The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มหลักท้องถิ่นต้นจาก64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by [email protected], 2022-09-06 00:33:41

เล่มหลักท้องถิ่นต้นจาก64

เล่มหลักท้องถิ่นต้นจาก64





ประกาศโรงเรียนวดั บางกระเจ้า
เรื่อง ให้ใช้หลกั สูตรโรงเรยี นวัดบางกระเจ้า พุทธศักราช 256๔
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551

---------------------------------------------------------

โรงเรียนวัดบางกระเจ้า สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ได้ดำเนินการ
พัฒนาหลักสูตรโรงเรียนวัดบางกระเจ้า พุทธศักราช 256๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช2551 และเอกสารประกอบหลักสูตรขึ้นเพื่อใช้เปน็ กรอบและทิศทางในการจัดการเรียนการสอน
ของโรงเรยี นวัดบางกระเจ้า

โดยจัดทำและพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน คือ กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้
เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดในหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถกำหนดทิศทางในการจัดทำหลักสูตรการเรียน
การสอนในแต่ละระดับตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลางเป็นแนวทางทีช่ ดั เจนเพื่อตอบสนอง
นโยบายไทยแลนด์ 4.0 มคี วามพรอ้ มในการกา้ วสสู่ ังคมคณุ ภาพ มคี วามร้อู ย่างแทจ้ รงิ

มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความสมดุลทั้งร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทย
และพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้
และทักษะพ้ืนฐาน รวมทงั้ การมเี จตคติทจ่ี ำเป็นตอ่ การศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการศึกษาตลอดชีวิต
โดยมุ่งเนน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญบนพนื้ ฐานความเช่ือว่าทกุ คนสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
และมที ักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

ทั้งนี้ หลักสูตรโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน เมื่อวนั ท่ี ๑
เดอื นมถิ ุนายน พ.ศ. 256๔ จึงประกาศให้ใช้หลกั สตู รโรงเรยี นต้งั แตบ่ ัดนี้เปน็ ต้นไป

ประกาศ ณ วนั ที่ ๑ เดอื นมิถนุ ายน พ.ศ. 256๔

(พระครสู าครวิรยิ คุณ) (นางสาวชนกฐิยะพร คำภเู วียงทศิ)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดบางกระเจา้



คำนำ

กระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้ใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมศิ าสตร์ในกลุ่มสาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีคำสั่งให้
เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (ฉบับ
ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ลงวันที่ 5 มกราคม 2561 รวมทั้งประกาศเรื่องการบริหารจัดการหลักสูตร
สถานศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ .ศ. 2560)ตามหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ลงวันที่ 8 มกราคม 2561 โรงเรยี นวดั บางกระเจ้าจึง
ไดท้ ำการปรับปรงุ หลักสตู รสถานศึกษาในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระ
ภมู ิศาสตรใ์ นกลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม และการงานอาชพี ใช้ในชัน้ ประถมศึกษา
ปที ี่ 1 – ๖ เพือ่ นำไปใช้ประโยชนแ์ ละเป็นกรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสตู รของสถานศึกษาและจัดการ
เรียนการสอน อีกท้งั ในปกี ารศึกษา 256๓ โรงเรยี นวัดบางกระเจ้าไดจ้ ัดการเรียนการสอนโดยเน้นให้ผู้เรียน
เกิดความรู้ มีคุณธรรมและเสริมสร้างทักษะอาชีพ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้มี
กระบวนการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัด
ประเมินผล ใหม้ ีความสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้ เปดิ โอกาสให้โรงเรยี นสามารถกำหนดทิศทางในการ
จัดทำหลกั สตู รการเรียนการสอนในแตล่ ะระดบั ตามความพร้อมและจดุ เนน้ โดยมีกรอบแกนกลางเป็นแนวทาง
ทีช่ ดั เจนเพอื่ ตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มีความพรอ้ มในการก้าวสู่สังคมคุณภาพ มีความรูอ้ ย่างแท้จริง
และมที กั ษะในศตวรรษท่ี 21

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในทุก
ระดับเห็นผลคาดหวังที่ต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสามารถช่วยให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างมั่นใจ ทำให้การจัดทำ
หลักสตู รในระดบั สถานศกึ ษามคี ุณภาพและมคี วามเป็นเอกภาพยงิ่ ข้ึน อีกทัง้ ยงั ช่วยใหเ้ กิดความชดั เจนเร่อื งการ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนา
หลกั สตู รในทกุ ระดับตั้งแตร่ ะดับชาตจิ นกระทั่งถึงสถานศึกษา จะตอ้ งสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้
และตวั ชว้ี ดั ท่กี ำหนดไวใ้ นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน รวมท้ังเป็นกรอบทศิ ทางในการจัดการศึกษา
ทกุ รูปแบบ และครอบคลมุ ผเู้ รียนทกุ กลมุ่ เปา้ หมายในระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน

การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่ายท่ี
เก่ยี วขอ้ งทงั้ ระดับชาติ ชุมชน ครอบครวั และบคุ คลต้องร่วมรบั ผิดชอบ โดยรว่ มกนั ทำงานอย่างเป็นระบบ และ
ต่อเนื่อง ในการวางแผน ดำเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรงุ แก้ไข เพื่อพัฒนาเยาวชน
ของชาติไปสู่คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ทก่ี ำหนดไว้

โรงเรยี นวดั บางกระเจา้

เร่อื ง ค

ประกาศโรงเรยี น หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
ส่วนที่ 1 ความนำ ค
1
ความนำ 1
วิสัยทศั น์/พนั ธกจิ 1
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 2
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 3
ทกั ษะ ๓R๘C 4
วิทยาการคำนวณ 4
ส่วนที่ 2 โครงสร้างเวลาเรยี น 5
สว่ นท่ี ๓ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 12
ส่วนท่ี ๔ คำอธิบายรายวชิ า 14
21
โครงสร้างรายวิชากลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี 41
ส่วนท่ี ๕ เกณฑ์การจบการศกึ ษา

ภาคผนวก



ส่วนที่ 1
ความนำ

หลักสูตรโรงเรียนวัดบางกระเจ้า พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช๒๕๖๐) เป็นแผนหรือแนวทาง หรือข้อกำหนดของ
การจัดการศึกษาของโรงเรียนวัดบางกระเจ้าที่จะใช้ในการจดั การเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคุณภาพ
ตามมาตรฐานที่กำหนด มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและ
ประกอบอาชีพที่สุจริต ตลอดจนการรู้จักอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น โดยมุ่งหวังให้มีความสมบูรณ์
ท้งั ด้านรา่ งกาย จติ ใจ และสติปัญญา อีกทง้ั มีความรู้และทกั ษะที่จำเปน็ สำหรับการดำรงชีวิตและมีคุณภาพได้
มาตรฐานสากล ดังนน้ั หลกั สูตรโรงเรียนวัดบางกระเจ้า พุทธศกั ราช 256๓ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศักราช๒๕๖๐) จงึ ประกอบด้วยสาระสำคัญของหลักสูตร
แกนกลาง สาระความรู้ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่น และสาระสำคัญที่โรงเรียนพัฒนาเพิ่มเติม โดยจัดเป็น
สาระการเรียนรรู้ ายวิชาพื้นฐานตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม จัดกิจกรรม
พัฒนาผู้เรียนเป็นรายปีในระดบั ประถมศกึ ษา และกำหนดคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรยี น

วสิ ยั ทศั น์

ภายในปี 256๖ โรงเรียนวัดบางกระเจ้าเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ครูมีความเป็นมืออาชีพในการ
พัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการควบคู่คุณธรรม จริยธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมความสามารถตาม
ศักยภาพของผ้เู รียน มกี ารบริหารจัดการอย่างเปน็ ระบบ และมปี ระสิทธิภาพ

พันธกิจ

แนวปฏบิ ัติและบทบาทหน้าทีข่ องโรงเรยี นวดั บางกระเจา้ ทตี่ อ้ งทำ เพ่อื ใหบ้ รรลวุ ิสยั ทัศน์ มดี ังน้ี

๑. จดั การศึกษาอย่างมีคุณภาพทุกระดับ เพอ่ื เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซยี น
๒. จดั การเรยี นรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคญั และตามจดุ เนน้ การพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี น
๓. ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะ สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย ตามแนวปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพยี ง
๔. พัฒนาครูให้มีความรู้ความสามรถในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครบถ้วนตาหลักสูตร

โดยใชส้ ่ือนวัตกรรม เทคโนโลยเี พ่ือตอบสนองตอ่ ความต้องการของผู้เรียน
๕. พัฒนาระบบดแู ลชว่ ยเหลือ และการแนะแนว
๖. สง่ เสริมการออกกำลัง การเล่นกีฬา ดนตรี เพ่ือสขุ ภาพ และเพอ่ื การเข้ารว่ มแข่งขนั
๗. ส่งเสริมให้นักเรียนได้รับการพัฒนาคุณธรรม ให้สอดคล้องกับคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ของ

โรงเรียนที่ตั้งไว้ และนักเรยี นเป็นผ้มู ีสมรรถนะตามทีโ่ รงเรยี นต้องการครบถ้วน
๘. ส่งเสรมิ ให้ครมู กี ารพฒั นาศกั ยภาพตรงตามมาตรฐานวิชาชพี



สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

ในการพัฒนาผเู้ รียนโรงเรยี นวดั บางกระเจ้า ม่งุ เนน้ พัฒนาผู้เรยี นให้มีคุณภาพตามมาตรฐานทีก่ ำหนด
ซ่งึ จะช่วยให้ผู้เรยี นเกิดสมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังน้ี

๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร เปน็ ความสามารถในการรบั และสง่ สาร มวี ฒั นธรรมในการใชภ้ าษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคมรวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด
ปัญหาความขัดแย้งต่างๆการเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ
เลอื กใชว้ ธิ ีการสือ่ สาร ทมี่ ีประสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบทมี่ ตี อ่ ตนเองและสงั คม

๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง
สรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ
เพอ่ื การตดั สนิ ใจเกีย่ วกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม

๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆที่เผชญิ ได้
อย่างถกู ต้องเหมาะสม บนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข
ปญั หา และมีการตัดสนิ ใจทม่ี ีประสิทธิภาพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่เี กดิ ข้นึ ตอ่ ตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล้อม

๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
ในการดำเนนิ ชีวิตประจำวนั การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง การเรยี นรอู้ ยา่ งต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันใน
สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ่ีส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน

๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ และ
มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน
การแกป้ ัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม



คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

โรงเรียนวดั บางกระเจา้ มุ่งพฒั นาผ้เู รียนใหม้ ีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่อื ใหส้ ามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ในสังคมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดงั นี้

๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
 มีพฤติกรรมทีแ่ สดงถึงการเคารพ การเทิดทนู สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
 เข้ารว่ มกิจกรรมทางพุทธศาสนา และวันสำคญั ของชาติ
๒. ซื่อสตั ยส์ ุจริต
 ไม่ลกั ขโมย
 ไมพ่ ูดปด
๓. มวี ินยั
 มาโรงเรียนแตเ่ ชา้ ปฏิบัติกิจกรรมหน้าเสาธงอย่างสมำ่ เสมอ
 ปฏิบัติตนตามระเบยี บของโรงเรยี นและสังคม
๔. ใฝ่เรียนรู้
 แสวงหาความรู้อยู่เสมอ มนี สิ ยั รักการอ่านและการเขียน
 มีทักษะการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียนอย่างสร้างสรรค์
๕. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
 รจู้ กั เก็บอออม
 ประหยดั พลังงานและส่งิ ของเครือ่ งใช้
๖. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
 ขยันหมั่นเพียร มคี วามอดทน อดกลั้น
 ทำงานรว่ มกับผูอ้ นื่ และมที กั ษะเป็นผนู้ ำ และผ้ตู ามทดี่ ี
๗. รกั ความเป็นไทย
 มจี ติ สำนึกในความเป็นไทย
 มคี วามชนื่ ชม และเขา้ ร่วมกจิ กรรมเกี่ยวกับวฒั นธรรมและประเพณไี ทย
๘. มีจิตสาธารณะ
 รักษาสง่ิ แวดล้อม รกั ษาความสะอาดของโรงเรียนและชุมชน ไมท่ ำลายสาธารณะสมบตั ิ
 มีความรักความสามัคคีเห็นอกเห็นใจ เอื้ออาทรต่อคนรอบข้าง ช่วยเหลือสังคมได้อย่าง

เหมาะสมเมื่อมโี อกาส



ทักษะ ๓R 8C

การพฒั นาผู้เรียนโรงเรยี นวัดบางกระเจ้า มงุ่ เนน้ พัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีทักษะ ๓R 8C ดังน้ี
๓R คอื Reading อ่านออก (W) Riting เขียนได้ (A) Rithmatic มีทกั ษะในการคำนวณ
๘C คือ ⚫ Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิด
อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และแกไ้ ขปัญหาได้
⚫ Creativity and Innovation : คดิ อย่างสรา้ งสรรค์ คดิ เชิงนวัตกรรม
⚫ Collaboration Teamwork and Leadership : ความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ
⚫ Communication Information and Media Literacy : ทกั ษะในการส่ือสาร และการร้เู ท่าทนั สอื่
⚫ Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคิดข้าม
วัฒนธรรม
⚫ Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการรู้เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งเยาวชน
ในยุคปัจจุบนั มีความสามารถดา้ นคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยอี ยา่ งมากหรือเป็น Native Digital สว่ นคนรุ่นเก่าหรือ
ผสู้ ูงอายเุ ปรยี บเสมอื นเป็น Immigrant Digital แตเ่ ราต้องไม่อายทีจ่ ะเรยี นรแู้ มว้ า่ จะสูงอายแุ ล้วก็ตาม
⚫ Career and Learning Skills : ทักษะทางอาชพี และการเรียนรู้
⚫ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะพื้นฐานสำคัญของ
ทกั ษะข้นั ต้นท้ังหมด และเปน็ คณุ ลกั ษณะท่เี ด็กไทยจำเปน็ ต้องมี

วทิ ยาการคำนวณ

วิทยาการคำนวณ ประกอบด้วย ๓ องค์ความรู้ ดังนี้
1. การคดิ เชงิ คำนวณ (computational thinking) คือ เข้าใจและเรยี นรวู้ ิธีคิดและแก้ปัญหาเชิงวเิ คราะห์
มลี ำดบั วิธคี ดิ ซงึ่ นอกจากการเรยี นการเขยี นโปรแกรมแลว้ หวั ใจท่ีสำคัญกว่า คือ สอนให้เราเช่อื มโยงปญั หา
ต่าง ๆ และแกไ้ ขปญั หาได้
2. ใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสม (digital technology) ทง้ั เทคนิควิธีการตา่ ง ๆ เกีย่ วกับเทคโนโลยดี จิ ิทัลใน
ยุค 4.0 และเปน็ ทางเลอื กในการบรู ณาการเขา้ กับวชิ าอ่ืนได้ดว้ ย
3. รูเ้ ทา่ ทันสอื่ และเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั (media and information literacy) พูดง่าย ๆ คือ แยกแยะไดว้ ่า
ขอ้ มูลไหนเป็นจริงหรอื หลอกลวง ร้กู ฎหมายและลขิ สทิ ธิต์ ่าง ๆ บนโลกไซเบอร์ เพือ่ ใหใ้ ช้งานกนั ได้อย่างถูกต้อง
และปลอดภยั



ส่วนที่ 2
โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรยี นวดั บางกระเจ้า

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ /กจิ กรรม ระดับประถมศึกษา / เวลาเรยี น
ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6

ภาษาไทย 200 200 200 160 160 160
คณิตศาสตร์ 160 160 160 160 160 160

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๐0 ๑๐0 ๑๐0 ๑๒0 ๑๒0 ๑๒0

สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม 40 40 40 80 80 80

 ศาสนาศีลธรรม จรยิ ธรรม

 หน้าทพี่ ลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนนิ ชีวิต ฯ

 เศรษฐศาสตร์ 40 40 40 40 40 40

 ภมู ศิ าสตร์

 ประวัตศิ าสตร์

สขุ ศกึ ษา และพลศึกษา 40 40 40 80 80 80

ศลิ ปะ 40 40 40 80 80 80

การงานอาชพี ๒0 ๒0 ๒0 ๔0 ๔0 ๔0

ภาษาองั กฤษ 200 200 200 80 80 80

รวมเวลาเรยี นพื้นฐาน 840 840 840 840 840 840

รายวชิ าเพ่ิมเติม

หน้าท่ีพลเมือง 40 40 40 40 40 40

สารพัดประโยชนจ์ ากต้นจาก 40 40 40 40 40 40

กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น

 กิจกรรมแนะแนว 40 40 40 40 40 40

 กจิ กรรมนกั เรยี น

- ลกู เสอื /เนตรนารี 40 40 40 40 40 40

- ชุมนมุ 30 30 30 30 30 30

 กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 10 10 10 10 10

รวมเวลากิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 120 120 120 120 120 120

รวมเวลาทัง้ หมด 1,0๔0 ชัว่ โมง 1,0๔0 ช่ัวโมง



โครงสร้างหลักสตู รระดับชนั้ ปี

ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1

รายวชิ า / กิจกรรม เวลาเรยี น (ช่ัวโมง / ปี)
รายวชิ าพน้ื ฐาน 840
200
ท 11101 ภาษาไทย 160
ค 11101 คณติ ศาสตร์ ๑๐0
ว 11101 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 40
ส 11101 สงั คมศึกษา 40
ส 11102 ประวัตศิ าสตร์ 40
พ 11101 สุขศึกษา และพลศึกษา 40
ศ 11101 ศลิ ปะ ๒0
ง 11101 การงานอาชพี 200
อ 11101 ภาษาองั กฤษ ๘0
40
รายวิชาเพ่มิ เติม 40
ส 11201 หน้าที่พลเมือง 120
ง 1๑๒01 สารพัดประโยชนจ์ ากต้นจาก 40

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน 40
กจิ กรรมแนะแนว 30
กจิ กรรมนกั เรียน 10
1,0๔0
- ลูกเสอื / เนตรนารี
- ชมุ นุม
กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรียนทง้ั สิน้



โครงสรา้ งหลักสตู รระดบั ชน้ั ปี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2

รายวิชา / กจิ กรรม เวลาเรียน (ช่ัวโมง / ปี)
840
รายวชิ าพ้นื ฐาน 200
ท 12101 ภาษาไทย 160
ค 12101 คณติ ศาสตร์ 100
ว 12101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40
ส 12101 สังคมศกึ ษา 40
ส 12102 ประวัติศาสตร์ 40
พ 12101 สุขศึกษา และพลศึกษา 40
ศ 12101 ศิลปะ 20
ง 12101 การงานอาชพี 200
อ 12101 ภาษาองั กฤษ ๘0
40
รายวิชาเพิม่ เติม 40
ส 12201 หน้าทพี่ ลเมอื ง 120
ง 1๒๒01 สารพดั ประโยชนจ์ ากตน้ จาก 40

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน 40
30
กิจกรรมแนะแนว 10
กิจกรรมนักเรียน 1,0๔0

- ลกู เสอื / เนตรนารี
- ชุมนมุ
กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทงั้ ส้ิน



โครงสรา้ งหลักสูตรระดับชน้ั ปี
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3

รายวิชา / กจิ กรรม เวลาเรียน (ชั่วโมง / ปี)
รายวชิ าพนื้ ฐาน 840
ท 13101 ภาษาไทย 200
ค 13101 คณิตศาสตร์ 160
ว 13101 วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑๐0
ส 13101 สงั คมศึกษา 40
ส 13102 ประวตั ศิ าสตร์ 40
พ 13101 สุขศกึ ษา และพลศึกษา 40
ศ 13101 ศลิ ปะ 40
ง 13101 การงานอาชพี ๒0
อ 13101 ภาษาองั กฤษ 200
รายวชิ าเพมิ่ เติม ๘0
ส 13201 หนา้ ที่พลเมอื ง 40
ง 1๓๒01 สารพัดประโยชนจ์ ากตน้ จาก 40
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 120
กจิ กรรมแนะแนว 40
กจิ กรรมนักเรยี น
- ลูกเสือ / เนตรนารี 40
- ชมรม ชมุ นุม 30
กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ 10
รวมเวลาเรียนทงั้ สน้ิ 1,0๔0



โครงสร้างหลกั สูตรระดบั ชน้ั ปี
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4

รายวชิ า / กจิ กรรม เวลาเรยี น (ช่ัวโมง / ปี)
840
รายวิชาพืน้ ฐาน 160
ท 14101 ภาษาไทย 160
ค 14101 คณิตศาสตร์ ๑๒0
ว 14101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
ส 14101 สงั คมศกึ ษา 40
ส 14102 ประวัติศาสตร์ 80
พ 14101 สขุ ศกึ ษา และพลศึกษา 80
ศ 14101 ศลิ ปะ ๔0
ง 14101 การงานอาชพี 80
อ 14101 ภาษาองั กฤษ ๘0
40
รายวิชาเพม่ิ เติม 40
ส 14201 หนา้ ทพ่ี ลเมือง 120
ง 1๔๒01 สารพดั ประโยชน์จากตน้ จาก 40

กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน 40
กจิ กรรมแนะแนว 30
กจิ กรรมนกั เรียน 10
1,0๔0
- ลกู เสอื / เนตรนารี
- ชมรม ชมุ นุม
กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทง้ั สนิ้

๑๐

โครงสรา้ งหลักสูตรระดบั ช้นั ปี
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 5

รายวิชา / กิจกรรม เวลาเรยี น (ชั่วโมง / ป)ี
รายวชิ าพนื้ ฐาน 840
ท 15101 ภาษาไทย 160
ค 15101 คณิตศาสตร์ 160
ว 15101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120
ส 15101 สงั คมศกึ ษา 80
ส 15102 ประวตั ิศาสตร์ 40
พ 15101 สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา 80
ศ 15101 ศลิ ปะ 80
ง 15101 การงานอาชีพ 40
อ 15101 ภาษาอังกฤษ 80
รายวิชาเพิ่มเติม ๘0
ส 15201 หน้าท่พี ลเมอื ง 40
ง 1๕๒01 สารพัดประโยชน์จากต้นจาก 40
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 120
กิจกรรมแนะแนว 40
กิจกรรมนกั เรยี น
- ลูกเสือ / เนตรนารี 40
- ชมรม ชมุ นมุ 30
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ 10
รวมเวลาเรยี นทง้ั สน้ิ 1,0๔0

๑๑

โครงสร้างหลกั สูตรระดับชน้ั ปี
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6

รายวชิ า / กิจกรรม เวลาเรยี น (ชั่วโมง / ป)ี
840
รายวิชาพน้ื ฐาน 160
ท 16101 ภาษาไทย 160
ค 16101 คณิตศาสตร์ ๑๒๐
ว 16101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
ส 16101 สงั คมศกึ ษา 40
ส 16102 ประวตั ศิ าสตร์ 80
พ 16101 สุขศึกษา และพลศกึ ษา 80
ศ 16101 ศลิ ปะ ๔0
ง 16101 การงานอาชีพ 80
อ 16101 ภาษาองั กฤษ ๘0
40
รายวชิ าเพม่ิ เติม 40
ส 16201 หนา้ ท่พี ลเมือง 120
ง 1๖๒01 สารพัดประโยชนจ์ ากตน้ จาก 40

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 40
กจิ กรรมแนะแนว 30
กจิ กรรมนักเรยี น 10
1,0๔0
- ลูกเสือ / เนตรนารี
- ชมรม ชมุ นุม
กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทงั้ สน้ิ

๑๒

ส่วนท่ี ๓
ผลการเรยี นรู้

ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑
1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับประวตั ิความเป็นมาของตน้ จาก
2. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นจาก
3. มีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับสรรพคุณและประโยชน์ของตน้ จาก
4. นำความรเู้ กยี่ วกบั ตน้ จากไปสร้างสรรค์ผลงานได้อยา่ งเหมาะสม
5. เห็นคณุ คา่ และรจู้ ักการอนุรกั ษ์ตน้ จากในท้องถน่ิ

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 2
1. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับประวัติความเปน็ มาของต้นจาก
2. มคี วามรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นจาก
3. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั สรรพคณุ และประโยชนข์ องต้นจาก
4. นำความรู้เกย่ี วกับตน้ จากไปสรา้ งสรรค์ผลงานและนำไปประยุกต์ในการประกอบอาชพี ได้อย่าง
เหมาะสม
5. เห็นคณุ คา่ และรู้จกั การอนรุ ักษต์ ้นจากในทอ้ งถ่นิ

ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3
1. รู้จกั ประวัตคิ วามเป็นมาและบอกลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นจากได้
2. บอกสรรพคณุ และประโยชนข์ องตน้ จาก
3. บอกหลักการ วธิ ีการและขนั้ ตอนการผลิตผลงานของต้นจากได้
4. นำความรไู้ ด้ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน และเปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพต่อไปได้
5. เหน็ คณุ คา่ และรู้จักการอนรุ กั ษ์ตน้ จากในท้องถิน่

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4
1. บอกความสำคญั และประโยชน์ของตน้ จากได้
2. บอกหลักการ วิธกี ารและข้นั ตอนการผลติ ผลงานจากต้นจากได้
3. สรา้ งสรรค์ผลงานเกี่ยวกับต้นจากอยา่ งเหมาะสม
4. นำความรู้เกีย่ วกบั ตน้ จากไปประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม
5. รจู้ ักอนรุ ักษ์และใช้ทรพั ยากรอย่างคุ้มค่า และถูกวธิ ี

ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5
1. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ต้นจาก และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันอยา่ งเหมาะสม
2. มีทกั ษะและสามารถสร้างผลิตภณั ฑ์ท้องถิน่ จากตน้ จาก
3. สรา้ งสรรค์ผลงานเกี่ยวกับตน้ จากอย่างหลากหลาย
4. มที ักษะในการประกอบอาชีพเก่ยี วกับต้นจาก
5. รจู้ ักอนุรกั ษแ์ ละใช้ทรัพยากรอยา่ งคุ้มค่า และถูกวธิ ี

๑๓
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6

1. มีความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับต้นจาก และสามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั อย่างเหมาะสม
2. มีทกั ษะ กระบวนการ วางแผนในการผลิตผลิตภณั ฑ์จากต้นจากรว่ มกบั ผู้อ่นื ได้
3. สร้างสรรค์ผลงานจนสามารถนำไปประกอบอาชีพของตนเองได้
4. นำทักษะ ความรูเ้ กยี่ วกบั ต้นจากไปสร้างผลติ ภณั ฑ์ท้องถ่นิ ได้อย่างเหมาะสม
5. รจู้ กั อนรุ กั ษแ์ ละใชท้ รัพยากรอยา่ งคุ้มค่า และถูกวธิ ี

คำอธบิ ายรายวชิ า

๑๔

ส่วนที่ ๔

คำอธิบายรายวชิ า/โครงสร้างรายวชิ า

คำอธิบายรายวิชาเพมิ่ เติม

ง ๑๑๒๐๑ สารพัดประโยชน์จากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา

๔๐ ชว่ั โมง

ศึกษา สบื คน้ เกี่ยวกับประวตั ิความเป็นมา ระบบนเิ วศ ขอ้ มูลเกย่ี วกับลักษณะทางกายภาพ สรรพคุณ
ประโยชน์และการประกอบอาชีพที่ได้มาจากส่วนต่าง ๆ ของต้นจาก และฝึกปฏิบัติการประกอบอาชีพจาก
ผลผลิตของต้นจาก ปลูกฝังให้ผู้เรียนซึ่งอยู่ในฐานะที่เป็นสมาชิกของชุมชน เกิดความรักความภูมิใจในชุมชน
ของตนเอง มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ต้นจากซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมในชุมชนและท้องถิ่น สามารถอธิบายขั้นตอน
กระบวนการทำผลิตภณั ฑจ์ ากต้นจาก และประกอบอาชีพจากตน้ จากได้อยา่ งเหมาะสม

เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ระบบนิเวศ ลักษณะกายภาพ
สรรพคุณประโยชนข์ องตน้ จาก ตระหนกั รถู้ งึ ความสำคัญของการอนุรักษ์ทรพั ยากรท้องถน่ิ วางแผนการทำงาน
ได้อย่างมแี บบแผนและ สามารถทำงานร่วมกับผู้อน่ื ได้ ช่วยเหลือครอบครัวได้ตามความเหมาะสมแก่วัย มีเจต
คติท่ดี ีตอ่ อาชีพสุจริต สามรถนำความรู้เก่ียวกับทรัพยากรท้องถนิ่ (ต้นจาก)ไปประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม

ผลการเรยี นรูส้ ารพัดประโยชนจ์ ากตน้ จาก

1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั ประวตั ิความเป็นมาของตน้ จาก
2. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นจาก
3. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับสรรพคุณและประโยชนข์ องต้นจาก
4. นำความรู้เกยี่ วกบั ตน้ จากไปสรา้ งสรรคผ์ ลงานได้อยา่ งเหมาะสม
5. เหน็ คณุ ค่าและรู้จักการอนุรักษต์ ้นจากในทอ้ งถ่นิ

รวมทั้งหมด 5 ผลการเรยี นรู้

๑๕

คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเติม

ง ๑๒๒๐๑ สารพัดประโยชน์จากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา

๔๐ ช่ัวโมง

ศึกษา สืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นจาก ลำตน้
ราก ใบ ดอก ผล สรรพคุณและประโยชน์ของต้นจาก พร้อมทั้งฝึกปฏิบัตใิ นการประกอบอาชีพจากต้นจาก
และปลูกฝังให้นกั เรียนรูจ้ กั การรกั ษา และแนวทางการอนุรักษ์ต้นจาก จนสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่ได้อย่าง
เหมาะสม ก่อให้เกิดความรักความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง และอธิบายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพใน
ชุมชน กระบวนการผลติ และจำหน่ายผลติ ภัณฑ์จากตน้ จาก

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ลักษณะทางพฤกษศาสตรข์ องต้นจาก ลำต้น ราก ใบ ดอก ผล
สรรพคุณ รู้จักประโยชนข์ องตน้ จาก พร้อมทัง้ มีทักษะในการประกอบอาชีพจากต้นจาก เลอื กและจดั การอาชีพ
ที่สุจรติ มีคุณธรรม มีเจตคติท่ีดีต่ออาชีพ มีการทำงานเป็นกลุ่มรว่ มคิด แก้ปัญหาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพและมี
เหตุผล

ผลการเรียนรู้สารพดั ประโยชนจ์ ากต้นจาก
1. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั ประวตั ิความเปน็ มาของตน้ จาก
2. มีความร้คู วามเขา้ ใจเก่ียวกับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นจาก
3. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับสรรพคณุ และประโยชน์ของต้นจาก
4. นำความรูเ้ กยี่ วกับตน้ จากไปสรา้ งสรรค์ผลงานและนำไปประยุกต์ในการประกอบอาชีพได้อยา่ ง
เหมาะสม
5. เหน็ คุณค่าและรจู้ กั การอนรุ กั ษต์ ้นจากในทอ้ งถิน่

รวมทั้งหมด 5 ผลการเรียนรู้

๑๖

คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม

ง ๑๓๒๐๑ สารพัดประโยชนจ์ ากต้นจาก กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี

ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา

๔๐ ช่ัวโมง

ศึกษา สืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะของต้นจากและประโยชน์ของต้น
จาก พร้อมทั้งวิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติในการประกอบอาชีพจากต้นจาก และปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักการรักษา
การอนุรักษ์ต้นจาก จนสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่ได้อย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดความรักความภาคภูมิใจใน
ท้องถิ่นของตนเอง และอธิบายเก่ียวกับการประกอบอาชีพในชุมชน กระบวนการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
จากตน้ จาก

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ รู้จักประโยชน์ของต้นจาก ฝึกปฏิบัติให้เกิดทักษะในการ
ทำงาน มีความรู้ความเข้าใจในงานอาชพี มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน พร้อมทั้งมีทักษะใน
การประกอบอาชีพจากต้นจาก เลือกและจัดการอาชีพที่สุจริต มีคุณธรรม มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ มีการทำงาน
เปน็ กลมุ่ รว่ มคดิ แกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพและมเี หตผุ ลและมีทักษะในการจดั การและนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจำวันได้

ผลการเรยี นรู้สารพดั ประโยชนจ์ ากตน้ จาก
1. รู้จกั ประวัตคิ วามเป็นมาและบอกลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตน้ จากได้
2. บอกสรรพคณุ และประโยชน์ของตน้ จาก
3. บอกหลกั การ วิธีการและข้นั ตอนการผลติ ผลงานของตน้ จากได้
4. นำความรู้ได้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน และเปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพต่อไปได้
5. เหน็ คุณคา่ และรูจ้ ักการอนรุ ักษ์ต้นจากในท้องถน่ิ

รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้

๑๗

คำอธิบายรายวชิ าเพิม่ เติม

ง ๑๔๒๐๑ สารพดั ประโยชนจ์ ากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี

ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา

๔๐ ช่วั โมง

ศึกษา สืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะของต้นจากและประโยชน์ของต้น
จาก พร้อมทั้งวิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติในการประกอบอาชีพจากต้นจาก และปลูกฝังใหน้ ักเรียนรู้จักการรักษา การ
อนุรักษ์ตน้ จาก จนสามารถนำความร้ไู ปเผยแพร่ได้อยา่ งเหมาะสม ก่อให้เกดิ ความรักความภาคภูมิใจในท้องถิ่น
ของตนเอง และอธิบายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพในชุมชน กระบวนการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากต้น
จาก

เพือ่ ให้ผูเ้ รยี นมีความรู้ความเข้าใจ รจู้ ักประโยชนข์ องต้นจาก ฝกึ ปฏิบตั ิใหเ้ กดิ ทักษะในการทำงาน มี

ความรู้ความเข้าใจในงานอาชีพ มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน พร้อมทั้งมีทักษะในการ
ประกอบอาชีพจากต้นจาก เลือกและจัดการอาชีพที่สุจริต มีคุณธรรม มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ มีการทำงานเป็น
กลุ่มร่วมคิด แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเหตุผลและมีทักษะในการจัดการและนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวันได้

ผลการเรียนรู้สารพดั ประโยชน์จากตน้ จาก
1. บอกความสำคัญและประโยชนข์ องต้นจากได้
2. บอกหลักการ วิธีการและขน้ั ตอนการผลิตผลงานจากตน้ จากได้
3. สร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับต้นจากอย่างเหมาะสม
4. นำความรเู้ กยี่ วกบั ต้นจากไปประกอบอาชีพได้อยา่ งเหมาะสม
5. รูจ้ ักอนรุ กั ษแ์ ละใชท้ รพั ยากรอย่างคุ้มคา่ และถูกวิธี

รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้

๑๘

คำอธิบายรายวชิ าเพม่ิ เติม

ง ๑๕๒๐๑ สารพดั ประโยชนจ์ ากต้นจาก กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี

ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา

๔๐ ชั่วโมง

ศึกษา สืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะของต้นจากและประโยชน์ของต้น
จาก พร้อมทั้งวิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติในการประกอบอาชีพจากต้นจาก และปลูกฝังใหน้ ักเรียนรู้จกั การรกั ษา การ
อนรุ ักษ์ตน้ จาก จนสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่ได้อยา่ งเหมาะสม ก่อให้เกดิ ความรกั ความภาคภูมิใจในท้องถ่ิน
ของตนเอง และอธิบายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพในชุมชน กระบวนการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากต้น
จาก

เพ่ือให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ความเข้าใจ รู้จกั ประโยชนข์ องต้นจาก พรอ้ มทัง้ มีทักษะในการประกอบอาชีพ
จากต้นจาก เลือกและจัดการอาชีพที่สุจริต มีคุณธรรม มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ มีการทำงานเป็นกลุ่มร่วมคิด
แก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพและมีเหตผุ ล

ผลการเรยี นรู้สารพดั ประโยชนจ์ ากต้นจาก
1. มคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับต้นจาก และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันอย่างเหมาะสม
2. มที ักษะและสามารถสรา้ งผลติ ภัณฑท์ ้องถ่ินจากตน้ จาก
3. สรา้ งสรรคผ์ ลงานเกีย่ วกับตน้ จากอยา่ งหลากหลาย
4. มีทกั ษะในการประกอบอาชีพเกี่ยวกบั ต้นจาก
5. รูจ้ กั อนรุ ักษแ์ ละใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และถูกวิธี

รวมทั้งหมด 5 ผลการเรียนรู้

๑๙

คำอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม

ง ๑๖๒๐๑ สารพดั ประโยชนจ์ ากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ

ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลา

๔๐ ช่ัวโมง

ศึกษา สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพ สรรพคุณ ประโยชน์ของต้นจาก พร้อมวิเคราะห์
และฝึกปฏิบัติการประกอบอาชีพจากผลผลิตของต้นจาก ปลูกฝังให้ผู้เรียนซึ่งอยู่ในฐานะที่เป็นสมาชิกของ
ชุมชน เกิดความรักความภูมิใจในชุมชนของตนเอง มีสว่ นรว่ มในการอนุรักษ์ตน้ จากซง่ึ เปน็ ส่งิ แวดล้อมในชุมชน
และท้องถิ่น สามารถอธิบายขั้นตอนกระบวนการทำผลิตภัณฑ์จากต้นจาก และประกอบอาชีพจากต้นจากได้
อย่างเหมาะสม

เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพ ประโยชน์ของต้นจากตระหนักรู้ถงึ
ความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่น วางแผนการทำงานได้อย่างมีแบบแผนและ สามารถทำงาน
ร่วมกับผู้อื่นได้ ช่วยเหลือครอบครัวได้ตามความเหมาะสมแก่วัย มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต สามรถนำความรู้
เก่ยี วกบั ทรัพยากรท้องถ่นิ (ตน้ จาก)ไปประกอบอาชพี ได้อย่างเหมาะสม

ผลการเรยี นรู้สารพดั ประโยชนจ์ ากตน้ จาก
1. มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับต้นจาก และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั อย่างเหมาะสม
2. มีทักษะ กระบวนการ วางแผนในการผลติ ผลติ ภณั ฑ์จากต้นจากรว่ มกบั ผอู้ ื่นได้
3. สรา้ งสรรคผ์ ลงานจนสามารถนำไปประกอบอาชีพของตนเองได้
4. นำทกั ษะ ความร้เู กี่ยวกบั ต้นจากไปสรา้ งผลิตภณั ฑ์ท้องถิน่ ได้อยา่ งเหมาะสม
5. รจู้ ักอนรุ กั ษ์และใชท้ รพั ยากรอย่างคุ้มค่า และถูกวธิ ี

รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้

๒๐

โครงสร้างรายวิชา

๒๑

โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เติม

ง๑๑๒๐๑ สารพดั ประโยชนจ์ ากต้นจาก กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี

ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง

หนว่ ยที่ ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
ชั่วโมง ๒๐

๑ ประวตั ิความเปน็ มา ข้อ ๑ สาระสำคัญ ๕

ของจาก เป็นพืชจำพวกปาล์ม เป็นปาล์ม

เพียงชนิดเดียวที่เป็นพืชในป่าชายเลน

และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เป็นพืชเก่าแก่มาก

ชนิดหนึ่ง มีซากดึกดำบรรพ์ อายุถึง 70

ล้านปี พบได้ทั่วไปในเอเชีย เอเชีย

ตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งน้ำจืดและกร่อย

และมีน้ำเต็มขึ้นถึง เป็นดงขนาดใหญ่

เรยี กว่า ปา่ จาก ดงจาก เติบโตได้ดีในดิน

โคลนตามป่าชายเลนบริเวณริมคลองที่

ไม่มีร่มเงาปะปน อยู่ในช่วงน้ำจืดและ

กร่อยปนกัน บนบกที่น้ำท่วมถึงก็ขึ้นได้

เช่นกัน สามารถกนั ยงุ ได้

สาระการเรียนรู้

- ความเป็นมาของต้นจาก

- ระบบนเิ วศในป่าจาก

๒ ลักษณะทาง ขอ้ ๒ สาระสำคญั 6 20
พฤกษศาสตร์ของจาก
จากเปน็ พชื ท่ีมลี ำตน้ อยู่ใต้ดิน ต้นตั้ง

ตรง ใบแทงขึ้นจากกอ ช่อดอกแทงเป็น

งวงออกมาจากกาบใย ส่วนท่ีเราเห็นของ

จาก คอื ส่วนใบและชอ่ ดอกเทา่ น้ัน ทโี่ คน

ใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชูข้ึน

เหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้งเรียก

"พอนใบ" สว่ นช่อดอกที่แทงออกมาเรียก

"นกจาก"ใบที่โผล่ขึ้นมานั้น อาจชูขึ้นไป

สูงได้ถึง 9 เมตร โดยไม่มีส่วนของลำต้น

ให้เห็นเลย ดอกของปาล์มเป็นลักษณะ

ช่อ สีเหลืองแสด กลม ดอกตัวเมียที่

ปลาย ดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อดอก ส่วน

ผลนั้นมีเปลือกแข็ง กระจุกเป็นทะลาย

๒๒

หลายผล เปลอื กสีน้ำตาล เรียกว่า "โหม่ง
จาก"ขา้ งในมีเน้อื เมล็ดสขี าว

๒๓

หน่วยที่ ชอื่ หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ชั่วโมง 20
มีปริมาณเนื้อไม่มากนัก รับประทานได้
๓ สรรพคุณ และ รสชาติคล้ายลูกตาลสด เมื่อสุกเต็มที่ผล 6
ประโยชนข์ องตน้ จะแยกจากกลุ่ม ลอยน้ำ สามารถแพร่
จาก พันธุ์ไปได้ไกล ๆ บางครั้งก็แตกหน่อ
ขณะยงั ลอยน้ำ
สาระการเรียนรู้

- สว่ นประกอบของต้นจาก
- การขยายพนั ธตุ์ ้นจาก
ขอ้ ๓ สาระสำคญั
สรรพคุณของจาก
-ใบจากนำมาใช้ต้มดื่มแก้อาการท้องร่วง
ได้ (ใบ)
-กลีบดอกของดอกจากสามารถนำมาใช้
เป็นส่วนผสมของชาสมุนไพรได้ (กลีบ
ดอก)
ประโยชน์ของจาก
1. - ลกู จากออ่ นหรอื ผลออ่ น สามารถนำไป
แกงทำเป็นอาหาร ต้มกินกับน้ำพริก
หรือใช้เชื่อมรับประทานเป็นขนมหวาน
หรอื รบั ประทานร่วมกบั ไอศกรมี
2. - ผลจากที่สุกแล้วจะมีเนื้อเยื่อสีขาวและ
ใส น่มุ มรี สหวาน ใช้รับประทานเปน็ ของ
หวาน หรอื ที่เรยี กวา่ "ลกู จากเชอ่ื ม"
3. - ผลอ่อนที่แตกหน่อจะมีจาวจากอยู่ข้าง
ใน สามารถนำมารบั ประทานได้
4. - น้ำหวานของต้นจาก (ปลายช่อดอก)
หรือที่เรียกว่า "น้ำตาลจาก" มีรสชาติ
เหมือนกับน้ำตาลโตนด และยังสามารถ
นำไปเคี่ยวเพื่อทำเป็น "น้ำผึ้งจาก" ได้
ด้วย และจะได้ "น้ำตาลปกึ "
5. - งวงจากหนมุ่ สามารถนำมาใช้ทำเป็นไม้
กวาด
6. – ใบจากสามารถนำมาใช้ห่อขนมจาก
7. - ทางจาก สามารถนำมาทำปลอก
สำหรบั แจวเรอื
สาระการเรยี นรู้
- สรรพคณุ ของต้นจาก
- ประโยชน์ของต้นจาก

๒๔

หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ช่ัวโมง

๔ การประกอบอาชีพ ขอ้ ๔ สาระสำคัญ 20 30
จากผลผลติ ของต้น
- ต้นจากมปี ระโยชนม์ ากมายหลากหลาย

จาก อาทิเช่น ใบจากนำมาทำฝาบ้าน มุง
หลังคา มวนบุหรี่ ทำภาชนะต่าง ๆ เช่น
หมวก ภาชนะตักน้ำ ไม้กวาด ที่เป็น

อาหารได้แก่ ผล ยอดอ่อน และการปาด
น้ำหวานจากต้นจากเพื่อทำน้ำตาล
น้ำส้ม สายชู แอลกอฮอล์ เครื่องดื่ม จึง

เรียกว่าเป็นไม้คู่ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่
ชายฝั่งกัน ต่อมาสภาพสังคมและ
เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงของเดมิ ที่มคี ุณคา่

และเป็นทรัพยากรประจำท้องถิ่นก็ถูก
แทนที่ด้วยของใหม่ มีการบรรจุหีบห่อ
สวยงามจนของเดิมไม่เป็นที่นิยมของคน

รุ่นใหม่ นี่เองเป็นปัญหาของคำว่า
เศรษฐกจิ พอเพียง และคำว่าทรัพยากรที่
ใชอ่ ยา่ งย่ังยนื

-การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งให้
สมาชิกใน ครอบครัวหรือเพ่ือนในโอกาส
ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผล

งานท่มี ีคุณภาพ

สาระการเรียนรู้
- กระบวนการประกอบอาชพี
- การนำส่วนต่าง ๆมาใช้ในการ

ประกอบอาหาร
- การประดษิ ฐข์ องใช้ ของตกแตง่

5 แนวทางการ ขอ้ 5 สาระสำคญั 3 10
อนุรกั ษต์ น้ จาก ในการดแู ลไรจ่ ากปลกู หรือสวน

จากน้ัน มีวธิ ีการท่ีสบื ทอดมา จึงเน้นการ
บำรุงรกั ษาและการตดั แตง่ ใบ โดยจะตัด
เฉพาะใบที่แก่จดั เทา่ น้นั เหลือไว๕้ - ๗
ใบต่อต้น ท้ังนใ้ี หเ้ หลอื จำนวน ใบท่มี าก
พอในการสังเคราะหแ์ สงเพ่ือการสร้าง
ผลผลิต

๒๕

หน่วยท่ี ช่อื หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ช่วั โมง

สาระการเรยี นรู้

- ความรู้ ความเขา้ ใจ ท่ีจะก่อใหเ้ กดิ

จติ สำนึกและเห็นความจำเปน็ ใน

การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถนิ่

(ตน้ จาก)

รวม 40 100

๒๖

โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เติม

ง๑๒2๐๑ สารพดั ประโยชน์จากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลา ๔๐ ช่วั โมง

หนว่ ยท่ี ชือ่ หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ช่ัวโมง

๑ ประวัติความเป็นมา ข้อ ๑ สาระสำคัญ 5 20

ของจาก เป็นพืชจำพวกปาล์ม เป็นปาล์ม

เพียงชนิดเดียวที่เป็นพืชในป่าชายเลน

และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เป็นพืชเก่าแก่มาก

ชนิดหนึ่ง มีซากดึกดำบรรพ์ อายุถึง 70

ล้านปี พบได้ทั่วไปในเอเชีย เอเชีย

ตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งน้ำจืดและกร่อย

และมีน้ำเต็มขึ้นถึง เป็นดงขนาดใหญ่

เรียกว่า ป่าจาก ดงจาก เติบโตได้ดีในดิน

โคลนตามป่าชายเลนบริเวณริมคลองท่ี

ไม่มีร่มเงาปะปน อยู่ในช่วงน้ำจืดและ

กร่อยปนกัน บนบกที่น้ำท่วมถึงก็ขึ้นได้

เช่นกัน สามารถกันยงุ ได้

สาระการเรียนรู้
- ความเป็นมาของตน้ จาก
- ระบบนิเวศในปา่ จาก

2 ลักษณะทาง ขอ้ 2 สาระสำคญั 6 ๒3
พฤกษศาสตร์
ต้นจาก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณ

ชายฝั่งทะเลของประเทศไทย จัดเป็น

ปาล์มแตกกอจากลำต้นใต้ดินหรือลำต้น

ที่เลื้อยไปบนดิน โดยโผล่ก้านใบและตัว

ใบขึ้นมาอย่เู หนือดนิ

ดอกจาก ดอกมีสีเหลือง ออกดอก

เป็นช่อแบบกระจุกแน่นระหว่างกาบใบ

ดอกเป็นรูปกลม ดอกเป็นแบบแยกเพศ

อยู่ในต้นเดียวกัน ช่อดอกจะชูตั้งขึ้นและ

โค้งลง มีความยาวประมาณ 25-65

เซนตเิ มตร ออกดอกไดต้ ลอดทง้ั ปี

ผลจาก ผลอยู่รวมกันเป็นช่อ มีผล

ย่อยอยเู่ ป็นจำนวนมากเปน็ กระจุก

๒๗

หน่วยที่ ชื่อหน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ชว่ั โมง 23
เรียกว่า "โหม่งจาก" ลักษณะของผลเป็น
๓ สรรพคุณ และ รูปทรงไข่กลับ (คล้ายกับผลระกำแต่ไม่มี 6
ประโยชนข์ องต้น หนาม) แบนและนูนตรงกลาง ผลมีสี
จาก นำ้ ตาลเรยี บเปน็ มนั มี
สาระการเรยี นรู้

- สว่ นประกอบของต้นจาก

- การขยายพนั ธุ์ต้นจาก

ข้อ ๓ สาระสำคญั
สรรพคณุ ของจาก

-ใบจากนำมาใช้ต้มดื่มแก้อาการท้องร่วง
ได้ (ใบ)
-กลีบดอกของดอกจากสามารถนำมาใช้
เป็นส่วนผสมของชาสมุนไพรได้ (กลีบ
ดอก)

ประโยชนข์ องจาก
8. - ลูกจากออ่ นหรอื ผลอ่อน สามารถนำไป

แกงทำเป็นอาหาร ต้มกินกับน้ำพริก
หรือใช้เชื่อมรับประทานเป็นขนมหวาน
หรือรับประทานร่วมกบั ไอศกรีม
9. - ผลจากที่สุกแล้วจะมีเนื้อเยื่อสีขาวและ
ใส นมุ่ มรี สหวาน ใชร้ บั ประทานเป็นของ
หวาน หรือท่เี รียกว่า "ลกู จากเช่อื ม"
- ผลอ่อนที่แตกหน่อจะมีจาวจากอยู่ข้าง
ใน สามารถนำมารับประทานได้
- น้ำหวานของต้นจาก (ปลายช่อดอก)
หรือที่เรียกว่า "น้ำตาลจาก" มีรสชาติ
เหมือนกับน้ำตาลโตนด และยังสามารถ
นำไปเคี่ยวเพื่อทำเป็น "น้ำผึ้งจาก" ได้
ดว้ ย และจะได้ "น้ำตาลปึก"
- งวงจากหนมุ่ สามารถนำมาใช้ทำเป็นไม้
กวาด
– ใบจากสามารถนำมาใช้หอ่ ขนมจาก
- ทางจาก สามารถนำมาทำปลอก
สำหรับแจวเรอื
สาระการเรยี นรู้

- สรรพคณุ ของตน้ จาก
- ประโยชนข์ องตน้ จาก

๒๘

หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ชัว่ โมง

๔ ผลติ ภณั ฑจ์ ากต้น ขอ้ 4 สาระสำคัญ 20 34

จาก ใบจากแก่ และใบจากอ่อนถอื เปน็

ผลผลิตจากตน้ จากทีน่ ิยมนำมาใช้

ประโยชนม์ ากทีส่ ดุ ไดแ้ ก่
– นำมาใชห้ ่อขนม หรอื ที่เรียกทั่วไปว่า
ขนมจาก

– นำมาจกั สานเป็นภาชนะตา่ งๆ อาทิ ท่ี
ตักน้ำ ตระกลา้ เสอ่ื รองนั่ง ทำหมวกกัน
ฝน ใช้ทำโตนเครอ่ื งเล่นสำหรับเดก็ สาน

เป็นตะกร้อหรือฟตุ บอล เป็นต้น
– นำมาทำเปน็ มุงจากมุงหลังคากันฝน
ก้นั ฝา กัน้ ผนงั บ้าน

สาระการเรียนรู้
การผลิตผลงานจากต้นจาก
- การทำนำ้ จาก

- การสานจาก

5 แนวทางการ ข้อ 5 สาระสำคัญ 3 10
อนุรักษต์ น้ จาก
ในการดแู ลไรจ่ ากปลูกหรอื สวน

จากนั้น มวี ิธกี ารทส่ี ืบทอดมา จึงเนน้ การ

บำรุงรกั ษาและการตดั แต่งใบ โดยจะตดั

เฉพาะใบที่แกจ่ ดั เทา่ นั้น เหลอื ไว๕้ - ๗

ใบต่อต้น ทั้งน้ใี ห้เหลอื จำนวน ใบท่ีมาก

พอในการสังเคราะหแ์ สงเพ่ือการสร้าง

ผลผลติ

สาระการเรียนรู้

ความรู้ ความเขา้ ใจ ทจี่ ะกอ่ ให้เกิด

จติ สำนกึ และเห็นความจำเป็นในการ

อนุรักษ์ ฟน้ื ฟูทรพั ยากรท้องถ่ิน(ตน้ จาก)

รวม 40 100

๒๙

โครงสรา้ งรายวิชาเพ่ิมเติม

ง๑32๐๑ สารพดั ประโยชนจ์ ากต้นจาก กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 เวลา ๔๐ ชว่ั โมง

หน่วยที่ ชือ่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ชวั่ โมง

๑ ประวตั ิความเป็นมา ขอ้ ๑ สาระสำคญั 4 15

ของจาก เป็นพืชจำพวกปาล์ม เป็นปาล์ม

เพียงชนิดเดียวที่เป็นพืชในป่าชายเลน

และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เป็นพืชเก่าแก่มาก

ชนิดหนึ่ง มีซากดึกดำบรรพ์ อายุถึง 70

ล้านปี พบได้ทั่วไปในเอเชีย เอเชีย

ตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งน้ำจืดและกร่อย

และมีน้ำเต็มขึ้นถึง เป็นดงขนาดใหญ่

เรียกว่า ปา่ จาก ดงจาก เตบิ โตได้ดีในดิน

โคลนตามป่าชายเลนบริเวณริมคลองท่ี

ไม่มีร่มเงาปะปน อยู่ในช่วงน้ำจืดและ

กร่อยปนกัน บนบกที่น้ำท่วมถึงก็ขึ้นได้

เชน่ กนั สามารถกันยุงได้

สาระการเรยี นรู้
- ความเป็นมาของต้นจาก
- ระบบนเิ วศในป่าจาก

2 ลักษณะทาง ขอ้ ๑ สาระสำคญั 7 20
พฤกษศาสตร์
ต้นจาก เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน

ต้นต้งั ตรง ใบแทงขน้ึ จากกอ ช่อดอกแทง

เปน็ งวงออกมาจากกาบใย สว่ นที่เราเห็น

ของจาก คือสว่ นใบและชอ่ ดอกเท่านน้ั ท่ี

โคนใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชู

ขึ้นเหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้ง

เรียก "พอนใบ" ส่วนช่อดอกที่แทง

ออกมาเรียก "นกจาก" ดอกของปาล์ม

เป็นลักษณะช่อ สีเหลืองแสด กลม ดอก

ตัวเมียที่ปลาย ดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อ

ดอก ส่วนผลนั้นมีเปลือกแข็ง กระจุก

เป็นทะลายหลายผล เปลือกสีน้ำตาล

เรียกว่า "โหม่งจาก"

๓๐

หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ช่วั โมง

สาระการเรียนรู้

- ส่วนประกอบของตน้ จาก

- ระบบสืบพนั ธข์ องตน้ จาก

- การเจรญิ เตบิ โตและการแพรพ่ ันธ์ของ

ตน้ จาก

3 สรรพคุณและ ขอ้ ๒ สาระสำคัญ 5 ๑๕
ประโยชนข์ องต้น
จาก ประโยชน์ของจากได้เป็นอย่างดี

ตั้งแต่ใบจนถงึ ผล ใบจากมีลักษณะคลา้ ย

ใบมะพร้าว แต่มีความเหนียว และกว้าง

กว่า ทำให้สามารถใช้นำมาเย็บเป็นตับ

เรียกว่า "ตับจาก" แล้วนำไปมุงหลังคา

กันแดดกนั ฝนไดเ้ ปน็ อย่างดี ใบจากใชต้ ้ม

น้ำดม่ื แก้อาการทอ้ งรว่ งได้

สาระการเรียนรู้

- สรรพคณุ ของต้นจาก

- ประโยชนข์ องต้นจาก

4 แนวทางการ ข้อ 5 สาระสำคัญ ๔ ๑5
อนรุ ักษ์ต้นจาก
ในการดแู ลไร่จากปลกู หรือสวน

จากน้นั มีวิธกี ารทสี่ ืบทอดมา จึงเนน้ การ

บำรุงรักษาและการตัดแตง่ ใบ โดยจะตัด

เฉพาะใบที่แกจ่ ดั เท่าน้นั เหลอื ไว๕้ - ๗

ใบตอ่ ต้น ทั้งนี้ใหเ้ หลอื จำนวน ใบทม่ี าก

พอในการสงั เคราะหแ์ สงเพื่อการสร้าง

ผลผลติ

สาระการเรียนรู้

ความรู้ ความเข้าใจ ที่จะก่อให้เกิด

จิตสำนึกและเห็นความจำเป็นในการ

อนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถิ่น (ต้น

จาก)

๓๑

หน่วยที่ ชื่อหน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ขอ้ ๓ , 4 ชว่ั โมง 35
สาระสำคญั 20
5 ผลติ ภัณฑ์จากตน้ ใบจากแก่ และใบจากอ่อนถือเปน็

จาก ผลผลติ จากตน้ จากที่นิยมนำมาใช้
ประโยชนม์ ากทส่ี ุด ได้แก่
– นำมาใช้ห่อขนม หรอื ท่ีเรียกทั่วไปว่า
ขนมจาก
– นำมาหอ่ หรอื มวนยาเสน้ (ยาสูบ) หรอื
ทีเ่ รยี กวา่ ใบจากยาสบู
– นำมาจักสานเปน็ ภาชนะตา่ งๆ อาทิ ที่
ตักน้ำ ตระกลา้ เสอ่ื รองน่ัง ทำหมวกกัน
ฝน ใชท้ ำโตนเคร่ืองเลน่ สำหรับเดก็ สาน
เป็นตระกร้อหรือฟุตบอล เป็นตน้
– นำมาทำเปน็ มุงจากมุงหลงั คากันฝน
กั้นฝา กน้ั ผนงั บ้าน
- นำผลจากมาประกอบเปน็ ของหวาน
คือ ว้นุ กะทิลกู จาก
สาระการเรยี นรู้

- การวางแผนการทำงาน
- กระบวนการประกอบอาชีพ

(ลูกจากเชื่อม , ขนมจาก, วุ้น
กะทิ)
- การประดิษฐข์ องใช้ ของตกแตง่
ใหส้ มาชิกใน ครอบครัวหรือ
เพอ่ื นในโอกาสต่างๆ

รวม 40 100

๓๒

โครงสรา้ งรายวิชาเพ่มิ เติม

ง๑42๐๑ สารพดั ประโยชน์จากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี

ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 เวลา ๔๐ ชัว่ โมง

หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ขอ้ ๑ ช่ัวโมง ๒๕
สาระสำคญั ๑๐
๑ ลกั ษณะทาง ข้อ ๑ ต้นจาก เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดนิ ต้น ๑๕

พฤกษศาสตร์ ตั้งตรง ใบแทงขึ้นจากกอ ช่อดอกแทง
เป็นงวงออกมาจากกาบใย ส่วนที่เราเห็น
๒ สรรพคุณและ ของจาก คือสว่ นใบและช่อดอกเทา่ น้นั ที่
ประโยชนข์ องต้น โคนใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชู
จาก ขึ้นเหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้ง
เรียก "พอนใบ" ส่วนช่อดอกที่แทง
ออกมาเรียก "นกจาก" ดอกของปาล์ม
เป็นลักษณะช่อ สีเหลืองแสด กลม ดอก
ตัวเมียที่ปลาย ดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อ
ดอก ส่วนผลนั้นมีเปลือกแข็ง กระจุก
เป็นทะลายหลายผล เปลือกสีน้ำตาล
เรียกว่า "โหม่งจาก"
สาระการเรียนรู้

- ลกั ษณะของลำต้น
- ลกั ษณะของราก
- ลักษณะของใบ
- ลักษณะของดอก
- ลกั ษณะของผล
สาระสำคญั
ประโยชน์ของจากไดเ้ ป็นอย่างดี ตั้งแต่
ใบจนถึงผล ใบจากมีลักษณะคล้ายใบ
มะพร้าว แต่มีความเหนียว และกว้าง
กว่า ทำให้สามารถใช้นำมาเย็บเป็นตับ
เรียกว่า "ตับจาก" แล้วนำไปมุงหลังคา
กันแดดกันฝนไดเ้ ป็นอยา่ งดี ใบจากใชต้ ้ม
นำ้ ดมื่ แก้อาการทอ้ งร่วงได้
สาระการเรยี นรู้
- สรรพคณุ และประโยชนข์ องลำตน้
- สรรพคุณและประโยชนข์ องราก
- สรรพคุณและประโยชนข์ องใบ
- สรรพคุณและประโยชน์ของดอก
- สรรพคุณและประโยชนข์ องผล

๓๓

หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ชัว่ โมง

๓ แนวทางการ ขอ้ ๕ สาระสำคญั ๔ ๑๐
อนรุ ักษต์ น้ จาก ในการดแู ลไร่จากปลกู หรอื สวน

จากนน้ั มวี ธิ ีการที่สืบทอดมา จึงเนน้ การ
บำรงุ รกั ษาและการตัดแตง่ ใบ โดยจะตดั
เฉพาะใบที่แก่จัดเท่านนั้ เหลือไว๕้ - ๗

ใบต่อตน้ ทั้งน้ใี หเ้ หลือจำนวน ใบทีม่ าก
พอในการสงั เคราะหแ์ สงเพ่ือการสร้าง
ผลผลิต

สาระการเรยี นรู้
- ข้อดขี องต้นจาก
- วธิ ีและแนวทางการอนุรักษ์ตน้ จาก

- แนวทางการฟืน้ ฟูต้นจาก

- ประโยชน์ของการอนุรักษ์ต้นจาก

๔ ผลติ ภัณฑจ์ ากตน้ ข้อ 2, 3, 4 สาระสำคัญ ๒๐ ๕๐

จาก ใบจากแก่ และใบจากออ่ นถือเป็น

ผลผลติ จากต้นจากท่นี ิยมนำมาใช้
ประโยชนม์ ากที่สุด ไดแ้ ก่
– นำมาใช้หอ่ ขนม หรือที่เรยี กท่วั ไปว่า

ขนมจาก
– นำมาห่อหรอื มวนยาเส้น (ยาสูบ) หรอื
ที่เรยี กวา่ ใบจากยาสบู

– นำมาจักสานเปน็ ภาชนะตา่ งๆ อาทิ ที่
ตักนำ้ ตระกลา้ เสอ่ื รองนง่ั ทำหมวกกัน
ฝน ใช้ทำโตนเครอื่ งเลน่ สำหรับเดก็ สาน

เปน็ ตระกร้อหรือฟุตบอล เป็นตน้
– นำมาทำเป็นมุงจากมุงหลงั คากันฝน
กน้ั ฝา กั้นผนังบ้าน

- นำผลจากมาประกอบเปน็ ของหวาน
สาระการเรียนรู้

- วธิ แี ละข้นั ตอนการทำขนมจาก

- วธิ แี ละขัน้ ตอนการทำลกู จากเชื่อม
- วธิ แี ละข้ันตอนการทำวนุ้ กะทิลูกจาก

รวม 40 100

๓๔

โครงสร้างรายวชิ าเพิ่มเติม

ง๑52๐๑ สารพดั ประโยชน์จากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี

ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา ๔๐ ช่วั โมง

หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ขอ้ ๑ ชว่ั โมง ๒๕
สาระสำคญั ๑๐
๑ ลกั ษณะทาง ต้นจาก เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ต้น

พฤกษศาสตร์ ตั้งตรง ใบแทงขึ้นจากกอ ช่อดอกแทง
เป็นงวงออกมาจากกาบใย ส่วนทเ่ี ราเห็น
ของจาก คือสว่ นใบและชอ่ ดอกเท่านัน้ ท่ี
โคนใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชู
ขึ้นเหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้ง
เรียก "พอนใบ" ส่วนช่อดอกที่แทง
ออกมาเรียก "นกจาก" ดอกของปาล์ม
เป็นลักษณะช่อ สีเหลืองแสด กลม ดอก
ตัวเมียที่ปลาย ดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อ
ดอก ส่วนผลนั้นมีเปลือกแข็ง กระจุก
เป็นทะลายหลายผล เปลือกสีน้ำตาล
เรยี กว่า "โหม่งจาก"
สาระการเรยี นรู้

- ลักษณะของลำตน้
- ลักษณะของราก
- ลักษณะของใบ
- ลกั ษณะของดอก
- ลักษณะของผล

๒ สรรพคุณและ ข้อ ๑ สาระสำคญั ๖ ๑๕
ประโยชนข์ องต้น
จาก ประโยชน์ของจากได้เป็นอย่างดี

ตั้งแต่ใบจนถงึ ผล ใบจากมีลักษณะคลา้ ย

ใบมะพร้าว แต่มีความเหนียว และกว้าง

กว่า ทำให้สามารถใช้นำมาเย็บเป็นตับ

เรียกว่า "ตับจาก" แล้วนำไปมุงหลังคา

กนั แดดกันฝนได้เปน็ อย่างดี ใบจากใช้ต้ม

นำ้ ดื่มแก้อาการทอ้ งร่วงได้

ชื่อหน่วยการ เวลา ๓๕
เรยี นรู้ ชว่ั โมง
หนว่ ยท่ี ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรยี นรู้ คะแนน

๓ แนวทางการ ขอ้ 5 สาระการเรียนรู้ ๔ ๑๐
อนรุ กั ษ์ต้นจาก ขอ้ 2, 3, 4 - สรรพคณุ และประโยชน์ของลำต้น
- สรรพคุณและประโยชนข์ องราก
๔ ผลิตภัณฑ์จากต้น - สรรพคณุ และประโยชนข์ องใบ ๒๐ ๕๐
จาก - สรรพคณุ และประโยชนข์ องดอก
- สรรพคณุ และประโยชน์ของผล

สาระสำคญั
ในการดูแลไร่จากปลูกหรือสวน

จากน้นั มีวิธกี ารทีส่ ืบทอดมา จึงเนน้
การบำ รุงรกั ษาและการตัดแต่งใบ โดย
จะตดั เฉพาะใบทแ่ี กจ่ ดั เทา่ นั้น เหลือไว้
๕ - ๗ ใบต่อต้น ทงั้ น้ใี ห้เหลือจำนวน ใบ
ท่มี ากพอในการสังเคราะห์แสงเพื่อการ
สร้างผลผลิต
สาระการเรียนรู้
- ข้อดีของตน้ จาก
- วธิ ีและแนวทางการอนุรักษ์ต้นจาก
- แนวทางการฟน้ื ฟตู น้ จาก
- ประโยชนข์ องการอนุรักษต์ ้นจาก

สาระสำคญั
ใบจากแก่ และใบจากอ่อนถือเป็น

ผลผลติ จากต้นจากที่นิยมนำมาใช้
ประโยชนม์ ากทส่ี ุด ไดแ้ ก่
– นำมาใช้ห่อขนม หรือที่เรียกท่วั ไปวา่
ขนมจาก
– นำมาห่อหรอื มวนยาเสน้ (ยาสูบ) หรอื
ทีเ่ รียกว่า ใบจากยาสูบ
– นำมาจักสานเปน็ ภาชนะต่างๆ อาทิ ที่
ตกั นำ้ ตระกล้า เส่อื รองน่งั ทำหมวกกนั
ฝน ใชท้ ำโตนเครอ่ื งเลน่ สำหรับเดก็ สาน
เปน็ ตระกร้อหรือฟตุ บอล เปน็ ตน้
– นำมาทำเปน็ มุงจากมุงหลงั คากันฝน
ก้นั ฝา ก้นั ผนงั บ้าน

๓๖

หน่วยท่ี ชื่อหน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ชว่ั โมง
สาระการเรยี นรู้
- การเย็บจาก 40 100
- การทำขนมจาก
- การทำลูกจากเช่ือม

รวม

๓๗

โครงสรา้ งรายวิชาเพม่ิ เติม

ง๑62๐๑ สารพดั ประโยชน์จากตน้ จาก กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี

ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา ๔๐ ช่วั โมง

หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ชวั่ โมง

๑ ลักษณะทาง ข้อ ๑ สาระสำคญั ๕ ๑5

พฤกษศาสตร์ - จากเป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ต้นต้ัง
ตรง ใบแทงขึ้นจากกอ ช่อดอกแทงเป็น
งวงออกมาจากกาบใย สว่ นที่เราเห็นของ

จาก คอื ส่วนใบและช่อดอกเท่านน้ั ทโี่ คน
ใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชูข้ึน
เหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้งเรียก

"พอนใบ" สว่ นชอ่ ดอกทแี่ ทงออกมาเรียก
"นกจาก"ใบที่โผล่ขึ้นมานั้น อาจชูขึ้นไป
สูงได้ถึง 9 เมตร โดยไม่มีส่วนของลำต้น

ให้เห็นเลย ดอกของปาล์มเป็นลักษณะ
ช่อ สีเหลืองแสด กลม ดอกตัวเมียท่ี
ปลาย ดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อดอก ส่วน

ผลนั้นมีเปลือกแข็ง กระจุกเป็นทะลาย
หลายผล เปลือกสีน้ำตาล เรยี กว่า "โหมง่
จาก"ข้างในมีเนื้อเมล็ดสีขาว มีปริมาณ

เนื้อไม่มากนัก รับประทานได้ รสชาติ
คล้ายลูกตาลสด เมื่อสุกเต็มที่ผลจะแยก
จากกลมุ่ ลอยน้ำ สามารถแพร่พันธุ์ไปได้

ไกล ๆ บางครั้งก็แตกหน่อขณะยังลอย
น้ำ

สาระการเรียนรู้

- สว่ นประกอบของตน้ จาก

- ระบบสบื พนั ธ์ุของตน้ จาก

- การเจริญเติบโตและการแพร่

พันธุ์ของต้นจาก

๒ สรรพคุณ และ ขอ้ ๑ สาระสำคญั ๕ ๑5
ประโยชน์ของตน้
จาก สรรพคณุ ของจาก

-ใบจากนำมาใช้ต้มดื่มแก้อาการท้องร่วง

ได้ (ใบ)

-กลีบดอกของดอกจากสามารถนำมาใช้

เป็นส่วนผสมของชาสมุนไพรได้ (กลีบ

ดอก)

๓๘

หน่วยที่ ชอื่ หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรียนรู้ ขอ้ 5 ชวั่ โมง ๑5
ประโยชนข์ องจาก
๓. การอนุรักษ์ - ลูกจากออ่ นหรอื ผลออ่ น สามารถนำไป ๕
ทรพั ยากรท้องถน่ิ แกงทำเป็นอาหาร ต้มกินกับน้ำพริก
หรือใช้เชื่อมรับประทานเป็นขนมหวาน
หรอื รับประทานร่วมกับไอศกรมี
- ผลจากที่สุกแล้วจะมีเนื้อเย่ือสีขาวและ
ใส นุ่ม มรี สหวาน ใชร้ ับประทานเปน็ ของ
หวาน หรือท่เี รียกว่า "ลกู จากเชอื่ ม"
- ผลอ่อนที่แตกหน่อจะมีจาวจากอยู่ข้าง
ใน สามารถนำมารับประทานได้
- น้ำหวานของต้นจาก (ปลายช่อดอก)
หรือที่เรียกว่า "น้ำตาลจาก" มีรสชาติ
เหมือนกับน้ำตาลโตนด และยังสามารถ
นำไปเคี่ยวเพื่อทำเป็น "น้ำผึ้งจาก" ได้
ดว้ ย และจะได้ "นำ้ ตาลปึก"
- งวงจากหนุ่มสามารถนำมาใช้ทำเป็นไม้
กวาด
– ใบจากสามารถนำมาใชห้ ่อขนมจาก
- ทางจาก สามารถนำมาทำปลอก
สำหรับแจวเรอื
สาระการเรยี นรู้

- สรรพคณุ ของตน้ จาก
- ประโยชนข์ องตน้ จาก
สาระสำคญั
- วิธีการให้ความรู้ ความเข้าใจ ที่จะ
ก่อให้เกิดจิตสำนึกและเห็นความจำเป็น
ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถ่ิน
(ตน้ จาก) สร้างแรงจูงใจและประโยชน์ให้
เห็นแก่นักเรียน และชุมชน ให้ความ
ช่วยเหลือด้านวิชาการ และด้านอื่นๆท่ี
จำเปน็
- สนับสนนุ และเตรียมความพรอ้ มในการ
พัฒนาทักษะที่มีความจำเป็นแก่ผู้เรียน
ในการนำเสนอภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้
สถานที่จริงและ วิทยากรในท้องถิ่นที่
ประกอบอาชีพเกี่ยวกับต้นจากมาให้
ความรู้

๓๙

หนว่ ยที่ ช่ือหน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรียนรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ข้อ 2 ช่วั โมง ๑5
สาระสำคญั
๔ วางแผนการทำ ข้อ 3, 4 - การวางแผนเป็นทีมทำให้ทุกคนมีส่วน ๕ 40
ร่วมและมีแรงจูงใจที่จะทำงานร่วมกัน
งานและการทำ เพอ่ื ผลสำเรจ็ ของงานตง้ั แต่เริม่ ตน้ ความ 20
ชำนาญการ ประสบการณ์ และแรงจูงใจ
งานร่วมกบั ผอู้ ืน่ ข อ ง ท ี ม ส า ม า ร ถ ฟ ั น ฝ่ า อ ุ ป ส ร ร ค เ พื่ อ
ความสำเรจ็ การแสวงหาปญั หาอุปสรรค
5 การประกอบอาชพี ที่ครอบคลุมภาพอนาคต แล้วทุกคนใน
จากผลผลิตของตน้ ทีมร่วมกันกำหนดกลยุทธ์ (STRATEGY)
จาก การประดิษฐ์ กลวิธี (TACTICS) จะช่วยให้สามารถฟัน
และสรา้ งสรรค์ ฝ่าอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จท่ีตอ้ งการ
ผลงานจากตน้ จาก สาระการเรียนรู้

- การวางแผนการทำงาน
- การทำงานร่วมกนั เป็นทีม
สาระสำคัญ
- ต้นจากมปี ระโยชนม์ ากมายหลากหลาย
อาทิเช่น ใบจากนำมาทำฝาบ้าน มุง
หลังคา มวนบุหรี่ ทำภาชนะต่างๆ เช่น
หมวก ภาชนะตักน้ำ ไม้กวาด ที่เป็น
อาหารได้แก่ ผล ยอดอ่อน และการปาด
น้ำหวานจากต้นจากเพื่อทำน้ำตาล
น้ำส้ม สายชู แอลกอฮอล์ เครื่องดื่ม จึง
เรียกว่าเป็นไม้คู่ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่
ชายฝั่งกัน ต่อมาสภาพสังคมและ
เศรษฐกิจเปลีย่ นแปลงของเดมิ ท่ีมคี ุณค่า
และเป็นทรัพยากรประจำท้องถิ่นก็ถูก
แทนที่ด้วยของใหม่ มีการบรรจุหีบห่อ
สวยงามจนของเดิมไม่เป็นที่นิยมของคน
รุ่นใหม่ นี่เองเป็นปัญหาของคำว่า
เศรษฐกจิ พอเพียง และคำว่าทรัพยากรท่ี
ใช่อยา่ งยั่งยืน
-ระบบเทคโนโลยมี คี วามสำคัญตอ่ การ
วางแผนสร้างสิง่ ของเคร่ืองใช้ ผลิตภัณฑ์
จากต้นจาก และวธิ กี ารเพ่ือแกป้ ัญหา
หรอื เพมิ่ ความสามารถในการทำงานของ
มนุษย์

๔๐

หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ชั่วโมง

-ระบบเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อการ

วางแผนสร้างสิ่งของเครื่องใช้ ผลติ ภณั ฑ์

จากตน้ จาก และวิธีการเพ่ือแก้ปัญหา

หรือเพม่ิ ความสามารถในการทำงานของ

มนุษย์

-การประดษิ ฐ์ของใช้ ของตกแตง่ ให้

สมาชิกใน ครอบครัวหรอื เพอ่ื นในโอกาส

ตา่ งๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และไดผ้ ล

งานทม่ี ีคุณภาพ ควรประยกุ ต์ใช้ความรู้

เกย่ี วกบั ทักษะการสรา้ งชิน้ งานแผนที่

ความคิด กระบวนการเทคโนโลยี

สาระการเรียนรู้

- กระบวนการประกอบอาชีพ

(เย็บจาก , ขนมจาก , ลูกจาก

เชือ่ ม)

- เจตคตทิ ีด่ ีต่ออาชพี สจุ ริต

- กลไกลการตลาด

รวม 40 100

๔๑

ส่วนท่ี ๕

เกณฑ์การจบการศกึ ษา

หลกั สตู รโรงเรียนวดั บางกระเจ้า พทุ ธศักราช 256๒ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 กำหนดเกณฑส์ ำหรับการจบการศึกษาดงั นี้

เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา

เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษาปที ี่ 1 – 3
1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน 8๔0 ชั่วโมง และรายวิชาเพิ่มเติมจำนวน ๘0

ช่ัวโมง และมีผลการประเมนิ รายวิชาพ้นื ฐานผ่านทุกรายวิชา
2. ผ้เู รยี นตอ้ งมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ระดับ “ผา่ น” ขึน้ ไป
3. ผูเ้ รยี นมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั “ผ่าน” ขน้ึ ไป
4. ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุก

กิจกรรม

เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษาปีที่ 4 – 6
1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน 840 ชั่วโมง และรายวิชาเพิ่มเติมจำนวน ๘0

ช่วั โมง และมผี ลการประเมนิ รายวชิ าพน้ื ฐานผ่านทกุ รายวิชา
2. ผู้เรียนตอ้ งมีผลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผ่าน” ขึ้นไป
3. ผเู้ รียนมีผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับ “ผา่ น” ข้ึนไป
4. ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุก

กิจกรรม

การจดั การเรียนรู้

การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของผูเ้ รียน เปน็ เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการ
เรยี นรู้ จัดการเรียนรโู้ ดยช่วยให้ผเู้ รียนเรยี นรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร 8 กล่มุ สาระการเรียนรู้ รวมท้ัง
ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียนบรรลุตาม
เป้าหมาย

๔๒

1. หลกั การจดั การเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้สมรรถนะ

สำคัญและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ตามทีก่ ำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน โดยยดึ หลักว่า
ผู้เรยี นมีความสำคญั ท่ีสดุ เช่อื วา่ ทุกคนมีความสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ เ่ี กิดกับผูเ้ รียน
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง
ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคญั ทั้งความรู้ และคุณธรรม

2. กระบวนการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรทู้ ี่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญผเู้ รียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย

เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรูจ้ ากประสบการณจ์ ริง กระบวนการปฏิบัติ ลง
มอื ทำจริงกระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรยี นรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา
ลกั ษณะนสิ ยั

กระบวนการเหลา่ น้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ทีผ่ ู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะ
จะสามารถช่วยใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ การเรยี นร้ไู ดด้ ี บรรลเุ ปา้ หมายของหลกั สูตร ดังนน้ั ผสู้ อน จงึ จำเปน็ ตอ้ งศึกษาทำ
ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ

3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ

สำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณา
ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
เพือ่ ให้ผเู้ รยี นไดพ้ ัฒนาเต็มตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายที่กำหนด

4. บทบาทของผสู้ อนและผูเ้ รียน
การจดั การเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรยี นมีคุณภาพตามเปา้ หมายของหลักสตู ร ทัง้ ผ้สู อนและผเู้ รียนควร

มีบทบาท ดังน้ี
4.1 บทบาทของผูส้ อน
1) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการ

เรียนรู้ ท่ีทา้ ทายความสามารถของผเู้ รยี น
2) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่

เป็นความคดิ รวบยอด หลักการ และความสมั พันธ์ รวมทงั้ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
3) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ

พฒั นาการทางสมอง เพ่อื นำผูเ้ รียนไปสู่เป้าหมาย
4) จัดบรรยากาศทเี่ อ้อื ต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรยี นให้เกิดการเรียนรู้
5) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีท่ี

เหมาะสมมาประยกุ ต์ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน

๔๓

6) ประเมินความกา้ วหนา้ ของผูเ้ รยี นดว้ ยวิธกี ารที่หลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของ
วชิ าและระดบั พัฒนาการของผูเ้ รียน

7) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ
จัดการเรยี นการสอนของตนเอง

4.2 บทบาทของผู้เรยี น
1) กำหนดเป้าหมายวางแผนและรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง
2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหลง่ การเรียนรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ข้อความรู้ ตง้ั คำถาม คิด

หาคำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ
3) ลงมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ สรุปสง่ิ ทไ่ี ด้เรยี นรู้และนำความรไู้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นสถาน การณต์ า่ งๆ
4) มีปฏสิ ัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลุม่ และครู
5) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง

สือ่ การเรียนรู้

สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง
ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพสื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ท้งั ส่อื ธรรมชาตสิ อื่ สิ่งพิมพส์ ื่อเทคโนโลยี และเครอื ข่ายการเรยี นรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่นการ
เลอื กใช้สือ่ ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพฒั นาการ และลลี าการเรียนรทู้ ีห่ ลากหลายของผู้เรยี น

การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเองหรือปรับปรุงเลือกใช้
อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและ
สื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
อย่างแท้จริง สถานศึกษาเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าทีจ่ ัดการศึกษาขั้นพื้นฐานควร
ดำเนนิ การดังน้ี

1.จดั ใหม้ ีแหล่งการเรยี นรศู้ นู ย์ส่อื การเรยี นร้รู ะบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรทู้ ่มี ปี ระสิทธิภาพทั้งในสถานศกึ ษาและในชมุ ชนเพ่ือการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลีย่ น
ประสบการณ์การเรียนรู้ ระหว่างสถานศกึ ษาท้องถน่ิ ชมุ ชน สังคมโลก

2.จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียนเสริมความรู้ให้ผู้สอน
รวมทัง้ จัดหาสงิ่ ท่ีมีอยู่ในทอ้ งถิ่นมาประยกุ ต์ใชเ้ ป็นส่ือการเรียนรู้

3.เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพมีความเหมาะสมมีความหลากหลาย สอดคล้องกับ
วธิ กี ารเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผูเ้ รียน

4.ประเมนิ คณุ ภาพของส่อื การเรียนร้ทู ี่เลอื กใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ
5.ศึกษาค้นคว้า วิจัย เพ่ือพฒั นาสอื่ การเรียนรใู้ หส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรยี นรู้ของผู้เรยี น
6.จัดให้มีการกำกับติดตามประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ
การเรียนรู้เป็นระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรูท้ ี่ใช้ในสถานศึกษาควรคำนงึ ถึง
หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตรวัตถุประสงค์การเรียนรู้การออกแบบ

๔๔

กิจกรรมการเรยี นรู้ การจดั ประสบการณ์ใหผ้ ู้เรียนเน้ือหามคี วามถกู ต้องและทนั สมยั ไม่กระทบความม่ันคงของ
ชาติ ไม่ขดั ตอ่ ศีลธรรมมีการใชภ้ าษาทถ่ี กู ตอ้ งรปู แบบการนำเสนอที่เข้าใจงา่ ยและนา่ สนใจ

การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือการ
ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียนในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบ
ผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้
สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียนระดับสถานศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษา และ
ระดบั ชาติ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ เปน็ กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็น
ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน
ข้อมูลท่เี ป็นประโยชน์ต่อการส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกดิ การพัฒนาและเรยี นรู้อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเปน็ 4 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดับช้ันเรยี น ระดบั สถานศึกษา
ระดับเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอยี ด ดังนี้

1. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการ
เรียนรู้ ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง
หลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิน้ งาน/ ภาระ
งาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบฯลฯโดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมิน
ตนเอง เพอื่ นประเมินเพื่อน ผู้ปกครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ี่ไมผ่ ่านตวั ช้ีวดั ให้มีการสอนซ่อมเสรมิ

การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการ
เรยี นรู้อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มสี ิ่งที่จะต้องได้รับการ
พัฒนาปรบั ปรงุ และส่งเสริมในด้านใดนอกจากน้ียงั เปน็ ข้อมูลให้ผ้สู อนใชป้ รับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย
ทง้ั นี้โดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ัด

2. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผล
การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา ว่า
ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการ
เรียนของผเู้ รียนในสถานศกึ ษาเปรียบเทยี บกับเกณฑร์ ะดบั ชาติ ผลการประเมนิ ระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูล
และสารสนเทศเพื่อการปรบั ปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจดั การเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อ
การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ผูป้ กครองและชุมชน

3. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษาเป็นการประเมินคุณภาพผูเ้ รียนในระดับเขตพื้นท่ี
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน เพ่ือใชเ้ ป็นขอ้ มูลพื้นฐานในการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมิน

๔๕

คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วย
ความร่วมมือกบั หน่วยงานตน้ สังกดั ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนย้ี งั ไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล
จากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาในเขตพน้ื ท่ีการศึกษา

4. การประเมินระดับชาติเป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการ
เรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่3ี ชั้นประถมศึกษาปีที6่ เข้ารบั การประเมิน ผลจากการประเมนิ ใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียง
คุณภาพการศึกษาในระดับต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาตลอดจนเป็น
ข้อมูลสนับสนุนการตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ

ขอ้ มูลการประเมินในระดับตา่ งๆ ขา้ งตน้ เป็นประโยชนต์ อ่ สถานศึกษาในการตรวจสอบ
ทบทวนพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน ถอื เปน็ ภาระความรบั ผดิ ชอบของสถานศึกษาท่จี ะต้องจดั ระบบดแู ลช่วยเหลอื
ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนบั สนุนเพอ่ื ให้ผู้เรียนได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพบนพน้ื ฐานความแตกตา่ งระหวา่ ง
บุคคลทจ่ี ำแนกตามสภาพปญั หาและความต้องการ ได้แก่ กลุม่ ผเู้ รียนทวั่ ไป กลุม่ ผู้เรยี นท่ีมีความสามารถพเิ ศษ
กล่มุ ผู้เรยี นท่ีมีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนตำ่ กลมุ่ ผู้เรยี นที่มปี ัญหาดา้ นวนิ ยั และพฤติกรรมกลมุ่ ผ้เู รียนทป่ี ฏิเสธ
โรงเรยี น กลมุ่ ผ้เู รียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกจิ และสงั คม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล
จากการประเมนิ จึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนนิ การช่วยเหลือผู้เรยี นได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้
ผเู้ รยี นไดร้ ับการพัฒนาและประสบความสำเรจ็ ในการเรียน

สถานศึกษาในฐานะผูร้ บั ผิดชอบจดั การศึกษาจะต้องจดั ทำระเบยี บวา่ ดว้ ยการวดั และ
ประเมนิ ผลการเรยี นของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเปน็ ข้อกำหนด
ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน เพื่อให้บุคลากรทเ่ี กี่ยวข้องทุกฝ่ายถือปฏบิ ัตริ ่วมกัน
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียน

1. การตัดสนิ การใหร้ ะดับและการรายงานผลการเรียน
1.1 การตดั สนิ ผลการเรยี น
ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนน้นั ผ้สู อนต้องคำนึงถึงการพฒั นาผูเ้ รียนแตล่ ะคนเป็น
หลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรยี นทุกด้านอย่างสมำ่ เสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริม
ผ้เู รยี นให้พัฒนาจนเต็มตามศักยภาพ

ระดบั ประถมศึกษา
(1) ผ้เู รียนต้องมเี วลาเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นท้ังหมด
(2) ผ้เู รยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ ทกุ ตัวชีว้ ดั และผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากำหนด
(3) ผ้เู รียนต้องไดร้ ับการตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวิชา
(4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา

กำหนด ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นวา่

สามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาทจี่ ะผ่อนผนั ให้เลอ่ื นชัน้ ได้ แต่หากผู้เรียน
ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโนม้ ว่าจะเป็นปญั หาต่อการเรียนในระดับช้ันที่สงู ขึ้น สถานศึกษาอาจตงั้

๔๖

คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็น
สำคญั

1.2 การให้ระดบั ผลการเรยี น
ระดับประถมศึกษาในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชาสถานศึกษาสามารถให้

ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษรระบบร้อยละ
และระบบท่ีใชค้ ำสำคัญสะท้อนมาตรฐาน

การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้
ระดับผล การประเมนิ เป็น ดีเย่ียม ดี และผา่ น

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การ
ปฏิบัตกิ ิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด และให้ผลการเขา้ ร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน
และไมผ่ ่าน

1.3 การรายงานผลการเรียน
การรายงานผลการเรียนเป็นการส่อื สารให้ผูป้ กครองและผู้เรียนทราบความกา้ วหน้าใน

การเรยี นรู้ของผู้เรียน ซ่ึงสถานศกึ ษาต้องสรุปผลการประเมนิ และจัดทำเอกสารรายงานให้ผปู้ กครองทราบเป็น
ระยะๆ หรืออยา่ งน้อยภาคเรยี นละ 1 คร้ัง

การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเปน็ ระดับคุณภาพการปฏบิ ัตขิ องผูเ้ รยี นที่สะท้อน
มาตรฐานการเรยี นรูก้ ลุ่มสาระการเรียนรู้

2. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็น 1

ระดบั คือ ระดับประถมศกึ ษา
2.1 เกณฑก์ ารจบระดับประถมศกึ ษา
(1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลา

เรียนท่หี ลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานกำหนด
(2) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่

สถานศึกษากำหนด
(3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ ตามทีส่ ถานศึกษากำหนด
(4) ผเู้ รียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ในระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมิน

ตามท่สี ถานศกึ ษากำหนด
(5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน

ตามท่สี ถานศึกษากำหนด
สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง

การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตาม
อัธยาศัยให้คณะกรรมการของสถานศึกษาเขตพื้นที่การศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผล


Click to View FlipBook Version