การกัดกร่อนแบบสม่ าเสมอ (Uniform Corrosion) เป็นการกัดกร่อนที่เกิดขึ้นเนื่องจากโลหะสัมผัส กับสิ่งแวดล้อม โดยอัตราการสูญเสียของเนื้อโลหะที่บริเวณต่างๆ จะใกล้เคียงกัน ท าให้สามารถวัดอัตราการกัด กร่อน และออกแบบการบ ารุง รักษาตามช่วงระยะเวลาได้ การกัดกร่อนแบบช่องแคบ (Crevice Corrosion) เป็นการกัดกร่อนเฉพาะบริเวณ (Localized Corrosion) แบบหนึ่ง มักเกิดขึ้นบริเวณ ช่องแคบหรือ รอยแยกของโลหะที่สัมผัสกับสารละลายที่สามารถแตก ตัวเป็นประจุไฟฟ้า (Electrolyte) ได้การกัดกร่อนแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้แม้โลหะ สัมผัสกับ อโลหะ เช่น Rubber Gasket อัตราการ กัดกร่อนในช่องแคบจะสูงกว่าของเนื้อโลหะโดยรวม(Bulk) นอกจากนี้การกัด กร่อนแบบช่องแคบ มักเกิดกับโลหะที่โลหะผสมที่ ผิวเป็นpassive เช่น เหล็กกล้าไร้สนิม การกัดกร่อนแบบเป็นหลุม (Pitting) เป็นการกัดกร่อนเฉพาะที่ (Localized Attack) อีกแบบหนึ่ง การกัดกร่อนแบบนี้ ท าให้เกิดความ เสียหายได้แม้สูญเสียน้ าหนักโลหะเพียงเล็กน้อย แต่เป็นอันตรายเพราะมัก เป็นการเสียหายแบบ ฉับพลัน โดยจะทะลุเป็นรูและยากที่จะตรวจหา เพราะขนาดเล็ก และอาจถูกปกคลุมด้วย ผลิตภัณฑ์จากการกัดกร่อน (Corrosion Product) การกัดกร่อน แบบเป็นหลุมมักจะเกิดกับโลหะ ที่ผิวเป็น passive ซึ่งจะท าให้ มีแรงขับ (driving force) ที่จะท าให้เกิดกระแสการกัดกร่อน ไหลไปในหลุมสูง ถ้าผิว ภายนอก active ก็จะขาดแรง ขับต่อการเกิดการกัดกร่อนกัดแบบหลุม การกัดกร่อนแบบหลุมจะพบบ่อยใน สารละลาย ที่มีคลอไรด์เป็นองค์ประกอบ เช่น น้ าทะเล การกัดกร่อนตามขอบเกรน (Intergranular Corrosion) โดยปกติการกัดกร่อนบริเวณขอบเกรน (Grain Boundary) จะเกิดได้ดีกว่าที่โลหะพื้น (Matrix)เล็กน้อย แต่ในบางสภาวะการกัดกร่อนบริเวณขอบ เกรนจะไวมาก เช่น ปัญหาที่พบบ่อยของการ กัดกร่อนแบบนี้ในเหล็กกล้าไร้สนิม คือ บริเวณรอยเชื่อมของ เหล็กกล้าไร้สนิมที่เกิดการสูญเสีย โครเมี่ยมในรูปของคาร์ไบด์ (Cr23C6) ท าให้เกิดการกัดกร่อนแบบนี้ใน บริเวณใกล้แนวเชื่อม เนื่องจากขาดโครเมี่ยมส าหรับการสร้างฟิล์ม โครเมี่ยมออกไซด์ที่แน่นและป้องกันเนื้อ เหล็ก การผุกร่อนแบบเลือก (Selective Leaching or Dealloying) การผุกร่อนแบบเลือกจะเกิดกับโลหะผสมที่ธาตุหนึ่งเสถียรกว่าอีกธาตุหนึ่งเมื่อสัมผัสกับ บรรยากาศ เช่น - การผุกร่อนแบบ Dezincification ของทองเหลือง (ทองแดงผสมสังกะสี) ที่สังกะสีจะถูก ละลาย ออกไป เหลือไว้เหลือแต่ทองแดงที่เป็นรูพรุน ซึ่งแม้ว่ารูปทรงจะเหมือนเดิม แต่ความ แข็งแรงจะลดลง ปัญหา ดังกล่าวสามารถลดลงได้โดยการเติมดีบุกประมาณ1%ลงในทองเหลือง การกัดเซาะ (Erosion Corrosion) เป็นการกัดกร่อนที่เกิดจากทั้งทางเคมีและทางกล เช่น ในท่อส่งสารละลายที่กัดกร่อน ซึ่งอาจมี สารแขวนลอย ของแข็งผสม การกัดกร่อนแบบนี้จะถูกเร่งด้วยการชนของอนุภาค ซึ่งอาจท าให้ เนื้อโลหะหลุดออก หรือแค่ท า ให้ออกไซด์แน่นที่ปกป้องผิวหลุดออก เปิดให้เนื้อโลหะถูกกัด กร่อนง่ายขึ้น Stress corrosion เป็นการกัดกร่อนที่เกิดโดยความเค้นและสภาพแวดล้อมที่กัดกร่อน โดยสภาพความเค้น ของ โลหะอาจเกิดจากความเค้นภายในเหลือค้าง (Residual internal stress) เช่น จากการขึ้นรูปเย็น (Cold
forming) ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยท าการอบอ่อน (Annealing) หลังการขึ้นรูป, การเย็นตัวอย่างไม่สม่ าเสมอ จากอุณหภูมิสูง เป็นต้น หรืออาจเกิดจาก ความเค้นจากภายนอก เช่น การสั่นสะเทือน, การรับการดัดโค้ง, ผล ของความร้อน (ขยายตัวหรือหดตัว) เป็นต้น กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 4. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 11. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 12. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 11. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 12. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 7 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 7 ชื่อหน่วย โลหะอื่นๆและพลาสติก คาบรวม 2 ขื่อเรื่อง โลหะอื่นๆและพลาสติก จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง โลหะอื่นๆและพลาสติก สาระส าคัญ 12. ชนิดของโลหะอื่นๆ 13. พลาสติกที่ใช้ในงานก่อสร้าง สมรรถนะประจ าหน่วย 1. อธิบายและคุณสมบัติการใช้งานของโลหะได้อย่างถูกต้อง 2. อธิบายวิธีการเก็บรักษาโลหะได้ จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนอธิบายและเข้าใจหลักการการเลือกใช้โลหะอื่นๆและพลาสติกในงานก่อสร้างได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถเลือกเหล็กได้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม 2. อธิบายถึงความส าคัญของเหล็กเสริมคอนกรีตได้ 3. เข้าใจการเก็บรักษาเหล็กได้ เนื้อหาสาระ โลหะ คือ วัสดุที่ประกอบด้วยธาตุโลหะที่มีอิเล็กตรอนอิสระอยู่มากมาย แร่สังกะสี แร่สังกะสีมักพบเป็นเพื่อนแร่กับตะกั่ว เช่น ในบริเวณที่เป็นแหล่งตะกั่ว ที่อ าเภอทองผาภูมิ สังขละบุรี และศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีแหล่งแร่สังกะสีที่เป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ และได้มีการพัฒนาเป็น เหมืองแร่สังกะสีที่มีการผลิตที่ส าคัญ คือ แหล่งสังกะสีบริเวณผาแดง อ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจากแหล่ง แร่ตะกั่ว-สังกะสีจังหวัดกาญจนบุรีนอกจากนี่ยังมีบริเวณอื่นๆที่ส ารวจพบว่ามีศักยภาพทางแร่สังกะสีที่ น่าสนใจที่เกิดร่วมกับตะกั่วในบริเวณอ าเภอเมือง อ าเภอเชียงคาน อ าเภอปากชม และอ าเภอท่าลี่ จังหวัดเลย
