หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป5. กา6. กาเป็นผู้น8.3 ปฏิบัติตน เบื้องต้นในการ เป็นสมาชิกที่ดี ของสังคม (ต่อ) 8.3.3 ยอมรับ การ ประนีประนอม แก้ไขปัญหาเมื่อมี ผู้ชี้แนะ 8.3.3 ประนี ประนอมแก้ไข ปัญหาโดย ปราศจากการใช้ ความรุนแรงเมื่อ มีผู้ชี้แนะ 8.3.3 ประนี ประนอมแก้ไข ปัญหาโดย ปราศจากการใช้ ความรุนแรงด้วย ตนเอง 1. กาผู้อื่น 2. กาแลกเปเคารพ3. กา4. กาวิธีการ
หน้า ๕๔ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รร่วมกิจกรรมวันส าคัญ รเล่นบทบาทสมมติการ น าและผู้ตาม 4. การดูแลความสะอาด เรียบร้อยของห้องเรียน 5. การปฏิบัติกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง กับวันส าคัญในสถานการณ์จริง หรือสถานการณ์จ าลองตามความ เหมาะสมและและบริบทของแต่ ละสถานศึกษา รเล่นและท างานร่วมกับ รมีประสบการณ์ในการ ปลี่ยนความคิดเห็น และ พความคิดเห็นของผู้อื่น รแก้ปัญหาในการเล่น รมีส่วนร่วมในการเลือก รแก้ไขปัญหา 1. การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดี ของครอบครัวและโรงเรียน 2. การเคารพสิทธิของตนเอง และผู้อื่น 3. การแสดงออกทางอารมณ์ และความรู้สึกอย่างเหมาะสม 4. การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นใน ชีวิตประจ าวัน 1. ร่างกายของ เรา 2. โรงเรียนของ เรา 3. ปฐมนิเทศ 4. เรียนเล่น ปลอดภัย
หลักสูตรอนุบาล 2566 พัฒนำกำรด้ำนสติปัญญำ มำตรฐำนที่ 9 ใช้ภำษำสื่อสำรได้เหมำะสมกับวัย ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป9.1 สนทนา โต้ตอบและเล่า เรื่องให้ผู้อื่น เข้าใจ 9.1.1 ฟังผู้อื่น พูดจนจบและ พูดโต้ตอบ เกี่ยวกับเรื่องที่ ฟัง 9.1.1 ฟังผู้อื่น พูดจนจบและ สนทนาโต้ตอบ สอดคล้องกับ เรื่องที่ฟัง 9.1.1 ฟังผู้อื่น พูดจนจบและ สนทนาโต้ตอบ อย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับเรื่อง ที่ฟัง 1. การสิ่งแวด2. การค าแนะ3. การคล้องจเรื่องรา4. การประสบพูดเรื่อ5. การความรู้9.1.2 เล่าเรื่อง ด้วยประโยค สั้นๆ 9.1.2 เล่าเรื่อง เป็นประโยค อย่างต่อเนื่อง 9.1.2 เล่าเป็น เรื่องราวต่อเนื่อง ได้ 1. การสิ่งของความสั
หน้า ๕๕ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รฟังเสียงต่างๆ ใน ดล้อม รฟังและปฏิบัติตาม ะน า รฟังเพลง นิทาน ค า จอง บทร้อยกรอง หรือ าวต่างๆ รพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับ บการณ์ของตนเอง หรือ งราวเกี่ยวกับตนเอง รพูดแสดงความคิด รู้สึก และความต้องการ - การสนทนาโต้ตอบ - การเล่าเรื่องราวให้กับผู้อื่นเข้าใจ - การฟังเพลง นิทาน - ค าคล้องจอง ทุกหน่วยการ เรียน รพูดอธิบายเกี่ยวกับ เหตุการณ์และ สัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ - การสนทนาโตตอบ - การเล่าเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ ทุกหน่วยการ เรียน
หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป9.1 สนทนา โต้ตอบและเล่า เรื่องให้ผู้อื่น เข้าใจ (ต่อ) 2. การการเล่น3. การการพูด4. การในการสื
หน้า ๕๖ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รพูดอย่างสร้างสรรค์ใน นลารดระท าต่างๆ รรอจังหวะที่เหมาะสมใน ด รพูดเรื่องล าดับค าเพื่อใช้ สื่อสาร
หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป9.2 อ่าน เขียน ภาพ และ สัญลักษณ์ได้ 9.2.1 อ่านภาพ และพูดข้อความ ด้วยภาษาของ ตน 9.2.1 อ่านภาพ และพูดข้อความ ด้วยภาษาของ ตน 9.2.1 อ่านภาพ สัญลักษณ์ ค า ด้วยการชี้หรือ กวาดตามอง จุดเริ่มต้นและจุด จบ ของข้อความ 1. การที่หลาก2. การล าพังกโดยมีผู้3. การกวาดสซ้ายไป4. การของตน5. การประกอหรือเขี9.2.2 เขียนขีด เขี่ยอย่างมี ทิศทาง 9.2.2 เขียน คล้ายตัวอักษร 9.2.2 เขียนชื่อ ของตนเองตาม แบบ เขียน ข้อความด้วยวิธีที่ คิดขึ้นเอง 1. การเขียนที2. การโครงกา3. การกับตัวเ
หน้า ๕๗ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รอ่านหนังสือภาพ นิทาน กหลายประเภท รูปแบบ รอ่านอย่างอิสระตาม การอ่านร่วมกัน การอ่าน ผู้ชี้แนะ รอ่านและชี้ข้อความโดย สายตาตามบรรทัด จาก ปขวาจากบนลงล่าง รสังเกตตัวอักษร ในชื่อ นเอง หรือ ค าคุ้นเคย รสังเกตตัวอักษรที่ อบเป็นค าผ่านการอ่าน ียนของผู้ใหญ่ - อ่านภาพนิทาน อ่านป้ายและ สัญลักษณ์ที่เด็กสนใจ อ่านนิทานให้ เพื่อนฟัง - อ่านภาพนิทานที่สนใจอย่างอิสระ โดยครูชี้ค าในหนังสือจากซ้ายไปขวา ทุกหน่วยการ เรียน รเห็นแบบอย่างของการ ที่ถูกต้อง รเขียนร่วมกันตาม ารและการเขียนอิสระ รเขียนค าที่มีความหมาย เด็ก ค าคุ้นเคย - ชี้ หรือ บอกชื่อตัวเองที่คุ้นเคยใน ชื่อตัวเอง - ชี้หรือบอกตัวอักษรในชื่อตัวเอง - มองและชี้ตัวอักษรข้อความ ประโยค นิทาน แผนภูมิ เพลง ปริศนาค าทาย ที่คุ้นเคย ทุกหน่วยการ เรียน
หลักสูตรอนุบาล 2566 พัฒนำกำรด้ำนสติปัญญำ มำตรฐำนที่ 10 มีควำมสำมำรถในกำรคิดที่เป็นพื้นฐำนในกำรเรียนรู้ ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) 10.1 มี ความสามารถใน การคิดรวบยอด 10.1.1 บอก ลักษณะของสิ่ง ต่างๆ จากการ สังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส 10.1.1 บอก ลักษณะและ ส่วนประกอบ ของสิ่งต่างๆ จาก การสังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส 10.1.1 บอก ลักษณะ ส่วนประกอบ การ เปลี่ยนแปลงหรือ ความสัมพันธ์ของ สิ่งต่างๆ จากการ สังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส 11. ส่วนปเปลี่ยความโดยใเหมา2. กและผหรือ10.1.2 จับคู่ หรือเปรียบเทียบ สิ่งต่างๆ โดยใช้ ลักษณะหรือ หน้าที่การใช้งาน เพียงลักษณะ เดียว 10.1.2 จับคู่ และเปรียบเทียบ ความแตกต่าง หรือความเหมือน ของสิ่งต่างๆ โดย ใช้ลักษณะที่ สังเกตพบเพียง ลักษณะเดียว 10.1.2 จับคู่และ เปรียบเทียบความ แตกต่างและ ความเหมือนของ สิ่งต่างๆ โดยใช้ ลักษณะที่สังเกต พบ 2 ลักษณะขึ้น ไป 1. กและกตามลสูง น้ 2. กเรียงต่างๆ
หน้า ๕๘ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ การสังเกตลักษณะ ประกอบการ ยนแปลงและ มสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ใช้ประสาทสัมผัสอย่าง าะสม ารอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุ ผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ การกระท า - รู้จักชื่อ ลักษณะ รูปร่าง รูปทรงและส่วนประกอบของสิ่ง ต่างๆ - รู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและ ความสัมพันธ์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ หน่วย ประสาท สัมผัส ารจับคู่ การเปรียบเทียบ การเรียงล าดับสิ่งต่างๆ ลักษณะความยาว/ความ น้ าหนัก ปริมาตร ารเปรียบเทียบและ ล าดับจ านวนของสิ่ง ๆ - รู้จักการจับคู่ การเปรียบเทียบ การเรียงล าดับ ขนาด รูปร่าง รูปทรง ปริมาตร น้ าหนัก จ านวนของสิ่งต่างๆ หน่วย คณิตคิด สนุก
หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป10.1 มี ความสามารถใน การคิดรวบยอด 10.1.3 คัดแยก สิ่งต่างๆ ตาม ลักษณะหรือ หน้าที่การใช้งาน 10.1.3 จ าแนก แบะจัดกลุ่มสิ่ง ต่างๆ โดยใช้ อย่างน้อย 1 ลักษณะเป็น เกณฑ์ 10.1.3 จ าแนก และจัดกลุ่มสิ่ง ต่างๆ โดยใช้ ตั้งแต่ 2 ลักษณะ ขึ้นไปเป็นเกณฑ์ 1 การและกลักษณตามเก10.1.4 เรียงล าดับของ หรือเหตุการณ์ อย่างน้อย 3 ล าดับ 10.1.4 เรียงล าดับของ หรือเหตุการณ์ อย่างน้อย 4 ล าดับ 10.1.4 เรียงล าดับของ หรือเหตุการณ์ อย่างน้อย 5 ล าดับ 1. กาเรียงล 2. กากิจกรช่วงเว
หน้า ๕๙ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รคัดแยก การจัดกลุ่ม ารจ าแนกสิ่งต่างๆ ตาม ณะและรูปร่าง รูปทรง กณฑ์ต่างๆ ที่ก าหนด - ชื่อ ลักษณะ สี ผิวสัมผัส ขนาด รูปร่าง รูปทรง ฯลฯ - การจ าแนกประเภทตามชนิด ขนาด สี พื้นผิว วัสดุ รูปร่าง รูปทรง ฯลฯ - รูปร่างหน้าตาอวัยวะต่างๆ 1. ของเล่นของใช้ 2. วิทยาศาสตร์ น่ารู้ 3. คณิตคิดสนุก 4. สัตว์น่ารัก ารเปรียบเทียบและ ล าดับจ านวนของสิ่งต่างๆ ารบอกและเรียงล าดับ รมหรือเหตุการณ์ตาม วลา - เรียงล าดับ ปริมาตร น้ าหนัก และจ านวน สิ่งของต่างๆ - เรียงล าดับความยาวหรือความ สูงน้ าหนักหรือปริมาตรของ สิ่งของแต่ละชนิด ตั้งแต่ 3 สิ่ง ขึ้นไป เช่น - เรียงล าดับความสูงเด็ก 3 คน - เรียงล าดับน้ าหนักของผลไม้ 3 ชนิด - เรื่องปริมาตรของน้ าที่อยู่ใน ภาชนะ 3 ใบ 1. ผีเสื้อ 2. แมลง 3. ข้าวมีคุณค่า
หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป10.2 มี ความสามารถใน การคิดเชิง เหตุผล 10.2.1 ระบุ ผลที่เกิดขึ้นใน เหตุการณ์หรือ การกระท าเมื่อมี ผู้ชี้แนะ 10.2.1 ระบุ สาเหตุ หรือผล ที่เกิดขึ้นใน เหตุการณ์หรือ การกระท าเมื่อมี ผู้ชี้แนะ 10.2.1 อธิบาย เชื่อมโยงสาเหตุ และผลที่เกิดขึ้น ในเหตุการณ์หรือ การกระท าด้วย ตนเอง 1. กาสิ่งที่อาเหตุผล2. กาความเเหตุผล3. กาเรียงล ต่างๆ 4. กากิจกรรช่วงเว5. กาของสิ่ง
หน้า ๖๐ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รคาดเดาหรือคาดคะเน าจจะเกิดขึ้นอย่างมี ล รมีส่วนร่วมในการลง เห็นจากข้อมูลอย่างมี ล รเปรียบเทียบและ าดับจ านวน สิ่งของ รบอกและเรียงล าดับ รมหรือเหตุการณ์ตาม ลา รบอกและแสดงอันดับ งต่างๆ - ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะ สี ผิวสัมผัส ขนาด รูปร่าง รูปทรง ปริมาณ จ านวน และ ส่วนประกอบ 1. คณิตคิดสนุก 2. กลางวัน กลางคืน 3. ประสาทสัมผัส
หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป10.2 มี ความสามารถใน การคิดเชิง เหตุผล 10.2.2 คาด เดา หรือ คาดคะเนสิ่งที่ อาจจะเกิดขึ้น 10.2.2 คาด เดาหรือ คาดคะเนสิ่งที่ อาจจะเกิดขึ้น หรือมีส่วนร่วม ในการลง ความเห็นจาก ข้อมูล 10.2.2 คาดคะเนสิ่งที่ อาจจะเกิดขึ้น และมีส่วนร่วมใน การลงความเห็น จากข้อมูลอย่างมี เหตุผล 1. การสถานที2. การและผลหรือกา3. การคาดคะอย่างมี10.3 มี ความสามารถใน การคิดแก้ปัญหา และตัดสินใจ 10.3.1 ตัดสินใจในเรื่อง ง่ายๆ 10.3.1 ตัดสินใจในเรื่อง ง่ายๆ และเริ่ม เรียนรู้ผลที่ เกิดขึ้น 10.3.1 ตัดสินใจในเรื่อง ง่ายและยอมรับ ผลที่เกิดขึ้น 1. การร่วมใน10.3.2 แก้ปัญหาโดย ลองผิดลองถูก 10.3.2 ระบุ ปัญหาและ แก้ปัญหาโดย ลองผิดลองถูก 10.3.2 ระบุ ปัญหาสร้าง ทางเลือกและ เลือกวิธีแก้ปัญหา 1. การชิ้นใหญแยกชิ้น2. การร่วมใน
หน้า ๖๑ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รสังเกตสิ่งต่างๆ และ ที่จากมุมมองที่ต่างกัน รอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุ ลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ ารระท า รคาดเดาหรือการ ะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น มีเหตุผล - การเปลี่ยนแปลงและ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ - การรู้จักเกี่ยวกับดิน น้ า ท้องฟ้า สภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ แรง และพลังงาน 1.โลกสวยด้วย มือเรา 2.ต้นไม้ของเรา 3.พลังงาน 4. อากาศ 5. ไม้ดอกไม้ ประดับ 6. ภัยธรรมชาติ รตัดสินใจและการมีส่วน นกระบวนการแก้ปัญหา - การตระหนักรู้เกี่ยวกับตนเอง - การเคารพสิทธิ์ของตนเองและ ผู้อื่น - การรู้จักแสดงความคิดเห็นของ ตนเองและการรับฟังความคิดเห็น ของผู้อื่น 1. คณิตคิดสนุก 2. วิทยาศาสตร์น่า รู้ รต่อของชิ้นเล็กเติมใน ญ่ให้สมบูรณ์ และการ นส่วน รตัดสินใจและการมีส่วน นกระบวนการแก้ปัญหา - การตระหนักรู้เกี่ยวกับตนเอง - การเคารพสิทธิของตนเองและ ผู้อื่น - การรู้จักแสดงความคิดเห็นของ ตนเองและรับฟังความคิดเห็น 1. คณิตคิดสนุก 2. วิทยาศาสตร์น่า รู้
หลักสูตรอนุบาล 2566 พัฒนำกำรด้ำนสติปัญญำ มำตรฐำนที่ 11 มีจินตนำกำรและควำมคิดสร้ำงสรรค์ ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) 11.1 ท างาน ศิลปะตาม จินตนาการและ ความคิด สร้างสรรค์ 11.1.1 สร้าง ผลงานศิลปะ เพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของ ตนเอง 11.1.1 สร้าง ผลงานศิลปะเพื่อ สื่อสารความคิด ความรู้สึกของ ตนเองโดยมีการ ดัดแปลงและ แปลกใหม่จาก เดิมหรือมี รายละเอียด เพิ่มขึ้น 11.1.1 สร้าง ผลงานศิลปะเพื่อ สื่อสารความคิด ความรู้สึกของ ตนเองโดยมีการ ดัดแปลงและ แปลกใหม่จาก เดิมและมี รายละเอียด เพิ่มขึ้น 1. กาผ่านภและศิ2. กา3. กา4. กาวัสดุ 5. กาสิ่งขอหรือแ6. กาฉีก กาวัสดุ
หน้า ๖๒ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ ารแสดงความคิดสร้างสรรค์ ภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหว ศิลปะ ารเขียนและการเล่นกับสี ารปั้น ารประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ด้วยเศษ ารท างานศิลปะที่น าวัสดุ หรือ งเครื่องใช้ที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ า แปรรูปแล้วน ากลับมาใช้ใหม่ ารหยิบจับ การใช้กรรไกร การ ารตัด การปะ และการร้อย 1. การตระหนักรู้เกี่ยวกับ ตนเองว่าสามารถควบคุม และประสานสัมพันธ์ของ กล้ามเนื้อมือกับตา 2. การสะท้อนความคิดและ ความรู้สึกของตนเอง 3. การเลือกใช้สิ่งของ เครื่องใช้เกี่ยวกับการท างาน ศิลปะ ทุกหน่วยการ เรียน
หลักสูตรอนุบาล 2566 7. กาผ่านง8. การูปร่างหลาก9. กาความ
หน้า ๖๓ ารแสดงความคิดสร้างสรรค์ านศิลปะ ารสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยใช้ ง รูปทรง จากวัสดุที่ กหลาย ารปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ตาม สามารถของตนเอง
หลักสูตรอนุบาล 2566 ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) 11.2 แสดง ท่าทาง/เคลื่อนไหว ตามจินตนาการ อย่างสร้างสรรค์ 11.2.1 เคลื่อนไหวท่าทาง เพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของ ตนเอง 11.2.1 เคลื่อนไหวท่าทาง เพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึก ของตนเองอย่าง หลากหลายหรือ แปลกใหม่ 11.2.1 เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเองอย่าง หลากหลายและ แปลกใหม่
หน้า ๖๔ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ ว ก 1. การสร้างสรรค์ชิ้นงาน โดยใช้รูปร่าง รูปทรง จาก วัสดุที่หลากหลาย 2. การแสดงความคิด สร้างสรรค์ผ่านภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหว และศิลปะ - การสังเกตรูปร่าง หน้าตาของเพื่อน หรือบุคคล หน่วย ร่างกายของเรา
หลักสูตรอนุบาล 2566 พัฒนำกำรด้ำนสติปัญญำ มำตรฐำนที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อกำรเรียนรู้ และมีควำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป12.1 มีเจตคติ ที่ดีต่อการ เรียนรู้ 12.1.1 สนใจ ฟังหรืออ่าน หนังสือด้วย ตนเอง 12.1.1 สนใจ ซักถามเกี่ยวกับ สัญลักษณ์หรือ ตัวหนังสือที่พบ เห็น 12.1.1 สนใจ หยิบหนังสือมา อ่านและเขียนสื่อ ความคิดด้วย ตนเองเป็นประจ า อย่างต่อเนื่อง 1. กาแหล่ง2. ตั้ง12.1.2 กระตือรือร้นใน การเข้าร่วม กิจกรรม 12.1.2 กระตือรือร้นใน การเข้าร่วม กิจกรรม 12.1.2 กระตือรือร้นใน การร่วมกิจกรรม ตั้งแต่ต้นจนจบ 1. กาแหล่ง2. กาค้นหาต่างๆ
หน้า ๖๕ มรู้ได้เหมำะสมกับวัย สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ รส ารวจสิ่งต่างๆ และ เรียนรู้รอบตัว ค าถามเรื่องที่สนใจ - ส ารวจของเล่นในมุม ประสบการณ์ - ส ารวจหนังสือบนชั้นวาง หนังสือ - ส ารวจแหล่งเรียนรู้ในชุมชน - ส ารวจแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน - ถามชื่อ-สกุลของเพื่อนในห้อง - ตั้งค าถามเกี่ยวกับนิทานที่ฟัง 1. ร่างกายของ เรา 2. การสื่อสาร 3. ชุมชนของเรา 4. หนูมาโรงเรียน รส ารวจสิ่งต่างๆ และ เรียนรู้รอบตัว รสืบเสาะหาความรู้เพื่อ ค าตอบของข้อสงสัย - สังเกตสิ่งต่างๆ ที่พบใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน - ส ารวจสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตใน โรงเรียน 1. กลางวัน กลางคืน 2. ฉันรักฤดูหนาว 3. อากาศ
หลักสูตรอนุบาล 2566 3. การวบรวข้อมูลความรูแผนภูตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ ชั้น อนุบำล 1 (3 – 4 ปี) ชั้น อนุบำล 2 (4 – 5 ปี) ชั้น อนุบำล 3 (5 – 6 ปี) ป12.2 มี ความสามารถใน การแสวงหา ความรู้ 12.2.1 ค้นหา ค าตอบของข้อ สงสัยต่างๆ ตาม วิธีการเมื่อมีผู้ ชี้แนะ 12.2.1 ค้นหา ค าตอบของข้อ สงสัยต่างๆ ตาม วิธีการของ ตนเอง 12.2.1 ค้นหา ค าตอบของข้อ สงสัยต่างๆ โดย ใช้วิธีการที่ หลากหลายด้วย ตนเอง - การสแหล่งเ-การตั้-การสืบค้นหาคต่างๆ - การมีรวบรวข้อมูลจความรู้แผนภูม
