หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
วัฒนธรรมล้ำธานินทร์
ท่องแดนดินถิ่น "ชุมพร"
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๘๓.
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551
หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาไทย
วัฒนธรรมล้ำธานินทร์ ท่
องแดนดินถิ่นชุมพร
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
กลุ่มสาระการเรียนภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาไทย
วัฒนธรรมล้ำธานินทร์ ท่องแดนดินถิ่นชุมพร
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
กลุ่มสาระการเรียนภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
พิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ.๒๕๖๕
ผู้เรียบเรียงและออกแบบ
นางสาวเพชรชุมภู รวมพันธ์
นางสาวมุกธิตา พุทธกูล
ภาพประกอบ
นางสาวเพชรชุมภู รวมพันธ์
นางสาวมุกธิตา พุทธกูล
บรรณาธิการ
นางสาวเพชรชุมภู รวมพันธ์
นางสาวมุกธิตา พุทธกูล
คำนำ
หนังสือแบบเรียนรายวิชาเพิ่มเติมภาษาไทย ชุดสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น วัฒนธรรมล้ำ
ธานินทร์ ท่องแดนดินถิ่นชุมพร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑
แนวทางการนำเสนอหนังสือเรียนเล่มนี้ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะการอ่านออกเสียง
มารยาทในการอ่าน การเขียนย่อความ มารยาทในการเขียน พูดสรุปใจความสำคัญของเรื่องที่ฟังและดู
มารยาทในการฟัง การดูและการพูด การแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ โคลงสี่สุภาพและกาพย์
ยานี ๑๑ รวมไปถึงสรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตลอดจนสามารถ
สร้างสรรค์ผลงานของตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับตัวชี้วัดของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ตามหลักสูตรแกน
กลางขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ที่ได้ระบุไว้ ด้วยการเรียนรู้อย่างบูรณาการกับความเป็นท้องถิ่น
ของจังหวัดชุมพรในด้านประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งถ่ายทอดผ่านตัวบททั้งร้อยแก้วและร้อยกรองที่
สอดคล้องกัน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ และความภาคภูมิใจในท้องถิ่น
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือแบบเรียนรายวิชาเพิ่มเติมภาษาไทย ชุดสาระการเรียนรู้
ท้องถิ่นเล่มนี้ จะเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้บรรลุตัวชี้วัดและมาตรฐาน
ตามหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดไว้ทุกประการ หากมีข้อเสนอแนะเพื่อ
ปรับปรุงหรือแก้ไขหนังสือเรียน ผู้จัดทำขอน้อมรับและจะนำไปปรับปรุงพัฒนาหนังสือเรียนเล่มนี้ต่อไป
ผู้จัดทำ
นางสาวเพชรชุมภู รวมพันธ์ และ นางสาวมุกธิตา พุทธกูล
นิสติชั้นปีที่ ๓ หลักสูตรศิลปะศาสตร์บัณฑิต
สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยทักษิณ
แนวทางการใช้หนังสือ
หนังสือแบบเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ วัฒนธรรมล้ำธานินทร์
ท่องแดนดินถิ่นชุมพร เล่มนี้ จัดทำขึ้นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ โดยได้นำสาระการเรียนรู้ ๕ สาระ
ได้แก่ การอ่าน การเขียน การฟังการดูและการพูด หลักการใช้ภาษา สาระวรรณคดีและวรรณกรรม
บูรณาการเข้ากับท้องถิ่นในจังหวัดชุมพร การจัดทำครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกทักษะของผู้เรียน อัน
ได้แก่ ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการฟังการดูและการพูด หลักการใช้ภาษา การแต่งบท
ร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ กาพย์ยานี ๑๑ และโคลงสี่สุภาพ รวมถึงการเขียนบทความ และ
ตระหนักถึงคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยใช้ข้อมูลท้อง
ถิ่นในจังหวัดชุมพร ให้นักเรียนได้ศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันงดงาม
ตลอดจนปลูกฝังคุณธรรมและจิตสำนึกรักถิ่นฐานบ้านเกิดของตน
วิธีการศึกษา เริ่มจากการอ่านบทร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ ที่มุ่งนำเสนอเรื่องราว
เกี่ยวกับประเพณีประจำท้องถิ่นจังหวัดชุมพร อันได้แก่ ประเพณีไทยทรงดำและประเพณีเทิดพระ
เกียรติกรมหลวงชุมพร ต่อมาผู้เรียนจะได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการแต่งกาพย์ยานี ๑๑ โดยบูรณาการ
กับประเพณีสวดหาดลอยแพและประเพณีวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ ผ่านหัวข้อเรียงร้อยถ้อยอักษรา
สู่ภูมิปัญญาชุมพร ทั้งยังได้ศึกษาการแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ โดยบูรณาการกับ
ประเพณีร้อยชั้น (ปิ่นโต) และวรรณกรรมเรื่องไกรสิทธิ์ ผ่านหัวข้อฟังพูดอ่านดู เปิดประตูสู่ชุมพร จาก
นั้นผู้เรียนจะได้เรียนรู้เนื้อหาสาระการเขียนบทความ ผ่านหัวข้อร้อยเรียงกลอนกานท์ สู่ตำนานเมือง
ชุมพรและผ่านหัวข้อวรรณกรรมล้ำค่า เสน่หาเมืองชุมพร ตลอดจนให้ผู้เรียนได้ศึกษาวรรณคดีและ
วรรณกรรมประจำท้องถิ่นและฝึกทักษะต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมแบบฝึกหัด ซึ่งสอดคล้องกับตัวชี้วัด
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาไทย เป็นเพียงสื่อในการจัดการเรียนการสอน ดังนั้น
ครูผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนกิจกรรมหรือนำกิจกรรมมาปรับเสริมในการจัดการเรียนการสอนได้ตาม
ความเหมาะสม โดยวิธีการศึกษาดังกล่าวมุ่งหวังให้ผู้เรียนรักการอ่าน การเขียน และสนใจค้นคว้า
หาความรู้เรื่องราวท้องถิ่นเพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้เป็นพื้นฐานความรู้สำหรับสร้างสรรค์งานต่าง ๆ และผู้
สอนสามารถประเมิณผู้เรียนได้ตามเกณฑ์การประเมิณท้ายเล่ม
โครงสร้างหลักสูตร รายวิชาเพิ่มเติมภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
สารบัญ
สารบัญ (ต่อ)
"ชุมพรประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม
ชมไร่กาแฟ แ
ลหาดทรายรี
ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก"
แนะนำตัวละคร ก
ส้มจุก (แฝดพี่)
ส้มใส (แฝดน้อง)
พ่อและแม่ของส้มจุกและส้มใส
ปู่สมพร
เมืองไม้
ไกด์ไก่ (เพื่อนของปู่)
บทที่ ๑
"รักอ่านรู้อ่าน
ประเพณีพื้นบ้านย่านชุมพร"
สาระการอ่าน
ตัวชีวัด ท ๑.๑ ม ๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
และร้อยกรอง
ม ๒/๘ มารยาทในการอ่าน
วัตถุประสงค์
๑.ผู้เรียนสามารถอ่านออกเสียง
ร้อยแก้วและร้อยกรองได้
๒.ผู้เรียนเห็นความสำคัญของการอ่าน
และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
2
กลับบ้านเรา...รักรออยู่
กริ๊ง กริ๊ง เสียงออดสุดท้ายของภาคเรียนที่สองดังขึ้น เป็นสัญญาณเตือนว่า
โรงเรียนกำลังจะปิดเทอมอีกครั้ง และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ส้มจุกกับส้มใสดีใจจน
ออกนอกหน้า รีบเก็บกระเป๋าแล้วเร่งรุดกลับบ้านในทันที เพราะพ่อกับแม่ได้ให้สัญญา
กับสองพี่น้องฝาแฝดไว้ว่า ปิดเทอมจะพากลับไปหาคุณปู่สมพรที่จังหวัดชุมพร ส้มจุก
กับส้มใสตื่นเต้นและดีใจทุกครั้งที่จะได้กลับไปหาคุณปู่สมพร เพราะคุณปู่สมพรใจดี
สอนวิชาความรู้มากมายที่ไม่มีในชั้นเรียนให้แก่เด็ก ๆ ทั้งสองเสมอ คุณปู่สมพรเคย
บอกว่าวิชาความรู้ไม่ได้มีแค่ในชั้นเรียนเท่านั้น แต่มีอยู่รอบตัวเรา เราต้องทำตัวเป็นน้ำ
ครึ่งแก้ว เพราะน้ำครึ่งแก้ว คือ แก้วน้ำที่สามารถเติมน้ำเข้าไปได้อีก เนื่องจากน้ำใน
แก้วมีแค่ครึ่งแก้ว ยังมีพื้นที่อีกครึ่งแก้วให้เติมน้ำเข้าไปอีกได้ เปรียบเสมือนชีวิตของคน
เราที่สามารถยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต เราสามารถรับฟังคำ
แนะนำของผู้ใหญ่และคนรอบข้างเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข พัฒนาชีวิตของตนเองให้ดี
ขึ้นได้ตลอดเวลา
กรุงเทพฯ
ชุมพร
3
เมื่อนึกถึงคำสอนของคุณปู่สมพรส้มจุกกับส้มใสจึงไม่รอช้ารีบจัดกระเป๋าเดินทาง
ขึ้นรถในทันที ระหว่างเดินทางแม่บอกว่าจังหวัดชุมพรเป็นจังหวัดที่มีขนบธรรมเนียม
ประเพณีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมากมาย มีชื่อประเพณีแปลก ๆ ที่ส้มจุกกับส้มใสก็คุ้นเคย
เป็นอย่างดี แม่บอกว่าที่ตำบลปากน้ำ อำเภอหลังสวน มีการวิ่งฟันรันและมินิมาราธอน
ที่ไม่เหมือนใคร เรียกได้ว่าเป็นประเพณีหนึ่งเดียวในโลกเลยก็ว่าได้ ประเพณีดังกล่าว
มีชื่อว่า ประเพณีวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ จัดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายนเนื่องจากเป็น
ช่วงหน้าแล้ง น้ำทะเลแห้งและเห็นเนินทรายยาวไปจนถึงตำบลบางน้ำจืด อำภอ
หลังสวน และมีเส้นชัยอยู่ที่เกาะพิทักษ์นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีประเพณีเทิดพระเกียรติ
กรมหลวงชุมพร เป็นประเพณีที่ชาวบ้านในอำเภอเมืองชุมพรศรัทธาและร่วมกันจัดขึ้น
เพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกถึง พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขต
อุดมศักดิ์ บิดาแห่งทัพเรือไทย สร้างความรักและความสามัคคีให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ได้
เป็นอย่างดี ยังมีประเพณีวันตรุษไทยที่จัดขึ้นในอำเภอท่าแซะ และอำเภอเมืองชุมพร
เพื่อทำบุญตักบาตรและเป็นวันรวมญาติ ถือเป็นประเพณีประจำท้องถิ่นที่สำคัญอีก
อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อฟังแม่เล่าจนจบส้มจุกกับส้มใสก็หลับปุ๋ยตลอดทาง
4
"ประเพณีวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์"
ชวนน้องมาวิ่งแหวก เรื่องราวแปลกถิ่นชุมพร
มินิมาราธอน วิ่งฟันรันฝ่าทะเล
หาดปากน้ำหลังสวน รีบวิ่งด่วนไม่จำเจ
สนุกไม่ว้าเหว่ เป้าหมายสู่เกาะพิทักษ์
สิบห้ากิโลเมตร วิ่งจนเข็ดเหน็ดเหนื่อยนัก
ไม่หวั่นเพราะใจรัก เพื่อเส้นชัยที่หมายปอง
ร้อนนักยามหน้าแล้ง ทะเลแห้งหาดทรายจอง
อย่าช้ารีบมาลอง ประเพณีวิ่งแหวกเอย
การอ่านบทร้อยแก้วและร้อยกรอง 6
ความหมายของการอ่านออกเสียง
การอ่านเป็นทักษะที่สำคัญเพราะชีวิตประจำวันเราจำเป็นที่จะต้องมีการติดต่อสื่อสาร
กัน นพดล จันทร์เพ็ญ (2531 : 75) ได้กล่าวว่า การอ่านออกเสียงคือ การเปล่งเสียงถ้อยคำ
และเครื่องหมายต่างๆที่เขียนไว้ออกมาใช้ถ้อยชัดคำและเป็นที่เข้าใจแก่ผู้ฟัง การอ่านออก
เสียงเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ระหว่างสายตา สมอง และการเปล่งเสียง คือ สายตาจะต้อง
จ้องตัวอักษรและเครื่องหมายต่างๆที่เขียนไว้ สมองจะประมวลเป็นถ้อยคำ แล้วจึงเปล่งเสียง
ออกมาอย่างสำเร็จรูป
วัตถุประสงค์ของการอ่านออกเสียง
การอ่านออกเสียงเป็นการเปล่งเสียงของตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ออกมา วรรณี โสม
ประยูร (2553 : 135-139 ) ได้กล่าวไว้หลายประการว่า
1) สามารถรู้จักตัวพยัญชนะ สระ และการประสมอักษร
2) สามารถอ่านออกเสียงตัวพยัญชนะ สระ และคำได้ถูกต้อง ชัดเจน โดยเฉพาะตัว ร
ล ว และคำควบกล้ำตางๆ
3) สามารถกวาดสายตาอ่านข้อความได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก ไม่เพิ่มตัว ไม่ข้ามคำ
4) สามารถอ่านเว้นจังหวะและวรรคตอนได้ถูกต้อง รู้จักการเน้นคำ
5) สามารถใช้น้ำเสียงแสดงอารมณ์ตามเนื้อเรื่อง เป็นแบบคำพูดหรือคำบรรยาย
6) สามารถวางท่าทางในการอ่านได้ถูกต้องเหมาะสม เช่น การจับหนังสือ การวาง
ระยะห่างจากสายตา การมองผู้ฟัง รวมทั้งท่านั่งและท่ายืนอ่านที่งดงาม
7) สามารถอ่านคำร้อยกรองให้สนุกสนาน เพลิดเพลินจากเสียงสัมผัสและความ
ไพเราะ ของภาษาที่เกิดจากทำนอง
8) สามารถอ่านทำนองเสนาะตามประเภทร้อยกรองได้
9) สามารถส่งเสริมให้เด็กสนใจและมีเจตคติที่ดีต่อวรรณคดี
7
ความสำคัญของการอ่าน
ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์(2545:2-3) ได้กล่าวว่า การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์
ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและช่วยสนองความอยากรู้อยากเห็น อันเป็นธรรมชาติของ
มนุษย์ได้ทุกเรื่อง ซึ่งมีอยู่ในทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภท โดยเฉพาะความอยากรู้ข้อมูล
ข่าวสารต่างๆ ใน โลกนี้มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เช่น มีข่าวความบันเทิง ข่าวความสุขความ
ทุกข์ ความสำเร็จ ผู้ก่อการร้ายวางระเบิด ข่าวกีฬาข่าวบุคคลสำคัญ ข่าวหลอกลวง ฯลฯ
หลักการอ่านออกเสียง
สุจริต เพียรชอบและสายใจ อินทรัมพรรย์ (2538:148-149) กล่าวถึงหลักการอ่าน
ออกเสียงดังนี้
1.น้ำเสียงต้องดัง ชัดเจนนุ่มนวลน่าฟังไม่เบาเกินไปหรือดังจนเกินไป
2.จังหวะในการอ่าน อ่านถูกต้องตามวรรคตอน การหยุดช่วงการหายใจ
3.ระดับเสียงนักเรียนควรจะได้ใช้ระดับเสียงให้เหมาะสมกับข้อความที่ อ่าน ไม่ใช้
ระดับเสียงเดียวซ้ำซาก ทำให้น่าเบื่อและไม่น่าฟัง
4.การเน้นคำและความที่สำคัญในการอ่านนั้น นักเรียนควรจะเน้นคำให้ ถูกต้อง ไม่
อ่านตกอ่านเกิน
5.สำเนียงในการอ่านดี ไม่เพี้ยนหรือเสียงหลง
6.อ่านถูกต้องตามอักขรวิธีและความนิยม
7.ท่วงทีและท่าทางในการอ่านดี ท่านั่งการจับหนังสือ การพลิกหน้า หนังสือ การก
วาดสายตา ควรเป็นไปอย่างเหมาะสม
8.อ่านออกเสียงเหมือนพูด อ่านแล้วใส่อารมณ์และความรู้สึกลงไปด้วย
9.ข้อความที่นำมาอ่านออกเสียงนั้นควรเป็นข้อความที่ดีมีสาระ
10.นักเรียนควรจะได้เตรียมตัวอ่านมาล่วงหน้า
8
ทักษะในการอ่านออกเสียง
นภดล จันทร์เพ็ญ (2537:78-80) กล่าวถึงทักษะการอ่านออกเสียงไว้ดังนี้
1.ความชัดเจน หมายถึงออกเสียงได้ชัดถ้อยชัดคำทั้งเสียงสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์การ
ควบกล้ำ
2.ความถูกต้อง หมายถึงการอ่านได้ออกเสียงได้ถูกต้องตามอักขรวิธี
3.ความคล่องแคล่ว หมายถึงความสามารถในการอ่านได้ต่อเนื่อง
4.การเว้นวรรคตอน หมายถึงการหยุดในช่วงของข้อความที่เหมาะสม
การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ (2551 : 6) กล่าวว่า การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หมายถึง การ
อ่านออกเสียงงานเขียนประเภทความเรียง โดยการเปล่งเสียงให้ถูกต้องตามหลักอักขรวิธี น้ำเสียง
จังหวะเสียงให้เป็นปกติเหมือนการพูด เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ไปสู่ผู้ฟัง ซึ่ง
จะทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปกับเรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยแก้วจะเป็นพื้นฐานสำคัญ
ของการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
งานเขียนร้อยแก้วที่จะนำมาฝึกอ่านมีหลายประเภท ในที่นนี้จะยกตัวอย่าง บทบรรยาย
และพรรณนา ดังต่อไปนี้
1.การอ่านคำบรรยาย บทบรรยายเป็นงานเขียนที่มีลักษณะอธิบายหรือบรรยายเหตุการณ์
เป็นขั้นตอนว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร ดังนั้นผู้อ่านจึงควรอ่านออกเสียงให้ชัดเจน เพื่อ
ให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องโดยตลอด
2.การอ่านบทพรรณนา บทพรรณนาเป็นงานเขียนที่สอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียน
ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความซาบซึ้ง ประทับใจ และคล้อยตาม โดยผู้เขียนเลือกใช้
ถ้อยคำที่ไพเราะ สร้างจินตนาการ ดังนั้น ผู้อ่านจะต้องออกเสียงอักขระให้ถูกต้องชัดเจน และอ่าน
โดยใช้น้ำเสียงให้เข้ากับเนื้อเรื่อง
การอ่านออกเสียงร้อยกรอง
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ (2551 : 12)กล่าวว่า การอ่านออกเสียงบมร้อยกรอง คือการอ่านบท
ร้อยกรองแต่ละประเภทให้ไพเราะตามลีลาอารมณ์ ทำนองฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองประเภท
นั้นๆ โดยผู้อ่านต้องฝึกฝนทักษะการอ่าน ฝึกการใช้น้ำเสียง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ จินตนาการ
ตามเนื้อเรื่อง
การอ่านร้อยกรอง อ่านได้ 2 แบบ
9
1.อ่านแบบธรรมดา เป็นการอ่านพูดเสียงธรรมดา ไม่มีทำนองเหมือนอ่านร้อยแก้ว แต่มีการแบ่ง
จังหวะวรรคตอนให้ถูกต้องตามขนิดของคำประพันธ์
2.อ่านแบบทำนองเสนาะ เป็นการอ่านออกเสียงที่มีทำนองอย่างไพเราะ มีเอื้อนเสียง เน้นสัมผัส
แข่งจังหวะตำนานคำ การอ่านตามฉันทลักษณ์คำประพันธ์
จุดมุ่งหมายของการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองทำนองเสนาะ
มนตรี ตราโมท (๒๕๒๗ : ๕o) กล่าวว่า การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองหรือการอ่าน
ทำนองเสนาะ เป็นการอ่านให้คนอื่นฟัง ฉะนั้นทำนองเสนาะต้องอ่านออกเสียง เสียงทำให้เกิด
ความรู้สึก ทำให้เห็นความงาม เห็นความไพเราะ เห็นภาพพจน์ ผู้ฟังสัมผัสด้วยเสียง จึงจะเข้าถึงรส
และความงามของบทร้อยกรองที่เรียกว่า อ่านแล้วฟังพริ้งเพราะเสนาะโสต การอ่านทำนองเสนาะ
จึงมุ่งมั่นให้ผู้ฟังเข้าถึงรสและเห็นความงามของบทร้อยกรอง
ศิลปะการอ่านทำนองเสนาะ จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้อ่าน และความไพเราะของ
บทประพันธ์แต่ละประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อ่านทำนองเสนาะจึงต้องอาศัยวิธีการอ่านให้
ไพเราะและต้องหมั่นฝึกฝนการอ่านให้เกิดความชำนาญ
หลักการฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ (2551 : 12-13) กล่าวว่า การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองให้ถูก
ต้องไพเราะ ควรคำนึงถึงหลักการอ่าน ดังนี้
1.ฝึกอ่านให้ถูกต้องตามทำนองและลีลาของลักษณะการประพันธ์
2.ฝึกอ่านออกเสียงอักขระ คำควบกล้ำ ให้ถูกต้องชัดเจน
3.ฝึกอ่านเอื้อดสียงสัมผัส เพื่อให้เกิดความไพเราะ
4.ฝึกอ่านให้เต็มเสียงและต่อเนื่อง ไม่ขาดเป็นห้วงๆ ฝึกสอดแทรกอารมณ์ให้สมกับเนื้อเรื่อง
5.ฝึกอ่านเว้นวรรคตอนให้เหมาะกับเนื้อหา บางครั้งต้องอ่านรวบคำ หรือผ่อนเสียงตาม
เนื้อหา
6.ฝึกอ่านจากครูผู้สอนที่มีทักษะในการอ่านที่ถูกต้อง หรือฝึกอ่านจากอุปกรณ์บันทึกเสียง
จะช่วยให้เข้าใจศิลปะการออกเสียง เช่น การเอื้อนเสียง การหลบเสียง การครั่นเสียง การกระแทก
เสียง การทอดเสียง เพื่อนำทักษะดังกล่าวมาปฏิบัติด้วยตนเอง
10
การเอื้อนเสียง หมายถึง การลากเสียงให้เข้าจังหวะและไว้หาง้สียงเพื่อความไพเราะ
การหลบเสียง หมายถึง การปรับระดับเสียงที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปพอดีกับระดับเสียง
ของตน
การครั่นเสียง หมายถึง การทำเสียงสะเทือน ให้สะดุด ฟังแล้วรู้สึกเศร้าสร้อย
การกระแทกเสียง หมายถึง การกระชากเสียงให้ดังกว่าปกติเพื่อแสดงอารมณ์ของบทอ่าน
เช่นโกรธไม่พอใจ หรือต้องการเน้นเสียงให้เห็นถึงเนื้อความที่เป็นการแสดงความรวดเร็ว ว่องไว
รุนแรง
การทอดเสียง หมายถึง การผ่อนเสียงคลายจังหวะให้ช้าลง
ตัวอย่าง การอ่านกลอนสุภาพ
วิธีการอ่านทำนองเสนาะประเภทกลอนสุภาพ
การแบ่งวรรคจังหวะในการอ่านของกลอนสุภาพแต่ละวรรค ลอนสุภาพจะแบ่งจังหวะการอ่าน คำ
ในแต่ละวรรคเป็น ๓ ช่วง ดังนี้ คือ
ถ้าวรรคละ ๖ คำ จะแบ่งอ่านเป็น ๒ -๒ -๒
ถ้าวรรคละ ๗ คำ จะแบ่งอ่านเป็น ๒ -๒ -๓
ถ้าวรรคละ ๘ คำ จะแบ่งอ่านเป็น ๓ -๒ -๓
ถ้าวรรคละ ๙ คำ จะแบ่งอ่านเป็น ๓ -๓ -๓
ตัวอย่าง
ถึงบางซื่อ / ชื่อบาง / นี่สุจริต เหมือนชื่อจิต / ที่พี่ตรง / จำนงสมร
มิตรจิต / ก็ขอให้ / มิตรใจจร ใจสมร / ขอให้ซื่อ / เหมือนชื่อบาง
(นิราศระบาท ของ สุนทรภู่)
11
มารยาทในการอ่าน
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ (2551 : 4 ) กล่าวว่า การอ่านเป็นทักษะการรับสารที่
สำคัญและจำเป็นในชีวิตประจำวัน เป็นเครื่องมือที่ใช้แสวงหาความรู้เพื่อให้ทันโลก ทัน
เหตุการณ์ ผู้อ่านควรมีมารยาทในการอ่าน ดังนี้
1.ไม่อ่านจดหมาย หนังสือ หรือสมุดบันทึกส่วนตัว (อนุทิน) ของผู้อื่น โดยไม่ได้รับ
อนุญาตเพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสียมารยาท
2.ในร้านขายหนังสือ บางแห่งจัดสถานที่สำหรับให้บุคคลทั่วไปได้นั่งอ่าน ซึ่งผู้อ่านควร
นั่งอ่านเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่คัดลอกข้อความ หรือฉีกกระดาษหุ้มปกหหนังสือใหม่ออกโดย
พลการและไม่แสดงพฤติกรรมต่างๆ ที่จะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้อื่น
3.ไม่ควรชะโงกศีรษะ เข้าไปยังหนังสือขณะที่ผู้อื่นกำลังอ่านอยู่
4.การอ่านออกเสียง ต้องอ่านด้วยเสียงที่ดังเหมาะสม หากอ่านในใจไม่ควรให้มีเสียง
หรือทำปากขมุบขมิบขณะอ่าน
5.เมื่ออยู่ในวงสนทนา หรือที่ประชุไม่ควรหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เพราะเป้นการเสีย
มารยาทแสดงถึงความไม่ใส่ใจ
ปักษ์ใต้
แบบฝึกเสริมทักษะ
แบบฝึกเสริมทักษะ 13
คำชี้แจง ให้นักเรียนฝึกอ่านออกเสียงจากข้อความที่กำหนดให้ และประเมินผล
การอ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด พระราโชวาท
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒
ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม
วันจันทร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
……………………………………………………..
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้า มา
ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย
มหาสารคาม ประจําปีนี้ ขอแสดงความชื่นชมต่อผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติ
และความสําเร็จ ทั้งขอขอบใจมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก ที่มอบปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
กิตติมศักดิ์ สาขาวิชา ภาษาตะวันออก แก่ข้าพเจ้า
การที่บัณฑิตได้สําเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนั้น มีความสําคัญต่อสังคมอย่างมาก
เพราะสังคมจะมีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้สูงเพิ่มขึ้นอีกเป็นจํานวนมาก มาช่วยกันสร้างสรรค์
ประโยชน์และความเจริญมั่นคง. บัณฑิตทุกคนจึงควรตระหนักถึงความสําคัญในข้อนี้ แล้วตั้งใจ
พยายามนําความรู้ที่มีอยู่ ไปใช้ให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์ ด้วยความเข้าใจ จริงใจ และเต็มใจ ที่
ว่าใช้ด้วยความเข้าใจนั้น คือเข้าใจว่า จะนําความรู้ใด ไปใช้ทําอะไร และต้องใช้อย่างไร ที่ว่าใช้
ด้วยความจริงใจ หมายความว่า มีความสุจริตบริสุทธิ์ใจ ที่จะนําความรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์
อย่างแท้จริง ไม่นําความรู้ไปบิดเบือนเพื่อให้บังเกิดผลในทางเสื่อมเสียหาย ที่ว่าใช้ด้วยความ
เต็มใจ หมายถึง ยินดีและสมัครใจ ที่จะนําความรู้ไปใช้โดยเต็มกําลังสติปัญญาความสามารถ จน
งานที่ทําสําเร็จผลเป็นประโยชน์ยั่งยืนแก่ตนแก่ส่วนรวม จึงขอให้บัณฑิตทุกคนพิจารณาเรื่องนี้ให้
ทราบชัด แล้วนําไปเป็นแนวทางปฏิบัติในการใช้ความรู้ ให้สมกับที่แต่ละคนเป็นทรัพยากรบุคคล
ที่มีคุณค่า ของสังคมสืบไป
แบบฝึกเสริมทักษะ 14
"ประเพณีตรุษไทย"
“ตรุษไทย” คืออะไร เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเกิดคำถามนี้ขึ้นมาเมื่อได้ยิน
ชื่อประเพณีดังกล่าว เพราะปกติเรามักจะคุ้นเคยกับประเพณีตรุษจีนเสียมากกว่า
ปัจจุบันตรุษไทยนิยมจัดขึ้นแค่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร โดยได้รับอิทธิพลมาจากประเทศ
อินเดียและเป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ประเพณีตรุษไทยเป็นประเพณีที่จัดขึ้นในวันแรม ๑๔ - ๑๕ ค่ำ เดือน
๔ และวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ รวม ๓ วัน โดยถือเอาวันแรก คือ วันแรม ๑๔ ค่ำ เป็น
วันจ่าย เพื่อตระเตรียมสิ่งของไว้ทำบุญ และวันที่ ๒ คือ วันแรม ๑๕ ค่ำ เป็นวันทำบุญ
ตักบาตร มีการละเล่นสนุกสนานตามประเพณีท้องถิ่น จนถึงวันที่ ๓ คือ วันขึ้น ๑ ค่ำ
เดือน ๕ ประเพณีวันตรุษไทยยังคงหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอท่าแซะและ
อำเภอเมืองชุมพร ชาวบ้านในพื้นที่มีการเตรียมขนมไทย ผลไม้ อาหาร เพื่อทำบุญ
ตักบาตร ทำบุญร่วมญาติ มีการทำอาหารไทย ประจำถิ่น แต่งกายด้วยผ้าไทย มีการ
ละเล่นพื้นบ้าน ส่วนกลางคืนจะมีการประกวดร้องเพลง การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม
รวมถึงมวยไทยอีกด้วย ซึ่งถือเป็นประเพณีที่มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนถึง
ปัจจุบัน
แบบฝึกหัดที่ ๓ 15
คำชี้แจง ให้นักเรียนขีดเส้นแบ่งจังหวะวรรคตอนจากบทประพันธ์ร้อยกรองที่
กำหนดให้ถูกต้อง
อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวิไลละวาดงาม
แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม
ย่อมจำนงศิลปะสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา
อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย
ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ
แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ
เพราะการช่างนี้สำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่มา: บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา หนังสือวรรณคดีวิจักษ์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
แบบฝึกเสริมทักษะ 16
"ประเพณีเทิดพระเกียรติกรมหลวงชุมพร"
เทิดพระเกียรติ “เสด็จเตี่ย” หาดทรายรี ประเพณี คู่ชุมพร ตามประสงค์
สร้างอนุสาวรีย์เทิดพระองค์ เกียรติวงศ์ “อาภากร” ระบือนาม
ธ ทรงเป็นพระบิดาทัพเรือไทย เชิดชูในหมู่ทหารน่าเกรงขาม
สิ้นพระชนม์ด้วยหวัดใหญ่ไข้คุกคาม คงพระนามพลเรือเอกประจักษ์มน
สร้างความรักสามัคคีในท้องถิ่น เป็นอาจิณปฏิบัติบังเกิดผล
ประดิษฐานหล่อพระรูปฯ ในชุมชน ชาวชุมพรทุกคนล้วนศรัทธา
17
บรรณานุกรม
นพดล จันทร์เพ็ญ. (2531).การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : ต้นอ้อ.
นพดล จันทรเพ็ญ. (2535).การใช้ภาษาไทย. กรงเทพฯ : โรงพิมพ์แสงศิลป์การพิมพ์.
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ.(2551).หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและ
การใช้ ภาษา ไทย กลุ่มการเรียนรู้ภาษาไทย ม.2.พิมพ์ครั้งที่ 14.กรุงเทพฯ:อักษรเจริญทัศน์.
มนตรี ตราโมท.(2527).โสมส่องแสง:ชีวิตดนตรีของมนตรีตราโมท.กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการ
พิมพ์
วรรณี โสมประยูร.(2553).เทคนิคการสอนภาษาไทย. กรุงเทพฯ : ดอกหญ้าวิชาการ.
ฉวีวรรณ คูหาภินันท์.(2545).การอ่านและการส่งเสริมการอ่าน.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ :
โสภณการพิมพ์.
สุจริต เพียรชอบและสายใจ อินทรัมพรรย์.(2523).วิธีสอนภาษาไทยระดับ
มัธยมศึกษา.กรุงเทพฯ : ไทย วัฒนาพานิช.
บทที่ ๒
"เรียงร้อยถ้อยอักษรา สู่ภูมิปัญญา ชุมพร"
สาระการเขียน
ตัวชีวัด ท ๒.๑ ม ๒/๔ เขียนย่อความ
วัตถุประสงค์ ม ๒/๘ มารยาทในการเขียน
1.นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจจากเรื่องการเขียนย่อความจากสื่อต่างๆ
2.นักเรียนสามารถเขียนย่อความจากสื่อต่างๆได้
3.นักเรียนมีมารยาทในการเขียน
19
เปิดประตูสู่"ภาคใต้"
เวลาผ่านไปห้าชั่วโมง พ่อขับรถจากกรุงเทพฯ มาถึงอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
ส้มจุกกับส้มใสไม่รู้สึกว่านานเลย เพราะทั้งสองหลับสนิทตลอดทาง เจ้าด่างสุนัขไทย
หลังอานของคุณปู่สมพรร้องทักทายมาแต่ไกล เมื่อเห็นรถยนต์เคลื่อนที่เข้ามาจอดใน
ลานหญ้าหน้าบ้าน เวลาผ่านไปสี่เดือนเจ้าด่างยังจำสองพี่น้องฝาแฝดได้ดี พร้อม
กระโจนเข้าใส่ด้วยความคิดถึง ส้มจุกกับส้มใสกล่าวสวัสดีคุณปู่สมพรแล้วสวมกอดด้วย
ความคิดถึงเช่นกัน สองพี่น้องยังคงอ่อนเพลียจากการเดินทาง แต่ก็ยังตื่นเต้นไม่หาย
พร้อมรบเร้าคุณปู่สมพรให้พาไปเที่ยวอีกเช่นเคย คุณปู่สมพรรู้ความประสงค์ของหลาน
ก็ไม่รอช้า รีบเตรียมรถบรรทุกปาล์มคู่ใจก่อนจะพาหลาน ๆ ออกไปเรียนรู้วิชานอกชั้น
เรียนในวันถัดไป “คุณปู่จะพาพวกเราไปเที่ยวที่ไหนคะ” ส้มใสน้องสาวฝาแฝดของส้ม
จุกรีบถามคุณปู่ด้วยความสงสัย เพราะเป็นเด็กช่างซักช่างถามมาตั้งแต่เล็ก ๆ “พรุ่งนี้ปู่
จะพาหลานไปเที่ยวถ้ำรับร่อ สถานที่สำคัญในอำเภอท่าแซะของเรา แต่ตอนนี้หลานที่
น่ารักของปู่ทั้งสองรีบเข้านอนเถิด พรุ่งนี้จะได้มีแรงเที่ยวเยอะ ๆ” ส้มจุกกับส้มใส
ได้ยินดังนั้นก็พากันเข้านอน เตรียมชาร์จพลังไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
20
"ประเพณีสวดหาดลอยแพ"
สวดหาดลอยแพนี้ ประเพณีที่หลังสวน
เดือนสิงหาเชิญชวน ร่วมพิธีโบราณกัน
ชาวบ้านร่วมทำแพ เชิญมาแลงานสำคัญ
พระสวดพาณยักษ์พลัน สืบทอดมาแต่โบราณ
แป้งปั้นตุ๊กตา ใส่ตะกร้าลอยลำธาร
ธูปเทียนกระยาหาร จัดขึ้นแพลอยน้ำใส
ขับไล่สิ่งชั่วร้าย เคราะห์ทั้งหลายจงออก
ไป
ทิ้งทุกข์ลอยไปไกล เกาะพิทักษ์สุขสำราญ
21
เอ้ก อี้ เอก เอ้ก เสียงไก่ขันยามเช้าตรู่ปลุกสองแฝดให้ตื่นจากความฝัน ทันใดนั้นก็ได้กลิ่น
หอมตลบอบอวล คละคลุ้งเตะจมูก คุณปู่สมพรตระเตรียมอาหารประจำถิ่นชุมพรเอาไว้รอทุก
คนแล้ว มีทั้งแกงส้มทุเรียนกุ้งสด เมี่ยงคำสมุนไพร แกงเลียงสมุนไพร ตบท้ายด้วยของหวาน
อย่างผลิตภัณฑ์กล้วยเล็บมือนาง ของดีเมืองชุมพร ส้มจุกกับส้มใสรับประทานอาหารจนอิ่ม
หนำ ก่อนจะช่วยคุณปู่เก็บกวาดครัว ล้างจาน เก็บโต๊ะอาหารให้เข้าที่เข้าทาง เพราะแม่เคย
สอนไว้เสมอว่าอยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น คุณปู่ทำกับข้าวที่
แสนอร่อยให้ทานแล้ว ส้มจุกกับส้มใสจึงตอบแทนโดยการช่วยกันเก็บกวาดบ้านจนสะอาด
เรียบร้อย
ได้เวลาเดินทางแล้ว ระหว่างทางคุณปู่เล่าให้ฟังว่า ช่วงเดือนสิงหาคมจะมีประเพณี
สวดหาดลอยแพ ชาวบ้านในอำเภอหลังสวนจะมาช่วยกันทำแพและจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร
นำแป้งมาปั้นเป็นรูปตุ๊กตาใส่ลงในแพแล้วลอยไปตามสายน้ำ โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่า
เป็นการลอยทุกข์โศกและสิ่งชั่วร้ายออกไป ส้มจุกจำได้ลาง ๆ ว่าตอนเด็ก ๆ เคยมาร่วมฟัง
สวดพาณยักษ์ด้วย เป็นการสวดที่ดุร้ายในความทรงจำของส้มจุกเพราะพระสงฆ์จะใช้น้ำเสียง
กระแทก เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปนั่นเอง เมื่อถึงถ้ำรับร่อคุณปู่ก็เล่าให้ฟังอีกว่าในตำบลรับ
ร่อ อำเภอท่าแซะ มีชาวอีสานอพยพเข้ามามากมายและได้นำเอาประเพณีมาปฏิบัติกันใน
ชุมชนอีกด้วย นั่นคือประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อขอฝน เป็นพิธีกรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างช้า
นานจนถึงปัจจุบัน เที่ยวจนเหนื่อยแล้วคุณปู่สมพรจึงพาส้มจุกกับส้มใสกลับบ้านไปพักผ่อน
อย่างสบายใจ
23
การย่อความ
ความหมายของการย่อความ
การย่อความเป็นทักษะที่ต้องใช้ความผสมผสานระหว่างทักษะการฟัง การอ่าน และ
การเขียน ประกอบกัน อัจฉรา ชีวพันธ์ (2523 : 41) ได้ให้ความหมายของหารย่อความไว้ว่า
การย่อความ หมายถึง การสรุปเรียบเรียงใจความสำคัญของเนื้อหาสาระจากเรื่องต่างๆ ให้มี
ความกะทัดรัดง่ายก่การทำความเข้าใจ การย่อแต่ละครั้งต้องมีรูปแบบของการย่อ เพื่อใช้เป็น
แนวทางสำหรับการค้นคว้าที่มาของเรื่องที่ย่อกว่านั้น
วิโรจน์ มังคละมณี (2547 : 188) ได้ให้ความหมายของการย่อความไว้ว่า การย่อความ
หมายถึง การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาย่อ โดยการตัดคำขยายต่างๆ ออกไป เหลือแต่
ใจความที่เราต้องการ
24
ลักษณะของการย่อความ
ไพรถ เลิศพิริยกมล (2543: 59) กล่าวถึงลักษณะสำคัญของการย่อความไว้ดังนี้
1.เป็นการเรียบเรียงเนื้อความใหม่ โดยใช้สำนวนภาษาของผู้เขียนเองทั้งหมด แต่ต้อง
คำนึกถึงความถูกต้องในการใช้ภาษาด้วยเสมอ เช่น การใช้ศัพท์ การผูกประโยค เป็นต้น
2.ตัดพลความ ซึ่งมีความสำคัญน้อยออกไปคงไว้เฉพาะแต่ใจความสำคัญ ซึ่งหากตัดทิ้ง
ไปจะทำให้เสียความหรือเข้าใจยาก
3.ต้องพยายามคงน้ำเสียงของข้อเขียนนั้นๆ เอาไว้เหมือนเดิม เช่นลักษณะการประชด
ประชัน อารมณ์สะเทือนใจต่างๆ เป็นต้น
4.ขนาดของย่อความ มีลักษณะที่ไม่จำกัดแน่นอนตายตัวว่าควรจะย่อเหลือเท่าไร ขึ้น
อยู่กับความต้องการของผู้ย่อและประโยชน์ที่จะนำไปใช้ โดยทั่วไปย่อความมี 2 ขนาด คือ
4.1.ขนาดปกติ ย่อเหลือ 1 ใน 3 ของเนื้อความเดิมหรืออย่างมากไม่เกินครึ่ง
หน้า
4.2.ขนาดสั้น อาจย่อเหลือเพียง 2-3 บรรทัดตามธรรมดา การย่อความ โดย
ทั่วไปจะย่อตามขนาดปกติ เว้นไว้แต่ว่า โจทย์หรือข้อสอบจะสั่งเป็นอย่างอื่น
5.การขึ้นต้นย่อความมีรูปแบบเฉพาะตัว ผู้ย่อควรจะได้ศึกษาและใช้ให้ถูกต้อง มีหลัก
กว้างๆ ว่าต้องพยายามเขียนให้ชัดเจนว่า ย่ออะไร ของใคร ที่ไหน เมื่อไหร่
25
องค์ประกอบของการเขียนย่อความ
ไพรถ เลิศพิริยกมล (2543 : 100) กล่าวว่า การย่อความแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนขึ้นต้นและส่วนเนื้อหา มีรายละเอียดดังนี้
1.ส่วนขึ้นต้อนของย่อความ เป็นตอนที่กล่าวถึงรายละเอียดทั้งหมดของสารหรือข้อ
เขียนที่จะนำมาย่อ ผู้ย่อต้องอ่านรายละเอียดส่วนนี้ให้ครบถ้วน หลักสำคัญในการตรวจสอบ
ข้อความส่วนขึ้นต้นของย่อความ ดังนี้
1.1.สารหรือข้อเขียนที่จะย่อเป็นสารชนิดใด โดยศึกษาจากการแบ่งสารไว้อย่าง
ละเอียดแล้ว ดังนั้น เมื่อเห็นสมควรแยกชนิดของสารได้ทันที เช่น ประกาศ คำสั่ง บทความ
บันทึก ข่าว คำแนะนำ แถลงการณ์ จดหมาย บทละคร เรื่องสั้น เป็นต้น
1.2.การขึ้นต้นย่อความจะเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะเฉพาะของสารแต่ละชนิด
1.3.คำขึ้นต้นย่อความจะต้องบอกรายละเอียดให้มากที่สุด โดยทั่วไปควรตั้งคำถามไว้
ในใจ เพื่อตรวจสอบหารายละเอียดของสาร เช่น เป้นสารชนิดใด ของใคร เรื่องอะไร จากที่ใด
วัน เดือน ปี อะไร หากมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นเพิ่มขึ้นก็ลงรายละเอียดนั้นด้วย
2.เนื้อหาที่จะย่อ เป็นส่วนที่มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะและชนิดของสารโดย
ทั่วไปความยาวของเนื้อหาเมื่อย่อเสร็จแล้วจะประมาณ 1 ใน 3 ของเรื่องเดิม
26
หลักการย่อความ
นพดล จันทร์เพ็ญ (2535 : 99 ) ได้กล่าวถึงหลักการย่อความไว้ ดังนี้
1.อ่านที่ย่ออย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกให้รู้อย่างคร่าวๆ ว่าเรื่องอะไร ใครทำอะไร ที่ไหน
อย่างไร รอบที่สองอ่านจับใจความอย่างละเอียด
2.พิจารณาเรื่องทั้งหมดว่าอะไรเป็นสาระสำคัญอะไรเป็นส่วนประกอบ หรือพลความ อะไร
เป็นส่วนเสริมแต่งหรือกลวิธี
3.ตัดพลความหรือส่วนประกอบต่างๆ ออก เอาไว้แต่สาระสำคัญ สรุปเป็นข้อความใหม่โดย
ใช้คำของเราเอง
4.การย่อไม่มีเกณฑ์กำหนดว่าจะย่อให้เหลือกี่ส่วนจากข้อความเดิม ถ้าพลความมากก็จะย่อ
เหลือน้อย
5.เลือกใช้คำที่มีความหมายเหมาะสมชัดเจน บางที่อาจใช้วลีแทนประโยคหรือใช้คำแทนวลี
ได้
6.คำพูดโต้ตอบของบุคคล ให้เก็บใจความสำคัญย่อรวมกันไป ไม่แยกกล่าวหรือขึ้นบรรทัด
ใหม่ ไม่ใช้เครื่องหมายใดๆ
7.เรื่องที่ย่อเป็นเรื่องที่ผู้อ่านพูดกัน ผู้ย่อทำหน้าที่นำมาเล่าต่ออย่างย่อ จึงใช้สรรพนามบุรุษที่
3 ทั้งหมด
8.ถ้าในเรื่องเดิมมีราชาศัพท์เป็นความสำคัญ เมื่อย่อแล้วก็ต้องใช้ราชาศัพท์ด้วย
9.การใช้คำสันธานเพื่อช่วยให้กระชับไม่เยิ่นเย้อ
10.การย่อความไม่จำเป็นต้องใช้อักษรย่อ
11.เขียนใจความที่ย่อได้แล้วต่อเนื่องกันไปโดยไม่ต้องย่อหน้า เว้นแต่ความไม่สัมพันธ์กันให้
แยกเป็นตอนๆ
12.ถ้าข้อความเดิมเป็นบทร้อยกรองให้ย่อเป็นร้อยแก้ว
13.รูปแบบของการย่อความขึ้นอยู่กับประเภทของเรื่องที่จะนำมาย่อ
27
ประโยชน์ของการย่อความ
ฐะปะนีย์ นาครทรรพและคณะ (2549 : 168) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการย่อความ
ไว้ดังนี้
1.การย่อความ คือ การอ่าน ฟัง และดูเพื่อจับใจความสำคัญ ดังนั้นการย่อความจึง
ช่วยให้เข้าใจเรื่องที่อ่าน ฟัง และดูยิ่งขึ้น
2.การย่อความสามารถบันทึกเรื่องราวที่อ่านหรือฟังได้อย่างรวดเร็ว เป็นการบันทึก
เพื่อเตือนความจำได้ดี
3.ความรู้ต่างๆในโลกมีมากมายไม่อาจสามรถบันทึกจดจำได้หมด การย่อความจะ
ทำให้ผู้เรียนย่นเวลาในการศึกษา แสวงหาความรู้
4.ช่วยให้คำตอบได้ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ ได้ใจความสำคัญ รวบรัด รวดเร็ว เพราะ
พูดมากเขียนมาก เสียเงินเสียเวลามาก ต้องย่อความสั้นๆ ตรงประเด็น
ตัวอย่าง ข้อความต่อไปนี้ แสดงประโยคใจความหรือข้อความสำคัญด้วยตัวพิมพ์หนา ส่วน
พลความแสดงด้วยตัวพิมพ์ธรรมดา
วัฒนธรรมไทยนั้น เด็กทารกให้นอนในเปล เปลที่ให้เด็กนอนนั้น นอกจากบอก
ความสบายใจแล้ว ยังบ่งบอกฐานะของครอบครัวอีกด้วย เช่น ครอบครัวที่มีฐานะทาง
เศรษฐกิจดี ก็จะมีเปลที่ประดิษฐ์ด้วยวัสดุที่มีราคา ครอบครัวฐานะปานกลาง บางครอบครัว
อาจซื้อเปลที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมาใช้ แต่บางครอบครัวก็ทอเปลใช้เอง ส่วนครอบครัวที่
ฐานะไม่ดีอาจใช้ผ้าขาวม้าหรือผ้าที่มีขนาดใหญ่และมีขนาดยาวพอสมควร นำมาผูกไว้เป็นเปล
ระหว่างเสาบ้าน ๒ ต้น หรือผูกไม้ระหว่างเสาบ้าน ๒ ต้น
การดื่มสุราและสูบบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี ทั้งเปลืองเงินเปลืองทองและเป็นการทำลาย
ชีวิตและสุขภาพ การดื่มสุราเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อรังมากกว่า ๖๐ ชนิด การดื่มสุรา
เป็นสาเหตุอันดับ ๑ ของ อุบัติเหตุจราจร ซึ่งร้อยละ ๕๐ เกิดจากการเมาแล้วขับ ส่วนการสูบ
บุหรี่เป็นการเร่งให้เสียชีวิตเร็วกว่าที่ควร ทำให้เกิดโรคเรื้อรังทุกข์ทรมาน เช่น มะเร็งปอด โรค
ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมอง
ประโยคใจความจากตัวอย่างข้างต้น อาจไม่ใช่ประโยคที่กะทัดรัด จึงสามารถตัดคำ แต่งคำ 28
รวมคำ เพื่อให้ได้ข้อความที่สละสลวยขึ้น ดังต่อไปนี้
๑. “ในวัฒนธรรมไทยนั้น เด็กทารกให้นอนในเปล เปลที่ให้เด็กนอนนั้น นอกจากจะบอก
ความสบายแล้ว ยังบ่งบอกฐานะของครอบครัวอีกด้วย”
ย่อเป็น “เด็กไทยนอนเปลและเปลนั้นให้ความสบายและบ่งบอกฐานะของครอบครัวด้วย”
๒. “”การดื่มสุราและบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดีสิ้นเปลืองเงินทอง ทำลายชีวิตและสุขภาพ”
ย่อเป็น “การดื่มสุราและบุหรี่ทำให้สิ้นเปลือง ทำลายชีวิตและสุขภาพ”
วิธีการย่อความ
๑. อ่านเรื่องที่ย่อให้ละเอียด แล้วจับใจความรวมของเรื่อง เช่น อ่านให้รู้ว่า ใครทำอะไร
ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำอย่างไร และเหตุใดจึงทำ ควรจัดลำดับของเรื่อง เหตุการณ์ หรือเวลาให้
ชัดเจน
๒. แยกข้อความที่อ่านในแต่ละย่อหน้า และจับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ว่าแต่ละย่อหน้า
ว่าด้วยเรื่องอะไร เขียนบันทึกสรุป และอ่านทวนทุกย่อหน้าจนครบ
๓. ข้อความที่ย่อแล้วใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ ไม่ใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ และที่ ๒ ถ้าจำเป็นต้อง
เอ่ยถึงผู้เกี่ยวข้องในเรื่องที่ย่อนั้นให้ใช้ชื่อโดยตรง
๔. รายละเอียดบางประเด็น เช่น ตัวอย่าง ถ้อยคำฟุ่มเฟือย คำศัพท์ที่ทำให้เรื่องนั้นยาว
เยิ่นเย้อให้ตัดทิ้ง แต่ถ้ามีรายละเอียดที่มีสาระสำคัญสอดคล้องและสนับสนุนใจความสำคัญให้
นำมาพิจารณารวมไว้ในเนื้อหาของย่อความนั้นด้วย
๕. ถ้าข้อความใช้คำราชาศัพท์ เมื่อย่อยังคงใช้ราชาศัพท์นั้น
๖. ไม่ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ และไม่ย่อคำโดยใช้อักษรย่อหรือคำย่อ
๗. หาถ้อยคำใหม่แทนคำบางกลุ่ม หรือเพื่อให้ความหมายเท่าเดิมแต่ลดคำลง เช่น ใช้คำว่า
พระรัตนตรัย แทน พระพุทะ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้น
๘. นำข้อความที่เป็นสาระสำคัญของแต่ละย่อหน้ามาเรียบเรียงด้วยภาษาของตนเองให้มี
ความต่อเนื่องกัน โดยใช้คำเชื่อมเพื่อให้เนื้อความสัมพันธ์กัน ควรใช้สำนวนภาษาที่สั้น
กะทัดรัด ได้ใจความ ไม่จำเป็นจะต้องคงลำดับของเรื่องเดิมไว้ อาจสลับลำดับความใหม่ตามที่
เห็นเหมาะสม
๙. อ่านทบทวนแก้ไขให้เรื่องที่ย่อนั้นมีความเนื้อความต่อเนื่องกันดี มีใจความสำคัญและ
สาระของเรื่องครบถ้วนถูกต้อง
29
ตัวอย่างการย่อความร้อยแก้ว
ตัวอย่างการย่อความร้อยแก้วย่อบทความเรื่องออมไว้ใส่ถุงแดง ของศิริภรณ์ จิรั
ปปภา จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิวิธภาษา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้า๑๘-๒๐ มีใจความว่า
เงินถุงแดงเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงได้รับจากการค้าขายกับต่างประเทศ และทรงเก็บไว้ในถุงแดงพระองค์ทรงนำเงินส่วนหนึ่ง
มาทำนุบำรุงพระศาสนาและสำรองไว้เป็นเงินแผ่นดินในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้เงินถุงแดงชดใช้เป็นค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศสในเหตุการณ์
กรณีพิพาทเรื่องดินแดน ร.ศ.๑๑๒ ทำให้ไทยสามารถรักษาอธิปไตยไว้ได้ คนไทยควรดำเนิน
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้จ่ายเงินให้เหมาะสม
และออมเงินไว้ใช้ในคราวจำเป็น
ตัวอย่างการย่อความร้อยกรอง
เนื้อเรื่องคำประพันธ์บทหนึ่งที่จะนำมาย่อความอยู่ในกลอนบทละครเรื่องพระร่วง
มีชื่อว่า “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น”พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น จะสามารถป้องกันขันแข็ง,
ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง มายุทธ์แย้งก็จะปลาตไป
ขอแต่เพียงไทยเราอย่าผลาญญาติ; ร่วมชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่:
ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย, จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง.
ให้นานาภาษาเขานิยม ช่วยกันบำรุงความรุ่งเรือง,
ชมเกียรติยศฟูเฟื่อง; ให้ชื่อไทยกระเดื่องทั่วโลกา.
ช่วยกันเต็มใจใฝ่ผดุง บำรุงทั้งชาติศาสนา,
ให้อยู่จนสิ้นดินฟ้า: วัฒนาเถิดไทย, ไชโย !
บทละคร “พระร่วง” พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
30
ก่อนนำเนื้อความจากคำประพันธ์ “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น” ไปย่อความนั้นต้องถอดความ
ก่อนดังนี้
เมื่อใดที่คนไทยพร้อมใจกัน รวมกำลังให้มั่นคง เข้มแข็ง ไม่แตกความสามัคคี ไม่ทำร้ายคน
ไทยด้วยกันเอง เมื่อนั้นคนไทยจะสามารถต่อสู้ข้าศึกที่เข้ามารุกรานประเทศได้ คนไทยต้อง
ร่วมมือ รวมพลังใจให้เป็นหนึ่งเดียว หมั่นทำนุบำรุงประเทศชาติและพระศาสนาให้เจริญ
รุ่งเรืองก้องไปทั่วโลก ให้นานาประเทศยกย่องสรรเสริญคนไทยและประเทศไทยไปทั่วโลกหลัง
จาก
ถอดความคำประพันธ์แล้ว นำข้อความมาย่อความใหม่ได้ดังนี้
ย่อคำประพันธ์ “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น” ในบทละครพูดคำกลอนเรื่องพระร่วง พระราชนิพนธ์
ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๕๓๗ มีใจความว่า
คนไทยทุกคนต้องมั่นคง เข้มแข็ง จึงจะสามารถต่อสู้ข้าศึกศัตรูที่เข้ามารุกรานประเทศไทย
ได้ อย่าแตกความสามัดดี อย่ามุ่งทำร้ายกันเอง นอกจากนั้นยังต้องรวมพลังใจให้เป็นหนึ่ง
ต้องทำนุบำรุงชาติและพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง นานาประเทศก็จะยกย่อง สรรเสริญคน
ไทยและประเทศไทยไปทั่วโลก
มารยาทในการเขียน
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ (2551 : 45) กล่าวถึงมารยาทในการเขียนไว้ว่า
1.เขียนให้ถูกต้องตามอักขรวิธี เรียบเรียงประโยคให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ใช้
ถ้อยคำที่เหมาะสมกับเนื้อหา กาลเทศะ และสถานะของบุคคล
2.เขียนสิ่งที่เป็นจริง ศึกษา ค้นคว้า และตรวจสอบว่าสิ่งที่เขียนถูกต้องแล้ว ถ้าเขียน
เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของเรื่องเสียก่อน
3.เขียนด้วยความรับผิดชอบ ถูกศีลธรรม จรรยา จารีต ประเพณี ไม่เขียนเรื่องที่จะ
ทำให้สังคมส่วนรวมได้รับความเดือดร้อน เสียหาย หรือนำไปสู่การแตกความสามัคคี
4.ใช้ถ้อยคำสุภาพไพเราะ หลีกเลี่ยงคำหยาบ ไม่ใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตนหรืออคติ
วิจารณ์ผู้อื่น
5.เขียนสิ่งที่มีคุณค่าก่อให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชาติ เขียนสิ่งที่จะก่อให้เกิดองคื
ความรู้ใหม่ที่มีผลต่อการพัฒนาชาติ
6.ไม่คัดลอกงานเขียนของผู้อื่น แต่เมื่อนำข้อความหรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบจะ
ต้องให้เกียรติเข้าของผลงานด้วยการเขียนอ้างอิงที่มาของเรื่องและชื่อผู้เขียนทุกครั้ง
แบบฝึกเสริมทักษะ
32
คำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้
๑.การเขียนย่อความมีประโยชน์อย่างไร
๒.การเขียนย่อความสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
แบบฝึกเสริมทักษะ 33
คำชี้แจง ให้นักเรียนย่อความจากบทความที่กำหนด
"ประเพณีบุญบั้งไฟ"
หากพูดถึงจังหวัดชุมพรคงจะมีเรื่องราวแปลก ๆ มากมายที่ทำให้พิศวงใจอยู่ไม่น้อย เรื่องบาง
เรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะมีก็มักจะเกิดขึ้นได้ในจังหวัดชุมพร เรียกได้ว่าเป็นจังหวัดที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยที
เดียว กับประเพณีวัฒนธรรมแปลก ๆ ที่สืบสานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ อย่างเช่นประเพณีบุญบั้งไฟ
หลายคนได้ยินก็ชวนให้สงสัย อยากสืบเสาะตามหาความจริงว่าประเพณีดังกล่าวมีความเป็นมาอย่างไร
ทำไมประเพณีของทางภาคอีสาน ถึงมาปรากฏเด่นชัดอยู่ในจังหวัดชุมพร
งานประเพณีบุญบั้งไฟนี้พบได้ในอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดเดียวในภาค
ใต้ที่มีประเพณีของทางภาคอีสานเข้ามาปะปนอยู่ โดยมีประชากรชาวอีสานอพยพเข้ามาในพื้นที่ตำบล
รับร่อ และได้นำเอาวิถีชีวิตความเป็นอยู่เข้ามา รวมถึงประเพณีประจำภาค ชาวอีสานมีความเชื่อว่า
ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต จึงไม่ละเลยที่จะปฏิบัติ
สืบต่อกันมา และยังเชื่ออีกว่าหากไม่ปฏิบัติตามแบบขนบเดิม ก็อาจจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นในชุมชนได้
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
34
บรรณานุกรม
ฐะปะนีย์ นาครทรรพและคณะ.(2549).หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษา ไทย ภาษาไทย ม.2.พิมพ์ครั้งที่ 8.กรุงเทพฯ:อักษรเจริญทัศน์.
นพดล จันทร์เพ็ญ.(2535).การใช้ภาษาไทย.กรุงเทพฯ:ต้ออ้อ.
วิโรจน์ มังคละมณี.(2546).ภาษาไทยพื้นฐาน.กรุงเทพฯ:ประสานมิตร
ไพรถ เลิศพิริยกมล.(2543).การย่อความ.กรุงเทพฯ:สุวีริยาสาสน์.
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ.(2551).หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและการใช้
ภาษาไทย กลุ่มการเรียนรู้ภาษาไทย ม.2.พิมพ์ครั้งที่ 14.กรุงเทพฯ:อักษรเจริญทัศน์.
อัจฉรา ชีวพันธ์.(2531).ศาสตร์ของการสอนภาษาไทย.กรุงเทพฯ:คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
บทที่ ๓
"ฟังพูดอ่านดู เปิดประตูสู่ชุมพร"
สาระการฟัง การดู และการพูด
ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม ๒/๑ พูดสรุปใจความสำคัญของเรื่องที่ฟังและดู
ม ๒/๖ มีมารยาทการฟัง การดู และการพูด
วัตถุประสงค์
๑.ผู้เรียนสามารถสรุปความสำคัญจากเรื่องที่ฟังและดูได้
๒.ผู้เรียนสามารถพูดสรุปความสำคัญจากเรื่องที่ฟังและดูได้
๓.นักเรียนเห็นความสำคัญของการพูดสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดู
๔.ผู้เรียนมีมารยาทที่ดีในการฟัง การดู และการพูด
36
โอโห....ปักษ์ใต้บ้านเรา
เช้าวันที่สอง ณ อำเภอท่าแซะบ้านของคุณปู่สมพรกับบรรยากาศอันร่มรื่นสงบสุข
มีต้นไม้รายล้อม มีอากาศที่บริสุทธิ์ไร้ซึ่งฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศ สูดลมหายใจ
เข้าปอดได้เต็มที่ พื้นที่หลังบ้านของคุณปู่สมพรมีสวนปาล์มกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา
ถัดไปจากสวนปาล์มก็เป็นสวนยางพาราที่คุณปู่สมพรปลูกไว้ เรียกได้ว่าเขียวชอุ่มไปทั่ว
ทุกพื้นที่ หันไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้สบายตาซึ่งหาดูได้ยากมากในเมืองหลวงบ้านของ
สองแฝด วันนี้คุณปู่สมพรต้องเข้าสวนไปเก็บปาล์มเพื่อนำไปขาย จึงไม่มีเวลาว่างพา
ส้มจุกกับส้มใสไปเที่ยว แต่คุณปู่สมพรก็ไม่ยอมปล่อยให้วันหยุดของหลาน ๆ ผ่านไป
โดยเปล่าประโยชน์และคุณปู่สมพรมักจะบอกหลาน ๆ เสมอว่าเวลาและวารีไม่เคย
คอยใคร อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำจะได้ไม่ต้องมาเสียดายในภายหลัง คุณปู่สมพรได้
นัดแนะกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่า อีกสองวันที่เหลือจะให้ไกด์ไก่เพื่อนของคุณปู่สมพรเป็น
คนพาส้มจุกกับส้มใสไปเที่ยว ไกด์ไก่เป็นผู้เชี่ยวชาญมากที่สุดในชุมพร รู้จักสถานที่
สำคัญในอำเภอต่าง ๆ เป็นอย่างดี
วันนี้ไกด์ไก่พาส้มจุกกับส้มใสไปเที่ยวชมโรงงานกาแฟเขาทะลุ อำเภอสวี ได้เห็น
กรรมวิธีต่าง ๆ ในการผลิต กว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟเขาทะลุได้นั้นต้องผ่าน
กระบวนการหลายวิธี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชุมพรจึงขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติกาแฟที่
อร่อยไม่ซ้ำใคร ระหว่างเดินทางกลับไกด์ไก่ยังเล่าเรื่องประเพณีกองตายายให้ส้มจุกกับ
ส้มใสฟังอีกด้วย ประเพณีกองตายายเป็นพิธีกรรมที่อิงอยู่กับความเชื่อเรื่องผี
บรรพบุรุษ จัดขึ้นเพื่อเคารพบรรพบุรุษผู้ที่ยังมีชวิตอยู่และรำลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ไปแล้ว อีกทั้งยังสร้างความสามัคคีในหมู่ญาติมิตรอีกด้วย ส้มจุกกับส้มใสได้ทั้งความรู้
และได้ท่องเที่ยวไปในตัว เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก อีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
38
การพูดสรุปใจความสำคัญจากเรื่องที่ฟังและดู
ความหมายของการฟัง
เปลือง ณ นคร (2545 : 250) ได้ให้ความหมายของการฟังไว้ว่า การฟัง หมายถึง ตัง
ใจสดับ คอยรับเสียงได้ยิน เชื่อ ทำตามถ้อยคำ
อัจฉราวดี สวัสดิสุข (2549: 47) กล่าวว่า การฟัง เป็นเรื่องที่เราตังใจใสใจในสิงที่ได้ยิน
ติดตาม เข้าใจความหมาย คิดพิจารณาควรจะคล้อยตามหรือโต้แย้ง และเป็นกระบวนการรับ
รู้สาร โดยผานสื่อทางเสียงด้วยรูปแบบต่าง ๆ
ความสำคัญของการฟัง
ภัทรดรา พันธุ์สีดา (2551: 13) กลาวถึงความสำคัญของการฟังวาการฟังเป็นทักษะ
ทาง ภาษาที่ใช้มากที่สุด และมีสวนสำคัญต่อการพูด การอ่านและการเขียน การฟังช่วยให้ได้
รับความรู้ ประสบการณ์ ความสนุกสนาน สร้างมนุษย์สัมพันธ์ และส่งผลต่อการเลือก
ประเมินและตัดสินใจ
ดวงกมล พลคร (2553: 35) กล่าวว่าการฟังมีความสำคัญตอการติดตอสื่อความหมาย เป็น
ทักษะที่ใช้มากที่สุดซึ่งมีส่วนสำคัญตอการพูด การอ่านและเขียน ซึ่งการฟังจะทำได้ดีต้อง
อาศัย การฝึกฝน
39
ความหมายของการพูด
รังสรรค์ จันต๊ะ (2542: 86) กล่าวว่า การพูด หมายถึง กระบวนการสื่อสารของมนุษย์ ผู้
พูดจะเป็นผู้สงสารอันเป็นเนื้อหาสาระของข้อมูล ความรู้ กับอารมณ์ ความรู้สึกความต้องการและ
ความคิดเห็นของตัวเองประกอบกริยาท่าท่างส่งไปยังผู้ฟังหรือผู้รับสาร เพื่อให้ได้รับทราบและเกิด
การตอบสนอง
ดวงกมล พลคร (2553: 36) ได้ให้ความหมายของการพูดไว้ว่า การพูด หมายถึง เป็นการ
สื่อสารของมนุษย์โดยการเปลง เสียงออกมาเป็นถ้อยค า น าเสียง ภาษา และอากัปกริยาเพื่อถาย
ทอดความรู้สึก ความคิด และความต้องการของผู้พูดไปสู่ผู้ฟังให้เข้าใจ อาจเป็นการแสดงความรู้สึก
นึกคิด ความต้องการ ความรู้ และประสบการณ์ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการต่างๆ ทำงานอยางต่อ
เนื่องและประสานกัน
ความสำคัญของการพูด
การพูดเป็นการสื่อสารที่มีความสำคัญ และเกยวข้องกับชีวิตประจำวันมากที่สุดเพราะ คำ
พูดเป็นเครื่องมือสื่อความคิดที่รวดเร็ว แพร่หลายได้อยางยิง นอกจากจะพูดในโอกาสทัวไปใน ชีวิต
ประจำวันแล้ว ยังมีโอกาสอื่น ๆ ที่ต้องพูดอยางเป็นทางการหรือพูดเชิงวิชาการ ซึ่งเป็นการเผย
แพรหรือถ่ายทอดความรู้และความคิดเห็นที่นับว่าสำคัญ ดังที่ได้มีผู้กลาวถึงความสำคัญของการพูด
ไว้การสอนทักษะภาษาไทย ประกอบไปด้วยทักษะทัง 5 ด้าน การฟัง การดู การพูด การอ่าน และ
การเขียน
ดวงกมล พลคร (2553: 36) การพูดเป็นทักษะทางภาษาที่สำคัญซึ่งใช้ในการสื่อสารและ
ถ่ายทอดความรู้ และความคิดเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ
องค์ประกอบของผู้พูด
ฟองจันทร์ สุขยิง และคณะ (2551 : 89) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของผู้พูดไว้ ดังนี้
๑). ผู้พูด หมายถึง ผู้ที่ต้องการถ่ายทอดความรู้ ความคิดส่งไปยังผู้ฟัง ผู้พูดต้องรู้จักใช้ภาษา
น้ำเสียง
สีหน้าท่าทางอย่างเหมาะสมและรวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการพูดเพื่อให้บรรลุจุดมุ่ง
หมายที่กำหนดไว้