ที่อ าเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่อ าเภอลอง จังหวัดแพร่ ที่อ าเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์และที่ อ าเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ประโยชน์ของแร่สังกะสี เป็นสินแร่สังกะสีถลุงเอาโลหะสังกะสีไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เคลือบ แผ่นเหล็ก สังกะสีมุงหลังคา กระป๋อง สี บุเปลือกในของถ่านไฟฉาย ใช้หล่อส่วนประกอบต่างๆของอุปกรณ์ ประกอบรถยนต์เช่น คาร์บูเรเตอร์ นอกจากนี้ยังใช้ท ายารักษาโรคและเคมีภัณฑ์ต่างๆ แร่เหล็ก แร่เหล็ก ประเทศไทยมีแหล่งแร่เหล็กหลายแห่งด้วยกัน ทั้งที่ก าลังมีการผลิต ที่ผลิตไปหมดแล้ว และ แหล่งที่น่าสนใจที่อาจเป็นแหล่งที่มีค่าในอนาคต แหล่งแร่เหล็กที่มีหรือเคยมีการผลิต ได้แก่ ที่หัวหวาย อ าเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ที่เขาทับควาย ที่อ าเภอโคกส าโรง จังหวัดลพบุรี ที่เขาชีโอน-ชีจัน อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และที่อ าเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนแหล่งแร่อื่นๆที่น่าสนใจได้แก่ แหล่งภูยาง ภูเหล็ก และภูเฮี้ยะ อ าเภอเชียงคาน แหล่งภูอ่าง อ าเภอเมือง จังหวัดเลย แหล่งอึมครึม อ าเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรีแหล่งหนองบอน อ าเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา แหล่งแม่โถ อ าเภอแม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่ แหล่งเถิน อ าเภอเถิน จังหวัดล าปาง แหล่งซับไม้แดง เขาเหล็ก อ าเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ แหล่งปรกฟ้า อ าเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีแหล่งเกาะม่วง-เกาะเหล็ก อ าเภอเกาะลันเตา จังหวัดกระบี่ นอกจากนี้ยังพบแร่เหล็กทั่วไปทุกจังหวัด ทองแดง แร่ทองแดง เป็นอีกแร่หนึ่งที่พบอยู่ในหินหลายชนิดหลายแห่ง แต่มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ถือได้ว่ามี คุณค่าทางเศรษฐกิจ บริเวณที่พบแร่ทองแดง ได้แก่ ในจังหวัดเลย นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน ล าพูน ล าปาง ตาก ลพบุรี ฉะเชิงเทรา และกาญจนบุรี บริเวณที่พบว่ามีแร่ทองค าที่น่าสนใจ ได้แก่ บริเวณหินเหล็กไฟ-ภูทองแดง อ าเภอเมือง ที่บ้านผาแบ่น อ าเภอเชียงคาน และอ าเภอท่าลี่ จังหวัดเลย บริเวณ ภูโล้น อ าเภอสังคม จังหวัดหนองคาย บริเวณน้ าตรอน-น้ าสุ่ม อ าเภอน้ าปาดและอ าเภอฟากท่า จังหวัด อุตรดิตถ์ บริเวณจันทึก อ าเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และบริเวณชองเขาประตูตีหมา อ าเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ประโยชน์ของแร่ทองแดง เป็นสินแร่ทองแดงถลุงเอาโลหะทองแดง เพื่อใช้ประโยชน์ใน อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ในการท าอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องวิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข โทรศัพท์ เครื่องจักรกล เครื่องยนต์ต่างๆ ตลอดจนเครื่องมือวิทยาศาสตร์และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเป็นส่วนประกอบ ส าคัญในโลหะผสมหลายชนิด เช่น ทองเหลือง ทองบรอนซ์ นอกจากนี้แล้วยังใช้ท าเครื่องประดับที่มีค่า รวมถึง งานศิลปะต่างๆด้วย แร่ดีบุก ประเทศไทยได้ผลิตและจ าหน่ายดีบุก ให้แก่ต่างประเทศรวมทั้งมีการใช้โลหะดีบุกภายในประเทศมา เป็นเวลานับร้อยปีแต่เพิ่งเริ่มมีการท าเหมืองแร่ดีบุกกันอย่างจริงจังเมื่อประมาณร้อยปีมานี้เอง โดยในตอนแรก ได้ท าเหมืองแร่อยู่แต่ในเขตภาคใต้ เช่น ในจังหวัดภูเก็ต ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา และปัตตานีต่อมาได้มีการส่งเสริมทางด้านวิชาการเกี่ยวกับการส ารวจและผลิตแร่ ท าให้มี ผู้สนใจประกอบกิจการเหมืองแร่ดีบุกขึ้นมากทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และในเขตภาคกลางของประเทศ
เช่นในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ล าปาง แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และเพชรบุรี ในปี พ.ศ. 2522 ประเทศ ไทยสามารถผลิตแร่ดีบุกได้สูงถึง 46,364 เมตริกตัน นับได้ว่าเป็นปีที่มีการผลิตแร่ดีบุกสูงสุด แร่ที่ผลิตได้ส่วน ใหญ่มาจากเหมืองในเขตภาคใต้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งลานแร่หรือแร่พลัด ส่วนที่เป็นแหล่งทางแร่มักพบใน บริเวณภาคอื่น แร่ดีบุกส่วนใหญ่จะถลุงเป็นโลหะดีบุกภายในประเทศ แล้วจึงส่งโลหะดีบุกออกไปจ าหน่าย ต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา บางส่วนใช้ประโยชน์ภายในประเทศ เช่น ใช้ ผสมโลหะตะกั่วบัดกรีผสมสังกะสีและพลวงในการชุบสังกะสีมุงหลังคา ใช้ในการฉาบแผ่นเหล็กเพื่อท า กระป๋องบรรจุอาหาร ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผสมกับพลวงในการท าโลหะตัวพิมพ์ชุบแผ่น เหล็กท าแผ่นเหล็กวิลาศ ผสมกับทองแดงเพื่อท าทองบรอนซ์ ท ากระดาษเงินกระดาษทอง นอกจากนี้ยังใช้เป็น สารประกอบในการผลิตแก้วเนื้อทึบ เครื่องปั้นดินเผา ใช้ในการพิมพ์ผ้าดอก ท าหมึก ฟอกน้ าตาล และสบู่ อลูมิเนียม เป็นโลหะที่มีน้ าหนักเบาเป็นอันดับสี่โลหะผสมของอลูมิเนียมใช้กันมากในการสร้างเครื่องบิน อลูมิเนียมหนักเพียงหนึ่งในสามของเหล็ก และสามารถน าไฟฟ้าได้ดีในผิวโลกมีอลูมิเนียมมากกว่าโลหะอื่นๆ ในดินเหนียวอลูมิเนียมเกือบหนึ่งในสี่โดย แร่กากกะรุน (Emery) คือออกไซด์ของอลูมิเนียมเรารู้จักอลูมิเนียม นานกว่า 140 ปีแต่เนื่องจากราคาแพงจึงมิได้มีผู้ใช้กันแพร่หลาย ตราบจนกระทั่งถึงสมัยที่อาจผลิตพลังงาน ไฟฟ้าได้ในราคาต่ าจากน้ าตก โลหะนี้จึงมีราคาถูกลงเพราะการแยกอลูมิเนียมจากแร่ท าโดยวิธีไฟฟ้าได้ดีกว่า อย่างอื่น อลูมิเนียมมีสีขาวเหมือนเงิน เนื้อเป็นมันวาวงดงามไม่หมองง่าย อาจถึงเป็นเส้นลวดขนาดเล็กยิ่งกว่า เส้นผม หรือตีแผ่เป็นแผ่นบางๆ ที่บางมากราวกับกระดาษได้อลูมิเนียมไม่สึกกร่อนโดยง่าย และจะท าปฏิกิริยา กับกรดและด่างบางชนิดเท่านั้น เมื่อผสมโลหะอื่นบางชนิดลงไปในเนื้ออลูมิเนียมจะได้โลหะผสมซึ่ง แข็งแรง ทนทาน และเหนียวกว่าอลูมิเนียมบริสุทธิ์มาก ใช้ท าสิ่งของเครื่องใช้ได้อย่างดี เราใช้อลูมิเนียมท าเครื่องครัว เพราะอลูมิเนียมน าความร้อนได้ดีท าความสะอาดได้ง่าย กับเป็นเงางาม อยู่เสมอนอกจากนั้นยังใช้ท าส่วนประกอบในเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะอลูมิเนียมสามารถน าไฟฟ้าได้ดีเครื่องบิน และยานพาหนะหลายชนิดเช่น รถไฟ รถโดยสาร และรถยนต์ ก็นิยมใช้อลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ เนื่องจาก น้ าหนักเบา แข็งแรงทนทาน ประโยชน์ของโลหะ ปัจจุบันนี้มีโลหะหลายสิบชนิดที่น ามาใช้เป็นประโยชน์ในอุตสาหกรรม เพื่อท าเป็นเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ชิ้นส่วนของเครื่องจักรกล เครื่องอ านวยความสะดวกต่างๆ โลหะที่พบมากในชีวิตประจ าวันได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม เงิน ทองแดง นิกเกิล โครเมียม ฯลฯ โลหะที่ใช้ส่วนใหญ่ใช้ทั้งในรูปที่เป็นโลหะชนิดเดียวบริสุทธิ์ เช่น ทองแดงใช้ท าสายไฟ อะลูมิเนียมใช้ท าภาชนะในครัวเรือน เพราะไม่ขึ้นสนิมง่าย และในรูปที่เป็นโลหะ ผสม เช่น ทองเหลือง สัมฤทธิ์ เหล็กกล้าผสม เป็นต้น มีการค้นคว้าหาโลหะหรือโลหะผสมที่มีคุณสมบัติเด่น เฉพาะมากขึ้น เช่น โลหะที่มีน้ าหนักเบาและมีความแข็งแรงสูงเพื่อใช้กับอากาศยาน หรือโลหะที่ทนความร้อน สูง ทนต่อการสึกกร่อน
พลาสติก - พอลิเมอร์ (polymer) หมายถึง วัสดุที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่เกิดจากปฏิกิริยาพลิเมอไรเซชัน ซึ่งเป็น การรวมหน่วยเล็กๆ ที่เรียกว่า โมโนเมอร์เข้าด้วยกัน โดยเชื่อมติดกันเป็นลักษณะโซ่ยาว ปฏิกิริยาดังกล่าวจะ เกิดขึ้นได้จ าเป็นต้องอาศัยตัวเร่งปฏิกิริยาด้วย เช่น พอลิเอทิลีน ได้มาจากการรวมตัวของเอทิลีน พอลิโพรพิลีน ได้มาจากการรวมตัวโพรพิลีน และ พอลิไวนิลคลอไรด์ ได้มาจากการรวมตัวของไวนิลคลอไรด์ เป็นต้น พอลิเมอร์นี้ยังสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็นโฮโมพอลิเมอร์และโคพอลิเมอร์ขึ้นอยู่กับชนิดของโมโน เมอร์ที่น ามาใช้ท าปฏิกิริยา หากใช้โมโนเมอร์ชนิดเดียวกันล้วน จะได้โฮโมพอลิเมอร์แต่หากใช้โมโนเมอร์ มากกว่า 1 ชนิด มาท าปฏิกิริยากันจะได้โคพอลิเมอร์วัตถุประสงค์ในกรผลิตโคพอลิเมอร์ก็เพื่อปรับปรุงหรือ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติบางประการใช้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น การน าเอทิลีนมารวมกับไวนิลอะซิเทต ได้โคพอลิเมอร์ที่เรียกว่าเอทิลีน ไวนิลอะซิเทต ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถเปิดผนึกด้วยความร้อนได้ที่อุณหภูมิต่ า กว่า ทนต่อแรงกระแทกได้มากขึ้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ 1. พอลิเมอร์จากธรรมชาติ พอลิเมอร์จากธรรมชาติที่ส าคัญ ได้แก่ เซลลูโลส ฝ้าย ขนสัตว์ และยาง ธรรมชาติ คุณภาพของพอลิเมอร์จ าพวกนี้จะอยู่กับชนิดและพันธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ 2. พอลิเมอร์สังเคราะห์ พอลิเมอร์สังเคราะห์เป็นวัสดุที่ส าคัญมากต่อชีวิตประจ าวัน เพราะเราสามารถ ควบคุมของวัสดุให้มีคุณสมบัติตามต้องการได้และมีมากชนิดกว่าพอลิเมอร์จากธรรมชาติ ท าให้เราสามารถ ก าหนดใช้งานทดแทนวัสดุอื่นๆ ที่ใช้กันอยู่เดิม พอลิเมอร์สังเคราะห์ ได้แก่ เส้นใยสังเคราะห์ ยาง สังเคราะห์วัสดุเคลือบผิว ประเภทของพลาสติก 1. เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic = T.P) เป็นพลาสติกที่หลอมเหลวได้ง่าย มีโครงสร้างแบบ สายยาวหรือแบบสาขาสามารถน ากลับมาใช้ใหม่ได้อีก เช่น พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีน พอลิโพรทิลีน พอลิไวนิล คลอไรด์ 2. เทอร์โมเซต (Thermoset = T.S.) เป็นพลาสติกที่ไม่อ่อนตัว มีโครงสร้างแบบตาข่ายหรือแบบ ร่างแห น ากลับมาหลอมใหม่ไม่ได้ เช่น เมลานีน พอลิเอสเตอร์ ยูเรียฟอร์มัลดีไฮด์ เบเคไลต์ อีฟอกซี การแบ่งประเภทของพลาสติก นอกจากจะพิจารณาสมบัติของพลาสติกเมื่อถูกความร้อนแล้วยังต้อง พิจารณาจาก 1.ความหนาแน่น 2.ลักษณะการติดไฟ 3.การละลายในตัวท าละลายอื่นๆ พอลิเอทิลีน แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อย คือ ชนิดความหนาแน่นต ่า และชนิดความหนาแน่นสูง 1. ชนิดความหนาแน่นต ่า (LDPE) พลาสติกชนิดนี้มีความหนาแน่นระหว่าง 0.92 ถึง 0.93 กรัมต่อ ลูกบาศก์เซนติเมตร มีความยืดหยุ่น มีความเหนียวมากกวาชนิดความหนาแน่นสูง ปกติใช้ท าขวดและภาชนะ ต่างๆ ด้ามแปรงทาสี และท าเป็นแผ่นส าหรับใช้ในงานบรรจุภัณฑ์ 2. ชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) พลาสติกชนิดนี้มีความหนาแน่นระหว่าง 0.95 ถึง 0.96 กรัมต่อ ลูกบาศก์เซนติเมตร มีความแข็งแรงและแข็งกว่าชนิดความหนาแน่นต ่า แต่มีความต้านทานต่อแรงกระแทก ได้ต ่ากว่าปกติใช้ท าเป็นฉนวนหุ้มสาย ลังบรรจุเครื่องดื่ม ของเล่นและท าเป็นแผ่นส าหรับปูพื้นอ่างเก็บน ้า เพื่อป้องกันการซึมของน ้า
เอบีเอส (ABS) เป็นพลาสติกที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาโดยการผสมระหว่าง acrylonitrile, butadiene และ styrene เอบี เอส มีคุณสมบัติรับแรงกระแทกได้ดี ใช้ท าท่อ และข้อต่อ ท่อน ้าฝัง และท่อระบายอากาศในอาคาร ผนังภายใน ตู้เย็น ตัวเรือนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ท่อร้อยสายไฟ เป็นต้น กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 5. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 13. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 14. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 13. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 14. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 8 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 8-9 ชื่อหน่วย ส่วนประกอบของอาคาร คาบรวม 4 ขื่อเรื่อง ส่วนประกอบของอาคาร จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง ส่วนประกอบของอาคาร สาระส าคัญ ชนิดของเสาเข็ม สมรรถนะประจ าหน่วย อธิบายส่วนประกอบที่ส าคัญของอาคารได้ จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนอธิบายและเข้าใจส่วนประกอบของอาคารได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถอธิบายส่วนประกอบที่ส าคัญของอาคารได้ เนื้อหาสาระ เสาเข็ม (Pile) อาจท าด้วยไม้ เหล็ก หรือคอนกรีต เสาเข็มคล้ายคลึงเสาธรรมดาที่เป็นส่วนประกอบหลัก ของอาคาร เพียงแต่เสาเข็มส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน และมีรายละเอียดดังนี้ 1. กลไกต้านทานแรง เสาเข็มมีก าลัง หรือสามารถรับน้ าหนักของอาคาร หรือโครงสร้างได้โดย โดยอาศัยกลไก ดังต่อไปนี้ 1.1 ค ว ามฝืด ห รือแ รงเ สีย ดท าน (Friction) เ กิดที ่ผิวเ ส าเ ข็มสัมผัส กับดิน ที่ ล้อมรอบ ดังนั้น ก าลังของเสาเข็มจึงขึ้นอยู ่กับพื้นที่ผิวสัมผัส ซึ้งเป็นผลเนื่องจาก รูปร่างหน้าตัด ของเสาเข็ม หรือเส้นรอบรูป กับความยาวของเสาเข็ม ส ่วนใหญ ่ในประเทศไทยนิยมใช้รูปตัว I เพราะมีเส้นรอบรูป มากกว่าหน้าตัดรูปอื่นๆ ซึ่งมีพื้นที่ภาคตัดขวางเท่าๆ กัน ส่วนรูปตัว Y ปัจจุบัน ไม่มีผลิตจ าหน่ายแล้ว เพราะบอบบางมักเสียหายระหว่างขนส่ง
1.2 แรงแบกทานที่ปลายเสาเข็ม น้ าหนักจากอาคาร ถ่ายลงฐานราก จะถ่ายต่อลง ไปยังเสาเข็มซึ่งวางอยู่บนชั้นดินแข็ง หรือชั้นหิน เสาเข็มจะถ่ายน้ าหนักผ่านพื้นที่ภาคตัดขวางของ ปลายเสาเข็ม (End bearing) ที่วางสัมผัสบนชั้นดินแข็ง หรือชั้นหินนั้นเรียกการถ่ายแรงเช่นนี้ว่า แ รงแบกท าน (Bearing) ก าลังของเส าเข็มป ร ะเภทนี้จึงขึ้นอยู ่กับพื้นที ่ภ าคตัดขว าง เส าเข็ม ประเภทนี้ส่วนใหญ่จึงมักเป็นรูปหน้าตัดกลม หรือสี่เหลี่ยม หรือกลม โดยอาจเป็นหน้าตัดทึบตัน (Solid) หรือกลวง (Hollow) ก็ได้ 2. การจ าแนกเสาเข็มตามวิธีก่อสร้างได้ดังนี้ เสาเข็มอาจจ าแนกตามวิธีก่อสร้างได้ดังนี้ 2.1 เสาเข็มตอก (Driven pile) เสาเข็มอาจถูกตอกโดยแรงคน เช่นใช้สามเกลอตอกเสาเข็ม ขนาดเล็ก ส าหรับเข็มขนาดใหญ่ มักตอกโดยใช้ปั้นจั่น ที่ยกตุ้มน้ าหนัก กระแทก หรือตอกลงบนหัวเข็ม อาจใช้ เครื่องตอกที่เป็นกลไกแรงดันไอน้ าบังคับให้ลูกตุ้มวิ่งขึ้นลง หรืออาจจะใช้แรงดันน้ าอัดด้วยความดันสูงลงไปยัง ปลายเข็มท าให้เข็มจมลง ข้อดีของเสาเข็มตอกนี้ ก็คือราคาถูกกว่าระบบอื่น และการตอกท าให้เสาเข็มกับดินที่ อยู่ข้างล่างมีความแน่นสามารถ่ายน้ าหนักได้ดีแต่ข้อเสียก็คือเปลืองเนื้อที่ในการตอก ระหว่างตอกเกิดเสียงดัง หรือสั่นสะเทือนและอาจมีผลกระทบแก่อาคารข้างเคียง และเสาเข็มอาจเสียหาย เช่นแตกร้าว บิ่น ระหว่าง ขนส่งได้ 2.2 เสาเข็มเจาะ (Bored pile) ท าโดยเจาะเอาดินออกจนถึงระดับที่ต้องการ โดยกรุหลุม เจาะด้วยปลอกเหล็ก (Casing) หรือ สารละลายที่ข้นเหลวคล้ายโคลน (Bentonite) ป้องกันดินพัง แล้วใส่เหล็ก เสริมเข้าไปในหลุมเจาะ เทคอนกรีตจนเต็มหลุมเจาะ การเจาะดินอาจใช้สว่านเจาะ หรือใช้วิธีกดปลอกเหล็กลง ไปเพื่อขุดดินภายในปลอกเหล็กขึ้นมา อาจจ าแนกเสาเข็มเจาะตามวิธีการท าเสาเข็มเจาะเป็น เสาเข็มเจาะ ระบบแห้ง (Dry Process) เป็นระบบที่ใช้ทั่วไป เหมาะส าหรับงานก่อสร้างที่มีขนาดไม่ใหญ่ เพราะระบบนี้มี ข้อจ ากัดเรื่องความยาวของเสาเข็ม โดยทั่วไปเสาเข็มชนิดนี้มีหน้าตัดกลมเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 60 เซนติเมตร และความยาวมักไม่เกิน 30 เมตร เป็นระบบที่ก่อสร้างง่าย เครื่องมือที่ใช้มีเพียงแท่น 3 ขา เครื่องยนต์ส าหรับยกตุ้มตอก ปลอกเหล็ก ตุ้มเหล็กส าหรับตอก อีกระบบหนึ่งคือ เสาเข็มเจาะระบบเปียก (Wet Process) เหมาะส าหรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น เสาเข็มส าหรับอาคารสูง ระบบนี้สามารถท าเสาเข็ม ที่มีรูปหน้าตัดวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 150 เซนติเมตร และยาวได้ถึง 60 เมตร จึงต้องใช้เครื่องจักรกล ขนาดใหญ่ และการท างานซับซ้อนกว่าระบบแห้ง เช่นต้องมีเครื่องเจาะดินแบบสว่าน และต้องใช้สารละลาย Bentonite เพื่อกรุป้องกันดินรอบหลุมเจาะพังทลาย เป็นต้น จึงต้องอาศัยผู้ช านาญ หรือมีประสบการณ์เฉพาะ และมีเครื่องจักรกลพร้อม ส่วนเสาเข็มเจาะแบบไมโคร (Micro Pile) เป็นเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก เส้นผ่าน ศูนย์กลางไม่เกิน 25 เซนติเมตร จะใช้เทคนิคต่างระบบอื่น ๆ เช่นการเทคอนกรีต จะใช้ท่อเหล็กเสียบไปใน หลุมเจาะแล้วเทคอนกรีต โดยสูบอัด (Pump) ลงไปในท่อเหล็กด้วยแรงดันขนาดสูง (Grouting) เสาเข็มแบบนี้ จะมีราคาแพงกว่าเสาเข็มเจาะระบบแห้งจึงไม่ค่อยนิยม แต่ด้วยวิธีการก่อสร้างที่ต้องการพื้นที่น้อย และสะอาด กว่าเสาเข็มเจาะระบบแห้ง จึงเหมาะส าหรับงานที่มีความจ าเป็น หรือมีข้อจ ากัด เช่นต่อเติม หรือซ่อมแซม อาคาร นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีเสาเข็มเจาะแบบพิเศษ ดังตัวอย่างเช่น Barrette Pile ซึ่ง
เหมือนกับเสาเข็มเจาะระบบเปียกเพียงแต่ จะมีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยม รูปเครื่องหมายบวก รูปตัว H หรือรูปตัว T ก็ได้ทั้งนี้เนื่องจากใช้เครื่องจักรขุดดินเช่น กระเช้าดักดิน (Clam shell or grab bucket) ลักษณะคล้าย ก้ามปูตักดินขึ้นมา ขนาดของเสาเข็มแบบนี้จึงขึ้นอยู่กับขนาดของกระเช้าตักดิน สามารถขุดได้ลึกกว่าเสาเข็ม เจาะระบบเปียก ข้อได้เปรียบของเสาเข็มเจาะ เมื่อเทียบกับเสาเข็มชนิดอื่นคือ รับน้ าหนักได้มาก คงทน เลือก ความยาวของเสาเข็มได้ตามต้องการ ไม่เสียหายเนื่องจากการยก หรือขนส่ง (เพราะท าในที่) แม้อาจส่งเสียงดัง ระหว่างท างาน แต่อาคารข้างเคียงไม่เสียหายเพราะแรงสั่นสะเทือนดังเช่นเสาเข็มตอก ส่วนข้อเสียของเสาเข็ม ชนิดนี้ก็คือ ตรวจสอบคุณภาพของคอนกรีตที่เทลงในหลุมเจาะยาก มีราคาแพงกว่าเสาเข็มตอก และหากเป็น ระบบเปียกขณะท างานจะสกปรก 2.3 เสาเข็มระบบเจาะกด (Auger Press) เป็นเทคโนโลยีค่อนข้างใหม่ส าหรับงานก่อสร้าง เสาเข็ม โดยทั่วไป เสาเข็มที่ใช้ระบบนี้จะเป็นเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงแบบแรงเหวี่ยง (Spun Pile) ซึ่งคอนกรีต จะมีความหนาแน่นสูงกว่าการหล่อแบบธรรมดา เสาเข็มหน้าตัดกลมมีรูกลวงตรงกลาง จะถูกกดลงไปในดิน โดยเครื่องกดไฮดรอลิคซึ่งติดตั้งอยู่กับรถปั้นจั่น ในขณะกดเสาเข็มลงไปนั้น สว่านซึ่งใส่อยู่ในรูเสาเข็มก็จะหมุน และเจาะ (กว้าน) ดินขึ้นมาตามดอกสว่าน และกดเสาเข็มให้ลงไปแทนที่ดินที่เจาะขึ้นมา เมื่อเจาะ และกด เสาเข็มจมลงได้ระดับพอสมควร ก็หยุดกด ดึงดอกสว่านออกมาจากรูแล้วตอกด้วยลูกตุ้มจนได้ระดับที่ต้องการ ข้อดีของเสาเข็มระบบนี้คือลดแรงสั่นสะเทือนในการตอก และลดผลกระทบเนื่องจากการเคลื่อนตัวของชั้นดิน 3. การจ าแนกเสาเข็มตามวัสดุ เสาเข็มอาจจ าแนกตามวัสดุ ดังนี้ 3.1 เสาเข็มไม้ (Timber pile) ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันไม่นิยม เพราะไม้ราคาแพง หายาก ควบคุมคุณภาพยาก อีกทั้งไม้ผุกร่อน หรือเสื่อมสลายได้ตามกาลเวลา โดยเฉพาะในสภาพที่แห้ง สลับ กับเปียกชื้น ปกติเสาเข็มไม้ ใช้ไม้เบญจพรรณ ตัดกิ่ง และทุบเปลือกออก ตอนตอกเอาด้านปลายลง เสาเข็มไม้ ที่ดีต้องมีล าต้นตรง และต้องให้อยู่ใต้ระดับน้ าตลอดเวลาทุกฤดูกาล เพื่อป้องกันปลวก หรือมอดท าลายเนื้อไม้ ได้ 3.2 เสาเข็มคอนกรีต (Concrete pile) ปกติแล้วมักจะหล่อเสาเข็มในโรงงานก่อน เมื่อ คอนกรีตได้อายุแล้วจึงค่อยขนย้ายไปยังสถานที่ก่อสร้าง หรือกรณีขนย้ายล าบากอาจหล่อเสาเข็มในบริเวณที่ ก่อสร้างได้เลย เสาเข็มคอนกรีตหล่อส าเร็จมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปร่างของเสาเข็ม ประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ มีเหล็กเสริมภายในเสาเข็ม (Reinforced concrete) เพื่อกันไม่ให้เสาเข็ม แตกร้าวในขณะขนย้าย หรือตอก อีกประเภทหนึ่งคือเสาเข็มคอนกรีตเสริมลวดเหล็กอัดแรง (Prestressed concrete) รูปร่างขึ้นอยู่กับการออกแบบเช่นกัน แต่ข้อดีคือ ผลิตได้ความยาว หรือลึกกว่า และพื้นที่หน้าตัด มักมากกว่าเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา ก็คือ สามารถท าได้ยาวกว่า และมีพื้นที่หน้าตัดเล็กกว่า ปัจจุบัน จึงนิยมแพร่หลายในงานก่อสร้าง เสาเข็มประเภทนี้มีลวดอัดแรง (คือลวดเหล็กที่ต้านทานแรงดึงได้สูง อยู่ ตามยาว ซึ่งสามารถแยกประเภทตามขึ้นตอนการดึงลวดได้อีก 2 ประเภท คือ ชนิดดึงลวดก่อนแล้วหล่อ คอนกรีต ชนิดหล่อคอนกรีตก่อนแล้วค่อยถึงลวดทีหลัง (ปัจจุบันนิยมท าแบบหลังมากกว่า) การอัดแรงช่วย
ป้องกันไม่ให้เสาเข็มแตกร้าวเนื่องจากยก หรือขนส่ง อย่างไรตาม ต้องยกเสาเข็ม ณ จุดที่ผู้ผลิตก าหนดไว้ มิฉะนั้นเสาเข็มอาจแตกร้าว หรือเสียหายได้ 3.3 เสาเข็มเหล็ก (Steel pile) ส่วนใหญ่จะใช้เหล็กรูปตัว H หรือท่อเหล็กกลม เพราะหน้า ตัดสมมาตร ตอกง่ายกว่าชนิดอื่น ๆ สามารถตอกทะลุชั้นหินบางได้และรับน้ าหนักบรรทุกได้มากกว่ารูปอื่น ๆ ข้อเสียของเสาเข็มเหล็กก็คือ มีราคาแพง ความเสียดทานระหว่างผิวเสาเข็มเหล็ก และดินด้อยกว่าเสาเข็ม คอนกรีต (เพราะเส้นรอบรูป หรือพื้นที่ผิวของเสาเข็มเหล็กมักจะน้อย และผิวเหล็กลื่นกว่าคอนกรีต) และอาจ ถูกกัดกร่อนได้ง่าย อาจป้องกันการกัดกร่อน โดย ป้องกันส่วนที่ฝังอยู่ในชั้นดินที่ถูกรบกวน เช่น มีน้ าขึ้น น้ าลง หรือเปียก ๆ แห้ง ๆ ด้วยการเทคอนกรีตหุ้ม หรือ ทายางมะตอย อีกวิธีหนึ่งโดยเผื่อความหนาของเหล็กเพิ่มขึ้น หรือชุบสังกะสีเพื่อป้องกันสนิมก็ได้ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน
- คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 6. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 15. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 16. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 15. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 16. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 9 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 10 ชื่อหน่วย วัสดุตกแต่ง และงานระบบภายใน คาบรวม 2 ขื่อเรื่อง วัสดุตกแต่ง และงานระบบภายใน จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง วัสดุตกแต่ง และงานระบบภายในระบบ สาระส าคัญ 1. ชนิดของวัสดุตกแต่ง 2. ความหมายของงานระบบภายใน 3. วัสดุปูพื้น สมรรถนะประจ าหน่วย 1. เลือกใช้วัสดุปูพื้นได้อย่างถูกต้อง 2. อธิบายคุณสมบัติของวัสดุแผ่นใหญ่ได้อย่างถูกต้อง จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนอธิบายและเข้าใจหลักการการเลือกใช้วัสดุตกแต่ง และงานระบบภายในระบบได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายชนิด และขนาดของวัสดุปูพื้นได้ 2. อธิบายการเลือกใช้วัสดุปูพื้นได้อย่างถูกต้อง 3. อธิบายคุณสมบัติของวัสดุแผ่นใหญ่ได้อย่างถูกต้อง เนื้อหาสาระ วัสดุปูพื้น พื้นปาร์เก้ ข้อดี คือ ให้ความสวยงาม อบอุ่น ดูเป็นธรรมชาติ ราคาไม่แพงมาก ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของไม้ที่ใช้ มีอายุ การใช้งานได้นาน ข้อเสีย คือ เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย ติดไฟ ไม่สามารถ ทนความชื้นได้นาน มีปัญหาเรื่องปลวก การปูพื้นไม้ปาร์เก
ไม้ที่นิยมน ามาใช้ปูพื้นส่วนใหญ่จะเป็นไม้สัก เพราะ มีคุณสมบัติ บิดงอน้อย ไม่มีปลวก และมอด มี สีสันลวดลาย สวยงาม ขนาดที่นิยมก็คือ 1 x 4 นิ้ว หรือ 1 x 6 นิ้ว ส่วน ความยาวประะมาณ 80 - 120 ซม. พื้นที่จะปูต้องขัดมันเรียบ การปูเริ่มจากการคัดไม้ที่มีตาออก แล้ววางเรียงแผ่น ไม้ทากาว วางเข้าลิ้น แล้วยึดแผ่นไม้กับพื้น คอนกรีตด้วยตะปู เพื่อรอให้กาวแห้ง เมื่อกาวแห้งจึงตัดหัวตะปูหรือฝังหัวลงไป เพื่อเตรียมการขัดผิวไม้ ซึ่ง อย่างน้อยต้องรอประมาณ 5-7 วัน เมื่อขัดผิวไม้จนเรียบแล้วจึงย้อมสีไม้ให้ได้สีตามต้องการ หลังจากนั้นจึงลง ยูรีเทนเคลือบผิวอย่างน้อย 2 ครั้ง เป็นขั้นตอนสุดท้าย พื้นกระเบื้อง พื้นกระเบื้องเคลือบ ข้อดี คือ มีความแข็งแรง มีแบบและสีสันให้เลือก มากมาย ราคาไม่แพง ดูแลรักษาง่าย ข้อเสีย คือ มีรอยต่อของแผ่นมาก ดูแข็งกระด้าง ไม่นิ่มนวล จะลื่นเมื่อโดนน้ า และถ้าโดนของแข็งหล่น ทับ อาจแตกร้าวได้ พื้นกระเบื้องยาง ข้อดี ราคาถูก ติดตั้งง่าย มีสีสันและขนาดให้เลือก มากผิวดูนุ่มนวลไม่แข็งกระด้าง ซ่อมแซมง่าย ข้อเสีย มีรอยต่อมาก อายุการใช้งานไม่นาน ดูไม่ภูมิฐาน ผิวอ่อน จะมีรอยขูดขีดได้ง่าย ถ้าพื้นคอนกรีต ไม่เรียบ เวลาปูเสร็จแล้วจะดูเป็นคลื่นไม่สวยงาม พื้นหินขัด หินอ่อน หินแกรนิต พื้นหินขัด ข้อดี ดูแลรักษาง่าย ราคาไม่แพง มีลูกเล่น สามารถออกแบบให้มีลวดลาย และสีสันได้มาก ไม่มีรอยต่อ ข้อเสีย ดูแข็งกระด้าง จะลื่นเมื่อเวลาโดนน้ า การท าค่อนข้างยุ่งยาก เป็นงานเปียก ท าให้เลอะเทอะ เวลาแตกร้าว ซ่อมแซมยาก หินอ่อน ข้อดี ดูสวยงามภูมิฐาน มีสีสันให้เลือกมากมาย ดูแลเป็นธรรมชาติ กันน้ าได้ดี ไม่ผุกร่อน มีรอยต่อน้อย ข้อเสีย ใช้ได้เฉพาะภายในบ้าน และควรอยู่ในส่วนที่ไม่โดนรอยขีดข่วน มีผิวอ่อน บางชนิดมีราคาแพง หินแกรนิต ข้อดีมีความแข็งแกร่ง ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน ดูแลรักษาง่าย มีความ หรูหรา น่าภูมิฐาน ข้อเสีย มีราคาค่อนข้างแพง ท าเป็นลวดลายค่อนข้างยาก เพราะมีความแข็ง มีสีสันให้เลือกน้อย การปูหินอ่อน และหินแกรนิต พื้นที่จะปูต้องได้ระดับก่อน และต้องท าให้พื้นห้องที่ จะปูให้มีผิวหน้าหยาบและขรุขระ ต่อจากนั้นก็ ราดน้ าให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง จากนั้นก็เทปูนทรายที่ไม่เหลวจนเกินไปรองพื้นก่อนแล้วจึงปูหินอ่อน หรือ แกรนิตลงไปให้ได้แนว และกดหินให้ ติดแน่นกับปูน เพื่อให้ได้ระดับที่เสมอกันทุกแผ่น
กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 7. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 17. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 18. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 17. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 18. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 10 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 11 ชื่อหน่วย วัสดุมุงหลังคา คาบรวม 2 ขื่อเรื่อง วัสดุมุงหลังคา จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง วัสดุมุงหลังคา สาระส าคัญ 1. ความหมายของวัสดุมุงหลังคา 2. ชนิดของวัสดุมุงหลังคา สมรรถนะประจ าหน่วย 1. อธิบายการเลือกใช้วัสดุมุงหลังคาได้ 2. สามารถเลือกวัสดุประสานไปใช้ในงานชนิดต่างๆได้ จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนอธิบายและเข้าใจหลักการการเลือกใช้วัสดุตกแต่ง และงานระบบภายในระบบได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายชนิด ขนาด คุณสมบัติของวัสดุมุงหลังคาได้ 2. อธิบายการเลือกใช้วัสดุมุงหลังคาได้ 3. สามารถของขนาดของตะปู ชนิดต่างๆได้ 4. สามารถเลือกวัสดุประสานไปใช้ในงานชนิดต่างๆได้ เนื้อหาสาระ วัสดุมุงหลังคา วัสดุมุงหลังคาประเภทต่างๆ วัสดุที่นิยมน ามามุงหลังคากันในปัจจุบันมีให้เลือกอยู่หลากสีหลายชนิด เลยทีเดียว ที่พบเห็นกันทั่วไปในบ้านเรา สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1. วัสดุมุงหลังคาชนิดแผ่นกระเบื้อง เป็นวัสดุมุงหลังคาที่นิยมใช้กันมากในบ้านพักอาศัย สามารถ แบ่งออกได้เป็น
- กระเบื้องดินเผา เป็นวัสดุธรรมชาติใช้เป็นวัสดุมุงหลังคากันมาแต่โบราณปัจจุบันใช้มุง หลังคาที่ต้องการโชว์หลังคาเช่น บ้านทรงไทย โบสถ์วิหารกระเบื้องชนิดนี้ใช้มุงหลังคาที่มีความลาดเอียงมากๆ มิฉะนั้นหลังคามีโอกาสจะรั่วได้ - กระเบื้องคอนกรีตหรือกระเบื้องซีเมนต์วัสดุมุงหลังคาชนิดนี้มีความแข็งแรงและสวยงาม แต่มีราคาค่อนค้างแพงและมีน้ าหนักมากท าให้โครงหลังคาที่จะมุงด้วยกระเบื้องชนิดนี้ต้องแข็งแรงขึ้นเพื่อรับ น้ าหนักวัสดุมุงหลังคา กระเบื้องซีเมนต์มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ กระเบื้องสี่เหลียมขนมเปียกปูน ขนาดเล็กที่ใช้ มุงกับหลังคาที่มีความลาดเอียงตั้งแต่ 30-45 องศา ส่วนอีกชนิดนั้นเป็นกระเบื้องที่เรียกกันว่ากระเบื้องโมเนียร์ ซึ่งสามารถมุงหลังคาในความชันตั้งแต่ 17 องศา - กระเบื้องคอนกรีตแผ่นเรียบ กระเบื้องคอนกรีตแผ่นเรียบ มีความสวยงามเพราะผิว กระเบื้องมีความเนียนเรียบ - กระเบื้องซีเมนต์ใยหิน หรือกระเบื้อง เอสเบสทอสซีเมนต์กระเบื้องชนิดนี้มีคุณสมบัติกัน ไฟแ ล ะเป็น ฉน วนป้ องกันค ว าม ร้ อนมี ร าค าไม่ แพง แ ล ะมุงห ลังค าที่มีค ว ามล าด ชัน ตั้ง แต่ 10 - กระเบื้องลอนคู่ ระบายน้ าได้ดีกว่ากระเบื้องลูกฟูกเนื่องจากมีลอนที่ลึกและกว้างกว่า จึง นิยมใช้มุงหลังคามากกว่า 2. วัสดุมุงหลังคาโลหะ หรือเรียกกันภาษาช่างว่าหลังคาเหล็กรีดท าจากแผ่นเหล็กอาบสังกะสีดัดเป็น ลอนนิยมใช้ในการมุงหลังคาขนาดใหญ่เพิ่มสีสันให้กับอาคารสมัยใหม่แต่วัสดุชนิดนี้มีปัญหาเรืองความร้อน เนื่องจากหลังคาโลหะกันความร้อนได้น้อยมากและมีปัญหาเรื่องเสียงในเวลาฝนตก 3. วัสดุประเภทพลาสติกหรือไพเบอร์ที่เป็นแผ่นโปร่งใสท าเป็นรูปร่างเหมือนกระเบื้องชนิดต่างๆเพื่อ ใช้มุงกับกระเบื้องเหล่านั้นในบริเวณที่ต้องการแสงสว่างจากหลังคาเช่นห้องน้ า เป็นต้น 4. วัสดุประเภทแผ่นชิงเกิ้ล ซึ่งเป็นประเภทวัสดุสังเคราะห์ เริ่มเป็นที่นิยมใช้ในบ้านเราโดยเฉพาะ อาคารประเภท รีสอร์ทตากอากาศ เพราะเล่นรูปทรงได้หลายรูปแบบ 5. วัสดุมุงประเภทอื่น ๆ เช่นวัสดุประเภททองแดงหรือแผ่นตะกั่ว แป้นไม้หรือหญ้าคา เป็นต้น ก็รู้จักวัสดุมุงหลังคาประเภทต่าง ๆ ที่นิยมใช้กันไปเรียบร้อยแล้วส่วนการเลือกใช้นั้นต้องค านึงถึง ลักษณะของหลังคา ความลาดเอียง รูปแบบของอาคาร บ้านเรือนของท่านตลอดจนราคาวัสดุ ค่าโครงหลังคา จะรักจะชอบแบบไหนก็เลือกใช้กันตามความเหมาะสม กระเบื้องซีเมนต์ใยหินใช้มุงความลาดชันตั้งแต่ 10 องศา กระเบื้องคอนกรีตรูปสี่เหลียมขนมเปียกปูน ใช้มุงหลัง คาความลาดเอียง 30-45 องศา กระเบื้องโม เนียร ใช้มุงหลัง คาความลาดชันตั้งแต่ 17 องศา กระเบื้องดินเผา ใช้มุงหลัง คาความลาดชันตั้งแต่ 20 องศา ส่วนหลังคา ประเภทอื่น ๆก็ใช้มุงกันที่ประมา ณ 30-45 องศา กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน
2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 8. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 19. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 20. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 19. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 20. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 11 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 12 ชื่อหน่วย ตะปู น๊อต วัสดุประสาน คาบรวม 2 ขื่อเรื่อง ตะปู น๊อต วัสดุประสาน จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง ตะปู น๊อต วัสดุประสาน สาระส าคัญ 1. ชนิดของวัสดุมุงประสานและยึดติด สมรรถนะประจ าหน่วย เลือกวัสดุประสานไปใช้ในงานชนิดต่างๆได้ จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนเข้าใจและสามารถเลือกใช้ตะปู น๊อต วัสดุประสานในงานก่อสร้างได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถของบอกขนาดของตะปู ชนิดต่างๆได้ 2. สามารถเลือกวัสดุประสานไปใช้ในงานชนิดต่างๆได้ เนื้อหาสาระ ตะปูเป็นอุปกรณ์ที่ท ามาจากโลหะ มีลักษณะแข็ง ปลายแหลม รูปร่างคล้ายเข็ม ตะปูส่วนมากท ามา จากเหล็ก มักใช้ส าหรับการยึด ตรึง หรือเพื่อติดวัตถุชนิดต่าง ๆ ในงานไม้ งานก่อสร้าง และงานวิศวกรรม ตะปู มักถูกใช้งานร่วมกับฆ้อน โดยใช้ฆ้อนในการตีหรือตอกเพื่อดันตะปูให้ผ่านเข้าไปในวัตถุที่ต้องการ การตอกตะปูเพื่อประกอบไม้เป็นบรรจุภัณฑ์
วิธีที่ใช้ในการประกอบลังมีผลต่อค่าใช้จ่ายและความแข็งแรงของ หีบห่อและแท่นรองรับสินค้า ชนิด ของตะปูขนาดระยะห่าง ต าแหน่งของตะปูความหนา ของไม้แนวเสี้ยนเหล่านี้มีผลต่อการใช้งานทั้งสิ้น ตะปูที่ใช้ในการตอกไม้มีรูปร่างแตกต่างกันไป ตะปู จ าแนกตามรูปร่างของขา เช่น ตะปูขาบิด ตะปูเกลียว ตะปูร่อง วงแหวน ตะปูควง เป็นต้น หรือตามรูปร่างของหัวตะปูเช่น หัว ทีหัวดีหรือซิงเดอร์เป็นต้น อกจากนี้ยังมีประเภทธรรมดา เคลือบเรซินหรือชุบสังกะสีการเลือกใช้ตะปูจึงมีผลต่อการยึด การถอนตัว และความทนทานต่อการกัดกร่อน ขนาดของตะปูที่ ใช้ต้องให้พอเหมาะกับไม้ที่จะตอกถ้าใช้ตะปูขนาดเล็กเกินไป ตอกลงไปในไม้ที่มีความหนาแน่นสูงจะท าให้ตะปูงอ ถ้าไม้แห้ง เกินไปหรือตอกตะปูชิดขอบเกินไปจะท าให้ไม้แตก ไม้ค้ า (ในแนวตั้ง) ช่วยในการรับรองและช่วยเสริมลังในส่วนที่อ่อนแอ การท าบรรจุภัณฑ์ประเภทลัง โปร่งให้แข็งแรงนั้น ไม้แนวแทยงสามารถรับรองได้มากที่สุด การเข้ามุมไม้แบบ “มุม 3 ทาง” (threeway corner) หรือมุมเข้าล็อคให้ความแข็งแรงกับลังไม้มาก ที่สุด ตะปูและตะปูเกลียว 1. ตะปู (Nails) ตะปูมีความส าคัญในงานไม้ เพื่อใช้เป็นตัวยึดไม้ให้ติดกัน โลหะที่ใช้ในการท าตะปูส่วน ใหญ่ได้แก่ เหล็กอาบสังกะสี 1.1 ส่วนประกอบของตะปู
ตะปูมีส่วนประกอบที่ส าคัญ 3 ส่วน คือ ส่วนหัวตะปู ส่วนล าตัวและส่วนปลาย 1.1.1 ส่วนหัว หัวตะปูจะมีลักษณะต่างกัน มีทั้งหัวราบ แบน และหัวมน ตะปูหัวราบใช้กัน มากในการท างนทั่วๆไป ช่างเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปใช้ตะปูหัวแบนมาทุบให้หัวเล็กๆเพราะจะท าให้ไม้มีต าหนิน้อย มาก 1.1.2 ส่วนล าตัว ตะปูที่ใช้กับงานไม้มีทั้งส่วนล าตัวอ้วนและส่วนล าตัวผอม ซึ่งสามารถ เลือกใช้ได้เหมาะสมกับความหนาของไม้ ล าตัวของตะปูนั้นผอมยาวเรียกเป็นนิ้ว ซึ่งเป็นชื่อเรียกขนาดของตะปู เช่น ตะปูขนาด 3 นิ้ว หมายถึง ขนาดของล าตัวตะปูยาว 3 นิ้ว 1.1.3 ส่วนปลาย จะเป็นส่วนที่แหลมคมที่ช่วยท าให้ตะปูเข้าไปยึดฝังอยู่ในเนื้อไม้ ตะปูตอก ไม้ที่ผลิตออกจ าหน่ายมีตั้งแต่ขนาดความยาว ½ นิ้ว ถึง 4 นิ้ว ยกเว้นตะปูเข็มซึ่งใช้กับงานเฟอร์นิเจอร์ ชนิดของตะปู ตะปูที่ใช้ในงานไม้ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีหลายชนิดหลายขนาด ได้แก่ 1. ตะปูธรรมดา จะมีขนาดความโตของหัวตะปูเป็นสองเท่าของความโตที่ตัวตะปู หัวตะปูจะมีลักษณะ แบนเรียบมีขนาดตั้งแต่ 2d ไปจนถึง 60d เป็นตะปูที่ใช้กับงานทั่วๆไป 2. ตะปูแบนหรือตะปูตอกกล่อง มีลักษณะหัวกลมแต่แบน หัวตะปูจะมีลักษณะเช่นเดียวกับหัวตะปู ธรรมดา แต่ตัวตะปูจะมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย มีขนาดตั้งแต่ 2d ไปจนถึง 20d ใช้ส าหรับตอกกล่องหรือลังไม้ หรือใช้ในงานเครื่องเรือนทั่วๆไป 3. ตะปูหัวกลม จะมีขนาดเล็กกว่าตะปูแบนมาก หัวตะปูจะกลม มีขนาดตั้งแต่ 2d ไปจนถึง 20d ใช้ ในงานที่ต้องการส่งหัวตะปูไม่ให้เห็นหลังจากตอกแล้ว หรืใช้ในงานภายในที่ต้องการความละเอียดและประณีต เนื่องจากฝังหัวตะปูได้ งานที่ใช้ตอกยึดเครื่องเรือนต่างๆเป็นต้น 4. ตะปูตอกพื้น ตะปูชนิดนี้ทั้งหัวและตัวตะปูจะมีขนาดเท่ากับตะปูชนิดธรรมดา แต่หัวตะปูจะเป็น รูปทรงกรวย มีขนาดตั้งแต่ 7d ไปจนถึง 10d ใช้ส าหรับตอกพื้นอาคารบ้านเรือนและอื่นๆตะปูเมื่อตอกเข้าไป ในพื้นเรียบร้อยแล้ว หัวตะปูจะเสมอเรียบกับพื้นพอดี การน าตะปูไปใช้งานและการบ ารุงรักษา 1. เลือกตะปูให้เหมาะสมกับความหนาของไม้ 2. การตอกควรใช้จังหวะในการตอกอย่างสม่ าเสมออย่าโหมแรงจนเกินไปตะปูจะหดได้ หรือถ้าตอกให้ หนักจนเกินไปจะท าให้ตะปูร้อนและเกิดการบิดงอได้ 3. เวลาตอกไม้ให้ตะปูยึดกันให้ได้ โดยตอกให้เอียงตามรูปที่ 3.8 4. อย่าเก็บตะปูไว้ในที่ชื้น กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน
3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 9. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 21. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 22. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 21. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 22. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 12 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 13 ชื่อหน่วย ท่อ คาบรวม 2 ขื่อเรื่อง ท่อ จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง ท่อ สาระส าคัญ 1. ความหมายของท่อ 2. ชนิดของท่อประปา สมรรถนะประจ าหน่วย 1. บอกชนิดและขนาดของท่อแบบต่างๆได้ 2. อธิบายวิธีการใช้งานของท่อแต่ละชนิดได้ จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนเข้าใจหลักการและสามารถเลือกใช้ท่อในงานก่อสร้างได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถบอกชนิดและขนาดของท่อแบบต่างๆได้ 2. สามารบอกวิธีการใช้งานของท่อแต่ละชนิดได้ เนื้อหาสาระ ชนิดของท่อประปา - ท่อประปาเหล็กอาบสังกะสี ข้อดีมีความแข็งแรง รับน้ าหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันและอุณหภูมิที่สูงๆ เช่น เครื่องท าน้ าร้อน ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง ถ้าใช้ไปนานๆ อาจเกิดสนิม ได้ โดยเฉพาะที่ฝังอยู่ในดิน อาจเป็นอันตราย ถ้าน าน้ า ในท่อ มารับประทาน - ท่อประปาพีวีซี(PVC.) ข้อดี น้ าหนักเบา ราคาถูกกว่า สามารถดัดงอได้ และ ไม่เกิดสนิมน้ าในท่อจะสะอาดกว่า ข้อเสีย ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรงๆ ได้ ไม่ทน ต่อความดันและอุณหภูมิที่สูง
วิธีการเดินท่อประปา โดยทั่วไปแล้วการเดินท่อประปาภายในบ้าน จะมีอยู่ 2 ชนิด คือ 1. การเดินท่อแบบลอย คือ การเดินท่อติดกับผนัง หรือวางบนพื้น การเดินท่อแบบนี้จะเห็นได้ชัดเจน สามารถ ซ่อมแซมได้ง่าย เมื่อเกิดปัญหา แต่จะดูไม่สวยงาม 2. การเดินท่อแบบฝัง คือ การเจาะสกัดผนัง แล้ว เดินท่อ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ฉาบปูนทับ หรือเดิน ซ่อนไว้ใต้ เพดานก็ได้ซึ่งจะดูเรียบร้อยและสวยงาม แต่เมื่อมีปัญหาแล้ว จะซ่อมแซมยาก วิธีการเดินท่อประปาในส่วนที่อยู่ใต้ดิน การเดินท่อประปาจะมีทั้งท่อส่วนที่อยู่บนดิน และบาง ส่วนจะต้องอยู่ใต้ดิน ในส่วนที่อยู่บนดิน อาจใช้ ท่อ PVC. หรือท่อเหล็กชุบสังกะสี (GAVANIZE) ก็ได้ แต่ส าหรับท่อ ที่อยู่นอกอาคาร โดยเฉพาะท่อที่อยู่ใต้ดิน บริเวณใต้อาคาร ควรใช้ท่อ PE ท่อชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการบิดงอโค้งได้ ในกรณีเดินผ่านเสาตอม่อ หรือ คานคอดิน ส าหรับท่อธรรมดา จะมีข้อต่อมากซึ่งเสียงต่อการรั่วซึม และที่ส าคัญเมื่อมีการทรุด ตัวของอาคาร หากเป็นท่อ PVC. หรือท่อเหล็กชุบสังกะสี จะ ท าให้ท่อแตกร้าวได้แต่ถ้าเป็นท่อ PE จะมีความยืดหยุ่นกว่า ถึงแม้จะมีราคาที่สูง แต่ก็คุ้มค่า เพราะถ้าเกิดการรั่วซึมแล้วจะ ไม่สามารถทราบได้เลย เพราะอยู่ใต้ดิน กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน
เอกสารอ้างอิง 10. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ
การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D แก่ผู้เรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 23. ผู้เรียนรู้จักใช้และจัดการกับวัสดุอุปกรณ์การเรียนอย่างคุ้มค่า และประหยัด 24. ผู้เรียนมีความเพียรพยายาม กระตือรือร้นและมีเหตุผลในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนร่วมกับ ผู้อื่น คุณลักษณะ 3D ด้านประชาธิปไตย (Democracy) กิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งการ แสดงออก ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทย (Decency) 23. ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามแผนที่ก าหนดเวลาไว้ 24. ผู้เรียน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนต่อครูผู้สอนและเพื่อน ด้านภูมิคุ้มภัยจากยาเสพติด (Drug-Free) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการเอาใจใส่ ต่อการเรียน เอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย มีน้ าใจ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผลจะเป็นภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพ ติดให้กับผู้เรียนได้
แบบประเมินพฤติกรรมผู้เรียน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ล าดับ ชื่อ-สกุล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมคะแนน (20 คะแนน) สนใจ กระตือรือร้น ใช้ของส่วนตัว/ส่วนรวมอย่างคุ้มค่า พูดความจริง/ไม่ทุจริต แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ การมีสัมมาคาราวะ ดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว/ ส่วนรวม ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ มีน้ าใจ แสดง/รับฟังความคิดเห็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
บันทึกหลังการสอน บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ 2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบ 3. แนวทางพัฒนา/แก้ปัญหา (นายณรงศักดิ์ วิเศษ) (นายสาธิต เสวกจันทร์) หัวหน้าแผนกวิชาช่างก่อสร้าง รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ
แผนการสอน/การเรียนรู้ หน่วยที่ 13 ชื่อวิชา วัสดุและวิธีก่อสร้างงานโครงสร้าง สอนครั้งที่ 14 ชื่อหน่วย สายไฟและอุปกรณ์ วัสดุฉนวน กันน้ าและกันชื้น คาบรวม 2 ขื่อเรื่อง สายไฟและอุปกรณ์ วัสดุฉนวน กันน้ าและกันชื้น จ านวนคาบ 2 หัวข้อเรื่อง สายไฟและอุปกรณ์ วัสดุฉนวน กันน้ าและกันชื้น สาระส าคัญ 1. ชนิดของสายไฟและอุปกรณ์ต่างๆ 2. ชนิดของวัสดุฉนวน กันน้ าและกันชื้น สมรรถนะประจ าหน่วย 1. อธิบายชนิดของสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบได้ 2. อธิบายถึงความส าคัญของวัสดุฉนวนและกันน้ ากันซึมได้ 3. เลือกใช้วัสดุฉนวนและกันน้ ากันซึมให้เหมาสมกับงานแต่ละประเภทได้ จุดประสงค์ทั่วไป นักเรียนเข้าใจและสามารถเลือกใช้สายไฟและอุปกรณ์ วัสดุฉนวน กันน้ าและกันชื้นได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. สามารถบอกชนิดของสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบได้ 2. อธิบายถึงความส าคัญของวัสดุฉนวนและกันน้ ากันซึมได้ 3. สามารถเลือกใช้วัสดุฉนวนและกันน้ ากันซึมให้เหมาสมกับงานแต่ละประเภทได้ เนื้อหาสาระ ประเภทและชนิดของสายไฟฟ้า สายไฟฟ้าเป็นสิ่งจ าเป็นอย่างยิ่ง เพราะสายไฟเป็นตัวน าที่จะน าให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปตามสายจาก แห่งหนึ่งไป อีกแห่งหนึ่งได้ตามต้องการ สายไฟฟ้าที่นิยมใช้งานทั่วๆไปมีหลายลักษณะที่ควรทราบ มีดังนี้ 1.1สายเปลือย เป็นสายที่ไม่หุ้มฉนวน ใช้ส าหรับกระแสไฟฟ้ามากๆ เช่น ใช้กับพวกสายไฟฟ้าแรงสูง ส่วนมากเป็น พวกทองแดง หรืออลูมิเนียมใช้เดินในระบบสูง เพราะอันตรายจากสายไฟแรงสูงมีมาก 1.2 สายหุ้มฉนวน
ก. สายหุ้มยาง ท าด้วยลวดทองแดง จะเป็นเส้นเดี่ยวหรือหลายเส้นขึ้นอยู่กับชนิดของงานที่น ามาใช้ ภายนอกหุ้มฉนวนด้วยดีบุก หรือยาง แบบนี้นิยมใช้กันมาก ข. สายหุ้มพลาสติก ส่วนมากมักท าเป็นสายหลายๆเส้น ที่หุ้มด้วยพลาสติกเพื่อให้อ่อนตัวได้ง่าย ผู้ผลิตมักท าเป็นสายคู่ติดกัน ค. สายไหม ภายในท าเป็นลวดทองแดงหลายเส้นหุ้มด้วยยางแล้วหุ้มทับด้วยไหมอีกทีหนึ่งมักท าเป็น เส้นคู่บิดแบบเกลียว เหมาะส าหรับติดเต้าเพดานกับกระจุ๊บหลอด ง. สายเดี่ยวและสายคู่ P.V.C. (Poly Vinyl Chloride) เป็นสายไฟท าด้วยลวดทองแดงหุ้มด้วยฉนวน หลายชั้น ภายนอกสุดมักเป็นฉนวนสีขาว สายไฟชนิดมีฉนวนหุ้มแข็งแรงมาก มีทั้งชนิดคู่และชนิดเดียว นิยมใช้ กันแพร่หลาย 1.3 สายอบหรืออาบน้ ายา ส่วนมากเป็นลวดทองแดงเส้นเล็ก ๆใช้น้ ายาเคมีเคลือบเป็นฉนวนตลอดสาย ใช้ในงานพันมอเตอร์ ฯลฯ การเลือกใช้สายไฟฟ้า สายไฟที่นิยมใช้ทั่วๆ ไปคือสายไฟที่ท าจากลวดทองแดง มีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 98 ส่วนใน 100 และหุ้ม ด้วยฉนวนไว้ส าหรับรับแรงดันไม่ต่ ากว่า 250 โวลท์สายไฟที่ใช้มีอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศา C และจะต้อง เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมสถานที่ และลักษณะการน าไปใช้งาน เพื่อให้เกิดความคงทนของสายไฟ และไม่ ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน การต่อสายไฟฟ้า จุดประสงค์ของการต่อสายไฟ ต้องการให้แน่น, แข็งแรง, ตรงรอยต่อสัมผัสกันมากที่สุดและ แลดู สวยงาม การต่อสายไฟฟ้ามีวิธีต่อได้หลายแบบ คือ 1. การต่อสายแบบรับแรงดึง ก. การต่อสายเดี่ยว ท าดังนี้คือ 1. ปลอกสายที่หุ้มฉนวนออกเส้นละประมาณ 3 นิ้ว 2. ขุดท าความสะอาดสาย 3. เอาปลายทั้งสองบิดเข้าหากันเป็นเกลียว 4. ใช้คีมบีบให้แน่น แสดงการต่อสายไฟเดี่ยว 2. การต่อสายแบบไม่รับแรงดึง ก. การต่อแบบหางเปีย ท าดังนี้คือ
1. ปอกฉนวนปลายสายข้างละประมาณ 3 นิ้ว 2. ขุดท าความสะอาดสาย 3. เอาปลายทั้งสองข้างมาชิดกันแล้วบิดเป็นเกลียวให้แน่น ( ดังรูป ) การต่อสายแบบหางเปีย 3. การต่อสายแบบแยก การต่อแยกสาย คือการต่อแยกสายออกเป็น 3 ทางหรือ 4 ทาง แล้วแต่งานซึ่งแยกออกตามประเภท ของงานคือ ก. แยกแบบเส้นเดียว ข. แยกแบบหลายเส้น 1. ปอกสายไฟเส้นที่ต้องการแยกประมาณ 1 นิ้ว 2. ปอกสายที่จะแยกออกประมาณ 3 นิ้ว 3. วางปลายสายที่จะแยกลงบนเส้นที่ไม่แยกตรงปอกแล้ว 4. ใช้คีมดึงและบิดเป็นเกลียวให้แน่น 4. การต่อสายแข็งกับสายอ่อน คือมีสายอยู่สองชนิด ชนิดแข็งกับชนิดอ่อนน ามาต่อกัน วิธีต่อปอกฉนวนปลายสายทั้ง 2 เส้นออก ข้างละประมาณ 3 นิ้ว แล้วใช้สายอ่อนพันรอบๆ สายแข็งให้เป็นเกลียวเสร็จแล้วพับหรืองอปลายสายแข็งให้ เป็นขอเพื่อป้องกันมิให้สายหลุดได้ง่าย 5. การต่อสายแบบคู่ การต่อสายคู่ วิธีท าคือ 1. ปอกฉนวนที่สายออก 2. การปอกฉนวนสายทั้งคู่เวลาต่อไฟให้เยื้องกันเล็กน้อย 3. ท าความสะอาดสาย 4. ต่อแบบสายเดี่ยวทีละเส้น
กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบรรยายเนื้อหาจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 2. นักศึกษาฟังบรรยายจากสื่อการสอนพร้อมตั้งค าถาม-ตอบ ระหว่างเรียน 3. ครูและนักศึกษาช่วยกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน 4. ครูประเมินในแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5. นักศึกษาส่งผลงานให้ครูผู้สอนตรวจ 6. ครูผู้สอนตรวจให้คะแนนผลงานของผู้เรียน หลักฐานการเรียนรู้ 1. หลักฐานความรู้ - สมุดจดบันทึก 2. หลักฐานการปฏิบัติงาน - เอกสารประกอบการปฏิบัติงาน การประเมินผลการเรียนรู้ - คะแนนจากการสมุดจดบันทึก - คะแนนจากการถาม-ตอบระหว่างเรียน - คะแนนจากเอกสารประกอบการปฏิบัติงาน - คะแนนจากการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เอกสารอ้างอิง 11. หนังสือ “วัสดุก่อสร้าง” โดย พงศ์พัน วรสุนทโรสถ และ วรพงศ์ วรสุนทโรสถ