เสียท่ีมสี ารอนิ ทรยี และปริมาณของแข็ง
สงู เนือ่ งจากของแข็งจะตกลงสกู นบอและถกู ยอยสลายแบบแอนแอโรบคิ
คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 46
นาํ้ เสียสวนที่ผานการบาํ บดั จากบอ น้ีจะระบายตอ ไปยงั บอแฟคคลั เททีฟ
(Facultative Pond) เพือ่ บาํ บดั ตอ ไป
(2) บอแฟคคัลเททีฟ (Facultative Pond)
บอแฟคคัลเททีฟเปนบอท่ีนิยมใชกันมากท่ีสุด ภายในบอมีลักษณะ
การทํางานแบงเปน 2 สว น คือ สวนบนของบอเปนแบบแอโรบิค ไดรับ
ออกซิเจนจากการถา ยเทอากาศท่ีบริเวณผิวน้ําและจากการสังเคราะหแสง
ของสาหรายและสวนลางของบออยูในสภาพแอนแอโรบิค บอแฟคัลเททีฟนี้
โดยปกติแลว จะรับน้ําเสียจากที่ผา นการบําบัดข้นั ตนมากอน
กระบวนการบําบัดที่เกิดขึ้นในบอแฟคคัลเททีฟ เรียกวา การทํา
ความสะอาดตัวเอง (Self-Purification) สารอินทรียท ี่อยูในน้ําจะถูกยอย
สลายโดยจุลนิ ทรียป ระเภทที่ใชออกซิเจน (Aerobic Bacteria) เพื่อเปน
อาหารและสําหรับการสรางเซลลใหมและเปนพลังงาน โดยใชออกซิเจนที่
ไดจากการสังเคราะหแสงของสาหรายที่อยูในบอสวนบน สําหรับบอ
สว นลางจนถึงกนบอซึ่งแสงแดดสองไมถงึ จะมีปริมาณออกซิเจนต่ํา จนเกดิ
สภาวะไรออกซิเจน (Anaerobic Condition) และมีจุลินทรียป ระเภทไมใ ช
ออกซิเจน (Anaerobic Bacteria) ทําหนาท่ียอ ยสลายสารอินทรียและแปร
สภาพเปนกาซเชนเดียวกับบอแอนแอโรบิค แตกาซท่ีลอยขึ้นมาจะถูก
ออกซิไดซโดยออกซิเจนที่อยูชวงบนของบอ ทําใหไ มเกิดกลนิ่ เหมน็ อยางไรก็
ตาม ถาหากปริมาณสารอินทรียท่ีเขาระบบสูงเกินไปจนออกซิเจนในนํ้าไม
เพียงพอ เม่ือถึงเวลากลางคืนสาหรายจะหายใจเอาออกซิเจนและปลอย
กาซคารบอนไดออกไซดออกมา ทําใหคาความเปนกรด - ดาง (pH) ลด
ตํ่าลง และปริมาณออกซิเจนละลายนํ้าต่ําลงจนอาจเกิดสภาวะขาด
ออกซเิ จน และเกดิ ปญหากลน่ิ เหม็นข้นึ ได
คมู่ ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 47
(3) บอแอโรบิค (Aerobic Pond)
เปนบอท่ีมีแบคทีเรียและสาหรายแขวนลอยอยู เปนบอที่มีความลึก
ไมมากนักเพื่อใหออกซิเจนกระจายท่ัวท้ังบอและมีสภาพเปนแอโรบิคตลอด
ความลึก โดยอาศัยออกซเิ จนจากการสังเคราะหแสงของสาหราย และการ
เติมอากาศท่ีผิวหนา และยังสามารถฆาเช้ือโรคไดสวนหนึ่งโดยอาศัย
แสงแดดอีกดว ย
(4) บอ บม (Maturation Pond)
บอบมมีสภาพเปนแอโรบิคตลอดทั้งบอ จึงมีความลึกไมมากและ
แสงแดดสองถึงกนบอใชรองรับน้ําเสยี ที่ผานการบําบดั แลว เพื่อฟอกน้ําท้ิง
ใหมีคุณภาพนํ้าดีขึ้น และอาศัยแสงแดดทําลายเชื้อโรคหรือจุลินทรียที่
ปนเปอ นมากบั นํ้าทิ้งกอ นระบายออกสูส ิง่ แวดลอ ม
รปู ที่ 5 - 1 ระบบบาํ บัดน้าํ เสียรวมศนู ยแ บบใชอ อกซเิ จนแบบบอปรับเสถยี ร
(Stabilization Pond)
คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 48
ตารางท่ี 5-1 ตวั อยางเกณฑก ารออกแบบระบบบาํ บัดนํา้ เสยี แบบบอ ปรับเสถียร (SP)
หนวยบําบดั เกณฑก ารออกแบบ (Design Criteria)
พารามเิ ตอร คา ท่ใี ชอ อกแบบ
1. บอ แอนแอโรบคิ ระยะเวลาเกบ็ กกั นํา้ (Hydraulic 4.5 วัน
(Anaerobic Pond) Retention Time; HRT)
2. บอแฟคคัลเททีฟ ความลึกของนาํ้ ในบอ 2-4 เมตร
(Facultative Pond) อัตราภาระบโี อดี 224-672 กรมั บโี อด5ี /ตรม.-วนั *
3. บอ แอโรบคิ ประสทิ ธภิ าพการกําจัด BOD
(Aerobic Pond) ระยะเวลาเกบ็ กักน้ํา (Hydraulic รอยละ 50
4. บอบม (Maturation Retention Time; HRT) 7-30 วัน
Pond)
ความลกึ ของนํา้ ในบอ 1-1.5 เมตร
อัตราภาระบโี อดี 34 กรัมบีโอด5ี /ตรม.-วนั *
ประสทิ ธิภาพการกาํ จดั BOD
ระยะเวลาเกบ็ กักนาํ้ (Hydraulic รอยละ 70-90
Retention Time; HRT) 4 -6 วัน
ความลึกของนาํ้ ในบอ 0.2-0.6 เมตร
อตั ราภาระบโี อดี 45 กรมั บีโอดี 5/ตรม.-วัน*
ประสิทธภิ าพการกําจัด BOD
ระยะเวลาเกบ็ กักน้ํา (Hydraulic รอยละ 80-95
Retention Time; HRT) 5-20 วนั
ความลึกของนา้ํ ในบอ 1-1.5 เมตร
อัตราภาระบโี อดี 2 กรมั /ตร.ม.-วัน
ประสิทธิภาพการกําจดั BOD รอยละ 60-80
ที่มา : รวบรวมจากหนังสือ "คากําหนดการออกแบบระบบบําบัดน้ําเสีย", สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดลอมแหง
ประเทศไทย 2540 และ "Wastewater Engineering", Metcalf & Eddy 1991
คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 49
ขอดี : ระบบบอปรับเสถยี รสามารถบาํ บัดน้ําเสียไดอยางมีประสิทธิภาพ
ไมวาจะเปนนํ้าเสียจากชุมชน โรงงานอุตสาหกรรมบางประเภท เชน
โรงงานผลิตอาหาร หรือนํ้าเสียจากเกษตรกรรม เชน นํ้าเสียจากการเลี้ยง
สกุ ร เปนตน การเดนิ ระบบกไ็ มย งุ ยากซับซอน ดแู ลรักษางาย ทนทานตอการ
เพิม่ อยางกะทันหัน (Shock Load) ของอัตรารับสารอนิ ทรยี และอัตราการ
ไหลไดด ี เนอ่ื งจากมรี ะยะเวลาเก็บกักนาน และยังสามารถกาํ จัดจลุ ินทรียท ี่
ทําใหเกิดโรคไดมากกวาวิธีการบําบัดแบบอ่ืน ๆ โดยไมจําเปนตองมีระบบ
ฆา เชอ้ื โรค
ขอ เสีย : ระบบบอปรับเสถียรตองการพื้นทใี่ นการกอ สรา งมาก ในกรณที ีใ่ ช
บอแอนแอโรบิคอาจเกิดกลิ่นเหม็นได ถาการออกแบบหรือควบคุมไมดีพอ
และน้ําทิ้งอาจมีปญหาสาหรา ยปะปนอยมู าก โดยเฉพาะจากบอแอโรบคิ
ตวั อยางระบบบอ ปรับเสถียรทใ่ี ชใ นประเทศไทย
เทศบาลนครหาดใหญ
ขนาดของระบบสามารถรองรับนํ้าเสียได 138,000 ลูกบาศกเมตร/วัน
ใชพื้นที่ในการกอสรางประมาณ 2,040 ไร (รวมพื้นที่บอปรับเสถียร
และบงึ ประดษิ ฐ)
เทศบาลเมอื งพจิ ิตร
ขนาดของระบบสามารถรองรับน้ําเสียได 60,000 ลกู บาศกเมตร/วัน
ใชพื้นที่ในการกอสราง 285 ไร - เทศบาลเมืองอางทอง ขนาดของ
ระบบสามารถรองรับน้ําเสียได 1,650 ลูกบาศกเมตร/วัน ใชพ้ืนที่ ใน
การกอ สรา ง 40 ไร
ค่มู ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 50
รูปท่ี 5 –2 ผงั ระบบบาํ บัดน้ําเสยี รวมแบบบอ ปรับเสถียร
ปญหาและแนวทางแกไข
ในการควบคุมดูแลระบบมักประสบปญหาท่ที ําใหคุณภาพน้ําทิ้งไมผาน
เกณฑมาตรฐาน โดยสามารถสรุปปญหา สาเหตุ และแนวทางการแกไข
สําหรบั ระบบบอ ปรบั เสถยี รได ดงั น้ี
ค่มู อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 51
ตารางที่ 5 – 2 สรปุ สาเหตแุ ละแนวทางการแกไขระบบบอปรบั เสถยี ร
ปญหา ลักษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
สภาพความ ประสิทธิภาพ เม่ือระบบไดรับสารอินทรียเพ่ิม ปรับพีเอชใหสูงข้ึน
เปนกรด ของการบําบัดจะ มากข้ึนกวาปกติ ทําใหจุลินทรีย โดยการเติมปูนขาว
และดา งไม ลดลงอาจเกดิ ท่ีสรางกรดเพ่ิมจํานวนมากขึ้น หรือโซดาไฟหรือสาร
เหมาะสม กลิ่นเหม็นเปรย้ี ว ก ว า ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ข อ ง ดางไบคารบอเนตให
ขน้ึ ในบอ อาจ จุลินทรียท่ีสรางมีเทน กรด เหมาะสม
เกดิ การตายของ อินทรียจะลดพีเอชของระบบ
สตั วน ํา้ เชน ทํา ใหชะ ลอกา รเติบโ ตของ
ปลา เปน ตน จลุ นิ ทรียทีส่ รา งมีเทน ทาํ ใหเ กดิ
ความดอยเสถียรภาพ ทําให
ร ะ บ บ บํ า บั ด มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
ลดลง
เ ม่ื อ ร ะ บ บ ไ ด รั บ นํ้ า เ สี ย ท่ี มี ลดความรุนแรงของ
สวนประกอบของไนโตรเจนสูง กลิ่นแอมโมเนีย โดย
เชน น้ําเสียจากโรงงานผลิต การเติมกรดทําใหพีเอ
อาหารประเภทโปรตีน ซึ่งผล ชลดลง
จากการยอยสลายของจุลินทรีย
ทําใหพีเอชของนํ้าในบอสูง จะ
ทํ า ใ ห แ อ ม โ ม เ นี ย (NH+4)
เ ป ล่ี ย น ไ ป อ ยู ใ น รู ป ก า ซ
แอมโมเนีย
น้ําท้ิงขนุ มสี าหรายจาก นํ้าเสียอาจมีไนโตรเจนและ/ ปรับวิธีการไหลของนํ้า
เน่อื งจาก บอ บม หลดุ ติด หรือฟอสฟอรัสสูง ทําใหเกิด โดยใชประตูปรบั ระดับ
สาหราย ออกไปกบั สาหรายมากในบอบม นํา้ กอ นเขาบอ บม
นํ้าท้ิง
คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 52
5.2 ระบบบําบดั น้ําเสียแบบบอเตมิ อากาศ (Aerated Lagoon: AL)
เปนระบบบําบัดน้ําเสียท่ีอาศัยการเติมออกซิเจนจากเครื่องเติมอากาศ
(Aerator) ที่ติดตงั้ แบบทุนลอยหรือยึดตดิ กบั แทนก็ได เพอ่ื เพิ่มออกซิเจนใน
นํ้าใหมีปริมาณเพียงพอ สําหรับจุลินทรียสามารถนําไปใชยอยสลาย
