๔๑
๓.๔.๒.๓. แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง วิธีการทาง
ประวัตศิ าสตรแ์ บบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เร่อื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ซงึ่
มีเน้ือหาประกอบด้วย เร่ืองข้ันตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ การสืบค้นข้อมูลโดยวิธีการทาง
ประวตั ศิ าสตร์ และขอ้ มูลหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ เปน็ แบบทดสอบแบบปรนยั ชนดิ 4 ตัวเลอื ก
มที ั้งหมด ๒0 ขอ้ มีข้ันตอนการด้าเนินงาน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ศึกษาหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพือ่
วิเคราะห์ในส่วนของการวัดและประเมินผล และสร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด
วิเคราะห์
ขั้นท่ี 2 วเิ คราะห์หลกั สูตรตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัด วิเคราะห์เน้อื หา ผล
การเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง
ขน้ั ท่ี 3 ศกึ ษาเอกสารเกีย่ วกับการสรา้ งเครือ่ งมือวัดและประเมินผล
ข้ันท่ี 4 สร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง วิธีการทาง
ประวัติศาสตร์ โดยผู้วิจัยสร้างแบบทดสอบ แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ้านวน ๓0 ข้อ ซึ่งมีเน้ือหา
ประกอบดว้ ย เรื่องขน้ั ตอนวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ การสบื คน้ ขอ้ มูลโดยวิธีการทางประวตั ิศาสตร์
และข้อมลู หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
ข้ันที่ 5 น้าแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เร่ือง วิธีการทาง
ประวตั ิศาสตร์ ทส่ี รา้ งข้ึนใหอ้ าจารย์ท่ปี รึกษา ตรวจสอบความถูกต้องและปรับปรุงแกไ้ ข
ข้ันที่ 6 น้าแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ท่ีผู้วิจัยสร้างขึ้น
เสนอผู้เช่ียวชาญจ้านวน 3 คน ประกอบด้วยด้านเน้ือหา ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการวัด
และประเมินผล พิจารณาตรวจสอบความเท่ียงตรงเชิงเนือ้ หา โดยหาดัชนคี วามสอดคลอ้ งระหว่าง
ข้อคา้ ถามกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (IOC) โดยให้ผูเ้ ชีย่ วชาญพิจารณา ดังนี้
+1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อค้าถามของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด
วเิ คราะห์ มีความสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์
0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อค้าถามของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด
วเิ คราะห์ มีความสอดคล้องกบั จุดประสงค์
-1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อค้าถามของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด
วิเคราะห์ ไมส่ อดคล้องกบั จุดประสงค์
ค่าดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เรือ่ ง
วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ จากการตรวจสอบของผู้เชีย่ วชาญทง้ั หมด 3 ท่าน ไดแ้ ก่ 1) อาจารยบ์ ุญ
ส่ง นาแสวง 2) อาจารย์วริ ัตน์ ทองภู 3) อาจารย์สรญิ ญา มารศรี ซ่งึ มคี า่ ระหวา่ ง 0.67 - 1.00
ข้ันท่ี 7 น้าแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เร่ือง วิธีการทาง
ประวัตศิ าสตร์ มาปรบั ปรงุ แก้ไขตามค้าแนะนา้ ของผ้เู ชี่ยวชาญ โดยได้มกี ารปรับแก้ข้อค้าถามและ
ตวั เลือกให้มีความถูกต้องและมีความเหมาะสมในด้านของภาษาและเลือกแบบทดสอบให้เหลอื ๒0
๔๒
ข้อ และน้าไปทดสอบกับกลุ่มนักเรียนท่ีไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย โรงเรียนบ้านสองคอนศิริคุรุราษฎร์
เพือ่ หาเฉลย่ี ความยากงา่ ย (P) และค่าอา้ นาจจ้าแนก (r)
ข้ันที่ 8 น้าผลคะแนนมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยความยากง่าย (P) และค่าอ้านาจ
จ้าแนก ( r ) ของข้อสอบแต่ละข้อ แล้วคัดเลือกเอาข้อค้าถามที่มีความยากง่ายระหว่าง ๐.๖๑-
๐.๘๒ และ ค่าอ้านาจจ้าแนก อยู่ระหว่าง ๐.๒๑ - ๐.๔๓ และมีค่าความเช่ือม่ันของข้อสอบ
(KR20) เทา่ กับ ๐.๓๐
ขั้นท่ี ๙ จัดท้าแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ให้สมบูรณ์ และ
น้าไปใชก้ บั กลุ่มเป้าหมาย
3.4.2.๔. แบบสอบถามความพงึ พอใจการจดั การเรียนรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5E
แบบสอบถามความพึงพอใจการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E มี
ท้ังหมด 10 ขอ้ มขี ้ันตอนการดา้ เนินงาน ดังน้ี
ขน้ั ที่ 1 ศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎี เอกสาร และงานวิจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั วิธีการสร้าง
แบบสอบถามความพงึ พอใจ เพือ่ เป็นกรอบในการสรา้ งค้าถาม
ข้ันท่ี 2 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ โดยใช้ข้อค้าถามแบบมาตราส่วน
ประมาณค่า 5 ระดบั ดังนี้
4.51 – 5.00 หมายถงึ มีความพงึ พอใจมากทสี่ ดุ
3.51 – 4.50 หมายถึง มีความพงึ พอใจมาก
2.51 – 3.50 หมายถงึ มีความพึงพอใจปานกลาง
1.51 - 2.50 หมายถึง มคี วามพึงพอใจนอ้ ย
1.00 - 1.50 หมายถึง มีความพึงพอใจนอ้ ยทีส่ ดุ
ข้นั ท่ี 3 น้าแบบสอบถามความพงึ พอใจ ทีส่ รา้ งขนึ้ ใหอ้ าจารยท์ ่ีปรึกษา ตรวจสอบ
ความถูกต้องและปรับปรงุ แกไ้ ข
ขั้นที่ 4 น้าแบบสอบถามความพงึ พอใจ ทผี่ วู้ จิ ัยสร้างข้นึ เสนอผู้เช่ียวชาญจ้านวน
3 คน พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา โดยหาดัชนีความสอดคล้องระหวา่ ง
ขอ้ ค้าถามกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (IOC) โดยใหผ้ ูเ้ ช่ยี วชาญพจิ ารณา ดงั น้ี
+1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อค้าถามของแบบสอบถามความพึงพอใจ มีความ
สอดคลอ้ ง
0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อค้าถามของแบบสอบถามความพึงพอใจ มีความ
สอดคลอ้ ง
-1 หมายถงึ แนใ่ จว่าขอ้ คา้ ถามของแบบสอบถามความพงึ พอใจ ไม่สอดคลอ้ ง
ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบสอบถามความพึงพอใจ จากการตรวจสอบของ
ผู้เช่ียวชาญท้ังหมด 3 ท่าน ได้แก่ 1) อาจารย์บุญส่ง นาแสวง 2) อาจารย์วิรัตน์ ทองภู 3)
อาจารยส์ ริญญา มารศรี ซง่ึ มีคา่ ระหวา่ ง 0.67 - 1.00
๔๓
ข้ันท่ี 5 นา้ แบบสอบถามความพึงพอใจ มาปรับปรงุ แก้ไขตามค้าแนะน้าของ
ผู้เชี่ยวชาญ โดยได้มีการปรับแก้ข้อค้าถามและตัวเลือกให้มีความถูกต้องและมีความเหมาะสมใน
ด้านของภาษา
ขน้ั ที่ 6 นา้ แบบสอบถามความพึงพอใจ ที่ผูว้ จิ ัยสรา้ งข้นึ จ้านวน 10 ขอ้ ไปใชก้ ับ
กลมุ่ เปา้ หมาย
๓.๕ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
การด้าเนินการทดลองผ้วู ิจัยได้ท้าการทดลอง และเก็บขอ้ มลู ในภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศึกษา
๒๕๖๔ รวม ๓ สัปดาหโ์ ดยผู้วจิ ยั แบง่ ออกเป็น ๓ ขั้นตอน
๓.๕.๑ ข้ันเตรยี มกอ่ นการทดลอง
๑)ด้าเนินการสร้างเคร่ืองมือการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้
รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวชิ าประวัติศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๕
๑.๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ จ้านวน ๓ แผน คอื
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ ข้นั ตอนวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ การสืบค้นข้อมูลโดยวิธีการทาง
ประวัตศิ าสตร์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ขอ้ มลู หลักฐานทางประวัติศาสตร์
๑.๒ แบบทดสอบวดั ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ จา้ นวน ๒๐ ข้อ
๑.๓ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น จา้ นวน ๓๐ ขอ้
๑.๔ แบบประเมินความพงึ พอใจที่มตี อ่ การจดั การเรียนรู้
๓.๕.๒ ขนั้ สอน
๑) ผู้วิจัยช้ีแจงเก่ียวกับวัตถุประสงค์และความพร้อมให้กับนักเรียนก่อนการ
ทดลองใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้
๒) ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีประกอบด้วยการเข้าสู่บทเรียน
แนะน้าเน้ือหา แนะน้าแหลง่ ขอ้ มลู และมอบหมายงานใหก้ ับนักเรยี น
๓) ข้ันตรวจสอบใบงานเป็นการตรวจสอบว่าผู้เรียนได้ปฏิบัติครบถ้วน พร้อมให้
นกั เรียนออกมาน้าเสนอใบงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
๔) ขั้นสรุปบทเรียนและประเมินผลการท้างาน ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปบท
เรียนหลงั จากผูว้ ิจัยไดด้ ้าเนินการสอนครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้
หลังจากผวู้ ิจัยได้ด้าเนนิ การสอนครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้ ให้นกั เรียนทา้ แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน จ้านวน ๓๐ ข้อ
แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ๒๐ ข้อ และให้ผู้เรียนท้าแบบประเมินความพึง
พอใจท่ีมตี ่อการเรยี นรายวิชาประวัติศาสตร์ จา้ นวน ๑๐ ข้อ
๔๔
๓.๖ การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
ผู้วจิ ยั ไดด้ า้ เนนิ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ดังน้ี
๑. วิเคราะห์ข้อมลู จากแบบทดสอบวัดความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ โดยนา้ มาหา
คา่ รอ้ ยละ และค่าเฉล่ยี เพอื่ เทยี บกับเกณฑท์ กี่ ้าหนดใหค้ อื นกั เรียนผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ ของ
คะแนนเตม็ 20 คะแนน
๒. วิเคราะห์ข้อมลู จากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยน้ามาหาคา่ รอ้ ย
ละและค่าเฉล่ียเพอ่ื เทยี บกบั เกณฑ์ทก่ี า้ หนดให้คอื นักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ของคะแนนเต็ม
30 คะแนน
๓. วิเคราะห์ข้อมลู จากแบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรียน โดยหาคา่ เฉล่ีย และ
ค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพือ่ ใช้สรุปผลของความพึงพอใจของนกั เรียน
๓.๗ สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการวิจัย
๓.๗.๑ การหาค่าร้อยละ (%)
๓.๗.๒ การหาคา่ เฉล่ยี ( ̅ )
๑.๓ การหาสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.)
๔๕
บทท่ี ๔
ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
การวิจัยเร่ือง การวิจัยเรื่องการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้รปู แบบสบื
เสาะหาความรู้ 5E ในรายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ ของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ โรงเรียนบ้านสอง
คอนศิริคุรุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น สามารถน้าเสนอผลการ
วิเคราะห์ข้อมลู ได้ ดังนี้
๔.๑ ผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ 5E ในรายวิชาประวัติศาสตร์ ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านสอง
คอนศริ ิคุรรุ าษฎร์ ตา้ บลบ้านขาม อ้าเภอน้าพอง จงั หวดั ขอนแก่น
๔.๒ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการคิดวิเคราะห์โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบสบื เสาะหาความรู้ 5E ในรายวชิ าประวตั ิศาสตร์ ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียน
บ้านสองคอนศิรคิ ุรุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอนา้ พอง จงั หวัดขอนแกน่
๔.๓ ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านสอง
คอนศิริคุรุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น ต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ 5E ในรายวชิ าประวัตศิ าสตร์
๔.๔ องคค์ วามรูท้ ีไ่ ดจ้ ากการวจิ ยั
๔.๑ ผลการพัฒนาความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์โดยใชก้ ารจัดการเรยี นรูแ้ บบสบื
เสาะหาความรู้ 5E ในรายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕
โรงเรยี นบ้านสองคอนศิรคิ ุรรุ าษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อา้ เภอน้าพอง จังหวัดขอนแกน่
ผู้วิจัยได้ท้าการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ 5E หลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครบทั้ง ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ
ปรนัย จา้ นวน ๒๐ ขอ้ โดยใชเ้ กณฑก์ ารผา่ นรอ้ ยละ ๗๐ ของคะแนนเต็มและจ้านวนนกั เรยี นท่ีผ่าน
เกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของนักเรียนทั้งหมด ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของคะแนนวัด
ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ ดังแสดงในตารางที่ ๔.๑
๔๖
ตารางที่ ๔.๑ แสดงผลการพฒั นาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยการจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียน
บ้านสองคอน ศิริครุ ุราษฎร์ อา้ เภอนา้ พอง จงั หวัดขอนแก่น
จา้ นวน คะแนน จ้านวนนักเรียน จา้ นวน
นกั เรียน ทผี่ า่ นเกณฑ์ นักเรยี นทไ่ี ม่
ทง้ั หมด
ผ่านเกณฑ์
(คน) คะแนน ผา่ น ̅ S.D. รอ้ ย จา้ นวน รอ้ ย จ้านวน ร้อย
เตม็ เกณฑ์ ละ ( คน) ละ ( คน) ละ
๒๘ ๒๐ ๑๔ ๑๖.๙๖ ๑.๑๘ ๘๔.๘ ๒๘ ๑๐๐ ๐ ๐
จากตารางที่ ๔.๑ ผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยการจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียน
บ้านสองคอน ศิริคุรุราษฎร์ อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น พบว่า มีนักเรียนที่ทดสอบ
ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ผ่านเกณฑ์ จา้ นวน ๒๘ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐ ซึง่ สงู กวา่ เกณฑ์
ที่ก้าหนดไว้ และมีคะแนนความสามารถในการคิดวเิ คราะห์โดยเฉล่ียคือ ๑๖.๙๖ จากคะแนนเตม็
๒๐ คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๘๔.๘
๔.๒ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการคิดวิเคราะห์โดยใช้การจัดการ
เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ในรายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านสองคอนศิริคุรุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอน้า
พอง จังหวดั ขอนแก่น
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครบทั้ง ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ให้
นักเรียนท้าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งรูปแบบข้อสอบเป็นข้อสอบปรนัยชนิด
เลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จ้านวน ๓๐ ข้อ โดยใช้เกณฑ์การผ่านร้อยละ ๗๐ ของคะแนนเต็มและ
จ้านวนนักเรียนท่ีผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของนักเรียนทั้งหมด ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนดังแสดงในตารางที่ ๔.๒
ตารางที่ ๔.๒ แสดงผลการพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนโดยใชก้ ารจัดการเรยี นรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านสอง
คอนศิรคิ รุ ุราษฎร์ อา้ เภอน้าพอง จงั หวดั ขอนแก่น
๔๗
จ้านวน คะแนน จ้านวนนักเรยี น จ้านวน
นักเรียน ท่ีผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นทไ่ี ม่
ทง้ั หมด
ผา่ นเกณฑ์
(คน) คะแนน ผ่าน ̅ S.D. รอ้ ยละ จ้านวน รอ้ ย จ้านวน รอ้ ย
เตม็ เกณฑ์ ( คน) ละ ( คน) ละ
๒๘ ๓๐ ๒๑ ๒๓.๗๓ ๑.๖๖ ๗๙.๑๐ ๒๘ ๑๐๐ ๐ ๐
จากตารางที่ ๔.๒ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านสอง
คอนศิริคุรุราษฎร์ อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น พบว่า มีนักเรียนทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนผ่านเกณฑ์ จ้านวน ๒๘ คน จากนักเรียนท้ังหมด ๒๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ซึ่งสูงกว่า
เกณฑ์ที่ก้าหนดไว้ โดยมีคะแนนผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นเฉลย่ี เท่ากบั ๒๓.๗๓ จากคะแนนเต็ม ๓๐
คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๑๐
๔.๓ ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ โรงเรียนบา้ น
สองคอนศริ คิ รุ รุ าษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอนา้ พอง จังหวัดขอนแกน่ ตอ่ การจดั การ
เรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5E ในรายวชิ าประวตั ศิ าสตร์
จากการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ครบทั้ง ๓ แผน ผู้วิจัยให้นักเรียนท้าแบบประเมินความพงึ
พอใจทมี่ ตี ่อการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5E โดยมคี า้ ถามท้ังส้นิ จ้านวน
๑๐ ข้อ ดังตารางท่ี ๔.๓
ตารางที่ ๔.๓ แสดงผลวิเคราะห์ความพึงพอใจท่ีมีต่อการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ โรงเรียน
บา้ นสองคอนศิรคิ ุรรุ าษฎร์ อา้ เภอนา้ พอง จังหวัดขอนแกน่
ข้อท่ี รายการทปี่ ระเมนิ ̅ S.D. แปลผล
๑ คา้ แนะน้าในการจัดกิจกรรมชดั เจนและเข้าใจงา่ ย ๔.๗๗ ๐.๔๓ มากท่สี ุด
๒ เน้ือหาเหมาะสมกับนักเรียน ๔.๕๐ ๐.๕๑ มากท่ีสุด
๓ การนา้ เสนอเนือ้ หามีล้าดับขั้นตอนท่เี หมาะสม ๔.๗๓ ๐.๔๕ มากที่สุด
๔ เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนศกึ ษาด้วยตนเอง ๔.๘๑ ๐.๔๐ มากท่สี ดุ
๔๘
ตารางที่ ๔.๓ แสดงผลวิเคราะห์ความพึงพอใจท่ีมีต่อการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียน
บา้ นสองคอนศริ ิคุรุราษฎร์ อา้ เภอนา้ พอง จงั หวัดขอนแก่น (ตอ่ )
ข้อท่ี รายการที่ประเมนิ ̅ S.D. แปลผล
๕ นกั เรยี นสามารถนา้ ความรทู้ ี่ได้ไปใชใ้ นการเรยี นใน ๔.๖๙ ๐.๕๕ มากที่สดุ
ระดบั ชั้นที่สูงขนึ้
๔.๖๙ ๐.๔๗ มากทส่ี ดุ
๖ กิจกรรมสง่ เสริมให้นกั เรียนไดฝ้ ึกการคดิ วิเคราะห์ ๔.๘๕ ๐.๓๗ มากทสี่ ดุ
๔.๗๗ ๐.๔๓ มากที่สุด
๗ เนอ้ื หาท่สี อนมคี วามเชื่อมโยงกบั ชวี ติ ประจา้ วนั ๔.๗๗ ๐.๔๓ มากทส่ี ดุ
๔.๖๙ ๐.๕๕ มากท่ีสุด
๘ วสั ดุและอุปกรณท์ ี่ใช้ในการท้ากิจกรรมมคี วามเหมาะสม ๔.๗๓ ๐.๔๖ มากทีส่ ดุ
๙ รูปแบบการสอนนา่ สนใจ ภาพประกอบสวยงาม
๑๐ จ้านวนขอ้ ค้าถามท้ายกจิ กรรมมคี วามเหมาะสม
เฉล่ียรวม
จากตารางท่ี ๔.๓ ผลการศึกษาความพงึ พอใจของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ โรงเรียน
บ้านสองคอนศิริคุรุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น ต่อการจัดการเรียนรู้
แบบสบื เสาะหาความรู้ 5E ในรายวิชาประวตั ศิ าสตร์ โดยรวม พบวา่ นักเรียนมีความพึงพอใจอยูใ่ น
ระดับมากท่ีสุด ( ̅ =๔.๗๓, S.D.=๐.๔๖) เมื่อพิจารณารายข้อพบวา่ ข้อที่นักเรียนมีความพึงพอใจ
มากที่สุดคือ เนื้อหาที่สอนมีความเชื่อมโยงกบั ชีวิตประจ้าวันมีความสอดคล้องกับจุดประสงคแ์ ละ
เนอ้ื หาวิชา มีความพงึ พอใจอย่ใู นระดบั มากท่ีสดุ ( ̅ =๔.๘๕, S.D.=๐.๓๗) รองลงมาคือ เปดิ โอกาส
ใหน้ ักเรียนศกึ ษาดว้ ยตนเอง มคี วามพงึ พอใจมากท่ีสุด ( ̅ =๔.๘๑, S.D.=๐.๔๐), คา้ แนะนา้ ในการ
จัดกิจกรรมชดั เจนและเข้าใจงา่ ยและวัสดแุ ละอุปกรณ์ที่ใช้ในการท้ากิจกรรมมีความเหมาะสมและ
รูปแบบการสอนน่าสนใจ ภาพประกอบสวยงาม มีความพึงพอใจมากท่ีสุด ( ̅ =๔.๗๗, S.D.=
๐.๔๓), การน้าเสนอเน้ือหามีลา้ ดบั ขนั้ ตอนทเ่ี หมาะสม มคี วามพงึ พอใจมากทีส่ ดุ ( ̅ =๔.๗๓, S.D.=
๐.๔๕), นักเรียนสามารถนา้ ความรทู้ ไ่ี ด้ไปใช้ในการเรียนในระดบั ช้ันที่สงู ข้นึ และกิจกรรมส่งเสริมให้
นักเรียนได้ฝกึ การคิดวเิ คราะห์และจา้ นวนข้อค้าถามทา้ ยกจิ กรรมมคี วามเหมาะสม มีความพึงพอใจ
มากที่สุด ( ̅ =๔.๖๙, S.D.=๐.๕๕) และข้อที่มีความพึงพอใจน้อยท่ีสุด คือ เน้ือหาเหมาะสมกับ
นักเรยี น มีความพงึ พอใจมากท่ีสุด ( ̅ =๔.๕๐, S.D.=๐.๕๑) ตามลา้ ดบั
๔๙
๔.๔ องค์ความรู้ท่ไี ด้จากการวิจยั
จากการศกึ ษาเรอ่ื ง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้รูปแบบสบื เสาะหา
ความรู้ 5E ในรายวิชาประวัติศาสตร์ ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ โรงเรยี นบา้ นสองคอนศิริ
คุรุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้สรุปเป็นองค์ความรู้ คือ การ
จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เป็นอีกทฤษฎีหน่ึงท่ีจะใช้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์
เน่ืองจากการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เป็นเทคนิคอย่างหน่ึงในการจัดการเรียนรู้
โดยใหน้ กั เรยี นเป็นผู้คน้ คว้าหาความรู้ด้วยตนเอง กระต้นุ ใหน้ กั เรียนมคี วามอยากรู้อยากเห็น เสาะ
แสวงหาความรู้ และพยายามค้นหาค้าตอบด้วยตนเองโดยนักเรียนจะได้ฝึกคิด ฝึกสังเกต ฝึก
น้าเสนอ ฝกึ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ ฝึกสรา้ งองค์ความรู้ และสง่ เสรมิ ให้นักเรียนคดิ และเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
รวมทง้ั รว่ มแลกเปล่ียนเรียนรู้กันเองได้
๕๐
บทที่ ๕
สรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ
การวจิ ัยครงั้ นี้เป็นการวิจัยเร่อื งการพฒั นาความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้รูปแบบ
สบื เสาะหาความรู้ 5E ในรายวิชาประวัติศาสตร์ ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕ โรงเรียนบ้าน
สองคอนศิริคุรุราษฎร์ อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นวิจัยเชิงทดลอง โดยมีวัตถุประสงค์ใน
การวิจัย คือ 1)เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา
ความรู้ 5E รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นบ้านสองคอนศริ ิคุรุ
ราษฎร์ ให้นักเรียนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 ผ่านเกณฑ์และมีคะแนนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป
2)เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5
โรงเรยี นบ้านสองคอนศริ ิคุรรุ าษฎร์ ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ให้นักเรียนไม่
น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์และมีคะแนนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป 3)เพ่ือศึกษาความพึง
พอใจในการเรียนรู้ รายวิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสอง
คอนศิริคุรุราษฎร์ ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ผลการวิจัยที่ได้ น้าไปสู่การ
สรุปผลการวิจัย การอภิปรายผลการวิจัยและข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย มีรายละเอียด
ดังต่อไปนี้
๕.๑ สรปุ ผลการวิจยั
๕.๒ อภปิ รายผลการวจิ ัย
๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ
๕.๑ สรปุ ผลการวิจยั
จากการน้ารูปแบบการวจิ ัยเชิงทดลองมาใช้เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์โดยใช้การจัดการ
เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนบ้านสองคอนศิริคุรุราษฎร์ อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น โดยได้ท้าการทดลองการ
จัดการเรียนรู้ทง้ั หมด ๓ แผนและผลการวจิ ยั แบง่ ออกเปน็ ๓ ข้อดงั น้ี
๕.๑.๑ ผลการวิเคราะห์การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ พบว่า มีนักเรียน
ทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ผ่านเกณฑ์ จ้านวน ๒๘ คน จากนักเรยี นทง้ั หมด ๒๘ คน
คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐ ซึง่ สูงกวา่ เกณฑท์ ีก่ ้าหนดไว้ และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยเฉลี่ย
คือ ๑๖.๙๖ จากคะแนนเตม็ ๒๐ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๘๔.๘0
๕๑
๕.๑.๒ ผลจากการใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน พบว่า มีนักเรียนทดสอบ
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนผ่านเกณฑ์จ้านวน ๒๘ คน จากนักเรียนทั้งหมด ๒๘ คน คิดเป็นร้อยละ
๑๐๐ ซึ่งสูงกวา่ เกณฑท์ ก่ี า้ หนดไว้ และมีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเฉลี่ยเทา่ กบั ๒๓.๗๓ จาก
คะแนนเตม็ ๓๐ คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๗๙.๑๐
๕.๑.๓ ผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของนักเรียนตอ่ การเรยี นรู้โดยใชร้ ูปแบบสืบเสาะหา
ความรู้ 5E พบว่า นกั เรียนมีความพึงพอใจตอ่ การเรียนรโู้ ดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E อยู่ใน
ระดบั มากทสี่ ุด (̅ ̅ ̅ = ๔.๗๓, S.D.= ๐.๔๖ )
๕.๒ อภิปรายผลการวิจยั
การวิจัยเพ่ือพัฒ น าผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน และ การคิดวิเคราะ ห์ในเร่ืองวิธีการทาง
ประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมของผู้เรียน ท่ีได้รับการ
จดั การเรยี นรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรยี นรู้แบบ 5E ซึง่ อภปิ รายผลไดด้ ังน้ี
1. ผลการวิเคราะห์การพัฒนาความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ผลการวิจยั พบว่าผูเ้ รียน
มีคะแนนการคิดวิเคราะห์เร่อื งวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม นักเรยี นมีคะแนนการคิดวิเคราะห์รอ้ ยละ 84.80 มีจา้ นวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อย
ละ 100 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่ต้ังไว้ ซึ่งผลการวิจัยในคร้ังน้ี สอดคล้องกับ
งานวิจัยของ อนุรกั ษ์ สวัสดี (๒๕๖๒) ได้ศกึ ษาการพฒั นาการคิดวิเคราะห์การเรยี นรูโ้ ดยใช้การสืบ
เสาะหาความร้ใู นรายวิชาสงั คมศึกษาของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ผลการวจิ ยั พบว่า 1) การ
คิดวิเคราะห์ของนักเรียนรายบุคคลมีคะแนนไม่ต้่ากว่ารอ้ ยละ 80 ผ่านเกณฑ์จ้านวน 29 คน คิด
เป็นรอ้ ยละ 96.67 และนักเรยี นทม่ี คี ะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ จา้ นวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 3.๓3 2)
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสังคมศึกษาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียน สูงกว่าก่อน
เรียนอยา่ งมนี ัยสา้ คญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .05 3) ผลการศกึ ษาระดับความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดย
ใช้การสืบเสาะหาความรู้ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=
4.39, S.D. =0.68)
2. ผลจากการใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ผลการวิจัยพบว่าผู้เรียนมี
คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเร่ืองวิธีการทางประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ ๗๙.๑๐ และมีจ้านวนนักเรียน
ผ่านเกณฑ์ร้อยละ100 ซ่ึงเป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัยท่ีต้ังไวเ้ นื่องจากผู้เรียนที่ได้รับการ
จัดการเรียนรู้แบบ 5E มีบรรยากาศการเรียนการสอนเป็นปัจจัยส้าคัญที่เอื้อให้ผู้เรียนอยาก สืบ
เสาะหาความรู้ครูผู้สอนและผู้เรียนต่างมีบทบาทในการสร้างบรรยากาศ ครูเป็นผู้ริเร่ิมสร้าง
บรรยากาศ ผู้เรียนเป็นผู้ตอบสนอง และเพ่ิมสีสันให้กับบรรยากาศการเรียนการสอนให้เป็นไปใน
รปู แบบตา่ ง ๆเมือ่ ผูเ้ รยี นเกดิ ปัญหาสงสัยใคร่รนู้ า้ ไปสู่การศกึ ษาค้นควา้ หรอื ส้ารวจตรวจสอบต่อไป
๕๒
จะท้าให้เกิดกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ที่ต่อเน่ืองกันไปเร่ือย ๆ เรียกว่ารูปแบบการจัดการ
เรยี นร้แู บบ 5E ส่งผลใหผ้ ู้เรยี นมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึน้ เน่อื งจากเป็นกระบวนการที่เน้นให้
ผู้เรียนเป็นส้าคัญ ให้โอกาสผู้เรียนได้แสดงความคิด เพื่อขยายความรู้ที่ได้เรียนอย่างเต็มที่ ดังนั้น
รูปแบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E จึงมีส่วนส้าคัญท่ีสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนสูงข้ึน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ราตรี ดิสถาพร (๒๕๖๑) การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนวิชาประวัตศิ าสตร์ เร่ืองวิธีทางประวัติศาสตร์ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบพัฒนาทักษะการคดิ
วิเคราะห์ด้วยผังกราฟิก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า หลังจากได้รับการ
จัดการเรยี นรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบพัฒนาทกั ษะการคิดวิเคราะห์ด้วยผังกราฟิก นักเรยี น
สามารถเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ เร่ืองวิธีทางประวัติศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยเพ่ิมขึ้นร้อยละ 26.3
จากคะแนนเต็ม
3.ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหา
ความรู้ 5E พบว่าโดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้
5E อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ ̅ ̅ = ๔.๗๓, S.D. = ๐.๔๖ ) อาจจะเป็นเพราะการจัดการเรียนรแู้ บบ
สืบเสาะหาความรู้ 5E เป็นเทคนิคอย่างหน่ึงในการจัดการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าหา
ความรู้ด้วยตนเองสอดคล้องกับสนิท เหลืองบุตรนาค 2559 ได้ให้ความหมาย ความพึงพอใจ
หมายถึง ทา่ ทคี่ วามร้สู กึ ความคิดเหน็ ทีม่ ีผลตอ่ ส่งิ ใดสิ่งหนง่ึ ภายหลังจากที่ไดร้ บั ประสบการณ์ในสิ่ง
น้ันมาแล้วในลักษณะทางบวกคือ พอใจ นิยม ชอบ สนับสนุนหรือมีเจตคติที่ดีต่อบุคคล เม่ือรับ
ตอบสนองความต้องการในทางเดียวกัน หากได้รับการตอบสนองความต้องการจะเกิดความไม่
พอใจเกิดขึ้นสอดคล้องกับคณิต ดวงหัสดี 2557 ให้ความหมายไว้ว่า เป็นความรู้สึกชอบ หรือ
พอใจของบคุ คลที่มตี อ่ การทา้ งานและองค์ประกอบหรอื ส่ิงจงู ใจอน่ื ๆ ถ้างานทท่ี า้ หรอื องคป์ ระกอบ
เหล่าน้ันตอบสนองความต้องการของบุคคลได้บุคคลน้ัน จะเกิดความพึงพอใจในงานข้ึนจะอุทิศ
เวลาแรงกายแรงใจรวมทั้งสติปัญญาใหแ้ ก่งานของตนใหบ้ รรลุวัตถุประสงคอ์ ยา่ งมคี ณุ ภาพ
๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ
๕.๓.๑ ข้อเสนอแนะของการน้าผลการวจิ ัยไปใช้
๑) ควรมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ไป
ประยุกต์กับวิชาอน่ื ๆ เพ่อื ฝกึ ใหน้ กั เรยี นไดร้ จู้ ักการเรียนรดู้ ้วยตนเอง
๒) ควรน้าข่าวสารท่ีเป็นจริงและข่าวท่ีเป็นเท็จท่ีเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขนึ้
ในชวี ิตประจ้าวนั เช่น หนังสอื พิมพ์ โทรทศั น์ อินเตอร์เน็ต เปน็ ตน้ มาใชป้ ระกอบการทา้ กิจกรรมใน
ชน้ั เรยี น เพือ่ เป็นการปลูกจิตส้านึกในการฝกึ คิดวเิ คราะห์
๕๓
๕.๓.๒ ข้อเสนอแนะในการท้าวิจยั คร้งั ต่อไป
๑) ควรมีการเปรียบเทียบการสอนโดยใช้รปู แบบอื่น เพ่ือให้ทราบข้อแตกต่างใน
การพฒั นาทกั ษะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และมกี ารเปรียบเทยี บในแต่ละด้านของการคิด
วเิ คราะห์
๒) ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ไป
บูรณาการกบั การเรียนการสอนในรายวชิ าอ่นื ๆ รว่ มกบั การใช้เทคโนโลยีทมี่ ีความทันสมยั เพ่อื ดึงดูด
ความสนใจในการเรยี นรู้ของผู้เรยี น
๕๔
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธกิ าร, หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐานพุทธศกั ราช 2551,
กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2556.
_________, เอกสารประกอบหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
แนวปฏบิ ตั ิการวัดและประเมินผลการเรยี นรู,้ กรุงเทพฯ : ชมุ ชนสหกรณ์การเกษตรแห่ง
ประเทศไทย, ๒๕๕๒.
กาญจนา อรณุ สอนศร,ี ความพึงพอใจของสมาชิกสหกรณ์ต่อการด้าเนนิ งานของสหกรณ์
การเกษตรไชยปราการจ้ากัด อ้าเภอชัยปราการ จังหวัดเชียงใหม่, วิทยานิพนธ์,
เชยี งใหม่ : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่, ๒๕๕๖.
เกรยี งศกั ดิ์เจริญ วงศ์ศักด์ิ, การคดิ เชิงวิเคราะห์ Analytical Thinking, พิมพ์คร้งั ท่ี 6,
กรุงเทพฯ : ซัคเซสมีเดีย, 2553.
คณติ ดวงหัสด,ี สขุ ภาพจิตกบั ความพึงพอใจในงานของขา้ ราชการต้ารวจช้นั ประทวนในเขต
เ มื อ ง แ ล ะ เ ข ต ช น บ ท ข อ ง จั ง ห วั ด ข อ น แ ก่ น , วิ ท ย า นิ พ น ธ์ , ข อ น แ ก่ น :
มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๕๗.
ชวาล แพรัตนกลุ , เทคนคิ การวัดผล, กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช, ๒๕๕๒.
ชาติ แจม่ นุช, สอนอย่างไรใหค้ ิดเป็น, กรุงเทพฯ : เลีย่ งเชียง, 2545.
เดือนเพ็ญ ตุ่นค้า และ ลดั ดา ศลิ าน้อย, การศกึ ษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนโดยใช้วธิ กี ารสอน
แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ส31101 สังคมศึกษา ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔, วารสาร, ขอนแกน่ : มหาวิทยาลัยขอนแกน่ , 2558.
ทิศนา แขมมณี, การคิดและการสอนเพือ่ พฒั นากระบวนการคิด, กรุงเทพฯ : ส้านกั งานพัฒนา
คณุ ภาพวชิ าการ, 2545.
นันทยิ า บุญเคลอื บ, การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตรต์ ามแนวคิด Constructivism, วารสาร
สสวท, 2540.
นรรัชต์ ฝนั เชยี ร. รูปแบบการเรียนด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ บบ 5E ในศตวรรษที่
21 Applying the 5E Knowledge-Bases Inquisitive Learning Management
for the 21st Century. 2562.
ปฏภิ าณ สรา้ งคา้ และธชั ชยั จิตรนนั ท์, การพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น เร่ือง พฒั นาการทาง
ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั ประชาธปิ ไตย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E), ๒๕๖๒.
ปรีดาวรรณ ออ่ นนางใย, การสรา้ งแบบทดสอบวดคั วามสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ส้าหรบั
นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 สา้ นกั การศกึ ษากรงุเทพมหานคร, วิทยานิพนธป์ ริญญา
การศึกษามหาบัณฑิต (สาขาวิชาการวัดผลการศึกษา). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,
2555.
๕๕
พิมพันธ์ เดชะคุปต์, การสอนคดิ ด้วยโครงงาน : การเรยี นการสอนแบบบูรณาการ, กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๑.
พสิ ณุ ฟองศร,ี การสรา้ งและพัฒนาเคร่ืองมอื วิจัย, กรุงเทพฯ : ต้นแก้ว, ๒๕๕๗.
พุทธพิ งษ์ ศุภมสั ดอุ งั กลู , การพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นและความสามารถในการคิด
วิเคราะหเ์ รอ่ื งภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๕ ด้วยการจัดการ
เรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E), วารสาร, มหาวิทยาลัยศิลปากร :
๒๕๕๘.
ไพศาล หวังพานิช, การวดั ผลการศกึ ษา, กรงุ เทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๕๙.
ภัทรา นิคมานนท์, การประเมินผลการเรยี น, กรุงเทพฯ : ทิพยวสิ ุทธ์, ๒๕๕๓.
ราชบณั ฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2542, กรุงเทพฯ: นานมี บุคส์
พับลเิ คชน่ั ส์,2546.
วรรณา โรจนะบรุ านนท์, การพัฒนาความสามารถในการคิดวเิ คราะหส์ ้าหรับนักเรียนช้นั
มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 1-3 ของโรงเรยี นสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศูนย์วิจัยและ
พัฒนาการศึกษา, วิทยานิพนปริญญาการศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิจัยและ
ประเมนิ ผลการศกึ ษา), มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, 2557.
วิจารณ์ พานชิ . วถิ ีสรา้ งการเรียนร้เู พ่อื ศษิ ย์ ในศตวรรษท่ี 21, กรงุ เทพฯ : มลู นิธสิ ดศรี-สฤษด์ิ
วงศ,์ 2555.
สนิท เหลอื งบตุ รนาค, ความพงึ พอใจของนักศึกษาโรงการฝึกอบรมครูบคุ ลากรทางการศึกษา
ประจ้าการระดับปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต วิชาเอกเกษตรศาสตร์ ท่ีมีผลต่อการ
เรียนวิชาขยายพันธุ์พืชของสหวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, วิทยานิพนธ์,
กรงุ เทพ : มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร,์ ๒๕๕๙.
สาโรช ไสยสมบัต,ิ การวดั ความพงึ พอใจ, กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพาณชิ , ๒๕๕๓.
สุวฒั น์ วิวฒั นานนท์, ทักษะการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขียน, นนทบรุ ี : ซซี นี อลลทิ จ์ลิงค์, 2550.
สุวิทย์ มลู ค้า, ครบเครอ่ื งเร่ืองการคดิ , พมิ พค์ รั้งที่ 7, กรุงเทพฯ : หา้ งหนุ้ ส่วนจ้ากัดภาพพมิ พ์,
2549.
สนุ ทรี วัฒนพันธุ,์ การพัฒนารปู แบบการสอนวทิ ยาศาสตร์ท่ีสง่ เสริมการคิดวเิ คราะหข์ อง
นักเรียนระดับมธัยมศึกษา, วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต (สาขาวิชา
หลกั สตู รและการสอน), มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์, 2555.
สมนกึ พวงกล่ิน, การศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการอานอยางมีวิจารณญาณและ
สมรรถภาพการอานเร็วของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3 โดยใชวิธีการสอนแบบ
สืบสวนสอบสวนกับการสอนตามคูมือครู, ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
ศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร, ๒๕๓๐.
สมบตั ิ กาญจนารกั พงค และคณะ, เทคนคิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู บบ 5E ที่เนน้ พัฒนา
ทกั ษะการคดิ ขนั้ สงู : กลุมสาระสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม กรงุ เทพมหานคร :
ธารอักษร, 2549.
๕๖
สมหวงั พิธิยานวุ ฒั น,์ วทิ ยากรการประเมินทางการศกึ ษา, กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั
, ๒๕๕๖.
ส้านักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, มาตรฐานการศกึ ษาของชาต,ิ กรงุ เทพฯ: ส้านักงาน
เลขาธิการสภาการศึกษา, 2548.
สา้ นกั งานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, แนวทางการจัดการเรยี นรูเ้ พอ่ื พัฒนาทักษะการคิด
วิเคราะห,์ กรงุ เทพฯ : ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, 2549.
อชิระ อตุ มาน, สิทธพิ ล อาจอนิ ทร์, การพฒั นาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนและการคดิ วเิ คราะหข์ อง
นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E, วารสาร,
ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๕๕.
อนรุ ักษ์ สวัสดี, การพัฒนาการคิดวิเคราะหก์ ารเรียนรโู้ ดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ในรายวิชา
สงั คมศกึ ษาของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๔, วทิ ยานพิ นธ์, มหาวิทยาลยั ธรุ กจิ บรั ฑติ :
๒๕๖๒.
อารมณ์ เพชรชน่ื , เทคนิคการวัดและประเมินผลการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา, กรงุ เทพฯ :
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๗.
อกุ กฤษฎ์ ทรงชยั สงวน, ความพงึ พอใจของประชาชนที่มีตอ่ การบริหารจดั การโครงการพฒั นา
สถานตี า้ รวจเพ่ือประชาชนของตา้ รวจภูธร อา้ เภอเมือง จงั หวัดขอนแกน่ , วิทยานิพนธ,์
ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๕๓.
Alfaro & LeFevre, Critical Thinking in Nursing, Philadelphia : W.B.Sounders, 1995.
Bloom, Taxonomy of Educational Objectives Book 1 : cognitive Domain, London
: Longman Group Limited, 1956.
Dewey, Dictionary of education, New York: Philosophical Library, 1993.
Good, Dictionry of education (3rd ed), New York: McGraw-Hill, 1973.
Lawson, A.E, Science Teaching and Development of Thinkin, California: Allyn
and Bacon, 1994.
Luthans, F, Organizational behavior, New York : MaGraw Hill, inc, 1995.
Marzano, Designing a New Taxonomy of Educational Objectives. California :
Corwin Press, Inc, 2001.
Russel, The biotechnology revolution: an international perspective,Brighto,
Susex: Wheat sheaf, 1956.
Sternberg, Thinking Styles, Cambridge : Cambridge University Press, 1999.
Watson & Glaser, Wattson Glaser critical thinking appraisal manual, New York:
Harcourt, Brace and World, 1964.
Zeichner, Reflections on reflective teaching, In B. R, 1991.
๕๗
ภาคผนวก
๕๘
ภาคผนวก ก
รายนามผู้เช่ยี วชาญ
๕๙
รายชือ่ ผู้เชย่ี วชาญตรวจสอบเคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั
1. อาจารยบ์ ญุ ส่ง นาแสวง อาจารยป์ ระจา้ หลักสูตรครุศาสตร์บณั ฑติ
สาขาวิชาสงั คมศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
2. อาจารยว์ ิรตั น์ ทองภู อาจารย์ประจ้าหลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต
สาขาวิชาสงั คมศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
3. อาจารย์สรญิ ญา มารศรี อาจารยป์ ระจา้ หลักสตู รครุศาสตรบ์ ัณฑิต
สาขาวิชาสังคมศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๖๐
ภาคผนวก ข
แบบประเมนิ คณุ ภาพเครอื่ งมอื โดยผเู้ ช่ียวชาญ
๖๑
แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้
วิชาประวัตศิ าสตร์ รหสั วชิ า 15102 ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕
แผนการเรียนรูท้ ี่ ๑ เร่อื ง ขัน้ ตอนวิธกี ารทางประวัติศาสตร์
ค้าชีแ้ จง :ขอ้ ความทเ่ี สนอต่อไปนเ้ี ป็นเกณฑพ์ ื้นฐานในการประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ โปรดใส
เคร่ืองหมายถูก () ลงในชอ่ งที่ตรงกับความคิดเหน็ ลงในแบบประเมิน และหากทา่ นมี
ขอ้ เสนอแนะกรณุ าระบรุ ายละเอียดใหเ้ ป็นแนวทางในการปรบั ปรงุ ต่อไป
ระดับความ
รายการประเมนิ คดิ เหน็ หมายเหตุ
+๑ ๐ -๑
๑. หนว่ ยการเรยี นรู้มอี งคป์ ระกอบครบถ้วนเหมาะสม และมี
รายละเอียดทสี่ อดคลอ้ งสมั พันธก์ ัน
๒. การเขยี นสาระท่สี ้าคญั ในแผน กระชบั ครอบคลุม ตามเป้าหมาย
๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้มคี วามชัดเจนถกู ตอ้ งครอบคลมุ เนอ้ื หาสาระ
๔. เนื้อหา / กจิ กรรมการสอนเหมาะสมกับจ้านวนเวลาที่ก้าหนด
๕. เนือ้ หาสาระในแผนถกู ต้องตามโครงสร้างหลักสตู รแกนกลาง
๖. กิจกรรมการเรียนร้หู ลากหลาย / เหมาะสมกับวยั ของผู้เรียนและ
สามารถนา้ ไปปฏิบัติได้จริง
๗. กิจกรรมการสอนตามรปู แบบ (5E, การคดิ วิเคราะห์)
๘. มีการใชส้ ื่อ/เนอื้ หาสาระเหมาะสมกบั ผู้เรยี น
๙. มรี ปู แบบการวัดผลและประเมนิ ผลทหี่ ลากหลาย
๑๐.มกี ารวดั ผลและประเมนิ ผลท่ีสอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงช่อื ……………………………………………
(…………………………………………….)
ผู้ประเมนิ
๖๒
แบบประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้
วิชา ประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า 15102 ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕
แผนการเรียนรทู้ ี่ ๒ เร่ือง การสบื คน้ ขอ้ มูลโดยวิธีการทางประวตั ิศาสตร์
คา้ ชแ้ี จง :ขอ้ ความทีเ่ สนอต่อไปนเ้ี ปน็ เกณฑ์พื้นฐานในการประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ โปรดใส
เคร่อื งหมายถูก () ลงในช่องท่ีตรงกับความคดิ เห็นลงในแบบประเมนิ และหากทา่ นมี
ขอ้ เสนอแนะกรุณาระบุรายละเอียดใหเ้ ป็นแนวทางในการปรบั ปรงุ ตอ่ ไป
ระดับความ
รายการประเมิน คิดเหน็ หมายเหตุ
+๑ ๐ -๑
๑. หนว่ ยการเรยี นรมู้ ีองคป์ ระกอบครบถ้วนเหมาะสม และมี
รายละเอยี ดทีส่ อดคลอ้ งสัมพันธ์กัน
๒. การเขยี นสาระท่สี า้ คัญในแผน กระชบั ครอบคลมุ ตามเป้าหมาย
๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้มีความชัดเจนถกู ต้องครอบคลมุ เนอ้ื หาสาระ
๔. เน้อื หา / กิจกรรมการสอนเหมาะสมกับจา้ นวนเวลาท่ีก้าหนด
๕. เนื้อหาสาระในแผนถูกต้องตามโครงสรา้ งหลักสูตร
๖. กจิ กรรมการเรียนรู้หลากหลาย / เหมาะสมกับวยั ของผู้เรยี นและ
สามารถนา้ ไปปฏบิ ตั ไิ ด้จริง
๗. กจิ กรรมการสอนตามรูปแบบ (5E, การคิดวเิ คราะห์)
๘. มกี ารใชส้ ่ือ/เนอื้ หาสาระเหมาะสมกบั ผู้เรยี น
๙. มรี ูปแบบการวัดผลและประเมนิ ผลท่ีหลากหลาย
๑๐.มกี ารวัดผลและประเมินผลที่สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงชอื่ ………………………………………………
(…………………………………………….)
ผู้ประเมนิ
๖๓
แบบประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้
วชิ า ประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า 15102 ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๕
แผนการเรียนรู้ที่ ๓ เร่ือง ข้อมูลหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์
ค้าช้แี จง :ข้อความทีเ่ สนอตอ่ ไปนีเ้ ปน็ เกณฑพ์ ้นื ฐานในการประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ โปรดใส
เครอ่ื งหมายถูก () ลงในช่องทตี่ รงกบั ความคิดเห็นลงในแบบประเมนิ และหากท่านมี
ข้อเสนอแนะกรณุ าระบรุ ายละเอียดใหเ้ ป็นแนวทางในการปรับปรงุ ตอ่ ไป
ระดับความ
รายการประเมิน คดิ เห็น หมายเหตุ
+๑ ๐ -๑
๑. หนว่ ยการเรยี นร้มู อี งคป์ ระกอบครบถ้วนเหมาะสม และมี
รายละเอยี ดทส่ี อดคลอ้ งสัมพนั ธ์กนั
๒. การเขียนสาระทสี่ า้ คญั ในแผน กระชับ ครอบคลุม ตามเป้าหมาย
๓. จดุ ประสงค์การเรียนรูม้ คี วามชัดเจนถูกตอ้ งครอบคลมุ เนอื้ หาสาระ
๔. เนอ้ื หา / กิจกรรมการสอนเหมาะสมกบั จ้านวนเวลาทกี่ า้ หนด
๕. เน้ือหาสาระในแผนถกู ตอ้ งตามโครงสร้างหลกั สูตร
๖. กจิ กรรมการเรียนรู้หลากหลาย / เหมาะสมกับวยั ของผเู้ รียนและ
สามารถนา้ ไปปฏบิ ตั ิได้จรงิ
๗. กิจกรรมการสอนตามรปู แบบ (5E, การคดิ วิเคราะห)์
๘. มีการใชส้ ื่อ/เนือ้ หาสาระเหมาะสมกบั ผู้เรยี น
๙. มีรูปแบบการวดั ผลและประเมินผลทห่ี ลากหลาย
๑๐.มกี ารวัดผลและประเมินผลทสี่ อดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้
ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงชื่อ……………………………………………
(…………………………………………….)
ผ้ปู ระเมนิ
๖๔
แบบประเมินความสอดคล้องแบบทดสอบวดั ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
เรือ่ ง การพัฒนาความสามารถในการคดิ วิเคราะหโ์ ดยใชร้ ูปแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E
ในรายวชิ าประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕
โรงเรียนบ้านสองคอนศริ คิ รุ ุราษฎร์ ต้าบลบ้านขาม อา้ เภอนา้ พอง จังหวดั ขอนแก่น
ค้าช้แี จง
โปรดพจิ ารณาข้อสอบแต่ละข้อวา่ สามารถวัดได้ตามความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เมื่อ
พิจารณาแล้วให้ท่านท้าเคร่ืองหมาย / ลงในช่องท่ีตรงตามกับความคิดเห็นของท่านมากท่ีสุด โดย
ใชเ้ กณฑ์ดังน้ี
+1 หมายถึง แนใ่ จวา่ ขอ้ สอบมคี วามสอดคล้องกบั ความสามารถในการคดิ
วเิ คราะห์
0 หมายถงึ ไมแ่ นใ่ จวา่ ขอ้ สอบมีความสอดคลอ้ งกบั ความสามารถในการคิด
วเิ คราะห์
-1 หมายถึง แน่ใจวา่ ข้อสอบไมม่ ีความสอดคลอ้ งกับความสามารถในการคดิ
วิเคราะห์
กระบวนการคิดวิเคราะห์
1. กา้ หนดส่งิ ท่ีตอ้ งการวเิ คราะห์ เปน็ การกา้ หนดวตั ถุ สิง่ ของ เร่ืองราวหรือเหตกุ ารณ์ต่าง
ๆ ขนึ้ มา เพื่อเปน็ ตน้ เรื่องทจ่ี ะใชว้ เิ คราะห์
2. ก้าหนดปัญหาหรอื วัตถุประสงค์ เปน็ การก้าหนดประเด็นสงสยั จากปญั หาหรอื ส่ิงที่
วเิ คราะห์ อาจจะก้าหนดเป็นคา้ ถามหรอื กา้ หนดวตั ถปุ ระสงค์การวเิ คราะห์ เพอ่ื ค้นหาความจริง
สาเหตุหรือความส้าคญั
3. กา้ หนดหลกั การหรือกฎเกณฑ์ เพอ่ื ใชแ้ ยกสว่ นประกอบของสง่ิ ที่กา้ หนดให้ เช่นเกณฑ์
ในการจา้ แนกส่งิ ทม่ี ีความเหมอื นกันหรอื แตกตา่ งกนั
4. กา้ หนดการพจิ ารณาแยกแยะ เปน็ การก้าหนดการพนิ จิ พเิ คราะห์ แยกแยะ และ
กระจายสง่ิ ท่กี ้าหนดให้ออกเปน็ ส่วนย่อย ๆ โดยอาจใช้เทคนิคคา้ ถาม 5 W 1 H ประกอบดว้ ย
What(อะไร) Where (ทไ่ี หน) When (เมือ่ ไร) Why (ทา้ ไม) Who (ใคร) และ How (อยา่ งไร)
5. สรุปคา้ ตอบ เป็นการรวบรวมประเด็นทีส่ ้าคญั เพือ่ หาข้อสรุปเป็นค้าตอบหรือตอบ
ปัญหาของสงิ่ ทก่ี า้ หนดให้
นางาสาวขวัญใจ ยอดตา ชัน้ ปีท่ี 4
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
๖๕
กระบวนการ ขอ้ สอบ ระดบั ความ
คิดวิเคราะห์ สอดคล้อง
กา้ หนดสิง่ ที่ 1. ข้อใดเป็นการตง้ั ประเดน็ ท่ีไม่เหมาะสมใน
ต้องการ การศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ +1 ๐ -1
วเิ คราะห์ ก. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หวั กับ
การสรา้ งชาตไิ ทย
ก้าหนดปัญหา ข. การเลิกทาสในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระ
หรือ จลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั
วัตถุประสงค์ ค. ความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศไทยกับกมั พูชา
ง. วีรกรรมของท้าวสุรนารใี นประวัตศิ าสตร์ไทย
กา้ หนดปญั หา เฉลย ขอ้ ค.
หรือ 2. การกา้ หนดหัวข้อหรือประเด็นทด่ี ีควรมีลักษณะ
วัตถปุ ระสงค์ อย่างไร
ก. ก้าหนดชว่ งเวลาและพ้ืนทท่ี จ่ี ะศกึ ษาใหช้ ัดเจน
ก้าหนดส่ิงที่ ข. กา้ หนดหัวเรือ่ งกวา้ งๆ เพ่อื ศึกษาได้หลาย
ตอ้ งการ ประเด็น
วิเคราะห์ ค. นา้ ประเดน็ ที่มผี ู้ศึกษามาก่อนและมีการยอมรับ
แล้ว
ง. ก้าหนดหวั เร่อื งใหแ้ คบจะไดไ้ มเ่ สียเวลาศกึ ษา
เฉลย ขอ้ ก.
๓. การก้าหนดหัวเร่อื งให้นา่ สนใจจะเกดิ ประโยชน์
อยา่ งไร
ก. สะดวกในการศกึ ษาค้นคว้า
ข. ศกึ ษาเรือ่ งทีแ่ ตกตา่ งจากผอู้ ื่น
ค. เกิดการสรา้ งองค์ความรใู้ หม่
ง. มแี รงกระตุ้นในการศกึ ษาอย่างตอ่ เน่อื ง
เฉลย ข้อ ก.
๔. การกา้ หนดประเดน็ มีประโยชน์อย่างไรตอ่
วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์
ก. บอกความสนใจของผ้ศู ึกษาค้นควา้
ช. ป้องกนั การศึกษาซ้ากับผู้อน่ื
ค. ก้าหนดขอบเขตของเร่อื งทีจ่ ะศึกษา
ง. ทา้ ให้ทราบแหล่งขอ้ มูลทางประวัติศาสตร์
เฉลย ข้อ ค.
๖๖
กระบวนการ ข้อสอบ ระดับความ
คิดวิเคราะห์ สอดคลอ้ ง
กา้ หนดสิ่งท่ี ๕.อนสุ าวรยี ์ชัยสมรภมู ิจัดเป็นหลักฐานประเภทใด
ตอ้ งการ ก.หลักฐานชน้ั ตน้ +1 ๐ -1
วเิ คราะห์ ข.หลกั ฐานช้ันรอง
ค.หลกั ฐานปฐมภูมิ
กา้ หนดส่งิ ท่ี ง.หลักฐานที่เป็นลายลายลกั ษณอ์ ักษร
ตอ้ งการ เฉลย ข้อ ข.
วเิ คราะห์ ๖.การบนั ทึกเรอื่ งราวในอดีตเกี่ยวกับ
พระมหากษัตรยิ ์ คอื หลกั ฐานใด 8
กา้ หนดปัญหา ก.ตา้ นาน
หรอื ข.พงศาวดาร
วตั ถปุ ระสงค์ ค.บนั ทกึ
ง.จดหมาย
ก้าหนดสิ่งที่ เฉลย ข้อ ค.
ต้องการ ๗. หลักฐานลายลกั ษณ์อักษรมคี วามส้าคัญตอ่
วิเคราะห์ การศกึ ษาประวตั ิศาสตรอ์ ยา่ งไร
ก. เปน็ หลกั ฐานท่ีใหข้ อ้ มูลประวัติศาสตร์ดที ี่สดุ
กา้ หนดปญั หา ข. เป็นหลกั ฐานทีใ่ ห้ข้อมลู ง่ายกว่าหลักฐานอน่ื
หรอื ค. เปน็ หลักฐานทีม่ ีจ้านวนมาก หางา่ ย
วัตถปุ ระสงค์ ง. เป็นหลกั ฐานทนี่ ่าเชือ่ ถือท่ีสดุ
เฉลย ขอ้ ง.
๘. เพราะเหตใุ ดจงึ ต้องศึกษาจากผลงานของ
ผู้เช่ยี วชาญก่อนไปศึกษาในสถานทีจ่ ริง
ก. หาความน่าเช่ือถอื ของผู้เชย่ี วชาญ
ข. ท้าความเข้าใจเบือ้ งตน้ ก่อน
ค. หากเข้าใจเร่อื งแล้วไม่ตอ้ งไปสถานทจี่ ริง
ง. เปรยี บเทียบผลงานจากผเู้ ช่ยี วชาญแต่ละคน
เฉลย ข้อ ข.
๙. หลกั ฐานประวตั ิศาสตร์มคี วามสา้ คญั ต่อวิธีการ
ทางประวตั ิศาสตร์อย่างไร
ก. ให้ขอ้ มูลทางประวัติศาสตร์
ข. ก้าหนดวิธีการทางประวัติศาสตร์
ค. ก้าหนดหวั ข้อหรือประเดน็ ทางประวัติศาสตร์
๖๗
กระบวนการ ขอ้ สอบ ระดบั ความ
คดิ วิเคราะห์ สอดคลอ้ ง
+1 ๐ -1
กา้ หนดส่งิ ที่ ง. ท้าให้เกิดวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์
ตอ้ งการ เฉลย ข้อ ก.
วเิ คราะห์
๑๐. ขอ้ ใดคือประโยชน์ที่ไดจ้ ากการตคี วามข้อมูล
กา้ หนดปญั หา ก. รู้จกั วิเคราะหห์ าความสมั พันธข์ องข้อมลู
หรือ ข. มคี วามอดทนในการอ่านเอกสารจ้านวนมาก
วัตถปุ ระสงค์ ค. รูจ้ กั นา้ แนวคิดในปัจจบุ ันมาพจิ ารณาอดีต
ง. มีจนิ ตนาการเก่ียวกับอดตี
ก้าหนดส่ิงที่ เฉลย ขอ้ ก.
ตอ้ งการ
วิเคราะห์ ๑๑.ถา้ นักเรยี นจะศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ ข้ันแรก
นักเรียนควรทา้ อย่างไร
ก้าหนด ก.รวบรวมข้อมลู
หลกั การหรือ ข.ตคี วามขอ้ มูล
กฎเกณฑ์ ค.ตรวจสอบขอ้ มลู
ง.ก้าหนดหวั ขอ้ ทีจ่ ะศึกษา
ก้าหนด เฉลย ข้อ ง.
หลักการหรือ
กฎเกณฑ์ ๑๒.ข้อใดคือหลักฐานท่ีเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร
ท้ังหมด
ก.จดหมาย ต้านาน พงศาวดาร
ข.จารึก บันทกึ ภาพถ่าย
ค.จารึก ต้านาน วดี ีโอ
ง.วีดีโอ ภาพถา่ ย เคร่ืองใช้
เฉลย ขอ้ ก.
๑๓.ขอ้ ใดคือเป้าหมายของการรวบรวมขอ้ มลู จาก
หลายๆแหล่ง
ก.เพือ่ กา้ หนดหัวข้อเร่อื งได้
ข.สันนษิ ฐานข้อมูลตา่ งๆ
ค.บันทึกเรือ่ งราวไดม้ ากๆ
ง.รวบรวมหลกั ฐานท่ีถกู ตอ้ ง
เฉลย ข้อ ง.
๑๔.บทความทางวชิ าการเปน็ หลกั ฐานในชั้นใด
ก.ภาพถา่ ย
ข.ตา้ นาน
๖๘
กระบวนการ ข้อสอบ ระดับความ
คิดวเิ คราะห์ สอดคลอ้ ง
ค.พงศาวดาร
ก้าหนด ง.บทความทางวชิ าการ +1 ๐ -1
หลักการหรือ เฉลย ขอ้ ง.
กฎเกณฑ์ ๑๕.การเขยี นเร่อื งราวเปน็ ตัวอักษรลงในแผน่ ศิลา
คอื หลกั ฐานใด
กา้ หนดสง่ิ ที่ ก.ต้านาน
ต้องการ ข.จารึก
วเิ คราะห์ ค.พงศาวดาร
ง.จดหมายเหตุ
กา้ หนด เฉลย ขอ้ ข.
หลกั การหรือ ๑๖.หลักฐานข้อใด แตกต่างจากขอ้ อ่นื
กฎเกณฑ์ ก.จารกึ
ข.ต้านาน
กา้ หนด ค.โบราณวตั ถุ
หลกั การหรอื ง.พงศาวดาร
กฎเกณฑ์ เฉลย ข้อ ค.
๑๗.หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรข์ ้อใด แตกต่างจาก
ขอ้ อน่ื
ก.จารึก
ข.รูปถ่าย
ค.โบราณวตั ถุ
ง.โบราณสถาน
เฉลย ข้อ ก.
๑๘.การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ เพอ่ื ใหท้ ราบขอ้ มูลที่
เป็นจริงมากทีส่ ุด ควรยดึ สงิ่ ใดเป็นสา้ คัญ
ก.หลักฐาน
ข.นักโบราณคดี
ค.เครื่องมือที่ใช้ขุด
ง.วิธีเผยแพรข่ อ้ มลู
เฉลย ขอ้ ก.
๖๙
กระบวนการ ข้อสอบ ระดับความ
คิดวิเคราะห์ สอดคลอ้ ง
กา้ หนดการ ๑๙. ข้อใดจัดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีทงั้ หมด
พิจารณา ก. โครงกระดูก เครอื่ งมือ-เครือ่ งใช้ +1 ๐ -1
แยกแยะ ข. ศิลาจารึก ซุ้มใบเสมา
ค. พงศาวดารอยธุ ยา ตา้ นานทา้ วแสนปม
กา้ หนดการ ง. วีดที ัศน์เร่ืองจดหมายเหตกุ รุงศรี รอยไทย
พิจารณา เฉลย ข้อ ก.
แยกแยะ ๒๐. หลักฐานช้นั ต้นมีความน่าเชื่อถอื กวา่ หลักฐาน
ช้ันรอง เพราะเหตุใด
กา้ หนดส่ิงท่ี ก. หลักฐานช้นั รองใชข้ ้อมลู จากหลักฐานชน้ั ตน้
ต้องการ ข. หลักฐานช้ันตน้ สรา้ งขน้ึ ปราศจากอคติ
วเิ คราะห์ ค. หลักฐานชั้นตน้ ไม่สอดแทรกความคดิ เห็นของ
ผู้สร้าง
ก้าหนดการ ง. ผ้สู ร้างหลักฐานชัน้ ตน้ ทราบข้อมูลดกี ว่า
พิจารณา เฉลย ข้อ ข.
แยกแยะ ๒๑. การประเมนิ คุณค่าของข้อมูลด้วยวิธใี ดมี
ประโยชน์มากท่ีสดุ
ก. น้าข้อมลู ทีไ่ ดไ้ ปให้ผเู้ ชยี่ วชาญตรวจสอบ
ข. น้าขอ้ มูลท่ีกลา่ วถงึ เร่ืองเดียวกนั มาเทียบเคียง
กัน
ค. ดูระยะเวลาในการสรา้ งหลกั ฐานยง่ิ เก่าย่ิง
นา่ เชอ่ื ถอื
ง. อ้างอิงจากหลักฐานชน้ั รองจา้ นวนมากก็
น่าเชือ่ ถือ
เฉลย ขอ้ ข.
๒๒. ขอ้ ใดไม่อยู่ในวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์
ก. การตั้งประเดน็ ค้าถาม
ข. การปรับแตง่ ขอ้ มูล
ค. การรวบรวมหลักฐาน
ง. การตคี วามหลกั ฐาน
เฉลย ข้อ ข.
๗๐
กระบวนการ ข้อสอบ ระดับความ
คิดวเิ คราะห์ สอดคลอ้ ง
ก้าหนดการ ๒๓.ข้อใดเปน็ หลกั ชั้นตน้ ท้ังหมด
พิจารณา ก.โบราณสถาน จารึกใบลาน เจดีย์ +1 ๐ -1
แยกแยะ ข.ต้านาน วรรณกรรม โบราณวตั ถุ
ค.โบสถ์ พงศาวดาร ต้านาน
ก้าหนดการ ง.วิทยานพิ นธ์ ตา้ รา หนงั สอื แบเรียน
พจิ ารณา เฉลย ข้อ ก.
แยกแยะ ๒๔.ขอ้ ใดไม่เป็นหลกั ฐานลายลักษณ์อักษร
ก. จารึก
สรุปค้าตอบ ข. พงศาวดาร
ค. พิธีกรรม
สรปุ ค้าตอบ ง. จดหมายเหตุ ลา ลแู บร์
เฉลย ขอ้ ค.
๒๕. เพราะเหตใุ ดจงึ ต้องใชว้ ธิ ีการทาง
ประวตั ิศาสตร์เพอื่ ศกึ ษาประวัติศาสตร์
ก. เขา้ ใจข้ันตอนในการศกึ ษาประวัติศาสตร์
ข. หาความจริงจากข้อเทจ็ จริงทางประวัติศาสตร์
ค. จัดหมวดหมู่ขอ้ มูลจากหลกั ฐานประวตั ิศาสตร์
ง. หาจุดประสงคข์ องผู้สรา้ งหลกั ฐาน
ประวตั ศิ าสตร์
เฉลย ขอ้ ข.
๒๖. เพราะเหตใุ ด จึงกล่าวว่าการวิเคราะหแ์ ละ
สงั เคราะหข์ อ้ มูลในวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ เป็น
สง่ิ ทส่ี า้ คัญทีส่ ดุ
ก. เป็นการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริงของหลักฐานทห่ี า
มาได้
ข. เป็น การตรวจสอบข้อมูลวา่ ให้ความรูท้ าง
ประวัติศาสตร์หรือไม่
ค. เป็นการน้าข้อมลู ท้ังหมดมาแยกแยะ เรียบเรยี ง
อยา่ งเป็นระบบ ตรงประเดน็
ง. เปน็ หลกั ฐานหรือขอ้ มูลท่มี ีความน่าเชื่อถือ
เฉลย ข้อ ค.
๗๑
กระบวนการ ขอ้ สอบ ระดับความ
คดิ วิเคราะห์ สอดคล้อง
+1 ๐ -1
สรปุ คา้ ตอบ ๒๗. บคุ คลในขอ้ ใดใชว้ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์ใน
ขัน้ ตอนการวเิ คราะหห์ ลักฐาน
สรุปคา้ ตอบ ก. เอก นา้ เสนอเรือ่ งท่ศี กึ ษาอย่างมีเหตผุ ล
ข. โท ตอบค้าถามที่กา้ หนดไว้ล่วงหนา้
ก้าหนดการ ค. ตรี สบื คน้ ข้อมูลทางประวตั ศิ าสตร์
พจิ ารณา ง. จัตวา ประเมนิ ความน่าเชื่อถือของหลกั ฐาน
แยกแยะ เฉลย ขอ้ ง.
สรุปค้าตอบ ๒๘.หลกั ฐานชั้นตน้ หมายถึงขอ้ ใด
ก.บันทกึ หรือค้าบอกเล่าของผูเ้ ก่ียวขอ้ งกบั
เหตุการณ์โดยตรง
ข.ผลงานเขียนภายหลงั เหตกุ ารณ์นนั้ แล้ว
ค.งานเขยี นของคนในยคุ ปจั จุบนั ท่ีเขยี นหนังสือ
ประวัติศาสตร์สมยั อยุธยา
ง.บทความทางประวัตศิ าสตรว์ ารสาร
เฉลย ข้อ .
๒๙.ขอ้ ใดเป็นประโยชน์ของวิธีการศึกษา
ประวตั ศิ าสตรน์ อ้ ยทส่ี ุด
ก. เปน็ บทเรียนมิใหเ้ กิดเหตุการณซ์ ้าขึน้ อกี
ข.วิเคราะห์ สรปุ และน้าเสนอข้อมลู เหตุการณ์ใน
อดีต
ค.เปน็ การรวบรวมหลักฐานในอดตี ที่มีมูลค่าทาง
เศรษฐกิจ
ง.เป็นแนวทางในการป้องกนั เหตุรา้ ยทีไ่ มต่ ้องการ
ให้เกิดข้นึ อีก
เฉลย ขอ้ ค.
๓๐.เพราะเหตุใดตอ้ งตรวจสอบข้อมลู วธิ ที าง
ประวตั ิศาสตร์กอ่ นนา้ เสนอ
ก.เพื่อตั้งชือ่ เรอื่ งให้เหมาะสม
ข.เพ่ืออธิบายข้อสงสยั
ค.เพ่อื หาแนวทางแกป้ ัญหา
ง.เพ่อื ใหข้ ้อมูลชดั เจนนา่ เชอื่ ถอื
เฉลย ข้อ ง.
๗๒
แบบประเมินความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
กับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
เรอื่ ง การพัฒนาความสามารถในการคดิ วเิ คราะหโ์ ดยใช้รปู แบบสบื เสาะหาความรู้ 5E
ในรายวิชาประวตั ศิ าสตร์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ โรงเรยี นบา้ นสองคอนศริ คิ ุรุ
ราษฎร์ ตา้ บลบ้านขาม อ้าเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่o
คา้ ช้ีแจง
โปรดพิจารณาข้อสอบแต่ละข้อว่าสามารถวัดได้ตามตรงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อ
พิจารณาแล้วให้ท่านท้าเครื่องหมาย / ลงในช่องท่ีตรงตามกับความคิดเหน็ ของท่านมากท่ีสุด โดย
ใช้เกณฑด์ งั นี้
+1 หมายถงึ แนใ่ จวา่ ข้อสอบมคี วามสอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้
0 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ ข้อสอบมคี วามสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
-1 หมายถึง แนใ่ จว่าขอ้ สอบไม่มีความสอดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
นางสาวขวญั ใจ ยอดตา ชน้ั ปีที่ 4
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๗๓
วตั ถปุ ระสงค์การ ข้อสอบ ระดับ ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรยี นรู้ พฤตกิ รรม ความ
ความเข้าใจ สอดคล้อง
ความรู้ความเข้าใจ 1.ถา้ ตอ้ งการทราบประวตั คิ วามเป็นมา
ในความหมาย ควรรวบรวมข้อมูลจากหลกั ฐานในขอ้ ใด ความรู้ + 0-
เก่ียวกับวิธีการทาง ก.สอบถามจากเพือ่ นข้างบา้ น ความจ้า 11
ประวัตศิ าสตร์ ข.โบราณสถานท่เี พิง่ ก่อสร้าง
ความรู้ .
ค.คา้ บอกเลา่ ของผู้สูงอายุในทอ้ งถนิ่ ความจา้
ง.ภาพถา่ ยของตนเองตอนเดก็
เฉลย ขอ้ ค. ความเข้าใจ
ความรคู้ วามเข้าใจ 2.ถา้ ตอ้ งการสบื ค้นความเปน็ มา ควร วเิ คราะห์
ในความหมาย ปฏบิ ตั อิ ย่างไรเป็นขน้ั ตอนแรก
เกีย่ วกับวธิ กี ารทาง ก.ก้าหนดหัวข้อ
ประวตั ิศาสตร์ ข.รวบรวมข้อมลู หลักฐาน
ค.น้าเสนอขอ้ มลู
ง.ตรวจสอบลักษณะขอ้ มูล
เฉลย ข้อ ก.
ความรคู้ วามเข้าใจ ๓.ข้อใดไมใ่ ช่วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์
ในความหมาย ก.การก้าหนดหวั ขอ้
เกยี่ วกบั วิธีการทาง ข.การตีความหลักฐาน
ประวตั ิศาสตร์ ค.การรวบรวมหลักฐาน
ง.การเลียนแบบหลกั ฐาน
เฉลย ข้อ ง
ความร้คู วามเข้าใจ ๔.การนา้ เสนอขอ้ มลู ควรยดึ หลกั ในขอ้ ใด
ในความหมาย ก.น้าเสนอขอ้ มูลเฉพาะด้านท่ีดี
เกย่ี วกับวธิ กี ารทาง ข.น้าเสนอขอ้ มูลตามความเป็นจริง
ประวตั ศิ าสตร์ ค.น้าเสนอขอ้ มูลโดยใช้ความรสู้ ึกสว่ นตวั
ง.น้าเสนอข้อมลู โดยใชห้ ลกั ฐานเพียงชน้ิ
เดยี ว
เฉลย ขอ้ ข.
เห็นความสา้ คญั ๕.การตรวจสอบและตีความขอ้ มลู ในขอ้
ของการใชว้ ธิ ีการ ใดถกู ตอ้ ง
ทางประวตั ศิ าสตร์ ก.ใชข้ ้อมูลท่ตี นเองชอบมากที่สุด
๗๔
วัตถปุ ระสงคก์ าร ขอ้ สอบ ระดบั ระดบั ขอ้ เสนอแนะ
เรยี นรู้ พฤตกิ รรม ความ
สอดคลอ้ ง
+ 0-
11
ข.เช่อื เฉพาะข้อมูลท่ีพอ่ แมเ่ ล่าให้ฟงั
ค.เพ่ิมเติมขอ้ มูลเพื่อใหเ้ กิดความนา่ สนใจ
ง.เปรยี บเทยี บขอ้ มูลกับหลาย ๆ
แหลง่ ขอ้ มลู
เฉลย ขอ้ ง.
ความร้คู วามเข้าใจ ๖.ขอ้ ใดไม่ใชว่ ิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ ความรู้
ความจา้
ในความหมาย ก.การก้าหนดหวั ข้อ
ความรู้
เกยี่ วกบั วธิ ีการทาง ข.การตคี วามหลักฐาน ความจ้า
ประวตั ศิ าสตร์ ค.การรวบรวมหลักฐาน
ง.การเลียนแบบหลักฐาน
เฉลย ข้อ ง.
ทักษะในการ ๗.ขอ้ ใดเรยี งล้าดับข้นั ตอนวธิ ีการสืบคน้
สืบค้นข้อมูลโดยใช้ ความเป็นมาของทอ้ งถน่ิ ไดถ้ กู ตอ้ ง
วธิ ีการทาง 1.อยากทราบวา่ ในท้องถิน่ มี
ประวัติศาสตร์ สถานทส่ี ้าคญั ใดบา้ ง
2.จดั นทิ รรศการเผยแพร่
3.ตรวจสอบข้อมูลท่ไี ด้จาก
เอกสาร พงศาวดาร
4.คน้ คว้าข้อมูลจากเอกสาร
พงศาวดาร
5.วิเคราะหข์ ้อมลู ทไี่ ดจ้ าก
เอกสาร พงศาวดาร
ก. 1 2 4 5
3
ข. 1 4 3 5
2
ค. 4 3 5 1
2
ง. 4 1 3 5
2
๗๕
วัตถุประสงค์การ ข้อสอบ ระดับ ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรียนรู้ พฤตกิ รรม ความ
สอดคล้อง
ทักษะในการ
สืบค้นขอ้ มูลโดยใช้ + 0-
วิธีการทาง 11
ประวัติศาสตร์
เฉลย ขอ้ ข.
ทักษะในการ
สืบคน้ ข้อมูลโดยใช้ ๘.“กลั ยาก้าลังเปรียบเทยี บสาเหตขุ อง วิเคราะห์
วธิ ีการทาง การยา้ ยถน่ิ ของชมุ ชนในอดีตวา่ เปน็ เพราะ
ประวตั ิศาสตร์ สาเหตุใด”
เห็นความสา้ คัญ จากข้อความทีก่ า้ หนดให้ แสดงวา่
ของการใชว้ ิธกี าร กัลยากา้ ลงั สืบค้นความเปน็ มาอยใู่ น
ทางประวตั ิศาสตร์ ขั้นตอนใด
ก.รวบรวมหลักฐาน ข.
ก้าหนดหวั ขอ้ เรื่อง
ค.ตีความขอ้ มูล ง.
น้าเสนอขอ้ มลู
เฉลย ขอ้ ค.
๙.“วนั ชยั กบั เพื่อนๆ ก้าลงั คิดวา่ จะศึกษา วิเคราะห์
เร่ืองใดในชุมชน” จากข้อความท่ี
กา้ หนดให้ วนั ชัยกบั เพ่อื นๆ ก้าลังสืบค้น
ความเปน็ มาของชมุ ชนในข้ันตอนใด
ก.ตคี วามขอ้ มูล
ข.กา้ หนดหัวขอ้
ค.เรยี บเรียงขอ้ มูล
ง.ตรวจสอบหลกั ฐาน
เฉลย ข้อ ข.
๑๐.ถา้ ตอ้ งการสบื คน้ ความเปน็ มา ควร การนา้ ไปใช้
ปฏบิ ตั อิ ย่างไรเป็นขัน้ ตอนแรก
ก.กา้ หนดหวั ขอ้
ข.รวบรวมข้อมูลหลักฐาน
ค.น้าเสนอข้อมลู
ง.ตรวจสอบลักษณะขอ้ มลู
เฉลย ขอ้ ข.
๗๖
วัตถุประสงค์การ ข้อสอบ ระดับ ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรยี นรู้ พฤติกรรม ความ
สอดคลอ้ ง
ความหมายของ
วธิ กี ารทาง + 0-
ประวตั ิศาสตร์ 11
ความส้าคัญของ ๑๑.ข้อใดคือขั้นตอนสดุ ท้ายของการ ความรู้
การสบื ค้นข้อมูล
โดยใชว้ ิธกี ารทาง สบื ค้นความเป็นมา ความจ้า
ประวตั ศิ าสตร์
ก.การตคี วามขอ้ มูล
ความสา้ คัญของ
การสืบค้นข้อมูล ข.การรวบรวมขอ้ มลู
โดยใช้วิธกี ารทาง
ประวตั ศิ าสตร์ ค.การตรวจสอบขอ้ มูล
ความหมายของ ง.การเรยี บเรยี งและน้าเสนอ
หลักฐานทาง
ประวัตศิ าสตร์ ข้อมูล
เฉลย ข้อ ง.
๑๒.ถา้ นักเรียนต้องการค้นคว้าเรอื่ งราว การนา้ ไปใช้
เกย่ี วกบั ทอ้ งถนิ่ ของตนเอง ควรเร่มิ
คน้ คว้าจากแหลง่ ข้อมลู ใดจึงจะเหมาะสม
ท่ีสุด
ก.ร้านค้า ข.
โรงแรม
ค.หอ้ งสมุด ง.วัด
ในทอ้ งถิ่น
เฉลย ขอ้ ง.
๑๓.การศกึ ษาประวัติศาสตร์ เพอ่ื ให้ทราบ การน้าไปใช้
ข้อมูลท่ีเป็นจริงมากท่สี ดุ ควรยึดสง่ิ ใดเปน็
สา้ คญั
ก.หลักฐาน
ข.นักโบราณคดี
ค.เครื่องมือทใี่ ช้ขุด
ง.วิธเี ผยแพรข่ อ้ มูล
เฉลย ข้อ ก.
๑๔.ขอ้ ใดเปน็ หลกั ฐานทไี่ มใ่ ช่ลายลกั ษณ์ ความจ้า
อกั ษรทัง้ หมด
ก.เครอื่ งประดับหิน ศิลาจารึก
ข.สมุดข่อย โบราณสถาน
ค.ขวานหนิ ขดั ถว้ ยชามสังคโลก
๗๗
วัตถุประสงคก์ าร ขอ้ สอบ ระดบั ระดบั ขอ้ เสนอแนะ
เรยี นรู้ พฤติกรรม ความ
สอดคลอ้ ง
+ 0-
11
ความหมายของ ง.จารึกใบลาน พงศาวดาร ความรู้
หลักฐานทาง เฉลย ขอ้ ค. ความจ้า
ประวัติศาสตร์ ความรู้
๑๕.หลกั ฐานที่เกดิ ร่วมสมัยกับเหตกุ ารณ์ ความจ้า
ความหมายของ ท่เี กดิ ขึน้ คอื หลักฐานประเภทใด
หลกั ฐานทาง วิเคราะห์
ประวัติศาสตร์ ก.ชั้นตน้
ข.ช้นั กลาง วเิ คราะห์
ทักษะในการ ค.ชนั้ รอง
สืบค้นขอ้ มลู ง.ชั้นท้าย
หลักฐานทาง เฉลย ขอ้ ก.
ประวตั ศิ าสตร์
๑๖.หลักฐานในข้อใดให้ขอ้ มูลเกีย่ วกบั
ทักษะในการ ความรสู้ ึกของประชาชนในพื้นที่ท่มี ีต่อ
สืบค้นข้อมลู องค์พระปฐมเจดยี ์
ก.แผนท่ี
ข.ค้าตดั สินของศาลโลก
ค.แบบสอบถาม
ง.หนงั สือทอ่ งเทย่ี วองค์พระปฐม
เจดยี ์
เฉลย ข้อ ค.
๑๗.ขอ้ ใดกล่าวได้ถกู ตอ้ ง
ก.หนังสือเล่าเรือ่ งหัวเมืองใต้
เปน็ หลกั ฐานทีไ่ ม่ใช่ตัวอกั ษร
ข.พงศาวดาร เปน็ หลักฐาน
สมัยกอ่ นประวัตศิ าสตร์
ค.ศลิ าจารกึ เปน็ หลักฐานสมยั
ประวัติศาสตร์
ง.รูปถา่ ย เป็นหลกั ฐานสมัยกอ่ น
ประวตั ศิ าสตร์
เฉลย ข้อ ค.
๑๘.ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ ลักฐานสมยั กอ่ น
ประวัตศิ าสตร์
๗๘
วัตถุประสงคก์ าร ข้อสอบ ระดบั ระดบั ขอ้ เสนอแนะ
เรียนรู้ พฤตกิ รรม ความ
สอดคลอ้ ง
วเิ คราะห์
+ 0-
วิเคราะห์ 11
หลกั ฐานทาง ก.จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเลย์ การน้าไปใช้
ประวตั ศิ าสตร์ ความรู้
ความจา้
ข.ซากโครงกระดูกท่ีบา้ นเชยี ง
ค.เครอ่ื งป้ันดนิ เผาบ้านนาดี
ง.ภาพเขยี นสที ี่ผาแตม้
เฉลย ขอ้ ก.
ความหมายของ ๑๙.ข้อใดเป็นหลักฐานชนั้ รอง
หลกั ฐานทาง ก.ต้านาน
ประวตั ศิ าสตร์ ข.หนงั สอื พมิ พ์
ค.รูปถ่าย
ง.เครือ่ งมอื หินขัด
เฉลย ข้อ ก.
ความหมายของ ๒๐.ขอ้ ใดไม่ใช่หลกั ฐานท่ีเปน็ ลายลกั ษณ์
หลกั ฐานทาง อกั ษร
ประวตั ิศาสตร์ ก.บนั ทกึ
ข.พงศาวดาร
ค.ตา้ นาน
ง.แถบวดี ที ศั น์
เฉลย ขอ้ ง.
เห็นความสา้ คัญ ๒๑.ขอ้ ใดแตกต่างจากข้ออ่ืน
ของขอ้ มลู หลักฐาน ก.จารึก
ทางประวตั ิศาสตร์ ข.หนังสือ
ค.พงศาวดาร
ง.โบราณวัตถุ
เฉลย ข้อ ง.
ความหมายของ ๒๒.ขอ้ ใดเป็นหลักฐานในสมยั
หลักฐานทาง ประวัตศิ าสตร์
ประวตั ศิ าสตร์ ก.ศลิ าจารกึ พ่อขุนรามค้าแหง
มหาราช
๗๙
วัตถุประสงคก์ าร ข้อสอบ ระดับ ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรียนรู้ พฤตกิ รรม ความ
สอดคลอ้ ง
+ 0-
11
ข.ก้าไลสา้ ริดบ้านยางทองใต้ จ.
เชียงใหม่
ค.ภาชนะดนิ เผาบ้านเก่า จ.
กาญจนบรุ ี
ง.โครงกระดกู ชมุ ชนโบราณเมอื ง
พล
จ.ขอนแกน่
เฉลย ข้อ ก.
ทักษะในการ ๒๓.ในชุมชนคน้ พบถว้ ยชามโบราณ ท้าให้ วิเคราะห์
สบื คน้ ขอ้ มลู
หลักฐานทาง ทราบขอ้ มูลใด
ประวัติศาสตร์
ก. ชุมชนน้ปี ระกอบอาชพี ขาย
ทกั ษะในการ
สืบค้นขอ้ มลู กว๋ ยเต๋ียว
หลกั ฐานทาง
ประวตั ิศาสตร์ ข. ชมุ ชนนเ้ี คยคา้ ขายกับ
ความหมายของ ชาวต่างชาติ
หลกั ฐานทาง
ประวตั ิศาสตร์ ค.ชุมชนนม้ี กี ารใช้ภาชนะดนิ เผา
ง.ชุมชนน้ีมีประชากรส่วนใหญ่
เป็นผู้ชาย
เฉลย ขอ้ ค.
๒๔.หลกั ฐานใดแตกต่างจากข้ออืน่ วเิ คราะห์
ก.จารกึ
ข.ต้านาน
ค.โบราณวัตถุ
ง.พงศาวดาร
เฉลย ขอ้ ค.
๒๕.เร่ืองราวที่เกดิ ข้นึ ในอดตี และมกี ารเล่า ความรู้
สืบต่อกนั มา ความจา้
ก.จารกึ
ข.ต้านาน
ค.โบราณวัตถุ
ง.พงศาวดาร
๘๐
วัตถปุ ระสงคก์ าร ขอ้ สอบ ระดับ ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรียนรู้ พฤตกิ รรม ความ
สอดคล้อง
+ 0-
11
เฉลย ข้อ ข.
ทกั ษะในการ ๒๖.ขอ้ ใดไม่จัดว่าเป็นการแบ่งประเภท วิเคราะห์
สืบคน้ ขอ้ มลู หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์
หลักฐานทาง ก.หลกั ฐานช้ันตน้ – หลักฐานช้นั
ประวตั ิศาสตร์ รอง
ข.หลกั ฐานท่ีเกิดข้ึนกอ่ น –
เกิดขนึ้ หลัง
ค.หลกั ฐานทเ่ี ปน็ ลายลกั ษณ์
อักษร – หลักฐานท่ไี ม่เปน็ ลายลกั ษณ์
อกั ษร
ง.หลกั ฐานสมยั กอ่ น
ประวตั ิศาสตร์ – สมัยประวัตศิ าสตร์
เฉลย ข้อ ข.
ทกั ษะในการคิดใช้ ๒๗.เพราะเหตุใดจงึ ควรตรวจสอบ วิเคราะห์
วธิ ีการทาง หลักฐานก่อนนา้ มาใช้
ประวตั ศิ าสตร์ใน ก.เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มูลท่หี ลากหลาย
การสืบคน้ ขอ้ มลู ข.เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มูลทเ่ี ป็นจรงิ มากท่สี ุด
ค.เพือ่ คดั เลือกเฉพาะขอ้ มลู สมัย
ประวัติศาสตร์
ง.เพอ่ื แสดงวา่ ได้คน้ ควา้ หลกั ฐานมา
เฉลย ข้อ ข.
ความหมายของ ๒๘.ข้อใดเปน็ แหลง่ ข้อมูลเกี่ยวกบั ภาค ความเขา้ ใจ
หลักฐานทาง อีสาน
ประวัตศิ าสตร์ ก.แหลง่ โบราณคดบี า้ นเชียง
ข.พระปฐมเจดยี ์
ค.เวียงกมุ กาม
ง.ถ้าผีแมน
เฉลย ข้อ ก.
๘๑
วัตถุประสงคก์ าร ข้อสอบ ระดับ ระดบั ขอ้ เสนอแนะ
เรียนรู้ พฤติกรรม ความ
การนา้ ไปใช้ สอดคลอ้ ง
ความรู้ + 0-
ความจ้า 11
เห็นความส้าคัญ ๒๙.การตีความหลกั ฐานขอ้ มูลใหม่ควร ความรู้
ความจา้
ของการใช้วิธกี าร พจิ ารณาจากขอ้ ใด
ความรู้
ทางประวัตศิ าสตร์ ก.คา้ บอกเล่าจากคนอ่ืน ความจ้า
ข.หลกั ฐานท่นี า่ เช่ือถอื ทสี่ ดุ
ค.ความพอใจของคนในชุมชน
ง.ความพอใจของเจา้ ของหลักฐาน
เฉลย ขอ้ ข.
ความหมาย ๓๐.ข้ันตอนสุดทา้ ยของวิธีการทาง
เกย่ี วกบั วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ คือข้อใด
ประวตั ศิ าสตร์ ก.ก๊ิกหาหลกั ฐานท่ีเป็นรปู ถ่าย เอกสาร
สง่ิ ของเครื่องใช้ตา่ งๆ
ข.ฟ้านา้ ขอ้ มลู มาจัดเป็นประเดน็ สา้ คญั
สาเหตุ เหตกุ ารณต์ ่างๆ
ค.จุ๋มตรวจสอบหลกั ฐานตามหลกั วิชาการ
ง.หนงิ น้าขอ้ มลู มาเขียนเป็นเรยี งความ
เฉลย ขอ้ ง.
ความหมาย ๓๑.ขน้ั ตอนวิธีการทางประวตั ิศาสตร์ มีกี่
เกย่ี วกบั วิธกี ารทาง ขนั้ ตอน
ประวตั ศิ าสตร์ ก.3 ข้นั ตอน
ข.4 ข้นั ตอน
ค.5 ข้ันตอน
ง.6 ขน้ั ตอน
เฉลย ขอ้ ค.
ความหมาย ๓๒.ข้นั ตอนท่ี ๒ ของวธิ กี ารทาง
เกี่ยวกบั วธิ ีการทาง ประวัติศาสตร์ คอื ข้อใด
ประวัตศิ าสตร์ ก.การกา้ หนดเปา้ หมาย
ข.การรวบรวมข้อมูล
ค.การประเมินขอ้ มูล
ง.การตคี วามข้อมูล
เฉลย ข้อ ข.
๘๒
วตั ถุประสงคก์ าร ข้อสอบ ระดบั ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรยี นรู้ พฤตกิ รรม ความ
สอดคล้อง
+ 0-
11
ทักษะในการคิดใช้ ๓๓.การจดั นทิ รรศการเป็นขัน้ ตอนใดของ วเิ คราะห์
วิธกี ารทาง วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ความรู้
ความจ้า
ประวัตศิ าสตร์ใน ก.การตีความหลักฐาน
วเิ คราะห์
การสบื ค้นขอ้ มูล ข.การรวบรวมหลักฐาน
วิเคราะห์
ค.การเรยี บเรียงและน้าเสนอ
ง.การตรวจสอบและประเมินหลกั ฐาน
เฉลย ขอ้ ค.
ความหมาย ๓๔.กระบวนการในการศึกษาคน้ ควา้ หา
เกีย่ วกับวธิ ีการทาง ขอ้ เท็จจริงทางประวตั ศิ าสตร์ คือ
ประวตั ิศาสตร์ ความหมายของขอ้ ใด
ก.การเรียนรปู้ ระวัติศาสตร์
ข.การศกึ ษาประวตั ิศาสตร์
ค.วธิ ีการทางประวัติศาสตร์
ง.หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์
เฉลย ขอ้ ค.
ทักษะในการคิดใช้ ๓๕.ขอ้ ใดไมอ่ ยู่ในขนั้ ตอนทาง
วิธีการทาง ประวัติศาสตร์
ประวตั ิศาสตรใ์ น ก.การตงั้ ประเดน็ ค้าถาม
การสบื ค้นข้อมลู ข.การปรับแต่งขอ้ มลู
ค.การรวบรวมหลกั ฐาน
ง.การตคี วามหลักฐาน
เฉลย ขอ้ ข.
ทักษะในการคิดใช้ ๓๖.ขอ้ ใดไมอ่ ยู่ในข้นั การเรยี บเรียงและ
วิธีการทาง น้าเสนอ
ประวตั ศิ าสตรใ์ น ก.การจดั นิทรรศการ
การสบื คน้ ขอ้ มูล ข.การเขียนบทความ
ค.การรายงานปากเปล่า
ง.การทา้ ความเข้าใจหลักฐาน
เฉลย ขอ้ ง.
๘๓
วัตถปุ ระสงค์การ ข้อสอบ ระดบั ระดับ ขอ้ เสนอแนะ
เรยี นรู้ พฤตกิ รรม ความ
การนา้ ไปใช้ สอดคลอ้ ง
ความรู้ + 0-
11
ความรู้
เหน็ ความสา้ คญั ๓๗. “สุโขทยั คงจะเกบ็ ภาษีหลายประเภท ความจ้า
ของการใช้วธิ ีการ การยกเว้นภาษีผ่านดา่ นคงไม่
ทางประวัติศาสตร์ กระทบกระเทือนรายไดข้ องรฐั มากนกั ”
จากข้อความนี้เปน็ ขั้นตอนใดของวิธกี าร
ทางประวัตศิ าสตร์
ก.การตีความหลักฐาน
ข.การรวบรวมหลกั ฐาน
ค.การเรยี บเรยี งและนา้ เสนอ
ง.การกา้ หนดเป้าหมาย
เฉลย ข้อ ก.
ความหมาย ๓๘.วิธีการทางประวัติศาสตร์ คืออะไร
เก่ียวกบั วิธีการทาง ก.การรวบรวม พิจารณาไตรต่ รอง
ประวตั ศิ าสตร์ วเิ คราะห์และตีความจากหลกั ฐานแลว้
น้ามาเปรยี บเทยี บอย่างเป็นระบบ
ข.การตรวจสอบหลักฐานและขอ้ มูลใน
หลกั ฐานเหล่าน้นั วา่ มคี วามน่าเช่อื ถอื
หรอื ไม่
ค.การพจิ ารณาตรวจสอบหลักฐานที่ได้
คัดเลอื กไวแ้ ต่ละชิน้ ว่ามคี วามน่าเชอ่ื ถอื
เพียงใด
ง.ไม่มีข้อถกู
เฉลย ขอ้ ก.
ความหมาย ๓๙.ขอ้ ใดคอื ความหมายของการประเมิน
เก่ียวกับวธิ กี ารทาง คณุ ค่าของหลักฐาน
ประวัติศาสตร์ ก.การพจิ ารณาตรวจสอบหลกั ฐานทไี่ ด้
คดั เลอื กไวแ้ ต่ละชน้ิ วา่ มีความน่าเชอ่ื ถือ
เพยี งใด
ข.การตรวจสอบหลกั ฐานและข้อมูลใน
หลกั ฐานเหล่านัน้ วา่ มีความนา่ เชื่อถือ
หรอื ไม่
๘๔
วัตถปุ ระสงค์การ ข้อสอบ ระดับ ระดบั ข้อเสนอแนะ
เรียนรู้ พฤติกรรม ความ
สอดคล้อง
ความรู้
ความจา้ + 0-
11
ค.การรวบรวม พิจารณาไตร่ตรอง
วิเคราะหแ์ ละตีความจากหลักฐานแล้ว
น้ามาเปรยี บเทียบอยา่ งเปน็ ระบบ
ง.ถูกทุกขอ้
เฉลย ข้อ ข.
ความหมาย ๔๐.การตคี วามหลกั ฐาน คือขอ้ ใด
เกี่ยวกับวิธีการทาง ก.การตรวจสอบหลกั ฐานและขอ้ มูลใน
ประวตั ิศาสตร์ หลักฐานเหลา่ นั้นว่ามีความนา่ เชอ่ื ถอื
หรือไม่
ข.การรวบรวม พจิ ารณาไตรต่ รอง
วเิ คราะหแ์ ละตีความจากหลกั ฐานแล้ว
นา้ มาเปรียบเทยี บอยา่ งเป็นระบบ
ค.การพจิ ารณาตรวจสอบหลกั ฐานท่ไี ด้
คดั เลือกไว้แต่ละชนิ้ ว่ามคี วามน่าเช่อื ถือ
เพียงใด
ง.เรยี บเรียงเร่ืองหรือนา้ เสนอข้อมูลใน
ลกั ษณะทีเ่ ปน็ การตอบหรอื อธบิ ายความ
อยากรู้
เฉลย ข้อ ค.
ลงชอ่ื ..................................................
(……………………………………………………………)
ผูป้ ระเมิน
๘๕
แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
โรงเรยี นบ้านสองคอนศิรคิ ุรรุ าษฎร์ ท่ไี ด้รบั การจัดการเรยี นการสอน
โดยใช้รูปแบบ 5E กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
คาชแ้ี จง : โปรดพิจารณาข้อคาถามของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นทม่ี ตี ่อการจัดการ
เรยี นรู้ โปรดใสเ่ ครื่องหมายถกู () ลงในช่องที่ตรงกบั ความคดิ เหน็ ของทา่ นลงในแบบประเมิน
และหากท่านมขี อ้ เสนอแนะกรณุ าระบุรายละเอียดให้เป็นแนวทางในการปรบั ปรุงตอ่ ไป โดย
กาหนดใหค้ วามหมายเกณฑ์ประเมิน ดงั นี้
ข้อ ประเดน็ คาถาม ระดบั ความเหน็ ขอ้ เสนอแนะ
+๑ ๐ -๑
๑ คาแนะนาในการจัดกิจกรรมชดั เจนและเข้าใจง่าย
๒ เน้ือหาเหมาะสมกับนกั เรยี น
๓ ชว่ ยสร้างบรรยากาศในการเรยี น
๔ เปดิ โอกาสให้นกั เรยี นศกึ ษาดว้ ยตนเอง
๕ ชว่ ยให้ฝึกทกั ษะและทบทวนเนอ้ื หาได้ดี
๖ เปิดโอกาสให้นกั เรียนได้เรียนรู้กระบวนการทางานกล่มุ
๗ กิจกรรมมีความหลากหลาย
๘ วัสดแุ ละอุปกรณท่ีใชในการทากิจกรรมมคี วามเหมาะสม
๙ กจิ กรรมสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึกการคดิ วิเคราะห์
๑๐ จานวนขอคาถามทายกจิ กรรมมีความเหมาะสม
ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ......................................................
(....................................................)
ผปู้ ระเมิน
๘๖
ภาคผนวก ค
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู
- ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ของผ้เู ช่ียวชาญแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวเิ คราะห์
- ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลผเู้ ชย่ี วชาญแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น
- ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผู้เช่ยี วชาญแบบสอบถามความพึงพอใจ
๘๗
ตารางท่ี ๔.๔ ผลการประเมินความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์
ข้อสอบที่ ความคิดเหน็ ของผ้เู ชี่ยวชาญ ∑ ̅ แปลผล
123
ข้อที่ 1 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 2 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 3 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 4 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 5 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 6 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 7 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 8 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ที่ 9 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 10 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 11 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 12 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 13 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 14 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 15 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 16 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อที่ 17 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 18 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 19 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 20 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 21 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 22 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ที่ 23 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 24 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 25 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 26 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 27 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 28 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 29 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 30 111 3 1.00 ใช้ได้
๘๘
ตารางท่ี ๔.๕ ผลการประเมนิ ความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น
ข้อสอบที่ ความคิดเห็นของผเู้ ช่ยี วชาญ ∑ ̅ แปลผล
123
ขอ้ ที่ 1 3 1.00 ใชไ้ ด้
111
ข้อที่ 2 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 3 111 2 0.67 ใช้ได้
ข้อท่ี 4 011 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 5 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ที่ 6 111 2 0.67 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 7 101 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อที่ 8 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 9 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 10 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 11 111 2 0.67 ใชไ้ ด้
ข้อที่ 12 011 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อที่ 13 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 14 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 15 111 2 0.67 ใช้ได้
ข้อท่ี 16 011 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ที่ 17 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 18 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 19 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 20 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 21 111 1 0.33 ปรับปรุง
ขอ้ ที่ 22 001 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 23 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อที่ 24 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 25 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ท่ี 26 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ที่ 27 111 2 0.67 ใช้ได้
ข้อที่ 28 011 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 29 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 30 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 31 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
111
๘๙
ตารางท่ี ๔.๕ ผลการประเมนิ ความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน (ตอ่ )
ขอ้ สอบที่ ความคดิ เห็นของผ้เู ชีย่ วชาญ ∑ ̅ แปลผล
123
ขอ้ ท่ี 32 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 33 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 34 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 35 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 36 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 37 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 38 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 39 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 40 111 3 1.00 ใช้ได้
ตารางที่ ๔.๖ ผลการประเมินความสอดคล้องของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้น
ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ที่มีการจดั การเรียนรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ขอ้ ที่ ความคดิ เห็นของผเู้ ชี่ยวชาญ ∑ ̅ แปลผล
123
ข้อท่ี 1 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 2 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 3 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ท่ี 4 111 3 1.00 ใช้ได้
ขอ้ ที่ 5 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ขอ้ ที่ 6 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อที่ 7 111 3 1.00 ใช้ได้
ข้อท่ี 8 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อท่ี 9 111 3 1.00 ใชไ้ ด้
ข้อที่ 10 111 3 1.00 ใช้ได้
๙๐
ภาคผนวก ง
เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นงานวจิ ยั
- แผนการจัดการเรยี นรู้ 3 แผน
- แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวเิ คราะห์
- แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น
- แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียน