แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานกับสมาชิกในชั้นเรียน 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรียนและชุมชน 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียน และ ชุมชนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว และ โรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล
5.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมื่อผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานของ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับและปรับตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. มุ่งมั่นในการ ทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ และแบ่งปันสิ่งของให้ผู้อื่น 8.3 รู้จักดูแล รักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 191 - 108 ดีมาก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมิน การนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 เนื้อหาละเอียดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธีการนำเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้19 รายวิชา ศิลปะ รหัส 15101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง แนวทางการจัดการด้านการแสดง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1จำนวน 1ชม./สัปดาห์ แผนการเรียนรู้ที่ 19 เรื่อง การแสดงละครสร้างสรรค์(1) เวลา 1ชั่วโมง 1. สาระการเรียนรู้ • การแสดงละครสร้างสรรค์ - บทบาทและหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ในการจัดการแสดง - การสร้างสรรค์กิจกรรมการแสดงที่สนใจ โดยแบ่งฝ่ายและหน้าที่ให้ชัดเจน - หลักในการชมการแสดง 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 3. ตัวชี้วัด ศ 3.1 ป5/1 แสดงนาฏศิลป์และละครในรูปแบบง่ายๆ ป.5/2 ใช้ทักษะการทำงานเป็นกลุ่มในกระบวนการผลิตการแสดง ป.5/3 ใช้เกณฑ์ง่ายๆ ที่กำหนดให้ในการพิจารณาคุณภาพการแสดงที่ชม โดยเน้นเรื่องการ ใช้เสียง การแสดงท่า และการเคลื่อนไหว 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) แสดงละครสร้างสรรค์ได้ 2) ใช้ทักษะการทำงานเป็นกลุ่มในกระบวนการผลิตการแสดง 3) ใช้เกณฑ์ด้านการใช้เสียง การแสดงท่าทาง และการเคลื่อนไหวประเมินคุณภาพของการแสดงได้ 5. สาระสำคัญ การสร้างงานละครสร้างสรรค์ต้องอาศัยทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่มในกระบวนการผลิตละคร โดยมีการแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกอย่างเหมาะสม และต้องมีการประเมินคุณภาพของการแสดงเพื่อนำไปปรับปรุง ผลงานให้ดีขึ้น 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการคิด - ทักษะการวิเคราะห์ - ทักษะการทำให้กระจ่าง - ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มีวินัย 7.2 ใฝ่เรียนรู้ 7.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 8. เนื้อหาสาระ 1. ละครสร้างสรรค์ ละครสร้างสรรค์ (Creative Drama) หมายถึง ละครนอกรูปแบบที่ไม่จำเป็นต้องจัดเวที จะแสดงที่ ไหนก็ได้ เพราะไม่ถือจำนวนคนดูเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะละครสร้างสรรค์จะเน้นความสำคัญของขั้นตอน การการแสดงมากกว่าจะเน้นการประสบผลสำเร็จในการผลิตละคร ซึ่งบางครั้งการแสดงละครสร้างสรรค์ อาจ เป็นเพียงแค่การสาธิตการแสดงอย่างง่าย ๆ เท่านั้น สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ในประกอบการแสดงละครสร้างสรรค์ ได้แก่ ห้องโล่ง ๆ กว้างพอประมาณ อุปกรณ์เป็นเพียงเครื่องกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ องค์ประกอบต่าง ๆ ของละครถูกจำกัดหรือถูกตัด ทอนลงไปมาก เช่น การแต่งกาย แต่งหน้า ฉาก หรือเวทีละคร หากผู้จัดการแสดงจะใช้บ้างก็ได้ แต่ให้มีไม่มาก นัก กิจกรรมละครสร้างสรรค์จะประสบความสำเร็จได้ ก็ด้วยความร่วมมือของผู้ร่วมงานทุกฝ่ายที่มีใจรัก มีความสามัคคีกัน และความสามารถของผู้นำที่จะเตรียมสถานที่ บรรยากาศ เพื่อให้ผู้แสดงได้ใช้จินตนาการ สร้างสรรค์ละครได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นละครสร้างสรรค์จึงต้องครอบคลุมกิจกรรมที่ใช้ในการแสดง ดังต่อไปนี้ 1.1. จังหวะและการเคลื่อนไหวร่างกาย จังหวะและการเคลื่อนไหวของร่างกาย เป็นการฝึกให้นักแสดงได้ใช้อวัยวะทุกส่วนของ ร่างกายได้อย่างอคล่องแคล่ว แต่หลักสำคัญจะต้องเป็นการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ พร้อมที่จะรับฟังจังหวะและ การเคลื่อนไหวให้ได้ตามอารมณ์ และความรู้สึกนึกคิด เป็นการเคลื่อนไหวตามเสียงกระตุ้นต่าง ๆ อาทิ เสียง นาฬิกา เสียงรถไฟ หรือเสียงดนตรี ซึ่งอาจจะเป็นการกระโดดเชือกตามจังหวะทำนองเพลง การเดิน การวิ่ง การเคลื่อนตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งก็ได้ 1.2. การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัสด้วยกาย เพื่อให้มีความไว และ ความละเอียดอ่อน จนกระทั่งสามารถนำมาใช้ในการแสดงได้เป็นอย่างดี กิจกรรมที่นำมาฝึกประสาทสัมผัสทั้งห้า มีดังนี้ 1. ฝึกการมอง ให้นักแสดงมองภาพสัตว์ สิ่งของ ที่รวมกันอยู่แล้ว แล้วแยกให้ออกว่า เห็นอะไรบ้าง หรือสิ่งของนั้นมีสีอะไร เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อเวลานำมาใช้ในการแสดงละคร นักแสดงจะได้มองคู่ สนทนาอย่างจริงจัง มีอารมณ์ความรู้สึกไม่ใช่แต่ท่ามองเท่านั้น 2. ฝีกการฟังเสียง ให้นักแสดงทายเสียงดนตรี เสียงสัตว์ โดยไม่เห็นภาพได้ยินแต่เสียง เพื่อนำมาใช้ในการแสดงในการฟังคู่สนทนา เพราะนักแสดงที่ไม่มีความพร้อมของประสาทสัมผัสจะทำเป็นฟัง
แต่ไม่ได้ยินอย่างที่เราได้ยิน กิริยาโต้ตอบจึงเป็นการแสร้งทำขึ้น มิใช่เป็นการรับ-ส่งของโสตประสาทที่เมื่อได้ยิน แล้วก็ส่งต่อไปที่สมอง ทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ อันจะนำไปสู่การแสดงที่ลึกซึ้ง แนบเนียน และมีชีวิตชีวา 3. ฝึกการดมกลิ่น ให้นักแสดง หลับตาดมกลิ่น แล้วให้ทายว่าสิ่งของนั้นเป็นอะไร เช่น ยางลบ ผลไม้ ดอกไม้ เข็มขัดหนัง กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า เป็นต้น 4. ฝึกการชิมรส ให้นักแสดงหลับตาทายอาหารที่ชิมหลายชนิดว่าเป็นอาหารประเภท ไหน ชื่ออะไร เช่น ผัก ผลไม้ เครื่องดื่ม เป็นต้น 5. ฝึกการสัมผัส ให้นักแสดงหลับตาแล้วให้คลำสิ่งของต่าง ๆ โดยใช้การสัมผัส เช่น ใช้มือคลำ แล้วทายว่าเป็นอะไร เช่น ลูกปัด ขวดแก้ว ดอกไม้ เป็นต้น 1.3. การแสดงด้วยท่าทาง การแสดงด้วยท่าทาง นักแสดงต้องพยายามแสดงให้ชัดเจนที่สุด โดยไม่ต้องใช้ คำพูดบรรยายกิริยาท่าทาง แต่สื่อออกมาให้ผู้ชมทายได้ว่าเป็นอะไรหรือกำลังทำอะไรอยู่ เช่น แต่งตัว อาบน้ำ แปรงฟัน ทานอาหาร ยกของหนัก เช็ดกระจก หวีผม หรืออาจจะแสดงเป็นคนตาบอด ขอทาน นายแพทย์ นาง พยาบาล คนบ้า เป็นต้น 1.4. การแสดงละครสด ละครสด หมายถึง ละครที่ผู้แสดงไม่ได้เตรียมฝึกซ้อมมาก่อน แต่คิดคำพูดและ เหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นเองเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ที่ผู้แสดงแต่ละคนไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่าเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นจะลงเอยอย่างไร ผู้แสดงต้องใช้ไหวพริบปฏิภาณ โต้ตอบรับ-ส่งกันให้ละครดำเนินต่อ ๆ ไปได้จนกระทั่ง จบ ประโยชน์ของละครสด ผู้แต่งได้ฝึกสมาธิมีปฏิภาณไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แนวทางในการแสดงละครสด ควรเริ่มด้วยการแสดงแต่กิริยาท่าทางไม่มีบทพูด (Mine Improvisation) หรือที่ เรียกกันว่า "ละครใบ้" (Pantomine) เมื่อแสดงท่าทางแบบละครใบ้ โดยไม่มีบทพูดแล้วจึงค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมา ให้มีบทสนทนาโต้ตอบอาจจะเริ่มจากบทสนทนาสั้น ๆ ก่อน แล้วค่อยขยายให้ยาวขึ้น สถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจกำหนดขึ้นในการแสดงละครสด มีดังต่อไปนี้ 1. สถานการณ์ที่กำหนดให้เป็นตลาด มีตัวละครประกอบด้วยคนซื้อ คนขาย (พ่อค้า-แม่ค้า) ขโมย ตำรวจ เป็นต้น 2. สถานการณ์ที่กำหนดให้เป็นสนามเด็กเล่น มีตัวละครประกอบด้วยเด็ก ผู้ปกครอง เช่น พ่อ แม่ พี่ พยาบาล โดยสมมุติให้เด็กเล่นแข่งขันกันในสนามเด็กเล่น แล้วเกิดอุบัติเหตุหกล้ม บาดเจ็บขาหัก เพื่อน ๆ ช่วยกันแก้ปัญหาด้วยการโทรศัพท์บอกพ่อ แม่ พี่เลี้ยงหรือเรียกรถพยาบาลพาคนเจ็บ ไปส่งโรงพยาบาล 3. สถานการณ์ที่กำหนดให้อยู่ในบ้าน มีตัวละครประกอบด้วยแม่และเด็ก ประมาณ ๓-๔ คน โดยกำหนดให้ภายในบ้านมีเด็กวิ่งเล่นกัน ๓-๔ คน อาจจะเป็นพี่น้องหรือเพื่อนก็ได้ แล้ววิ่ง ไปชนโต๊ะล้ม แจกันตกแตก เผอิญแม่กลับมาจึงดุว่าเด็ก ๆ แต่เด็ก ๆ เหล่านั้นต่างเอาตัวรอดถกเถียงกันโทษ
กันเอง เด็กดีจะสารภาพ แต่เด็กที่ชอบโกหกจะซัดทอดเพื่อนเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ในที่สุดแม่ก็ซักถามจนได้ ความชัดเจน หาคนทำแจกันแตกมาลงโทษได้ (แสดงให้เห็นโทษของการพูดโกหก) 1.5. การสร้างเรื่องราว การแสดงละคร และการแสดงบทบาทสมมติ 1. การแสดงเรื่องราว คือการนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงมาผูกเป็นเรื่อง เช่น เรื่องในนิทาน เทพนิยาย เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว โรงเรียน งานวันเกิด การไปเที่ยวผจญภัยในป่า สวนสัตว์ 2. กิจกรรมการแสดงละคร ก็จะมีตัวละครเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ ละครทุกตัวมีบทพูด เช่น ต้นไม้ พระจันทร์ นก ดอกไม้พูดได้ สามารถพูดโต้ตอบกับคนเป็นเรื่องราวได้ 3. บทบาทสมมติ เป็นการแสดงด้วยท่าทาง โดยไม่มีบทพูด ผู้แสดงจะต้องมี ความเชื่อในสิ่งที่ตนกำลัง แสดงอยู่เป็นหลักใหญ่ คือ เชื่อว่าบทบาทที่ตนสวมอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง ผู้แสดงจะต้อง มีความพร้อมที่จะใช้ร่างกาย อารมณ์ ความคิด และจิตใจหรือมีความพร้อม ที่จะนำประสาทสัมผัสทั้งห้ามาใช้ ในการแสดงให้สมจริง เริ่มแรกควรแสดงเรื่องสั้น ๆ มีตัวละครเพียง ๒-๓ ตัวก่อน เพื่อฝึกทักษะการแสดงให้มี ความชำนาญขึ้น ตัวอย่างเช่น สถานที่ : หน้าบ้าน เวลาเช้าตรู่ ตัวละคร : พระ แม่ เด็กหญิง สถานการณ์ : เด็กหญิงกำลังใส่บาตรมีแม่จัดเตรียมสิ่งของที่จะใช้ใส่บาตรให้ 1.6. การประเมินผล การประเมินผลเป็นสิ่งสำคัญของการทำกิจกรรมละครสร้างสรรค์ เพราะการ ละครทุกประเภทเมื่อมีการแสดง ก็ต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์การแสดงว่าเป็นอย่างไร ตัวละครตัวไหนแสดงดี ที่สุด สามารถสร้างอารมณ์ได้สมบทบาทสามารถทำให้คนดูเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ใครที่แสดงยังไม่ถึงบทบาท คนดูไม่เชื่อ ควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรจึงจะแสดงได้ดีขึ้น การวิจารณ์การแสดงนับว่าเป็นการสรุปทบทวนสิ่ง ที่แสดงหรือกระทำลงไป ส่งเสริมให้ผู้แสดงมีความมั่นใจในความพยายาม และรับรู้ผลสำเร็จของตนเอง รวมทั้ง เป็นการชี้ให้เห็นแนวทาง ในการปรับปรุงแก้ไขเพื่อการแสดงครั้งต่อไป จะได้แสดงได้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่ารูปแบบของละครสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ เทคนิคการแสดงละครได้อย่างดีวิธีหนึ่ง เพราะเป็นการฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ ได้เกือบครบถ้วนตั้งแต่การ เคลื่อนไหวร่างกาย การรู้จักจังหวะ การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า การฝึกปฏิบัติไหวพริบ การสร้างความเชื่อมั่น การฝึกให้กล้าแสดงออก เป็นต้น 2. เทคนิคการแสดงพื้นฐาน 2.1. การสร้างความเชื่อ การแสดงออกซึ่งกิริยาท่าทางของตัวละคร คือการสวมบทบาทของตัว ละครในเรื่องนั้น ผู้แสดงจะต้องสร้างความเชื่อให้คนดูเกิดความเชื่อให้ได้ว่าตนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบ ฉากในเรื่อง เป็นเรื่องจริง ๆ การที่ผู้แสดงจะมีความสามารถตีบทได้อย่างสมจริงนั้น ผู้แสดงจะต้องศึกษาบท
ละคร ตัวละครที่ตนต้องแสดงอย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม นับตั้งแต่บุคลิกลักษณะ นิสัยของตัวละคร กิริยา ท่าทาง อารมณ์ของตัวละคร ในการสร้างความเชื่อให้กับผู้ชมละคร ผู้แสดงจะต้องมีสมาธิ รู้จักการใช้ จินตนาการ เห็นภาพลักษณ์ และอุปนิสัยใจคอของตัวละครในบทละคร ถ้าผู้แสดงละครทำให้ผู้ชมเชื่อว่าสิ่งที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นเรื่องจริง แสดงว่าผู้แสดงละครผู้นั้นตีบทแตกได้อย่างสมจริงประหนึ่งว่าผู้แสดง กับตัวละครเป็นบุคคลเดียวกัน หรือกล่าวได้ว่าสามารถเข้าถึงศิลปะของการแสดงละคร 2.2. การแสดงร่วมกับผู้อื่น การแสดงละคร ผู้แสดงจะต้องแสดงร่วมกับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง ฉะนั้น ในการฝึกซ้อมละคร ผู้แสดงจะต้องฝึกการเจรจากับผู้ร่วมแสดง ไม่ควรท่องบทเพียงลำพังคนเดียว ทั้งนี้เพื่อจะ ได้สัมผัสกับปฏิกิริยาของตัวละครอื่น ๆ ผู้แสดงต้องแสดงทั้งบทรับ บทส่งตลอดเวลา การมีปฏิกิริยากับผู้อื่น เช่น การฟัง การแสดงกิริยาท่าทาง การรับรู้ด้วยการแสดงสีหน้า พอใจ ไม่พอใจ ดีใจ ยิ้ม หรือหน้าบึ้ง จะช่วย ทำให้สามารถเข้าถึงบทบาทของตัวละครได้ลึกซึ้งขึ้น เวลาแสดงจริงจะได้สอดคล้องประสานกัน ในฉากที่มีตัวละครเป็นจำนวนมาก ที่เป็นตัวประกอบประเภทสัมพันธ์บท เช่น แม่บ้าน คนรับใช้ คนสวนหรือตัวประกอบ ที่เสริมลักษณะเรื่องให้สมจริง อาทิ ประชาชน ทหาร ตำรวจ ไพร่พล ผู้แสดงต้องสื่อประสานได้ทั้งตัวละครที่เป็นตัวเอก ตัวสำคัญ และตัวประกอบ แม้ว่าตัวละครที่เป็นตัว ประกอบจะไม่มีบทพูดแต่ก็ต้องแสดงบุคลิกลักษณะให้สมบทบาทตามเนื้อเรื่อง เพราะตัวละครที่แสดงอยู่บน เวทีต่อหน้าผู้ชม จะมีความสำคัญทุกตัว ผู้แสดงละครที่ดี นอกจากจะแสดงบทบาทของตนให้สมจริงแล้ว จะต้องมีทักษะและความสามารถในการร่วมแสดงกับผู้อื่นด้วย 3. บทบาทและหน้าที่ของฝ่ายต่าง ๆ ในการสร้างละคร ทีมงานสร้างงานละครจะประกอบด้วยบุคคลที่ทำหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ มากมายหลายสาขา ซึ่ง แต่ละฝ่ายล้วนมีบทบาทสำคัญในอันที่จะทำให้การจัดการแสดงละครประสบผลสำเร็จ ซึ่งความสามัคคีเป็นน้ำ หนึ่งใจเดียวกันระหว่างทีมงานทุกฝ่าย นับเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้การแสดงละครสัมฤทธิ์ผลตาม เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่ มีความรับผิดชอบ ละเว้นการก้าวก่ายงานของผู้อื่น มี น้ำใจรู้จักให้อภัยต่อกัน บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการแสดงละครที่สำคัญ ประกอบด้วยบุคคลต่างๆ ดังนี้ 1. ผู้อำนวยการแสดง (Producer) คือ ผู้จัดหรือหัวหน้าคณะในการจัดแสดงละครแต่ละครั้ง เป็นผู้กำหนดนโยบาย รูปแบบการแสดง เรื่องที่จะนำมาแสดง จัดสรรหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ดูแลงบประมาณ เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ 2. ผู้กำกับการแสดง (Director) ควบคุมผู้แสดงให้แสดงให้สมบทบาทตามบทที่กำหนดไว้ จัดองค์ประกอบต่าง ๆ ของละครให้มีความสมจริง
3. ผู้กำกับเวที (Stage Manager) เป็นผู้รับผิดชอบต่อจากผู้กำกับการแสดง เฉพาะใน เรื่องการแสดงบนเวที มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของเวที เป็นผู้เดียวที่สั่งให้การแสดงเริ่มหรือหยุด ติดต่อ สั่งงานเกี่ยวกับไฟแสง เสียงประกอบ ตลอดจนการเปิดปิดฉากละคร 4. ผู้เขียนบท (Play Wright) เป็นผู้ทำหน้าที่เขียนบทละคร สร้างโครงเรื่อง คำพูดและ เหตุการณ์ ผู้เขียนบทละครนับเป็นหัวใจสำคัญของการละคร ละครจะสนุกได้รับผลดีเพียงใด อยู่ที่ผู้เขียนบท ละครเป็นสำคัญ ผู้เขียนบทจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจน เป้าหมายหลักคืออะไร ต้องการสื่ออะไรกับผู้ดู เช่น แนวคิด คติสอนใจ เป็นต้น 5. ผู้จัดการฝ่ายธุรการ (House Manager) เป็นฝ่ายจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจของโรง ละคร จัดสถานที่แสดง ดูแลการจำหน่ายบัตรที่นั่ง รับผิดชอบเกี่ยวกับผู้ดู 6. เจ้าหน้าที่เครื่องแต่งกายและแต่งหน้า (Costume & Make up) ต้องรู้ว่าฉากใด ผู้ แสดงมีตัวละครกี่ตัว ใช้ชุดสีอะไรแบบไหน ส่วนเครื่องแต่งหน้าต้องเตรียมให้พร้อม และควรมีความสามารถใน การแต่งหน้าตัวละครได้สมจริง เช่น แต่งหน้าในบทของคนชรา คนต่างชาติ คนที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น 7. นักแสดง (Actor) คือ ผู้ที่สวมบทบาทเป็นตัวละคร เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและ ความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ในบทละครมาสู่ผู้ชม ในบรรดาผู้ร่วมงานทางด้านการจัดแสดงละคร นักแสดงคือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชม มากที่สุด ผลงานการสร้างสรรค์ของฝ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับการแสดง การออกแบบเครื่อง แต่งกาย แต่งหน้าจะได้รับการถ่ายทอดมาสู่ผู้ชมโดยตรง โดยผ่านนักแสดง ผู้ที่เป็นนักแสดง พึงคิดไว้เสมอว่า "ละครคือศิลปะที่รวมศิลปะหลายแขนงไว้ด้วยกัน ความสำเร็จของละครอยู่ที่ ความร่วมมือร่วมใจของผู้ร่วมงานทุกฝ่าย" นักแสดงจึงไม่ควรเย่อหยิ่งหรือคิดว่าตนเป็นคนสำคัญแต่เพียงผู้เดียว และพึงระลึกเสมอว่าตัวละครในบทละครทุกตัวมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมด นับตั้งแต่พระเอก นางเอก ผู้ร้าย ตัวประกอบ หน้าที่ของผู้แสดง เมื่อได้รับบทให้แสดงเป็นตัวอะไรไม่ว่าจะเป็นตัวประกอบ เช่น คนรับใช้ พี่เลี้ยง ทหาร ตำรวจ พยาบาล ประชาชน ก็ควรทุ่มเทฝึกซ้อมให้เต็มความสามารถ เพราะมีหน้าที่ และความรับผิดชอบอย่างสูงสุดที่มีต่อผู้ชม และเพื่อนร่วมงานทุกฝ่าย เพราะถ้าผู้แสดงไม่ตั้งใจแสดงก็เหมือน เป็นการทำลายผลงานของผู้เขียนบท ผู้กำกับการแสดง ผู้ออกแบบฝ่ายต่าง ๆ ฉะนั้นนักแสดงจะต้องมีจิตสำนึกที่ถูกต้อง มิใช่รักแต่ความดังที่ได้รับเป็นตัวเอก นักแสดงที่ดีต้องอุทิศตนเพื่อ งาน สามารถแสดงได้ทุกบทบาท มองเห็นคุณค่าของการแสดงว่าเป็นศิลปะ และควรภูมิใจที่ได้รับเลือก ให้เป็น ผู้แสดง ไม่ว่าจะเป็นตัวประกอบ ตัวร้าย ก็สามารถให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมได้เช่นกัน 4. เทคนิคการเขียนบทละคร การสร้างบทละครนั้นเป็นความสามารถที่ต้องอาศัยทักษะและความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างมาก แต่บุคคลหลายคนก็สามารถจะเขียนบทละครได้ แม้แต่ตัวผู้เรียนเอง หรือศิลปินในท้องถิ่นก็สามารถสร้างบท ละครที่มีคุณภาพโดยสะท้อนความคิด ศิลปะ และวิถีชีวิตของท้องถิ่นได้เช่นกัน ละครจึงเป็นกิจกรรมที่ไม่มี
กฎเกณฑ์เฉพาะตายตัว อาทิ ดนตรีประกอบการแสดง อาจเป็นดนตรีพื้นบ้านเพียงชิ้นเดียว เช่น ขลุ่ย แคน หรือเพลงที่ผู้เขียนชอบนำมาประกอบการเล่าเรื่องก็ได้ ละครจึงเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ทำงานร่วมกัน สามารถ ทดลองค้นคว้าหาเรื่องราวที่น่าสนใจมานำเสนอต่อผู้ชมอยู่ใหม่ ๆ ได้เสมอ 4.1. รูปแบบในการสร้างบทละคร การสร้างบทละครมีวิธีการสร้างเรื่องดำเนินเรื่องหลายหลายรูปแบบ ดังนี้ 1. บทละครที่เป็นแบบฉบับ (Tradition Play) จะใช้แสดงในโรงละคร เรื่องราวที่ นำเสนอมาจากวรรณกรรม นิทานพื้นบ้าน ถ้าเป็นวรรณกรรมเรื่องยาว เช่น รามเกียรติ์ อิเหนา พระลอ ผู้ประพันธ์บทก็ต้องเลือกตอนที่น่าสนใจมาเสนอ จากนั้นเปิดเรื่องด้วยฉากที่นำเสนอตามแบบฉบับคือภาพหรือ เหตุการณ์ สถานการณ์ของเรื่อง แนะนำตัวละครที่เป็นตัวเอกพร้อมทั้งข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจพฤติกรรม ต่อ ๆ มาอย่างรวบรัดชัดเจน โดยพิจารณาจากสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ - เหตุการณ์นั้นมีความสัมพันธ์ต่อเหตุการณ์อื่น ๆ ของเรื่องหรือไม่ - เหตุการณ์นั้นมีคุณค่า มีความจำเป็นและสัมพันธ์กับละครทั้งเรื่องอย่างไร - เหตุการณ์ดังกล่าวเสริมสร้าง เน้นจุดมุ่งหมาย ประโยคหลักของเรื่องเช่นใด - เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดแรงกระตุ้น ความสะเทือนใจต่อตัวละครเพียงใด - เหตุการณ์นั้นก่อให้เกิดปฏิกิริยาการค้นพบ อุปนิสัยและการกระทำของตัวละครอย่างไร เมื่อแยกแยะเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้ว ผู้เขียนบทก็จะต้องสามารถสร้างบรรยากาศ อารมณ์ของเรื่อง ให้ ความสำคัญต่อเหตุการณ์ และหาผลลัพธ์ของเหตุการณ์ที่มีต่อผู้ชมว่า ควรดำเนินเรื่องอย่างไรจึงจะน่า ติดตามหรือทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วม มีความประทับใจในการแสดง เสมือนหนึ่งว่าได้เข้าไปมีส่วน ร่วมในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริง ๆ 2. บทละครที่ไม่เป็นแบบฉบับ (Non Illusion Style) ผู้เขียนบทละครควรเน้นที่การ เล่าเรื่อง (Story Theatre) จินตนาการ (Imagination) การเริ่มเรื่องจะเป็นการเล่าเรื่องโดยใช้ลีลาท่าทาง ประกอบดนตรี การขับร้องเพื่อให้ผู้ชมทราบกติกาการนำเสนอ ต่อจากนั้นก็ใช้วิธีประสานเรื่องราวต่าง ๆ เข้า ด้วยกัน เพื่อทำให้แนวคิดของเรื่องมีคุณค่าให้ประโยชน์แก่ผู้ชม การเขียนบทประเภทนี้จึงเน้นที่บรรยากาศ รูปแบบการนำเสนอ การเรียบเรียงเรื่องราว กฎเกณฑ์ในการเข้าสู่เรื่องและออกจากเรื่องเมื่อเรื่องหนึ่งจบลง 3. บทละครที่เด็กมีส่วนร่วมแสดง (Partiicipatory Theatre) การเขียนบทประเภทนี้ จะต้องเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการแสดง เช่น ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวละครที่คอยช่วยเหลือตัวละครใน เรื่อง ช่วยเป็นฉาก ถืออุปกรณ์ประกอบฉาก ผู้ชมจะนั่งดูล้อมเป็นวง ทำให้ละครกลับเป็นประสบการณ์ตรงที่ เด็ก ๆ ได้รับ ผู้ชมจะเชื่อบทบาทและปฏิบัติตามที่ตัวละครสั่ง 4. บทละครเพื่อการศึกษา (TIE ย่อมาจาก Theatre In Education) เป็นละครเพื่อ การพัฒนาการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาความคิดของเยาวชนในโรงเรียน ก่อให้เกิดความคิดเชิงวิจารณ์ นำไปสู่การพูดคุย การเขียนบทจะแบ่งออกเป็นฉาก ๆ แล้วใส่โครงเรื่องตัวละครประมาณ ๕-๖ คนลงไป
ประเด็นที่นำเสนอมักเป็นปัญหาการขัดแย้ง เปิดโอกาสให้ผู้ชมร่วมแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกที่มีต่อ สถานการณ์จริงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในละคร 5. บทละครจากการรวบรวมข้อมูลและเทคนิคละครสด (Collective Improvisation Theatre) การจะได้บทละครจากการแสดงละครสดนั้น จะต้องสนใจการทำงาน 1.คายความเครียดหรือบางครั้งก็กระตุ้นอารมณ์ให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น ทำให้มนุษย์มีความสุข กระตือรือร้นในการดำเนินชีวิต 2. สมอง ให้คุณค่าทางสติปัญญา โดยการดูละครแล้วกลับมาพิจารณาปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับ ตนเอง เกี่ยวกับมนุษยชาติและเกี่ยวกับสังคมส่วนรวม 3. จิตใจ ความสัมพันธ์ของศิลปะการละครกับจิตใจของมนุษย์มีมาแต่โบราณ จะเห็นได้ว่าการ ละครตะวันออกและตะวันตก ล้วนถือกำเนิดจากพิธีบวงสรวงเทพเจ้าเพื่อขอพระ และให้เทพเจ้าบันดาลสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์ปรารถนา หรือถ้าจะให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็พิจารณาได้จากละครเวที ทั้งนี้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในละครเวที มี ลักษณะเหมือนชีวิตจริง ๆ ของมนุษย์ คือเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วก็ผ่านเลยไป ผู้ชมไม่สามารถหยุดพักเหมือน การอ่านหนังสือหรือดูโทรทัศน์ เช่น เมื่อรู้สึกเบื่อก็สามารถปิดหนังสือโทรทัศน์ได้ แต่ผู้ชมละครจะต้องนั่งอยู่ใน โรงละคร เพื่อร่วมรู้เห็นการกระทำ (Action) ของตัวละครจนจบเรื่อง จะให้ละครหยุดพักการแสดงเมื่อเราไม่ อยากชมและถ้าจะชมต่อ ก็จะให้เริ่มแสดงตรงช่วงนั้น ๆ ต่อเนื่องไปย่อมไม่สามารถจะกระทำได้ เพราะละคร แม้จะเป็นผู้แสดงชุดเดียว บทเดียวกัน แต่ต่างช่วงเวลา การแสดงย่อมจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียวทั้งหมด ละคร เวทีจึงมีลักษณะเหมือนประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ๆ 9. กิจกรรมการเรียนการสอน วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ในการสร้างละคร แนวทางการ จัดการแสดง มารยาทในการชมการแสดง และเกณฑ์อย่างง่ายในการพิจารณาคุณภาพการแสดงที่ชม 2.ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม จัดทำละครสร้างสรรค์ เรื่อง ใครเป็นคนดีที่สุด ใช้เวลาแสดง 10-15 นาที โดยแต่ละกลุ่มต้องใช้ทักษะการทำงานเป็นกลุ่มในการทำงาน มีการแบ่งบทบาทและหน้าที่ในการ แสดงของแต่ละคนอย่างชัดเจน ขั้นสอน ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแสดงละครสร้างสรรค์ เรื่อง ใครเป็นคนดีที่สุด หน้าชั้น เรียน เพื่อให้ครูประเมินผล โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามที่กำหนด ดังนี้ 1) การแสดงละครสร้างสรรค์ 2) การใช้ทักษะการทำงานเป็นกลุ่มในกระบวนการผลิตการแสดง
3) การประเมินคุณภาพการแสดงตามเกณฑ์ 1.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนจัดทำละครสร้างสรรค์ เรื่อง ใครเป็นคนดีที่สุด โดยศึกษาบท ละครจากเอกสารประกอบการสอนที่ครูแจกให้ 2.ครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงละคร และคอยให้คำแนะนำหากนักเรียนมี ข้อสงสัย ขั้นสรุป 1.นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการจัดการแสดงละครสร้างสรรค์ นักเรียนเตรียมนำเสนอละคร สร้างสรรค์ในชั่วโมงต่อไป 10. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 10.1 สื่อการเรียนรู้ 1) เอกสารประกอบการสอน 10.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - http://www.aksorn.com/LC/Mu&Pa/M1/189.
ใบงานที่ 19.1สื่อการสอน บทบาทความสำคัญของนาฏศิลป์ไทยในนท้องถิ่น(1)
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความตั้งใจ ในการทำงาน ความ รับผิดชอบ การตรงต่อ เวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลสำเร็จ ของ งาน รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความ ร่วมมือกัน ทำกิจกรรม การแสดง ความคิดเห็น การรับฟัง ความคิดเห็น ความตั้งใจ ทำงาน การแก้ไข ปัญหา/หรือ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานกับสมาชิกในชั้นเรียน 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรียนและชุมชน 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียน และ ชุมชนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว และ โรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล
5.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมื่อผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานของ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับและปรับตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. มุ่งมั่นในการ ทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ และแบ่งปันสิ่งของให้ผู้อื่น 8.3 รู้จักดูแล รักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 191 - 108 ดีมาก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมิน การนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 เนื้อหาละเอียดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธีการนำเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 รายวิชา ศิลปะ (สาระนาฏศิลป์) รหัส ศ 15101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง นาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1จำนวน 1ชม./สัปดาห์ แผนการเรียนรู้ที่ 20 เรื่อง ประโยขน์ของการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ เวลา 1ชั่วโมง 1. สาระการเรียนรู้ • สาระการเรียนรู้แกนกลาง นาฏศิลป์ไทยในนท้องถิ่น ประโยขน์ของการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 3.2 ระบุหรือแสดง นาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ที่สะท้อนถึง วัฒนธรรมและ ประเพณี 3. ตัวชี้วัด 3.2 ป.5/1 เปรียบเทียบการแสดงประเภทต่าง ๆ ของนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สามารถบอกความสำคัญของประโยขน์ของการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ได้ถูกต้อง (K) 2. ความสำคัญของประโยขน์ของการสร้างสรรค์นาฏศิลป์(P) 3. ให้ความร่วมมือและกระตือรือร้นในการท างานที่ได้รับมอบหมาย (A) 5. สาระสำคัญ ศิลปะการแสดงประกอบดนตรี เช่น ฟ้อน รำ ระบำโขนหรือความรู้แบบแผนของการฟ้อนรำ ซึ่งแสดง ให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ความเชื่อ นิสัยใจคอของคนในท้องถิ่นนั้นๆหรือเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วย ความประณีตงดงาม เพื่อให้ความบันเทิง อันโน้มน้าวอารมณ์และความรู้สึกของผู้ชมให้คล้อยตามโดยอาศัยการ บรรเลงดนตรี และการขับร้องเข้าร่วมด้วย
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการวิเคราะห์ 3. ความสามารถในทักษะการน าความรู้ไปใช้ 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มีวินัย 7.2 ใฝ่เรียนรู้ 7.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 8. เนื้อหาสาระ ศิลปะการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้มีลีลาอันงดงาม ได้แก่ ระบำ รำ ฟ้อนต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ นิยมเล่นหรือแสดงกันในท้องถิ่น 9. กิจกรรมการเรียนการสอน วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคโต๊ะกลม ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสอบถามความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ 2. ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างการแสดงที่รู้จักแล้วถามว่า “คิดว่าเป็ นการแสดงนาฏศิลป์ ไทยสร้างสรรค์ ขั้นสอน 1. ครูบรรยาย เรื่อง ความสำคัญของนาฏศิลป์ไทยนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์อย่างละเอียด โดยมีหนังสือ นาฏศิลป์ ป.5 เป็ นสื่อในการเรียนการสอน 2. ครูเปิ ดวีดีโอตัวอย่างการแสดงเด่น ๆ ให้นักเรียนชม 3. ครูต้งัคา ถามเกี่ยวกบัความสำคัญของนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์พร้อมให้ความรู้เพิ่มเติม ขั้นสรุป 1.ครูใหน้กัเรียนร่วมกนัสรุปความรู้ที่ไดจ้ากชวั่โมงน้ี
10. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 10.1 สื่อการเรียนรู้ 1.วิดีโอประโยขน์ของการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ 2.สื่อประโยขน์ของการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ 3.ใบงานที่ 14.1 10.2 แหล่งการเรียนรู้ https://www.youtube.com/watch?v=w9mHF8gW-wU
สื่อการสอนประโยชน์ของนาฏศิลป์ไทยในท้องถิ่น
ใบงานที่14.1 ประโยชน์ของนาฏศิลป์ไทยในท้องถิ่น
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความตั้งใจ ในการทำงาน ความ รับผิดชอบ การตรงต่อ เวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลสำเร็จ ของ งาน รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน ความ ร่วมมือกัน ทำกิจกรรม การแสดง ความคิดเห็น การรับฟัง ความคิดเห็น ความตั้งใจ ทำงาน การแก้ไข ปัญหา/หรือ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานกับสมาชิกในชั้นเรียน 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรียนและชุมชน 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียน และ ชุมชนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว และ โรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมื่อผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด
คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานของ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับและปรับตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. มุ่งมั่นในการ ทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ และแบ่งปันสิ่งของให้ผู้อื่น 8.3 รู้จักดูแล รักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 191 - 108 ดีมาก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมิน การนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 เนื้อหาละเอียดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธีการนำเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน ฝ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง