กฎกระทรวงก าหนดมาตรฐาน
ในการบริหาร จัดการ และด าเนินการ
ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม
ในการท างานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง
พ.ศ. ๒๕๕๙
นางสาวอุมาพร ครองสกุลสุข
นักวิชาการแรงงานช านาญการ
กลุ่มงานมาตรฐานความปลอดภัยในการท างาน
กองความปลอดภัยแรงงาน
็
ความเปนมาของกฎหมายความปลอดภัย
ี
อาชวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน
• ค ำสั่งคณะปฏิวัติที่ ๑๐๓ ประกำศกระทรวงมหำดไทย
• พระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑
• พระรำชบัญญัติควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย
และสภำพแวดล้อมในกำรท ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔
ความเปนมาของกฎหมายความปลอดภัย
็
ี
อาชวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
ปว. ๑๐๓
เรื่อง ความปลอดภัยในการท างานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม
กฎกระทรวง
พรบ. คุ้มครองแรงงาน ก าหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย
พ.ศ. ๒๕๔๑ อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการท างาน
เกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๔๙
กฎกระทรวง
พรบ. ความปลอดภัยฯ ก าหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และด าเนินการด้านความปลอดภัย
พ.ศ. ๒๕๕๔ อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน
เกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง เสียง พ.ศ. ๒๕๕๙
กฎกระทรวงฯ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙
ฐานอ านาจ หมวด ๑ หมวด ๒ หมวด ๓
แสงสว่าง
ค านิยาม ความร้อน เสียง
หมวด ๕
หมวด ๖
หมวด ๔ การตรวจวัด/วิเคราะห์ การตรวจสุขภาพ
PPE และการรายงาน และการรายงานผล
บทเฉพาะกาล
๖ หมวด ๑๘ ข้อ (บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๗ และข้อ ๑๘)
สรุป ประกาศ และ (ร่าง) ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
๑. มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง
๒. มาตรฐานระดับเสียงที่ยอมให้ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดเวลาการท างาน
ในแต่ละวัน
๓. การค านวณระดับเสียงที่สัมผัสในหูเมื่อสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครอง
ความปลอดภัยส่วนบุคคล
๔. หลักเกณฑ์และวิธีการจัดท ามาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบ
กิจการ
๕. หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัดและการวิเคราะห์สภาวะการท างานเกี่ยวกับ
ระดับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง รวมทั้งระยะเวลาและประเภทกิจการ
ที่ต้องด าเนินการ
๖. ก าหนดแบบรายงานผลการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการท างาน
เกี่ยวกับระดับความร้อน แสงสว่าง และเสียงภายในสถานประกอบกิจการ
ฐานอ านาจและค านิยาม
อุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ (Wet Bulb Globe Temperature – WBGT)
