The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
20204-2005

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ณิชมน เหล่าเมฆ, 2023-02-09 10:06:37

แผนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น

แผนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
20204-2005

61 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 10 หน่วยที่ 6 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ตลาดในระบบเศรษฐกิจ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือระบบเศรษฐกิจแบบผสมนั้น การผลิต การจำแนก แจกจ่าย และ การบริโภคส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเอกชน ทั้งในรูปคนเดียวเป็นเจ้าของ หรือบริษัทจำกัด หรือรัฐวิสาหกิจเป็น ผู้ดำเนินการตามกลไกตลาด (Market Mechanism) หรือกลไกราคา (Price Mechanism) เพื่อนำสินค้าและ บริการไปสู่ผู้บริโภค โดยอาศัยการตลาด (Marketing) ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและ ผู้บริโภค ช่วย กระจายสินค้าและบริการจากแหล่งผลิตสู่มือผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมีสินค้าและบริการมาบำบัดความต้องการ ได้อย่างทั่วถึง ตลาดในระบบเศรษฐกิจเสรีนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากสินค้าและบริการจะต้องผ่าน ตลาด ซึ่งจะทำให้การคำนวณรายได้ประชาชาติของประเทศเป็นไปอย่างถูกต้อง อีกด้วย ต่างจากระบบสังคม นิยมที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการแบ่งปันสินค้าและบริการแก่ประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตลาด สาระการเรียนรู้ 4. ขนาดและหน้าที่ของตลาด 5. ลักษณะของตลาดในระบบเศรษฐกิจ 6. ผลของการแข่งขันและการผูกขาด ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 5. บอกขนาดและหน้าที่ของตลาดได้ 6. อธิบายลักษณะของตลาดในระบบเศรษฐกิจได้ 7. อธิบายผลดีและผลเสียของการแข่งขันและการผูกขาดได้ 8. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแสดงความคิดเห็นถึงขนาดของตลาด ซึ่งมีปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดขนาดของตลาดมี ความ ต้องการของผู้บริโภค การให้เครดิตหรือสินเชื่อเพื่อการบริโภค การคมนาคม ลักษณะของสิ้นค้า นโยบายของรัฐบาล นโยบายของผู้ผลิต 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย ขั้นสอน 3. ครูอธิบายหน้าที่ของตลาดจะครอบคลุมในเรื่องการจัดหาสินค้า การเก็บรักษาสินค้า การขาย สินค้า การกำหนดมาตรฐานสินค้า การจัดการด้านการเงิน การป้องกันการเสี่ยงภัย การขนส่ง


62 4. ครูอธิบายลักษณะของตลาดในระบบ เศรษฐกิจ ตลาดในระบบเศรษฐกิจถ้าจะ พิจารณาเรื่องอำนาจในการต่อรองของผู้บริโภคและผู้ผลิตในตลาด หรือพิจารณาเรื่องการแข่งขัน หรือผูกขาด สามารถแบ่งประเภทของตลาดได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตลาดที่มีการแข่งขัน สมบูรณ์ (Perfect Competition Market) และตลาดที่มีการแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect Competition Market) 5. ครูอธิบายผลการแข่งขันและการผูกขาด การแข่งขันและการผูกขาดย่อมมีทั้งผลดีและผลเสีย ซึ่ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพในการผลิตของผู้ประกอบการ ลักษณะของสินค้าที่ทำการ ผลิต ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ระดับรายได้ของประชากร เป็นต้น สามารถสรุปผลดีและผลเสีย ของการแข่งขันและการผูกขาดได้ 6. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 10 คน ไปเลือกสินค้าที่สนใจหรือเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือ โทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ต แล้วศึกษาวิเคราะห์ว่าสินค้านั้นๆ มีลักษณะตลาดเป็นแบบใด (แข่งขัน สมบูรณ์ ผูกขาดแท้จริง ผู้ขายน้อยราย หรือกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด) พร้อมแสดงเหตุผลประกอบที่ สินค้า เข้าข่ายลักษณะตลาดนั้นๆ แล้วจัดทำรายงานและนำเสนอหน้าชั้น 7. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 8. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 9. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 10. ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 11. ครูสรุปความหมายและความสำคัญของตลาด คนกลางและองค์ประกอบของตลาด ประเภทของ ตลาด ขนาดและหน้าที่ของตลาด ลักษณะของตลาดในระบบเศรษฐกิจ ผลของการแข่งขันและ การผูกขาด 12. ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 13. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 14. ครูตอบข้อสงสัย 15. ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 16. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 17. กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 18. ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป


63 สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


64 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 11 หน่วยที่ 7 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย การกำหนดราคา จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด ในระบบเศรษฐกิจเสรีหรือระบบทุนนิยม ราคาสินค้าจะถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานตามกลไก ราคา (Price Mechanism) ของตลาดแต่ละประเภท ราคาดุลยภาพ (Price Equilibrium) จะแสดงให้เห็นถึง ปริมาณของสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการซื้อที่เท่ากับปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตเสนอขายพอดี ซึ่งจะมีเพียงราคาเดียว และเมื่อไรก็ตามที่เกิดความต้องการซื้อมากขึ้น หรือปริมาณสินค้าที่จะขายมากขึ้น กลไกราคาก็จะทำหน้าที่ใน การปรับราคาสินค้าให้เข้าสู่ราคาดุลยภาพเสมออย่างไรก็ตาม ในสภาพความเป็นจริง ราคาดุลยภาพไม่ใช่เป็น ราคาที่ก่อให้เกิดเสถียรภาพและความยุติธรรมทางเศรษฐกิจเสมอไป เช่น ในกรณีที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจทำ ให้ราคาสินค้าสูงขึ้นจนเกิดปัญหาแก่ผู้บริโภค หรือกรณีที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการกำหนดราคาขั้นสูงหรือควบคุมราคา และกำหนดราคาขั้นต่ำหรือ ประกันราคาตามลำดับเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สาระการเรียนรู้ 1. ความสำคัญของการกำหนดราคา 2. ราคาดุลยภาพและการปรับตัวของระดับราคา 3. การกำหนดราคาในตลาดสินค้าต่างๆ 4. การกำหนดราคาเพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. อธิบายความสำคัญของการกำหนดราคาได้ 2. อธิบายราคาดุลยภาพและการปรับตัวของระดับราคาได้ 3. อธิบายการกำหนดราคาในตลาดสินค้าต่างๆ 4. อธิบายการกำหนดราคาเพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ 5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความสำคัญของการกำหนดราคา 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ตลาด หมายถึง สถานที่ใดที่หนึ่งซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดผลไม้ที่มหานาค ตลาดผักที่ ปากคลองตลาด


65 ขั้นสอน 3. ครูอธิบายราคาดุลยภาพ หมายถึง ปริมาณของสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการซื้อเท่ากับ ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตหรือผู้ขายยินดีจะขาย ซึ่งถือเป็นราคาที่ถูกกำหนดขึ้นโดยระบบ ตลาด และราคาดุลยภาพนี้จะมีเพียงราคาเดียวเท่านั้น 4. ครูอธิบายการปรับตัวของระดับราคา หากระดับราคาของสินค้าและบริการในตลาดเป็นระดับ ราคาที่ไม่ใช่ราคาดุลยภาพ อันเป็นราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะความ ต้องการไม่ตรงกัน แต่ภาวะกลไกของราคาก็จะเป็นแรงผลักดันให้ระดับราคาปรับเข้าสู่ดุลยภาพ เสมอ 5. ครูอธิบายการกำหนดราคาในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ดุลยภาพระยะสั้นของผู้ผลิต การกำหนดราคา ในตลาดผูกขาดแท้จริง การกำหนดราคาในตลาดผู้ขายน้อยราย การกำหนดราคาในตลาดกึ่งแข่งขัน กึ่งผูกขาด 6. ครูอธิบายการกำหนดราคาเพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคและ ผู้ผลิตไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน คือ การกำหนดราคาขั้นสูงหรือการควบคุมราคา การกำหนด ราคาขั้นต่ำหรือการพยุงราคา การให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิต การจัดเก็บภาษีสินค้า 7. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม จำนวน 4 กลุ่ม ไปศึกษาวิเคราะห์สินค้าในท้องตลาดที่มีลักษณะตลาด ดังนี้ 1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ 2. ตลาดผูกขาดแท้จริง 3. ตลาดผู้ขายน้อยราย 4. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด ทั้งนี้ให้วิเคราะห์โดยใช้หลักกลไกราคาในการกำหนดราคาดุลยภาพ และนำเสนอว่าตลาดแต่ละ ประเภทมีการกำหนดราคาอย่างไร ในระยะสั้นและระยะยาวผู้ผลิตมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเกิน (Excess Profit) หรือขาดทุน หรือกำไรปกติ(Normal Profit) 8. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม จำนวน 4 กลุ่ม ไปศึกษาวิเคราะห์สินค้าในท้องตลาดที่รัฐบาลได้ เข้ามามีบทบาทแทรกแซงในการกำหนดราคา ดังนี้ 1. การกำหนดราคาขั้นสูง 2. การกำหนดราคาขั้นต่ำ 3. การให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิต 4. การจัดเก็บภาษีสินค้า ทั้งนี้ให้วิเคราะห์ในรายละเอียดและจัดทำรายงานสรุปเสนอ 9. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 10.ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 11.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว


66 12.ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 13.ครูสรุปความหมายและความสำคัญของตลาด คนกลางและองค์ประกอบของตลาด ประเภทของ ตลาด ขนาดและหน้าที่ของตลาด ลักษณะของตลาดในระบบเศรษฐกิจ ผลของการแข่งขันและ การผูกขาด 14.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 15.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 16.ครูตอบข้อสงสัย 17.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 18.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 19.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 20.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 7 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 7 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 7 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป


67 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่ กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


68 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 12 หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย การเงินและนโยบายการเงิน จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด เงิน คือ สิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนของแต่ละสังคมเพื่ออำนวย ความ สะดวกให้กับการดำเนินชีวิต ในระบบเศรษฐกิจ เงินช่วยให้ธุรกิจเกิดการขยายตัว แต่หากมีปริมาณเงินในระบบ เศรษฐกิจมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลเสียได้ รัฐบาลประเทศต่างๆ จึงใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมให้ ปริมาณเงินอยู่ในระดับที่เหมาะสม สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย ความสำคัญและความเป็นมาของเงิน 2. หน้าที่และมาตรฐานของเงิน 3. ภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด และวัฏจักรเศรษฐกิจ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมาย ความสำคัญ และความเป็นมาของเงินได้ 2. สรุปหน้าที่และอธิบายมาตรฐานของเงินแบบต่างๆ ได้ 3. วิเคราะห์ภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืด รวมทั้งวัฏจักรเศรษฐกิจได้ 4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมาย ความสำคัญและความเป็นมาของเงิน 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เงิน หมายถึง สิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการ แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ รวมทั้งสามารถใช้ชำระหนี้ได้ ได้แก่ เหรียญกษาปณ์ ธนบัตร เงินฝาก กระแสรายวัน ขั้นสอน 3. ครูอธิบายความสำคัญของเงินต่อเศรษฐกิจ สังคม และการดำรงชีวิตของมนุษย์มาก คือ เป็นปัจจัย สำคัญของการผลิต ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจและการค้าเจริญก้าวหน้ารวดเร็ว ช่วยให้การดำเนิน ชีวิตของประชาชนสะดวกสบายยิ่งข้น 4. ให้ผู้เรียนศึกษา หน้าที่ของเงินและมาจรฐานของเงิน แล้วนำมาอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน


69 5. ครูอธิบายเงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไป สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะยาวนานพอควร เงินฝืด หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้า และบริการโดยทั่วไปมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานพอสมควร 6. ครูอธิบายวัฏจักรเศรษฐกิจ หมายถึง การเคลื่อนไหวขึ้นลง ของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจาการ เปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การผลิต การบริโภค การจัดสรรทรัพยากร การ แลกเปลี่ยน 7. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม สมมติว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อเงินฝืดเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจไทย รวมทั้งในท้องถิ่นของผู้เรียน ให้แต่ละกลุ่มศึกษาหาทางแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตประจำวัน (ทาง เศรษฐกิจ) ให้แก่ผู้ปกครองหรือญาติพี่น้อง และนำมาอภิปรายแลกเปลี่ยนกันหน้าชั้นเรียน กลุ่มที่ 1 ศึกษาภาวะเงินเฟ้อ กลุ่มที่ 2 ศึกษาภาวะเงินฝืด 8. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 9. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 10.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 11.ครูเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุปและการประยุกต์ 12.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 13.ครูตอบข้อสงสัย 14.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 15.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 16.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 17.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 8


70 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้าน คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


71 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 13 หน่วยที่ 9 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย การเงินและนโยบายการเงิน จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด เงิน คือ สิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนของแต่ละสังคมเพื่ออำนวย ความ สะดวกให้กับการดำเนินชีวิต ในระบบเศรษฐกิจ เงินช่วยให้ธุรกิจเกิดการขยายตัว แต่หากมีปริมาณเงินในระบบ เศรษฐกิจมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลเสียได้ รัฐบาลประเทศต่างๆ จึงใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมให้ ปริมาณเงินอยู่ในระดับที่เหมาะสม สาระการเรียนรู้ 4. ตลาดการเงิน 5. นโยบายการเงิน ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 4. เข้าใจลักษณะโดยทั่วไปของตลาดการเงิน 5. มีความรู้ในเรื่องการใช้นโยบายการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแสดงความคิดเห็นของตลาดการเงิน หมายถึง ตลาดที่อำนวยความสะดวกในการโอนเงินจาก หน่วยเศรษฐกิจที่มีการออมไปยังหน่วยเศรษฐกิจที่ต้องการเงินออกเพื่อนำไปลงทุน 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย ขั้นสอน 3. ครูอธิบายตลาดการเงินประกอบไปด้วยตลาดเงิน คือ ตลาดที่มีการระดมเงินทุนและการให้สินเชื่อ ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ได้แก่ การโอนเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์ทางการเงินที่มีอายุไถ่ถอนระยะสั้น ตลาดทุน คือ ตลาดที่มีการระดมเงินออมและให้สินเชื่อในระยะตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ได้แก่ เงินฝาก ประจำ หุ้นสามัญ หุ้นกู้ และพันธบัตรทั้งของรัฐบาลและเอกชน 4. ครูอธิบายความสำคัญของตลาดการเงิน มีบทบาทที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบ เศรษฐกิจแบบทุนนิยมตลาดเสรี 5. ครูอธิบายนโยบายการเงิน หมายถึง การควบคุมดูแลปริมาณเงินและสินเชื่อโดยธนาคารกลาง เพื่อ บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ


72 6. ครูอธิบายประเภทของนโยบายการเงิน แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ นโยบาย การเงินแบบเข้มงวด นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เครื่องมือของนโยบายการเงินแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ การควบคุมทางปริมาณ การควบคุมทางคุณภาพ การควบคุมโดยตรง 7. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็น 4 กลุ่มให้แต่ละกลุ่มค้นคว้าข้อมูลจาก Internet เช่น Website ธนาคาร แห่งประเทศไทย : WWW.BOT.OR.TH หรือ Website กระทรวงการคลัง : WWW.MOF.GO.TH หรือ Website ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : WWW.NESDB.GO.TH และนิตยสารเศรษฐกิจ เกี่ยวกับ “วัฏจักรเศรษฐกิจ ปัญหาทางเศรษฐกิจ และการใช้นโยบายการเงินของประเทศไทย” ในช่วงปี 2547–2549 แล้วจัดทำเป็นสรุปรายงานส่ง ครู 8. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 9. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 10.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 11.ครูเสนอแนะเพิ่มเติม 12.ครูสรุปความหมาย ความสำคัญและความเป็นมาของเงิน หน้าที่และมาตรฐานของเงิน ภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด และวัฏจักรเศรษฐกิจ ตลาดการเงิน นโยบายการเงิน 13.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 14.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 15.ครูตอบข้อสงสัย 16.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 17.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 18.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 19.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้


73 การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


74 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 14 หน่วยที่ 9 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย การคลังและนโยบายการคลัง จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด การดำเนินการบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้านั้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องวางแผนเพื่อจัดหารายได้และ การใช้จ่ายเงินให้เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อสามารถดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างราบรื่น ประสบ ปัญหาและอุปสรรคน้อยที่สุด ตลอดจนเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในบางครั้งรายได้ของ รัฐบาลไม่พอกับแผนการใช้จ่าย ทำให้ต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและความสำคัญของการคลัง 2. งบประมาณแผ่นดิน 3. หนี้สาธารณะ 4. นโยบายการคลัง 5. นโยบายการคลังของประเทศไทย ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. สรุปความหมายและความสำคัญของการคลังได้ 2. บอกลักษณะและการจัดทำงบประมาณแผ่นดินได้ 3. เข้าใจความหมายและลักษณะของหนี้สาธารณะ 4. เข้าใจการแก้ปัญหาโดยใช้นโยบายด้านการคลังได้ 5. ทราบถึงการใช้นโยบายการคลังในประเทศไทย 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและความสำคัญของการคลัง 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม การคลัง หมายถึง การจัดหารายได้ การใช้จ่ายและการจัดการ เกี่ยวกับหนี้สินของรัฐบาล หรือ การกำหนดนโยบายและดำเนินการทางด้านการเงินของรัฐบาลใน การหารายได้จากการเก็บภาษีอากร


75 ขั้นสอน 3. ครูอธิบายนโยบายการคลัง หมายถึง เครื่องมือหรือวิธีการที่รัฐบาลใช้ในการบริหารประเทศเพื่อให้ เกิดรายได้เพียงพอกับการใช้จ่าย ตลอดจนก่อให้เกิดการใช้จ่ายอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพทำให้ เศรษฐกิจมั่นคง 4. ครูอธิบายงบประมาณแผ่นดิน เป็นการบริหารราชการแผ่นดินให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ที่กำหนด รัฐจะต้องวางแผนการจัดหารายได้ และการใช้จ่ายเงินในการพัฒนาประเทศขึ้น 5. ให้ผู้เรียนศึกษาการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน จะมีการจัดทำที่สำคัญอยู่ 2 ประเภท คือ งบประมาณรายรับ งบรายได้ 6. ครูอธิบายหนี้สาธารณะ หมายถึง หนี้สินของรัฐบาล ซึ่งรวมทั้งการยืมโดยตรงและการค้ำ ประกันเงินกู้ของรัฐบาล 7. ครูอธิบายนโยบายการคลัง หมายถึง มาตรการทางภาษีอากร การใช้จ่ายของรัฐบาลการก่อหนี้ สาธารณะ และงบประมาณของรัฐบาลที่ใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเพื่อให้เกิด การพัฒนาหรือการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 8. ให้เรียนศึกษานโยบายการคลังของประเทศไทยซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ 4 ประการ พร้อมนำมา อภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน 9. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มให้หาข้อมูลของประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศ ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาในปีใดปีหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้ กลุ่มที่ 1 รายได้ภาครัฐ กลุ่มที่ 2 รายจ่ายภาครัฐ กลุ่มที่ 3 หนี้สาธารณะ แล้วจัดทำเป็นรายงานเสนอครูและนำเสนอหน้าห้องเรียน โดยการหาข้อมูลอาจค้นคว้าได้จาก หนังสือพิมพ์ วารสารทางเศรษฐกิจ หรือ Internet เช่น Website กระทรวงการคลัง (WWW.MOF.GO.TH) ธ น า ค า ร แ ห่ ง ป ร ะ เท ศ ไท ย (WWW.BOT.OR.TH) ธ น า ค า ร โล ก (WWW.WORLDBANK.ORG) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (WWW.IMF.ORG) ธนาคารเพื่อ-การ พัฒนาแห่งเอเชีย (WWW.ADB.ORG) เป็นต้น 10. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มให้หาข่าวหรือบทความเกี่ยวกับการใช้นโยบายการคลัง ของรัฐบาลไทยเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหรือปัญหาสังคม แล้วนำมาสรุปให้เพื่อนผู้เรียนได้รับ รู้ และอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นกันในชั้นเรียน กลุ่มที่ 1 การใช้มาตรการภาษี กลุ่มที่ 2 การใช้งบประมาณรายจ่าย กลุ่มที่ 3 การกู้ยืมของรัฐบาล กลุ่มที่ 4 การใช้งบประมาณรายรับ 11. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 12. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 13. ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 14.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์


76 15.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 16.ครูตอบข้อสงสัย 17.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 18.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 19.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 20.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


77 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 15 หน่วยที่ 10 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย รายได้ประชาชาติ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด รายได้ประชาชาติเป็นเครื่องมือหรือตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดระดับการพัฒนาของประเท ซึ่งแสดงให้ เห็นถึงภาวะและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศทราบถึงความอยู่ดีกินดีและระดับการครองชีพของ ประชาชน เมื่อทราบตัวแปรและข้อมูลทางเศรษฐกิจแล้วนำไปวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อวางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์ รวมทั้งนโยบายและมาตรการรองรับ ทำให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และ เป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องการ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและความสำคัญของรายได้ประชาชาติ 2. ประเภทของรายได้ประชาชาติ 3. รายได้ประชาชาติที่แท้จริงและรายได้เฉลี่ยต่อบุคคล 4. การคำนวณรายได้ประชาชาติ 5. โครงสร้างรายได้ประชาชาติของประเทศไทย 6. ปัญหาการคำนวณและการใช้ข้อมูลรายได้ประชาชาติ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายและความสำคัญของรายได้ประชาชาติได้ 2. อธิบายประเภทของรายได้ประชาชาติ และคำนวณรายได้ประชาชาติที่แท้จริง รวมทั้งรายได้เฉลี่ย ต่อบุคคลได้ 3. อธิบายวิธีการคำนวณรายได้ประชาชาติได้ 4. อธิบายโครงสร้างรายได้ประชาชาติของประเทศไทยได้ 5. บอกปัญหาการคำนวณและการใช้ข้อมูลรายได้ประชาชาติได้ 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและความสำคัญของรายได้ประชาชาติ 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รายได้ประชาชาติมีความสำคัญและนำไปใช้ประโยชน์อย่าง แพร่หลายได้แก่ ทำให้สามารถทราบตัวแปรและข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจต่างๆ และนำข้อมูล หรือตัวแปรทางเศรษฐกิจมาวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ


78 ขั้นสอน 3. ครูอธิบายประเภทของรายได้ประชาชาติมีอยู่ 6 ประเภท ให้ผู้เรียนศึกษาว่ามีอะไรบ้าง พร้อม นำมาอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน 4. ครูอธิบายรายได้ประชาชาติที่แท้จริงและรายได้เฉลี่ยต่อบุคคล ในการคำนวณรายได้ประชาชาติ ตามวิธีต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นรายได้ในรูปตัวเงิน (Money GNP) หรือผลิตภัณฑ์ ประชาชาติตามราคาปัจจุบันหรือราคาตลาด ซึ่งราคามักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 5. ครูอธิบายการคำนวณรายได้ประชาชาติกระทำได้ 3 วิธี ให้ผู้เรียนศึกษาว่ามีอะไรบ้าง พร้อมนำมา อภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน 6. ให้ผู้เรียนศึกษาโครงสร้างรายได้ประชาชาติของประเทศไทย พร้อมนำมาอภิปรายร่วมกันในชั้น เรียน โดยมีครูค่อยให้คำแนะนำ เพิ่มเติม 7. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ไปศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างรายได้ประชาชาติของประเทศไทยปี พ.ศ. 2554 และ 2555 กลุ่มละ 1 ด้าน คือ กลุ่มที่ 1 : โครงสร้างรายได้ประชาชาติทางด้านผลิตภัณฑ์ กลุ่มที่ 2 : โครงสร้างรายได้ประชาชาติทางด้านรายได้ กลุ่มที่ 3 : โครงสร้างรายได้ประชาชาติทางด้านรายจ่าย โดยให้แต่ละกลุ่มเปรียบเทียบรายได้ประชาชาติที่เป็นตัวเงินตามราคาตลาด ปี พ.ศ. 2554 และ 2555 ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละรายการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร แล้วสรุปเสนอเป็น รายงานกลุ่ม 8. จากกิจกรรมในข้อ 7 ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเปรียบเทียบรายได้ประชาชาติที่แท้จริง (โดยใช้ดัชนี ราคาของปีฐานที่มีราคาคงที่มากที่สุด) ปี พ.ศ. 2554 และ 2555 ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละ รายการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร แล้วสรุปเสนอเป็นรายงานกลุ่ม หมายเหตุ : การกำหนดปีใดเป็นปีฐาน และดัชนีราคาของปี พ.ศ. 2554 และ 2555 ให้ สอบถามจากกองบัญชีรายได้ประชาชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ 9. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 10.ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 11.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 12.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้


79 ขั้นสรุปและการประยุกต์ 13.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 14.ครูตอบข้อสงสัย 15.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 16.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 17.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 18.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 10 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 10 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 10 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


80 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 16 หน่วยที่ 11 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ดุลการค้าและดุลการชำระเงิน จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด ในปัจจุบันประเทศต่างๆ จำเป็นต้องติดต่อและพึ่งพาอาศัยกันทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน การค้า การลงทุน การกู้ยืม หรือการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ดังกล่าว มักเป็นไปใน ลักษณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วได้เปรียบในด้านดุลการค้า เป็นผู้ลงทุน เป็นผู้ให้กู้ยืม ตลอดจนเป็น ผู้ให้ความ ช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนา จึงเป็นที่มาของการเกินดุล และขาดดุลการค้า ดุลการชำระเงินระหว่าง ประเทศต่างๆ สาระการเรียนรู้ 1. ความสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ 2. นโยบายการค้าระหว่างประเทศ 3. การค้าระหว่างประเทศของประเทศไทย 4. ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ 5. การแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าและดุลการชำระเงิน ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. ทราบถึงความสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ 2. ทราบถึงนโยบายการค้าระหว่างประเทศ 3. เข้าใจความหมายและองค์ประกอบของดุลการชำระเงิน 4. อธิบายลักษณะดุลการค้าและดุลการชำระเงินของประเทศไทยได้ 5. ทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าและดุลการชำระเงิน 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ความจำเป็นที่จะร้องมีการค้าระหว่างประเทศ อาจสรุปได้ว่ามีการมี ทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกันตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศ สภาพของภูมิประเทศ และภูมิอากาศแตกต่างกัน ประชาชนหรือแรงงานในแต่ละประเทศ ระดับการพัฒนาทาง เทคโนโลยีต่างกัน ขั้นสอน


81 3. ครูอธิบายนโยบายการค้าระหว่าง ประเทศที่สำคัญมีอยู่ 2 แบบ คือ นโยบายการค้าเสรี และนโยบายการค้าไม่เสรี 4. ให้ผู้เรียนศึกษาการค้าระหว่างประเทศของประเทศไทย พร้อมนำมาอภิปรายร่วมกันในชั้น 5. ครูอธิบายดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยบัญชีที่มีความสำคัญ 4 บัญชี คือ บัญชีเดินสะพัด บัญชีเงินโอนหรือเงินบริจาค บัญชีทุนเคลื่อนย้าย บัญชีทุนสำรองระหว่างปนะเทศ 6. ครูอธิบายการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าและดุลการชำระเงิน มีมาตรการว่า การใช้มาตรการ แก้ไขดุลการค้าขาดดุล การลดค่าเงิน ควบคุมการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ การควบคุม เครดิตในการบริโภคสินค้าจากต่างประเทศ 7. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มให้ศึกษาข้อมูลโครงสร้างการนำเข้า และการส่งออก สินค้าของประเทศไทยจาก Website ของกระทรวงพาณิชย์(WW.MOC.GO.TH) หรือจากวารสาร/ หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ เพื่อหาทางให้คำแนะนำเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง และผู้ปกครอง ลดหรือเลิก การใช้สินค้าจากต่างประเทศ เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้า (แม้ว่าปี 2541-2547 ไทยจะ เกินดุล แต่ก็เกินดุลลดลงเรื่อยๆ และเริ่มขาดดุลการค้าอีกในปี 2548) โดยให้สรุปเป็นข้อแนะนำ สัก 2-3 หน้า แล้วนำมาอภิปรายแลกเปลี่ยนกันในห้องเรียน 8. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็น 4 กลุ่ม 2 กลุ่มแรก ศึกษาถึงข้อดี-ข้อเสียของการใช้สินค้าไทยและสินค้า จากต่างประเทศ และ 2 กลุ่มหลัง ศึกษาข้อดี-ข้อเสียของการท่องเที่ยวในประเทศไทยและการ ท่องเที่ยวต่างประเทศ แล้วจัดโต้วาทีในชั้นเรียน กลุ่มที่ 1–2 หัวข้อการโต้วาที “ใช้ของไทยดีกว่าใช้ของนอก” กลุ่มที่ 3–4 หัวข้อการโต้วาที “เที่ยวเมืองไทยสุขใจกว่าไปเที่ยวเมืองนอก” 9. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 10.ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 11.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 12.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 13.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 14.ครูตอบข้อสงสัย 15.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 16.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 17.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 18.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์


82 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 11 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 11 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 11 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


83 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 17 หน่วยที่ 12 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชื่อหน่วย ระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจ จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง แนวคิด สภาพพื้นฐานทางการเมือง สังคม สภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ทำให้ระบบเศรษฐกิจแตกต่างกันไปด้วย ทุกระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในประเทศต่างๆ ไม่มีระบบใดดีที่สุด ขึ้นอยู่ กับปัจจัยภายในประเทศนั้นๆ ทุกประเทศใช้ระบบเศรษฐกิจต่างๆ กัน ก็เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและ ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนของตน สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและรูปแบบของระบบเศรษฐกิจ 2. ความหมายและความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ 3. ระดับการพัฒนาและปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ 4. การวางแผนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ 5. การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. บอกความหมายและสรุปลักษณะของระบบเศรษฐกิจแต่ละรูปแบบได้ 2. บอกความหมายและความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจได้ 3. เข้าใจระดับและปัจจัยการพัฒนาเศรษฐกิจโดยทั่วไป 4. เข้าใจลักษณะทั่วไปของการวางแผนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ 5. เข้าใจลักษณะทั่วไปของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ให้ผู้เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในความหมายและรูปแบบของระบบเศรษฐกิจ 2. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ระบบเศรษฐกิจ (Economic System) จึงหมายถึง ความสัมพันธ์ ของหน่วยเศรษฐกิจต่างๆ ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ และแนวทางการปฏิบัติของสังคมที่ยึดถือเป็น แนวทางในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ


84 ขั้นสอน 3. ครูอธิบายความหมายและความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development) หมายถึง ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้า มาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ผลผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างของการผลิต โครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมอันมีผลเอื้ออำนวยต่อการพัฒนา เศรษฐกิจโดยส่วนรวมของประเทศ และประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน 4. ครูอธิบายระดับการพัฒนาและปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ ประเทศด้วยพัฒนา ประเทศกำลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้ว 5. ครูอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจนั้นมีอยู่ 4 ประการ คือ ประชากรของประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ ทุน เทคโนโลยี 6. ครูอธิบายการวางแผนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจะแบ่งตามรายะเวลาในการดำเนินงาน 7. ครูได้นำการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยมาอธิบายให้ผู้เรียนฟัง 8. ให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มค้นคว้าศึกษาข้อมูลระบบเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ แล้วนำมาอภิปรายนำเสนอในชั้นเรียน กลุ่มที่ 1 สหรัฐอเมริกา กลุ่มที่ 2 ไทย กลุ่มที่ 3 จีน กลุ่มที่ 4 ญี่ปุ่น กลุ่มที่ 5 รัสเซีย โดยค้นหาข้อมูลจาก Internet เช่น Website กระทรวงการต่างประเทศ (WWW.MOFA.GO.TH) Website ก อ ง ทุ น ก า ร เงิ น ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เท ศ (WWW.IMF.ORG) ธ น า ค า ร โ ล ก (WWW.WORLDBANK.ORG)ฯลฯ และวารสาร นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ทางเศรษฐกิจ 9. ให้ผู้เรียนแบ่งเป็น 4 กลุ่ม เพื่อจัดโต้วาทีในหัวข้อต่อไปนี้ กลุ่มที่ 1 และ 2 หัวข้อ “พัฒนาอุตสาหกรรมเลิศล้ำกว่าพัฒนาการเกษตร” กลุ่มที่ 3 และ 4 หัวข้อ “เมืองไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ” 10.ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 11.ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 12.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 13.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 14.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 15.ครูตอบข้อสงสัย 16.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 17.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 18.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 19.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป


85 สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 12 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 12 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 12 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


86 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 17 หน่วยที่ 12 รหัสวิชา 20200-1001 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง ชื่อหน่วย โครงสร้าง ปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย แนวคิด ลักษณะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ตามแนวทางของระบบเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมหรือเสรีที่เน้นเรื่องความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก การเร่งผลิตทำให้ต้องพึ่งพาการส่งออก นำเข้า และการเงินระหว่างประเทศ เกิดการใช้ปัจจัยการผลิตและทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร้ ประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่สมดุลและยั่งยืนตามมา เกิดปัญหาการขาดแคลนเงินทุน แรงงานไร้ทักษะและฝีมือ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ขาดการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนา เทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการผลิต ฯลฯ รัฐบาลจึงต้องกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการเพื่อแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจโดยรีบด่วนก่อนที่จะเป็นปัญหาเรื้อรังจนแก้ไขไม่ได้แนวทางหนังสือการใช้แนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียง สาระการเรียนรู้ 1. ลักษณะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย 2. ผลของการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทย 3. ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย 4. แนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย 5. แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. อธิบายลักษณะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ 2. อธิบายผลของการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทยได้ 3. บอกปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ 4. บอกแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ 5. อธิบายแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง กับการนำไปใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ 6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ลักษณะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีเศรษฐกิจไทย เป็นเศรษฐกิจแบบทวิลักษณ์ หรือเศรษฐกิจ 2 ระดับ เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจแบบเปิด โดย พึ่งพาการส่งออก นำเข้า และการเงินระหว่างประเทศ เศรษฐกิจไทยมีลักษณะการกระจายความ เป็นเจ้าของทรัพยากร และกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม


87 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย ขั้นสอน 3. ครูอธิบายผลของการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทย ผลการพัฒนาประเทศในช่วงแผนฯ 1–7 (พ.ศ. 2504–2539) ผลการพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544) 4. ครูอธิบายปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น ปัญหาการกระจายรายได้ ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความยากจน ปัญหาการขาดดุลการค้า ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านการออมและการลงทุน ปัญหาหนี้สาธารณะ ปัญหาเสถียรภาพทาง เศรษฐกิจ ปัญหาการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ 5. ครูอธิบายแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้แก่ พัฒนาคุณภาพของประชากร ลด ช่องว่างระหว่างรายได้ของประชาชน เพิ่มคุณภาพของสินค้าและบริการ การกระจายอุตสาหกรรม สู่ภูมิภาค การนำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย 6. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ไปศึกษาวิเคราะห์ลักษณะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย กลุ่มละ 1 เรื่อง (ประเด็น) โดยวิเคราะห์เจาะลึกในรายละเอียดถึงสถานการณ์คืบหน้าในปัจจุบัน ด้วย แล้วสรุปนำเสนอในรูปรายงาน 7. ให้แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ไปศึกษาวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทย พร้อมทั้งนำเสนอ แนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ผู้เรียนอาจใช้วิจารณญาณของตนเองในการนำเสนอแนวคิดใหม่ใน การแก้ไขปัญหา โดยกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการรองรับ เพื่อให้ปัญหานั้นๆ สามารถแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรม แล้วสรุปนำเสนอในรูปรายงาน 8. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มประชุมกลุ่มแสดงความคิดเห็น ประธานสรุปความคิดเห็นของสมาชิกภายในกลุ่ม เลขานุการจดบันทึกเป็นความคิดเห็นตามที่ประธานกลุ่มสรุป 9. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหน้าชั้นเรียนแล้วสรุปเป็นรายงานสั้นๆ 3-5 หน้า และนำมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนถึงผลการสำรวจและศึกษาของแต่ละกลุ่ม 10.ครูสรุปเนื้อหาสาระสำคัญ หลังจากที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แล้ว 11.ให้ผู้เรียนท่องจำศัพท์ที่น่ารู้ ขั้นสรุปและการประยุกต์ 12.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย 13.ครูตอบข้อสงสัย 14.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้เสร็จแล้วจับคู่สลับกันตรวจบันทึกผลการประเมินส่งให้ครู 15.ครูตรวจสอบความถูกต้องและเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรียน แจ้งผลการ ประเมินให้ผู้เรียนแต่ละคนทราบความก้าวหน้าในการเรียนการสอน 16.กรณีมีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมินให้นัดหมายเวลาเพื่อทำการสอนเสริมต่อไป 17.ครูแจ้งหัวข้อเรื่องที่จะทำการศึกษาแบ่งกลุ่มหัวข้ออภิปรายเรื่องที่จะทำการสอนครั้งต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2200-1001) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์ 2. แผ่นใสเฉลยแบบประเมินผลการเรียนรู้


88 การวัดและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. ตรวจการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 13 5. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (ภาคผนวก ค) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 13 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน (ภาคผนวก จ) เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ คือ พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 50% ขึ้นไป 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 13 เกณฑ์ผ่าน ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกหลังการสอน (ดูภาคผนวก ฌ และ ญ)


89 ตัวอย่าง แบบประเมินด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ประเมินจากผลงานที่ผู้เรียนจัดทำและนำมาจัดเก็บไว้ในแฟ้ม แฟ้มนั้นจะประกอบด้วย 1. ปก 2. คำนำ 3. ข้อมูลส่วนตัว 4. สารบัญ 5. จุดประสงค์ 6. เกณฑ์การประเมินงาน 7. งานทั้งหมด 8. แบบทดสอบต่างๆ 9. งานที่มอบหมาย/ใบงาน 10. การประเมินตนเอง/เพื่อน/ผู้สอน/ผู้ปกครอง 11. ความคิดเห็นต่อวิชา ตัวอย่างข้อมูลส่วนตัว 1. ชื่อ………………………………………………………………………………………………………. 2. เกิดวันที่…………………………เดือน………………………………พ.ศ. ………………….……… 3. ชื่อบิดา…………………………………………ชื่อมารดา……………………………………………. พี่……………………………………………คน น้อง…………………………...………………คน 4. ที่อยู่…………………………………………………………………………………………………….. 5. วิชาที่ชอบ………………………………………………………………………………………………. 6. กิจกรรมที่ชอบ…………………………………………………………………………………………. 7. สิ่งที่ประทับใจในการเรียน……………………………………………………………………………... 8. รางวัลที่เคยได้รับ………………………………………………………………………………………. 9. ความสามารถพิเศษ……………………………………………………………………………………. 10. อุดมคติของการทำงาน………………………………………………………………………………… 11. ผลงานที่สะสม………………………………………………………………………………………….. หมายเหตุ :สะสมงานได้ทุกหน่วย ผู้เรียนนำผลงานที่พอใจใส่แฟ้มสะสมไว้


90 ตัวอย่าง แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล ที่ พฤติกรรม ชื่อ-สกุล ความสนใจ การแสดง ความ คิดเห็น การตอบ คำถาม การยอม รับฟังคน อื่น ทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย หมาย เหตุ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การวัดผลให้คะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรมดังนี้ ดีมาก = 4 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีคำถามที่ดี ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรง เวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรับปรุง = 1 เข้าชั้นเรียน แต่การแสดงออกน้อยมาก ส่งงานไม่ครบ ไม่ตรงเวลา ลงชื่อ……………………………….ผู้สังเกต (……………………………….) …………/…………/………..


91 ตัวอย่าง แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม กลุ่มที่…………..ชั้น/แผนก……………… ลำดั บ ที่ ชื่อ-สกุล สมาชิกกลุ่ม พฤติกรรม รว ม ความ ร่วมมือ การแสดง ความ คิดเห็น การรับฟัง ความ คิดเห็น ความตั้งใจ ในการ ทำงาน การมีส่วน ร่วมในการ อภิปราย 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = 4 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 90-100% หรือปฏิบัติบ่อยครั้ง ดี = 3 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 70-89% หรือปฏิบัติบางครั้ง ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 50-69% หรือปฏิบัติครั้งเดียว ปรับปรุง = 1 ประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์ 50% หรือไม่ปฏิบัติเลย ลงชื่อ………………………………ผู้สังเกต (…………………………….) ………./……………/………


92 ตัวอย่าง แบบประเมินการนำเสนอผลงานรายบุคคล พฤติกรรม ชื่อ-สกุล บุคลิก การแต่ง กาย มารยาท ในการพูด การใช้ ภาษา วิธีการ นำเสนอ เนื้อหาที่ นำเสนอ รวม 10 10 10 10 10 50 1. 2. 3. 4. 5. 6. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. เกณฑ์ผ่าน 25 คะแนน เกณฑ์การสังเกต บุคลิก การแต่งกาย: มีความเชื่อมั่นในตนเอง แต่งกายสะอาด ถูกระเบียบ เสื้อไม่หลุดลุ่ย ลอยชาย มารยาทในการพูด : มองหน้าและสบตาผู้ฟัง ไม่เหน็บแนม เสียดสีผู้อื่น การใช้ภาษา : ชัดเจน ตามหลักภาษา ตัว ร ล คำควบกล้ำ ถ้อยคำข้อความสุภาพ วิธีการนำเสนอ : น่าสนใจหลากหลาย เช่น ใช้แผ่นใส รูปภาพ ตั้งคำถาม เล่นเกม ไม่เยิ่นเย้อ เนื้อหาที่นำเสนอ : มีสาระสำคัญ ตรงกับหัวข้อเรื่อง ใช้เวลาตามที่กำหนด ลงชื่อ……………………………….ผู้สังเกต (……………………………….) …………/…………/………..


93 ตัวอย่าง แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ชื่อผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………….. ชื่อกลุ่มรับการประเมิน……………………………………………………………………………………………… ประเมินผลครั้งที่…………………....…….. วันที่ ……………..…. เดือน ………..………. พ.ศ. ……...….…... เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………. ที่ คุ ณลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม ใช้ได้ คะแนนที่ได้ = 1 ควร ปรับปรุง = 0 1 ความมีมนุษยสัมพันธ์ แสดงกิริยาท่าทางสุภาพต่อผู้อื่น ให้ความร่วมมือกับผู้อื่น 2 ความมีวินัย ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ และ ข้อตกลงต่างๆ ของวิทยาลัย ได้แก่ แต่งกาย ถูกต้องตามระเบียบ และข้อบังคับ ตรงต่อ เวลา 3 ความรับผิดชอบ มีการเตรียมความพร้อมในการเรียนและการ ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจ มีความเพียรพยายามในการเรียนและการ ปฏิบัติงาน 4 ความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล 5 ความสนใจใฝ่รู้ ซักถามปัญหาข้อสงสัย 6 ความรักสามัคคี ร่วมมือในการทำงาน 7 ความกตัญญูกตเวที มีสัมมาคารวะต่อครู-อาจารย์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รวมคะแนนที่ได้ทั้งหมด = …………… คะแนน


94 หมายเหตุ :แบบประเมินนี้ใช้แบบเดียวกันทั้งครูและ ประธานกลุ่ม และประเมินคุณลักษณะดังกล่าวตลอด ภาคการศึกษา ตัวอย่าง แบบรวมคะแนนการประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ชื่อ-สกุล…………………………………………………………....รหัสประจำตัว………………………………… ระดับชั้น………………..กลุ่ม………………...แผนกวิชา…………………….…………………………………… คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ครั้งที่ประเมิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 คะแนนรวม หารจำนวนครั้งที่ ประเมิน คะแนนที่ได้ คะแนนที่ได้ 1. ความมีมนุษย สัมพันธ์ 2. ความมีวินัย 3. ความรับผิดชอบ 4. ความเชื่อมั่นใน ตนเอง 5. ความสนใจใฝ่รู้ 6. ความรักสามัคคี 7. ความกตัญญู กตเวที ลงชื่อ…………………………….ผู้ประเมิน (…………………………….) .………/…………/………. หมายเหตุ : แบบรวมคะแนนนี้ใช้แบบเดียวกันทั้งครูและประธานกลุ่ม


95 ตัวอย่าง แบบสรุปผลการประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ภาคเรียนที่…………………ปีการศึกษา…………………. รหัสวิชา…………………………………….. ชื่อวิชา……………………………………… ระดับชั้น…………………………………… แผนก/กลุ่ม…………………………….…. ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที รวม (ในส่วนของผู้สอน) รวม (ในส่วนของประธาน กลุ่ม) รวมคะแนนที่ได้จากทั้ง 2 ส่วน ลำดับ ที่ รหัส ประจำตัว ชื่อ-สกุล 2 1 3 1 1 1 1 10 10 20


96 ตัวอย่าง บันทึกหลังการสอน ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนของผู้เรียน …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ผลการสอนของครู …………………………………………………………………………………………………………….…...… ……………………………………………………………………………………………………………..…….. ………………………………………………………………………………………………………………….... …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………….ผู้บันทึก (……………………………….) …………/…………/……….. หมายเหตุ : บันทึกนี้ใช้บันทึกทุกแผนการจัดการเรียนรู้


97 ตัวอย่าง บันทึกหลังการสอน ชื่อผู้สอน……………………………………….………….. รหัส 2200-1001 วิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ภาคเรียนที่………………………………………….... ปีการศึกษา……………………………… ห้องเรียน วัน/เดือน/ปี เวลา บันทึกความคิดเห็น หมายเหตุ หมายเหตุ : บันทึกนี้ใช้บันทึกท้ายสุดของทุกแผนการจัดการเรียนรู้


Click to View FlipBook Version