๕๑
ตัวชว้ี ัด
ศ. ๑.๑ ป. ๒/๑ - ป. ๒/๘
ศ. ๑.๒ ป. ๒/๑ , ป. ๒/๒
ศ. ๒.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ป. ๒/๔,ป. ๒/๕
ศ ๒.๒ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒
ศ ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕
ศ ๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓
รวม ๑๙ ตัวช้ีวัด
๕๒
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
คำอธิบายรายวิชา
ศ ๑๓๑๐๑ ศิลปะ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ศิลปะ
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง
ศึกษา รูปร่าง รูปทรง จำแนกและจัดกลุ่มภาพตามทัศนธาตุของส่ิงต่างๆ ในธรรมชาติ
สงิ่ แวดล้อมและงานทัศนศิลป์ มีทักษะพ้ืนฐานการใช้วสั ดุอุปกรณ์ในการสร้างงาน การวาดภาพระบายสี
งานปั้น การพิมพ์ภาพ ภาพปะติด และการสร้างงานทัศนศิลป์ในท้องถ่ิน แสดงความคิดเห็น เหตุผล
วิธีการในการปรับปรุงผลงาน รู้ประวัติความเป็นมาของงานทัศนศิลป์ในท้องถิ่น ศึกษาลักษณะของ
เครื่องดนตรีที่เห็นและได้ยินในชีวิตประจำวัน ลักษณะเสียงสูง- ต่ำ ดัง-เบา ท่ีมีความเก่ียวข้องกับ
ชีวิตประจำวันและบทบาทหน้าที่ของบทเพลงท่ีใช้ในชวี ิตประจำวัน ศึกษาความเป็นมาความสำคัญของ
การแสดงนาฏศิลป์ไทย นาฏศิลป์พ้ืนบ้าน ประเภทลักษณะและเอกลักษณ์ของการแสดงนาฏศิลป์
หลักการชมการแสดง และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์กับการบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้
ตา่ งๆ
โดยฝึกสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ฝึกใช้ทัศนธาตุจากธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเพ่ือถ่ายทอด
ความรู้สึก ความคิด จินตนาการ เหตุการณ์ ประสบการณ์ในชีวิตจริงและวัฒนธรรมประเพณีในท้องถ่ิน
มีส่วนร่วมในกิจกรรมดนตรีและบทเพลงสามารถเคล่ือนไหวท่าทางอารมณ์ ให้สอดคล้องกับบทเพลง
สามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันและโอกาสพิเศษได้ มีความช่ืนชมและสนุกสนานในกิจกรรมดนตรี ฝึก
ปฏิบัติและแสดงนาฏศิลป์ไทย พ้ืนบ้าน ฝึกเคลื่อนไหวแสดงท่าทางประกอบเพลงตามรูปแบบทาง
นาฏศลิ ป์ ปฏบิ ัติตนเป็นผู้ชมและผู้แสดงท่ีดี
เพื่อให้เกิดความตระหนัก ชื่นชม เห็นคุณค่าของงานศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ มีความรู้ ความ
เข้าใจ มีทักษะในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์และการละเล่นพ้ืนบ้าน สามารถนำ
กจิ กรรมศิลปะ ดนตรี นาฏศิลปไ์ ปใช้ในโอกาสตา่ งๆ เพื่อความเพลดิ เพลนิ แกต่ นเองและผู้อ่ืนได้
ตวั ชีว้ ดั
ศ ๑.๑ ป ๓/๑ , ป ๓/๑๐
ศ ๑.๒ ป ๓/๑ - ป ๓/๒
ศ ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒
ศ ๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒
ศ ๓.๑ ป.๓/๑, ป. ๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕
ศ ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป. ๓/๓
รวม ๑๖ ตัวชี้วัด
๕๓
ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ คำอธิบายรายวชิ า
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
เวลา ๘๐ ชว่ั โมง
ศึกษาเปรียบเทียบรูปลักษณะของรูปร่าง รูปทรงในธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม และงานทัศนศิลป์
ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความประทับใจผ่านงานทัศนศิลป์ของตนเองและบุคคลอื่น การอภิปราย
เกี่ยวกับอิทธิพลของสีวรรณะอุ่นและสีวรรณะเย็นท่ีมีต่ออารมณ์ของมนุษย์ เหตุการณ์ และงาน
เฉลิมฉลองของวัฒนธรรมในท้องถิ่น จำแนกทัศนธาตุของสิ่งต่าง ๆในธรรมชาติส่ิงแวดล้อม
และงานทัศนศิลป์โดยเน้นเร่ืองเส้น สี รูปร่าง รูปทรงพื้นผิว และพ้ืนท่ีว่าง ฝึกทักษะพื้นฐานในการใช้
วัสดุ อุปกรณ์สร้างสรรค์งานพิมพ์ภาพ งานวาดภาพระบายสี บรรยายลักษณะของภาพโดยเน้น
เรื่องการจัดระยะความลึก น้ำหนักแสงเงาในภาพ และงานทัศนศิลป์ท่ีมาจากวัฒนธรรมต่างๆ วาดภาพ
ระบายสี โดยใช้สีวรรณะอุ่นและสีวรรณะเย็น ถ่ายทอดความรู้สึกและจินตนาการ เลือกใช้วรรณะสี
เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกในการสร้างงานทัศนศิลป์ ศึกษาโครงสร้างของบทเพลง ความหมาย
จำแนกประเภทของเครื่องดนตรี ระบุทิศทางการเคลื่อนท่ีข้ึนลงง่ายๆ ของทำนอง รูปแบบจังหวะและ
ความเร็ว ของจังหวะในเพลงท่ีฟัง เคร่ืองหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี การสืบทอดงานทางดนตรี
ท่ีเก่ียวข้องกับความสัมพันธ์ของวิถีชีวิตไทยท่ีสะท้อนในดนตรีและเพลงท้องถ่ิน การอนุรักษ์ส่งเสริม
วัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปญั ญาไทยและสากล ศึกษาทักษะพื้นฐานทางนาฏศิลป์และการละคร
ท่ีใชส้ ่ือความหมาย อารมณ์ หลักและวิธีการปฏิบัติ การเคลื่อนไหวในจงั หวะต่างๆ ตามความคิดของตน
การแสดงนาฏศิลป์เป็นคู่และหมู่ รำวงมาตรฐาน ระบำ เล่าส่ิงที่ชื่นชอบในการแสดงโดยเน้นจุดสำคัญ
ของเรื่องและลกั ษณะเด่นของตัวละคร อธิบายประวัติความเป็นมาของนาฏศลิ ป์ หรอื ชุดการแสดงอย่าง
ง่ายๆ ใช้ภาษาท่าและนาฏยศพั ท์ถา่ ยทอดเร่ืองราว อธบิ ายประวัตคิ วามเป็นมาของนาฏศลิ ป์
โดยใช้ทักษะทางศิลปะ เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์สร้างสรรค์ได้อย่างเหมาะสม ฝึกปฏิบัติอ่าน
เขียนโน้ตดนตรีไทยและสากล ร้องเพลง ใช้ช่วงเสียงที่เหมาะสมกับตนเอง บอกความหมายและ
สญั ลักษณ์ทางดนตรี โครงสร้างโน้ตเพลงไทย ใช้และเก็บเคร่ืองดนตรีอย่างถูกต้องและปลอดภัย ระบุว่า
ดนตรีสามารถใช้ในการส่ือเรอื่ งราว บอกแหล่งท่มี าและความสัมพนั ธ์ของวิถชี ีวิตไทย ความสำคัญในการ
อนุรักษ์ส่งเสริมวัฒนธรรมทางดนตรี ที่สะท้อนในดนตรี เพลงท้องถิ่นและโอกาสในการบรรเลงดนตรี
ฝึกปฏิบัติภาษาท่าและนาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละครง่ายๆ ในการถ่ายทอดเรื่องราว ประดิษฐ์
ท่าทางหรือท่ารำประกอบจังหวะพื้นเมือง ชุดการแสดงอย่างง่ายๆ เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์กับ
การแสดงทมี่ าจากวัฒนธรรมอ่ืน
๕๔
เพ่ือสามารถบอกความรู้สึกในการรับรู้ความงามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความงามของ
ทัศนธาตุทางทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์ นำเสนอผลงานของตนเองและกลุ่ม อภิปราย เปรียบเทียบ
ผลงาน นำความรู้และวิธีการทางทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน สืบทอดงาน
เกีย่ วกับวัฒนธรรมประเพณี ท่เี ป็นภูมิปัญญาทอ้ งถิน่
ตัวชี้วดั
ศ ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘, ป.๔/๙
ศ ๑.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒
ศ ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗
ศ ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒
ศ ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕
ศ ๓.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป๔/๔
รวม ๒๙ ตัวชี้วัด
๕๕
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๕
คำอธบิ ายรายวชิ า
ศ ๑๕๑๐๑ ศิลปะ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง
ศึกษา เก่ียวกับ ที่ปรากฏในสิ่งแวดลอ้ ม และสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ส่ือความคิด จินตนาการ
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างงานทัศนศิลป์ท่ีสร้างสรรค์ด้วยวัสดุอุปกรณ์และวิธีการท่ีต่างกัน ใช้
ความรู้ เทคนิค วิธกี าร และวัสดอุ ุปกรณ์ประเภทต่างๆ จากแหลง่ การเรยี นรู้หรอื นิทรรศการ แสดงออก
ถึงความรู้สึก ความคิดเห็น ประโยชน์และคุณ ค่าของงานทัศนศิลป์ที่มีผลต่อชีวิตของคน
ในสังคม สร้างสรรค์งานป้ันจาก ดินน้ำมัน หรือดินเหนียว งานพิมพ์ภาพ โดยเน้นการถ่ายทอด
จินตนาการ ศิลปะ และการจดั วางตำแหนง่ ของสงิ่ ต่างๆ ในภาพ
ศึกษาจังหวะ ทำนอง องค์ประกอบดนตรีในเพลงท่ีใช้ในการสื่ออารมณ์ จำแนกลักษณะของ
เสียงขับร้องและเคร่ืองดนตรี ที่อยู่ในวงดนตรีประเภทต่างๆ การอ่าน เขียนโน้ตดนตรีไทย ดนตรีสากล