WBGT = 0.7 NWB + 0.3 GT
WBGT = 0.7 NWB + 0.2 GT + 0.1 DB
ระดับความร้อน อุณหภูมิ WBGT ในบริเวณที่ลูกจ้างท างานตรวจวัดโดยค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาสองชั่วโมง
ที่มีอุณหภูมิ WBGT สูงสุดของการท างานปกติ
สภาวะการท างาน สภาวะแวดล้อมซึ่งปรากฏอยู่ในบริเวณที่ท างานของลูกจ้าง ซึ่งรวมถึงสภาพต่างๆ
ในบริเวณที่ท างาน เครื่องจักร อาคาร สถานที่ การระบายอากาศ ความร้อน แสงสว่าง เสียง ตลอดจนสภาพและ
ลักษณะการท างานของลูกจ้างด้วย
ฐานอ านาจและค านิยาม (ต่อ)
งานเบา
ลักษณะงานที่ใช้แรงน้อยหรือใช้ก าลังงานที่ท าให้เกิดการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
ไม่เกิน ๒๐๐ Kcal/hr เช่น งานเขียนหนังสือ งานพิมพ์ดีด งานบันทึกข้อมูล งานเย็บจักร งานนั่ง
ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ งานประกอบชิ้นงานขนาดเล็ก งานบังคับเครื่องจักรด้วยเท้า การยืนคุมงาน
งานปานกลาง
ลักษณะงานที่ใช้แรงปานกลางหรือใช้ก าลังงานที่ท าให้เกิดการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
เกิน ๒๐๐ Kcal/hr ถึง ๓๕๐ Kcal/hr เช่น งานยก ลาก ดัน หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยแรงปานกลาง
งานตอกตะปู งานตะไบ งานขับรถบรรทุก งานขับรถแทรกเตอร์
งานหนัก
ลักษณะงานที่ใช้แรงมากหรือใช้ก าลังงานที่ท าให้เกิดการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
เกิน ๓๕๐Kcal/hr เช่น งานที่ใช้พลั่วตักหรือเครื่องมือลักษณะคล้ายกัน งานขุด งานเลื่อยไม้ งานเจาะไม้
เนื้อแข็ง งานทุบโดยใช้ค้อนขนาดใหญ่ งานยก หริเคลื่อนย้ายของหนักขึ้นที่สูงหรือที่ลาดชัน
หมวด ๑ ความร้อน
ส่วนใหญ่ก าหนดคงเดิม ตามกฎกระทรวงฯ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง
พ.ศ. ๒๕๔๙
๒
ข้อ ให้นายจ้างควบคุมระดับและรักษาระดับความร้อนภายใน
สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างท างานอยู่มิให้เกินมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) งานเบา มาตรฐานระดับความร้อนไม่เกินค่าเฉลี่ย WBGT ๓๔ C
(๒) งานปานกลาง มาตรฐานระดับความร้อนไม่เกินค่าเฉลี่ย WBGT ๓๒ C
(๓) งานหนัก มาตรฐานระดับความร้อนไม่เกินค่าเฉลี่ย WBGT ๓๐ C
หมวด ๑ ความร้อน
ส่วนใหญ่ก าหนดคงเดิม ตามกฎกระทรวงฯ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง
พ.ศ. ๒๕๔๙
ปรับข้อความในข้อ ๓
ในกรณีที่สถานประกอบกิจการมีแหล่งความร้อนที่อาจเป็นอันตราย ให้นายจ้างติดป้าย
หรือประกาศเตือนอันตรายในบริเวณดังกล่าว โดยให้ลูกจ้างสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ในกรณีที่บริเวณการท างานตามวรรคหนึ่งมีระดับความร้อนเกินมาตรฐาน ให้นายจ้าง
ด าเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขสภาวะการท างานทางด้านวิศวกรรม และจัดให้มีการปิด
ประกาศและเอกสารหรือหลักฐานในการด าเนินการปรับปรุงหรือแก้ไข เพื่อให้พนักงาน
ตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
ในกรณีที่ไม่สามารถด าเนินการตามวรรคสองได้ ให้จัดให้มีมาตรการควบคุม
หรือลดภาระงาน และต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล
ตามหมวด ๔ ตลอดเวลาที่ท างาน
บททั่วไป
จัดให้มีการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการท างานเกี่ยวกับระดับความร้อน
แสงสว่าง หรือเสียง ภายในสถานประกอบกิจการในสภาวะที่เป็นจริงของสภาพการ
ท างานอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
กรณีที่มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรอุปกรณ์ กระบวนการ
ผลิต วิธีการท างาน หรือการด าเนินการใดๆ ที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับ
ความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง ให้นายจ้างด าเนินการตามวรรคหนึ่งเพิ่มเติม
โดยตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการท างานบริเวณพื้นที่หรือบุคคลที่อาจได้รับ
ผลกระทบภายในเก้าสิบวันนับจากวันที่มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง
หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการท างานฯ
การตรวจวัดระดับความร้อนและประเภทกิจการที่ต้องด าเนินการ
ตรวจวัดระดับความร้อนบริเวณที่มีลูกจ้างปฏิบัติงานอยู่ในสภาพการท างานปกติ
และต้องตรวจวัดในช่วงระยะเวลาที่ลูกจ้างอาจได้รับอันตรายจากความร้อนสูงสุด
ประเภทกิจการที่ต้องด าเนินการตรวจวัด ได้แก่ การผลิตน้ าตาลและท าให้บริสุทธิ์
การปั่นทอที่มีการฟอกหรือย้อมสี การผลิตเยื่อกระดาษหรือกระดาษ การผลิตยาง
รถยนต์หรือหล่อดอกยาง การผลิตกระจก เครื่องแก้วหรือหลอดไฟ การผลิตซีเมนต์
หรือปูนขาว การถลุง หล่อหลอมหรือรีดโลหะ หรือกิจการที่มีแหล่งก าเนิดความ
ร้อนหรือมีการท างานที่อาจท าให้ลูกจ้างได้รับอันตรายเนื่องจากความร้อน
หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการท างานฯ
อุปกรณ์การตรวจวัดระดับความร้อน ประกอบด้วย
ท าการปรับเทียบความถูกต้อง ได้ตามมาตรฐาน ISO 7243 หรือเทียบเท่า และให้ท าการ
(Calibration) อย่างน้อยปีละครั้ง ปรับเทียบความถูกต้อง (Calibration) ก่อนใช้งานทุกครั้ง
หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการท างานฯ
่
ื
เครืองมอประเมินสภาพความร้อน
Globe Temp
ี
ื
มาตรฐาน ISO 7243 หรอเทยบเท่า
13
ให้ติดตั้งในต าแหน่งสูงจากพื้นระดับหน้าอกของลูกจ้าง
ก่อนเริ่มอ่านค่าต้องตั้งอุปกรณ์ให้ท างานไว้อย่างน้อยสามสิบนาที และให้บันทึกค่า
ตรวจวัดในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ อุณหภูมิที่อ่านค่าเป็นองศาเซลเซียสให้
ค านวณหาค่าอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ (WBGT) ตามวิธีการที่ก าหนดไว้ในกฎกระทรวง
ให้หาค่าระดับความร้อนจากค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ
(WBGT) ที่ค านวณได้ในช่วงเวลาท างานสองชั่วโมงที่ร้อนที่สุดได้จากสูตร
ดังต่อไปนี้
หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการท างานฯ
15
บันทึกการตรวจวัด WBGT และลักษณะการท างาน
เพื่อค านวณ WBGT เฉลี่ย
Activitiy Duration WBGT
1. งานหนาเตาหลอม 70 33.8
้
- นาวัตถุดิบใส่เตา (ทุกส่วนของร่างกาย– งานปานกลาง) 30
- เขี่ยวัตถุดิบในเตา (แขน 2 ข้าง – งานหนัก) 40
2. ตรวจสอบ/ปรับค่าต่างที่ตู้ควบคุมไฟฟาและชังวัตถุดิบ 15 32.5
่
้
- ยืนหนาตู้ควบคุมตรวจสอบ (แขนข้างเดียว – งานเบา) 5
้
่
- ชังวัตถุดิบ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 10
้
3. ทดสอบคุณภาพนาโลหะ 5 31.2
้
- ตักนาโลหะมาทดสอบ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 5
4. ควบคุมการเทนาโลหะสู่ภาชนะรองรับเพื่อนาไปเทลงพิมพ์ 15 32.5
้
- หมุนพวงมาลัย (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 5
- ควบคุมการไหลของน ้าโลหะ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 10
5. จดบันทึกข้อมูลและนังพัก 15 30.1
่
- จดบันทึกข้อมูล (งานใช้มือ – งานเบา) 5
- นัง 10
่
16
การค านวณหา WBGT เฉลี่ยตลอดระยะเวลาท างาน
ระยะเ WBGT WBGT x t ผลรวม
กิจกรรม วลา (◦c)
(นาที)
้
1. งานหนาเตาหลอม 70 33.8 33.8 x 70 2,366.0
2. ตรวจสอบ/ปรับค่าต่างที่ตู้ควบคุมไฟฟาและชังวัตถุดิบ 15 32.5 32.5 x 15 487.5
่
้
3. ทดสอบคุณภาพนาโลหะ 5 31.2 31.2 x 5 156.0
้
4. ควบคุมการเทนาโลหะสู่ภาชนะรองรับเพื่อนาไปเทลงพิมพ ์ 15 32.5 32.5 x 15 487.5
้
่
5. จดบันทึกข้อมูลและนังพัก 15 30.1 30.1 x 15 451.5
รวม 120 3,948.5
WBGT เฉลี่ย 3,948.5 ÷ 120 = 32.9 ◦c
17
บันทึกการตรวจวัด WBGT และลักษณะการท างาน
เพื่อประเมินความหนัก - เบาของงาน
Activity Duration WBGT
1. งานหนาเตาหลอม 70 33.8
้
- นาวัตถุดิบใส่เตา (ทุกส่วนของร่างกาย– งานปานกลาง) 30
- เขี่ยวัตถุดิบในเตา (แขน 2 ข้าง – งานหนัก) 40
้
2. ตรวจสอบ/ปรับค่าต่างที่ตู้ควบคุมไฟฟาและชังวัตถุดิบ 15 32.5
่
- ยืนหนาตู้ควบคุมตรวจสอบ (แขนข้างเดียว – งานเบา) 5
้
่
- ชังวัตถุดิบ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 10
3. ทดสอบคุณภาพนาโลหะ 5 31.2
้
้
- ตักนาโลหะมาทดสอบ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 5
้
4. ควบคุมการเทนาโลหะสู่ภาชนะรองรับเพื่อนาไปเทลงพิมพ์ 15 32.5
- หมุนพวงมาลัย (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 5
- ควบคุมการไหลของน ้าโลหะ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 10
่
5. จดบันทึกข้อมูลและนังพัก 15 30.1
- จดบันทึกข้อมูล (งานใช้มือ – งานเบา) 5
- นัง 10
่
6. การเผาผลาญของร่างกาย 120
18
ค านวณภาระงาน (Work-Load Assessment)
เพื่อก าหนดลักษณะงานตามแนวทางของ OSHA Technical Manual (U.S. Department of Labor,
Occupational Safety and Health Administration) หรือเทียบเท่า เช่น ISO 8996
ท่าทางการเคลือนไหวของร่างกาย กิโลแคลอรี/นาที ความหนกเบา ตวอยางกจกรรม/การปฏบตงาน
่
่
ั
ิ
ั
่
ิ
ิ
ั
ื
่
ั
่
ั
- นัง ๐.๓ นงทางานโดยมการเคลอนไหวของแขน-ขาปานกลาง เชน งานสานกงาน
ี
่
่
- ยืน ๐.๖ ขบรถยนตขนาดเลก ตรวจสอบ/ประกอบชนสวนวสดเบา เยบปกถกรอย
ั
้
็
้
ิ
็
่
์
ั
ุ
ั
ั
- เดินบนพืนราบ ๒.๐ – ๓.๐
้
ั
ื
ั
ุ
็
่
้
ื
ี
่
่
ื
่
้
่
- เดินขึนทีสูง เพิม ๐.๘ ทุกความสูงทีเพิมขึน ๑ เมตร งานเบา ยนทางานโดยมการเคลอนไหวของลาตวเลกนอย เชน ควบคมเครองจกร
่
่
้
่
ิ
ั
่
่
ี
ิ
่
่
่
ค่าพลังงานเฉลีย ช่วง (ไมเกน ๒๐๐ กโลแคลอร/ชวโมง) บรรจุวัสดุน้าหนักเบา การใช้เครืองมือกล/เครืองทุนแรงขนาดเล็ก
่
กิจกรรม/การปฏิบัติงาน
่
่
(กิโลแคลอรี/นาที) (กิโลแคลอรี/นาที) เดนดวยความเรวไมเกน ๒ ไมล/ชวโมง (๓.๒ กโลเมตร/ชวโมง) เชน เดนตรวจ
้
ิ
ั
่
่
ิ
ิ
็
่
ิ
่
ั
์
ื
้
ิ
็
่
ชนิดของการปฏิบัติงาน งาน หรอเดนสงเอกสารจานวนเลกนอย
่
ื
ื
่
ั
้
้
ี
ั
่
ุ
่
่
ั
ท างานด้วยมือ : นงทางานโดยมการเคลอนไหวหรอใชกาลงแขน-ขาคอนขางมาก เชน นงควบคม
- เบา (เขียนหนังสือ เย็บปักถักร้อย) ๐.๔ ๐.๒ – ๑.๒ ปนจน เครน หรอเครองจกรกลขนาดใหญในงานกอสราง ประกอบ/
่
้
่
ั
ื
้
ั
ื
่
ั
่
- หนัก (พิมพ์ดีด นับ/เรียงเอกสาร) ๐.๙
ุ
้
ั
ั
่
่
ั
ุ
ี
ุ
้
ี
บรรจวสดทมนาหนกคอนขางมาก ขบรถบรรทกขนาดใหญ ่
่
ี
ื
ั
่
ึ
้
่
ื
ั
ี
ท างานด้วยแขนข้างเดียว : งานปานกลาง ยน/เคลอนไหวลาตวขณะทางาน เชน ยกของทมนาหนกปานกลาง ลาก-ดง
้
- เบา (กวาดพืน เช็ดถูพืน) ๑.๐ ๐.๗ – ๒.๕ (๒๐๑–๓๕๐ กโลแคลอร/ชวโมง) รถเข็นวัสดุทีมีล้อเลือน ท างานในห้องเก็บของ ยืนตอกตะปู ใช้เครืองมือกล
้
ี
ั
่
่
ิ
่
่
่
่
- หนัก (ตอกตะปู เลือยไม้) ๑.๗
ู
้
ี
ั
้
ื
้
ิ
ขนาดปานกลาง ยนปอนชนงาน การขดถ ทาความสะอาด รดผา
่
ิ
็
์
ั
ิ
่
้
ั
ิ
ื
ท างานด้วยแขนทัง ๒ ข้าง : เดนดวยความเรว ๒ – ๓ ไมล/ชวโมง (๓.๒ – ๔.๘ กโลเมตร/ชวโมง) หรอเดน
้
- เบา (ป้อนชินงาน ตะไบโลหะ งานสวน) ๑.๕ ๑.๐ – ๓.๕ โดยมการถอวสดทนาหนกไมมาก เชน เดนสงเอกสารหรอหอวสดสงของ
้
่
ิ
่
ื
่
ี
่
ั
ุ
้
่
ั
ื
ี
ุ
ิ
ั
่
- หนัก (ไสไม้ แกะสลักไม้) ๒.๕
้
ี
ั
ี
่
ื
็
่
่
ี
ื
ทางานทมการเคลอนไหวลาตวมาก/อยางเรว หรอตองมการออกแรงมาก
ื
ึ
ั
ึ
ื
้
่
ี
ี
่
ี
ี
ู
่
้
ท างานด้วยร่างกายทุกส่วน : เชน ลาก ดง หรอยกของทมนาหนกมาก (> ๒๐ kg) โหนหรอปนขนทสง
- เบา (ขับรถยนต์) ๓.๕ งานหนก งานเลอยไม ขดหรอเซาะดน/ทรายทมความชนสง คยตะกรนในเตาหลอม
้
ื
ั
่
ุ
ิ
ื
้
ี
่
ี
ื
ุ
้
ั
ู
- ปานกลาง (ทาสี ขัดถูพืน ท าความสะอาดพรม) ๕.๐ ๒.๕ – ๑๕.๐
้
่
้
่
ั
้
ู
ี
ิ
ื
่
ิ
ื
ั
่
ี
ื
ั
่
- หนัก (ลาก ดึง ยกของหนัก) ๗.๐ (มากกวา ๓๕๐ กโลแคลอร/ชวโมง) แกะสลกโลหะหรอหน การขดถพนหรอพรมทสกปรกมากๆ งานกอสราง
ี
ั
่
้
ิ
้
ิ
ั
้
- หนักมาก (ก่อสร้าง ขุดดิน คุยตะกรันในเตาหลอม) ๙.๐ และงานหนกทตองปฏบตกลางแจง
ั
่
ิ
่
ิ
์
ั
่
็
็
ื
่
้
ิ
้
เมตาโบลิสม์พืนฐานของร่างกาย ๑.๐ เดนเรวๆ หรอวงดวยความเรวมากกวา ๓ ไมล/ชวโมง (๔.๘ กโลเมตร/ชวโมง)
การประเมินภาระงาน
ื
ท่าทางการเคล่อนไหวของร่างกาย Kcal/min*
่
นัง 0.3
ยืน 0.6
เดินบนพื้นราบ 2.0 – 3.0
่
เดินขึ้นที่สูง เพิ่ม 0.8 ทุกความสูงที่เพิมขึ้น 1 เมตร
กิจกรรม/การปฏิบัติงาน ค่าพลังงานเฉลี่ย kcal/min ข่วงค่าพลังงาน Kcal/min
การท างานด้วยมือ
็
- เบา (เขียนหนังสือ, เยบปักถักร้อย) 0.4 0.2 – 1.2
- หนัก 0.9
ท างานด้วยแขนข้างเดียว
- เบา 1.0 0.7 – 2.5
- หนัก 1.7
ท างานด้วยแขน 2 ข้าง
- เบา 1.5 1.0 – 3.5
- หนัก 2.5
ท างานด้วยทุกส่วนของร่างกาย
- เบา (ขับรถยนต์) 3.5
- ปานกลาง (ทาสี ขัดถูพื้น) 5.0
2.5 – 15.0
- หนัก (ลาก ดึก ยกของหนัก) 7.0
- หนักมาก (ก่อสร้าง ขุดดิน) 9.0
การเผาผลาญพื้นพื้นฐานของร่างกาย 1.0
2
Source: ACGIH 1992 * For a “standard” worker of 70 kg body weight (154 lbs) and 1.8m body source (19.4 ft )
2
การค านวณเพื่อพิจารณาความหนัก-เบาของงาน
Activitiy Kcal Total Kcal
้
1. งานหนาเตาหลอม 70 นาที 250
- นาวัตถุดิบใส่เตา (ทุกส่วนของร่างกาย– งานปานกลาง) 5.0 x 30 150
- เขี่ยวัตถุดิบในเตา (แขน 2 ข้าง – งานหนัก) 2.5 x 40 100
่
้
2. ตรวจสอบ/ปรับค่าต่างที่ตู้ควบคุมไฟฟาและชังวัตถุดิบ 15 นาที 40
้
- ยืนหนาตู้ควบคุมตรวจสอบ (แขนข้างเดียว – งานเบา) 1.0 x 5 5
่
- ชังวัตถุดิบ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 3.5 x 10 35
้
3. ทดสอบคุณภาพนาโลหะ 5 นาที 17.5
- ตักนาโลหะมาทดสอบ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 3.5 x 5 17.5
้
4. ควบคุมการเทนาโลหะสู่ภาชนะรองรับเพื่อนาไปเทลงพิมพ 15 นาที 52.5
้
์
- หมุนพวงมาลัย (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 3.5 x 5 17.5
- ควบคุมการไหลของน ้าโลหะ (ทุกส่วนของร่างกาย – งานเบา) 3.5 x 10 35
5. จดบันทึกข้อมูลและนังพัก 15 นาที 5
่
- จดบันทึกข้อมูล (งานใช้มือ – งานเบา) 0.4 x 5 2
่
- นัง 0.3 x 10 3
6. การเผาผลาญของร่างกาย 1.0 x 120 120
รวมพลังงานที่ใช้ในระยะเวลา 2 ชัวโมง (120 นาที) 485
่
่
ค่าพลังงานที่ใช้ในระยะเวลา 1 ชัวโทง ( 60 นาที) 242.5
หมวด ๒ แสงสว่าง
ข้อ ๔ นายจ้างต้องจัดให้สถานประกอบกิจการมีความเข้มของแสงสว่าง
ไม่ต่ ากว่ามาตรฐานที่อธิบดีประกาศก าหนด (1)
ข้อ ๕ การป้องกันอันตรายจากแสงตรงหรือแสงสะท้อน ก าหนดคงเดิม
ตามกฎกระทรวงฯ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๔๙
ปรับข้อความในข้อ ๖ กรณีที่ลูกจ้างต้องท างานในที่มืด ทึบ และคับแคบ
นายจ้างต้องจัดให้มีอุปกรณ์ส่องสว่างที่เหมาะสมแก่สภาพและลักษณะงาน
โดยอาจเป็นชนิดที่ติดอยู่ในพื้นที่ท างานหรือติดที่ตัวบุคคลได้ หากไม่สามารถ
จัดหาหรือด าเนินการได้ ต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครอง
ความปลอดภัยส่วนบุคคลตามหมวด ๔ ตลอดเวลาที่ท างาน
ความเข้มของแสงสว่าง หมายถึง ปริมาณแสงที่ตกกระทบต่อหนึ่งหน่วยตารางเมตร
ตามกฎหมายหน่วยความเข้มของแสงสว่างเป็นลักซ์ (lux)
ฟุตเทียน คือ หน่วยวัดของความหนาแน่นของแสงสว่าง
1 ฟุตเทียน = 10.76 ลักซ์
ตารางที่ ๑ บริเวณพื้นที่ทั่วไปภายในสถานประกอบกิจการ
ตารางที่ ๒ บริเวณพื้นที่ใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตที่ลูกจ้างท างาน
ตารางที่ ๓ บริเวณที่ลูกจ้างต้องท างานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการท างาน
ตารางที่ ๔ บริเวณที่ลูกจ้างต้องท างานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการท างานในกรณีที่ไม่มีก าหนดไว้
ในตารางที่ ๓
ตารางที่ ๕ บริเวณโดยรอบที่ให้ลูกจ้างคนใดคนหนึ่งท างาน โดยใช้สายตามองเฉพาะจุดในการปฏิบัติงาน
ตารางที่ ๑ บริเวณพื้นที่ทั่วไปและบริเวณการผลิตภายในสถานประกอบกิจการ
ตารางที่ ๒ บริเวณที่ลูกจ้างท างาน โดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการท างาน
ตารางที่ ๓ บริเวณโดยรอบที่ให้ลูกจ้างคนใดคนหนึ่งท างาน โดยใช้สายตามองเฉพาะจุดในการปฏิบัติงาน
มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง
ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
มีผลบังคับใช้วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
พื้นที่ ๑ พื้นที่ ๒ พื้นที่ ๓
การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างและประเภทกิจการที่ต้องด าเนินการ
ตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างในสถานประกอบกิจการทุกประเภทกิจการ
โดยให้ตรวจวัดบริเวณพื้นที่ทั่วไปและบริเวณการผลิตภายในสถานประกอบกิจการ
และบริเวณที่ลูกจ้างต้องท างานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่
ในการท างานในสภาพการท างานปกติและในช่วงเวลา ที่มีแสงสว่างตามธรรมชาติ
น้อยที่สุด
เครื่องวัดแสงที่ได้มาตรฐาน CIE 1931 หรือ ISO/CIE 10527 หรือเทียบเท่า และก่อน
เริ่มการตรวจวัดต้องปรับให้เครื่องวัดแสงอ่านค่าที่ศูนย์ (Photometer Zeroing)
การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างบริเวณพื้นที่ทั่วไปและบริเวณการผลิตภายใน
สถานประกอบกิจการให้ตรวจวัดในแนวระนาบสูงจากพื้นเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร
หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการท างานฯ
2 2 ตารางเมตร
ี่
วัดแสงเฉลยแบบพ้นททั่วไป
ี่
ื
( Area Measurement )
2 เมตร 2 เมตร
่
ค่าเฉลยความเขมแสงสว่าง = ผลรวมของความเขมแสงสว่างทุกจุด
้
้
ี
ผลรวมของจ านวนจุด
IES Lighting Handbook
1. Symmetrically Spaced Luminaries in Two or More Rows
•นบจ านวนหลอดไฟต่อแถว = N
ั
ั
•นบจ านวนแถว = M
้
•วัดค่าความเขมแสงรวม 18 จุด
้
• r – r = ส่วนในและกลางหอง
1
8
่
ี
8 จุด นาค่าทไดมาเฉลย = R
ี
่
้
•q – q = กงกลางแถวในแต่ละ
่
ึ
1
4
้
้
ดานของขอบขางหอง 4 จุด นา
้
ค่าทไดมาเฉลย = Q
ี
้
่
่
ี
หลอดไฟ / ดวงไฟ 38
ี่
การค านวณความเข้มแสงเฉลยแบบ 1
ความเข้มแสง เฉลย = [ R(N - 1)(M – 1) + Q(N – 1) + T(M – 1) + P ]
ี่
NM
R = ค่าเฉลยกลางหอง 8 จุด
่
ี
้
N = จ านวนหลอดไฟต่อแถว
M = จ านวนแถว
้
้
่
ี
Q = ค่าเฉลยขอบขางหอง 4 จุด
ี
้
T = ค่าเฉลยขอบหัว-ทายหอง 4 จุด
้
่
่
ี
P = ค่าเฉลยมุมหอง 2 จุด
้
39
2. Symmetrically Located Single Luminaire
•วัดค่าความเขมแสงรวม 4 จุด
้
่
•P – P = จุดกงกลางของแต่ละ
ึ
4
1
้
ส่วนย่อยภายในหอง
้
•นาค่าทไดมาค านวณค่า
่
ี
ความเขมแสงสว่างเฉลยในสูตร
่
้
ี
ความเขมแสง เฉลย = [ P + P + P + P ]
้
4
3
1
2
ี่
4
หลอดไฟ / ดวงไฟ
40
3. Single Row of Individual Luminaries
็
่
ี
ั
• นบจ านวนหลอดไฟ = N หลอดไฟทติดตั้งเปนช่วงๆ
• วัดความเขมแสงระหว่างหลอดไฟ q – q จ านวน 8 จุด แลว
้
้
1
8
นามาหาค่าเฉลย = Q
่
ี
้
้
• วัดความเขมแสงมุมหอง p – p จ านวน 2 จุด แลวนามาหา
้
2
1
่
ี
ค่าเฉลย = P
้
่
้
• นาค่าทไดไปค านวณหาค่าความเขมแสงสว่างเฉลยในสูตร
ี
่
ี
41
3. Single Row of Individual Luminaries (cont.)
ความเข้มแสง เฉลย = [ Q(N – 1) + P ]
ี่
N
ี
้
Q = ค่าเฉลยความเขมแสงระหว่างหลอดไฟ 8 จุด
่
N = จ านวนหลอดไฟ (ดวง)
้
้
P = ค่าเฉลยความเขมแสงมุมหอง 2 จุด
ี
่
42
4. Two or More Continuous Rows of Luminaires
•นบจ านวนหลอดไฟต่อแถว = N
ั
•นบจ านวนแถว = M
ั
•วัดค่าความเขมแสงรวม 12 จุด
้
้
• r – r = ส่วนในและกลางหอง
1
4
้
่
ี
่
ี
4 จุด นาค่าทไดมาเฉลย = R
ึ
่
•q – q = กงกลางแถวในแต่ละ
2
1
้
ดานของขอบขางหอง 2 จุด นา
้
้
่
ี
่
ค่าทไดมาเฉลย = Q
้
ี
่
หลอดไฟทติดตั้งอย่างต่อเนอง
ื่
ี
43
ี่
การค านวณความเข้มแสงเฉลยแบบ 4.
ความเข้มแสง เฉลย = [ RN(M - 1) + QN + T(M – 1) + P ]
ี่
M(N + 1)
R = ค่าเฉลยกลางหอง 4 จุด
่
ี
้
N = จ านวนหลอดไฟต่อแถว
M = จ านวนแถว
้
้
่
ี
Q = ค่าเฉลยขอบขางหอง 2 จุด
ี
้
T = ค่าเฉลยขอบหัว-ทายหอง 4 จุด
้
่
่
ี
P = ค่าเฉลยมุมหอง 2 จุด
้
44
5. Single Row of Continuous Luminaries
• นบจ านวนหลอดไฟ = N หลอดไฟทติดตั้งแบบต่อเนอง
ั
ี
ื่
่
• วัดความเขมแสง q – q ในช่วง 2/4 - 3/4 ของระยะความยาว
้
6
1
ี
่
ของหลอดไฟ จ านวน 6 จุด แลวนามาหาค่าเฉลย = Q
้
้
• วัดความเขมแสงมุมหอง p – p จ านวน 2 จุด แลวนามาหา
้
้
2
1
ี
่
ค่าเฉลย = P
ี
่
่
ี
้
้
• นาค่าทไดไปค านวณหาค่าความเขมแสงสว่างเฉลยในสูตร
45
2.5 Single Row of Continuous Luminaries (cont.)
ความเข้มแสง เฉลย = [ QN + P ]
ี่
N + 1
่
้
Q = ค่าเฉลยความเขมแสงระหว่างความยาวหลอดไฟ 6 จุด
ี
N = จ านวนหลอดไฟ (ดวง)
้
้
P = ค่าเฉลยความเขมแสงมุมหอง 2 จุด
ี
่
46
6. Luminous or Louver all Ceiling
P
Q
R W T
L
ี
้
หาค่าตัวแปรต่างๆ ดังต่อไปน W, L, R, Q, T, P
47
ท าความเข้าใจพื้นฐานเรื่องเสียง
เป็นคลื่นกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุเกิดการสั่นสะเทือน
จะท าให้เกิดการอัดตัว และขยายตัวของคลื่นเสียง และถูกส่งผ่านตัวกลางที่เป็นสสาร
อยู่ในสถานะ ก๊าซ ของเหลว ของแข็ง (คลื่นเสียงจะไม่ผ่านสุญญากาศ) ไปยังหูท าให้ได้
ยินเสียงเกิดขึ้น
มนุษย์สามารถรับรู้ความถี่เสียงได้ตั้งแต่ ๒๐ Hz – ๒๐ kHz ความสามารถใน
การรับรู้ในย่านของความถี่นั้นก็จะแตกต่างไปซึ่งในผู้หญิงและชายหนุ่มสามารถได้ยินที่
ความถี่สูงสุดที่ ๒๐,๐๐๐ Hz หรือเรียกย่อๆ ว่า ๒๐ kHz ส่วนในวัยกลางคนและ
ผู้สูงอายุจะได้ยินลดลงไปในย่านความถี่สูงสุด อาจได้สูงสุดที่ ๑๔ kHz