สารอินทรียในนํ้าเสยี ไดเร็วขึ้นกวาการปลอยใหยอยสลายตามธรรมชาติ ทํา
ใหระบบบําบัดน้ําเสียแบบบอเติมอากาศสามารถบําบัดนํ้าเสียไดอยางมี
ประสิทธิภาพ สามารถลดปริมาณความสกปรกของน้ําเสียในรูปของคาบีโอดี
(Biochemical Oxygen Demand; BOD) ไดรอยละ 80 - 95 โดยอาศัย
หลักการทํางานของจุลินทรียภายใตสภาวะที่มอี อกซิเจน (Aerobic) โดยมี
เครื่องเติมอากาศซ่ึงนอกจากจะทําหนาเพิ่มออกซิเจนในนํ้าแลวยังทําใหเกิด
การกวนผสมของน้ําในบอดวย ทําใหเกิดการยอยสลายสารอินทรียไดอยาง
ทวั่ ถงึ ภายในบอ
หลกั การทาํ งานของระบบ
ระบบบําบัดนํ้าเสียแบบบอเติมอากาศ สามารถบําบัดน้ําเสียไดท้ัง
นํ้าเสียจากแหลงชุมชนที่มีความสกปรกคอนขางมาก และนํ้าเสียจาก
อตุ สาหกรรม โดยปกตจิ ะออกแบบใหบอ มคี วามลกึ ประมาณ 2 - 6 เมตร
ระยะเวลาเกบ็ กกั น้ํา (Detention Time) ภายในบอเตมิ อากาศประมาณ 3
- 10 วนั และเครื่องเติมอากาศจะตองออกแบบใหมปี ระสิทธิภาพสามารถ
ทําใหเกิดการผสมกันของตะกอนจุลินทรีย ออกซิเจนละลายในน้ํา และนํ้า
เสีย นอกจากน้ีจะตองมีบอบม (Polishing Pond หรือ Maturation Pond)
รับนํ้าเสียจากบอ เตมิ อากาศเพ่ือตกตะกอนและปรับสภาพน้ําทิ้งกอ นระบาย
ออกสูสิ่งแวดลอม ท้ังน้ีจะตองควบคุมอัตราการไหลของนํ้าภายในบอบม
และระยะเวลาเก็บกักใหเหมาะสมไมนานเกินไป เพ่ือไมใหเกิดปญหาการ
เจริญเตบิ โตเพิ่มปริมาณของสาหรา ย (Algae) ในบอ บมมากเกินไป
คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 53
สวนประกอบของระบบ
- บอ เตมิ อากาศ (จาํ นวนบอขึ้นอยกู ับการออกแบบ)
- บอบม เพอื่ ปรับสภาพนํ้าท้งิ (จาํ นวนบอ ข้ึนอยกู บั การออกแบบ)
- บอเตมิ คลอรีนสาํ หรบั ฆาเชื้อโรค จํานวน 1 บอ
อุปกรณท่ีสาํ คญั ของระบบบอ เตมิ อากาศ ไดแก เคร่ืองเติมอากาศ ซ่ึง
มีวัตถุประสงคหลักเพ่อื ใหอ อกซิเจนแกน ํ้าเสยี เครื่องเติมอากาศแบง ออกได
4 แบบใหญๆ คอื เครื่องเตมิ อากาศท่ีผิวหนา (Surface Aerator) เครื่อง
เติมอากาศเทอรไบน (Turbine Aerator) เครื่องเติมอากาศใตนํ้า
(Submersible Aerator) และเครอ่ื งเติมอากาศแบบหัวฉดี (Jet Aerator)
1) เคร่ืองเติมอากาศที่ผิวหนา (Surface Aerator) จะทําหนาท่ีตีนํ้าที่
ระดับผิวบนใหกระจายเปนเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นมาเพ่ือสัมผัสกับอากาศเพ่ือรับ
ออกซิเจน ในขณะเดียวกันก็จะเปนการกวนนํ้าใหผสมกันเพ่ือกระจาย
ออกซิเจน และมลสารในน้ําเสยี ใหทว่ั บอ
2) เคร่ืองเติมอากาศเทอรไบนใตนํ้า (Submerged Turbine Aerator)
มีลักษณะการทํางานผสมกนั ระหวางระบบเปาอากาศ และระบบเครื่องกล
เตมิ อากาศ กลาวคือ อากาศหรือออกซเิ จนจะเปามาตามทอมาท่ีใตใบพดั ตี
นํ้า จากน้ันอากาศจะถกู ใบพัดเทอรไบน (Turbine) ตฟี องอากาศขนาดเล็ก
กระจายไปท่ัวถังเติมอากาศ เครือ่ งเติมอากาศชนิดน้ีมีความสามารถในการ
ใหอ อกซเิ จนสูง แตม รี าคาแพงและตอ งการการบํารุงรักษามากกวา แบบอื่น
3) เครื่องเติมอากาศใตน้ํา (Submersible Aerator) มีลกั ษณะผสมกัน
ระหวางเครอ่ื งสูบนํ้า (Pump) เคร่ืองดดู อากาศ (Air Blower) และเครอ่ื ง
ตอี ากาศใหผ สมกับน้ํา (Disperser) อยูในเครื่องเดยี วกนั แตม ีขอจาํ กัดดา น
การกวนน้าํ (Mixing)
คูม่ อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 54
4) เครื่องเติมอากาศแบบหัวฉีดนาํ้ (Jet Aerator) มี 2 แบบ คอื แบบ
แรกใชหลกั การทํางานของ Venturi Ejector และแบบที่สองจะเปนการสูบ
ฉีดนา้ํ ลงบนผวิ นาํ้ การทาํ งานของแตละแบบมดี งั นี้
แบบ Venturi Ejector อาศัยเคร่ืองสบู น้ําแบบใตนํ้าฉดี นํ้า
ผานทอที่มีรูปรางเปน Venturi เพื่อเพ่ิมความเร็วของน้ําจนกระทั่งเกดิ แรง
ดดู อากาศจากผวิ นา้ํ ลงมาผสมกบั น้ําก็จะถายเทออกซเิ จนลงไปในนํ้า การใช
เคร่ืองเติมอากาศแบบน้ีเหมาะสําหรับน้ําเสียท่ีไมมีเศษขยะหรือของแข็ง
ขนาดใหญเ พอ่ื อาจเขา ไปอุดตนั ในทอ Venturi ไดงา ย
แบบสูบฉดี น้ําลงบนผิวน้าํ (Water Jet Aerator) เปนการ
สูบน้ําจากถังเติมอากาศมาฉีดดวยความเร็วสูงสงที่ผิวนํ้า ซึ่งจะเกิดการ
กระจายของอากาศลงไปตามแรงฉดี เขาไปในน้าํ
รูปที่ 5 – 3 ผงั ระบบบําบัดน้ําเสียแบบบอเตมิ อากาศ เทศบาลเมืองอางทอง
คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 55
ตารางที่ 5 – 3 ตวั อยางเกณฑการออกแบบระบบบําบดั น้ําเสียแบบบอ เติม
อากาศ (Aerated Lagoon)
หนวยบาํ บัด เกณฑก ารออกแบบ
พารามิเตอร คาทีใ่ ชอ อกแบบ
1.บอ เตมิ อากาศ ระยะเวลาเกบ็ กักนํ้า 3-10 วัน
(Aerated Lagoon) (Hydraulic Retention 2-6 เมตร
07-1.4 กรัมออกซิเจน/
Time: HRT)
ความลกึ ของน้ําในบอ กรัมบโี อดที ี่ถกู กําจัด
ความตองการออกซเิ จน มากกวาหรอื เทากบั
Mixing Power
0.525 กโิ ลวัตต/100
เมตร3
2. บอ บม ระยะเวลาเกบ็ กกั น้าํ มากกวา หรือเทากบั 1 วัน
(Polishing Pond) (Hydraulic Retention
Time; HRT)
3. บอ เตมิ คลอรนี เวลาสัมผัส 15- 30นาที
อัตราไหลเฉลย่ี 30 นาที
อัตราไหลสูงสดุ 15 นาที
ความเขมขนของคลอรนี ท่ี 6 มก./ล.
ตองการ 0.3-2 มก./ล.(0.5-1
คลอรนี คงเหลอื ทั้งหมด มก./ล.)*
(Total Residual
Chlorine)
ที่มา : รวบรวมจากหนังสือ "คากาํ หนดการออกแบบระบบบําบัดน้ําเสยี ", สมาคมวิศวกรรมส่ิงแวดลอม
แหงประเทศไทย 2540 และ "Wastewater Engineering", Metcalf & Eddy 1991
คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 56
ขอดีของบอ เตมิ อากาศ
- คาลงทนุ กอสรางตํ่าประสิทธิภาพของระบบสงู
- สามารถรับการเพมิ่ ภาระมลพษิ อยา งกะทนั หนั (Shock Load) ไดด ี
- มีกากตะกอนและกล่นิ เหมน็ เกิดขึน้ นอ ย
- การดําเนนิ การและบํารุงรกั ษางาย สามารถบําบดั ไดท ั้งนา้ํ เสยี ชมุ ชน
และนาํ้ เสยี โรงงานอตุ สาหกรรม
ขอ เสยี ของบอ เติมอากาศ
- มีคา ใชจายในสว นของคากระแสไฟฟาสาํ หรบั เคร่อื งเตมิ อากาศ และ
คาซอ มบํารงุ และดูแลรักษาเครื่องเตมิ อากาศ
ตวั อยา งระบบบอ เติมอากาศทใ่ี ชในประเทศไทย
เทศบาลนครเชียงใหม สามารถรับน้ําเสียได 55,000 ลกู บาศกเมตร/วัน
ใชพ ืน้ ท่ใี นการกอสราง 100 ไร
เทศบาลเมืองพจิ ติ ร สามารถรบั นํ้าเสียได 12,000 ลูกบาศกเมตร/วัน
ใชพ้นื ทใี่ นการกอ สรา ง 43 ไร
เทศบาลเมืองอางทอง สามารถรับน้ําเสียได 8,200 ลูกบาศกเ มตร/วัน
ใชพ ืน้ ท่ีในการกอสรา ง 17 ไร
ปญหาและแนวทางแกไข
ในการควบคุมดแู ลระบบมกั ประสบปญหาที่ทําใหคณุ ภาพน้ําทิ้งไมผ าน
เกณฑมาตรฐาน โดยสามารถสรุปปญหา สาเหตุ และแนวทางการแกไข
สําหรับระบบสระเติมอากาศได ดังน้ี
คู่มือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 57
ตารางที่ 5 – 4 สาเหตุ และแนวทางการแกไขสาํ หรับระบบสระเติมอากาศ
ปญหา ลักษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
ของแข็ง น้ําทงิ ขนุ อาจ - ปริมาณตะกอน - ทาํ การขุดลอกเพ่ือ
แขวนลอย เนอ่ื งมาจากมตี ะกอน สะสมอยูในบอเติม ควบคมุ ปริมาณ MLSS
เกินคามาตรฐาน ออกไปกับน้ําทง้ิ อากาศมากเกินไป ในบอเติมอากาศและบอ
คณุ ภาพน้าํ ท้ิง - มีการสะสมของ บม ใหเหมาะสม
ตะกอนในบอ บมมาก
เกินไป
- บอ เตมิ อากาศมี -เพ่มิ ปริมาณออกซเิ จนใน
ขนาดเลก็ เกินไป ทํา บอเตมิ อากาศใหเพียงพอ
ใหอ ตั รานาํ้ ลน สูง -เพ่ิมบอตกตะกอน
เกินไปไมสามารถ ข้ันท่ี 2 เพ่ือเพมิ่
เก็บกกั ตะกอนไวใน ประสทิ ธภิ าพ
ระบบได ในการตกตะกอน
การเกดิ ปฏกิ ิริยา เกดิ ตะกอนลอยขนาดใหญ - ปรมิ าณออกซเิ จน - ตรวจสอบคาออกซเิ จน
ดไี นทรฟิ เ คชนั เมอ่ื ขึ้นถงึ ผวิ น้าํ จะเกดิ การ ละลายในบอ ละลายในบอ เติมอากาศ
ในบอตกตะกอน แตกกระจาย เมอื่ วดั คา ตกตะกอนนอย ไมใ หนอ ยกวา 2 mg/L
SV30 (ดว ยการใช เกินไป
กรวยอมิ ฮอฟฟ)ของน้าํ - เ พ่ิ ม อั ต ร า ก า ร สู บ
ตะกอน (MLSS) จากถงั ต ะ ก อ น จ า ก บ อ
เติมอากาศ พบวา ไมม ี ตกตะกอนไปยังบอเติม
ตะกอนลอยขนึ้ มา แตห าก อากา ศมา กขึ้น เพื่ อ
ทิ้งตอไปอีก 30-60 นาที ปองกันการสะสมของ
จะพบวา ชั้นตะกอนทจี่ ม ตะกอน
ตัวจะยกชน้ั ลอยขนึ้ มาและ
มฟี องอากาศหลดุ ออกมา
จากชัน้ ตะกอนท่ลี อย
คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 58
5.3 ระบบบําบดั น้ําเสยี แบบแอก็ ทิเวเต็ดสลัดจห รือระบบตะกอนเรง
(Activated Sludge: AS)
เปนวิธีบําบดั นํ้าเสียดวยวิธีการทางชีววิทยา โดยใชแบคทีเรียพวกที่
ใชอ อกซิเจน (Aerobic Bacteria) เปนตัวหลักในการยอยสลายสารอนิ ทรีย
ในน้ําเสยี ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจเปนระบบบําบัดนํ้าเสียท่ีนิยมใชกันอยาง
แพรหลาย สามารถบําบัดไดท้ังนํ้าเสียชุมชนและน้ําเสียจากโรงงาน
อุตสาหกรรม แตการเดินระบบประเภทนี้จะมีความยุงยากซับซอน
เ น่ื อ ง จ า ก จํ า เ ป น จ ะ ต อ ง มี ก า ร ค ว บ คุ ม ส ภ า ว ะ แ ว ด ล อ ม แ ล ะ ลั ก ษ ณ ะ
ทางกายภาพตางๆ ใหเหมาะสมแกการทํางานและการเพิ่มจํานวนของ
จุลินทรีย เพ่ือใหระบบมีประสิทธิภาพในการบําบัดสูงสุด ในปจจุบันระบบ
แอกทิเวเต็ดสลัดจมีการพัฒนาใชงานหลายรูปแบบ เชน ระบบแบบกวน
สมบูรณ (Completly Mix) กระบวนการปรับเสถียรสัมผัส (Contact
Stabilization Process) ระบบคลองวนเวียน (Oxidation Ditch) หรือ
ระบบบําบดั นา้ํ เสยี แบบเอสบอี าร (Sequencing Batch Reactor) เปน ตน
หลกั การทาํ งานของระบบ
ระบบบํา บัดนํ้ าเสียแบบแอกติเวเต็ดสลัดจโดยท่ัวไปจะ
ประกอบดว ยสว นสําคญั 2 สว น คอื ถังเติมอากาศ (Aeration Tank) และ
ถังตกตะกอน (Sedimentation Tank) โดยน้ําเสียจะถกู สงเขาถังเติมอากาศ
ซึ่งมีสลัดจอยูเปนจํานวนมากตามท่ีออกแบบไว สภาวะภายในถังเติมอากาศ
จะมีสภาพที่เอ้ืออํานวยตอการเจริญเติบโตของจุลินทรียแบบแอโรบิค
จุลินทรียเหลานี้จะทําการยอยสลายสารอินทรียในนํ้าเสียใหอยูในรูปของ
คารบอนไดออกไซดและน้ําในทีส่ ุด น้ําเสยี ท่ีผานการบําบัดแลวจะไหลตอไป
ยังถังตกตะกอนเพ่ือแยกสลัดจออกจากนํ้าใส สลัดจท่ีแยกตัวอยูที่กนถัง
ตกตะกอนสวนหนึ่ง จะถูกสูบกลับเขาไปในถังเติมอากาศใหมเพื่อรักษา
คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 59
ความเขมขน ของสลัดจใ นถังเติมอากาศใหไดตามที่กาํ หนด และอีกสวนหนึ่ง
จะเปนสลดั จส วนเกิน (Excess Sludge) ที่ตองนําไปกําจดั ตอไป สาํ หรับ
นา้ํ ใสสว นบนจะเปนนํ้าทิ้งทสี่ ามารถระบายออกสสู งิ่ แวดลอมได
ระบบแอกทเิ วเตด็ สลัดจร ูปแบบตางๆ
ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจแบบกวนสมบูรณ (Completely Mixed
Activated Sludge: CMAS) ลักษณะสําคัญ คือ จะตองมีถงั เติมอากาศที่
สามารถกวนใหนํ้าและสลัดจท่ีอยูในถังผสมเปนเน้ือเดียวกันตลอดทั่วท้ังถัง
ระบบแบบนี้สามารถรับภาระบรรทุกสารอินทรียท่ีเพิ่มข้ึนอยางรวดเร็ว
(Shock Load) ไดด ี เนื่องจากนํ้าเสยี จะกระจายไปทัว่ ถึง สภาพแวดลอม
ตางๆ ในถังเติมอากาศก็มีคาสมํ่าเสมอทําใหจุลินทรียชนิดตางๆ ท่ีมีอยูมี
ลักษณะเดยี วกันตลอดท้งั ถงั (Uniform Population)
รปู ที่ 5 – 4 ผงั กระบวนการบาํ บดั นํา้ เสียแบบเอกติเวกเตด็ สลัดจแบบกวนสมบรู ณ
คู่มือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 60
ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจแบบปรับเสถียรสัมผัส (Contact
Stabilization Activated Sludge; CSAS) ลักษณะสําคัญของระบบ
แอกทเิ วเต็ดสลดั จแ บบนี้ คอื จะแบง ถงั เติมอากาศออกเปน 2 ถังอสิ ระจาก
กัน ไดแก ถังสมั ผสั (Contact Tank) และถังยอยสลาย (Stabilization
Tank) โดยตะกอนท่ีสูบมาจากกนถังตกตะกอนข้ันสองจะถูกสงมาเติม
อากาศใหมใ นถงั ยอ ยสลาย จากนน้ั ตะกอนจะถกู สง มาสัมผสั กับนํ้าเสียในถัง
สัมผัส (Contact Tank) เพื่อยอ ยสลายสารอนิ ทรียใ นน้าํ เสยี ในถังสัมผัสน้ี
ความเขมขนของสลดั จจะลดลงตามปริมาณนาํ้ เสียทผ่ี สมเขา มาใหม นํ้าเสีย
ทีถ่ กู บําบัดแลวจะไหลไปยงั ถงั ตกตะกอนข้นั ทีส่ องเพือ่ แยกตะกอนกบั สวนน้ํา
ใส โดยนํ้าใสสวนบนจะถูกระบายออกจากระบบ และตะกอนท่ีกนถังสวน
หนึง่ จะถกู สบู กลบั ไปเขา ถังยอ ยสลาย และอีกสวนหนึ่งจะนําไปทิ้ง ทําใหบอ
เติมอากาศมขี นาดเล็กกวาบอ เติมอากาศของระบบแอกตเิ วเตด็ สลัดจทว่ั ไป
รูปที่ 5 – 5 ผังกระบวนการบาํ บดั นํา้ เสยี แบบเอกตเิ วกเตด็ สลดั จแ บบปรับเสถียรสัมผัส
คมู่ อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 61
ระบบคลองเวียนวน (Oxidation Ditch; OD) ลักษณะสําคญั ของ
ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจแบบน้ี คือ รูปแบบของถังเติมอากาศจะมีลักษณะ
เปนวงรีหรอื วงกลม ทําใหนํ้าไหลวนเวียนตามแนวยาว (Plug Flow) ของ
ถังเติมอากาศ และรปู แบบการกวนท่ีใชเคร่ืองกลเตมิ อากาศตีน้ําในแนวนอน
(Horizontal Surface Aerator) รูปแบบของถังเติมอากาศลักษณะนี้จะทํา
ใหเกิดสภาวะที่เรียกวา แอน็อกซิก (Anoxic Zone) ซึ่งเปนสภาวะท่ีไมมี
ออกซิเจนละลายในน้ําทําใหไนเตรทไนโตรเจน (NO32-) ถูกเปลีย่ นเปนกา ซ
ไนโตรเจน (N2) โดยแบคทีเรียจําพวกไนตริฟายอิงแบคทีเรีย
(Nitrosomonas Spp. และ Nitrobactor Spp.) ทําใหร ะบบสามารถ
บําบัดไนโตรเจนได
รปู ท่ี 5 – 6 ผงั กระบวนการบําบัดน้ําเสียแบบเอกตเิ วกเตด็ สลดั จแบบคลองวนเวียน
คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 62
ระบบบําบัดน้ําเสยี แบบเอสบีอาร (Sequencing Batch Reactor)
ลักษณะสําคัญของระบบแอกติเวเต็ดสลัดจแบบน้ี คือ เปนระบบแอกทิเว
เตด็ จส ลดั จประเภทเติมเขา-ถายออก (Fill-and-Draw Activated Sludge)
โดยมีขนั้ ตอนในการบาํ บดั นาํ้ เสียแตกตา งจากระบบตะกอนเรงแบบอืน่ ๆ คือ
การเติมอากาศ (Aeration) และการตกตะกอน (Sedimentation) จะ
ดําเนินการเปนไปตามลําดับภายในถังปฏิกิริยาเดียวกัน โดยการเดินระบบ
ระบบบาํ บดั น้าํ เสียแบบเอสบอี าร 1 รอบการทาํ งาน 5 ชว งตามลาํ ดบั ดังน้ี
ชว งเตมิ น้าํ เสีย (Fill) นาํ นาํ้ เสยี เขา ระบบ
ชว งทาํ ปฏกิ ริ ิยา (React) เปน การลดสารอินทรียในน้ําเสีย (BOD)
ชวงตกตะกอน (Settle) ทําใหต ะกอนจุลนิ ทรียตกลงกนถงั ปฏกิ ริ ิยา
ชว งระบายนา้ํ ทิ้ง (Draw) ระบายน้ําท่ีผา นการบําบัด
ชว งพักระบบ (Idle) เพือ่ ซอ มแซมหรอื รอรับนาํ้ เสยี ใหม
การเดินระบบสามารถเปล่ียนแปลงระยะเวลาในแตละชวงไดงายขึ้นอยู
กับวัตถุประสงคในการบําบัด ซึ่งแสดงใหเห็นถงึ ความยืดหยุนของระบบบําบัด
น้ําเสียแบบเอสบอี าร
รปู ท่ี 5 – 7 ผงั กระบวนการบาํ บัดน้ําเสยี แบบเอกติเวกเตด็ สลัดจแบบเอสบีอาร
คู่มือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 63
ตารางที่ 5 – 5 ตัวอยา งเกณฑการออกแบบระบบบาํ บดั นาํ้ เสยี แบบ
แอกทิเวเต็ดสลัดจ (Activated Sludge)
หนวยบําบัด เกณฑก ารออกแบบ
พารามเิ ตอร คาท่ใี ชออกแบบ
1. แบบกวนสมบรู ณ F/M Ratio 0.2-0.6 กก.บโี อดี / กก.
(Completely Mix) MLSS-วัน
อายุสลัดจ (Sludge Age) 5-15 วัน
อตั ราภาระอินทรีย (Organic 0.8-1.9 กก.บีโอดี / ลบ.
ม.-วัน
Loading)
MLSS 2,500-4,000 มก./ล.
เวลาเก็บกกั นํ้า (HRT) 3-5 ชัว่ โมง
อตั ราสวนการสบู สลดั จกลบั 0.25-1
ความตอ งการออกซเิ จน 0.8-1.1 กก. O2 / กก.
BOD ทีถ่ กู กําจัด
ประสิทธิภาพในการกาํ จัดบโี อดี รอยละ 85-95
2. แบบปรับเสถียรสมั ผัส F/M Ratio 0.2-0.6 กก.บีโอดี / กก.
(Contact Stabilization) MLSS-วัน
5-15 วนั
อายสุ ลัดจ (Sludge Age)
0.9-1.2 กก.บีโอดี / ลบ.
อัตราภาระอนิ ทรีย ม.-วัน
(Organic Loading)
1,000-3,000 มก./ล.
MLSS ในถงั สัมผสั 4,000-10,000 มก./ล.
MLSS ในถังปรบั เสถยี ร
0.5-1 ช่วั โมง
เวลาเก็บกกั น้าํ (HRT) ในถัง
สัมผสั 3-8 ช่วั โมง
เวลาเก็บกกั น้ํา (HRT) ในถงั
คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 64
หนวยบําบดั เกณฑก ารออกแบบ
3.แบบคลองวนเวียน
(Oxidation Ditch) พารามิเตอร คา ที่ใชอ อกแบบ
4. แบบเอสบีอาร
(Sequencing Batch ปรบั เสถียร
Reactor)
อัตราสว นการสูบสลดั จก ลบั 0.25-1.5
ความตอ งการออกซิเจนในถงั 0.4-0.6 กก.O2 / กก.
สัมผสั BOD ที่ถกู กําจดั
ความตองการออกซเิ จนในถงั 0.3-0.5 กก.O2 / กก.
ปรบั เสถียร BOD ทีถ่ ูกกาํ จดั
ประสิทธภิ าพในการกําจดั บโี อ รอยละ 80-90
ดี
F/M Ratio 0.05-0.3 กก.บโี อดี /
กก. MLSS-วัน
อายสุ ลัดจ (Sludge Age) 10-30 วนั
อตั ราภาระอนิ ทรีย (Organic 0.1-0.5 กก.บโี อดี /
Loading) ลบ.ม.-วนั
MLSS 3,000-6,000 มก./ล.
เวลาเก็บกกั นํ้า (HRT) 8-36 ช่ัวโมง
อัตราสวนการสูบสลดั จกลบั 0.75-1.5
ประสิทธิภาพในการกําจดั บโี อดี รอ ยละ 75-95
F/M Ratio 0.05-0.3 กก.บโี อดี /
กก. MLSS-วัน
อายุสลัดจ (Sludge Age) 8-20 วัน
อัตราภาระอินทรีย (Organic 0.1-0.3กก.บีโอดี / ลบ.
Loading) ม.-วนั
MLSS 1,500-6,000 มก./ล.
คูม่ อื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 65
หนว ยบาํ บัด เกณฑการออกแบบ
พารามิเตอร คา ที่ใชออกแบบ
ความจุถังตออัตราไหลเขาของนาํ้ 8-50 ชัว่ โมง
เขา ระบบ
ประสทิ ธภิ าพในการกําจัดบโี อดี รอ ยละ 85-95
ทีม่ า : รวบรวมจากหนงั สอื "คา กาํ หนดการออกแบบระบบบําบดั นาํ้ เสยี ", สมาคมวิศวกรรมสง่ิ แวดลอมแหงประเทศ
ไทย 2540 และ "Wastewater Engineering", Metcalf & Eddy 1991
ปญ หาและแนวทางแกไ ข
การควบคุมดูแลระบบมักประสบปญหาที่ทําใหคุณภาพนํ้าท้ิงไมผาน
เกณฑม าตรฐานโดยสามารถสรุปปญ หา สาเหตุ และแนวทางการแกไ ขสาํ หรับ
ระบบแอกตเิ วเตด็ สลัดจ ไดดงั นี้
ตารางท่ี 5 – 6 สาเหตุ และแนวทางการแกไ ขสําหรบั ระบบแอกติเวเตด็ สลดั จ
ปญ หา ลักษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
ตะกอนหลดุ - นํา้ ทิ้งขุน อาจมี - ชน้ั ของตะกอนใน เพิม่ การหมนุ เวียนตะกอนจาก
จากระบบ ตะกอนลอย บอ ตกตะกอนสงู บอตกตะกอนกลับไปยงั บอ เตมิ
ออกมากบั เกิดขนึ้ แตไมม าก เกินไป
นํ้าทิ้งมาก นัก ตะกอน อากาศ หรือเพม่ิ การสบู
ตะกอนสว นเกนิ นาํ ไปใสในบอ
รวมตัวกันเปน บาํ บดั ตะกอน (ทั้งนี้ ตอ งระวงั
floc ไดด ี เมื่อ
ทดสอบดว ยการ การควบคุมคาอายตุ ะกอน
ดวย) เพือ่ ลดระดับตะกอนใน
วัด SV30 (ดวย บอตกตะกอนใหมรี ะดบั ความ
การใชกรวยอิม
ฮอฟฟ) ของนา้ํ สงู ไมเ กินครึง่ หน่ึงของบอ
ตกตะกอน
ค่มู อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 66
ปญ หา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไ ข
ตะกอน (MLSS) - เครอ่ื งกวาด - จัดใหม ีการซอ มแซมอุปกรณ
จากบอ เตมิ อากาศ ตะกอนชํารุด ทํา เครือ่ งกวาดตะกอน และมกี าร
พบวา การ ใหเกิดการสะสม บาํ รุงรักษาเพือ่ ใหเ คร่ืองกวาด
ตกตะกอนเกดิ ขนึ้ ของตะกอนที่ ตะกอน ทาํ หนา ทไ่ี ดอยางมี
ไดดี น้ําบรเิ วณ กนบอ ตกตะกอน ประสทิ ธภิ าพ โดยควรเนน
ดา นบนใส การซอ มบาํ รุงลว งหนา
(Preventive maintenance)
- ควรตรวจสอบการทํางานของ
เครือ่ งกวาดตะกอนทุกวนั และ
ควรตรวจสอบความเขมขน ของ
ตะกอนท่ีหมนุ เวยี นกลบั วา มี
ความเขมขน สูงหรือไม
- ปริมาณนํ้าเสีย - ควรใชบอ ปรบั สภาพ
ตกตะกอนเขา บอ (Equalization tank) ชว ย
มากเกินไป (หรือ ปรับอตั ราการไหลเขาระบบให
ปรมิ าณน้ําเสยี เขา สมา่ํ เสมอ
สรู ะบบสงู เกินไป) - ในกรณีมีบอ ตกตะกอนหลาย
บอ ควรปรับปรุงการแบง นํา้
เขา บอแตล ะบอ ใหสมา่ํ เสมอ
ตรวจสอบระยะเวลาเกบ็ กกั นํ้า
เสยี และอตั รานํ้าลนผวิ
- หากนํา้ ทเ่ี ขา บอตกตะกอน
มากผิดปกติเกิดจากนาํ้ ฝน
ควรหาวธิ ีปองกันน้าํ ฝนไหลเขา
บอ เชน การสรางหลงั คาปด
บอ เปนตน
- ปริมาณตะกอน - ตรวจสอบคา บโี อดที ่ีเขาสู
คูม่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 67
ปญหา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไ ข
จลุ นิ ทรียใ นบอเติม ระบบ หากมคี าสูงเกินไป (สงู
อากาศมากเกนิ ไป กวา คาท่ีออกแบบ) ควรใชบ อ
สงผลใหบ อ ปรับสภาพ (Equalization
ตกตะกอน tank) ชว ยปรับคาบโี อดีเขา
ตกตะกอนไมทัน ระบบใหส มาํ่ เสมอ
- ควรเพมิ่ การหมนุ เวียนตะกอน
จากบอ ตกตะกอนกลบั ไปยงั
บอ เตมิ อากาศ หรอื เพ่มิ การ
สบู ตะกอนสวนเกนิ นาํ ไปใสใ น
บอบาํ บดั ตะกอน (ท้งั น้ี ตอ ง
ระวงั การควบคมุ คาอายุ
ตะกอนดวย)
- เกิดการไหลหมนุ - วดั อุณหภมู ิทชี่ วงความลกึ
วนตามความลกึ ตางๆ กนั หากพบวาอณุ หภมู ิ
ของบอ ตกตะกอน ตางกัน ควรตรวจสอบหา
เน่อื งจากความ สาเหตแุ ละแกไข เชน การเพิ่ม
แตกตางของ หลังคาคลุมบอเพ่ือปองกนั แดด
อุณหภูมิระหวาง สอ งผิวน้าํ โดยตรง เปนตน
ชัน้ ผิวนา้ํ กบั ชน้ั
ตะกอน ทาํ ใหการ - อาจมีการเพิ่มจาํ นวนบอ
ตกตะกอนไมดี ตกตะกอนตามความจําเปน
- เกิดตะกอนเบา - มปี ริมาณ - ควรใชบ อ ปรบั สภาพ
หลุดไปกับนํา้ ทิ้ง สารอินทรยี (คา บี (Equalization tank) ชวย
ตะกอน รวมตัว โอด)ี เขา ในบอ ปรับคา บโี อดีเขา ระบบให
กันเปน floc ไดไ ม เติมอากาศมาก สม่าํ เสมอ
ดีนัก เมอื่ ทดสอบ เกินไป สง ผลให
ดว ยการวัด คา อายุตะกอนตา่ํ - ลดปริมาณการสบู ตะกอน
สวนเกนิ ทงิ้ เพอ่ื ชว ยเพิม่ คา
คมู่ ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 68
ปญหา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
SV30 (ดว ยการ เกินไป อายตุ ะกอน
ใชกรวยอมิ - มีอายตุ ะกอนต่าํ
ฮอฟฟ) ของน้ํา - MLSS ในบอ เตมิ - เพ่ิมการหมุนเวียนตะกอนเขา
ตะกอน (MLSS) บอเติมอากาศมากข้นึ
อากาศนอยเกินไป
จากบอ เติม - F/M มากเกินไป - ตอ งตรวจสอบปริมาณ
อากาศ พบวา ออกซเิ จนละลายใหไมต ํา่ กวา
2 มิลลิกรัม/ลติ ร
การตกตะกอน
เกิดขึน้ ไดไ มด นี กั
น้ําบริเวณดา นบน
พบตะกอนเบา
ลอยอยมู ากและ
น้ําขนุ
ตะกอน เกดิ การอดื ของ - ปรมิ าณออกซิเจน - ควบคมุ ใหม กี ารเตมิ ออกซิเจน
ไมจมตวั ในบอ ตะกอนในบอ ละลายในบอ ในบอ เติมอากาศอยางทว่ั ถงึ
ตกตะกอน ตกตะกอน ไมม ี ตกตะกอนนอย ตลอดท้งั บอ ใหมีคาไมน อ ย
ชั้นน้ําใสในบอ เกินไป กวา 2 มลิ ลกิ รัม/ลิตร
ตกตะกอน เมื่อ - อัตราสวน
- ควบคมุ อตั ราสว น
ทดสอบดว ยการ BOD:N:P:Fe ไม BOD:N:P:Fe เทา กบั
วัด SV30 (ดวย เหมาะสม มธี าตุ 100:5:1:0.5 เชน เพม่ิ
การใชกรวยอิม อาหารทีจ่ าํ เปน ตอ ไนโตรเจนโดยการเติมยูเรยี
ฮอฟฟ) ของนํา้ การดาํ รงชวี ิตของ เพมิ่ ฟอสฟอรัสโดยการเติม
ตะกอน (MLSS) จุลินทรยี น อ ย ไตรโซเดยี ม-ฟอสเฟต และเติม
จากบอ เติมอากาศ เกินไป เหลก็ โดยการเตมิ เฟอรกิ คลอ
พบวา ไมมกี าร ไรด โดยอาจเติมสารดงั กลาว
ตกตะกอนเกดิ ข้นึ
ไดในบอปรับสภาพ
คู่มือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 69
ปญหา ลักษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไ ข
ชั้นน้าํ ใสดา นบน - คาพีเอชในบอ - หากพเี อชต่าํ เกินไปจากการ
กรวยไมมหี รือมี เตมิ อากาศไม หมกั ของนํ้าเสยี ดบิ ในระบบทอ
นอยมาก แตหาก เหมาะสม เชน มี หรอื ในบอปรับสภาพ ควร
สามารถกรอง คาต่ํากวา 6.5 พิจารณาเติมอากาศในบอปรบั
ตะกอนออกไปได หรอื สงู กวา 9 สภาพเพ่ือลดการเกิดการหมัก
จะพบวาน้ําทผ่ี าน แบบไรอากาศ
การกรองใสมาก - มีแบคทเี รยี ชนิด - ใหปรับพีเอชของนาํ้ เสยี ทเ่ี ขา
เสน ใย ระบบใหมคี ามากกวา 6.5
(filamentous โดยการเตมิ น้าํ ปนู ขาวหรือน้าํ
Bacteria) ในบอ โซดาไฟ
ตกตะกอน (อาจ - หากพเี อชสูงเกนิ ไป ใหปรบั
พิสูจนโ ดยการนํา โดยใชกรด เชน กรดน้าํ สม
นํา้ ตะกอนไปสอ ง กรดกํามะถนั เปนตน
กลอ งจลุ ทรรศน) - แบคทีเรียชนดิ เสน ใยเกิดขนึ้ ได
เปนปกติในระบบแอกตเิ วเต็ด
สลัดจ หากมปี ริมาณไมมาก
จนไมทาํ ใหเ กิดปญ หาตะกอน
ไมจม กจ็ ะสง ผลดีมากกวา
ผลรา ย อยางไรก็ตาม หากมี
ปรมิ าณมากเกนิ ไปจนเกิด
ปญหา ตะกอนอืดไมจมตัว
ควรพจิ ารณาสรา งถังคัดพันธุ
(Selector) ในระบบเพ่ิมเตมิ
- ในกรณีทม่ี ีแบคทเี รียชนิดเสน
ใยเกดิ ขนึ้ ในบอ ตกตะกอน อาจ
ใชค ลอรีนหรือไฮโดรเจนเปอร-
ออกไซดฆ าแบคทีเรียชนิดเสน
ใยดังกลาว โดยการเตมิ
ค่มู อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 70
ปญ หา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไ ข
คลอรนี ในระบบทอ สบู ตะกอน
กลบั ในอตั ราความเขม ขน
ประมาณ 5 มลิ ลกิ รมั /ลติ ร
การเกดิ เกดิ ตะกอนลอยขึน้ - ปริมาณออกซเิ จน - ตรวจสอบคา ออกซิเจนละลาย
ดีไนทริฟเ คชนั เปน กอนใหญ ละลายในบอ ในบอ เตมิ อากาศใหพ อเพยี ง
ขึน้ ในบอ ขนาดเสน ผาน ตกตะกอนนอ ย โดยไมค วรนอยกวา 2
ตกตะกอน ศนู ยกลาง 3-15 เกินไป มิลลิกรมั /ลติ ร
เซนตเิ มตร เมือ่ ขน้ึ - เพ่ิมอตั ราการสบู ตะกอนจาก
ถงึ ผวิ นํ้าจะเกิด บอตกตะกอนไปยงั บอ เตมิ
การแตกกระจาย อากาศมากข้ึน เพือ่ ปอ งกัน
เมื่อทดสอบดว ย การสะสมของตะกอน
การวัด SV30 - เกิดกระบวนการ - การเกดิ ดีไนทริฟเคชนั ในบอ
(ดวยการใช ดไี นทริฟเคชันใน ตกตะกอนมีฟองกาซจบั อยกู ับ
กรวยอิมฮอฟฟ) บอ ตกตะกอน
กลุม ตะกอน เกดิ ตะกอนเนา
ของน้าํ ตะกอน โดยเฉพาะบรเิ วณ อาจเกดิ จากปริมาณออกซเิ จน
(MLSS) จากบอ กนบอ ขอบ-มมุ บอ ละลายในบอ เติมอากาศนอย
เตมิ อากาศ พบวา หรอื บรเิ วณอื่นๆ ที่ เกนิ ไป หรือปลอยใหช้นั ของ
ไมมีตะกอนลอย การกวนผสม ตะกอนสงู เกินไป ซง่ึ สามารถ
ข้นึ มา แตหากทิ้ง เกดิ ขึน้ นอ ย ทาํ ให แกไขโดยเพิ่มปรมิ าณการเตมิ
ตอ ไปอีก 30-60 เกิดฟองกา ซ ออกซิเจนในบอ เติมอากาศให
นาที จะพบวาช้นั ไนโตรเจน พอเพยี ง และเพิม่ อตั ราการ
ตะกอนที่จมตวั พาตะกอนลอยข้นึ สบู ตะกอนจากบอ ตกตะกอน
จะยกชนั้ ลอย กลบั ไปยงั บอ เตมิ อากาศ
ขน้ึ มา เมื่อเขี่ยดูจะ เพม่ิ ข้นึ และทําการตรวจวัด
พบวา ปรมิ าณออกซเิ จนละลายตาม
มฟี องอากาศหลดุ ระดบั ความลกึ
ออกมาจาก - ควรตรวจสอบเครอ่ื งเตมิ
ชนั้ ตะกอนทีล่ อย อากาศใหส ามารถกวนผสมนาํ้
คูม่ อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 71
ปญ หา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
เสยี ใหทัว่ ถึง หลกี เลย่ี งการ
เกิดมุมอบั เชน ขอบมมุ บอ
เปน ตน
- ควรกาํ จดั กรวดทรายในนาํ้
เสียกอ นเขา บอเตมิ อากาศ
เพราะอาจทาํ ใหเ กดิ การสะสม
ของกรวดทรายท่กี น บอ
ตกตะกอนได
- หากปริมาณน้าํ เสยี ทเี่ ขาสู
ระบบมคี าตํา่ กวาท่ีออกแบบไว
จะทาํ ใหเวลากักน้าํ ของบอ
ตกตะกอนสงู เกนิ ไป ควร
พิจารณาลดจํานวนบอ
ตกตะกอน (ถาจําเปน) หรือ
อาจใชบ อปรบั สภาพชว ยปรบั
อตั ราการไหลเขาของนํ้าเสีย
ใหส ม่าํ เสมอ
ตัวอยางระบบแอกทเิ วเต็ดจสลัดจท ใ่ี ชในประเทศไทย
ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจแบบปรับเสถียรสัมผัส ไดแก โครงการ
ระบบบําบัดน้าํ เสียสพี่ ระยา ของกรุงเทพมหานคร ขนาดของระบบสามารถ
รองรับน้ําเสียได 30,000 ลูกบาศกเมตร/วัน
ระบบบําบดั น้ําเสยี แบบเอสบอี าร ไดแก โครงการระบบบาํ บัดน้ําเสีย
ยานนาวา ของกรุงเทพมหานคร หรือเรียกวา Cyclic Activated Sludge
System ขนาดของระบบสามารถรองรับน้ําเสียได 200,000 ลกู บาศกเ มตร/วนั
คู่มือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 72
5.4 ระบบบําบัดน้ําเสียแบบบงึ ประดิษฐ (Constructed Wetland)
บึงประดิษฐ เปนระบบบาํ บัดนํ้าเสียท่ีอาศัยกระบวนการทางธรรมชาติ
กําลังเปนท่ีนิยมมากข้ึนในปจจุบัน โดยเฉพาะอยางยิ่งในการใชปรับปรุง
คุณภาพน้ําทิ้งท่ีผานการบําบัดแลว แตตองการลดปริมาณไนโตรเจนและ
ฟอสฟอรัสกอ นระบายออกสูแหลงรองรับน้ําท้ิง นอกจากนี้ระบบบงึ ประดิษฐก็
ยงั สามารถใชเปนระบบบําบัดน้ําเสียในขนั้ ที่ 2 (Secondary Treatment)
สําหรับบาํ บัดนํ้าเสียจากชุมชนไดอกี ดวย ขอดีของระบบนี้ คือ เปน ระบบที่ไม
ซับซอนและไมตองใชเทคโนโลยีในการบําบัดสูง แตตองบํารุงรักษาอยาง
สมํ่าเสมอ บึงประดิษฐ มี 2 ประเภท ไดแ ก แบบ Free Water Surface
Wetland (FWS) ซ่ึงมีลักษณะใกลเคียงกับบึงธรรมชาติ และแบบ
Vegetated Submerged Bed System (VSB) ซึ่งจะมีชั้นดนิ ปนทราย
สําหรับปลูกพืชน้ําและชน้ั หินรองกนบอ เพอ่ื เปนตัวกรองน้ําเสีย
รปู ที่ 5 – 8 รปู แบบการบําบดั นํา้ เสียแบบบึงประดิษฐ (Constructed Wetland)
คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 73
หลกั การทาํ งานของระบบ
เมื่อนํ้าเสียไหลเขามาในบึงประดิษฐสวนตน สารอินทรียสวนหน่ึงจะ
ตกตะกอนจมลงสูกนบึงและถูกยอยสลายโดยจุลินทรีย สวนสารอินทรียท่ี
ละลายนํ้าจะถูกกําจัดโดยจุลินทรียที่เกาะติดอยูกับพืชน้ําหรือช้ันหินและ
จุลินทรียท่ีแขวนลอยอยูในน้ํา ระบบน้ีจะไดรับออกซิเจนจากการแทรกซึม
ของอากาศผานผิวน้ําหรือช้ันหินลงมา ออกซิเจนบางสวนจะไดจากการ
สังเคราะหแสงแตมีปริมาณไมมากนัก สําหรับสารแขวนลอยจะถูกกรอง
และจมตัวอยูในชวงตนของระบบ การลดปริมาณไนโตรเจนจะเปนไปตาม
กระบวนการไนตริฟเคชั่น (Nitrification)และดิไนตริฟเคช่ัน (Denitrification)
สวนการลดปริมาณฟอสฟอรัสสวนใหญจะเกิดที่ชั้นดินสวนพื้นบอ และพืช
นํ้าจะชวยดูดซับฟอสฟอรัสผานทางรากและนําไปใชในการสรางเซลล
นอกจากนร้ี ะบบบึงประดษิ ฐย ังสามารถกําจัดโลหะหนกั (Heavy Metal) ได
บางสว นอกี ดว ย
สว นประกอบของระบบ
(1) ระบบบึงประดิษฐแบบ Free Water Surface Wetland (FWS)
เปนแบบท่ีนิยมใชในการปรับปรุงคุณภาพนํ้าทิ้งหลังจากผานการบําบัดจาก
บอ ปรับเสถียร (Stabilization Pond) แลว ลกั ษณะของระบบแบบนี้จะเปน
บอดนิ ท่ีมีการบดอัดดินใหแนนหรือปูพืน้ ดวยแผน HDPE ใหไดร ะดับเพ่ือให
นํ้าเสียไหลตามแนวนอนขนานกับพื้นดิน บอดินจะมีความลึกแตกตางกัน
เพื่อใหเกิดกระบวนการบําบัดตามธรรมชาติอยางสมบูรณโครงสรางของ
ระบบแบงเปน 3 สวน (อาจเปนบอเดียวกันหรือหลายบอข้ึนกับการ
ออกแบบ) คอื
ค่มู อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 74
สว นแรก เปน สว นท่ีมีการปลูกพืชที่มีลักษณะสงู โผลพนนาํ้ และราก
เกาะดินปลูกไว เชน กก แฝก ธูปฤาษี เพ่ือชวยในการกรองและตกตะกอน
ของสารแขวนลอยและสารอินทรียท่ีตกตะกอนได ทําใหกําจัดสาร
แขวนลอยและสารอนิ ทรียไดบ างสวน เปนการลดสารแขวนลอยและคาบโี อ
ดีไดส วนหนึง่
รูปที่ 5 – 9 ผังกระบวนการบาํ บัดน้าํ เสียแบบบงึ ประดิษฐ
สวนที่สอง เปนสวนท่ีมีพืชชนิดลอยอยูบนผิวนํ้า เชน จอก แหน
บัว รวมท้งั พืชขนาดเล็กที่แขวนลอยอยูในน้ํา เชน สาหราย จอก แหน เปน
ตน พ้ืนที่สวนท่ีสองนี้จะไมมีการปลูกพืชท่ีมีลักษณะสูงโผลพนนํ้าเหมือนใน
สวนแรกและสวนท่ีสาม น้ําในสว นน้ีจึงมีการสัมผัสอากาศและแสงแดดทํา
ใหมีการเจริญเตบิ โตของสาหรายซึ่งเปนการเพิ่มออกซิเจนละลายน้ํา (DO)
ทําใหจุลินทรียชนิดที่ใชออกซิเจนยอยสลายสารอินทรียท่ีละลายน้ําไดเปน
การลดคา บีโอดใี นนาํ้ เสีย และยังเกิดสภาพไนตรฟิ เคช่ัน (Nitrification)
สวนที่สาม มีการปลูกพืชในลักษณะเดียวกับสวนแรก เพื่อชวย
กรองสารแขวนลอยท่ียังเหลืออยู และทําใหเกิดสภาพดิไนตริฟเคช่ัน
(Denitrification) เนื่องจากออกซิเจนละลายน้ํา (DO) ลดลง ซึ่งสามารถลด
สารอาหารจาํ พวกสารประกอบไนโตรเจนได
คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 75
รปู ที่ 5 – 10 ผงั การทํางานการบําบดั น้ําเสยี ของพืชในระบบบาํ บดั น้ําเสยี แบบบงึ ประดษิ ฐ
ระบบบึงประดิษฐแบบนํ้าเสียไหลบนผิวดินเปนระบบบอตื้นท่ีมีพืชนํ้า
หลายชนิดเติบโตอยูรวมกัน นํ้าเสียจะไหลทวมอยแู ตสวนดานบนพ้ืนดิน โดย
ขนาด ความลาดเอียง ความลึก และระยะเวลาการกักเก็บน้ําภายในบึง เปน
ปจจัยสําคัญในการออกแบบระบบเพื่อใหสามารถบําบัดน้ําเสียไดอยางมี
ประสทิ ธภิ าพ
(2) ระบบบึงประดิษฐแบบ Vegetated Submerged Bed System (VSB)
ระบบบงึ ประดษิ ฐแบบนจี้ ะมีขอ ดกี วาแบบ Free Water Surface Wetland
คือ เปนระบบที่แยกน้ําเสียไมใหถูกรบกวนจากแมลงหรือสัตว และปองกัน
ไมใหจุลินทรียตางๆ ที่ทําใหเกิดโรคมาปนเปอนกับคนได ในบางประเทศใช
ระบบบึงประดิษฐแบบน้ีในการบําบัดนํ้าเสียจากบอเกรอะ (Septic Tank)
และปรับปรงุ คุณภาพนํ้าท้ิงจากระบบบอปรับเสถียร (Stabilization Pond)
หรือใชในการปรับปรุงคณุ ภาพน้ําท้ิงจากระบบ Activated Sludge และ
ระบบ RBC หรอื ใชใ นการปรับปรุงคณุ ภาพน้ําท่ีระบายออกจากอาคารดกั น้ํา
เสีย (CSO) เปน ตน สวนประกอบที่สําคญั ในการบําบัดนํ้าเสยี ของระบบบึง
ประดิษฐแบบน้ี คือ
คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 76
รูปท่ี 5 – 11 ผังการไหลเวยี นของนา้ํ เสียในระบบบาํ บดั นํ้าเสยี แบบบงึ ประดษิ ฐ
พืชท่ีปลูกในระบบ จะมีหนาท่ีสนับสนุนใหเกิดการถายเทกาซ
ออกซิเจนจากอากาศเพ่ือเพ่ิมออกซิเจนใหแกนํ้าเสีย และยังทําหนาที่
สนับสนุนใหกา ซทเ่ี กิดขนึ้ ในระบบ เชน กา ซมเี ทน (Methane) จากการยอย
สลายแบบแอนแอโรบิค (Anaerobic) สามารถระบายออกจากระบบไดอีก
ดวย และสามารถกําจัดไนโตรเจนและฟอสฟอรัสไดโดยการนําไปใชในการ
เจรญิ เติบโตของพชื
ตัวกลาง (Media) จะมีหนาที่สําคัญ คือ (1) เปนที่สาํ หรับใหราก
ของพืชที่ปลูกในระบบยึดเกาะ (2) ชวยใหเกดิ การกระจายของนํ้าเสียท่ีเขา
ระบบและชวยรวบรวมน้ําท้ิงกอ นระบายออก (3) เปนท่ีสาํ หรับใหจุลินทรีย
ยึดเกาะ และ (4) สาํ หรับใชกรองสารแขวนลอยตาง ๆ
ประโยชนที่ไดจากบึงประดิษฐ
ทางตรง: สามารถลดปริมาณสารอินทรีย ของแข็งแขวนลอย และ
สารอาหารไดอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทาํ ใหค ุณภาพแหลงรองรบั น้ําท้งิ ดขี ้นึ
ทางออม: ทําใหเกิดความสมดลุ ของระบบนิเวศและสภาพแวดลอม เปน
ท่ีอยูอาศัยและแหลงอาหารของสัตวและนกชนิดตางๆ เปนแหลงพักผอน
หยอนใจและศกึ ษาทางธรรมชาติ
คู่มือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 77
ตวั อยา งระบบบอ บึงประดิษฐท่ีใชใ นประเทศไทย
เทศบาลเมืองสกลนคร ไดสรางระบบบึงประดิษฐเพื่อรับน้ําหลัง
บําบดั จากระบบบอปรับเสถียร (Stabilization Pond) แลว โดยมีขนาด
ของระบบสามารถรองรบั นํ้าเสียได 16,200 ลูกบาศกเมตร/วัน ใชพื้นท่ีใน
การกอสรา งระบบบงึ ประดษิ ฐ 184.5 ไร
เทศบาลนครหาดใหญ ไดสรางระบบบึงประดิษฐเพื่อรับน้ําหลัง
บําบดั จากระบบบอ ปรบั เสถยี ร (Stabilization Pond) แลว โดยมีขนาดของ
ระบบสามารถรองรับน้ําเสียได 138,600 ลูกบาศกเมตร/วัน ใชพื้นท่ีในการ
กอ สรางระบบบึงประดิษฐ 515 ไร
เทศบาลเมืองเพชรบุรี ไดสรางระบบบึงประดิษฐเพื่อรับน้ําหลัง
บําบัดจากระบบบอปรับเสถียร (Stabilization Pond) แลว โดยมีขนาด
ของระบบสามารถรองรับนํ้าเสียได 10,000 ลกู บาศกเมตร/วัน ใชพน้ื ที่ใน
การกอ สรางระบบบงึ ประดษิ ฐ 22 ไร
ปญหาท่เี กดิ ข้ึนจากการใชระบบบึงประดิษฐ
ปญหาทางดานเทคนิคมีนอย เนื่องจากเปนระบบที่อาศัยธรรมชาติ
เปนหลัก สว นใหญป ญหาทพ่ี บคอื พชื ที่นํามาปลูกไมส ามารถเจริญเติบโตเพ่ิม
ปริมาณตามที่ตองการได อาจเน่ืองมาจากการเลือกใชชนิดของพืชไม
เหมาะสม สภาพของดนิ ไมเหมาะสม โดยมีแนวทางการแกไขสําหรับระบบ
บงึ ประดิษฐ ดงั ตารางท่ี 5 – 9
คูม่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 78
ตารางที่ 5 – 7 ตัวอยา งเกณฑการออกแบบระบบบึงประดิษฐแ บบ Free Water
Surface Wetland
หนวยบาํ บัด เกณฑการออกแบบ(Design Criteria)
พารามิเตอร คา ทีใ่ ชออกแบบ
1.ระบบบึง Maximum BOD Loading
ประดิษฐ แบบ
Free Water - กรณที ี่ตองการคา BOD ของนา้ํ ทิง้ 20 มก./ล. 4.5 ก./ตร.ม-วนั
Surface : FAS - กรณที ต่ี องการคา BOD ของน้ําทิง้ 30 มก./ล. 6.0 ก./ตร.ม-วนั
Maximum TSS Loading
- กรณที ่ีตอ งการคา TSS ของน้าํ ทิ้ง 20 มก./ล. 3.0 ก./ตร.ม-วนั
- กรณที ีต่ อ งการคา TSS ของน้าํ ท้ิง 30 มก./ล. 5.0 ก./ตร.ม-วัน
ขนาดบอ (ความยาว : ความกวา ง) 3 : 1 - 5 :1
ความลึกน้ํา (เมตร)
- สวนท่ี 1 และ 3 0.6-0.9 เมตร*
- สว นท่ี 2 1.2-1.5 เมตร*
Minimum HRT (at Qmax) 2 วัน
ของสวนที่ 1 และ 3 (วนั )
Maximum HRT (at Qave) 2-3 วัน
ของสว นที่ 2 (วนั )
หมายเหตุ : TSS = คาของแข็งแขวนลอยท้งั หมด (Total Suspended Solids)
Qmax = Maximum monthly flow และ Qave = Average flow,
HRT = เวลาเกบ็ กักน้ํา (Hydraulic Retention Time)
ท่มี า : Constructed Wetlands Treatment of Municipal Wastewater, EPA/625/R-
99/010
คู่มือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 79
ตารางท่ี 5 – 8 ตวั อยางเกณฑการออกแบบระบบบึงประดษิ ฐแบบ Vegetated
Submerged Bed
หนว ยบําบัด เกณฑการออกแบบ(Design Criteria)
พารามเิ ตอร คา ที่ใชออกแบบ
1. ระบบบึง Area Loading Rate
ประดิษฐ แบบ กรณที ีต่ อ งการคา BOD ของนํา้ ท้งิ 20 มก./ล. 1.6 ก./ตร.ม-วัน
Vegetated กรณที ีต่ อ งการคา BOD ของนาํ้ ทงิ้ 30 มก./ล. 6 ก./ตร.ม.-วนั
Submerged Bed กรณที ีต่ อ งการคา TSS ของนาํ้ ท้ิง 30 มก./ล. 20 ก./ตร.ม-วนั
: VSB 0.5-0.6 เมตร
ความลึก (เมตร) 0.4-0.5 เมตร
ตวั กลาง
นา้ํ
ความกวา ง (เมตร) ไมม ากกวา 61 เมตร
ความยาว (เมตร) ไมนอ ยกวา 15 เมตร
ความลาดเอยี ง (Slope) ของกน บอ (%) 0.5-1
ขนาดของตัวกลาง (Media) (นวิ้ ) 1.5-3.0
สวนรบั น้าํ เสีย (Inlet Zone) 3/4-1
สว นทีใ่ ชใ นการบาํ บัด (Treatment Zone) 1.5-3.0
สว นระบายนํา้ ทิง้ (Outlet Zone) 1/4-3/4
สว นสําหรับปลกู พชื นาํ้ (Planting Media)
หมายเหตุ : TSS = คา ของแขง็ แขวนลอยทัง้ หมด (Total Suspended Solids)
Qmax = Maximum monthly flow และ Qave = Average flow,
HRT = เวลาเก็บกกั นํ้า (Hydraulic Retention Time)
ท่ีมา : Constructed Wetlands Treatment of Municipal Wastewater, EPA/625/R-
99/010
ค่มู ือระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 80
ตารางที่ 5 – 9 แนวทางการแกไขปญหาการทํางานของระบบบงึ ประดิษฐ
ปญหา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
การอดุ นาํ้ เสียทวมช้นั - นํ้าเสียมีปริมาณ - ดูแลระบบการกระจายน้ําเขา
ตนั ของ ตวั กลางสูงกวาท่ี สารแขวนลอยสูง บึงประดิษฐใหทั่วถึง ไมใหมี
ชนั้ กรอง ออกแบบทําใหระบบ ตะกอนสะสม ถามีตะกอน
มปี ระสิทธภิ าพ สะสมมากก็จะสังเกตไดจาก
ลดลง ต น พื ช บ ริ เ ว ณ นั้ น มี ก า ร ต า ย
จํานวนมาก
- ลอกตะกอนออกจากช้นั ตัวกลาง
อยางนอยปละคร้ัง หรือตาม
ความจําเปน
แมลง มีแมลง เชน - ร ะบบรั บอัตร า - พิจารณาขยายพื้นทีบ่ งึ ประดษิ ฐ
รบกวนใน แมลงวันรบกวน ภาระสารอินทรียส งู
พ้ืนท่ี กวาทอ่ี อกแบบไว
มีนํา้ ทวมขังในพ้ืนที่ - พิจารณาปรับเปลี่ยนระบบบึง
ประดิษฐจากแบบน้ําเสียไหล
ผานบนดิน เปนระบบไหลผาน
ใตดิน
คมู่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 81
5.5 ระบบบาํ บดั นา้ํ เสียแบบจานหมุนชีวภาพ (Rotating Biological
Contactor; RBC)
ระบบแผนจานหมุนชีวภาพ เปนระบบบําบัดน้ําเสียทางชีววิทยาให
น้ําเสียไหลผานตัวกลางลักษณะทรงกระบอกซึ่งวางจุมอยูในถังบําบัด
ตัวกลางทรงกระบอกน้ีจะหมุนอยางชา ๆ เม่ือหมุนขึ้นพนน้ําและสัมผัส
อากาศ จุลินทรียท่ีอาศัยติดอยูกับตัวกลางจะใชออกซิเจนจากอากาศยอย
สลายสารอินทรียในนํ้าเสียท่ีสัมผัสติดตัวกลางข้ึนมา และเมื่อหมุนจมลง
ก็จะนาํ นํ้าเสยี ขนึ้ มาบําบัดใหมส ลับกนั เชนนตี้ ลอดเวลา
หลักการทํางานของระบบ
กลไกการทํางานของระบบในการบําบัดนํ้าเสียอาศัยจุลินทรียแบบใช
อ า ก า ศ จํ า น ว น ม า ก ท่ี ยึ ด เ ก า ะ ติ ด บ น แ ผ น จ า น ห มุ น ใ น ก า ร ย อ ย ส ล า ย
สารอินทรียในนํ้าเสีย โดยการหมุนแผนจานผานน้ําเสีย ซ่ึงเมื่อแผนจาน
หมุนข้ึนมาสัมผัสกับอากาศก็จะพาเอาฟลมนํ้าเสียข้ึนสูอากาศดวย ทําให
จุลินทรียไดรับออกซิเจนจากอากาศ เพ่ือใชใ นการยอยสลายหรือเปล่ียนรูป
สารอินทรียเหลานั้นใหเปน กาซคารบอนไดออกไซด นาํ้ และเซลลจุลินทรีย
ตอจากนั้นแผนจานจะหมุนลงไปสัมผัสกับนํ้าเสียในถังปฏิกิริยาอีกคร้ัง ทํา
ใหออกซิเจนสวนที่เหลือผสมกับน้ําเสีย ซ่ึงเปนการเติมออกซิเจนใหกับนํ้า
เสียอีกสว นหน่งึ สลบั กนั เชน นีต้ ลอดไปเปนวัฏจกั ร แตเมื่อมีจาํ นวนจุลินทรีย
ยดึ เกาะแผน จานหมุนหนามากขึน้ จะทําใหมตี ะกอนจุลินทรียบางสวน หลุด
ลอกจากแผน จานเน่ืองจากแรงเฉือนของการหมุน ซึ่งจะรกั ษาความหนาของ
แผน ฟลมใหคอนขางคงท่โี ดยอตั โนมตั ิ ท้งั นีต้ ะกอนจุลินทรียแขวนลอยที่ไหล
ออกจากถังปฏิกิริยานี้ จะไหลเขาสูถังตกตะกอนเพื่อแยกตะกอนจุลินทรีย
และน้าํ ทง้ิ ทาํ ใหน า้ํ ทิ้งที่ออกจากระบบนีม้ คี ุณภาพดีข้ึน
คูม่ ือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 82
สว นประกอบของระบบ
ระบบแผนจานหมุนชีวภาพเปนระบบบําบัดน้ําเสียอีกรูปแบบหนึ่งของ
ระบบบาํ บดั ข้ันท่ีสอง (Secondary Treatment) ซงึ่ องคป ระกอบหลักของ
ระบบประกอบดวย 1) ถังตกตะกอนข้ันตน (Primary Sedimentation
Tank) ทําหนาทใ่ี นการแยกของแข็งทมี่ ากับน้ําเสีย 2) ถังปฏิกิริยา ทํา
หนาท่ีในการยอยสลายสารอินทรียในน้ําเสีย และ 3) ถังตกตะกอนข้ันท่ี
สอง (Secondary Sedimentation Tank) ทําหนาท่ีในการแยกตะกอน
จุลินทรียและนํ้าทิ้งที่ผานการบําบัดแลว โดยในสวนของถังปฏิกิริยา
ประกอบดว ย แผน จานพลาสติกจาํ นวนมากที่ทําจาก polyethylene (PE)
หรือ high density polyethylene (HDPE) วางเรียงขนานซอนกัน โดย
ติดตั้งฉากกับเพลาแนวนอนตรงจุดศูนยกลางแผน ซ่ึงจุลินทรียท่ีใชในการ
บําบัดน้ําเสียจะยึดเกาะติดบนแผนจานนี้เปนแผนฟลมบางๆ หนาประมาณ
1- 4 มิลลิเมตร หรือที่เรียกระบบน้ีอีกอยางวาเปนระบบ fixed film ท้ังน้ี
ชุดแผนจานหมนุ ทัง้ หมดวางตดิ ตั้งในถังคอนกรีตเสริมเหล็ก ระดบั ของเพลา
จะอยูเหนือผิวน้ําเล็กนอย ทําใหพื้นที่ผิวของแผนจานจมอยูในน้ําประมาณ
รอยละ 35 - 40 ของพ้ืนที่แผน ทัง้ หมด และในการหมุนของแผนจานหมนุ
ชวี ภาพอาศยั ชุดมอเตอรขบั เคลื่อนเพลาและเฟองทดรอบ เพื่อหมุนแผนจาน
ในอตั ราประมาณ 1 - 3 รอบตอ นาที
ระบบแผนหมุนชีวภาพ จะประกอบดวย บอปรับสาภพการไหล
(Equalizing Tank) ถงั ตกตะกอนข้ันตน (Primary Sedimentation Tank)
ระบบแผนหมุนชวี ภาพ ถังตกตะกอนขั้นที่ 2 (Secondary Sedimentation
Tank) และบอเติมคลอรีน
คมู่ อื ระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 83
รูปที่ 5 – 12 ผงั ระบบบาํ บดั น้ําเสยี แบบแผนหมนุ ชีวภาพ (RBC)
เทศบาลเมอื งหัวหิน จ.ประจวบครี ขี นั ธ
ตารางท่ี 5 – 10 ตวั อยา งเกณฑการออกแบบระบบบาํ บดั น้ําเสียแบบแผน จาน
หมุนชวี ภาพ (Rotating Biological Contactor)
หนวยบาํ บัด เกณฑการออกแบบ (Design Criteria)
พารามเิ ตอร คาทใ่ี ชอ อกแบบ
1. ถังตกตะกอน ระยะเวลาเกบ็ กกั 1-4 ช่วั โมง
ขน้ั ตน (Primary
Sedimentation อตั ราน้ําลน (Overflow Rate) 30-50 ลบ.ม./ตร.ม.-วนั
Tank) อตั ราไหลเฉล่ยี 70-130 ลบ.ม./ตร.ม.-วัน
อตั ราไหลสูงสุด
อัตราภาระฝาย (Weir Loading 125-500 ลบ.ม./ม.-วัน
Rate)
2.ระบบแผน ภาระชลศาสตร 80-160 ลบ.ม./1000 ตร.ม.-วัน
หมนุ ชวี ภาพ
(Rotating อัตราภาระอินทรีย 10-17 กก.BOD ท้งั หมด/1000
(Organic Loading) ตร.ม.-วนั
ค่มู อื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 84
หนวยบาํ บัด เกณฑการออกแบบ (Design Criteria)
พารามิเตอร คาทใี่ ชอ อกแบบ
Biological เวลาเกบ็ กักนาํ้ (HRT) 0.7-1.5 ชวั่ โมง
Contactor)
3.ถังตกตะกอน อตั รานํา้ ลน (Overflow Rate) 16-32 ลบ.ม./ตร.ม.-วนั
ข้ันสอง 40-48 ลบ.ม./ตร.ม.-วนั
อตั ราไหลเฉลีย่
(Sedimentation อตั ราไหลสูงสุด 3-6 กก./ตร.ม.-ชม.
Tank) อตั ราภาระของแข็ง 10 กก./ตร.ม.-ชม.
(Solid Loading rate)
อัตราไหลเฉลย่ี
อตั ราไหลสงู สุด
ความลกึ 3-4.5 เมตร
อัตราภาระฝาย (Weir 250 ลบ.ม./ม.-วัน
Loading Rate)
4. บอเติม เวลาสมั ผสั 15-30 นาที
คลอรนี 30
อตั ราไหลเฉลีย่ 15
(Chlorine
อตั ราไหลสูงสุด 6 มก./ล.
Contact Tank) ความเขมขน ของคลอรนี
ทีต่ องการ
คลอรนี คงเหลือทง้ั หมด 0.3-2 มก./ล (0.5-1 มก./ล.)*
ที่มา : รวบรวมจากหนงั สือ "คา กําหนดการออกแบบระบบบาํ บัดนาํ้ เสีย", สมาคมวิศวกรรมส่ิงแวดลอ มแหง
ประเทศไทย 2540 และ "Wastewater Engineering", Metcalf & Eddy 1991
* "แนวทางการจดั ทํารายงานการวิเคราะหผลกระทบสงิ่ แวดลอ ม", สํานกั งานนโยบายและแผนสิ่งแวดลอ ม
2542
ค่มู ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 85
ขอ ดีระบบแผน จานหมุนชีวภาพ
- การเร่มิ เดินระบบ (Start Up) ไมยงุ ยาก ใชเ วลาเพียง 1 - 2 สปั ดาห
- การดูแลและบํารุงรักษางาย ทําใหไมจําเปนตองใชบุคลากรท่ีมีความรู
ความชํานาญมากนกั
- ไมตองมกี ารควบคมุ การเวยี นตะกอนกลับ
- ใชพลังงานในการเดินระบบนอย เน่ืองจากใชพลังงานไฟฟาใชสําหรับ
ขับเคลื่อนมอเตอรเทาน้ัน สงผลใหคาใชจายในการดําเนินการและ
บํารุงรกั ษาตํ่าดว ย
ขอเสียระบบแผนจานหมนุ ชีวภาพ
- ราคาเคร่ืองจกั รอุปกรณท่ีมรี าคาแพง เน่ืองจากตองใชวัสดุอยางดีเปน
สวนประกอบ
- เพลาแกนหมุนที่ตอ งรบั ท้ังแรงอดั และแรงบิดชํารดุ บอยครงั้
- แผนจานหมุนชีวภาพชํารุดเสียหายงาย หากสัมผัสรังสีอุตราไวโอเล็ต
และสารพิษเปนเวลานานอยา งตอ เน่ือง
ตัวอยางระบบแผนจานหมนุ ชีวภาพท่ีใชในประเทศไทย
แหลง ชมุ ชนระดับเทศบาลหลายแหงใชระบบบําบัดน้ําเสยี แบบแผนจาน
หมุนชีวภาพ อาทิเชน เทศบาลตําบลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ ขนาด
ของระบบสามารถรองรับน้ําเสียได 8,000 ลบ.ม./วัน ใชพื้นท่ีในการ
กอสรา งประมาณ 6 ไร
ปญ หาและแนวทางการแกไข
ในการควบคุมดูแลระบบมักประสบปญหาท่ีทาํ ใหคุณภาพนํ้าท้ิงไมผาน
เกณฑมาตรฐานโดยสามารถสรุปปญหา สาเหตุ และแนวทางการแกไข
สําหรบั ระบบแผน จานหมนุ ชวี ภาพ ไดดงั น้ี
คูม่ อื ระบบบําบดั นําเสียชมุ ชน ‘ 86
ตารางท่ี 5 – 11 สาเหตุ และแนวทางการแกไขสาํ หรับระบบแผน จานหมนุ ชวี ภาพ
ปญหา ลกั ษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไ ข
อตั รา อตั ราการหมุน ขนาดถังแลพนื้ ท่ี - ทําการตรวจสอบและคํานวณปริมาณ
ภาระ ของเพลา แผน จานหมนุ สารอนิ ทรยี จ ากอตั ราน้ําเสียและคา บี
บรรทกุ ตวั กลางไม ชวี ภาพ โอดี เพื่อใหไ ดป ริมาณสารอนิ ทรียท ี่เขา
สารอินท เหมาะสม ไมเ หมาะสม ถงั แผน จานหมนุ ชีวภาพมีหนว ยเปน
รยี ขนาดถังเลก็ กิโลกรมั นาํ คาปรมิ าตรของถงั และ
ไม เกนิ ไป จาํ นวน - อัตราการหมุน พื้นทที่ ั้งหมดของแผน
เหมาะสม แผนจานและ ของเพลากลาง ไปหาอตั ราสวนคา บโี อดตี อปริมาตรถัง
ไมเ หมาะสม และ
พืน้ ท่ผี วิ ไม คาบโี อดีตอพื้นทแ่ี ผน ซึ่งเม่อื นําไป
พอเพียง การเกดิ ตะกอน เปรยี บเทยี บกับคา มาตรฐานแลว จะ
เกาะตัวบนแผน ทราบทนั ทีวา ระบบท่อี อกแบบไว
ทิศ การไหลเขา จานหมนุ ไม เหมาะสมหรือไม
ทางการ ของน้ําเสยี สมา่ํ เสมอ จะมี - ปรบั อตั ราการหมนุ ของเพลาตวั กลาง
ไหลเขา ถกู ออกแบบให ตะกอนเกาะตวั ใหเ หมาะสมเพอ่ื เพิ่มอตั ราการยอย
ของ ไหลเขา ในทิศ สลาย
น้ําเสียไม ขนานกับ อัตราการเติมอากาศ และอตั ราการ
กวนนํ้าเสียในถงั บาํ บดั ซึ่งโดยปกติ
อัตราการหมนุ เทา กับ 1-2 รอบ/นาที
แตบางคร้งั อาจสูงถึง 3 รอบ/นาที ซงึ่
ประสทิ ธภิ าพขึ้นอยกู ับการสงั เกตและ
การวิเคราะหต วั อยางน้ํา
- ควรออกแบบการกระจายนํ้าเขา ใน
แนวตั้งฉากกับแนวแกนหมนุ และควร
กระจายการไหลเขาของน้าํ ให
สมาํ่ เสมอตลอดแนว
- ตรวจสอบบาํ รุงรักษาชุดลูกปน
คู่มอื ระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 87
ปญหา ลักษณะ สาเหตุ แนวทางการแกไข
เหมาะสม แนวแกนของ มากในชว งแผน แกนเพลาอยา งสม่าํ เสมอ
แผน จานหมุน แรกๆทีน่ ้ําเสียไหล
เขา เนือ่ งจากนาํ้
เสียมคี วามเขมขน
สูงทําใหน้าํ หนกั
บนเพลาไม
สม่ําเสมอ
เกดิ แรงบดิ ทเี่ ย้อื ง
ศูนยของแกนเพลา
ขึ้น
การ เฟองหรือเพลา แรงบดิ ทเี่ ยื้องศูนย เมอ่ื แผน จานหมนุ ชีวภาพหยุดดําเนนิ การ
ควบคุม ไมสามารถรับ ของแกนเพลา เปน ระยะเวลานาน กอ นทําการ
ดูแลและ แรงเฉือน และ เดินเคร่ืองใหม
การ แรงบดิ ควรทําความสะอาดตะไครน้ําทีเ่ กาะ
บํารุงรกั ท่เี ย้ืองศนู ยไ ด บนผิวจาน เพราะจะทาํ ใหเ กดิ แรงบดิ
ษา ทาํ ใหเพลากลางเกดิ ความเสียหายได
จากความไมส มดลุ จากนาํ้ หนักบนแผน
คู่มือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 88
บทที่ 6
ระบบบาํ บดั นา้ํ เสยี ชมุ ชนในประเทศไทย
(Domestic Wastewater System)
ปจจุบันยังมีชุมชนเมืองหลายแหงในเขตเทศบาลนคร เทศบาลเมือง
เทศบาลตําบลที่ยังไมมีระบบรวบรวมนํ้าเสียครอบคลมุ ท้ังเขตการปกครอง
และยังไมมรี ะบบบําบัดนํ้าเสียรวมของชุมชนจึงมกี ารระบาย นํ้าเสยี ที่ยงั ไม
ผานการบําบัดลงสูทอระบายน้ําและไหลออกสูสิ่งแวดลอมหรือแหลงน้ํา
โดยตรง สวนที่มีระบบรวบรวมนํ้าเสยี ของชมุ ชนเมืองสวนใหญของประเทศ
ไทยเปนแบบทอ รวม โดยระบายนํ้าเสยี รวมกับน้าํ ฝนประกอบกบั การจัดการ
นํ้าเสียจากแหลงชุมชนท่ีเปนแหลงกําเนิดมลพิษท่ีสําคัญยังดําเนินการไม
ท่ัวถึง จากการคาดการณปริมาณน้ําเสียท่ีเกิดข้นึ จากชุมชนในปจจุบันมี
ประมาณ 9.59 ลานลูกบาศกเมตรตอวัน เกิดขึ้นจากชุมชนเมืองระดับ
เทศบาล (2,440 แหง) ประมาณ 3.48 ลานลูกบาศกเมตรตอวัน พ้ืนที่
องคการบริหารสวนตําบล (5,335 แหง) ประมาณ 5.25 ลานลูกบาศก
เมตรตอวันและพ้ืนที่กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาประมาณ 0.86 ลาน
ลูกบาศกเมตรตอวัน สําหรับพื้นท่ีชุมชนท่ีตองไดรับการจัดการเรงดวน
ไดแก พื้นที่วิกฤตคุณภาพนํ้า พ้ืนท่ีเขตควบคุมมลพิษ พ้ืนท่ีคุมครอง
สิ่งแวดลอม จังหวัดแหลงทองเท่ียว พื้นท่ีเขตเศรษฐกิจพิเศษ พื้นท่รี ะเบียง
เศรษฐกิจภาคตะวันออก ซ่ึงสามารถคิดเปนปริมาณนํ้าเสียชุมชนประมาณ
5.87 ลา นลกู บาศกเมตรตอ วัน
คู่มอื ระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 89
6.1 สถานการณก ารจดั การนาํ้ เสยี ณ แหลงกาํ เนิด
แหลงกําเนิดนํ้าเสียชุมชนสวนใหญ ไดแก บานเรือนที่อยูอาศัย
โรงแรม อาคารพาณิชย รานอาหาร ภัตตาคาร หอพัก สถานบริการอาบ
อบนวด โรงพยาบาล โรงเรียน ศูนยการคาหรือหางสรรพสินคา ตลาด
และที่ดินจัดสรร ทั้งน้ี การจัดการน้ําเสีย ณ แหลงกําเนิด (On-Site
Treatment System) โดยทั่วไปจะเปนการดําเนินการภายใตกฎหมาย
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติสงเสริม
และรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอมแหงชาติ พ.ศ.2535 ท่ีกําหนดให
แหลงกําเนิดมลพิษบางประเภทตองถูกควบคุมการระบายนํ้าท้ิงใหเปนไป
ตามประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม
6.2 สถานการณก ารระบบบําบัดน้าํ เสยี รวมของชมุ ชน
ที่ผานมารัฐบาลจัดสรรงบประมาณกอสรางระบบบําบัดน้ําเสียรวม
ของชุมชนทัว่ ประเทศ (ขอมูล ณ เดือนพฤศจกิ ายน 2559) มจี ํานวนรวม
ท้ังสิ้น 101 แหง ดังแสดงในรูปที่ 5 - 1 โดยกอสรางแลวเสร็จจํานวน 96
แหง กําลังกอสราง 2 แหง และชะลอโครงการ 3 แหง (ไดแก จังหวัด
สมุทรปราการ เทศบาลเมืองนครพนม และเทศบาลเมืองชุมพร)
ความสามารถรองรับน้ําเสียรวมของระบบฯ 101 แหง ประมาณ 3.2 ลาน
ลูกบาศกเมตรตอวัน คิดเปนรอยละ 34.67 ของปริมาณนํ้าเสียท่ีเกิดขึ้น
9.59 ลานลูกบาศกเมตรตอวัน ซ่ึงระบบฯ ท้ัง 101 แหง จะอยูในความ
รบั ผดิ ชอบและบรหิ ารจดั การโดยองคกรปกครองสวนทองถิน่ ระดับเทศบาล
จํานวน 87 แหง องคการบริหารสวนจังหวัด (อบจ.) จํานวน 1 แหง
องคการบริหารสวนตําบล (อบต.) จํานวน 2 แหง เมืองพัทยา จํานวน 2
แหง จังหวัดสมุทรปราการ จํานวน 1 แหง และกรุงเทพฯ จํานวน 8 แหง
(ดงั แสดงในรปู ท่ี 5 - 2)
คู่มือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 90
หากพิจารณาความสามารถในการรองรับนํ้าเสียของระบบบําบัดนํ้า
เสยี สามารถแบง ไดเ ปน ระบบขนาดใหญ รองรบั นา้ํ เสยี ไดมากกวา 50,000
ลูกบาศกเมตรตอวัน จํานวน 12 แหง ระบบขนาดกลาง รองรับน้ําเสียได
ต้ังแต 10,000 – 50,000 ลูกบาศกเมตรตอ วนั จาํ นวน 44 แหง และระบบ
ขนาดเลก็ รองรับนํ้าเสียไมเกิน 10,000 ลกู บาศกเ มตรตอวนั จํานวน 45
แหง (ดังแสดงในรูปท่ี 5 - 3) ซึ่งยังไมรวมระบบบําบดั น้ําเสยี แบบกลุม
อาคาร (Cluster Treatment System) ท่ีมีจาํ นวนประมาณ 38 แหง
ระบบบําบัดนํ้าเสียรวมของชุนชนในประเทศไทย สามารถแบงออกเปน 5
ประเภทใหญๆ (ดังแสดงในรูปที่ 5 - 4) ไดแก
ระบบบอ ปรบั เสถยี ร (Stabilization Pond: SP)
ระบบสระเติมอากาศ (Aerated Lagoon: AL)
ระบบแอก็ ทเิ วเตด็ สลดั จหรอื ระบบตะกอนเรง (Activated Sludge: AS)
ระบบบงึ ประดิษฐ (Constructed Wetland: CW)
ระบบแผน หมุนชีวภาพ (Rotating Biological Contactor: RBC)
ท้ังน้ี ระบบบาํ บดั นํ้าเสียรวมของชุมชนบางแหงใชรูปแบบในการบําบดั
นํา้ เสียมากกวา 1 รปู แบบ ไดแ ก การใชร ะบบบอ ปรับเสถียร (SP) รวมกับ
ระบบบึงประดิษฐ (CW) หรือระบบบอปรับเสถียรรวมกับระบบแอ็กติเว
เต็ดสลัดจ (AS) เชน ระบบบําบัดนํ้าเสียของเทศบาลนครนครหาดใหญ
จังหวัดสงขลา และระบบบําบดั นํ้าเสียของเทศบาลนครนครราชสมี า เปนตน
คู่มือระบบบําบดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 91
รปู ท่ี 5 – 1 ท่ตี ัง้ ระบบบําบดั นํา้ เสยี รวมของชมุ ชนทั่วประเทศ
คูม่ ือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 92
ระดบั เทศบาล 45 แหง
กรงุ เทพมหานคร 8 แหง
เมืองพัทยา 2 แหง
องคการบรหิ ารสวนจังหวดั (อบจ.) 1 แหง
องคก ารบริหารสวนตาํ บล (อบต.) 2 แหง
สมทุ รปราการ 1 แหง
รูปที่ 5 - 2 ระบบบาํ บัดน้ําเสยี รวมของชุมชนแยกตามหนวยงานรบั ผดิ ชอบ
ขนาดใหญ (มากกวา 50,000 ลบ.ม./วัน) 12 แหง
ขนาดใหญ (10,000 – 50,000 ลบ.ม./วัน) 44 แหง
ขนาดใหญ (ไมเ กิน 10,000 ลบ.ม./วัน) 45 แหง
รปู ท่ี 5 - 3 ระบบบาํ บัดน้ําเสยี รวมของชมุ ชนแยกตามขนาด
ระบบ SP 45 แหง
ระบบ AL 17 แหง
ระบบ AS 37 แหง
ระบบ CW 1 แหง
ระบบ RBC 1 แหง
รปู ท่ี 5 - 4 ระบบบาํ บดั น้ําเสยี รวมของชมุ ชนแยกตามประเภทระบบ
คู่มือระบบบาํ บดั นําเสียชมุ ชน ‘ 93
เอกสารอา งอิง
1. สาํ นักจดั การคุณภาพน้ํา กรมควบคุมมลพิษ. 2551 คูมือระบบบําบดั นํ้าเสีย
แบบกลมุ อาคารชนิด Contact Aerated Filter เลขทะเบียน คพ.02-164:7-9.
2. จิระนันท เหมพูลเสริฐ สมลักษณ เจี้ยงรกั ษา และยทุ ธชัย สาระไทย3. การ
บําบัดนาํ้ เสยี ดว ยระบบรวมกลมุ (Cluster Wastewater Treatment).
3. กรมโรงงานอุตสาหกรรม.2545. ตาํ ราระบบบาํ บดั มลพิษน้ํา.สมาคมวิศวกรรม
สิ่งแวดลอมแหง ประเทศไทย,กรุงเทพฯ .
4. ม่ันสิน ตัณฑุลเวศม . 2542. เทคโนโลยบี ําบัดน้ําเสียอตุ สาหกรรม . โรงพิมพ
แหง จฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลยั , กรุงเทพฯ .
5. สาขาวิชาวิทยาศาสตรสุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.2544.
ประมวลสาระชดุ วิชาการจัดการคณุ ภาพนํ้าในโรงงานอุตสาหกรรม.สาํ นักพิมพ
มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช.นนทบุรี.
6. Journey, W.K. and McNiven. 1996 , Anaerobic Enhanced Treatment
of Wastewater and Options for Further Treatment
สืบคนจาก www.wau.boku.ac.at/fileadmin/_/H810-asser/811/
7. Eckenfelder, WW., Jr. 2000. Industrial water pollution control. Third
edition. McGraw-Hill, Singapore.
8.ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม เรือ่ ง กาํ หนดใหระบบ
บําบัดนาํ้ เสียรวมของชมุ ชนเปนแหลง กําเนิดมลพิษทีจ่ ะตอ งถกู ควบคมุ การปลอ ย
น้ําเสียลงสูแหลงนํ้าสาธารณะหรือออกสูสิง่ แวดลอม
9. ฝา ยคุณภาพสง่ิ แวดลอม กรมควบคมุ มลพษิ . 2558 คูมือความรทู ว่ั ไปเกี่ยวกบั
ระบบบาํ บัดน้ําเสียเบอื้ งตน และการตรวจสอบระบบบาํ บัดน้ําเสยี ดว ยตนเอง
เลขทะเบยี น คพ.08-066.
10. สาํ นักจดั การคุณภาพน้าํ กรมควบคมุ มลพิษ. 2559 คูม อื การจดั การนาํ้ เสยี
ชุมชนภาคประชาชน เลขทะเบยี น คพ.02-298.
คมู่ ือระบบบาํ บดั นําเสยี ชมุ ชน ‘ 94