การบัญชีชั้นสูง1
Advanced Accounting 1
30201-2005
คำนำ
นักศึกษาวิชาชีพชั้นสูง ปวส.2 ได้จัดทำสื่อการเรียนรู้การบัญชีชั้นสูง 1 รหัสวิชา
30201-2005 ขึ้น ตรงตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบาย
รายวิชา หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2563 ของสำนักงาน
คณะกรรมการการ อาชีวศึกษา เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มี 6 หน่วย ประกอบด้วย
1. การบัญชีเกี่ยวกับกิจการร่วมค้า
2. การบัญชีเกี่ยวกับธุรกิจฝากขาย
3. การบัญชีเกี่ยวกับสัญญาเช่า
4. การบัญชีเกี่ยวกับตัวแทน
5. การบัญชีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่และสาขา
6. การจัดทำงบการเงินตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน
แต่ละหน่วยมีแบบประเมินผลการเรียนรู้และใบงานที่วิเคราะห์ให้สอดคล้องกับ
แนวทาง การวัดผลและประเมินผลตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำ
อธิบายรายวิชาที่ สอดคล้องกับหลักการของหลักสูตร เพื่อให้ผู้สอนได้ใช้เป็น
แนวทางในการจัดกิจกรรมส่ง เสริมการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์การทำงานให้ผู้เรียน
ได้มีประสบการณ์ นำไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริง
หวังว่าสื่อการเรียนการเรียนรู้ การบัญชีชั้นสูง 1 รหัสวิชา 30201-2005 เล่มนี้
จะเป็น ประโยชน์ต่อผู้เรียน และอาจารย์ผู้สอน ได้ใช้เป็นแนวทางในการจัดการ
เรียนการสอนตาม อุดมการณ์ และหลักการในการจัดการอาชีวศึกษา ใช้เป็นเกณฑ์
การรับรองวิทยฐานะและ มาตรฐานการศึกษาตามแนวทาง ประกันคุณภาพการ
อาชีวศึกษา เน้นกระบวนการคิดอย่างมี คุณธรรมและจริยธรรม หากมีข้อเสนอแนะ
ประการใด นักศึกษาวิชาชีพชั้นสูง ปวส. 2 ยินดีน้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณอย่างยิ่ง
สารบัญ
หน่วยที่1 การบัญชีเกี่ยวกับกิจการร่วมค้า
หน่วยที่2 การบัญชีเกี่ยวกับธุรกิจฝากขาย
หน่วยที่3 การบัญชีเกี่ยวกับสัญญาเช่า
หน่วยที่4 การบัญชีเกี่ยวกับตัวแทน
หน่วยที่5 การบัญชีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่และสาขา
หน่วยที่6 การจัดทำงบการเงินตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน
หน่วยที่1
การร่วมค้า
แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน
ความรู้เกี่ยวกับการร่วมค้า
ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 31 (ปรับปรุง
2555) เรื่องส่วนได้เสียในการร่วมค้า ได้นิยาม
คำศัพท์ที่ใช้มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ ดังนี้
การร่วมค้า หมายถึง การประกอบกิจกรรมเชิงเศรษฐกิจของ
บุคคลหรือกิจการตั้งแต่สองราย ขึ้นไปโดยให้มีการควบคุมร่วม
กันตามที่ตกลงไว้ในสัญญา
ผู้ร่วมค้า หมายถึง บุคคลหรือกิจการที่
เข้าร่วมในการร่วมค้าและมีอำนาจควบ
คุมร่วมในการร่วมค้านั้น
การควบคุม หมายถึง อำนาจในการกำหนด
นโยบายทางการเงินและการดำเนินงานของ
กิจกรรมเชิงเศรษฐกิจเพื่อให้ได้รับประโยชน์จาก
กิจกรรมนั้น
การควบคุมร่วม หมายถึง การมีส่วนร่วมในการ
ควบคุมกิจกรรมเชิงเศรษฐกิจตามที่ตกลงไว้ ใน
สัญญา และการควบคุมร่วมดำรงอยู่ต่อเมื่อการตัดสิน
ใจเชิงกลยุทธ์ทางการเงินและการดำเนินงาน
วิธีส่วนได้เสีย หมายถึง วิธีการบัญชีสำหรับผู้ร่วมค้าใน
กิจการที่ควบคุมร่วมกันโดยบันทึก ส่วนได้เสียในการ
ร่วมค้าเริ่มแรกด้วยราคาทุน และปรับปรุงด้วยการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลัง
วิธีส่วนได้เสีย หมายถึง วิธีการบัญชีสำหรับผู้ร่วมค้าใน
กิจการที่ควบคุมร่วมกันโดยบันทึก ส่วนได้เสียในการ
ร่วมค้าเริ่มแรกด้วยราคาทุน และปรับปรุงด้วยการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลัง
วิธีรวมตามสัดส่วน หมายถึง วิธีการบัญชีของผู้ร่วมค้าโดยนำ
สินทรัพย์ หนี้สิน รายได้และ ค่าใช้จ่ายในการร่วมค้าเฉพาะส่วนที่
เป็นของผู้ร่วมค้ามารวมกับรายการที่เหมือนกันตามเกณฑ์แต่ละ
บรรทัดหรือนำเสนอโดยแสดงรายการดังกล่าวเป็นแต่ละบรรทัด
แยกต่างหากจากรายการชนิดเดียวกัน ในงบการเงินของผู้ร่วมค้า
งบการเงินเฉพาะกิจการ หมายถึง งบการเงินซึ่งนำ
เสนอโดยบริษัทใหญ่ หรือโดยผู้ลงทุน ในบริษัทร่วม
หรือโดยผู้ร่วมค้าในกิจการที่ควบคุมร่วมกัน ซึ่งมีการ
บันทึกบัญชีเงินลงทุนตามเกณฑ์ของส่วนได้เสียใน
ส่วนของเจ้าของโดยตรง ไม่ใช่ตามเกณฑ์ผลการ
ดำเนินงานที่เกิดขึ้นและสินทรัพย์ สุทธิของกิจการที่
ลงทุน
รูปแบบของการร่วมค้า
การร่วมค้ามีรูปแบบและโครงสร้างหลายประเภท มาตรฐานการบัญชี
