รายงานการศึกษาอสิ ระทางสงั คมศึกษา
เรอื่ ง
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวชิ าเศรษฐศาสตร์
เรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใชก้ ารจดั การเรยี นรแู้ บบหอ้ งเรยี นกลับด้าน
ของนกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ โรงเรยี นบา้ นบงึ เนียมบงึ ใครน่ ุ่นทา่ หิน
ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จงั หวัดขอนแก่น
โดย
นางสาวสุมติ ตา บุทอง
รหสั ๖๐๐๕๕๐๒๐๒๙
รายงานการศกึ ษาอสิ ระนี้เป็นส่วนหนงึ่ ของรายวิชา ศกึ ษาอสิ ระทางสงั คมศึกษา
ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓
หลักสตู รพทุ ธศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาสงั คมศึกษา คณะครุศาสตร์
มหาวทิ ยามหาจุฬาลงกรณราชวิทยา วิทยาเขตขอนแก่น
ชอื่ รายงานวจิ ัย : การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นรายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกจิ
พอเพียง โดยใชก้ ารจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรียนกลับดา้ นของนกั เรียนชน้ั
มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบงึ เนยี มบึงใครน่ ุ่นทา่ หนิ ตาบลบึงเนียม อาเภอ
เมืองขอนแกน่ จงั หวัดขอนแกน่
ผู้วิจยั : นางสาวสมุ ิตตา บุทอง
ปรญิ ญา : พทุ ธศาสตร์บณั ฑติ คณะครุศาสตร์บัณฑติ (สาขาวชิ าสังคมศึกษา)
อาจารยท์ ปี่ รึกษา: อาจารย์สิทธิพล เวยี งธรรม
ปกี ารศกึ ษา : ๒๕๖๓
บทคดั ย่อ
การวจิ ยั คร้งั นม้ี จี ดุ ประสงค์ เพ่อื เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ าเศรษฐศาสตร์
เร่ือง เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้การจดั การเรยี นรแู้ บบห้องเรยี นกลับดา้ นของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษา
ปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนยี มบึงใครน่ ุ่นท่าหนิ ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแกน่ จังหวดั ขอนแกน่
รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงการทดลอง กลุม่ เป้าหมายทใี่ นการวิจัย เป็นนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปี
ที่ ๑ จานวน ๒๔ คน เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ประกอบดว้ ย ๑) แบบทดสอบเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรยี น ก่อนเรยี น – หลงั เรียน สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู ได้แก่ คา่ เฉลยี่ x ส่วน
เบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) การคานวณหาค่าร้อยละ % และค่า t - test
ผลการวิจัยพบว่า
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยให้นักเรียนทา
แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบปรนัย จานวน ๓๐ ข้อ โดยนักเรียนทาแบบทดสอบก่อน
เรียนได้คะแนนรวม ๒๒๙ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๐๘ ของคะแนนรวม มีคะแนนเฉล่ีย ( x =
๙.๐๕,S.D.=๑.๕๖) และนักเรียนการทาแบบทดสอบหลังเรียนได้คะแนนรวม ๕๗๔ คะแนน คิดเป็น
ร้อยละ ๗๙.๐๗ ของคะแนนรวม โดยมีคะแนนเฉล่ียหลังเรียน ( x =๒๓.๙๒,S.D.=๒.๐๒) อย่างมี
นัยสาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั ๐.๐๐
กติ ติกรรมประกาศ
การศกึ ษาคน้ ควา้ อสิ ระฉบับนี้สาเร็จลงได้ด้วยความอนุเคราะห์จากบุคคลหลายฝ่าย ซึ่งผู้วิจัย
ขอระบุนามไว้เพ่ือแสดงความขอบคณุ ดังตอ่ ไปน้ี
ขอขอบพระคุณ อาจารย์สิทธิพล เวียงธรรม ที่ปรึกษางานการศึกษาค้นคว้าอิสระ ท่ีได้
เสียสละ เวลาให้คาปรึกษา และตรวจแก้ไขข้อบกพร่องของงานการศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับน้ีให้มี
ความสมบรู ณ์ ขอบพระคุณ ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช ประธานหลักสูตรสาขาสังคมศึกษา ขอบพระคุณ
ผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์บุญส่ง นาแสวง ผู้เชี่ยวชาญที่ได้สละเวลาตรวจสอบความถูกต้องของเคร่ืองมือ
การวิจยั ขอบคณุ คณุ ครูประภาณ กริ ิยะ โรงเรยี นบ้านบึงเนียมบึงใครน่ ุ่นทา่ หนิ ตาบลบึงเนียม อาเภอ
เมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ท่ีให้ความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล พร้อมกับช่วยเหลือใน
เรื่องของเอกสารข้อมูลในการทางาน การศึกษาค้นคว้าอิสระ และประสบการณ์ในการทาการศึกษา
ค้นคว้าอสิ ระในคร้ังน้สี าเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดี
ผู้วิจัยขอขอบพระคุณคณาจารย์นักวิชาการทุกท่านที่เป็นเจ้าของหนังสือและงานวิจัยที่มี
คณุ ค่า ซงึ่ ทา่ นได้เขยี นไว้ให้ได้ศึกษาค้นคว้า เพ่ือเป็นข้อมูลประกอบในการเขียนงานการศึกษาค้นคว้า
อิสระในครั้งน้ี และที่ขาดไม่ได้คือคณะทีมงานผู้จัดทางานการศึกษาค้นคว้าอิสระ ท่ีได้ช่วยเหลือ
ร่วมมือ และสนบั สนนุ การศกึ ษาค้นควา้ อิสระดว้ ยดีมาโดยตลอด
งานการศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับน้ี ผู้จัดทางานวิจัยหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจตาม
สมควร พร้อมท้ังขอยกคุณความดีน้ีบูชาคุณบิดา มารดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ทุกท่าน ท่ีได้พยายาม
อบรมสง่ั สอนให้ความรจู้ นทาใหผ้ จู้ ดั ทางานวิจยั มีความรู้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนจนถึงปัจจุบัน คณะ
ผู้จัดทาต้อง ขออนโุ มทนาขอบคณุ ไว้ ณ ท่นี ้ี
นางสาวสมุ ติ ตา บุทอง
ผวู้ จิ ยั
สารบญั หน้า
เรอื่ ง ก
ข
บทคัดย่อ ค
กิตติกรรมประกาศ ฉ
สารบัญ ช
สารบัญตาราง
สารบัญภาพ ๑
๔
บทท่ี ๑ บทนา ๔
๑.๑ ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา ๕
๑.๒ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย ๕
๑.๓ ขอบเขตการวจิ ยั
๑.๔ นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ ๖
๑.๕ ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั ๙
๑๘
บทที่ ๒ แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ัยที่เกีย่ วข้อง ๒๓
๒.๑ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๒๙
๒.๒ แนวคดิ ทฤษฎเี ก่ียวขอ้ งกบั หอ้ งเรยี นกลับด้าน ๓๒
๒.๓ แนวคิด ทฤษฎีเกีย่ วข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง
๒.๔ แนวคิด ทฤษฎที ่ีเก่ยี วข้องกบั การจัดการเรยี นรู้ ๓๓
๒.๕ งานวิจัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง ๓๔
๒.๖ กรอบแนวคิดในการวจิ ัย ๓๔
๓๗
บทที่ ๓ วธิ ีการดาเนนิ การวจิ ัย ๓๘
๓.๑ รปู แบบการวิจัย ๓๙
๓.๒ ประชากรกลุ่มเป้าหมาย
๓.๓ เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย/ขน้ั ตอนการสรา้ งเครือ่ งมือ
๓.๔ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
๓.๕. การวิเคราะหข์ อ้ มูล
๓.๖ สถิติท่ใี ชใ้ นการวิจยั
สารบญั (ตอ่ ) หนา้
เรอ่ื ง
๔๐
บทที่ ๔ ผลการศึกษาวิจัย ๔๑
๔.๑ สัญลกั ษณ์ที่ใช้ในการนาเสนอและวเิ คราะหข์ ้อมลู
๔.๒ ผลการวิเคราะหผ์ ลสัมฤทธิท์ างการเรียนรายวชิ า เศรษฐศาสตร์ ๔๓
เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยการจัดการเรยี นรู้แบบหอ้ งเรียนกลับด้าน
ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ โรงเรียนบ้านบงึ เนียมบึงใคร่น่นุ ท่าหนิ ๔๓
ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จงั หวดั ขอนแกน่
๔.๓ ผลการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นก่อน-หลังเรียน ๔๔
รายวิชา เศรษฐศาสตร์ เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพียง ๔๕
โดยการจัดการเรยี นรูแ้ บบหอ้ งเรียนกลบั ด้าน ๔๖
ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นนุ่ ท่าหิน ๔๗
ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแกน่ ๕๒
โดยคานวณหาคา่ จานวนรอ้ ยละ คานวณหาค่าเฉลี่ย ̅ ๕๒
สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) คา่ t-test ๕๔
๔.๔ ความรู้ที่ได้จากการวิจยั ๖๗
๘๕
บทท่ี ๕ สรปุ ผล อภิปรายผลการวจิ ัย และข้อเสนอแนะ ๘๗
๕.๑ สรปุ ผลการวจิ ยั
๕.๒ อภิปรายผล
๕.๓ ข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือทใ่ี ช้ในการวจิ ัย
ภาคผนวก ข คา่ ดชั นีความสอดคล้อง
ภาคผนวก ค แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคผนวก ง สื่อการเรียนรู้
ภาคผนวก จ ประวัตผิ วู้ จิ ัย
สารบัญตาราง
ตารางท่ี หน้า
๔.๑ สญั ลักษณ์ท่ีใชใ้ นการนาเสนอและวเิ คราะหข์ ้อมลู ๔๐
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ า เศรษฐศาสตร์ ๔๑
๔๒
เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพียง โดยการจัดการเรียนรแู้ บบหอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น
ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนยี มบงึ ใคร่นนุ่ ทา่ หนิ ๕๕
ตาบลบึงเนยี ม อาเภอเมอื งขอนแกน่ จังหวัดขอนแก่น
๔.๓ ผลการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นกอ่ น-หลงั เรยี น ๕๗
รายวชิ า เศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี ง
โดยการจดั การเรยี นรแู้ บบห้องเรียนกลบั ด้าน
ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรยี นบา้ นบึงเนียมบึงใครน่ ุ่นทา่ หิน
ตาบลบึงเนยี ม อาเภอเมอื งขอนแกน่ จังหวัดขอนแกน่
โดยคานวณหาคา่ จานวนร้อยละ คานวณหาค่าเฉลยี่ ̅
ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า t-test
๔.๔ คา่ ดัชนคี วามสอดคล้องทไ่ี ดจ้ ากการประเมนิ แผนการจดั การ
จดั การเรียนรู้รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรอ่ื ง เศรษฐกิจพอเพียง
โดยการจัดการเรียนรแู้ บบหอ้ งเรียนกลบั ด้าน
ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบา้ นบึงเนยี มบงึ ใครน่ ่นุ ทา่ หนิ
ตาบลบึงเนียม อาเภอเมอื งขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแกน่
๔.๕ คา่ ดัชนคี วามสอดคล้องแบบทดสอบเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น
รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง
โดยการจดั การเรยี นร้แู บบหอ้ งเรยี นกลบั ด้าน
ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ โรงเรยี นบ้านบึงเนียมบงึ ใครน่ นุ่ ทา่ หนิ
ตาบลบึงเนยี ม อาเภอเมอื งขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
สารบัญภาพ หนา้
ภาพที่ ๓๒
ภาพประกอบ ๑ กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
๑
บทที่ ๑
บทนา
๑.๑ ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา
ในปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การ
ปกครองวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีส่งผลต่อการดารงชีวิตประจาวันของมนุษย์มากข้ึนการที่จะ
พฒั นาประเทศใหก้ า้ วทนั การเปล่ียนแปลงได้นนั้ จาเป็นต้องพัฒนาคน ซ่ึงปัจจัยสาคัญในการพัฒนาคน
คือ การศึกษาเพราะการศึกษาเป็นกระบวนการสาคัญในการพัฒนาคนในชาติทุกคนให้มีศักยภาพ
และเป็นรากฐานสาคัญของการพัฒนาประเทศทั้งนี้การจัดการศึกษาจะต้องให้ความสาคัญกับผู้เรียน
ทุกคน ดงั พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ กล่าวไวใ้ นแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๓) มาตรา
๒๒ ได้ กล่าวว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักวาผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
ได้ และ ถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ
พฒั นาตาม ธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ และมาตรา ๒๔ ได้กล่าวว่า๑ การจัดกระบวนการเรียนรู้
ต้องจัดเน้ือหา สาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคานึงถึง
ความแตกต่าง ระหว่างบุคคล และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการจัด
กิจกรรมให้ผเู้ รียน ได้เรียนรูจ้ ากประสบการณจ์ ริง การใฝ่รอู้ ย่างต่อเน่ือง การจัดการเรียนการสอนโดย
ผสมผสาน สาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมท้ังปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในทุกวิชา มีการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ
สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอานวยความสะดวก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ การ
จดั การเรยี นรู้ใหเ้ กิดขนึ้ ไดท้ กุ เวลา ทุกสถานที่ (พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ)๒ ดังน้ัน การจัดการ
ศึกษาจึงมีความสาคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพราะเป็น การสร้างพ้ืนฐาน
การเรียนรู้ให้ผู้เรยี นสามารถนาไปใชใ้ นการดารงชีวติ การประกอบอาชพี ตอ่ ไปได้ อย่างมคี ุณภาพ
๑ กระทรวงศึกษาธิการ, หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑, พิมพ์คร้ังที่ ๓,
(กรงุ เทพฯ: ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย,๒๕๕๓), หนา้ ๑.
๒ กระทรวงศึกษาธิการ, พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒),
(กรงุ เทพฯ: องค์การรับสง่ สินค้าและพัสดภุ ณั ฑ์,๒๕๔๖), หน้า ๓.
๒
การจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐ านตามหลักสูตรแกนกล า งการศึกษาขั้น
พืน้ ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ประกอบด้วย ๘ กลุ่มสาระ กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ
วฒั นธรรมเปน็ กลุ่มสาระการเรียนร้หู น่งึ ท่ีมีความสาคัญที่ใช้เป็นหลักในการจัดการเรียนรู้ โดยเป็นวิชา
ท่ีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสังคม ทาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความ
เข้าใจการดารงชีวิตของมนุษย์ท้ังในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยีร่วมกันในสังคม การปรับตัวตาม
สภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด เข้าใจถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตามยุคตาม
สมัยตามกาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่างๆ เกิดความเข้าใจตนเองและผู้อื่น มีความอดทนอดกล้ันยอมรับ
ความแตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการดารงชีวิต เป็นพลเมืองของ
ประเทศชาติและสังคมโลก (กระทรวงศึกษาธิการ.๒๕๕๑)๓ ประกอบด้วย5 สาระหลัก ได้แก่สาระ
ศาสนาศีลธรรม จริยธรรม สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดาเนินชีวิตในสั งคม สาระ
เศรษฐศาสตร์สาระประวัติศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ (กรมวิชาการ.๒๕๕๑) โดยสาระด้าน
เศรษฐศาสตร์มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนเข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการ
บริโภค การใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ารวมทังเข้าใจหลักการของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง เพือ่ การดารงชีวิตอยา่ งมดี ุลยภาพปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ แนวทางการดาเนินชีวิตและวิถีปฏิบัติท่ีพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มีพระราชดารัสชี้แนะแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๓๐ ปี
และได้ทรงเน้นแนวทางการพัฒนาที่อยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดย
คานึงถึงความพอ ประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ และ
คุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดารงชีวิต การป้องกนให้รอดพ้นจากวิกฤต และให้สามารถดารงอยู่ได้
อย่างม่ันคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ (สานักงานคณะกรรม
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางการดารงชีวิต
และปฏบิ ัตติ นของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แตร่ ะดบั ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการ
พัฒนาและการบริ หารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง เพื่อนาไปสู่การพัฒนาท่ีสมดุล ย่ังยืน
ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์และทาความอยู่เย็นเป็นสุข ความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นใน สังคมไทย
สว่ นรวมอยา่ งแทจ้ รงิ “การศึกษา” คือ เครอื่ งมือของการพัฒนาคน”“ ดังนั้น หากส่งเสริม การพัฒนา
ระบบการศึกษาให้มีพ้ืนฐานบนหลักของเศรษฐกิจพอเพียง เท่ากับเป็นการพัฒนาคนใน ประเทศให้มี
คุณลกั ษณะท่ีดแี ละเปน็ ทรพั ยากรมนษุ ย์ท่ีมีคณุ ค่า (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการ เศรษฐกิจและ
สังคมแหง่ ชาติ)
๓กรมวชิ าการ,กระทรวงศึกษาธกิ าร, หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (พิมพ์
ครง้ั ที่ ๓), (กรุงเทพฯ: ครุ สุ ภา ลาดพร้าว,๒๕๕๑), หนา้ ๑.
๓
สานักงานการศึกษาข้ันพื้นฐานจึงได้ให้๔ ความสาคัญกับการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง เข้าสู่ระบบการศึกษา โดยสถานศึกษาทุกแห่งจะต้องบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงในการเรียนการสอน การบริหารจัดการการศึกษาอย่างเป็นระบบและกลมกลืน โดยมี
เป้าหมายท่ีสาคัญ คือ การปลูกฝัง อบรมบ่มเพาะผู้เรียนให้มีอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียง และสามารถ
ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดเนื้อหาเศรษฐกิจพอเพียงไว้ใน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระท่ีเศรษฐศาสตร์ ๓ มาตรฐานข้อ ๑
เข้าใจ และสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิต และการบริโภคการใช้ ทรัพยากรท่ีมีอยู่จากัด
ได้อย่าง มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมท้ังเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดารงชีวิต
อย่างมีดุลยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ.๒๕๕๑) ด้วยเหตุผลดังกล่าวโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
พัฒนาการ ปทุมธานี จึงได้น้อมนาเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสาระการเรียนรู้ใน
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม
อาเภอเมืองขอนแกน่ จงั หวัดขอนแก่น)
การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระเรียนเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมน้ันครูผู้สอนมี
บทบาทสาคัญอย่างยิ่ง ต้องรู้จักนาวิธีการจัดการเรียนรู้หรือเทคนิคการจัดการเรียนรู้ท่ีหลากหลายมา
ใช้ในการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องจัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกั บความสนใจ
และความถนัดของผู้เรียน คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยใช้เทคโนโลยีและส่ือสารสนเทศ
ให้ เป็นประโยชน์ ทาให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงบทเรียนไม่มีขีดกัด และสามารถเรียนรู้ได้ ตลอดเวลา
การจัดการเรียนรแู้ บบ “ห้องเรียนกลบั ดา้ น” flipped Classroom จึงถือเป็นนวตั กรรมการ เรียนการ
สอนที่สงเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพช่วยกระตุ้นให้เกิด
สภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออื้ ต่อการเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งเต็มทผี่ เู้ รียนสามารถเลือกเรียนหัวข้อต่างๆตามลาดับ ความ
สนใจ หรอื คน้ คว้าเพิ่มเตมิ เพ่ือพัฒนาตนเองได้ตรงตามศักยภาพ และสามารถเรียนซ้าในหัวข้อยเร่ืองที่
แตกตางกนตามความจาเป็นของแตล่ ะคน ทาให้ผู้เรียนเกิดความรู้จริง (Mastery Learning) มีทักษะ
และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ สามารถนาความรู้จากการเรียนไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการ ประกอบ
อาชีพ และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกและเทคโนโลยีที่จะเกิดข้ึนใน อนาคต อีก
ทั้งยังช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับ ผู้เรียน และ
๔ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน,แนวทางการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน
มาตรฐานสากล ฉบับปรบั ปรงุ , กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย,๒๕๕๕), หน้า ๒๖.
๔
ระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง โดยผู้สอนสามารถรับรู้ว่าผู้เรียนได้รับความรู้และทักษะจากการ เรียนการ
สอนท่คี าดหวงั ไวม้ ากนอ้ ยเพียงใดได้อย่างทันท่วงที
จากเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา
เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน เพื่อเป็นแนวทางในการ
พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และเป็นสารสนเทศสาหรับครู
ผู้บริหาร ในการวางแผนจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้แบบจริง (Master Learning)
และ เป็นการช่วยนักเรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันให้ก้าวหน้าในการเรียนรู้ ตามความสามารถ
ของตน ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพต่อไป
๑.๒ วัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัย
- เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึง
เนยี มบงึ ใครน่ ่นุ ท่าหิน ตาบลบงึ เนยี ม อาเภอเมอื งขอนแก่น จงั หวัดขอนแกน่
๑.๓ ขอบเขตการวิจัย
๑.๓.๑ ขอบเขตด้านประชากรกลมุ่ เปา้ หมาย
กลมุ่ เปา้ หมายท่ใี ช้ในการวิจยั ครง้ั น้ี ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ ๑ จานวน ๒๕ คน
โรงเรยี นบ้านบึงเนียมบึงใคร่นนุ่ ท่าหนิ ตาบลบึงเนยี ม อาเภอเมอื งขอนแก่น จงั หวัดขอนแกน่
๑.๓.๒ ขอบเขตดา้ นเนื้อหา
เนื้อหาท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้มุ่งศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง
เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้การจดั การเรียนรู้แบบกลับด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียน
บา้ นบงึ เนียมบงึ ใครน่ นุ่ ทา่ หิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมอื งขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแก่น
ตวั แปรที่ศกึ ษา
ตวั แปรตน้ คอื การจัดการเรยี นรู้แบบหอ้ งเรยี นกลับด้าน เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพียง
ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ ๑
๑.๓.๓ ขอบเขตด้านสถานท่ี
โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด
ขอนแกน่
๕
๑.๓.๔ ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
การวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้ใช้ระยะเวลาในการดาเนินการวิจัย ภาคเรียนที่ ๒/ ๒๕๖๓ รวม
ระยะเวลา ๓ เดือน ตงั้ แต่วนั ที่ ๑ ธนั วาคม ๒๕๖๓ ถึง ๒๘ เมษายน ๒๕๖๔
๑.๔ นยิ ามศัพท์เฉพาะ
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น หมายถงึ คะแนนที่นักเรยี นทาไดจ้ ากการทาแบบทดสอบวดั ผล
สัมฤทธทิ์ างการเรยี น โดยใชเ้ รอื่ งเศรษฐกจิ พอเพียง ทไ่ี ด้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ห้องเรียนกลับด้าน
รายวชิ าเศรษฐศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เน้ือหาสาระการเรียนรู้ วิชาเศรษฐศาสตร์ มีเนื้อหาสาระในกลุ่ม
สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เก่ียวกับพระราชดารัสแนวคิดและหลักปรัชญา ที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ทรงชี้แนะแนวทางในการดาเนินชีวิตให้กับพสกนิกรชาวไทยให้อยู่บนพ้ืนฐานของทาง
สายกลางและความไมป่ ระมาท โดยคานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้าง ภูมิคุ้มกันท่ีดี
ในตัว
การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) หมายถึง เป็นแนวคิด
ห้องเรียนกลับด้าน จากสมัยก่อนการเรียนการสอนของครูในห้องเรียน เปลี่ยนเป็นการเรียนการสอน
นอกห้องเรยี น หรือท่ีบ้าน ไม่มกี าหนดเวลาเรยี น เนือ้ หาบรรยายเป็นวีดีทัศน์ จากที่ครูสร้างหรือแหล่ง
วีดีทัศน์จากแหล่งต่างๆ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเช่น TED–Ed และ Khan Academy เป็นต้น และ
ในหอ้ งเรียนนาปญั หาจากการเรยี นหรือการบ้านมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทากิจกรรมร่วมกันโดยเน้นการ
เรยี นการสอน เปน็ กลมุ่ กบั เพอื่ นรวมชัน้ เรยี นสนองตามสภาพแวดล้อมการเรยี นรูข้ องแต่ละบุคคล
นกั เรยี น หมายถึง นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ โรงเรียน
บา้ นบงึ เนยี มบงึ ใครน่ นุ่ ทา่ หนิ ตาบลบึงเนยี ม อาเภอเมอื งขอนแกน่ จังหวัดขอนแกน่ จานวน ๒๔ คน
๑.๕ ประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการวิจัย
ได้ทราบการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจ
พอเพียง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาช้ันปี่ที่ ๑
โรงเรียนบา้ นบงึ เนยี มบงึ ใครน่ นุ่ ทา่ หิน ตาบลบงึ เนียม อาเภอเมืองขอนแกน่ จังหวัดขอนแกน่
๖
บทท่ี ๒
แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
การศึกษาวิจัย เรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง
เศรษฐกจิ พอเพียง ทีไ่ ด้รับการจัดการเรยี นรแู้ บบห้องเรียนกลับดา้ น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนบา้ นบงึ เนยี มบงึ ใคร่นนุ่ ทา่ หิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้
ศึกษาแนวคิดทฤษฎีท่ีเกีย่ วข้อง ดงั ต่อไปน้ี
๒.๑ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒.๒ แนวคดิ ทฤษฎที ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั หอ้ งเรียนกลบั ดา้ น
๒.๓ แนวคดิ ทฤษฎีท่เี กีย่ วข้องกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง
๒.๔ แนวคิด ทฤษฎีเกีย่ วขอ้ งกบั การจัดการเรียนรู้
๒.๕ งานวิจยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง
๒.๖ กรอบแนวคดิ ในการวิจัย
๒.๑ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒.๑.๑ ความสาคัญของวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจการดารงชีวิต
ของมนุษย์ท้ังในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อมการ
จัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด เข้าใจถึงการพัฒนาเปล่ียนแปลงตามยุคตามสมัย ตามกาลเวลา
ตามเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เกิดความเข้าใจตนเองและผู้อ่ืน มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับความแตกต่าง
และ มคี ณุ ธรรม สามารถนาความรู้ไปปรับใชใ้ นการดารงชวี ติ เปน็ พลเมืองของประเทศชาติ และสังคม
โลก (กระทรวงศึกษาธิการ) ในด้านเศรษฐศาสตร์ช่วยให้เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากร
ในการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ารวมท้ัง
เข้าใจหลกั การของเศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื การดารงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ๕
๕ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (พมิ พค์ ร้ังท่ี ๓),
(กรงุ เทพฯ: ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.๒๕๕๓), หน้า ๒-๓.
๗
๒.๑.๒ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม แบ่งออกเป็น ๕ สาระการเรียนรู้ ได้แก่ สาระที่ ๑
ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม สาระที่ ๒ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดาเนินชีวิตในสังคม สาระที่
๓ เศรษฐศาสตร์ สาระท่ี ๔ ประวัตศิ าสตร์ และสาระท่ี ๕ ภูมศิ าสตร์ (กระทรวงศกึ ษาธิการ)
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ ประกอบไปด้วย ๒ มาตรฐาน ๘
ตวั ช้ีวัด สรุปดงั ตารางท่ี ๒.๑– ๒.๒
ตารางท่ี ๒.๑ มาตรฐาน ส. ๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิต
และการบริโภค การใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่จัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ารวมทังเข้าใจหลักการ
ของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือการดารงชีวติ อย่างมดี ุลยภาพ
ชั้น ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
๑.วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อ -ความหมายและความสาคัญของการลงทุนและออมต่อระบบ
การลงทุน เศรษฐกิจ
-การบรหิ ารจัดการเงินออมและการลงทนุ ภาคครวั เรอื น
-ปัจจัยของการลงทุนและการออม คือ อัตราดอกเบ้ีย รวมทั้ง
ปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าของเงิน เทคโนโลยี การคาดเดาเก่ียวกับ
อนาคต
- ปัญหาของการลงทนุ และการออมในสังคมไทย
๒.อธิบายปจั จัยการผลิตสินค้า - ความหมาย ความสาคัญ และหลกั การผลิตสินค้าและบริการ
และบริการและปัจจัยท่ีมี อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
อิทธิพลตอการผลิตสินค้าและ - สารวจการผลิตสินคา้ ในท้องถ่ินวามกี ารผลติ
บรกิ าร อะไรบา้ งใชว้ ธิ ีการผลติ อยา่ งไร่ มีปญั หาด้านใดบา้ ง
- มีการนาเทคโนโลยีอะไรมาใช้ที่มีผลต่อการผลิตสินค้าและ
บรกิ าร
- นาหลักการผลิตมาวิเคราะห์การผลิตสินค้าและบริการใน
ท้องถ่นิ ทงั ดา้ น
๓.เสนอแนวทางกาพัฒนาการ - หลักการและเปูาหมายปรัชญาของเศรษฐกิจท้องถิ่นตาม
ผลิตในท้องถ่ินตามปรัชญา ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งพอเพียง
ของเศรษฐกิจพอเพียง - สารวจและวิเคราะห์ปัญหาการผลิตสินค้าและบริการใน
ท้องถ่ิน
- ประยกุ ต์ใช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงการผลติ สนิ ค้า
๘
ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๔ .อ ภิ ป ร า ย แ น ว ท า ง ก า - การรักษาและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของตนเองในฐานะ
คมุ้ ครองสิทธิตนเองในฐานะ ผบู้ รโิ ภค
ผบู้ ริโภค - กฎหมายคุ้มครองสิทธผิ บู้ รโิ ภคและหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้อง
- การดาเนินกิจกรรมพิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์ตาม
กฎหมายในฐานะผบู้ รโิ ภค
- แนวทางการปกปูองสทิ ธิของผบู้ รโิ ภค
ชอ่ื ตาราง มาตรฐาน ส. ๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการ
บริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ารวมทังเข้าใจหลักการ ของ
เศรษฐกจิ พอเพียงเพอ่ื การดารงชวี ติ อยา่ งมดี ลุ ยภาพ
จากตางรางท่ี ๒.๑ มาตรฐาน ส. ๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการ
ผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ารวมทังเข้าใจ
หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการดารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ตัวช้ีวัดที่ ๓ เสนอแนวทางการ
พัฒนาการผลิตในท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตัวชี้วัดท่ีต้องการให้ผู้เรียนรู้ เข้าใจ
หลักการและเปูาหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สารวจและวิเคราะห์ปัญหาการผลิตสินค้าและ
บริการในท้องถิ่นและประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการผลิตสินค้าและบริการ ใน
ทอ้ งถนิ่
ตารางที่ ๒.๒ มาตรฐาน ส. ๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่างๆ ความสัมพันธ์
ทาง เศรษฐกจิ และความจาเปน็ ของการรว่ มมอื กนทางเศรษฐกิจในสงั คมโลก
ช้ัน ตวั ช้วี ัด สาระเรียนรูแ้ กนกลาง
๑.อภปิ รายระบบเศรษฐกิจแบบตา่ งๆ - ระบบเศรษฐกจิ แบบต่างๆ
๒.ยกตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นการพ่ึงพาอาศัยกันและการ -หลักการและกระทบการพึ่งพา
แข่งขนั กันทางเศรษฐกิจในภมู ภิ าคเอเชีย อาศัยกันและการแข่งขันกันทาง
เศรษฐกิจในภมู ภิ าคเอเชยี
ม.๑ ๓.วิเคราะห์การกระจายของทรัพยากรในโลกที่ส่งผลต่อ - การกระจายของทรัพยากรใน
ความสัมพนั ธท์ างเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ โลกที่ส่งผลต่อความ สัมพันธ์
ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เช่น น้ามัน ปุาไม้ ทองคา ถ่าน
หิน แร่ เป็นตน้
๙
ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระเรียนรแู้ กนกลาง
๔.วิเคราะห์การแข่งขันทางการค้าในประเทศและต่าง - การแข่งขันทางการค้าใน
ประเทศส่งผลต่อ คุณภาพสินค้า ปริมาณการผลิต และ ประเทศและตา่ งประเทศ
ราคาสินค้า
ชื่อตาราง มาตรฐาน ส. ๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่างๆ ความสัมพันธ์ทาง
เศรษฐกจิ และความจาเป็นของการร่วมมือกนทางเศรษฐกิจในสงั คมโลก
จากตารางท่ี ๒.๒ มาตรฐาน ส. ๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่างๆ
ความสมั พันธ์ทางเศรษฐกิจและความจาเป็นของการร่วมมือกนทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ตัวชี้วัด ข้อ
๑. อภิปรายระบบเศรษฐกจิ แบบต่างๆ ข้อ ๒. ยกตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นการพึ่งพาอาศัยกันและการ
แขง่ ขนั กนทางเศรษฐกิจในภูมภิ าคเอเชยี ข้อ ๓. วเิ คราะหก์ ารกระจายของทรัพยากรในโลกที่สงผลต่อ
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และ ข้อ ๔. วิเคราะห์การแข่งขันทางการค้าในประเทศ
และต่างประเทศสง่ ผลต่อคณุ ภาพสนิ ค้า ปริมาณการผลติ และราคาสินค้า ซ่ึงทุกข้อเป็นตัวชี้ที่ต้องการ
ใหน้ กั เรยี นนาความรู้ที่เก่ียวข้องกบหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม จึง
จาเปน็ ต้องจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และนาไปปรบั ใชใ้ นการดารงชีวิตประจาวนั ได้
๒.๒ แนวคดิ ทฤษฎที ี่เก่ยี วขอ้ งกับห้องเรียนกลบั ด้าน
ห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) เป็นอีกหน่ึงรูปแบบของการเรียนรู้ที่
นกั เรยี นสามารถ เรียนรู้ที่บ้านด้วยเน้ือหาออนไลน์ก่อนการเรียนและการทางานในห้องเรียนเช่น การ
แก้ปญั หางานที่ไดร้ ับ มอบหมายและการอภิปรายอย่างลึกซ้ึงผ่านในชั้นเรียนซ่ึงครูจะไม่ใช้ผู้สอนเพียง
อย่างเดยี วแต่เป็น ผูแ้ นะแนวความรใู้ หน้ ักเรียนและเป็นผอู้ อกแบบการจดั การเรยี นรดู้ ว้ ย๖
๒.๒.๑ ความหมายของห้องเรียนกลบั ดา้ น
การจัดการเรียนการสอนแบบกลับด้านชันเรียน (The Flipped Classroom) ได้มี
นกั การศึกษาให้ความหมายไวห้ ลายทา่ นด้วยกัน ดังน้ี๗
๖ ปางลีลา บรู พาพิชิตภยั , การจดั การเรยี นรู้ตามแนวคิดหอ้ งเรยี นกลับทางนนั้ เปน็ รปู แบบทผ่ี เู้ รยี น
สามารถสรา้ งองคค์ วามรูไ้ ดด้ ้วยตนเอง, (กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.๒๕๕๘), หน้า ๑.
๗ พมิ พ์ประภา พาลพา่ ย, แนวคิดหอ้ งเรยี นกลับดา้ น (Flipped Classroom) เปน็ รปู แบบของการเรยี น
การสอนรปู แบบหน่ึงท่ีเปลย่ี นจากการเรยี นบทเรียนในหอ้ งเรยี น เปน็ การเรยี นบทเรียนนอกห้องเรยี นหรือที่บ้าน,
(วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์,๒๕๕๗), หนา้ ๒๐.
๑๐
Flipped Learning Network ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน
จากสมยั กอ่ นการเรยี นการสอนของครใู นหอ้ งเรียน เปล่ยี นเปน็ การเรยี นการสอนนอกห้องเรียน หรือที่
บ้าน ไม่มีกาหนดเวลาเรียน เนื้อหาบรรยายเป็นวีดีทัศน์ จากท่ีครูสร้างหรือแหล่งวีดีทัศน์จากแหล่ง
ต่างๆ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเช่น TED–Ed และ Khan Academy เป็นต้น และในห้องเรียนนา
ปัญหาจากการเรียนหรือการบ้านมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทากิจกรรมร่วมกันโดยเน้นการเรียนการสอน
เปน็ กลุ่มกับเพอ่ื นรวมช้นั เรียนสนองตามสภาพแวดลอ้ มการเรียนรูข้ องแต่ละบคุ คล
Jonathan and Aaron ได้กล่าวว่า รูปแบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped
Classroom) เป็นวิธีการที่ครอบคลุมการใช้งานและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเพ่ือยกระดับ
การเรียนรใู้ นห้องเรียน เพื่อให้สามารถใชเ้ วลามากข้ึนในการมีปฏิสัมพันธ์กบนักเรียนแทนการบรรยาย
หน้าชนั เรยี นเพียงอย่างเดียวซ่ึงวธิ กี ารทถ่ี กู ใช้เปน็ ส่วนใหญม่ ักจาการสอนโดยใช้วิดีโอที่ถูกสร้างขึ้นโดย
ครูซึ่งนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้นอกเวลาเรียน จึงเรียกการเรียนการสอนนี้ว่า“ห้องเรียนกลับด้าน”
เพราะกระบวนการเรียนและการบ้านทั้งหมดจะ “พลิกกลับ”ส่ิงท่ีเคยเป็นกิจกรรมในชั้นเรียน เช่น
การจดบันทกึ (lecture) จะถกู ทาท่ีบา้ นผ่านทางวิดโี อทค่ี รูสรา้ งข้นึ และสิ่งทีต่ อ้ งทาที่บ้าน งานต่างๆ ที่
ไดร้ บั มอบหมายจะนามาทาในชั้นเรยี น
Kachka ได้กล่าวว่า “Flipped Classroom” หมายถึง กระบวนการเรียนการสอน
รูปแบบหน่ึง ซ่ึงเปลี่ยนการใช้ช่วงเวลาของการบรรยายเน้ือหา (Lecture) ในห้องเรียนเป็นการทา
กิจกรรมต่างๆ เพ่ือฝากแก้โจทย์ปัญหา และประยุกต์ใช้จริง ส่วนการบรรยายจะอยู่ในช่องทางอ่ืนๆ
เช่น วิดีโอ วิดีโอออนไลน์ podcasting หรือ screencasting ฯลฯ ซ่ึงนักเรียนเข้าถึงได้เมื่ออยู่ที่บ้าน
หรือนอก ห้องเรยี น ดังน้ันการบ้านท่ีเคยมอบหมายให้นักเรียนฝึกทาเองนอกห้องจะกลายมาเป็นหน่ึง
ของกิจกรรมในห้องเรียน และในทางกลับกนเนื้อหาท่ีเคยถ่ายทอดผ่านการบรรยายในห้องเรียนจะ
เปลี่ยนไปอยู่ในส่ือท่ีนักเรียนอ่าน-ฟัง-ดู ได้เองที่บ้านหรือที่ไหนๆ ก็ตามการเรียนรูปแบบนี้จะช่วย
พัฒนาทกั ษะการคิดเชงิ บรู ณาการและความรสู้ กึ ทด่ี ีต่อการเรยี น
จันทิมา ปัทมธรรมกุล (Flipped Classroom) หมายถึง กระบวน การเรียนการสอน
รูปแบบหนึ่ง ซ่ึงเปลี่ยนการใช้ช่วงเวลาของการบรรยายเนื้อหา(Lecture) ในห้องเรียนเป็นกิจกรรม
ต่างๆ เพื่อฝึกแก้โจทย์ปัญหาและประยุกต์ใช้จริง ส่วนการบรรยายจะอยู่ในช่องทางอื่นๆ เช่น วิดีโอ
วิดีโอออนไลน์ โพสแคสต้ิง (Podcasting) หรือสกรีนแคสติ้ง (Screen casting) ซ่ึงนักเรียนเข้าถึงได้
เม่ือที่บ้านหรือนอกห้องเรียน ดังน้ัน การบ้านท่ีเคยมอบหมายให้นักเรียนฝึกทาเองนอกห้องจะกลาย
มาเปน็ ส่วนหนึ่งของกจิ กรรมในห้องเรียน และในทางกลับกนเน้ือหาที่เคยถ่ายทอดผ่านการบรรยายใน
ห้องเรียนจะเปลี่ยนไปอยู่ในส่ือที่ผู้เรียนอ่าน-ฟัง-ดู ได้เองท่ีบ้านหรือท่ีไหนๆก็ตามผู้สอน อาจท้ิงโจทย์
๑๑
หรือให้นักศึกษาสรุปเน้ือความนั้นๆ เพ่ือตรวจสอบเข้าใจของนักเรียนและนามา อภิปรายหรือปฏิบัติ
จรงิ ในห้องเรยี น๘
ฉันท์ทิพย์ ลีลิตธรรม ห้องเรียนกลับทาง (Flipped Classroom) เป็นกระบวน การ
เรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเปล่ียนการใช้ช่วงเวลาของการบรรยายเน้ือหา (Lecture) ในห้องเรียน
เป็นกิจกรรมต่างๆ เพื่อฝึกแก้โจทย์ปัญหาและประยุกต์ใช้จริง ส่วนการบรรยายจะอยู่ในช่องทางอ่ืนๆ
เช่น วิดีโอ วิดีโอออนไลน์ ฯลฯ ซ่ึงผู้เรียนเข้าถึงได้ท่ีบ้านหรือเมื่ออยู่นอกบ้าน ด้ังนั้นการบ้านที่เคย
หมอบหมายให้ผู้เรียนฝึกทาเองนอกห้องจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในห้องเรียน และใน
ทางกลบั กันเน้อื หาทเี่ คยถา่ ยทอดผ่านการบรรยายในห้องเรียนจะเปลี่ยนไปอยู่ในสื่อท่ีผู้เรียนอ่าน-ฟัง-
ดู ได้เองที่บา้ นหรอื ท่ไี หนๆ๙
ปฐมชัย ทองสุนทร กล่าวว่า การเรียนตามแนวคิดห้องเรียนกลับทางจะเอ้ือให้ผู้เรียน
ได้รับความสะดวกในการเรียนเอง (Self-Study) ในสถานท่ีและเวลาท่ีผู้เรียนมีความสะดวก โดยการ
เรียนนั้นจะครอบคลุมเนื้อหาท้ังหมดท่ีผู้เรียนจะต้องได้เรียน ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิด
หอ้ งเรยี นกลบั ทางนนั้ จงึ เป็นรูปแบบหนง่ึ ของการเรียนมุ่งเนน้ การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง๑๐
ปางลีลา บูรพาพิชิตภัย กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียน กลับทางนั้น
เปน็ รปู แบบทผี่ ู้เรียนสามารถสร้างองค์ความร้ไู ด้ด้วยตนเอง เน้นท่ีองค์ความรู้ ทักษะ และ สมรรถนะที่
เกิดกบั ตวั ผเู้ รียนเพ่ือใช้ในการดารงชีวิตในสงั คม๑๑
๘ จนั ทิมา ปทั มธรรมกุล, การสงั เคราะหก์ รอบแนวคิดการเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี นกลับทางร่วมกบั เทคโนโลยี
การเรยี นรู้ แบบภควนั ตภาพโดยใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบร่วมเครือข่าย อินเทอร์เน็ต, (ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาดุษฎี
บัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ, ๒๕๕๖), หน้า ๒๓.
๙ ฉันทท์ พิ ย์ ลีลิตธรรม, การสังเคราะห์กรอบแนวคดิ การเรยี นรู้ ในหอ้ งเรียนกลับทางรว่ มกับ เทคโนโลยี
การเรียนรู้แบบภควันตภาพโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ แบบร่วมมือผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต, (วิทยานิพนธ์
ปรญิ ญาดุษฎีบัณฑติ , มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้า พระนครเหนือ,๒๕๕๖), หนา้ ๔๔.
๑๐ ปฐมชัย ทองสุนทร, การใช้เรียนการสอนแบบ Flipped Classroom เพื่อย่นระยะเวลาในการ
เรียนรขู้ องผู้เรยี น (รายงานการวจิ ัยในชนั้ เรยี น), (กรุงเทพฯ: โรงเรียนอสั สมั ชัญ ธนบรุ ี, ๒๕๕๗), หน้า ๕๘
๑๑ ปางลีลา บูรพาพิชิตภัย, The Flipped Classroom กับการจัดการเรียนการสอนในประเทศไทย,
(กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, ๒๕๕๘), หน้า ๒๒.
๑๒
พิมพ์ประภา พาลพ่าย ได้กล่าวว่า แนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom)
เป็นรูปแบบของการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งท่ีเปล่ียนจากการเรียนบทเรียนในห้องเรียน เป็นการ
เรียนบทเรียนนอกห้องเรียนหรือที่บ้าน เน้นการทากิจกรรม แลกเปล่ียนความรู้ของบทเรียน มีการ
ทางานรว่ มกนั กบั เพอื่ นรวมชัน้ และมผี ูส้ อนผคู้ อยช้แี นะปัญหาผเู้ รียนเปน็ รายบุคคล๑๒
วันเฉลิม อุดมทวี กล่าวว่า การเรยี นรู้ตามแนวคดิ ห้องเรียนกลับทางทาให้ ผู้เรียนมีความ
เขา้ ใจมากขึน้ มกี ารนาเสนอผลงานของตนเอง และมกี ารพฒั นาการเรยี นรมู้ ากขึ้น๑๓
สุรศักด์ิ ปาเฮ กล่าวว่า ห้องเรียนกลับด้าน ตรงกบภาษาอังกฤษว่า The Flipped
Classroom ห้องเรียนกลับด้านเป็นรูปแบบหน่ึงของการเรียนการสอน โดยท่ีผู้เรียนจะได้เรียนรู้จาก
การบ้านที่ได้รับผ่านการเรียนด้วยตนเองจากสื่อวีดิทัศน์ นอกชั้นเรียนหรือท่ีบ้าน ส่วนการเรียนในชั้น
เรียนปกติน้ันจะเป็นการเรียนแบบสืบค้นหาความรู้ที่ได้รับร่วมกันกับเพ่ือนในช้ัน โดยมีครูเป็นผู้คอย
ให้ความช่วยเหลอื ชีแ้ นะ๑๔
จากที่ได้ศึกษาความหมายจากนักการศึกษาและนักวิชาการหลายๆาน สรุปได้ว่าห้องเรียน
กลับด้าน (Flipped Classroom) หมายถึง รูปแบบการเรียนการสอนอีกรูปแบบหน่ึงที่ตอบสนอง
ความสามารถในการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น เน้นการจัดกิจกรรมให้เกิดความเข้าใจร่วมกันกับเพ่ือนใน ชั้น
เรียน นักเรียนสามารถเรยี นรูไ้ ด้ตลอดเวลาและทบทวนเนือ้ หาไดด้ ้วยตนเอง
๒.๒.๒ ลกั ษณะสาคญั ของห้องเรยี นกลบั ดา้ น
ห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) เป็นการจัดประสบการณ์ทางการเรียนท่ีก่อ
ให้เกิดกระบวนการสร้างองค์ความรู้ที่เรียกว่า“การเรียนแบบรอบรู้หรือการเรียนให้รู้จริง (Mastery
Learning )” ซึ่งจะช่วยเพ่ิมผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของเด็ก เพ่ิมความร่วมมือระหว่างนักเรียน เพ่ิม
ความมันใจในตนเองของผเู้ รยี น และชว่ ยใหโ้ อกาสแก่นักเรยี นไดป้ รับปรุงแกไขตนเองในการเรียนรู้ ให้
บรรลุผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ลักษณะสาคญั ของห้องเรยี นกลับดา้ น ประกอบด้วย
๑๒ พิมพ์ประภา พาลพาย, การใช้สื่อสังคมตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน เร่ือง ภาษาเพ่ือการสื่อสาร
เพอ่ื ส่งเสริมผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖,
(วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.๒๕๕๗), หน้า ๓๓.
๑๓ วนั เฉลมิ อดุ มทวี, การพฒั นาความสามารถการคิดเชงิ บรู ณาการและผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ของ
นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ และ ๒ ภมู ิศาสตรท์ วีปอเมริกาเหนือและใต้ โดยใช้รูปแบบ
การเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน ( Problem-Based Learning) รว่ มกับเทคนคิ หอ้ งเรยี นกลบั ทาง (Flipped
Classroom). (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , ๒๕๕๖), หน้า ๓๕.
๑๔สรุ ศกั ด์ิ ปาเฮ, หอ้ งเรียนกลบั ทาง : ห้องเรยี นมติ ิใหมใ่ นศตวรรษที่ ๒๑. ในเอกสารประกอบการ (ประชุม
ผู้บริหารโรงเรียนในสงั กัดสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาแพร่ เขต ๒. ๒๕๕๖), หนา้ ๕๖.
๑๓
๑.สอนให้นักเรยี นรบั ผดิ ชอบการเรยี นของตนเอง
๒.ทาให้หอ้ งเรียนเตม็ ไปดว้ ยกจิ กรรมทีห่ ลากหลาย
๓.การเรยี นร้เู ป็นศูนยก์ ลางของห้องเรียน
๔.การเรยี นรู้แบบกลับทางและเรยี นใหร้ จู้ ริงใหบ้ ริการ feedback แกเ่ ด็กในทนั ที
และ ลดเอกสารที่ครูต้องทา
๕.การเรียนแบบรูจ้ รงิ ชว่ ยให้นักเรียนมโี อกาสได้เรียนเสรมิ ในชนั้ เรียนตามปกติ
๖.การเรียนแบบรูจ้ ริงเปิดชอ่ งใหน้ ักเรียนเรยี นรูส้ าระดว้ ยหลากหลายวิธี
๗.การเรยี นแบบรู้จริงเปิดช่องให้นักเรียนแสดงภมู ิรไู้ ด้หลากหลายแบบ
๘.การเรียนแบบรูจ้ ริงเปลี่ยนบทบาทของครคู รูได้ใชเ้ วลาใหเ้ กดิ คุณค่าต่อศษิ ย์มาก
ทส่ี ุด เพอ่ื ชว่ ยให้เวลาในหอ้ งเรยี นเปน็ เวลาที่ศิษย์เกดการเรียนรแู้ บบรู้จริง
๙.การเรยี นแบบรู้จริงช่วยให้นักเรยี นเห็นคุณคา่ ของการเรยี น
๑๐.วิธเี รยี นแบบรจู้ ริงจัดซา้ งา่ ย ขยายขนาดชนั้ เรียนงา่ ย และจดั ให้เหมาะต่อเดก็
เปน็ รายบุคคลไดง้ า่ ย
๑๑.วธิ เี รยี นแบบกลับทางและเรยี นให้รู้จริงชว่ ยเพม่ิ เวลาพบหนา้ ระหว่างครูกับ
นกั เรยี น
๑๒.การเรียนแบบรจู้ ริงช่วยใหน้ กั เรยี นทกุ คนอยกู่ ับการเรียน
๒๓.การเรยี นแบบร้จู ริงทาให้การลงมือทาเป็นการเรียนแบบที่เหมาะต่อเด็กแต่ละ
คน
๑๔.ช้ันเรยี นแบบรู้จริงช่วยให้เดก็ ติดตามการสาธิตของครูอย่างใกล้ชดิ
๑๕.ช้นั เรียนแบบกลับทางห้องเรยี นและเรียนใหร้ ูจ้ รงิ เปดิ โอกาสให้ครชู ่วยเหลอื
นกั เรยี น๑๕
๑๕ ฆนัท ธาตุทอง, การออกแบบการสอนแบบย้อนกลับ, (พมิ พค์ รงั้ ที่ ๔), (นครปฐม: เพชรเกษม การ
พมิ พ์.วจิ ารณ์ พานชิ .๒๕๕๒), หนา้ ๒๔.
๑๔
ตารางท่ี ๒.๓ เปรียบเทียบเวลาทีใ่ ชเ้ รยี นในช้ัน ระหวา่ งการเรียนแบบเดิมกับการเรยี นแบบ
หอ้ งเรียนกลบั ดา้ น
การเรยี นการสอนแบบเดิม การเรียนการสอนแบบกลับด้าน
กิจกรรม เวลา กจิ กรรม เวลา
-การนาเขา่ สบู้ ทเรยี น (warm-up) ๕ นาที -การนาเขส้ ู่บทเรียน (warm-up) ๕ นาที
ตอบข้อสงสัยเก่ียวกบั การบา้ นท่ี -ถาม-ตอบ เกยี่ วกบั วดิ ีโอที่
-นักเรยี นได้รับมอบหมาย ๒๐ นาที นักเรียนไปดู ๑๐ นาที
-บรรยายเนอ้ื หาใหม่ ๓๐-๔๕ นาที -ช่วยเหลือนกั เรยี นทางาน/
-ชว่ ยเหลือนกั เรียนทางาน/ ๒๐-๓๐ นาที กิจกรรมการเรียนรูต้ า่ งๆ ๗๕ นาที
กิจกรรมการเรยี นรตู้ ่างๆ
ชือ่ ตาราง เปรียบเทยี บเวลาที่ใชเ้ รยี นในชั้น ระหว่างการเรียนแบบเดมิ กบั การเรียนแบบ
ห้องเรียนกลบั ด้าน
ส่ือการเรียนการสอนที่สาคัญที่ใช้ในการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน คือ
การบันทึกวิดีโอการบรรยายของครู ซึ่งครูผู้สอนจะจัดทาเองหรือใช้วิดีโอของผู้อ่ืนท่ีทาไว้แล้ว ส่ิงต้อง
คานึงถึงการเรียนการสอนแบบกลับด้านชั้นเรียน คือ ผู้เรียนต้องมีโอกาสอย่างสม่าเสมอ และ เท่า
เทียมกนในการดูวิดีโอ โจนาธาน และ แอรอน ได้จัดเตรียมวิดีโอไว้ในหลายๆ ลักษณะ เพ่ือให้
นักเรียนมีทางเลือก เช่น ใส่ไว้บนเว็บไซต์ Server ของโรงเรียน นักเรียนนา Flashา Drive มาบันทึก
ขอ้ มลู ไปดูกบั เคร่อื งเลนหรือคอมพวิ เตอร์ แผ่น VDO
การตรวจสอบการดวู ดิ โี อของนักเรยี น
๑. แบบบันทึกการเรียน : จดบนกระดาษ โพสต์ ข้อความในบล็อก หรอื อีเมล์
๒. ตง้ั คาถาม : เปน็ คาถามทส่ี งสยั จากการดูวดิ โี อ เพ่อื มาถามครูในช้นั เรยี น
๑๕
ภาพที่ ๒.๑ เปรียบเทียบห้องเรยี นแบบเดิมกับห้องเรียนแบบกลบั ด้าน
การจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) ซึ่งเป็น
นวัตกรรมการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ในการสร้างผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้แบบรอบด้านหรือ
Mastery Learning น้ัน จะมีองค์ประกอบสาคัญท่ีเกิดข้ึน ๔ องค์ประกอบ ท่ีเป็นวัฏจักร (Cycle)
หมุน เวยี นกนอยา่ งเปน็ ระบบ ซ่ึงองคป์ ระกอบท้ัง ๔ ท่ีเกดิ ขึ้น ได้แก่ (Schoolwires,)
๑. การกาหนดยุทธวิธีเพิ่มพูนประสบการณ์ (Experiential (Engagement) โดยมี
ครูผู้สอน เป็นผู้ช้ีแนะวิธีการเรียนรู้ให้กบผู้เรียนเพ่ือเรียนเนื้อหาโดยอาศัยวิธีการท่ีหลากหลายทั้งการ
ใช้กิจกรรม ที่กาหนดข้ึนเอง เกม สถานการณ์จาลอง ส่ือปฏิสัมพันธ์ การทดลอง หรืองานด้านศิลปะ
แขนงตา่ งๆ
๒. การสบื คน้ เพื่อใหเ้ กดิ มโนทัศน์รวบยอด (Concept Exploration) โดยครูผู้สอนเป็น ผู้
คอยช้ีแนะให้กบผู้เรียนจากสื่อหรือกิจกรรมหลายประเภท เช่น สื่อประเภทวิดีโอบันทึกการบรรยาย
การใช้สือ่ บันทกึ เสียงประเภท Podcasts การใชส้ อ่ื Websites หรือสือ่ ออนไลน์ Chats
๓. การสร้างองค์ความรู้อย่างมีความหมาย (Meaning Making) โดยผู้เรียนเป็นผู้บูรณา
การ สร้างทักษะองค์ความรู้จากส่ือท่ีได้รับจากการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างกระดานความรู้
อิเล็กทรอนิกส์ (Blog) การใช้แบบทดสอบ (Tests) การใช้ส่ือสังคมออนไลน์ และ กระดานสาหรับ
อภปิ รายแบบออนไลน์ (Social Networking & Discussion Boards)
๔. การสาธิตและประยุกต์ใช้ (Demonstration & Application) เป็นการสร้างองค์
ความรู้ โดยผู้เรียนเองในเชิงสร้างสรรค์ โดยการจัดทาเป็นโครงงาน (Project) และผ่านกระบวนการ
นาเสนอ ผลงาน (Presentations) ที่เกดิ จากการรังสรรคง์ านเหลา่ นั้น
๑๖
Model หรือตัวแบบของการจัดกิกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน
(The Flipped Classrooms) ที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นน้ัน สามารถกาหนดเป็นภาพเชิงกราฟิก ดังภาพที่
๒.๒
ภาพท่ี ๒.๒ โมเดลหอ้ งเรยี นแบบกลบั ด้าน (Flipped Classroom Model)
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าลักษณะสาคัญของห้องเรียนกลับด้าน คือ การที่ครู
มอบหมายงานให้ผเู้ รยี นได้ไปศึกษาหาความรู้มาจากบ้านแล้วนามาร่วมกิจกรรมในห้องเรียน โดยมีครู
คอยให้ความชว่ ยเหลือแนะ
๒.๒.๓. ประโยชน์ท่ีเกดิ จากการเรียนแบบห้องเรียนกลับดา้ น
Bergmann and Sams กล่าวไว้ในหนังสือ Flip You Classroom : Reach Every
Student in Every Class Every Say สรุปไดด้ ังน้ี๑๖
๑. เพื่อเปลี่ยนวิธีการสอนของครู จากการบรรยายหน้าช้ันเรียนหรือ จากครูสอนไป
เปน็ ครฝู ึก ฝึกการทาแบบฝกึ หัดหรือกิจกรรมอ่ืนในชั้นทาก่อนเรียนให้แก่ศิษย์เป็นรายบุคคล หรือ
อาจเรียกวา่ เป็นครตู ิวเตอร์
๒. เพ่ือใช้เทคโนโลยีการเรียนที่เด็กสมัยใหม่ชอบ โดยใช้ส่ือ ICT ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็น
การนาโลกของโรงเรยี นเข้าสโู ลกของนักเรียนซึ่งเป็น โลกยุคดจิ ติ ลั
๑๖วิจารณ์ พานชิ , ครเู พ่อื ศษิ ยส์ รา้ งห้องเรียนกลบั ทาง (พมิ พค์ ร้ังท่ี ๒), (กรุงเทพฯ: เอส.อาร.์ พร้ินตง้ิ
แมสโปรดักส,๒๕๕๖), หน้า ๒๔.
๑๗
๓.ช่วยเหลอื เด็กท่ีมงี านยุเดก็ สมัยน้ีมกี จิ กรรมมาก ดังนั้นจงึ ต้องเข้าไปช่วยเหลือในการ
จัดการเรียนรู้ โดยใช้บทสอนท่ีสอนด้วยวีดีทัศน์อยู่บนอินเทอร์เน็ต (Internet) ช่วยให้เด็กเรียนไว้
ล่วงหนา้ หรือเรียนตามชนั้ เรยี นได้งา่ ยขนึ้ รวมทง้ั เป็นการฝึกเด็กใหร้ จู้ ดั การจดั เวลาของตนเอง
๔.ช่วยเหลือเด็กเรียนอ่อนให้ขวนขวายหาความรู้ ในช้ันเรียนปกติเด็กเหล่าน้ีจะถูก
ทอดท้ิง แต่ในหอ้ งเรียนกลบั ด้านเดก็ จะได้รบั การเอาใจใสจ่ ากครูมากทีส่ ุดโดยอัตโนมตั ิ
๕.ช่วยเหลือเด็กท่ีมีความสามารถแตกต่างกันให้ก้าวหน้าในการเรียนตามความ
สามารถของตนเอง เพราะเด็กสามารถฟัง-ดูวีดีทัศน์ได้เอง จะหยุดตรงไหนก็ได้ กรอกลับ (Review) ก็
ไดต้ ามทตี่ นเองพึงพอใจทีจ่ ะเรียน
๖.ช่วยให้เด็กสามารถหยุดและกรอกลับครู ของตนเองได้ ทาให้เด็กจัดเวลาเรียน
ตามท่ีตนพอใจเบื่อกห็ ยุดพกั ได้ สามารถแบง่ เวลาในการดูเปน็ ช่วงได้
๗.ช่วยให้เกดปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกบครูเพ่ิมขึ้น ตรงกนข้ามกับการที่เรียนแบบ
ออนไลน์ การเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านยังเป็นรูปแบบการเรียนท่ีนักเรียนยังคงมาโรงเรียน และ
นักเรยี นพบปะกับครู
ห้องเรียนกลับด้านเป็นการประสานการใช้ประโยชน์ระหว่างการเรียนแบบออนไลน์ และการเรียน
ระบบพบหน้า ช่วยเปล่ียนและเพ่ิมบทบาทของครูให้เป็นท้ังพ่ีเล้ียง (Mentor) เพื่อนบ้าน (Neighbor)
และผเู้ ช่ียวชาญ (Expert)
๘.ช่วยให้ครูรู้จักนักเรียนดีข้ึน หน้าที่ของครูไม่ใช่เพียงช่วยให้ศิษย์ได้ความรู้หรือ
เน้ือหา แต่ต้องกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ (Inspire) ให้กาลังใจ รับฟังและช่วยเหลือ ส่งเสริมผู้เรียน
ซึง่ เป็นมติ สิ าคัญทจ่ี ะชวยเสรมิ พฒั นาการทางการเรยี นของเดก็
๙. ชว่ ยเพม่ิ ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักเรียนด้วยก่นเอง จากกิจกรรมทางการเรียนที่
ครูจัดประสบการณ์ขึ้นมาน้ัน ผู้เรียนสามารถท่ีจะช่วยเหลือเกื้อกูลซ่ึงกันและกันได้ดี เป็นการ
ปรับเปล่ยี นกระบวนทศั นข์ องนักเรยี นทเ่ี คยเรยี นตามคาสัง่ ครูหรือทางานให้เสร็จตามกาหนด เป็นการ
เรียนเพ่ือตนเองไม่ใช่คนอ่ืน ส่งผลต่อเด็กท่ีเอาใจใส่การเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนด้วยกันจะ
เพมิ่ ขนึ้ โดยอัตโนมัติ
๑๐.ชว่ ยใหเ้ หน็ คุณค่าของความแตกตา่ ง ตามปกติแลว้ ในชนั เรยี นเดยี วกนจะมีเด็กท่ี มี
ความแตกต่างกันมาก มีความถนัดและความชอบท่ีแตกต่างกัน ดังนั้น การจัดกิจกรรมการสอนแบบ
ห้องเรียนกลับทางจะช่วยให้ครู เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อนด้วยกนกเห็นและ
ชว่ ยเหลือกนดว้ ยจดุ แข็งของแต่ละคน
๑๑.เป็นการปรับเปล่ยี นรปู แบบการจดั การห้องเรยี น ช่องเปิดให้ครูสามารถจัดการช้ัน
เรียนได้ตามความต้องการที่จะทา ครูสามารถทาหน้าที่ของการสอนท่ีสาคัญในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อ
สร้างคณุ ภาพแก่ชั้นเรยี น ช่วยใหเ้ ด็กรู้อนาคตของชีวิตไดด้ ที ่สี ุด
๑๘
๑๒.เปลี่ยนคาสนทนากับพ่อแม่ ประสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับ
ผู้ปกครอง ซง่ึ การรบั ทราบและแลกเปลย่ี นความรรู้ ว่ มกันจะทาใหเ้ ด็กเกิดเรยี นรู้ที่ดีได้
๑๓.ช่วยใหเ้ กดิ ความโปรง่ ใสในการจดั การศึกษา การใช้ห้องเรียนแบบกลับทางโดยนา
สาระคาสอนไปไวใ้ นวีดีทศั นน์ าไปเผยแพรท่ างอินเทอรเ์ น็ต เปน็ การเปดิ เผยเน้ือหาสาระทางการ เรียน
ใหส้ าธารณชนได้ทราบ สรา้ งความเช่ือมนั ในคณุ ภาพการเรียนการสอนให้ผ้ปู กครองทราบ
จากที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า ประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียน
กลบั ด้าน คือ เหมาะสมกับผู้เรียนยุคปจั จุบันทเ่ี นน้ ผู้เรียนเปน็ ศนู ย์กลางของการเรียนรู้ มีความยืดหยุ่น
ชว่ ยเหลือนักเรียนท่ีมภี าระงานมาก ช่วยการเรียนรู้ของเด็กที่เรียนไมเก่ง มีปฏิสัมพันธ์ในช้ันเรียนมาก
ขึ้นเป็นการเรียนรูต้ ามความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ผูเ้ รียนเรียนรู้ได้ดีข้ึน และช่วยแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี นของนกั เรียนได้
๒.๓ แนวคิด ทฤษฎที ี่เกี่ยวขอ้ งกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๒.๓.๑ ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการดาเนินชีวิตและวิถีการปฏิบัติท่ี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงมีพระราชดารัสแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด
และได้ทรงเน้นย้าแนวทางการพัฒนาท่ีตั้งอยู่บนพ้ืนฐานทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดย
คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้ และ
คุณธรรมเป็นพ้ืนฐานในการดารงชีวิต การปูองกันให้รอดปลอดภัยจากวิกฤติการณ์ต่างๆ (สานัก
ประสานและพฒั นาการจดั การศึกษาทอ้ งถิ่น)
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาช้ีแนวทางการดารงชีวิตอยู่และปฏิบัติตนของประชาชน
ทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้
ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง
หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นที่จะต้องมีภูมิคุ้มกนในตัวท่ีดี เพ่ือให้
สามารถจัดการกบความเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในได้ ยิ่งในสภาวะท่ีโลกมีการเปล่ียนแปลง
อย่างรวดเร็วย่งิ จาเป็นอยา่ งยง่ิ ทีจ่ ะตอ้ งตัง้ สตวิ า่ จะก้าวไปอย่างไรจึงจะพอดี
ฐิติมน ทองพิมพ์ สรุปไว้ว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิธีการดาเนินชีวิตของประชาชนทุก
คน ทุกอาชีพ โดยมีการพัฒนาศักยภาพ มีความรู้ มีคุณธรรม พึ่งตนเอง พ่ึงพาอาศัยซ่ึงกันและกัน
๑๙
อย่างเอ้อื เฟ้อื เผอื่ แผ่ มคี วามคดิ ไตร่ตรองหาเหตุผลในการตัดสินใจ รู้จักใช้จ่าย ไม่ฟูุงเฟูอ ไม่ลุ่มหลงใน
อบายมุข หรือคาโฆษณา และพร้อมทจี่ ะเผชญิ กบปญั หาและสามารถแก้ไขปัญหาทีเ่ กิดขนึ้ ได้๑๗
ศิริลักษณ์ คลองขอ่ ย สรปุ ไว้ว่า ความหมายของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง คือ แนวคิด
ปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนของสังคมไทย เพ่ือให้กาวทันต่อ ยุคโลกาภิวัตน์
เพื่อให้เกิดความกาวหน้าไปพร้อมกบความสมดุลและพร้อมรับตอการเปลี่ยนแปลง โดยใช้หลักความ
พอเพยี งเป็นหลกั คิดและหลักปฏิบัติในการดาเนินชวี ติ ๑๘
จากความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงข้างต้น สรุปได้ว่าเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง
แนวคิดปรัชญาที่ช้ีถึงแนวทางการดาเนินชีวิตของคนไทย ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง มีความ
พอประมาณ ความมีเหตุผล ภายใต้ระบบภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัวเอง โดยอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ
ระมดั ระวงั กา้ วทนั ยคุ โลกาภิวัตน์ และเกิดความกาวหน้าไปพร้อมกบความสมดุล และความพร้อมต่อ
การเปลยี่ นแปลง โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ หลกั คิดและหลักในการดาเนินชีวิต
๒.๓.๒ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ท่ีทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นท่ีมาของนิยาม“๓ ห่วง ๒
เงื่อนไข” ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นามาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่าน
ช่องทาง สื่อตางๆ อยู่ในปัจจุบัน ซ่ึงประกอบด้วยความ “พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน บน
เงือ่ นไข“ความรู้”และ “คุณธรรม” ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้
อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่างพอเพียงและประหยัด ตามกาลังของเงินของบุคคลนั้นโดย
ปราศจากการกู้หน้ียืมสินและถ้ามีเงินเหลือก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน และ
อาจจะใช้จา่ ยมาเพ่ือปัจจัยเสริมอีกบางส่วน สาเหตุที่แนวทางการดารงชีวิตอย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าว
ถึงอย่างกว้างขวางในขณะน้ี เพราะสภาพการดารงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูกปลูกฝัง
สร้างหรือกระตุ้นให้เกิด การใช้จ่ายอย่างเกินตัวในเร่ืองที่ไม่เก่ียวข้อง หรือเกินกว่าปัจจัยในการ
ดารงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัวความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตัว
ตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทาให้ไมมีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการ
๑๗ ฐติ ิมน ทองพิมพ์, สภาพการใช้ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั การเรยี นรู้ของครูวิทยาลยั
เกษตรและเทคโนโลยเี ชียงใหม่, (การค้นคว้าแบบอิสระปริญญามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัย เชยี งใหม่, ๒๕๕๑), หน้า
๒๒.
๑๘ ศริ ิลกั ษณ์ คลองขอ่ ย, ความหมายของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื แนวคดิ ปรชั ญาท่ีชถ้ี งึ แนว
ทางการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ติ นของสังคมไทย, (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล
ธัญบุร.ี ๒๕๕๕), หน้า ๓๐.
๒๐
เหล่าน้ัน ส่งผลให้เกิดการกู้หน้ียืมสินเกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหน่ึงไมสามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม
เปล่ยี นแนวทางในการดดารงชีวติ ๑๙
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๓ หว่ ง
ห่วง ๑ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดย
ไมเ่ บยี ดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลติ และการบริ โภคที่ในระดับพอประมาณ
ห่วง ๒ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกบระดับของความพอเพียงนั้น
จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดวาจะ
เกดิ ขน้ึ จากการกระทาน้นั ๆ อย่างรอบคอบ
ห่วง ๓ การมีภูมิคุ้มกนที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และ
การเปล่ียนแปลงด้านตางๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆท่ีคาดวาจะ
เกิดขน้ึ ในอนาคตทังใกลแ้ ละไกล
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒ เง่อื นไข
๑.เงือ่ นไข ความร้ปู ระกอบดว้ ย ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการตั่งๆ ที่เกี่ยวข้องอย่าง รอบ
ดา้ น ความรอบคอบที่จะนาความร้เู หลา่ นน้ั มาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน และ
ความระมัดระวงั ในข้นั ปฏบิ ัติ
๒.เงื่อนไข คุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มี
ความชือ่ สตั ยส์ ุจริต และมีความอดทน มคี วามพากเพยี ร ใช้สติปัญญาในการดาเนนิ ชีวติ
๒.๓.๓ การประยกุ ต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
การนาไปใช้ในชีวิตประจาวันครอบครัวของฉันอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนว
พระราชดารทิ ีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี ๙ พระราชทานไวด้ ังนี้
๑.พอมพี อกนิ ปลกู พืชสวนครวั ไว้กนิ เองบ้างปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน 2-3ต้น พอที่จะมี
ไว้กนิ เองในครัวเรือน แบ่งใหเ้ พ่อื นบ้านบา้ ง เหลอื จงึ ขายไป
๒.พออยู่พอใช้ ทาให้บ้านน่าอยู่ปราศจากสารเคมี กล่ินเหม็น ใช้แต่ของที่เป็น
ธรรมชาติ รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีข้ึน (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล) คุณพ่อของฉันและฉันมักเน้น
เก่ียวกบเรื่องไฟฟูา และน้าประปา ท่านให้พวกเราช่วยกนประหยัด ไม่ว่าจะอยู่ท่ีบ้านหรือโรงเรียน ก็
ควรปิดนา้ ปิดไฟ เม่ือเลกิ ใช้งานทุกครั้ง
๓. พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะ
เราจะหลงตดิ กบั วัตถุชวี ติ โดยจะอยู่ในกิจกรรม “ออมวนั น้ีเศรษฐวี ันหนา้ ”
๑๙ ศิริลักษณ์ คลองขอ่ ย, ความหมายของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง คือ แนวคดิ ปรชั ญาทีช่ ถี้ งึ แนว
ทางการดารงอยู่และปฏบิ ตั ิตนของสงั คมไทย, (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล
ธัญบรุ ี.๒๕๕๕), หนา้ ๓๑.
๒๑
๔.เมื่อมรี ายไดแ้ ต่ละเดอื น จะแบง่ ไวใ้ ช้จา่ ย ๓ ส่วน เป็นค่านา้ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่า
จิปาถะ ทใี่ ช้ในครัวเรือน รวมทัง้ คา่ เสอื้ ผา้ เครือ่ งใชบ้ างอย่างท่ีชารดุ เปน็ ตน้
๕.ฉันจะยึดความประหยัด ตัดทอนรายจ่ายในทุกๆ วันที่ไม่จาเป็น ลดละความ
ฟุมเฟือย
การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลัก พออยู่พอกิน พอใช้ ยึดความ
ประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุมเฟือย ในการดารงชีพ“ความเป็นอยู่ท่ีต้องไม่ฟุูงเฟูอต้อง
ประหยัด ไปในทางท่ีถูกต้อง” ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต“ความเจริญของ
คนทง้ั หลาย ยอ่ มเกดิ มาจากการประพฤติชอบ และการหาเล้ียงชีพชอบเป็นสาคัญ ละเลิกการแก่งแย่ง
ผลประโยชน์และแข่งขันในการค้าขาย ประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง“ความสุขความเจริญ
อันแท้จริง หมายถึง ความสุข ความเจริญ ที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นในธรรมท้ังในเจตนา
และการกระทา ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังจากผู้อื่น มุ่งเน้นหาข้าวหา
ปลา”่ กอ่ นม่งุ เน้นหาเงนิ หาทอง ทามาหากินก่อนทามาค้าขาย ภูมิปัญญาชาวบ้านและที่ดินทากิน คือ
ทุนทางสังคมตงั้ สตทิ ีม่ น่ั คง รา่ งกายที่แขง็ แรง ปญั ญาท่เี ฉยี บแหลม
เศรษฐกจิ พอเพยี งจะดาเนนิ ไปได้ดี ด้วยการประชาสมั พันธ์ใหท้ กุ คนปฏิบัตติ ามขอให้อย่า
ลมื ทีจ่ ะปฏบิ ัติในเรอ่ื งความขยนั ประหยัด ซ่ือสัตย์ อดทน ปฏิบัติตนเป็นคนดี ดาเนินแบบเรียบง่ายให้
พอเพียง พอกิน และพอใช้ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงถึงเวลาแล้วที่พวกเรา ทุกคนควร
ร่วมมือ ร่วมใจกันปฏิบัติตามแนวพระราชดาริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ตั้งแต่ยังเด็กแล้วจะติด
เป็นนิสัยความพอเพียงไปตลอดชีวิต สามารถนาไปพัฒนาตน พัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า
เปน็ บุคคลที่มีคุณภาพ เปน็ คนดีของสงั คม
การประยกุ ต์ปลกู ฝังใชเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงในโรงเรียน
เร่ิมต้นจากการเสริมสร้างคนให้มีการเรียนรู้ วิชาการและทักษะต่างๆท่ีจาเป็น เพ่ือให้
สามารถรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงในด้านต่างๆ พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณธรรม จนมีความเข้าใจและ
ตระหนักถงึ คุณค่าของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม และอยู่ร่วมกับระบบนิเวศวิทยาอย่างสมดุลเพ่ือ
จะไดม้ ีความเกรงกลัวและละ อายตอ่ การประพฤติผิดมิชอบ ไม่ตระหนี่ เป็นผู้ให้ เกื้อกูล แบ่งปัน มีสติ
ย้ังคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจ หรือกระทาการใดๆ จนกระทั้งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันท่ีดี
ในการดารงชีวิต โดยสามารถคิดและกระทาบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล พอเหมาะ พอประมาณ
กับสถานภาพ บทบาทและหน้าที่ของแต่ละบุคคล ในแต่ละสถานการณ์ แล้วเพียรฝึกปฏิบัติเช่นน้ีจน
ตนสามารถทาตนให้เป็นพ่ึงของตนเองได้ และเป็นท่ีพึ่งของผู้อ่ืนได้ในที่สุดเศรษฐกิจพื้ นฐาน
ประกอบดว้ ยลักษณะสาคญั คอื
๑.เปน็ เศรษฐกจิ ของคนทั้งมวล
๒.มชี มุ ชนทเี่ ข้มแข็งเปน็ พืน้ ฐานของเศรษฐกิจ
๒๒
๓.มีความเป็นบูรณาการเข้มแข็งไปพร้อมๆกันหมด ท้ังเรื่องเศรษฐกิจ สังคม
สิง่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม
๔.เติบโตบนพ้ืนฐานท่ีเข้มแข็งของเราเอง เช่น ด้านเกษตร หัตถกรรม อุตสาหกรรม
สมุนไพร อาหาร การทองเท่ียว เป็นตน้
๕.มีการจัดการท่ีดีเป็นพื้นฐาน ส่งเสริมการเกิดนวัตกรรมต่างๆ ให้สามารถนามาใช้
งานไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื ง
การพัฒนาประเทศตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาประเทศมิได้มีแบบอย่าง
ตายตัวตามตารา หากแต่ต้องเป็นไปตามสภาพภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์ สังคมวิทยา วัฒนธรรม
ชุมชน ท่ีมีความหลากหลาย ในขณะเดียวกันเราต้องเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่เกิดขึ้น
อยา่ ง รวดเร็วตามอิทธพิ ลของกระแสโลกาภิวตั น์ ควบคู่ไปกับการพยายามหาแนวทางหรือวิธีการที่จะ
ดารงชีวิตตามหลักการพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ดาเนินไปได้อย่างสมดุลและสอดคล้องกับ
สภาพแวดล้อมในยุคโลกาภิวัตน์ โดยอาศัยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มก่อผลกระทบ
ท่ชี ุมชนอาจจะไดร้ ับ ไม่ให้กระแสเหล่านั้นมาทาลายเอกลักษณ์และวัฒนธรรมชุมชนจน ต้องล่มสลาย
ไป
จากแนวพระราชดาริ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางที่ให้ประชาชนดาเนินตามวิถี แห่ง
การดารงชีพท่ีสมบูรณ์ ศานติสุข โดยมีธรรมะเป็นเคร่ืองกากับ และใจตนที่สาคัญ คือซ่ึงก็คือวิถีชีวิต
ไทย ท่ียดึ เส้นทางสายกลางของความพอดี ในหลักของการพง่ึ พาตนเอง ๕ ประการ คอื ๒๐
๑.ความพอดีด้านจิตใจ : เข้มแข็ง พ่ึงตนเองได้ มีจิตสานึกท่ีดี เอ้ืออาทร
ประนปี ระนอม คานงึ ถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๒.ความพอดีด้านสังคม : มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน
รู้จกั ผนกึ กาลงั และท่สี าคัญมกี ระบวนการเรยี นรทู้ เี่ กดิ จากฐานรากที่มนั คงและแขง็ แรง
๓.ความพอดีด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม : รู้จักใช้และจัดการอย่าง
ฉลาดและรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยงั่ ยนื สูงสุด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อพัฒนาประเทศให้
มันคง เปน็ ขัน้ เปน็ ตอนไป
๔.ความพอดีด้านเทคโนโลยี : รู้จักใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมให้สอดคล้องกบความ
ตอ้ งการ และควรพฒั นาเทคโนโลยจี ากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเอง และสอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อ
สภาพแวดล้อมของเราเอง
๕.ความพอดีด้านเศรษฐกิจ: เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ดารงชีวิตอย่างพอสมควร พอ
อยู่ พอกนิ ตามอัตภาพ และฐานะของตนเอง
๒๐ พมิ พนั ธ์ เตชะคุปต์, การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง, (กรุงเทพฯ: เดอะมาสเตอร์ กร๊ปุ แมเนจเม็นท.์
๒๕๔๘), หนา้ ๕๒.
๒๓
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเร่ิมจากการสรา้ งพื้นฐาน ความพอกนิ พอใช้ ของประชาชนในชาติ
เป็นส่วนใหญ่ก่อน แล้วจึงค่อยเสริมสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจตามลาดับ เพื่อจะได้เกิด
สมดุลทางด้านต่างๆ หรือเป็นการดาเนนิ การไปอย่างเปน็ ขัน้ เปน็ ตอน จากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหน่ึง
โดยสร้างความพร้อมทางด้านต่างๆอย่างเหมาะสม ที่ไมใช่เป็นการ“ก้าวกระโดด”ท่ีต้องใช้ ปัจจัย
ภายนอกต่างๆ มาเป็นตัวกระตุ้น เพียงเพื่อให้เกิดความทันกนในชั่วขณะหน่ึง ซ่ึงในที่สุดประชาชนไม
สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการและการแข่งขันดังกล่าวได้ ก็จะเกิดปัญหา ตามมาดังที่
ประเทศไทยไดป้ ระสบปัญหาเศรษฐกิจเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐.
การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกิดได้หลายด้านและหลายรูปแบบไม่มี
สตู รสาเร็จ แต่ละคนจะต้องพิจารณาปรับใช้ตามความเหมาะสม ให้สอดคล้องกับเง่ือนไข และสภาวะ
ทีต่ น เผชิญอยู่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งจะช่วยให้เรา“ฉุกคิด” ว่ามีทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะช่วย
ให้เกิดความยัง่ ยนื ม่ันคง และสมดลุ ในระยะยาว
๒.๔ แนวคดิ ทฤษฎที ่ีเกยี่ วข้องกบั ผลสัมฤทธ์ิการจัดการเรียนรู้
ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนเป็นความสามารถของนกั เรยี นในด้านต่างๆ ซึ่งเกิดจากนักเรียน
ได้รับประสบการณ์จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องศึกษาแนวทางในการวัดและ
ประเมินผล การสร้างเคร่ืองมอื วดั ใหม้ คี ณุ ภาพนั้นได้มีผใู้ ห้ความหมายของผลสัมฤทธกิ์ ารเรยี นไวด้ ังน้ี
๒.๔.๑ ความหมายของผลสมั ฤทธก์ิ ารเรียน
ผลสมั ฤทธ์กิ ารเรียนเปน็ ความสามารถทางสมองด้านต่างๆ ท่ีนักเรียนสามารถได้รับจาก
ประสบการณ์ทางตรงและทางอ้อม จากการจัดกระบวนการการเรียนรู้ ซ่ึงมีนักวิชาการและนักการ
ศกึ ษาหลายท่านได้ใหค้ วามหมายของผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นไว้ ดังนี้
ขณษิ ฐา บญุ ภกั ดี กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การเรยี น หมายถึง คณุ ลักษณะและความสามารถ
ของบคุ คลอนั เกิดจากการเรียนการสอน อาจจะได้มาจากกระบวนการที่ไม่ต้องอาศัยการทดสอบ เช่น
การสังเกต และจากการใชแ้ บบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นทัว่ ไป๒๑
๒๑ ขณษิ ฐา บญุ ภกั ด,ี การศึกษาปจั จยั ที่มีผลต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั ศึกษาระดับ ปริญญา
ตรี คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอม เกลา้ ธนบรุ ี, (วิทยานิพนธ์
ปริญญามหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุร.ี ๒๕๕๒) , หน้า ๒๙.
๒๔
น้าทิพย์ รวยรื่น ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียน หมายถึงความสาเร็จในด้านความรู้
ความสามารถ และทักษะที่เกิดจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีได้รับการฝึกฝน หรือ
ประสบการณเ์ รียนรู้ในด้านตา่ งๆของแตล่ ะบุคคล โดยการทดสอบจากแบบวัดผลสมั ฤทธกิ์ ารเรียน๒๒
บุญชม ศรีสะอาด กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียน หมายถึง ผลที่เกิดข้ึนจากการค้นคว้า
การอบรม การสั่งสอน หรือประสบการณ์ต่างๆ รวมทั้ง ความรู้สึก ค่านิยม จริยธรรมต่างๆ ที่เป็นผล
มาจากการฝึกสอน๒๓
ปราณี กองจินดา กล่าวว่า ผลสมั ฤทธก์ิ ารเรยี น หมายถงึ ความสามารถ หรอื ผลสาเร็จท่ี
ได้รบั จากกิจกรรมการเรยี นการสอนเปน็ การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์ เรียนรู้ทางด้าน
พุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย และยังได้จาแนกทางกผลสัมฤทธิ์การเรียนไว้ตาม ลักษณะของ
วตั ถปุ ระสงคข์ องการเรยี นการสอนทแี่ ตกตา่ งกัน๒๔
พวงรัตน์ ทวีรัตน์ กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียน (Academic Achievement) หมายถึง
คุณลักษณะรวมถึงความรู้ความสามารถของบุคคลอันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน คือ มวล
ประสบการณท์ ั้งปวงที่บคุ คลไดร้ บั จากการเรียนการสอน ทาให้บุคคลเกิดการเปล่ียนแปลง พฤติกรรม
ในด้านต่างๆ ของสมรรถภาพสมอง๒๕
พิชิต ฤทธ์ิจรูญ กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียน หมายถึง พฤติกรรม ด้านความสามารถ
ทางสติปัญญาของบุคคลเป็นสมรรถภาพทางด้านสมอง หรือสติปัญญาของบุคคล ในการเรียนรู้ส่ิง
ต่างๆ๒๖
๒๒ น้าทิพย์ รวยร่ืน, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้, สังคม ศึกษา
ศาสนา และวฒั นธรรม ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ โดยการเรียนแบบสตอร่ี ไลน์”, (วิทยานิพนธ์ปริญญา
มหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร, ๒๕๔๓), หน้า ๓๒.
๒๓ บุญชม ศรีสะอาด, การวจิ ัยเบอ้ื งตน้ (พิมพ์ครั้งท่ี ๙), (กรุงเทพฯ: สุรีวยิ าสาส์, ๒๕๕๓), หนา้ ๓๔
๒๔ ปราณี กองจนิ ดา, การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะการคดิ เลข ในใจของ
นักเรยี นทไี่ ดร้ ับการสอนตามรูปแบบซิปปา โดยใชแ้ บบฝึกหดั ท่เี นน้ ทักษะการคิดเลขในใจกบั นกั เรยี นท่ไี ดร้ บั การสอนโดยใช้
ค่มู อื คร.ู (วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑติ , มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา, ๒๕๔๖), หนา้ ๓๙.
๒๕ พวงรัตน์ ทวรี ัตน์, วิธีการวจิ ัยทางพฤติกรรมศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์, (กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรี
นครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร, ๒๕๔๖), หนา้ ๔๒.
๒๖ พชิ ิต ฤทธจ์ิ รูญ, การวจิ ยั เพ่ือพัฒนาการเรยี นรู้ : ปฏิบัติการวจิ ยั ในช้ันเรียน (พิมพ์ครง้ั ที่ (๓),
(กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร, ๒๕๔๙), หนา้ ๓๕.
๒๕
พมิ พนั ธ์ เดชะคปุ ต์ และ พเยาว์ ยนิ ดสี ุข กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การ เรียน หมายถึง ขนาด
ของความสาเรจ็ ทไ่ี ด้จากกระบวนการเรียนการสอน๒๗
พิมพป์ ระภา อรัญมิตร กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง คุณลักษณะ ความรู้
ความสามารถ ทแ่ี สดงถึงความสาเร็จในการเรียนการสอนวิชาต่างๆ ซ่ึงสามารถวัด เป็นคะแนนได้จาก
แบบทดสอบภาคทฤษฎี หรอื ภาคปฏบิ ัติ หรือท้ังสองอย่าง
ไพรโรจน์ ชานาญ ได้กล่าวถึงความหมาย ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนว่า หมายถึง
คุณลักษณะ และความสามารถของบุคคลท่ีพัฒนางอกงามข้ึน อันเน่ืองมาจากผลการเรียนการสอน
การฝึกอบรม ซง่ึ ประกอบดว้ ย ความสามารถทางสมอง ความรทู้ กั ษะ ความรู้สกึ และค่านยิ มต่างๆ
ภพ เลาหไพบูลย์ กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิการเรียน หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึง
ความสามารถในการกระทาส่ิงหน่ึงสิ่งใดได้ จากท่ีไม่เคยกระทา หรือกระทาได้น้อย ก่อนท่ีจะมีการ
เรยี นการสอน ซึง่ เป็นพฤติกรรมทีม่ กี ารวัดได้
ศุภพงศ์ คล้ายคลึง กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียน หมายถึง ผลสาเร็จที่เกิดข้ึนจาก
พฤตกิ รรม การกระทากจิ กรรมของแต่ละบคุ คล ทต่ี อ้ งอาศยั ความพยายามอย่างมากทั้งองค์ประกอบที่
เกย่ี วข้องกบั สตปิ ญั ญา และองค์ประกอบท่ีไม่ใช่สติปัญญา ซ่ึงสามารถสังเกตที่วัดได้ด้วยเคร่ืองมือทาง
จิตวทิ ยา หรือแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ตา่ งๆ๒๘
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ การเรียน
เป็นความสามารถของผู้เรียนตามผลการเรียนรู้ในบทเรียนด้านต่างๆประกอบด้วย ความรู้ความคิด
กระบวนการเรียนร้แู ละเจตคติ
สมพร เชื้อพันธ์ สรุปว่าผลสัมฤทธ์ิการเรียน หมายถึงความสามารถความสาเร็จและ
สมรรถภาพด้านต่างๆ ของผู้เรียนที่ได้จากการเรียนรู้อันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน การฝึกฝน
หรอื ประสบการณข์ องแตล่ ะบุคคล ซงึ่ สามารถวดั ไดจ้ ากการทดสอบด้วยวิธีการตา่ งๆ๒๙
๒๗ พิมพันธ์ เดชะคปุ ต์ และ พเยาว์ ยินดีสขุ , การจัดการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี ๒๑ (พิมพค์ รงั้ ที่ ๒),
(กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๘), หน้า ๒๒.
๒๘ ศุภพงศ์ คล้ายคลึง, การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และทักษะการทดลอง โดย
การใช้ชุดปฏบิ ัติการทางวิทยาศาสตร์, (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย,ศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๕),
หน้า ๔๓.
๒๙ สมพร เชื้อพันธ์, การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์ของ นักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ โดยใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองกับการจัดการเรียนการ
สอนตามปกติ, (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สถาบันราชภัฏ พระนครศรีอยุธยา), ๒๕๔๗, สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน, แนวทางการ จัดการเรยี นการสอนในโรงเรียนมาตรฐานสากล ฉบับปรับปรุง,
(กรุงเทพฯ: ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย , ๒๕๕๘), หน้า ๑๑.
๒๖
สมหวงั พธิ ยิ านวุ ัฒน์ กลา่ ววา่ ผลสัมฤทธิ์การเรียน หมายถึง ผลท่ีเกิดจากการสอนหรือ
กระบวนการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมซ่ึงแสดงออกมา ๓ ด้าน ได้แก่ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และ
ด้านทกั ษะพสิ ยั
Good (1959, p.6 อ้างถึงใน สุภาพ สิทธิศักดิ์, ได้กล่าวถึง ความหมายผลสัมฤทธิ์การ
เรียน หมายถงึ การเข้าถึงความรู้หรือพัฒนาทักษะการเรยี น ซึ่งโดยปกตพิ ิจารณาจากคะแนนสอบ หรือ
คะแนนที่ได้จากงานทีค่ รูมอบหมาย หรือท้งั สองอย่าง จากทก่ี ลา่ วมาสามารถสรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์การ
เรียน หมายถึงความสามารถของบุคคลที่มีความแตกต่างกันหลังจากการได้เรียนรู้ สามารถวัดได้จาก
แบบทดสอบหรอื งานที่ไดร้ ับมอบหมาย และการสังเกตพฤติกรรมซึ่งประกอบด้วย ความสามารถ ทาง
สมอง ด้านความรู้ทักษะ ความรู้สึก และค่านิยมต่างๆ สาหรับการวิจัยคร้ังนี้วัดผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรยี นด้านความรู้ความคิด และด้านทักษะกระบวนการเรียนรู้
จากความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนข้างต้น สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์การเรียน
หมายถึง ผลท่ีเกิดจากกระบวนการเรียนการสอนท่ีจะทาให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
และสามารถวัดได้โดยการแสดงออกมาท้ัง ๓ ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และด้านทักษะ
พสิ ยั
๒.๔.๒ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
พิชิต ฤทธิ์จรูญ กล่าวว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิการเรียนหมายถึงแบบทดสอบท่ีใช้
วัดความรู้ ทักษะ และความสามารถทางวิชาการที่นักเรียนได้เรียนรู้มาแล้ววาบรรลุผลสาเร็จตาม
จดุ ประสงคท์ กี่ าหนดไว้เพยี งใด๓๐
สิริพร ทิพยค์ ง กล่าววา่ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิการเรยี น หมายถึง ชุดคาถามท่ีมุงวัด
พฤติกรรมการเรียนของนักเรียนวามีความรู้ ทักษะ และสมรรถภาพด้าน สมองด้านต่างๆ ในเร่ืองที่
เรียนรูไ้ ปแล้วมากนอ้ ยเพยี งใด๓๑
๓๐ พิชิต ฤทธิ์จรูญ, การวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ : ปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน (พิมพ์ครั้งที่ ๓),
(กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร, ๒๕๔๕), หน้า ๑๔.
๓๑สริ ิพร ทิพย์คง, แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธก์ิ ารเรยี น หมายถึง ชุดคาถามที่มุงวัดพฤตกิ รรมการเรียน
ของนักเรยี นวา่ มีความรู้ ทกั ษะ และสมรรถภาพด้าน สมองดา้ นต่างๆ, กรงุ เทพฯ: พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ, ๒๕๔๕),
หน้า ๑๙๓ .
๒๗
สมพร เช้อื พันธ์ กล่าวว่า แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นหมายถงึ แบบทดสอบหรือ
ชุดของข้อสอบทใี่ ชว้ ัดความสาเร็จ หรือความสามารถในการทากิจกรรม การเรียนรู้ของนักเรียนท่ีเป็น
ผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู ผู้สอนว่าผ่าน จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีต้ังไว้
เพียงใด๓๒
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประเภทที่ครูสร้างมีหลายแบบ แต่ท่ีนิยมใช้มี
๖ แบบ ดังนี้
๑. ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง (Subjective or Essey test) เป็นข้อสอบที่มี
เฉพาะคาถาม แล้วให้นักเรียนเขียนตอบอยางเสรี่ เขียนบรรยายตามความรู้และเขียนข้อคิดเห็นของ
แตล่ ะคน
๒. ข้อสอบแบบกาถูก-ผิด (True-false test) คือข้อสอบแบบเลือกตอบท่ีมี ๒
ตัวเลือกแต่ตัวเลือกดังกล่าวเป็นแบบคงท่ีและมีความหมายตรงกนข้าม เช่น ถูก-ผิด ใช่-ไม่ใช่ จริง-ไม่
จริง เหมือนกัน-ต่างกนั เปน็ ต้น
๓. ข้อสอบแบบเติมคา (Completion test) เป็นข้อสอบที่ประกอบด้วยประโยค
หรือข้อความท่ียังไม่สมบูรณ์แล้วให้ตอบเติมคา หรือประโยค หรือข้อความลงในช่องว่างท่ีเว้นไว้น้ัน
เพื่อให้ มใี จความสมบรู ณแ์ ละถกู ต้อง
๔. ข้อสอบแบบตอบส้ันๆ (Short answer test) เป็นข้อสอบท่ีคล้ายกับข้อสอบ
แบบเติมคา แตกต่างกันที่ข้อสอบแบบตอบส้นั ๆ เขยี นเป็นประโยคคาถามสมบูรณ์ (ข้อสอบเติมคาเป็น
ประโยคหรือขอ้ ความทีย่ ังไมสมบรู ณ)์ แลว้ ให้ผ้ตู อบเขียนตอบ คาตอบท่ีต้องการจะส้ันและกะทัดรัดได้
ใจความสมบรู ณ์ ไม่ใช่เปน็ การบรรยายแบบข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง
๕. ข้อสอบแบบจับคู่ (Matching test) เป็นข้อสอบแบบเลือกตอบชนิดหน่ึง โดยมี
คาหรอื ขอ้ ความแยกออกจากกันเป็น ๒ คู่ แล้วให้ผู้ตอบเลือกจับคู่แต่ละข้อความในชุดหน่ึงจะคู่กับคา
หรือขอ้ ความใดในอกี ชุดหนึง่ ซงึ่ มคี วามสัมพนั ธ์กนั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงตามทีผ่ ้อู อกขอ้ สอบกาหนดไว้
๓๒ สมพร เชื้อพันธ์, การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตรข์ อง นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี
ที่ ๓ โดยใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองกับการจัดการเรียนการสอนตามปกติ,
(วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑติ , สถาบนั ราชภัฏ พระนครศรีอยธุ ยา), ๒๕๔๗.สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั
พ้ืนฐาน. แนวทางการ จัดการเรียนการสอนในโรงเรียนมาตรฐานสากล ฉบับปรับปรุง, (กรุงเทพฯ: ชุมนุม
สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. ๒๕๕๕), หนา้ ๑๙๙.
๒๘
๖. ข้อสอบแบบเลือกตอบ (Multiple choice test) คาถามแบบเลือกตอบ
โดยทั่วไประกอบด้วย ๒ ตอน คือ ตอนนาหรือคาถาม (Stem) กับตอนเลือก (Choice) ในตอนเลือก
น้ันจะประกอบด้วยตัวเลือกท่ีเป็นคาตอบถูกและตัวเลือกลวง ปกติจะมีคาถามที่กาหนดให้พิจารณา
ถาม แลว้ หาตัวเลือกทถี่ กู ต้องมากที่สุดเพยี งตัวเลือกเดียวจากตัวเลือกอื่นๆ และคาถามแบบเลือกตอบ
ทดี่ นี ิ ตวั เลือกทีใ่ กลเ้ คยี งกัน
ดงั นั้น ในการสร้างแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์กิ ารเรยี น จึงเป็นวิธกี ารวัดประเมิน ผลการ
เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ซง่ึ มกี ารสรา้ งแบบทดสอบหลากหลาย ไดแ้ ก่ ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียง ข้อสอบ
แบบกาถูกกาผิด ข้อสอบแบบเติมคา ข้อสอบแบบตอบสั้นๆ ข้อสอบแบบจับคู่ และข้อสอบแบบ
เลือกตอบ ในการวิจัยครั้งน้ีผู้วิจัยสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบเลือกตอบ
เนื่องจากเป็นแบบทดสอบที่สามารถวัดพฤติกรรมท้ัง ๖ ด้าน ได้แก่ด้านความรู้ ด้านความเข้าใจ ด้าน
การนาไปใช้ ดา้ นการวิเคราะห์ ดา้ นการสงั เคราะห์ และดา้ นการประเมนิ คา่ ๓๓
๒.๔.๓ ลกั ษณะของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ ี่ดี
นักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวถึงลักษณะของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ท่ีดี (สิริพร
ทพิ ยค์ งและ พิชติ ฤทธ์ิจรูญ)
๑. ความเท่ียงตรง เป็นแบบทดสอบทีส่ ามารถนาไปวัดในสิงท่ีเราต้องการวัดได้อย่าง
ถูกตอ้ ง ครบถ้วน ตรงตามจดุ ประสงค์ทต่ี อ้ งการวัด
๒. ความเชอ่ื มันแบบทดสอบท่ีมีความเช่ือมั่นคือ สามารถวัดได้คงท่ีไม่ว่าจะวัดกี่คร้ัง
ก็ตาม เช่น ถ้านาแบบทดสอบไปวัดกับนักเรียนคนเดิม คะแนนจากการสอบท้ังสองคร้ังควรมีความ
สัมพนั ธก์ นดี เมือ่ สอบไดค้ ะแนนสูงในคร้งั แรกก็ควรไดค้ ะแนนสงู ในการสอบครงั้ ทสี่ อง
๓. ความเป็นปรนยั เป็นแบบทดสอบท่ีมีคาถามชัดเจน เฉพาะเจาะจง ความถูกต้อง
ตามหลักวิชา และเข้าใจตรงกัน เม่ือนักเรียนอ่านคาถามจะเข้าใจตรงกัน ข้อคาถามต้องชัดเจนอ่าน
แลว้ เข้าใจตรงกัน
๔. การถามลึก หมายถึง ไม่ถามเพียงพฤติกรรมข้ันความรู้ความจา โดยถามตาม
ตาราหรือถามตามทีค่ รูสอน แต่พยายามถามพฤตกิ รรมขั้นสงู กว่าข้ันความรู้ความจา ได้แก่ ความเข้าใจ
การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า
๓๓สริ ิพร ทพิ ย์คง. หลกั สตู รและการสอนคณิตศาสตร์, ( กรุงเทพฯ: พฒั นาคุณภาพวิชาการ, ๒๕๔๕), หนา้ ๑๙๓.
๒๙
๕. ความยากง่ายพอเหมาะ หมายถึง ข้อสอบที่บอกให้ทราบว่า ข้อสอบข้อนั้นมีคน
ตอบถกู มากหรือตอบถูกนอ้ ย ถ้ามคี นตอบถูกมากข้อสอบข้อน้ันก็ง่าย และถ้ามีคนตอบถูกน้อยข้อสอบ
ข้อน้ันก็ยาก ข้อสอบท่ียากเกินความสามารถของนักเรียนจะตอบได้นั้นก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่
สามารถจาแนกนกั เรียนได้วาใครเก่ง ใครอ่อน ในทางตรงกนข้ามถ้าข้อสอบง่ายเกินไปนักเรียนตอบได้
หมดก็ไม่สามารถจาแนกได้เช่นกัน ฉะน้ันข้อสอบที่ดีควรมีความยากง่ายพอเหมาะ ไม่ยากเกินไป ไม่
ง่ายเกินไป
๖. อานาจจาแนก หมายถึง แบบทดสอบน้ีสามารถแยกนักเรียนได้วาใครเก่ง ใคร
อ่อน โดยสามารถจาแนกนักเรียนออกเป็นประเภทๆ ได้ทุกระดับอย่างละเอียด ต้ังแต่อ่อนสุดจนไปถึง
เกง่ สดุ
๗. ความยุตธิ รรม คาถามของแบบทดสอบ ตอ้ งไม่มีช่องทางชแ้ี นะใหน้ กั เรียนที่ฉลาด
ใชไ้ หวพรบิ ในการเดาได้ถูกต้อง และไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนท่ีเกียจคร้านซึ่งดูตาราอย่างคร่าวๆ ตอบ
ได้ และต้องเปน็ แบบทดสอบท่ไี ม่ลาเอียงต่อกลมุ่ ใดกลุม่ หน่งึ
สรุปไดว้ ่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิที่ดี ต้องเป็นแบบทดสอบที่มีความเท่ียงตรง ความ
เช่อื มนั ความเปน็ ปรนัย ถามลกึ มีความยากงา่ ยพอเหมาะ มีคา่ อานาจจาแนก และมคี วามยุตธิ รรม๓๔
๒.๕ งานวิจยั ที่เก่ยี วขอ้ ง
นักการศึกษาหลายท่านทั้งในประเทศ ให้ความสนใจและนาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับ แนวคิด
การจัดการเรียนรู้แบบหอ้ งเรยี นกลับดา้ นไว้หลายท่าน ดังตอ่ ไปน้ี
รจนา ปูอมแดง กล่าวว่า ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม เร่ือง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ ท่ีได้รับการ
จัดการเรียนรู้โดยใช้ผังมโนทัศน์ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี น วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้
ผังมโนทัศน์ของ นักเรียน หลังได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ผังมโนทัศนักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรยี นสูงข้นึ แตกต่างกันอยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดบั .๐๑๓๕
๓๔ สมพร เช้อื พนั ธ,์ การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนคณติ ศาสตรข์ อง นักเรยี นชั้น มธั ยมศกึ ษา
ปที ่ี ๓ โดยใช้วธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบสรา้ งองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองกบั การจดั การเรยี นการสอนตามปกติ,
(วทิ ยานพิ นธป์ ริญญามหาบณั ฑติ , สถาบันราชภฏั พระนครศรีอยุธยา, ๒๕๔๗), หน้า ๕๙.
๓๕ รจนา ปูอมแดง. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เร่ือง
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ผังมโน
ทศั น์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปี การศึกษา ๒๕๕๖, (จังหวัดอบุ ลราชธานี : โรงเรยี นอนุบาลนอ้ งหญิง. ๒๕๕๖), หน้า ๖๖.
๓๐
ศศิรินทร์ ธารพระจนั ทร์ กล่าวว่า ศึกษาผลการใช้แนวทางการดาเนินการพัฒนา ผลสัมฤทธิ์
การเรียน ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ พบว่า ผลการ
ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นักเรียนมี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนใช้รูปแบบคิดเป็นร้อยละ ๕๖.๑๘ และหลังการใช้รูปแบบการจัดการ
เรยี นรูโ้ ดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๓๘ ผ่านเกณฑ์ท่ีโรงเรียน
กาหนด นน้ั คอื รอ้ ยละ ๗๕ นน้ั คอื ผ่านเกณฑ์ระดบั ๓๓๖
จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ กล่าวว่า ศึกษาการใช้ห้องเรียนกลับทางในระบบช้ันเรียนออนไลน์
“ClassStart.org”ของไทย พบว่า Class Start สามารถช่วยลดภาระงานสอนได้จริงและผู้เรียน
เรียนรู้มากข้ึนได้ โดยผู้สอนควรคานึงถึงประเด็นสาคัญ ๓ ประการ คือ ๑. ทักษะและหน้าท่ีความ
รับผิดชอบท่ีเปลี่ยนไปของผู้สอน ๒. เนื้อหาความรู้แบบคลิปวิดีโอที่นาสนใจต่อผู้เรียน และ ๓.
กิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน และทางออนไลน์ผู้สอนสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือต่างๆ ท่ี Class
Start มใี ห้ในหอ้ งเรียนออนไลน์ ในการทากจิ กรรมการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์ได้ด้วย เช่น
สนทนาทางเว็บบอรด์ ดาเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยผู้สอน การเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นแขกรับเชิญ
เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้กับผู้เรียนทางออนไลน์ หรือการกาหนดให้ผู้เรียนบันทึกวิเคราะห์ เน้ือหา
ประเดน็ ท่ีกาหนดแล้วทาการโหวตบันทึกที่ได้รับความเห็นหรือการกดชอบ (Like) มากที่สุดจานวน ๕
บนั ทึกเพ่อื เลือกมาใหร้ างวลั และนามาสนทนาพูดคยุ กนั ต่อในหอ้ งเรียน เปน็ ตน้ ๓๗
ศภุ ศิลป์ รฮี ุง กล่าวว่า ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้
รูปแบบ Flipped Classroom ในรายวชิ าสขุ ศึกษา เรือ่ ง เพศศึกษา ของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปี ที่
๖/๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๖ ของโรงเรยี นอัสสัมชญั คอนแวนต์ สีลม คะแนนเฉล่ียหลังการ
ทดลองสงู กวา่ กอ่ นการทดลอง โดยคะแนนก่อนเรียนมคี า่ เฉลี่ยรอ้ ยละ ๘๐.๘๖ และคะแนนหลังเรียนมี
ค่าเฉลี่ยร้อยละ ๘๘.๘๓ ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มข้ึน ซึ่งแสดงวาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธี
ห้องเรียน กลับด้าน (Flipped Classroom) ช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึนค่าดัชนี
ประสิทธผิ ล ของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) เรื่อง
๓๖ศศิรนิ ทร์ ธารพระจันทร์, ผลการใช้แนวทางการดาเนินการพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ตาม
รูปแบบการจดั การเรียนร้โู ดยบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา
ศาสนา และวฒั นธรรม ของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี ๖ (รายงาน การวจิ ัยในชนั้ เรียน), นครศรธี รรมราช:
โรงเรยี นเทศบาลวัดเสมาเมือง,๒๕๕๗), หนา้ ๖๗.
๓๗ จันทวรรณ ปิยะวัฒน์, โมเดลตน้ แบบทดลองทาหอ้ งเรยี นกลับทาง (Flipped Classroom)}, (สบื ค้น
จาก www.gotoknow.org/post/๕๓๑๕๒๐.๒๕๕๘), หนา้ ๕๕.
๓๑
เพศศึกษา วิชา สุขศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีค่าเท่ากับ ๐.๘๒๒๕ หมายความว่า นักเรียนมี
ความกา้ วหนา้ ในการเรยี น คิดเป็นรอ้ ยละ ๘๒.๒๕
ชนิดา พันธุ์โสภณ กล่าวว่า ศึกษาเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ ห้องเรียน
กลับดา้ นสาหรบั การจดั การเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ผลการศึกษา
พบว่า ผู้เรยี นมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบ
ห้องเรียนกลบั ดา้ น โดยมคี ่าเฉลย่ี ของคะแนนก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๑๒ มีค่าเฉล่ียของคะแนน
หลงั เรียน คิดเปน็ ร้อยละ ๗๘.๒๓ และมสี ว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานก่อนเรียนเท่ากับ -๑-๒ สวนเบี่ยงเบน
มาตรฐานหลงั เรียน ๒.๓๔
สมฤดี พิพิธกุล กล่าวว่า ศึกษาเร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง เศรษฐกิจ
พอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โดยใช้แผนจัดการเรียนรู้แบบ
กลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับส่ือประสม พบว่า การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง
เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ หลังเรียน โดยใช้
แผนจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับส่ือประสม มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกว่า
เกณฑ์ อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ รี่ ะดับ .๐๕๓๘
สุภาพร สุดบนดิ กล่าวว่า ศกึ ษาเร่ือง การเปรียบเทียบความรับผิดชอบต่อการเรียน เจตคติ
ต่อการเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่ได้รับ
การจัดกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับทาง (Flipped Classroom) และการจัดกิจกรรม
การเรยี นรแู้ บบปกติ ผลการวจิ ยั พบว่า นักเรียนทไ่ี ดร้ บั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามแนวคิดห้องเรียน
กลับทาง (Flipped Classroom) มีความรับผิดชอบต่อการเรียน เจตคติต่อการเรียนและ ผลสัมฤทธ์ิ
การเรยี นหลังเรยี น สูงกว่าก่อนเรียนอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .๐๑
ลทั ธิพล ดา่ นสกลุ กล่าววา่ ศกึ ษาเรอ่ื ง ผลของการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านด้วย
พอดคาสต์ โดยใช้กลวิธีการกากับตนเองที่มีผลตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง โครงสร้างโปรแกรม
และการกากับตนเองของนักเรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนห้องเรียน
พเิ ศษวทิ ยาศาสตร์ทเี่ รียนรดู้ ้วยการจัดการเรียนรูแ้ บบห้องเรียนกลับด้าน โดยใช้กลวิธีการกับตนเอง มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง โครงสร้างการโปรแกรม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญ
ทางสถติ ิทีร่ ะดบั ๐.๐๕
๓๘ สมฤดี พิพิธกุล, การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เร่อื ง เศรษฐกจิ พอเพียงกบั การพัฒนา
เศรษฐกจิ ของไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ โดยใชแ้ ผนจดั การเรยี นรูแ้ บบกลุม่ ร่วมมอื เทคนิค STAD ร่วมกับ
สอ่ื ประสม, (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม.๒๕๕๙), หนา้ ๗๘.
๓๒
พิมพ์ประภา พาลพาย กล่าวว่า ศึกษาเร่ือง การใช้สื่อสังคมตามแนวคิดห้องเรียน กลับ
ด้าน เร่ือง ภาษาเพ่ือการส่ือสารเพ่ือสงเสริมผลสัมฤทธิ์การเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
ผลการ วิจัยพบว่าผลการเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนกับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
พบว่า นักเรียนท่ีเรียนรู้สื่อสังคมตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน เพ่ือส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๖ มีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวาคะแนนทดสอบก่อน
เรยี นอยา่ งมีนยั สาคญั ท่รี ะดับ ๐.๐๕
๒.๕ กรอบแนวคิดการวิจัย
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา เศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึง
เนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยผู้วิจัยได้ศึกษา
แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วข้อง โดยได้นามากาหนดแนวคดิ ในการวจิ ยั ดังนี้
ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม
การจัดการเรยี นรู้แบบหอ้ งเรียนกลบั ด้าน ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวชิ า
เรอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐศาสตร์
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาท่ี ๑
ภาพที่ ๑ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั
๓๓
บทท่ี ๓
วธิ ีการดาเนินการวจิ ยั
การดาเนินงานวิจัยคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชา
เศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น
จังหวัดขอนแกน่ ในภาคเรยี น ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ ซ่ึงมีรายละเอยี ดหัวขอ้ ดาเนินการ ศึกษาค้นคว้า
ดังน้ี
๓.๑ รูปแบบการวจิ ยั
๓.๒ ประชากร/กลุ่มเป้าหมาย
๓.๓ เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการวิจัย
๓.๔ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
๓.๕ การวิเคราะหข์ อ้ มูล
๓.๖ สถิติทใ่ี ช้ในการวิจยั
๓.๑ รูปแบบการวจิ ยั
การวิจัยครั้งเป็นการวิจัยโดยการทดลอง (Experimental Research) ผู้วิจัยได้ดาเนินการ
ลองตามแบบทดลองแบบหนึ่งกลมุ่ การทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน
ทดสอบก่อนเรยี น ทดลอง ทดสอบหลงั เรียน
T๑ X T๒
T๑ หมายถงึ การทดสอบก่อนเรียน
X หมายถึง การทดลองการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน เรื่อง
เศรษฐกจิ พอเพียง
T๒ หมายถงึ การทดสอบหลงั การเรยี น
๓๔
๓.๒ ประชากรกลมุ่ เปา้ หมาย
กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้คือ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ จานวน ๒๔ คน
ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ โรงเรยี นบ้านบึงเนยี มบึงใคร่นุ่นทา่ หิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมือง
ขอนแก่น จังหวดั ขอนแกน่
๓.๓ เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั
๓.๓.๑ เคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการวิจยั
๑. แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้การ
จัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนมัธยมศึกษาช้ันปีท่ี ๑ จานวน ๒๔ คน โดยใช้เวลา
ในการจัดการเรยี นรู้ ๓ ช่ัวโมง โดยมีเนื้อหาสาระดังนี้
- แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความร้ทู ่ัวไปเก่ียวกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง
- แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรือ่ ง หลักแนวคิด/หลกั การของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
- แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพียงกบการดารงชวี ติ
๒. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ก่อนเรียน-หลังเรียน ชนิด ๔ ตัวเลือก จานวน
๓๐ ขอ้
๓.๓.๒ การสรา้ งเครื่องมือท่ใี ชใ้ นการวิจัย
๑. แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้การ
จดั การเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนมัธยมศึกษาช้ันปีท่ี ๑ จานวน ๒๔ คน โดยใช้เวลา
ในการจดั การเรียนรู้ ๓ ชว่ั โมง โดยมเี น้ือหาสาระดังนี้
๑.๑ ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของกระทรวงศึกษาธิการเก่ียวกับ
คณุ ภาพผู้เรยี น สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ประเด็นการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ของ
นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑
๑.๒ กาหนดกรอบเนื้อหา กิจกรรม จุดประสงค์การเรียนรู้ ตัวชี้วัดในการเขียน
แผนการจัดการเรียนรู้ของการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน รายวิชา เศรษฐศาสตร์ สาหรับ
นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
๑.๓ กาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ แหล่งเรียนรู้ การวัดผลและการประเมินผลใน
แผนการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรยี นกลับด้าน รายวิชา เศรษฐศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา
ปีท่ี ๑
๓๕
๑.๔ ศึกษาการออกแบบการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ของเรียนรู้แบบห้องเรียน
กลับด้าน รายวิชา เศรษฐศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จากหนังสือและเอกสาร เพื่อ
ใชเ้ ป็นแนวทางในการเรยี นตอ่ ไป
๑.๕ จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา เศรษฐศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ตามกรอบเน้ือหาสาระ ตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม โดยกรอบเนื้อหาและสาระของการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
อิงจากหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐานพทุ ธศักราช 2551 มจี านวน ๑ แผนจานวน ๓ ชว่ั โมง
๑.๖ การหาคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา เศรษฐศาสตร์ สาหรับ
นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ผวู้ จิ ยั ได้ดาเนนิ การ ดงั น้ี
๑) ผูว้ จิ ยั นาแผนการจัดการเรยี นรู้ เสนอต่ออาจารยท์ ่ปี รึกษา งานวจิ ยั ศกึ ษาอิสระ
ทางสังคมศึกษาตรวจสอบความเทีย่ งตรงเชงิ เนื้อหาพร้อมทง้ั ใหข้ ้อเสนอแนะ เพื่อนามาปรบั ปรงุ แก้ไข
ตามคาแนะนา
๒) นาแผนการจดั การเรยี นรไู้ ปใหผ้ ้เู ช่ียวชาญตรวจ จานวน ๓ ทา่ น แล้วนามา
ปรับปรุงตามคาแนะนา โดยพิจารณาหาคา่ ดชั นีความสอดคลอ้ งระหว่างมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
เนือ้ หาและกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยพิจารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ดังน้ี
+๑ หมายถึง แนใ่ จว่าเน้อื หาและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนร/ู้
ตัวช้ีวัด
๐ หมายถึง ไมแ่ น่ใจว่าเน้ือหาและการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้/
ตวั ชี้วัด
-๑ หมายถงึ แน่ใจว่าเนื้อหาและการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ไม่สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนร/ู้
ตวั ช้ีวัด
โดยกาหนดค่าดัชนคี วามสอดคลอ้ งมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด เน้ือหา และกิจกรรมการ
เรียนรู้ (IOC) ที่มีค่า ≥ ๐.๐๕ ถือว่า มีความเหมาะสมและสอดคล้องระหว่าง องค์ประกอบของ
แผนการจัดการเรียนรู้อยู่ในเกณฑ์ท่ียอมรับได้ ซึ่งการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของผู้เชี่ยวชาญมีค่า
เท่ากบั ๑.๐๐
๓) นาแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีแก้ไขตามคาแนะนาของอาจารย์ท่ีปรึกษาเป็นท่ี
เรียบรอ้ ยแล้วเสนอ ต่อผู้เชียวชาญ ๓ ท่าน ประกอบด้วย ๑) อาจารย์บุญส่ง นาแสวง ๒)คุณครู ประ
ภาณ กริ ิ และ ๓) ผชู้ ่วยอนสุ รณ์ นางทะราช
๓๖
๒. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง ก่อนเรียน-หลังเรียน ชนิด ๔ ตัวเลือก จานวน
๓๐ ขอ้
๒.๑ ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ได้แก่ คู่มือการสร้างสื่อการสอน คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม คู่มือวัดผลประเมินผล การศึกษาวิธีการสร้างและทาแบบทดสอบจากเอกสาร
ต่าง ๆ วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาในกลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา
และวัฒนธรรมเกี่ยวกับสาระเศรษฐศาสตร์ และตัวชี้วัดท่ีใช้ในการทดลองเพื่อสร้างแบบทดสอบวัด
ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน
๒.๒ ศึกษาวิธีการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ลักษณะของ
แบบทดสอบเกี่ยวกับความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหาและมาตรฐานการเรียนรู้ วิเคราะห์สาระการเรียนรู้
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั โดยศกึ ษาเกีย่ วกบั คาศพั ท์ โครงสรา้ ง สานวนทางภาษา
๒.๓ สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นแบบชนิดเลือกตอบ ๔
ตวั เลอื ก จานวน ๓๐ ขอ้
๒.๔ จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา เศรษฐศาสตร์ สาหรับนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ตามกรอบเนื้อหาสาระ ตัวชี้วัดท่ีกาหนดไว้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม โดยกรอบเน้ือหาและสาระของการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
อิงจากหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพทุ ธศักราช 2551 มจี านวน ๑ แผนจานวน ๓ ชวั่ โมง
๒.๕ การหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา
เศรษฐศาสตร์ สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ผู้วิจัยได้ดาเนินการ ดงั นี้
๑) ผู้วิจัยนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น เสนอตอ่ อาจารยท์ ปี่ รึกษา
งานวจิ ยั ศึกษาอสิ ระทางสังคมศึกษาตรวจสอบความเท่ยี งตรงเชิง เน้อื หาพร้อมท้ังให้ข้อเสนอแนะ เพื่อ
นามาปรบั ปรุงแกไ้ ขตามคาแนะนา
๓๗
๒) นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นไปใหผ้ ู้เช่ยี วชาญตรวจ จานวน ๓
ท่าน แลว้ นามา ปรับปรงุ ตามคาแนะนา โดยพิจารณาหาคา่ ดัชนคี วามสอดคล้องระหว่างมาตรฐานการ
เรยี นรู้/ตัวชี้วัด เน้อื หาและกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยพิจารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ดังน้ี
+๑ หมายถงึ แนใ่ จว่าเน้อื หาและการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้/
ตัวชี้วัด
๐ หมายถึง ไมแ่ น่ใจว่าเนื้อหาและการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้/
ตวั ช้ีวดั
-๑ หมายถึง แนใ่ จว่าเนื้อหาและการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ไมส่ อดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้/
ตวั ช้ีวัด
โดยกาหนดค่าดชั นีความสอดคลอ้ งมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด เนื้อหา และกิจกรรมการ
เรียนรู้ (IOC) ท่ีมีค่า ≥ ๐.๐๕ ถือว่า มีความเหมาะสมและสอดคล้องระหว่าง องค์ประกอบของ
แผนการจัดการเรียนรู้อยู่ในเกณฑ์ท่ียอมรับได้ ซึ่งการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของผู้เช่ียวชาญมีค่า
เท่ากับ ๑.๐๐
๓) นาแบบทดสอบที่แก้ไขตามคาแนะนาของอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นที่เรียบร้อย
แลว้ เสนอ ตอ่ ผเู้ ชยี วชาญ ๓ ท่าน ประกอบด้วย ๑) อาจารย์บุญสง่ นาแสวง ๒) คุณครูประภาณ กริ ิ
และ ๓) ผชู้ ่วยอนสุ รณ์ นางทะราช
๓.๔ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
การดาเนินการทดลอง ผู้วิจัยได้ทาการทดลอง และเก็บข้อมูลในภาคเรียนท่ี ๒ ปี
การศกึ ษา ๒๕๖๓ รวมทัง้ ส้นิ ๓ สัปดาห์ โดยผู้วจิ ัยแบง่ ออกเปน็ ๓ ข้ันตอนดังน้ี
๑. ขัน้ เตรยี มกอ่ นการทดลอง
๑.๑ ดาเนนิ การสรา้ งเครอื่ งมอื คอื แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเศรษฐศาสตร์
เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน สาหรับนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 จานวน ๑ แผน
๑.๒ ผู้วิจัยได้ให้นักเรียนทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยใช้
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ก่อนเรียน จานวน ๓๐ ขอ้
๑.๓ ผู้วิจัยชี้แจงจุดประสงค์และได้แนะนาการใช้งานในกรอบต่าง ๆ ของการ
จัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน เพื่อสร้างความเข้าใจและความพร้อมให้กับนักเรียนก่อนการ
ทดลองใช้การจดั การเรียนรู้ในแตล่ ะขนั้ ตอนของการจดั การเรยี นรู้แบบห้องเรยี นกลับดา้ น
๓๘
๒. ขนั้ สอน
ผู้วิจัยดาเนินการสอนด้วยตนเองตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีได้สร้างไว้ โดยมี
ระยะเวลาทดลอง ๓ สปั ดาห์ สัปดาหล์ ะ ๑ ชว่ั โมง รวมเวลาเรยี น ๓ ช่ัวโมง ซึง่ มีขนั้ ตอน ดงั นี้
ข้ันที่ ๑ ครูให้นักเรียนถามคาถามจากการดูวิดีโอ เร่ือง “พอเพียงตามแนวคิด
ของพ่อ ” ” ที่ได้มอบหมายให้ นักเรียนได้ไปศึกษามาก่อนล่วงหน้า ซึ่งครู ได้ กาหนดให้นักเรียนต้ัง
คาถามจากการดูวิดีโอมาคนละ ๑ คาถามจากน้ันร่วมกันหาคาตอบและครู อธิบาย เพิ่มเติมให้
นักเรยี นไดเ้ ข้าใจในความเป็นมาและ ความสาคัญของหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ข้ันท่ี ๒ ครู ให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ ๕ คน และ มอบหมายให้แต่ละกลุ่มทา
แผนผังความคิด (Mind Mapping) สรปุ ขอ้ คิดสาคัญที่ได้เรียนรู้จากวิดีโอ เร่ือง “พอเพียงตามแนวคิด
ของพ่อ ”
ข้ันท่ี ๓ ใหน้ กั เรียนสง่ ตัวแทนแตล่ ะกล่มุ ออกมารับกระดาษ ปากกาที่ครูแจกให้
เพอื่ นาไปทาแผนผังความคดิ (Mind Mapping) สรุปขอ้ คิดสาคญั ที่ไดเ้ รียนรู้จากวิดีโอ เร่ือง “พอเพียง
ตามแนวคดิ ของพ่อ ”
ข้ันท่ี ๔ นักเรียนแต่ละกลุ่มท่ีส่งตัวแทนผลัดกัน ออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และ
รว่ มกันสนทนา
ข้ันที่ ๕ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปถึง ความรู้ทั่วไปเก่ียวกับ
เศรษฐกจิ พอเพียง เพือ่ ปลกู ฝงั ใหน้ ักเรียนไดน้ าไปประพฤตปิ ฏิบัติต่อไป
๓. ขน้ั สดุ ทา้ ยหลงั จากการสอน
๓.๑ ครูมอบหมายงานให้นักเรียนไปดูวิดที ศั น์เฉลิมพระเกียรติ ชดุ พระเจา้ อยู่หัว
ของปวงชน : ตอน ่ ทฤษฎี ใหมม่ าลว่ งหนา้ และตั้งคาถามคนละ ๑ คาถาม เพ่ือนามาเป็นประเด็น
พูดคุยกนในคร้ังต่อไป
๓.๒ หลงั จากผวู้ ิจยั ไดด้ าเนนิ การสอนจบแผนการจดั การเรียนรู้ ให้นกั เรยี นทา
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน โดยใช้แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลงั เรยี น
จานวน ๓๐ ขอ้ โดยขอ้ เป็นข้อสอบชดุ เดยี วกันกับก่อนเรยี น
๓.๕ การวิเคราะห์ขอ้ มลู
ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนมัธยมศึกษาช้ันปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึง
เนียมบึงใคร่นุ่นท่าหนิ ตาบลบงึ เนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้ดาเนินการตาม
ขนั้ ตอนดงั น้ี
๓๙
๓.๕.๑ ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจ
พอเพียง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๑ จาก
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น จากนั้นนาข้อมูลไปหาค่าจานวน ร้อยละ ( ) ค่าเฉล่ีย ( ̅)
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และเปรียบเทียบความแตกต่างด้วยสถิติทดสอบ t - test จาก
โปรแกรมคอมพวิ เตอร์
๓.๖ สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
ในการวิจยั ครง้ั นี้ ใช้สถิตกิ ารหาคา่ วิเคราะห์ข้อมูล ดงั ต่อไปน้ี
๓.๖.๑ จานวนร้อยละ ( )
๓.๖.๒ ค่าเฉลยี่ ( ̅)
๓.๖.๓ ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.)
๓.๖.๔ ค่า t - test
๔๐
บทท่ี ๔
ผลการศึกษาวจิ ัย
การวิจัยในครั้งน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชา
เศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น
จงั หวดั ขอนแกน่ ผ้วู ิจยั ไดก้ าหนดผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลออกเปน็ ดงั น้ี
๔.๑ สัญลกั ษณ์ท่ีใชใ้ นการวิจัยในการนาเสนอและวิเคราะห์ข้อมลู
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น รายวิชา เศรษฐศาสตร์ เรอื่ ง เศรษฐกิจพอเพียง
โดยการจดั การเรียนรู้แบบหอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียม
บึงใคร่นุ่นทา่ หนิ ตาบลบงึ เนียม อาเภอเมอื งขอนแก่น จงั หวัดขอนแกน่
๔.๓ ผลการเปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อน-หลังเรียน รายวิชา เศรษฐศาสตร์ โดย
การจัดการเรยี นรู้แบบหอ้ งเรียนกลับด้าน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึง
ใคร่นุน่ ท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแกน่ จังหวัดขอนแก่น
๔.๔ องค์ความรทู้ ไี่ ด้รบั จากการวจิ ยั
๔.๑ สญั ลกั ษณ์ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยในการนาเสนอและวเิ คราะห์ข้อมลู
เพ่ือความสะดวกและให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้กาหนด
ความหมายของสัญลกั ษณ์ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยในการนาเสนอและวิเคราะห์ข้อมูล ดงั นี้
N แทน จานวนนักเรียน
x แทน ค่าเฉลี่ย
S.D. แทน ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน
% แทน จานวนร้อยละ
T แทน ค่าการทดสอบ
P แทน การทดสอบหลัง
๔๑
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา เศรษฐศาสตร์ เรื่อง เศรษฐกิจ
พอเพยี ง โดยการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่
๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด
ขอนแก่น
ผู้วิจัยได้ทดลองใช้ในการเรียนรายวิชา เศรษฐศาสตร์ เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมือง
ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยผู้วิจัยคอยสังเกตพฤติกรรมและจดบันทึกเพื่อหา
ข้อบกพร่อง รวมท้ังข้อสงสัยต่างๆ ของผู้เรียน และนาผลมา แก้ไขข้อบกพร่องของการเรียน แสดงดัง
ตารางตอ่ ไปนี้
ตารางท่ี ๔.๒ ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา เศรษฐศาสตร์ โดยการ
จัดการเรยี นรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านบึงเนียมบึงใคร่
นุ่นท่าหิน ตาบลบึงเนียม อาเภอเมืองขอนแกน่ จงั หวัด ขอนแกน่
เลขท่ี กอ่ นเรียน (๓๐) หลังเรียน (๓๐)
๑ ๑๒ ๒๔
๒ ๙ ๒๓
๓ ๑๒ ๒๖
๔ ๑๐ ๒๖
๕ ๑๐ ๒๒
๖ ๘ ๒๕
๗ ๘ ๒๔
๘ ๘ ๒๖
๙ ๙ ๒๗
๑๐ ๑๐ ๒๕
๑๑ ๗ ๒๖
๑๒ ๑๑ ๒๒
๑๓ ๑๐ ๒๓
๑๔ ๑๔ ๒๔
๑๕ ๑๐ ๒๑
๑๖ ๘ ๒๕
๑๗ ๙ ๒๑