The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
20204-2005

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ณิชมน เหล่าเมฆ, 2023-02-09 10:06:37

แผนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น

แผนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
20204-2005

11


12 การจัดทำแผนการแผนการจัดการเรียนรู้วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา 20200-1001 จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนของนักเรียน หลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพ พุทธศักราช 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการโดยทำการสอน นักเรียนประเภทวิชา พณิชยการ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพหลังสวน การจัดการเรียนการสอน ใช้เวลาในการเรียนการสอนทั้งหมด 36 ชั่วโมง รวมทั้งการทดสอบย่อย และสอบปลายภาค ซึ่งจัดการเรียนการสอนโดยการบรูณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ในการเรียนการสอน และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดย ศึกษาความรู้พื้นฐานทาง เศรษฐศาสตร์อุปสงค์และอุปทาน ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน การผลิตและทฤษฎีการผลิต การ บริโภคและทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค การกำหนดราคา การเงิน นโยบายการเงิน โดยผู้สอนเป็นผู้ชี้แนะแนวทาง ในการทำกิจกรรม และได้แทรกคุณธรรมจริยธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านทัศนคติ มีมนุษย์สัมพันธ์ ความมี วินัย ความรับผิดชอบ ความสนใจใฝ่รู้ ขยัน ความชื่อสัตย์ และการปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และข้อตกลง ของวิทยาลัยการอาชีพหลังสวน เพื่อเป็นคนดีของสังคมต่อไป จัดทำโดย ณิชมน เหล่าเมฆ คำนำ


13 สารบัญ วิธีการใช้แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3 โครงการสอนที่บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 10 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 20 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 23 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 26 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 29 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 32 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 35 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 38 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 41 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 44 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 47 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 51 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 54 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 57 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 60 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 63 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 66 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 69 ภาคผนวก ก ตัวอย่างแบบประเมินด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) 72 ข ตัวอย่างแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 73 ค ตัวอย่างแบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 74 ง ตัวอย่างแบบประเมินการนำเสนอผลงานรายบุคคล 75 จ ตัวอย่างแบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์76 ฉ ตัวอย่างแบบรวมคะแนนการประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 77 ช ตัวอย่างแบบสรุปผลการประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์78 ฌ ตัวอย่างบันทึกหลังการสอน 79 ญ ตัวอย่างบันทึกหลังการสอน 80


14 วิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น รหัส20200-1001 จุดประสงค์รายวิชา 1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐศาสตร์ 2. นำความรู้และทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 3. ตระหนักถึงความสำคัญของหลักการทางด้านเศรษฐศาสตร์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์และทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ 2. ประยุกต์ใช้หลักเศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจำวันและงานอาชีพ คำอธิบายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ อุปสงค์ อุปทานและการกำหนดราคาดุลยภาค ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค ทฤษฎีการผลิต ตลาดในระบบ เศรษฐกิจ รายได้ประชาชาติ เงินเฟ้อ เงินฝืดและเงินตึงตัว วัฏจักรเศรษฐกิจ ดุลการค้าและ ดุลการชำระเงิน และการพัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างและปัญหาเศรษฐกิจของประเทศและแนว ทางแก้ไข ชื่อหน่วย จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา 1 2 3 1 2 1. ความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ 2. อุปสงค์และอุปทาน 3. ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน 4. การผลิตและทฤษฎีการผลิต 5. การบริโภคและทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค 6. ตลาดในระบบเศรษฐกิจ 7. การกำหนดราคา 8. การเงิน นโยบายการเงิน และวัฏจักรเศรษฐกิจ 9. การคลังและนโยบายการคลัง 10.รายได้ประชาชาติ 11.ดุลการค้าและดุลการชำระเงิน 12.ระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจ 13.โครงสร้าง ปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย


15 โครงการสอนที่บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รหัส 2200-1001 2-0-2 วิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 1 - 1-2 ปฐมนิเทศ บทนำ การเตรียมความ พร้อมของประเทศไทยสู่ การเป็นประชาคมอาเซียน 1.ความสำคัญของ รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เบื้องต้น 2.จุดประสงค์รายวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 3.คำอธิบายรายวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 4.สาระการเรียนรู้ รายวิชาเศรษฐศาสตร์ เบื้องต้น 5.ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง 6.การวัดผลและการ ประเมินผล 1.อธิบายความสำคัญ ของรายวิชา เศรษฐศาสตร์ เบื้องต้นได้ 2. บอกจุดประสงค์ รายวิชา เศรษฐศาสตร์ เบื้องต้นได้ 3. บอกคำอธิบาย รายวิชา เศรษฐศาสตร์ เบื้องต้นได้ 4. บอกสาระการเรียนรู้ รายวิชา เศรษฐศาสตร์ เบื้องต้นได้ 5.บอกผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังและวิธีการ วัดและประเมินผล ได้ ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที


16 2 - 3 1 3 - 6 ความรู้พื้นฐา น เกี่ยวกับ เศรษฐศาตร์ 1. ความหมาย ความ เป็นมา และ ความสำคัญของ เศรษฐศาสตร์ 2. ประเภทของวิชา เศรษฐศาสตร์ 3. หน่วยเศรษฐกิจและ ปัญหาพื้นฐานทาง เศรษฐกิจ 4. ความแตกต่างระหว่าง เศรษฐศาสตร์กับ บริหารธุรกิจ 5. ประโยชน์ของวิชา เศรษฐศาสตร์ 1. บอกความหมาย ความเป็นมา แล ะ ความสำคัญของ เศรษฐศาสตร์ได้ 2. บอกประเภทของ วิชาเศรษฐศาสตร์ได้ 3. อธิบายลักษณะของ หน่วยเศรษฐกิจและ สรุปปัญหาพื้นฐาน ทางเศรษฐกิจได้ 4. บอกความแตกต่าง ระหว่าง เศรษฐศาสตร์กับ บริหารธุรกิจได้ 5. อธิบายประโยชน์ ของวิชา เศรษฐศาสตร์ได้


17 สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 4-5 2 7-10 อุปสงค์และอุปทาน 1. ความหมายและ ประเภทของอุปสงค์ 2. ลักษณะและการ เปลี่ยนแปลงของเส้น อุปสงค์ 3. ความหมายและ ประเภทของอุปทาน 4. ลักษณะและการ เปลี่ยนแปลงของเส้น อุปทาน 5. ดุลยภาพของตลาด 1. บอกความหมายของ อุปสงค์และอุปทาน ได้ 2. สรุปประเภทของอุป สงค์และอุปทานได้ 3. บอกลักษณะของ เส้น อุปสงค์และ อุปทานได้ 4. วิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลงของ เส้นอุปสงค์และ อุปทานได้ 5. เข้าใจการเกิดดุลย ภาพของตลาด ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที


18 6 3 11-12 1.ความหมายของความ ยืดหยุ่น 2.ความยืดหยุ่นของอุป สงค์ 3.ค่าความยืดหยุ่นของ อุปสงค์ต่อราคา และ ลักษณะของเส้นอุป สงค์ 4.ปัจจัยที่กำหนดค่า ความยืดหยุ่นของอุป สงค์ต่อราคา 5.ความยืดหยุ่นของ อุปทาน 6.ค่าความยืดหยุ่นของ อุปทาน และลักษณะ ของเส้นอุปทาน 7.ปัจจัยที่กำหนดค่า ความยืดหยุ่นของ อุปทาน 8.ประโยชน์จาก การศึกษาเรื่องความ ยืดหยุ่นของอุปสงค์ และอุปทาน 1.บอกความหมายของ ความยืดหยุ่นได้ 2.บอกความยืดหยุ่นของ อุปสงค์ได้ 3.ระบุค่าความยืดหยุ่น ของอุปสงค์ต่อราคา และอธิบายลักษณะ ของเส้นอุปสงค์ได้ 4.ระบุปัจจัยที่ กำหนดค่าความ ยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อ ราคาได้ 5.บอกความยืดหยุ่นของ อุปทานได้ 6.ระบุค่าความยืดหยุ่น ของอุปทาน และ อธิบายลักษณะของ เส้นอุปทานได้ 7.ระบุปัจจัยที่ กำหนดค่าความ ยืดหยุ่นของอุปทานได้ 8.บอกประโยชน์จาก การศึกษาเรื่องความ ยืดหยุ่นของอุปสงค์ และอุปทานได้


19 สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 7 4 13-14 การผลิตและทฤษฎีการ ผลิต 1. ความหมายและ ลักษณะ การผลิต 2. ปัจจัยการผลิต 3. ทฤษฎีการผลิตใน ระยะสั้น 4. ทฤษฎีการผลิตใน ระยะยาว 5. ดุลยภาพการผลิต 1. อธิบายความหมาย และลักษณะการ ผลิตได้ 2. บอกประเภทปัจจัย การผลิตที่ใช้ใน กระบวนการผลิตได้ 3. อธิบายทฤษฎีการ ผลิตในระยะสั้นได้ 4. อธิบายทฤษฎีการ ผลิตในระยะยาวได้ 5. อธิบายดุลยภาพ การผลิตได้ ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที 8 5 15-16 การบริโภคและพฤติกรรม ผู้บริโภค 1. ความหมายและ ความสำคัญของการ บริโภค 2. ลักษณะทั่วไปของ ผู้บริโภค 3. ปัจจัยที่มีผลต่อการ บริโภคและผลของการ บริโภค 4. ทฤษฎีพฤติกรรม ผู้บริโภค 1. บอกความหมายและ ความสำคัญของการ บริโภคได้ 2. อธิบายลักษณะ ทั่วไปของผู้บริโภค ได้ 3. อธิบายปัจจัยที่มีผล ต่อการบริโภคและ ผลของการบริโภคได้ 4. อธิบายทฤษฎี พฤติกรรมผู้บริโภค ได้


20 สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 9-10 6 17-20 ตลาดในระบบเศรษฐกิจ 1. ความหมายและ ความสำคัญของตลาด 2. คนกลางและ องค์ประกอบของ ตลาด 3. ประเภทของตลาด 4. ขนาดและหน้าที่ของ ตลาด 5. ลักษณะของตลาดใน ระบบเศรษฐกิจ 6. ผลของการแข่งขัน และ การผูกขาด 1. บอกความหมายและ ความสำคัญของ ตลาดได้ 2. บอกประเภทของคน กลางและ องค์ประกอบของ ตลาดได้ 3. บอกประเภทของ ตลาดได้ 4. บอกขนาดและ หน้าที่ของตลาดได้ 5. อธิบายลักษณะของ ตลาดในระบบ เศรษฐกิจได้ 6. อธิบายผลดีและ ผลเสียของการ แข่งขันและ การ ผูกขาดได้ ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที 11 7 21-22 การกำหนดราคา 1. ความสำคัญของการ กำหนดราคา 2. ราคาดุลยภาพและการ ปรับตัวของระดับราคา 3. การกำหนดราคาใน ตลาด สินค้าต่างๆ 4. การกำหนดราคาเพื่อ เสถียรภาพทาง เศรษฐกิจ 1. อธิบายความสำคัญ ของการกำหนด ราคาได้ 2. อธิบายราคาดุลย ภาพและการปรับตัว ของระดับราคาได้ 3. อธิบายการกำหนด ราคาในตลาดสินค้า ต่างๆ 4. อธิบายการกำหนด ราคาเพื่อเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจได้


21 12 - 13 8 23 -26 การเงินนโยบายการเงิน และวัฏจักรเศรษฐกิจ 1. ความหมาย ความสำคัญและความ เป็นมาของเงิน 2. หน้าที่และมาตรฐาน ของเงิน 3. ภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด และวัฏจักรเศรษฐกิ จ 4. ตลาดการเงิน 5. นโยบายการเงิน 1. บอกความหมาย ความสำคัญ และ ความเป็นมาของเงิน ได้ 2. สรุปหน้าที่และ อธิบายมาตรฐาน ของเงินแบ บต่างๆ ได้ 3. วิเคราะห์ภาวะเงิน เฟ้อและเงินฝืด รวมทั้งวัฏจักร เศรษฐกิจได้ 4. เข้าใจลักษณะ โดยทั่วไปของตลาด การเงิน 5. ความรู้ในเรื่องการใช้ นโยบายการเงินเพื่ อ แก้ไขปัญหาทาง เศรษฐกิจ


22 สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 14 9 27-28 การคลังและนโยบายการ คลัง 1. ความหมายและ ความสำคัญของการ คลัง 2. งบประมาณแผ่นดิน 3. หนี้สาธารณะ 4. นโยบายการคลัง 5. นโยบายการคลังของ ประเทศไทย 1. สรุปความหมายและ ความสำคัญของการ คลังได้ 2. บอกลักษณะและ การจัดทำ งบประมาณแผ่นดิน ได้ 3. เข้าใจความหมาย และลักษณะของหนี้ สาธารณะ 4. เข้าใจการแก้ปัญหา โดยใช้นโยบายด้าน การคลังได้ 5. ทราบถึงการใช้ นโยบายการคลังใน ประเทศไทย ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที


23 15 10 29-30 รายได้ประชาชาติ 1. ความหมายและ ความสำคัญของรายได้ ประชาชาติ 2. ประเภทของรายได้ ประชาชาติ 3. รายได้ประชาชาติที่ แท้จริงและรายได้ เฉลี่ยต่อบุคคล 4. การคำนวณรายได้ ประชาชาติ 5. โครงสร้างรายได้ ประชาชาติของ ประเทศไทย 6. ปัญหาการคำนวณ และการใช้ข้อมูล รายได้ประชาชาติ 1. บอกความหมายและ ความสำคัญของ รายได้ประชาชาติได้ 2. อธิบายประเภทของ รายได้ประชาชาติ และคำนวณรายได้ ประชาชาติที่แท้จริง รวมทั้งรายได้เฉลี่ย ต่อบุคคลได้ 3. อธิบายวิธีการ คำนวณรายได้ ประชาชาติได้ 4. อธิบายโครงสร้าง รายได้ประชาชาติ ของประเทศไทยได้ 5. บอกปัญหาการ คำนวณและการใช้ ข้อมูลรายได้ ประชาชาติได้


24 สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 16 11 31-32 ดุลการค้าและดุล การชำระเงิน 1. ความสำคัญของการค้า ระหว่างประเทศ 2. นโยบายการค้า ระหว่างประเทศ 3. การค้าระหว่าง ประเทศของประเทศ ไทย 4. ดุลการชำระเงิน ระหว่างประเทศ 5. การแก้ไขปัญหาการ ขาดดุลการค้าและ ดุลการชำระเงิน 1. ทราบถึงความสำคัญ ของการค้าระหว่าง ประเทศ 2. ทราบถึงนโยบาย การค้าระหว่าง ประเทศ 3. เข้าใจความหมาย และองค์ประกอบ ของดุลการ ชำระ เงิน 4. อธิบายลักษณะ ดุลการค้าและ ดุลการชำระเงินของ ประเทศไทยได้ 5. ทราบถึงแนว ทางการแก้ไขปัญหา การขาดดุลการค้า และดุลการชำระเงิน ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที


25 17 12 33-34 ระบบเศรษฐกิจและ การพัฒนาเศรษฐกิจ 1. ความหมายและ รูปแบบของระบบ เศรษฐกิจ 2. ความหมายและ ความสำคัญของการ พัฒนาเศรษฐกิจ 3. ระดับการพัฒนาและ ปัจจัยที่มีผลต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจ 4. การวางแผนเพื่อ พัฒนาเศรษฐกิจ 5. การพัฒนาเศรษฐกิจ ของประเทศไทย 1. บอกความหมายและ สรุปลักษณะของ ระบบเศรษฐกิจแต่ ละรูปแบบได้ 2. บอกความหมายและ ความสำคัญของการ พัฒนาเศรษฐกิจได้ 3. เข้าใจระดับและ ปัจจัยการพัฒนา เศรษฐกิจโดยทั่วไป 4. เข้าใจลักษณะทั่วไป ของการวางแผนเพื่อ พัฒนาเศรษฐกิจ 5. เข้าใจลักษณะทั่วไป ของการพัฒนา เศรษฐกิจของ ประเทศไทย


26 สัปดา ห์ ที่ หน่วย ที่ ชั่วโมง ที่ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 18 13 35-36 โครงสร้าง ปัญหาและ แนวทาง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย 1. ลักษณะโครงสร้างทาง เศรษฐกิจของประเทศ ไทย 2. ผลของการพัฒนา เศรษฐกิจในประเทศ ไทย 3. ปัญหาเศรษฐกิจของ ประเทศไทย 4. แนวทางแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจของประเทศ ไทย 1. อธิบายลักษณะ โครงสร้างทาง เศรษฐกิจของ ประเทศไทยได้ 2. อธิบายผลของการ พัฒนาเศรษฐกิจใน ประเทศไทยได้ 3. บอกปัญหา เศรษฐกิจของ ประเทศไทยได้ 4. บอกแนวทางแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจของ ประเทศไทยได้ ความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นใน ตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที หมายเหตุ โครงการสอนและแผนการจัดการเรียนรู้นี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้กับครูเท่านั้น กิจกรรมการ เรียนการสอนที่เสนอมานี้เป็นเพียงตัวอย่าง อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพจริง


27 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณา การที่ 1 หน่วยที่ 1 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ปฐมนิเทศ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด เศรษฐศาสตร์เบื้องต้นเป็นศาสตร์ที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์ อุปสงค์และอุปทาน การผลิตและทฤษฎีการผลิต การบริโภคและพฤติกรรมผู้บริโภค ตลาดใน ระบบเศรษฐกิจ การกำหนดราคา การเงินและนโยบายการเงิน การคลังและนโยบายการคลัง รายได้ประชาชาติ ดุลการค้าและดุลการชำระเงิน ระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจ ลักษณะโครงสร้าง ปัญหาและแนว ทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย สาระการเรียนรู้ บทนำ การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยสู่การเป็นประชาคมอาเซียน 1. ความสำคัญของรายวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 2. จุดประสงค์รายวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 3. คำอธิบายรายวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 4. สาระการเรียนรู้รายวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 5. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 6. การวัดผลและการประเมินผล ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. อธิบายความสำคัญของรายวิชาเศรษฐศาสตร์ กับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเบื้องต้นได้ 2. บอกจุดประสงค์รายวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นได้ 3. บอกคำอธิบายรายวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้นได้ 4. บอกสาระการเรียนรู้รายวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นได้ 5. บอกผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและวิธีการวัดและประเมินผลได้ 4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน 2. ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-6 คน สมาชิกเลือกประธานกลุ่ม ประธานเลือกเลขานุการ 3. แต่ละกลุ่มรับใบงานเรื่อง วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นมีความสำคัญอย่างไร


28 4. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความ คิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายใน กลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 5. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียน 6. ครูสรุปเนื้อหาสาระของหัวข้อตามใบงานที่ผู้เรียนได้รับมอบหมาย 7. ครูให้ผู้เรียนจดบันทึก จุดประสงค์รายวิชา คำอธิบายรายวิชาเศรษฐศาสตร์ผู้บริโภค 8. ครูให้ผู้เรียนจดบันทึก สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 9. ครูแนะนำวิธีการวัดผลและประเมินผลรายวิชาเศรษฐศาสตร์ผู้บริโภค 10. ผู้เรียนซักถามปัญหาข้อสงสัย 11. ผู้เรียนตรวจการประเมินผล บันทึกคะแนนที่ได้ ส่งให้ครูตรวจสอบผลการประเมิน 12. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเก็บคะแนนไว้เปรียบเทียบผลการประเมินหลังเรียนในปลายภาค สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใส เฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน 3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ดูภาคผนวก ข) 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน/หลังเรียน 50 ข้อ 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียน ร่วมกันประเมิน (ดูภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียนไม่มีเกณฑ์ผ่าน เก็บคะแนนไว้เปรียบเทียบกับคะแนนที่ได้จาก การทดสอบหลังเรียน 3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


29 แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน/หลังเรียน คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดคือความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ ก. การศึกษาถึงวิธีใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ข. การศึกษาเกี่ยวกับการผลิตสินค้าและบริการ ค. การศึกษาเรื่องการเงิน การธนาคาร การลงทุน ง. ถูกทุกข้อ 2. เป้าหมายสูงสุดของเศรษฐศาสตร์คืออะไร ก. ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ข. ความได้เปรียบดุลการค้ากับต่างประเทศ ค. ความกินดีอยู่ดีของประชาชน ง. ความมั่นคงทางการเมือง 3. ข้อใดเป็นลักษณะของลัทธิพาณิชย์นิยม ก. การได้เปรียบดุลการค้าประเทศอื่น ข. การควบคุมกิจการต่างๆ โดยรัฐ ค. การให้เอกชนดำเนินการด้วยตนเอง ง. ถูกทุกข้อ 4. ใครคือบิดาทางเศรษฐศาสตร์ ก. อัลเฟรด มาร์แชล ข. จอห์น เมนาร์ด เคนส์ ค. จอห์น ล็อค ง. อดัม สมิธ 5. ข้อใดสัมพันธ์กัน ก. อัลเฟรด มาร์แชล-ลัทธิพาณิชย์นิยม ข. จอห์น เมนาร์ด เคนส์-เศรษฐศาสตร์จุลภาค ค. จอห์น ล็อค-ทฤษฎีการจ้างงาน ง. อดัม สมิธ-ความมั่งคั่งของชาติ 6. ข้อใดไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุปทาน ก. ค่าจ้างเพิ่ม ข. น้ำท่วมทั่วประเทศ ค. น้ำมันขึ้นราคา ง. ถูกทุกข้อ 7. ข้อใดคือกฎอุปทาน ก. เมื่อราคาสูงขึ้นผู้ผลิตจะผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ข. เมื่อราคาสูงขึ้นผู้ผลิตจะผลิตสินค้าน้อยลง ค. เมื่อราคาลดลงผู้ผลิตจะกระจายสินค้าเร็วขึ้น ง. ถูกทุกข้อ 8. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุปทานสินค้าในระบบตลาด ก. ความก้าวหน้าด้านการผลิต ข. การโฆษณา ค. ปัจจัยการผลิตเปลี่ยนแปลง ง. ถูกทุกข้อ 9. ปริมาณการผลิตจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ก. ราคาสินค้า ข. ความพอใจของผู้ผลิต ค. ลูกค้าประจำต้องการ ง. การเอาอย่างสินค้าตัวอื่น 10. ข้อใดคือวิธีการที่จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นได้ ก. ผลิตเพิ่มขึ้น ข. กักตุนสินค้า


30 ค. โ ฆ ษ ณ า ใ ห้ ม า ก ที่ สุ ด ง. ผลิตให้มีคุณภาพดีขึ้น 11. อัตราการใช้ปัจจัยการผลิตทดแทนกัน หมายถึง การที่หน่วยผลิตลดจำนวนปัจจัยการผลิตชนิดหนึ่งลงและ เพิ่มปัจจัยการผลิตอีกชนิดหนึ่งจำนวน 1 หน่วย เพื่อให้เกิดผลอย่างไร ก. การผลิตใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ข. การผลิตใช้ต้นทุนเท่ากัน ค. การผลิตได้ผลผลิตเท่าเดิม ง. การผลิตได้ผลผลิตมากที่สุด ใช้ข้อความนี้ตอบคำถามข้อ 12-16 หน่วยผลิตแห่งหนึ่งทำการผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งโดยใช้เงินลงทุน 1,000 บาท สำหรับซื้อปัจจัย การผลิต L และ K ทั้งนี้ราคาของปัจจัยการผลิต L และ K หน่วยละ 10 และ 20 บาท ตามลำดับ และลักษณะ การใช้ส่วนผสมระหว่างปัจจัยการผลิตทั้ง 2 ชนิด เป็นดังรูป 12. ณ จุด L1 มีค่าเท่าใด ก. 50 หน่วย ข. 100 หน่วย ค. 150 หน่วย ง. 200 หน่วย 13. ณ จุด L2 มีค่าเท่าใด ก. 50 หน่วย ข. 100 หน่วย ค. 150 หน่วย ง. 200 หน่วย 14. ณ จุด K1 มีค่าเท่าใด ก. 50 หน่วย ข. 100 หน่วย ค. 150 หน่วย ง. 200 หน่วย 15. ณ จุด B และ C หมายความว่าอย่างไร ก. ผลผลิตเท่ากับ ณ จุด A และต้นทุนในการผลิตน้อยกว่า ข. ผลผลิตเท่ากับ ณ จุด A แต่ต้นทุนในการผลิตมากกว่า ค. ผลผลิตและต้นทุนเท่ากับ ณ จุด A ง. ผลผลิต ณ จุด B มากกว่า จุด C 16. ข้อใดกล่าวถึงอรรถประโยชน์ได้ถูกต้อง ก. อรรถประโยชน์ไม่สามารถวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ ข. หน่วยวัดอรรถประโยชน์เรียกว่า ยูนิค ค. สินค้าชนิดเดียวกัน จำนวนเท่ากัน มีอรรถประโยชน์เท่ากันสำหรับผู้บริโภคแต่ละคน ปัจจยั L ปัจจยั K A B 0 5 C 2 E D IQ = 100


31 ง. อรรถประโยชน์มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความ ต้องการของผู้บริโภค 17. ข้อใดถูกต้อง ก. ผู้บริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์รวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดเมื่อบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข. ผู้บริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์เพิ่ม (MU) เพิ่มขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น ในอัตราที่ลดลง จนเป็นศูนย์ และติดลบ ค. อรรถประโยชน์เพิ่ม (MU) คือผลรวมของอรรถประโยชน์รวม (TU) ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง 18. เงื่อนไขดุลยภาพของผู้บริโภคตามทฤษฎีอรรถประโยชน์ กรณีสินค้าหลายชนิด คือข้อใด ก. Px MUx = Py MUy = Pn MUn ข. Px MUx = Pn MUn ค. Pn MUx = Px MUn ง. ถูกทุกข้อ 19. ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของเส้นความพอใจเท่ากัน ก. เป็นเส้นโค้งหรือเส้นตรงที่ทอดลงจากซ้ายไปขวา ข. เป็นเส้นโค้งเว้าออกจากจุดเริ่มต้น ค. เส้นความพอใจเท่ากันจะตัดกันไม่ได้ ง. เส้นความพอใจเท่ากันเป็นเส้นติดต่อกันโดยไม่ขาดช่วง 20. ข้อความใดที่ไม่ถูกต้อง ก. เส้นความพอใจเท่ากัน เป็นเส้นที่แสดงจำนวนต่างๆ ของสินค้า 2 ชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความ พอใจเท่ากัน ข. เส้นความพอใจเท่ากัน เป็นเส้นที่แสดงการเลือกบริโภคสินค้า 2 ชนิด ณ อัตราส่วนแตกต่างกันโดยได้รับ ความพอใจเท่ากัน ค. เส้นความพอใจเท่ากันที่ตัดกัน แสดงให้เห็นว่าสินค้าทั้ง 2 ชนิด ใช้ทดแทนกันไม่ได้เลย แต่จำเป็นต้อง ใช้ควบคู่กัน ง. เส้นความพอใจเท่ากันของผู้บริโภคคนหนึ่งๆ มีได้หลายเส้น แต่จะเป็นไปได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้เป็น สำคัญ


32 21. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของการตลาด ก. การเงิน ข. การคลัง ค. การป้องกันการเสี่ยงภัย ง. การขนส่ง 22. นักเศรษฐศาสตร์ได้แบ่งตลาดออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง ก. 2 ประเภท คือ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ และตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ ข. 2 ประเภท คือ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ และตลาดผูกขาด ค. 3 ประเภท ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ และตลาดผูกขาด ง. 3 ประเภท คือ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ และตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด 23. ข้อใดคือลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ก. สินค้ามีลักษณะและคุณภาพใกล้เคียงกันมาก ข. สินค้ามีลักษณะและคุณภาพแตกต่างกัน ค. มีการกีดกันไม่ให้ผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาทำการผลิตแข่งขัน ง. ผู้ผลิตและผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องมีความรอบรู้ในสภาพการณ์ของตลาด 24. ตัวอย่างตลาดในข้อใดที่อาจจัดได้ว่าเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ก. ตลาดนัดแรงงาน ข. ตลาดหลักทรัพย์ ค. ตลาดรถยนต์ ง. ตลาดผลผลิตทางการเกษตร 25. ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ถ้าผู้ผลิตรายหนึ่งขึ้นราคาสินค้า ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ก. ผู้ซื้อจะซื้อสินค้าของผู้ขายที่ขึ้นราคามากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี ข. ผู้ซื้อจะไม่ซื้อสินค้าของผู้ขายที่ขึ้นราคาและไปซื้อสินค้าของผู้ขายรายอื่นแทน ค. ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณขายของผู้ขายรายใดทั้งสิ้น ง. ผู้ขายในตลาดจะออกจากตลาดมากขึ้น 26. หน่วยผลิตทำการผลิต ณ จุด D จะเกิดอะไร ก. กำไรเกินปกติ ข. ขาดทุน ค. คุ้มทุน ง. หยุดการผลิต 27. เส้นอุปทานของหน่วยผลิต คืออะไร ก. เส้น AC เริ่มตั้งแต่จุด B ขึ้นไป ข. เส้น MC เริ่มตั้งแต่จุด C ขึ้นไป ค. เส้น MC เริ่มตั้งแต่จุด D ขึ้นไป ง. เส้น AVC เริ่มตั้งแต่จุด D ขึ้นไป 28. Price Taker หมายถึงอะไร ก. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์กำหนดราคาและปริมาณขายสินค้าของตนเองได้ ข. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ต้องขายสินค้าของตนเองตามราคาตลาด ค. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดผูกขาดแท้จริงกำหนดราคาขายสินค้าของตนเองได้ ง. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดผูกขาดแท้จริงกำหนดปริมาณขายสินค้าของตนเองได้


33 29. Price Maker หมายถึงอะไร ก. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์กำหนดราคาและปริมาณขายสินค้าของตนเองได้ ข. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ต้องขายสินค้าของตนเองตามราคาตลาด ค. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดผูกขาดแท้จริงกำหนดราคาขายสินค้าของตนเองได้ ง. ผู้ขายแต่ละรายในตลาดผูกขาดแท้จริงกำหนดปริมาณขายสินค้าของตนเองได้ 30. เส้นอุปสงค์ของตลาดผู้ขายน้อยรายเป็นเส้นอุปสงค์หัก (Kinked Demand) เพราะเหตุใด ก. การแข่งขันด้านการโฆษณาอย่างรุนแรง ข. การลอกเลียนแบบคุณภาพและการจำหน่ายสินค้า ค. การโต้ตอบด้านราคาจนเกิดสงครามราคา ง. การลักลอบขายสินค้าในตลาดมืด 31. ข้อใดถูกต้อง ก. รายได้เข้าประเทศมากที่สุดคือการส่งสินค้าออก ข. เงินสดสำรองตามกฎหมายคือเงินภาษีที่เก็บไว้สำรองยามฉุกเฉิน ค. การเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนึ่ง ง. พันธบัตรรัฐบาลเป็นเอกสารทางการเงินที่ออกโดยธนาคารออมสิน 32. วัฏจักรเศรษฐกิจเกิดขึ้นเนื่องจาก ก. ขาดการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ดี ข. สภาพทางการเมืองไม่มั่นคง ค. การคาดคะเนภาวะตลาดในอนาคต ง. เป็นประเทศด้อยพัฒนา 33. ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของตลาดเงิน ก. ระดมเงินออม ข. จัดสรรเงินทุน ค. การจัดเก็บภาษีเป็นธรรม ง. รักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 34. นโยบายการเงินของธนาคารกลางแบบใดมีผลกระทบต่อนโยบายการเงินของประเทศไทยมาก ก. เพิ่มอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมาย ข. นำพันธบัตรออกขายต่อประชาชน ค. ซื้อพันธบัตรจากประชาชน ง. ลดอัตรารับช่วงซื้อลดตั๋ว 35. ข้อใดไม่ใช่เป้าหมายของการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศไทย ก. เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้า ข. เพื่อรักษาอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ค. เพื่อสร้างความเข้มแข็งของสถาบันการเงิน ง. เพื่อช่วยภาคเอกชนใช้หนี้เงินกู้ต่างประเทศ 36. กระทรวงใดมีหน้าที่เก็บภาษี ก. กระทรวงพาณิชย์ ข. กระทรวงการคลัง ค. กระทรวงยุติธรรม ง. กระทรวงมหาดไทย


34 37. ปีงบประมาณของไทย คือช่วงใด ก. 1 ม.ค.–31 ธ.ค. ข. 1 พ.ค.– 30 เม.ย. ค. 1 ต.ค.–30 ก.ย. ง. ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล 38. งบประมาณแผ่นดินมีความสำคัญอย่างไร ก. เป็นเครื่องมือในการวางแผนหารายได้และการใช้จ่ายเงิน ข. เป็นแผนงานดำเนินการพัฒนาด้านการลงทุน ค. เป็นแผนงานปฏิบัติงานบริหารประเทศ ง. เป็นนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ 39. ข้อใดคือรายได้หลักของประเทศไทย ก. การจัดเก็บภาษี ข. การค้า ค. การลงทุน ง. ค่าธรรมเนียมและสัมปทานต่างๆ 40. ข้อใดเป็นวิธีการจัดเก็บภาษีแบบอัตราคงที่ ก. รายได้มากเก็บมาก ข. รายได้มากเก็บน้อย ค. รายได้มากหรือน้อยเก็บเท่าเดิม ง. เก็บตามกลุ่มอาชีพในอัตราคงเดิม 41. นาย ก ซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาไปสีเป็นข้าวสารแล้วนำไปแจกชุมชนแออัด อยากทราบว่าข้าวที่นาย ก นำไปแจกเป็นสินค้าในข้อใด ก สินค้าขั้นต้น ข. สินค้าขั้นกลาง ค. สินค้าขั้นสุดท้าย ง. สินค้าเสรี 42. รายได้ประชาชาติของประเทศ ก สูงกว่ารายได้ประชาชาติของประเทศ ข หมายความว่าอะไร ก. ประเทศ ก รวยกว่าประเทศ ข ข. ประชาชนในประเทศ ก มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าประชาชนในประเทศ ข ค. ประชาชนในประเทศ ก มีความสุขกว่าประชาชนในประเทศ ข ง. ไม่สามารถบอกได้ว่าประเทศ ก มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าประเทศ ข 43. ท่านจะเปรียบเทียบสวัสดิการทางเศรษฐกิจของประชาชนระหว่างสองประเทศได้อย่างไร ก. โดยการเปรียบเทียบ GNP ข. โดยการเปรียบเทียบรายได้ประชาชาติ ค. โดยการเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มของ GNP ง. โดยการเปรียบเทียบรายได้เฉลี่ยต่อบุคคล 44. ข้อแตกต่างระหว่าง GDP และ GNP คือข้อใด ก. GDP รวมรายได้สุทธิจากต่างประเทศ ข. GNP รวมรายได้สุทธิจากต่างประเทศ ค. GDP รวมรายได้ของประชาชนที่ไปทำงานต่างประเทศ ง. GNP รวมรายได้ของต่างชาติที่มาทำงานในประเทศ 45. ข้อใดเป็นข้อจำกัดในการใช้ข้อมูลรายได้ประชาชาติ ก. รายได้ประชาชาติไม่รวมสินค้าและบริการที่ไม่ผ่านตลาด ข. การนับสินค้าขั้นกลางรวมในรายได้ประชาชาติ ค. การตีราคาค่าเสื่อมที่แตกต่างกัน ง. ถูกทุกข้อ


35 46. สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของไทย คือ ก. เคมีภัณฑ์ ข. เหล็กกล้า ค. แผงวงจรไฟฟ้า ง. ก๊าซธรรมชาติ 47. กลุ่มสินค้านำเข้ากลุ่มใหญ่ของประเทศไทย คือ ก. ยานพาหนะ ข. เชื้อเพลิง ค. อุปโภคบริโภค ง. วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 48. ข้อใดไม่ใช่ประเทศที่ไทยส่งสินค้าออกไปมาก ก. อินเดีย ข. สหรัฐอเมริกา ค. ญี่ปุ่น ง. สหภาพยุโรป 49. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของดุลบัญชีเดินสะพัด ก. มูลค่าการส่งออก ข. มูลค่าการนำเข้า ค. มูลค่าบริการ ง. มูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศ 50. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ถ้าคนไทยไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากจะทำให้ขาดดุลการค้า ข. ถ้าคนไทยใช้ของไทยจะทำให้ดุลการค้าดีขึ้น ค. ถ้ามีต่างชาติมาซื้อหุ้นไทยมากจะได้เปรียบดุลบริการ ง. ดุลการชำระเงินประกอบด้วยดุลการค้าและดุลบริการ 51. ประเทศไทยเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกเมื่อใด ก. พ.ศ. 2500 ข. พ.ศ. 2502 ค. พ.ศ. 2504 ง. พ.ศ. 2506 52. แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับใดที่มีระยะเวลาดำเนินการยาวนานที่สุด ก. 1 ข. 3 ค. 5 ง. 7 53. ข้อใดคือปัญหาสำคัญที่ทุกแผนฯ ได้ดำเนินการมาตลอดแต่ยังไม่บรรลุผล ก. การกระจายรายได้ ข. การขยายการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ค. การขยายตัวด้านการส่งออก ง. การกระจายโอกาสทางการศึกษา 54. ข้อใดหมายถึงทุนในทางเศรษฐกิจ ก. ประชากร ข. ทรัพยากร ค. วัตถุดิบ ง. เครื่องจักร 55. ข้อใดคือปัจจัยสำคัญที่สุดของการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ก. คุณภาพประชากร ข. ปริมาณทรัพยากร ค. ปริมาณการลงทุน ง. รายได้ของประเทศ


36 56. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเศรษฐกิจแบบทวิลักษณ์ ก. มีภาคเมืองและภาคชนบท ข. มีภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม ค. มีภาคอุตสาหกรรมและภาคค้าและบริการ ง. มีภาคที่ใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมและภาคที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ 57. ข้อใดไม่ใช่การพึ่งพาการเงินระหว่างประเทศของไทย ก. การลงทุนโดยตรง ข. การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ค. การกู้จากต่างประเทศ ง. การค้ำประกันเงินกู้ 58. ข้อใดคือลักษณะโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา ก. อัตราการขยายตัวด้านการลงทุนมีเสถียรภาพ ข. รายได้เฉลี่ยต่อประชากรต่ำ ค. อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ง. ส่งสินค้าออกได้มากขึ้นเรื่อยๆ 59. ข้อใดกล่าวถึงผลของการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงแผนฯ 1-7 ได้ถูกต้อง ก. ประเทศไทยไม่ประสบความสำเร็จด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ข. สัดส่วนของคนยากจนเพิ่มขึ้น ค. รายได้เฉลี่ยต่อคนลดลง ง. ปัญหาความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ 60. ข้อใดไม่ใช่ผลของการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงแผนฯ 8 ก. ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ ข. ปัญหาหนี้สาธารณะ ค. ปัญหาในภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์ ง. จำนวนคนยากจนลดลง เฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อน/หลังเรียน 1 ง. 11 ค. 21 ข. 31 ง. 41 ค. 2 ค. 12 ข. 22 ก. 32 ค. 42 ง. 3 ก. 13 ก. 23 ก. 33 ค. 43 ง. 4 ง. 14 ก. 24 ง. 34 ก. 44 ข. 5 ง. 15 ข. 25 ข. 35 ง. 45 ง. 6 ง. 16 ง. 26 ง. 36 ข. 46 ค. 7 ก. 17 ข. 27 ค. 37 ค. 47 ง. 8 ง. 18 ก. 28 ข. 38 ก. 48 ก. 9 ก. 19 ข. 29 ข. 39 ก. 49 ง. 10 ข. 20 ค. 30 ค. 40 ค. 50 ข.


37 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 2 หน่วยที่ 1 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด มนุษย์ทุกคนต้องการมีชีวิตที่ดีที่สุด จึงต่างแสวงหาและมีความต้องการในสินค้าและบริการอย่าง ไม่มี ที่สิ้นสุด ในขณะที่ปริมาณของทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด บางครั้งจึงเกิดการขาดแคลนขึ้น ด้วยเหตุนี้วิชา เศรษฐศาสตร์จึงเกิดขึ้น เพื่อศึกษาหาวิธีที่จะจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ให้สามารถสนองตอบต่อความ ต้องการของมนุษย์และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย ความเป็นมา และความสำคัญของเศรษฐศาสตร์ 2. ประเภทของวิชาเศรษฐศาสตร์ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมาย ความเป็นมา และความสำคัญของเศรษฐศาสตร์ได้ 2. บอกประเภทของวิชาเศรษฐศาสตร์ได้ 3. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความหมาย ความเป็นมา และความสำคัญ ของเศรษฐศาสตร์ พร้อมยกตัวอย่าง 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ขั้นสอน 3. ครูอธิบายประเทภของวิชาเศรษฐศาสตร์ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สาขาวิชา คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค เศรษฐศาสตร์มหภาค 4. แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็น 5 กลุ่ม สมาชิกในกลุ่มเลือกประธานกลุ่ม ประธานเลือกเลขานุการ 5. ให้แต่ละกลุ่มหาข่าวสารทางเศรษฐกิจที่เป็นเศรษฐกิจ มหภาค (Macroeconomic) และเศรษฐกิจ จุลภาค (Microeconomics) มากลุ่มละ 1 ชิ้นต่อประเภทข่าว แล้วนำมาสรุปเพื่ออภิปรายหน้า ชั้นเรียนว่า เพราะเหตุผลใดจึงเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจมหภาคหรือจุลภาคและได้ประโยชน์อะไรจาก ข่าวสารนั้นๆ โดยให้หาข่าวสารจากอินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจธุรกิจและข่าววิทยุ โทรทัศน์ 6. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป


38 7. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดง ความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียน 8. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จ เรียบร้อยแล้ว 9. ครูเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุปและการประยุกต์ 10. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 11. ครูตอบข้อสงสัย 12. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 13. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 14. กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 15. ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป


39 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


40 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 3 หน่วยที่ 1 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด มนุษย์ทุกคนต้องการมีชีวิตที่ดีที่สุด จึงต่างแสวงหาและมีความต้องการในสินค้าและบริการอย่าง ไม่มี ที่สิ้นสุด ในขณะที่ปริมาณของทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด บางครั้งจึงเกิดการขาดแคลนขึ้น ด้วยเหตุนี้วิชา เศรษฐศาสตร์จึงเกิดขึ้น เพื่อศึกษาหาวิธีที่จะจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ให้สามารถสนองตอบต่อความ ต้องการของมนุษย์และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด สาระการเรียนรู้ 3. หน่วยเศรษฐกิจและปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ 4. ความแตกต่างระหว่างเศรษฐศาสตร์กับบริหารธุรกิจ 5. ประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 3. อธิบายลักษณะของหน่วยเศรษฐกิจและสรุปปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้ 4. บอกความแตกต่างระหว่างเศรษฐศาสตร์กับบริหารธุรกิจได้ 5. อธิบายประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์ได้ 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนยกตัวอย่าง หน่วยเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ผู้บริโภค หน่วยธุรกิจ เจ้าของปัจจัยการผลิต รัฐบาล 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ขั้นสอน 3. ครูอธิบายปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ผลิตอะไร จำนวนเท่าใด ผลิตอย่างไร ผลิตเพื่อ ใคร 4. ครูอธิบายความแตกต่างระหว่างเศรษฐศาสตร์กับบริหารธุรกิจทั้งในแง่แนวคิด หลักการ และการ นำไปใช้ประโยชน์ 5. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม สมาชิกในกลุ่มเลือกประธานกลุ่ม ประธานเลือกเลขานุการ 6. ให้แต่ละกลุ่มพิจารณาต้นทุนค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน การจัดทำโครงการสร้างไฟฟ้าจากถ่านหิน ว่ามีอะไรบ้าง จากสถานะของตนที่เป็นภาครัฐและธุรกิจเอกชน


41 กลุ่มที่ 1 นักวิชาการจากภาครัฐ กลุ่มที่ 2 นักวิชาการจากบริษัทสร้างโรงไฟฟ้า โดยหาข้อมูลข่าวสารจากโรงไฟฟ้าบ่อนอก-หินกรูด (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน ลิกไนต์ (จังหวัดลำปาง) จากอินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจธุรกิจ และข่าววิทยุโทรทัศน์ และ นำผลการศึกษามาสรุปอภิปรายหน้าชั้นเรียน 7. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 8. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียน 9. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 10.ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 11.ครูสรุปความหมาย ความเป็นมา และความสำคัญของเศรษฐศาสตร์ ประเภทของวิชาเศรษฐศาสตร์ หน่วยเศรษฐกิจและปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ความแตกต่างระหว่างเศรษฐศาสตร์กับบริหารธุรกิจ ประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์ 12.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 13.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 14.ครูตอบข้อสงสัย 15.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 16.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 17.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 18.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์


42 เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


43 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 4 หน่วยที่ 2 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย อุปสงค์และอุปทาน จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด มนุษย์ทุกคนในสังคมมีความต้องการที่จะบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยกันทั้งสิ้นด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตจึงต้องผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์ความต้องการซื้อของ ผู้บริโภคเรียกว่า อุปสงค์ ส่วนความต้องการที่จะนำสินค้าออกมาจำหน่ายของผู้ผลิตเรียกว่า อุปทาน ซึ่งทั้ง อุปสงค์และอุปทานนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ อยู่เสมอ เช่น รายได้ของผู้บริโภค ราคา ปัจจัยการ ผลิต เป็นต้น และตลาดสามารถปรับตัวเข้าสู่สมดุลได้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและประเภทของอุปสงค์ 2. ลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของเส้นอุปสงค์ 3. ความหมายและประเภทของอุปทาน 4. ลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของเส้นอุปทาน ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายของอุปสงค์และอุปทานได้ 2. สรุปประเภทของอุปสงค์และอุปทานได้ 3. บอกลักษณะของเส้นอุปสงค์และอุปทานได้ 4. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของเส้นอุปสงค์และอุปทานได้ 5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและประเภทของอุปสงค์ 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ขั้นสอน 3. ครูอธิบายถึงอุปสงค์ หมายถึง ความต้องการของประชาชนที่จะซื้อสินค้าและบริการในราคาที่ กำหนดและสามารถซื้อสินค้าและบริการนั้นๆ ได้ 4. ให้ผู้เรียนยกตัวอย่างอุปสงค์หรือความต้องการของบุคคล ให้เพื่อนร่วมชั้นเห็นความชัดเจนมาก ยิ่งขึ้น


44 5. ครูอธิบายประเภทของอุปสงค์ในสินค้า และบริการโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ อุปสงค์แต่ละบุคคล และอุปสงค์รวม 6. ครูอธิบายลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของเส้นอุปสงค์ พร้อมยกตัวอย่างให้ผู้เรียนเห็นภาพมากยิ่ง นอกเหนือจากหนังสือเรียน 7. ครูอธิบายถึงอุปทาน หมายถึง ปริมาณของสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตหรือผู้ขายนำออกมาขายใน ตลาดตามราคาที่กำหนด 8. ให้ผู้เรียนยกตัวอย่างอุปทาน และร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยมีครูคอยให้คำแนะนำ 9. ครูอธิบายประเภทของอุปทานสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อุปทานแต่ละบุคคล และ อุปทาน รวม 10.ครูอธิบายลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของเส้นอุปทาน พร้อมยกตัวอย่างให้ผู้เรียนเห็นภาพมากยิ่ง นอกเหนือจากหนังสือเรียน ขั้นสรุปและการประยุกต์ 12. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 13. ครูตอบข้อสงสัย 14. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 15. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 16. กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 17. ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์


45 เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


46 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณา การที่ 5 หน่วยที่ 2 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย อุปสงค์และอุปทาน จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด มนุษย์ทุกคนในสังคมมีความต้องการที่จะบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตจึงต้องผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์ความต้องการซื้อของ ผู้บริโภคเรียกว่า อุปสงค์ ส่วนความต้องการที่จะนำสินค้าออกมาจำหน่ายของผู้ผลิตเรียกว่า อุปทาน ซึ่งทั้ง อุปสงค์และอุปทานนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ อยู่เสมอ เช่น รายได้ของผู้บริโภค ราคา ปัจจัยการ ผลิต เป็นต้น และตลาดสามารถปรับตัวเข้าสู่สมดุลได้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน สาระการเรียนรู้ 5. ดุลยภาพของตลาด ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 5. เข้าใจการเกิดดุลยภาพของตลาด 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแสดงความคิดของดุลยภาพของตลาด ทั้งอุปสงค์และอุปทานต่างก็มีความสัมพันธ์กัน คือ ขึ้นอยู่กับราคาของสินค้า ดังนั้น ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการซื้อและผู้ขายต้องการขาย จะ ปรับตัวไปตามระดับราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัยมากยิ่งขึ้น ขั้นสอน 3. ให้ผู้เรียนสร้างเส้นอุปทานพร้อมอธิบายลักษณะตลาดที่เกิดขึ้น จากตารางที่ให้มาด้านล่าง ราคา/ บาท ปริมาณการขายเนื้อหมูของแต่ละ คน/กก. รวม A B C 25 50 75 100 125 150 1 2 4 6 8 10 0 1 3 5 7 9 1 2 3 4 5 6 …………… …………… …………… …………… …………… ……………


47 4. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม สมาชิก ในกลุ่มเลือกประธานกลุ่ม ประธานเลือกเลขานุการ 5. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อสำรวจข้อมูลในท้องถิ่นว่า ปัจจัยใดมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ของอุปสงค์และอุปทานของสินค้าเหล่านี้ กลุ่มที่ 1 เครื่องสำอาง กลุ่มที่ 2 เสื้อผ้าสำเร็จรูป กลุ่มที่ 3 ผลไม้กระป๋อง กลุ่มที่ 4 รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) 6. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 7. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 8. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 9. ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 10.ครูสรุปความหมาย ความหมายและประเภทของอุปสงค์ ลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของเส้นอุป สงค์ความหมายและประเภทของอุปทาน ลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของเส้นอุปทาน ดุลย ภาพของตลาด 11.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 12. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 13. ครูตอบข้อสงสัย 14. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 15. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 16. กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 18. ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์


48 เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


49 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 6 หน่วยที่ 3 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด จากการศึกษาเรื่องอุปสงค์และอุปทานทำให้ทราบว่าเมื่อราคาสินค้าและบริการ และปัจจัยอื่นๆ ที่ กำหนดอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลงไปจะทำให้ปริมาณเสนอซื้อหรือปริมาณเสนอขายเปลี่ยนแปลงไป การ พิจารณาสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเสนอซื้อหรือปริมาณเสนอขายที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ของราคาสินค้าและปัจจัยอื่นๆ เช่น ปริมาณเสนอซื้อจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด ถ้าราคาสินค้าเปลี่ยนแปลง หรือ ถ้าผู้บริโภคมีรายไดเพิ่มขึ้นจะทำให้ปริมาณเสนอซื้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น ค่าที่คำนวณได้ของสัดส่วน การเปลี่ยนแปลงของปริมาณเสนอซื้อหรือปริมาณเสนอขายที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและ ปัจจัยอื่นๆ คือ ค่าความยืดหยุ่น โดยทั่วไปค่าความยืดหยุ่นจะวัดเป็นสัดส่วนร้อยละ ค่าความยืดหยุ่นสามารถ นำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย อาทิรัฐบาลใช้ค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาสินค้าส่งออกของประเทศ เพื่อกำหนดนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเก็บภาษีอากร หน่วยผลิตใช้ค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา เพื่อกำหนดราคาสินค้า เป็นต้น สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของความยืดหยุ่น 2. ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ 3. ค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา และลักษณะของเส้นอุปสงค์ 4. ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา 5. ความยืดหยุ่นของอุปทาน 6. ค่าความยืดหยุ่นของอุปทาน และลักษณะของเส้นอุปทาน 7. ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปทาน 8. ประโยชน์จากการศึกษาเรื่องความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายของความยืดหยุ่นได้ 2. บอกความยืดหยุ่นของอุปสงค์ได้ 3. ระบุค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา และอธิบายลักษณะของเส้นอุปสงค์ได้ 4. ระบุปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาได้ 5. บอกความยืดหยุ่นของอุปทานได้ 6. ระบุค่าความยืดหยุ่นของอุปทาน และอธิบายลักษณะของเส้นอุปทานได้ 7. ระบุปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปทานได้ 8. บอกประโยชน์จากการศึกษาเรื่องความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทานได้


50 กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา ต่อรายได้ และต่อ ราคาสินค้าชนิดอื่นหรือความยืดหยุ่นไขว้ 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัยมากยิ่งขึ้น ขั้นสอน 3. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม สมาชิกในกลุ่มเลือกประธานกลุ่ม ประธานเลือกเลขานุการ 4. ให้แต่ละกลุ่มไปศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่น 1) ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา 2) ความยืดหยุ่นของอุปทาน 5. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 6. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 7. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 8. ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 9. ครูสรุปความหมายและลักษณะการผลิต ปัจจัยการผลิต ทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น ทฤษฎีการ ผลิตในระยะยาว ดุลยภาพการผลิต 10. ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 11. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 12. ครูตอบข้อสงสัย 13. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 14. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 15. กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 16. ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้


51 การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 3 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 3 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 3 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


52 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 7 หน่วยที่ 4 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย การผลิตและทฤษฏีการผลิต จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด การผลิตเป็นกระบวนการแปรรูปปัจจัยการผลิตให้เป็นผลผลิต ในการศึกษาทฤษฎีการผลิตจำเป็นต้อง ทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของปัจจัยการผลิตกับผลผลิตด้วย สำหรับทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น จะศึกษา ถึงการใช้ปัจจัยการผลิต ทั้งปัจจัยคงที่และปัจจัยแปรผัน กฎว่าด้วยการใช้ปัจจัยการผลิตที่มีสัดส่วนไม่คงที่ (Law of Variable Proportion) ลักษณะและความสัมพันธ์ของผลผลิตแบบต่างๆ ตลอดจนการแบ่งช่วงการ ผลิต ส่วนทฤษฎีการผลิตในระยะยาว จะศึกษาถึงการผลิตที่ใช้ปัจจัยแปรผันตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป และศึกษาถึง ลักษณะของเส้นผลผลิตเท่ากัน (Isoquant Curve) และเส้นต้นทุนเท่ากัน (Isocost Curve) รวมทั้งศึกษาดุลย ภาพการผลิต ณ จุดที่เส้นผลผลิตเท่ากันสัมผัสกับเส้นต้นทุนเท่ากัน สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและลักษณะการผลิต 2. ปัจจัยการผลิต 3. ทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น 4. ทฤษฎีการผลิตในระยะยาว 5. ดุลยภาพการผลิต ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. อธิบายความหมายและลักษณะการผลิตได้ 2. บอกประเภทปัจจัยการผลิตที่ใช้ในกระบวนการผลิตได้ 3. อธิบายทฤษฎีการผลิตในระยะสั้นได้ 4. อธิบายทฤษฎีการผลิตในระยะยาวได้ 5. อธิบายดุลภาพการผลิตได้ 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที


53 กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและลักษณะการผลิต 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม การผลิต หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือแปรรูปปัจจัยการ ผลิต (Inputs) ให้เป็นผลผลิต (Output) ซึ่งได้แก่ สินค้าและบริการต่างๆ จึงอาจกล่าวได้ว่า การ ผลิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่ก่อให้เกิดการใช้ปัจจัยการผลิตและก่อให้เกิดสินค้าและบริการต่างๆ ขึ้นในระบบ เศรษฐกิจ ขั้นสอน 3. ครูอธิบายฟังก์ชันการผลิต คือ การแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการผลิตต่างๆ (Inputs) และ จำนวนผลผลิต (Output) ที่เกิดจากปัจจัยการผลิตนั้นๆ ซึ่งเขียนเป็นสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ 4. ครูอธิบายปัจจัยการผลิต หมายถึง องค์ประกอบที่ใช้ผลิตสินค้าและบริการ โดยผ่านกระบวนการผลิต ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์แบ่งปัจจัยการผลิตเป็น 4 ประเภทคือ ที่ดิน ทุน แรงงาน ผู้ประกอบการ 5. ครูอธิบายทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น ว่าด้วย “กฎการใช้ปัจจัยการผลิตที่มีสัดส่วนไม่คงที่” (Law of Variable Proportions) กฎนี้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของปริมาณผลผลิตรวมที่ได้จากการเพิ่ม ปัจจัยแปรผันชนิดหนึ่งทีละหน่วย เพื่อทำงานร่วมกับปัจจัยคงที่ โดยมีข้อสมมติว่าปัจจัยการผลิต อื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาในการผลิต 6. ให้ผู้เรียนยกตัวอย่างทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น ซึ่งต้องไม่มีในหนังสือเรียน 7. ครูอธิบายทฤษฎีการผลิตในระยะยาว เป็นการวิเคราะห์การผลิตที่ใช้ปัจจัยการผลิตตั้งแต่ 2 ชนิด ขึ้นไปในสัดส่วนคงที่ และปัจจัยการผลิตที่ใช้จะเป็นปัจจัยแปรผันเพียงอย่างเดียว ซึ่งในการ วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ผลิตนี้จะอาศัยหลักการของเส้นผลผลิตเท่ากัน (Isoquant Curve) และ เส้นต้นทุนเท่ากัน (Isocost Curve) มาอธิบายเพื่อให้ทราบถึงส่วนผสมของปัจจัยการผลิตที่เสีย ต้นทุนต่ำที่สุด 8. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 5-6 คน สมาชิกในกลุ่มเลือกประธานกลุ่ม ประธานเลือก เลขานุการ 9. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มไปศึกษาลักษณะการผลิตสินค้าและบริการในสถานการณ์จริงว่า การผลิต สินค้าและบริการชนิดนั้นๆ เป็นการผลิตในระยะสั้นหรือระยะยาว โดยแสดงเหตุผลประกอบและ สรุปนำเสนอในรูปรายงาน) 10. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายใน กลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 11. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 12. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 13. ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 14. ครูสรุปความหมายและลักษณะการผลิต ปัจจัยการผลิต ทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น ทฤษฎีการ ผลิตในระยะยาว ดุลยภาพการผลิต


54 ขั้นสรุปและการประยุกต์ 16. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 17. ครูตอบข้อสงสัย 18. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 19. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 20. กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 21. ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


55 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 8 หน่วยที่ 5 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย การบริโภคและพฤติกรรมผู้บริโภค จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด มนุษย์ทุกคนต้องการสินค้าและบริการเพื่อสนองหรือบำบัดความต้องการของตนเอง ดังนั้น การบริโภค มีความสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการบริโภคจะก่อให้เกิดการ ขยายตัวด้านการผลิต เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตามมา มากมาย อันจะทำให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความอยู่ดี กินดีให้เกิดขึ้นในสังคม สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและความสำคัญของการบริโภค 2. ลักษณะทั่วไปของผู้บริโภค 3. ปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคและผลของการบริโภค 4. ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายและความสำคัญของการบริโภคได้ 2. อธิบายลักษณะทั่วไปของผู้บริโภคได้ 3. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคและผลของการบริโภคได้ 4. อธิบายทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภคได้ 5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและความสำคัญของการผลิต 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม การบริโภค (Consumption) หมายถึง การใช้ประโยชน์จากสินค้า และบริการ เพื่อสนองหรือบำบัดความต้องการของตนเอง และเพื่อนำมาเป็นปัจจัยในการผลิต สินค้าและบริการประเภทอื่นๆ อันจะสนองความต้องการให้มากยิ่งขึ้น ขั้นสอน 3. ครูอธิบายลักษณะทั่วไปของผู้ผลิต มักจะมีกฎเกณฑ์และข้อสมมติฐานในเรื่องการเลือกซื้อสินค้า และบริการ งบประมาณของผู้บริโภค ประโยชน์ส่วนเพิ่ม สิ้นค้าต่างชนิดกัน 4. ให้ผู้เรียนศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคและผลของการบริโภค ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ประการ คือ รายได้ของผู้บริโภค ราคาของสินค้าและบริการ รสนิยมของผู้บริโภค การโฆษณาและ


56 การส่งเสริมการขาย การเอาอย่างกัน หรือการเลือนแบบในการบริโภค การให้ สินเชื่อหรือให้เครดิตแก่ผู้บริโภค และนำมาอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน 5. ครูอธิบายทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค ความพอใจตามแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์จะมี 2 แนวคิด คือ ทฤษฎีอรรถประโยชน์ และทฤษฎีเส้นความพอใจเท่ากัน 6. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม จำนวน 3 กลุ่ม ไปศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดถึง เหตุผลในการตัดสินใจบริโภคสินค้าขายปลีกสำหรับกิจการธุรกิจ ดังนี้ • ร้านค้าในชุมชนหรือร้านโชวห่วย • ร้านสะดวกซื้อหรือคอนเวเนี่ยนสโตร์ (เซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท) • ร้านค้าปลีกรายใหญ่ (คาร์ฟูร์ แม็คโคร เทสโก้โลตัส) และสรุปเป็นรายงานเสนอ 7. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 5-6 คน ไปศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมเลียนแบบหรือเอาอย่างใน การบริโภคของประชาชน เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือ การบริโภคสินค้าต่างประเทศ เป็นต้น ว่า เกิดผลดีหรือผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไรบ้างและสรุปเป็นรายงานเสนอ 8. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 9. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 10.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 11.ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 12.ครูสรุปความหมายและลักษณะการผลิต ปัจจัยการผลิต ทฤษฎีการผลิตในระยะสั้น ทฤษฎีการ ผลิตในระยะยาว ดุลยภาพการผลิต 13.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 14.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 15.ครูตอบข้อสงสัย 16.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 17.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 18.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 19.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป


57 สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


58 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 9 หน่วยที่ 6 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ตลาดในระบบเศรษฐกิจ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือระบบเศรษฐกิจแบบผสมนั้น การผลิต การจำแนก แจกจ่าย และ การบริโภคส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเอกชน ทั้งในรูปคนเดียวเป็นเจ้าของ หรือบริษัทจำกัด หรือรัฐวิสาหกิจเป็น ผู้ดำเนินการตามกลไกตลาด (Market Mechanism) หรือกลไกราคา (Price Mechanism) เพื่อนำสินค้าและ บริการไปสู่ผู้บริโภค โดยอาศัยการตลาด (Marketing) ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและ ผู้บริโภค ช่วย กระจายสินค้าและบริการจากแหล่งผลิตสู่มือผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมีสินค้าและบริการมาบำบัดความต้องการ ได้อย่างทั่วถึง ตลาดในระบบเศรษฐกิจเสรีนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากสินค้าและบริการจะต้องผ่าน ตลาด ซึ่งจะทำให้การคำนวณรายได้ประชาชาติของประเทศเป็นไปอย่างถูกต้อง อีกด้วย ต่างจากระบบสังคม นิยมที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการแบ่งปันสินค้าและบริการแก่ประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตลาด สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและความสำคัญของตลาด 2. คนกลางและองค์ประกอบของตลาด 3. ประเภทของตลาด ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายและความสำคัญของตลาดได้ 2. บอกประเภทของคนกลางและองค์ประกอบของตลาดได้ 3. บอกประเภทของตลาดได้ 4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและความสำคัญของตลาด 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ตลาด หมายถึง สถานที่ใดที่หนึ่งซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดผลไม้ที่มหานาค ตลาดผักที่ ปากคลองตลาด


59 ขั้นสอน 3. ครูอธิบายคนกลางและองค์ประกอบของตลาด คนกลางของตลาด หมายถึง สื่อกลางเชื่อมโยง ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยนำสินค้าจากแหล่งผลิตไปสู่มือผู้บริโภค คนกลางของตลาดมีทั้งคน สถาบัน และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ 4. ครูอธิบายการแบ่งประเภทของตลาดแบ่งได้หลายลักษณะ แล้วแต่ว่าผู้แบ่งจะมีจุดประสงค์หรือ ต้องการศึกษาประเภทตลาดตามลักษณะการดำเนินงานของผู้ขาย ตลาดตามลักษณะของสินค้าที่ ผลิต ตลาดตามชนิดของสินค้า ตลาดตามลักษณะอาณาเขตของประเทศ ตลาดตามลักษณะเพศ ตลาดตามลักษณะอายุ ตลาดตามลักษณะรายได้ ตลาดตามลักษณะของเวลา 5. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 10 คน ไปเลือกสินค้าที่มีลักษณะการขายตรงหลายชั้น (MLM) แล้ววิเคราะห์ว่าการตลาดหรือช่องทางการจำแนกแจกจ่ายลักษณะนี้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ ต่อใครบ้าง และมีใครที่สูญเสียผลประโยชน์จากการมี MLM 6. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 7. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 8. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 9. ครูเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุปและการประยุกต์ 10.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 11.ครูตอบข้อสงสัย 12.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 13.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 14.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 15.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้


60 การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


Click to View FlipBook Version