๕ ระดับเสียง ร้องเพลงไทยหรือเพลงสากลหรือเพลงไทยสากลที่เหมาะสมกับวัย ด้นสดง่ายๆ
โดยใช้ประโยคเพลงแบบถามตอบ ใช้เคร่ืองดนตรีบรรเลงจังหวะและทำนอง ร่วมกับกิจกรรมในการ
แสดงออกตามจนิ ตนาการ
ศึกษาความรูพ้ ืน้ ฐานทางนาฏศิลป์ การบรรยายองค์ประกอบของนาฏศิลป์ การประดษิ ฐท์ ่าทาง
ประกอบเพลงหรือเร่ืองราวตามความคิด องค์ประกอบของละคร บอกท่ีมาของการแสดงนาฏศิลป์
ประโยชนท์ ี่ได้รับจากการชมการแสดง
โดยใช้ทักษะทางศิลปะ เลือกเทคนิค วิธีการ วัสดุอุปกรณ์ในการสร้างสรรค์อย่างเหมาะสม
ใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ การอภิปราย การฝึกปฏิบตั ิ การแสดงออกตามจินตนาการเพอ่ื สื่อความคิด
จินตนาการ ความรู้สึกประทับใจและเห็นคุณค่า อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี นาฏศิลป์
กบั ประเพณใี นวัฒนธรรมตา่ ง ๆ ใหส้ ัมพนั ธ์กัน เพอื่ นำไปสร้างสรรค์ระหว่างดนตรี นาฏศิลป์กับประเพณี
ในวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น เหน็ คุณค่าของดนตรที ม่ี าจากวัฒนธรรมทตี่ ่างกัน
เพื่อนำความรู้และหลักการทางด้านนาฏ ศิลป์มาใช้บูรณ าการกับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่นๆ
และชีวติ ประจำวันสมั พนั ธ์กบั การแสดงนาฏศิลปพ์ ้นื บ้านทส่ี ะท้อนถึงวฒั นธรรมและประเพณี ภูมปิ ญั ญา
ทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล
๕๖
ตวั ช้วี ดั
ศ ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗
ศ ๑.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒
ศ ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗
ศ ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒
ศ ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖
ศ ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒
รวม ๒๖ ตัวช้ีวดั
๕๗
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖
คำอธิบายรายวชิ า
ศ ๑๖๑๐๑ ศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๘๐ ชั่วโมง
ศึกษา สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ส่ือความคิด ถ่ายทอดจินตนาการ ใช้สีคู่ตรงข้าม แสงเงา
น้ำหนักงานปั้น รูปแบบ เทคนิค และวิธีการต่างๆ แสดงเป็นแผนภาพ แผนผัง ภาพประกอบ อธิบาย
หลกั การจัดขนาด สัดส่วน ความสมดลุ ในการสร้างงานทศั นศลิ ป์ จากรปู แบบ ๒ มติ ิ เปน็ ๓ มิติ บทบาท
ของงานทัศนศิลป์ท่ีสะท้อนชีวิตและสังคม อภิปรายเกี่ยวกับอิทธิพลของความเชื่อ ความศรัทธาใน
ศาสนาท่ีมีผลต่องานทัศนศิลป์ในท้องถิ่นอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย
และสากล ศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบดนตรี เพลงท่ีฟงั และศัพท์สังคีต จำแนกประเภทเครื่องดนตรี ใช้
เครอ่ื งดนตรีและเครื่องดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมต่าง ๆ อ่าน เขียนโน้ตไทยและโน้ตสากล ร้องเพลง ด้น
สด สร้างสรรค์รูปแบบจงั หวะและทำนองด้วยเครือ่ งดนตรีไทยหรือเคร่อื งดนตรีท่ีมาจากวัฒนธรรมต่างๆ
สืบทอดดนตรีไทย จำแนกดนตรีที่มาจากยุคสมัยที่ต่างกัน อิทธิพลของวัฒนธรรมต่อดนตรีในท้องถิ่น
บรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นที่มีต่อบทเพลง ความไพเราะของเสียงดนตรี ศึกษาพื้น
ฐานความรู้ ความเข้าใจ นาฏศิลป์เบ้ืองต้น แสดงออกอย่างอิสระในการประดิษฐ์ท่าทางประกอบเพลง
ปลุกใจหรือเพลงพื้นเมืองหรือท้องถิ่น การแสดงนาฏศิลป์และละครสร้างสรรค์ การใช้เร่ืองแต่ง
จินตนาการ ประสบการณ์ ละครสร้างสรรค์ ระบำ ฟ้อน รำวงมาตรฐาน การอธิบายความสัมพันธ์
ระหว่างนาฏศิลป์และการละครกับส่ิงที่ประสบในชีวิตประจำวัน ใช้หลักสุนทรีทางนาฏศิลป์ การบอก
ความหมาย ความเป็นมา ความสำคญั พร้อมทั้งระบุประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการแสดงหรอื การชมการแสดง
นาฏศิลป์ สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวและการถ่ายทอดลีลา อารมณ์ ส่ิงท่ีมีความสำคัญต่อการแสดง
นาฏศลิ ป์และละคร ระบปุ ระโยชน์ที่ได้รบั จากการแสดงหรือการชมการแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละละคร
โดยใช้ทักษะกระบวนการทางศิลปะดนตรี นาฏศิลป์ สังเกต ทดลอง ฝึกปฏิบตั ิโดยเลยี นแบบ
ตามรูปแบบท่ีกำหนดใหแ้ ละฝกึ เปลี่ยนรปู แบบ คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์งาน กระบวนการกลมุ่ และ
รายบคุ คล บอกความรู้สกึ ทเี่ กิดจากจดั การแสดงทางศลิ ปะ ดนตรี นาฏศิลป์
เพื่อถ่ายทอดความคิดหรือเร่ืองราวเก่ียวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพ่ือให้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันสัมพันธ์กับวิถีชีวิ ต
พ้ืนบ้าน ศิลปะ ดนตรีและการแสดงนาฏศิลป์พ้ืนบ้านที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณี ภูมิปัญญา
ท้องถนิ่ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
๕๘
ตวั ชี้วดั
ศ ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗
ศ ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓
ศ ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖
ศ ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓
ศ ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖
ศ ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒
รวม ๒๗ ตัวช้ีวัด
๕๙
ศ ๒๑๑๐๑ ทัศนศิลป์ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
ภาคเรียนที่ ๑ คำอธบิ ายรายวชิ า เวลา ๒๐ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
หนว่ ยน้ำหนัก ๐.๕
ศึกษาความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของทัศนธาตุในงานทัศนศิลป์และส่ิงแวดล้อม
ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ความสมดุล หลกั การวาดภาพแสดงทัศนียภาพ ลกั ษณะ รูปแบบ
งานทศั นศลิ ปข์ องชาติและของท้องถนิ่ และงานทัศนศิลป์ภาคตา่ งๆ ในประเทศไทย
โดยการใช้กระบวนการสังเกต การลองปฏิบัติ ปฏิบัติจริง และการใช้จินตนาการสร้างสรรค์
งานศลิ ป์
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทัศนธาตุ การออกแบบ การวาดภาพ และช่ืนชอบในงาน
ทศั นศิลป์
ตวั ชวี้ ัด
ศ ๑.๑ ม. ๑/๑ , ม. ๑/๒ , ม.๑/๓
ศ ๑.๒ ม.๑/๑ , ม.๑/๒
รวม ๕ ตัวช้ีวดั
๖๐
ศ๒๑๑๐๒ ทศั นศิลป์ ๒ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
ภาคเรยี นที่ ๒ คำอธบิ ายรายวิชา เวลา ๒๐ ชัว่ โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
หน่วยนำ้ หนัก ๐.๕
ศึกษาเอกภาพความกลมกลืนของเรื่องราวในการปั้น งานสื่อผสม การออกแบบรูปภาพ
สญั ลักษณ์ งานกราฟิก ความแตกตา่ งของงานทศั นศิลป์ในวฒั นธรรมไทยและสากล และการประเมิน
งานทัศนศลิ ป์
โดยใชก้ ระบวนการสังเกต การปฏิบัติจรงิ การใช้จินตนาการและการประเมนิ ผลงาน เพือ่ ให้มี
ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับงานป้ัน หรือสื่อผสม การออกแบบ งานกราฟิก สามารถประเมินงาน
ทศั นศลิ ปเ์ พ่อื ปรับปรงุ งานของตนเองและผอู้ ่ืนได้ และเหน็ คณุ ค่าของงานทัศนศลิ ป์
ตัวชีว้ ดั
ศ ๑.๑ ม.๑/๔ , ม.๑/๕ , ม.๑/๖
ศ ๑.๒ ม.๑/๓
รวม ๔ ตัวชี้วดั
๖๑
ศ ๒๒๑๐๑ ทัศนศิลป์ ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒
ภาคเรียนที่ ๑ คำอธบิ ายรายวชิ า เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
กลุม่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ
จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต
ศึกษารูปแบบของทัศนธาตุและแนวคิดในงานทัศนศิลป์ ความเหมือนและความแตกต่าง
ของรูปแบบการใช้วัสดุอุปกรณ์ในงานทัศนศิลป์ของศิลปิน เทคนิคในการวาดภาพสื่อความหมาย
วฒั นธรรมที่สะทอ้ นในงานทศั นศลิ ปข์ องไทยในแต่ละยคุ สมยั และในปัจจุบัน
โดยใช้กระบวนการพูด อภิปราย บรรยาย การวาดภาพ การประเมินและวิจารณ์งานศิลป์
เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจรูปแบบแนวคิด เทคนิคในการวาด การประเมินและวิจารณ์งานศิลป์
เพื่อพฒั นาปรบั ปรงุ แกไ้ ขงาน และปลกู จิตสำนึกให้ช่ืนชอบงานทัศนศลิ ป์
ตัวชีว้ ัด
ศ ๑.๑ ม.๒/๑; ม.๒/๒ ; ม.๒/๓ ;