ฉบับนี้กำหนดการร่วมค้า เป็นประเภทใหญ่ๆ ไว้ 3 ประเภท คือ
การดำเนินงานที่ควบคุมร่วมกัน สินทรัพย์ที่ควบคุมร่วมกัน และ
กิจการที่ควบคุมร่วมกัน
การร่วมค้าทั้ง 3 ประเภทเป็นไปตามคำนิยามของการร่วมค้าซึ่งตามปกติ มี
ลักษณะทุกข้อดังนี้
1. ผู้ร่วมค้าสองรายหรือมากกว่าขึ้นไปมีความผูกพันโดยข้อตกลงร่วมค้าตาม
สัญญา
2. ข้อตกลงตามสัญญากำหนดให้มีอำนาจในการควบคุมร่วมกัน
รายการค้าระหว่าง
ผู้ร่วมค้ากับการร่วมค้า
ผู้ค้าร่วมต้องรับรู้ส่วนของกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการ
โอนหรือขายสินทรัพย์ให้แก่การ ร่วมค้าตามเนื้อหาของ
รายการค้าที่เกิดขึ้น หากผู้ร่วมค้าโอนสินทรัพย์พร้อมกับ
ความเสี่ยงและ ผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญของความเป็น
เจ้าของให้แก่การร่วมค้าและหากการร่วมค้ายังคงครอบ
ครอง สินทรัพย์นั้นอยู่ ผู้ร่วมค้าต้องรับรู้กำไรหรือขาดทุน
ในงบการเงินของผู้ร่วมค้าเฉพาะส่วนที่เป็น ส่วนได้เสีย
ของผู้ร่วมค้าอื่น
ประเภทของธุรกิจที่ดำเนิน
ธุรกิจร่วมค้า
1.ธุรกิจขายสินค้า
ธุรกิจแบบนี้จะมีผู้ร่วมค้าตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยฝ่ายหนึ่งจะทำ
หน้าที่จัดหาสินค้า เพื่อขาย และผู้ร่วมค้าอีกฝ่ายหนึ่งจะทำหน้าที่
เป็นผู้จัดการขาย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ร่วมค้าจะตกลงกัน รวมทั้งมีการ
ตกลงเกี่ยวกับการคิดค่านายหน้าให้กับผู้ซื้อสินค้ามาขายและผู้
ขายสินค้า เมื่อการร่วมค้า สิ้นสุดลงก็จะแบ่งผลกำไรตามอัตราที่
ตกลงกัน
2.ธุรกิจการจัดสรรที่ดิน
ธุรกิจแบบนี้จะมีผู้ร่วมค้าคนหนึ่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและ
นำที่ดินดังกล่าวมาร่วมลงทุนในกิจการร่วมค้าส่วนผู้ร่วมค้า
คนอื่นจะนำเงินสด สินทรัพย์หรือแรงงานมาลงทุน
เพื่อปรับปรุงให้ที่ดิน มีสภาพดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำที่ดินไปขาย
เมื่อขายได้แล้วก็จะนำกำไรมาแบ่งปันกันตามข้อตกลงที่ให้ไว้
3.ธุรกิจการสร้างและจัดจำหน่ายภาพยนตร์
ธุรกิจแบบนี้จะมีผู้ร่วมค้าหลายคน ประกอบไปด้วยผู้ที่ดำเนินการ
เกี่ยวกับการติดต่อนักประพันธ์ การทำบทภาพยนตร์ การจัดหานัก
แสดง ผู้กำกับการแสดง ผู้อำนวยการสร้าง รวมถึง ผู้ให้เงินทุน
และผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ หลังจากการฉายภาพยนตร์เสร็จสิ้น
แล้ว ผู้ร่วมค้าก็จะนำ กำไรมาแบ่งปันกันตามข้อตกลงที่ให้ไว้แก่กัน
สาเหตุที่มีการทำธุรกิจ
แบบร่วมค้า
1.การลดความเสี่ยงภัย
ในการลงทุนถ้ามีผู้ร่วมค้าหลายคนความรับผิดชอบไม่ได้
อยู่ที่คนคนเดียวหรือถ้าการลงทุนร่วมกันหลายกิจการ
ความรับผิดชอบจะไม่ได้อยู่ที่กิจการเดียวเช่นกันความรับ
ผิดชอบจะอยู่ ที่ผู้ร่วมลงทุนแต่ละคนหรือแต่ละกิจการ
2.เพื่อรวบรวมเงินทุน
ในการดำเนินกิจการยิ่งมีผู้ร่วมลงทุนมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้
กิจการมีทุนมากขึ้นโดยเฉพาะกิจการที่ต้องใช้เงินมากก็จำเป็น
ที่จะต้องใช้เงินทุนมาก จึงต้องอาศัยผู้ลงทุนหลายๆคน หรือ
หลายๆ กิจการ หรือจะต้องหาแหล่งเงินทุนอีกหลายๆแหล่ง
3.การรวบรวมความรู้ความสามารถจากบุคคลต่าง ๆ
ธุรกิจใดที่มีผู้มีความรอบรู้ ความสามารถเฉพาะด้านจะทำให้
กิจการนั้นประสบความสำเร็จได้
4.การประหยัดค่าใช้จ่าย
เมื่อกิจการได้มีการร่วมค้ากันหลายๆคนก็จะทำให้ประ
หยัดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าทำธุรกิจเพียงคนเดียวหรือกิจการเดียว
5.ประโยชน์ทางกฎหมาย
ประเทศบางประเทศอาจมีกฎหมายบังคับไม่ให้ชาวต่าง
ชาติดำเนินธุรกิจในประเทศเพียง ลำพัง เพื่อประโยชน์
ทางกฎหมาย ถ้าผู้ลงทุนอยากจะลงทุนก็สามารถทำได้
การบันทึกบัญชีของกิจการร่วมค้า
การบันทึกบัญชีของกิจการร่วมค้าโดยทั่วไปมี 2 วิธีด้วยกัน
วิธีที่ 1 ไม่เปิดสมุดบัญชีชุดร่วมค้าอีกชุดหนึ่ง
วิธีนี้ผู้ร่วมค้าแต่ละคนจะจดบันทึกรายการร่วมค้าทั้งสิ้นในสมุด
บัญชีของตนเอง โดยไม่เปิดสมุดบัญชีชุดร่วมค้าต่างหากอีกชุด
หนึ่ง เพราะรายการค้ามีจำนวนน้อยและระยะเวลา
การดำเนินงานเป็นระยะเวลาสั้นๆ
วิธีที่ 2 เปิดสมุดบัญชีชุดร่วมค้าอีกชุดหนึ่ง
วิธีนี้จะมีการมอบหมายให้ผู้ร่วมค้าคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบในการ
ทำสมุดบัญชีชุดร่วมค้าขึ้นอีกชุดหนึ่ง เพื่อบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้น
จากการร่วมค้าสำหรับผู้ร่วมค้าแต่ละคนจะจดบันทึก รายการร่วมค้า
เฉพาะที่เกี่ยวกับตนเองเท่านั้น วิธีนี้เหมาะสำหรับกิจการร่วมค้าที่มี
รายการค้า จำนวนมาก และระยะเวลาการดำเนินงานค่อนข้างยาว
กว่าวิธีแรก หลักการบันทึกบัญชีมีดังนี้
1. การบันทึกรายการในสมุดบัญชีชุดร่วมค้า จะใช้หลักเกณฑ์
เดียวกันกับห้างหุ้นส่วน
2. การบันทึกรายการในสมุดบัญชีของผู้ร่วมค้าแต่ละคน ผู้ร่วมค้า
จะเปิดบัญชีเงินลงทุน ในกิจการร่วมค้า ไว้ในสมุดบัญชีของ
ตนเองเพื่อบันทึกสิทธิส่วนได้เสียที่มีอยู่ในกิจการร่วมค้า
การบันทึกบัญชี-วิธีที่ 1 ไม่เปิดสมุดบัญชีร่วมค้าอีกหนึ่งชุด
รายก
ารค้า ผู้ร่วมค้
าคนที่1 ผู้ร่วมค้า
คนที่2
1. การนำสินค้ามาลงทุนในกิจการ เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
xx
ร่วมค้า
เครดิต ผู้ร่วม
ค้าที่นำ
xx
( Periodic Inventory System ) เครดิต ซื้อสินค้า xx สินค้ามาลงทุน xx
( Perpetual Inventory System )
เดบิต ร่วมค้า xx
เครดิต ผู้ร
่วมค้าที่นำ
เดบิต ร่วมค้า
สินค้ามาลงทุน xx
เครดิต สินค้า
2. ผู้ร่วมค้าส่งเงินไปให้ผู้ร่วมค้า รายการในสมุดบัญชีผู้ส่งเงิน เดบิต ผู้ร่วมค้าที่รับเงิน xx
อีกคนเพื่อมีไว้จ่ายค่าใช้จ่ายของ
กิจการร่วมค้า
เดบิต ผู้ร่วมค้าที่รับเงิน xx เครดิต ผู้ร่วม
ค้าที่ส่งเงิน xx
เครดิต เงินสด
xx
3. การซื้อสินค้าของกิจการร่วมค้า
3.1 ซื้อสินค
้าเป็นเงินสด รายการในสมุดบัญชีผู้รับเงิน
เดบิต เงินสด xx
3.2 ซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ
เครดิต ผู้ร่วมค้าที่ส่งเงิน xx
4. การจ่ายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้
4.1 จ่ายชำระเ
ป็นเงินสด
เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
4.2 จ่ายชำระเป็น
เช็ค
เครดิต ผู้ร
่วมค้าที่ซื้อ
5. การขายสินค้าของกิจการร่วมค้า เครดิต เงินสด xx สินค้าสินค้า xx
5.1 ขายสิ
นค้าเป็นเงินสด
เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
เครดิต ผู้ร่ว
มค้าที่ซื้อ
เครดิต เจ้าหนี้ xx สินค้าสินค้า xx
xx
xx ไม่บันทึก
บัญชี
เดบิต เจ้าหนี้
เครดิต เงินสด
เดบิต เจ้าหนี้ xx ไม่บันทึก
บัญชี
xx
xx
เครดิต ธนาคาร เดบิต ผู้ร่วมค้าที่ขายสินค้า xx
xx
เดบิต เงินสด เครดิต ร่วมค้า
เครดิต ร่วมค้า xx
การบันทึกบัญชี-วิธีที่ 1 ไม่เปิดสมุดบัญชีร่วมค้าอีกหนึ่งชุด
รายก
ารค้า ผู้ร่วมค้
าคนที่1 ผู้ร่วมค้า
คนที่2
6. การรับชำระหนี้จากลูกหนี้ เดบิต เงินสด xx ไม่บันทึก
บัญชี
6.1 รับชำระเป็นเ
งินสด xx ไม่บันทึก
บัญชี
xx
6.2รับชำระเป็นเช็ค
xx
เครดิต ลูกหนี้
6.3 รับชำระหนี้เป็นเช็
คนำฝากธนาคารทันที เดบิต เงินสด
xx ไม่บันทึกบัญชี
xx
เครดิต ลูกหนี้
เดบิต ธนาคาร
เครดิต ลูกหนี้
เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
xx
7. การตัดหนี้สูญ
เครดิต ผู้ร่วมค้าที่ซื้อสินค้า
หรือผู้
ร่วมค้าที่ตัดลูก
เครดิต ลูกหนี้
หนี้เป็นหนี้สูญ xx
8. การจ่ายค่าใช้จ่าย
เป็นเงินสด เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
เครดิต ผู้ร่ว
มค้าที่จ่าย
9. ผู้ร่วมค้าโอนบัญชีค่าใช้จ่ายของ
กิจการตนเองไปเป
็นค่าใช้จ่ายของ เครดิต ธนาคาร xx ค่าใช้จ่าย xx
กิจการร่วมค้า
xx เดบิต ร่วมค้า xx
10. การจ่ายเงินเดือน
ให้ผู้ร่วมค้าที่เป็น
ผู้จัดการ เดบิต ร่วมค้า
11. การถอนสินค้าจากกิจการร่วมค้า
xx เครดิต ผู้ร่
วมค้าที่จ่าย
11.1 ระบบการบันท
ึกสินค้าเมื่อสิ้นงวด
เครดิต ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่าย xx
(Periodic Inventory System)
เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
เครดิต ผู้ร่ว
มค้าได้
เครดิต รายได้เงินเดือน xx รับเงินเดือน xx
xx เดบิต ผู้ร่วมค้าที่ xx
ถอนสินค้า
xx
เดบิต ซื้อสินค้า
เครดิต ร่วมค้า
เครดิต ร่วมค้า xx
รายกา
รค้า ผู้ร่วมค้า
คนที่1 ผู้ร่วมค้าค
นที่2
รายการในสมุดบัญชีผู้ได้รับเงิน เดบิต ผู้ร่วมค้าที่รับเงิน xx
xx
เดบิต เงินสด xx
เคดิต ผู้ร่วมค้า
เครดิต ผู้ร่ว
มค้าที่จ่ายเงิน xx ที่จ่ายเงิน
12.การถอนเงินสดจากกิจการร่วมค้า
รายการในสมุดบัญชีผู้จ่ายเงิน
เดบิต ผู้ร่วมค้าที่รับเงิน xx
เครดิต เงินสด xx
เดบิต ร่วมค้า
xx
13. การคิดค่านายหน้าในการขายสินค้า เครดิต รายได้ค่านายหน้า เดบิต ร่วมค้า xx
หรือคิดดอกเบี้ยให้กับ
ผู้ร่วมค้าที่นำเงินมา หรือดอ
กเบี้ยรับ
ลงทุน (เฉพาะส่วนตนเอง)
ผู้ร่วมค้าคนอื่น ๆ xx เคดิต ผู
้ร่วมค้า
(ตามส่วนที่แต่ละคน
ได้รับ) คนอื่น xx
เดบิต ร่วมค้า xx เดบิต ร่วมค้า xx
(ยอดกำไรทั้งสิ้น) (ยอดกำไรทั้งสิ้น)
14. การแบ่งผลกำไรเมื่อการ เครดิต กำไรจากการร่วมค้า xx เครดิต กำไรจากการร่วมค้า xx
ร่วมค้าเสร็จสิ้น
(เฉ
พาะส่วนของ (เฉ
พาะส่วนของ
ตนเอง) ตนเอง)
ผู้ร่วมค้าคนอื่นๆ xx ผู้ร่วมค้าคนอื่นๆ xx
(ตามส่วนที่แต่ละ (ตามส่วนที่แต่ละ
คนได้รับ) คนได้รับ)
เดบิต ขาดทุนจากการร่วมค้า xx เดบิต ขาดทุนจากการร่วมค้า xx
(เฉพาะส่วนของตนเอง)
(เฉพาะส่วนของตนเอง) ผ(ู้ตร่วามมสค่้วาคน
นที่อแื่นต่ละคนได้รับx)x
เครดิต ร่วมค้า
การแบ่งผลขาดทุนเ
มื่อร่วมค้าเสร็จสิ้น (ผู้ตร่วามมสค่้วาคนนที่
อแื่นต่ละคนได้รับx)x (ยอดขาดทุนทั้งสิ้น)
15. การจ่ายเงินระหว่างกันเมื่อกิจการร่วมค้า เครดิต ร่วมค้า xx
หมายเหตุ ผู้ร่วมค้าคนใดจะเป็นผู้จ่ายเงินหรือ
เป็นผู้รับเงิน ต้องหายอดคงเหลือบัญชีผู้ร่วม (ยอดขาดทุนทั้งสิ้น)
ค้า ถ้าบัญชีผู้ร่วมค้าคนใดมียอดคงเหลือด้าน
การบันทึกบัญชีของผู้ร่วมค้าที่จ่ายเงิน
เดบิต แสดงว่าเป็นผู้ที่ต้
องจ่ายเงินให้ผู้ร่วมค้า
เดบิต ผู้ร่วมค้าท
ี่รับเงิน xx xx
คนอื่น ถ้าบัญชีผู้ร่วมค้าคนใดมียอดคงเหลือ เครดิต เงิน
ด้านเครดิต แสดงว่า เป็นผู้ที่จะได้รับเงิน
หลักการบันทึกบัญชีร่วมค้า
ด้าน
เดบิต ด้านเค
รดิต
1. นำสินค้ามาลงทุน 1. ขายสินค้า
2. ซื้อสินค้า 2. ส่งคืนสินค้า
3. ค่าขนส่งสินค้า 3. ส่วนลดรับ
4. ส่วนลดจ่าย 4. ดอกเบี้ยรับ
5. รับคืนสินค้า 5. ส่วนแบ่งขาดทุนจาก
6. หนี้สูญ
กิจการร่วมค
้า
7. ดอกเบี้ยจ่าย
8. ค่านายหน้า
9. ค่าป่วยการ
10.ส่วนแบ่งกำไรจากกิจ
การร่วมค้า
ส่วนแบ่งขาดทุนจากกิจการร่วมค้า
- กรณีที่ยอดรวมด้านเดบิต > ยอดรวมด้านเครดิต
ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า
- กรณีที่ยอดรวมด้านเดบิต < ยอดรวมด้านเครดิต
หลักการบันทึกบัญชีร่วมค้า
1.รับเงินจากผู้ร่วมค้าอื่น 1. ส่งสินค้าไปกิจ
2. ขายสินค้า การร่วมค้า
3. ดอกเบี้ยรับ
4. จ่ายเงินคืนให้ 2. นำเงินสดไปลงทุน
3. ส่งเงินสดให้
ผู้ร่วมค้าอื่น
ผู้ร่วมค้าอื่น
4. ซื้อสินค้า
5. จ่ายค่าใช
้จ่าย
/ส่วนลดจ่าย
6. ค่าป่วยการ
/ค่านายหน้า
7. ส่วนแบ่งกำไร
8. รับเงินคืนจาก
ผู้ร่วมค้าอื่น
วิธีที่ 2 เปิดสมุดบัญชีชุดร่วมค้าอีกชุดหนึ่ง
หลักการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า
1. เงินสดหรือสินทรัพย์ 1.ส่วนแบ่งขาดทุนในกิจ
ที่ส่งไปกิจการร่วมค้า การร่วมค้า
2. ค่าตอบแทนพิเศษ
3. ดอกเบี้
ยตามอัตรา
ที่ตกลงกัน
4. ส่วนแบ่งกำไรใน
กิจการร่วมค้า
SMCAEN
การแสดงสิทธิส่วนได้เสียและกำาไรขาดทุนจาก กิจการร่วมค้า
ในงบการเงินของผู้ร่วมค้า
สิทธิส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้า จะปรากฏในงบแสดงฐานะการ
เงินทางด้านสินทรัพย์ แต่อาจจะมีลักษณะเป็นไปได้ทั้งสินทรัพย์
หมุนเวียน หรือสินทรัพย์อื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ คาดว่าจะ
ได้รับคืนเงินจากกิจการร่วมค้า หรืออาจกล่าวได้ว่าเมื่อกิจการการร่วม
ค้าสิ้นสุดลง และ ผู้ร่วมค้าชำระเงินที่ติดค้างกันเสร็จสิ้นแล้วไม่ว่า
จะใช้วิธีการบันทึกบัญชีแบบใดก็ตาม จะไม่ปรากฏ ยอดเงินลงทุน
ในกิจการร่วมค้าในงบแสดงฐานะการเงินของผู้ร่วมค้าแต่ละคน
แต่ในกรณีที่กิจการ ร่วมค้ายังไม่สิ้นสุด หรือผู้ร่วมค้ายังมิได้ชำระ
เงินที่ติดค้างให้เสร็จสิ้น ในงบแสดงฐานะการเงิน ของผู้ร่วมค้า
แต่ละคนที่จัดทำขึ้นจะปรากฏยอดเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าใน
สมุดบัญชีของตนเอง ผู้ร่วมค้าแต่ละคนจะแสดงยอดเงินลงทุนใน
กิจการร่วมค้าในงบแสดงฐานะการเงินภายใต้หัวข้อ สินทรัพย์
หมุนเวียน สำหรับกำไรขาดทุนจากกิจการร่วมค้า จะแสดงไว้ในงบ
กำไรขาดทุนภายใต้ หัวข้อรายได้และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
แบบประเมินผลการเรียนรู้หลังเรียน
หน่วยที่2
การบัญชีเกี่ยวกับธุรกิจฝากขาย
แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน
ลักษณะของการฝากขาย
ความหมายของคำว่า ฝากขาย
การฝากขายสินค้า คือ การที่เจ้าของสินค้าฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ผู้ฝาก
ขาย (Consignor) นำสินค้าของตนไปฝากให้กับอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่ง
เรียกว่า ผู้รับฝากขาย (Consignee) เพื่อทำหน้าที่เป็น ตัวแทนในการ
ขายสินค้าให้ โดยอาจจะขายภายในประเทศ หรือต่างประเทศก็ได้แล้ว
แต่กรณี สินค้า ที่นำไปฝากขายกับอีกบุคคลหนึ่งยังไม่ได้มีการโอน
กรรมสิทธิ์ในตัวสินค้าที่ส่งไปฝากขายให้แก่ ผู้รับฝาก ดังนั้น
กรรมสิทธิ์ในตัวสินค้ายังคงเป็นของผู้ฝากขายอยู่ ลักษณะเช่นนี้เรา
อาจกล่าวได้ว่า การฝากขายนั้นต่างกับการขายสินค้า
ความสําคัญของการฝากขาย
การฝากขายมีข้อแตกต่างจากการขายสินค้าในเรื่องกรรมสิทธิ์ในตัว
สินค้า กล่าวคือ การฝาก ขายนั้น กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไป
ยังผู้รับฝากขาย เพราะฉะนั้นสินค้าคงเหลือที่ผู้รับฝากขาย ก็ยัง
เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฝากขายอยู่ ส่วนการขายสินค้า กรรมสิทธิ์ใน
ตัวสินค้าจะเป็นของผู้ซื้อ เมื่อผู้ขายได้ขายสินค้าให้กับผู้ซื้อ
ลักษณะของการฝากขาย
ในทางกฎหมาย ผู้ฝากรายและผู้รับฝากขายต่างฝ่ายก็มีความผูกพัน
ต่อกันในลักษณะของ ตัวการและตัวแทน โดยผู้รับฝากนายมีสิทธิใน
การครอบครองในตัวสินค้าตามวัตถุประสงค์ของการ ขายสินค้านั้น ซึ่ง
เป็นการตกลงของทั้งสองฝ่าย และผู้รับฝากขายจะต้องดูแลรักษาสินค้า
ระมัดระวัง ในตัวสินค้าที่อยู่ในความครอบครองให้ปลอดภัยจนกว่าจะ
ขายสินค้าที่อยู่ในความครอบครองให้ ผู้ซื้อต่อไป
จากวิธีการฝาลายกล่าวข้างกันนั้น ผู้ฝากขายจะทำการบันทึกรายการ
เกี่ยวกับคืนค่า ที่ส่งไปฝากขายและรายได้จากการขายสินค้านั้นๆ ด้วย
ส่วนผู้รับฝากขายไม่ต้องบันทึกเป็นสินค้าของ คน เพราะกรรมสิทธิ์ใน
ทางเป็นของผู้ปราบ และไม่ต้องทั้งผู้ฝากรายเป็นเจ้าหนี้ เพราะไม่ได้
มีการซื้อขายสินค้าจานวนนี้ แต่ผู้ฝากก และบันทึกสินค้าที่ลงไปฝาก
ขายในราคาทุน โดยบันทึกไว้ ทางด้านเครดิตของบัญชีสินค้าที่ส่งไป
ฝากขาย
วิธีการดาเนินการฝากขาย
การจากรายจะเกี่ยวข้องกับ 2 ฝ่าย คือ ฝากขาย และผู้รับฝากขาย ซึ่งได้
ตกลงทำสัญญาในเรื่องต่อไปนี้
1. การกาหนดระยะเวลาของการร่วมหนี้ในกายสามารถให้แก่ผู้ซื้อ
ผู้บริโภค
2. ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ผู้รับฝากจะได้รับคืนจากผู้ฝากขายเช่นค่าระวางค่า
ประกันภัย
3. ค่าตอบแทน
4. การเก็บรักษาและการแยกไว้ต่างหากสำหรับสินค้าที่ฝากขาย
5. เงินที่ได้รับจากการขายสินค้า
6. การส่งเงินและการหักหนี้ระหว่างกัน
7. การทำรายงานเกี่ยวกับการรับสินค้าฝากขาย
8. สิทธิและหน้าที่ของผู้รับฝากขาย
สิทธิของผู้รับฝากขาย
การฝากขายสินค้าจะมีการกำหนดสิทธิของผู้รับฝากขาย ซึ่งเป็นข้อ
ตกลงกันระหว่าง ผู้ฝากขายสินค้ากับผู้รับฝากขายสินค้า สิทธิดังกล่าว
ได้แก่
1 สิทธิในการเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่ตนได้จ่ายแทนผู้ฝากขาย และเงิน
ล่วงหน้าที่จ่าย ให้ผู้ฝากขายไปกลับคืนมาในบางครั้งผู้รับฝากขายอาจ
ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นในการซื้อสินค้ามา รับฝากขาย เช่น
จ่ายค่าระวาง ค่าภาษี ค่าประกันภัย ค่าขนส่ง ค่าเก็บรักษา ค่าซ่อมแซม
ภายใต้ การประกัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ผู้รับฝากขายเห็นความจำเป็น
และความเหมาะสมว่าควรจ่ายไปก่อน หรืออาจจะจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้
ฝากขายไปก่อนที่จะขายสินค้าฝากขายได้
2 สิทธิในการรับค่าตอบแทน
ผู้รับฝากขายสินค้าจะได้รับผลตอบแทน หรือค่าป่วยการ หรือค่า
ธรรมเนียมเป็น เปอร์เซ็นต์จากยอดขายในรูปของค่านายหน้า หรือได้
รับเพิ่มในจำนวนยอดขายที่สูงกว่าจำนวน ที่กำหนดไว้
3สิทธิในการรับรองคุณภาพ หรือรับประกันสินค้าที่ตนขายแทน ผู้รับ
ฝากขายมีสิทธิในการรับรองคุณภาพในตัวสินค้าที่ตนขายแทน ซึ่งผู้
ฝากขายจะต้อง มีภาระผูกพันต่อคำรับรองคุณภาพหรือรับประกันสินค้า
สิทธิของผู้รับฝากขาย
4 สิทธิในการพิจารณาการให้เครดิต หรือสิทธิในการขยายลูกหนี้
ผู้รับฝากขายสินค้าสามารถที่จะให้เครดิตแก่ลูกค้า หรือขายสินค้าจาก
การฝากขายเป็น เงินเชื่อกับลูกค้าได้ เพราะผู้ฝากขายไม่ได้จำกัดสิทธิ
ข้อนี้เอาไว้ ซึ่งลูกหนี้ที่เกิดจากการขายเชื่อ ดังกล่าวก็เป็นลูกหนี้ของผู้
ฝากขาย
หน้าที่ของผู้รับฝากขาย
ในการรับฝากขาย ผู้รับฝากขายมีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการรับฝาก
ขายดังนี้
1 ต้องดูแลรักษาสินทรัพย์ของผู้ฝากขาย ผู้รับฝากขายจะต้องระมัดระวัง
ดูแลและรักษา สินทรัพย์ของผู้ฝากขายอย่างปลอดภัยเหมือนกับเป็น
ของผู้รับฝากขายเอง ซึ่งวิธีการปฏิบัติดังกล่าว อาจได้รับคำแนะนำจากผู้
ฝากขายก็ได้
2 ในฐานะที่ผู้รับฝากขายเป็นตัวแทนของผู้ฝากขาย มีสิทธิในการ
พิจารณาการให้เครดิตแก่ผู้บริโภคหรือลูกค้าผู้รับฝากขายก็ควรที่จะ
ระมัดระวังในเรื่องการพิจารณาการให้เครดิตและการเก็บหนี้ด้วยมิฉะนั้น
แล้วผู้รับฝากขายอาจจะต้องร่วมรับผิดชอบต่อผลขาดทุนที่เกิดขึ้น
หน้าที่ของผู้รับฝากขาย
3 สินค้าที่ผู้รับฝากขายรับมาควรแยกต่างหากจากสินค้าของตน
ซึ่งแยกประเด็นที่สำคัญดังนี้
3.1 ผู้รับฝากขาย ควรแยกสินค้าฝากขายต่างหากจากของตน
ลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่หมายความว่าในทางปฏิบัติจะต้องทำการ
เก็บแยกสินค้าเหล่านี้ออกจากกันโดยเด็ดขาด แต่อย่างน้อยที่สุด
ควรทำเครื่องหมาย หรือจดบันทึกเพื่อทำให้ทราบว่าเป็นสินทรัพย์
ของผู้ฝากขาย หรือของตนเอง
3.2 ลูกหนี้ที่เกิดจากการขายสินค้ารับฝากขาย ควรแยกจากลูกหนี้
การค้าของตนเอง จะได้ทราบว่าเป็นของผู้ฝากขายเท่าใด และ
เป็นของตนเองเท่าใด ในแง่กฎหมาย เงินสดที่ได้รับจาก การ
ขายสินค้าก็ให้ปฏิบัติเหมือนกับลูกหนี้เช่นกัน
3.3 ในบางกรณีเงินสดจากการขายสินค้าที่รับฝากขาย มักจะรวม
เป็นยอดเดียวกับ เงินสดของผู้รับฝากขาย ถ้ามิได้ตกลงกันไว้
จนกว่าจะมีการส่งเงินสดไปให้ผู้ฝากขาย
3.4 จะต้องจัดทำรายงานขาย แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่
รับมาขายแทนผู้ฝากขาย ได้แก่ จำนวนสินค้า ราคาสินค้าทั้งหมด
ที่ขายได้ และหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
การบัญชีเกี่ยวกับการฝากขาย
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการฝากขายจะแยกออกเป็น 2 ด้าน คือ
การบัญชีด้านผู้รับฝากขาย และการบัญชีด้านผู้ฝากขาย
การบัญชีด้านผู้รับฝากขาย
หลักบัญชีโดยทั่วไปแล้ว ผู้รับฝากขายจะเปิดบัญชีรับฝากขาย ซึ่ง
เป็นได้ทั้งบัญชีลูกหนี้ และบัญชีเจ้าหนี้แล้วแต่กรณี
1. เมื่อได้รับสินค้าฝากขาย
ผู้รับฝากขายจะบันทึกความทรงจำ (Memorandum ใช้ตัวย่อ
Memo :) โดยแสดง รายละเอียดว่ารับสินค้าจากบริษัท จํานวน....
(หน่วย) ราคาขายหน่วยละ............บาท มาขายแทน การบันทึก
ความทรงจำ รายการนี้จะบันทึกในสมุดรายวันทั่วไป และในบัญชี
แยกประเภท
2. เมื่อผู้รับฝากขายจ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการฝากขายให้ตั้งผู้ฝาก
ขายเป็นลูกหนี้โดย
Dr. รับฝากขาย-ผู้ฝากขาย XX
XX
Cr: เงินสด
3. เมื่อผู้รับฝากขายขายสินค้าได้ ให้ตั้งผู้ฝากขายเป็นเจ้าหนี้ โดย
Dr. เงินสด/ลูกหนี้รับฝากขาย XX
Cr. รับฝากขาย-ผู้ฝากขา
ย XX
4. ผู้รับฝากขายคิดค่านายหน้าจากค่าขาย ให้ตั้งผู้ฝากขายเป็นลูกหนี้
โดย
Dr. รับฝากขาย-ผู้ฝากขาย XX
Cr. ค่านายหน้ารับ
XX
5. ผู้รับฝากขายจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้ฝากขาย ให้ตั้งผู้ฝากขายเป็น
ลูกหนี้ โดย
Dr. รับฝากขาย-ผู้ฝากขาย XX
XX
Cr. เงินสด
5. ผู้รับฝากขายจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้ฝากขาย ให้ตั้งผู้ฝากขายเป็น
ลูกหนี้ โดย
Dr. รับฝากขาย-ผู้ฝากขาย
XX
Cr. เงินสด XX
การบัญชีด้านผู้ฝากขาย
การบัญชีด้านผู้ฝากขายมี 2 วิธี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ฝาก
ขาย 1. บันทึกการฝากขายแยกจากการขายปกติ
2. บันทึกการฝากขายรวมกับการขายปกติ ในการบันทึกบัญชี ผู้
ฝากขายจะต้องพิจารณาด้วยว่าผู้ฝากขายใช้วิธีการบันทึกบัญชี
เกี่ยวกับ
สินค้าแบบใด ซึ่งปกติวิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินค้ามี 2 วิธี
คือ กวิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด (Periodic laventory
System)
ขวิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง (Perpetual Inventory
System)
บันทึกการฝากขายแยกจากการขายปกติ
ในกรณีนี้ผู้ฝากขายต้องการบันทึกการฝากขาย คำนวณผลกำไร
จากการฝากขาย แยกออกต่างหากจากการขายปกติ ซึ่งทำให้ผู้รับ
ฝากขายสามารถทราบผลตอบแทนจากการรับฝากขาย ได้อย่าง
ชัดเจน วิธีนี้ผู้ฝากขายก็จะเปิดบัญชีฝากขาย (Consignment-
out) เป็นบัญชีสินค้าคงเหลือ ในมือของผู้ฝากขาย
ในกรณีที่ผู้ฝากขายได้รับรายงานขายจากผู้รับฝากขาย ผู้ฝากขาย
ก็จะบันทึกรายได้จากการ
ขายสินค้าส่งไปฝากขายได้ 2 วิธี คือ
1. Gross Sale เป็นการบันทึกรายได้จากการขายสินค้าที่ส่งไป
ฝากขายก่อนหักค่าใช้จ่าย 2. Net Sale เป็นการบันทึกรายได้
จากการขายสินค้าที่ส่งไปฝากขายหลังหักค่าใช้จ่าย
วิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง วิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด
(Perpetual
Inventory
(Periodic I
nventory
System)
System)
1. เมื่อส่งสินค้าไปฝากขาย 1. เมื่อส่งสินค้าไปฝากขาย
Dr. ฝากขาย-บริษ
ัท XX Dr. ฝากขาย-บริษ
ัท XX
Cr. สินค้า XX Cr. สินค้าส่งไปฝากขาย XX
2. จ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการฝาก 2. จ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการฝาก
ขาย ขาย
Dr ฝากขาย-บริษัท..... XX Dr ฝากขาย-บริษัท..... XX
Cr. เงินสด XX Cr. เงินสด XX
หรือค่าใช้จ่ายค้าง
จ่าย (ในกรณี หรือค่าใช้จ่ายค้าง
จ่าย (ในกรณี
ค้างชำระ) หรือ ค่าใช้จ่ายนั้นๆ ค้างชำระ) หรือ ค่าใช้จ่ายนั้นๆ
(ในกรณีที่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการ (ในกรณีที่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการ
ฝากขายรวมไปกับค่าใช้จ่ายโดย ฝากขายรวมไปกับค่าใช้จ่ายโดย
ปกติของกิจการ) ปกติของกิจการ)
3. ได้รับเงินล่วงหน้าจากการฝาก 3. ได้รับเงินล่วงหน้าจากการฝาก
ขาย
ขาย
XX
Dr. เงินสด XX Dr. เงินสด
Cr. ผู้รับฝากขาย XX Cr. ผู้รับฝากขาย XX
4. ได้รับสินค้าคืนจากผู้รับฝาก 4. ได้รับสินค้าคืนจากผู้รับฝาก
ขาย ขาย
Dr. สินค้า
XX Dr. สินค้า
XX
Cr. ฝากขาย บริษัท....... XX Cr. ฝากขาย บริษัท....... XX
วิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง วิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด
(Perpetual
Inventory
(Periodic I
nventory
System)
System)
5. จ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าที่ 5. จ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าที่
รับคืน
รับคืน
Dr. ค่าใช้จ่ายประเภทนั้นๆ XX Dr. ค่าใช้จ่ายประเภทนั้นๆ XX
Cr. เงินสด. XX Cr. เงินสด. XX
6. เมื่อได้รับเงินสดพร้อมรายงาน 6. เมื่อได้รับเงินสดพร้อมรายงาน
ขาย ขาย
ก. วิธี Gross Sale ก. วิธี Gross Sale
Dr. เงินสด XX Dr. เงินสด XX
ผู้รับฝากขาย
XX ผู้รับฝากขาย
XX
(เงินล่วงหน้า) (เงินล่วงหน้า)
ฝากขาย-บริษัท..... XX ฝากขาย-บริษัท..... XX
(ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุน) (ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุน)
ค่าใช้จ่ายประเภทนั้นๆ XX ค่าใช้จ่ายประเภทนั้นๆ XX
Cr.ขายโดยการฝากขาย XX Cr.ขายโดยการฝากขาย XX
ข. วิธี Net Sale ข. วิธี Net Sale
Dr. เงินสด XX Dr. เงินสด XX
ผู้รับฝากขาย XX ผู้รับฝากขาย XX
Cr. ขายโดย
การฝากขายXX Cr. ขายโดย
การฝากขายXX
วิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง วิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด
(Perpetual
Inventory
(Periodic I
nventory
System)
System)
7. บันทึกต้นทุนขาย 7. บันทึกต้นทุนขาย
Dr.ต้นทุนขายโดยการฝากขายXXDr.ต้นทุนขายโดยการฝากขายXX
(ในส่วนที่ขายได้) (ในส่วนที่ขายได้)
ค่าใช้จ่ายในกา
รฝากขาย XX ค่าใช้จ่ายในกา
รฝากขาย XX
(ค่าใช้จ่ายของผู้ฝากขายที่คิด (ค่าใช้จ่ายของผู้ฝากขายที่คิด
เป็นต้นทุน) เป็นต้นทุน)
Cr. ฝากขาย-บริษัท..... XX Cr. ฝากขาย-บริษัท..... XX
8. ปิดบัญชีสินค้าส่งไปฝากขายเข้า
กำไรขาดทุน
Dr. สินค้าส่งไปฝากขาย XX
Cr. กำไรขาด
ทุน XX
(ปิดบัญชีทั้งหมด ไม่ว่าจะขายได้
. ทั้งหมดหรือบางหรือขายไม่ได้
2.บันทึกการฝากขายรวมกับการขายปกติ
คือการลงรายการฝากขายสินค้าไปกับรายการค้าโดยปกติ
ของกิจการซึ่งมีหลักในการบันทึกบัญชีทางด้านผู้ฝาก
ขายดังนี้
วิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง วิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด
(Perpetua
l Inventory (Periodic I
nventory
System)
System)
1. เมื่อส่งสินค้าไปฝากขาย 1. เมื่อส่งสินค้าไปฝากขาย
Dr. ฝากขาย-บร
ิษัท..... XX Dr. ฝากขาย-บริษ
ัท..... XX
Cr. สินค้า XX Cr. สินค้าส่งไปฝากขาย XX
2. เมื่อจ่ายค่าใช้จ่าย 2. เมื่อจ่ายค่าใช้จ่าย XX
Dr. ค่าใช้จ่าย
XX Dr. ค่าใช้จ่าย
XX
Cr. เงินสด XX Cr. เงินสด
3. มื่อได้รับเงินล่วงหน้าจากผู้รับ 3. มื่อได้รับเงินล่วงหน้าจากผู้รับ
ฝากขาย ฝากขาย
Dr. เงินสด XX Dr. เงินสด XX
Cr. ผู้รับฝากขาย
XX Cr. ผู้รับฝากขาย
XX
วิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง วิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด
(Perpetual
Inventory
(Periodic I
nventory
System)
System)
4. เมื่อได้รับสินค้าคืน 4. เมื่อได้รับสินค้าคืน XX
Dr. สินค้า. XX Dr. สินค้าเมื่อส่งสินค้า XX
Cr. ฝากขาย-บริษ
ัท.......
XX ไปฝากขาย
Cr. ฝากขาย-บริษัท.......
5. เมื่อได้รับรายงานขายพร้อม 5. เมื่อได้รับรายงานขายพร้อม
เงินสด เงินสด
ก. วิธี Gross Sale ก. วิธี Gross Sale
Dr. เงินสด
XX Dr. เงินสด
XX
ผู้รับฝากขาย XX ผู้รับฝากขาย XX
ค่าใช้จ่าย XX ค่าใช้จ่าย XX
Cr.ขาย XX Cr.ขาย XX
ข. วิธี Net Sale XX ข. วิธี Net Sale XX
Dr. เงินสด XX Dr. เงินสด XX
ผู้รับฝากขาย
XX ผู้รับฝากขาย
XX
Cr. ขาย Cr. ขาย
6. บันทึกต้นทุนขาย 6. โอนกลับรายการ (Reversing
Dr. ต้นทุนขาย
XX Entry) เฉพาะส่ว
น ที่ขายได้
XX Dr. สินค้าส่งไปฝากขาย XX
Cr. ฝากขาย-บริษัท.....
Cr. ฝากขาย-บริษัท....... XX
วิธีบันทึกสินค้าแบบต่อเนื่อง วิธีตรวจนับสินค้าเมื่อวันสิ้นงวด
(Perpetual
Inventory
(Periodic I
nventory
System)
System)
7. ปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ 7. ปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ
ต้นทุนของสินค้า ต้นทุนของสินค้า
Dr. ค่าใช้จ่ายในการ Dr. ค่าใช้จ่ายในการ
ฝากขาย
XX ฝากขาย
XX
รอตัดบัญชี XX รอตัดบัญชี XX
Cr. ค่าใช้จ่าย XX Cr. ค่าใช้จ่าย XX
(ของสินค้าคงเหลือทุกตัว) (ของสินค้าคงเหลือทุกตัว)
สินค้าคงเหลือของผู้ฝากขาย
ในวันปิดบัญชี ถ้าปรากฏว่ามีสินค้าคงเหลือซึ่งอยู่ในมือของผู้รับฝาก
ขาย อันสืบเนื่องมาจาก สินค้าที่ส่งไปฝากขายแต่ขายไม่ได้ ก็จะต้องนำ
มาแสดงเป็นสินค้าคงเหลือของผู้ฝากขาย และราคาทุน ของสินค้าคง
เหลือในมือของผู้รับฝากขายควรจะรวมถึงราคาทุนของสินค้านั้นบวก
ด้วยส่วนเฉลี่ย ค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นส่วนที่สินค้านั้นขายไม่ได้ด้วย เช่น
ค่าระวาง หรือค่าขนส่งที่จ่ายโดยผู้ฝากขาย หรือผู้รับฝากขาย ส่วนค่า
นายหน้าจะไม่นำมาพิจารณาด้วย เพราะค่าใช้จ่ายประเภทนี้โดยปกติ
แล้ว มิใช่ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนของสินค้าคงเหลือ แต่ให้ตัดจ่ายหมด
ไปในงวดนั้น โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ เกิดขึ้นในงวดปัจจุบันทั้งจำนวน
เงินล่วงหน้าจากผู้รับฝากขาย
ผู้ฝากขายอาจจะมีการทำสัญญาหรือตกลงกับผู้รับฝากขาย โดยผู้รับ
ฝากขายจะจ่ายเงิน ล่วงหน้าให้ก่อน ซึ่งคาดว่าผู้รับฝากขายจะขาย
สินค้านั้นได้แน่นอน โดยประมาณจากราคาขาย ณ วันที่ทำสัญญา
หรือตกลงกัน และจำนวนเงินจะนำไปเดบิตเงินสด เครดิตบัญชี
ผู้รับฝากขาย โดยตั้งเป็นเจ้าหนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะมีการขายสินค้าและ
มีการชำระหนี้ระหว่างกัน จึงจะโอนปิดบัญชีนี้ (นำเงินล่วงหน้าจาก
ผู้รับฝากขาย หักกับจำนวนที่ผู้รับฝากขายจะต้องจ่ายให้ผู้ฝากขาย)
การส่งคืนสินค้าฝากขาย
ที่ขายไม่ได้
ในบางกรณีสินค้าที่ผู้ฝากขายส่งไปยังผู้รับฝากขายอาจชำรุดหรือ
ขายไม่ได้ ผู้รับฝากขาย ก็อาจจะส่งคืนสินค้าบางส่วนคืนให้กับผู้
ฝากขาย ดังนั้น การที่ราคาส่งคืนสินค้าฝากขายที่ขายไม่ไ ให้ตี
ราคาทุนของสินค้าไม่รวมค่าขนส่งในการส่งสินค้าจากผู้รับฝากขาย
มายังผู้ฝากขายและค่าใช้จ่า ต่างๆ เกี่ยวกับการส่งคืนสินค้าฝาก
ขายที่ขายไม่ได้ ไม่ว่าจะที่ผู้ฝากขายหรือผู้รับฝากขายจ่ายไป
การขายสินค้าฝากขายเป็นเงินเชื่อ
การฝากขายที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นการฝากขายเป็นเงินสด แต่ใน
ทางการค้าแล้ว ผู้รับฝากขาย อาจขายสินค้าฝากขายเป็นเงินเชื่อได้
ซึ่งในการขายสินค้าฝากขายเป็นเงินเชื่อนั้นมีวิธีการบันทึก บัญชีได้
2 กรณี คือ
1. ผู้รับฝากขายยินยอมรับเป็นผู้รับผิดชอบในหนี้สูญที่เกิดขึ้น จาก
การขายเชื่อต่อผู้ฝากขายเราเรียกผู้รับฝากขายในกรณีนี้ว่า ตัวแทน
ฐานประกัน ซึ่งผู้รับฝากขายจะได้รับค่านายหน้าเพิ่มเป็นพิเศษจาก
ค่านายหน้าปกติ ค่านายหน้านี้เรียกว่า ค่านายหน้าฐานประกันรับ
(DeleredereCommission)
2. ถ้าผู้รับฝากขายไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนฐานประกัน ก็จะไม่ได้
รับค่านายหน้าฐาน ประกัน และหนี้สูญที่เกิดขึ้นจะถือเป็นค่าใช้จ่าย
อย่างหนึ่งของการฝากขายที่จะคิดหักบัญชีกับ ผู้ฝากขายเช่นเดียวกับ
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้รับฝากขายจ่ายแทนผู้ฝากขาย
แบบประเมินผลการเรียนรู้หลังเรียน
หน่วยที่ 3
การบัญชีเกี่ยวกับสัญญาเช่า
แบบประเมินก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 3
แสกนได้เลยฮาฟ
ความหมายของสัญญาเช่าและการเช่าซื้อ
สัญญาเช่า (leasing) หมายถึง สัญญาหรือส่วนของ
สัญญาที่ผู้ให้เช่า (lessor) ให้สิทธิแก่ผู้เช่า (lessee)
ในการใช้สินทรัพย์ (สินทรัพย์อ้างอิง) สำหรับช่วงเวลา
ที่ตกลงกันเพื่อแลกเปลี่ยน
การจัดหาสินทรัพย์โดยการทำเป็นสัญญาเช่า
สามารถจัดประเภทสัญญาเช่าได้เป็น 2 แบบ คือ
1.สัญญาเช่าชนิดจัดหาแหล่งเงินทุน
(สัญญาเช่าการเงินเดิม)
2.สัญญาเช่าดำเนินงาน
แล้วผู้เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่า คือผู้เช่าและผู้ให้เช่า
สัญญาเช่าชนิดจัดหาแหล่งเงินทุน
เป็นการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทน
ทั้งหมดที่เจ้าของพึ่งได้รับจากสินทรัพย์ไปให้
แก่ผู้เช่า