โครงการเพาะขยายพันธ์ุชะมดแผงหางปล้อง อเี หน็ เครอื
และอีเหน็ ข้างลายหรอื อีเห็นธรรมดาเพ่อื การอนุรกั ษ์
องค์การสวนสตั ว์ในพระบรมราชูปถมั ภ์
งาน วจิ ยั ฝา่ ยอนรุ กั ษ์ วิจยั และสขุ ภาพสัตว์
สวนสัตว์สงขลา
ประจาปีงบประมาณ 2559 – 2561
สารบัญ หนา้
1
เรื่อง 4
บทนา 6
สตั ว์วงศช์ ะมดที่พบในประเทศไทย 8
อนกุ รมวิธานของชะมดแผงหางปล้อง 10
อนุกรมวธิ านของอีเห็นข้างลาย 12
อนุกรมวธิ านของอีเหน็ เครือ 12
ผลการศกึ ษา 20
21
การจัดการคอกเพาะขยายพันธุ์ 26
การทาความสะอาดคอกเพาะขยายพนั ธ์ุ 27
อาหารและการให้อาหาร 28
การดาเนนิ การเพาะขยายพันธุ์ 33
การคดั เลอื กพอ่ แม่พนั ธ์ุ 34
การตรวจสุขภาพ 49
การวางแผนจบั คู่ 66
การจบั คู่เพาะขยายพนั ธแ์ุ ละสงั เกตพฤติกรรม
การอนุบาลลกู อีเหน็ เครือ
การจัดการการดา้ นสขุ ภาพ
สารบญั ภาพ หน้า
ภาพที่ 15
1 แสดงคอกเพาะขยายพนั ธุ์ 17
2 แสดงบรเิ วณรอบคอกเพาะขยายพนั ธุ์ 18
3. แสดงภายในคอกเพาะขยายพนั ธุ์ 18
4 แสดงถาดนา้ และถาดอาหาร 19
5 แสดงกลอ่ งไม้ 22
6 แสดงอาหารหลัก 23
7 แสดงอาหารเสริมชนิดอื่นๆ 25
8 แสดงเปอร์เซ็นตอ์ าหารหลงั ทีใ่ หใ้ นแต่ละวัน 29
9 แสดงการเกบ็ อุจจาระ 30
10 แสดงตวั ยาถา่ ยพยาธิ 30
11 แสดงการให้ยาถ่ายพยาธโิ ดยการผสมอาหาร 31
12 แสดงวติ ามินเสรมิ 32
13 แสดงการใหว้ ิตามินเสริมโดยการผสมอาหาร 35
14 แสดงชะมดแผงหางปล้องเพศผูแ้ ละเพศเมีย 36
15 แสดงพฤติกรรมการกินอาหาร 36
16 แสดงพฤติกรรมการนอนในกลอ่ งไม้ 37
17 แสดงพฤติกรรมการนอนบนพนื้ ดนิ ใต้ขอนไม้ 37
18 แสดงลกั ษณะร่องรอยการเชด็ 38
19 แสดงพฤติกรรมการเช็ด
สารบญั ภาพ(ต่อ) หน้า
ภาพที่ 39
20 แสดงอีเห็นขา้ งลายเพศผู้และเพศเมีย 40
21 แสดงพฤตกิ รรมการกินอาหาร 41
22 แสดงพฤติกรรมการนอนในเปล 41
23 แสดงพฤตกิ รรมการปนี ปา่ ยเถาวัลย์ 42
24 แสดงอีเห็นเครือเพศผู้และเพศเมยี 43
25 แสดงพฤตกิ รรมการกินอาหาร 44
26 แสดงพฤตกิ รรมการนอนขอนไม้ 45
27 แสดงการข้นึ คร่อมผสมพันธุ์ของอีเหน็ เครอื 46
28 แสดงลักษณะรูปร่างการต้ังทอ้ งของอเี หน็ เครือ 48
29 แสดงการคลอดลูกของอีเหน็ เครอื 48
30 แสดงลูกอเี หน็ เครือกนิ นม 50
31 แสดงแม่อีเห็นเครือเลียขนลกู 51
32 แสดงแม่อีเหน็ เครือคาบลูก 52
33 แสดงการป้อนนมลูกอีเห็นเครือ 52
34 แสดงนมแพะชนดิ กระป๋อง 53
35 แสดงขวดนมพลาสติก 56
36 แสดงลูกอีเห็นเครือแรกเกิด 55
37 แสดงลูกอีเหน็ เครืออายุ 2 สัปดาห์ 57
38 แสดงลกู อีเห็นเครืออายุ 4 สัปดาห์
สารบัญภาพ(ตอ่ ) หนา้
ภาพท่ี 58
39 แสดงลกู อเี หน็ เครืออายุ 6 สัปดาห์ 58
40 แสดงลูกอเี หน็ เครืออายุ 8 สปั ดาห์ 59
41 แสดงลกู อเี หน็ เครืออายุ 12 สปั ดาห์ 59
42 แสดงลูกอเี ห็นเครืออายุ 20 สัปดาห์ 60
43 แสดงลกู อีเหน็ เครืออายุ 21 สปั ดาห์ 61
44 แสดงการชง่ั นา้ หนักลกู อเี หน็ เครอื 63
45 แสดงการวัดขนาดลาตวั ลูกอีเห็นเครือ 65
46 แสดงการกระตุน้ การขบั ถ่าย
สารบัญกราฟ หนา้
กราฟที่ 53
กราฟที่ 1 แสดงคา่ เฉลี่ยปรมิ าณนมทใ่ี ห้ในแตล่ ะสัปดาห์
สารบญั ตาราง หนา้
ตารางที่ 54
กราฟที่ 1 แสดงคา่ เฉล่ยี ปรมิ าณนมทใ่ี ห้ในแตล่ ะสัปดาห์
กติ ติกรรมประกาศ
งานวิจัยฉบับนี้จะเสร็จสมบูรณ์ไม่ได้หากไม่ได้รับการ
อนุเคราะห์สนับสนุนงบประมาณจากสานักงบประมาณองค์การ
สวนสตั วใ์ นพระบรมราชปู ถัมภ์
ขอขอบคุณ ดร. เฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อานวยการสวน
สัตว์สงขลาท่ีให้การอานวยความสะดวกแก่ข้าพเจ้า และทีมงานวิจัย
ฝ่ายอนุรักษ์ วิจัย และสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลาในการ
ทาการศึกษางานวิจยั ในครัง้ นี้
ขอขอบคุณ สัตวแพทย์หญิง อสมาภรณ์ วามน และ
สัตวแพทย์หญิง ฐิตาภา แท่งทอง งานสุขภาพสัตว์ ฝ่ายอนุรักษ์ วิจัย
และสขุ ภาพสตั วส์ วนสตั วส์ งขลา ที่ช่วยดูแลเรื่องเก่ียวกับสุขภาพสัตว์
และให้คาปรกึ ษาเกยี่ วกบั การอนุบาลลูกอ่อนของโครงการนี้
ขอขอบคุณ ทีมงานวิจัย ฝ่ายอนุรักษ์ วิจัย และสุขภาพสัตว์
สวนสัตว์สงขลาทุกท่านที่คอยให้ความช่วยเหลือ และร่วมกันทางาน
จนใหง้ านวิจยั ฉบบั นส้ี าเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี
คณะผู้ดาเนินงานวิจัย
บทนา
ประเทศไทยเคยมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอยู่อย่าง
ชกุ ชุม เมื่อมีการบุกรุกทาลายป่ามากข้ึน พ้ืนที่ป่าไม้ลดน้อยลง ทาให้
แหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ป่าลดลงตามไปด้วย สัตว์
ป่าเร่ิมลดจานวนลงจนบางชนิดสูญพันธ์ไปแล้วจากประเทศไทย
สาเหตุสาคัญอีกประการหน่ึงคือ การล่าสัตว์ป่าเพื่อนามาเป็นอาหาร
และใช้ประโยชน์อ่ืนๆอีกมากมาย สัตว์ป่าชนิดใดมีผู้นิยมบริโภคมาก
ก็ลดจานวนลงอย่างรวดเร็ว เพราะการขยายพันธ์ุเพ่ิมจานวนตาม
ธรรมชาติไม่สอดคล้องกบั การลา่ สัตวจ์ าพวกวงศ์ชะมดและอีเห็น โดย
ชะมดแผงหางปล้องในธรรมชาติมีจานวนลดลง IUCN จัดให้มีสภาพ
ใกล้ถูกคุกคาม (Near Threatened-NT) สามารถพบได้ในประเทศ
ไทยและประเทศเพ่ือนบ้านได้แก่ พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา และ
ไทย เป็นต้น อีเห็นมีความแตกต่างจากชะมดคือกินผักผลไม้มากกว่า
ชะมด เป็นสัตว์ที่กระจายพันธุ์ทั้งแต่เอเชียใต้ จนถึงเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ทั้งท่ีเป็นแผ่นดินใหญ่ และหมู่เกาะต่างๆ นอกจากนี้แล้วใน
บางประเทศ เช่น อนิ โดนเี ซยี หรือ เวยี ดนาม มีการเล้ยี งอเี ห็นในสกุล
น้ีให้กินเมล็ดกาแฟ เม่ือถ่ายมูลออกมาแล้วเมล็ดกาแฟจะไม่ถูกย่อย
สลายจะออกมาเปน็ เมลด็ เหมือนเดมิ จากน้ันจะนาไปล้างและค่ัวเป็น
กาแฟสาหรับจาหน่าย ซ่ึงกาแฟลักษณะน้ีเรียกว่า "กาแฟขี้ชะมด"
เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสร้างรายได้ให้กับชุมชน และมีการหันมาเพาะเลี้ยง
เพอ่ื เศรษฐกิจเป็นสาคญั
1
ปัจจุบันอีเห็นเครือและอีเห็นข้างลายเริ่มลดจานวนลง
เรอ่ื ยๆจนถูกจัดใหเ้ ปน็ สัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและ
คมุ้ ครองสตั ว์ป่า พ.ศ.2562 และเป็นสัตว์ป่าท่ีมีรายชื่อชนิดพันธ์ุแนบ
ท้ายบัญชีหมายเลข 3 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งสัตว์ป่า
และพืชป่าท่ีใกล้จะสูญพันธ์ุ (Convention on InternationalTrade in
Endangered Species of Wild Fauna and Flora , CITES) (กอง
คุ้มครองพันธ์ุสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา,2557) สหพันธ์
ระหว่างประเทศเพ่ือการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ
(International Union for Conservation of Nature and
Natural Resources,IUCN) ได้จัดอีเห็นเครือให้อยู่ในกลุ่มสัตว์ป่า
จาพวกความเสี่ยงต่าต่อการสูญพันธุ์ (Least Concern, LC) ตาม
บัญชี IUCN Red List พ.ศ.2557 (IUCN,2014) แม้ว่าอีเห็นเครือ
จะยังมีอยู่ท่ัวไปในธรรมชาติแต่เมื่อยังเป็นท่ีนิยมบริโภคก็ยังมีการ
ลักลอบล่าซื้อขายกันอยู่ อีเห็นเครือมีความสาคัญต่อระบบนิเวศของป่า
เช่นเดียวกับสัตว์ในกลุ่มชะมดและอีเห็นอื่นๆ เพราะเป็นสัตว์ที่กินท้ัง
พืชและสัตว์ นอกจากจะช่วยควบคุมประชากรสัตว์เล็กๆแล้ว ยังมี
บทบาทสาคัญท่ชี ่วยในการกระจายพันธุ์ไม้บางชนิดอกี ด้วย
(บุญชแู ละโรเบิร์ต, 2540)
สถานภาพสัตว์ป่าของสวนสัตว์สงขลาทั้ง 3 ชนิด ท่ีกล่าวมา
ได้แก่ ชะมดแผงหางปลอ้ งมีจานวน 6 ตวั เพศผู้จานวน 3 ตัว เพศเมีย
จานวน 3 ตัว อีเห็นเครือจานวน 5 ตัว เพศผู้จานวน 3 ตัว เพศเมีย
2
จานวน 2 ตัว และอีเห็นข้างลายหรืออีเห็นธรรมดามีจานวน 5 ตัว
เพศผู้จานวน 2 ตัว เพศเมียจานวน 3 ตวั ไม่ทราบอายทุ ง้ั 3 ชนิด ซึ่งใน
ปัจจุบันท้ัง 3 ชนิด บางตัวก็มีอายุมาก ได้รับบาดเจ็บ ป่วยบ้างตาม
สภาพแวดลอ้ มปดิ และถือว่ามีจานวนน้อยมาก
ดังนนั้ เพื่อเป็นการรักษาสายพนั ธ์ุของทั้งสามชนิดท่ีกล่าวมา
จึงจาเป็นตอ้ งเรง่ ทาการขยายพันธุ์ในสภาพกรงเลี้ยง เพ่ือเพ่ิมจานวน
ให้มากขึ้นให้มีปริมาณเพียงพอสาหรับเตรียมความพร้อมท่ีจะปล่อย
คืนสู่ธรรมชาติ และส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย
ต่อไป
3
สัตว์วงศช์ ะมดที่พบในประเทศไทย
สัตว์วงศ์ชะมด (Family Viverridae) เป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วย
นมในอันดับสัตว์กินเนื้อ (Order Carnivora) ซ่ึงท่ัวโลกมีอยู่ท้ังสิ้น 6
วงศ์ย่อย 20 สกุล 38 ชนิด สาหรับประเทศไทย พบสัตว์วงศ์ชะมดใน
ประเทศไทย พบทั้งหมด 4 วงศ์ย่อย (Subfamily) 8 สกุล (Gnus)
และ 11 ชนิด (Species) ได้แก่
1. วงศย์ ่อยชะมดเชด็ (Subfamily Viverrinae) ประกอบด้วย
ชะมดเชด็ (Small lndian civet; Viverricula indica)
ชะมดแผงสันหางดา (Large-spotted civet; Viverra
megaspila)
ชะมดแผงหางปล้อง (Large Indian civet; Viverra
zibetha)
2. ว ง ศ์ ย่ อ ย ช ะ ม ด แ ป ล ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ( Subfamily
Prionodontinae)
ชะมดแปลงลายแถบ (Banded linsang; Prionodon
linsang)
ชะมดแปลงลายจุด (Spotted linsang; Prionodon
Pardicolor)
3. วงศ์ย่อยอีเห็นข้างลาย (Subfamily Paradoxurinae)
ประกอบด้วย
หมขี อหรือบนิ ตรุ ง (Binturong; Arctictis binturong)
4
อีเห็นข้างลายหรืออีเห็นธรรมดา (Asian Palm civet;
Paradoxurus hermaphroditus)
อเี หน็ เครอื (Masked palm civet; Paguma larvata)
อีเห็นหน้าขาวหูด่าง (Small-toothed palm civet;
Arctogalidia trivirgata
4. วงศ์ย่อยอีเห็นลายพาด (Subfamily Hemigalinae)
ประกอบดว้ ย
อีเห็นลายพาด (Banded palm civet; Hemigalus
derbyanus)
อเี ห็นน้า (Otter civet; Cynogale bennettii)
(โอภาส, 2551; Lekagul and McNeely, 1978; Wilson
and DeeAnn,_2005)
สตั ว์วงศช์ ะมดทเ่ี พาะขยายพันธใ์ุ นสวนสัตว์สงขลามีดังนี้
1. ชะมดแผงหางปล้อง (Large Indian civet; Viverra
zibetha)
2. อีเห็นข้างลายหรืออีเห็นธรรมดา (Asian Palm civet;
Paradoxurus hermaphroditus)
3. อีเห็นเครือ (Masked palm civet; Paguma
larvata)
5
ชะมดแผงหางปล้อง
อนกุ รรมวิธาน
ชะมดแผงหางปล้อง ช่ือวทิ ยาศาสตร์: (Viverra zibetha)
อาณาจกั ร: Animalia
ไฟลมั : Chordata
ช้ัน: Mammalia
อนั ดบั : Carnivora
วงศ:์ Viverridae
วงศย์ ่อย: Viverrinae
สกลุ : Viverra
ชนิด:V. zibetha
ลักษณะทั่วไป
ชะมดชนิดนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าชะมดอ่ืนในตระกูลเดียวกัน
เพศผ้แู ละเพศเมยี มีรปู ร่างคล้ายคลึงกนั จะมีหน้ายาว ขาส้ัน โดยเพศ
เมียมีน้าหนักประมาณ 6.6 – 8.8 กิโลกรัม ขณะที่เพศผู้มีน้าหนัก
ระหว่าง 6.6 – 8.9 กิโลกรัม (ศักด์ิสิทธ์ิ 2540) ขนลาตัวมีสีเทามีจุดสี
ดากระจายบนตัว บริเวณใต้คอและหน้าอกมีลายแถบสีดาสลับขาว
พาดผ่านคอท้ังสองข้างมีแถบขนสีดาตามแนวสันหลังไปจนถึง
โคนหาง และหางมีปล้องสีขาวสลับดา (Lekagul and McNeely,
1977) สัตว์ในวงศ์น้ีจะมีการพัฒนาต่อมกล่ินบริเวณทวารหนัก
(Vaughan, 1972 ; Ewer and Wemmer, 1974) จากการศึกษาใน
6
กรงเลี้ยงพบว่าชะมดแผงหางปล้อง จะเช็ดน้ามันที่สร้างจากต่อม
บรเิ วณทวารหนกั เชน่ เดียวกบั ชะมดเชด็ (อารียา ทองประยูร, 2540)
การแพรก่ ระจาย
ชะมดแผงหางปล้อง เป็นสัตว์ท่ีมีถ่ินที่อยู่อาศัยเฉพาะในแถบเอเชียมี
การแพร่กระจายในประเทศเนปาล อัสลัม จีนตอนใต้ ลงมาจนถึง
คาบสมุทรมาลายู และสิงคโปร์ (Corbet and Hill, 1992) ใน
ประเทศไทยพบกระจายพันธ์ุอยู่ในป่ารุ่น (Secondary scrub)
มากกว่าพนื้ ทแ่ี บบอ่นื (Lekagul and Mcneely, 1977)
สถานภาพของชะมดแผงหางปลอ้ ง
สถานภาพตามสหภาพนานาชาติเพ่ือการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และทรัพยากรธรรมชาติ (lnternational Union of conservation
of Natural Resources sinv World Conservative Union:
IUCN) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่จัดตั้งข้ึนด้วยเป้าหมายเพื่อการ
อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ได้ประเมินสถานภาพของชะมดแผงหาง
ปล้อง (Viverra zibetha) อยู่ในกลุ่ม Least Concern คือ
สถานภาพกลุ่มท่ีเป็นกังวลน้อยที่สุด (สานักนโยบายและแผน
ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม, 2560)
7
อีเห็นขา้ งลาย
อนกุ รมวธิ าน
อเี ห็นขา้ งลาย,อีเหน็ ธรรมดา ช่ือวิทยาศาสตร์:
(Paradoxurus hermaphroditus)
ชนั้ : Mammalia
อันดบั : Carnivora
วงศ์ : Viverridae
วงศ์ยอ่ ย : Paradoxurinae
สกลุ : Paradoxurus
ลกั ษณะทว่ั ไป
เป็นอีเห็นท่ีพบมากที่สุด สีพื้นลาตัวโดยทั่วไปมีสีเทา หรือเทาแกรม
เหลือง มกั จะพบขนบรเิ วณปลายจะเป็นสดี า บรเิ วณไหล่สีจะเข้มกว่า
ส่วนจมูก หู ปลายเท้าทั้ง 4 และคร่ึงหนึ่งของหางจนถึงปลายหางมีสี
ดา ทีห่ นา้ มขี นสขี าวพาดตามขวางที่ด้านบนบริเวณหน้าผากผ่านทาง
ใตห้ ู และมีจุดแต้มสีขาวอยู่ใต้ตาและข้างจมูกทั้ง 2 ข้าง บนหลังจะมี
จุดสีดาเรียงต่อกันเป็นแถบยาวจากหัวไหล่ถึงโคนหางเป็นแนวยาว 3
เส้น และบริเวณข้างลาตัวจะมีจุดดาเรียงเป็นแถวตามความยาวของ
ลาตวั ขนบริเวณคอจะดูเปน็ วงรอบ หางยาวมากกว่า 3 ใน 4 ของหัว
และลาตวั รวมกัน (Nowak, 1991)
8
การแพรก่ ระจาย
ศรีลังกา อินเดียจนถึงทางตอนใต้ของจีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
ตะวนั ตกของอินโดนเี ซีย ในประเทศไทย พบทุกภาคของประเทศไทย
(อารยี า ทองประยูร, 2540)
สถานภาพของอีเห็นข้างลาย
สถานภาพตามสหภาพนานาชาติเพ่ือการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และทรัพยากรธรรมชาติ (lnternational Union of conservation
of Natural Resources sinv World Conservative Union:
IUCN) เป็นองค์กรระหว่างประเทศท่ีจัดต้ังข้ึนด้วยเป้าหมายเพ่ือการ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ได้ประเมินสถานภาพของอีเห็นข้างลาย
หรืออีเห็นธรรมดา (Paradoxurus hermaphrodites) อยู่ในกลุ่ม
Least Concern คือสถานภาพกลุ่มที่เป็นกังวลน้อยท่ีสุด (IUCN
Red List Version 3.1.www.iucnredlis.org.)
9
อเี หน็ เครือ
อนุกรมวธิ าน
อีเห็นเครอื ช่ือวิทยาศาสตร์: (Paguma larvata)
(Order) Carnivora
วงศ์ (Family) Viverridae
วงศย์ อ่ ย (Subfamily) Paradoxurinae
สกลุ (Genus) Paguma
ชนิด (Species)P. larvata
ลักษณะทว่ั ไป
เป็นอีเห็นขนาดค่อนข้างใหญ่ สีพ้ืนของลาตัวมีความหลากหลายใน
แต่ละตัว มีตั้งแต่สีน้าตาลอ่อนเกือบขาว สีเทา สีปนทอง จนถึงสี
น้าตาลเข้ม ลักษณะเฉพาะตวั คือ ไมม่ ลี ายแถบหรือจุดบนลาตัวและท่ี
หางเลย ขนแต่ละเสน้ ปลายขนจะสจี างกว่าโคน สว่ นท้องสีจะจางกว่า
ด้านบน ที่หน้าบริเวณหน้าผากถึงปลายจมูกและระหว่างตากับใบหู
ทง้ั สองมีคาดสีขาว มหี นวดยาวสีขาวชัดเจน ขาหน้าสีน้าตาล ขาหลัง
สนี า้ ตาลเข้ม โคนหางสเี ชน่ เดยี วกบั ท่ีหลัง ด้านปลายหางสีจะเข้มกว่า
ค ว า ม ย า ว ข อ ง ห า ง เ ท่ า กั บ ค ว า ม ย า ว ข อ ง หั ว แ ล ะ ล า ตั ว ร ว ม กั น
(Lekagul and McNeely, 1977)
10
การแพรก่ ระจาย
อินเดีย เนปาล จีน ไต้หวัน ไทย มาลายู เวียดนาม สุมาตรา
บอร์เนียว ในประเทศไทยพบทุกภาคของประเทศไทย (อารียา ทอง
ประยูร, 2540)
สถานภาพของอีเหน็ เครอื
สถานภาพตามสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และทรัพยากรธรรมชาติ (lnternational Union of conservation
of Natural Resources sinv World Conservative Union:
IUCN) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่จัดต้ังขึ้นด้วยเป้าหมายเพ่ือการ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ได้ประเมินสถานภาพของอีเห็นเครือ
(Paguma larvata) อยู่ในกลุ่ม Near Threatened คือสถานภาพ
ใกล้ถูกคุกคาม (สานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ้ ม, 2560)
11
ผลการศึกษา
การจัดการคอกเพาะขยายพันธ์ุ
ปจั จยั ท่คี วรพิจารณาในการออกแบบก่อสรา้ งคอกเพาะ
ขยายพนั ธุ์
1. การระบายอากาศ ประเทศไทยมีอากาศร้อน การสร้างคอก
เพาะขยายพันธ์ุ จึงต้องให้มีลักษณะโปร่ง เพ่ือให้มีการ
ระบายหมุนเวียนอากาศผ่านภายในได้มากขึ้น ทั้งน้ี การที่
คอกเพาะขยายพันธุ์มีลักษณะโปร่ง อาจทาให้ฝนสาด
เข้าได้ง่าย ซึ่งจะมีผลทาให้สัตว์ป่วยได้ ดังน้ันการออกแบบ
ควรพิจารณาความกว้าง ความยาว และความสูง ตลอดจน
ความโปร่ง
2. ความต้องการพื้นท่ีคอก และอุปกรณ์ จานวนสัตว์ท่ีจะ
นามาเพาะขยายพันธุ์ ควรมีจานวนท่ีเหมาะสมกับขนาด
คอก
3. สถานที่ก่อสร้างคอกเพาะขยายพันธ์ุ การเลือกบริเวณ
ท่ีจะก่อสร้างคอกเพาะขยายพันธ์ุ ควรจะพิจารณาอย่าง
ระมัดระวัง ดงั น้ี
3.1 ควรเลือกก่อสร้างโรงเรือนบนเนิน หรือท่ีดอน น้าไม่
ท่วม ดินควรจะเป็นดินท่ีน้าซึมได้ง่าย ระบายน้าได้ดี
กาจดั ส่งิ สกปรกได้งา่ ย
3.2 ไม่ควรเลอื กท่ี ๆมนี ้าขังในดิน หรือลมพัดจดั
12
3.3 ควรมีถนนเล็กตัดผ่านจะช่วยให้ส ะดวกในการ
เคล่อื นย้ายสตั ว์หรือนาอาหารสตั วม์ าสง่
3.4 การระบายของเสีย จะต้องคานึงถึงทิศทางลมด้วยว่า
ลมที่พัดผ่านจะไม่หอบเอากลิ่นเหม็น และการถ่ายเทของ
เสียตา่ ง ๆ ไมไ่ ด้ไปรบกวนความเป็นอยู่ของผู้อน่ื
4. ลักษณะของคอกเพาะขยายพันธุ์ (ภาพที่ 1) คอกเพาะ
ขยายพันธุ์ที่ดีควรมีลักษณะโปร่ง หลังคาสูง อากาศถ่ายเท
ได้เป็นอย่างดี ล้อมรอบด้วยตาข่าย เพ่ือป้องกันสัตว์อ่ืนเข้า
มารบกวน ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเพาะขยายพันธ์ุ
และส่วนคอกกัก ส่วนเพาะขยายพันธุ์สัตว์ ขนาดกว้าง 4.10
เมตร x ยาว 6.15 เมตร x สูง 3.40 เมตร พื้นรอบด้านก่อ
ดว้ ยผนงั คอนกรตี สงู 50 เซนติเมตร และกรุตาข่ายโดยรอบ
สัตว์สามารถรับแสงแดดได้ (ภาพท่ี 2) มีต้นไม้ให้ร่มเงาและ
มีขอนไม้สาหรับปีนป่าย มีพื้นท่ีสาหรับหลบภัย (ภาพที่ 3)
และส่วนคอกกัก มีขนาดกว้าง 2.10 เมตร x ยาว 2.10
เมตร สูง 3.40 เมตร พื้นรอบด้านก่อด้วยผนังคอนกรีต สูง
50 เซนติเมตรและกรุตาข่ายข้ึนไปจนถึงหลังคาท่ีปกคลุม
เพื่อให้สัตว์มีพื้นที่สาหรับหลบภัย รวมไปถึงการใช้กักเพ่ือ
รักษาเม่ือสัตว์ป่วยเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ และกินอาหาร
ภายในคอกกักมีถาดน้า ถาดอาหาร (ภาพท่ี 4) และมีกล่อง
ไม้ (ภาพท่ี 5) ซ่ึงมีความจาเป็นต่อสัตว์ เพ่ือให้สัตว์ใช้เป็นท่ี
13
หลับนอน และเป็นที่คลอดลูก มีขนาดกว้าง 49 เซนติเมตร
ยาว 102 เมตร สูง 75 เซนติเมตร
ก
ข
14
ค
ภาพท่ี 1 แสดงคอกเพาะขยายพนั ธ์ุ
ก. บรเิ วณดา้ นหน้า
ข. บรเิ วณด้านหลัง
ค. บริเวณดา้ นข้าง
15
16
ภาพท่ี 2 แสดงบรเิ วณรอบคอกเพาะขยายพันธ์ุ
17
ภาพที่ 3 แสดงภายในคอกเพาะขยายพันธุ์
ภาพท่ี 4 แสดงถาดนา้ และถาดอาหาร
18
ภาพท่ี 5 แสดงกล่องไม้
19
การทาความสะอาดคอกเพาะขยายพนั ธ์ุ
ชะมดแผงหางปล้อง อีเห็นเครอื และอีเห็นข้างลาย เป็นสัตว์
ที่มีพฤติกรรมการถ่ายมูลซ้าในท่ีเดิมบริเวณพ้ืนดินที่เป็นหลุมตื้นๆ
ดงั น้นั จุดที่สตั ว์มาถ่ายมลู เปน็ ประจานี้ อาจเรียกได้ว่า ส้วมของชะมด
(บุษบง กาญจนสาขา, 2543) การทาความสะอาดคอกเพาะ
ขยายพันธ์ุ จึงทาทุกวันช่วงเวลา 08:30 น. โดยใช้ไม้กวาด
ทางมะพร้าวเก็บกวาดเศษอาหารท่ีสัตว์กินเหลือ และมูลสัตว์
โดยในแตล่ ะวนั จะปฏบิ ัติเป็นประจาดงั นี้
8:30 น. เก็บถาดอาหารเก่าออก และทาความสะอาดขัดถู
คราบสกปรกออกให้หมด อุปกรณ์พลาสติกต้องระวังอย่าให้โดนแดด
เพราะจะทาให้เนื้อพลาสติกกรอบ และแตกหักได้ง่าย ส่งผลให้อายุ
การใชง้ านส้ันลง
16.00 น. เตรียมภาชนะให้อาหาร และเปลี่ยนน้าใหม่ ควร
ให้อาหารในช่วงเย็นเพียงคร้ังเดียว เนื่องจากสัตว์หากินในตอน
กลางคนื
20
อาหารและการใหอ้ าหาร
อาหารสัตว์ คือส่ิงท่ีเกิดจากพืช หรือสัตว์ เมื่อกินเข้าไปแล้ว
ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมได้ นาไปใช้ประโยชน์ทาให้เกิด
พลงั งาน เสรมิ สรา้ งเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอ และช่วยควบคุม
กระบวนการทางานต่าง ๆ ในร่างกาย อาหารที่มาจากพืชหรือสัตว์
ลว้ นให้สารอาหารสาคญั ไดแ้ ก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน
หรือแร่ธาตุ สารอาหารเหล่าน้ีจะถูกย่อยและดูดซึมสสารท่ีเป็น
อาหารเข้าสู่เซลล์เพื่อนาไปสร้างพลังงาน และกระตุ้นการ
เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ซ่ึ ง ปั จ จั ย ส า คั ญ ท่ี มี ผ ล ต่ อ ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต
ก า ร ด า ร ง ชี วิ ต แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ์ เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ
พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ (2543) ให้คาจากัดความของ คาว่า อาหาร
หมายถึง ผลิตผลที่เกิดจากธรรมชาติ หรือจากการสังเคราะห์เมื่อ
นามาใช้อย่างถูกตอ้ ง ตามวธิ ีการจะให้โภชนาการแกส่ ตั ว์
ชะมดแผงหางปล้อง อีเห็นข้างลายหรืออีเห็นธรรมดา และ
อีเห็นเครือ มักมีอุปนิสัยออกหาอาหาร หรือล่าเหยื่อในช่วงเวลา
กลางคืน กินอาหารได้ท้ังพืชและสัตว์ Ewer (1974) กล่าวว่า พวก
อีเห็น (Palm civit) มีขนาดตัวที่เล็ก และหางยาวกว่า เมื่อเทียบกับ
ชะมดในสกลุ Viverra ที่มีขนาดตัวค่อนขา้ งใหญ่ และมีหางส้ัน จึงปีน
ต้นไมไ้ ม่เก่งเทา่ พวกอเี ห็น ใช้เวลาสว่ นใหญอ่ ย่บู นพ้นื ดิน
หากินผลไม้ท่ีร่วงหล่นเท่าน้ัน และสัตว์ขนาดเล็กตามพื้นดิน
ดังน้ันการให้อาหารของสวนสัตว์สงขลา จึงให้อาหารใกล้เคียงกับ
21
ธรรมชาติ คอื ให้อาหารเพียง 1 คร้งั ในช่วงเวลาเย็น อาหารหลักท่ีให้
ในแต่ละวัน คือ ไกส่ ด กลว้ ย มะละกอ (ภาพท่ี 6) อาหารเสริม ได้แก่
เน้ือวัวสด ปลาทูสด ไข่ไก่ แอปเป้ิล แก้วมังกร และวิตามิน
(ภาพท่ี 7)
ไก่สด กลว้ ย
มะละกอ
ภาพท่ี 6 แสดงอาหารหลกั
22
เน้ือววั ปลาทู
ไข่ไก่ แอปเป้ิล
แกว้ มงั กร แคลเซียม วติ ามนิ
ภาพท่ี 7 แสดงอาหารเสริม
23
การเตรียมอาหารที่ให้ ควรหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอประมาณ
ไม่เล็กหรือใหญ่มากนัก ปริมาณที่ให้ในแต่ละวัน ควรมีท้ังเนื้อสัตว์
และผลไม้ ทั้งนี้สัดส่วนในการให้อาหารสาหรับอีเห็นเครือและอีเห็น
ข้ า ง ล า ย ใ ห้ อ า ห า ร จ า พ ว ก ผ ล ไ ม้ ม า ก ก ว่ า เ น้ื อ สั ต ว์ ส่ ว น
ชะมดแผงหางปล้องจะให้อาหารจาพวกเนื้อสัตว์มากกว่าผลไม้
(ภาพที่ 8)
ชะมดแผงหางปล้อง อีเหน็ เครือ
24
อเี ห็นขา้ งลาย
ภาพที่ 8 แสดงเปอรเ์ ซน็ ต์อาหารหลกั ท่ใี ห้ในแตล่ ะวัน
25
การดาเนินการเพาะขยายพันธ์ุ
26
การเพาะขยายพันธุ์การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์เป็นส่ิงท่ีมี
ความสาคัญเป็นอย่างมากเป็นการวางแผนการผสมพันธุ์และการ
ดารงรักษา สายพันธ์ุทางพันธุกรรมให้เป็นไปในทิศทางท่ีดี สามารถ
ถา่ ยทอดไปยังรุ่นต่อไปได้ สามารถคัดเลือกพ่อแม่พันธ์ุจากลักษณะท่ี
ดไี ด้ดงั น้ี
พ่อแม่พันธ์ุไม่ใช่พนี่ ้องหรือเครือญาติกนั
สุขภาพเข็งแรงสมบูรณ์ เช่น ขนมันวาวไม่ขาดหลุดร่วง
มีแววตาที่สดใส ไม่ผอมหรืออ้วนจนเกินไป ไม่เป็นโรค
เปน็ ตน้
มีนา้ หนกั ตวั และอายุท่ีเหมาะสมตอ่ การผสมพันธ์ุ
มีพฤติกรรมท่วั ไปปกติ
27
ตรวจสขุ ภาพของพ่อแม่พนั ธุ์เพ่อื ให้ทราบข้อมูลของตัวสัตว์
กอ่ นการจับคู่เพาะขยายพนั ธุ์ มขี ั้นตอนตอ่ ไปนี้
วางยาสลบ
จดั ทาประวัตฝิ งั ไมโครชิพ
ช่งั น้าหนักและวดั ขนาดลาตวั
ตรวจสุขภาพท่ัวไป เชน่ ตรวจเลอื ด
การหายใจ แผลตามตวั และตาหนิของตัวสัตวเ์ ปน็ ตน้
ทาวัคซนี ปอ้ งกันพษิ สุนัขบ้าวัคซีนรวมแมว
ถา่ ยพยาธิ
การให้ยาถ่ายพยาธิภายใน โดยทาการตรวจสอบจาก
อุจจาระ (ภาพท่ี 9) ตรวจวิเคราะห์ผลภายในห้องปฏิบัติการปรสิต
วิทยา และให้ยาถ่ายพยาธิ (ภาพท่ี 10) โดยผสมกับอาหาร
(ภาพที่ 11) 3 เดือนต่อครั้ง
เสรมิ วิตามิน
การให้วิตามนิ เสรมิ (ภาพท่ี 12) ให้โดยผสมกบั อาหาร
(ภาพที่ 13) หรอื ใส่ในน้ากิน 1 ครั้งตอ่ สัปดาห์
28
ภาพที่ 9 แสดงการเกบ็ อุจจาระ
ก
29
ข
ภาพที่ 10 แสดงตัวยา
ก. Helminticide-L
ข. Parax
ภาพที่ 11 แสดงการให้ยาถา่ ยพยาธโิ ดยการผสมอาหาร
30
ภาพท่ี 12 แสดงวติ ามินเสรมิ
31
ภาพที่ 13 แสดงการให้วติ ามินเสรมิ ผสมกบั อาหาร
32
พอ่ แมพ่ ันธไ์ุ มใ่ ชพ่ น่ี ้องหรอื เครือญาติกนั
พ่อแม่พนั ธท์ุ ม่ี สี ขุ ภาพเข็งแรง
มีขนาดตวั ท่ีใกล้เคยี งกันระหว่างพ่อพันธแ์ ม่พนั ธ์ุ
มกี ารเทยี บค่กู ่อนปลอ่ ยรวม
ชะมดแผงหางปล้อง
อเี หน็ ข้างลาย
อีเหน็ เครือ
33
โครงการเพาะขยายพนั ธ์ุชะมดแผงหางปล้อง อเี ห็นเครือ และ
อีขา้ งลายเพือ่ การอนุรักษข์ องสวนสตั วส์ งขลามจี านวน 3 คู่ ดังน้ี
1. การจับคู่เพาะขยายพันธุ์ และพฤติกรรมของชะมดแผงหาง
ปลอ้ ง
พ่อแม่พันธ์ุชะมดแผงหางปล้องจานวน 1 คู่ เพศผู้ 1 ตัว
เพศเมีย 1 ตวั (ภาพท่ี 14)
ชือ่ สัตว์: ขนุ โชติ
เพศ: ผู้
น้าหนกั : 8.5 กโิ ลกรัม
รหัสไมโครชิพ: 900012000926582
ก
34
ชื่อสัตว์: ชบา
เพศ: เมีย
น้าหนกั : 8.85 กโิ ลกรัม
รหสั ไมโครชพิ : 900012000926599
ข
ภาพที่ 14 แสดงชะมดแผงหางปลอ้ งเพศผู้ (ก) เพศเมยี (ข)
- สังเกตพฤตกิ รรม
พฤตกิ รรมท่วั ไปของชะมดแผงหางปลอ้ ง
พฤตกิ รรมการกินอาหาร จะเลอื กกินเนื้อสัตวม์ ากกว่าผลไม้
มีปริมาณการกินอาหารเฉล่ีย 491.78 กรัม/ตวั (ภาพท่ี 15)
พฤติกรรมการนอน ท้ังสองตัวจะเข้าไปนอนขดอยู่ในกล่อง
ไม้ (ภาพที่ 16) หรือบางครั้งก็ออกมานอนบนพ้ืนดินใต้ขอนไม้
(ภาพท่ี 17)
พฤติกรรมการเช็ด มีร่องรอยการเช็ด (ภาพที่ 18) เป็นรอย
แถบสดี าอยบู่ ริเวณผนังคอกกัก โดยรอยเช็ดจะสูงเท่ากับความสูงของ
ลาตัวซึ่งตรงบรเิ วณกน้ พอดี (ภาพที่ 19)
35
ภาพท่ี 15 พฤตกิ รรมการกนิ อาหาร
ภาพท่ี 16 พฤตกิ รรมการนอนในกลอ่ งไม้
36
ภาพท่ี 17 พฤตกิ รรมการนอนบนพื้นดนิ ใต้ขอนไม้
ภาพท่ี 18 ลกั ษณะร่องรอยการเชด็
37
ภาพท่ี 19 พฤตกิ รรมการเชด็
38
2. การจบั คู่เพาะขยายพันธ์ุ และพฤติกรรมของอีเหน็ ขา้ งลาย
พ่อแม่พันธุ์อีเห็นข้างลายจานวน 1 คู่ เพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย
1 ตัว (ภาพที่ 20)
ช่ือสตั ว์: น้าชา
เพศ: ผู้
นา้ หนกั : 6 กโิ ลกรัม
รหสั ไมโครชพิ : 900012000511028
ก
ชอื่ สัตว์: โหน
เพศ: เมีย
น้าหนกั : 4 กโิ ลกรัม
รหสั ไมโครชิพ: 933076400517518
ข
ภาพท่ี 20 แสดงอีเหน็ ขา้ งลายเพศผู้ (ก) เพศเมยี (ข)
39
- สังเกตพฤตกิ รรม
พฤติกรรมท่ัวไปของอเี ห็นข้างลาย
พฤติกรรมการกินอาหาร จะเลอื กกนิ ผลไม้มากกวา่ เน้ือสัตว์
มปี ริมาณการกินอาหารเฉลี่ย 185.67 กรัม/ตัว (ภาพท่ี 21)
พฤตกิ รรมการนอน ชอบนอนในเปล หรือบางครัง้ กจ็ ะนอน
บนเถาวลั ย์มากกวา่ ในกล่องไม้ (ภาพท่ี 22)
พฤติกรรมการปนี ป่ายเถาวลั ย์ ชอบปีนปา่ ยเถาวลั ย์
มากกว่าเดนิ บนพนื้ ดิน (ภาพที่ 23)
ภาพท่ี 21 พฤติกรรมการกนิ อาหาร
40
ภาพที่ 22 พฤตกิ รรมการนอนในเปล
ภาพที่ 23 พฤตกิ รรมการปีนป่ายเถาวลั ย์
41
3. การจบั คู่เพาะขยายพนั ธ์ุ และพฤติกรรมของอเี ห็นเครือ
พ่อแม่พันธ์ุอีเห็นเครือจานวน 1 คู่ เพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1
ตัว (ภาพท่ี 24) ทง้ั นี้คอู่ เี หน็ เครือสามารถผสมพันธ์ุได้ลูก
ชอื่ สัตว์: แบโอะ๊
เพศ: ผู้
นา้ หนกั : 6.40 กิโลกรมั
รหสั ไมโครชิพ: 900012001068857
ก
ชือ่ สตั ว์: มะนาว
เพศ: เมีย
นา้ หนัก: 6.40 กิโลกรัม
รหัสไมโครชิพ: 900085000499204
ข
ภาพที่ 24 แสดงอีเหน็ เครือเพศผู้ (ก) เพศเมีย (ข)
42