รายงานการวจิ ยั
เรื่อง
การศกึ ษาพฤตกิ รรมการดาเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ของนิสติ สาขาวิชาสังคมศกึ ษา ชั้นปที ี่ 3 คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
โดย
นายณัฐวัตร พฒั นเ์ ยน็
รหัสประจาตวั นสิ ิต ๕๙๐๕๕๐๒๐๙๒
การศกึ ษาค้นควา้ อสิ ระทางสังคมศกึ ษานี้เปน็ สว่ นหน่ึงของการศกึ ษา
ตามหลักสตู รปรญิ ญาพทุ ธศาสตรบัณฑติ
สาขาวิชาสังคมศกึ ษา
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั
วิทยาเขตขอนแก่น
แบบอนุมัตผิ ลงานวจิ ยั
ด้วยสาขาวชิ าสงั คมศกึ ษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
อนมุ ตั ใิ หน้ ับการวิจยั เร่ือง การศึกษาพฤตกิ รรมการดาเนินชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของนิสติ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่ นี้
ให้เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาภาคปฏิบัติของรายวิชาการศึกษาอิสระทางสังคมศึกษา จานวน ๓ หน่วยกิต
ตามวตั ถปุ ระสงค์หลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครศุ าสตร์
ประจาภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒
ลงชื่อ ณฐั วตั ร พฒั นเ์ ย็น ผวู้ ิจยั
( นายณฐั วัตร พัฒน์เยน็ )
๗ / เมษายน / ๒๕๖๓
คณะกรรมการประเมนิ /อนมุ ัติ การศกึ ษาอิสระทางสังคมศกึ ษา
ลงชอ่ื ……………………………..................อาจารยท์ ป่ี รึกษา/กรรมการ
(....................................................)
…………../…………../………………..
ลงชื่อ…………………...……...................อาจารย/์ กรรมการ
(.................................................)
………/……………./………………
ลงชอื่ …………………….……...................อาจารย/์ กรรมการ
(.................................................)
………/……………./………………
ลงชอ่ื …………………….……...................อาจารย/์ กรรมการ
(.................................................)
………/……………./……………
ลงชื่อ…………….……………..…….................ประธานหลักสตู ร/ประธานกรรมการ
(.....................................................)
………/……………./………………
ก
บทคัดยอ่
การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยรวมและเป็นรายด้าน ๕ ด้าน ได้แก่ ด้าน
ความพอประมาณ ด้านการมีเหตุผล ด้านการมีภูมิคุ้มกันท่ีดี ด้านการมีความรู้ และด้านการมีคุณธรรม เคร่ืองมือท่ี
ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
จานวน ๓๐ ข้อ แบบสอบถามน้ีมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ๕ ระดับ ตามแบบของไลเคิร์ท
แบบสอบถามทั้งฉบับมีค่าความเชื่อม่ันเท่ากับ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนน
เฉล่ีย และคา่ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน และการหาค่าความเชือ่ มนั่ ดว้ ยคา่ สัมประสทิ ธ์แิ อลฟา ของครอนบาค
ผลการวิจัยสรปุ ไดด้ งั นี้
๑. นสิ ิตสาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ตาบล
โคกสี อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยรวมอยู่
ในระดับมากท่สี ุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่านสิ ิตสาขาสังคมศกึ ษา คณะครุศาสตร์ ช้ันปีท่ี 3มหาวทิ ยาลยั มหา
จฬุ าลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีพฤตกิ รรมการดาเนินชีวิต
ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในด้านความพอประมาณ ด้านความมีเหตุผล ด้านความมีภูมิคุ้มกัน ด้านการมี
ความรู้และด้านการมีคุณธรรม อยู่ในระดับมากที่สุด ๑.๑) นิสิตสาขาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ ช้ันปีท่ี 3
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีพฤติกรรมการ
ดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านความพอประมาณโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา
เป็นรายขอ้ พบว่าสว่ นใหญน่ สิ ิตมีพฤตกิ รรมการดาเนนิ ชวี ิตอยู่ในระดบั มาก ๑.๒) นสิ ิตสาขาวิชาสังคมศกึ ษา คณะครุ
ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มี
พฤตกิ รรมการดาเนินชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในด้านความมเี หตุผลโดยรวมอยใู่ นระดับมากทส่ี ุด
เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าส่วนใหญ่นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตอยู่ในระดับมากท่ีสุด ๑.๓) นิสิตสาขาวิชา
สังคมศึกษา คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแก่นตาบลโคกสี อาเภอเมือง จังหวัด
ขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในดา้ นความมภี ูมิคุ้มกันโดยรวมอย่ใู น
ระดับมากท่ีสุด เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าส่วนใหญ่นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตอยู่ในระดับมากท่ีสุด ๑.๔)
นสิ ิตสาขาวิชาสงั คมศึกษา คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแกน่ ตาบลโคกสี อาเภอ
เมือง จังหวัดขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในด้านการมีความรู้
โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าส่วนใหญ่นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตอยู่ในระดับ
มากที่สุด ๑.๕) นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแก่น
ตาบลโคกสี อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใน
ดา้ นการมคี ุณธรรมโดยรวมอยใู่ นระดับมากที่สุด เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายข้อพบวา่ ส่วนใหญน่ ิสติ มีพฤติกรรมการดาเนิน
ชีวิตอยู่ในระดับมากที่สุด
ข
กิตตกิ รรมประกาศ
การศกึ ษาคน้ คว้าอสิ ระฉบับนี้สาเรจ็ ลงได้ด้วยความอนุเคราะห์จากบุคคลหลายฝ่าย ซง่ึ ผูว้ ิจยั ขอระบุนามไว้
เพือ่ แสดงความขอบคุณดงั ต่อไปนี้
ขอขอบพระคุณ อาจารย์สิทธิพล เวียงธรรม ปรึกษางานการศึกษาค้นคว้าอิสระ ท่ีได้เสียสละเวลาให้
คาปรึกษาและตรวจแก้ไขข้อบกพร่องของงานการศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับนี้ ให้มีความสมบูรณ์ ขอบคุณ ผศ.
อนุสรณ์ นางทะราช ประธานหลักสูตรสาขาสังคมศึกษา ขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ ดร. สุภาพร บัวช่วย
อาจารย์บุญส่ง นาแสวง และอาจารย์พันทิวา ทับภูมี ผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจสอบความถูกต้องเครื่องมือการวิจัย ท่ีได้
สละเวลาตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องมือวิจัยขอบคุณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ที่ให้ความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล พร้อมกับช่วยเหลือในเรื่องของเอกสารข้อมูลในการทางาน
การศึกษาค้นคว้าอิสระ ตลอดจนให้ความรู้ทางด้านวิชาการ และประสบการณ์ในการทาการศึกษาค้นคว้าอิสระใน
ครั้งน้ี สาเรจ็ ลุลวงไปดว้ ยดี
ผู้วิจัยขอขอบคุณคณาจารย์ นักวิชาการทุกท่านท่ีเป็นเจ้าของหนังสือและงานวิจัยที่มีคุณค่า ซ่ึงท่านได้
เขียนไวใ้ ห้ได้ศึกษาค้นคว้า เพ่ือเป็นข้อมูลประกอบในการเขียนงานการศึกษาค้นคว้าอิสระในคร้งั นี้ และท่ีขาดไม่ได้
คือ คณะทีมงานผู้จัดทางานการศึกษาค้นคว้าอิสระ ท่ีได้ช่วยเหลือร่วมมือและสนับสนุนการศึกษาค้นคว้าอิสระ
ดว้ ยดมี าโดยตลอด
งานการศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับน้ี ผู้จัดทางานวิจัยหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจตามสมควร พร้อมท้ัง
ขอยกคุณความดีน้ีบูชาคุณบิดา มารดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ทุกท่าน ที่ได้พยายามอบรม ส่ังสอนให้ความรู้จนทา
ให้ผู้จัดทางานวจิ ยั มีความรมู้ ีโอกาสได้ศกึ ษาเล่าเรียนจนถึงปัจจบุ นั คณะผ้จู ัดทาตอ้ งขออนโุ มทนาขอบคุณไว้ ณ ทน่ี ี้
ผู้จดั ทางานวจิ ัย
นายณัฐวตั ร พัฒน์เย็น
สารบัญ ค
บทคดั ยอ่ ก
ข
กิตตกิ รรมประกาศ ค
๑
สารบัญ 1
3
บทท่ี ๑ บทนา 3
3
๑.๑ ความเป็นมาของปัญหา 4
5
๑.๒ วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย 5
9
๑.๓ ขอบเขตของการวจิ ัย 23
26
๑.๔ นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 28
28
๑.๕ ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รับ 28
29
บทท่ี ๒ แนวคดิ ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง 30
31
๒.๑ ทฤษฎพี ฤติกรรมและพัฒนาการของวยั ร่นุ 31
๒.๒ แนวคิด หลกั การและขนั้ ตอนของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
๒.๓ งานวิจัยท่เี กยี่ วขอ้ ง
๒.๔ กรอบแนวคิดการวจิ ยั
บทที่ ๓ วิธดี าเนินการศึกษา
๓.๑ รูปแบบการวิจัย
๓.๒ ประชากรและกลมุ่ เป้าหมาย
๓.๓ เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
๓.๔ วธิ กี ารเก็บรวบรวมข้อมลู
๓.๕ การวเิ คราะห์ข้อมลู
3.6 สถติ ทิ ่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู
สารบญั (ต่อ) ง
บทท่ี ๔ ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 32
๔.๑ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มเปา้ หมาย 32
๔.๒ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลตามวตั ถุประสงค์การวจิ ัย 33
4.3 องค์ความรู้จากการศึกษา 38
40
บทที่ ๕ สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 40
42
๕.๑ สรปุ ผลการวจิ ัย 45
47
๕.๒ อภปิ รายผล 50
51
๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ 55
57
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพือ่ การวจิ ัย
ภาคผนวก ข ผเู้ ช่ียวชาญตรวจสอบเคร่ืองมือ
ประวัติผ้จู ดั ทางานวิจัย
บทท่ี ๑
บทนา
๑.๑ ความเปน็ มาของปัญหา
สภาพเศรษฐกิจและสงั คมในปัจจุบันเป็นสาเหตุสาคญั ท่ีทาใหค้ นไทยตกอยู่ในภาวะเดือดร้อนท้งั ปัญหาดา้ น
เศรษฐกิจและปัญหาสังคม ซ่ึงนับวันจะย่ิงทวีความรุนแรงมากข้ึนเนื่องจากสังคมไทยจะให้ความสาคัญกับระบบ
เศรษฐกจิ แบบทุนนิยมจนทาให้คนทาทุกวิถีทางเพอ่ื ใหไ้ ดใ้ นสิ่งทต่ี อ้ งการบางคนถึงกับสละจรรยาบรรณในวิชาชีพนา
ความรู้ความสามารถของตนไปแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คานึงถึงความเดือดร้อนท่ีจะเกิดกับคนอื่นในสังคม ขอ
เพียงให้ตนเองได้รับประโยชน์สูงสดุ ก็พอ ทุกคนต้องการที่จะตอบสนองความต้องการของตนเอง จึงเกิดการแข่งขัน
กันเพ่ือให้ได้เงินตราโดยไม่จากัดรูปแบบ เช่น การฉ้อโกงรวมถึงการฉ้อราษฎร์บังหลวงการดาเนินกิจกรรมนอก
กฎหมาย ซ่ึงทั้งหมดท่ีกล่าวมาเป็นปัญหาท่ีเกิดจากภาวะเศรษฐกิจ จนนาไปสู่ปัญหาต่างๆ ทางสังคม เช่น ปัญหา
การขาดคุณธรรมจริยธรรมปัญหาความรุนแรงต่าง ๆ ปัญหาการรับค่านิยมวัฒนธรรมต่างชาติท่ีไม่เหมาะสมของ
เยาวชนไทย 1
ปจั จุบันเยาวชนไทยได้รับการเล้ียงดูท่ีแตกต่างจากอดตี ครอบครวั ที่พ่อแมเ่ ลี้ยงดลู ูกแบบเอื้ออาทร ให้ความ
รัก ดูแลลูกและให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูกเพ่ือให้ลูกมีโอกาสได้เรียนหนังสือทัดเทียมเพื่อน โดยไม่ต้องทาหน้าที่อ่ืนๆ
และลูกท่ีดี ลูกท่ีนา่ รักคือลูกที่ต้ังอกตั้งใจเรยี น เรียนเกง่ ไดเ้ กรดดี และไม่ก่อเรื่องราวให้พ่อแม่ไมส่ บายใจ หากพ่อแม่
สามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างท่ีลูกต้องการให้ได้ก็คงจะไม่ทาให้เกิดปัญหามากมายแต่ในครอบครัวของเด็กท่ีขาดวัตถุ
บางอย่างแต่ว่าต้องการสิ่งน้ันมาอยา่ งงา่ ยๆจะทาใหเ้ ด็กขาดความยง้ั คิดและหลงผิดได้โดยงา่ ยๆ ในภาวะบริโภคนิยม
ซ่ึงเต็มไปด้วยส่ิงเร้ามากมายนี้หากเด็กขาดวุฒิภาวะ ขาดการนับถือตนเองซึ้งจะเห็นว่าเด็กไทยปัจจุบันมีความคิด
เปล่ียนไปจากอดีตมาก เด็กจะตกอยู่ในความเสี่ยงสูงเพราะเขาจะกล้าทาส่ิงผิดๆ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันการ
ดาเนินชีวิตของเยาวชนจะให้ความสาคัญกับวัตถุนิยมความฟุ้งเฟ้อมีความต้องการท่ีไม่รู้จักพอ ใช้จ่ายเงินเกินความ
จาเป็นก็จะทาให้สังคมไทยในอนาคตน่าเป็นห่วง เพราะเยาวชนถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ท่ีสาคัญท่ีสุดที่จะพัฒนา
ประเทศชาติให้มีความเจริญกา้ วหนา้ ในอนาคต
จากปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมา ภาครัฐได้เล็งเห็นความสาคัญและหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ีอย่างเร่งด่วน
ดงั เช่นแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑2 (๒๕6๐-๒๕6๔) ที่มุ่งเน้นจะพัฒนาประเทศใหเ้ ป็นสังคม
ท่ีอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน ภายใต้แนวปฏิบัติของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและมียุทธศาสตร์การพัฒนาคนให้มี
คุณธรรมนาความรู้ เกิดภูมคิ ุ้มกัน โดยมีจติ ใจควบคู่กับการพัฒนาการเรียนรู้ของคนทกุ กลุ่มทุกวัย แนวคิดเศรษฐกิจ
พอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดารัสแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดต้ังแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๑๗ และภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจพ.ศ. ๒๕๔๐ ได้ทรงเน้นย้าเป็นแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และ
สามารถดารงอยไู่ ด้อย่างมน่ั คงและย่งั ยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์
1 อารยี ์ เชือ้ เมืองพาน. วิถีชวี ติ แบบเศรษฐกจิ พอเพียง : ทางรอดพน้ กบั ดักทางเศรษฐกิจและสังคม. วารสารแม่โจ้
ปรทิ ศั น์. ปีที่ ๙ ฉบับท่ี ๖ พฤศจิกายน - ธนั วาคม (๒๕๕๑), หนา้ ๙ - ๑๑.
๒
ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมไทยก็กลายเป็นอุดมการณ์สาหรับคนทุกชนช้ันในสังคมไทยท่ีอยากใช้
ชีวิตแบบทางสายกลาง รวมท้ังผู้คนในวัยรุ่นหนุ่มสาวเช่นกัน และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติไว้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่
ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมี
เหตุผล รวมถึงความจาเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการ
เปล่ียนแปลงท้ังภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งใน
การนาวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและดาเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐาน
จิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีจิตสานึกในคุณธรรมความ
ซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบคอบเพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและ
กว้างขวางท้ังด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี” (สภุ ัทรา บุญปัญญโรจน์,
๒๕๕๐) 2
การท่ีปรัชญาได้รบั การยอมรบั ท้ังในแงก่ รอบความคดิ และการปฏิบัติในสงั คมไทยเช่นน้ีเปน็ เพราะปรัชญานี้
มาจากประสบการณ์ท่ีเป็นจริงของการพัฒนาทั่วทุกพ้ืนท่ีของประเทศ เพราะมาจากการกล่ันกรองพระบรม
ราโชวาทอันมีพ้ืนฐานจากพระราชกรณียกิจและการดาเนินงานโครงการหลวงที่พระองค์ท่านได้ทรงพัฒนาในภูมิ
สังคมต่างๆ ทั่วประเทศ จึงเป็นประสบการณ์ที่แท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาท่ีให้ความสาคัญมุ่งให้
คนสามารถพ่ึงตนเองได้ปรัชญายังมีหลักทางสายกลางมีการพัฒนาเป็นข้ันตอน ไม่สุดโต่ง เป็นตามหลัก
มัชฌิมาปฏิปทาของพุทธศาสนาอันเป็นที่ยอมรับของประชาชนโดยท่ัวไปทงั่ ยังให้หลักการพัฒนาที่เน้นองค์รวมโดย
มุ่งความสุขของบุคคล ทั้งด้านวัตถุ สังคม วัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อม จึงช่วยให้มีกรอบท่ีกว้างกว่าในอดีตที่มักจะ
มองภาพโดยแยกส่วนปรัชญานี้ไม่ปฏิเสธกระแสโลกาภิวัตน์ แต่ชี้ว่าให้มีความรู้เท่าทันให้มีความสามารถที่จะรับ
ความผันผวนของการเปลี่ยนแปลงได้ (สมพร เทพสิทธา, ๒๕๕๐) 3ดังน้ันจะเห็นได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สามารถนามาประยุกต์ใช้กับประชาชนได้ทุกกลุ่มเพ่ือให้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานความพอเพียงในทุกเรื่อง หากคนใน
สังคมโดยเฉพาะเยาวชนไทยสามารถปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจได้จะทาให้เยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
และจะนาไปสูก่ ารนาพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตติ ่างๆ ได้
จากสาเหตุของสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้ศึกษาจึงสนใจท่ีจะศึกษาเร่ือง พฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ช้ันปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่
2 สุภทั รา บุญปญั ญโรจน์. “ภาวะบรโิ ภคนิยมของวัยรุ่นไทย : ปัจจยั ผลกั ดันสสู่ งั คมไทย”, วารสารรามคาแหง. ฉบับ
มนุษยศาสตร์ ปีที ๒๗ ฉบบั ที ๑ (๒๕๕๐), หน้า ๑ - ๒.
3 สมพร เทพสทิ ธา. การดาเนินชีวติ แบบเศรษฐกิจพอเพียง ชมุ ชนและแนวคิดเศรษฐกิจ พอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกจิ
พอเพยี งในบรบิ ทของศาสนาและวฒั นธรรม. (กรุงเทพมหานคร : สมชายการพมิ พ,์ ๒๕๕๐).
๓
๑.๒ วตั ถุประสงค์ของการวิจัย
เพ่อื ศกึ ษาพฤติกรรมการดาเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนิสิต สาขาวชิ าสงั คมศึกษา
ชั้นปที ี่ 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
๑.๓ ขอบเขตของการวิจยั
๑.๓.๑ ขอบเขตดา้ นประชากร/กลุ่มเปา้ หมาย
ประชากรกลุ่มเป้าหมาย ที่ใช้ในการศึกษาในคร้ังน้ี คือ นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษาช้ันปีที่ 3
จานวน 30 คน ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๒ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น
๑.๓.๒ ขอบเขตด้านเนอ้ื หา
ผู้ศึกษามุ่งศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนิสิต
สาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
โดยได้กาหนดขอบเขตด้านเน้ือ ๕ ด้าน ประกอบด้วย ด้านความพอประมาณ ด้านความมีเหตุผล ด้านมีความ
ภมู คิ มุ้ กัน ดา้ นความรแู้ ละด้านคุณธรรม
๑.๓.๓ ขอบเขตด้านสถานที่
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
๑.๓.๔ ขอบเขตดา้ นเวลา
มกราคม – มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3
๑.๔ นยิ ามศัพท์เฉพาะ
พฤติกรรม หมายถงึ การกระทาที่แสดงออกมาโดยสังเกตเห็นได้ ของนิสติ ชน้ั ปีที่ 3 มหาวิทยาลยั มหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
การดาเนินชีวิต หมายถงึ วิถีการดาเนินชีวติ ในรปู แบบต่างๆ โดยท่ีลักษณะของพฤติกรรมต่างๆ จะเปน็ ตัว
บ่งบอกถึง รูปแบบการดาเนินชีวิตของนิสิตที่กาลังศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์
ช้ันปีที่ 3 ของ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง หลักการใช้ชีวิตอยู่บนความพอเพียง คือ ด้านพอประมาณ
ดา้ นมเี หตผุ ล ดา้ นมีภมู ิคุม้ กันที่ดี และเง่อื นไข ๒ ประการ ด้านความรู้ และดา้ นคณุ ธรรม
นิสิต หมายถึง ผู้ท่ีกาลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์
ของมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
๔
๑.๕ ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
ทาให้ทราบพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนิสิตสาขาวิชาสังคม
ศกึ ษา ชน้ั ปีท่ี 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
บทที่ ๒
แนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
การศึกษา เรื่อง พฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนิสิตสาขาวิชาสังคม
ศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ผู้ศึกษาได้
ทาการศึกษาแนวคิดทฤษฎีและงานวจิ ัยที่เก่ยี วข้องประกอบการศึกษาและนาเสนอตามลาดบั ดงั น้ี
๒.1 ทฤษฎพี ฤติกรรมและพัฒนาการของวยั รุ่น
๒.2 แนวคิด หลกั การและขนั้ ตอนของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
๒.๓ งานวจิ ัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง
๒.๔ กรอบแนวคิดการวิจัย
๒.1 ทฤษฎีพฤตกิ รรมและพฒั นาการของวัยรุ่น
ล้วน สายยศ และอังคณ า สายยศ (๒๕๔๓ : ๑๗๐ -๑๗๖) 4 ได้กล่าวถึงทฤษฎีจิตวิเคราะห์
(Psychoanalytic Theory) และทฤษฎีการเรียนรู้ทางสงั คม (Social Learning Theory) ไวด้ งั นี้
2.๑.1 ทฤษฎีจติ วิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory)
องค์ประกอบท่ีสาคัญในทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ (Freud) คือ อิด (id) อีโก้ (ego)และซุปเปอร์อีโก้
(superego) id เป็นแหล่งพลังงานทางจิตเบ้ืองต้นและเป็นที่ตั้งแห่งสัญชาตญาณเป็นความต้องการแสวงหาเพ่ือ
ตนเอง ต่อมากม็ ี ego (อีโก้) เป็นผู้ควบคุม พฤติกรรมของ id (อิด) egoอาศัยหลักแหง่ ความจริง คือ ส่ิงท่ีปรากฏอยู่
อย่างแท้จริง จากน้ันจะมีการเรียนรู้พัฒนาขึ้นมา การเรียนรู้ทาให้ฉลาด สามารถเป็นนายเหนือความอยากอันเกิด
แต่ id การเรียนรู้อาศัยการรับรู้ ความจาความคิด และส่งเสริมให้ ego เข้มแข็ง ซุปเปอร์อีโก้เป็นลักษณะท่ีสาม
เปน็ หลักแหง่ อดุ มคติและศีลธรรมจรรยา ซปุ เปอร์อโี กแ้ บ่งได้เปน็ ๒ ประเภท คอื ๑.๑ Ego-ideal คือ อุดม
คติ เป็นแนวคิดของผู้ใหญ่ สังคมทีÉสอนไว้ว่าอะไรเป็นส่ิงท่ีควรอะไรเป็นสิ่งไม่ควร และเม่ือประพฤติตามแล้ว จะ
เปน็ ท่ีนยิ มชมชอบของผใู้ หญ่ในสังคม
๑.๒ Conscience คือ มโนธรรม ได้แก่ ความรู้สึกว่า อะไรดีควรทาอะไรชั่วควรละเว้นในข้ันนี้เด็กจะ
พัฒนาจากการท่ีเด็กเคยกระทาผิดอยู่ในใจ เช่น ผู้ใหญ่สอนให้เกลียดชัง ความสกปรกถ้าเราไปนิยมก็จะได้รับโทษ
เราจึงเว้นเสยี บคุ คลในระดบั น้ีจะเคร่งตอ่ หลกั ศีลธรรมเปน็ อันมาก เปน็ ส่วนสาคญั ที่ป้องกนั การกระทาความผดิ
2.1.๒. ทฤษฎีการเรยี นร้ทู างสงั คม (Social Learning Theory)
ทฤษฎีน้ีมีความเช่ือว่ากฎเกณฑ์ของสังคมและวัฒนธรรมเป็นปัจจัยสาคัญให้เกิดการพัฒนาจริยธรรม
ทฤษฎีน้ีพยายามอธิบายกระบวนการเรียนรู้ โดยหลักการเสริมแรงและหลักการเชื่อมโยงความสัมพันธ์จาก
ปรากฏการณ์ของสงั คม
4 ลว้ น สายยศ และอังคณา สายยศ. ทฤษฎีการเรยี นรทู้ างสังคม. (๒๕๔๓), หนา้ ๑๗๐ - ๑๗๖.
๖
สกินเนอร์ (Skinner อ้างถงึ ใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, ๒๕๔๓: ๑๗๑) 5 มีความเชื่อว่าแรงจงู ใจที่ทาให้
เกิดพฒั นาการทางสังคมมีรากฐานมาจากความต้องการรางวัลและหลีกเล่ยี งการลงโทษจากสงั คม
บันดูรา (Bandura อ้างถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, ๒๕๔๓: ๑๗๑-๑๗๒) 6ได้ศึกษาทฤษฎี
การเรียนรู้ทางสังคมอย่างลึกซ้ึงเขามีความคิดว่าการเรียนรู้ทางสังคมเกิดจากการเรียนรู้โดยการสังเกต การ
เลียนแบบ และการเอาอย่างแบบ บันดูราเช่ือว่าความสาคัญของการเรียนรู้ คือ กระบวนการเลียนแบบพฤติกรรม
ผู้อ่ืน หรือพิจารณาการกระทาของผู้อื่นแล้วสังเกตผลกรรมทีÉตามมา การตัดสินใจน้ีเกิดจากการเรียนรู้พฤติกรรม
ของมนษุ ย์ในสังคม ดงั นน้ั ทฤษฎีการเรยี นรูท้ างสงั คมจึงขน้ึ อย่กู บั เงอื่ นไขและตวั แบบเป็นสาคัญ
2.1.๓. ทฤษฎีปรากฏการณ์ (Phenomenological Theories)
ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ (๒๕๔๓ : ๒๓๒-๒๓๔) 7 ไดส้ รุปทฤษฎปี รากฏการณข์ องมาสโลว์ ไว้ดงั นี้
มาสโลว์ (Abraham Maslow) ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นาในแนวคิดกลุ่มมนุษย์นิยมเขาไม่เห็นด้วยกับ
การมองว่าพฤติกรรมของมนษุ ย์ตกอยู่ภายใต้การผลักดันจากสิ่งที่อยใู่ นจิตใต้สานกึ ตามแนวคิดของฟรอยดห์ รือการ
ถูกกาหนดจากผลกรรมจากส่ิงแวดล้อมภายนอกของ สกินเนอร์ มาสโลว์มองว่ามนุษย์นั้นมีศักดิ์ศรีพร้อมจะพัฒนา
ไปในทิศทางทีด่ ีข้ึนหากอยใู่ นสภาพแวดล้อมท่ีเอ้อื อานวยใหไ้ ด้รับการตอบสนองต่อความต้องการซึ่งถือเป็นแรงจงู ใจ
ให้มนุษย์แสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา ดังนั้นการที่มนุษย์จะดีไม่ดีก็อยู่ท่ีว่าเขาได้รับการตอบสนองต่อความ
ต้องการเหล่าน้ีอย่างเหมาะสมหรือไม่มาสโลว์จัดความต้องการที่หลากหลายของมนุษย์เป็น ๕ ลาดับประเภท และ
ความต้องการในลาดับแรกๆ จะต้องได้รับการตอบสนองจนเป็นท่ีพอใจก่อนความต้องการในลาดับสูงข้ึนจึงจะ
กลายเป็นแรงจูงใจสาหรับการกระทาของเราความตอ้ งการตามลาดับประเภทเรยี งจากต่าไปหาสูง ไดแ้ ก่ ๓.๑ ความ
ต้องการทางร่างกายเป็นความต้องการส่ิงที่จาเป็นต่อการทาให้ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล เช่นต้องการปัจจัยสิ่ง
ต้องการพกั ผอ่ น ตอ้ งการอยูใ่ นสภาวะอณุ หภูมไิ ม่รอ้ นไม่หนาวเกินไป หรอื ความต้องการทางเพศ เปน็ ต้น
๓.๒ ความต้องการความม่ันคงปลอดภัย หมายถึงความต้องการให้ตนเองมีความปลอดภัย และมีความ
มั่นคงในการดาเนินชีวิต อันหมายรวมทงั้ ความมน่ั คงปลอดภยั ทางร่างกายและจิตใจ
๓.๓ ความต้องการความรักและเป็นส่วนหน่ึงของหมู่เหล่า มนุษย์ถือเป็นสัตว์สังคมต้องการมีกลุ่ม มีสังกัด
มีพรรคพวกเพ่ือนพ้องทุกคนอยากได้รับความรักความห่วงใยจากผู้อ่ืนขณะเดียวกันก็อยากให้ความรักความห่วงใย
ต่อบุคคลที่เรารักเช่นกันแต่ความรักเป็นสิ่งแปลกต้องได้รบั ก่อนจึงจะเรียนรทู้ ่จี ะให้คนทีไ่ ม่ได้รับความรกั จึงเรยี กร้อง
ไขวค่ วา้ โดยไม่รูจ้ กั การให้ ๓.๔ ความต้องการท่ีจะรู้สึกว่าตนมีคุณค่าเป็นความต้องการที่จะรับรู้ว่าตนมี
ความสามารถ มีความสาเร็จ มีเกยี รติมีศักดิ์ศรี ได้รับการยอมรับนบั ถอื จากผ้อู ่นื
๓.๕ ความต้องการท่ีจะพัฒนาตนให้เป็นคนเต็มสมบูรณ์ (Self - actualization) หมายถึงความต้องการท่ี
จะรู้จักตนเอง ยอมรับและเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงปรารถนาพัฒนาตนเองไปให้ถึงขีดสูงสุดตามทิศทางและ
5 สกนิ เนอร์ (Skinner อา้ งถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ). (เรือ่ งเดยี วกนั ), ๒๕๔๓, หนา้ ๑๗๑.
6 บนั ดูรา (Bandura อา้ งถึงใน ลว้ น สายยศ และอังคณา สายยศ). (เรอ่ื งเดยี วกัน), ๒๕๔๓, หน้า ๑๗๑-๑๗๒.
7 ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ. ทฤษฎปี รากฏการณ,์ (๒๕๔๓), หนา้ ๒๓๒-๒๓๔.
๗
ศักยภาพแห่งตนพร้อมท้ังอยากช่วยเหลือเก้ือกูลบุคคลอื่นและสังคมตามแนวคิดของมาสโลว์คนที่ได้รับการ
ตอบสนองในความต้องการข้ันนี้จะเป็นคนท่ีถอื ว่าเปน็ คนเตม็ สมบูรณ์เพราะเขาจะเป็นผู้ปราศจากความเห็นแก่ตวั มี
ความสุขความพอใจกับชีวิตของตนและนาพาก่อเกิดแต่สิ่งที่ดี ๆ ต่อตนเอง คนอ่ืน และสังคม จากแนวคิดของมาส
โลว์อาจกล่าวไดว้ ่าหากผใู้ หญ่ต้องการทจ่ี ะเหน็ วยั รุน่ มพี ฤติกรรมและพัฒนาไปในทางท่ีดกี ค็ วรชว่ ยให้วัยรนุ่ ไดร้ ับการ
ตอบสนองความต้องในลาดับต้นท้ัง ลาดับก่อน บุคคลจึงจะเรยี นรู้และใฝ่ หาการพัฒนาตนให้เป็นคน เก่ง ดี และมี
สุข(เก่งในทน่ี ี้หมายถึง การมีความสามารถตามขีดสุดและความถนัดของแตล่ ะบคุ คล)
2.1.๔. ทฤษฎพี ัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจของเพยี เจต์
เพียเจต์ (อ้างถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, ๒๕๔๓ : ๑๗๒-๑๗๔) 8 เพียเจต์ (Jean Piaget )
เป็นนักจิตวิทยาท่ีได้ศึกษาว่าคนเรามีการพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจเป็นไปอย่างไรซ่ึงทาให้เราได้รู้ ว่าความรู้
ความเข้าใจต่อส่ิงต่างๆของเด็กและผู้ใหญ่น้ันแตกต่างกันแนวความคิดท่ีสาคัญต่อการเข้าใจพฤติกรรมและ
พฒั นาการของบุคคลประกอบดว้ ย ๒ เร่อื งหลกั คือ กระบวนการพัฒนา โครงสรา้ งทางความรู้ความเข้าใจ
๔.๑ กระบวนการพัฒนาโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจตามแนวคิดของเพียเจต์นั้นโครงสรา้ งทางความรู้
ความเข้าใจตอ่ ส่งิ ต่าง ๆ ของบุคคลมีการเพม่ิ ขน้ึ หรือพัฒนาไปโดยใช้กระบวนทางสมอง ๓ อยา่ ง คอื
๔.๑.๑ การรับเข้ามาสู่โครงสร้างทางความร้คู วามเขา้ ใจ(Assimilation)
กระบวนการน้ีเป็นการรับข้อมูลจากการปฏสิ ัมพันธก์ ับสิ่งแวดล้อมเขา้ มาเป็นหรอื เข้ามาสู่โครงสร้างทางความร้คู วาม
เข้าใจ เช่น เม่ือเด็กเหน็ สัตว์ชนิดหนึ่งและผู้ใหญ่ซ่ึงบอกว่าสุนัขเด็กก็จะรับภาพและคาว่าสนุ ัขเข้าเป็นโครงสร้างทาง
ความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับสุนขั และเมื่อเดก็ ไปพบเห็นสัตว์ท่มี ีลักษณะเหมือนหรือคล้ายคลึงกับสุนัขท่ีเคยมาก็จะรับ
ข้อมลู เหล่าน้ีเขา้ มาสู่โครงสรา้ งทางความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับสุนขั เช่นนไี้ ปเรอื่ ยๆ
๔.๑.๒ การปรบั โครงสร้างทางความรูค้ วามเข้าใจ (Accomodation)
กระบวนการนี้เป็นการปรบั เปล่ียนหรอื ขยายโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ให้เข้ากับประสบการณ์ท่ี
ได้รบั เช่น จากประสบการณ์ท่ีผ่านมาเด็กเคยเห็นสุนัขท่ีมีลักษณะใกล้เคียง คล้ายคลึงกันต่อมาเมื่อเด็กไปพบสตั ว์ท่ี
มีลักษณะไม่เหมือนกับสุนัขที่เคยเห็นมาแต่สัตว์ชนิดนี้เรียกว่าสุนัขเช่นกันแสดงว่าเด็กได้พบประสบการณ์ใหม่ท่ี
แตกต่างจากโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจเดิมดังน้ันเด็กจึงต้องปรับโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
สุนัขใหม่ เพ่ือให้สามารถบรรจุข้อมูลใหม่เก่ียวกับสุนัขน้ีได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุนัขของเด็กจึงมีหลากหลาย
ขึน้ น้นั เอง
๔.๑.๓ การจัดระบบ (Organization) เป็นกระบวนการจัดความรู้/ความเข้าใจท่ีบุคคลมีให้มีความเป็น
ประเภท เป็นระบบระเบียบ และมีความเก่ียวเนื่องต่อกันทั้งน้ีเพื่อที่จะช่วยให้บุคคลรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งต่าง ๆและ
ตอบสนองตอ่ สิ่งแวดลอ้ มทปี่ ระสบน้ันได้ดีข้ึน
8 เพียเจต์ (อ้างถงึ ใน ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ). ทฤษฎพี ฒั นาการทางความรคู้ วามเขา้ ใจของเพียเจต์, (๒๕๔๓),
หน้า ๑๗๒ - ๑๗๔.
๘
๔.๒ ขนั้ พัฒนาการทางความรู้ความเขา้ ใจ 9
เพียเจต์เช่ือว่าคนเรามีการพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ เป็น ๔ ขั้นโดยขั้นท่ีสูงขึ้น หมายถึงการ
เข้าใจต่อสิ่งต่างๆเหล่าน้ันในแง่มุมท่ีแตกต่างหลากหลายขึ้น ฉะนั้นปริมาณการรับข้อมูลที่มากกว่าอาจจะไม่ทาให้
การคิดการเข้าใจของบุคคลพัฒนาไปสู่ข้ันที่สูงกว่าก็ได้ถ้าไม่ทาให้บุคคลมีคุณภาพทางความคิดความเข้าใจที่
แตกต่างไปดังนั้นการพัฒนาการทางความรู้สึกความเข้าใจต่อส่ิงแวดล้อมจึงเป็นกระบวนการท่ีบุคคลจะต้องกระทา
กิจกรรมหรือปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและสามารถสร้างโครงสร้างของความรู้ความเข้าใจที่มีความแตกต่าง
หลากหลายมากข้ึนและลึกซงึ้ ขึ้น โดยเพียเจต์มองวา่ การเร่มิ เขา้ สใู่ นแตล่ ะข้นั และการพัฒนา
อย่างสมบูรณ์ในข้ันนั้นๆ ของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันอายุท่ีกาหนดไว้สาหรับแต่ละข้ันจึงเป็นตัวเลข
ประมาณเท่าน้นั บางคนอาจพฒั นาการเรว็ กวา่ หรอื ชา้ กว่าท่กี าหนดไว้ ข้ันพฒั นาการท้ัง ๔ ขน้ั ได้แก่
๔.๒.๑ ขั้นประสาทรับรู้และการเคล่ือนไหว (Sensorimotor stage) อยู่ในช่วงอายุต้ังแต่แรกเกิดถึง ๒ ปี
การทาความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ของเด็กวัยน้ีจะอาศัยประสาทสัมผัสรับรู้ และการเคล่ือนไหวอวัยวะต่างๆ ของ
ร่างกายเช่นการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัสแตะต้อง การดูดการกัด การคว้า จับ หรือขว้างปาการถีบการเตะ
เป็นตน้ ซ้ึงจะเห็นไดว้ ่าในช่วงแรกๆ ของวยั นีท้ ารกจะใช้พฤตกิ รรมลักษณะดงั กล่าวในการเรียนรู้หรือทาความเข้าใจ
ต่อส่ิงแวดล้อมจนกระทั่งในระยะปลายของข้ันนี้เด็กจึงเริ่มท่ีจะเข้าใจและเริ่มใช้สัญลักษณ์ง่าย ๆได้ เริ่มมีการคิดใน
ใจได้เลียนแบบโดยที่ไมต่ อ้ งมตี ัวแบบอยตู่ ่อหน้าไดร้ วมทั้งเริ่มอนมุ านความสมั พันธข์ องเหตุ และผลงา่ ยๆ ได้
๔.๒.๒ ข้ันก่อนปฏิบัติการทางการคิด (Preoperational stage) อายุประมาณ ๒ –๗ ปีในข้ันนี้เด็กจะ
เข้าใจและเรียนรู้การใช้สัญลักษณ์แทนส่ิงต่างๆ ได้จึงเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วสามารถสร้างภาพแทนสิ่งต่างๆ
ขนึ้ มาในใจได้ นั้นคอื เดก็ เริ่มมีการคิดจินตนาการได้ แต่อย่างไรกต็ าม การคิดการเข้าใจของเด็กวัยน้ีก็ยังมีลักษณะที่
ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางและมีขอ้ จากัดหลายประการทเ่ี ดก็ ไม่อาจเข้าใจสิ่งตา่ งๆ ได้หลากหลายมติ ิไปพรอ้ มๆกัน ทา
ให้การคิดมีลักษณะที่ยังไม่สมบูรณ์ตามความเป็นเหตุและผลที่ถูกต้องได้จึงเรียกข้ันน้ีว่า เป็นข้ันก่อนปฏิบัติการ
ทางการคดิ
๔.๒.๓ ขน้ั ปฏบิ ัติการทางการคิดด้วยรูปธรรม (Concrete operational stage) อยู่
ในช่วงอายุประมาณ ๗ –๑๑ ปี เด็กมีพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจตอ่ ส่ิงต่างๆ ท่ีถูกต้องสมเหตุสมผล สามารถ
คิดย้อนกลับได้ เข้าใจกฎเกณฑ์ในหลายมิติพร้อมกันได้จึงทาให้สามารถคิดหาเหตุและผลได้ แก้ปัญหาอย่างเป็น
ระบบได้ แต่มีข้อจากัดว่าความรู้ความเข้าใจและความสามารถทางการคิดเหล่าน้ีจะต้องสามารถแทนด้วยสิ่งที่เป็น
๔.๒.๔ ขั้นปฏิบัติการทางการคิดด้วยนามธรรม (Formal operational stage) 10ข้ันนี้อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ ๑๑ ปี
ขึน้ ไปบุคคลสามารถคดิ และเขา้ ใจในส่ิงท่ีเปน็ นามธรรมได้จงึ สามารถคดิ อนุมานหาเหตุผลทนี่ อกเหนือไปจากทขี่ ้อมูล
มีอยู่ได้น้ันคือเข้าใจการตั้งสมมุติฐาน และหาข้อมูลหาเหตุผลมาพิสูจน์หาข้อสรุปได้วัยรุ่นส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการ
ทางความรูค้ วามเข้าใจอยู่ในข้ันน้ีผูใ้ หญ่เองก็มพี ัฒนาการทางการคิดอยู่ในข้นั นีเ้ ช่นเดียวกนั เราจึงมกั จะพบวา่ เวลาที่
9 เพยี เจต์ (อา้ งถึงใน ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ). (เร่อื งเดยี วกัน), ๒๕๔๓, หนา้ ๑๘๐.
10 เพยี เจต์ (อา้ งถงึ ใน ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ). (เรอื่ งเดียวกนั ), ๒๕๔๓, หน้า ๑๘๑ - ๑๘๔.
๙
พ่อแม่ ครู หรือผู้ใหญ่บอกสั่งสอนอะไรวัยรุ่นจะไม่เชื่ออย่างง่ายๆเหมือนในวัยเด็กน้ันเป็นเพราะวัยรุ่นมองว่าตน
สามารถคิด และหาเหตุผลเองได้เข้าใจความเป็นจริงในสิ่งต่างๆ ได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่จึงไม่อยากให้ผู้ใหญ่มาบงการใน
ความคดิ ของตน
จากแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมของวัยรุ่น จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมจะเกิดข้ึนได้ท้ังจากการเรียนรู้
ตามสัญชาตญาณ จิตใต้สานึก และเกิดจากความต้องการทางร่างกายของมนุษย์ความต้องการทางจิตใจ ซึ้งมนุษย์
จะมีการเรียนรู้และพัฒนาตนเองการพัฒนาด้านความรู้ความเข้าใจน้ันจะเริ่มต้นท่ีประสาทรับรูแ้ ละการเคลื่อนไหว
การคิดและใช้เหตุผล ซ้ึงเปน็ ขนั้ ทวี่ ยั รนุ่ จะพฒั นาพฤติกรรมของตนเองในขน้ั นี้
๒.2 แนวคิด หลักการและข้นั ตอนของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
๒.2.๑ แนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนนิ ชีวติ 11
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าใจถึงสภาพสังคมไทย ดังนั้น เมื่อได้พระราชทานแนวพระราชดาริ
หรือพระบรมราโชวาทในด้านต่างๆ จะทรงคานึงถึงวิถีชีวิตสภาพสังคมของประชาชนด้วย เพ่ือไม่ให้เกิดความ
ขดั แยง้ ทางความคิด ที่อาจนาไปสคู่ วามขดั แย้งในทางปฏิบตั ไิ ด้
แนวพระราชดารใิ นการดาเนนิ ชีวติ แบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๑. ยดึ ความประหยัด ตดั ทอนคา่ ใช้จ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟมุ่ เฟอื ยในการใช้
๒. ยดึ ถอื การประกอบอาชพี ดว้ ยความถกู ต้อง ซือ่ สัตย์
๓. ละเลกิ การแก่งแย่งผลประโยชน์ และแขง่ ขนั กนั ในทางการค้าแบบต่อสูก้ ันอยา่ งรุนแรง
๔. ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยการขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้มีรายได้
เพมิ่ พนู ขนึ้ จนถึงขน้ั พอเพียงเปน็ เปา้ หมายสาคญั
๕. ปฏิบตั ติ นในแนวทางท่ีดี ลดละสงิ่ ชว่ั ประพฤติตามหลักศาสนา
ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพียง 12
ในปีต่อมา พระเจ้าอยู่หัวได้ตรสั ถึง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” อกี คร้ังหน่ึง เม่ือวันที ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ มีความ
ตอนหน่ึงว่า “คาว่า พอเพียงมีความหมายอีกอย่างหน่ึง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึง การมีพอ
สาหรับใช้เองเท่าน้ัน แต่มีความพอกินมากกว่าพอมีพอกิน พอมีพอกินน้ีถ้าใคร ได้มาอยู่ท่ีนี่ในศาลานี้เม่ือเท่าไหร่
11 มูลนธิ ชิ ัยพัฒนา. เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม.่ พิมพท์ ่ี บริษทั อมรนิ ทรพ์ ริ้นตงิ้ แอนพับลิชช่ิงจากัด มหาชน,
พ.ศ. ๒๕๕๐, หน้า ๑๕.
12 ณัฐพงศ์ ทองภกั ดี. ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง : ความเป็นมาและความหมาย. วารสาร- พัฒนบริหารศาสตร.์ ปีท่ี
๔๗ พ.ศ. ๒๕๕๐, หนา้ ๓ – ๒๓.
๑๐
๒๐๒๔ เมื่อปี ๒๕๑๕ ถึง ๒๕๔๑ น้ีก็ ๒๔ ปี ใช่ไหม วันนั้นได้พูดว่าเราควรจะปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็
เศรษฐกิจพอเพียงน่ันเอง ถ้าแต่ละคนพอมีพอกินก็ใช้ได้ ย่ิงถ้าท้ังประเทศพอมีพอกินก็ย่ิงดี และประเทศไทยเวลา
น้ันก็เริ่มจะพอมีนี้อะไรพอมีพอกิน บางคนก็มีมาก บางคนไม่มีเลย สมัยก่อนน้ีพอมีพอกิน มาสมัยน้ีไม่พอมีพอกิน
จะต้องมีนโยบายที่จะทาเศรษฐกิจพอเพียง ให้เพียงพอนี้ ก็หมายความว่า มีกินอยู่ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ คาว่า
“พอ” แม้บางครั้งอาจจะดูฟุ่มเฟือยแต่ถ้าทาให้มีความสุข ก็ควรที่จะทาตามสมควรท่ีจะปฏิบัติ อันนี้ก็ความหมาย
อกี อยา่ งของเศรษฐกจิ พอเพียง”
สรุปความหมายของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งจากพระราชดารสั นี้
“คาว่าพอเพียง...มีความหมายว่าพอมีพอกิน...พอมีพอกินก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง” ให้
พอเพียงนี้ ก็หมายความว่า มีกนิ อยอู่ ยา่ งไมฟ่ ุ่มเฟือย ไมห่ รูหรากไ็ ด้ แตว่ ่าพอ”
“เมื่อปีท่ีแล้วตอนที่พูดพอเพียง แปลในใจ แล้วก็ได้พูดออกมาด้วยว่า Self-sufficiency (พึ่งพา
ตนเอง) ถึงได้บอกว่าพอเพียงแก่ตนเอง แต่ความจริงเศรษฐกิจพอเพียงนี้ กว้างขวางกว่า Self-sufficiency คือ
Self-sufficiency นนั้ หมายความว่า ผลิตอะไรทมี่ พี อทจี่ ะใช้ไม่ต้องไปซ้ือคนอ่นื อย่ไู ดด้ ้วยตนเอง
บางคร้ังแปลจากภาษาฝร่ังว่า ให้ยืนบนขาของตัวเอง คาว่ายืนบนขาของตัวเองนี่ มีบางคนพูดว่าชอบกล
ใครจะมายืนบนขาคน มายืนบนขาของเรา เราก็โกรธ แต่ตัวเองยนื บนขาตัวเองก็ต้องเสียหลกั หกล้มหรือล้มลง อัน
นน้ั ก็เป็นความคิดทอ่ี าจจะเฟือ่ งไปหน่อย แตว่ ่าตามที่เขาเรยี กว่า ยนื บนขาตัวเอง หมายความว่าของเราน่ี ยนื บนพื้น
ให้ได้ ไม่หกล้ม ไม่ต้องยืมขาคนอื่นมาใช้สาหรับยืน แต่พอเพียงน้ีหมายความกว้างยิ่งกว่าน้ีอีก คือคาว่าพอเพียง
เพียงน้ีก็พอ ดังน้ันเองถ้าคนเราพอในความต้องการ ก็มีความโลภท่ีน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมี
ความคิดอนั นกี้ ็ไมใ่ ช่เศรษฐกิจมคี วามคดิ วา่ ทาอะไรต้องพอเพียง หมายความวา่ พอประมาณ
ไม่สุดโต่ง ไม่โลภมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอ่ืน ต้องใช้ความพออัตภาพ พูดจาก็
พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียงทางความคิดก็เหมือนกันไม่ใช่ทางกายเท่านั้นถ้าใครมีความคิดอย่างหนึ่งและต้องการ
ให้คนอื่นคิดอย่างเดียวกับตน ซึ่งอาจจะเป็นความคิดที่ไม่ถูก ก็ไม่สมควรทา ปฏิบัติอย่างน้ีก็ไม่ใช่การปฏิบัติแบบ
พอเพียงความพอเพียงในความคดิ ก็คอื การแสดงความคิดของตัว ความเห็นของตัว และปล่อยให้อีกคนพูดบ้าง และ
มาพิจารณาที่เขาพูดท่ีเราพูด อันไหนพอเพียง อันไหนเข้าเรื่อง ถ้าไม่เข้าเร่ืองก็แก้ไข เพราะว่าถ้าพูดกันโดยท่ีไม่รู้
เร่ืองก็จะกลายเป็นการทะเลาะกัน จากการทะเลาะด้วยวาจาก็จะกลายเป็นการทะเลาะด้วยกาย ซ่ึงในที่สุดก็นามา
ซ่ึงความเสียหาย เสียหายแก่ผู้ที่เป็นตัวละครทั้งสองคน ถ้าเป็นหมู่ก็เลยเป็นการตีกันอย่างรุนแรงได้ ซ่ึงจะทาให้คน
อื่นอีกมากเดอื ดร้อน ฉะน้ัน ความพอเพียงน้ีก็แลว่า ความพอประมาณและความมีเหตุผล ท่ีพูดอย่างน้ีก็เพราะต้อง
อธบิ ายคาวา่ พอเพียงที่คนไมเ่ ขา้ ใจเม่ือปีทแ่ี ล้ว” 13
13 คณะกรรมการการขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง. มารวมกันเป็นคน พ.ศ.พอเพียง (คู่มอื พ.ศ.พอเพยี ง).
(กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั เจ เอส แอล จากัด ๒๕๕๐), หนา้ ๒ - ๔.
7 สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ . ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง พระเจ้าอยูห่ วั . (กรุงเทพมหานคร : สานักพมิ พแ์ สงดาว, ๒๕๔๙),
หนา้ ๑๘.
๑๑
ความในพระราชดารัสน้ี พระเจ้าอยู่หัวได้ให้ความหมายเศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่า “ความพอเพียงนี้มี
ความหมายกว้างขวางคือคาว่า พอก็คือพอเพียง เพียงนี้ก็พอ ทาอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่
สดุ โต่ง ไม่โลภมาก พอเพียงน้ีอาจจะมีมากอาจจะมีของหรูหราก็ได้แต่ว่าต้องไม่เบียดเบียนผู้อ่ืนต้องให้พอประมาณ
ตามอตั ภาพ พูดจาก็พอเพยี ง ทาอะไรก็พอเพยี ง ปฏิบัติตนก็พอเพียง ทางความคดิ ก็เหมือนกัน ไมใ่ ช่ทางกายเท่านั้น
ความพอเพียงในความคิดก็คือการแสดงความคิดของตัว ความเห็นของตัว และปล่อยให้อีกคนพูดบ้าง และมา
พจิ ารณาที่เขาพูดท่ีเราพูดอันไหนพอเพียง อันไหนเข้าเรื่อง ถ้าไมเ่ ข้าเรื่องก็แกไ้ ข เพราะว่าถ้าพูดกันโดยทไี่ ม่รู้เรอื่ งก็
จะกลายเป็นการทะเลาะกัน ฉะน้ัน ความพอเพียงน้ีก็แปลว่า ความพอประมาณ ความมีเหตุผล นี่เป็นนิยาม
ความหมาย “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้เม่ือ พ.ศ.๒๕๔๐ และ พ.ศ.๒๕๔๑มีหลายท่าน
ท้ังท่ีเป็นผู้รแู้ ละผู้ไม่รู้ ได้วิพากษ์วจิ ารณ์กันไปต่างๆ นานา จนเกิดความไม่เข้าใจหรอื ความเข้าใจผิดไปก็มี มีท่านผู้รู้
ระดับปราชญ์หลายทา่ นได้ให้ความหมายของ “เศรษฐกจิ พอเพียง” ไว้อยา่ งลึกซึง้ คือ
สุเมธ ตันติเวชกุล 14อดีตเลขาธิการสานักคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจาก
พระราชดาริ (กปร.) ผ้สู นองงานรับใชพ้ ระเจา้ อยูห่ ัวมานาน ได้ใหค้ วามหมายของ “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ไวด้ งั น้ี
“เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตัวเอง (Relative Self-sufficiency) อยู่ได้โดยไม่ต้อง
เดือดร้อน โดยสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อน คือต้ังตัวให้มีความพอกินพอใช้ ไม่มุ่งหวังแต่จะ
ทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจให้รวดเร็วแต่เพียงอย่างเดียวเพราะผู้มีอาชีพและฐานะเพียงพอท่ีจะพึ่งตนเอง
ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าและฐานะทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นตามลาดับได้” และยังได้กล่าวถึงการใช้
เศรษฐกิจพอเพียงสาหรับสังคมแต่ละระดับไว้ ดังต่อไปน้ี ระดับบุคคลหรอื ครอบครวั สามารถให้ตนเองเป็นท่ีพ่ึงแห่ง
ตนใน ๕ ด้าน คือ จิตใจ สงั คม เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจรู้จักคาว่า “พอ” และไม่
เบียดเบียนผอู้ ่ืน พยายามพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและความชานาญมีความสุขและพอใจกับชีวิตที่
พอเพียงยึดเส้นทางสายกลางในการดาเนินชีวิต ระดับชุมชน ประกอบด้วย บุคคล ครอบครัวท่ีมีความพอเพยี งแล้ว
รวมกลุ่มทาประโยชน์เพื่อส่วนรวมโดยอาศัยภูมิปัญญาและความสามารถของตน และชุมชนมีความเอื้ออาทร
ระหว่างสมาชิกชุมชนทาให้เกิดพลังทางสังคมนาไปสู่เครือข่ายระหว่างชุมชนต่างๆ ระดับรัฐหรือระดับประเทศ
ประกอบด้วยสังคมต่างๆ ที่เข้มแข็ง ชุมชนหรือสังคมหลายๆแห่งร่วมมือกันพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
วางรากฐานใหป้ ระเทศมีความพอเพียง และพร้อมกอ่ นจงึ ค่อยๆ ดาเนินการพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ
ให้เจรญิ ขึน้ เปน็ ลาดับต่อไป15
15 สุเมธ ตันติเวชกุล. หลักธรรมตามรอยพระยุคลบาท. พิมพ์ครั้งที่ ๘, (กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธา การพิมพ์,
๒๕๔๘), หนา้ ๑๑๗.
9 นิธิ เอียวศรีวงษ์. ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง พระเจ้าอยหู่ ัว. พิมพ์ครั้งที่ ๓, (เชียงใหม่ : คะนึงนิจ การพมิ พ, ๒๕๔๔),
หน้า ๙.
10 ประเวศ วะส.ี ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง พระเจา้ อยูห่ ัว. พมิ พคร้ังท่ี ๓, (กรงุ เทพฯ: เคลด็ ไทย, ๒๕๔๕), หนา้ ๑๙.
๑๒
นิธิ เอียวศรีวงษ์ 16ได้ให้ความหมายของ “เศรษฐกิจพอเพียง” โดยนัยแห่งวัฒนธรรมไว้ว่า “เศรษฐกิจ
พอเพียง ไม่ใช่เทคนิค แต่มีความหมายกว้างกว่านั้นมาก เพราะต้องเอา ๑) อุดมการณ์บางอย่าง ๒) โลกทัศน์
บางอย่าง ๓) ความสัมพันธ์บางอย่าง ๔) ค่านิยมบางอย่างอยู่ในน้ันด้วยจึงจะนับได้ว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงท่ี
แทจ้ ริง ทั้ง ๔ ประการ ทีจ่ ะกล่าวถงึ น้ี คอื ส่วนทีเ่ ราร้จู กั กนั วา่ วัฒนธรรมนั่นเอง”
ถ้าไม่เข้าเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงตามความหมายเช่นนี้ เศรษฐกิจพอเพียงจะมีความเป็นไปได้แก่จานวนน้อยเท่า
นั้นเอง คือ เกษตรกรที่มีที่ดินเป็นของตนเองในปริมาณที่เพียงพอที่จะผลิตเพ่ือพอบริโภค หรือทารายได้พอสาหรับ
ครัวเรือนเท่านั้น ฉะน้ัน เศรษฐกิจพอเพียงจึงนิยมกันไว้เพียงว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือ วัฒนธรรม ไม่ใช่เทคนิคการ
เพาะปลูกหรือศลี ธรรม ควรไม่ละโมบและประหยดั เท่านน้ั แม้ว่าเปน็ สว่ นทข่ี าดไมไ่ ด้ของเศรษฐกิจพอเพยี ง”
ประเวศ วะสี 17มองเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเชอ่ื มโยงหลายส่ิงหลายอย่างเขา้ ด้วยกัน เพ่ือให้มีความสมดุล
ไมต่ อ้ งประสบวกิ ฤต
“เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้แปลว่าไม่ได้เก่ียวข้องกับใคร ไม่ค้าขาย ไม่ส่งออก ไม่ผลิตเพ่ือคนอื่น ไม่ทา
เศรษฐกิจมหาภาค สิ่งเหล่านี้หลายคนอาจคิดเอาเอง พูดเอาเอง และกลัวไปเองทั้งน้ัน ถ้าจะกระตุกกันสักหน่อยก
ขอกล่าวว่า “พระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่คนโง่” ที่ทรงกล่าวถึงเรอื่ งนี้ประเทศเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวสิ เซอร์แลนด์ เป็น
ตัวอย่างของประเทศที่เคยยากลาบากและเสียสมดุลต่อเมื่อพัฒนาประเทศแบบเศรษฐกิจพอเพียงจึงเข้มแข็ง ได้
สมดุลและเตบิ โตไปด้วยดเี ศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง พอเพยี งอย่างน้อย ๗ ประการด้วยกันคือ
๑. พอเพียงสาหรับทุกคน พอเพียงสาหรบั ครอบครัว ไมใ่ ช่เศรษฐกจิ แบบทอดทง้ิ กนั
๒. จิตใจพอเพยี ง ทาใหร้ กั และเอื้ออาทรคนอืน่ ได้ คนทีไ่ ม่พอจะรักคนอื่นไม่เป็น และทาลายมาก
๓. ส่ิงแวดล้อมพอเพียง การอนุรักษ์และเพ่ิมพูนสิ่งแวดล้อมทาให้ยังชีพและทามาหากินได้ท้ังสิ่งแวดล้อม
และได้ทัง้ เงนิ เปน็ ต้น
๔. ชุมชนเข้มแข็งพอเพียง การรวมตัวเป็นชุมชนท่ีเข้มแข็ง จะทาให้แกไ้ ขปัญหาต่างๆ ได้เช่น ปัญหาสังคม
ปัญหาหาความยากจน หรอื ปัญหาสง่ิ แวดล้อมเป็น
๕. ปัญหาพอเพียง มกี ารเรยี นรู้รว่ มการในการปฏบิ ตั ิ และประตัวได้อย่างต่อเนอ่ื ง
๖. อยู่บนพื้นฐานวัฒนธรรมพอเพียง วัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของชนสัมพันธ์อยู่กับส่ิงแวดล้อมที่
หลากหลาย ดงั น้ัน เศรษฐกิจจึงควรสัมพันธ์ และเติบโตจากรากฐานทางวัฒนธรรม จึงจะมั่นคง เช่น เศรษฐกิจของ
๑๓
จังหวัดตราด ขณะน้ีไม่กระทบกระเทือนจากฟองสบู่แตก คงไม่ตกงานเพราะอยู่บนพื้นฐานของสิ่งแวดล้อม และ
วฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ ที่เอื้ออานวยตอ่ การทาอาชีพสวนผลไม้ ทาการประมง และการท่องเทีย่ ว
๗. มีความมั่นคง ไม่วู่วาม เด๋ียวจนเดี๋ยวรวยแบบกะทันหัน เด๋ียวตกงาน ไม่มีกินไม่มีใช้ถ้าเป็นแบบน้ัน
ประสาทมนษุ ย์ คงทนไม่ไหวต่อความผัวผันท่ีเรว็ เกนิ ไป จึงทาใหส้ ุขภาพจิตเสีย เครียด เพ้ียน รนุ แรง ฆ่าตัวตาย ติด
ยา เศรษฐกิจพอเพยี งท่ีม่นั คงจงึ ทาใหส้ ขุ ภาพจติ ดี เมื่อทกุ อยา่ งพอเพียงก็เกิดสมดุล ความสมดุลคือความปกตแิ ละ
ย่ังยืน ซึ่งเราอาจเรียกเศรษฐกิจพอเพียงในช่ืออ่ืนๆ เช่น เศรษฐกิจพ้ืนฐาน เศรษฐกิจสมดุล เศรษฐกิจบูรณาการ
และเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจศีลธรรม
ดังน้ันท่ีกล่าวมา คือ เศรษฐกิจทางสายกลาง หรือเศรษฐกิจมัชฌิมาปฏิปทา เพราะเชื่อมโยงทุกเร่ืองเข้า
ด้วยกัน ท้ังเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ท่ีจริงคาว่าเศรษฐกิจเป็นคาที่มีความหมายที่ดี ที่
หมายถงึ ความเจริญที่เชือ่ มโยง ใจ สังคม วัฒนธรรม และสง่ิ แวดล้อมเข้าด้วยกนั แต่ไดน้ าเอาคาว่าเศรษฐกิจไปใชใ้ น
ลักษณะแบบแยกส่วน ซึ่งหมายถึงการแสวงหาเงินเท่าน้ัน เม่ือแยกส่วนท่ีทาลายส่วนอ่ืนๆ จนเสียสมดุลและวิกฤต
18
วูล์ฟกัง ซัคส์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมคนสาคัญของเยอรมณี สนใจการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง
อย่างมากและมองว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกหน่ึงสาหรับทุกชาติในเวลานี้ ท้ังมีแนวคิดผลักดันเศรษฐกิจพอเพียงให้
เป็นทรี่ จู้ ักในเยอรมณี
อมาตยา ซัคส์ ศาสตราจารย์ชาวอินเดีย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี ค.ศ.๑๙๙๘ มองว่า
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ การใช้สงิ่ ต่างๆ ทจี่ าเป็นต่อการดารงชีวติ และใช้โอกาสให้พอเพียงกับชีวิตทดี่ ี ซ่งึ ไม่ได้
หมายความว่าไม่ต้องการ แต่ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้พอดี อย่าให้ความสาคัญกับเร่ืองของรายได้และความร่ารวย แต่ให้
มองท่คี ุณค่าและชีวิตมนษุ ย์
นายจิกมี ทินเลย์ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศภูฏาน ให้ทรรศนะวา่ หากประเทศไทยกาหนดเรื่องเศรษฐกิจ
ให้เป็นวาระระดับชาติและดาเนินการตามแนวทางน้ีอย่างจริงจัง “ผมว่าประเทศไทยสามารถสร้างโลกใบใหม่จาก
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างชีวิตที่ย่ังยืน และสุดท้ายจะไม่หยุดเพียงแค่ในประเทศไทย แต่จะเป็นหลักการ
และแนวปฏบิ ตั ิของโลก ซึ่งหากทาไดส้ าเรจ็ ไทยคือผู้นา”
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้รับการเชิดชูเป็นอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ โดยนายโคฟี อันนัน ใน
ฐานะเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสาเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวนั ท่ี ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙ และได้มีปาฐกถาถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
วา่ เป็นปรัชญาท่ีมีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศและสามารถเริ่มได้จากการสร้างภูมิคุ้มกันในตนเอง
สหู่ มูบ่ ้าน และสูเ่ ศรษฐกิจในวงกว้างข้นึ ท่ีสดุ
18 ปรียานุช พบิ ลู ศราวุธ. ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การประยกุ ตใ์ ช้ท่ัวไป. (เชียงใหม่ : มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ,้
๒๕๕๑), หน้า ๗๕.
๑๔
แนวคิดทฤษฎีการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในส่วนของ
แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดารินั้น ได้กล่าวถึง ปรัชญาและแนวคิดอันเป็นพ้ืนฐานของ
การพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นปรัชญาที่มุ่งเน้นไปท่ีความเรียบง่ายไม่สลับซับซ้อน และ
เร่ิมจากเล็กไปใหญ่ โดยให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน สังคม สภาพความธรรมชาติและระบบ
นเิ วศน์โดยรวมของชมุ ชนนน้ั ความเรยี บงา่ ย (Simplicity) และการให้ความสาคัญตอ่ จุดเลก็ (micro) ซึง่ เปน็ พ้ืนฐาน
สาคัญเสียก่อนแล้วจึงค่อยขยายไปสู่จุดใหญ่ที่เป็นองค์รวม (macro) โดยมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และไม่ให้เป็น
การเปล่ียนแปลงในลักษณะถอนรากถอนโคนอีกท้ังยังหลีกเลยี่ งการเบยี ดเบียนและทาลายทรัพยากรธรรมชาติและ
สรรพสิ่งท่ีร่วมอาศัยในโลกอันสอดคล้องต้องกันกับแนวคิด “Small is Beautiful” ในพุทธเศรษฐศาสตร์ ของ ดร.
อี.เอฟชมาร์คเกอร์ เพียงแต่หลกั การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวได้ทรงใชเ้ ป็นแนวปฏิบัตมิ าก่อนล่วงหน้าหลาย
สิบปี หลักสาคัญในแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริ เมื่อมองในเชิงวัตถุประสงค์แล้วจะ
เห็นชัดเจนว่าทรงเน้นย้าหลักของการพ่ึงพาตนเอง โดยมุ่งหมายให้ประชาชนส่วนใหญ่ “พออยู่-พอกิน” เป็น
เบือ้ งต้นในทางเศรษฐกิจและให้ดารงตนอยู่ในแนวทางของ “ทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทา” ตามหลักแห่งพระ
พุทธธรรมนอกไปจากนี้แนวความคิดและทฤษฎีการพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยรวมยังมี
ลักษณะเด่นชัดของการ “ไม่ติดตารา” คือเป็นการพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยรวมยังมี
ลักษณะเด่นชัดของการ “ไม่ติดตารา” คือเป็นการพัฒนาที่อนุโลมและรอมรอมกับสภาพของธรรมชาติและสภาพ
สังคมจิตวิทยาแห่งชุมชน และท่ีสาคัญคือการไม่ผูกมัดติดอยู่กับวิชาการและเทคโนโลยีท่ีแข็งตัวและไม่เหมาะกับ
สภาพทีแ่ ท้จรงิ ของคนไทยอันจะทาให้เกิดการดาเนนิ งานท่สี ามารถบรรลผุ ลสาเร็จได้อย่างสมบูรณ์เต็มท่ี 19
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) 20ปราชญ์แห่งพุทธธรรมได้มองเศรษฐกิจพอเพียงในแง่วัตถุและจิต
วิสัย ดังน้ี “...ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง อาจมองได้เป็น ๒ ด้าน คือ มองอย่างวัตถุวิสัย และแบบจิตวิสัย
คอื
๑. มองอย่างวัตถวุ ิสยั มองภายนอก คอื ต้องมีกินมีใช้ มีปัจจัยส่ีท่ีเพยี งพอ ทเ่ี ราพูดว่า พอสมควรกับอตั ภาพ
ซึ่งใกล้เคียงกบั คาวา่ พ่งึ ตนเองในทางเศรษฐกจิ
๒. ส่วนความหมายด้านจิตวิสัยหรือภายใน คือ คนจะมีความรูส้ ึกเพียงพอไม่เท่ากนั บางคนมีเป็นล้านก็ไม่
พอ บางคนมีนดิ เดียวกพ็ อ เป็นการพอทางจติ ใจ”
และท่านยังกล่าวอีกว่า ความรู้จักพอประมาณไว้บนหนังสือทศวรรษธรรมทัศน์พระธรรมปิฎกว่า พฤติกรรมของ
เศรษฐกิจเมื่อหลักพระพุทธเข้าสัมพันธ์ไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการผลิต การบริโภค หรือการวิภาคแบ่งปันกระจาย
รายได้อะไรก็ตาม ก็จะเริ่มจากจุดยืนที่ตัวมนุษย์ว่า จะต้องมีความรู้จักประมาณก่อน ความรจู้ ักประมาณหรือความรู้
จักพอดีน้ี ทางพระเรียกวา่ มตั ตญั ญุตา เช่น ร้จู ักพอดีในการบริโภคอาหารก็เปน็ โภชเนมัตตญั ญุตา
19 มนูญ มุกขป์ ระดษิ ฐ์ และคณะ. แนวคิดและทฤษฎกี ารพฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาร.ิ (กรงุ เทพมหานคร :
สานักงาน กปร., ๒๕๔๐) หนา้ ก.
20 พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต). ธรรมกบั การพฒั นาชวี ิต. (กรุงเทพมหานคร : มลู นธิ พิ ทุ ธธรรม, ๒๕๓๙), หนา้ ๓๙.
๑๕
ถ้าสรุปอย่างสั้นท่ีสุด คาว่าเศรษฐกิจพอเพียงก็คือ การมีชีวิตอยู่อย่างพอดี เม่ือพอดีแล้วต่อไป จะขยับ
ขยายใหม้ มี ากขึ้นกไ็ ด้ ขอเพยี งแต่ตอ้ งหามาได้โดยถูกต้องชอบธรรมเปน็ ลาดับ
ทองทิพภา วิริยะพันธุ์ 21ได้กล่าวถึงพระราชดาริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวไว้ในหนังสือ “เศรษฐกิจพอเพียงความพอเพียงมวลรวมในประเทศ” ว่าพระราชดาริปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเปน็ การนาเสนอสู่สังคมตามวิถีของชาวตะวนั ออกและวถิ ีพุทธซึ่งยดึ แก่น
สาระของความเป็นจริงเป็นหลักตัวอย่าง เช่น ศาสนาพุทธได้กล่าวถึงการรู้ความจริงของสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ว่า
ทุกสิ่งน้ันไม่เท่ียงมรการเกิดขึ้นต้ังอยู่และดับไป ดังน้ัน จึงไม่ควรยึดม่ันถือม่ันให้เกิดทุกข์ส่วนปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงน้ันหากมีการนามาใชป้ ฏิบัตินาไปสู่วถิ ีทางการดาเนินชีวิตส่วนตัวและชีวติ การทางานอย่างมีคุณภาพและมี
ความสุข การมีความพอเพียงเป็นที่ตั้งจะทาให้รู้จักความพอดีจึงใช้ทางสายกลางที่ไม่มากก็น้อยเกินไป ซ่ึงจะส่งผล
ไปถึงการบริหารจัดการตนเอง และทรัพยากรต่างๆ อยา่ งเหมาะสมไม่ฟ่มุ เฟือยให้ส้นิ เปลืองโดยใช่เหตุ เนื่องจากผู้ที่
มีความพอในจิตใจจะรู้จักประมาณตนใช้เหตุผลและยังใช้ความรู้ในการพิจารณาด้วยความรอบคอบระมัดระวังมี
จิตสานึกในคุณธรรมมีความซ่ือสัตย์สุจริตจึงรู้จักควบคุมจิตใจของตนไม่ให้เกิดความโลภ อันจะนาไปสู่ความเส่ียงที่
อาจจะก่อให้เกิดความเสยี หายตอ่ ตนเองและส่วนรวม
๒.2.๒ หลกั การของทฤษฎปี รัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
การพฒั นาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง คอื การพฒั นาทต่ี ัง้ อยู่บนพ้นื ฐานของทางสาย
กลาง และความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจน
ใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ คณุ ธรรมประกอบการวางแผนการตัดสนิ ใจและการกระทา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มี
หลกั พจิ ารณาปรชั ญาอยู่ ๕ สว่ นดังนี้
๑. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ช้ีแนะแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเน้นโดยมีพ้ืนฐาน
มาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลาและเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการ
เปล่ยี นแปลงอยูต่ ลอดเวลา มุ่งเนน้ การรอดพน้ จากภัยและวิกฤต เพอื่ ความมน่ั คงและความยงั่ ยืนของการพฒั นา
๒. คุณลักษณะ เศรษฐกจิ พอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้ได้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับโดยเน้นการ
ปฏบิ ตั บิ นทางสายกลางและการพฒั นาอย่างเป็นขัน้ ตอน
๓. คานยิ าม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบด้วย ๓ ลักษณะพรอ้ มๆ กัน ดงั นี้
๑) ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียน
ตนเองและผอู้ นื่ เช่นการผลติ และการบริโภคท่อี ยใู่ นระดบั
21 ทองทพิ ภา วิรยิ ะพนั ธ.ุ์ ผศ., เศรษฐกจิ พอเพยี งความพอเพยี งมวลรวมในประเทศ. (กรุงเทพมหานคร :
G.P.CYBERPRINT, พ.ศ. ๒๕๕๐), หน้า ๔.
๑๖
๒) ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความเพียงพอน้ัน จะต้องเป็นไปอย่างมี
เหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทาน้ันๆ อย่าง
รอบคอบ
๓) การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลง
ด้านตา่ งๆ ทจ่ี ะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ตา่ งๆ ทค่ี าดว่าจะเกดิ ขึ้นในอนาคตทัง้ ใกล้
๔. เงื่อนไข การตัดสินใจและดาเนินกิจกรมต่างๆ ให้อยใู่ นระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้ง ความรู้
และคณุ ธรรมเปน็ พนื้ ฐาน กล่าวคอื
- เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้ เน้นเกี่ยวกับวิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน ความ
รอบคอบ ท่ีจะนาความรเู้ หลา่ นนั้ มาพิจารณาให้เชอื่ มโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผน และความระมัดระวัง
- เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์สุจริต มี
ความอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนนิ ชวี ิต
คณะกรรมการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจพอเพยี ง (๒๕๔๗) ได้สรุปโครงสรา้ งเศรษฐกิจพอเพียงดงั 22
ภาพท่ี ๑ ตอ่ ไปนี้
๕. แนวทางปฏิบัติ / ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ จากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือการพัฒนาที่
สมดลุ และยั่งยนื พรอ้ มรบั การเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทัง้ ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความร้แู ละเทคโนโลยี
๑. หลักการพึง่ ตนเอง
๑) ใชเ้ งินทนุ ตวั เอง
๒) ใช้แรง
๓) ใชอ้ ปุ กรณเ์ คร่อื งมือตัวเอง
22 ทองทิพภา วิริยะพนั ธุ์. ผศ., (เรอื่ งเดยี วกัน), หนา้ ๖.
๑๗
๔) ทาบญั ชีครวั เรอื นและใชบ้ ญั ชีประเมนิ ผลปรับปรุง
๕) วเิ คราะห์ปัญหาและแก้ไขปญั หาตัวเอง
๒. หลกั ความพอมีพอกิน
๑) เรียนรู้ (ฝกึ ) อาชีพทางการเกษตรอย่างหลากหลาย
๒) ปลูก – เลย้ี งทุกอย่างทกี่ ินได้
๓) กินทกุ อย่างท่ีปลูกหรือเล้ยี งได้
๔) เผอ่ื แผเ่ กื้อกูลตอ่ เพอื่ นบา้ น
๓. หลกั พอมพี อใช้ (เงิน)
๑) ลดรายจา่ ยด้วยการปลกู – เลี้ยง กินเอง (ประหยดั เงนิ )
๒) เพ่มิ รายไดด้ ้วยการปลูก – เล้ยี ง สง่ิ ที่ขายได้ง่าย
๓) ไม่เล่นการพนนั – หวยเบอร์
๔) ไม่ใชจ้ ่ายกับส่ิงทฟ่ี มุ่ เฟือย (สรุ า – เบียร์ – บหุ ร่ี – เครื่องดื่มราคาแพง ฯลฯ )
๕) ออมเงินง่าย
๔. หลักความร้จู ักพอประมาณ (นกนอ้ ยทารงั แต่พอตัว )
๑) ทาสิง่ ต่างๆให้พอเหมาะกับเงนิ ทนุ / แรงงาน หรอื ศักยภาพของตวั เอง (อย่าทาเกนิ ตวั )
๒) ไมจ่ ดั งานบุญแขง่ ขันกัน (แต่งงาน – บวช ฯลฯ )
๓) ไมส่ รา้ งบ้านแข่งขนั กนั
๔) ไมซ่ อ้ื รถ / ซื้อสิง่ ของอวด รา่ อวดรวยแขง่ ขัน
๕) พอใจในสง่ิ ทีต่ วั เองมอี ยู่ (สนั โดษ)
๕. หลกั ความมภี มู คิ ุม้ กัน
๑) พิจารณาเรื่องของเหตแุ ละผลในทกุ เรอ่ื งจนเปน็ พื้นฐานของจิต
๒) ปฏเิ สธคาชักชวนไปในทางทีเ่ ส่ียง / เสยี งน่มุ นวล
๓) ทาอาชีพการเกษตรแบบผสมผสานเชิงเกษตรอินทรยี ์
๔) ฝกึ ไมต่ ามใจตัวเอง
๕) ตอ้ งออมเงนิ ออมดนิ (ปรับปรุงดิน ) ออมนา้ (เกบ็ เงนิ ) ออมมิตร (ผกู มิตร)
๑๘
๖. หลักความมคี ณุ ธรรม
๑) ไมโ่ ลภเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว
๒) ไม่ลักขโมย
๓) ปลูกเมตตาจติ ใหก้ บั ตวั เอง (ไมพ่ ยาบาทจองเวร /ไมเ่ บียดเบียน / ให้อภัย )
๔) รับผลประโยชน์ตามสทิ ธิของตัวเอง
๕) ความนอบน้อมถ่อมตน
๖) สารวมตนอยูใ่ นกรอบของศลี ๕ หรือคาสอนในศาสนาต่างๆ (เหตดุ ี)
๒.2.๓ ข้ันตอนของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 23
ผลจากแนวทางการใช้แนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย ได้ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงแก่
สังคมไทยอย่างมากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง
กระบวนการของความเปล่ียนแปลงมีความสลับซับซ้อนจนยากที่จะอธิบายในเชิงสาเหตุและผลลัพธ์ได้ เพราะการ
เปล่ียนแปลงทัง้ หมดต่างเป็นปจั จัยเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน สาหรบั ผลของการพัฒนาด้านบวกน้ัน ได้แก่ การเพิ่มข้ึน
ของอตั ราการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบสื่อสารที่ทนั สมัย หรือ
การขยายปริมาณ และการกระจายการศึกษาอย่างท่ัวถึงมากข้นึ แต่ผลด้านบวกเหล่านี้สว่ นใหญ่กระจายไปถงึ คนใน
ชนบท หรือผู้ด้อยโอกาสในสังคมน้อยแต่ว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้เกิดผลลบติดตามมาด้วย เช่น
การขยายตัวของรัฐเข้าไปในชนบท ได้ส่งผลให้ชนบทเกิดความอ่อนแอในหลายด้าน ท้ังการต้องพึ่งพิงตลาดและ
พอ่ ค้าคนกลางในการสั่งสินค้าทุนความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธแ์ บบเครอื ญาติ และ
การรวมกลุ่มกันตามประเพณีเพ่ือการจัดการทรัพยากรท่ีเคยมีอยู่แต่เดิม แตกสลายลง ภูมคิ วามรทู้ ี่เคยใช้แกป้ ัญหา
และสั่งสมปรับเปล่ียนกันมาถูกลืมเลือนและเร่ิมสูญหายไปสิ่งสาคัญ ก็คือ ความพอเพียงในการดารงชีวิตซ่ึงเป็น
เงื่อนไขพื้นฐานท่ีทาให้คนไทยสามารถพงึ่ ตนเอง และดาเนินชีวิตไปได้อย่างมศี ักดิ์ศรีภายใต้อานาจและความมีอิสระ
ในการกาหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจัดการเพ่ือให้ตนเองได้รับการสนองตอบต่อ
ความต้องการต่างๆ รวมท้ังความสามารถในการจัดการปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งท้ังหมดน้ีถือว่าเป็นศักยภาพ
พ้ืนฐานที่คนไทยและสังคมไทยเคยมีอยู่แต่เดิม ต้องถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และ
ปัญหาความอ่อนแอของชนบท รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ที่เกิดข้ึนล้วนแต่เป็นข้อพิสูจน์และยืนยันปรากฏการณ์น้ีได้เป็น
อยา่ งดี
พระราชดารวิ า่ ด้วยเศรษฐกิจพอเพยี ง
23 สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต.ิ กรอบแนวคดิ ทางทฤษฎเี ศรษฐศาสตรป์ รัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง. (กรุงเทพมหานคร : สานกั นายกรัฐมนตร,ี ๒๕๔๖), หน้า ๖๕.
๑๙
“… การพัฒนาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดับข้ัน ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชน
สว่ นใหญ่เบ้ืองต้นก่อน โดยใชว้ ิธีการและอปุ กรณ์ทีป่ ระหยัดและถกู ต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมัน่ คง
พร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงข้ึนโดยลาดับ
ตอ่ ไป…” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ )
“ เศรษฐกจิ พอเพยี ง” เปน็ แนวพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวทพ่ี ระราชทานมานานกว่า ๓๐
ปี เป็นแนวคิดท่ีต้ังอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรม เป็นแนวทางการพัฒนาท่ีตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และ
ความไม่ประมาท คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และ
คณุ ธรรม เปน็ พื้นฐานในการดารงชีวิต ท่ีสาคญั จะต้องมี “สติ ปญั ญา และความพอเพียร” ซง่ึ จะนาไปสู่ “ความสุข”
ในการดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งแท้จริง
“…คนอ่ืนจะว่างอย่างไรก็ชา่ งเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งท่ีสมยั ใหม่ แต่
เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาท่ี จะให้เมืองไทย พออยู่ พอกิน มคี วามสงบ และทางานต้ังจิต
อธิฐานตงั้ ปณธิ านในทางที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรงุ่ เรืองอยา่ งยอด แตว่ า่ มีความพออย่พู อ
กิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอ่ืนๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินน้ีได้ เราก็จะยอดย่ิงยวดได้…” (๔
ธนั วาคม ๒๕๑๗ )
พระบรมราโชวาทน้ีทรงเห็นว่าแนวทางการพัฒนาท่ีเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก
แต่เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้นการมีพอกินพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่ในเบื้องต้นก่อน เมื่อมี
พื้นฐานความมั่นคงพรอ้ มพอสมควรแลว้ จงึ สร้างความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกจิ ให้สูงขนึ้ ซึง่ หมายถึง แทนทจี่ ะ
เน้นการขยายตัวของอนุภาคอุตสาหกรรมนาการพัฒนาประเทศ ควรท่ีจะสร้างความม่ันคงทางเศรษฐกิจพื้นฐาน
ก่อน น่ันคือ ทาให้ประชาชนในชนบทส่วนใหญ่พอมีพอกินก่อน เป็นแนวทางการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้
เพ่ือสรา้ งพน้ื ฐานและความมัน่ คงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนเน้นการพฒั นาในระดับสูงขึ้นไป
ทรงเตอื นเร่ืองพออยู่พอกนิ ต้ังแต่ปี ๒๕๑๗ คือ เมือ่ ๓๐ กวา่ ปที ีแ่ ลว้ แต่ทศิ ทางการพฒั นามไิ ดเ้ ปลี่ยนแปลง
“…เมื่อปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พูดถึงว่า เราควรปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียง
นั่นเอง ถ้าแต่ละคนมีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าท้ังประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดีและประเทศไทยเวลาน้ันก็เริ่มจะเป็นไม่
พอมีพอกินบางคนกม็ ีมาก บางคนกไ็ มม่ ีเลย…” ( ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ )
เศรษฐกิจพอเพยี ง 24
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดาริชี้แนะแนวทาง
การดาเนินชวี ิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ ๒๕ ปี ตั้งแตก่ ่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเม่ือ
ภายหลังได้เน้นย้าแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นและสามารถดารงอยู่ได้อย่างม่ันคงและย่ังยืนภายใต้กระแส
โลกาภวิ ัฒนแ์ ละความเปล่ยี นแปลงตา่ งๆ
24 สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ. (เรอื่ งเดยี วกนั ), หนา้ ๖๗.
๒๐
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง25
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงชีวิตอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่
ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ
ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเปน็ ทจ่ี ะต้องมรี ะบบภมู ิคุ้มกันในตัวที่ดพี อสมควร ตอ่ การกระทบใดๆ อันเกดิ จากการ
เปลี่ยนแปลงท้ังภายในภายนอก ทั้งน้ี จะต้อง อาศัยความรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างย่ิงในการนา
วชิ าการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการ ทกุ ขน้ั ตอน และขณะเดยี วกนั จะตอ้ งเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจ
ของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าทข่ี องรัฐ นักทฤษฎี และนกั ธุรกจิ ในทกุ ระดับ ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์
สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ
เพื่อให้สมดุล และพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางท้ังด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม
และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อย่างดี
ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ ประกอบดว้ ยคุณสมบัตดิ งั น้ี 26
๑. ความพอประมาณหมายถึงความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียน
ตนเองและผ้อู ืน่ เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคทอี่ ยูใ่ นระดับพอประมาณ
๒. ความเหตผุ ลหมายถึงการตดั สินใจเกย่ี วกับระดับความพอเพียงน้ันจะตอ้ งเปน็ ไปอย่างมเี หตุผล
โดยพิจารณาจากปัจจยั ท่เี กย่ี วข้องตลอดจนคานงึ ถึงผลทค่ี าดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทานนั้ ๆอย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกันหมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆที่จะ
เกิดข้ึนโดยคานึงถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ตา่ งๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตโดย มีเงื่อนไขของการตัดสินใจ
และดาเนินกจิ กรรมตา่ งๆให้อยู่ในระดบั พอเพียงสองประการดังน้ี
๑. เงื่อนไขความรู้ประกอบด้วยความรอบรู้เก่ียวกับ วิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องรอบด้านความ
รอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการ
ปฏบิ ัติ
๒. เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรมมีความซ่ือสัตย์
สุจริตและมีความอดทนมคี วามเพยี รใช้สติปัญญาในการดาเนนิ ชวี ติ
พระราชดารัสที่เก่ยี วกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง
25 สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาต.ิ กรอบแนวคดิ ทางทฤษฎีเศรษฐศาสตรป์ รัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง. (กรุงเทพมหานคร : สานักนายกรัฐมนตร,ี ๒๕๔๖), หน้า ๖๕.
26 สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ. (เรื่องเดียวกนั ), หนา้ ๖๙.
๒๑
“...เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาของเศรษฐกิจการที่ต้องใช้รถไถ ต้องไปซ้ือเราต้องใช้ต้องหาเงินมา
สาหรับน้ามันสาหรับรถไถ เวลารถไถเก่า เราต้องยิ่งซ่อมแซม แต่เวลาใช้น้ันเราก็ต้องป้อนน้ามันให้เป็นอาหารแล้ว
มันคายควัน ควัน เราสูตรเข้าไปแล้วก็ปวดหัว ส่วนควายเวลาเราใช้เราก็ต้อง ป้อนอาหารต้องให้หญ้าให้อาหารมัน
กิน แต่ว่ามนั คายออกมาท่มี นั คายออกมากเ็ ปน็ ปุ๋ยแลว้ ก็ใช้ไดส้ าหรบั ให้ทีด่ ินของเราไม่เสีย...”
พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา
ณ ศาลาดสุ ิตาลัย วนั ท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔
“... ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดีท่ีเขาเรียกว่าเล็งคนเลิศ ก็เห็นว่าประเทศไทยเราน่ีก้าวหน้าการเงิน
การอุตสาหกรรมการค้าดีมีกาไรอีกทางหนึ่งก็ต้องบอกว่าเรากาลังเส่ือมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีว่าถ้ามีเงินเท่าน้ันๆมี
การกู้เท่านั้นๆ หมายความว่าเศรษฐกิจก้าวหน้าแล้วก็ประเทศก็เจริญมีหวังว่าจะเป็นมหาอานาจขอโทษเลยต้อง
เตือนเขาวา่ จรงิ ตัวเลขดแี ต่ว่าถ้าเราไมร่ ะมัดระวังในความต้องการพนื้ ฐานของประชาชนนนั้ ไม่มที าง...”
พระราชดารสั เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิตาลยั วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๖
“...เดี๋ยวน้ี ประเทศไทยก็ยังอยู่ท่ี พอสมควร ใช้คาว่าพอสมควรเพราะมีคน มีคนจน คนเดือดร้อนจานวนมาก
พอสมควรแต่ใช้คาว่าพอสมควรนี้ หมายความว่า ตามอัตภาพ...” พระราชดารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระ
ชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสติ าลัย วนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙
“...ที่เป็นห่วงนั้น เพราะแม้ในเวลา ๒ ปี ท่ีเป็นปีกาญจนาภิเษกก็ได้ส่ิงท่ีทาให้เห็นว่าประชาชนยังมีความเดือดร้อน
มาก และมีสิ่งท่ีควรจะแก้ไขและดาเนินการต่อไปทุกด้าน มีภัยจากธรรมชาติกระหน่า ภัยธรรมชาตินี้เราสามารถท่ี
จะบรรเทาได้หรือแกไ้ ขได้ เพยี งแต่วา่ ตอ้ งใชเ้ วลาพอใช้ มีภยั ที่มาจากใจของคนซ่งึ ก็แกไ้ ขได้ เหมือนกันแต่ว่า
ยากกว่าภัยธรรมชาติ ธรรมชาติน้ันเป็นส่ิงนอกกายเรา แต่นิสัยใจคอของคนเป็นส่ิงที่อยู่ข้างในอันน้ีก็เป็นข้อหน่ึงท่ี
อยาก ให้จดั การให้มคี วามเรยี บร้อย แตก่ ไ็ มห่ มดหวงั ...” พระราชดารัสเนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิตาลัย วันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙
“... การจะเป็นเสือนั้นไม่สาคัญ สาคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่าอุ้มชู
ตัวเราได้ให้มีพอเพียงกับตัวเอง ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวเอง
จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างน้ันมันเกินไปแต่ว่าในหมู่บ้าน หรือในอาเภอจะต้องมีความพอเพียงพอสมควรบางส่ิง
บางอย่างผลิตได้มากกว่าความตอ้ งการ กข็ ายไดแ้ ต่ขายในทไี่ ม่หา่ งไกลเท่าไร ไม่ตอ้ งเสียค่าขนส่งมากนกั ...”
พระราชดารสั เนอื่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสติ าลัย วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙
๒๒
“... เม่ือปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พูดถึงว่าเราควรปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอพอกินน่ีก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียง
นน่ั เอง ถา้ แต่ละคนมพี อมพี อกนิ ก็ใชไ้ ด้ ยงิ่ ถ้าท้งั ประเทศมีพอมีพอกินกย็ ิ่งดแี ละประเทศไทยเวลานนั้ กเ็ ริม่ จะไม่ เป็น
ไม่พอมีพอกนิ บางคนก็มีมากบางคนกไ็ ม่มเี ลย...”
พระราชดารสั เนือ่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา
ณ ศาลาดสุ ิตาลยั วันท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑
“... พอเพียงมีความหมายกว้างขวาง ย่ิงกว่านี้อีกคือคาว่าพอ ก็พอเพียงน้ีก็พอแค่น้ันเอง คนเราถ้าพอใน
ความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอ่ืนน้อย ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้มี
ความคิดว่าทาอะไรต้องพอเพียงความหมายว่าพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุขพอเพียง นี้
อาจจะมี มีมากอาจจะมขี องหรหู ราก็ได้ แตว่ า่ ต้องไม่ไปเบยี ดเบียนคนอ่ืน...”
พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตาลยั วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑
“... ไฟดับถ้ามีความจาเป็น หากมีเศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่เต็มที่ เรามีเคร่ืองป่ันไฟก็ใช้ปั่นไฟ หรือถ้าขั้น
โบราณกลัวมืดก็จุดเทียน คือมีทางท่ีจะแก้ปัญหาเสมอ ฉะนั้นเศรษฐกิจพอเพียงก็มีเป็นขั้นๆแต่จะบอกว่าเศรษฐกิจ
พอเพียงนี้ ให้พอเพียงเฉพาะตัวเอง ๑๐๐% นี้เป็นส่ิงทาไม่ได้ จะต้องมีการแลกเปล่ียนต้องมีการช่วยกัน ถ้ามีการ
ช่วยกันแลกเปลย่ี นกนั กไ็ ม่ใช่พอเพียงแล้วแต่วา่ พอเพยี งในทฤษฎีในหลวงนี้คือ ใหส้ ามารถ ทีจ่ ะดาเนินงานได้...”
พระราชดารัสเนอ่ื งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตาลัย วนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๒
“... โครงการต่างๆหรือเศรษฐกิจที่ใหญ่ต้องมีความสอดคล้องกันดีที่ไม่ใชเ่ หมือนทฤษฎีใหม่ ท่ีใชท้ ี่ดินเพียง
๑๕ ไรแ่ ละสามารถที่จะปลูกข้าวพอกินกิจการใหญ่กวา่ แต่ก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน คนไม่เขา้ ใจวา่ กิจการ
ใหญ่ๆงานสร้างเขื่อนป่าสักก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน เขา นึกว่าเป็นเศรษฐกิจ สมัยใหม่เป็นเศรษฐกิจที่
ห่างไกลจากเศรษฐกิจพอเพียงแต่ที่จรงิ แลว้ เป็นเศรษฐกิจพอเพยี งเหมอื นกนั ...”
พระราชดารสั เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตาลัย วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๒
“... ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทาอะไรให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเองคือทาจากรายได้
๒๐๐ – ๓๐๐ บาทข้ึนไปเป็น ๒๐,๐๐๐ ๓๐,๐๐๐ บาทคุณชอบเอาคาพูดของฉันเศรษฐกิจพอเพียงไปพูดกันเลอะ
เทอะ เศรษฐกิจพอเพียงคือทาเป็น Self-Sufficiency มันไม่ใช่ความหมายไม่ใช่แบบที่ฉันคิดคือ ท่ีฉันคิดคือเป็น
Self-Sufficiency of Economy เชน่ ถ้าเขาต้องการดทู วี ี ก็ควรให้เขามีดูไมใ่ ชไ่ ปจากดั เขาไมใ่ ห้ซอื้ ทวี ีดเู ขาต้องการดู
เพ่ือความสนุกสนานในหมู่บ้านไกลๆท่ีฉันไป ที่เขามีทีวีดูแต่ใช้แบตเตอร่ีเขาไม่มีไฟฟ้าแต่ถ้า Sufficiency น้ันมีทีวี
เขาฟ่มุ เฟือย เปรียบเสมอื นคนไมม่ ีสตางค์ไปตัดสทู ใส่และยงั ใส่เนค็ ไทเวอร์ซาเช่ อนั น้ีกเ็ กินไป...”
พระตาหนักเป่ยี มสุข วังไกลกงั วล ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔
๒๓
ประเทศไทยกับเศรษฐกจิ พอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้ผู้ผลิต หรือผู้บริโภค พยายามเร่ิมต้นผลิตหรือบริโภคภายใต้ขอบเขตข้อจากัด
ของรายได้หรือทรัพยากรที่มีอยู่ไปก่อน ซ่ึงก็คือหลักในการลดการพ่ึงพาถ้าเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมการ
ผลิตได้ด้วยตนเอง และการลดภาวะความเสี่ยงจากการไม่สามารถควบคุมระบบตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่ความหมายถึงการกระเบียดกระเสียน จนเกินสมควรหากแต่อาจฟุ่มเฟือยได้เป็นคร้ังคราว
ตามอตั ภาพแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศมักใช้จา่ ยเกนิ ตัวเกนิ ฐานะท่หี ามาได้
๒.๓ งานวจิ ัยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ 27ได้กล่าวถึงเศรษฐศาสตร์แนวพุทธและเศรษฐกิจพอเพียงอันเนื่องมาจาก
พระราชดารไิ ว้ในวทิ ยานิพนธ์เร่อื ง “มชั ฌมิ าปฏิปทา” ในพระไตรปิฎกกบั ทางสายกลางในแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
อันเน่ืองมาจากพระราชดาริว่ากจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ท่ีหลากหลายนนั้ หากจะให้มคี ุณค่าท่ีแท้จริงและแก้ปัญหาของ
มนษุ ย์ได้ก็จะต้องให้มกี ิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการผลิตการบรโิ ภคการแจกจา่ ยการสร้างงาน
ฯลฯ จะต้องเป็น “สัมมนาเศรษฐกรรม” คือเป็นเศรษฐศาสตร์เชิงจริยธรรมและมีเป้าหมายเพ่ือการยกระดับ
คุณภาพชีวติ มนษุ ย์ท้ังรา่ งกายและจิตใจตลอดไปถึงสงั คมชุมชนระบบนเิ วศ และโลกเป็นสว่ นร่วมดว้ ย
พระมหาประทีป พรมสทิ ธ์ 28ได้กลา่ วถึงเศรษฐกิจพอเพียงไว้ในวิทยานิพนธ์เร่ืองการศกึ ษาวิเคราะห์เชิง
ปรัชญาเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงว่าเศรษฐกิจพอเพียงจริยาศาสตร์การพึ่งตนเองและอยู่บนพ้ืนฐานความเข้มแข็งของ
ตนเองตามหลักของพระพุทธศาสนาโดยมุ่งเน้นการผลิตพืชผลให้เพียงพอกับความต้องการบริโภคในครัวเรือนเป็น
อนั ดับแรกเม่ือเหลือจากการบรโิ ภคแล้ว จึงคานึงการผลิตเพ่ือการค้าเป็นอันดับรองมาผลติ ผลส่วนเกนิ ที่ออกส่ตู ลาด
จะเป็นกาไรของการเกษตรในสภาพการณ์เช่นนี้เกษตรกรจะกลายเป็นผู้กาหนดหรือผู้กระทาต่อตลาดแทนท่ีตลาด
จะเป็นตัวทา หรือกาหนดเกษตรท่ีดาเนินการเช่นนี้จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยการสร้างสิ่งอุปโภคในท่ีดินของ
ตนเอง
พระมหาจรัญ วิจารณเมธี (นิลาพันธ์) 29ได้กล่าวถึงสันโดษในวิทยานิพนธ์เร่ืองการศึกษาวิเคราะห์เชิง
ปรชั ญาเร่อื งสันโดษในพระพทุ ธศาสนาไว้ว่าสันโดษคือความพึงพอใจในผลสาเร็จหรอื ผลท่ตี นสร้างขึน้ ด้วยความบาก
บ่นั ดว้ ยการทุ่มเทพละกาลังลงไปและโดยชอบธรรม
27 มนูญ มุกขป์ ระดิษฐ.์ “มัชฌิมาปฎิปทา”, ในพระไตรปฎิ กกบั ทางสายกลางในแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งอันเน่ืองมาจาก
พระราชดาร,ิ อ้างใน ดุษฎีบณั ฑติ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , (กรงุ เทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,
๒๕๔๕), หน้า ๑๑๘.
28 พระมหาประทปี พรมสิทธ์. การศึกษาวเิ คราะห์เชิงปรัชญาเร่ืองเศรษฐกจิ พอเพียง. วิทยานพิ นธศ์ ลิ ปะศาสตร์
มหาบัณฑติ ภาคปรชั ญา. (บณั ฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๔๔), หนา้ ๕๘.
29 พระมหาจรัญ วิจารณเมธี. การศึกษาวิเคราะห์เชงิ ปรชั ญาเรอื่ งสนั โดษในพระพทุ ธศาสนาเถรวาท. พุทธศาสตร์
มหาบัณฑติ ภาคปรัชญา, (บัณฑิตวทิ ยาลยั : มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๑), หน้า ๑๐.
๒๔
ชาญชัยเพ็ชร ประพันธ์กุล 30ได้ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศไทยจากแนวปรัชญาสู่
การนาไปปฏิบตั ิจริงพบว่าปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ฯ มคี วามสมบูรณ์ของตวั แปร
ต้นและตัวแปรตามครบถ้วนในการท่ีจะใช้ในการอธิบายปัญหาการพัฒนาประเทศทั้งทางด้านสังคมเศรษฐกิจและ
การเมืองพร้อมท้ังมีพลังในการอธิบายได้ดีกว่าแนวคิดการพัฒ นาเศร ษฐกิจแบบตะวันตกท้ังยังสามารถนาไป
ประยุกต์ใชไ้ ดท้ ั้งประเทศกาลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้ว ตัวแปรตามคือการพัฒนาประเทศทั้งสามด้านได้แก่
การพัฒนาสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจ และการพัฒนาการเมือง ตัวแปรต้นหรือตัวแปรเหตุมีท้ังสิ้นสามกลุ่มได้แก่
กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่เก่ียวข้องกับเศรษฐศาสตร์คือการต้องเลือกระหว่างความพอเพียงความพอประมาณกับการ
แขง่ ขนั กลุ่มท่ีสองเป็นกล่มุ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับเศรษฐศาสตร์ด้านการจดั การคือการตอ้ งจดั การดาเนนิ งานทุกขัน้ ตอนอย่าง
มีแผนด้วยเหตุด้วยผล โดยอยู่บนพ้ืนฐานหลักวิชาที่ถูกต้อง กลุ่มท่ีสามเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสตร์คือการ
ตอ้ งมีคุณธรรม ความซอื่ สัตย์สุจริต ความเพียรพยายามความอดทนบนพ้นื ฐานความมีสติและปัญญาของประชาชน
ทุกระดบั นักทฤษฎีนักธุรกจิ และเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ
นิพนธ์ พัวพงศกร 31ได้กล่าวถึงการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็น
ทางเลือกท่ีจะทาให้เกิดการพฒั นาบนพน้ื ฐานของประโยชน์สว่ นรวมโดยเชอื่ มหลักเศรษฐกิจพอเพียงในส่วนของการ
สร้างภูมิคุ้มกันต่อความเส่ียง ทั้งน้ี วิเคราะห์ว่าความชะล่าใจของการมองว่าเศรษฐกิจจะมีแต่ขาข้ึนทาให้เกิดความ
ไม่รอบคอบและขาดการระมัดระวังเท่าท่ีควรจึงควรประยุกต์ใช้เครื่องมือบริหารความเส่ียงอย่างมีระบบ และมี
ประสิทธิภาพ การประยุกต์แนวคิดเร่ืองความพอเพียงควรมีความยืดหยุ่นพอสมควรเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะ
แวดลอ้ มทีแ่ ตกตา่ งกันไปของแตล่ ะท้องถนิ่ และประเภทของอตุ สาหกรรม
อจั ฉรา ราชแกว้ 32ได้ศึกษาการใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในการดาเนินชีวติ ของพนกั งาน
ขับรถโดยสารประจาทางจังหวัดปทุมธานีพบว่าพนักงานขับรถโดยสารประจาทางมีระดับการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงไปปรับใช้ในการดาเนินชีวิตในระดับมากทุกด้านได้แก่ ด้านองค์การสังคมและครอบครัวดังนี้ ด้าน
ครอบครัวพนักงานขับรถโดยสารประจาทางมีการจัดสรรเงินเดือนท่ีได้รับให้เหมาะสมกับรายจา่ ยภายในครอบครัว
วางแผนควบคุมการใช้เงินเลือกท่ีจะประพฤติตนในส่ิงท่ีดีเพ่ือลดค่าใช้จ่ายท่ีไม่จาเป็นลงอันได้แก่ การเล่นหวย ด้าน
องค์กรพนักงานขับรถโดยสารประจาทางปฏิบัติหน้าท่ีอย่างเคร่งครัดขับรถด้วยความระมัดระวังรอบค อบไม่
ประมาทมีความต้ังใจที่จะปฏิบัติหน้าท่ีเพอ่ื องค์กรของตนเองและหลีกเลี่ยงท่ีจะด่มื สุราเพื่อให้ร่างกายพร้อมท่ีจะขับ
รถด้านสังคมพนักงานขับรถโดยสารประจาทางมีการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังรอบคอบไม่ประมาท
ห ลีกเล่ี ยงการด่ื มสุ ราขณ ะป ฏิ บั ติ ห น้ าท่ีเพื่ อไม่ให้ เกิ ดอุ บั ติ เห ตุ ทางถน น แ ละน ามาซึ่งความสู ญ เสี ยใน ชี วิตแ ล ะ
30 ชาญชยั เพ็ชร ประพนั ธก์ ุล. “ เศรษฐกจิ พอเพยี งกับการพฒั นาประเทศไทยจากแนวปรัชญาสกู่ ารนาไปปฏบิ ตั ิ
จริง”, งานวิจัยภาควชิ าสหกรณค์ ณะเศรษฐศาสตร.์ (กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, ๒๕๕๐), หน้า ๕๐.
31 นิพนธ์ พัวพงศกร. การพฒั นาอุตสาหกรรมไทยกบั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง. (กรุงเทพมหานคร : สถาบนั วิจัยเพื่อ
การพัฒนาประเทศไทย, ๒๕๔๒), หน้า ๑.
32 อัจฉรา ราชแก้ว. “การนาหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดาเนินชีวิตของพนกั งานขับรถโดยสารประจาทาง
จังหวัดปทมุ ธาน”ี , ภาคนิพนธศ์ ลิ ปศาสตร์มหาบณั ฑติ สาขาวชิ าพฒั นาสงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม. (บณั ฑิตวทิ ยาลยั : สถาบนั
บัณฑิตพัฒนบรหิ ารศาสตร,์ ๒๕๕๐), หนา้ ๑๐๖-๑๐๗.
๒๕
ทรัพย์สินอันส่งผลกระทบต่อสังคม ในภาพรวมในการปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวทาให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขเป็นเมืองท่ี
ปลอดภัยนาไปสเู่ ป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
อนุวงษ์ วาวงศ์มูล 33ได้ศึกษาการพัฒนาคุณภาพคุณภาพชีวติ ของชาวชนบทในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจตาม
แนวพระราชดาริ ศกึ ษาเฉพาะกรณี สานักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทพบว่า โครงการส่งเสริมการใช้
นา้ ตาม ทฤษฎีใหม่สามารถสนองพระราชดาริได้ท้งั ในขั้นมอี ยู่มกี ิน และเพิ่มรายได้ทาให้คุณภาพชีวติ ชาวชนบทเกิด
การเปล่ียนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นท้ังในด้านเศรษฐกิจและสังคมในด้านเศรษฐกิจพบว่าครัวเรือนของสมาชิกใน
จังหวัดเชียงรายและแพร่มีรายได้อันเป็นผลมาจากการดาเนินการทาการเกษตรแบบผสมผสานสูงกว่า ๙๙,๗๓๒
บาทต่อปี ซึ่งเป็นรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนเกษตรในชนบทและด้านการลดรายจ่ายในครัวเรือนพบว่าสมาชิ กได้
บริโภคผลผลิตท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินกิจกรรมคิดเป็นมูลค่าปีละ ๒๖,๘๕๘.๘๙ บาท และ ๓๖,๑๐๗.๓๙ บาท
ตามลาดับ สุดท้ายด้านสังคมพบว่า ได้สร้างความเข้มแข็งให้เกิดแก่องค์กรชุมชนที่จัดต้ังขึ้นท้ัง ๓ จังหวัด ได้แก่
เชยี งราย แพร่ และศรสี ะเกษ
สรุป ผู้ศึกษาได้ศึกษาข้อมูลเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงข้างต้น
ผู้ศึกษาสามารถสรุปได้ว่าคือเศรษฐกิจทางสายกลางหรือเศรษฐกิจแบบมัชฌิมาปฏิปทา เพราะเช่ือมโยงทุกเรอ่ื งเข้า
มาด้วยกันท้ังเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและที่จริงคาว่าเศรษฐกิจเป็นคาที่มีความหมายดีท่ี
หมายถึงท่ีเช่ือมโยงใจ สังคม วัฒนธรรมและส่ิงแวดล้อมเขา้ ดว้ ยกันแตไ่ ด้นาเอาคาวา่ เศรษฐกิจไปใช้ในลักษณะแบบ
แยกส่วน ท่ีไม่ได้หมายถึงการแสวงหาเงินเท่านั้นและเป็นการแสวงหาคุณธรรมจริยธรรมเป็นการแสวงหาความรู้ท่ี
เกดิ จากการรอบรู้รอบคอบ ระมดั ระวงั ซ่ือสตั ย์ สุจริต ขยัน อดทน สตปิ ัญญา แบ่งปันในการประกอบอาชพี ท่ไี มเ่ อา
รัดเอาเปรียบด้วยและจากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยข้างต้นผู้วิจัยมีความเห็นว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็น
เศรษฐกิจทางสายกลางหรือเศรษฐกิจมัชฌิมาปฏิปทา เพราะเช่ือมโยงทุกเร่ืองเข้ามาด้วยกันทั้งเศรษฐกิจ จิตใจ
สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและที่จริงคาว่าเศรษฐกิจเป็นคาที่มีความหมายดีที่หมายถึงที่เช่ือมโยงใจ สังคม
วัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อมเข้าด้วยกัน แต่ได้นาเอาเศรษฐกิจไปใช้ในลักษณะแบบแยกส่วน ที่ได้หมายถึง การ
แสวงหาเงินเท่านน้ั เม่ือแยกส่วนกท็ าลายส่วนอน่ื ๆจนเสียสมดุลและวกิ ฤตซึ่งสอดคล้องกับศาสตราจารย์นายแพทย์
ประเวศ วะสี และเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ การมีชีวิตอยู่อย่างพอดี เมื่อพอดีแล้วต่อไปจะขยับขยายใหม้ ีมากข้ึนอีกก็
ได้ ขอเพียงแต่ต้องหามาได้โดยถูกต้องชอบธรรมเป็นตามลาดับซึ่งสอดคล้องกับพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
ปราชญแ์ หง่ พุทธธรรมไดก้ ล่าวไว้แล้วขา้ งต้น
๒.๔ กรอบแนวคิดการวจิ ยั
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อันเนื่องมาจากพระราชดาริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิใช่ทฤษฎีหรือ
หลักการทางเศรษฐศาสตร์โดยตรง หากแต่เป็นวิถีแห่งการดาเนินชีวิตท่ีดีงามและพึงปรารถนาของประชาชนชาว
ไทยโดยเฉพาะอย่างย่ิงในภาวะท่ีต้องเผชิญกับภัยและวิกฤติอันเน่ืองมาจากลิทธิบริโภคนิยมและกระแสวัตถุนิยม
33 อนุวงษ์ วาวงศม์ ูล. “การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของชาวชนบทในภาวะวิกฤตเศรษฐกจิ ตามแนวพระราชดาริทฤษฎใี หม่
กรณศี ึกษาสานกั งานเร่งรัดพฒั นาชนบท”, วิทยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาวชิ ารัฐศาสตร.์ (บัณฑิตวทิ ยาลัย :
มหาวิทยาลยั รามคาแหง, ๒๕๔๒), หนา้ ๗๙.
๒๖
ของระบบทุนนิยมในเศรษฐกิจกระแสหลักของประเทศไทย ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้สามารถนาไปเป็นหลักใน
การดาเนินชีวิตท้ังในส่วนของปัจเจกบุคคล ชุมชน สังคม และประเทศชาติเป็นส่วนร่วมอีกทั้งยังสามารถนาไป
ประยุกต์ใช้ได้กับท้ังเกษตรกรชาวนาชาวไร่ และบุคคลทุกสาขาอาชัพ ท้ังท่ีอยู่ในชนบทในชุมชนและในสังคมเมือง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอาจให้ความหมายสรุปยอ่ ไวว้ ่า วิถีชีวิตของคนไทยที่อยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง
พอดแี ละความพอประมาณอย่างมีเหตผุ ล สาหรบั เกษตรกรนั้นอาจหมายถึงความพออยู่ พอกิน ไม่ฟงุ้ เฟ้อ ฟ่มุ เฟือย
แต่มีคุณภาพท่ีดีตามสมควรแก่อัตภาพในส่วนของเกษตรกรในท้องถน่ิ ชนบทท้ังใกล้และไกลนั้นอาจดาเนินกิจกรรม
ทฤษฎีใหม่ซ่ึงเป็นกระบวนการหน่ึงในเศรษฐกิจพอเพียงสาหรับเกษตรกรเพ่ือพัฒนาท่ีดินซึ่งมีอยู่จากัดและน้าเพื่อ
การเกษตรกรรมให้เพียงพอใช้ได้ตลอดปี อันเป็นหลักประกันความพอเพียง พออยู่ พอกิน เพ่ือเป็นพื้นฐานของการ
พฒั นาในระบบทฤษฎีใหม่ขัน้ สงู ขนึ้ ตอ่ ไป
ดังน้ัน แนวทางในการส่งเสริมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงท่ีกล่าวมาข้างต้น
สามารถวิเคราะหแ์ นวทางการปฏิบัติ รูปแบบกิจกรรมท่ีจะนาไปส่งเสริมใหป้ ระชาชนในหมู่บา้ น ชุมชนนาไปปฏิบัติ
ในระดับครอบครวั และชุมชน และขยายวงกวา้ งออกไปอีกทุกสงั คมตอ่ ไปโดยยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ท่ีมีท่ีดิน ๔ ดา้ น คือ ๑) การส่งเสริมมิตดิ ้านเศรษฐกจิ ๒) การส่งเสริมมิติดา้ นสังคม ๓) การส่งเสริมมิตดิ า้ นจิตใจ ๔)
การส่งเสริมมิติด้านวัฒนธรรม ซึ่งจัดอยู่ในแผนยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตาบล ปี
พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๕๙ แผนยุทธศาสตร์ที่ ๙ ยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรและการส่งเสริมอาชีพ จะเห็นได้ว่าแนว
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดท่ีชี้ถึงแนวทางการดารงอยู่และการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ
ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับประเทศ รวมท้ังการพัฒนาและการบริหารประเทศ เพื่อดาเนินไปในทางสาย
กลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกจิ เพอื่ ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวัตน์
ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณและความมีเหตุผลรวมถึงความจาเป็นที่จะต้องมีภูมิคุ้มกันใน
ตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ท้ังน้ีจะต้องอาศัย
ความรอบรู้รอบคอบและความระมัดระวังอย่างย่ิงในการนาวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผนและดาเนินการทุก
ขัน้ ตอนขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐานทางจติ ใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั นักทฤษฎีและนัก
ธุรกิจในทุกระดับให้มีจิตสานึกในคุณธรรมความส่ือสัตย์สุจริตและให้มีความรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความ
อดทน มคี วามเพียร มีสติปัญญา
๒๗
ตัวแปลต้น กรอบแนวคิดการวจิ ัย
ข้อมูลท่ัวไปของนิสิตโดย ตวั แปรตาม
แยกตามเพ ศและอายุ พฤติกรรมการดาเนิน
ประกอบดว้ ย
๑. เพศ ชี วิ ต ต าม ห ลั ก ป รั ช ญ า ข อ ง
เศรษฐกิจพอเพียง ของนิสิต
๑.๑ ชาย สาขาวิชาสังคม ช้ันปีที่ ๓ คณะ
ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหา
๑.๒ หญงิ จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
๒. อายุ เขตขอนแก่น
หลักปรัชญาเศรษฐกจิ
พอเพียง ได้แก่
๑. หลักการ ประกอบดว้ ย
๑.๑ พอประมาณ
๑.๒ มเี หตุผล
๑.๓ มภี ูมิคุม้ กัน
๒. เงอื่ นไข ประกอบด้วย
๒.๑ ความรู้
๒.๒ คณุ ธรรม
บทท่ี ๓
วิธีการดาเนินการศกึ ษา
การศึกษาคร้งั น้ี มวี ัตถุประสงค์ เพ่ือศกึ ษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ
นสิ ิตสาขาวิชาสงั คมศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ผู้ศึกษาได้ดาเนนิ การศกึ ษา โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี
3.1 รูปแบบการวิจัย
๓.2 ประชากรและกลมุ่ เปา้ หมาย
๓.3 เคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
๓.4 วิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
๓.5 การวิเคราะหข์ อ้ มลู
3.6 สถิติทีใ่ ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
3.1 รูปแบบการวจิ ัย
การศึกษาคร้ังน้ี เป็นการศึกษาเชิงปริมาณมีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลัก
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ช้ันปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยใช้เครื่องมือคือแบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล และนาข้อมูลมา
วิเคราะห์หาค่าทางสถิติ คือ ข้อมลู ทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม หาคา่ ร้อยละ และขอ้ มลู ตามวัตถปุ ระสงค์ของการ
วจิ ัย หาค่าเฉลี่ย ̅ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) พรอ้ มทัง้ นาเสนอผลการข้อมลู แบบความเรยี ง
๓.2 ประชากรและกลมุ่ เป้าหมาย
ประชากรกลุม่ เป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาน้ี คือ นสิ ิตสาขาวิชาสงั คมศกึ ษา ช้นั ปีที่ 3 จานวน 30 คน ภาค
เรยี นที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒ คณะครุศาสตร์ ท่ีกาลังศกึ ษาใน มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแกน่ (ขอ้ มูลจากฝา่ ยทะเบียน ณ วนั ท่ี 12 มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๖2 )
ตารางท่ี ๑ ประชากรกลุ่มเป้าหมาย นิสิตระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ ช้ันปีที่ 3 ภาค
เรยี นท่ี ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖2
ช้ันปีที่ ชาย หญงิ รวม
3 14 ๑๖ ๓0
๒๙
๓.3 เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบสอบถามท่ีผู้ศึกษาสร้างข้ึน โดยมีเนื้อหาครอบคลุม วัตถุประสงค์และ
เน้ือหาจากแนวคิดท่ีต้องการศึกษา พร้อมทั้งขั้นตอนของการทาเคร่ืองมือก่อน นาไปใช้จริง แบบสอบถามมี ๑ ชุด
แบ่งออกเปน็ ๒ ตอน ดังน้ี
3.3.1 ขัน้ ตอนการสร้างเครอ่ื งมือ
๑. ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร วารสาร และผลงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับการใช้ อินเทอร์เน็ต
เพ่ือเป็นแนวทางในการสร้างเครอ่ื งมือ
๒. ศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ๕ ระดับ ตาม
วิธีการของ ไลเครท์ิ (Likert)
๓. ศึกษางานวจิ ัยท่ีเก่ียวข้องกับพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ของ กรรณกิ าร์ ภริ มยร์ ัตน์ และ สุภัทรา บญุ ปัญญโรจน์ เพื่อใชเ้ ปน็ แนวใน การสร้างแบบสอบถามทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัย
๔. นาข้อมูลท่ีได้จากข้อ ๑,๒ และ ๓ มาสร้างเป็นแบบสอบถามพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตาม
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 ในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๒
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
โดยแยกแบบสอบถามเปน็ ๒ ตอนดังน้ี
ตอนท่ี ๑ แบบสอบถามข้อมูลทัว่ ไปของนิสติ แบบสอบถาม ประกอบด้วยข้อ คาถามเกีย่ วกับเพศ และอายุ
ตอนท่ี ๒ แบบสอบถามวัดพฤติกรรมการดาเนินชีวิตของนิสิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
แบบสอบถามทั้งหมดมี ๓๐ ข้อ ลักษณะของแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ๕ ระดับ ตามวิธีการ
ของ ไลเคริ ์ท (Likert) 34
ผู้ศกึ ษากาหนดเกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดงั นี้
มากท่ีสุด หมายถึง ตรงกบั พฤติกรรมท่ีนิสิตดาเนินชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงอยู่
มาก ในระดบั มากทส่ี ุด
ปานกลาง หมายถงึ ตรงกบั พฤตกิ รรมทีน่ สิ ติ ดาเนินชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงอยู่
นอ้ ย ในระดับมาก
น้อยท่สี ดุ หมายถงึ ตรงกับพฤติกรรมทีน่ ิสติ ดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งอยู่
ในระดับปานกลาง
หมายถงึ ตรงกบั พฤติกรรมที่นสิ ิตดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งอยู่
ในระดบั นอ้ ย
หมายถึง ตรงกบั พฤตกิ รรมทน่ี ิสติ ดาเนินชวี ติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงอยู่
ในระดบั นอ้ ยท่ีสดุ
34 Likert, R. A. Technique for the Measurement of Attitude. (Archives Psychological. 3 (1), 1932), pp.
42 - 48.
๓๐
ผูศ้ กึ ษากาหนดเกณฑใ์ นการแปลความหมายของค่าคะแนนเฉลยี่ ดงั น้ี
๔.๕๐ - ๕.๐๐ หมายถึง นิสติ มพี ฤติกรรมการดาเนินชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงระดับมาก
ท่ีสดุ
๓.๕๐ - ๔.๔๙ หมายถึง นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ใน
ระดับมาก
๒.๕๐ - ๓.๔๙ หมายถึง นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ใน
ระดับปานกลาง
๑.๕๐ - ๒.๔๙ หมายถึง นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ใน
ระดบั นอ้ ย
๑.๐๐ - ๑.๔๙ หมายถึง นิสิตมีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ใน
ระดบั นอ้ ยท่ีสุด
๕. นาแบบสอบถามท่ีสร้างเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว เสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา งานวิจัยศึกษาอิสระทาง
สงั คมศกึ ษา เพ่อื ขอคาแนะนาและได้ปรบั ปรุงแก้ไขตามคาแนะนา
6. นาแบบสอบถามไปให้ผู้เชย่ี วชาญจานวน ๓ คน ตรวจสอบความเที่ยงตรง ของแบบสอบถาม
จากนนั้ นามาปรบั ปรงุ แก้ไขให้สมบรู ณ์ เพอื่ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งชัดเจนอกี ครง้ั ก่อนนาแบบทดสอบไปทดลองใช้
๗. นาแบบสอบถามท่ีได้ไปทดลองใช้ นิสิตชั้นปีท่ี 1 จานวน ๓๐ คน เพื่อหาค่าหาความเชื่อมั่น
ของแบบสอบถามท้งั ฉบับ จานวน ๓๐ ขอ้
๘. ปรบั ปรุงแบบสอบถามก่อนนาไปใช้จริงกบั กลุม่ เป้าหมาย
๓.4 วธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู
๓.4.๑ ผศู้ กึ ษาไดด้ าเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดังนี้
๓.๓.๑.๑ ผ้วู ิจยั ได้ทาการเกบ็ รวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยมีขั้นตอนดังน้ี
๑) ผู้ศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลกับนิสิตในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖3 โดยได้แจกแบบสอบถามให้กับนิสิต
สาขาวิชาสังคมศึกษา ปี 3 ซ่งึ เปน็ กลุม่ เปา้ หมายในจานวน 30 คน
๒) ก่อนลงมือตอบแบบสอบถามผู้ศึกษาได้ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์การศึกษาแต่ละข้ันตอน การตอบ
แบบสอบถามให้นิสิตเขา้ ใจจากน้นั ใหน้ สิ ิตลงมือตอบแบบสอบถามตามความเปน็ จรงิ
๓) รวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับกลบั คืนมาตรวจสอบความสมบรู ณ์ และให้คะแนนตาม เกณฑท์ ก่ี าหนด
๔) นาข้อมูลท่ีได้จากแบบสอบถามมาหาค่าคานวณทางสถิตโดยใช้แกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป เพ่ือหา
คา่ สถติ ิพืน้ ฐาน เชน่ การหาค่าร้อยละ การหาค่าเฉลย่ี และการหาคา่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน
๓๑
๓.5 การวิเคราะห์ข้อมลู
๓.5.๑ การวิเคราะห์ข้อมูล
ในการศึกษาคร้ังน้ี วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์สาเร็จรูปตามลาดับดงั นี้
ตอนท่ี ๑ การวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของกลุ่มเป้าหมาย เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบ
แบบสอบถามใชก้ ารหาค่ารอ้ ยละจาแนกตาม เพศ และ อายุ
ตอนท่ี ๒ ตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาข้อ ๑ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงของนิสิต สาขาวิชาสังคมศึกษา ช้ันปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ โดยการหาคา่ เฉล่ีย ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน
๓.6 สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล
๑. สถติ ิพนื้ ฐาน ไดแ้ ก่
๑.๑ ค่ารอ้ ยละ
ค่ารอ้ ยละ = จานวนทตี่ อ้ งการเปรียบเทียบ × ๑๐๐
จานวนเตม็
๑.๒ ค่าเฉล่ยี
̅ =
เมื่อ ̅ แทนค่าเฉลี่ยของกล่มุ ตวั อยา่ ง
แทน ผลรวมของผลคูณระหวา่ งคะแนนกับความถข่ี องคะแนน
N แทน จานวนข้อมลู ตัวอยา่ ง
๑.๓ สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน
√ ๒ − ( )๒
= ( − ๑)
เม่อื S แทน คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน
n แทน ขอ้ มูลทงั้ หมด
แทน ผลรวมท้งั หมดความถ่คี ณู คะแนน
๒. สถิติท่ีใช้ตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมือ
๒.๑ หาคา่ ความเชือ่ มนั่ ดว้ ยคา่ (IOC)
บทที่ ๔
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล
การศึกษาพฤตกิ รรมการดาเนินชีวติ ตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งของนสิ ิต มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ของนิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ช้ันปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ซง่ึ ไดแ้ ยกผลวเิ คราะหข์ ้อมูลเป็น ๒ ตอน และองค์ความรจู้ ากการวเิ คราะหข์ อ้ มูลดังน้ี
๔.๑ ตอนที่ ๑ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลทัว่ ไปของกลุม่ เป้าหมาย
๔.๒ ตอนที่ ๒ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตามวตั ถปุ ระสงค์การวิจัย
4.3 องค์ความรจู้ ากการศกึ ษา
การนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลและการแปลผลการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาครง้ั นี้ ผู้ศึกษาได้วเิ คราะห์
ข้อมูลและนาเสนอในรปู แบบของตารางประกอบคาอธิบาย ตามลาดบั ดงั น้ี
การศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของนิสติ สาขาวิชาสังคมศกึ ษา
ช้ันปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยภาพรวม และเป็น
รายด้าน ๕ ด้าน คือ ด้านความพอประมาณ ด้านความมีเหตุผล ด้านความมีภูมิคุ้มกัน ด้านความรู้ และด้าน
คณุ ธรรม โดยการหาคา่ เฉลย่ี ( X ) และค่าความเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.)
๔.๑ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ท่ัวไปของกล่มุ เปา้ หมาย
การวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของกลุ่มเป้าหมายข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถามใช้การหาค่าร้อยละ
จาแนกตามสถานะอยู่ ๒ ประเภทดังน้ี ๑.เพศ คือ เพศชายและเพศหญิง ๒.ช่วงอายุ ของนิสิต สาขาวิชาสังคม
ศกึ ษา ช้ันปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ตารางที่ ๑ การวิเคราะหข์ อ้ มลู ทว่ั ไปของกลมุ่ เปา้ หมาย
ตัวแปรทศี่ กึ ษา จานวน(คน) รอ้ ยละ
๑. เพศ
ชาย 14 46.67
หญงิ ๑๖ 53.33
30 100
รวม
๒. ช่วงอายุ จานวน(คน) ๓๓
อายุ ๑๖-๑๘ 0
อายุ ๑๙-๒๑ 17 รอ้ ยละ
อายุ ๒๒-๒๔ 13 0.00
อายุ ๒๕ ปีขนึ้ ไป 0 56.67
30 43.33
รวม 0.00
100
จากตารางที่ ๑ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ท่ัวไปของกลุม่ เป้าหมาย
จากตารางท่ี ๑ ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นนิสิตชาย มี 14 คน (ร้อยละ 46.67) เป็น และ
นิสิตหญิงมี ๑๖ คน (รอ้ ยละ 53.33) ในส่วนของอายุนิสติ ๑๖-๑๘ ปี ๐ คน (ร้อยละ ๐.๐๐) อายุ ๑๙-๒๑ ปี 17
คน (รอ้ ยละ 56.67 ) อายุ ๒๒-๒๔ ปี 13 คน (รอ้ ยละ 43.33) อายุ ๒๕ ปีข้นึ ไป 0 คน (รอ้ ยละ 0.00 )
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามวตั ถปุ ระสงค์การวจิ ยั
การศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการวิเคราะห์ ระดับ
มาตราส่วนประมาณค่า ๕ ระดับ โดยใช้การหาค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมการ
ดาเนินชีวติ เกี่ยวกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณคา่ ๕ ระดับ โดยใช้
การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยภาพรวมและเป็นรายด้าน ๕ ด้าน คือ ด้านความพอประมาณ ด้าน
ความมเี หตผุ ล ดา้ นความมภี มู คิ ้มุ กนั ด้านความรู้ และด้านคณุ ธรรม
ตารางที่ ๒ การวิเคราะห์พฤตกิ รรมการดาเนินชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของนสิ ิต สาขาวิชาสังคม
ศึกษา ชัน้ ปที ่ี 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่ โดยรวม ๕ ด้าน
พฤตกิ รรมการดาเนินชีวติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง X S.D. ระดบั
๑. ความพอประมาณ 0.81 มาก
๒. ความมเี หตุผล 3.61 0.30 มากทส่ี ดุ
๓. ความมภี มู ิคุ้มกัน 4.91 0.36 มากทส่ี ดุ
๔. การมีความรู้ 4.64 0.29 มากทส่ี ุด
๕. การมีคุณธรรม 4.83 0.19 มากทส่ี ดุ
4.89 0.39 มากทสี่ ดุ
รวม 4.58
๓๔
จากตารางที่ ๒ ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล พฤตกิ รรมการดาเนนิ ชวี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยรวมท้ัง
๕ ดา้ น
จากตารางที่ ๒ นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น มพี ฤติกรรมการดาเนินชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งโดยรวมอยู่ในระดับ
มากที่สุด ( X = 4.58 , S.D. = 0.39 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงจากมากไปหาน้อยพบว่า มีพฤติกรรม
การดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านความมีเหตุผลอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.91,S.D.
= 0.30) ด้านการมีคุณธรรมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.89,S.D. = 0.19) ด้านการมีความรู้อยู่ระหว่างมาก
ทีส่ ุด ( X = 4.83, S.D. = 0.29 ) ด้านความมภี ูมคิ ุ้มกันอยใู่ นระดับมากท่ีสุด ( X = 4.64, S.D. = 0.36 ) ดา้ น
ความพอประมาณอยใู่ นระดบั มาก ( X = 3.61, S.D. = 0.81 )
ตารางท่ี ๓ การวเิ คราะหพ์ ฤติกรรมการดาเนินชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านความพอประมาณ
พฤตกิ รรมการดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง X S.D. ระดับ
ด้านความพอประมาณ
๑. ท่านซ้ือสินคา้ โดยคานงึ ถึงราคาและความจาเปน็ ต่อการใช้งาน 5.00 0.00 มากทส่ี ุด
ของตัวท่านมากน้อยเพียงใด
๒. ทา่ นใช้บริการรา้ นคา้ ท่ัวไป เชน่ รา้ นอาหาร บอ่ ยเพยี งใด 3.77 1.04 มาก
๓. ทา่ นใหค้ วามสาคญั กับกระแสนิยม เช่น ของ แบรนด์เนม 2.57 0.94 ปานกลาง
โทรศัพท์มอื ถือ มากน้อยเพยี งใด
๔. ทา่ นตัดสินใจซ้ือสินค้าทนั ทีที่มสี อ่ื โฆษณาชวนเชื่อทน่ี ่าเชื่อถือ 2.40 1.00 น้อย
๕. ท่านซื้อสนิ ค้าในห้างสรรพสนิ คา้ /เดอื น บ่อยเพียงใด 3.17 1.09 ปานกลาง
๖. ทา่ นมคี วามยบั ย้งั ชั่งใจในการใช้เงนิ ซอ้ื สนิ คา้ และการใชบ้ ริการ 4.73 0.78 มากที่สดุ
ทีไ่ ม่จาเปน็ ของท่านมากน้อยเพยี งใด
รวม 3.61 0.81 มาก
จากตารางที่ ๓ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในด้านความพอประมาณ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 3.61, S.D.
= 0.81 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงจากมากไปหาน้อยพบว่า นิสิตซ้ือสินค้าโดยคานึงถึงราคาและความ
จาเป็นต่อการใช้งานของตัวนิสิตมากน้อยเพียงใดอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 5.00, S.D. = 0.00 ) นิสิตมีความ
ยับย้ังช่ังใจในการใช้เงินซ้ือสินค้าและการใช้บริการที่ไม่จาเป็นของท่านมากน้อยเพียงใดอยู่ในระดับมากที่สุด ( X =
4.73 , S.D.= 0.78 ) นิสิตใช้บริการร้านค้าท่ัวไป เช่น ร้านอาหาร บ่อยเพียงใดอยู่ในระดับมาก ( X = 3.77,
S.D.= 1.04 ) นิสิตซ้ือสินค้าในห้างสรรพสินค้า/เดือน บ่อยเพียงใดอยู่ในระดับปานกลาง ( X = 3.17, S.D.=
1.09 ) นิสิตให้ความสาคัญกับกระแสนิยม เชน่ ของแบรนด์เนม โทรศัพท์มือถือ มากน้อยเพยี งใดอยู่ในระดับปาน
กลาง ( X = 2.57, S.D.= 0.94 ) นิสิตตัดสินใจซ้ือสินค้าทันทีที่มีส่ือโฆษณาชวนเชื่อที่น่าเชื่อถืออยู่ในระดับน้อย (
X = 2.40, S.D.= 1.00 )
๓๕
ตารางที่ ๔ การวเิ คราะหพ์ ฤติกรรมการดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดา้ นความมีเหตผุ ล
พฤติกรรมการดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง X S.D. ระดับ
ดา้ นความมเี หตผุ ล
5.00 0.00 มากทส่ี ดุ
๑. ทา่ นคดิ พจิ ารณาก่อนซ้ือสินคา้ ทุกครงั้ ว่าซ้ือเพราะความจาเป็นหรอื 4.80 0.76 มากที่สุด
เพราะความอยากไดก้ ่อนตัดสินใจซอ้ื 4.87 0.43 มากทส่ี ดุ
4.83 0.38 มากที่สุด
๒. ท่านศึกษาคณุ สมบตั ิของสนิ ค้าอย่างรอบคอบก่อนซ้ือทุกครัง้ 4.93 0.25 มากที่สุด
๓. ทา่ นมีการวางแผนการใช้เงินของท่านเพอื่ ให้เกิดประโยชนส์ งู สุดต่อ 5.00 0.00 มากทส่ี ดุ
ตัวทา่ น 4.93 0.30 มากทส่ี ดุ
๔. ทา่ นคิดพิจารณาไตร่ตรองในการใช้เงนิ โดยคานึงถงึ อนาคตมาก
น้อยเพยี งใด
๕. ท่านใชส้ ติปญั ญาในการต่อยอดเงนิ ท่ีมอี ยู่ให้งอกเงยขนึ้ ได้มากน้อย
เพยี งใด
๖. ท่านใช้หลักความมเี หตุผล มาเป็นหลักในการดาเนนิ ชวี ิตของท่าน
ในทุกการตัดสนิ ใจ
รวม
จากตารางที่ ๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใน ด้าน
ความมีเหตุผล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.93 , S.D. = 0.30 ) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียง
จากมากไปหาน้อยพบว่า นิสิตคิดพิจารณาก่อนซ้ือสินค้าทุกครั้งว่าซ้ือเพราะความจาเป็นหรือเพราะความอยากได้
ก่อนตัดสินใจซื้ออยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 5.00, S.D. = 0.00 ) นิสิตใช้หลักความมีเหตุผล มาเป็นหลักในการ
ดาเนินชีวิตของท่านในทุกการตัดสินใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 5.00, S.D. = 0.00 ) นิสิตใช้สติปัญญาในการ
ต่อยอดเงินท่ีมีอยู่ให้งอกเงยขึ้นได้มากน้อยเพียงใดอยู่ในระดับ ( X = 4.93 , S.D. = 0.25 ) นิสิตมีการวาง
แผนการใช้เงินของท่านเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวท่านอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.87 , S.D. = 0.43 )
นิสิตคิดพิจารณาไตร่ตรองในการใช้เงินโดยคานึงถึงอนาคตมากน้อยเพียงใดอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.83 ,
S.D. = 0.38 ) นิสิตศึกษาคุณสมบัติของสินค้าอย่างรอบคอบก่อนซื้อทุกคร้ังอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.80 ,
S.D. = 0.76 )
๓๖
ตารางท่ี ๕ การวิเคราะหพ์ ฤติกรรมการดาเนนิ ชวี ติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดา้ นความมีภมู คิ ุ้มกัน
พฤตกิ รรมการดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง X S.D. ระดบั
ด้าน ความมภี มู ิคุ้มกนั
๔.๑0 0.80 มาก
๑. ท่านสามารถปฏเิ สธคาชักชวนทีไ่ ปในทางที่เส่ยี งที่จะทาใหเ้ สียเงิน ๔.๙๓ 0.25 มากทส่ี ดุ
ไปโดยไมจ่ าเปน็ ได้ ๔.๘๗ 0.35 มากท่สี ุด
๒. ทา่ นปลกู ฝงั ความคดิ เรื่องความขยนั อดทน อดออมให้กบั บคุ คล 3.93 0.78 มาก
รอบข้างเมือ่ มีโอกาส ๕.00 0.00 มากท่สี ดุ
๓. ท่านวางแผนลว่ งหน้าเพ่ือเตรียมความพรอ้ มต่อการเปลี่ยนแปลง ๕.00 0.00 มากทส่ี ุด
ในกระแสเศรษฐกิจและสังคม ๔.๖4 0.36 มากที่สดุ
๔. ทา่ นสามารถอดกล้นั ตอ่ สิ่งของท่ไี มจ่ าเป็นได้
๕. ทา่ นปฏบิ ัติตนอยู่ในระเบยี บวินยั ในตนเองอยู่เสมอ
๖. ท่านมีความพงึ พอใจกบั งานทีท่ าอย่างมีสติ
รวม
จากตารางท่ี ๕ ผลการวิเคราะห์ข้อมลู นิสิตสาขาวชิ าสังคมศกึ ษา ชนั้ ปที ี่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้าน
ความมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสดุ ( X = ๔.๖4 , S.D. = 0.36 ) เมื่อพิจารณารายเป็นรายข้อ
โดยเรียงจากมากไปหานอ้ ยพบว่า นิสิตปฏิบัติตนอยูใ่ นระเบียบวินัยในตนเองอยู่เสมออยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =๕.
00, S.D. =0.00 ) นิสิตมีความพึงพอใจกับงานท่ีทาอย่างมีสติอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = ๕.00, S.D. = 0.00 )
นิสิตปลูกฝังความคิดเรื่องความขยัน อดทน อดออมให้กับบุคคลรอบข้างเม่ือมีโอกาสอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =
๔.๙๓, S.D. = 0.25 ) นิสิตวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมต่อการเปล่ียนแปลง ในกระแสเศรษฐกิจและ
สังคมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = ๔.๘๗ , S.D. = 0.35 ) นิสิตสามารถปฏิเสธคาชักชวนที่ไปในทางที่เสี่ยงที่จะทา
ให้เสียเงินไปโดยไม่จาเป็นได้อยู่ในระดับมาก ( X = ๔.๑0, S.D. = 0.80 ) นิสิตสามารถอดกลั้นต่อส่ิงของท่ีไม่
จาเปน็ ไดอ้ ยใู่ นระดับมาก ( X =3.93, S.D. = 0.78 )
๓๗
ตารางที่ ๖ การวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมการดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดา้ นความรู้
พฤติกรรมการดาเนนิ ชีวติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง X S.D. ระดบั
ดา้ นการมีความรู้
4.73 0.52 มากที่สุด
๑. ท่านแสวงหาข้อมลู รายละเอยี ดก่อนทาการตดั สนิ ใจซื้อ 0.46 มากทสี่ ดุ
สินคา้ และใชบ้ รกิ าร 4.83 0.57 มาก
0.18 มากที่สดุ
๒. ท่านใช้ความรู้อยา่ งรอบด้านเพอื่ การตัดสินใจท่ีถูกต้องใน ๔.๔๗ 0.00 มากที่สุด
การดารงชวี ิต 0.00 มากทส่ี ุด
๔.๙๗ 0.29 มากท่ีสดุ
๓. ทา่ นให้ความสาคญั ถึงการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกจิ ที่ ๕.๐๐
เกดิ ข้นึ ๕.๐๐
๔.๘3
๔. ทา่ นตดั สนิ ใจซ้ือสินค้าและใชบ้ ริการด้วยความรอบคอบ
เสมอ
๕. ท่านมีความระมดั ระวงั ในการดารงชีวติ ตามแผนท่วี างไว้
๖. ท่านมคี วามตระหนักถึงคุณคา่ ของสนิ ค้าที่ซื้อมา
รวม
จากตารางท่ี 6 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล นิสิต สาขาวิชาสงั คมศึกษา ชัน้ ปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ า
ลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนนิ ชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใน ด้าน
การมคี วามรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = ๔.๘3, S.D. = 0.29 ) เมื่อพจิ ารณาเป็นรายขอ้ โดยเรียงจาก
มากไปหาน้อยพบว่า นิสติ ความระมดั ระวังในการดารงชวี ติ ตามแผนที่วางไว้อยู่ในระดับมากทสี่ ดุ ( X =๕.๐๐ , S.D.
= 0.00 ) นิสิตมีความตระหนักถึงคุณค่าของสินค้าท่ีซ้ือมาอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = ๕.๐๐ , S.D. = 0.00 )
นิสิตตัดสินใจซ้ือสินค้าและใช้บริการด้วยความรอบคอบเสมออยู่ในระดับมากที่สุด ( X = ๔.๙๗, S.D. = 0.18 )
นิสิตใช้ความรู้อย่างรอบด้านเพ่ือการตัดสินใจที่ถูกต้องในการดารงชีวิตอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = ๔.83, S.D. =
0.46 ) นิสิตแสวงหาข้อมูลรายละเอียดก่อนทาการตัดสินใจซื้อสินค้าและใช้บริการอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =
4.73, S.D. = 0.52 ) นิสิตให้ความสาคัญถึงการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจท่ีเกิดขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด ( X =
๔.๔๗, S.D. = 0.57 )
๓๘
ตารางที่ ๗ การวเิ คราะหพ์ ฤติกรรมการดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดา้ นการมีคณุ ธรรม
พฤติกรรมการดาเนินชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง X S.D. ระดบั
ด้านการมคี ุณธรรม
๕.๐๐ 0.00 มากที่สดุ
๑. ทา่ นซ้ือสนิ ค้าและใชบ้ ริการโดยคานึงถึงความซอื่ สตั ย์ของ
ผขู้ าย หรอื ผูใ้ หบ้ รกิ ารอยู่เสมอ 4.60 0.62 มากที่สุด
๒. ท่านสนบั สนุนกจิ กรรมท่สี ่งเสริมความดีให้กบั ชมุ ชน และ ๔.๗๗ 0.50 มากท่สี ุด
สังคม ๕.๐๐
๕.๐๐ 0.00 มากที่สุด
๓. ทา่ นรูจ้ กั เสยี สละดว้ ยการแบง่ ปันตามกาลังทรพั ย์ และ ๕.๐๐ 0.00 มากทส่ี ดุ
กาลงั ปัญญาเมือ่ มีโอกาส 4.89 0.00 มากทสี่ ดุ
0.19 มากที่สุด
๔. ทา่ นมคี วามสนใจผูบ้ รกิ ารที่ใส่ใจผบู้ ริโภค
๕. ทา่ นมคี วามซ่ือสตั ย์ในการซือ้ ขาย บริการ
๖. ท่านรบั ผลประโยชน์ตามสิทธขิ องตัวเอง
รวม
จากตารางที่ 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล นสิ ติ สาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใน ดา้ น
การมีคุณธรรม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.89, S.D. = 0.19 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียง
จากมากไปหาน้อยพบว่า นิสิตซื้อสินค้าและใช้บริการโดยคานึงถึงความซ่ือสัตย์ของผู้ขาย หรือผู้ให้บริการอยู่เสมอ
อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 500, S.D. = 0.00 ) นสิ ิตมีความสนใจผู้บริการท่ีใส่ใจผู้บริโภคอยู่ในระดับมากที่สุด (
X = 500, S.D. = 0.00 ) นิสิตมีความซื่อสัตย์ในการซื้อขาย บริการอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 500, S.D. =
0.00 ) นิสิตรับผลประโยชน์ตามสิทธิของตัวเองอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 500, S.D. = 0.00 ) นิสิตรู้จัก
เสียสละด้วยการแบ่งปันตามกาลังทรัพย์ และกาลังปัญญาเมื่อมีโอกาสอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = ๔.๗๗, S.D. =
0.50 ) นิสิตสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสรมิ ความดีให้กับ ชุมชน และสังคมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.60, S.D. =
0.62 )
4.3 องคค์ วามรจู้ ากการศกึ ษา
จากการศึกษา เร่ือง ศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิต
สาขาวิชาสังคมศึกษา ช้ันปี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ตาบลโคกสี อาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ท่ีมีเน้ือหาครอบคลุมทั้ง 5 ด้าน ด้าน
ความพอประมาณ ด้านความมีเหตุผล ด้านมีภูมิคุ้มกัน ด้านการมีความรู้และด้านการมีคุณธรรม จากการวิเคราะห์
ข้อมูลความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตมีพฤติกรรมตามหลกั การปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงความรู้อย่างรอบ
๓๙
ด้านและรอบคอบในการดาเนินชีวิตอยู่บนพ้ืนฐาน 3 ห่วง 2 เง่ือนไข โดยภาพรวมจาแนกเป็นรายด้านทั้ง ๕ ด้าน
ดงั น้ี
๑. ด้านความพอประมาณ โดยภาพรวมผลจากการวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมตามหลักการปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพยี งอยูใ่ นระดับมาก ( X = 3.61, S.D. = 0.81 )
2. ด้านความมีเหตุผล โดยภาพรวมผลจากการวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมตามหลักการปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงอยู่ในระดบั มากทีส่ ุด ( X = 4.91,S.D. = 0.30)
๓. ด้านความมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยภาพรวมผลจากการวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมตามหลักการปรัชญา
เศรษฐกจิ พอเพียงอย่ใู นระดับมากท่สี ุด ( X = 4.64, S.D. = 0.36 )
๔. ด้านการมีความรู้ โดยภาพรวมผลจากการวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมตามหลักการปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี งอยูใ่ นระดับมากทสี่ ดุ ( X = 4.83, S.D. = 0.29 )
๕. ด้านการมีคุณธรรม โดยภาพรวมผลจากการวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมตามหลักการปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี งอยูใ่ นระดบั มากทส่ี ดุ ( X = 4.89,S.D. = 0.19)
บทท่ี ๕
สรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ
การศึกษาเรอ่ื ง ศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของ นิสิตสาขาวิชา
สังคมศึกษา ช้ันปี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี
อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิต
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของ นสิ ิตสาขาวชิ าสังคมศึกษา ช้ันปีท่ี 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหา
จฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านความพอประมาณ ดา้ นความมเี หตุผล ดา้ นมีภมู ิคุ้มกนั ดา้ นการมี
ความรู้และด้านการมคี ณุ ธรรม
๕.๑ สรุปผลการวจิ ยั
จากการศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสังคม
ศึกษา ช้ันปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตของแก่น ตาบลโคกสี อาเภอ
เมือง จงั หวัดขอนแก่น ผูศ้ กึ ษามีประเดน็ จากผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทน่ี ามาสรุป ผลการศกึ ษา ดังต่อไปน้ี
๕.๑.๑ ข้อมูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี อาเมือง จังหวัดขอนแก่น เป็นกลุ่มเป้าหมาย ส่วนใหญ่เป็นนิสิตหญิง (ร้อยละ
53.33 ) รองลงมาเป็นนสิ ติ ชาย (ร้อยละ 46.67 ) ในสว่ นของอายนุ ิสติ ส่วนใหญ่อย่ใู นช่วงอายุ ๑๙-๒๑ ปี (รอ้ ยละ
56.67 ) รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ ๒๒-๒๔ ปี (ร้อยละ 43.33 ) รองลงมาอายุ ๑๖-๑๘ ปี (ร้อยละ 0.00 ) และ
อายุ ๒๕ ปีขึ้นไป (รอ้ ยละ 0.00)
๕.๑.๒ ข้อมูลจากการวเิ คราะห์
๑. นสิ ิตสาขาวิชาสังคมศกึ ษา ชนั้ ปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น มีพฤตกิ รรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงโดยรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด
เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงจากมากไปหาน้อยพบว่า มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลั กปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ดา้ นความมีเหตผุ ลอย่ใู นระดบั มากที่สดุ ด้านการมคี ุณธรรมอยู่ในระดับมากท่ีสดุ ดา้ นการมีความ
รอู้ ย่รู ะหวา่ งมากท่สี ุด ด้านความมีภมู คิ ุม้ กนั อยใู่ นระดับมากท่สี ุด ด้านความพอประมาณอยใู่ นระดับมาก
๑.๑ ด้านความพอประมาณโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงจาก
มากไปหาน้อยพบว่า นสิ ิตซือ้ สินคา้ โดยคานึงถึงราคาและความจาเปน็ ต่อการใช้งานของตัวนิสิตมากน้อยเพยี งใดอยู่
ในระดับมากที่สุด นิสิตมีความยับย้ังช่ังใจในการใช้เงินซื้อสินค้าและการใช้บริการที่ไม่จาเป็นของท่านมากน้อย
๔๑
เพียงใดอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตใช้บริการร้านค้าท่ัวไป เช่น ร้านอาหาร บ่อยเพียงใดอยู่ในระดับมาก นิสิตซ้ือ
สนิ ค้าในห้างสรรพสินค้า/เดือน บ่อยเพียงใดอยใู่ นระดับปานกลาง นิสิตให้ความสาคัญกับกระแสนิยม เชน่ ของแบ
รนด์เนม โทรศัพท์มอื ถือ มากน้อยเพียงใดอยูใ่ นระดบั ปานกลาง นสิ ิตตัดสนิ ใจซ้ือสนิ ค้าทนั ทที ม่ี ีสื่อโฆษณาชวนเชอ่ื ท่ี
น่าเชื่อถืออย่ใู นระดบั น้อย
๑.๒ ด้านความมีเหตุผล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงจาก
มากไปหาน้อยพบว่า นิสติ คิดพิจารณาก่อนซื้อสินค้าทุกครั้งว่าซื้อเพราะความจาเป็นหรือเพราะความอยากได้ก่อน
ตัดสินใจซื้ออยู่ในระดับมากที่สุด นิสิตใช้หลักความมีเหตุผล มาเป็นหลักในการดาเนินชีวิตของท่านในทุกการ
ตดั สินใจอยู่ในระดบั มากท่ีสุด นิสิตใช้สติปัญญาในการต่อยอดเงนิ ท่ีมีอยใู่ ห้งอกเงยขึ้นไดม้ ากน้อยเพียงใดอยใู่ นระดับ
นิสิตมีการวางแผนการใช้เงินของท่านเพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวท่านอยู่ในระดับมากที่สุด นิสิตคิดพิจารณา
ไตร่ตรองในการใช้เงินโดยคานึงถึงอนาคตมากน้อยเพียงใดอยู่ในระดับมากที่สุด นิสิตศึกษาคุณสมบัติของสินค้า
อยา่ งรอบคอบก่อนซื้อทกุ ครั้งอยู่ในระดับมากทีส่ ดุ
๑.๓ ด้านความมีภูมิคุ้มกันท่ีดี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด เม่ือพิจารณารายเป็นรายข้อโดย
เรียงจากมากไปหาน้อยพบว่า นิสิตปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวนิ ัยในตนเองอยู่เสมออยู่ในระดับมากที่สุด นิสิตมีความ
พึงพอใจกับงานท่ีทาอย่างมีสติอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตปลูกฝังความคิดเรื่องความขยัน อดทน อดออมให้กับ
บุคคลรอบข้างเมื่อมีโอกาสอยู่ในระดับมากที่สุด นิสิตวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมต่อการเปล่ียนแปลง
ในกระแสเศรษฐกิจและสังคมอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตสามารถปฏิเสธคาชักชวนท่ีไปในทางท่ีเสี่ยงที่จะทาให้เสีย
เงินไปโดยไมจ่ าเป็นได้อยใู่ นระดับมาก นิสิตสามารถอดกลน้ั ตอ่ สง่ิ ของที่ไมจ่ าเป็นได้อยูใ่ นระดบั มาก
๑.๔ ด้านการมีความรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงจาก
มากไปหาน้อยพบว่า นิสิตความระมัดระวังในการดารงชีวิตตามแผนที่วางไว้อยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตมีความ
ตระหนักถึงคุณค่าของสินค้าที่ซื้อมาอยู่ในระดับมากที่สุด นิสิตตัดสินใจซื้อสินค้าและใช้บริการด้วยความรอบคอบ
เสมออยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตใช้ความรู้อย่างรอบด้านเพื่อการตัดสินใจท่ีถูกต้องในการดารงชีวิตอยู่ในระดับมาก
ท่ีสุด นิสิตแสวงหาข้อมูลรายละเอียดก่อนทาการตัดสินใจซ้ือสินค้าและใช้บริการอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตให้
ความสาคัญถึงการเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจทเี่ กดิ ขึ้นอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ
๑.๕ ด้านการมีคุณธรรม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงจาก
มากไปหาน้อยพบว่า นิสิตซื้อสินคา้ และใช้บริการโดยคานึงถึงความซื่อสัตย์ของผู้ขาย หรอื ผู้ให้บริการอยู่เสมออยใู่ น
ระดับมากที่สุด นิสิตมีความสนใจผู้บริการที่ใส่ใจผู้บริโภคอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตมีความซื่อสัตย์ในการซื้อขาย
บริการอยู่ในระดับมากท่ีสุดนิสิตรับผลประโยชน์ตามสทิ ธิของตัวเองอยู่ในระดับมากท่ีสุด นิสิตร้จู ักเสียสละด้วยการ
แบ่งปันตามกาลงั ทรัพย์ และกาลังปัญญาเม่ือมีโอกาสอย่ใู นระดับมากท่ีสุด นิสิตสนับสนุนกิจกรรมที่สง่ เสริมความดี
ให้กบั ชุมชน และสังคมอยใู่ นระดับมากทส่ี ดุ
๔๒
๕.๒ อภิปรายผล
จากการศึกษาพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสังคม
ศกึ ษา ช้ันปที ่ี 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ ตาบลโคกสี อาเภอ
เมือง จงั หวดั ขอนแก่น ผวู้ จิ ัยมปี ระเดน็ ทน่ี ามาอภิปรายผล ดงั นี้
๑. ผลการวิเคราะห์ทั้ง 5 ดา้ น พฤตกิ รรมการดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งของ นสิ ิต
สาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี
อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยรวมอยู่ใน
ระดับมากที่สุดเม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ช้ันปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาเขตขอนแก่น ตาบลโคกสี อาเภอเมือง จังหวดั ขอนแก่น มีพฤติกรรมการดาเนินชวี ิตตาม
หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในด้านความพอประมาณ ดา้ นความมีเหตุผล ด้านการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ด้านการมี
ความรู้ และด้านการมีคุณธรรม อย่ใู นระดับมากที่สุด
๑.๑ ด้านความพอประมาณ ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัยวทิ ยาเขตขอนแก่น ในด้านความพอประมาณนิสิตรู้จักใช้จ่ายอย่างพอดี ใช้จ่ายด้วยปัญญาพอเหมาะสมแก่
ฐานะและรายได้ของครอบครัว แต่ยังพบว่านิสิตยังมีการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงน้ีไปปฏิบัติในด้าน
ความพอประมาณน้อยท่ีสุด โดยเฉพาะเร่ืองการตัดสินใจซื้อสินค้าทันทีท่ีมีสื่อโฆษณาชวนเชื่อมีระดับการนาไป
ปฏิบัติน้อย เน่ืองจากในสังคมปัจจุบันมีการใช้สื่อโซเชียลซึ่งถือว่ามีอิทธิพลต่อการดาเนินชีวิตของนิสิตเป็นอย่าง
มาก ผู้ให้บริการจึงใช้สื่อโซเชียล เช่น Facebook, Line, Instagram เป็นสื่อกลางในการโฆษณาสินค้าจึงทาให้ง่าย
ต่อการใช้บริการหรือส่ังซื้อสินค้า เพราะมีความสะดวกสบายมากกว่าการไปหาซื้อด้วยตัวเอง เป็นต้น จึงเป็นการ
ยากที่นิสิตจะนาแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านความพอประมาณไปใช้ในการดาเนินชีวิตได้อย่าง
ประสบผลสาเร็จ และสอดคล้องกับงานวิจัยของ (สุมาลี จันทร์ชลอ และคณะ,๒๕๕๑)35 พบว่าพฤติกรรมการ
ดาเนินชีวิตของประชาชนท่ีพักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในภาพรวมพบว่าประชาชนมี
พฤตกิ รรมด้านการใชจ้ ่ายพอประมาณมพี ฤติกรรมอยใู่ นระดบั บ่อยครง้ั ถึงเปน็ ประจา
๑.๒ ด้านความมีเหตุผล ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่น ในด้านความมีเหตุผล นิสิตมีความคิดไตร่ตรองรอบคอบคานึงถึงเหตุและปัจจัย
แวดล้อมทั้งหมด เกิดประโยชน์และความสุขโดยปราศจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นน้ันนอกจากน้ียัง
35 สุมาลี จันทร์ชลอ และคณะ. การศกึ ษาความเขา้ ใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งของประชาชน
ในกรุงเทพมหานคร. ไดร้ บั ทุนอดุ หนนุ การวจิ ัยจากสานกั งานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาต.ิ ๒๕๕๑.
๔๓
สอดคล้องกับงานวิจัยของ (ทรงศักด์ิ ศรีบุญจิตต์ และคณะ ๒๕๕๑)36 พบว่าการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
มาประยุกต์ใช้น้ันมีความสัมพันธ์กับระดับความรู้ความเข้าใจหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยผู้ท่ีมีความ
เข้าใจมากจะนามาประยุกต์ใช้มาก ส่วนผู้ท่ีเข้าใจน้อยก็นามาใช้น้อยเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมพบว่านิสิตให้
ความสาคัญในการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีเห ตุผลอยู่ในระดับมาก
โดยเฉพาะในเร่ืองการคดิ พจิ ารณาก่อนซื้อสินคา้ ทุกครงั้ ว่าซ้อื เพราะความจาเปน็ หรือเพราะความอยากได้กอ่ นตดั สิน
ในซื้อ แต่ยังพบว่านิสิตดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีเหตุผล เร่ืองการศึกษา
คุณสมบัติของสินค้าก่อนซ้ือทุกคร้ังน้อยที่สุด จะเห็นได้ว่าด้านการมีเหตุผลจะมีบทบาทต่อนิสิตเป็นอย่างมากใน
การตดั สนิ ใจซื้อและใช้บรกิ ารเปน็ อยา่ งมาก
๑.๓ ด้านการมีภูมิคุ้มกันท่ีดี ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีท่ี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่น ในด้านการมีภูมิคุ้มกันที่ดี นิสิตมีการเตรยี มความพรอ้ มรบั กับผลกระทบท่ีจะเกิดข้ึนใน
อนาคต เช่น ราคาของสินค้าที่จะเพ่ิมข้ึนโดยมีภูมิคุ้มกันพ้ืนฐานท่ีทุกคนควรมี คอื การรู้จักออมเงินไว้ใช้ยามจาเป็น
ซึง่ สอดคลอ้ งกบั งานวิจัยของ (กุลวดี ลอ้ มทอง วรี ะภัทรานนท์ ๒๕๕๐)37 การนาหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมา
ประยุกต์ใช้ในการดาเนินชวี ติ ศกึ ษากรณี บุคลากรสานักงานทรัพยส์ ินส่วนพระมหากษัตริย์ ผลการศึกษาพอสรุปได้
ดังนี้ การนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตของตนเอง ครอบครัว และการทางาน
พบว่าการประยกุ ต์ใช้กบั ตนเอง และการประยกุ ตใ์ ชก้ บั ครอบครวั คือ สามารถจดั สรรรายได้ให้เพียงพอกบั ค่าใช้จา่ ย
และยังมีเหลือเก็บออม มีการใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ เน้นเร่ืองความประหยัดและคุ้มค่า มีการ
เตรียมพร้อมรับการเปลย่ี นแปลง เสริมสรา้ งความรคู้ วบค่เู ทคโนโลยีที่ทันสมัย เม่ือพิจารณาโดยภาพรวมพบว่านิสิต
ให้ความสาคัญต่อการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีภูมิ คุ้มกันอยู่ในระดับมาก
โดยเฉพาะในเร่ือง การปฏิเสธคาชักชวนท่ีไปในทางท่ีเส่ือมที่จะทาให้เสียเงินไปโดยไม่จาเป็น แต่ยังพบว่านิสิต
ดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีภูมิคุ้มกันเร่ืองการอดกลั้นต่อการซ้ือส่ิ งของท่ีไม่
จาเปน็
๑.๔ ด้านการมีความรู้ ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการดาเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสงั คมศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยา
เขตขอนแก่น ในด้านการมีความรู้ นิสิตศึกษาข้อมูลรายละเอียดเก่ียวกับสินค้า มีความระมัดระวังและพิจารณา
ความคุ้มค่าของราคาสินค้าและบริการเป็นอย่างมาก ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ (สุเมธ ตันติเวชกุล , ๒๕๔๒ :
36 ทรงศกั ดิ์ ศรบี ญุ จิตต์ และคณะ. โครงการประเมนิ ผลเปรยี บเทยี บในมิตติ า่ ง ๆ ของประชาชนในการนาปรชั ญา
เศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช.้ ทุนอดุ หนุนการวจิ ยั จากสานักงานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ, ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาเศรษฐกิจ
ชุมชน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ ๒๕๕๑.
37 กุลวดี ล้อมทอง วีระภัทรานนท.์ การนาหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงมาประยุกต์ใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิต ศกึ ษากรณี
บุคลากรสานกั งานทรัพยส์ ินส่วนพระมหากษตั รยิ .์ ภาคนพิ นธป์ รญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ , สถาบันบณั ฑติ พฒั นบริหาร
ศาสตร.์ ๒๕๕๐.
๔๔
๑๖) 38 กลา่ ววา่ การนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ และประพฤติปฏิบตั ิ เพ่ือที่จะใหบ้ รรลุผล
สาเร็จในระยะเวลาอันสั้นน้ัน มิใช่เร่ืองที่จะเป็นไปได้ง่ายๆ ต้องให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจให้เกิดข้ึนกับ
ประชาชนทุกระดับ โดยอาศัยความร่วมมือจากส่วนราชการ และทุกภาคส่วนของประเทศ และการประยุกต์ใช้
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงน้ัน มีแนวทางในการดาเนินชีวิตดังน้ี คือ ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุก
ด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการดารงชีพอย่างจริงจัง ดังท่ีมีกระแสพระราชดารัสว่า “ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ
ต้องประหยัดไปในทางท่ีถูกต้อง” ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องสุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน
ในการดารงชีพก็ตาม ดังท่ีมีกระแสพระราชดารสั ว่า“ความเจรญิ ของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ
และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นสาคญั ” เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมพบว่านิสติ ใหค้ วามสาคญั ตอ่ การดาเนนิ ชีวติ ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีความรู้อยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะในเร่ืองการแสวงหาข้อมูล
รายละเอียดก่อนทาการตัดสินใจซ้ือสินค้าและบริการ แต่ยังพบว่านิสิตดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงในด้านการมีความรู้ เรื่อง การใหค้ วามสาคญั กับการเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ ท่ีเกดิ ขึน้
๑.๕ ด้านการมีคุณธรรม ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงของ นิสิตสาขาวิชาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่ ในด้านการมคี ุณธรรม นิสติ มีความตระหนักในคุณธรรม มคี วามซ่ือสัตย์ สุจริต มีความ
อดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิต ไม่โลภ และไม่ตระหน่ี ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ (ศักด์ิชัย
ค้าชู ๒๕๕๐)39 ได้ทาการศึกษาการประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในองค์กร : ศึกษากรณีศูนย์ฝึกและอบรม
เด็กและเยาวชนบ้านบึง พบว่า เจ้าหน้าที่และเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านบึง ส่วนใหญ่มี
ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นแนวทางการดาเนินชีวิตโดยคานึงถึงความ
พอประมาณ พอมี พอกนิ พอใช้ เป็นแนวคิดพึ่งตนเอง ไม่ประมาท รู้จักเก็บออม ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ทรัพยากรที่มีอยใู่ ห้
เกดิ ประโยชน์สูงสดุ มกี ารวางแผน ใช้ความรูค้ ู่คุณธรรม ซ่อื สัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ซึง่ ตรงกันกับลกั ษณะการดาเนิน
ชวี ติ แบบเศรษฐกิจพอเพยี ง เมือ่ พิจารณาโดยภาพรวมพบวา่ นสิ ติ ให้ความสาคัญต่อการดาเนินชีวติ ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีคุณธรรมอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการมีคุณธรรมนิสิตคานึงถึง
ความซื่อสัตย์ของผู้ขายหรือผู้ให้บริการอยู่เสมออยู่ในระดับมาก แต่ยังพบว่านิสิตดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี งในด้านการมคี ณุ ธรรม เร่อื ง การความสนใจผบู้ ริการท่ีใส่ใจผูบ้ ริโภค
38 สุเมธ ตันติเวชกุล. การดาเนนิ ชีวิตในระบบเศรษฐกจิ แบบพอเพียงตามแนวพระราชดาริ. (วารสารนา้ , ๒๕๔๒),
หนา้ ๑๖.
39 ศักดช์ิ ยั คา้ ช.ู การประยุกต์ใชแ้ นวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียงในองคก์ ร : ศกึ ษากรณีศูนย์ฝึกและ
อบรมเดก็ และเยาวชนบ้านบึง. ภาคนพิ นธ์ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ , สถาบนั บณั ฑิตพัฒนบรหิ ารศาสตร.์ ๒๕๕๐.