หน้า ๖๖ รมีส่วนร่วมในการ วมข้อมูลและน าเสนอ จากการสืบเสาะหา รู้ในรูปแบบต่างๆ และ ภูมิอย่างง่าย - หาค าตอบจากข้อมูลที่ลงมือ ส ารวจตรวจสอบ - น าเสนอสิ่งที่พบเพื่อตอบ ค าถาม สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วยกำรจัด ประสบกำรณ์ ประสบกำรณ์ส ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ ส ารวจสิ่งต่างๆ และ เรียนรู้รอบตัว ั้งค าถามในเรื่องที่สนใจ บเสาะหาความรู้เพื่อ ค าตอบจากข้อสงสัย มีส่วนร่วมในการ วมข้อมูลและน าเสนอ จากการสืบเสาะหา รู้ในรูปแบบต่างๆ และ มิอย่างง่าย - การหาค าตอบจากแหล่งเรียนรู้ ใกล้ตัว - การหาค าตอบจากแหล่งเรียนรู้ ที่หลากหลาย - การเลือกและใช้แหล่งเรียนรู้ - การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษา เพื่อสื่อความหมายใน ชีวิตประจ าวัน - ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ หนังสือและตัวหนังสือ 1. การสื่อสาร 2. ประสาทสัมผัส 3. วิทยาศาสตร์ น่ารู้ 4. ต้นไม้ของเรา 5. ไม้ดอกไม้ ประดับ
หลักสูตรอนุบาล 2566 12.2.2 ใช้ ประโยคค าถาม ว่า "ใคร" "อะไร" ในการค้นหา ค าตอบ 12.2.2 ใช้ ประโยคค าถาม ว่า "ที่ไหน" "ท าไม" ในการ ค้นหาค าตอบ 12.2.2 ใช้ ประโยคค าถามว่า "เมื่อไหร่" "อย่างไร" ในการ ค้นหาค าตอบ 1. การเรียนรู้ร2. การ3. การค้นหาค4. การข้อมูลแสืบเสาะต่างๆ แ
หน้า ๖๗ รส ารวจสิ่งต่างๆ และแหล่ง รอบตัว รตั้งค าถามในเรื่องที่สนใจ รสืบเสาะหาความรู้เพื่อ ค าตอบของข้อสงสัยต่างๆ รมีส่วนร่วมในการรวบรวม และน าเสนอข้อมูลจากการ ะหาความรู้ในรูปแบบ และแผนภูมิอย่างง่าย - การเปลี่ยนแปลงและ ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ รอบตัว 1. ฉันรักฤดูหนาว 2. กลางวัน กลางคืน 3. อากาศ 4. วิทยาศาสตร์ น่ารู้ 5. ต้นไม้ของเรา 6. ไม้ดอกไม้ ประดับ
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๖๘ กำรจัดประสบกำรณ์ การจัดประสบการณ์ส าหรับเด็กปฐมวัยอายุ ๓-๕ ปี จะไม่จัดเป็นรายวิชาแต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการ ผ่านการเล่น เพื่อให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เกิดความรู้ ทักษะคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้ง ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยมีหลักการ และแนวทางการจัดประสบการณ์ ดังนี้ ๑. หลักกำรจัดประสบกำรณ์ ๑.๑ จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้หลากหลายลักษณะ เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่าง ต่อเนื่อง ๑.๒ เน้นเด็กเป็นส าคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและบริบทของ สังคมที่เด็กอาศัยอยู่ ๑.๓ จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความส าคัญทั้งด้านกระบวนการเรียนรู้และผลผลิตของการ เรียนรู้ ๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของการจัด ประสบการณ์ พร้อมทั้งน าผลการประเมินมาพัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง ๑.๕ ให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก ๒. แนวทำงกำรจัดประสบกำรณ์ ๒.๑ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการท างานของสมองที่เหมาะสมกับ อายุ วุฒิภาวะและระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก โดยเด็กได้ลงมือกระท าเรียนรู้ผ่าน ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ได้เคลื่อนไหว ส ารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ๒.๓ จัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยการบูรณาการทั้งกิจกรรมทักษะและสาระการเรียนรู้ ๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่มคิด วางแผน ตัดสินใจลงมือกระท าและน าเสนอความคิดโดยครู หรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้สนับสนุนอ านวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก ๒.๕ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อเด็กกับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ เรียนรู้ ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุขและการเรียนรู้การท ากิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆ กัน ๒.๖ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิต ของเด็ก
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๖๙ ๒.๗ จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจ าวันตลอดจนสอดแทรก คุณธรรมจริยธรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ๒.๘ จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผ่นที่เกิดขึ้นในสภาพจริงโดย ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ๒.๙ จ าท าสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล น ามาไตร่ตรองและใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน ๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมทั้งการวางแผนการสนับสนุนสื่อแหล่ง เรียนรู้ การเข้าร่วมกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ ๓. กำรจัดกิจกรรมประจ ำวัน กิจกรรมส าหรับเด็กอายุ ๓-๕ ปี สามารถน ามาจัดเป็นกิจกรรมประจ าวันได้หลายรูปแบบเป็นการ ช่วยให้ครูหรือผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะท ากิจกรรมอะไร เมื่อใด และอย่างไรทั้งนี้ การจัดกิจกรรม ประจ าวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการน าไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ที่ ส าคัญครูต้องค านึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน การจัดกิจกรรมประจ าวันมีหลักการจัดและ ขอบข่ายของกิจกรรมประจ าวัน ดังนี้ ๓.๑ หลักกำรจัดกิจกรรมประจ ำวัน ๑. ก าหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมประจ าวันแล่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก ในแต่ละวันแต่ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็ก เช่น วัย ๓ ขวบ มีความสนใจช่วงสั้นประมาณ ๘ นาที วัย ๔ ขวบ มีความสนใจอยู่ได้ประมาณ ๑๒ นาที วัย ๕ ขวบ มีความสนใจอยู่ได้ประมาณ ๑๕ นาที ๒. กิจกรรมที่ต้องการใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่องนาน เกินกว่า ๒๐ นาที ๓. กิจกรรมที่มีการวางแผนโดยครู เพื่อช่วยให้เด็กเกิดทักษะหรอความคิดรวบยอดในเรื่อง ใดเรื่องหนึ่งตามที่ก าหนดไว้ในหลักสูตร ซึ่งครูต้องวางแผนกิจกรรมล่วงหน้าใน ๑ กิจกรรม เวลาที่ใช้ในแต่ละวัน ส าหรับเด็กอายุ ๓ ปี ประมาณ ๔๕ นาทีและเด็กอายุ ๔-๕ ปี ประมาณ ๖๐ นาที ครูต้องพิจารณาว่าเด็กมีช่วงความ สนใจสั้นจะต้องจัดแบ่งเวลาหลายช่วงให้เหมาะสมกับเด็ก ๔. กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรี เพื่อช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจ คิดแก้ปัญหาคิด สร้างสรรค์ เช่น การเล่นตามมุม การเล่นกลางแจ้ง ฯลฯ ใช้เวลาประมาณ ๔๐ – ๖๐ นาที
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๐ ๕. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อ ใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่เด็กเป็นผู้ริเริ่มและครูหรือผู้จัด ประสบการณ์เป็นผู้ริเริ่ม และกิจกรรมที่ใช้ก าลังและไม่ใช้ก าลังจัดให้ครบทุกประเภท ทั้งนี้ กิจกรรมที่ต้องออกก าลัง กายควรจัดสลับกับกิจกรรมที่ไม่ต้องออกก าลังมากนัก เพื่อให้เด็กจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป ๓.๒ ขอบข่ำยของกิจกรรมประจ ำวัน การเลือกกิจกรรมที่จะน ามาจัดในแต่ละวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ในการน าไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ที่ส าคัญครูต้องค านึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการ ทุกด้านแต่ต้องให้ครอบคลุมสิ่งต่อไปนี้ ๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง ความยืดหยุ่น การทรงตัว ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างฯ และจังหวะการเคลื่อนไหวในการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้ เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเครื่องเล่นสนาม ปีนป่ายเล่นอิสระ เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะดนตรี ๓.๒.๒ การพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก เป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อ มือ-นิ้วมือการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือและระบบประสาทตามือได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์ กัน โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับซ้อน ส้อม และใช้อุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พู่กัน ดินเหนียว ฯลฯ ๓.๒.๓ การพัฒนาอารมณ์ จิตใจ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เป็นการปลูกฝังให้เด็กมี ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเชื่อมั่น กล้าแสดงออก มีวินัยในตนเอง รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ประหยัด เมตตา กรุณา เอื้อเฟื้อ แบ่งปั้น มีมารยาทและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาที่นับถือโดยจัดกิจกรรมต่างฯ ผ่านการ เล่นให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือก ได้รับการตอบสนองตามความต้องการได้ฝึกปฏิบัติโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม อย่างต่อเนื่อง ๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดี แสดงออกอย่าง เหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการการท ากิจวัตรประจ าวันมีนิสัยรักการท างาน ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น โดยรวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากผู้อื่นให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตร ประจ าวันอย่างสม่ าเสมอเช่น รับประทานอาหาร พักผ่อนนอนหลับ ขับถ่ายท าความสะอาดร่างกาย เล่นและท างาน ร่วนกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกาข้อตกลงของส่วนรวม เก็บของเข้าที่เมื่อเล่นหรือท างานเสร็จ ฯลฯ ๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาความคิด รวบยอดทางคณิตศาสตร์ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้สนทนา อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเด็ก ศึกษานอกสถานที่เล่นเกมการศึกษา ฝึกการแก้ปัญหาใน ชีวิตประจ าวันและในการท ากิจกรรมทั้งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่หรือรายบุคคล ๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆที่เด็กมีประสบการณ์โดยสามารถตั้งค าถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้จัดกิจกรรมทางภาษาให้มี
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๑ ความหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้าแสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน มี นิสัยรักการอ่าน และบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษา ทั้งนี้ต้องค านึงถึงหลักการจัดกิจกรรมทาง ภาษาที่เหมาะสมกับเด็กเป็นส าคัญ ๓.๒.๗ การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการพัฒนามีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆ โดยจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ดนตรี การเคลื่อนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆอย่างอิสระ เล่นบทบาทสมมติ เล่นน้ า เล่นทราย และเล่น ก่อสร้าง
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๒ กำรจัดประสบกำรณ์ส ำหรับเด็กปฐมวัย โรงเรียนเพียงหลวง 16 การจัดประสบการณ์ของเด็กปฐมวัย (ชั้นอนุบาลปีที่ ๒ และ ๓) ของโรงเรียนเพียงหลวง 16 จะไม่ จัดเป็นรายวิชาแต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น เพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง เกิดการเรียนรู้ได้ พัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา กิจกรรมที่จัดให้เด็กในแต่ละวันจะ ครอบคลุมประสบการณ์ ส าคัญที่ก าหนดในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และควรยืดหยุ่นให้มีสาระที่ควรเรียนรู้ที่เด็กสนใจ เด็กและครูร่วมกัน หรือครูเป็นผู้ก าหนด เมื่อเด็กได้รับประสบการณ์ส าคัญและท ากิจกรรมในแต่ละหัวเรื่องแล้วเด็กจะเกิดแนวคิดตาม หลักสูตร ในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ ๒ และ ๓ ของโรงเรียนเพียงหลวง 16 ได้จัด การศึกษาระดับปฐมวัย โดยมุ่งเน้นให้ค านึงถึงหลักปรัชญาการศึกษาที่ส าคัญ โดยปรัชญาของนักการศึกษาเกี่ยวกับ เด็กปฐมวัย อิทธิพลต่อแนวคิดในการจัดประสบการณ์ของเด็กปฐมวัย ให้ได้รับการพัฒนาทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญา ภาษา รวมทั้งคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งจะส่งเสริมให้เด็กมีทักษะชีวิตเพื่อการ ด ารงชีวิตที่ดีในสังคม ดังนี้ รุสโซ เน้นถึงความจ าเป็นที่ต้องให้เด็กพัฒนาไปตามธรรมชาติมากกว่าการเตรียมความพร้อมเพื่ออนาคต การจัดประสบการณ์ควรเป็นการเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัส ซึ่งเป็นพื้นฐานในการแสวงหาความรู้ของมนุษย์และ การสอนให้คนมีใจเมตตากรุณา มีคุณค่ามากกว่า การสอนให้มีความรู้ เฟรอเบล บิดาแห่งการศึกษาปฐมวัย เชื่อว่า การศึกษาปฐมวัยมีความส าคัญที่สุดในการปฏิรูปการศึกษา การจัดประสบการณ์ ครูควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็ก กิจกรรมจะต้องเหมาะสมกับขั้นพัฒนาการของ เด็ก ดิวอี้ นักปฏิรูปการศึกษา เห็นว่าประสบการณ์การเรียนรู้ควรจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากการกระท า (Learning by Doing) และเด็กควรรู้เรื่องราวและมีประสบการณ์ทางสังคม เบสตำลอสซี่ เห็นว่าการศึกษาต้องเป็นไปตามธรรมชาติและเป็นการพัฒนาตนเอง การสอนค านึงถึงความ พร้อมของเด็ก โดยการได้รับประสบการณ์ตรง ลงมือค้นคว้าด้วยตนเอง เรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า อีริคสัน เชื่อว่า สภาพแวดล้อมมีผลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กในอนาคต เนื่องจากเด็กก าลังอยู่ในวัย เรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น ถ้าสภาพแวดล้อมดีจะท าให้เด็กมองโลกในแง่ดี มีความ เชื่อมั่นในตนเองและเกิดความไว้วางใจต่อผู้อื่น
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๓ กำรจัดประสบกำรณ์ที่ส่งเสริมทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัย ทักษะชีวิตหลักที่องค์การอนามัยโลกน าเสนอมี ๑๐ ทักษะ ที่สามารถจับคู่ได้ ๕ คู่ ได้แก่ คู่ที่ ๑ -การตัดสินใจ คู่ที่ ๒ -การคิดสร้างสรรค์ คู่ที่ ๓ -การสื่อสาร -การแก้ปัญหา -การคิดวิเคราะห์ -การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น คู่ที่ ๔ -การตระหนักรู้ในตน คู่ที่ ๕ -การควบคุมอารมณ์ -การเห็นใจผู้อื่น -การเอาชนะความกดดัน จากการวิเคราะห์แนวคิดและหลักสูตรขององค์การอนามัยโลกและกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งของส านักงานพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ทักษะชีวิต ส าคัญที่เป็นจุดเน้นในการฝึกเด็กปฐมวัย คือ ๑. การรู้จักตนเอง เข้าใจตนเอง และเห็นคุณค่าตนเอง ๒. ความเห็นใจผู้อื่น รับผิดชอบต่อสังคมและความซาบซึ้งในสิ่งดีงามรอบตัว ๓. การจัดการกับภาวะอารมณ์ ความเครียดและเหตุกดดันต่าง ๆ ที่มากระทบ ๔. การตัดสินใจและการแก้ปัญหา เงื่อนไขส าคัญในการฝึกให้เด็กเกิดการเรียนรู้และมีทักษะชีวิตจะต้องใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แก่เด็กในรูปแบบ การเรียนรู้เชิงปฏิบัติ (Active Learning) ซึ่งยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจึงจะประสบความส าเร็จ กำรจัดสภำพแวดล้อม การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาปฐมวัย มีความส าคัญต่อเด็กเนื่องจากธรรมชาติของเด็กในวัยนี้สนใจที่ จะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลอง และต้องการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ดังนั้น การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม ตามความต้องการของเด็ก จึงมีความส าคัญที่เกี่ยวข้องพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็ก เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นที่ เป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า จึงจ าเป็นต้องจัดสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาให้ สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของหลักสูตร เพื่อส่งผลให้บรรลุจุดหมายในการพัฒนาเด็ก กำรจัดสภำพแวดล้อมจะต้องค ำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ ๑. ความสะอาด ความปลอดภัย ๒. ความมีอิสระอย่างมีขอบเขตในการเล่น ๓. ความสะดวกในการท ากิจกรรม
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๔ ๔. ความพร้อมของอาคารสถานที่ เช่นห้องเรียน ห้องน้ าห้องส้วม สนามเด็กเล่น ฯลฯ ๕. ความเพียงพอ เหมาะสมในเรื่องขนาด น้ าหนัก จ านวน สีของสื่อและเครื่องเล่น ๖. บรรยากาศในการเรียนรู้ การจัดที่เล่นและมุมประสบการณ์ต่างๆ สภำพแวดล้อมภำยในห้องเรียน หลักส าคัญในการจัดต้องค านึงถึงความปลอดภัย ความสะอาด เป้าหมายการพัฒนาเด็ก ความเป็นระเบียบ ความเป็นตัวของเด็กเอง ให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่น มั่นใจ และมีความสุข ซึ่งอาจจัดแบ่งพื้นที่ให้เหมาะสมกับการ ประกอบกิจกรรมตามหลักสูตร ดังนี้ ๑. พื้นที่อ ำนวยควำมสะดวกเพื่อเด็กและผู้สอน ๑.๑ ที่แสดงผลงานของเด็ก อาจจัดเป็นแผ่นป้าย หรือที่แขวนผลงาน ๑.๒ ที่เก็บแฟ้มผลงานของเด็ก อาจจัดท าเป็นกล่องหรือจัดใส่แฟ้มรายบุคคล ๑.๓ ที่เก็บเครื่องใช้ส่วนตัวของแด็ก อาจท าเป็นช่องตามจ านวนเด็ก ๑.๔ ที่เก็บเครื่องใช้ผู้สอน เช่น อุปกรณ์การสอน ของส่วนตัวผู้สอน ฯลฯ ๑.๕ป้ายนิเทศตามหน่วยการสอนหรือสิ่งที่เด็กสนใจ ๒. พื้นที่ปฏิบัติกิจกรรมและกำรเคลื่อนไหวต้องก าหนดให้ชัดเจน ควรมีพื้นที่ที่เด็กสามารถจะท างานได้ด้วย ตนเอง และท ากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจากกิจกรรมหนึ่งไปยัง กิจกรรมหนึ่งโดยไม่รบกวนผู้อื่น ๓.พื้นที่จัดมุมเล่นหรือมุมประสบกำรณ์ สามารถจัดได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพของห้องเรียน จัดแยกสาวนที่ใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน เช่น มุมบล็อกอยู่ห่างจากมุมหนังสือ มุมบทบาทสมมตอยู่ติดกับมุม บล็อก มุมศิลปะอยู่ใกล้กับมุมวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ที่ส าคัญจะต้องมีของเล่น วัสดุอุปกรณ์อย่างเพียงพอต่อการเรียนรู้ ของเด็ก การเล่นในมุมเล่นเสรี มักถูกก าหนดไว้ในตารางกิจกรรมประจ าวัน เพื่อให้โอกาสได้เล่นอย่างเสรีวันละ ๖๐ นาทีการจัดมุมต่าง ๆ ผู้สอนควรค านึงถึงคือ ๓.๑ ในห้องควรมีมุมอย่างน้อย ๓-๕ มุม ๓.๒ ควรมีการผลัดเปลี่ยนสื่อของเล่นตามมุมบ้าง ๓.๓ ควรจัดให้มีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้วปรากฏอยู่ในมุมเล่น ๓.๔ ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุม ๓.๕ ควรเสริมสร้างวินัยในการเล่น โดยมีข้อตกลงร่วมกัน
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๕ กำรก ำหนดสื่อและแหล่งเรียนรู้ สื่อเป็นเครื่องมือที่จะช่วยถ่ายทอด น าความรู้ ประสบการณ์ด้านการเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัย ท าให้ เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่ต้องการได้ อย่างมีประสิทธิภาพ การก าหนดสื่อและแหล่งเรียนรู้มี ดังนี้ ๑. ประเภทของสื่อ : สื่อระดับปฐมวัย แบ่งออกเป็น ๔ ประเภทใหญ่ ๆ คือ ๑.๑ สื่อพัฒนาด้านร่างกาย เช่น สื่อฝึกประสาทสัมผัสทั้งห้า สื่อพัฒนาความพร้อมด้าน ร่างกาย ๑.๒ สื่อพัฒนาด้านอารมณ์ จิตใจ เช่น สื่อพัฒนาความพร้อมด้านดนตรีและกิจกรรมเข้า จังหวัด สื่อพัฒนาความพร้อมด้านสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ ๑.๓ สื่อพัฒนาด้านสังคม เช่น สื่อพัฒนาความพร้อมด้านสังคม ๑.๔ สื่อพัฒนาด้านสติปัญญา เช่น สื่อพัฒนาความพร้อมด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา ๒. กำรเลือกสื่อ ๒.๑ เลือกให้ตรงกับจุดมุ่งหมายและเรื่องที่สอน ๒.๒ เลือกให้เหมาะสมกับวัยและความสามารถของเด็ก ๒.๓ มีวิธีการใช้ง่ายและน าไปใช้ได้หลายกิจกรรม ๒.๔ มีเนื้อหาถูกต้องและทันสมัย ๒.๕ มีคุณภาพ เช่น ภาพชัดเจน ขนาดเหมาะสม สีไม่สะท้อนแสง ๒.๖ เลือกสื่อที่จะช่วยให้เด็กเข้าใจในสิ่งที่สอนในเวลาที่เหมาะสม ๒.๗ เลือกสื่อที่เป็นของจริงสามารถสัมผัสได้ก่อนที่จะพิจารณาใช้สื่ออื่นแทน ๒.๘ เลือกสื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นที่เด็กอยู่ ๒.๙ เลือกสื่อที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ๓. กำรผลิตสื่อ : การผลิตสื่อควรค านึงถึงเรื่องต่อไปนี้ ๓.๑ เป้าหมายของการผลิต ๓.๒ ชนิดและคุณลักษณะของสื่อที่ต้องการ ๓.๓ งบประมาณ ๓.๔ วัสดุ อุปกรณ์ ๓.๕ การวางแผนการผลิตสื่อ
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๖ ๔. ขั้นตอนกำรผลิตสื่อ : ๔.๑ การผลิต -ออกแบบสื่อตามคุณลักษณะเด่นเฉพาะของสื่อแต่ละชนิด -ด าเนินการผลิตตามขั้นตอนของแผนการผลิต -ค านึงถึงเทคนิคในรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนการผลิตที่มีคามประณีต เรียบร้อยและฉับไว ๔.๒ การทดลองใช้ ก าหนดแผนการแก้ไข -น าสื่อที่ผลิตเสร็จไปทดลองใช้และประเมินผลการใช้ -วิเคราะห์ข้อบกพร่อง ค้นหาแนวทางแก้ไข -ก าหนดแผนการแก้ไขปรับปรุง ๔.๓ การปรับปรุงพัฒนา -ด าเนินการแก้ไขปรับปรุงสื่อให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ที่ก าหนดไว้ -ให้เหมาะสมกับระบบและรูปแบบการสอน -ให้เหมาะสมกับสมรรถภาพและวิธีการเรียนของเด็ก -ให้เอื้อต่อการที่เด็กจะมีส่วนร่วมในการแสดงพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง -ให้เด็กเกิดการเรียนรู้หลายทาง ทั้งทางสมอง จิตใจ ร่างกาย สังคมและเจตคติ -ให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว แม่นย าและมีความคงทน ๔.๔ การใช้สื่อ ๑) น าเข้าสู่บทเรียน ใช้สื่อเพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจในเรื่องที่จะเรียนรู้ โดยพิจารณาสื่อที่น ามาใช้ ดังนี้ -เป็นสื่อที่ง่ายต่อการน าเสนอ ใช้เวลาตามความเหมาะสม เช่น ภาพของ จริง สื่อสิ่งประดิษฐ์ ฯลฯ -เป็นสื่อที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน -เป็นสื่อที่ไม่เน้นเนื้อหาเจาะลึก ๒) ด าเนินการสอน โดยพิจารณา สื่อที่น ามาใช้ ดังนี้ -สื่อต้องตรงกับเนื้อหาที่จะสอน -สื่อมีการจัดล าดับขั้นตอนการใช้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัด ประสบการณ์ -สื่อมีความละเอียด ถูกต้องและชัดเจน ๓) สรุป โดยพิจารณาสื่อที่น ามาใช้ ดังนี้ -เป็นสื่อที่ครอบคลุมเนื้อหาที่ส าคัญทั้งหมด กระชับ
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๗ ข้อควรระวัง ในการเลือก ผลิตและใช้สื่อส าหรับเด็กปฐมวัย ต้องค านึงถึงเรื่องต่อไปนี้ ๑. น้ าหนัก ของสื่อต้องพอเหมาะกับวัยของเด็กไม่หนักเกินไป ๒. ขนาดต้องพอเหมาะกับมือของเด็กไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ๓. พื้นผิวของสื่อต้องไม่มีคมหรือมีเสี้ยน ๔. สีต้องไม่เป็นอันตรายต่อเด็กและไม่เป็นสีสะท้อนแสง ๕. วัสดุต่าง ๆ ที่น ามาผลิตจะต้องไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ๖. เสียง สื่อที่มีเสียงจะต้องไม่ดังเกินไป ๗. แสงต้องไม่สว่างหรือมืดเกินไปจนอาจเป็นอันตรายต่อสายตาของเด็กได้ ๕. กำรประเมินกำรใช้สื่อ : ควรพิจารณาจากองค์ประกอบ ๓ ประการคือ ผู้สอน เด็กและสื่อ ๕.๑ สื่อนั้นช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้เพียงใด ๕.๒ เด็กชอบสื่อนั้นเพียงใด ๕.๓ สื่อนั้นช่วยให้การสอนตรงกับจุดประสงค์หรือไม่ ๕.๔ สื่อนั้นช่วยให้เด็กสนใจมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุใด ๖. กำรเก็บรักษำและซ่อมแซมสื่อ ๖.๑ เก็บสื่อให้เป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของประเภทสื่อ ๖.๒ วางสื่อในระดับสายตาของเด็ก เพื่อให้เด็กหยิบใช้จัดเก็บได้ด้วยตนเอง ๖.๓ ฝึกให้เด็กรู้จักความหมายของรูปภาพหรือสีที่เป็นสัญลักษณ์แทนหมวดหมู่ ประเภท สื่อ ๖.๔ ตรวจสอบสื่อหลังจากใช้แล้วทุกครั้งว่ามีสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ๖.๕ ซ่อมแซมสื่อช ารุดและท าเติมส่วนที่ขาดหายไปให้ครบชุด ๗. กำรพัฒนำสื่อ ๗.๑ ปรับปรุงสื่อให้ทันสมัยเข้ากับเหตุการณ์ใช้ได้สะดวกเหมาะสมกับวัย ๗.๒ รักษาความสะอาดของสื่อ ๗.๓ ถ้าเป็นสื่อที่ผลิตขึ้นเองมาใช้เองและผ่านการทดลองใช้มาแล้ว ควรเขียนคู่มือ ประกอบการใช้สื่อนั้น โดยบอกชื่อสื่อ ประโยชน์และวิธีใช้สื่อ รวมทั้งจ านวนชิ้นส่วนของสื่อในชุดนั้นและเก็บคู่มือไว้ใน ซองหรือถุงพร้อมสื่อที่ผลิต ๗.๔ พัฒนาสื่อที่สร้างสรรค์ใช้ได้อเนกประสงค์เป็นได้ทั้งที่ส่งเสริมพัฒนาการและเป็นของ เล่นสนุกสนานเพลิดเพลน
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๘ ๘. ประโยชน์และคุณค่ำของสื่อ ๘.๑ ช่วยให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ ๘.๒ ช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดีและง่ายขึ้น ๘.๓ ช่วยให้ประหยัดเวลาในการสอน ๘.๔ ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๗๙ สื่อและแหล่งเรียนรู้โรงเรียนเพียงหลวง 16 ๑. สื่อประกอบมุมประสบกำรณ์ต่ำง ๆ -มุมบ้าน เช่น เครื่องใช้ในครัวหรือของจ าลอง เครื่องเล่นตุ๊กตา เครื่องแต่งบ้าน เครื่องแต่งกาย โทรศัพท์ เตารีด ที่รีดผ้า หวี แป้ง ฯลฯ -มุมหมอ เช่น เครื่องเล่นจ าลองเครื่องมือแพทย์ เครื่องแต่งกาย ตู้ยา ตุ๊กตา ฯลฯ -มุมร้านค้า เช่น กล่อง/ขวดพลาสติกต่างๆ ที่ใช้แล้ว ธนบัตรจ าลอง ฯลฯ -มุมบล็อก เช่น ไม้บล็อก ภาพถ่ายต่าง ๆ ของเล่นจ าลองเช่น รถยนต์ คน เครื่องบิน ที่จัดเก็บไม้บล็อกหรือ แท่งไม้หรือลังพลาสติก ฯลฯ -มุมหนังสือ เช่น หนังสือภาพนิทาน สมุดภาพ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างบรรยากาศในการอ่าน อุปกรณ์ ส าหรับเขียน อุปกรณ์เสริม เช่น เครื่องเล่นเทป ฯลฯ -มุมวิทยาศาสตร์ เช่น วัสดุต่างๆ จากธรรมชาติเช่น เมล็ดพืช เปลือกหอย เครื่องมือเครื่องใช้ในการส ารวจ ทดลอง ค้นคว้า ได้แก่ แว่นขยาย ฯลฯ ๒. สื่อประกอบกิจกรรมสร้ำงสรรค์ ๒.๑ การวาดภาพและระบายสี ได้แก่ สีเทียน พู่กัน กระดาษ เสื้อคลุม หรือผ้ากันเปื้อน ๒.๒ การเล่นกับสี -การเป่าสี มีกระดาษ หลอดกาแฟ สีน้ า จานสี ฯลฯ -การหยดสี มีกระดาษ หลอดกาแฟ พู่กัน สีน้ า จานสี ฯลฯ -การพับสี มีกระดาษ สีน้ า พู่กัน ฯลฯ -ฯลฯ ๒.๓ การพิมพ์ภาพ ได้แก่ แม่พิมพ์ต่าง ๆ กระดาษ ผ้าเช็ดมือ สีน้ า เชือก ฯลฯ ๒.๔ การปั้น ได้แก่ ดินน้ ามัน ดินเหนียว แป้งโด แผ่นรองปั้น แม่พิมพ์รูปต่าง ๆ ฯลฯ ๒.๕ การพับ ฉีก ตัด ปะ ได้แก่ กระดาษต่าง ๆ กรรไกร สี กาว ผ้าเช็ดมือ ฯลฯ ๒.๖ การประดิษฐ์เศษวัสดุ ได้แก่ เศษวัสดุต่าง ๆ เศษผ้า เศษไหมพรม กาว กรรไกร สี ผ้าเช็ดมือ ฯลฯ ๒.๗ การร้อย ได้แก่ ลูกปัด หลอดกาแฟ หลอดด้าย ฯลฯ ๒.๘ การสาน ได้แก่ กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว ฯลฯ ๒.๙ การเล่นพลาสติกสร้างสรรค์ ได้แก่ พลาสติกชิ้นเล็ก ๆ รูปทรงต่าง ๆ ฯลฯ ๒.๑๐ การสร้างรูป ได้แก่ กระดานปักหมุด แป้นตะปู ฯลฯ
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๐ ๓. สื่อประกอบเกมกำรศึกษำ ๓.๑ เกมการจับคู่ ๓.๒ เกมต่อภาพให้สมบูรณ์ (ภาพตัดต่อ) ๓.๓ เกมจัดหมวดหมู่ ๓.๔ เกมวางภาพต่อปลาย (โดมิโน) ๓.๕ เกมเรียงล าดับ ๓.๖ เกมศึกษารายละเอียดของภาพ (ลอตโต) ๓.๗ เกมจับคู่แบบตารางสัมพันธ์ (เมตริกเกม) ๓.๘ เกมพื้นฐานการบวก ๔. สื่อประกอบกิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ ๔.๑ สื่อของจริงที่อยู่ใกล้ตัวเด็ก ๔.๒ สื่อจ าลองขึ้น ๔.๓ สื่อประเภทภาพ สื่อเทคโนโลยี ๕. สื่อประกอบกิจกรรมกำรเล่นกลำงแจ้ง ๕.๑ เครื่องเล่นสนาม ๕.๒ ที่เล่นทราย ๕.๓ ที่เล่นน้ า ๖. สื่อประกอบกิจกรรมกำรเคลื่อนไหวและจังหวะ ๖.๑ เครื่องเคาะจังหวะ ๖.๒ อุปกรณ์ประกอบการเคลื่อนไหวต่าง ๆ แหล่งเรียนรู้และวิทยำกำรในชุมชน ๑. สื่อบริเวณในและนอกห้องเรียน ๒. สื่อห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เช่นห้องสมุด ห้องเรียนต่าง ๆ ๓. สื่อท้องถิ่น ได้แก่ ก้อนหิน แร่ต่าง ๆ ซากพืช ซากสัตว์ ฯลฯ ๔. สื่อบุคคล ได้แก่ วิทยากรท้องถิ่น เช่น พ่อค้า แม่ค้า ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ๕. สื่อสถานที่ ได้แก่ วัด โรงพยาบาล สถานีต ารวจ สวน ไร่นา ภูเขา แม่น้ า ฯลฯ ๖. สื่อเฉพาะกิจ ได้แก่ ประเพณีวัฒนธรรมในท้องถิ่น ได้แก่ วันขึ้นปีใหม่ม้ง การท าผี ฯลฯ
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๑ กำรประเมินพัฒนำกำร การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ ๓-๕ ปี เป็นการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อเนื่อง และเป็น ส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติที่จัดให้เด็กในแต่ละวัน ผลที่ได้จากการสังเกตพัฒนาการเด็กต้องน ามาจัดท าสารนิทัศน์หรือจัดท าข้อมูลหลักฐานหรือเอกสารอย่างเป็นระบบ ด้วยการรวบรวมผลงานส าหรับเด็กเป็นรายบุคคลที่สามารถบอกเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เด็กได้รับว่าเด็กเกิดการ เรียนรู้และมีความก้าวหน้าเพียงใดทั้งนี้ ให้น าข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาเป็นข้อมูลสารสนเทศเพื่อ พิจารณา ปรับปรุงวางแผนการจัดกิจกรรม และส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของหลักสูตร อย่างต่อเนื่องการประเมินพัฒนาการควรยึดหลัก ดังนี้ ๑. วางแผนการประเมินพัฒนาการเป็นระบบ ๒. ประเมินพัฒนาการเด็กครบทุกด้าน ๓. ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสม่ าเสมอต่อเนื่องตลอดปี ๔. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจ าวันด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลาย ๕. สรุปผลการประเมิน จัดท าข้อมูลสารสนเทศและน าผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็ก ส าหรับวิธีการประเมินที่เหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ ๓ – ๕ ปี ได้แก่ การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การสนทนากับเด็ก การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ ขั้นตอนกำรประเมินพัฒนำกำร ๑. ศึกษาและท าความเข้าใจพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงอายุทุกด้าน ๒. วางแผนเลือกใช้วิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมส าหรับใช้ประเมินพัฒนาการ ๓. ด าเนินการประเมินและบันทึกพัฒนาการ ๔. ประเมินและสรุป ๕. รายงานผล ๖. ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมิน เป็นการติดต่อสื่อสาร ๒ ทางคือ จากโรงเรียนไปสู่บ้าน และจากบ้านสู่โรงเรียน วิธีกำรและเครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก ๑. การสังเกตและบันทึก -แบบบันทึกพฤติกรรม -การบันทึกรายวัน -แบบส ารวจรายการ
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๒ ๒. การสนทนา ๓. การสัมภาษณ์ / การสอบถาม ๔. การตรวจผลงานและการสะสมผลงานที่แสดงออกถึงความก้าวหน้าแต่ละด้านของเด็กเป็น รายบุคคล ๕. การประเมินการเจริญเติบโตของเด็ก -การประเมินการเจริญเติบโต -การวัดเส้นรอบศีรษะ -การตรวจสุขภาพปากและฟัน -การได้รับวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐาน ๖. การใช้แบบทดสอบที่เป็นรูปภาพ กำรบริหำรจัดกำรหลักสูตรสถำนศึกษำปฐมวัย การน าหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพตามจุดหมายของหลักสูตร ผู้เกี่ยวข้องกับการ บริหารจัดการหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหาร ผู้สอน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และชุมชน มีบทบาทส าคัญ ยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพของเด็ก ๑. บทบำทผู้บริหำรสถำนศึกษำปฐมวัย การจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัยในระบบสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหารสถานศึกษาควรมี บทบาท ดังนี้ ๑.๑ ศึกษาท าความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและมีวิสัยทัศน์ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัย ๑.๒ คัดเลือกบุคลากรที่ท างานกับเด็ก เช่น ผู้สอน พี่เลี้ยง อย่างเหมาะสมโดยค านึงถึงคุณสมบัติหลัก ของบุคลากร ดังนี้ ๑.๒.๑ มีวุฒิทางการศึกษาด้านการอนุบาลศึกษา การศึกษาปฐมวัยหรือผ่านการอบรม เกี่ยวกับการจัดการศึกษาปฐมวัย ๑.๒.๒ มีความรักเด็ก จิตใจดี มีอารมณ์ขันและใจเย็น ให้ความเป็นกันเองกับเด็กอย่างเสมอ ภาค ๑.๒.๓ มีบุคลิกของความเป็นผู้สอน เข้าใจและยอมรับธรรมชาติของเด็กตามวัย ๑.๒.๔ พูดจาสุภาพเรียบร้อย ชัดเจนเป็นแบบอย่างได้
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๓ ๑.๒.๕ มีความเป็นระเบียบ สะอาด และรู้จักประหยัด ๑.๒.๖ มีความอดทน ขยัน ซื่อสัตย์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่และการปฏิบัติต่อเด็ก ๑.๒.๗ มีอารมณ์ร่วมกับเด็ก รู้จักรับฟัง พิจารณาเรื่องราวปัญหาต่างๆของเด็ก และตัดสิน ปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผลด้วยความเป็นธรรม ๑.๒.๘ มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตสมบูรณ์ ๑.๓ ส่งเสริมการจัดบริหารทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างทั่วถึงและเสมอภาค และ ปฏิบัติการรับเด็กตามเกณฑ์ที่ก าหนด ๑.๔ ส่งเสริมให้ผู้สอนและผู้ที่ปฏิบัติงานกับเด็กพัฒนาตนเองมีความรู้ก้าวหน้าอยู่เสมอ ๑.๕ เป็นผู้น าในการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษาโดยร่วมให้ความเห็นชอบก าหนดวิสัยทัศน์ และ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็กทุกช่วงอายุ ๑.๖ สร้างความร่วมมือและประสานกับบุคลากรทุกฝ่ายในการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา ๑.๗ จัดให้มีข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับตัวเด็ก งานวิชาการหลักสูตรอย่างเป็นระบบและมีการ ประชาสัมพันธ์หลักสูตรสถานศึกษา ๑.๘ สนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อมตลอดจนสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่เอื้ออ านวยต่อการเรียนรู้ ๑.๙ นิเทศ ก ากับ ติดตามการใช้หลักสูตร โดยจัดให้มีการนิเทศภายในอย่างมีระบบ ๑.๑๐ ก ากับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและน าผลจากการประเมินไปใช้ใน การพัฒนาคุณภาพเด็ก ๑.๑๑ ก ากับ ติดตามให้มีการประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ เพื่อน าผลจากการประเมินมาปรับปรุง และพัฒนาสาระของหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก บริบทสังคมและให้มีความทันสมัย ๒. บทบำทผู้สอนระดับปฐมวัย การพัฒนาคุณภาพเด็กโดยถือว่าเด็กมีความส าคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้เด็กสามารถ พัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคล้องกับพัฒนาการ และเต็มตามศักยภาพ ดังนั้น ผู้สอนจึงมีบทบาทส าคัญ ยิ่งที่จะท าให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพผู้สอนจึงควรมีบทบาท / หน้าที่ ดังนี้ ๒.๑ บทบาทในฐานะผู้เสริมสร้างการเรียนรู้ ๒.๑.๑ จัดประสบการณ์การเรียนรู้ส าหรับเด็กที่เด็กก าหนดขึ้นด้วยตัวเด็กเอง และผู้สอนกับ เด็กร่วมกันก าหนด โดยเสริมสร้างพัฒนาการเด็กให้ครอบคลุมทุกด้าน ๒.๑.๒ ส่งเสริมให้เด็กใช้ข้อมูลแวดล้อม ศักยภาพของตัวเด็ก และหลักทางวิชาการในการ ผลิต กระท า หรือหาค าตอบในสิ่งที่เด็กเรียนรู้อย่างมีเหตุผล ๒.๑.๓ กระตุ้นให้เด็กร่วมคิด แก้ปัญหา ค้นคว้าหาค าตอบด้วยตนเองด้วยวิธีการศึกษาที่ น าไปสู่การใฝ่รู้ และพัฒนาตนเอง
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๔ ๒.๑.๔ จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศการเรียนที่สร้างเสริมให้เด็กท ากิจกรรมได้ เต็มตามศักยภาพและความแตกต่างของเด็กแต่ละบุคคล ๒.๑.๕ สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมต่างๆ อย่างสม่ าเสมอ ๒.๑.๖ ใช้กิจกรรมการเล่นเป็นสื่อการเรียนรู้ส าหรับเด็กให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๑.๗ ใช้ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้สอนและเด็กในการด าเนินกิจกรรมการเรียนการสอน อย่างสม่ าเสมอ ๒.๑.๘ จัดการประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพจริงและน าผลการประเมินมา ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพเด็กเต็มตามศักยภาพ ๒.๒ บทบาทในฐานะผู้ดูแลเด็ก ๒.๒.๑ สังเกตและส่งเสริมพัฒนาการเด็กทุกด้านทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ๒.๒.๒ ฝึกให้เด็กช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจ าวัน ๒.๒.๓ ฝึกให้เด็กมีความเชื่อมั่น มีความภูมิใจในตนเองและกล้าแสดงออก ๒.๒.๔ ฝึกการเรียนรู้หน้าที่ ความมีวินัย และการมีนิสัยที่ดี ๒.๒.๕ จ าแนกพฤติกรรมเด็กและสร้างเสริมลักษณะนิสัยและแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ๒.๒.๖ ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชนเพื่อให้เด็กได้พัฒนาเต็ม ตามศักยภาพและมีมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ๒.๓ บทบาทในฐานะนักพัฒนาเทคโนโลยีการสอน ๒.๓.๑น าวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพบริบทสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ๒.๓.๒ ใช้เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการเสริมสร้างการเรียนรู้ให้แก่เด็ก ๒.๓.๓ จัดท าวิจัยในชั้นเรียน เพื่อน าไปปรับปรุง พัฒนาหลักสูตร / กระบวนการเรียนรู้ และพัฒนา สื่อการเรียนรู้ ๒.๓.๔ พัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลักษณะของผู้ใฝ่รู้ มีวิสัยทัศน์และทันสมัยทัน เหตุการณ์ในยุคของข้อมูลข่าวสาร ๒.๔ บทบาทในฐานะผู้บริหารหลักสูตร ๒.๔.๑ ท าหน้าที่วางแผนก าหนดหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การ ประเมินผลการเรียนรู้ ๒.๔.๒ จัดท าแผนการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นส าคัญ ให้เด็กมีอิสระในการเรียนรู้ทั้งกายและใจ เปิดโอกาสให้เด็กเล่น / ท างานและเรียนรู้ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่ม
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๕ ๒.๔.๓ ประเมินผลการใช้หลักสูตร เพื่อน าผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ชุมชน และท้องถิ่น ๓. บทบำทของพ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กปฐมวัย การศึกษาระดับปฐมวัยเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็กที่ผู้สอนและพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องสื่อสารกันตลอดเวลา เพื่อความเข้าใจตรงกันและพร้อมร่วมมือกันในการจัดการศึกษาให้กับเด็ก ดังนั้น พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรมีบทบาท หน้าที่ ดังนี้ ๓.๑ มีส่วนร่วมในการก าหนดแผนพัฒนาสถานศึกษาและให้ความเห็นชอบก าหนดแผนการเรียนรู้ ของเด็กร่วมกับผู้สอนและเด็ก ๓.๒ ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กตามศักยภาพ ๓.๓ เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ จัดบรรยากาศภายในบ้านให้เอื้อต่อการเรียนรู้ ๓.๔ สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษาตามความเหมาะสมและจ าเป็น ๓.๕ อบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ให้ความรัก ความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆของ เด็ก ๓.๖ ป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ตลอดจนส่งเสริมคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยประสานความร่วมมือกับผู้สอนและผู้เกี่ยวข้อง ๓.๗ เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งด้านการปฏิบัติตนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และมีคุณธรรมน าไปสู่การ พัฒนาให้เป็นสถาบันแห่งการเรียนรู้ ๓.๘ มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กและในการประเมินการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา ๔. บทบำทของขุมชน การปฏิรูปการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ก าหนดให้ชุมชนมี บทบาทในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยให้มีการประสานความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ ดังนั้น ชุมชนจึงมีบทบาทในการจัดการศึกษาปฐมวัย ดังนี้ ๔.๑ มีส่วนร่วมในการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม / ชมรมผู้ปกครอง ๔.๒ มีส่วนร่วมในการจัดท าแผนพัฒนาสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการด าเนินการของ สถานศึกษา ๔.๓ เป็นศูนย์การเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ ให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จากสถานการณ์ จริง ๔.๔ ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษา
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๖ ๔.๕ ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอกจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญา ท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทุกด้าน รวมทั้งสืบสานจารีตประเพณีศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของ ชาติ ๔.๖ ประสานงานกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยาการของชุมชน และมีส่วนในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น ๔.๗ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ท าหน้าที่ เสนอแนะในการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา กำรเชื่อมต่อของกำรศึกษำระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษำปีที่ ๑ การเชื่อมต่อการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ มีความส าคัญอย่างยิ่ง บุคลากรทุกฝ่าย จะต้องให้ความสนใจต่อการช่วยลดช่องว่างของความไม่เข้าใจในการจัดการศึกษาทั้งสองระดับ ซึ่งจะส่งผลต่อการ จัดการเรียนการสอน ตัวเด็ก ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ ทั้งระบบ การเชื่อมต่อ ของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบผลส าเร็จได้ต้องดาเนินการดังต่อไปนี้ ๑. ผู้บริหำรสถำนศึกษำ ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลส าคัญที่มีบทบาทเป็นผู้น าในการเชื่อมต่อโดยเฉพาะระหว่างหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยในช่วงอายุ ๓ - ๕ ปีกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยต้อง ศึกษาหลักสูตรทั้งสองระดับ เพื่อท าความเข้าใจ จัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการที่จะเอื้อต่อการเชื่อมโยง การศึกษาโดยการจัดกิจกรรมเพื่อเชื่อมต่อการศึกษา ดังตัวอย่างกิจกรรมต่อไปนี้ ๑.๑ จัดประชุมครูระดับปฐมวัยและครูระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างรอยเชื่อมต่อของหลักสูตรทั้ง สองระดับให้เป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพื่อครูทั้งสองระดับจะได้เตรียมการสอนให้สอดคล้องกับเด็กวัยนี้ ๑.๒ จัดหาเอกสารด้านหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับมาไว้ให้ครูและบุคลากร อื่นๆ ได้ศึกษาท าความเข้าใจ อย่างสะดวกและเพียงพอ ๑.๓ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับมีโอกาสแลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆที่ได้รับจากการอบรม ดู งาน ซึ่งไม่ควรจัดให้เฉพาะครูในระดับเดียวกันเท่านั้น ๑.๔ จัดเอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศึกษาอย่างสม่ าเสมอ ๑.๕ จัดให้มีการพบปะ หรือการท ากิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่ าเสมอต่อเนื่อง ใน ระหว่างที่เด็กอยู่ในระดับปฐมวัย เพื่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๗ ได้สร้างความเข้าใจและสนับสนุนการเรียน การสอนของบุตรหลานตนได้อย่างถูกต้อง ๑.๖ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับได้ท ากิจกรรมร่วมกันกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและเด็กในบางโอกาส ๑.๗ จัดกิจกรรมปฐมนิเทศพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างน้อย ๒ ครั้ง คือ ก่อนเด็กเข้าเรียนระดับปฐมวัย ศึกษาและก่อนเด็กจะเลื่อนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจการศึกษาทั้งสองระดับและให้ ความร่วมมือในการช่วยเด็กให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดี ๒. ครูระดับปฐมวัย ครูระดับปฐมวัย นอกจากจะต้องศึกษาท าความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และจัดกิจกรรมพัฒนาเด็ก ของตนแล้ว ควรศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และสร้าง ความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรอื่นๆ รวมทั้งช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อนเลื่อนขึ้นชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยครูอาจจัดกิจกรรมดังตัวอย่างต่อไปนี้ ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ซึ่งจะท าให้ ครูระดับประถมศึกษาสามารถใช้ข้อมูลนั้น ช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวเข้ากับการเรียนรู้ใหม่ต่อไป ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ที่ดี ๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เพื่อให้เด็กเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสท าความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของห้องเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ทั้งที่อยู่ในสถานศึกษาเดียวกันหรือสถานศึกษาอื่น ๓. ครูระดับประถมศึกษำ ครูระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมีเจตคติที่ดีต่อการจัด ประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเพื่อน ามาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๑ ของตนให้ต่อเนื่องกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้ ๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ท าความรู้จักคุ้นเคยกับครูและห้องเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ก่อนเปิดภาคเรียน ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุมประสบการณ์ภายใน ห้องเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสทากิจกรรมได้อย่างอิสระเช่น มุมหนังสือ มุมของเล่นมุมเกมการศึกษา เพื่อช่วยให้เด็กชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ได้ปรับตัวและเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ๓.๓ จัดกิจกรรมร่วมกันกับเด็กในการสร้างข้อตกลงเกี่ยวกับการปฏิบัติตน ๓.๔ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชน
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๘ ๔. พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษาต้องท าความเข้าใจหลักสูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ และ เข้าใจว่าถึงแม้เด็กจะอยู่ในระดับประถมศึกษาแล้วแต่เด็กยังต้องการความรักความเอาใจใส่ การดูแลและการ ปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากระดับปฐมวัย และควรให้ความร่วมมือกับครูและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถปรับตัวได้เร็วยิ่งขึ้น กำรนิเทศก ำกับ ติดตำม ประเมิน และรำยงำน การจัดการศึกษาปฐมวัยมีหลักการส าคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและกระจาย อ านาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นผู้จัดการศึกษาใน ระดับนี้ ดังนั้น เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์และสอดคล้องกับ ความต้องการของชุมชนและสังคมจ าเป็นต้องมีระบบการก ากับ ติดตาม ประเมินและรายงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ ทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความ ร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน การวางแผน และดาเนินงานการจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพอย่างแท้จริง การก ากับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร การศึกษาและระบบการประกันคุณภาพที่ต้องด าเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษาปฐมวัย สร้างความมั่นใจให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยต้องมีการด าเนินการที่เป็นระบบเครือข่ายครอบคลุมทั้ง หน่วยงานภายในและภายนอกตั้งแต่ระดับชาติ เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ใน รูปแบบของคณะกรรมการที่มาจากบุคคลทุกระดับและทุกอาชีพ การก ากับดูแลและประเมินผลต้องมีการรายงานผล จากทุกระดับให้ทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนทั่วไปทราบ เพื่อน าข้อมูลจากรายงานผลมาจัดท าแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป
หลักสูตรอนุบาล 2566 หน้า ๘๙ ภำคผนวก - ค าสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย - ประกาศโรงเรียนเพียงหลวง ๑๖ เรื่อง ให้ใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย