The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2020-08-13 21:05:29

วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน2

วิชา ว21102

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่…3…กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟ้าอากาศ…….เรอ่ื ง……..ลมฟ้าอากาศรอบตวั .(ตอนท่ี
6)....
รายวชิ า……......วิทยาศาสตร์……..2.......รหัสวิชา……......ว 21102 ..............ชั้นมัธยมศึกษาปีที่....1.....
กลุ่มสาระการเรยี นรู้............วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...3..ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อุทมุ สกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ (รายวิชาพืน้ ฐานมที ั้งมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้วี ดั

รายวชิ าเพิม่ เติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรียนร้)ู

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั

ว 3.2 ม.1/2-3

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (หลอมจากตวั ช้วี ัดทใ่ี ช้ในหน่วยการเรยี นรูน้ ี้เขียนเปน็ แบบความเรยี ง)

มนษุ ย์ดำรงชีวิตอย่ภู ายใต้บรรยากาศช้ันโทรโพสเฟยี ร์ซ่ึงเกิดสภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เชน่ ลม เมฆ

ฝน ฟา้ แลบ ฟ้าร้ององคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระการเรยี นรเู้ พ่มิ เตมิ (รายวชิ าเพ่มิ เตมิ )

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

• ลมฟา้ อากาศ เปน็ สภาวะของอากาศในเวลาหนึง่ ของพน้ื ทห่ี นึ่งทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา

ขึน้ อยูก่ บั องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ ได้แก่ อุณหภูมอิ ากาศ ความกดอากาศ ลม ความชน้ื เมฆ และหยาดน้ำฟา้

โดยหยาดนำ้ ฟ้าทพ่ี บบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟา้ อากาศเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาข้ึนอยู่กับ

ปจั จัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณรังสจี ากดวงอาทิตย์และลกั ษณะพน้ื ผิวโลกสง่ ผลต่ออณุ หภูมิอากาศ อุณหภมู ิอากาศ

และปรมิ าณไอนำ้ ส่งผลตอ่ ความชื้น ความกดอากาศสง่ ผลตอ่ ลม ความชื้นและลมส่งผลต่อเมฆ

• พายุฝนฟา้ คะนอง เกดิ จากการที่อากาศท่มี ีอณุ หภมู แิ ละความชื้นสงู เคลื่อนท่ีขึ้นสู่ระดับความสงู ที่มี

อณุ หภมู ติ ำ่ ลง จนกระท่ังไอนำ้ ในอากาศเกดิ การควบแน่นเป็นละอองนำ้ และเกดิ ต่อเน่ืองเป็นเมฆขนาดใหญ่

พายฝุ นฟา้ คะนองทำใหเ้ กดิ ฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง ฟา้ แลบฟ้าผ่า ซึ่งอาจก่อให้เกดิ อันตรายตอ่ ชวี ิต

และทรพั ยส์ ิน

3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ (ถา้ ในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถงึ หลกั สูตรท้องถิ่นใหใ้ ส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เลอื กเฉพาะขอ้ ทเี่ กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้)

 1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

88

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ท่ีเกิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ )ี้

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซ่ือสัตยส์ จุ รติ

 3. มวี นิ ยั  4. ใฝ่เรยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

 7. รักความเป็นไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

6. ดา้ นคณุ ลักษณะของผู้เรียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวชิ าการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ล้ำหน้าทางความคิด

 4. ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกันรับผิดชอบตอ่ สงั คมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )

 ทักษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะดา้ นการสื่อสาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันสอ่ื (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมีเมตตา (วินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)

8. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลุ่มใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในหอ้ งเรียนคอื

ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน

2. หลักความมเี หตผุ ล : ให้นกั เรยี นสร้างสรรค์ผลงานและเกิดทกั ษะการปฏบิ ัติ , นักเรยี นเกิดความ

ภาคภมู ิใจในผลงานของตนและส่ิงทเี่ รียนรู้

3. หลกั ภมู คิ ุม้ กัน : ให้นกั เรียนเกิดทักษะการทำงานกลมุ่ และกลา้ แสดงออก , นกั เรยี นร้จู กั การวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานใหส้ มาชิกภายในกลุ่มไดเ้ หมาะสมกับความสามารถของแต่ละบคุ คล

4. เงอื่ นไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำก่อนแล้วค่อยลงมอื ทำอยา่ งระมดั ระวงั

5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม : อดทนทจี่ ะทำงาน และมีความขยันทีจ่ ะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ที ่ีสดุ , มวี นิ ยั ในการ

ทำงาน

89

9. ชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

ตวั ชว้ี ัด ชิ้นงาน ภาระงาน

ว.3.2 ม.1/2-3 - รายงานกิจกรรมท่ี 6 เมฆทเ่ี หน็ เป็น - วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายปัจจยั ที่ทำให้
รปู รา่ งลกั ษณะของเมฆและปรมิ าณ
อย่างไร เมฆทป่ี กคลมุ ทอ้ งฟ้ามกี าร
เปลย่ี นแปลงตลอดเวลา
- วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายปัจจยั ทีท่ ำให้
ปรมิ าณฝนในแต่ละพน้ื ท่ี และแตล่ ะ
ชว่ งเวลาในรอบปีแตกต่างกนั

10. การวัดประเมินผล

10.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

วิธกี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใช้ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ร่องรอยบ่งช้ี 3.การวัดประเมินการปฏิบตั ิ

เครือ่ งมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผา่ นตงั้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น

10.2การวดั และประเมนิ ผลระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมนิ จากแผนการจดั การเรียนรูข้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ ้)ี

ส่ิงทีต่ ้องการวัด วิธีวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมิน
1. ความรู้เกย่ี วกับ - นกั เรยี นได้คะแนน
- เมฆและปรมิ าณเมฆ -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนขนึ้ ไป
- หยาดน้าฟ้า หรอื รอ้ ยละ 80
- ความชน้ื สมั พทั ธ์ ความคดิ เหน็ อธบิ าย อภปิ รายแสดงความ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
- อุปกรณ์ทใ่ี ชว้ ดั ฝน - นกั เรยี นไดค้ ะแนน
เกี่ยวกับเมฆและ คิดเหน็ ประเมนิ ผลงาน

ปรมิ าณเมฆ หยาด - แบบประเมนิ การ 90

น้าฟ้า และ อปุ กรณ์ ตรวจผลงานผเู้ รยี น

ทใ่ี ชว้ ดั ฝน

-การตรวจผลงาน 13 คะแนนขนึ้ ไป

นักเรียน หรือรอ้ ยละ 80

ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

2.ทกั ษะกระบวนการคดิ และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมนิ การ -นักเรียนไดค้ ะแนน

ทักษะกระบวนการกลุ่ม ความคิดเห็นระบุ อภิปรายแสดงความ 12 คะแนนขน้ึ ไป

ทกั ษะกระบวน คดิ เห็น หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่

การทางวิทยาศาสตร์ท่ี - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์

ได้ปฏบิ ตั ิจากกิจกรรม พฤติกรรมการ

- สังเกตพฤตกิ รรมการ ทำงานกลุม่

ทำงานกลุ่ม

3. คณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ - สังเกตค่านิยมในการ - แบบประเมนิ - นกั เรียนไดค้ ะแนน

และสมรรถนะผู้เรยี น ทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืน คุณลักษณะอันพงึ ประเมนิ คณุ ลักษณะ

- มีวนิ ัยในการทำงานกลมุ่ และการทำงานใน ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์

- นักเรยี นเห็นความสำคัญ ระบบกลุ่ม - แบบประเมนิ 26 คะแนนข้นึ ไป

ของการทำงานร่วมกับผอู้ น่ื และ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผู้เรยี น หรือร้อยละ 80

การทำงานในระบบกลมุ่ คิดเห็นเกี่ยวกบั ผลการ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

- ยอมรบั ความคิดเหน็ ซ่งึ กนั ทดลอง - นักเรียนไดค้ ะแนน

และกนั มคี วามเสยี สละและ การประเมินสมรรถนะ

อดทน 29 คะแนนข้ึนไป

หรือรอ้ ยละ 80

ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

11. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

1. ขน้ั ตงั้ ประเด็นปัญหา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)

1.1 กระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกยี่ วกับเมฆและฝนโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทยี ม ดังภาพนำเร่อื ง หรือ

ภาพเคล่ือนไหวจากเวบ็ ไซต์http://www.sattmet.tmd.go.th/satmet/mergesat.html ทแี่ สดงปริมาณเมฆ

เหนือพื้นท่ีประเทศไทย โดยอาจใช้คำถามกระต้นุ ความสนใจดังน้ี

• จากภาพบริเวณใดมเี มฆปกคลมุ ทราบได้อยา่ งไร(นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ)

• นักเรยี นคิดวา่ พนื้ ที่ใดน่าจะเกดิ ฝน เพราะเหตใุ ด(นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)

1.2 นักเรยี นทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรยี น แลว้ นำเสนอผลการทำกจิ กรรม หากพบว่านกั เรียนยงั

ทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนไมถ่ กู ตอ้ ง ครคู วรทบทวนหรอื แก้ไขความเข้าใจผดิ ของนักเรียน เพื่อให้มี

ความรพู้ ้นื ฐานทถ่ี ูกต้องและเพียงพอทจ่ี ะเรียนเรื่องเมฆและฝนต่อไป

91

1.3 นำเข้าสู่การทำกจิ กรรมท่ี 6 เมฆท่ีเหน็ เป็นอย่างไร ครูตง้ั คำถามกระต้นุ ความสนใจวา่ บางครงั้ เรา
สามารถทำนายสภาพอากาศล่วงหน้าโดยใช้ข้อมูลจากลักษณะเมฆในท้องฟ้าที่เราสงั เกตได้ นกั เรยี นคดิ ว่าเมฆ
ในแตล่ ะวันมีลักษณะเหมอื นกนั หรือ แตกต่างกันอยา่ งไรบ้าง
ชั่วโมงที่ 2
2. ข้ันสืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 ให้นกั เรยี นอา่ นวธิ ีดำเนนิ กิจกรรมในหนงั สอื เรยี น และร่วมกนั อภิปรายในประเด็นดงั ตอ่ ไปน้ี
• กิจกรรมนี้เกย่ี วกับเรอื่ งอะไร (ลกั ษณะเมฆ และการตรวจวดั )
• กจิ กรรมน้ีมีจุดประสงค์อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความคดิ ของตนเอง)
• วธิ ดี ำเนนิ กจิ กรรมมีข้ันตอนโดยสรปุ อยา่ งไร (อภปิ รายวธิ สี งั เกตเมฆบนทอ้ งฟา้ ตามความคิดของ

ตนเอง สงั เกตวาดภาพ และจำแนกเมฆตามเกณฑ์ของตนเอง ศึกษาการสงั เกตเมฆตามวธิ กี ารที่น่าเช่ือถือ
สังเกตเมฆ และบันทกึ ข้อมูล)

2.2 นกั เรยี นอภิปรายรว่ มกนั ในประเดน็ ดงั นี้ หากนักเรยี นสงั เกตเมฆในทอ้ งฟา้ นักเรียนคิดว่าควรจะได้
ข้อมลู อะไรบ้างและจะมวี ธิ ีบอกปริมาณเมฆในทอ้ งฟา้ ไดอ้ ย่างไร
ชว่ั โมงท่ี 3

3. ขั้นสรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นกั เรียนสงั เกตและวาดภาพเมฆ จำแนกเมฆทพี่ บตามเกณฑ์ของตนเอง และบอกปริมาณเมฆใน

ทอ้ งฟา้ ตามวธิ ีการทไ่ี ด้อภปิ รายร่วมกนั จากข้อ 1 แลว้ นำเสนอ
3.2 นกั เรียนศกึ ษาลกั ษณะของเมฆ การจำแนกเมฆตามเกณฑ์มาตรฐานของนักวทิ ยาศาสตร์และ

วธิ ีการตรวจวดั ปรมิ าณเมฆปกคลมุ จากนน้ั ให้นักเรยี นวางแผนการสงั เกตเมฆในช่วงเช้า กลางวัน และเย็น
ตามลำดบั โดยนกั เรยี นอาจทำกจิ กรรมเสริม ทำอย่างไรจงึ สงั เกตไดง้ ่ายขนึ้

4. ข้ันการสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากนั้นนำเสนอ และอภิปรายคำตอบร่วมกันเพ่ือให้ไดข้ ้อสรุป

ว่า เมฆมหี ลายรปู รา่ งลักษณะ ในแต่ละชว่ งเวลาของวัน ปริมาณเมฆและลักษณะเมฆแตกตา่ งกนั ไป
4.2 นำเข้าสู่การเรยี นรู้เรื่องฝน โดยถามคำถามทบทวนความรู้ในประเด็น หยาดนำ้ ฟา้ คอื อะไร

เกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร และใหน้ กั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง
5. ขน้ั การบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นักเรียนอ่านข้อมูลเกี่ยวกับฝน ในชุดกิจกรรม แล้วตอบคำถามระหว่างเรียน จากนั้นร่วมกัน

อภิปรายคำตอบ
5.2 นักเรียนทำกิจกรรมเสริม ปริมาณฝนวัดได้อย่างไร ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ท่ีช่วยในการวัด

ปรมิ าณฝน รวมท้งั ไดใ้ ชแ้ นวคดิ ในการทำเคร่อื งวัดฝนท่ีเปน็ ทรงกระบอก
5.3 รว่ มกนั อภปิ รายและสรุป วา่ เมฆมหี ลายลกั ษณะ การจดั ประเภทเมฆจดั โดยใชล้ กั ษณะ

และความสงู เป็นเกณฑ์ เมฆและฝนมกี ารเปลย่ี นแปลงขน้ึ อยกู่ บั ปัจจยั ต่าง ๆ ปัจจยั ทท่ี าใหเ้ มฆมกี าร
เปลย่ี นแปลง

92

ไดแ้ ก่ ปรมิ าณไอน้าในอากาศและสภาพแวดลอ้ มของพน้ื ทท่ี ส่ี ่งผลต่อปรมิ าณไอน้าในอากาศ อณุ หภูมิ

อากาศ ฤดูและ ลมนอกจากน้ยี งั มปี ัจจยั ทท่ี าใหฝ้ นมกี ารเปลย่ี นแปลงเชน่ ปรมิ าณเมฆ ฤดกู าล พน้ื ทห่ี รอื

ภมู ภิ าค และสภาพภมู ปิ ระเทศ

12. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1สอ่ื การเรยี นรู้

1) ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 2) หนังสอื แบบเรยี น 3) สือ่ เพาเวอรพ์ อยต์

12.2แหล่งเรยี นรู้

1) อนิ เตอรเ์ นต็ 2) หอ้ งสมุด

13. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ รายละเอยี ด
ผลการสอน ......................................................................................
......................................................................................
1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................
- เมฆและปรมิ าณเมฆ ......................................................................................
- หยาดน้าฟ้า ......................................................................................
- ความชน้ื สมั พทั ธ์ ......................................................................................
- อุปกรณท์ ใ่ี ชว้ ดั ฝน ......................................................................................
......................................................................................
2. ด้านกระบวนการ : ......................................................................................
- ทักษะกระบวนการคดิ ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม

3. ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นิยม ......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มีวินยั ......................................................................................
- ใฝเ่ รยี นรู้ ......................................................................................
- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................
- รกั ความเป็นไทย ......................................................................................

4. ปัญหาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
5. วธิ ีแกป้ ญั หา

93

....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

ลงชอ่ื ........................................ครูผู้สอน ลงช่อื ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รัตน์..) (นายสุรจกั ร์ิ แกว้ ม่วง.)

ลงชื่อ........................................... ลงช่ือ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรัตน์..) (..นายศวิ าวฒุ ิ รัตนะ..)

หัวหน้างานนเิ ทศ หัวหนา้ กลุ่มบริหารวิชาการ

ลงช่อื ........................................................
(...นายจงจัด จันทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม

94

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 14
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี…3…กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศ…….เรื่อง……..ลมฟ้าอากาศรอบตวั .(ตอนที่
7)....
รายวิชา……......วิทยาศาสตร์……..2.......รหัสวิชา……......ว 21102 ..............ชั้นมัธยมศึกษาปีที่....1.....
กล่มุ สาระการเรียนร้.ู ...........วิทยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2561.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...5..ชว่ั โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพน้ื ฐานมที ั้งมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ดั

รายวชิ าเพ่มิ เติมมเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนร้)ู

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั

ว 3.2 ม.1/4-5

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (หลอมจากตวั ชว้ี ัดที่ใช้ในหน่วยการเรยี นร้นู เี้ ขยี นเปน็ แบบความเรียง)

มนุษยด์ ำรงชวี ิตอยภู่ ายใต้บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟยี รซ์ ่งึ เกิดสภาพลมฟ้าอากาศต่าง ๆ เชน่ ลม เมฆ

ฝน ฟา้ แลบ ฟา้ ร้ององคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เติม (รายวชิ าเพม่ิ เติม)

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

• การพยากรณอ์ ากาศเปน็ การคาดการณล์ มฟา้ อากาศ ท่ีจะเกดิ ข้ึนในอนาคต โดยมกี ารตรวจวัด

องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ การสอ่ื สารแลกเปล่ยี นข้อมลู องค์ประกอบลมฟา้ อากาศระหวา่ งพ้ืนท่ี การวิเคราะห์

ขอ้ มลู และสรา้ งคำพยากรณอ์ ากาศ

• การพยากรณอ์ ากาศสามารถนำมาใช้ประโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ เชน่ การใช้ชีวติ ประจำวนั การคมนาคม

การเกษตร การป้องกนั และเฝา้ ระวงั ภยั พิบตั ิ ทางธรรมชาติ

3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวิชาพูดถึงหลักสูตรทอ้ งถิ่นให้ใส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (เลือกเฉพาะข้อท่ีเกิดในหน่วยการเรยี นรู้น)ี้

 1. ความสามารถในการสือ่ สาร  2. ความสามารถในการคดิ

 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ทีเ่ กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี)้

 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์  2. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ

 3. มีวนิ ยั  4. ใฝ่เรียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

 95

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวิชาการ  2. สอ่ื สารสองภาษา  3. ล้ำหน้าทางความคิด

 4. ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกนั รบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )

 ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะด้านความรว่ มมอื การทำงานเป็นทีมและภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะดา้ นการสอื่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมีเมตตา (วนิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในหอ้ งเรยี นคือ

ประมาณกลุม่ ละ 4 – 6 คน

2. หลักความมเี หตุผล : ใหน้ กั เรยี นสร้างสรรคผ์ ลงานและเกดิ ทกั ษะการปฏบิ ัติ , นักเรยี นเกดิ ความ

ภาคภูมิใจในผลงานของตนและสง่ิ ทเี่ รียนรู้

3. หลกั ภมู คิ ุ้มกนั : ใหน้ กั เรยี นเกดิ ทกั ษะการทำงานกลมุ่ และกลา้ แสดงออก , นักเรียนร้จู ักการวาง

แผนการทำงานและมอบหมายงานให้สมาชกิ ภายในกลมุ่ ได้เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบุคคล

4. เง่ือนไขความรู้ : การวางแผนงานทจ่ี ะทำก่อนแล้วคอ่ ยลงมอื ทำอย่างระมดั ระวงั

5. เงอ่ื นไขคุณธรรม : อดทนทจี่ ะทำงาน และมีความขยนั ท่ีจะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ีทส่ี ุด , มีวนิ ยั ในการ

ทำงาน

9. ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

ตวั ชีว้ ัด ช้นิ งาน ภาระงาน
- วเิ คราะหข์ นั้ ตอนการพยากรณ์
ว.3.2 ม.1/3-5 - รายงานกจิ กรรมที่ 7 การพยากรณ์

96

อากาศทาไดอ้ ย่างไร อากาศ
- รายงานกจิ กรรมที่ 8 คาพยากรณ์ - วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายคาพยากรณ์
อากาศมปี ระโยชน์อยา่ งไร อากาศมปี ระโยชน์ตอ่ การดารงชวี ติ
ของมนุษยใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ

10. การวัดประเมินผล

10.1การวัดและประเมนิ ผลชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ กี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ร่องรอยบง่ ชี้ 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ัติ

เครื่องมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไมผ่ ่าน

10.2การวดั และประเมินผลระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรู้ของ

หน่วยการเรียนรนู้ ี)้

สิง่ ท่ตี อ้ งการวดั วิธวี ัดผล เคร่ืองมือวดั ผล เกณฑ์การประเมิน
1. ความรู้เกย่ี วกบั - นักเรียนได้คะแนน
- การพยากรณอ์ ากาศ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขน้ึ ไป
หรือรอ้ ยละ 80
ความคิดเหน็ อธิบาย อภิปรายแสดงความ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
- นักเรียนได้คะแนน
เก่ียวกบั การ คิดเหน็ ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนข้นึ ไป
พยากรณ์อากาศ - แบบประเมนิ การ หรือร้อยละ 80
ถือว่าผา่ นเกณฑ์
-การตรวจผลงาน ตรวจผลงานผูเ้ รียน -นกั เรยี นไดค้ ะแนน
12 คะแนนขึน้ ไป
นกั เรียน

2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมนิ การ

ทกั ษะกระบวนการกลุม่ ความคิดเห็นระบุ อภปิ รายแสดงความ

97

ทักษะกระบวน คิดเหน็ หรอื ร้อยละ 80 ถือว่า

การทางวทิ ยาศาสตร์ที่ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์

ได้ปฏบิ ตั จิ ากกจิ กรรม พฤตกิ รรมการ

- สงั เกตพฤตกิ รรมการ ทำงานกลมุ่

ทำงานกลมุ่

3. คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ - สงั เกตค่านยิ มในการ - แบบประเมิน - นักเรียนได้คะแนน

และสมรรถนะผเู้ รยี น ทำงานรว่ มกับผู้อ่นื คุณลกั ษณะอันพึง ประเมินคุณลกั ษณะ

- มีวินัยในการทำงานกล่มุ และการทำงานใน ประสงค์ อันพงึ ประสงค์

- นักเรียนเหน็ ความสำคญั ระบบกลุ่ม - แบบประเมิน 26 คะแนนขน้ึ ไป

ของการทำงานรว่ มกับผอู้ ื่นและ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผ้เู รียน หรือร้อยละ 80

การทำงานในระบบกลุ่ม คิดเหน็ เกีย่ วกบั ผลการ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

- ยอมรบั ความคิดเห็นซง่ึ กัน ทดลอง - นกั เรียนไดค้ ะแนน

และกันมคี วามเสียสละและ การประเมนิ สมรรถนะ

อดทน 29 คะแนนข้ึนไป

หรือร้อยละ 80

ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

11. กิจกรรมการเรียนรู้

ชวั่ โมงที่ 1

1. ข้นั ตง้ั ประเดน็ ปัญหา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)

1.1 สร้างความสนใจแก่นกั เรยี นโดยการนำวดี ิทศั น์ หรอื รูปภาพหรอื เลา่ เหตกุ ารณ์เกย่ี วกับการใช้

ประโยชนข์ องการพยากรณอ์ ากาศในชีวติ ประจำวันมาให้นกั เรียนพจิ ารณา เชน่ ในฤดูรอ้ นอากาศร้อนจดั กรม

อุตนุ ิยมวทิ ยาไดอ้ อกประกาศเตือนให้ประชาชนระวังภัยจากการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิอากาศอยา่ งรวดเร็ว

จนอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายจากการเป็นลมแดด คำพยากรณอ์ ากาศดังกลา่ วชว่ ยให้ประชาชนในพ้ืนท่ี

ปลอดภัย จากน้นั ครถู ามคำถามสรา้ งความสนใจว่าการพยากรณ์อากาศทำไดอ้ ยา่ งไร

1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน แลว้ นำเสนอผลการทำกจิ กรรม หากพบวา่ นักเรียนยงั

ทำกิจกรรมทบทวนความรูก้ ่อนเรยี นไม่ถกู ตอ้ ง ครูควรทบทวนหรอื แกไ้ ขความเขา้ ใจผดิ ของนกั เรยี น เพอื่

ใหม้ คี วามรพู้ ื้นฐานท่ถี ูกตอ้ งและเพียงพอที่จะเรียนเร่อื งการพยากรณอ์ ากาศต่อไป

ช่วั โมงท่ี 2

2. ขั้นสืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 ให้ให้นกั เรยี นอา่ นวิธดี ำเนนิ กจิ กรรมในหนงั สอื เรียน และร่วมกันอภิปรายในประเด็นดงั ต่อไปน้ี

• กจิ กรรมนเี้ กี่ยวกับเร่อื งอะไร (การพยากรณอ์ ากาศอยา่ งง่าย)

• กิจกรรมน้ีมีจุดประสงคอ์ ย่างไร (นกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง)

98

• วิธีดำเนินกิจกรรมมขี ้ันตอนโดยสรปุ อยา่ งไร (รวบรวมขอ้ มลู องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากน้นั
วเิ คราะหข์ ้อมลู เพ่อื พยากรณอ์ ากาศอย่างง่าย แล้วตรวจสอบความถูกต้องของคำพยากรณ์กับสง่ิ ที่เกิดขึ้นจรงิ )

• กิจกรรมนค้ี วรมีข้นั ตอนในการทำเปน็ พิเศษอยา่ งไร (รวบรวมข้อมลู องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
ล่วงหนา้ จากแหลง่ ตา่ งๆ และจดั กระทำข้อมลู ให้อยู่ในรปู ทส่ี ามารถนำไปประมวลผลได)้

2.2 เปิดโอกาสให้นักเรยี นทำกิจกรรมทางเลอื ก ในการตรวจวัดอุณหภูมิ ความชน้ื ปรมิ าณเมฆ ตอ่ เนอื่ ง
กนั เองเพ่ือใช้ในการพยากรณ์ตามแนวทางข้อเสนอแนะในการทำกจิ กรรม

2.3 นกั เรยี นตอบคำถามท้ายกจิ กรรม จากนนั้ นำเสนอ และอภิปรายคำตอบรว่ มกนั เพอ่ื ให้ได้ขอ้ สรปุ ว่า
การพยากรณ์อากาศอยา่ งง่ายทำไดโ้ ดยรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์แนวโนม้ การเปลย่ี นแปลงของข้อมลู
องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศนนั้ ๆ

2.4 นกั เรยี นอา่ นข้อมลู เพ่มิ เตมิ ในหนังสือเรียน ตอบคำถามระหว่างเรียนและรว่ มกนั อภปิ รายสรุป
เก่ียวกับแนวทางการพยากรณอ์ ากาศ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ ้อสรปุ วา่ การพยากรณอ์ ากาศมขี ั้นตอนคร่าว ๆ คือการตรวจ
อากาศเพอื่ รวบรวมข้อมลู องคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ การสื่อสารเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลใหไ้ ด้ครอบคลมุ และ
การวิเคราะห์ขอ้ มลู เพอ่ื คาดหมายลกั ษณะอากาศและสรา้ งคำพยากรณ์ โดยการพยากรณ์อากาศต้องอาศยั
ข้อมูลท่ีถกู ต้อง จำนวนมากพอ และความรใู้ นการวิเคราะห์ จงึ จะชว่ ยใหค้ ำพยากรณม์ คี วามแม่นยำ

2.5 นาเขา้ สกู่ ิจกรรมท่ี 8 คำพยากรณอ์ ากาศมปี ระโยชน์อย่างไร โดยใช้คำถามสร้างความสนใจว่า เรา
สามารถจะนำคำพยากรณ์อากาศไปใช้ได้อยา่ งไร และบคุ คลใดทไ่ี ด้รบั ประโยชนจ์ ากคำพยากรณ์อากาศมาก
ที่สุด
ชั่วโมงท่ี 3-5

3. ข้นั สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)
3.1 ให้นกั เรยี น วเิ คราะหค์ ำพยากรณอ์ ากาศหลายๆรูปแบบก่อนลงขอ้ สรุปว่า บทบาทสมมติท่ี

นกั เรียนเลอื กจะไดร้ ับผลกระทบอย่างไร และจะวางแผนการดำรงชีวติ อยา่ งไร
3.2 ใหน้ กั เรียนแสดงบทบาทสมมตติ ามบทบาทท่ีตนเองเลือกไว้
3.2 นกั เรียนศกึ ษาขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ ในหนังสอื เรยี นและตอบคำถามระหว่างเรยี น จากนัน้ ครูและ

นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายและสรุปสิง่ ทไ่ี ด้เรียนรู้ เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุปว่า คำพยากรณอ์ ากาศมปี ระโยชนใ์ นการวาง
แผนการดำรงชวี ิต เพอื่ ให้ดำรงชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย การพยากรณอ์ ากาศทแ่ี ม่นยำ อาศัยขอ้ มลู
องคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศท่คี รอบคลุม และความรู้พ้ืนฐานเพื่อการวเิ คราะหแ์ ปลผล

4. ขั้นการสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรยี นรว่ มกันสรปุ หัวขอ้ เรือ่ งลมฟา้ อากาศรอบตัว จากน้ันนักเรียนทำกิจกรรมตรวจสอบตนเอง

เพ่ือสรปุองค์ความรู้ที่ได้เรียนรู้จากบทเรียน โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือเขียนผังมโนทัศน์ สิ่งที่ได้
เรียนร้จู ากบทเรียนเรอ่ื งลมฟ้าอากาศรอบตวั

5. ข้นั การบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)

99

5.1 นักเรียนนำเสนอสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากบทเรียน โดยอาจออกแบบให้นักเรียนนำเสนอและ

อภปิ รายภายในกลุม่ หรอื อภปิ รายรว่ มกันในช้ันเรียน หรือติดแสดงผลงานบนผนังห้องเรยี นเพื่อใหน้ ักเรยี นชม

ผลงานและพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ จากนัน้ ครแู ละนักเรยี นอภิปรายสรุปองคค์ วามรทู้ ่ไี ด้จากบทเรยี นรว่ มกนั

5.2 นักเรียนทำกิจกรรมท้ายบท เฝ้าระวังและป้องกันอันตรายจากการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ

อยา่ งฉับพลนั ไดอ้ ย่างไร ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม

5.3 นกั เรยี นตรวจสอบตนเองดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ ไ่ี ดท้ าในบทเรยี นน้ี

อ่านสรุปทา้ ยบท และทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท เชอ่ื มโยงไปสู่บทเรยี นตอ่ ไปว่า การเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ

บางคร้งั เกิดข้ึนอยา่ งรนุ แรง การเปลีย่ นแปลงดังกล่าวเปน็ อย่างไร และเราควรปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไร

12. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้

12.1สือ่ การเรยี นรู้

1) ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 2) หนงั สือแบบเรียน 3) สือ่ เพาเวอร์พอยต์

12.2แหลง่ เรยี นรู้

1) อนิ เตอร์เนต็ 2) หอ้ งสมดุ

13. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ รายละเอยี ด
ผลการสอน ......................................................................................
......................................................................................
1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................
- การพยากรณ์อากาศ ......................................................................................
......................................................................................
2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................
- ทักษะกระบวนการคดิ ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยม ......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มีวนิ ัย ......................................................................................
- ใฝเ่ รยี นรู้ ......................................................................................
- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................
- รักความเปน็ ไทย
100

......................................................................................
4. ปัญหาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
5. วิธแี กป้ ัญหา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

ลงชือ่ ........................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น.์ .) (นายสรุ จกั ร์ิ แกว้ ม่วง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวุฒิ รัตนะ..)

หัวหน้างานนิเทศ หวั หนา้ กลุ่มบรหิ ารวิชาการ

ลงชอื่ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นสุวรรณารามวิทยาคม

101

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี…4…กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศ…เรื่อง….มนุษยแ์ ละการเปลย่ี นแปลงลมฟ้า
อากาศ(ตอนท่ี1)…..รายวชิ า….วทิ ยาศาสตร์……..2.......รหัสวิชา…....ว 21102 .........ชั้นมัธยมศึกษาปีที่....1.....
กลมุ่ สาระการเรียนร้.ู ...........วิทยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...2..ชว่ั โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพ้นื ฐานมีท้งั มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้ีวัด
รายวชิ าเพ่มิ เตมิ มเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนรู)้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
ว 3.2 ม.1/3

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ชี้วัดท่ใี ช้ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ีเขยี นเป็นแบบความเรียง)
ลมฟ้าอากาศมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเมื่อองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศมีการเปลี่ยนแปลง

ไป บางครั้งการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศจะเกิดอย่างรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่าง
มาก สำหรับประเทศไทยพบการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศได้แก่ พายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อน ซึ่ง
พายุทั้งสองมีกระบวนการเกดิ และผลกระทบทงั้ เหมือนและแตกต่างกนั ลมฟ้าอากาศเป็นสภาวะของอากาศที่
เกิดขึ้นในพื้นท่ีหนึ่ง ๆ ในช่วงเวลาหน่ึง เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดังที่กล่าวมา ภูมิอากาศเป็นลักษณะลมฟ้า
อากาศโดยเฉลี่ยของพื้นท่ีหนึ่ง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา มีการเปล่ียนแปลงได้เช่นกัน ปัจจัยท่ีทำให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมีท้ังปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศแม้ไม่ได้
เกดิ ขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนดังการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศ แตก่ ส็ ง่ ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม
อย่างมาก มนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้สถานการณ์ ผลกระทบ และแนวทางในการปฏิบัติตนภายใต้การ
เปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ เพื่อให้มนุษย์และสิ่งแวดล้อมดำรงอยู่ได้อย่าง
ปลอดภัยและยั่งยนื
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เติม (รายวชิ าเพม่ิ เติม)
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• พายฝุ นฟ้าคะนอง เกิดจากการทีอ่ ากาศท่ีมอี ณุ หภมู ิและความช้นื สงู เคลอ่ื นท่ขี น้ึ ส่รู ะดบั

ความสงู ท่ีมอี ุณหภูมติ ่ำลง จนกระทั่งไอน้ำในอากาศเกดิ การควบแน่นเปน็ ละอองนำ้ และเกดิ ต่อเน่ืองเป็นเมฆ
ขนาดใหญ่ พายุฝนฟา้ คะนองทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง ฟ้าแลบฟา้ ผ่า ซงึ่ อาจก่อให้เกดิ อันตรายตอ่
ชีวติ และทรพั ย์สนิ

• พายหุ มนุ เขตรอ้ นเกิดเหนือมหาสมทุ รหรือทะเล ที่น้ำมอี ุณหภูมิสงู ต้ังแต่ 26-27 องศาเซลเซียส ขึน้
ไป ทำใหอ้ ากาศท่ีมีอุณหภูมิและความชน้ื สงู บริเวณนนั้ เคลือ่ นท่ีสงู ขนึ้ อย่างรวดเรว็ เปน็ บรเิ วณกวา้ ง อากาศจาก
บรเิ วณอืน่ เคลื่อนเข้ามาแทนที่และพัดเวยี นเข้าหาศูนยก์ ลางของพายุยิ่งใกลศ้ นู ยก์ ลาง อากาศจะเคล่ือนท่ีพดั

102

เวยี นเกอื บเป็นวงกลมและมอี ตั ราเรว็ สงู ท่ีสดุ พายุหมนุ เขตร้อนทำใหเ้ กิดคลื่นพายซุ ดั ฝงั่ ฝนตกหนักซงึ่ อาจ

ก่อให้เกดิ อนั ตรายตอ่ ชวี ิตและทรพั ยส์ นิ จงึ ควรปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั โดยติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศ

และไม่เขา้ ไปอยู่ในพ้นื ทที่ ี่เส่ียงภัย

3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่ (ถ้าในคำอธิบายรายวชิ าพูดถงึ หลักสูตรท้องถ่นิ ใหใ้ ส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เลือกเฉพาะข้อทเี่ กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี)

 1. ความสามารถในการส่อื สาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ทเี่ กิดในหน่วยการเรียนรนู้ ี้)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซื่อสตั ย์สุจริต

 3. มวี นิ ยั  4. ใฝ่เรียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุง่ มนั่ ในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ดา้ นคณุ ลกั ษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวิชาการ  2. ส่อื สารสองภาษา  3. ล้ำหน้าทางความคดิ

 4. ผลติ งานอย่างสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกันรบั ผิดชอบต่อสงั คมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได้)  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเปน็ )

 ทักษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผูน้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะดา้ นการส่ือสาร สารสนเทศและรู้เทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมีเมตตา (วนิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

103

1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลุ่มให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในหอ้ งเรียนคือ
ประมาณกลุ่มละ 4 – 6 คน

2. หลักความมีเหตุผล : ให้นักเรยี นสร้างสรรคผ์ ลงานและเกดิ ทกั ษะการปฏบิ ัติ , นกั เรยี นเกดิ ความ
ภาคภูมิใจในผลงานของตนและสิ่งท่เี รยี นรู้

3. หลักภูมคิ ุ้มกนั : ให้นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก , นกั เรียนรจู้ ักการวาง
แผนการทำงานและมอบหมายงานให้สมาชิกภายในกลมุ่ ได้เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบุคคล

4. เงื่อนไขความรู้ : การวางแผนงานทจี่ ะทำกอ่ นแล้วค่อยลงมอื ทำอยา่ งระมดั ระวงั
5. เงื่อนไขคุณธรรม : อดทนที่จะทำงาน และมีความขยนั ทจ่ี ะทำงานให้ออกมาได้ดที สี่ ุด , มีวินัยในการ
ทำงาน

9. ชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ตวั ช้ีวัด ชน้ิ งาน ภาระงาน

ว.3.2 ม.1/3 - รายงานกิจกรรมที่ 9 พายุฝนฟา้ คะนอง - เปรยี บเทยี บกระบวนการเกดิ พายุ
ฝนฟ้าคะนองและพายหุ มุนเขตรอ้ น
และพายุหมนุ เขตร้อนเกดิ ข้ึนได้อย่างไร และผลทม่ี ตี ่อสงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
รวมทงั้ นาเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ น
ใหเ้ หมาะสมและปลอดภยั

10. การวัดประเมินผล

10.1การวัดและประเมนิ ผลช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด

วิธกี าร

1.การสงั เกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กิจกรรมวิทยาศาสตรร์ อ่ งรอยบง่ ชี้ 3.การวดั ประเมินการปฏิบตั ิ

เครอื่ งมอื

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมินการปฏิบตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไม่ผ่าน

10.2 การวัดและประเมนิ ผลระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรียนรขู้ อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ )้ี

104

สง่ิ ท่ตี ้องการวดั วธิ วี ดั ผล เครอื่ งมือวัดผล เกณฑ์การประเมิน
1. ความรู้เกยี่ วกับ - นกั เรียนได้คะแนน
- พายุ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนขนึ้ ไป
หรือร้อยละ 80
ความคดิ เหน็ อธบิ าย อภปิ รายแสดงความ ถือว่าผ่านเกณฑ์
- นักเรยี นไดค้ ะแนน
เกย่ี วกบั พายุ คิดเห็น ประเมินผลงาน
13 คะแนนขน้ึ ไป
-การตรวจผลงาน - แบบประเมนิ การ หรือรอ้ ยละ 80
ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
นักเรยี น ตรวจผลงานผเู้ รียน -นักเรยี นได้คะแนน
12 คะแนนขึน้ ไป
2.ทักษะกระบวนการคดิ และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมนิ การ หรือรอ้ ยละ 80 ถอื ว่า
ผา่ นเกณฑ์
ทกั ษะกระบวนการกล่มุ ความคิดเห็นระบุ อภิปรายแสดงความ
- นักเรียนไดค้ ะแนน
ทักษะกระบวน คดิ เห็น ประเมินคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
การทางวิทยาศาสตรท์ ่ี - แบบประเมนิ 26 คะแนนขึ้นไป
หรือร้อยละ 80
ได้ปฏบิ ัตจิ ากกิจกรรม พฤตกิ รรมการ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
- นกั เรยี นได้คะแนน
- สงั เกตพฤตกิ รรมการ ทำงานกล่มุ การประเมนิ สมรรถนะ
29 คะแนนขน้ึ ไป
ทำงานกลุ่ม หรือร้อยละ 80
ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
3. คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ - สงั เกตค่านยิ มในการ - แบบประเมิน

และสมรรถนะผู้เรียน ทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื คณุ ลักษณะอันพึง

- มวี นิ ัยในการทำงานกลุ่ม และการทำงานใน ประสงค์

- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ระบบกลุม่ - แบบประเมนิ

ของการทำงานรว่ มกับผอู้ ่ืนและ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผู้เรยี น

การทำงานในระบบกลมุ่ คดิ เหน็ เกย่ี วกับผลการ

- ยอมรบั ความคิดเหน็ ซ่งึ กัน ทดลอง

และกันมีความเสยี สละและ

อดทน

11. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1
1. ขัน้ ตงั้ ประเด็นปญั หา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)

105

1.1 ครูใช้ภาพหรอื วีดิทัศน์ท่แี สดงปรากฏการณ์เก่ยี วกับพายุฝนฟ้าคะนอง และพายหุ มุนเขตร้อน ให้
นักเรยี นสงั เกต จากนนั้ ครูถามคำถามสร้างความสนใจ เช่น พายุท้งั สองมคี วามแตกต่างกันอยา่ งไร พายุใด
สรา้ งอันตรายตอ่ มนษุ ย์มากกวา่ กนั

1.2 นักเรยี นทำกิจกรรมทบทวนความรูก้ ่อนเรยี นแล้วนำเสนอผลการทำกจิ กรรม หากพบวา่ นักเรียน
ยงั ทำกิจกรรมทบทวนความรกู้ อ่ นเรยี นไมถ่ ูกตอ้ งครูควรทบทวนหรือแกไ้ ขความเขา้ ใจผิดของนักเรียน
เพื่อใหม้ คี วามรู้พื้นฐานทถ่ี กู ตอ้ งและเพียงพอทจี่ ะเรียนเร่ืองพายุตอ่ ไป

1.3 นำเข้าสกู่ ิจกรรมที่ 9 พายฝุ นฟ้าคะนองและพายุหมนุ เขตรอ้ นเกดิ ขน้ึ ได้อย่างไร โดยตงั้ ประเด็นสรา้ ง
ความสนใจว่าพายุในประเทศไทยที่พบบ่อยคอื พายุฝนฟ้าคะนอง และพายุหมนุ เขตรอ้ น ซึง่ นักเรยี นจะไดเ้ รยี นรู้
เก่ียวกับพายุทง้ั สองในกจิ กรรมตอ่ ไป
ชั่วโมงท่ี 2

2. ข้ันสืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)
2.1 ให้นกั เรียนอา่ นวิธดี ำเนินกจิ กรรมในหนงั สอื เรยี น และร่วมกันอภปิ รายในประเด็นดังตอ่ ไปนี้

• กจิ กรรมนี้เก่ียวกับเรื่องอะไร (กระบวนการเกิดและผลกระทบของพายฝุ นฟ้าคะนอง และพายุหมุน
เขตร้อน)

• กจิ กรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง)
• การทำกิจกรรมมีข้นั ตอนโดยสรปุ อยา่ งไร (อ่านข้อความการเกดิ พายฝุ นฟา้ คะนอง วเิ คราะหแ์ ละ
วาดภาพอธบิ ายกระบวนการเกดิ สังเกตภาพพายุหมนุ เขตร้อน วิเคราะห์และเขยี นอธิบายกระบวนการเกดิ
รวบรวมขอ้ มลู กระบวนการเกิดพายุฝนฟา้ คะนองและพายหุ มนุ เขตร้อน จากน้ันนำเสนอ)
2.2 ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายกระบวนการเกดิ พายฝุ นฟ้าคะนอง และพายหุ มนุ เขตรอ้ นจาก
ขอ้ มลู ทก่ี าหนดใหใ้ นชดุ กจิ กรรม
2.3 นกั เรยี นรวบรวมขอ้ มูลกระบวนการเกดิ พายุทงั้ สองจากแหล่งขอ้ มูลทเ่ี ช่อื ถอื ได้
2.4 อธิบายภาพประกอบในกิจกรรม เช่น สขี าวคือกลุ่มของเมฆ สีของลกู ศรแสดงอตั ราเร็วของลมตาม
แถบสดี ้านขา้ งเพือ่ ช่วยในการวิเคราะห์ขอ้ มลู
2.5 กระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู จากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทม่ี ากพอ สาหรบั การ
วเิ คราะหก์ ระบวนการเกดิ พายุ
3. ขนั้ สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นกั เรียนอ่านขอ้ มลู เพิม่ เติมในหนังสือเรยี น และตอบคำถามระหวา่ งเรยี น จากนนั้ ครแู ละนักเรยี น
รว่ มกันอภปิ รายและสรุปส่ิงทไี่ ด้เรยี นรู้ เพ่อื ให้ไดข้ อ้ สรปุ วา่ กระบวนการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเกดิ จากอากาศมี
อณุ หภมู สิ งู ขึ้นทำให้น้ำระเหยเพิ่มขึน้ และลอยสูงข้ึน ไอน้ำในอากาศเกดิ การควบแน่นเปน็ ละอองนำ้ เกิดเป็นเมฆ
ขนาดใหญจ่ ากนน้ั จะเกิดฝนตกหนัก ฟา้ แลบ ฟ้าผ่า หรืออาจเกดิ ลกู เห็บตก กระบวนการเกิดพายหุ มุนเขตร้อน
เกิดจากอุณหภูมิเหนือน้ำทะเลเพ่ิมสงู ขน้ึ ทำให้เกิดไอนำ้ ในปรมิ าณมากและเคล่อื นทสี่ ูงขึ้นอย่างรวดเรว็ ทำให้
อากาศบรเิ วณรอบ ๆ เคล่อื นเขา้ มาแทนที่จึงเห็นเปน็ เกลียวขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตรอ้ น

106

มีผลกระทบต่อมนษุ ยแ์ ละส่งิ แวดลอ้ มทั้งด้านบวกและลบ เชน่ เกิดฝนตกช่วยในการทำการเกษตร หรอื เกดิ นำ้
ทว่ มสร้างความเสียหายแกช่ ีวติ และทรพั ย์สนิ เป็นจำนวนมาก

4. ขน้ั การส่อื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงพายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อนมีกระบวนการเกิดและ

ผลกระทบเหมอื นและแตกตา่ งกันอยา่ งไร
5. ขนั้ การบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นักเรียนนำเสนอสรุปองค์ความรูท้ ่ไี ด้จากบทเรียน โดยภาพวาดอธิบายการเกิดพายฝุ นฟา้ คะนอง

ติดแสดงผลงานบนผนังหอ้ งเรยี นเพ่ือให้นกั เรยี นชมผลงานและพิจารณาใหค้ วามเหน็ จากนน้ั ครูและนักเรียน
อภปิ รายสรปุ องค์ความรู้ท่ีไดจ้ ากบทเรยี นรว่ มกัน

5.2 นกั เรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม

12. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 2) หนังสอื แบบเรยี น 3) สือ่ เพาเวอร์พอยต์
12.1ส่อื การเรยี นรู้ 2) ห้องสมุด
1) ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์
12.2 แหล่งเรียนรู้
1) อนิ เตอรเ์ น็ต

13. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ รายละเอียด
ผลการสอน ......................................................................................
......................................................................................
1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................
- พายุ ......................................................................................
......................................................................................
2. ด้านกระบวนการ : ......................................................................................
- ทักษะกระบวนการคดิ ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกล่มุ ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและค่านยิ ม ......................................................................................
อนั พงึ ประสงค์ : ......................................................................................

107

- มวี นิ ยั ......................................................................................
- ใฝ่เรียนรู้ ......................................................................................
- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................
- รกั ความเป็นไทย ......................................................................................

4. ปัญหาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
5. วิธีแกป้ ัญหา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

ลงชื่อ........................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รัตน.์ .) (นายสรุ จกั ร์ิ แก้วมว่ ง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่อื ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวุฒิ รตั นะ..)

หัวหนา้ งานนเิ ทศ หัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารวิชาการ

ลงชื่อ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรยี นสวุ รรณารามวิทยาคม

108

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 16
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี…4…กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟ้าอากาศ…เรอ่ื ง….มนุษยแ์ ละการเปลย่ี นแปลงลมฟ้า
อากาศ(ตอนที่2)…..รายวชิ า….วทิ ยาศาสตร์……..2.......รหัสวิชา…....ว 21102 .........ชั้นมัธยมศึกษาปีที่....1.....
กลุ่มสาระการเรียนรู้............วิทยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...5..ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพืน้ ฐานมีท้ังมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชวี้ ัด
รายวชิ าเพมิ่ เตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ัด
ว 3.2 ม.1/6,7

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ชีว้ ัดที่ใช้ในหน่วยการเรียนรู้นเี้ ขียนเปน็ แบบความเรียง)
ลมฟ้าอากาศมีการเปล่ียนแปลงได้ตลอดเวลาเมอื่ องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศมีการเปลี่ยนแปลง

ไป บางครั้งการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศจะเกิดอย่างรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อมอย่าง
มาก สำหรับประเทศไทยพบการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศได้แก่ พายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อน ซ่ึง
พายุทั้งสองมีกระบวนการเกิดและผลกระทบทงั้ เหมอื นและแตกต่างกนั ลมฟ้าอากาศเป็นสภาวะของอากาศท่ี
เกิดข้ึนในพ้ืนท่ีหน่ึง ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดังที่กล่าวมา ภูมิอากาศเป็นลักษณะลมฟ้า
อากาศโดยเฉล่ียของพื้นท่ีหน่ึง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา มีการเปล่ียนแปลงได้เช่นกัน ปัจจัยท่ีทำให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงภูมิอากาศมีท้ังปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศแม้ไม่ได้
เกดิ ขนึ้ อยา่ งรวดเร็วเหมอื นดงั การเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศ แต่กส็ ง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ มีชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม
อย่างมาก มนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้สถานการณ์ ผลกระทบ และแนวทางในการปฏิบัติตนภายใต้การ
เปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เพ่ือให้มนุษย์และสิ่งแวดล้อมดำรงอยู่ได้อย่าง
ปลอดภัยและยัง่ ยนื
3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เติม (รายวิชาเพ่ิมเติม)
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• ภูมิอากาศโลกเกดิ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งต่อเนอ่ื งโดยปัจจยั ทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบนั การ

เปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศเกิดข้นึ อย่างรวดเรว็ เนือ่ งจากกจิ กรรมของมนษุ ย์ในการปลดปลอ่ ยแกส๊ เรือนกระจกสู่
บรรยากาศ แกส๊ เรือนกระจกท่ีถกู ปลดปล่อยมากท่ีสดุ ได้แก่ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดซ์ งึ่ หมนุ เวียนอยใู่ นวฏั
จักรคาร์บอน

• การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลกกอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ สิ่งมชี วี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม เช่นการหลอมเหลว
ของนำ้ แข็งขั้วโลก การเพม่ิ ขน้ึ ของระดับทะเล การเปลยี่ นแปลงวัฏจกั รนำ้ การเกดิ โรคอุบัติใหมแ่ ละอุบตั ิซำ้
และการเกิดภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติทร่ี นุ แรงขนึ้ มนษุ ย์จึงควรเรียนร้แู นวทางการปฏบิ ตั ติ นภายใตส้ ถานการณ์

109

ดังกลา่ ว ทงั้ แนวทางการปฏิบตั ติ นให้เหมาะสมและแนวทางการลดกิจกรรมทีส่ ง่ ผลต่อการเปลย่ี นแปลง

ภมู อิ ากาศโลก

3.2 สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ (ถา้ ในคำอธิบายรายวิชาพดู ถงึ หลกั สูตรทอ้ งถนิ่ ให้ใส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เลือกเฉพาะขอ้ ท่ีเกิดในหนว่ ยการเรียนรู้น้ี)

 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร  2. ความสามารถในการคดิ

 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ทเี่ กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ )้ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  2. ซื่อสัตย์สุจริต

 3. มีวินัย  4. ใฝเ่ รยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุง่ มน่ั ในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ด้านคุณลักษณะของผู้เรียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. สอ่ื สารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคิด

 4. ผลติ งานอย่างสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกนั รบั ผดิ ชอบต่อสังคมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )

 ทักษะด้านการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทักษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทกั ษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศและร้เู ทา่ ทันส่อื (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมีเมตตา (วินัย คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

8. บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลุม่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในห้องเรยี นคอื

ประมาณกลุ่มละ 4 – 6 คน

110

2. หลักความมเี หตผุ ล : ใหน้ กั เรียนสร้างสรรคผ์ ลงานและเกิดทักษะการปฏิบตั ิ , นกั เรยี นเกดิ ความ
ภาคภมู ใิ จในผลงานของตนและส่ิงที่เรียนรู้

3. หลกั ภมู ิคมุ้ กัน : ใหน้ ักเรยี นเกดิ ทักษะการทำงานกล่มุ และกลา้ แสดงออก , นกั เรียนร้จู ักการวาง
แผนการทำงานและมอบหมายงานใหส้ มาชิกภายในกลมุ่ ได้เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบุคคล

4. เง่ือนไขความรู้ : การวางแผนงานท่จี ะทำกอ่ นแล้วค่อยลงมอื ทำอยา่ งระมดั ระวงั
5. เง่อื นไขคุณธรรม : อดทนท่จี ะทำงาน และมีความขยันทีจ่ ะทำงานให้ออกมาได้ดีทส่ี ดุ , มวี นิ ยั ในการ
ทำงาน

9. ชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

ตัวช้วี ัด ช้ินงาน ภาระงาน
- วเิ คราะห์เปรียบเทียบอธบิ าย
ว.3.2 ม.1/6,7 - รายงานกจิ กรรมที่ 10 ภมู อิ ากาศ สถานการณแ์ ละผลกระทบการ
เปล่ียนแปลงภูมอิ ากาศโลกจากขอ้ มลู ท่ี
เปล่ียนแปลงได้หรือไม่ รวบรวมได้
- นำเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนภายใต้
การเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลก

10. การวัดประเมินผล

10.1การวดั และประเมนิ ผลชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

วิธีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ร่องรอยบ่งช้ี 3.การวัดประเมนิ การปฏิบตั ิ

เครอ่ื งมือ

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมินการปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน 1

รายการถอื วา่ ไม่ผ่าน

10.2 การวดั และประเมนิ ผลระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมินจากแผนการจดั การเรียนร้ขู อง

หนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี)

111

สิง่ ท่ีตอ้ งการวดั วธิ วี ัดผล เครื่องมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ
1. ความรเู้ ก่ียวกบั - นักเรยี นได้คะแนน
- การเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขนึ้ ไป
โลก หรือรอ้ ยละ 80
ความคิดเหน็ อธบิ าย อภิปรายแสดงความ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรียนได้คะแนน
เกย่ี วกับการเปลย่ี น คดิ เหน็ ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนขนึ้ ไป
แปลงภูมอิ ากาศโลก - แบบประเมินการ หรอื รอ้ ยละ 80
ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
-การตรวจผลงาน ตรวจผลงานผเู้ รียน -นักเรียนไดค้ ะแนน
12 คะแนนขนึ้ ไป
นักเรยี น หรือร้อยละ 80 ถือวา่
ผ่านเกณฑ์
2.ทักษะกระบวนการคดิ และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ
- นกั เรียนได้คะแนน
ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ความคดิ เหน็ ระบุ อภปิ รายแสดงความ ประเมินคณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
ทักษะกระบวน คดิ เห็น 26 คะแนนข้ึนไป
หรอื รอ้ ยละ 80
การทางวทิ ยาศาสตร์ที่ - แบบประเมิน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
- นกั เรียนได้คะแนน
ไดป้ ฏบิ ัตจิ ากกจิ กรรม พฤติกรรมการ การประเมนิ สมรรถนะ
29 คะแนนขึน้ ไป
- สงั เกตพฤตกิ รรมการ ทำงานกลมุ่ หรือร้อยละ 80
ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
ทำงานกลมุ่

3. คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ - สังเกตค่านิยมในการ - แบบประเมนิ

และสมรรถนะผเู้ รยี น ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื คณุ ลกั ษณะอันพึง

- มีวินัยในการทำงานกลุม่ และการทำงานใน ประสงค์

- นกั เรยี นเห็นความสำคัญ ระบบกลมุ่ - แบบประเมิน

ของการทำงานรว่ มกับผอู้ น่ื และ อภปิ ราย แสดงความ สมรรถนะผู้เรียน

การทำงานในระบบกลุ่ม คิดเหน็ เก่ียวกบั ผลการ

- ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกนั ทดลอง

และกันมคี วามเสยี สละและ

อดทน

11. กิจกรรมการเรยี นรู้
ชัว่ โมงท่ี 1
1. ขัน้ ตงั้ ประเด็นปัญหา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครูใชภ้ าพหรอื วีดิทัศน์แสดงปรากฏการณ์ท่เี กีย่ วข้อง

112

กับการเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก เช่น ภาพนำ เรื่องเกีย่ วกบั น้ำแข็งขั้วโลกหลอมเหลวและผลกระทบตอ่
หมขี ้ัวโลกเปน็ ตน้ ใหน้ ักเรยี นสังเกต จากนั้นครูถามคำถามเพื่อสร้างความสนใจดังนี้

• การเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศโลกคืออะไร ใครไดร้ บั ผลกระทบบ้าง (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ)
1.2 นักเรียนทำกจิ กรรมทบทวนความร้กู ่อนเรยี นแล้วนำเสนอผลการทำกจิ กรรม หากพบว่านักเรียน
ยังทำกจิ กรรมทบทวนความร้กู อ่ นเรยี นไม่ถูกตอ้ งครคู วรทบทวนหรอื แก้ไขความเข้าใจผิดของนกั เรยี น
เพ่อื ใหม้ คี วามรู้พนื้ ฐานที่ถกู ต้องและเพยี งพอที่จะเรยี นเร่อื งการเปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศโลกต่อไป
1.3 นำเข้าสู่กิจกรรมท่ี 10 ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไดห้ รอื ไม่ โดยต้งั ประเด็นใหน้ ักเรยี นหาคำตอบว่า ลม
ฟา้ อากาศมีการเปลีย่ นแปลงได้ทกุ วนั สำหรับภมู อิ ากาศซง่ึ เปน็ แบบรปู ลมฟ้าอากาศของพื้นทหี่ นึง่ ๆ สามารถ
เปลีย่ นแปลงไดห้ รือไม่
ชว่ั โมงที่ 2-3
2. ข้นั สืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)
2.1 ใหน้ ักเรยี นอา่ นวิธีดำเนินกิจกรรมในหนงั สอื เรยี น และร่วมกันอภิปรายในประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้

• กิจกรรมนี้เกยี่ วกบั เร่อื งอะไร (สถานการณ์การเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศโลก)
• กจิ กรรมนีม้ จี ุดประสงค์อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความคิดของตนเอง)
• วิธีดำเนนิ กจิ กรรมมีขัน้ ตอนโดยสรุปอยา่ งไร (วิเคราะห์สถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศโลก
จากขอ้ มูลทกี่ ำหนดและอธบิ ายว่าภูมิอากาศโลกมีการเปล่ยี นแปลงหรอื ไมแ่ ละสถานการณ์ดังกลา่ วส่งผลต่อ
สงิ่ มชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ มอย่างไร)ครูควรอธบิ ายเพิ่มเตมิ ในประเด็นที่นกั เรยี นยังตอบไดไ้ ม่ครบถว้ น
2.2 แบง่ กล่มุ นกั เรยี นทากจิ กรรมโดยเลอื กวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากกราฟทส่ี นใจ
2.3 ใหค้ าแนะนา ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากกราฟ ความหมายของคาว่าคา่ ผดิ ปกตขิ องอณุ หภมู ิ
อากาศ และคา่ ความผดิ ปกตขิ องปรมิ าณหยาดน้าฟ้า ทใ่ี ชใ้ นกราฟ
ช่ัวโมงที่ 4-5
3. ขัน้ สรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 ให้นักเรยี นตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากน้ันนำเสนอ และอภปิ รายคำตอบร่วมกนั เพ่อื ใหไ้ ด้
ข้อสรุปว่า ภูมิอากาศมีการเปลีย่ นแปลงและส่งผลตอ่ การดำรงชีวติ ของมนุษย์
4. ขัน้ การส่อื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนอ่านข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกจากหนังสือเรียน และตอบ
คำถามระหวา่ งเรยี นครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมเสรมิ จากนนั้ อภิปรายคำตอบของคำถามระหวา่ งเรยี น
รว่ มกัน
5. ข้ันการบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 สรปุ สิง่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ เพือ่ ให้ได้ขอ้ สรุปว่า ภูมอิ ากาศโลกกำลงั เปล่ียนแปลง และสง่ ผลกระทบต่อ
ส่งิ มชี วี ิตและสงิ่ แวดล้อมอย่างมาก กิจกรรมของมนุษย์ได้เร่งให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงภมู อิ ากาศโลกดังกลา่ ว

113

5.2 สรุปหวั ขอ้ เรอ่ื งในบทเรยี น มนษุ ยแ์ ละการเปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศ จากนน้ั ครใู ห้นกั เรยี นทำ

กิจกรรมตรวจสอบตนเอง เพือ่ สรุปองค์ความรทู้ ่ีได้เรยี นรูจ้ ากบทเรยี น โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือ

เขียนผังมโนทัศน์สิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้จากบทเรียน

5.3 นักเรียนนำเสนอผลงาน โดยนำเสนอและอภิปรายภายในกลุ่ม หรอื อภปิ รายร่วมกันในช้ันเรยี น

หรอื ตดิ แสดงผลงานบนผนงั ห้องเรยี นเพ่ือให้นักเรยี นพจิ ารณาและแสดงให้ความคิดเหน็ จากนั้นครูและ

นกั เรยี นอภิปรายสรปุ องคค์ วามร้ทู ่ไี ดจ้ ากบทเรยี นรว่ มกนั นักเรียนตอบคำถามท้ายกจิ กรรม

5.4 ให้นกั เรยี นทำกิจกรรมท้ายบท ปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อรบั มอื กับการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลกใน

อนาคต ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม

12. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้

12.1 สื่อการเรียนรู้

1) ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 2) หนงั สอื แบบเรยี น 3) ส่อื เพาเวอร์พอยต์

12.2แหล่งเรยี นรู้

1) อนิ เตอร์เน็ต 2) หอ้ งสมุด

13. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ รายละเอยี ด
ผลการสอน ......................................................................................
......................................................................................
1. ดา้ นความรู้ : ......................................................................................
- การเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศโลก ......................................................................................
......................................................................................
2. ดา้ นกระบวนการ : ......................................................................................
- ทักษะกระบวนการคิด ......................................................................................
- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ......................................................................................
อนั พึงประสงค์ : ......................................................................................
- มวี ินัย ......................................................................................
- ใฝเ่ รียนรู้ ......................................................................................
- อยู่อย่างพอเพียง ......................................................................................
- รกั ความเปน็ ไทย
114

......................................................................................
......................................................................................

4. ปญั หาการสอน
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................
5. วิธีแกป้ ัญหา
....................................................................... ......................................................................................
....................................................................... ......................................................................................

ลงชอื่ ........................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รตั น์..) (นายสุรจกั ร์ิ แก้วม่วง.)

ลงชอื่ ........................................... ลงชอ่ื ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์..) (..นายศวิ าวฒุ ิ รัตนะ..)

หัวหน้างานนิเทศ หัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ

ลงชอ่ื ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสวุ รรณารามวทิ ยาคม

115


Click to View FlipBook Version