The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วารสารโพธิยาลัย ฉบับที่ 40

podhiyalai_40

Keywords: วารสารโพธิยาลัย

49

ทอี่ าจารยไ์ ปศกึ ษา (มหาวทิ ยาลยั เประเดนยิ ะ) ท่ี
แคนด้ี มีกลุ่มอาจารย์ท่ีสนใจศึกษาพระไตรปิฎก
ทุกสัปดาห์ จะมาพบกันตอนเย็นวนั พุธ เอาพระ-
ไตรปิฎกมาอ่าน มาวิเคราะห์ เพ่ือการปฏิบัติ
อาจารย์ก็ไปร่วมด้วย ต่อมาเขามีการจัดคอร์ส
ปฏิบัติธรรม อาจารย์ท่านแรกท่ีสอนเป็นพระ
ชาวอเมริกัน น่ันเปน็ จดุ เรมิ่ ต้นของการปฏิบตั ิ ที่
ศรีลงั กาทุกวนั พระใหญเ่ ป็นวนั หยุดของชาติ ชาว เป็นจริง ไม่สุดโต่งไปยึดม่ันเป็นตนเป็นของตน
พุทธนุ่งขาวห่มขาวไปสวดมนต์ ฟังธรรม ปฏิบัติ เป็นหนทางแห่งความดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ธรรมในวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทุกวันพระ กลุ่ม ต่อให้มีอุปสรรคอันใด ก็จะไม่หว่ันไหว ยังคง
อาจารย์ที่ศึกษาพระไตรปิฎกร่วมกัน ก็ไปหา ด�ำรงอยใู่ นเส้นทางแห่งสมั มาปฏบิ ตั นิ ้ไี ด้”
ท่ีวิเวกอยู่ปฏิบัติ มีการจัดคอร์ส ๗ วัน ๑๐ วัน ค�ำเทศนาน้ี ท�ำให้อาจารย์ต้องหยุดทบทวน
๑๕ วนั บ้าง ฉะน้ันตอนที่กลับมาเมอื งไทย ส่งิ ที่มี ตวั เอง ทา่ นอาจารยช์ ว่ ยหยดุ เราไมใ่ หแ้ ลน่ สชู่ วี ติ การ
คุณค่ายิ่งกว่าปริญญาเอกคือการท่ีได้ปฏิบัติ บวชโดยทยี่ งั มไิ ดม้ จี ติ มน่ั คงในธรรมเพยี งพอ เพยี ง
ภาวนา พอทจ่ี ะเปน็ เช้อื ใหม้ าปฏบิ ตั ิตอ่ แค่ตัดสินใจจากความประทับใจที่ผิวเผินชั่วขณะ
พอกลบั มานอกจากเปน็ อาจารยท์ สี่ าขาภาษา มบี างคนปฏบิ ตั แิ ลว้ เกดิ ความประทบั ใจ กต็ ดั สนิ ใจ
บาลี - สันสกฤต ท่ีคณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาฯ แล้ว ยกสมบตั ใิ หล้ กู หลาน แตพ่ อไปอยปู่ ฏบิ ตั เิ ตม็ ตวั ใน
ก็ไปช่วยงานธรรมสถานจุฬาฯ ก็ท�ำให้ได้ศึกษา สถานที่ปฏิบัติ ซ่ึงมีคนหลากหลายแบบ มีอะไร
ธรรมและปฏบิ ัตธิ รรมต่อเน่อื งมา ต่ออะไรมาสะดดุ จติ สะดดุ ใจ ถ้าจติ ยงั ไม่ต้ังมัน่ ใน
วันหนึ่งที่ไปปฏิบัติที่ถ้�ำตุ๊ปู่ อ�ำเภอจอมทอง ธรรม จิตก็รวนเรไปกบั เรอ่ื งราวตา่ งๆ แตถ่ ้ามจี ติ
จังหวัดเชียงใหม่ รู้สึกจิตดีมากๆ ออกจากการ ตง้ั ม่นั อยู่ทธี่ รรมแล้ว กอ็ ยไู่ ดต้ ลอดรอดฝ่ัง
ปฏิบตั ิ ก็มากราบเรยี นทา่ นอาจารย์วา่ จะลาออก อาจารย์ได้สถานที่ปฏิบัติที่มีพระอาจารย์ซึ่ง
จากงานมาอยปู่ ฏบิ ตั ิ ทา่ นกม็ องหนา้ เฉยๆ หลงั จาก เขา้ ใจในเรื่องการปฏิบตั ิของผหู้ ญิงมาก คอื เราอยู่
สวดมนต์ท�ำวัตรเย็นแล้ว ท่านเทศน์เรื่องศรัทธา วเิ วก เรอื นสรา้ งดว้ ยไมอ้ ยา่ งงา่ ย แตป่ ระตหู นา้ ตา่ ง
วา่ “ถา้ เรามศี รทั ธาทเี่ กดิ ขน้ึ จากความประทบั ใจ ติดลูกกรง อยู่ในท่ีปลอดภัย ขณะเดียวกัน ก็ไม่
ไม่ว่าจะประทับใจสถานท่ี ครูอาจารย์ หรือ คลกุ คลี ตา่ งคนตา่ งอยู่ ต่างคนตา่ งปฏบิ ัติ กค็ อ่ ย
ประทับใจในผลของการปฏิบัติของเรา ศรัทธา เป็นคอ่ ยไปคะ่
น้ันยังเป็นศรัทธาท่ีหวั่นไหว เพราะเม่ือมีอะไร ต่อมามคี นใหท้ ด่ี นิ ท่ีจ.ล�ำพูน อนั นี้ทำ� ให้แม่ชี
มากระทบทไี่ มถ่ กู ใจตรงใจกบั ศรทั ธาของเรา เรา ไดป้ ฏบิ ตั ิท่ามกลางป่าเขาคนเดียว
จะเดนิ ทางชวี ติ แหง่ การปฏบิ ตั ไิ มร่ อด แตเ่ มอื่ ไหร่ ตอนแรกทปี่ ฏบิ ัติท่ีถำ้� ตุ๊ปู่ ก็นงุ่ เรยี บๆ ใส่ชดุ
เรามศี รทั ธาทต่ี ง้ั มน่ั อยา่ งถกู ตอ้ ง เปน็ ปญั ญาเหน็ ขาว แต่ยังมิได้บวชเป็นแม่ชี พอไปอยู่ปฏิบัติที่
ชอบในธรรม ไม่สงสัยในมัชฌิมาปฏิปทา การ ลำ� พนู ซงึ่ หา่ งจากหมบู่ า้ นไปไกลมาก อยทู่ า่ มกลาง
ปฏิบัติที่เป็นกลางต่อธรรมชาติธรรมดาๆ ตาม ป่า วันหน่ึงได้รับจดหมายจากกัลยาณมิตรท่าน

50 ๔๐

หน่ึงเขียนมาว่า “หลายคนได้ปรารภถึงอาจารย์
แม่ชีว่าไปอยู่ไกลวิเวกอย่างน้ัน ถ้าอยู่ในรูปแบบ
ที่ชาวบ้านเข้าใจจริงๆ ว่าน่ีคือ ‘นักบวช’ น่าจะ
ปลอดภัยกว่า” อาจารย์จึงตัดสินใจไปบวชเป็น
แม่ชี โดยไปบวชกบั ทา่ นเจ้าคณะอำ� เภอ
เดมิ ทไี มเ่ คยคดิ บวชเปน็ แมช่ มี ากอ่ น เพราะไม่
เขา้ ใจวา่ คอื อะไร ตอ้ งทำ� อะไรบา้ ง รสู้ กึ วา่ ไมจ่ ำ� เปน็ ควรจะท�ำข้างในให้ดีสมกับบุญที่เขาตั้งใจท�ำ
ตอ้ งอยใู่ นฟอรม์ ไม่รู้สึกว่าจะต้องอยู่วัดหรือต้อง เขาไมไ่ ดท้ ำ� บญุ เพราะวา่ นเ้ี ปน็ สภุ าพรรณ เขาไมไ่ ด้
เป็นแม่ชี แต่ตอนตกลงใจว่าจะมาบวชน้ัน เหตุ ทำ� เพราะวา่ เราเปน็ ดอ็ กเตอร์ เขาทำ� เพยี งเพราะวา่
ปจั จัยโดยเฉพาะจิตมันพอดี แลว้ ก็เป็นความจริง เราไม่ได้เป็นอะไรเลย เราเพียงหุ้มห่อกายสีขาว
ว่า พอเราอยู่ในรูปของแม่ชี คนก็เข้าใจว่า น้ีคือ ฝากชีวิตไว้ในพระบวรศาสนาของสมเด็จพระ
นกั บวชแบบแมช่ ี ชาวบา้ นกม็ คี วามเออื้ เฟอ้ื แกเ่ รา สมั มาสมั พทุ ธเจา้ กลว้ ยปง้ิ ถงุ นนั้ กบั นำ�้ ใจทง่ี ดงาม
มากขึ้น ความเปน็ อยกู่ ป็ ลอดภัย ทัง้ ๆ ที่อยลู่ ำ� พัง มาจากศรัทธาซื่อๆ ในพระรัตนตรัยของคุณยาย
คนเดียวในป่า เรื่องน้ีก็ต้องขอบคุณน�้ำจิตน�้ำใจ ทำ� ให้ “เกดิ จติ ส�ำนกึ ” ในหนา้ ทข่ี องผบู้ วชตอ่ ผอู้ นื่
ของชาวบ้านท่ีต�ำบลบ้านก้อ อ�ำเภอลี้ จังหวัด อีกคร้ังหน่ึง นั่งรถรับจ้างท่ีเก่าบุโรท่ัง ว่ิง
ลำ� พูนดว้ ย ระหวา่ งอำ� เภอ เขากไ็ มเ่ กบ็ เงนิ เรา ทงั้ ๆ ทร่ี ถเขาก็
โกโรโกโส เขานา่ จะเกบ็ เงนิ เรา เพราะวา่ มนั มคี วาม
บวชชี ดอี ยา่ งไรคะ หมายกับเขา น่ีก็เป็นอีกเหตุการณ์หน่ึงที่ช่วยให้
อาจารยแ์ ม่ชี : ดี หรอื ไมด่ ี ขนึ้ อยู่กบั ว่าเราปฏิบตั ิ เกิดจิตส�ำนึกท่ีต้องประพฤติตนให้สมกับบุญของ
อยา่ งไร สำ� หรบั อาจารยม์ คี วามลงตวั กบั ชวี ติ ตรงน้ี ผู้ทต่ี งั้ ใจบำ� รงุ พระพทุ ธศาสนา เปน็ กิจอนั หน่งึ ทผี่ ู้
เปน็ ชวี ติ เนกขมั มะกช็ ว่ ยมากเชน่ เวลาทจี่ ติ มนั ไหล บวชควรใสใ่ จ ทจ่ี ะไมใ่ หบ้ ญุ ของเขาเสยี ประโยชน์
ไปกบั เรอื่ งราวตา่ งๆ ก็จะหยดุ ได้เร็ว เมือ่ เราบวช ในด้านการปฏิบัติ บางทีก็หลุด แต่จะมีจุด
แลว้ ธรรมแหง่ ความดบั ทกุ ขค์ มุ้ ครองเรา เพราะ เตือน ท�ำให้ไม่หลุดไปไกลมาก ยังมีตัวยับย้ังให้
เราตงั้ จติ ไวท้ ตี่ รงนนั้ เวลามเี รอ่ื งอะไรเขา้ มา กเ็ ตอื น ช่ังใจวา่ ชา่ งมัน ช่างมัน อยู่เสมอๆ
ตนวา่ ไดอ้ อกมาแล้ว เพ่อื ความดบั ทกุ ข์ ก็ไมค่ วร ขณะเดียวกัน ตอนที่ปฏิบัติอยู่ ครูอาจารย์
หลงไปควา้ ทกุ ข์ พอจติ จะแลน่ ไปกบั เรอ่ื งตา่ งๆ กม็ ี ทา่ นกจ็ ะเตอื น อะไรทจี่ ะเป็นวิปสั สนึก ท่านก็จะ
เคร่ืองเตือน การปลงผมก็เตือน สีขาวก็เตือน เตือน แต่พอมาอยู่ล�ำพังอย่างน้ีแล้ว เราก็ดูแล
พระธรรมกค็ มุ้ ครองใจ ตัวเอง ปัจจบุ นั งานในหนา้ ที่ ทำ� ให้วันๆ ก็อยู่กบั
คนทเ่ี ตอื นมาก คอื คนทอี่ ปุ ถมั ภด์ แู ล ตอนนน้ั ธรรมะ อยู่กับพระไตรปิฎก ก็เป็นการปฏิบัติอยู่
ยงั ไมเ่ ปน็ แมช่ ี แตใ่ สช่ ดุ ขาว ไปตลาดวโรรสในเมอื ง ในตวั วนั ๆ สว่ นใหญก่ ไ็ มม่ เี รอื่ งคน มแี ตพ่ ระธรรม
เชียงใหม่ คุณยายท่านปิ้งกล้วยขาย ควันก็คลุ้ง ตอนน้ีอาจารย์แมช่ ีสอนกรรมฐานด้วยไหมคะ
ร้อนไปหมด ก็เข้าไปซ้ือ คุณยายท่านย่ืนมือที่ทั้ง
ผอมทง้ั ดำ� กลา่ วทำ� บญุ วา่ “แมข่ าว ถงุ นฝ้ี ากไปวดั อาจารยแ์ มช่ ี : ไม่ได้สอนโดยตรง แต่มีการ
ส่วนถุงน้ขี องแม่ขาวนะ” ตรงนั้น รสู้ ึกเลยวา่ เรา บรรยายเพ่ือการปฏิบัติธรรมให้แก่มูลนิธิสวน-

51

อุศม ในสมัยท่ีท่านอาจารย์พุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ อา่ นหนงั สือ ฟงั ธรรม สวดมนต์ ก็แลว้ แต่ๆ ละคน
คณะผู้หญิงท่ีศึกษาปฏิบัติธรรมท่ีสวนโมกข์ได้มา จะเห็นสมควร
รวมกลมุ่ กนั จดั สรา้ งสถานทส่ี ำ� หรบั อยปู่ ฏบิ ตั ธิ รรม ประการท่ี ๒ อย่าว่างโดยไม่ท�ำอะไรเลย
ด้วยกัน ท่านเหล่านี้ได้ท�ำประโยชน์ในด้านการ เดยี๋ วตดิ เตยี ง ลกู หลานมกั จะเหน็ วา่ พอ่ แมแ่ กแ่ ลว้
เผยแผธ่ รรมอยา่ งเงยี บๆ หนงั สอื ธรรมโฆษณก์ วา่ ก็หวังดี แม่ไม่ต้องลงมาช่วยขายของแล้ว แม่ท�ำ
๙๐ เลม่ เปน็ ผลงานของผหู้ ญงิ กลมุ่ นี้ ทไ่ี ดช้ ว่ ยกนั มาตลอดชีวิต ตอนน้ีให้พวกหนูท�ำเอง บังคับแม่
ถอดเทปค�ำสอนของท่านอาจารย์พุทธทาส แล้ว ไม่ให้ลงจากบ้าน ไม่นานแม่ก็ป่วยและอาจตาย
จดั พมิ พ ์ ตอนนท้ี า่ นทงั้ หลายทไ่ี ดเ้ รม่ิ ตน้ สรา้ งสวน- เรว็ ชวี ติ ตอ้ งมกี ารเคลอ่ื นไหว เคลอื่ นไหวทางกาย
อุศมก็ไดส้ น้ิ ไปแลว้ แต่ได้จดั ตงั้ มูลนิธไิ ว้ กม็ ีคนมา เคล่อื นไหวทางความคิด ตอ้ งทำ� งานบา้ ง อาจารย์
สืบต่อ เมื่อกรรมการมูลนิธิริเริ่มจะจัดการปฏิบัติ มีลกู ศิษยท์ ีส่ อนภาษาองั กฤษ คณุ แม่เขาอายุ ๘๐
ธรรม เขาก็ไปปรึกษาท่านอาจารย์รัญจวนเร่ือง กวา่ เขากย็ ังใหค้ ุณแมเ่ ปน็ คนต้อนรับลกู ศษิ ย์ ทกุ
วทิ ยากร ท่านกแ็ นะนำ� มาทีอ่ าจารย์แมช่ ี กเ็ ลยไป เยน็ คณุ แมก่ ม็ านงั่ รอตอ้ นรบั เดก็ ๆ ทมี่ าเรยี นพเิ ศษ
ช่วยบรรยายที่น่นั เดอื นละครง้ั กว่า ๒ ปีแลว้ ใครมา กม็ าไหวค้ ุณยาย มาทักคุณยาย แม่เขาก็มี
ความสขุ แข็งแรงดี
ขอค�ำแนะน�ำส�ำหรับผู้หญิงสูงอายุคะ่ ประการที่ ๓ สำ� หรบั การศกึ ษาธรรม ปฏบิ ตั ิ
อาจารย์แมช่ ี : ประการแรก อยา่ ปล่อยให้จิตคิด ธรรม ถ้าให้โอกาสกับตนเองในเร่ืองน้ีก็จะดีมาก
ฟ้งุ ซ่าน คดิ กังวล คดิ ลบ เพราะจะเปน็ อลั ไซเมอร์ ถา้ ผู้สูงอายสุ นใจศกึ ษาปฏิบตั ธิ รรม ทา่ นกห็ าทาง
เราอาจจะตาย ๗๐, ๘๐, ๙๐ แต่แย่ท่ีสุดคือยัง ไปของท่านอยู่แล้ว ทอี่ าจารยไ์ ปบรรยายสว่ นใหญ่
ไม่ตายแต่สมองเส่ือม มีงานวิจัยหนึ่ง เขาพูดถึง กม็ ผี สู้ งู อายเุ ขา้ รว่ มเสมอ และสว่ นใหญก่ เ็ ปน็ ผหู้ ญงิ
เรอ่ื งสมองว่า เซลล์ในร่างกายที่มากทีส่ ุดคอื เซลล์ ถ้าท่านยังไม่สนใจ แต่มีลูกหลานหรือญาติมิตร
สมอง มจี ำ� นวนมหาศาล เซลล์จะเพม่ิ จ�ำนวนขนึ้ สหายที่สนใจก็ควรชักชวน ท�ำอะไรๆ ให้กับใคร
เรอ่ื ยๆ จำ� ไดม้ ากกต็ ง้ั แตอ่ ายุ ๗ ขวบ พฒั นามาเรอ่ื ย ต่อใครมาแล้วตลอดชีวิต แต่ไม่มีอะไรเอาไปได้
จนประมาณอายุ ๓๐ เซลลจ์ ะหยดุ ผลติ เพม่ิ เพราะ สักอย่างหลังความตาย ตอนนี้สูงวัยแล้ว ก็ถึง
ฉะนนั้ พอยงิ่ อายมุ ากขนึ้ ทำ� ไมหลงลมื เพราะเซลล์ เวลาเตรียมเสบยี งทางธรรมตดิ ตวั ไปกบั เรา สชู่ วี ติ
สมองน้อยลงๆ แต่เซลล์จะลดน้อย เสอื่ มลง มาก ใหม่ที่ดีย่ิงขึ้นกว่าชีวิตนี้ ดว้ ยกุศลธรรม ไม่มีใคร
นอ้ ย เร็วชา้ กข็ ึน้ อย่กู บั อารมณ์ และความคดิ ของ เตรียมเสบียงทางธรรม เตรียมอริยทรัพย์น้ีให้แก่
เราดว้ ย จึงต้องรกั ษาจติ ใจ อารมณ์ ความรสู้ กึ ให้ เราได้ นอกจากตวั เราเอง
เปน็ ไปในทางบวก หากอารมณ์ผนั ผวน เชน่ โกรธ
หงดุ หงดิ บอ่ ยๆ จะยง่ิ ทำ� ลายเซลลส์ มองใหห้ มดไป การเตรยี มตวั เข้าคอรส์ ปฏบิ ตั ิธรรมค่ะ
มากข้นึ เรว็ ขนึ้ บางคนแค่ ๗๐ ก็สมองเสื่อมแลว้ อาจารยแ์ มช่ ี : ไมต่ อ้ งคดิ อะไรมาก เขาใหท้ ำ� อะไร
อายุ ๗๕ - ๘๐ ก็แทบจะช่วยตัวเองไม่ไดก้ ม็ ี กท็ ำ� เขาไมใ่ หท้ ำ� อะไรกอ็ ยา่ ทำ� ไมต่ อ้ งคดิ วา่ จะตอ้ ง
เพราะฉะนน้ั ผสู้ งู อายตุ อ้ งรกั ษาสมองไวใ้ หด้ ี ทำ� อะไร เราไปอยา่ งไม่ตอ้ งทำ� อะไร และพยายาม
อย่าโกรธ อย่าคิดมาก แต่ขณะเดียวกัน ก็อย่า ไมไ่ ปทำ� อะไรดว้ ย ไมใ่ ชห่ นา้ ท่ี ยงั ไมต่ อ้ งตอบแทน
ท�ำให้สมองฝ่อ โดยไม่ใช้สมองเท่าที่ควร อาจจะ ดว้ ยการไปช่วยที่โรงครัว เปน็ ตน้ เดย๋ี วจะฟงุ้ ไป

52 ๔๐

ปฏิบัติ กอ็ ยู่กบั การปฏบิ ัตขิ องเรา นั่นคอื หนา้ ท่ี ตอ้ งดูใจของตวั เอง ถา้ ไมไ่ หวจรงิ ๆ กอ็ ย่าทน ทง้ั นี้
อะไรทอี่ ยตู่ รงหนา้ เชน่ ลมหายใจ กม็ สี ตริ ู้ รวู้ า่ มนั ต้องพิจารณาดๆี กอ่ นท่เี ราจะถอนตัวออกมา
เปน็ สักว่าลม แล้วปล่อยวาง ความเหมาะสมทว่ี า่ ควรทนหรอื ไมท่ น กต็ อ้ ง
ไปปฏบิ ตั ิอยา่ พกขา้ วของไปเยอะ จะไดไ้ มห่ ว่ ง ปรึกษาครูอาจารย์ดู ถ้าเราคิดว่า การอยู่มันน่า
เอาไปเทา่ ทเี่ ราจะอยแู่ บบเรยี บงา่ ย เขาใหก้ นิ อะไร จะดี คือว่าไม่มีอะไรผิดที่คนอื่น แต่ผิดท่ีเราเอง
ก็กินแค่น้ัน ไม่ได้ไปอยู่กับใคร ไปอยู่กับพระ- ปรับตัวไม่ได้ ก็อาจจะลองอยู่ต่อ เพื่อฝึกฝน
พุทธเจ้า ท่ีลมหายใจของเรา ที่การเคล่ือนไหว จิตใจของเรา ให้มสี ตมิ ีปญั ญาท่ีจะอยู่ท่ไี หนก็ได้
ทอ่ี ิริยาบถ ทใ่ี จของเรา ปญั หาต่างๆ ของผู้ปฏบิ ตั ินน้ั ส่วนใหญ่ไม่เกิน
นอกจากเขาอาจจะขอแรง เราก็ไปช่วยเขา ความสามารถของครอู าจารยท์ สี่ อนปฏบิ ตั ิ ทที่ า่ น
เช่น ขอให้มาช่วยกวาดวัด มาช่วยในครัว เราก็ จะดแู ลและชว่ ยแกป้ ญั หาได้ ทา่ นมกั เขา้ ใจอาการ
ไปช่วย แต่ตอ้ งต้ังจิตไวท้ กี่ ารปฏิบตั ิ อยา่ งเชน่ ที่ ต่างๆ ของผู้ปฏิบัติ เพราะมีประสบการณ์กันอยู่
อาจารย์ไปปฏิบัติ เขาให้ติดบัตรว่า “งดวาจา” แลว้ ทา่ นกเ็ หมอื นหมอทเี่ จอคนไขต้ ลอด ชำ� นาญท่ี
พระอาจารยส์ อนเสรจ็ เราเดนิ จงกรม นง่ั สมาธิ พอ จะเลอื กวา่ จะผา่ ตดั จะฉดี ยา หรอื ควรทำ� อยา่ งไร
นั่งพกั ก็มักจะมีคนมาชวนคยุ อาจารย์ก็ไม่พูด ช้ี ทา่ นเปน็ หมอทางใจ เปน็ หมอทางธรรมที่ดี
ปา้ ยนี้ แต่ใครชวนคุยก็ไม่ต้องไปโกรธเขา ไม่ต้อง
มีจิตโทสะ อย่าส่งจิตออกนอก เรามีหน้าท่ีดู หลายคนไปภาวนาหลายครง้ั กลบั มาแลว้ ท�ำไม
ขา้ งในอยา่ งเดยี ว จติ สบาย ไมต่ อ้ งคดิ อะไร ไมต่ อ้ ง ยังนสิ ยั แยเ่ หมอื นเดิม
กังวลอะไร ตง้ั จิตว่าไปเรยี นรู้ เรยี นทใี่ จ รทู้ ีใ่ จ อาจารยแ์ มช่ ี : กเ็ กอื บทกุ คนแหละเราดว้ ย เขาดว้ ย
ถา้ เราตงั้ ใจมน่ั วา่ ไปปฏบิ ตั ิ ไมเ่ กย่ี วกบั คนอน่ื เพราะจริตไม่ล้างได้โดยง่าย จริตล้างด้วยมรรค
กจ็ ะดมี าก เพราะถา้ เราไปวติ กวจิ ารณเ์ รอ่ื งคนอน่ื อนุสยั กล็ า้ งดว้ ยมรรค และไม่ไดถ้ งึ มรรคกันง่ายๆ
ก็เท่ากับสร้างอุปาทานขันธ์อันเป็นทุกข์มาใส่ตัว ทำ� ไมคนทำ� กศุ ล อยา่ งเชน่ ไปปฏบิ ตั ธิ รรม รกั ษาศลี
ไม่ใช่เขาเป็นอุปาทานขันธ์นะ แต่เราเองที่ไปเอา เจริญสมาธิภาวนา แต่กย็ งั ทุกขอ์ ยู่ เป็นเพราะยัง
ขนั ธ์ ๕ ของเขามาเปน็ อปุ าทานในใจเรา เปน็ กุศลที่มอี าสวะยอ้ ม
ปฏิบัติก็คือ เขาว่าอย่างไรก็อย่างนั้น เขาให้ ในชวี ิตอาจารย์ เกดิ มาจนอายจุ ะ ๗๐ แล้ว
ทำ� อะไรกท็ ำ� นอกจากเหลอื บา่ กวา่ แรงจรงิ ๆ ใหท้ ำ� อาจารย์ไม่เคยเจอคนช่ัว อยู่กับพ่อกับแม่ เรียน
อะไรทไ่ี มต่ รงกบั หลกั ในพระพทุ ธศาสนา กไ็ มต่ อ้ ง หนังสือ แล้วมาเป็นครูอาจารย์ แล้วก็มาปฏิบัติ
ทนอยู่ มีบางคนไปเจออะไรไม่ดี เขาบอกรู้สึกว่า แตเ่ จอคนดที ม่ี ที กุ ขต์ ลอด คนดมี ากๆ ดว้ ย แตย่ งั
ต้องทน เพราะเขาตั้งสัจจะไว้แล้วท่ีจะอยู่ให้ครบ ทุกข์ เพราะลูก เพราะงาน เนือ่ งจากยงั ยดึ มนั่ ใน
กำ� หนด แลว้ เขากอ็ ยู่อยา่ งเครียดมากเลย อาจจะ ตัวตน ท�ำไมคนน้ันท�ำอย่างน้ี คนนี้ท�ำอย่างน้ัน
ต้ังความคาดหวังไว้ พอไปเจออะไรที่ผิดไปจากท่ี คนรอบข้างอาจารย์ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ปฏิบัติด้วย
หวังก็ผิดหวัง แต่คิดว่าต้องรักษาสัจจะ ก็ทนอยู่ แตเ่ ขากย็ งั มที กุ ข์ เพราะวา่ ยงั ท�ำความดโี ดยทย่ี งั
การทนอยู่ สำ� หรบั บางคนทรี่ จู้ กั ศกึ ษา รจู้ กั ปรบั ใจ มีความยึดถือในอัตตาตัวตน อาสวะแห่งความ
ก็อาจมีประโยชน์ แต่บางคนย่ิงอยู่ย่ิงแย่ ฉะน้ัน ยึดถือตัวตนมันไหลย้อมไปกับการท�ำความดี
การท�ำความดนี ้นั จึงยงั ทกุ ข์อยู่

๔๐ 53

สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย ์ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต)ทา่ น
เขยี นไวใ้ นหนงั สอื พทุ ธธรรมวา่ ทกุ ขนโิ รธ มกั แปล
วา่ ความดับทกุ ข์ เราจึงมกั มงุ่ ไปที่จะต้องดบั ทกุ ข์
แท้จริงไม่มีทุกข์ท่ีต้องดับ ฉะนั้น ควรเจริญสติ
เจริญปญั ญาใหเ้ หน็ ว่า มีทกุ ข์ในไตรลักษณท์ ่ีเกิด
ดบั เปน็ ทกุ ขต์ ามสภาวะของสง่ิ ปรงุ แตง่ แตท่ กุ ข์
ที่เราคิดว่าเราต้องดับ มันเกิดจากจิตท่ีคว้าไว้
ยึดไว้ มันเป็นทุกข์ท่ีจิตเราปรุงแต่งข้ึนมา
เดมิ มนั ไมม่ ี กเิ ลสจรมาจงึ มี
ตราบทย่ี งั เหน็ วา่ “ตวั เรา” ปฏบิ ตั ิ อาสวะ คอื การรักษาอุโบสถศีล เร่ืองการแต่งตัวชุดขาว
กเิ ลสทหี่ มกั ดองในสนั ดาน มนั กย็ อ้ มในการปฏบิ ตั ิ หรือเคร่ืองแบบ จ�ำเปน็ ไหมคะ
ตลอด อาสวะมันย้อมอยู่ มันแล่นไปพร้อมกับ
การท่เี ราท�ำกศุ ล ไม่ได้เป็นกุศลท่บี ริสทุ ธเิ์ ลย ยงั อาจารย์แม่ชี : ขึ้นอยู่กับท่ีตกลงกัน ถ้าเราเป็น
มีกิเลสมาเจือปน ฉะนน้ั การท�ำความดี โดยยงั ผ้จู ัดคอรส์ กข็ น้ึ อยู่กบั เราสรา้ งรปู แบบขึ้น เหมือน
ไมเ่ ขา้ ใจในการปลอ่ ยวางจากความยดึ ถอื อตั ตา อย่างวัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัญ คนมาเล่าว่า
จึงพาไปสู่ทุกข์ได้ แล้วต้องทุกข์อย่างแน่นอน เข้มงวดมาก คือเขาไม่ให้เลยเถิดจากท่ีเขาวางไว้
ทกุ ขเ์ พราะความดี ทกุ ขเ์ พราะท�ำดีนั่นแหละ ถ้าคุณบอกว่าไม่สะดวกในการจัดหามา เขาก็มี
แล้วคนดีก็ทะเลาะกันเอง เพราะดีคนละดี ชุดขาวให้ ผู้หญิงต้องห่มสไบหรือไม่ จะห่มหรือ
เราใช้ความคิดเรื่อง “อนัตตา” มาช่วยก็ได้ มี ไมห่ ม่ ตกลงกัน แล้วก็เอ้อื เฟื้อใหพ้ รอ้ มเพรียงกัน
ประโยชน์มาก ท่วี ่าใชค้ วามคดิ เพราะเรายังไมไ่ ด้ ยกเว้นในบางทเี่ ปน็ การปฏบิ ตั ชิ ว่ งสน้ั มาก อาจจะ
ไรค้ วามยดึ ถอื ในตวั ตน อาจารยใ์ ชค้ วามคดิ นบ้ี อ่ ยๆ ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะกำ� หนดใหท้ กุ คนแต่งตวั เหมือนๆ กนั
คือคิดวา่ เป็นแค่ธรรมชาตทิ �ำหนา้ ท่ี แต่ไม่ใชเ่ รา อยา่ งสวนอศุ ม เขาจดั เดอื นละครง้ั กไ็ มไ่ ดบ้ งั คบั วา่
บรรลุอะไรหรอก แค่เตือนเราบ่อยๆ ให้ไม่เอา ต้องแต่งอยา่ งไร แตก่ ็แตง่ เรยี บร้อยทกุ คน เพราะ
“ตวั เรา” ออกหนา้ แต่ถ้าเมอื่ ไหรเ่ ผลอ “ตัวเรา” รู้ว่าตัวเองมาปฏิบัติธรรม ก็มักใส่ชุดขาวหรือ
ก็แล่นน�ำหน้า “ตัวกู” ก็ออกฤทธ์ิ เป็นได้ทุกคน สเี รยี บๆ
เพราะยังระคนอยู่กับกิเลส ท่ีจริง สติ สมาธิ ประเดน็ พวกนอี้ าจารยถ์ อื วา่ เปน็ เรอ่ื งเลก็ นอ้ ย
ปญั ญา กไ็ มใ่ ช่เรา “สกั วา่ เป็นธรรมชาต”ิ ไม่มี ขอให้มีครูอาจารย์ที่ชัดเจนในการดูแลด้านการ
ผปู้ ฏบิ ตั ิ ไม่มผี ูไ้ ด้รับผลแหง่ การปฏิบตั ิ ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามค�ำสอนของพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้า อันนั้นส�ำคัญกว่า ทั้งนี้ต้องบอกให้
จะเตอื นตนอยา่ งไรวา่ ขณะนกี้ เิ ลสก�ำลงั ครอบง�ำ ผู้ปฏบิ ัตทิ ราบกอ่ นวา่ เขาจะต้องมาเจออะไรบ้าง
จะไดไ้ มเ่ กิดความเสยี หายมากคะ่ เชน่ สถานทไี่ มส่ ะดวกสบาย นำ�้ ไฟไมพ่ รอ้ ม อาหาร
อาจารยแ์ ม่ชี : ก็ต้องเหน็ ตอนท่มี นั กำ� ลงั เกดิ ข้ึน จะเปน็ อย่างนี้ แลว้ ขอหรอื กำ� หนดว่า อะไรทเ่ี ปน็
อยา่ งในมหาสตปิ ฏั ฐานสตู รวา่ มรี าคะกร็ วู้ า่ มรี าคะ กฎเกณฑ์ ขอให้ช่วยๆ กัน จะท�ำให้สะดวกและ
มีโทสะก็รู้วา่ มโี ทสะ เปน็ ตน้ เรียบร้อยข้ึน อีกอย่างหนึ่ง การท�ำตามที่สถาน

54 ๔๐

ปฏบิ ตั ธิ รรมกำ� หนด กช็ ว่ ยให้
จติ นอบนอ้ ม เคารพในธรรม

ปฏบิ ตั เิ ปน็ คอรส์ จบไป ควร
จ ะ น�ำ ก ลั บ ม า ป ฏิ บั ติ ใ ห ้
ต่อเนื่อง ใชไ่ หมคะ
อาจารยแ์ มช่ ี : ใชค่ ะ่ ตอ้ งทำ�
ต่อเนื่อง แต่บางคนก็อาจ
จะยงั ไมต่ อ่ เนือ่ ง การมาเขา้
คอรส์ ปฏบิ ตั เิ ปน็ ระยะๆกพ็ อ
ชว่ ยได้ หรอื วา่ หลงั จากปฏบิ ตั ิ
แล้ว มกี ลุม่ สนทนาทเ่ี ป็นกัลยาณมติ รกัน ไมใ่ ชม่ า ไตรปิฎก อ่านหนังสือของทา่ นอาจารยพ์ ทุ ธทาส
แล้วหายไปหกเดือนหรือปีหนึ่งค่อยลุกข้ึนมาท�ำ เปน็ ตน้ จนไดศ้ กึ ษาพระไตรปฎิ ก กเ็ หน็ วา่ มคี ำ� สอน
ใหม่ เพราะว่าไมม่ เี พื่อน หรอื งานเยอะ พอมีกลมุ่ ในด้านการปฏิบตั ิท่สี มบูรณ์อยูใ่ นน้นั
ข้นึ มา จะช่วยได้มาก มีสนทนาธรรม ฟงั ธรรม แม้ ในงานของพระไตรปิฎกนานาชาติ อาจารย์
ไม่ได้ไป ๖ วนั ๗ วนั อาจจะมาอยปู่ ฏิบัตชิ ่วงสน้ั ไดท้ ำ� หนงั สอื ชดุ “รตั นประทปี แหง่ พระไตรปฎิ ก”
บอกเล่าแก่นสารทางธรรมของคัมภีร์ในพระ
การปฏิบัติแบบเนสัชชิก (ไม่นอนตลอดคืน) ไตรปิฎกแต่ละคัมภีร์ ตอนน้ีท�ำพระวินัยปิฎก
เขา้ ไปรว่ มบา้ ง จะไดผ้ ลดีกวา่ ไหมคะ และพระสุตตนั ตปฎิ กเสรจ็ แลว้ ก�ำลังท�ำพระอภ-ิ
อาจารย์แมช่ ี : ไมไ่ ด้วัดทีต่ รงนน้ั วัดทจี่ ิต บางคน ธัมมปิฎก การท�ำหนงั สือน้ี ท�ำให้ไดม้ ีโอกาสอ่าน
ถงึ เวลาเขากน็ อน ๓ ทุ่ม เชา้ ตน่ื ขนึ้ มาตามเวลาตี พระไตรปิฎกอย่างละเอียด มีประโยชน์ต่อการ
ระฆงั ตี ๓ เขาอาจจะทำ� ได้ดีกว่าคนนง่ั ทงั้ คนื กไ็ ด้ น้อมน�ำมาปฏิบัติ ที่ดีมากก็คือ เป็นการปฏิบัติ
ขนึ้ อยกู่ บั จติ แตแ่ นน่ อนวา่ ถา้ ไดท้ ำ� ตอ่ เนอ่ื ง คอื มี ตามพระพุทธพจน์โดยตรง แต่ทั้งน้ี ก็ขึ้นอยู่กับ
สติตอ่ เนอ่ื ง กย็ อ่ มจะดี และเนสชั ชิกกม็ ิได้ทำ� กนั สตปิ ญั ญาของเราทจี่ ะเขา้ ใจธรรมทตี่ รสั ไว้ วา่ จะนำ�
ไดง้ า่ ยๆ ตอ้ งอาศยั ความเพียร เปน็ การฝึกท่ถี า้ มี มาปฏบิ ตั ิใหเ้ หมาะสมกบั จิตของเราอยา่ งไร
โอกาสกน็ า่ ลองทำ� ดู หลายคนทไ่ี ปกราบนมสั การ
เจดยี พ์ ทุ ธคยาทปี่ ระเทศอนิ เดยี ความซาบซง้ึ ในคณุ
ของพระพทุ ธเจา้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กเ็ ปน็ พลงั ใหต้ งั้ ใจปฏบิ ตั ิ คณะเรากราบลาท่านอาจารยแ์ ม่ชใี นบา่ ยแก่
กันตลอดคืน และไมเ่ พยี งคืนเดียว บางคนปฏิบัติ วันนั้น ด้วยความรู้สึกประทับใจ อิ่มใจในสิ่งที่ได้
ต่อเนือ่ งหลายๆ คนื กม็ ี ก็ได้ประโยชน์มาก รับรู้และรู้สึกช่ืนชมในมรรคาท่ีท่านอาจารย์แม่ชี
ด�ำเนินอยแู่ ละเมตตาแบ่งปนั ให้ หอพระไตรปฎิ ก
ผู้ปฏิบตั ิควรจะมปี รยิ ัตเิ ป็นพืน้ ฐานบ้างไหม นานาชาติ ท่ีดูศักด์ิสิทธ์ิ สงบ น่าเกรงขามใน
อาจารยแ์ มช่ ี : ควรมี ครอู าจารย์ท่านจะสอนให้ ความรสู้ กึ ตอ้ งหาโอกาสกลบั มาเยอื นอกี แนน่ อน
อาจารย์เอง แต่แรกเริ่มปฏิบัติก็ไม่ได้อ่านพระ- ดว้ ยความตระหนกั ในคณุ ค่าและความหมาย

๔๐ 55

ประวตั ิท่านอาจารย์ พระไตรปิฎกแล้ว อาจารย์แม่ชี
แม่ชีวิมุตติยา ยงั ได้เผยแพร่ความรูจ้ ากพระไตรปฎิ ก
สู่สังคมทางสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์-
ท่านอาจารย์แม่ชีวิมุตติยา (รอง มหาวิทยาลัย ในรายการ “ศาสน์สร้างสุข”,
ศาสตราจารย์ ดร.สุภาพรรณ ณ บางช้าง) จบ บรรยายเรื่องพระไตรปิฎกกับการปฏิบัติธรรม
อกั ษรศาสตรด์ ษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาภาษาบาลี ปจั จบุ นั ณ สวนอศุ ม และบรรยายในกจิ กรรมพระไตรปฎิ ก
เป็นประธานหอพระไตรปิฎกนานาชาติ คณะ ศึกษา เช่น “พระพุทธเทศนา ๔๕ พรรษา”
อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ณ หอพระไตรปฎิ กนานาชาติ เปน็ ต้น
อาจารย์แม่ชีวิมุตติยามีผลงานหนังสือและ ท่านอาจารย์แม่ชีวิมุตติยาได้รับรางวัลหลาย
ประวศงัติอากึอาจานษาจราวยราแยิจมแสชมยัีวชอมิ ีวกุติมนตุตวยิ ตาา่ิยแาล(๖ระอ๐งขศายสเตราราือ่ยจากงรย า ดรผร.เสลผุภางยพารแรนณพปณรจับ ่ าใจงนชบุารง)นั ปู ทแมี่บผีบนู้ตำ�า่ งไปๆ รางวัล เช่น
ไดร้ บั พระราชทานเสาเสมาธรรมจกั ร จาก
จบอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาภาษาบาลี. ปจจุบันเปนประธานหอพระไตรปฎก สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี
ในฐานะผู้ทำ� คณุ ประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
คือ หนงั สอื ชุด “รตั นประทีปแห่งพระไตรปฎิ ก”นานาชาติ คณะอกั ษรศาสตร จุฬาลงกรณม หาวิทยาลยั . ได้รับมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขา
นอกจากการสอนวิชาพระไตรปิฎกกับวิถีอาจารยแมชีวิมุตติยามีผลงานหนังสือและงานวิจัยกวา 60 เร่ือง. ผลงาน วิชาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหา-
จุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
ปจจุบันท่ีมีผูนําไปศึกษา สอน และขยายการเผยแพรในรูปแบบตาง ๆ คือ หนังสือชุด ได้รับรางวัล ผลงานวิจัยดีเด่น จาก
สำ� นักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ชีวิต การจัดท�ำต�ำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวกับ“รตั นประทปี แหง พระไตรปฎ ก”. ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะเป็น
ผมู้ คี ณุ ปู การต่อการใชภ้ าษาไทย

นอกจากการสอนวิชาพระไตรปฎกกับวถิ ชี ีวติ การจัดทําตําราและงานวจิ ยั ท่เี กย่ี วกับพระไตรปฎกแลว อาจารย
แมชียงั ไดเผยแพรความรูพ ระไตรปฎ กสสู งั คมทางสถานวี ิทยแุ หงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในรายการ “ศาสนสรางสุข”,
บรรยายเรื่องพระไตรปฎกกับการปฏิบัติธรรม ณ สวนอุศม, บรรยายในกิจกรรมพระไตรปฎกศึกษา เชน “พระพุทธ
เทศนา 45 พรรษา” ณ หอพระไตรปฎ กนานาชาติ เปนตน.

หอพระไตรปิฎกนานาชาติอาจารยแมช ีวมิ ุตติยาไดรับรางวลั หลายรางวลั เชน

• ไดรับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะ

ก่อต้ังข้ึนจากการที่กองทุนสนทนาธรรมน�ำสุขผทู ําคุณประโยชนต อพระพุทธศาสนา
ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้น�ำพระไตรปิฎกของท่านผู้หญิง• ไดรับมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ

ราชวทิ ยาลยั

ม.ล. มณีรัตน์ บุนนาค และท่ีทางกองทุนจัดหาเพ่ิมเติม• ไดร ับรางวัลผลงานวิจัยดีเดน จากสํานักงานคณะกรรมการวิจยั แหงชาติ
มอบเป็นธรรมบรรณาการแก่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ• ไดร ับยกยองเชิดชูเกยี รตใิ นฐานะเปนผมู คี ณุ ูปการตอการใชภ าษาไทย.
ส�ำหรับจัดต้ังเป็นหอพระไตรปิฎกนานาชาติ ปัจจุบัน
เป็นแหล่งรวบรวมพระคัมภีร์พระไตรปิฎกที่บันทึกด้วย
อกั ษรของชาตติ า่ งๆ พรอ้ มดว้ ยพระคมั ภรี บ์ รวิ ารครบชดุ และคมั ภรี ห์ ายากทที่ รงคณุ คา่ นบั เปน็ ศนู ยก์ ลาง
การค้นคว้าวิจัยด้านพระไตรปิฎกที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับ
พระไตรปิฎก รวมทั้งจัดกิจกรรมการบรรยายพิเศษ การสนทนา และการอภิปรายในหัวข้อเก่ียวกับ
พระไตรปิฎกอย่เู สมอ

มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ น่ันแหละ จึงเป็นที่มาของ
การเริ่มต้นไปปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์มานพ
อปุ สโม วปิ สั สนาจารยอ์ งคแ์ รก ที่จงั หวัดจนั ทบุรี
เปน็ เวลา ๗ คนื ๘ วนั โดยมลี กู สาวไปเปน็ เพือ่ น
หลังจาก ๗ คืน ๘ วนั เราสองคนจบคอรส์
การปฏิบัติ น่ังคุยกันว่า เรา ๒ คนแม่ลูก ไปอยู่
ทไ่ี หนกนั มา เปน็ ชาวพทุ ธ แตก่ ลบั ไมเ่ ขา้ ใจแกน่ แท้
ของพระพทุ ธศาสนาเลย ในชว่ ง ๗ วนั ทา่ นพระ-
อาจารยใ์ หค้ วามร ู้ ทงั้ ในเชงิ ปรยิ ตั แิ ละปฏบิ ตั อิ ยา่ ง
สมบรู ณแ์ บบ ทำ� ใหเ้ ราไดเ้ ขา้ ใจ และเขา้ ถงึ แกน่ แท้
ของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเข้าใจเร่ืองของ
อรยิ สจั ๔ และกจิ ทต่ี อ้ งทำ� ในอรยิ สจั ๔ วา่ โดยยอ่
เครื่องมือที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ คือ อริยมรรค
มอี งค์ ๘ หรือยอ่ ลงมาคือ ศลี สมาธิ ปัญญา และ
ย่อลงมาอกี กค็ อื การปฏิบัตสิ ติปฏั ฐาน ๔ ซง่ึ นับ
เป็นทางสายเอก ที่น�ำพาเราไปสู่การพ้นทุกข์ได้
โดยสนิ้ เชงิ

การเดนิ ทางของจิต เพ่อื นภาวนา
คณุ เมตตา อทุ กะพนั ธ์ุ

สูส่ ภาวะ รู้ ว่าง บรสิ ุทธ์ิ
ขอพดู อยา่ งเต็มปากเต็มค�ำเลยว่า “ขอบคณุ เมอ่ื ไดพ้ บพระธรรมอนั ลำ้� คา่ ของพระพทุ ธเจา้
ความทุกข์” เพราะทุกข์นี่แหละที่ท�ำให้เราต้อง ทเี่ ปน็ ทางพน้ ทกุ ข์ จงึ มคี วามปรารถนาจะแบง่ ปนั
ไขวค่ วา้ หาทางทจี่ ะออกจากทกุ ข์ จนเปน็ ทมี่ าของ สง่ิ นกี้ บั ชาวพทุ ธทย่ี งั หลงอย ู่ เหมอื นทเ่ี ราเคยหลง
การได้พบธรรมในวันนี้ มาแลว้ โดยเฉพาะกบั เยาวชนคนรนุ่ ใหม ่ ทจ่ี ะเปน็
เดิมเราคิดว่าเราเป็นชาวพุทธที่ดี เป็นคนดี กำ� ลังของชาติตอ่ ไปในอนาคต
ใหท้ าน รกั ษาศลี แตเ่ รายงั มคี วามโลภ ความโกรธ จึงเป็นท่ีมาของการเริ่มต้นออกหนังสือเล่ม
ความหลง อยเู่ ตม็ โดยไมร่ ตู้ วั ไมเ่ คยกลบั เขา้ มามอง แรก ของทา่ น ว.วชิรเมธี คอื ธรรมะติดปีก ซ่ึงเป็น
ตัวเราศึกษาตัวเราเลย มแี ตส่ ่งจิตออกนอกตลอด ธรรมะประยกุ ต์ ไมต่ อ้ งการยดั เยยี ดธรรมะหนกั ๆ
จนวันหน่ึง สูญเสียสามีท่ีเรารัก รับไม่ได้ ร้องไห้ ใหพ้ วกเขา และเหน็ วา่ ภาษาของท่าน ว.วชริ เมธี
คร่�ำครวญ โศกเศร้า เสียใจ อาลยั อาวรณ์ แทบจะ เขา้ ใจง่าย เป็นการสอื่ ธรรมะทีเ่ ขา้ ถงึ ไดไ้ ม่ยาก

๔๐ 57

ได้มกี ารท�ำการตลาด เพ่อื ปลกุ กระแสใหค้ น รายปักษ์ คอื นิตยสาร Secret ซงึ่ ก็ไดร้ ับความ
ทว่ั ไป ไมว่ า่ หญงิ หรอื ชาย วยั รนุ่ หรอื ผใู้ หญ่ ทย่ี งั ไม่ นิยมจากผ้อู า่ นเปน็ จ�ำนวนมากอย่างคาดไมถ่ ึง
สนใจธรรมะ ใหห้ นั มาสนใจศกึ ษาธรรมะ ดว้ ยการ ในส่วนของการปฏิบัติธรรมก็ได้เพียรพัฒนา
ท�ำพิธีเปิดตัวหนังสือ โดยนิมนต์ท่าน ว.วชิรเมธี ตนเองเรอื่ ยมา ดว้ ยมคี วามปรารถนาทจ่ี ะพน้ จาก
แสดงธรรม เน่ืองด้วยท่าน ว.วชิรเมธี เป็นพระ ความทุกข์ แต่ดูเหมือนทางมันตัน จึงเร่ิมเสาะ
นกั เทศนท์ เี่ ปย่ี มไปดว้ ยความรอบร ู้ ทา่ นจบเปรยี ญ แสวงหาครูบาอาจารย์ในแนวทางต่างๆ ได้ไป
ธรรม ๙ ประโยค และเป็นผู้สนใจใฝ่หาความรู้ ปฏบิ ตั กิ บั หลวงพอ่ มนตรี อภสั สโร ลกู ศษิ ยห์ ลวงปู่
อ่านหนังสือต่างๆ มากมายหลากหลาย จึงเป็น ดูลย์ อตุโล อยู่ ๓ คร้ังๆ ละ ๗ วัน ค�ำสอนของ
ทมี่ าของธรรมเทศนาทถ่ี งึ พรอ้ มดว้ ยสาระ บนั เทงิ ท่านในการปฏิบัติมีส้ันๆ ท่านให้ “ช�ำเลืองดูจิต
มีสีสัน และลีลาการพูดท่ีเรียกความสนใจจาก บ่อยๆ” ในขณะเดินจงกรม ให้ “รู้อยู่ ว่างอยู่”
ผูฟ้ งั ไดม้ ากเลยทเี ดียว “หยุดความคิด หยุดสังสารวัฏ” ตอนน้ันเข้าใจ
ท�ำให้หนังสือพลอยขายดี เกิดกระแสความ บ้างไม่เข้าใจบา้ ง ก็ได้แตส่ ่งั สมไว้ แต่ทีไ่ ดจ้ ากท่าน
สนใจในธรรมะของพระพทุ ธเจา้ ตอ่ มาเราจงึ ไดเ้ รม่ิ คือ ท่านกล่าววา่ มนษุ ย์ทุกคนมีศักยภาพทีจ่ ะไป
ผลิตหนงั สอื ในเชงิ ลกึ เก่ยี วกบั การปฏบิ ตั ทิ ่เี ขม้ ขน้ ถึงนิพพานได้ แม้แต่ฆราวาส นับเป็นก�ำลังใจให้
เม่อื ตลาดตรงน้เี ปดิ พ้ืนทใี่ ห้เรา ตัวเองมากมาย แต่ก่อนรสู้ ึกเพียงวา่ นิพพานน้นั
เมื่อตลาดเปดิ ส�ำนกั พิมพต์ า่ งๆ ก็เรม่ิ ทยอย ไกลเกินเอื้อม ยิ่งฆราวาสอย่างเราไม่ต้องพูดถึง
ออกหนังสือธรรมะในหลากหลายรูปแบบจาก นพิ พานอยบู่ นห้ิงอย่างเดยี ว มบิ ังอาจไปแตะตอ้ ง
ครบู าอาจารยห์ ลายองค ์ ทง้ั ทล่ี ะสงั ขารไปแลว้ และ ช่วงนั้นเลยออกหนังสือเก่ียวกับนิพพาน
ยังมีชีวติ อยู่ หลายเล่ม เช่น “นิพพานระหว่างวัน” ของท่าน
ในช่วงน้ันชมรมกัลยาณธรรม โดยคุณหมอ ว.วชริ เมธี “นพิ พานทนี่ ี่ เดยี๋ วน”้ี ของพระอาจารย์
อัจฉรา กลิ่นสุวรรณ์ ก็ได้จัดฟังเทศน์ฟังธรรม สายปฏบิ ตั ิ ๕ รปู “นพิ พานไมไ่ กลเกนิ เออ้ื ม” ของ
จากครูบาอาจารย์ในสายปฏิบัติ ท่านหลวงตากรภพ และยังมี
หลากหลายองค์ โดยมีอาจารย์ เรื่องนิพพานอ่ืนๆ ตามมา ท้ัง
ดร.สนอง วรอุไร เป็นผู้ให้ค�ำ ของทา่ นพทุ ธทาสและหลวงพอ่
ปรกึ ษาและเปน็ ผบู้ รรยายธรรม เทียน จติ ฺตสโุ ภ
ประจ�ำ ส�ำนักพิมพ์อมรินทร์มี จากนั้นได้ไปปฏิบัติกับ
โอกาสของานท่านไปถอดเทป ท่านพระอาจารย์นวลจันทร์
และพิมพ์เป็นหนังสือออกมา ก็ได้มาหน่ึงประโยค “เพียงแค่
๓ - ๔ เล่ม ซง่ึ ก็ได้รับความนยิ ม ร้”ู คือ อะไรเกดิ ขึน้ ในกายในใจ
ในวงกวา้ งเช่นกนั กใ็ ห้ “เพยี งแค่รู้” คือ ร้เู ฉยๆ ไม่
ต่อมาเพ่ือให้คนอ่านได้ ต้องปรงุ แต่งต่อ
เข้าถึงธรรมะรวดเร็วขึ้น ถี่ขึ้น ตอ่ มาเพอ่ื นชวนไปปฏบิ ตั ิ
จึงได้ออกนิตยสารธรรมะเป็น ธรรมกบั สายทา่ นโกเอ็นกา้ แนว

58 ๔๐

สติปัฏฐาน ๔ เน้นดูเวทนาท่ีกาย แล้วให้จิตเป็น ไร้ตวั ตน” ที่ทุกคนมอี ยแู่ ล้ว แต่ถกู อวชิ ชาบดบงั
อุเบกขา ก็ได้วิชาความรู้ท่ีเรียนมาจากท่านพระ- ประกอบกับช่วงเวลานั้น ธรรมะจัดสรรให้
อาจารย์มานพ พระอาจารย์มนตรี และพระ- กลบั มาอ่านหนังสอื “จติ เป็นอมตะ” ของคณุ ลุง
อาจารย์นวลจันทร์ นี่แหละ มาช่วยท�ำให้ หวดี บัวเผอื่ น ซ่งึ ได้รบั แจกมาจากชมรมกัลยาณ-
เข้าสู่สภาวะอุเบกขาได้อย่างถูกต้อง มั่นคงพอ ธรรม จึงท�ำให้เกิดความเข้าใจพระสัทธรรมของ
ประมาณ ตงั้ แตค่ รง้ั แรกทไี่ ปปฏบิ ตั ิ เหน็ แสงสวา่ งท่ี พระพทุ ธเจา้ อยา่ งลกึ ซง้ึ เขา้ ถงึ ธรรมอนั เอก แตย่ งั
ปลายอโุ มงค์ มน่ั ใจวา่ ทางนลี้ ะ่ ใชแ่ ลว้ นา่ จะนำ� เรา ไมก่ ระจา่ งชัดนัก
ไปสูก่ ารพน้ ทกุ ข์ได้อย่างทีเ่ ราปรารถนา จนวนั หนง่ึ เมอื่ ตน้ เดอื นตลุ าคม๖๑ไดม้ โี อกาส
ช่วงน้ันเกิดมีเหตุการณ์ทางโลกที่ท�ำให้เรา ปฏิบัติธรรมกับท่านพระมหาวรพรต กิตฺติวโร
ตอ้ งเผชญิ กบั ความทกุ ขอ์ กี ครง้ั คราวนกี้ ร็ นุ แรงไม่ จากยุวพทุ ธ ศนู ยฯ์ ๔ ลูกศษิ ยท์ ่านพระอาจารย์
แพค้ รง้ั แรก ครงั้ แรกเปน็ การสญู เสยี บคุ คลทเี่ รารกั สุรศักดิ์ เขมรํสี วัดมเหยงคณ์ จึงมีดวงตาเห็น
ครั้งน้ีเป็นการสูญเสียส่ิงของที่เรารัก ความทุกข์ ธรรมชัดเจนยิง่ ขน้ึ ครบู าอาจารย์แต่ละทา่ น อาจ
ถาโถม แสงสวา่ งท่ีปลายอโุ มงค์ทเ่ี ราเห็น มอดดับ ใช้ภาษาที่แตกต่างกัน แต่เม่ือเราเข้าถึงสภาวะ
ลง แตก่ เ็ พยี รปฏบิ ตั ติ อ่ ไปแมไ้ มเ่ หน็ ฝง่ั รสู้ กึ วา่ อยา่ ง ทเ่ี ปน็ อมตธรรมแลว้ ภาษาจะไมเ่ ปน็ เครอื่ งกางกน้ั
นอ้ ยกช็ ่วยบรรเทาทุกข์ได้ประมาณหน่ึง อีกตอ่ ไป แนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่ีเรียนมาจากครบู า
เม่ือธรรมะจัดสรรให้เหตุการณ์ทางโลก อาจารยท์ ก่ี ลา่ วมาทง้ั หมดขา้ งตน้ กลบั มาเปดิ เผย
คลค่ี ลายลง จงึ ไดม้ าพบหนงั สอื ของทา่ น Camou- ตัวใหเ้ ห็นเดน่ ชดั ว่าอะไรคอื อะไร ในคอร์สนี้
flage สองเล่ม ชื่อ “ความปกติท่ีหายไป” และ กม้ กราบครบู าอาจารยด์ ว้ ยความกตญั ญรู คู้ ณุ
“ทางเดนิ ทไี่ มม่ ผี เู้ ดนิ ” มี CD แนบมาดว้ ยสองแผน่ ทกุ องค์ทกุ คน ที่มสี ว่ นให้เราเดินมาถึงตรงน้ี โดย
เปิดฟังธรรมะของท่านท้ังสองแผ่นกว่าย่ีสิบครั้ง เฉพาะท่านพระมหาวรพรต ท่ีมีวิธีการน�ำเดินจิต
ดว้ ยความสนใจ และไดค้ ำ� ตอบในขอ้ สงสยั ตา่ งๆ ที่ โดยใช้สติปัฏฐาน ๔ ดูกายดูใจนแี่ หละ เข้าสอู่ มต-
มมี านาน เกดิ เห็นแสงสวา่ งทีป่ ลายอโุ มงค์อีกครั้ง ธรรม ธรรมะอันเอก ท่ีไร้การปรุงแต่ง บริสุทธ์ิ
ทา่ นชใี้ หเ้ หน็ วา่ “สภาวะปกต”ิ นค้ี อื สภาวะ
ทไี่ รร้ าคะ ไร้โทสะ ไร้โมหะ เปน็ สิ่งทเี่ รามีอยแู่ ล้ว
ในทกุ ๆ คน ไมต่ ้องไปสร้างขน้ึ มาใหม่ เราจะเขา้
สู่สภาวะน้ีได้ โดยการรู้สึกตัว ด้วยการเดินสติ-
ปฏั ฐาน ๔
ในชว่ งเวลาเดยี วกนั ไดพ้ บกบั ทา่ นโพธนิ นั ทะ
ซึ่งเคยมาพิมพ์หนังสือช่ือ “ทางสายกลาง” กับ
ส�ำนักพิมพ์อมรินทร์ ท่านได้เน้นให้เห็นสภาวะ
ปกตนิ ี้ ดว้ ยคำ� วา่ มนั คอื “ความวา่ ง” ชำ� เลอื งดใู จ
เราเมื่อใด ก็จะเห็นเขาอยู่ตรงนั้น เป็นเพชรมณี
อนั ล้ำ� ค่าท่ีเราตอ้ งท�ำความรจู้ ัก คอื “สภาวะวา่ ง

๔๐ 59

ว่างจากตวั ตน บคุ คล เรา เขา ปลกุ สภาวะรู้ ตืน่
เบกิ บาน ใหเ้ กดิ ขน้ึ อยา่ งนา่ อศั จรรย์ ด้วยวิธกี าร
ทงี่ า่ ย แตแ่ ยบยล ทางนค้ี อื ทางสายเอก ท่ีน�ำไปสู่
ความบรสิ ุทธ์ิ การพน้ ทุกข์ คอื พระนิพพาน
พระมหาวรพรตท่านกลา่ วว่า สภาวะรู้ หรอื
อมตธาตุ หรือ รู้ ตื่น เบิกบาน หรือทหี่ ลวงปู่ดูลย์
ใชว้ ่า “จิตคือพทุ ธะ” หรอื “อยกู่ บั ร”ู้ หรอื พระ
อาจารย์มนตรีใช้ “รู้อยู่ ว่างอยู่” พระอาจารย์
นวลจนั ทร์ใช้ “เพยี งแคร่ ู้” หรอื ทา่ นโพธินันทะ
ใช้ “ความว่าง” หรือท่านพุทธทาสใช้ค�ำว่า
“สุญญตา” หรอื คุณลงุ หวีดใช้ “จติ เป็นอมตะ” เปน็ หนังสอื ๖ เล่ม ท่านกล่าววา่ ผปู้ ฏิบัติธรรม
หรือทา่ น Camouflage ใช้ค�ำวา่ “สภาพปกต”ิ ท่ีประสบความส�ำเร็จ จะต้องประกอบด้วยเหตุ
ทกุ ทา่ นกลา่ วถงึ สงิ่ เดยี วกนั ดว้ ยภาษาทแ่ี ตก ๓ ประการ คือ
ต่างกนั คอื อมตธาตุ ทม่ี อี ยแู่ ลว้ ในตวั เราทุกคน ๑. มบี ญุ บารมที สี่ งั่ สมมาทงั้ ในอดตี ชาตจิ นถงึ
ไม่ตอ้ งไปสรา้ งขนึ้ มา เพยี งเดินจิตดว้ ยสติปฏั ฐาน ปจั จบุ ันน้ี
๔ อยา่ งถกู ตอ้ ง เรากจ็ ะเขา้ ถงึ สภาวะร ู้ ทถ่ี กู อวชิ ชา ๒. พบเส้นทางท่ีตรงกับจริต และข้อส�ำคัญ
ครอบงำ� อยู่ เปน็ การเปิดของควำ�่ ให้หงาย ถ้าเรา ตอ้ งตรงตอ่ เส้นทางพระนิพพาน
ไมเ่ ขา้ ใจ ไมร่ จู้ กั และไมเ่ หน็ ความสำ� คญั ของสภาวะรู้ ๓. สดุ ทา้ ย คือ ความเพียร
ทอี่ ยใู่ นฝง่ั ของการไรค้ วามปรงุ แตง่ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร สำ� หรบั ตวั เอง ผา่ น ๒ ขอ้ มาแลว้ หลงั จากรอ
เราก็จะเข้าไม่ถึงการพน้ ทกุ ข์ หรือพระนิพพานได้ คอยมา ๑๕ ปี เหลอื แตค่ วามเพยี รเทา่ นน้ั ทจี่ ะเปน็
เลย ขอยนื ยนั ตวั ก�ำหนดวา่ เราจะสามารถเดนิ ไปไดส้ ดุ ทางไหม
สิง่ ส�ำคญั กวา่ นัน้ คอื เมอื่ เข้าใจ รู้จัก และเหน็ คงต้องท�ำเหตุไปเร่ือยๆ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็
ความสำ� คญั ของเขาแลว้ จะปลกุ เขาใหต้ นื่ หลงั จาก ยอมรับ
ทห่ี ลับไหลมานานแสนนาน หลายภพ หลายชาติ เรามักกลา่ วว่าปัจจัยทส่ี ำ� คญั และจ�ำเป็นตอ่
นบั ไมถ่ ้วนแล้วไดอ้ ยา่ งไร และจะพัฒนาสภาวะนี้ การด�ำรงชีวติ ของมนษุ ย์ มี ๔ อยา่ ง คือ อาหาร
ใหเ้ สถยี รและมกี ำ� ลงั ไดอ้ ยา่ งไร เปน็ เรอ่ื งทเี่ ราตอ้ ง เครื่องนงุ่ หม่ ทีอ่ ยอู่ าศยั ยารักษาโรค แตไ่ ม่เคยมี
มาเรียนรู้ ซ่ึงพระพุทธเจ้าได้ให้เครื่องมือไว้แล้ว ใครพดู ถงึ ปัจจยั ท่ี ๕ เลย ซึง่ มคี วามส�ำคญั มากๆ
คอื มรรคมอี งค์ ๘ หรอื วา่ โดยยอ่ คอื สตปิ ฏั ฐาน ๔ ตอ่ การดำ� รงชีวิตของพวกเราอยา่ งยงิ่ ปจั จยั ที่ ๕
เม่ือมาถึงตรงน้ีแล้ว อยากน�ำส่ิงท่ีหลวงพ่อ คือ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าเราศึกษาธรรม
ทูล ขิปฺปปญฺโญฺ ซึ่งถือเป็นครูบาอาจารย์อีกองค์ ของพระพุทธเจ้าให้ลึกซ้ึงแล้ว เราจะรู้เลยว่า
หนึ่งซ่งึ ละสงั ขารไปแลว้ แม้ไมเ่ คยปฏบิ ตั ิกับท่าน ปัจจัยที่ ๕ นี้ คือปัจจัยท่ที ำ� ให้เราได้ปจั จยั ท้ัง ๔
แต่ก็ได้พบปะพดู คยุ สนทนาธรรมกบั ท่าน และมี มา มากน้อยแตกต่างกันไป ตามกรรมของใคร
โอกาสได้น�ำงานของท่านท่ีรวบรวมไว้ มาพิมพ์ ของมันที่ทำ� มา

60 ๔๐

ดงั นนั้ ชวี ติ ของเราไมว่ า่ หญงิ หรอื ชาย จะดำ� รง ส�ำหรับตัวเอง ปหี นา้ กอ็ ายุ ๗๐ แลว้ ถอื เป็น
อยอู่ ยา่ งทกุ ขน์ อ้ ย หรอื ไมท่ กุ ขเ์ ลย ตอ้ งอาศยั ปจั จยั บนั้ ปลายของชวี ติ เปน็ วยั ทค่ี วรพกั ผอ่ น ไมต่ อ้ งทำ�
ที่ ๕ ซ่งึ เป็นชวี ติ ท่แี ทจ้ ริงของเราที่เราต้องเรียนรู้ อะไรแลว้ แต่เมื่อยงั มีก�ำลงั มีแรง ทยี่ ังสามารถท�ำ
และศึกษาอยา่ งยิ่ง มนั คอื วิชาชวี ิต ประโยชนต์ น ประโยชนท์ า่ น กจ็ ะทำ� ตอ่ ไป ใชก้ าร
ครอบครวั ใด แมม้ เี พยี งคนเดยี วทป่ี ฏบิ ตั ธิ รรม ท�ำงานเป็นการปฏิบัติธรรม จนกว่าจะถึงเวลาที่
ครอบครัวน้ันก็จะมีความสุข จึงอยากแนะน�ำให้ เห็นว่า ควรพักจริงๆ เราก็จะไป ไม่ยดึ ติดอะไร
ทุกคนลงมือปฏิบัติ ใครปฏิบัติอยู่แล้ว ถ้ายังไม่ ความตง้ั ใจของตวั เองเวลาน้ี คอื เมอื่ พบทางที่
พบหนทางทถ่ี กู จรติ กต็ อ้ งแสวงหา สดุ ทา้ ยเมอื่ พบ ตรงจรติ แลว้ ถกู ตรงตอ่ พระนพิ พานแลว้ กม็ หี นา้ ท่ี
แลว้ ก็ต้องเพียร เพียรไปเรอ่ื ยๆ ท่ีพระพุทธเจ้าทรง เพยี รไปใหส้ ดุ ทาง ทำ� เหตไุ ปเรอ่ื ยๆ สว่ นผลจะเปน็
กลา่ วตอบเทวดาวา่ เราปฏบิ ตั แิ บบ“ไมพ่ กั ไมเ่ พยี ร” อย่างไรก็สุดแล้วแต่ ระหวา่ งนี้ เรากท็ ำ� หน้าทท่ี ี่ยงั
ธรรมะของพระพุทธเจา้ ไมไ่ ดใ้ หห้ นโี ลก เม่อื ติดค้างอย่ใู หเ้ สรจ็ ทำ� ประโยชนต์ นและประโยชน์
เรามธี รรม ถงึ ธรรมแลว้ เรายังสามารถอยู่กับโลก ทา่ นไปพรอ้ มๆ กัน และพร้อมท่ีจะน�ำแนวทางท่ี
ได้อย่างมีความสุข สามารถท�ำประโยชน์ตน ค้นพบน้ี ส่งตอ่ สมู่ หาชน ให้เปน็ อีกทางเลือกหนึ่ง
ประโยชน์ท่านไปพร้อมๆ กันได้ โดยไม่มีอะไร สำ� หรบั ผสู้ นใจปฏบิ ัติธรรม อกี ทง้ั ตัง้ ใจสอื่ ออกไป
ขัดแย้งกัน แต่กลับจะช่วยส่งเสริมชีวิตการงาน ในประเทศตา่ งๆ ทวั่ โลก ทกี่ ำ� ลงั สนใจศกึ ษาธรรมะ
ทกุ อยา่ งใหด้ ขี น้ึ เจรญิ ขนึ้ อยา่ งสมดลุ และพอเพยี ง ของพระพทุ ธเจา้
จึงไม่จ�ำเป็นต้องท้ิงบ้านช่องเรือนชานไปอยู่อย่าง ขอน้อมก้มกราบระลึกถึงพระคุณครูบา
วเิ วกแต่อย่างใด เมอ่ื ใจถงึ ธรรมแล้ว อย่ตู รงไหน อาจารยห์ ลายๆ องค์ หลายๆ ทา่ น ทกี่ ลา่ วมาแลว้
ก็ได้ ถึงเวลานั้น เราจะรู้เองว่า เราควรท�ำอะไร อกี ครง้ั รวมทง้ั ครบู าอาจารยท์ ไ่ี มม่ โี อกาสไปปฏบิ ตั ิ
ไม่ควรท�ำอะไร คุณลุงหวีด เป็นตัวอย่างที่ดีของ กบั ทา่ น แตไ่ ดฟ้ งั ธรรมของทา่ นผา่ นCD,YouTube
ฆราวาสผบู้ รรลธุ รรมขน้ั สงู โดยทำ� การงานคา้ ขาย และชอ่ งทางอนื่ ๆ ซงึ่ มสี ว่ นใหส้ ามารถเดนิ มาถงึ ได้
อย่ทู บ่ี ้าน มิไดอ้ อกบวช จนท่านละสังขารไป ขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่ ท่ีท�ำให้เราได้
เรยี นรธู้ รรม ศกึ ษาธรรม ไดส้ ะดวกงา่ ยดายมากขน้ึ
ไมต่ อ้ งดน้ั ดน้ ไปหาครบู าอาจารยใ์ นปา่ ในถำ้� เหมอื น
แตก่ อ่ น เปน็ ยคุ สมยั ทพี่ รอ้ มสดุ ๆ แลว้ สำ� หรบั การ
ปฏิบัติธรรม ถ้าไม่เพียรปฏิบัติในชาตินี้เสียแล้ว
จะหาโอกาสเชน่ นค้ี งไมม่ อี กี แลว้ คดิ หรอื วา่ เกดิ มา
ใหม่ จะได้เป็นมนุษย์ จะได้พบพระพุทธศาสนา
ชาตนิ เี้ ปน็ ชาตดิ ที ส่ี ดุ สำ� คญั ทสี่ ดุ แลว้ สงิ่ แวดลอ้ ม
ท่สี มบรู ณ์ เหมาะสม และเอ้อื ตอ่ การปฏบิ ตั เิ ช่นน้ี
ไม่มีอีกแลว้
อยากบอกทกุ ท่านว่า ท่านโชคดีทีไ่ ดเ้ กดิ เปน็
มนษุ ย์ ได้พบพระพทุ ธศาสนา ซ่งึ เป็นศาสนาแห่ง

๔๐ 61

ปัญญา และเปน็ ศาสนาเดยี วในโลก ที่มีแนวทาง ทา่ นสามารถตดิ ตามอา่ นวารสารโพธยิ าลยั ทกุ ฉบบั ยอ้ นหลงั
ปฏิบัติท่ีสามารถน�ำเราเข้าสู่สภาวะจิตที่บริสุทธ์ิ ไดท้ าง เวบ็ ไซตว์ ดั จากแดง www.watchakdaeng.com
สมบรู ณ์ ไรก้ ารปรงุ แตง่ เพอ่ื ความสน้ิ สดุ แหง่ ทกุ ข ์ และเว็บไซตช์ มรมกัลยาณธรรม
ไมต่ อ้ งกลบั มาเวยี นวา่ ยตายเกดิ ใหท้ กุ ขซ์ ำ�้ แลว้ ซำ้� www.kanlayanatam.com,
เลา่ อกี ตอ่ ไป จงอยา่ ประมาท อยา่ ปลอ่ ยใหก้ ารเกดิ Line Official id : @kanlayanatam
ในครั้งน้เี ปน็ โมฆะ Facebook Page : Kanlayanatam
พระธรรมของพระพุทธเจ้า สว่างรุ่งเรือง
เปรยี บดวงประทปี ขออนุโมทนาบุญผู้ร่วมจัดพิมพ์วารสารฉบับนี้
ขอพระธรรมของพระพทุ ธเจ้า จงคมุ้ ครอง ๑. ชมรมกัลยาณธรรม
ผู้ประพฤติธรรม ๒. คุณจิรวรรณ ศิริจิตร และครอบครัว
ขอพระธรรมของพระพทุ ธเจ้า จงน�ำศานติ ๓. คุณสุวพร หทัยสุทธิธรรม และครอบครัว
สขุ มาสู่ชาวโลก ๔. คุณพ่อวัชระ - คุณแม่ทองสุก โลทารักษ์พงศ์
หมายเหตุ : สนใจปฏบิ ตั เิ ขา้ สสู่ ภาวะ รู้ วา่ ง บรสิ ทุ ธ์ิ ๕. คุณณรงค์ฤทธ์ิ อุปถัมภ์ และครอบครัว
เปดิ ดูได้ใน www.DUENJIT.com ๖. ครอบครัวคงสวัสด์ิศักดิ์ - ตรรกวาณิช
๗. พล.อ.ต.สมโภค - คุณสุจิตรา หงสไกร

แจกหนงั สือ

รู้จักพระไตรปิฎกให้ชัดให้ตรง

หนังสือ “รู้จักพระไตรปิฎก ให้ชัดให้ตรง” เป็นผลงานของ สมเด็จพระ
พุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต) เม่ือครั้งด�ำรงสมณศกั ดิ์ ที่ พระพรหมคณุ าภรณ์
ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ นิพนธ์ข้ึนด้วยความห่วงใยพระพุทธศาสนา โดย
บทความ “รู้จักบ้านของตัว เที่ยวท่ัวพระไตรปิฎก” ได้น�ำเสนอจบลง
ดังน้ันเพ่ือให้เข้าใจชัดเจนควรศึกษาเพ่ิมเติมจากเล่มนี้ด้วย ซึ่งได้รับความ
อนุเคราะห์จากวัดญาณเวศกวัน วารสารโพธิยาลัยยินดีมอบหนังสือนี้ให้
ท่านผู้อ่าน โดยมีกติกาง่ายๆ ดังน้ีคือ ขอให้ท่านแสดงความคิดเห็นท่ีมีต่อ
วารสารโพธยิ าลยั สนั้ ยาวไมก่ �ำหนด เพอื่ คณะผจู้ ดั ทำ� จะไดน้ ำ� ความคดิ เหน็ เหลา่
นั้นมาปรับปรุงคุณภาพของวารสารต่อไป ส่งความคิดเห็นของท่านมาท่ี ทพญ.
อัจฉรา กลิ่นสุวรรณ์ email [email protected] หรือ เขียนจดหมาย
สง่ ไปรษณยี ม์ าท่ี ชมรมกลั ยาณธรรม เลขท่ี ๑๐๐ ถนนประโคนชยั ต�ำบลปากนำ้�
อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ วงเลบ็ มมุ ซองวา่ (วารสารโพธยิ าลยั )
หนงั สอื มีจ�ำนวนจ�ำกัด กรุณาส่งด่วน กอ่ นหนงั สอื จะหมด โปรดแจง้ ชือ่ และทอ่ี ยู่
ให้ชดั เจน ส�ำหรับส่งหนงั สือถงึ ท่านตามทขี่ อมาด้วย

62

“คณุ น้ำ�ผง้ึ ” ในกระแสขา่ว
กองบรรณาธิการ
ม.ล.สราลี กติ ิยากร
ตัดสินใจเขา้ สู่ทางธรรม

แฟนเพจเฟซบกุ๊ คณุ นำ�้ ผง้ึ - ม .ล.สราล ี ก ติ ยิ ากร โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี
โพสต์ภาพและข้อความ ระบวุ า่   พระวรราชาทนิ ดั ดามาต ุ ไดเ้ สดจ็ ไปในพธิ บี วชของ
“วนั เสาร์ท่ี ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ เวลา คุณนำ้� ผึ้งด้วย
๑๖.๐๐ น. คณุ นำ�้ ผง้ึ ไดเ้ ขา้ พธิ บี วชเนกขมั มจารณิ ี ได้ขอประทานกราบแทบฝ่าพระบาททูลลา
ทวี่ ดั ปา่ นาคำ� นอ้ ย ต.บา้ นกอ้ ง อ.นายงู จ.อดุ รธาน ี พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจา้ โสมสวลี พระวร-

๔๐ 63
ราชาทินัดดามาตุ ในการออกบวชเนกขมั มจาริณี ให้เรามีจิตใจท่ีผ่องใส รู้แจ้งเห็นธรรม หวังว่าใน
สละเพศฆราวาสหรือคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน เพื่อ อนาคต ถ้าเรายกระดับจิตได้สูง เราก็จะรู้จักตัด
เข้าสู่เพศนักบวชในพุทธศาสนา ด้วยการศึกษา กิเลส ถึงวันหนึ่ง อาจจะเป็นไปในการนิพพาน
ปฏิบัตธิ รรมอย่างจรงิ จงั เป็นเวลา ๑ เดือน ทีว่ ดั เป็นทีส่ ดุ
ปา่ นาคำ� น้อย ต.บ้านก้อง อ.นายงู จ.อุดรธานี หากข้าพเจ้าเคยล่วงเกิน กระท�ำกรรมหนึ่ง
โดยการออกบวชคร้ังน้ี เพ่ือถวายพระบูรพ- กรรมใด ดว้ ยกาย วาจา ใจ ทง้ั ตอ่ หนา้ และลบั หลบั
มหากษตั รยิ าธริ าชเจา้ ตงั้ แตใ่ นอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ท้ังที่รู้และไม่รู้ โดยเจตนาหรือมิเจตนาก็ดี
ทกุ ๆ พระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ทกุ ๆ พระองค์ ขอโปรดอโหสกิ รรมน้นั แก่ข้าพเจา้ ดว้ ย เทอญ”
และทดแทนพระคุณบิดา มารดา พรอ้ มท้ังพระ-
เจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าโสมสวลี พระวรราชา- ขออนุโมทนากับคุณน�้ำผึ้ง (มล.สราลี
ทินัดดามาตุ ท่ีพระองค์มีความเมตตากรุณาแก่ กิติยากร) ในมหากุศลครั้งน้ี ขอความปรารถนา
ข้าพเจ้าในทุกเร่ือง ดุจเช่นเดียวกับพระมารดา อันปรารถนาดีแล้วนั้น จงพลันส�ำเร็จ และให้
ข้าพเจ้ามีความส�ำนึกในพระคุณหาท่ีสุดมิได้ บรรลุถึงซ่ึงธรรมอันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตลอดจนผมู้ พี ระคณุ กบั เราทกุ ๆ คน รวมถงึ ตวั เรา ประกาศแล้วนนั้ เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

64

พระติสสเถระมองเทศ-มองไทย
๔ วเิ ทศทัยย์
(ตอนจบ)

พระอรหันต์ผู้ทรงวิสัยทัศน์

บทก่อนจบลงตรงพระมหินทกุมารและ เกิดอธิกรณ์ขึ้นแล้ว ไม่นานนักจะร้ายแรงย่ิงขึ้น
พระนางสังฆมิตตากุมารีออกบวชในส�ำนักของ เราอยู่ท่ามกลางภิกษุเดียรถีย์เหล่านี้ ไม่อาจจะ
พระติสสเถระ แม้จะมีประเด็นเร่ืองการเมืองกับ ระงบั อธกิ รณไ์ ด”้ จงึ ไดม้ อบหมายพระมหนิ ทเถระ
การศาสนาใหว้ เิ คราะหบ์ า้ งกไ็ มข่ อกลา่ วถงึ เนน้ พดู ผ้เู ป็นศษิ ยใ์ ห้ดูแลหมู่คณะ จากนน้ั พระตสิ สเถระ
เฉพาะประวตั พิ ระตสิ สเถระเทา่ นนั้ เพราะเกรงวา่ ได้หลบไปปลีกวิเวกที่อโหคังคบรรพต (ปัจจุบัน
จะกลายเป็นหนังสือเชิงวิเคราะห์หรือวิจารณ์ คอื บรเิ วณใกล้เมืองหฤทวารแ์ ละเมอื งเทหาดูน)
การเมือง ยอ่ มไม่เป็นท่ีถกู ใจคนอ่าน ซึ่งประสงค์ ค�ำว่า “ภิกษุเดยี รถยี ”์ ท่พี ระติสสเถระกล่าว
ทราบแตเ่ รื่องการศาสนาเทา่ นน้ั ถงึ นนั้ หมายถงึ คนนอกศาสนาเขา้ มาบวช แลว้ พา
คร้ันบวชให้พระมหินทกุมารและส่ังสอนจน กนั ประพฤตผิ ดิ ธรรมผดิ วนิ ยั โดยดำ� เนนิ ตามจารตี
บรรลุพระอรหันต์และแตกฉานในพระไตรปิฎก ปฏบิ ตั ขิ องกลมุ่ ตนในกาลกอ่ น เปน็ เหตใุ หค้ ณะสงฆ์
แล้ว พระติสสเถระเกดิ ความเบื่อหนา่ ยว่า “บดั นี้ ไม่ลงรอยกัน ถึงขนาดไม่ท�ำสังฆกรรมร่วมกัน

๔๐ 65

ถงึ ๗ ปี วา่ กันว่า เหตทุ เ่ี ปน็ เชน่ น้เี พราะพระเจ้า
อโศกทรงถวายการอุปถมั ภพ์ ทุ ธศาสนาอย่างดีย่ิง
ลาภสักการะของนักบวชเดียรถีย์หดหาย จึงพา
กันหันมาปลอมบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ด้วยการ
แตง่ ตวั เลยี นแบบพระ แลว้ อา้ งตนวา่ เปน็ พระสงฆ์
ผคู้ รองผา้ กาสาวพสั ตร์
ประเดน็ นี้ผูเ้ ขยี นขอยกมอื แยง้ !!!
หากเราตามดูร่องรอยและพัฒนาการของ
คณะสงฆใ์ นพระพทุ ธศาสนานบั แตห่ ลงั สงั คายนา
ครงั้ ท่ี ๑ เปน็ ตน้ มา จะเหน็ วา่ พระสงฆม์ วี ตั รปฏบิ ตั ิ
ทแ่ี ตกตา่ งกนั (สลี สามญั ญตา) และมคี วามคดิ เหน็
ที่แตกต่างกัน (ทิฏฐิสามัญญตา) จนเป็นเหตุให้ ในปจั จุบัน ไมเ่ ชอ่ื กต็ รองดู เรอื่ งเทพเจ้านอ้ ยใหญ่
เกดิ การสงั คายนาคร้งั ท่ี ๒ แมจ้ ะสังคายนาส�ำเรจ็ หรอื วัตถุมงคลนั่นปะไร !!!
เสร็จสิ้น แต่พระสงฆ์ผู้เห็นต่างก็มีพลัง สามารถ พระเจ้าอโศกทรงทราบถึงปัญหาดังกล่าว
รวมตวั กนั เปน็ กลมุ่ คณะ ประพฤตติ ามจารตี ปฏบิ ตั ิ มีพระประสงค์ให้พระสงฆ์สามัคคีกัน จึงทรง
แหง่ ตน จนล่วงเข้าสู่สมัยพระเจ้าอโศก พระสงฆ์ มอบหมายใหอ้ ำ� มาตยไ์ ปจัดการ แต่การทำ� หนา้ ท่ี
ในพุทธศาสนาจงึ แตกแยกออกเป็น ๑๘ นิกาย ของอ�ำมาตย์คงไม่เข้าใจมติของคณะสงฆ์ จึง
ภิกษุเดียรถีย์ท่ีกล่าวถึง น่าจะเป็นพระสงฆ์ ตัดสินด้วยวิธีการของทหาร กล่าวคือประหาร
๑๘ นิกายน้เี อง ชีวิตภิกษุที่ไม่ยอมเช่ือฟัง วิธีการดังกล่าวถือว่า
ถามวา่ เหตใุ ดภกิ ษเุ ดยี รถยี เ์ หลา่ นจี้ งึ เปน็ ทยี่ อมรบั เป็นการแก้ปัญหาด้วยอวิชชา เพราะไม่ผ่านการ
ของคนอนิ เดียยคุ นั้น ? ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด เป็นเหตุให้พระ
ตอบว่า เพราะหลกั ค�ำสอนและวตั รปฏบิ ตั ิ สงฆ์ผู้บริสุทธิ์มรณภาพไปหลายรูป เดชะบุญ
หลักฐานบอกว่าบางนิกายโดดเด่นด้านพระ พระตสิ สเถระ ผเู้ ป็นพระอนุชาของพระเจ้าอโศก
วนิ ยั ปฎิ ก บางพวกแตกฉานพระสตุ ตนั ตปฎิ ก บาง มาช่วยเหลือไว้ ไม่เช่นนั้น เลือดคงเปื้อนจีวรอีก
กลุ่มเช่ียวชาญดา้ นพระอภธิ รรม หลกั ฐานตรงนี้มี มากโขอยู่
อา้ งถงึ ชัดเจนในคมั ภรี ์จ�ำนวนมาก ความโดดเดน่ ตราบาปคร้ังนี้ฝังอยู่ในใจของพระเจ้าอโศก
ดงั กลา่ วเปน็ เหตใุ หพ้ ระตสิ สเถระตอ้ งแตง่ ตำ� ราขน้ึ ทุกคืนวัน แม้พระองค์จะตรัสถามคณะสงฆ์ว่า
อกี เลม่ หนงึ่ ชอื่ วา่ คมั ภรี ก์ ถาวตั ถุ เพอื่ แสดงเหตผุ ล การทำ� เช่นนเ้ี ป็นบาปหรอื ไม่ แต่คำ� ตอบก็แตกไป
คัดคา้ นคำ� สอนและวัตรปฏิบตั ขิ องพระสงฆ์สงั กัด คนละทิศละทาง
นิกายเหลา่ นนั้ ตอนนเี้ องชอื่ ของพระตสิ สเถระไดป้ รากฏขนึ้
ไม่น่าเช่ือว่าหลักค�ำสอนของนิกายเดียรถีย์ ในท่ามกลางคณะสงฆ์ เป็นเหตุให้พระองค์ส่ง
เหล่าน้ัน แม้ถูกถอนรากถอนโคนเรียบร้อยตั้งแต่ อำ� มาตยไ์ ปอาราธนาพระเถระมา เพอื่ ตอบปญั หา
พนั กวา่ ปที แ่ี ลว้ แตย่ งั ทรงอทิ ธพิ ลตอ่ พระสงฆไ์ ทย คาใจ พรอ้ มนมิ นตใ์ หเ้ ปน็ ประธานในการสงั คายนา

66 ๔๐

พระศาสนาทเ่ี สอ่ื มโทรมเสยี หาย เพราะการปลอม ระงบั อธิกรณส์ งฆ์ แตไ่ ปฆ่าพระ บาปน้ีจะตกแก่
บวชของอญั เดยี รถยี ์ ใคร ? พระเถระถามพระเจ้าอโศกว่า มเี จตนาให้
ผเู้ ขยี นอยากจะเดาวา่ ผกู้ ราบทลู พระเจา้ อโศก อ�ำมาตย์ฆ่าพระภกิ ษุหรอื ไม่ ? หากไม่มี บาปกไ็ ม่
ใหน้ มิ นตพ์ ระตสิ สเถระมาชำ� ระอธกิ รณค์ ราวนคี้ อื ตกแกพ่ ระองค ์ พรอ้ มอา้ งพทุ ธพจนม์ าประกอบดว้ ย
พระมหินทเถระน่ันแหละ คงเป็น connection “ภิกษุท้ังหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นตัวกรรม
ระหวา่ งโอรสกบั พระบดิ า และกติ ตศิ พั ทข์ องพระ บคุ คลคิดแลว้ จึงกระทำ� กรรมดว้ ยกาย วาจา ใจ”
ติสสเถระตอนน้ี นา่ จะเปน็ ท่ยี อมรับของพระสงฆ์
และชาวพทุ ธท้ังมวล ตลอดชมพทู วปี แลว้ (อง.ฺ ฉกกฺ . (ไทย) ๒๒/๖๓/๕๗๗)
เทา่ นน้ั เอง ความกลดั กลมุ้ เรา่ รอ้ นในพระทยั
การนมิ นตพ์ ระตสิ สเถระกลบั เขา้ เมอื งยงุ่ ยาก มาหลายเพลา ก็มลายหายสนิ้ ไป !!
มากกว่าเชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองหลายเท่า ความจริงพุทธพจน์บทนี้ ล้วนเป็นที่รู้จักกัน
เพราะคำ� นมิ นตข์ องพระเจา้ อโศกนนั้ เปน็ ลกั ษณะ เปน็ อยา่ งดี ไมว่ า่ พระสงฆห์ รอื แมแ้ ตพ่ ระเจา้ อโศก
ของพระบรมราชโองการ จึงเปน็ เหตใุ หพ้ ระเถระ เอง แตเ่ หตทุ ตี่ อ้ งการใหพ้ ระตสิ สเถระเปน็ ผยู้ นื ยนั
ไมก่ ลบั เขา้ เมอื ง แมจ้ ะมรี าชทตู ไปอาราธนาหลาย กเ็ พราะพระเถระเปน็ ตวั แทนคณะสงฆ์ การกลา่ ว
ครั้ง แต่ครั้นบัณฑิตแนะน�ำพระองค์ ให้แจ้งพระ พทุ ธพจน์บทน้ี ก็หมายความว่า คณะสงฆย์ อมรบั
เถระถึงความเส่ือมโทรมของพระศาสนาว่า “ขอ ความต้องการของพระเจ้าอโศก ในการช�ำระ
พระคุณเจ้าโปรดเป็นสหายของพวกข้าพเจ้า อธิกรณแ์ ละสงั คายนาพระธรรมวินยั ให้บรสิ ุทธิ์
ช่วยกันเชิดชูพระศาสนาไว้เถิด” พระเถระจึง ก่อนสงั คายนานั้น พระเจ้าอโศกโปรดใหเ้ ร่ิม
ตดั สนิ ใจเดนิ ทางกลบั โดยไมค่ ดั คา้ นแตป่ ระการใด ต้นชำ� ระอธิกรณส์ งฆ์กอ่ น ท้ังนเี้ พอ่ื จะได้คดั กรอง
ปจั จบุ นั วนั นี้ โยมเองนมิ นตพ์ ระ กอ็ ยา่ พดู ถงึ ผู้ท่ีมีความเหน็ ถูกต้องตามพระธรรมวนิ ัย โดยจดั
ปจั จยั นำ� หนา้ ควรกลา่ วถงึ ความสำ� คญั ของศาสนา เตรยี มสถานท่ี ณ วดั อโศการาม กลางเมอื งปาฏล-ี
เปน็ ตัวต้ัง จ�ำไว้ใหด้ ี บุตร ใหพ้ ระสงฆแ์ ต่ละกลมุ่ เข้ามณฑป แล้วมอบ
พระเจ้าอโศกน้ันเห็นจะให้ความเคารพพระ หมายใหพ้ ระตสิ สเถระทวนถามคำ� สอนของแตล่ ะ
ติสสเถระอย่างสูงยิ่ง สังเกตได้จากตอนเรือพระ กลมุ่ วา่ สอดคลอ้ งหรอื ตรงกนั กบั พทุ ธพจนห์ รอื ไม่
เถระเทยี บทา่ ทเี่ มอื งปาฏลบี ตุ ร ไดท้ รงลยุ นำ้� ถงึ เขา่
พร้อมเหยียดพระหัตถ์ขวาประคองพระเถระข้ึน
บนฝั่ง ประเพณีบ้านเราปัจจุบัน อาจมองว่าเป็น
เรื่องธรรมดา แต่พระราชประเพณีของอินเดีย
สมัยโบราณคราวโน้นองครักษ์เคร่งครัดนัก ไม่มี
ใครสามารถแตะต้องพระวรกายของกษัตริย์ได้
ผู้ใดกล้าล่วงเกิน เหล่าองครักษ์ก็พร้อมท่ีจะ
บ่นั เศียรให้หลดุ จากบา่ ทนั ที
ครนั้ พระตสิ สเถระเขา้ สทู่ พี่ กั แลว้ ประโยคแรก
ที่พระเจ้าอโศกต้องการรู้คือการส่งอ�ำมาตย์ไป

๔๐ 67

การส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่พระศาสนา
ยังต่างแดน มีนักวิชาการวิเคราะห์ไว้เป็นจ�ำนวน
มาก บางคนอ้างว่าเป็นผลงานของพระเจ้าอโศก
มหาราช บางท่านบอกว่าเป็นวิสัยทัศน์ของพระ
ตสิ สเถระ ประเดน็ นน้ี า่ วเิ คราะหย์ งิ่ นกั หากละเวน้
น่าจะเป็นเร่ืองน่าเสียดายไม่น้อย ผู้อ่านเองก็น่า
จะต้องการทราบเช่นเดียวกัน เพราะน้ีคือตัวตน
ของพระพุทธศาสนาเถรวาท หากปลอ่ ยประเด็น
น้ีไปโดยไม่กล่าวถึง เท่ากับไม่รู้ความเป็นมาของ
พระพุทธศาสนาเถรวาท โดยเฉพาะชาวพทุ ธไทย
หากตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้อง ก็ให้ครองเพศ ยิ่งตอ้ งรแู้ จง้ ให้เข้าใจ
บรรพชิตต่อไป หากตรวจทานแล้ว เห็นว่าผิด หลักฐานบอกว่าพระสมณทูตไปเผยแผ่พระ
กใ็ ห้ลาสิกขาออกไปเปน็ ฆราวาสวิสยั พทุ ธศาสนา ตรงกับปพี ทุ ธศักราช ๒๓๖ (สมยั นนั้
วธิ กี ารตรวจสอบของพระตสิ สเถระนนั้ เปน็ ท่ี พระมหนิ ทเถระอุปสมบทได้ ๑๘ พรรษา ตรงกับ
รูจ้ ักกนั ในชอื่ ว่า วภิ ชั วาที การครองราชย์ของพระเจ้าอโศกปีท่ี ๑๘) หาก
จากนนั้ จงึ เรมิ่ ตน้ เขา้ สกู่ ระบวนการสงั คายนา ย้อนกลับไปดูสมัยแรกท่ีพระเจ้าอโศกมหาราช
พระธรรมวนิ ยั ขน้ั ตอนเปน็ เชน่ ใดนนั้ ไมข่ อกลา่ วถงึ หันมานับถือพระพุทธศาสนา ก็จะตรงกับพุทธ
ในท่ีนี้ ผูป้ ระสงคท์ ราบรายละเอยี ดให้หาอ่านเอง ศักราช ๒๒๒ (พระองค์พบกับนิโครธสามเณร
ผลงานของพระติสสเถระน้ัน นอกจากเป็น คร้ังแรก เมื่อครองราชย์ปีท่ี ๔) บวกลบคูณหาร
ประธานการชำ� ระอธกิ รณส์ งฆแ์ ละสงั คายนาพระ ระยะเวลาการนบั ถอื พระพทุ ธศาสนา จนถงึ การสง่
ธรรมวนิ ยั แลว้ ยงั โดดเดน่ ดา้ นการสง่ พระสมณทตู พระสมณทตู ไปเผยแผพ่ ระศาสนา กเ็ หน็ วา่ สมเหตุ
ไปประกาศศาสนายังต่างแดนด้วย สมผล
หลักฐานระบุว่าได้ส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่ จารกึ เสาอโศกหลักท่ี ๕ กล่าววา่ สมัยครอง
ศาสนาถึง ๙ สาย กล่าวคือ ๑) พระมัชฌันติก- ราชย์ปีที่ ๑๔ พระองค์โปรดให้จัดตั้งเจ้าหน้าท่ี
เถระไปรัฐกสั มีรคันธาระ ๒) พระมหาเทวเถระไป แผนกหน่ึงชื่อว่า ธรรมมหามัตตา (Dhamma-
มหงิ สกมณฑล ๓) พระรกั ขติ เถระไปวนวาสชี นบท mahamattas) เพื่อท�ำหน้าท่ีเผยแผ่ค�ำสอนของ
๔) พระโยนกธรรมรักขิตเถระไปอปรันตกชนบท พระพุทธศาสนาแก่ชาวชมพูทวีปทั้งมวล ให้เป็น
๕) พระมหาธรรมรักขติ เถระไปมหารัฐชนบท ๖) ผู้ประพฤตดิ งี ามตามหลกั คำ� สอนของศาสนา โดย
พระมหารักขิตเถระไปโยนกโลกชนบท ๗) พระ เจ้าหน้าที่เหล่าน้ี แยกย้ายกันไปเผยแผ่ตลอดท้ัง
มัชฌันติกเถระไปหิมวันตประเทศ ๘) พระโสณ- สบิ ทิศ
เถระและพระอตุ ตรเถระไปสวุ รรณภมู ชิ นบท และ ปญั หาตามมาคอื ใครเปน็ ผแู้ นะนำ� หรอื เปน็ ท่ี
๙) พระมหนิ ทเถระไปเกาะตามพปณั ณทิ วีปหรอื ปรึกษาของพระองค์ ใหจ้ ัดต้ังธรรมมหามตั ตา ?
ศรีลงั กา

68 ๔๐

หากพิจารณาถึงความ มีประสบการณ์เรียบร้อยแล้ว
ส� ำ คั ญ ข อ ง พ ร ะ ติ ส ส เ ถ ร ะ เรียกว่า นอกจากท�ำหน้าท่ี
ในฐานะเป็นตัวแทนคณะ เป็นไวยาวัจกรแล้ว ยังเป็น
สงฆ์สังคายนาพระธรรมวินัย พ่ีเลี้ยงคอยบอกวิธี เพื่อให้
และมีความโดดเด่นมากกว่า พระสมณทูตปรับใช้ให้ถูก
พระเถระรปู อ่นื ความเหมาะ กับผู้คนและวัฒนธรรมของ
สมน่าจะหมายถึงพระติสส- อาณาจกั รเหล่านั้น
เถระ และคงจัดต้ังเจ้าหน้าท่ี สิ่งหน่ึงซ่ึงพระธรรมทูต
ธรรมมหามตั ตา หลงั จากการ ทุกสายมีเหมือนกันคือ การ
สังคายนาแล้วไมน่ าน เน้นพระวินัยและปฏิบัติตาม
น่าแปลกคือเจ้าหน้าที่ แนวค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
เหล่านี้ แทนท่ีจะเป็นพระ อย่างเคร่งครัด พระสมณทูต
แต่กลายเป็นฆราวาส ค�ำตอบท่ีน่าจะเป็นคือใน แต่ละรูปท่ีถูกส่งออกไป นอกจากจะพิจารณาถึง
สมัยนั้น พระพุทธศาสนายังไม่เป็นท่ียอมรับเป็น ความแตกฉานพระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถา
ศาสนาหน่ึงเดียวตลอดอาณาจักรของพระเจ้า แล้ว ยังค�ำนึงถึงถิ่นฐานเดิมด้วย กล่าวคือ ส่ง
อโศกมหาราช การส่งพระสงฆ์ไปเผยแผ่ค�ำสอน พระสงฆ์กลับภูมิล�ำเนาเดิม เพราะพิจารณาเห็น
ย่อมไม่เป็นการสมควร อีกประการหน่ึง ผู้เขียน ว่ารอบรู้คติความเชื่อและประเพณีวัฒนธรรม
เช่ือว่า ค�ำสอนดังกล่าว คงมิได้หมายถึงเฉพาะ แหง่ ตนดีแลว้
พระพุทธศาสนา หากแต่น่าจะเป็นหลักค�ำสอน เฉพาะสายเกาะลังกา ได้ส่งพระมหนิ ทเถระ
ส�ำคัญของแต่ละศาสนารวมกัน ทั้งน้ีเพ่ือความ ผู้เป็นพระโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราชไป
เสมอภาคเทา่ เทียมกนั เผยแผ่ ตรงนม้ี คี วามพเิ ศษกวา่ สายอนื่ เพราะพระ
การเผยแผ่ศาสนาของเจ้าหน้าท่ีธรรมมหา- เถระผู้เดินทางไปนั้น เปรียบเสมือนตัวแทนของ
มัตตา นา่ จะส�ำเรจ็ เป็นอย่างดี สังเกตไดจ้ ากไม่มี พระเจา้ อโศกมหาราช ผลจากการเผยแผ่ ปรากฏ
ชาวบ้านคัดค้าน ยง่ิ กลา่ วน้นั หลักฐานกลา่ วไว้วา่ วา่ ประสบความสำ� เรจ็ อย่างเป็นรปู ธรรม และสบื
“สตรีผูท้ รงอาภรณ์อันมีค่าเดนิ คนเดียวยามรตั ต-ิ ทอดตอ่ มาถงึ ปจั จบุ นั ไทยเราเองกร็ บั ชว่ งสบื ทอด
กาล กไ็ มม่ ใี ครทำ� รา้ ยแยง่ ชงิ ทรพั ยส์ นิ ” นแ้ี สดงให้ ต่อมาจากลังกาอีกทีหน่งึ
เหน็ ผลแหง่ การเผยแผค่ ำ� สอนของคณะเจา้ หนา้ ท่ี จะเหน็ ไดว้ า่ พระตสิ สเถระหรอื พระโมคคลั ล-ี
ธรรมมหามัตตาอยา่ งดี บุตรติสสเถระ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลเพียงไร
ด้วยความส�ำเร็จของธรรมมหามัตตา พระ แมค้ วามโดง่ ดงั ของตระกลู จะเปน็ ปจั จยั หนนุ เสรมิ
ติสสเถระน่าจะจับประเด็นขยายเป็นการเผยแผ่ ก็จริง หากขาดความสามารถ ย่อมยากท่ีจะขึ้น
พระธรรมค�ำสอนบ้าง โดยเน้นพระสมณทูตเป็น ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอโศก
ผนู้ ำ� และฆราวาสเปน็ ผสู้ นบั สนนุ และคงไมใ่ ชใ่ คร ได้
อนื่ นา่ จะเปน็ พระธรรมมหามตั ตานนั่ แหละ เพราะ (โปรดตดิ ตามอา่ นเรือ่ ง “พระนาคเสนเถระ”)

ชีวิตเปน็ ของน้อย

๑. ชีวิตน้ี น้อยนัก สกั เพยี งหยาด นำ้� ค้างสาด กระเซ็นหลน่ บนยอดหญ้า
สรุ ิโย โผลพ่ ้น ขอบนภา เหอื ดแห้งหา ลบั ลด สลดใจ
๒. ฟองน�้ำนน้ั พลันแตก แต่แรกเรม่ิ ใครจกั เสรมิ ส่งสาน อย่นู านไม่
เปรียบชีวติ นรชน ทกุ คนไป ช้าอยูไ่ ย ใคร่ครวญรู้ สู้ความจริง
๓. รอยของไม้ ทขี่ ีดไป ลงในน�ำ้ แมข้ ดี ซ�ำ้ สกั เท่าไร ใชอ่ ยู่นิ่ง
กลับเข้ามา หากัน พลนั เหน็ จริง ชีวติ ทิง้ ทอดรา่ ง ไม่สร่างเลย
๔. แมน้ ำ้� ใส ไหลหลาก จากภเู ขา ย่อมพัดเอา สรรพสง่ิ มิน่งิ เฉย
ชีวติ เรา เหลา่ บณั ฑติ คดิ เปรียบเปรย ทา่ นเฉลย บง่ อา้ ง ไม่ต่างกัน
๕. กระทะเหล็ก ร้อนแรง แสงสอ่ งจ้า ลองนำ� พา ใส่สน้ิ ช้นิ เน้ือน่ัน
มอดไหม้เรว็ ดุจชวี ี ทป่ี านกัน ชีวิตสนั้ นอ้ ยนิด จงคิดตาม
๖. บรุ ษุ ก้ม ถ่มนำ�้ ลาย ทป่ี ลายล้นิ ร่วงลงดิน อย่างงา่ ยดาย ไม่ตอ้ งถาม
ชีวิตทกุ ข์ ถูกเบยี ดบัง ท้งั รูปนาม ในโลกสาม จงตามเห็น เชน่ น้�ำลาย
๗. แมโ่ คเพลิน เดินไป ใกล้ทฆี่ า่ ชวี ิตพา ส้ันลง สิน้ สงสัย
แมม้ นษุ ย์ สดุ ป้อง ตอ้ งคลาไคล ควรจกั ใช้ ชวี ี ให้มีคณุ
๘. อายขุ อง มนุษยน์ ี้ มนี ้อยนัก มิควรพัก ผดั ผอ่ น ก่อนจะสญู
เร่งศึกษา สจั ธรรม เจิดจำ� รูญ เพ่อื เพิ่มพูน สติกลา้ ปัญญาไว
๙. ควรประพฤติ ดุจไฟ ไหม้บนเศียร พรำ่� พากเพยี ร พรหมจรรย์ อันสดใส
เคร่ืองเศร้าหมอง พาสลด รันทดใจ กิเลสไกล ไมม่ ี ท.ี่ ..นพิ พาน

จาก อรกานสุ าสนสี ตู ร อง.ฺ สตฺตก.
อญฺญฺตรภิกขฺ ุ

v วิสัชนาธรรม : v ปัญญาภิวัฒน์ :
ผู้หญิงกับการปฏิบัติธรรม (๒) วิชยสูตร
v ปัญญาปริทัศน์ : v ตามรอยธรรม : เส้นทางธรรม
ธรรมะฉบับเรียนลัด อาจารย์แม่ชีวิมุตติยา
v พระธรรมเทศนา : v เพื่อนภาวนา : การเดินทางของจิต
เข้าใจตน เข้าใจท่าน สู่สภาวะ รู้ ว่าง บริสุทธ์ิ
v ชวนอ่าน : สตรีศรีลังกา v ในกระแสข่าว :
กับการปฏิบัติธรรม “คุณน�้ำผึ้ง” บวชเนกขัมมจาริณี
v ธรรมกถา : v มองเทศ - มองไทย :
สตรีในพุทธวิถีไทย พระติสสเถระ (๔)


Click to View FlipBook Version