ม. ๒/๔ ศ ๑.๒ ม.๒/๑ ; ม.๒/๒
รวม ๖ ตัวชี้วัด
๖๒
ท ๒๒๑๐๒ ทัศนศิลป์ ๔ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
ภาคเรยี นที่ ๒ คำอธบิ ายรายวิชา เวลา ๒๐ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ าระศิลปะ
จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ
ศึกษาเอกภาพความกลมกลืนของเร่ืองราวในการปั้น งานส่ือผสม การออกแบบรูปภาพ
สัญลักษณ์ งานกราฟิก ความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและสากล การประเมินงาน
ทัศนศิลป์
โดยใช้กระบวนการสังเกต การลองทำ การปฏิบัติจริง และ การใช้จินตนาการ เพื่อสร้างสรรค์
งานศิลป์ และ การประเมินผลงาน
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจงานปั้น หรือส่ือผสม การออกแบบ ทัศนศิลป์เพ่ือปรับปรุงงาน
ของตนเองและผอู้ ื่นได้รปู ภาพ งานกราฟิก สามารถประเมนิ งานทัศนศิลป์ได้
ตัวชี้วดั
ศ.๑.๑. ม.๒/๔ , ม.๒/๕ , ม.๒/๖
ศ.๑.๒. ม.๒/๓
รวม ๔ ตัวชวี้ ดั
๖๓
ศ ๒๓๑๐๑ ทัศนศิลป์ ๕ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓
ภาคเรยี นที่ ๑ คำอธบิ ายรายวิชา เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ
จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกติ
ศึกษาทัศนธาตุ หลักการออกแบบในส่ิงแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ เทคนิควิธีการในการ
สร้างงานทัศนศิลป์ วิธีการใช้ทัศนธาตุและหลักการออกแบบในการสร้างงานทัศนศิลป์ การสร้างงาน
ทัศนศิลป์ทั้งไทยและสากล การใช้หลักการออกแบบในการสร้างงานส่ือผสม การสร้างงานทัศนศิลป์
แบบ ๒ มิติ และ ๓ มิติเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ และจินตนาการ ศึกษางานทัศนศิลป์กับการ
สะท้อนคณุ ค่าของวฒั นธรรม
โดยการใช้การบรรยาย การสร้างงานทัศนศิลป์ และอภิปราย เพื่อให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจใน
หลักการ เทคนิคและการออกแบบ ชืน่ ชอบในงานทศั นศิลป์
ตวั ชีว้ ัด
ศ ๑.๑ ม.๒/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕ , ม.๓/๖
ศ ๑.๒ ม.๓/๑
รวม ๗ ตัวชีว้ ดั
๖๔
ศ ๒๓๑๐๒ ทัศนศิลป์ ๖ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓
ภาคเรียนท่ี ๒ คำอธิบายรายวิชา เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้สาระศิลปะ
จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ
ศึกษา การประยุกต์ใช้ทัศนธาตุและหลักการออกแบบสร้างงานทัศนศิลป์ การวิเคราะห์
รูปแบบ เน้ือหา และคุณค่าในงานทัศนศิลป์ การใช้เทคนิคเทคนิค วิธีการท่ีหลากหลายสร้างงาน
ทัศนศิลป์เพ่ือสื่อความหมาย การประกอบอาชีพทางทัศนศิลป์ การจัดนิทรรศการ และเปรียบเทียบ
ความแตกต่างของงานทัศนศลิ ปใ์ นแตล่ ะยุคสมัยของวฒั นธรรมไทยและสากล
โดยใช้การวเิ คราะห์ อภปิ ราย การออกแบบงาน
เพื่อให้มีความรู้และเข้าใจเร่ืองทัศนธาตุ หลักการออกแบบ เทคนิคที่หลากหลาย การ
เปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของงานทัศนศิลป์ของชาติและท้องถ่ินแต่ละยุคสมัย เห็นคุณค่างาน
ทัศนศิลป์ที่สะท้อนวัฒนธรรมและสามารถเปรียบเทียบงานทัศนศิลป์ที่มาจากยุคสมัยและวัฒนธรรม
ตา่ งๆ
ตวั ช้ีวัด
ศ ๑.๑ ม.๓/๗, ม.๓/๘, ม.๓/๙, ม. ๓/๑๐,ม.๓/๑๑
ศ ๑.๒ ม.๓/๒
รวม ๖ ตัวช้ีวัด
๖๕
คำอธบิ ายรายวชิ า (ดนตรนี าฏศิลป)์
ระดับมธั ยมศกึ ษา
๖๖
ศ ๒๑๑๐๓ ดนตรีนาฏศิลป์ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑
ภาคเรยี นท่ี ๑ คำอธิบายรายวิชา เวลา ๒๐ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
จำนวน ๐.๕ หน่วยกิต
ศึกษาเครื่องหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี เสียงร้องและเสียงของเคร่ืองดนตรี ในบทเพลง
จากวัฒนธรรมต่างๆ การร้องและการบรรเลงเคร่ืองดนตรีประกอบการรอ้ ง วงดนตรีพื้นเมือง วงดนตรี
ไทย วงดนตรสี ากล การถ่ายทอดอารมณ์ของบทเพลง การนำเสนอบทเพลงที่ตนสนใจ การประเมิน
คุณภาพของบทเพลง การใช้และบำรุงรักษาเคร่ืองดนตรีของตน บทบาทและอิทธิพลของดนตรี
องค์ประกอบของดนตรีในแตล่ ะวัฒนธรรม
โดยการใช้กระบวนการฝึกทักษะทางดนตรี การสังเกต ทดลอง ฝึกปฏิบัติตามทีละข้ันตอน
จากง่ายไปหายาก และฝึกปฏิบัติซ้ำๆ จนสามารถอ่าน เขียน ร้องโน้ตไทย และโน้ตสากลเปรียบเทียบ
เสียงร้องและเสียงของเครื่องดนตรี ที่มาจากวัฒนธรรมท่ีต่างกัน ร้องเพลงและใช้เคร่ืองดนตรีบรรเลง
ประกอบการร้องเพลงด้วยบทเพลง ที่หลากหลายรปู แบบ จดั ประเภทของวงดนตรีไทยและวงดนตรีท่มี า
จากวัฒนธรรมต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นท่ีมีต่ออารมณ์ของบทเพลงท่ีมีความเร็วของจังหวะ และความ
ดัง - เบา แตกต่างกัน เปรียบเทียบอารมณ์ ความรู้สึกในการ ฟังดนตรีแต่ละประเภท นำเสนอตัวอย่าง
เพลงท่ีตนเองช่ืนชอบ และอภิปรายลักษณะเด่นที่ทำให้งานน้ันน่าช่ืนชม ใช้เกณฑ์สำหรับประเมิน
คุณภาพ งานดนตรีหรือเพลงที่ฟัง ใช้และบำรุงรักษาเครื่องดนตรี อย่างระมัดระวังและรับผิดชอบ
สามารถอธบิ ายบทบาทความสัมพันธ์และอิทธิพลของดนตรที ่ีมีต่อสังคมไทย ระบุความหลากหลายของ
องคป์ ระกอบดนตรใี นวฒั นธรรมต่างกันได้
เพ่ือถ่ายทอดความคิดหรือเร่ืองราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพ่ือให้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันสัมพันธ์กับวิถีชีวิต
พ้ืนบ้าน ศิลปะ ดนตรีและการแสดงนาฏศิลป์พ้ืนบ้านท่ีสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณี ภูมิปัญญา
ท้องถิน่ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
ตวั ชว้ี ดั
ศ. ๒.๑ ม.๑/๑ – ม.๑/๙
ศ. ๒.๒ ม.๑/๑ – ม.๑/๒
รวม ๑๑ ตัวชีว้ ัด
๖๗
ศ ๒๑๑๐๔ ดนตรีนาฏศิลป์ ๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
ภาคเรยี นที่ ๒ คำอธิบายรายวิชา เวลา ๒๐ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรูศ้ ิลปะ
จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต
ศึกษาการปฏิบัติของผู้แสดงและผู้ชม ประวัตินักแสดงที่ชื่นชอบ การพัฒนารูปแบบของการ
แสดงอิทธิพลของนักแสดงที่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้ชม นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละคร ในการ
แสดงภาษาท่า และการตีบทท่าทางเคลื่อนไหวที่แสดงสื่อทางอารมณ์ ระบำเบ็ดเตล็ด รำวงมาตรฐาน
รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์บทบาทและหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ในการจัดการแสดง การสร้างสรรค์
กิจกรรมการแสดงที่สนใจ โดยแบ่งฝ่ายและหนา้ ทใ่ี ห้ชดั เจน หลกั ในการชมการแสดง ประเภทของละคร
ไทยในแต่ละยุคสมัย ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทย และ
ละครพื้นบ้าน
โดยใช้กระบวนการ การฝึกปฏิบัติตามแบบ ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง และฝึกการใช้ความคิด
สร้างสรรค์ ในการใช้นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละครในการแสดง แสดงนาฏศิลป์และละครในรูปแบบ
ง่ายๆ ใช้ทักษะการทำงานเป็นกลุ่มในกระบวนการผลิตการแสดง ใช้เกณฑ์ง่ายๆ ท่ีกำหนดให้ในการ
พิจารณาคณุ ภาพการแสดงท่ีชม โดยเน้นเรื่องการใช้เสียงการแสดงท่าและการเคลื่อนไหว ระบุปจั จยั ทมี่ ี
ผลต่อการเปล่ียนแปลงของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทยและละครพื้นบ้าน สามารถบรรยาย
ประเภทของละครไทย ในแต่ละยุคสมัยได้
ศึกษาเครื่องหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี เสียงร้องและเสียงของเคร่ืองดนตรี ในบทเพลง
จากวัฒนธรรมต่างๆ การร้องและการบรรเลงเครื่องดนตรีประกอบการร้อง วงดนตรีพื้นเมือง วงดนตรี
ไทย วงดนตรีสากล การถ่ายทอดอารมณ์ของบทเพลง การนำเสนอบทเพลงที่ตนสนใจ การ
ประเมินคุณภาพของบทเพลง การใช้และบำรุงรักษาเครื่องดนตรีของตน บทบาทและอิทธิพลของดนตรี
องค์ประกอบของดนตรใี นแตล่ ะวัฒนธรรม
โดยการใช้กระบวนการฝึกทักษะทางดนตรี การสังเกต ทดลอง ฝึกปฏิบัติตามทีละข้ันตอน
จากง่ายไปหายาก และฝึกปฏิบัติซ้ำๆ จนสามารถอ่าน เขียน ร้องโน้ตไทย และโน้ตสากลเปรียบเทียบ
เสียงร้องและเสียงของเครื่องดนตรี ท่ีมาจากวัฒนธรรมท่ีต่างกัน ร้องเพลงและใช้เครื่องดนตรีบรรเลง
ประกอบการร้องเพลงด้วยบทเพลง ที่หลากหลายรูปแบบ จัดประเภทของวงดนตรีไทยและวงดนตรีทีม่ า
จากวัฒนธรรมต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นท่ีมีต่ออารมณ์ของบทเพลงที่มีความเร็วของจังหวะ และความ
ดัง - เบา แตกต่างกัน เปรียบเทียบอารมณ์ ความรู้สึกในการ ฟังดนตรีแต่ละประเภท นำเสนอตัวอย่าง
เพลงท่ีตนเองช่ืนชอบ และอภิปรายลักษณะเด่นที่ทำให้งานนั้นน่าชื่นชม ใช้เกณฑ์สำหรับประเมิน
คุณภาพ งานดนตรีหรือเพลงที่ฟัง ใช้และบำรุงรักษาเคร่ืองดนตรี อย่างระมัดระวังและรับผิดชอบ
๖๘
สามารถอธิบายบทบาทความสัมพันธ์และอิทธิพลของดนตรที ่ีมีต่อสังคมไทย ระบุความหลากหลายของ
องคป์ ระกอบดนตรีในวฒั นธรรมตา่ งกนั ได้
เพ่ือถ่ายทอดความคิดหรือเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันสัมพันธ์กับวิถีชีวิต
พื้นบ้าน ศิลปะ ดนตรีและการแสดงนาฏศิลป์พ้ืนบ้านที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณี ภูมิปัญญา
ท้องถิ่นภูมิปญั ญาไทยและสากล
ตวั ชว้ี ดั
ศ. ๓.๑ ม. ๑/๑ – ม.๑/๕
ศ. ๓.๒ ม. ๑/๑ – ม.๑/๒
รวม ๗ ตัวชี้วัด
๖๙
ศ ๒๒๑๐๓ ดนตรีนาฏศลิ ป์ ๓ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒
ภาคเรียนท่ี ๑ คำอธิบายรายวชิ า เวลา ๒๐ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรูศ้ ิลปะ
จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกติ
ศึกษาองคป์ ระกอบของดนตรีจากแหล่งวัฒนธรรมต่างๆ เคร่ืองหมายและสญั ลักษณ์ทางดนตรี
ปัจจัยในการสร้างสรรค์บทเพลง เทคนิคการร้องและบรรเลงดนตรี การบรรยายอารมณ์และความรู้สึกใน
บทเพลง การประเมินความสามารถทางดนตรี อาชพี ทางด้านดนตรี บทบาทของดนตรใี นธุรกิจบันเทิง
ดนตรีในวฒั นธรรมตา่ งประเทศ เหตุการณป์ ระวัตศิ าสตร์กับการเปลยี่ นแปลง ทางดนตรีในประเทศไทย
โดยการใช้กระบวนการฝึกทักษะทางดนตรี การสังเกต ทดลอง ฝึกปฏิบัติตามทีละขั้นตอน
จากง่ายไปหายาก และฝึกปฏิบัติซ้ำๆ จนสามารถเปรียบเทียบการใช้องค์ประกอบดนตรีท่ีมาจาก
วฒั นธรรมต่างกัน อ่าน เขียนรอ้ งโน้ตไทย และโน้ตสากลท่ีมีเครื่องหมายแปลงเสียง ระบุปัจจยั สำคัญท่ี
มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานดนตรี ร้องเพลง และเล่นดนตรีเดี่ยวและรวมวง บรรยายอารมณ์ของเพลง
และความรู้สึกที่มีต่อบทเพลงท่ีฟัง ประเมิน พัฒนาการทักษะทางดนตรีของตนเอง หลังจากการฝึก
ปฏิบตั ิ ระบุงานอาชีพตา่ งๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับดนตรีและบทบาทของดนตรีในธรุ กิจบนั เทิง บรรยายบทบาท
และอิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ สามารถบรรยายอิทธิพลของวัฒนธรรม และ
เหตุการณใ์ นประวัตศิ าสตร์ท่ีมตี ่อรูปแบบของดนตรีในประเทศไทยได้
ตวั ชี้วดั
ศ. ๒.๑ ม.๒/๑ – ม.๒/๗
ศ. ๒.๒ ม.๒/๑ – ม.๒/๗
รวม ๙ ตัวชี้วดั
๗๐
ศ ๒๒๑๐๔ ดนตรนี าฏศลิ ป์ ๔ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
ภาคเรยี นที่ ๒ คำอธิบายรายวชิ า เวลา ๒๐ ชั่วโมง
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ
ศึกษาศิลปะแขนงอื่นๆ กับการแสดง หลักและวิธีการสร้างสรรค์การแสดง โดยใช้
องค์ประกอบนาฏศิลป์ และการละครหลัก และวิธีการวเิ คราะห์การแสดง วิธีการวิเคราะห์ วิจารณ์การ
แสดงนาฏศิลป์ และการละครรำวงมาตรฐาน ความสัมพันธ์ของนาฏศิลป์ หรือการละครกับสาระการ
เรยี นร้อู ื่นๆ นาฏศลิ ป์พืน้ เมือง รปู แบบการแสดงประเภทต่างๆ การละครสมยั ต่างๆ
โดยใช้กระบวนการ การฝึกปฏิบัติตามแบบ ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง และฝึกการใช้ความคิด
สร้างสรรค์ ในการอธิบายการบูรณาการศิลปะแขนงอื่นๆ กับการแสดง สร้างสรรค์การแสดงโดยใช้
องค์ประกอบนาฏศิลป์และการละคร วิเคราะห์การแสดงของตนเองและผู้อื่น โดยใช้นาฏยศัพท์หรือ
ศัพท์ทางการละคร ท่ีเหมาะสม เสนอข้อคิดเห็นในการปรับปรุงการแสดง เชื่อมโยงการเรียนรู้ระหว่าง
นาฏศิลป์และการละครกับสาระการเรียนรู้อ่ืนๆ สามารถเปรียบเทียบลักษณะเฉพาะของ การแสดง
นาฏศลิ ปจ์ ากวัฒนธรรมต่างๆ ระบุหรือแสดงนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พน้ื บ้าน ละครไทย ละครพื้นบา้ น หรือ
มหรสพอน่ื ที่เคยนิยมกันในอดตี สามารถอธิบายอทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมทม่ี ผี ลตอ่ เนือ้ หาของละครได้
เพ่ือถ่ายทอดความคิดหรือเรื่องราวเก่ียวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพ่ือให้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันสัมพันธ์กับวิถีชีวิต
พ้ืนบ้าน ศิลปะ ดนตรีและการแสดงนาฏศิลป์พ้ืนบ้านท่ีสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณี ภูมิปัญญา
ท้องถนิ่ ภูมิปญั ญาไทยและสากล
ตัวชว้ี ัด
ศ. ๓.๑ ม.๒/๑ – ม.๒/๕
ศ. ๓.๒ ม.๒/๑ – ม.๒/๕
รวม ๘ ตัวชี้วดั
๗๑
ศ ๒๓๑๐๓ ดนตรีนาฏศิลป์ ๕ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓
ภาคเรยี นที่ ๑ คำอธิบายรายวิชา เวลา ๒๐ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ
จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ
ศึกษาการเปรียบเทียบองค์ประกอบในงานศิลปะ เทคนิคและการแสดงออกในการขับร้อง
และบรรเลงดนตรีเด่ียวและรวมวง อัตราจังหวะ การประพันธ์เพลงในอัตราจังหวะ การเลือกใช้
องค์ประกอบในการสร้างสรรค์บทเพลง การเปรียบเทียบความแตกต่างของบทเพลง อิทธิพลของดนตรี
การจัดการแสดงดนตรีในวาระต่างๆ ประวัติดนตรีไทยยุคสมัยต่างๆ ประวัติดนตรีตะวันตกยุคสมัย
ตา่ งๆ ปัจจัยท่ที ำใหง้ านดนตรีไดร้ ับการยอมรบั
โดยการใช้กระบวนการฝึกทักษะทางดนตรี การสังเกต ทดลอง ฝึกปฏิบัติตามทีละขั้นตอน
จากง่ายไปหายาก และฝึกปฏิบัติซ้ำๆ จนสามารถเปรียบเทียบองค์ประกอบท่ีใช้ในงานดนตรีและงาน
ศิลปะอื่น ร้องเพลง เล่นดนตรีเดี่ยว และรวมวง โดยเน้นเทคนิคการร้อง การเล่น การแสดงออก และ
คุณภาพสียง แต่งเพลงส้ันๆ จังหวะง่ายๆ อธิบายเหตุผลในการเลือกใช้องค์ประกอบดนตรีในการ
สร้างสรรค์ งานดนตรีของตนเอง เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง งานดนตรีของตนเองและผู้อื่น
อธิบายเก่ียวกับอิทธิพลของดนตรีท่ีมีต่อบุคคลและสังคม สามารถนำเสนอหรือจัดการแสดงดนตรี ท่ี
เหมาะสมโดยการบรู ณาการกบั สาระ การเรยี นร้อู นื่ ในกลุม่ ศิลปะได้
เพ่ือถ่ายทอดความคิดหรือเร่ืองราวเก่ียวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันสัมพันธ์กับวิถีชีวิต
พื้นบ้าน ศิลปะ ดนตรีและการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้านที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณี ภูมิปัญญา
ท้องถน่ิ ภมู ิปัญญาไทยและสากล
ตวั ชีว้ ดั
ศ. ๒.๑ ม.๓/๑ – ๓/๗
ศ. ๒.๒ ม.๓/๑ – ม.๓/๒
รวม ๙ ตัวช้ีวดั
๗๒
ศ ๒๒๑๐๔ ดนตรีนาฏศลิ ป์ ๖ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓
ภาคเรยี นที่ ๒ คำอธิบายรายวิชา เวลา ๒๐ ชวั่ โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ
ศึกษา องค์ประกอบของบทละคร ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ รูปแบบการแสดง การ
ประดิษฐ์ท่ารำและท่าทางประกอบการแสดง องค์ประกอบนาฏศิลป์ วิธีการเลือกการแสดงละครกับชีวิต
การออกแบบและสรา้ งสรรค์อุปกรณ์และเคร่ืองแตง่ กายเพือ่ การแสดงนาฏศิลป์ความสำคัญและบทบาท
ของนาฏศลิ ป์ และการละครในชวี ติ ประจำวนั การอนุรกั ษ์นาฏศิลป์
โดยใช้กระบวนการ การฝึกปฏิบัติตามแบบ ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง และฝึกการใช้ความคิด
สร้างสรรค์ ในการแสดงความคิดเห็นในการอนุรักษ์ อธิบายความสำคัญและบทบาทของนาฏศิลป์และ
การละครในชีวิตประจำวัน ออกแบบและสร้างสรรค์อุปกรณ์ และเครื่องแต่งกายเพ่ือแสดงนาฏศิลป์
และละครที่มาจากวัฒนธรรมต่างๆ นำเสนอแนวคิดจากเนื้อเรื่องของการแสดงทีส่ ามารถนำไปปรบั ใช้
ในชีวิตประจำวัน ร่วมจัดงานการแสดงในบทบาทหนา้ ทีต่ ่างๆ สามารถวิจารณ์เปรยี บเทียบงานนาฏศิลป์
ท่ีมีความแตกต่างกัน โดยใช้ความรู้ เรื่ององค์ประกอบนาฏศิลป์ มีทักษะในการแปลความและการ
ส่ือสารผ่านการแสดง มีทักษะในการใช้ความคดิ ในการพัฒนารูปแบบการแสดง ใช้นาฏยศพั ท์หรือศพั ท์
ทางการละครที่เหมาะสม บรรยายเปรยี บเทียบการแสดงอากัปกิริยาของผู้คนในชีวิตประจำวัน และใน
การแสดงระบุโครงสรา้ งของบทละครโดยใช้ศพั ท์ทางการละครได้
เพ่ือถ่ายทอดความคิดหรือเรื่องราวเก่ียวกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันสัมพันธ์กับวิถีชีวิต
พ้ืนบ้าน ศิลปะ ดนตรีและการแสดงนาฏศิลป์พ้ืนบ้านท่ีสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณี ภูมิปัญญา
ทอ้ งถิน่ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
ตัวชวี้ ดั
ศ. ๓.๑ ม.๓/๑ – ม.๓/๗
ศ. ๓.๒ ม.๓/๑ – ม.๓/๓
รวม ๑๐ ตวั ชี้วัด
๗๓
เกณฑ์การจบการศึกษา
หลักสูตร โรงเรยี นบ้านป่าคาป่าม่วง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑส์ ำหรบั การจบการศึกษา ดังนี้
เกณฑก์ ารจบระดบั ประถมศึกษา
(๑) ผู้เรียน ต้องเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน ๕,๐๔๐ ช่ัวโมงและรายวิชาเพิ่มเติม/กิจกรรม
เพ่ิมเติมไม่นอ้ ยกว่า จำนวน ๔๘๐ ช่วั โมง
(๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมนิ ในรายวชิ าพ้นื ฐานระดับ ๑ ขึน้ ไปทุกรายวชิ า
(๓) ผเู้ รยี นต้องมีผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ในระดบั “ผา่ น” ขึ้นไปทกุ ด้าน
(๔) ผเู้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
ในระดบั “ผ่าน” ขึ้นไปทกุ ดา้ น
(๕) ผู้เรียนต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน และมผี ลการประเมนิ ในระดบั “ผา่ น”
ทกุ กิจกรรม
เกณฑ์การจบระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น
(๑) ผู้เรียนต้องเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน ๒,๖๔๐ ชั่วโมง (๖๖ หน่วยกิต) และรายวิชา
เพม่ิ เตมิ ไม่นอ้ ยกว่า ๔๘๐ ชว่ั โมง (๑๒ หนว่ ยกิต)
(๒) ผเู้ รียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐานในระดับ ๑ ขน้ึ ไปทกุ รายวิชา
(๓) ผเู้ รยี นต้องมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนผา่ นเกณฑ์การประเมิน
ในระดับ “ผา่ น” ขนึ้ ไปทกุ ดา้ น
(๔) ผูเ้ รียนมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นระดับ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
ในระดับ “ผา่ น” ขึ้นไปทุกด้าน
(๕) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน”
ทกุ กจิ กรรม
๗๔
การจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ของผเู้ รียน เป็นเปา้ หมายสำหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร
กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็น
สมรรถนะสำคัญให้ผ้เู รยี นบรรลุตามเป้าหมาย
๑. หลกั การจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ
สำคญั และคุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
โดยยดึ หลกั วา่ ผูเ้ รียนมคี วามสำคัญท่ีสุด เช่อื วา่ ทุกคนมีความสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้
ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ คำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน้น
ใหค้ วามสำคัญทั้งความรู้ และคณุ ธรรม
๒. กระบวนการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ี
หลากหลาย เป็นเคร่ืองมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็น
สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด
กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จาก
ประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย
กระบวนการเรียนรูก้ ารเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสยั
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา
เพราะจะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึง
จำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจั ด
กระบวนการเรยี นรู้ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะ
สำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึง
พิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัด
และประเมนิ ผล เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลตุ ามเปา้ หมายทก่ี ำหนด
๗๕
๔. บทบาทของผูส้ อนและผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน
ควรมีบทบาท ดงั นี้
๔.๑ บทบาทของผสู้ อน
๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน
การจัดการเรยี นรู้ ที่ทา้ ยความสามารถของผเู้ รียน
๒) กำหนดเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ
ทเ่ี ปน็ ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทัง้ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
และพัฒนาการทางสมอง เพ่ือนำผ้เู รยี นไปสเู่ ป้าหมาย
๔) จดั บรรยากาศที่เอ้ือตอ่ การเรยี นรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรยี นให้เกดิ การเรยี นรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีท่ี
เหมาะสมมาประยกุ ต์ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน
๖) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรียนดว้ ยวธิ ีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ
ของวิชาและระดบั พัฒนาการของผเู้ รียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ังปรับปรุง
การจดั การเรียนการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผูเ้ รียน
๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรยี นรู้ของตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรยี นรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ ความรู้ ต้ังคำถาม
คดิ หาคำตอบหรือหาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ
๓) ลงมือปฏิบัติจริง สรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน
สถานการณ์ต่างๆ
๔) มปี ฏสิ ัมพันธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มและครู
๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นรูข้ องตนเองอย่างต่อเนือ่ ง
๗๖
สอ่ื การเรยี นรู้
ส่ือการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง
ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ส่ือการ
เรียนรู้มีหลากหลายประเภท ทั้งส่ือธรรมชาติ สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ
ที่มีในท้องถ่ิน การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้
ทหี่ ลากหลายของผเู้ รยี น
การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุง
เลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากส่ือต่างๆ ท่ีมีอยู่รอบตัวเพ่ือนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถ
ส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่ือพัฒนาให้
ผ้เู รียน เกดิ การเรียนรอู้ ย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศกึ ษา หนว่ ยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งและผมู้ ีหน้าที่
จัดการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ควรดำเนนิ การดังนี้
๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถ่นิ ชุมชน สงั คมโลก
๒. จัดทำและจัดหาส่ือการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน
รวมทง้ั จดั หาสิง่ ท่ีมีอยู่ในทอ้ งถนิ่ มาประยกุ ต์ใชเ้ ป็นสอ่ื การเรยี นรู้
๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง
กบั วธิ กี ารเรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผู้เรียน
๔. ประเมินคณุ ภาพของสอ่ื การเรยี นร้ทู เี่ ลือกใช้อย่างเปน็ ระบบ
๕. ศึกษาคน้ ควา้ วิจยั เพอ่ื พฒั นาสื่อการเรยี นรใู้ ห้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรขู้ องผู้เรยี น
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับสื่อและการใช้ส่ือ
การเรยี นรูเ้ ป็นระยะๆ และสมำ่ เสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษา
ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญของสอ่ื การเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย
ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอ
ท่ีเข้าใจง่าย และน่าสนใจ
๗๗
การวดั และประเมินผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรยี นต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ
ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ให้ประสบผลสำเร็จน้ัน ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพ่ือให้บรรลุ
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็น
เป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับช้ันเรียน ระดับ
สถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ีแสดง
พัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ตอ่ การส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ การพฒั นาและเรียนร้อู ย่างเต็มตามศกั ยภาพ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับ
สถานศึกษา ระดับเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดงั นี้
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง
หลากหลาย เชน่ การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมนิ โครงงาน การประเมินชนิ้ งาน/
ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้
ผูเ้ รียนประเมินตนเอง เพือ่ นประเมนิ เพื่อน ผปู้ กครองรว่ มประเมิน ในกรณีท่ีไมผ่ ่านตัวช้ีวัดให้มีการสอน
ซ่อมเสรมิ
การประเมินระดบั ช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบวา่ ผ้เู รยี นมีพฒั นาการความก้าวหน้าในการ
เรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้อง
ได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียน
การสอนของตนดว้ ย ทัง้ น้ีโดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั
๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตัดสินผล
การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของ
สถานศึกษา ว่าสง่ ผลต่อการเรียนรูข้ องผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมจี ุดพัฒนาในดา้ นใด รวมท้ัง
สามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมนิ ระดับ
สถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการ
จัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ
๗๘
สถานศึกษา สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้ปกครอง
และชมุ ชน
๓. การประเมินระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูล
พ้ืนฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถ
ดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดย
เขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา หรือดว้ ยความร่วมมอื กบั หน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนนิ การจดั สอบ นอกจากนี้ยัง
ได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาในเขตพน้ื ท่ีการศึกษา
๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการ
เรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนท่ีเรียน ในชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เขา้ รับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการ
เทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัด
การศกึ ษา ตลอดจนเปน็ ขอ้ มลู สนับสนุนการตดั สนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ
ทบทวนพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแล
ช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความ
แตกต่างระหว่างบุคคลท่ีจำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนท่ัวไป กลุ่ม
ผ้เู รยี นทีม่ ีความสามารถพเิ ศษ กล่มุ ผู้เรียนทีม่ ีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรยี นทม่ี ีปัญหาดา้ นวนิ ัย
และพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรยี น กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการ
ทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการ
ดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ
ในการเรียน
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและ
ประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็น
ข้อกำหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อให้บุคลากรท่ีเก่ียวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติ
รว่ มกัน
๗๙
เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียน
การตัดสนิ ผลการเรยี น
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผู้สอนต้องคำนึงถึงการพัฒนานักเรียนแต่ละ
คนเป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของนักเรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน
มเี กณฑด์ งั นี้
(๑) ผูเ้ รียนตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด
(๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของ
จำนวนตัวช้วี ัด
(๓) ผเู้ รยี นต้องไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา
(๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา
กำหนดในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
๘๐
การให้ระดบั ผลการเรียน
๑๓.๑ การตัดสินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ใช้ระบบตัวเลข
แสดงระดบั การเรียนในแตล่ ะกลมุ่ สาระ ดงั น้ี
ระดับผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนนรอ้ ยละ
๔ ผลการเรียนดีเย่ยี ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรยี นดมี าก ๗๕ - ๗๙
๓ ผลการเรียนดี ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรยี นคอ่ นข้างดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรยี นพอใช้ ๕๕ - ๕๙
๑ ผลการเรยี นผ่านเกณฑข์ น้ั ตำ่ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรยี นต่ำกว่าเกณฑ์ ๐ - ๔๙
๑๓ .๒ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นผ่านและไม่ผ่าน
ถ้ากรณที ผ่ี า่ น กำหนดเกณฑก์ ารตดั สินเปน็ ดีเยี่ยม ดี และผ่าน
ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
ท่มี คี ุณภาพดเี ลิศอยเู่ สมอ
ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
ที่มีคุณภาพเป็นทย่ี อมรับ
ผ่าน หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
ทีม่ คี ณุ ภาพเป็นที่ยอมรับ แตย่ ังมีขอ้ บกพรอ่ งบางประการ
ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขยี น หรือถ้ามผี ลงาน ผลงานนัน้ ยังมีข้อบกพร่องท่ตี ้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลายประการ
๑๓.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะเพ่ือการเลื่อนชั้น
และจบการศึกษา เป็นผ่านและไม่ผ่าน ในการผ่าน กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีเย่ียม ดี และผ่าน
และความหมายของแตล่ ะระดบั ดังนี้
ดีเย่ียม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ใน
ชีวิตประจำวันเพ่ือประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับดีเย่ียม
จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดบั ดี
๘๑
ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรบั ของ
สงั คมโดยพิจารณาจาก
๑) ได้ผลการประเมินระดับดีเย่ียมจำนวน ๑ - ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับดี หรือ
๒) ได้ผลการประเมินระดับดี เย่ียมจำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมินต่ำกวา่ ระดับผ่านหรือ
๓) ไดผ้ ลการประเมินระดับดี จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดได้ผล
การประเมินตำ่ กวา่ ระดับผา่ น
ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่สถานศึกษากำหนด
โดยพจิ ารณาจาก
๑) ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ผ่าน หรอื
๒) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ต่ำกวา่ ระดับผา่ น
ไมผ่ ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรแู้ ละปฏิบัติไดไ้ ม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงอ่ื นไขท่ีสถานศึกษา
กำหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ไมผ่ ่านตั้งแต่ ๑ คุณลกั ษณะ
๑๓.๔ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม
การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดและให้ผลการประเมินเป็นผ่าน
และไม่ผ่านใหใ้ ชต้ ัวอกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดงั น้ี
“ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและมีผลงานเปน็ ท่ปี ระจักษ์
“มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมี
ผลงานไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากำหนด
ในกรณีท่ีผู้เรียนได้ “มผ” ครูผ้ดู ูแลกิจกรรมตอ้ งจัดซ่อมเสรมิ ให้ผเู้ รยี นทำกิจกรรมในส่วน
ท่ีผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปล่ียนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้
ท้ังน้ี ต้องดำเนินการให้เสร็จส้ินภายในปีการศึกษาน้ัน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยห้อยู่ในดุลยพินิจของ
ผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย
๘๒
การเล่อื นช้ัน
เมื่อส้ินปกี ารศึกษา ผ้เู รยี นจะไดร้ บั การเลอื่ นช้ัน เม่อื มีคุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ดังต่อไปน้ี
(๑) ผู้เรยี นต้องมเี วลาเรียนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด
(๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของ
จำนวนตวั ชีว้ ัด
(๓) ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ไม่น้อยกว่าระดับ “ ๑ ” จึงจะ
ถือว่าผา่ นเกณฑต์ ามทส่ี ถานศึกษากำหนด
(๔) นักเรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และ
เขียน ในระดับ “ ผ่าน ” ข้ึนไป มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับ“ ผ่าน ” ข้ึนไป
และมีผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นานักเรียน ในระดบั “ ผา่ น ”
ทงั้ น้ี ถ้าผูเ้ รียนมีข้อบกพรอ่ งเพียงเล็กนอ้ ย และพิจารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอน
ซอ่ มเสริมได้ให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษาท่ีจะผอ่ นผนั ใหเ้ ลื่อนชนั้ ได้
อน่ึง ในกรณีท่ีผู้เรียนมีหลักฐานการเรียนรู้ท่ีแสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สถานศึกษา
อาจให้โอกาสผู้เรียนเลื่อนชั้นกลางปีการศึกษา โดยสถานศึกษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยฝ่าย
วิชาการของสถานศึกษาและผู้แทนของเขตพ้ืนท่ีการศึกษาหรือต้นสังกัดประเมินผู้เรียนและตรวจสอบ
คณุ สมบัติให้ครบถว้ นตามเงื่อนไขทง้ั ๓ ประการต่อไปนี้
๑. มีผลการเรียนในปีการศึกษาที่ผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปีท่ีกำลังศึกษาอยู่
ในเกณฑ์ดเี ยี่ยม
๒. มวี ฒุ ภิ าวะเหมาะสมทจี่ ะเรียนในชั้นที่สงู ข้ึน
๓. ผา่ นการประเมนิ ผลความรู้ความสามารถทุกรายวิชาของชนั้ ปีทีเ่ รียนปัจจบุ ัน และ
ความร้คู วามสามารถทกุ รายวชิ าในภาคเรยี นแรกของชัน้ ปที ่ีจะเลื่อนขึน้
การอนุมัติให้เลอ่ื นชั้นกลางปีการศึกษาไปเรียนชั้นสูงขึ้นได้ ๑ ระดับช้ันนี้ ต้องได้รับ
การยินยอมจากผู้เรียนและผู้ปกครองและต้องดำเนินการให้เสร็จส้ินก่อนเปิดภาคเรียนท่ี ๒ ของปี
การศึกษานั้น สำหรับในกรณีท่ีพบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่างๆ มีปัญหาในการเรียนรู้ให้
สถานศึกษาดำเนินงานร่วมกบั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเฉพาะความพิการหาแนวทางการแก้ไขและ
พัฒนา
การสอนซอ่ มเสริม
การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่อง กรณีที่ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ
กระบวนการ หรือคุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องจัดสอนซ่อมเสริมเพ่ือพัฒนาการ
เรียนรู้ของผู้เรียนเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนเพื่อแก้ไขขอ้ บกพร่องกรณที ่ีผู้เรยี น
๘๓
มีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
สถานศึกษาต้องจดั สอนซ่อมเสริมเป็นกรณีพเิ ศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกตเิ พ่ือพัฒนาใหผ้ ูเ้ รยี น
สามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้และ
พฒั นา โดยจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล
การเปลยี่ นผลการเรยี น
การเปลีย่ นผลการเรียน“๐”
สถานศึกษาจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดท่ีผู้เรียนสอบไม่
ผ่านก่อนแล้วจึงสอบแก้ตัวได้ไม่เกิน ๒ คร้ัง ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาท่ี
สถานศึกษากำหนดให้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรียน
สำหรับภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดำเนนิ การให้เสรจ็ สิ้นภายในปกี ารศกึ ษาน้นั
ถ้าสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศึกษาแต่งต้ัง
คณะกรรมการดำเนินการเกีย่ วกับการเปลีย่ นผลการเรยี นของผูเ้ รียนโดยปฏบิ ตั ิดังนี้
๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพน้ื ฐานใหเ้ รียนซ้ำรายวิชานนั้
๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพ่ิมเติมให้เรียนซ้ำหรือเปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังนี้ให้อยู่ใน
ดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ในกรณีทเ่ี ปลย่ี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี น
แสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทนรายวิชาใด
การเปลย่ี นผลการเรยี น“ร”
การเปลี่ยนผลการเรียน“ร” ให้ดำเนินการดังน้ี ให้ผู้เรียนดำเนินการแก้ไข “ร” ตาม
สาเหตุ เมื่อผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสร็จแล้วให้ได้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ต้ังแต่ ๐ - ๔) ถ้าผู้เรียนไม่
ดำเนินการแก้ไข “ร” กรณีที่ส่งงานไม่ครบแต่มีผลการประเมินระหว่างภาคเรียนและปลายภาคให้
ผสู้ อนนำขอ้ มลู ท่ีมีอย่ตู ัดสินผลการเรียนยกเว้นมีเหตุสุดวสิ ัยให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของสถานศึกษาท่ีจะขยาย
เวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียนสำหรับภาคเรียนท่ี ๒ ต้องดำเนินการให้เสร็จส้ิน
ภายในปีการศกึ ษานั้น เมื่อพ้นกำหนดน้ีแล้วใหเ้ รียนซ้ำ หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนินการแก้ไข
ตามหลักเกณฑ์
การเปล่ยี นผลการเรียน “มส”
การเปล่ียนผลการเรยี น“มส” มี ๒ กรณี ดงั นี้
๑) กรณีผูเ้ รียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรียนไมถ่ งึ รอ้ ยละ ๘๐ แตม่ ีเวลา
เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวิชาน้ัน ให้จัดให้เรียนเพิ่มเติมโดยใช้ช่ัวโมงสอน
ซ่อมเสริมหรือใช้เวลาว่าง หรือใช้วันหยุดหรือมอบหมายงานให้ทำจนมีเวลาเรียนครบตามท่ีกำหนดไว้
๘๔
สำหรับรายวิชาน้ันแล้วจึงให้วัดผลปลายภาคเป็นกรณีพิเศษ ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียน
ไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีน้ีให้กระทำให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน ถ้าผู้เรียน ไม่มา
ดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่ีกำหนดไว้น้ีให้เรียนซ้ำ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจ
ของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แต่เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้ว
ให้ปฏบิ ตั ิดังนี้
(๑) ถ้าเปน็ รายวชิ าพืน้ ฐานให้เรยี นซำ้ รายวิชานน้ั
(๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรือ
เปล่ยี นรายวิชาเรียนใหม่
๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของ
เวลาเรยี นท้ังหมดใหส้ ถานศึกษาดำเนนิ การดงั น้ี
(๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพืน้ ฐานใหเ้ รียนซำ้ รายวชิ านั้น
(๒) ถา้ เป็นรายวชิ าเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรยี นซ้ำหรือ
เปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ในกรณีทเี่ ปลย่ี นรายวิชาเรยี นใหม่ใหห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นว่า
เรียนแทนรายวิชาใด
การเรียนซำ้ รายวิชา ผู้เรียนท่ีได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ คร้ังแลว้ ไม่ผา่ น
เกณฑ์การประเมินให้เรียนซ้ำรายวิชานั้น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำ
ในช่วงใดช่วงหนึ่งท่ีสถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ช่ัวโมงว่างหลังเลิกเรียน
ภาคฤดูร้อนเปน็ ต้น
ในกรณีภาคเรียนท่ี ๒ หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดำเนินการ
ให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพ่ือ
แก้ไขผลการเรียนของผู้เรียนได้
การเปล่ยี นผล“มผ”
กรณีท่ีผู้เรียนได้ผล “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนที่
ผเู้ รียนไม่ไดเ้ ขา้ ร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ียนผลจาก “มผ”เป็น “ผ” ได้ ทั้งนด้ี ำเนินการ
ให้เสร็จส้ินภายในภาคเรียนน้ัน ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะพิจารณา
ขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรยี น สำหรับภาคเรียนท่ี ๒ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี
การศกึ ษานนั้
๘๕
การเรยี นซำ้ ชนั้
ผูเ้ รยี นท่ไี ม่ผา่ นรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโนม้ ว่าจะเปน็ ปัญหาต่อการเรียนในระดบั ช้ัน
ท่ีสูงขึ้นสถานศึกษา ต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ท้ังนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและ
ความรู้ความสามารถของผ้เู รียนเปน็ สำคญั
ผู้เรียนท่ีไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเลื่อนชั้น สถานศึกษาควรให้เรียนซ้ำชั้น ทั้งนี้
สถานศึกษาอาจใชด้ ลุ ยพินิจให้เลือ่ นช้นั ได้ หากพิจารณาวา่ ผู้เรยี นมีคณุ สมบัตขิ ้อใดขอ้ หน่งึ ดังต่อไปนี้
๑) มีเวลาเรยี นไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเน่ืองจากสาเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวสิ ัย แต่มี
คุณสมบตั ิตามเกณฑก์ ารเลื่อนชั้นในขอ้ อนื่ ๆ ครบถ้วน
๒) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่
สถานศึกษากำหนดในแต่ละรายวิชา แต่เห็นว่าสามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษาน้ัน และมี
คุณสมบตั ติ ามเกณฑก์ ารเลื่อนช้นั ในขอ้ อน่ื ๆ ครบถว้ น
๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิ ตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรมอยู่ในระดบั ผ่าน
กอ่ นท่ีจะให้ผู้เรียนเรียนซ้ำชั้น สถานศึกษาตอ้ งแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผล
ของการเรียนซำ้ ชั้น
เอกสารหลักฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่
เกยี่ วข้องกับพัฒนาการของผู้เรียนในด้านตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้
๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาทกี่ ระทรวงศึกษาธิการกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียน
ของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูล
และออกเอกสารนใี้ ห้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา
๑.๓ แบบรายงานผู้สำเรจ็ การศึกษา เปน็ เอกสารอนมุ ตั ิการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือ
และข้อมลู ของผ้จู บการศึกษาระดบั ประถมศึกษา
๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทีส่ ถานศกึ ษากำหนด
เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทำข้ึนเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ
เกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียน
สะสม ใบรับรองผลการเรียน และ เอกสารอ่ืนๆ ตามวัตถปุ ระสงค์ของการนำเอกสารไปใช้
๘๖
การเทยี บโอนผลการเรยี น
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา
การเปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ
การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทียบโอนความรู้
ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการ
ฝึกอบรมอาชีพ การจดั การศกึ ษาโดยครอบครัว
การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในชว่ งก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก
ที่สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ท้ังนี้ ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษา
ต่อเน่ืองในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับผู้เรียนจาก
การเทยี บโอนควรกำหนดรายวชิ า/จำนวนหน่วยกิต ทจี่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม
การพิจารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั น้ี
๑. พจิ ารณาจากหลักฐานการศกึ ษา และเอกสารอนื่ ๆ ที่ให้ขอ้ มลู แสดงความรู้ ความสามารถ
ของผ้เู รียน
๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ ท้ังภาค
ความรแู้ ละภาคปฏบิ ตั ิ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ิในสภาพจริง
การเทียบโอนผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏบิ ัติ ของกระทรวงศึกษาธิการ
การบริหารจัดการหลักสูตร
ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอำนาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา
หลักสูตรนั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เก่ียวข้องในแต่ละระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับ
สถานศึกษา มีบทบาทหน้าท่ี และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนา
หลักสูตรใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพื่อใหก้ ารดำเนนิ การจัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาและการจัดการ
เรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกำหนดไว้ในระดับชาติคุณภาพของของผู้เรียนท่ีสำคัญ และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
ระดับทอ้ งถิน่ ไดแ้ ก่ สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา หน่วยงานตน้ สังกัดอนื่ ๆ เปน็ หน่วยงานท่ีมี
บทบาทในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางท่ีจะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีกำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพ่ือ
นำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้
ประสบความสำเรจ็ โดยมภี ารกจิ สำคัญ คือ กำหนดเปา้ หมายและจดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น ใน
๘๗
ระดับท้องถ่ินโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับส่ิงท่ีเป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้
ท้องถนิ่ ประเมนิ คุณภาพการศึกษาในระดบั ท้องถ่ิน รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใชห้ ลักสตู รด้วยการวจิ ัย
และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผล
คุณภาพของผู้เรยี น
สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้
หลกั สูตร การเพ่มิ พูนคุณภาพการใช้หลักสตู รด้วยการวิจยั และพัฒนา การปรับปรุงและพฒั นาหลักสูตร
จัดทำระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และรายละเอียดท่ีเขตพื้นท่ีการศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัด
อื่นๆ ในระดับท้องถ่ินได้จัดทำเพิ่มเติม รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เก่ียวกับสภาพ
ปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความต้องการของผู้เรียน โดยทุกภาคส่วนเข้ามามี
สว่ นรว่ มในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา