๙๑
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ ๑
รหัสวชิ า ส 15102 รายวชิ า ประวัตศิ าสตร์
ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง วิธที างประวัติศาสตร์ เวลา ๑ ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ยอ่ ยที่ ๑ เรือ่ ง ขั้นตอนวธิ ีการทางประวัติศาสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง
ช่ือผ้สู อน นางสาว ขวญั ใจ ยอดตา สอนวันท่ี ………/ …….. /………..
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมายความสา้ คัญของเวลา และยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์
สามารถใชว้ ิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาวเิ คราะห์เหตกุ ารณต์ ่างๆ อย่างเปน็ ระบบ
ตวั ช้วี ัด
ป.5/1 สืบคน้ ความเปน็ มาของท้องถนิ่ โดยใช้หลักฐานทห่ี ลากหลาย
สาระส้าคญั /ความคดิ รวบยอด
การรวบรวม พจิ ารณาไตร่ตรอง วเิ คราะห์และตีความจากหลักฐานแล้วนามาเปรียบเทียบ
อย่างเปน็ ระบบ
เพื่ออธิบายเหตกุ ารณ์สา้ คญั ที่เกิดข้นึ ในอดีตว่าเหตุใดจงึ เกดิ ข้นึ หรือเหตกุ ารณ์ในอดตี น้ันได้เกดิ
และคล่ีคลายอย่างไร
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนมีความรคู้ วามเข้าใจในความหมายเกี่ยวกับวิธีการทางประวตั ิศาสตร์ (K)
2. นกั เรียนเกิดทกั ษะในการคิดใชว้ ิธกี ารทางประวัติศาสตรใ์ นการสบื คน้ ขอ้ มูล (P)
3. นักเรียนเห็นความส้าคญั ของการใชว้ ิธีการทางประวัติศาสตร์(A)
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(Attitude)
⃞ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ⃞ อยู่อย่างพอเพียง ⃞ ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
/ ⃞ มุง่ มั่นในการท้างาน / ⃞ มวี นิ ัย ⃞ รักความเปน็ ไทย
/ ⃞ ใฝ่เรียนรู้ ⃞ มีจิตสาธารณะ
ด้านสมรรถนะสา้ คัญของผูเ้ รยี น
⃞ ความสามารถในการส่ือสาร :
/ ⃞ ความสามารถในการคิด : ทกั ษะคดิ วเิ คราะห์
/ ⃞ ความสามารถในการแก้ปญั หา : กระบวนการการสบื คน้ ขอ้ มูล
/ ⃞ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต : กระบวนการการปฏิบตั ิ กระบวนการท้างาน
⃞ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :
ดา้ นคุณลกั ษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
/ ⃞ เปน็ เลศิ วิชาการ ⃞ สือ่ สารสองภาษา ⃞ ล้าหน้าทางความคิด
/ ⃞ ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์ ⃞ ร่วมกันรับผิดชอบตอ่ สังคมโลก
๙๒
บรู ณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.หลกั ความพอประมาณ : มีความพอเพียง
2.หลกั ความมีเหตุผล : รูจ้ ักใช้เหตุและผลในการท้าส่งิ ต่างๆ
3.หลกั ภูมคิ มุ้ กนั : มภี ูมคิ ุ้มกันในสถานการณต์ า่ งๆ
4.เง่ือนไขความรู้ : รูจ้ ักวางแผนก่อนการปฏิบัติงาน
5.เงื่อนไขคณุ ธรรม : มีความซอื่ สัตย์สุจรติ
สาระการเรยี นร/ู้ เนอื้ หา
- ขนั้ ตอนวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
หลักฐานหรอื รอ่ งรอยของการเรียนรู/้ การวัดผลประเมนิ ผล/ชน้ิ งาน/ภาระงาน
- แผนผังความคดิ
กจิ กรรมการเรียนการสอน
ขั้นนา้ เขา้ ส่บู ทเรียน (๕ นาท)ี
ขั้นท่ี ๑ การสร้างความสนใจ
1.ครูกล่าวทักทายนกั เรยี นพร้อมดว้ ยเชค็ ชื่อเป็นรายบุคคล
2.ครตู ง้ั ประเด็นคา้ ถามโดยยกตัวอยา่ งบุคคลส้าคัญ เช่น สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
โดยใชค้ ้าถามเพ่ือให้เช่ือมโยงกบั วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์
- นกั เรยี นรู้จักบคุ คลในภาพนห้ี รือไม่ (ตวั อยา่ งคา้ ตอบ รู้จกั /ไม่รู้จัก)
- บุคคลในภาพนน้ี ักเรยี นรู้จักมาจากทีใ่ ด (ตวั อยา่ งค้าตอบ จากการอา่ นหนังสือ/
โทรทศั น์)
- ถ้านักเรยี นต้องการศกึ ษาข้อมูลประวัตคิ วามเป็นมาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
นกั เรียนควรศกึ ษาด้วยวธิ กี ารใด (ตวั อยา่ งคา้ ตอบ การศึกษาคน้ ควา้ จากหนงั สอื ,วธิ กี ารทาง
ประวตั ิศาสตร)์
ขน้ั สอน/กิจกรรมการเรยี นรู/้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น (๔๐ นาท)ี
ขนั้ ที่ ๒ การสา้ รวจและค้นหา
4.ครใู ห้นกั เรยี นศึกษา ใบความรู้ เร่อื ง ขั้นตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์
ขัน้ ที่ ๓ การอธิบาย
5.ครอู ธิบายเกยี่ วกบั ขนั้ ตอนวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์เพ่มิ เตมิ จากใบความรูท้ แี่ จกให้
นกั เรียน จาก PowerPoint
ขนั้ ที่ ๔ การขยายความรู้
๖.ครูต้ังประเด็นคา้ ถาม วิธกี ารทางประวตั ิศาสตรป์ ระกอบไปดว้ ยกข่ี ัน้ ตอน อะไรบา้ ง
๗.ครูให้นกั เรียนสรปุ ประเด็นส้าคญั ขนั้ ตอนและวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตรเ์ ปน็ แผนผงั
ความคิด
ขน้ั สรุป/กจิ กรรมรวบยอด (๕ นาที)
ขั้นที่ ๕ การประเมนิ ผล
๘.ครูใหส้ มุ่ นักเรียนออกมานา้ เสนอแผนผังความคดิ ทต่ี ัวเองท้าให้เพอื่ นดูหน้าช้นั เรียน
๙๓
๙.ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกนั อภิปรายเก่ยี วกับข้ันตอนและความส้าคัญของวธิ ีการทาง
ประวัติศาสตร์
สือ่ /วัสดอุ ปุ กรณ/์ แหลง่ เรียนรู้
ส่ือ
1.พาวเวอร์พอ้ ย ขัน้ ตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์
๒.ภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
วสั ดอุ ุปกรณ์
1.คอมพิวเตอร์
2.ใบความรู้ ขนั้ ตอนวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์
แหล่งเรียนรู้
1.ห้องสมุดโรงเรยี น
2.อนิ เตอรเ์ นต็
การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้
ส่ิงท่ตี อ้ งการวัด วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประมาณ
1. ความรคู้ วามเข้าใจ ตรวจแผนผงั ความคิด -แผนผงั ผ่านเกณฑก์ าร
ประเมนิ
ในความหมายเกี่ยวกบั ร้อยละ 60% ข้นึ ไป
ผ่านเกณฑ์
วธิ ีการทาง
ผา่ นเกณฑ์การ
ประวัตศิ าสตร์ (K) ประเมิน
รอ้ ยละ 60% ขึ้นไป
2. ทักษะในการคิดใช้ ตรวจแผนผงั ความคิด แผนผังความคิด ผา่ นเกณฑ์
วิธีการทาง ผา่ นเกณฑป์ ระเมิน
ระดับ
ประวตั ศิ าสตรใ์ นการ คณุ ภาพพอใช้ข้ึนไป
สบื ค้นข้อมลู (P)
3. เหน็ ความส้าคญั การสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมิน
ของการใช้วธิ กี ารทาง รายบคุ คล พฤติกรรมรายบคุ คล
ประวัตศิ าสตร์(A)
กจิ กรรมเสนอแนะ/มอบหมายงาน
๙๔
บนั ทึกหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
รหัสวิชา ส 15102 รายวชิ า ประวตั ิศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
วันท่ี.................. ใชส้ อนห้อง ป.5 เวลา ........................น. จา้ นวน 1 ช่ัวโมง
1.ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
2.ปัญหา อปุ สรรค
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
3.ข้อเสนอแนะ แนวทางแกไ้ ข
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงชื่อ..........................................ผู้สอน
(................................................)
........./........./.........
ความคดิ เห็น (รองผู้อา้ นวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ/ผู้บริหาร/ผูท้ ี่ได้รบั มอบหมาย)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.
ลงช่อื ..........................................................
(...........................................................)
ต้าแหนง่ .......................................................
วันท.ี่ ...............................................
๙๕
ใบความรูท้ ี่ 1 เร่อื ง ขัน้ ตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวัติศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เรือ่ ง ขนั้ ตอนวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์
รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
ขัน้ ตอนวิธีการทางประวตั ิศาสตร์
วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ คอื การรวบรวม พิจารณาไตร่ตรอง วิเคราะห์และตีความจาก
หลักฐานแล้วนามาเปรียบเทยี บอย่างเปน็ ระบบ เพอ่ื อธบิ ายเหตกุ ารณ์สา้ คัญที่เกิดขึน้ ในอดตี วา่ เหตุ
ใดจงึ เกดิ ข้ึน หรอื เหตกุ ารณใ์ นอดตี นั้นได้เกดิ และคลคี่ ลายอย่างไร ซ่งึ เปน็ ความมุ่งหมายท่ีสา้ คญั
ของการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์
ขนั้ ตอนวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์
ขั้นตอนท่ี ๑ การก้าหนดเปา้ หมาย
ข้ันตอนแรก นกั ประวัตศิ าสตรต์ อ้ งมจี ุดประสงคช์ ัดเจนวา่ จะศกึ ษาอะไร อดีตสว่ นไหน
สมัยอะไร และเพราะเหตใุ ด เปน็ การตงั้ คาถามที่ต้องการศึกษา นักประวัติศาสตร์ต้องอาศยั การ
อ่าน การสงั เกต และควรต้องมคี วามรู้กวา้ ง ๆ ทางประวัติศาสตรใ์ นเรื่องนั้น ๆ มาก่อนบ้าง ซ่ึงคา
ถามหลักทนี่ กั ประวตั ศิ าสตรค์ วรค้านึงอยูต่ ลอดเวลากค็ ือทาไมและเกิดข้นึ อยา่ งไร
ขัน้ ตอนท่ี ๒ การรวบรวมข้อมูล
หลักฐานทางประวตั ิศาสตรท์ ่ีให้ขอ้ มูลมีท้งั หลกั ฐานทเี่ ป็นลายลกั ษณ์อักษร และหลักฐานท่ี
ไมเ่ ปน็ ลายลักษณ์อกั ษร มีท้ังท่ีเป็นหลกั ฐานชั้นต้น (ปฐมภมู ิ) และหลักฐานชัน้ รอง (ทตุ ิยภมู ิ) การ
รวบรวมข้อมลู นั้นหลกั ฐานชน้ั ตน้ มคี วามส้าคัญและความน่าเชอื่ ถือมากกว่าหลักฐานชน้ั รอง แต่
หลกั ฐานชั้นรองอธิบายเรอ่ื งราวใหเ้ ข้าใจได้ง่ายกวา่ หลกั ฐานชัน้ ต้น ในการรวบรวมข้อมลู ประเภท
ตา่ งๆ ดังกลา่ วข้างตน้ ควรเร่ิมต้นจากหลักฐานช้ันรองแล้วจงึ ศกึ ษาหลกั ฐานช้ันตน้ ถา้ เปน็ หลักฐาน
ประเภทไม่เป็นลายลักษณอ์ กั ษรกค็ วรเร่ิมตน้ จากผลการศกึ ษาของนกั วชิ าการท่ีเช่ียวชาญในแตล่ ะ
ดา้ นกอ่ นไปศึกษาจากของจรงิ หรือสถานท่จี ริง การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ท่ดี ีควรใชข้ อ้ มลู หลาย
ประเภทขึน้ อยกู่ บั ว่าผศู้ ึกษาต้องการศึกษาเรื่องอะไร ดงั นน้ั การรวบรวมข้อมูลท่ีดจี ะต้องจดบันทกึ
รายละเอียดตา่ ง ๆ ทั้งขอ้ มูลและแหล่งขอ้ มลู ให้สมบูรณแ์ ละถูกตอ้ งเพ่ือการอ้างองิ ท่ีนา่ เชอ่ื ถอื
ข้นั ตอนที่ ๓ การประเมนิ คุณคา่ ของหลักฐาน
วพิ ากษ์ วธิ ที างประวัตศิ าสตร์ คอื การตรวจสอบหลกั ฐานและขอ้ มูลในหลกั ฐานเหล่านัน้
ว่ามีความน่าเช่อื ถอื หรอื ไม่ ประกอบด้วยการวิพากษ์หลักฐานและวพิ ากษ์ขอ้ มลู โดยขั้นตอนทงั้ สอง
จะกระทาควบคูก่ นั ไป เนื่องจากการตรวจสอบหลักฐานต้องพจิ ารณาจากเน้ือหาหรือข้อมูลภายใน
หลกั ฐานนน้ั และในการวพิ ากษข์ ้อมลู ก็ตอ้ งอาศัยรูปลกั ษณะของหลกั ฐานภายนอกประกอบดว้ ย
การวพิ ากษ์หลักฐานหรอื วิพากษ์ภายนอกการวพิ ากษ์หลักฐาน (external criticism) คอื การ
พิจารณาตรวจสอบหลักฐานท่ีได้คัดเลือกไวแ้ ตล่ ะชนิ้ วา่ มคี วามนา่ เชื่อถือเพยี งใด แตเ่ ปน็ เพยี งการ
๙๖
ประเมินตวั หลกั ฐาน มิไดม้ งุ่ ที่ข้อมูลในหลกั ฐาน ดงั นน้ั ขั้นตอนนเ้ี ป็นการสกดั หลกั ฐานที่ไม่
นา่ เชือ่ ถือออกไปการวิพากษ์ ขอ้ มลู หรอื วิพากษ์ภายในการวพิ ากษข์ อ้ มลู (internal criticism) คอื
การพิจารณาเนือ้ หาหรือความหมายทแ่ี สดงออกในหลกั ฐานเพือ่ ประเมนิ ว่าน่าเช่ือถือเพยี งใดโดย
เนน้ ถงึ ความถูกต้องคุณค่า ตลอดจนความหมายที่แท้จรงิ ซ่ึงนับว่ามีความสา้ คัญต่อการประเมนิ
หลกั ฐานทเี่ ปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร เพราะขอ้ มลู ในเอกสารมที ง้ั ทีค่ ลาดเคล่อื น และมีอคตขิ องผู้บนั ทึก
แฝงอยู่ หากนักประวตั ิศาสตร์ละเลยการวพิ ากษข์ ้อมลู ผลทอี่ อกมาอาจจะผดิ พลาดจากความเป็น
จรงิ
ขนั้ ตอนท่ี ๔ การตีความหลกั ฐาน
การตีความหลักฐาน หมายถึง การพจิ ารณาข้อมูลในหลกั ฐานว่าผู้สร้างหลกั ฐานมเี จตนาที่
แท้จริงอยา่ งไร โดยดจู ากลีลาการเขยี นของผบู้ นั ทึกและรูปรา่ งลกั ษณะโดยทวั่ ไปของประดิษฐกรรม
ต่าง ๆ เพอ่ื ใหไ้ ดค้ วามหมายท่แี ท้จริงซง่ึ อาจแอบแฝงโดยเจตนาหรอื ไมก่ ต็ ามในการตคี วามหลักฐาน
นักประวัตศิ าสตรจ์ ึงตอ้ งพยายามจับความหมายจากสานวนโวหาร ทศั นคติความเช่อื ฯลฯ ของ
ผเู้ ขียนและสงั คมในยุคสมยั น้ันประกอบดว้ ยเพอ่ื ทีจ่ ะได้ทราบวา่ ถ้อยความน้ันนอกจากจะ
หมายความตามตวั อกั ษรแล้วยงั มคี วามหมายทแ่ี ท้จรงิ อะไรแฝงอยู่
ขั้นตอนท่ี ๕ การสงั เคราะห์และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู
จัดเปน็ ขั้นตอนสุดทา้ ยของวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ซ่ึงผ้ศู ึกษาคน้ ควา้ จะตอ้ งเรยี บเรยี ง
เร่อื งหรอื น้าเสนอข้อมูลในลกั ษณะท่ีเปน็ การตอบหรอื อธิบายความอยากรู้ ขอ้ สงสยั ตลอดจน
ความรู้ใหม่ ความคิดใหมท่ ไ่ี ดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ นั้นในข้ันตอนน้ี ผูศ้ ึกษาจะต้องนาข้อมูลทผ่ี ่าน
การตคี วามมาวิเคราะห์ หรอื แยกแยะเพ่อื จัดแยกประเภทของเรอ่ื งโดยเร่อื งเดยี วกันควรจดั ไว้
ด้วยกัน รวมทงั้ เรื่องท่เี กยี่ วขอ้ งหรือสัมพันธก์ ัน เร่อื งท่เี ป็นเหตุเป็นผลซึง่ กนั และกนั จากนนั้ จงึ นา
เรื่องทง้ั หมดมาสงั เคราะหห์ รือรวมเขา้ ด้วยกัน คือ เป็นการจาลองภาพบุคคลหรือเหตกุ ารณ์ในอดีต
ข้นึ มาใหม่ เพ่อื ให้เห็นความสัมพันธแ์ ละความตอ่ เนอ่ื ง โดยอธบิ ายถงึ สาเหตตุ ่าง ๆ ท่ที าให้เกิด
เหตุการณ์ เหตุการณ์ท่เี กิดขึ้นและผล ทง้ั นี้ผูศ้ ึกษาอาจนาเสนอเปน็ เหตกุ ารณ์พน้ื ฐานหรอื เป็น
เหตกุ ารณ์เชงิ วิเคราะห์ก็ได้ ข้นึ อยกู่ ับจดุ มงุ่ หมายของการศึกษา
แหล่งทมี่ า/อา้ งอิง
https://sites.google.com › site › withi-kar-thang-prawatisastr
๙๗
แผนการจัดการเรยี นรู้ ท่ี ๒
รหัสวิชา ส 15102 รายวิชา ประวัตศิ าสตร์
ระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง วธิ ีทางประวตั ศิ าสตร์ เวลา ๑ ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ยู ่อยท่ี ๒ เรื่อง การสบื ค้นขอ้ มลู โดยวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ เวลา 1 ชั่วโมง
ชื่อผู้สอน นางสาว ขวญั ใจ ยอดตา สอนวันท่ี ………/ …….. /…………
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมายความสา้ คญั ของเวลา และยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์
สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตรม์ าวิเคราะห์เหตกุ ารณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ
ตวั ชว้ี ัด
ป.5/2 รวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งต่าง ๆ เพอ่ื ตอบคาถามทางประวัตศิ าสตร์อยา่ งมเี หตุผล
สาระสา้ คัญ/ความคิดรวบยอด
การรวบรวม พิจารณาไตรต่ รอง วเิ คราะหแ์ ละตคี วามจากหลกั ฐานแล้วนามาเปรียบเทียบ
อย่างเป็นระบบ
เพอื่ อธิบายเหตกุ ารณ์สา้ คัญท่ีเกิดข้นึ ในอดีตว่าเหตุใดจงึ เกดิ ข้นึ หรือเหตุการณใ์ นอดตี นนั้ ไดเ้ กดิ
และคล่ีคลายอย่างไร
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั เรียนมีบอกความหมายของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตรไ์ ด้ (K)
2. นกั เรียนเกิดทกั ษะในการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยใช้วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ (P)
3. นกั เรยี นเห็นความสา้ คญั ของการสบื ค้นข้อมูลโดยใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ (A)
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์(Attitude)
⃞ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ⃞ อยู่อย่างพอเพียง ⃞ ซ่ือสตั ย์สุจรติ
/ ⃞ มุ่งมั่นในการท้างาน / ⃞ มวี นิ ยั ⃞ รักความเป็นไทย
/ ⃞ ใฝเ่ รยี นรู้ ⃞ มีจติ สาธารณะ
ดา้ นสมรรถนะส้าคัญของผเู้ รยี น
⃞ ความสามารถในการส่อื สาร :
/ ⃞ ความสามารถในการคิด : ทักษะคดิ วิเคราะห์
/ ⃞ ความสามารถในการแก้ปัญหา : กระบวนการการสบื คน้ ขอ้ มลู
/ ⃞ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ : กระบวนการการปฏิบัติ กระบวนการทา้ งาน
⃞ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :
ดา้ นคุณลักษณะของผู้เรยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล
/ ⃞ เปน็ เลิศวิชาการ ⃞ สอื่ สารสองภาษา ⃞ ล้าหน้าทางความคิด
/ ⃞ ผลติ งานอย่างสรา้ งสรรค์ ⃞ รว่ มกนั รับผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก
๙๘
บูรณาการตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
1.หลกั ความพอประมาณ : มีความพอเพยี ง
2.หลกั ความมเี หตผุ ล : รู้จกั ใช้เหตแุ ละผลในการท้าส่งิ ตา่ งๆ
3.หลักภมู คิ ุ้มกัน : มภี ูมคิ มุ้ กันในสถานการณต์ ่างๆ
4.เงอื่ นไขความรู้ : รจู้ กั วางแผนก่อนการปฏบิ ัตงิ าน
5.เงอ่ื นไขคณุ ธรรม : มคี วามซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
สาระการเรียนรู้/เนอ้ื หา
- ขน้ั ตอนวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์
หลักฐานหรอื ร่องรอยของการเรยี นรู้/การวดั ผลประเมินผล/ช้ินงาน/ภาระงาน
- ใบงาน เรื่อง การสบื ขอ้ มูลโดยใช้วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์
กจิ กรรมการเรยี นการสอน
ขน้ั น้าเข้าสบู่ ทเรยี น (5 นาท)ี
ขน้ั ที่ 1 การสร้างความสนใจ
1.ครกู ลา่ วทกั ทายนกั เรยี นพรอ้ มด้วยเช็คชื่อเป็นรายบุคคล
ขน้ั ที่ 2 การสา้ รวจและค้นหา
2.ครูตัง้ ประเดน็ คา้ ถามเก่ยี วกับวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ทส่ี ามารถเชื่อมโยงกบั ส่ิงของ
สถานท่ี บคุ คล ท่ีนกั เรยี นเคยใช้เคยเห็น (ตัวอย่าง ภาพวดั ภเู ขาทอง)
- วดั ภเู ขาทองเกิดขึ้นไดอ้ ยา่ งไร
- วดั ภูเขาทองสร้างข้นึ ท่ไี หน
- วัดภูเขาทองจากอดตี มาจนถงึ ปจั จบุ ัน มหี ลกั ฐานอะไรบ้างทยี่ งั หลงเหลอื อยู่ในปัจจบุ ัน
ขน้ั สอน/กจิ กรรมการเรียนร้/ู กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น (40 นาท)ี
ขั้นที่ 3 การอธิบาย
๓.ครอู ธิบายการสบื ข้อมูลโดยใชว้ ธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ โดยอธบิ ายผ่านส่ือ
PowerPoint
ขน้ั ท่ี 4 การขยายความรู้
๔.ครูให้นักเรยี นสบื คน้ ขอ้ มูลทนี่ ักเรยี นสนใจ (โดยทคี่ รจู ะใหน้ กั เรียนกา้ หนดเองวา่
นกั เรยี นจะสืบคน้ ข้อมูลเกีย่ วกับอะไรในทอ้ งถน่ิ ของตนเอง เชน่ สถานที่ส้าคัญ บุคคลส้าคัญ) โดย
ให้นกั เรียนหาข้อมูลท่ีสนใจมาก่อนแลว้ ครถู งึ แจกใบงาน เรื่อง การสบื ข้อมูลโดยใช้วธิ ีการทาง
ประวัตศิ าสตร์
๕.ครูให้นักเรยี นท้าใบงาน เร่ืองการสบื ข้อมลู โดยใช้วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตรโ์ ดยท่ี
นกั เรยี นสบื ค้นข้อมูลท่ีสนใจมาเอง
ขน้ั สรปุ /กิจกรรมรวบยอด (5 นาที)
ขัน้ ท่ี 5 การประเมินผล
๖.ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง การสบื คน้ ขอ้ มลู โดยวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์
๙๙
สือ่ /วสั ดุอุปกรณ/์ แหล่งเรยี นรู้
สือ่
1.PowerPoint เร่ืองการสบื คน้ ข้อมูลโดยวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์
๒.ภาพวัดภเู ขาทอง
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1.คอมพิวเตอร์
2.ใบงาน เรอ่ื งการสบื ค้นขอ้ มูลโดยวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์
แหลง่ เรียนรู้
1.ห้องสมุดโรงเรียน
2.อนิ เตอรเ์ นต็
การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้
ดา้ นการวัดประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประมาณ
1. ความหมายของ ตรวจใบงาน ใบงาน ผ่านเกณฑ์การ
วธิ ีการทาง ประเมนิ
ประวัตศิ าสตร์ได้ (K) รอ้ ยละ 60% ขน้ึ ไป
ผา่ นเกณฑ์
2. ทกั ษะในการสบื ค้น ตรวจใบงาน ใบงาน ผา่ นเกณฑ์การ
ข้อมลู โดยใชว้ ธิ กี าร ประเมนิ
ทางประวัติศาสตร์ (P) รอ้ ยละ 60% ข้นึ ไป
ผา่ นเกณฑ์
3. เหน็ ความสา้ คัญ การสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ประเมิน
ของการสบื ค้นขอ้ มลู รายบคุ คล พฤตกิ รรมรายบุคคล ระดับ
โดยใช้วิธกี ารทาง คณุ ภาพพอใช้ขน้ึ ไป
ประวัตศิ าสตร์ (A)
กจิ กรรมเสนอแนะ/มอบหมายงาน
๑๐๐
บนั ทกึ หลงั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
รหัสวิชา ส 15102 รายวชิ า ประวตั ิศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๕
วันที.่ ................. ใช้สอนห้อง ป.5 เวลา ........................น. จา้ นวน 1 ชว่ั โมง
1.ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
2.ปัญหา อุปสรรค
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
3.ข้อเสนอแนะ แนวทางแกไ้ ข
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงช่อื .........................................................ผสู้ อน
(................................................................)
........./........./.........
ความคดิ เห็น (รองผูอ้ ้านวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ/ผูบ้ ริหาร/ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงช่ือ...........................................................
(...........................................................)
ต้าแหนง่ .......................................................
วนั ท.ี่ ...............................................
๑๐๑
ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง การสืบค้นขอ้ มูลโดยวิธกี ารทางประวัติศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๒ เรอ่ื ง การสบื คน้ ขอ้ มูลโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
รายวิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส๑๕๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕
การศึกษาเร่อื ง..................................................................................................................................
ตดิ ภาพหรอื วาดภาพ
การกา้ หนดหัวข้อ ....................................................................................
การรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
การตรวจสอบขอ้ มลู และหลักฐาน
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
๑๐๒
การสรุปความรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
การนาเสนอขอ้ มูล
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
๑๐๓
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ ๓
รหสั วชิ า ส 15102 รายวิชา ประวัติศาสตร์
ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง วิธที างประวัตศิ าสตร์ เวลา ๑ ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรยู้ ่อยที่ ๓ เรื่อง ขอ้ มลู หลักฐานทางประวัติศาสตร์ เวลา 1 ชวั่ โมง
ช่ือผู้สอน นางสาว ขวัญใจ ยอดตา สอนวันที่ ………/ …….. /………..
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมายความส้าคญั ของเวลา และยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์
สามารถใชว้ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตุการณ์ต่างๆ อยา่ งเปน็ ระบบ
ตวั ชว้ี ัด
ป.5/2 รวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ต่าง ๆ เพือ่ ตอบคาถามทางประวัตศิ าสตร์อย่างมเี หตุผล
สาระสา้ คญั /ความคดิ รวบยอด
ร่องรอยของสง่ิ ท่ีมนุษยป์ ระดษิ ฐ์ สรา้ งสรรค์ รวมทง้ั ร่องรอยของพฤติกรรมที่เกดิ ข้นึ ใน
อดีต และเหลือ
ตกคา้ งมาถงึ ปัจจุบัน ซึ่งสามารถใชเ้ ป็นเคร่อื งนาทางในการศกึ ษา สบื ค้น แสวงหาข้อเทจ็ จริงเกีย่ ง
กับเรอื่ งราว
ในอดตี ของมนษุ ยไ์ ดใ้ นระดบั หน่งึ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรยี นมบี อกความหมายของหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ได้ (K)
2. นักเรียนเกิดทักษะในการสบื ค้นข้อมลู หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ (P)
3. นักเรยี นเหน็ ความสา้ คญั ของข้อมูลหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ (A)
ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์(Attitude)
⃞ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ⃞ อยู่อย่างพอเพียง ⃞ ซ่อื สตั ย์สุจริต
/ ⃞ มุ่งมนั่ ในการท้างาน / ⃞ มีวนิ ัย ⃞ รกั ความเป็นไทย
/ ⃞ ใฝเ่ รียนรู้ ⃞ มีจติ สาธารณะ
ด้านสมรรถนะส้าคัญของผูเ้ รยี น
⃞ ความสามารถในการสอื่ สาร :
/ ⃞ ความสามารถในการคิด : ทกั ษะคดิ วเิ คราะห์
/ ⃞ ความสามารถในการแก้ปัญหา : กระบวนการการสบื ค้นขอ้ มลู
/ ⃞ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต : กระบวนการการปฏบิ ัติ กระบวนการท้างาน
⃞ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี :
ด้านคณุ ลกั ษณะของผู้เรียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
/ ⃞ เป็นเลิศวิชาการ ⃞ สอื่ สารสองภาษา ⃞ ล้าหน้าทางความคิด
/ ⃞ ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์ ⃞ รว่ มกันรับผิดชอบตอ่ สังคมโลก
๑๐๔
บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
1.หลักความพอประมาณ : มีความพอเพยี ง
2.หลักความมเี หตุผล : รูจ้ กั ใช้เหตุและผลในการท้าสิง่ ตา่ งๆ
3.หลกั ภูมิคมุ้ กนั : มีภมู คิ ุ้มกันในสถานการณ์ต่างๆ
4.เงอ่ื นไขความรู้ : ร้จู กั วางแผนก่อนการปฏิบตั งิ าน
5.เงือ่ นไขคณุ ธรรม : มีความซื่อสัตย์สุจริต
สาระการเรยี นรู/้ เนอื้ หา
-ข้อมูลหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์
หลกั ฐานหรอื ร่องรอยของการเรยี นรู้/การวดั ผลประเมินผล/ชน้ิ งาน/ภาระงาน
-แผนผงั ความคิด
กิจกรรมการเรยี นการสอน
ขน้ั น้าเขา้ สบู่ ทเรียน (5 นาท)ี
ขัน้ ที่ 1 การสรา้ งความสนใจ
1.ครูกลา่ วทกั ทายนักเรียนพร้อมด้วยเช็คชื่อเปน็ รายบุคคล
ขน้ั ท่ี 2 การสา้ รวจและค้นหา
2.ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาขอ้ มลู หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ เพอ่ื กระตุน้ ความรูเ้ ดมิ ของ
นกั เรยี น โดยครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาจากใบความรู้ เร่ือง หลักฐานทางประวัติศาสตร์
๓.ครใู ห้นกั เรียนดูภาพพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา พรอ้ มกับถามค้าถาม
-ภาพทค่ี รใู หน้ ักเรียนดูเป็นภาพอะไร (แนวคา้ ตอบ พระราชพงศาวดาร กรงุ ศรอี ยุธยา)
-พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเปน็ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์หรือไม่ (แนวคาตอบ
เป็นหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์)
ขั้นสอน/กจิ กรรมการเรยี นรู/้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (40 นาที)
ขน้ั ท่ี 3 การอธิบาย
๔.ครูอธิบายพรอ้ มกบั ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาขอ้ มลู เรื่องหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรจ์ ากสอ่ื
PowerPoint แลว้ ใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็น เก่ยี วกบั หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์
ข้นั ท่ี 4 การขยายความรู้
๕.ครูให้นักเรียนจบั คู่แลว้ ให้นกั เรยี นสรปุ ประเด็นสา้ คญั ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์
เป็นแผนผงั ความคิด
๖.ครใู ห้นกั เรยี นตอบค้าถาม นกั เรียนรูจ้ ักหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรอ์ ะไรบา้ ง (แนว
ค้าตอบ ศิลาจารกึ ใบลาน ถว้ ยชามสงั คโลก)
-หลักฐานประเภทไหนท่เี ป็นหลักฐานประเภทลายลกั ษณ์อกั ษร (แนวคา้ ตอบ ศิลา
จารึก ใบลาน หนงั สือพมิ พ์ หนังสือเรียน)
-หลกั ฐานประเภทไหนที่เปน็ หลกั ฐานประเภทไมเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อักษร (แนวคา้ ตอบ
โบราณสถาน โบราณวัตถเุ จดีย์ ถว้ ยชาม)
ขั้นสรปุ /กิจกรรมรวบยอด (5 นาท)ี
๑๐๕
ขัน้ ที่ 5 การประเมนิ ผล
๗.ครสู ุ่มนกั เรยี น ๒-๓ คู่ให้ออกมานา้ เสนอผลงานแผนผังความคิด
๘.ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้เกยี่ วกับหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ เพ่อื ให้นกั เรียน
เห็นคุณค่าและประโยชน์ของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์
สือ่ /วสั ดุอุปกรณ์/แหล่งเรยี นรู้
สื่อ
1.PowerPoint เรื่องข้อมลู หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์
๒.ใบความรู้
วัสดุอุปกรณ์
1.คอมพิวเตอร์
แหล่งเรยี นรู้
1.หอ้ งสมุดโรงเรยี น
2.อินเตอรเ์ น็ต
การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ดา้ นการวดั ประเมินผล วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์การประมาณ
แผนผงั
1. บอกความหมาย ตรวจแผนผงั ผ่านเกณฑ์การ
แผนผงั ประเมนิ
ของหลักฐานทาง ร้อยละ 60% ข้นึ ไป
แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
ประวตั ศิ าสตร์ได้ (K) พฤติกรรมรายบคุ คล
ผ่านเกณฑก์ าร
2. ทกั ษะในการสบื ค้น ตรวจแผนผัง ประเมิน
ข้อมูลหลักฐานทาง ร้อยละ 60% ขึน้ ไป
ประวัติศาสตร์ (P) ผ่านเกณฑ์
3. เหน็ ความส้าคัญ การสงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์ประเมิน
ของข้อมลู หลักฐาน รายบคุ คล ระดบั
ทางประวตั ศิ าสตร์ (A) คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
กจิ กรรมเสนอแนะ/มอบหมายงาน
๑๐๖
บันทึกหลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
รหัสวิชา ส 15102 รายวชิ า ประวตั ิศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕
วนั ที่.................. ใช้สอนห้อง ป.5 เวลา ........................น. จ้านวน 1 ชั่วโมง
1.ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
2.ปญั หา อุปสรรค
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
3.ขอ้ เสนอแนะ แนวทางแก้ไข
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงชือ่ ...........................................................
ผู้สอน
(................................................................)
........./........./.........
ความคดิ เห็น (รองผ้อู า้ นวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ/ผ้บู ริหาร/ผูท้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ลงช่อื ...........................................................
(...........................................................)
ตา้ แหนง่ .......................................................
วนั ที.่ ...............................................
๑๐๗
ใบความรูท้ ี่ 2 เร่ือง หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 3 เรอ่ื ง ขอ้ มลู หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์
รายวชิ าประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕
หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์
๑) แบ่งตามยคุ สมยั
(๑) หลกั ฐานสมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์ คือ หลักฐานท่ีเกดิ ขนึ้ ในสมัยท่ียังไมม่ ีการบันทึก
เป็นอักษรแต่เป็นพวกซากโครงกระดูกมนุษย์ ซากสงิ่ มชี วี ิตตา่ ง ๆ เครื่องมอื เครอ่ื งใช้
เครอ่ื งประดับ ร่องรอยการต้ังถิน่ ฐานของชมุ ชน ตลอดจนความพยายามที่จะถา่ ยทอด
ประสบการณข์ องมนุษย์ก่อนประวตั ิศาสตร์ ในลักษณะของการบอกเล่าต่อ ๆ กนั มา เปน็ นิทาน
หรอื ตานานซ่ึงเราเรียกว่า “มขุ ปาฐะ”
(๒) หลักฐานสมัยประวัตศิ าสตร์ คือ หลักฐานสมัยที่มนษุ ยส์ ามารถประดิษฐ์ตวั อักษร
และบันทกึ ในวัสดุตา่ ง ๆ มรี ่องรอยท่แี น่นอนเกี่ยวกับสังคมเมอื ง มกี ารรูจ้ กั ใช้เหลก็ และโลหะอ่นื ๆ
มาเปน็ เคร่ืองมือใชส้ อยท่ปี ระณีต มีร่องรอยศาสนสถานและประตมิ ากรรมรปู เคารพในศาสนา
อยา่ งชัดเจน
๒) แบง่ ตามลกั ษณะหรือวิธกี ารบนั ทึก
(๑) หลกั ฐานประเภทลายลักษณอ์ กั ษร ได้แก่ จารกึ ตานาน พงศาวดาร จดหมายเหตุ
บนั ทึกความทรงจา้ เอกสารทางวชิ าการ ชีวประวตั ิ จดหมายสว่ นตวั หนังสือพิมพ์ นิตยสาร
วารสาร กฎหมาย วรรณกรรม ตา้ รา วิทยานิพนธ์ งานวจิ ยั ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ในประเทศ
ไทย มีการเนน้ การฝึกฝนทกั ษะการใช้หลักฐานประเภทลายลกั ษณอ์ กั ษรเปน็ สว่ นใหญ่ จนอาจ
กล่าวไดว้ ่าหลกั ฐานประเภทนเ้ี ปน็ แก่นของงานทางประวตั ศิ าสตร์ไทย
(๒) หลักฐานไมเ่ ป็นลายลกั ษณ์อักษร ได้แก่ หลักฐานโบราณคดี เช่น โบราณสถาน
โบราณวตั ถุ เงินตรา หลักฐานจากการบอกเล่า ทเ่ี รียกว่า “มขุ ปาฐะ” หลกั ฐานด้านภาษา เกยี่ วกบั
พัฒนาการของภาษาพูด หลกั ฐานทางศิลปกรรม ไดแ้ ก่ จิตรกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม
นาฏศลิ ป์ ดุรยิ างคศิลป์ หลกั ฐานประเภทโสตทัศน์ ไดแ้ ก่ ภาพถ่าย ภาพสไสด์ แผนท่ี โปสเตอร์
แถบบันทกึ เสยี ง แผน่ เสียง ภาพยนตร์ ดวงตราไปรษณยี ากร
๓) แบง่ ตามลาดับความสา้ คญั
(๑) หลกั ฐานชั้นต้นหรอื หลักฐานปฐมภมู ิ (Primary sources) หมายถึง หลกั ฐานท่ี
บันทึก สรา้ งหรอื จัดทาขนึ้ โดยผเู้ ก่ยี วข้องกับเหตุการณน์ ั้นโดยตรง หรอื บง่ บอกใหร้ ู้ถงึ เหตุการณ์ท่ี
เกิดขนึ้ ในสมัยน้นั จริง ๆทัง้ ท่เี ป็นลายลักษณ์อกั ษร เชน่ สนธิสญั ญา บนั ทกึ คาให้การ จดหมายเหตุ
กฎหมาย ประกาศของทางราชการศลิ าจารกึ จดหมายโต้ตอบ และท่ีไมเ่ ปน็ ลายลักษณ์อักษร เชน่
ภาพเขียนสผี นงั ถา้ เครื่องมอื เครื่องใชเ้ คร่ืองประดับ เจดีย์
(๒) หลกั ฐานชน้ั รองหรือหลักฐานทตุ ิยภูมิ (Secondary sources) หมายถงึ หลกั ฐาน
ทเ่ี กิดจากการนาหลกั ฐานช้นั ต้นมาวเิ คราะห์ ตคี วามเมอ่ื เวลาผ่านพน้ ไปแล้ว ได้แก่ ต้านาน
๑๐๘
พงศาวดาร นกั ประวัติศาสตรบ์ างทา่ นยงั ได้แบ่งหลักฐานประวตั ศิ าสตร์ออกไปอกี เป็น หลกั ฐานชนั้
ที่สามหรือตตยิ ภูมิ (Tertiary sources) หมายถงึ หลกั ฐานทเ่ี ขยี นหรอื รวบรวมข้ึนจากหลกั ฐาน
ปฐมภูมิและทุตยิ ภมู ิ เพ่อื ประโยชนใ์ นการศึกษาอา้ งอิง เช่น สารานกุ รม หนังสอื แบบเรยี น
ประวตั ิศาสตร์ตา่ ง ๆ
แหลง่ ทม่ี า/อ้างองิ
สรุ ิยันตร์ เชาวนปรีชา (๒๕๕๒)
๑๐๙
แบบประเมินการน้าเสนอหน้าชั้นเรยี น
เกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ
การประเมิน ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรงุ (๑)
1. การถ่ายทอด คลอ่ งแคล่วไม่ติดขัด คล่องแคล่วไม่ ไม่คล่องแคล่วมีการ ติดขดั หยุดชะงักใน
เน้ือหา ท้าให้เข้าใจประเดน็ ติดขดั ทา้ ใหเ้ ขา้ ใจ หยดุ ชะงักบ้าง หลายจังหวะ
ได้งา่ ยและเร็ว ประเดน็ ได้งา่ ย บางคร้ัง จงั หวะพูด พดู เร็วหรือชา้
การพูดมกี ารเว้น การพูดมีการเว้น ช้าจับประเดน็ ไม่ได้ เกินไป
จงั หวะและเน้นคา จังหวะอย่าง
เนน้ สาระส้าคญั เหมาะสม ความเรว็
อย่างเหมาะสม ในการพูดอย่ใู น
เพื่อใหผ้ ู้ฟงั ติดตาม ระดบั เหมาะสม
การนา้ เสนอ
ความเรว็ ในการพดู
อยูใ่ นระดบั เหมาะสม
2. บุคลกิ ภาพ มคี วามมัน่ ใจ สบสายตาผฟู้ งั สบสายตาผู้ฟังน้อย กม้ หนา้ ไมส่ บตา
สบสายตาผฟู้ งั พอสมควร น้าเสียง น้าเสยี งสั่น ขาด และน้าเสยี งสัน่
ตลอดเวลาเพือ่ สะท้อนถึงความ ความม่ันใจ เสยี ง และเบา
ดึงดดู ใหผ้ ู้ฟงั สนใจ ม่ันใจ เสยี งดัง เบาและดังสลบั ไป
ในเน้อื หาที่ถา่ ยทอด พอเหมาะ
เสยี งดงั พอเหมาะ
3. การใช้ภาษา คล่องแคลว่ เชน่ ยก แสดงกริยาท่าทาง ใช้ภาษากายสือ่ สาร ไมใ่ ชภ้ าษากาย
กายในการสื่อสาร มอื /ผายมอื แสดง ประกอบการ น้อยครัง้ ส่ือสาร
กรยิ าท่าทาง น้าเสนอพอสมควร
ประกอบการ
น้าเสนอเพ่อื ดงึ ดดู
ความสนใจ
4. ความ ใชเ้ วลาในการ ใชเ้ วลาในการ ใช้เวลาในการ ใช้เวลาในการ
เหมาะสมกับเวลา น้าเสนอเหมาะสม น้าเสนอเกนิ เวลาที่ นา้ เสนอเกินเวลาท่ี นา้ เสนอเกินเวลาท่ี
กา้ หนด ๑-๓ นาที กา้ หนด ๔-๕ นาที ก้าหนด มากกว่า ๕
นาทีขนึ้ ไป
เกณฑก์ ารให้คะแนน
คะแนน 8-10 คะแนน หมายถงึ ดี
คะแนน 5-7 คะแนน หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1-4 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ
เกณฑ์การผ่าน ต้งั แต่ 5 คะแนน ขน้ึ ไป
๑๑๐
แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้
เกณฑก์ ารประเมิน ระดับคุณภาพ
ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรงุ (๑)
1. การร่วมกจิ กรรม มคี วามกระตอื รือร้น มีความกระตอื รือรน้ ไม่มีความ
ในการร่วมกิจกรรม ในการร่วมกิจกรรม กระตือรอื รน้
อย่างสมา่้ เสมอ ใน ในการรว่ มกจิ กรรม
บางครงั้
2. การรับฟงั ความ รบั ฟงั ความคิดเห็น รบั ฟังความคิดเห็น ไม่รับฟังความคิดเห็น
คิดเห็นของผอู้ ืน่ ของผู้อ่ืนอย่าง ของผอู้ น่ื เป็นบางครงั้ ของผอู้ ื่น
สมา้่ เสมอ
3. ความรับผิดชอบ มคี วามรับผดิ ชอบใน มีความรับผิดชอบใน ไม่มีความรบั ผิดชอบ
งานทไ่ี ดร้ ับ งานทไ่ี ดร้ บั ในงานทไ่ี ด้รบั
มอบหมายอยา่ ง มอบหมายในบางครั้ง มอบหมาย
สมา่้ เสมอ
4. ขยันหมั่นเพยี ร มคี วาม มคี วาม ไมม่ คี วาม
ขยนั หมน่ั เพียร ขยันหม่นั เพียร ขยนั หมั่นเพยี ร
พยายามทางานให้ พยายามทางานให้ พยายามทางานให้
ส้าเร็จอยา่ งสม้่าเสมอ สา้ เร็จเปน็ บางคร้ัง สา้ เร็จ
5. ตรงตอ่ เวลา ส่งช้นิ งานภายในเวลา ส่งผลงานเสรจ็ ตรง ส่งผลงานชา้ กวา่ เวลา
ที่ก้าหนด เวลา ก้าหนด
เกณฑก์ ารให้คะแนน
คะแนน ๑1-๑๕ คะแนน หมายถึง ดี
คะแนน 6-๑0 คะแนน หมายถึง พอใช้
คะแนน ๑-5 คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ
เกณฑ์การผ่าน ต้งั แต่ 6 คะแนน ข้นึ ไป
๑๑๑
แบบประเมินแผนผังความคิด
คา้ ช้ีแจง : ให้ครผู ู้สอนประเมนิ แผนผงั ความคิดของนักเรยี น แล้วให้ท้าเคร่อื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ท่ี ชอื่ -สกุล การร่วม การรบั ฟงั ความ ขยนั หมนั่ ตรงต่อเวลา รวม
กจิ กรรม ความคิดเหน็ รับผดิ ชอบ เพยี ร
ของผอู้ ืน่
43214321432143214321
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมนิ
.............../............./............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
นกั เรยี นท่ีไดร้ ะดับคุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
16-20 ดีมาก
11-15 ดี
6-10 พอใช้
1-5 ปรับปรงุ
๑๑๒
แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบคุ คล
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5
สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ วันท.่ี .............เดอื น......................พ.ศ..........................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ล้าดับ ชื่อ – สกุล ความ ความ การตอบ มสี ่วน รวม ระดับ
ท่ี ต้ังใจใน สนใจ คา้ ถาม ร่วมใน (16) คณุ ภาพ
และการ (4) กจิ กรรม
การ ซักถาม (4)
เรยี น (4)
(4)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ........................................................ผู้ประเมนิ
.............../............./...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบท้าย เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียน
รายบคุ คล ดงั นี้
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
1-7 ปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน นกั เรียนท่ีไดร้ ะดบั คุณภาพพอใช้ขึ้นไป ถือว่า ผา่ น
๑๑๓
เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นรายบุคคล (Rubric)
ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเมนิ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ตอ้ งปรบั ปรงุ
(1)
1. ความตั้งใจใน สนใจในการ สนใจในการ สนใจในการ ไม่สนใจใน
การเรยี น เรยี น เรยี น เรยี น การเรียน คยุ
ไมค่ ยุ หรอื เลน่ กนั คุยกนั เลก็ นอ้ ย คยุ กนั และเล่น และ
ในขณะเรยี น ในขณะเรียน กัน เลน่ กันในขณะ
ในขณะเรยี นเปน็ เรยี น
บางครงั้
2. ความสนใจ มีการถามใน มีการถามใน มกี ารถามใน ไม่ถามในหวั ข้อที่
และการซักถาม หัวขอ้ ทต่ี นไม่ หัวข้อทตี่ นไม่ หัวขอ้ ที่ตนไม่ ตนไม่เขา้ ใจและ
เขา้ ใจทกุ เรอื่ ง เขา้ ใจเปน็ เข้าใจเปน็ ไมก่ ล้าแสดงออก
และกล้า สว่ นมากและ บางครัง้ และไม่
แสดงออก กล้า ค่อยกล้า
แสดงออก แสดงออก
3. การตอบ ร่วมตอบค้าถาม ร่วมตอบค้าถาม รว่ มตอบคา้ ถาม ไมต่ อบค้าถาม
คา้ ถาม ในเร่อื งที่ครถู าม ในเรอ่ื งท่ีครถู าม ในเร่ืองทคี่ รูถาม
และตอบคา้ ถาม และตอบค้าถาม เป็นบางครง้ั และ
ถกู ทกุ ขอ้ สว่ นมากถกู ตอบคา้ ถามถูก
เปน็ บางคร้งั
4. มสี ่วนรว่ มใน รว่ มมอื และ ร่วมมอื และ รว่ มมอื และ ไมม่ คี วามร่วมมือ
กิจกรรม ช่วยเหลือเพือ่ น ช่วยเหลือเพ่อื น ชว่ ยเหลอื เพอ่ื น ในขณะทา้
ในการทา้ เป็นส่วนใหญใ่ น ในการทา้ กจิ กรรม
กจิ กรรม การทา้ กิจกรรม กจิ กรรม
เป็นบางครัง้
๑๑๔
แบบทดสอบวดั ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์
ค้าช้แี จง
แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จา้ นวน 20 ข้อ โดยให้นกั เรียน
เลือกคา้ ตอบที่ถกู ที่สดุ เพยี งข้อเดยี ว ให้ทา้ เครอื่ งหมาย X ลงในกระดาษทแ่ี จกให้
1. ข้อใดเป็นการตัง้ ประเดน็ ทไ่ี ม่เหมาะสมใน ๔. การกา้ หนดประเด็นมีประโยชน์อย่างไรตอ่
การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์
ก. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ก. บอกความสนใจของผศู้ ึกษาค้นควา้
กบั การสร้างชาตไิ ทย ช. ป้องกันการศึกษาซ้ากับผ้อู ่ืน
ข. การเลิกทาสในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระ ค. ก้าหนดขอบเขตของเรอื่ งที่จะศึกษา
จุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั ง. ท้าให้ทราบแหลง่ ข้อมูลทางประวตั ศิ าสตร์
ค. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศไทยกับ เฉลย ขอ้ ค.
กมั พูชา ๕.อนุสาวรีย์ชยั สมรภูมิจดั เปน็ หลกั ฐาน
ง. วรี กรรมของทา้ วสุรนารใี นประวัตศิ าสตร์ ประเภทใด
ไทย ก.หลกั ฐานชนั้ ตน้
เฉลย ข้อ ค. ข.หลกั ฐานชนั้ รอง
2. การก้าหนดหวั ข้อหรือประเด็นท่ดี ีควรมี ค.หลักฐานปฐมภูมิ
ลักษณะอยา่ งไร ง.หลักฐานท่ีเป็นลายลายลักษณ์อักษร
ก. กา้ หนดชว่ งเวลาและพ้ืนท่ที ่จี ะศกึ ษาให้ เฉลย ขอ้ ข.
ชดั เจน ๖.การบันทกึ เร่ืองราวในอดตี เกย่ี วกับ
ข. ก้าหนดหัวเร่อื งกว้างๆ เพื่อศกึ ษาไดห้ ลาย พระมหากษตั รยิ ์ คือ หลักฐานใด 8
ประเด็น ก.ต้านาน
ค. น้าประเด็นทม่ี ีผู้ศึกษามาก่อนและมกี าร ข.พงศาวดาร
ยอมรับแลว้ ค.บนั ทกึ
ง. กา้ หนดหวั เรอื่ งให้แคบจะได้ไม่เสียเวลา ง.จดหมาย
ศึกษา เฉลย ข้อ ค.
เฉลย ขอ้ ก. ๗. หลกั ฐานลายลักษณอ์ กั ษรมีความส้าคญั ตอ่
๓. การก้าหนดหวั เร่อื งใหน้ ่าสนใจจะเกดิ การศึกษาประวตั ศิ าสตร์อย่างไร
ประโยชนอ์ ย่างไร ก. เปน็ หลักฐานทใ่ี หข้ อ้ มูลประวตั ศิ าสตรด์ ี
ก. สะดวกในการศึกษาค้นคว้า ท่ีสุด
ข. ศกึ ษาเรือ่ งทแี่ ตกตา่ งจากผ้อู ื่น ข. เป็นหลกั ฐานท่ใี หข้ ้อมลู งา่ ยกวา่ หลกั ฐาน
ค. เกิดการสรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่ อื่น
ง. มแี รงกระตุ้นในการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ค. เปน็ หลกั ฐานทม่ี ีจ้านวนมาก หางา่ ย
เฉลย ขอ้ ก. ง. เปน็ หลักฐานท่ีนา่ เช่อื ถือที่สุด
๑๑๕
เฉลย ขอ้ ง. ข.จารึก บันทกึ ภาพถ่าย
๘. เพราะเหตใุ ดจึงต้องศกึ ษาจากผลงานของ ค.จารกึ ต้านาน วดี โี อ
ผู้เชี่ยวชาญก่อนไปศกึ ษาในสถานทีจ่ รงิ ง.วดี ีโอ ภาพถา่ ย เคร่ืองใช้
ก. หาความน่าเชือ่ ถอื ของผ้เู ช่ยี วชาญ เฉลย ขอ้ ก.
ข. ทา้ ความเข้าใจเบอื้ งต้นก่อน ๑๓.ข้อใดคือเป้าหมายของการรวบรวมขอ้ มูล
ค. หากเข้าใจเรอ่ื งแล้วไม่ตอ้ งไปสถานทีจ่ รงิ จากหลายๆแหลง่
ง. เปรียบเทยี บผลงานจากผ้เู ช่ยี วชาญแต่ละ ก.เพ่อื กา้ หนดหวั ข้อเรอ่ื งได้
คน ข.สนั นษิ ฐานข้อมูลตา่ งๆ
เฉลย ข้อ ข. ค.บนั ทกึ เร่อื งราวได้มากๆ
๙. หลักฐานประวตั ศิ าสตรม์ ีความสา้ คญั ตอ่ ง.รวบรวมหลักฐานท่ถี กู ต้อง
วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์อย่างไร เฉลย ขอ้ ง.
ก. ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ๑๔.บทความทางวชิ าการเป็นหลกั ฐานในชน้ั
ข. ก้าหนดวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ ใด
ค. ก้าหนดหวั ข้อหรอื ประเด็นทาง ก.ภาพถา่ ย
ประวตั ศิ าสตร์ ข.ต้านาน
ง. ท้าใหเ้ กิดวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ค.พงศาวดาร
เฉลย ขอ้ ก. ง.บทความทางวิชาการ
๑๐. ข้อใดคือประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากการตคี วาม เฉลย ข้อ ง.
ขอ้ มลู ๑๕.การเขยี นเรื่องราวเป็นตัวอกั ษรลงในแผน่
ก. รู้จกั วิเคราะหห์ าความสมั พันธข์ องข้อมลู ศลิ าคือหลกั ฐานใด
ข. มีความอดทนในการอ่านเอกสารจา้ นวน ก.ต้านาน
มาก ข.จารกึ
ค. รู้จักนา้ แนวคดิ ในปัจจบุ ันมาพิจารณาอดีต ค.พงศาวดาร
ง. มจี นิ ตนาการเกย่ี วกบั อดีต ง.จดหมายเหตุ
เฉลย ขอ้ ก. เฉลย ข้อ ข.
๑๑.ถา้ นกั เรยี นจะศึกษาประวัติศาสตร์ ขั้น ๑๖.หลกั ฐานขอ้ ใด แตกต่างจากขอ้ อ่ืน
แรกนกั เรยี นควรทา้ อยา่ งไร ก.จารึก
ก.รวบรวมขอ้ มูล ข.ต้านาน
ข.ตคี วามข้อมูล ค.โบราณวตั ถุ
ค.ตรวจสอบข้อมลู ง.พงศาวดาร
ง.กา้ หนดหวั ข้อท่ีจะศกึ ษา เฉลย ข้อ ค.
เฉลย ข้อ ง. ๑๗.หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ข้อใด แตกต่าง
๑๒.ขอ้ ใดคือหลกั ฐานท่ีเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร จากขอ้ อนื่
ท้งั หมด ก.จารกึ
ก.จดหมาย ต้านาน พงศาวดาร ข.รปู ถา่ ย
๑๑๖
ค.โบราณวัตถุ
ง.โบราณสถาน
เฉลย ขอ้ ก.
๑๘.การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ เพ่ือใหท้ ราบ
ข้อมลู ท่ีเป็นจรงิ มากท่ีสดุ ควรยดึ สิง่ ใดเป็น
ส้าคญั
ก.หลกั ฐาน
ข.นกั โบราณคดี
ค.เครื่องมือทใ่ี ช้ขดุ
ง.วธิ เี ผยแพร่ข้อมูล
เฉลย ขอ้ ก.
๑๙. ขอ้ ใดจัดเปน็ หลักฐานทางโบราณคดี
ทัง้ หมด
ก. โครงกระดูก เครือ่ งมือ-เครอื่ งใช้
ข. ศิลาจารกึ ซุม้ ใบเสมา
ค. พงศาวดารอยธุ ยา ตา้ นานท้าวแสนปม
ง. วีดที ศั น์เรื่องจดหมายเหตกุ รงุ ศรี รอยไทย
เฉลย ขอ้ ก.
๒๐. หลักฐานช้ันต้นมคี วามนา่ เชือ่ ถือกวา่
หลกั ฐานชน้ั รอง เพราะเหตุใด
ก. หลกั ฐานชัน้ รองใช้ข้อมลู จากหลกั ฐาน
ชนั้ ตน้
ข. หลกั ฐานชน้ั ต้นสรา้ งขึน้ ปราศจากอคติ
ค. หลกั ฐานชนั้ ต้นไมส่ อดแทรกความคดิ เห็น
ของผ้สู รา้ ง
ง. ผสู้ ร้างหลักฐานชั้นตน้ ทราบขอ้ มูลดีกวา่
เฉลย ขอ้ ข.
๑๑๗
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
คา้ ช้ีแจง
แบบทดสอบเป็นแบบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จา้ นวน 30 ข้อ โดยใหน้ ักเรียน
เลอื กคา้ ตอบท่ีถกู ที่สุดเพียงข้อเดียว ให้ท้าเคร่ืองหมาย X ลงในกระดาษทแ่ี จกให้
1.ถา้ ตอ้ งการทราบประวตั คิ วามเปน็ มาควรรวบรวมขอ้ มูลจากหลกั ฐานในขอ้ ใด
ก.สอบถามจากเพ่อื นขา้ งบ้าน
ข.โบราณสถานทเ่ี พิ่งก่อสร้าง
ค.ค้าบอกเลา่ ของผู้สูงอายใุ นทอ้ งถิน่
ง.ภาพถ่ายของตนเองตอนเด็ก
เฉลย ขอ้ ค.
2.ถา้ ตอ้ งการสบื ค้นความเปน็ มา ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไรเป็นขัน้ ตอนแรก
ก.กา้ หนดหัวขอ้
ข.รวบรวมข้อมลู หลกั ฐาน
ค.น้าเสนอข้อมูล
ง.ตรวจสอบลกั ษณะขอ้ มูล
เฉลย ข้อ ก.
๓.ขอ้ ใดไมใ่ ช่วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์
ก.การกา้ หนดหัวข้อ
ข.การตีความหลกั ฐาน
ค.การรวบรวมหลกั ฐาน
ง.การเลยี นแบบหลกั ฐาน
เฉลย ข้อ ง
๔.การน้าเสนอขอ้ มูลควรยึดหลักในขอ้ ใด
ก.น้าเสนอขอ้ มูลเฉพาะด้านทด่ี ี
ข.นา้ เสนอข้อมลู ตามความเป็นจริง
ค.น้าเสนอขอ้ มลู โดยใช้ความรูส้ กึ สว่ นตวั
ง.น้าเสนอข้อมลู โดยใชห้ ลกั ฐานเพียงชนิ้ เดยี ว
เฉลย ข้อ ข.
๑๑๘
๕.การตรวจสอบและตีความขอ้ มูลในขอ้ ใดถูกตอ้ ง
ก.ใช้ข้อมูลทต่ี นเองชอบมากที่สุด
ข.เช่อื เฉพาะขอ้ มูลทพ่ี อ่ แม่เล่าใหฟ้ ัง
ค.เพม่ิ เติมข้อมูลเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ
ง.เปรียบเทยี บขอ้ มลู กับหลาย ๆ แหลง่ ข้อมูล
เฉลย ข้อ ง.
๖.ขอ้ ใดไม่ใชว่ ิธีการทางประวตั ศิ าสตร์
ก.การก้าหนดหวั ขอ้
ข.การตีความหลักฐาน
ค.การรวบรวมหลักฐาน
ง.การเลยี นแบบหลกั ฐาน
เฉลย ข้อ ง.
๗.ขอ้ ใดเรยี งล้าดับข้นั ตอนวิธีการสบื คน้ ความเปน็ มาของท้องถิ่นได้ถกู ตอ้ ง
1.อยากทราบว่าในทอ้ งถ่นิ มสี ถานที่ส้าคัญใดบา้ ง
2.จดั นทิ รรศการเผยแพร่
3.ตรวจสอบขอ้ มูลท่ีได้จากเอกสาร พงศาวดาร
4.ค้นคว้าขอ้ มูลจากเอกสาร พงศาวดาร
5.วเิ คราะห์ขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากเอกสาร พงศาวดาร
ก. 1 2 4 5 3
ข. 1 4 3 5 2
ค. 4 3 5 1 2
ง. 4 1 3 5 2
เฉลย ข้อ ข.
๘.“กลั ยาก้าลงั เปรยี บเทยี บสาเหตุของการยา้ ยถน่ิ ของชุมชนในอดีตว่าเปน็ เพราะสาเหตใุ ด”
จากข้อความทก่ี ้าหนดให้ แสดงว่ากลั ยาก้าลงั สบื ค้นความเปน็ มาอยใู่ นขัน้ ตอนใด
ก.รวบรวมหลักฐาน
ข.ก้าหนดหัวขอ้ เรอ่ื ง
ค.ตคี วามขอ้ มูล
ง.น้าเสนอข้อมูล
เฉลย ขอ้ ค.
๑๑๙
๙.“วนั ชยั กับเพอ่ื นๆ ก้าลงั คดิ ว่าจะศกึ ษาเร่อื งใดในชมุ ชน” จากขอ้ ความทีก่ ้าหนดให้ วนั ชัยกบั เพอื่ นๆ ก้าลงั
สืบค้นความเปน็ มาของชมุ ชนในขน้ั ตอนใด
ก.ตคี วามข้อมูล
ข.กา้ หนดหัวขอ้
ค.เรยี บเรียงข้อมูล
ง.ตรวจสอบหลกั ฐาน
เฉลย ข้อ ข.
๑๐.ถ้าตอ้ งการสืบคน้ ความเปน็ มา ควรปฏิบัติอย่างไรเปน็ ขั้นตอนแรก
ก.กา้ หนดหัวขอ้
ข.รวบรวมข้อมูลหลกั ฐาน
ค.นา้ เสนอข้อมลู
ง.ตรวจสอบลกั ษณะข้อมูล
เฉลย ข้อ ข.
๑๑.ข้อใดคอื ขนั้ ตอนสุดทา้ ยของการสืบคน้ ความเป็นมา
ก.การตคี วามข้อมลู
ข.การรวบรวมขอ้ มลู
ค.การตรวจสอบขอ้ มูล
ง.การเรียบเรยี งและน้าเสนอขอ้ มูล
เฉลย ข้อ ง.
๑๒.ถา้ นกั เรยี นต้องการค้นควา้ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั ทอ้ งถ่ินของตนเอง ควรเร่มิ คน้ คว้าจากแหล่งขอ้ มูลใดจงึ จะ
เหมาะสมที่สุด
ก.ร้านคา้
ข.โรงแรม
ค.หอ้ งสมุด
ง.วัดในทอ้ งถน่ิ
เฉลย ขอ้ ง.
๑๓.การศึกษาประวัตศิ าสตร์ เพอื่ ให้ทราบข้อมลู ท่ีเป็นจริงมากที่สดุ ควรยดึ สิง่ ใดเปน็ สา้ คัญ
ก.หลักฐาน
ข.นักโบราณคดี
ค.เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ขุด
ง.วิธเี ผยแพรข่ อ้ มลู
เฉลย ขอ้ ก.
๑๒๐
๑๔.ข้อใดเปน็ หลกั ฐานท่ีไม่ใช่ลายลกั ษณ์อักษรทง้ั หมด
ก.เครือ่ งประดบั หนิ ศลิ าจารกึ
ข.สมดุ ขอ่ ย โบราณสถาน
ค.ขวานหินขัด ถว้ ยชามสงั คโลก
ง.จารกึ ใบลาน พงศาวดาร
เฉลย ขอ้ ค.
๑๕.หลักฐานที่เกดิ ร่วมสมยั กับเหตกุ ารณท์ ี่เกิดขึ้น คอื หลักฐานประเภทใด
ก.ช้นั ตน้
ข.ชัน้ กลาง
ค.ชั้นรอง
ง.ช้นั ท้าย
เฉลย ขอ้ ก.
๑๖.หลกั ฐานในขอ้ ใดให้ข้อมูลเกีย่ วกับความรสู้ ึกของประชาชนในพน้ื ทท่ี ีม่ ีต่อองคพ์ ระปฐมเจดยี ์
ก.แผนที่
ข.คา้ ตัดสินของศาลโลก
ค.แบบสอบถาม
ง.หนงั สือทอ่ งเทย่ี วองค์พระปฐมเจดีย์
เฉลย ขอ้ ค.
๑๗.ข้อใดกลา่ วได้ถูกตอ้ ง
ก.หนงั สือเล่าเร่ืองหัวเมอื งใต้ เป็นหลกั ฐานท่ไี ม่ใช่ตัวอกั ษร
ข.พงศาวดาร เป็นหลักฐานสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์
ค.ศลิ าจารกึ เป็นหลกั ฐานสมัยประวัตศิ าสตร์
ง.รูปถ่าย เป็นหลักฐานสมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์
เฉลย ขอ้ ค.
๑๘.ข้อใดไมใ่ ช่หลกั ฐานสมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์
ก.จดหมายเหตุของหมอบรัดเลย์
ข.ซากโครงกระดูกที่บ้านเชยี ง
ค.เครื่องป้ันดนิ เผาบ้านนาดี
ง.ภาพเขียนสที ี่ผาแต้ม
เฉลย ข้อ ก.
๑๒๑
๑๙.ข้อใดเป็นหลกั ฐานชนั้ รอง
ก.ตา้ นาน
ข.หนังสอื พิมพ์
ค.รูปถ่าย
ง.เครื่องมอื หนิ ขัด
เฉลย ขอ้ ก.
๒๐.ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลกั ฐานที่เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร
ก.บันทกึ
ข.พงศาวดาร
ค.ต้านาน
ง.แถบวดี ที ัศน์
เฉลย ขอ้ ง.
๒1.ขอ้ ใดเปน็ หลกั ฐานในสมัยประวัตศิ าสตร์
ก.ศลิ าจารกึ พ่อขนุ รามคา้ แหงมหาราช
ข.ก้าไลส้าริดบ้านยางทองใต้ จ. เชียงใหม่
ค.ภาชนะดนิ เผาบา้ นเก่า จ. กาญจนบุรี
ง.โครงกระดกู ชมุ ชนโบราณเมอื งพล จ.ขอนแก่น
เฉลย ขอ้ ก.
๒2.ในชุมชนคน้ พบถว้ ยชามโบราณ ท้าใหท้ ราบข้อมูลใด
ก. ชุมชนน้ีประกอบอาชพี ขายก๋วยเตีย๋ ว
ข. ชุมชนน้เี คยค้าขายกับชาวต่างชาติ
ค.ชมุ ชนนี้มีการใชภ้ าชนะดินเผา
ง.ชุมชนนี้มปี ระชากรสว่ นใหญ่เปน็ ผู้ชาย
เฉลย ข้อ ค.
๒3.หลกั ฐานใดแตกตา่ งจากขอ้ อ่ืน
ก.จารกึ
ข.ต้านาน
ค.โบราณวตั ถุ
ง.พงศาวดาร
เฉลย ขอ้ ค.
๑๒๒
๒4.เรอ่ื งราวทีเ่ กิดขน้ึ ในอดตี และมีการเล่าสบื ตอ่ กันมา
ก.จารึก
ข.ต้านาน
ค.โบราณวัตถุ
ง.พงศาวดาร
เฉลย ขอ้ ข.
๒5.ขอ้ ใดไมจ่ ดั ว่าเปน็ การแบ่งประเภทหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์
ก.หลกั ฐานช้นั ต้น – หลักฐานชั้นรอง
ข.หลักฐานที่เกิดขึ้นก่อน – เกดิ ขึ้นหลัง
ค.หลกั ฐานทเี่ ปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร – หลกั ฐานท่ไี มเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร
ง.หลักฐานสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ – สมัยประวตั ศิ าสตร์
เฉลย ขอ้ ข.
๒6.เพราะเหตุใดจงึ ควรตรวจสอบหลกั ฐานก่อนนา้ มาใช้
ก.เพ่อื ใหไ้ ด้ข้อมูลที่หลากหลาย
ข.เพ่อื ให้ได้ขอ้ มลู ท่เี ปน็ จริงมากท่ีสดุ
ค.เพื่อคัดเลือกเฉพาะข้อมูลสมยั ประวตั ศิ าสตร์
ง.เพื่อแสดงว่าได้คน้ คว้าหลักฐานมา
เฉลย ขอ้ ข.
๒7.ขอ้ ใดเปน็ แหล่งขอ้ มูลเกย่ี วกบั ภาคอีสาน
ก.แหลง่ โบราณคดบี า้ นเชยี ง
ข.พระปฐมเจดีย์
ค.เวยี งกมุ กาม
ง.ถ้าผแี มน
เฉลย ขอ้ ก.
๒8.การตีความหลักฐานข้อมูลใหม่ควรพิจารณาจากขอ้ ใด
ก.ค้าบอกเลา่ จากคนอ่ืน
ข.หลกั ฐานทน่ี ่าเช่ือถือที่สุด
ค.ความพอใจของคนในชุมชน
ง.ความพอใจของเจา้ ของหลกั ฐาน
เฉลย ขอ้ ข.
๑๒๓
29.ขน้ั ตอนสุดท้ายของวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ คอื ข้อใด
ก.ก๊ิกหาหลักฐานท่ีเปน็ รปู ถา่ ย เอกสาร ส่งิ ของเครอ่ื งใชต้ ่างๆ
ข.ฟ้านา้ ขอ้ มูลมาจัดเป็นประเด็นส้าคญั สาเหตุ เหตุการณ์ตา่ งๆ
ค.จุม๋ ตรวจสอบหลักฐานตามหลกั วิชาการ
ง.หนงิ น้าข้อมลู มาเขยี นเป็นเรยี งความ
เฉลย ขอ้ ง.
๓0.ขนั้ ตอนวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ มีกขี่ นั้ ตอน
ก.3 ขัน้ ตอน
ข.4 ข้นั ตอน
ค.5 ข้ันตอน
ง.6 ข้นั ตอน
เฉลย ข้อ ค.
๑๒๔
ประวัตผิ ูว้ ิจัย
ชื่อ-นางสกลุ นางสาวขวัญใจ ยอดตา
สญั ชาติ ไทย
เชือ้ ชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ
ภูมิล้าเนา 29 หมู่ท่ี 14 บา้ นศรีวิไล ต้าบลฝัง่ แดง อา้ เภอนากลาง
จังหวัดหนองบัวล้าภู รหสั ไปรษณีย์ 39140
วฒุ กิ ารศกึ ษา ส้าเรจ็ การศึกษาประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นบ้านฝง่ั แดง
ส้าเร็จการศกึ ษามัธยมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นฝั่งแดงวทิ ยาสรรค์
ปัจจบุ นั ก้าลงั ศึกษาหลักสตู รครุศาสตรบณั ฑติ คณะครศุ าสตร์
สาขาวชิ าสงั คมศึกษา ทีม่ หาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
วทิ ยาเขตขอนแก่น