งานประดษิ ฐท์ ี่เป็ นเอกลกั ษณไ์ ทย
โดย…อาจารยส์ ทุ ธินชุ สวสั ดิพ์ งษ์
โรงเรยี นราชวินิตบางแกว้
ความหมาย
• งานประดษิ ฐท์ เี่ ป็ นเอกลักษณไ์ ทย หมายถงึ ผลงาน
ท่ีเกิดจากการนาความรู้ ภูมิปัญญาไทย ขนมธรรมเนียม
ประเพณี วฒั นธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยแู่ บบไทย
มาสรา้ งสรรคเ์ ป็นผลงานท่ีมีความประณีต งดงาม และมี
คณุ คา่ ทางศลิ ปะ บง่ บอกความเป็นชาติไทยไดอ้ ย่างชดั เจน
คุณค่าของงานประดิษฐ์ที่เป็ นเอกลักษณ์ไทย
๑. คุณคา่ ทางวัฒนธรรมไทย
๒. คุณคา่ ทางเศรษฐกจิ
๓. คุณคา่ ทางสังคม
๔. คุณค่าทางจติ ใจ
๑. คุณค่าทางวัฒนธรรมไทย
• งานประดิษฐ์ท่ีเป็นเอกลกั ษณไ์ ทยเป็นงานวิจิตรศิลป์ ท่ีใช้
ฝีมือ ใชค้ วามวิริยะอตุ สาหะในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ใหม้ ี
ความประณีตงดงาม จงึ เรียกว่า งานศิลปะประดษิ ฐ์ งาน
เหลา่ นีม้ รี ูปแบบและวิธีการประดิษฐ์ท่ีไมเ่ หมือนชาติอ่ืน จึง
เป็ น เ อ ก ลักษ ณ์ท่ี มี คุณ ค่า ท า ง วัฒ น ธร ร ม ท่ี ท า ใ ห้
ชาวตา่ งชาตริ ูจ้ กั กนั โดยท่วั ไป
๒. คุณค่าทางเศรษฐกิจ
• งานประดิษฐ์ท่ีเป็นเอกลักษณไ์ ทย สามารถสรา้ งรายได้
สรา้ งอาชีพใหแ้ ก่ผมู้ ีความชานาญในดา้ นนี้ เป็นสินคา้ ออก
ท่ีทารายไดใ้ หแ้ ก่ประเทศไทย ทางดา้ นการท่องเท่ียว ไดน้ า
งานประดษิ ฐ์ท่ีเป็นเอกลกั ษณไ์ ทยมาส่งเสริมการท่องเท่ียว
ใหน้ กั ท่องเท่ียวตา่ งชาติเกิดความประทบั ใจ
๓. คุณค่าทางสงั คม
• เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมประเพณีและ
วฒั นธรรมความเป็นอย่แู ละความโอบออ้ มอารีของคนไทย
ความกตญั ญู รกั ชาติ ความสามคั คีในหม่คู ณะ ดงั จะเห็น
ไดจ้ ากคนในชมุ ชนจะมาช่วยกนั ประดิษฐ์กระทงลอยขนาด
ใหญ่ หรือประดิษฐ์ดอกไมใ้ บตองเพ่ือเตรียมจัดงานมงคล
ตา่ งๆ
๔. คุณค่าทางจิตใจ
• การประดิษฐ์ผลงานท่ีเป็นเอกลักษณ์ไทยแต่ละชิ้นผู้
ประดิษฐจ์ ะไดฝ้ ึกฝีมอื
• ฝึกนิสยั ใหข้ ยนั อดทน รบั ผิดชอบ และซ่ือสตั ยฝ์ ึกจิตใจให้
อ่อนโยน มีความพิถีพิถัน และมีความประณีตในการ
สรา้ งสรรคผ์ ลงานทกุ ขนั้ ตอน
ประเภทของงานประดษิ ฐท์ ี่เป็ นเอกลกั ษณไ์ ทย
๑. งานประดษิ ฐท์ ที่ าด้วยดอกไมส้ ด
๒. งานประดษิ ฐด์ ว้ ยใบตอง
๓. งานแกะสลักพชื ผัก และผลไม้
๔. งานแกะสลกั ไม้
๕. งานจกั สาน
๖. งานปั้นจากดนิ
๑. งานประดษิ ฐ์
ดว้ ยดอกไมส้ ด
เป็นการนาดอกไมส้ ดมาประดับ
ห รื อ ต ก แ ต่ ง เ พ่ื อ ใ ห้เ กิ ด ค ว า ม
สวยงาม เช่น
• มาลยั
• อบุ ะ
• เคร่อื งแขวนไทย
• พานพ่มุ
มาลยั
• คือการนากลีบดอกไม้ ใบไมแ้ ละส่วนต่างๆของดอกไมม้ ารอ้ ยเป็น
พวงใหม้ ีลกั ษณะตา่ งๆกนั แบง่ เป็น ๓ ประเภท คือ
มาลยั ชายเดยี ว ( มาลยั ขอ้ พระกร )
มาลยั สองชาย
มาลยั ชารว่ ย
มาลยั ชายเดยี ว
เป็ นมาลัยท่ีมีลักษณะเป็ น
วงกลม มีอุบะห้อยเป็นพวง
เดียว ใช้ในการทูลเกล้าฯ
ถวายในโอกาสเฝา้ รบั เสดจ็
มาลยั สองชาย
เป็ นมาลัยท่ีนิยมผูกต่อกับ
ริบบิ้น หรือโบว์ท้ังสองชาย
และมีอุบะห้อยชายข้างละ
พวง ใชค้ ลอ้ งคอใหแ้ ก่คู่บ่าว
สาวในพิธีมงคลสมรส
มาลยั ชาร่วย
เป็นมาลัยขนาดเล็ก ผูกห้อย
ต่อจากโบว์ หรือผ้าเช็ดหน้า
สาหรบั เป็นท่ีจบั ใชม้ อบเป็น
ของชาร่วยให้แก่แขกท่ีม า
รว่ มงานมงคลสมรส
สว่ นประกอบ
ของมาลยั
มี ๔ สว่ น คือ
ตวั มาลยั
อบุ ะ
มาลยั ซีกรดั รอยตอ่
โบวม์ าลยั
ตวั มาลยั
เป็นส่วนท่ีใหญ่ท่ีสดุ มีความสวยงาม
ป ร ะ ณี ต แ ล ะ มี ล ว ด ล า ย ต่ า ง ๆ
แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
มาลยั ซีก หรอื มาลยั เสีย้ ว
มาลยั กลม
มาลยั แบน
มาลยั ตมุ้
ประเภทของตวั มาลยั
มาลยั ซกี หรอื
มาลยั เส้ยี ว
เป็นมาลัยท่ีร้อยใหม้ ีลักษณะ
รู ปทรงตามขวางเพียงคร่ึง
วงกลมหรอื นอ้ ยกวา่
ประเภทของตวั มาลยั
มาลยั กลม
มาลยั ท่ีรอ้ ยใหม้ ีลกั ษณะรูปทรง
ตามขวาง เป็ นวง กล ม แล ะ
รูปทรงตามยาวตรง และขนาน
กันไปตลอดเข็ม นิยมรอ้ ยต้ังแต่
ขนาด ๖ กลีบขึน้ ไปจนถึง ๑๒
กลีบ
ประเภทของตวั มาลยั
มาลยั แบน
คือมาลัยท่ีมีรูปทรงตามขวาง เป็น
รูปยาวตามแนวกลีบ ปลายกลีบ
ของดา้ นตรงข้ามยาวจรดแนวเส้น
รอบวง แต่ปลายดอกของดา้ นขวาง
และดา้ นตรงขา้ มแคบเน่ืองจากการ
สง่ กา้ นสนั้ และชิดโคนดอก
ประเภทของตวั มาลยั
มาลยั ตมุ้
รอ้ ยให้มีลักษณะรูปทรงตามขวาง
เป็นรูปกลม เร่มิ ตน้ เป็นวงกลมขนาด
เ ล็ ก แ ล้ว ค่ อ ย ๆ ใ ห ญ่ ขึ้น ที ล ะ น้ อ ย
จนถึงช่วงกลางจะค่อยๆเล็กลง จนมี
ขนาดเท่าตอนขึน้ ต้น ส่วนลักษณะ
รูปทรงตามยาวนน้ั คลา้ ยดอกบวั ตมู
อบุ ะ
คือดอกไมท้ ่ีรอ้ ยเป็นสาย หอ้ ยต่อจาก
พวงมาลยั เพ่ือเพ่ิมความสวยงาม อ่อน
ชอ้ ยใหแ้ ก่พวงมาลยั
สว่ นประกอบของอบุ ะ
๑. ดอกตมุ้
๒. หมวกกลีบเลีย้ งหรอื ดอกครอบ
๓. ดอกสวม
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะมี ๖ ประเภท ดงั นี้
๑. อบุ ะขาเดยี ว หรอื อบุ ะตงุ้ ตงิ้
๒. อบุ ะแขก หรอื อบุ ะพวงเตา่ รงั้
๓. อบุ ะสรอ้ ยสน หรอื แตระ
๔. อบุ ะไทยธรรมดา
๕. อบุ ะไทยทรงเครอ่ื ง
๖. อบุ ะพู่
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะขาเดยี ว
หรอื อบุ ะตุง้ ต้ิง
ใช้ผูกตามเฟ่ื อง ระบายระย้า เป็ น
สว่ นประกอบของอบุ ะชนดิ อ่ืน ยกเวน้
อบุ ะแตระ
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะแขก หรอื
อบุ ะพวงเต่ารง้ั
ใชผ้ ูกตามมมุ หยกั ของเฟ่ื อง ระยา้
โครงเคร่อื งแขวน ชายมาลยั
เป็นตน้
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะสรอ้ ยสน
หรอื แตระ
เป็ นอุบะท่ีใช้ดอกจาปาล้วนๆ ใช้
วิธีการรอ้ ย โดยการผ่ากลีบหน่ึงให้
เป็น สองกลีบ แลว้ เจาะท่ีปลายกลีบ
เพ่ือคลอ้ งต่อกลีบใหม้ ากขนึ้ และยาว
ขนึ้ ไมเ่ ป็นท่ีนิยม เพราะทายาก เห่ียว
งา่ ย บอบบาง
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะไทยธรรมดา
ใช้ผูกตามมุมเคร่ืองแขวนดอกไม้
ดอกไมค้ ลุมไตร รอยหยักของเฟ่ื อง
ระยา้ ตกแตง่ สถานท่ี ฯลฯ
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะไทยทรงเครอ่ื ง
มี ลัก ษ ณ ะคล้า ย กับอุบะ ไท ย
ธรรมดาต่างกนั เฉพาะจะตอ้ งรอ้ ย
ด อ ก ตุ้ม ทุ ก ค รั้ ง ท่ี ผู ก ร ว ม กั บ ข า
ตงุ้ ตงิ้ เขา้ พวง
ประเภทของอบุ ะ
อบุ ะพู่
มีลักษณะเรียวปลายคลา้ ยพู่เรือ
สพุ รรณหงส์ ดอกตมุ้ ต่างระดับกัน
เป็นชน้ั 2-3-4 ชนั้
โบวม์ าลยั
ส่ว น ตก แ ต่งผูก ต่อส่ ว น บน มา ลัย เ พ่ื อ
ความสวยงาม นาไปใชส้ าหรบั มาลัย
คลอ้ งคอและมาลยั ชารว่ ย
การนาโบวม์ าลยั ไปใชง้ าน
มาลยั คลอ้ งคอ มาลยั ชารว่ ย
เครอื่ งแขวนไทย
ความหมายของเคร่อื งแขวนไทย
เคร่ืองแขวนเรียกให้แคบลงเป็น "ตาข่ายดอกไม้" เป็นศิลปะการจัด
ดอกไมข้ องไทยแบบหน่ึง ท่ีมีความวิจิตรงดงามตระการตา มีลักษณะ
เป็นพวงดอกไม้ กระเช้าดอกไม้รูปทรงต่างๆ เช่น โคม รูปสัตว์ รู ป
เครอ่ื งใช้ แขวนอยตู่ ามเพดานและช่องประตหู นา้ ตา่ ง ดอกไมท้ ่ีนามารอ้ ย
กรองเป็น ดอกไมไ้ ทยท่ีมีสีสนั งดงาม เช่น ดอกรกั ดอกบานไมร่ ู้โรย เป็น
ตน้ และบางชนดิ ก็มีกล่ินหอม เชน่ ดอกจาปา ดอกพดุ ดอกมะลิ เป็นตน้
รปู แบบของเครอ่ื งแขวนไทย
ตาข่ายหนา้ ชา้ ง
สนั นิฐานว่า เป็นเคร่อื งแขวนท่ีคิดขนึ้ มา
เป็นแบบแรก เพราะโครงสรา้ งเป็นแบบ
เส้นตรงเส้นเดียว ไม่สลับซับซ้อน
นอกจากใชแ้ ขวนประดบั สถานท่ีแลว้ ยงั
ใชค้ ลมุ หนา้ ผากชา้ งสาคญั เวลาเข้าพิธี
เชน่ พิธีถวายชา้ งสาคญั หรอื สมโภชชา้ ง
เป็นตน้
รปู แบบของเครอ่ื งแขวนไทย
ตาข่ายหนา้ นาง
ลัก ษ ณ ะ ค ล้า ย พัด ห น้า น า ง ห รื อ
ตาลปัตรของพระภิกษุ ตัวพัดรอ้ ยเป็น
สายดว้ ยดอกพุดแผ่รศั มีออก คลา้ ยพัด
ใบลาน ส่วนบนและล่างตกแต่งด้วย
อุบะและตุ้งติ้ง เหมาะสาหรับแขวน
ประดับช่องประตู หน้าต่างหรือตาม
ฝาฝนงั
รปู แบบของเครอ่ื งแขวนไทย
พดั จามร
พัด จาม ร เ ป็ น พัดไท ย ท่ีมี รู ปลัก ษ ณ์
อ่อนช้อยงดงาม เหมาะท่ีจะนามา
ดดั แปลงเป็นเคร่ืองแขวน เม่ือนามา
ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใส จะ
เพ่ิมความสะดดุ ตาชวนมอง
รปู แบบของเครอ่ื งแขวนไทย
กลนิ่ จระเข้
รูปร่างคลา้ ยจระเข้ ประกอบดว้ ยรูป
ส่ีเหล่ียมขนมเปี ยกปูน สามอัน
ซ้อนทับกัน โดยอันกลางมีขนาด
ใหญ่กว่าอนั บนและล่างเล็กนอ้ ย ใช้
เสน้ รอบรูปท่ีเกิดขึน้ ใหม่ บรรจุลาย
และตกแตง่ ตาม
รปู แบบของเครอื่ งแขวนไทย
พกู่ ลน่ิ
เป็นพวงดอกไม้มีลักษณะคล้ายพู่ คือ
ตรงกลางป่อง หวั และเทา้ เรียว ใชแ้ ขวน
หอ้ งเพ่ือความสวยงาม และส่งกล่ินหอม
อบอวลของดอกไม้สด พู่กล่ินมีหลาย
ขนาดตั้งแต่ 3-7 ชั้น ในงานมงคลใช้พู่
กล่ินจานวนชน้ั เป็นเลขค่ี และใชจ้ านวน
ชน้ั เป็นเลขคสู่ าหรบั งานศพ
รปู แบบของเครอื่ งแขวนไทย
บนั ไดแกว้
ลักษณะคลา้ ยขนั้ บันได 3 ขนั้ นามาผูกโยง
กันดว้ ยสายรอ้ ยดา้ นขา้ ง และสายรอ้ ยไขว้
กากบาท ตกแต่งดว้ ยตงุ้ ติง้ ใชด้ อกไม้สีขาว
นวลทั้งหมด เพ่ือให้ความรูส้ ึกคล้ายบันได
แก้ว ซ่ึงเช่ือกันว่าเป็ นบันไดเนรมิต โดย
เทวฤทธิ์แห่งทา้ วโกลีย์ รบั องคพ์ ระพุทธเจา้
เสดจ็ ลงจากดาวดงึ ส์
รปู แบบของเครอื่ งแขวนไทย
บนั ไดเงนิ
ลกั ษณะคลา้ ยบนั ไดแกว้ แตกต่างกันท่ี
สีสันของตกแต่งท่ีแปลกออกไป ตาม
พทุ ธประวตั ิดอกไม้ ซง่ึ ใชด้ อกสีฟ้าคราม
ขาว นวล อมเทาบา้ ง และลวดลายตินั้น
พรหมทงั้ หลายใชบ้ นั ไดเงิน ตามส่งเด็จ
พระพุทธเจา้ ลงจากดาวดึงส์ โดยท่าน
ทา้ วมหาพรหม ทรงกน้ั เศวตฉตั รถวาย
รปู แบบของเครอื่ งแขวนไทย
บนั ไดทอง
ลกั ษณะคลา้ ยบันไดแกว้ และบันไดเงิน
หากแต่ใชด้ อกไม้สีเหลืองทอง เพ่ือให้
ความรูส้ ึกคลา้ ยบันไดทอง ซ่ึงเทพยดา
ใช้ตามส่งเสด็จพระพุทธเจ้า ลงจาก
ดาวดึงสส์ ู่พืน้ พิภพ โดยมีทา้ วโกลียถ์ ือ
บาตรนาเสดจ็
รปู แบบของเครอ่ื งแขวนไทย
วิมานแท่น
ลักษณะเป็ นกรอบส่ีเหล่ียมสองช้ัน
คลา้ ยช่องหน้าต่าง มีตาข่ายหน้าชา้ ง
เป็นรูปส่ีเหล่ียมหนา้ จ่วั อยู่ส่วนบน ตรง
มมุ ของกรอบส่ีเหล่ียมมีดอกเย็บแบบทดั
ทั้ง 4 มุม ใชส้ ีสนั สดใสใหเ้ ด่นสะดุดตา
วิมานแทน่ บางทา่ นเรยี กว่า ชอ่ งวิมาน
รปู แบบของเครอ่ื งแขวนไทย
ระยา้ ทรงเครอ่ื ง
โครงสรา้ งรูปดาว 8 แฉก ส่วนบนถักตา
ขา่ ยจอมแห สว่ นลา่ งถกั ตาขา่ ยดอกรกั
ผูกอุบะตุง้ ติง้ ประดับเฟ่ื องมาลัยลูกโซ่
แบน ดว้ ยดอกกลว้ ยไม้ ตามมมุ ผกู อบุ ะ
พู่กล่ินบานไม่รู้โรย ชายพู่กล่ินใช้อุบะ
สรอ้ ยสนจากดอกกลว้ ยไม้ ตรงกลาง
ประดบั ดว้ ยพกู่ ล่ินเชน่ เดยี วกนั
พานพมุ่
ความหมายของพานพมุ่
พานท่ีมีดอกไมห้ รอื วสั ดซุ ่งึ ช่างได้ประดิษฐ์เป็นทรงพ่มุ แลว้ นามาวางไวบ้ นพาน
อนั ถือเป็นเครอ่ื งสกั การะหรอื บชู าชนั้ สงู ของไทย ท่ีช่างประดิษฐ์ไทยไดน้ าดอกไม้
หรือวัสดตุ ่าง ๆ มาคิดประดิษฐ์ประดอยจดั ทาขึน้ และจดั แต่งเป็นทรงพุ่ม แลว้
นามาวางไวบ้ นพานเพ่ือนาไปเป็นเคร่อื งบชู าหรอื สกั การะส่ิงท่ีเคารพนบั ถือ เช่น
พระรตั นตรยั พระมหากษัตรยิ ์ พระบรมวงศานวุ งศแ์ ละบรรพบรุ ุษท่ีเคารพนบั ถือ
อนั เป็นการแสดงออกถงึ ความเคารพและความจงรกั ภกั ดีในโอกาสตา่ ง ๆ
ประเภทของพานพ่มุ
๑. พานพ่มุ เทียน
การนาเทียนไขมาหลอมแลว้ เทลงในแบบท่ีเป็น
ทรงพ่มุ เม่ือไดร้ ูปร่างเทียนท่ีเป็นทรงพ่มุ แลว้ จะ
นามาวางไวบ้ นพาน เรียกว่า พ่มุ เทียน ซ่ึงถือเป็น
โบราณราชประเพณีท่ีสถาบนั พระมหากษัตริยไ์ ด้
สืบสานมาโดยลาดบั ในพระราชพิธีบาเพ็ญพระ
ราชกศุ ล ถวายพมุ่ เทยี น เน่ืองในวนั อาสาฬหบชู า
และเทศกาลเขา้ พรรษา ของทกุ ปี
ประเภทของพานพ่มุ
๒. พานพมุ่ ดอกไมส้ ด
การนาดอกไม้สด ได้แก่ ดอกบัว ดอก
กุหลาบ ดอกจาปี ดอกไม่รู้โรย หรือ
ดอกไม้อ่ืน ๆ มาจัดแต่งเป็นทรงพุ่ม มี
ลักษณะคลา้ ยพนมมือ นามาต้ังไว้บน
พานแลว้ นาไปตง้ั บชู าพระรตั นตรัย หรือ
นาไปวางเป็นเคร่ืองสักการะ แล้วแต่
กรณี
ประเภทของพานพ่มุ
๓. พานพมุ่ ทอง-พมุ่ เงนิ
การนาผา้ ตาดทอง ตาดเงิน เป็นต้น
มาประดิษฐ์ แล้ว นามาจัดแต่ง
ประกอบกับวัส ดุหรือโฟ มเป็ นทร ง
พมุ่ นามาตงั้ ไวบ้ นพาน แลว้ นาไปตง้ั
บชู าพระรตั นตรยั หรือนาไปวางเป็น
เคร่อื งสกั การะแลว้ แตก่ รณี
ดอกไมส้ าหรับงานดอกไมส้ ด
ดอกกุหลาบมอญ ดอกมะลิ
ดอกไม้สาหรับงานดอกไมส้ ด
ดอกพุด ดอกรัก
ดอกไม้สาหรับงานดอกไม้สด
ดอกชบาหนู ดอกบานไม่รู้โรย
ดอกไมส้ าหรับงานดอกไมส้ ด
ดอกจาปา ดอกกล้วยไม้
ใบไม้สาหรับงานดอกไม้สด
ใบกระบอื ใบแกว้
๒. งานประดษิ ฐด์ ว้ ยใบตอง
เป็นงานประดษิ ฐ์ท่นี าใบตองมา
ทาชนิ้ งานตา่ งๆ เชน่
• ภาชนะใสอ่ าหาร
• ภาชนะหอ่ ขนม
• กระทงลอยในวนั ลอยกระทง
• บายศรใี นพิธีตา่ งๆ