The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการกุญแจไม้ในห้องพัก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratreesopha330, 2021-03-13 23:31:39

โครงการกุญแจไม้ในห้องพัก

โครงการกุญแจไม้ในห้องพัก

พวงกุญแจไมห้ ้องพกั
Room keychain

มณฑาทิพย์ เถกงิ วโิ รจน์กลุ

โครงการน้ีเป็นส่วนหนึ่งของการศกึ ษาตามหลักสูตร
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู

สาขาวิชา การโรงแรม ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมการทอ่ งเทยี่ ว
วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเชียงใหม่
ปกี ารศกึ ษา 2563

พวงกญุ แจไม้ห้องพัก
Room keychain

มณฑาทพิ ย์ เถกงิ วิโรจน์กลุ

โครงการนเ้ี ป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลักสตู ร
ประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้ันสูง

สาขาวิชา การโรงแรม ประเภทวิชา อุตสากรรมการทอ่ งเท่ยี ว
วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่
ปกี ารศกึ ษา 2563



ใบรบั รองโครงการ
วิทยาลยั อาชีวศึกษาเชยี งใหม่

เรื่อง พวงกญุ แจไม้ห้องพกั
โดย นางสาวมณฑาทิพย์ เถกงิ วิโรจนก์ ลุ

ได้รับการรับรองให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
สาขาวชิ า การโรงแรม ทวภิ าคี ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมท่องเท่ียว

…………………………หัวหน้าแผนกวิชาการโรงแรม …………………………….รองผู้อำนวยการฝา่ วิชาการ
(นางอัปสร คอนราด) (นายณรงค์ศกั ด์ิ ฟองสนิ ธ)ุ์
วนั ท่ี……..เดอื น……………พ.ศ………… วนั ท่ี……..เดือน……………พ.ศ…………

กรรมการสอบโครงการ

……………………………………………………ประธานกรรมการ
(นายทนิ กร ตบ๊ิ อนิ ถา)

..………………………………………………….กรรมการ
(นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกูล)

…………………………………………………….กรรมการ
(นางสาวนัชพร สาครธำรง)



กติ ติกรรมประกาศ

โครงการ พวงกุญแจไม้ห้องพัก ของนักศึกษาแผนกวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา
เชียงใหม่ ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเนื่องจากได้รับความกรุณา ความอนุเคราะห์ การสนับสนนุ
และการให้คำแนะนำแนวทางในการดำเนนิ งานจากหลายท่าน

ขอขอบพระคุณ นายทินกร ติ๊บอินถา ครูที่ปรึกษาวิชาโครงการ ที่ให้คำปรึกษาโครงการ
แนะนำและใหข้ ้อคิดตา่ งๆ ในการทำโครงการ ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่อง จนทำรายงานโครงการฉบับ
นีเ้ สร็จสมบรู ณ์

ขอขอบพระคุณ ผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ ทุกคนที่สละเวลาอันมีค่าช่วยเหลือและ
อนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม จนทำให้โครงการฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมถึงผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการให้คำปรึกษา เป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือตลอดมา
จนทำรายงานเลม่ น้สี ำเรจ็ ลลุ ว่ งไปด้วยดี

มณฑาทิพย์ เถกิงวโิ รจน์กลุ



ชือ่ : นางสาวมณฑาทิพย์ เถกงิ วิโรจนก์ ลุ
ชื่อโครงการ : พวงกญุ แจไม้ห้องพัก
สาขาวชิ า : การโรงแรม
ประเภทวิชา : อุตสาหกรรมท่องเทย่ี ว
อาจารย์ทีป่ ระจำวชิ าโครงการ : นายทนิ กร ตบิ๊ อนิ ถา
อาจารยท์ ปี่ รึกษาวชิ าโครงการ : นายทนิ กร ต๊ิบอนิ ถา
ปีการศกึ ษา : 2563

บทคดั ยอ่

โครงการเร่อื ง “พวงกญุ แจไม้หอ้ งพัก” มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ เพอ่ื นำไมท้ ่เี หลือใชม้ าประดิษฐ์เป็น
พวงกญุ แจหอ้ งพัก เพ่อื ศกึ ษาความพึงพอใจของผู้ใชพ้ วงกญุ แจไม้ เพ่อื แกไ้ ขปัญหาการลมื และการสูญ
หายที่เกิดขึ้นจากผู้เข้าพัก โดยมีกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เป็นการเลือก
กลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของผู้วิจัยเอง ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตาม
วตั ถุประสงคข์ องการวิจัย คือ กลุ่มผทู้ ดลองใชง้ านพวงกุญแจไมห้ อ้ งพักจำนวน 50 คน ระหว่างวันที่ 7
ธันวาคม ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ี คือ แบบบันทึกผลการทดลอง
แบบสอบถามความพึงพอใจของพวงกุญแจไม้หอ้ งพัก ผลการดำเนินงานผู้ศึกษาพบว่า พบว่าผู้ตอบ
แบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 82 ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุ พบว่าผู้ตอบ
แบบสอบถามส่วนใหญ่อยใู่ นช่วงอายุ 19-24 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 76 และผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจ
ของผู้ใช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.80) เมื่อสรุปผลออกมาเป็นรายข้อพบว่า
แสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้พวงกุญแจไม้ห้องพกั ได้สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล ซ่ึง

ส่วนใหญพ่ บว่าสสี ันของผลติ ภัณฑพ์ วงกญุ แจไม้ห้องพักมีความเหมาะสม อย่ใู นระดับ มาก ( ̅=3.80)
ลำดับต่อมาพวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความเหมาะสมรูปแบบทีก่ ะทัดรัดและเรยี บร้อย อยู่ในระดับ มาก

( ̅=3.70) ลวดลายของพวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความสวยงาม อยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.86) ขนาดของ
พวงกุญแจไม้มีขนาดที่เป็นมาตรฐานต่อการใช้งาน อยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ความคงทนของ

ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ อยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.70) ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์พวงกญุ แจไม้

ประเมินอยู่ในระดบั มาก ( ̅=3.80) การนำทัพยากรไม้ในทอ้ งถน่ิ นำมาแปรรูปให้มคี ุณค่ามากข้ึน อยู่

ในระดบั มาก ( ̅=3.88) รปู แบบของพวงกุญไมห้ อ้ งพักมีความทนั สมัยเกณฑก์ ารประเมินอยู่ในระดับ

มาก ( ̅=3.90)รูปทรงของพวงกุญแจไม้มีสัดส่วนและรูปทรงที่เหมาะสม อยูใ่ นระดับ มาก ( ̅=3.86)

สามารถเพ่มิ ความสะดวกสบายใหแ้ กผ้ ใู้ ชง้ าน อยใู่ นระดบั มาก ( ̅=80) เป็นลำดบั สดุ ท้าย

สารบญั ง

เร่ือง หน้า
ใบรบั รองโครงการ ก
กิตตกิ รรมประกาศ ข
บทคัดย่อ ค
สารบัญ ง
สารบญั (ตอ่ ) จ
สารบัญรูปภาพ ฉ
สารบัญตาราง ช
บทท่ี 1 บทนำ
1
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ 2
2
1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงการ 2
2
1.3 ขอบเขตโครงการ
3
1.4 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ บั 7
16
1.5 นยิ ามคำศพั ท์ 18
24
บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
2.1 แนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องกับความพงึ พอใจ
2.2 ความรู้เกย่ี วกับไม้และชนิดของไม้
2.3 ความรเู้ กย่ี วกบั งานไม้
2.4 ความรู้เกี่ยวกับอปุ กรณท์ ่ีใชท้ ำงานไม้
2.5 งานวจิ ัยที่เก่ยี วขอ้ ง



สารบญั (ตอ่ ) หนา้
27
บทที่ 3 วธิ ีการดำเนนิ การ 27
3.1 การคดั เลอื กกลุ่มตวั อย่าง 28
3.2 เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการดำเนนิ โครงการ 29
29
3.3 ข้ันตอนการดำเนนิ โครงการ
31
3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
32
3.5 การวเิ คราะห์และสรปุ ผล
บทท่ี 4 ผลการศึกษา 34
35
4.1 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู สว่ นบุคคล
4.2 ผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑพ์ วงกุญแจไม้ 36
37
หอ้ งพกั 38
4.3 การจัดลำดับผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจของผ้ใู ชพ้ วงกุญแจไม้

หอ้ งพัก
4.4 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ
บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

5.1 สรุปผลการศึกษา
5.2 อภปิ รายผล
5.3 ข้อเสนอแนะ
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก โครงรา่ งโครงการ
ภาคผนวก ข เคร่อื งมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
ภาคผนวก ค รูปภาพประกอบการดำเนินโครงการ
ภาคผนวก ง แบบรายงานผลการนำไปใช้ประโยชน์
ประวตั ิผจู้ ัดทำ

สารบัญรปู ภาพ ฉ

รูปภาพที่ หนา้ ที่
2.1 ไม้เนื้อออ่ น 8
2.2 ไมเ้ นื้อแขง็ 8
2.3 ไม้สัก 9
2.4 ไม้ยาง 9
2.5 ไม้เต็ง 10
2.6 ไม้แดง 10
2.7 ไม้ตะแบก 11
2.8 ไมม้ ะค่าโมง 11
2.9 ไมเ้ นอ้ื แกรง่ 11
2.10 ไมม้ ะพร้าว 12
2.11 ไมย้ างพารา 12
2.12 ไมป้ ระดู่ 13
2.13 เลือ่ ยลนั ดา 18
2.14 เล่อื ยลอ 19
2.15 เลื่อยฉลุ 19
2.16 เลอ่ื ยตัดเหล็ก 19
2.17 เล่ือยหางหนูหรอื เล่อื ยฉลฝุ ้า 20
2.18 เลื่อยคนั ธนู 20
2.19 เลื่อยโค้งตัดก่งิ ไม้ 20
2.20 ตลบั เมตร 21
2.21 ไมบ้ รรทัด 22
2.22 ดนิ สอ 22
2.23 กระดาษทราย 23
2.24 สวา่ น 23
2.25 สีเคลือบเงา 24



สารบญั ตาราง หน้า

ตารางที่ 31
31
1 ตางรางแสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมูลสว่ นบคุ คลด้านเพศ 32
2 ตารางแสดงผลวเิ คราะห์ข้อมูลขอ้ มูลส่วนบุคคลด้านชว่ งอายุ 32
3 ตารางแสดงผลวเิ คราะหข์ อ้ มูลข้อมูลส่วนบคุ คลด้านอาชพี 33
4 ตารางแสดงผลวเิ คราะห์ข้อมลู สว่ นบุคคลดา้ นการศกึ ษา 34
5 ตารางผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ทดลองใช้ผลติ ภัณฑ์พวงกญุ แจไมห้ อ้ งพกั
6 ตารางการจัดลำดับผลการวิเคราะหค์ วามพงึ พอใจของผ้ใู ชพ้ วงกญุ เเจไมห้ ้องพกั

บทที่ 1
บทนำ

1.1 ท่ีมาและความสำคัญของปัญหา

ปัจจบุ ันมีโรงแรมแต่ละโรงแรมมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการให้กบั แขกเพอื่ เพิ่มความ
สะดวกสบายให้แก่แขกและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง หลากหลายรูปแบบเพื่อที่จะทำให้
องค์การอยูร่ อดเจรญิ เตบิ โต และเกิดประสิทธภิ าพสงู สุด โดยมีเปา้ หมายหลกั คือ การเพ่มิ คุณภาพการ
บริการและการนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมในการผลิตสินค้าและบริการใหม่ ๆ และช่วยให้
องค์การปรับตัวได้กับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสำหรับการพัฒนาระบบ
ปฏิบัติงาน โรงแรมด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อยกระดับการทอ่ งเทีย่ วเชิงสุขภาพ เช่น การเปิด
ประตูห้องด้วยคีย์การ์ดแต่บางโรงแรมยังมีการใช้ระบบทีเ่ ป็นแบบเปิดโดยใช้กุญแจไขเขา้ ห้องพักแต่
อาจจะมีบางครั้งที่แขกมีความเร่งรีบหรือทำอะไรเร็ว ๆ นั้น จึงทำให้เกิดปัญหาในการหากุญแจ
ห้องพักไม่เจอและอาจหลงลืมที่เก็บของกุญแจห้องพัก หรือพวงกุญแจห้องพักมีขนาดเล็กและต้อง
เกบ็ ไว้ในกระเปา๋ ทตี่ ้องพกพาของเป็นจำนวนมาก ทำใหห้ าของทตี่ อ้ งการไม่เจอจงึ เกดิ ความล่าช้าท่ีจะ
ไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งอาจทำให้มีผลอื่น ๆ ตามมาจากพฤติกรรมเหล่านี้ จึงได้คิดทำการหา
วิธีแก้ไขปัญหาด้วยการทำพวงกุญแจที่เป็นแบบไม้ขึ้นมาแทนแบบอะคีริคเพ่ือความทนทานมากกวา่
และมคี วามเป็นธรรมชาติเรยี บงา่ ยสวยงามมากกว่า

จากการที่ผู้จัดทำโครงการได้ศึกษาวิธีแก้ไขปัญหานี้จึงคิดว่าพวงกุญแจนั้นมีรูปร่างหรือ
ลกั ษณะท่แี ตกต่างกันออกไปหลายรปู แบบและมีสีสนั ที่สวยงามและมีประโยชน์ตอ่ ลกู ค้าท่ีเข้าพักและ
พนักงานหรือแม่บ้านของโรงแรมทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยสำหรับผู้ที่ใช้บริการอีกด้วย
นอกจากนี้พวงกุญแจไม้ห้องพักนั้นยังส่งเสริมภาพลักษณ์ของโรงแรมได้ โดยโรงแรมของเราเป็น
โรงแรมสถานศึกษาขนาดกลางมีห้องพักทั้งหมด 12 ห้องด้วยกันมีผู้ใช้บริการหลากหลายทั้งครู
อาจารย์หรอื บคุ คลทวั่ ไปที่เขา้ มาใช้บริการโรงแรมของเราภายในโรงแรม ถ้าหากนำพวงกุญแจมาห้อย
ไว้กับกุญแจห้องพักอาจชว่ ยใหแ้ ขกนั้นสะดวกในการหาเจอไดง้ า่ ยขึน้ นอกจากนผี้ ้จู ดั ทำโครงการยัง
เนน้ ในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน และความเรียบง่าย เพ่ือป้องกันการแตกหกั งา่ ยของพวงกญุ แจ
หรอื ขาดเสียหายในระหว่างการใช้งานอกี ดว้ ย

ดังนั้นทางผู้จัดทำโครงการจึงจัดทำพวงกุญแจห้องพักแบบไม้ขึ้นมา เนื่องจากอาคาร
ปฏบิ ัติการโรงแรมวทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาเชยี งใหมย่ ังขาดพวงกุญแจท่เี ป็นแบบไมแ้ ละเปน็ การนำวัสดุไม้
มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานพวงกุญแจหอ้ งพักสร้างความประทับใจ
ให้แกผ่ ู้ทไี่ ด้ใช้พวงกุญแจ ผู้จดั ทำโครงการหวังว่าพวงกุญแจจากไม้จะชว่ ยเพมิ่ ความสวยงามและความ

2

สะดวกสะบาย ให้แก่ผู้ที่สนใจโครงการและผู้ที่มาใช้บริการห้องพักในอาคารปฏิบัติการโรงแรม
อาชวี ศึกษาเชยี งใหม่

1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงการ
1) เพอื่ นำไมท้ ี่เหลอื ใชม้ าประดิษฐ์เปน็ พวงกุญแจห้องพัก
2) เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจของผใู้ ช้พวงกญุ แจไม้
3) เพอื่ แกไ้ ขปญั หาการลืมและการสญู หายท่ีเกิดข้ึนจากผ้เู ข้าพกั

1.3 ขอบเขตโครงการ (เป้าหมายของโครงการ)
1) เชงิ ปริมาณ
- พวงกญุ แจไมเ้ ลเซอร์ จำนวน 12 ชนิ้
- กลุ่มตวั อย่าง ผู้ใชพ้ วงกุญแจไมใ้ นห้องพกั จำนวน 50 คน
2) เชงิ คณุ ภาพ
- บคุ ลากรมคี วามพึงพอใจในพวงกญุ แจไม้ในการใชง้ านในหอ้ งพกั
3) ระยะเวลาและสถานที่ในการดำเนนิ งาน
- ระยะเวลาดำเนนิ งานตัง้ แตว่ ันท่ี 16 พฤศจิกายน 2563 ถงึ วนั ท่ี 12 มีนาคม 2564
- สถานทด่ี ำเนนิ งาน วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเชียงใหม่

1.4 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ
1) เพ่ือศกึ ษาความพงึ พอใจของผใู้ ชพ้ วงกุญแจไม้
2) เพ่ือใหศ้ ึกษาความพงึ พอใจของผู้ใชพ้ วงกญุ แจไม้ในอาคารปฏิบัตกิ ารวิทยาลัยอาชีวศึกษา

เชียงใหม่

1.5 นิยามศพั ท์
1) พวงกุญแจ หมายถึง ลกู กญุ แจที่รอ้ ยรวมกนั เป็นวงประดิษฐข์ นึ้ มาจากไม้
2) ไม้ หมายถึง เป็นวสั ดุแข็งท่ที ำจากแกน่ ลำต้นของต้นไม้ ส่วนใหญเ่ ป็นไม้ยนื ตน้

บทที่ 2
แนวคิดทฤษฎีและงานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้อง

ในการศกึ ษา เร่ืองพวงกญุ แจไม้หอ้ งพัก ผ้ศู ึกษาได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่าง ๆ
จากเอกสาร ดงั นี้

2.1 แนวคิดและทฤษฎีที่เกยี่ วขอ้ งกับความพึงพอใจ
2.2 ความรูเ้ ก่ียวกับไม้และชนิดของไม้
2.3 ความรเู้ กย่ี วกบั งานไม้
2.4 ความรู้เกี่ยวกับอปุ กรณท์ ใ่ี ชท้ ำงานไม้
2.5 งานวจิ ัยที่เก่ียวขอ้ ง

2.1 แนวคดิ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ
1) ความหมายของความพึงพอใจ

มนี ักวิชาการ และนักบรหิ ารไดใ้ หค้ วามหมายของความพงึ พอใจไวห้ ลายประการ ดงั น้ี
เสนาะ ติเยาว์ กล่าวว่า ความพึงพอใจในการทำงาน (job satisfaction) หมายถึง ระดับ

ความรสู้ กึ ทเ่ี กิดขึ้นของผู้ปฏิบตั ิงานในทางบวกหรือในทางลบต่องาน
วิมลสิทธิ์ หริยางกูร กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็นการให้ค่ าความรู้สึกของเราและมี

ความสัมพันธ์กับโลกทัศน์ที่เกี่ยวกบความหมายของสภาพแวดล้อม ค่าความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อ
สภาพแวดลอมจะแตกต่างกนั เชน่ ความรสู้ ึกเลว ดีพอใจ ไม่พอใจ สนใจ - ไมส่ นใจ เป็นต้น

กชกร เปา้ สวุ รรณ และคณะ ไดก้ ล่าวถึง ความหมายของความพึงพอใจว่า ส่งท่ีควรจะเป็นไป
ตามความต้องการความพึงพอใจเป็นผลของการแสดงออกของทัศนคติของบุคคลอีกรูปแบบหนึ่งซ่ึง
เปน็ ความรูส้ ึกเอนเอยี งของจิตใจที่มีประสบการณ์ทม่ี นษุ ย์เราได้รับอาจจะมากหรือนอ้ ยก็ได้ และ เป็น
ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งใดส่ิงหนึ่งซึ่งเป็นไปได้ทั้งทางบวกและทางลบแต่ก็เมื่อไดส้ ิง่ นั้นสามารถตอบสนอง
ความต้องการ หรือทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายได้ ก็จะเกิดความรู้สึกบวกเป็นความรู้สึกที่พึงพอใจแต่
ในทางตรงกนั ข้าม ถา้ สง่ิ นั้นสร้างความรสู้ กึ ผิดหวงั กจ็ ะทำใหเ้ กิดความรู้สึกทางลบ เปน็ ความรูส้ กึ ไม่พึง
พอใจ

มสิ เกล (Hoy & Miskel) กลา่ วถึง ความพงึ พอใจว่า หมายถึง ความรสู้ ึกตอ่ งาน เพื่อร่วมงาน
และผลทเ่ี กิดขน้ึ กบั งาน

ซีคอร์ด และแบ็คแมน (Secord & Backman) กล่าวไว้ว่า ความพึงพอใจ เกิดจากความ
ต้องการและความต้องการน้ันๆ ได้รบั การตอบสนองอย่างเพียงพอบุคคลในองค์กรอาจเกิดความพึง
พอใจแตกตา่ งกัน บางคนอาจพงึ พอใจเพราะงานท่ที ำประสบความสำเร็จ บางคนอาจพงึ พอใจ เพราะ
ลักษณะงานทีป่ ฏบิ ัติ แตบ่ างคนอาจพึงพอใจเพราะเพือ่ นร่วมงาน

4

คอตเลอร์ (Kotler, 2003) ได้ให้ความหมายว่า ความพึงพอใจ คือระดับความรู้สึกของ บุคคลว่ารู้สึก
พอใจ ถูกใจหรือผิดหวัง อันเป็นผลมาจากการเปรียบเทียบระหว่างผลงานที่ได้รับรู้จากสินค้า หรือ
บริการกับความคาดหวังของบุคคลนั้นๆ ดังนั้นระดับความพึงพอใจจะสัมพันธ์กับความแตกต่าง
ระหวา่ งผลงานที่ได้รบั รูค้ วามคาดหวัง

แอปเปิลไวท์ (Applewhite) มีความเห็นว่า ความพึงพอใจเป็นเรื่องของ บุคคลโดยเห็นว่า
ความพึงพอใจในการทำงานมีความหมายรวมถึง การยอมรับในสภาพแวดล้อมทาง กายภาพของที่
ทำงานด้วย เช่น การมีความสุขกับการทำงานที่มีเพื่อนร่วมงานที่เข้ากันได้ การมีเจตคติที่ดี ต่องาน
และความพอใจเกยี่ วกบั รายได้

จากความหมายของความพึงพอใจในการปฏิบัติงานดังกล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่า ความพึง
พอใจในการปฏิบัติงานหมายถึง ความรู้สึกที่ดี เจตคติที่ดีและมีความสุขต่อการปฏิบัติงานที่มีต่อ
สิ่งแวดล้อมภายในองค์กรโดยมีองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงในอาชีพ ขนาดของหน่วยงาน
ลักษณะ ของงาน ความกา้ วหนา้ ในงานและอ่นื ๆ ซงึ่ จะส่งผลให้การทำงานนั้นประสบผลสำเร็จสนอง
นโยบายและ บรรลุวัตถุประสงค์ขององคก์ ร กอ่ ให้เกิดการพัฒนาข้ึนในองคก์ รอยา่ งต่อเนอื่ ง

2) ความสำคัญของความพงึ พอใจไว้
ปภาวดี ดลุ ยจินดา ได้กลา่ วถึงความสำคญั ของความพึงพอใจ ในการปฏิบัตงิ านไวด้ ังนี้
1. ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานช่วยเสริมสร้างคณุ ภาพชีวิต กล่าวคือ การทำงานเป็นส่ิงท่ี
ท้าทายความสามารถของบุคคลและในขณะเดียวกันชีวิตในการทำงานต้องเป็นชีวิตที่มีคุณภาพด้วย
ดังน้ัน ความพงึ พอใจในการปฏิบัติงานจงึ ช่วยเสริมสรา้ งคณุ ภาพชวี ิต
2. ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานช่วยป้องกันการห่างเหนิ จากงาน กล่าวคือ ในการทำงาน
ความขดั แย้งระหวา่ งบคุ คลเกิดขนึ้ ได้เสมอ เปน็ ความสขุ ของบคุ คลที่เกิดจากการปฏิบัติงาน และได้รับ
ผลตอบแทนคือ ผลที่เป็นความพึงพอใจที่ทำให้บุคคลเกิดความรู้สึกกระตือรอื ร้น มีความมุ่งมั่นที่จะ
ทำงาน

3) องค์ประกอบของความพึงพอใจ
สุนันทา เลาหนันทน์ มีความเห็นว่า องค์ประกอบที่มีส่วนในการจูงใจบุคคลให้มีความพึง
พอใจในการปฏิบตั ิงาน ได้แก่
1. การจดั งานทที่ ้าทายความสามารถให้ทำแต่ต้องคำนงึ ถึงอยู่เสมอว่างานที่มีลักษณะท้าทาย
ต่อบุคคลหน่งึ อาจจะไม่เป็นสิ่งทา้ ทายความสามารถของอีกบุคคลหน่งึ ได้

5

2. การเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการวางแผนหากบุคคลถูกขอร้องให้ช่วยในการวางแผน
และกำหนดภาวะแวดล้อมในการปฏิบัตงิ านกจ็ ะเปน็ แรงจงู ใจในการทำงานทางหน่งึ

3. การใหก้ ารยกยอ่ งและสถานภาพบุคคลทกุ คนไมว่ า่ อย่ใู นฐานะไรตอ้ งการไดร้ ับการยกย่อง
จากกลุ่มและจากผบู้ ังคบั บญั ชาเหมือนกันทุกคนแต่การยกย่องชมเชยตอ้ งทำด้วยความจรงิ ใจ และ ผล
ของการปฏบิ ัตงิ านจะตอ้ งสงู กวา่ เกณฑเ์ ฉล่ยี

4. การให้ความรบั ผดิ ชอบมากข้นึ และการใหอ้ ำนาจเพิ่มขนึ้ การไดเ้ ลือ่ นขัน้ เล่ือนตำแหน่งการ
ให้อำนาจและการมอบหมายความรับผิดชอบเป็นเครื่องมือในการจูงใจคนปฏิบัติงานได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ

5. การให้ความมั่นคงและความปลอดภัย ความกลัวในสิ่งต่าง ๆ เช่น การไม่ให้งานทำการ
สูญเสียตำแหน่งเปน็ สิ่งทีแ่ ฝงอยู่ภายใต้จิตใจของความต้องการในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยจึงสำคญั
แต่ต้องคำนึงด้วยว่าความมัน่ คงปลอดภัยมากนอ้ ยเท่าใดจึงเปน็ ตัวกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพในการ
ปฏบิ ัติงาน

6. การใหค้ วามเปน็ อสิ ระในการทำงานทุกคนปรารถนาจะมอี ิสระในการทำงานด้วยตัวเขาเอง
โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง การบอกทุกอย่างว่าควรทำอย่างไรจะเป็นการทำให้
แรงจูงใจต่ำลงได้

7. การเปิดโอกาสให้เจริญก้าวหน้าทางดา้ นส่วนตัวความปรารภนาที่จะก้าวหน้าในทางด้าน
อาชีพเปน็ เปา้ หมายของทกุ คนในองค์กรการได้มโี อกาสเขา้ ร่วมฝึกอบรมการศึกษาดงู านการหมุนเวียน
งานและการสรา้ งประสบการณจ์ ากการใชเ้ คร่อื งมอื ตา่ ง ๆ ลว้ นเป็นแรงจงู ใจในการปฏิบตั ิงาน

8. การใหเ้ งินรางวัลทเี่ กี่ยวกับเงนิ การวิจัยในปัจจุบนั ยงั สรุปได้ไม่ชัดเจนเก่ียวกับความสำคัญ
ของเงนิ ท่มี แี รงจูงใจเพยี งแตช่ ้แี นะวา่ เงินเป็นสิง่ ท่ที ำให้เกิดความพอใจมากกว่าทีจ่ ะเปน็ แรงจงู ใจแต่คน
ส่วนมากกย็ งั คงคุณค่าเงนิ ไวส้ ูง

9. การใหโ้ อกาสแขง่ ขนั การแขง่ ขันเป็นแรงจูงใจสำคัญ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงระดับผู้บริหารซ่ึง
ต้องการความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานทำให้แรงกระตุ้นที่จะแสวงหาแนวคิดใหม่ๆ มาใช้ในการ
ปฏิบัตงิ านที่มีประสทิ ธภิ าพ

4) ทฤษฎที ี่เกีย่ วกับความพึงพอใจ
ฮิลการ์ด (Hillgard) กล่าวว่าสิ่งจูงใจที่ทำให้เกดิ ความพงึ พอใจเป็นสิ่งจูงใจทางบวก ซึ่งได้แก่
กจิ กรรมต่าง ๆ ซง่ึ เปน็ สภาพแวดล้อมทางวัตถุท่ีจะสรา้ งความพงึ พอใจ ตามเงือ่ นไขของความต้องการ
เช่น อาหาร เป็นสิ่งจูงใจที่สร้างความพึงพอใจต่อแรงขับ เกี่ยวกับความหิวน้ำเป็นสิ่งจูงใจทางบวกก็
ไม่ได้สร้างความพอใจต่อความต้องการทางกายภาพ แต่อาจเกิดจากสาเหตุเฉพาะตวั ของบุคคล เช่น
รสอาหาร อาจเปน็ ความพึงพอใจของแต่ละบุคคล แม้ว่าจะไมไ่ ด้ให้คุณค่าทางอาหาร

6

เชลเลย์ (Shelley) ได้ศึกษาแนวความคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจ สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ
เปน็ ความรู้สกึ สองแบบของมนุษย์ คอื ความรู้สึกทางบวกและความรู้สกึ ทางลบ ความรู้สกึ ทางบวกเป็น
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้วจะทำให้เกิดความสุขความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากความรู้สึก
ทางบวกอืน่ ๆ กล่าวคือเปน็ ความรู้สกึ ท่มี ีระบบย้อนกลับความสขุ สามารถทำได้เกิดความสุข 13 หรือ
ความรู้สกึ ทางบวกเพ่มิ ขน้ึ ได้อีก ดงั น้นั จะเห็นได้ว่า ความสุขเป็นความร้สู ึกที่สลับซับซ้อนและความสุข
นี้จะมผี ลตอ่ บุคคลมากกวา่ ความรสู้ กึ ทางบวกอื่น ๆ

คอตเลอร์ (Kotler) ได้กลา่ วไว้วา่ ความพงึ พอใจเป็นความรู้สึกยนิ ดีหรือผิดหวังของบคุ คลจาก
การเปรียบเทียบความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่งิ ท่ไี ดร้ บั กับความคาดหวังของเขาถ้าส่ิงที่ได้รบั ไม่เพียงพอหรือ
ต่ำกวา่ ความคาดหวงั ลูกค้ากไ็ ม่พอใจ (dissatisfied) ถา้ สงิ่ ท่ีได้รับเปน็ ไปตามคาดหวังลูกค้าก็เกิดความ
พงึ พอใจ(satisfied)

ทฤษฎีแรงจูงใจของ มาสโลว์ (Maslow’s Theory motivation) ทฤษฎีนี้เขาได้เสนอความ
ตอ้ งการในดา้ นต่าง ๆ กันของมนษุ ย์ เรยี งลำดบั จากความต้องการขนั้ พ้ืนฐานเพอ่ื การอยู่รอดไปจนถึง
ความต้องการทางสังคมและความต้องการยอมรับนับถือจากกลุ่มว่าตนมีคุณค่าและพฒั นาตนเองให้
ก้าวหน้ายง่ิ ขึ้น

มาสโลว์ ถือว่าการเรียงลำดับความต้องการนี้มีความสำคัญโดยมนุษย์จะมีความต้องการใน
ระดับสงู ๆ ไดก้ ็ตอ่ เมอื่ ความต้องการข้นั พืน้ ฐานได้รับการตอบสนองแล้ว

ทฤษฎกี ารจูงใจการบำรงุ รกั ษาของ Herz berg ไดก้ ลา่ วถงึ ปจั จัยการจูงใจ ซึ่งเป็น ตัวกระตุ้น
ให้ผู้ปฏิบัติงานด้านความพึงพอใจ ได้แก่ โอกาส ความสำเร็จ การยอมรับ ความรับผิดชอบ
ความเจริญก้าวหน้า และปัจจัยการบำรุงรกั ษา ซึ่งเป็นตวั ขัดขวางความพึงพอใจ ได้แก่ นโยบายของ
องคก์ ร สภาพการทำงานความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคล

ทฤษฎีแรงจูงใจของ Mc celland ซึ่งแบ่งความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 3 ประเภท คือ
ความต้องการความสำเร็จ ความต้องการมีอำนาจ และความต้องการความสัมพันธ์ โดยความ
14 ต้องการความสำเร็จ หรือเรียกว่า แรงจูงใจใฝ่สำเร็จนั้น ถ้าบุคคลใดมีสูงจะมีความปรารถนาที่
จะทำส่งิ หน่ึงให้ลุลว่ งไปดว้ ยดี

ทฤษฎกี ารคาดหวงั ของ Vroom ได้เสนอแนวคิดเก่ยี วกับแรงจงู ใจในการทำงานของบุคคล จะ
ประเมินความเป็นไปได้ของผลที่บังเกิดขึ้นแล้ว จึงดำเนินการปฏิบัติตามที่ตนคาดหวังไว้ การจูงใจ
ข้นึ อยกู่ ับการคดิ ของมนุษยต์ ่อผลท่ีเกิดข้ึน ทฤษฎกี ารคาดหวงั ของ Vroom นี้ ทำนายว่าบุคคลจะร่วม
กจิ กรรมท่เี ขาคาดหวังวา่ จะได้รบั รางวัลหรอื สง่ิ ต่าง ๆ ท่เี ขาปรารถนา

มิเชล แบร์ (Micheal Beer อ้างถึงใน สมหมาย เปียถนอม) ได้ให้ความหมาย ของความพึง
พอใจไวว้ ่า เป็นทศั นคตขิ องคนทม่ี ีต่อสงิ่ ใดสิง่ หน่งึ

1. V มาจากคำว่า Valance หมายถึง ความพึงพอใจ

7

2. I มาจากคำวา่ Instrumentality หมายถงึ ส่ือ เครอ่ื งมือ วธิ ที างนำไปสคู่ วามพึงพอใจ
3. E มาจากคำว่า Expectancy หมายถึง ความหวังภายในตัวบุคคลนั้นๆ ซึ่งบุคคลมี ความ
ต้องการและมีความหวังในหลายสิ่งหลายอย่าง ดังนั้นจึงต้องกระทำด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อตอบสนอง
ความต้องการหรือสงิ่ ที่คาดหวงั เอาไว้ซ่ึงเมอื่ ไดร้ ับการตอบสนองแล้วตามที่ต้งั ความหวังใน สิ่งที่สูงข้ึน
ไปเร่อื ย ๆ ซ่งึ อาจจะแสดงในรูปสมการได้ ดังน้ี
แรงจงู ใจ = ผลของความพึงพอใจ+ความคาดหมาย ซ่ึงหมายถงึ แรงจูงใจของบคุ คลใดบุคคล
หน่งึ ต่อการกระทำส่งิ ใดส่งิ หนงึ่ เชน่ ต่อการประเมินผลงานขององคก์ รที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของ
ตน หรอื แรงจูงใจทบ่ี คุ คลจะเข้าไปมีสว่ นร่วมในกิจกรรมขององคก์ รใดจะเปน็ ผลที่เกดิ จากทัศนคติของ
องค์กร หรือการทำงานขององค์กรนั้นรวมกันความคาดหวังทีเ่ ขาหมายไว้ ถ้ามีทัศนคติที่ดีต่อองคก์ ร
ต่อผลงานขององค์กรและได้รับการตอบสนองทั้งรูปธรรมและนามธรรมเป็นไปตามที่คาดหมายไว้
แรงจูงใจที่จะมีความรู้สึกพึงพอใจก็จะสูงแต่ในทางกลับกัน ถ้ามีทัศนคติในเชิงลบต่องานและ
การตอบสนองไม่เปน็ ไปตามท่คี าดหวังไว้ แรงจูงใจที่จะมคี วามร้สู ึกพงึ พอใจก็จะตำ่ ไปด้วย

2.2 ความรเู้ ก่ียวกบั ไมแ้ ละชนิดของไม้
สำหรับประเทศไทยไม้ที่นยิ มใช้กันมาอย่างเนิ่นนานไดแ้ ก่ ไม้สัก,ไม้มะค่า,ไมต้ ะเคียนไมแ้ ดง,

ไม้ประดู่,ไมช้ งิ ชนั ,ไมย้ าง ฯลฯ แต่หลงั จากประกาศปิดป่าแลว้ ไม้ทใี่ ช้กนั อยู่ในตลาดจึงเป็นไม้ที่นำเข้า
จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย เราจึงได้ยินชื่อไม้ประเภทต่าง ๆ เช่น
เต็งมาเลย์ (บาเลา),เต็งลาว,สกั พมา่ รวมถึงชอ่ื ไม้แปลก ๆ อยา่ ง ไม้กาเปอร์ รีสัก ตาน่งั อลันบาตู ยูบ้า
เป็นต้น ไม้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายประโยชน์อย่างหนึง่ คือ ใช้เป็นเชื้อเพลิง เช่น ถ่านหรอื
ฟืน บางครั้งก็ใช้ในงานศิลปะ ทำเฟอร์นิเจอร์ ทำอาวุธ หรือเป็นวัสดุก่อสร้าง ไม้ยังคงเป็น
สว่ นประกอบสำคญั ในการกอ่ สรา้ งต้งั แตม่ นษุ ย์เริม่ สามารถสร้างบา้ นทอ่ี ยอู่ าศยั หรือเรือ โดยเรือแทบ
ทุกลำในช่วงปี 80 ทำมาจากไม้แทบทั้งสิน้ ซึ่งในปจั จุบันบ้านหรือเรอื ทีท่ ำจากไม้ เริ่มมีจำนวนลดลง
โดยปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาใช้ในการสร้างแทน แต่ว่าไม้ยังคงมีส่วนสำคัญในด้านการเสริม
โครงสร้าง หรือเป็นวสั ดเุ สริม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในการสร้างหลังคา และของประดบั นอกบา้ น ไม้ที่ใช้
ในงานกอ่ สร้างรู้จกั กันในชอื่ ไมแ้ ปรรปู ไมโ้ ดยสภาพแลว้ ไมเ่ หมาะทีจ่ ะนำมาใชใ้ นการกอ่ สรา้ งโดยตรง
เนื่องจากอาจจะมีการแตกหักในโครงสร้าง จึงต้องนำไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นก่อน เช่น ไม้อัด
,chipboard, engineered wood เป็นต้น ไม้ดังกล่าวนี้ใช้ประโยชน์ในวงกว้าง อีกทั้งเยื่อไม้ยังเป็น
ส่วนประกอบสำคญั ในการผลิตกระดาษอกี ด้วย เซลลโู ลสที่อยู่ในไม้ยงั ใชก้ ารทำวัสดุสงั เคราะห์ ซ่ึงไม้
ยังใช้ประโยชนใ์ นการทำอุปกรณอ์ ื่น ในวงการไมต้ ่างประเทศ แบ่งชนิดของไมอ้ อกเปน็ 2 ประเภท คือ
ไม้เนื้อแขง็ (Hard wood) และไม้เนื้อออ่ น (Soft wood) โดยไม้ที่มีใบกว้างเราจะเรียกว่าเป็นไม้เนือ้

8

แขง็ ในขณะทไี่ ม้ทม่ี าจากพืชตระกลู สนเราจะเรียกว่า ไมเ้ นอ้ื ออ่ น ซึ่งในความเป็นจรงิ ไมใ้ นกล่มุ หลังนี้
ก็มีความแข็งที่สามารถจัดเข้ากลุ่มแรกได้ สำหรับในประเทศไทยได้มีการแยกประเภทไม้ให้ละเอียด
ย่ิงขนึ้ ตามลักษณะความแข็งแรงของไม้ ดังนี้

ภาพที่ 2.1 ไมเ้ นือ้ ออ่ น
ทมี่ า: https://sites.google.com
ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีวงปกี วา้ งมาก เนื่องจากเป็นไม้โดเร็ว ลำต้นใหญ่ เนื้อค่อนข้างเหนยี ว
แต่ทำงานได้ง่าย เนื้อไม้มีสีจางหรือ ค่อนข้างซีด อาทิ ไม้กระบาก ไม้ฉำฉา ไม้โมก ไม้กระท้อน ไม้
จำปาป่า ไม้สนต่างประเทศ เหมาะกบั งานในท่ีร่มหรอื งานชวั่ คราว งานตกแต่ง และเครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้

ภาพที่ 2.2 ไมเ้ น้ือแข็ง
ท่มี า: http://bdstimber.com
ไมเ้ นอ้ื แขง็ เป็นไม้ท่มี วี งปีมากกวา่ ไมเ้ น้อื อ่อน เพราะมกี ารเจริญเติบโตชา้ กว่า คือต้องมีอายุ
หลายสิบปี จึงจะนำมาใช้งานได้ ลักษณะทั่วไปของไม้จะมีเนื้อมัน ลายละเอียด เนื้อแน่น สีเข้ม
(แดงถงึ ดำ) มนี ้ำหนกั มาก แข็งแรงทนทาน เชน่ ไมส้ กั ไมต้ ะแบก ไม้ประดู่ ไมม้ ะเกลอื เปน็ ต้น เหมาะ
สำหรับงาน เฟอรน์ ิเจอร์ งานกอ่ สรา้ งบ้าน และเครอ่ื งมอื
1) ความรเู้ กย่ี วกับชนดิ ของไมท้ ี่นยิ มใช้
ในบรรดาไม้ประเภทต่าง ๆ มีไม้เพียงไม่กี่ชนิด ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านการ
ก่อสร้างบ้านเรือนและทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่าง ๆ ได้แก่ ไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างที่ไม่ต้องการความ
ประณีตมากนัก เช่น การก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ไม้จำพวกนี้ต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับ
น้ำหนักและต้านทานแรงต่าง ๆ มากกว่าความสวยงาม ความแข็งแรง จึงเป็นข้อแรกที่จะต้องคดั
เอาไม้ทีแ่ ขง็ แรงเทา่ ที่จะสามารถทำได้

9

ภาพที่ 2.3 ไม้สกั
ทมี่ า: http://www.ptwteakwood.com
ไม้สัก เปน็ ตน้ ไม้ขนาดใหญ่ ขึน้ เป็นหม่ใู นปา่ เบญจพรรณทางภาคเหนือและบางส่วนของภาค
กลางและตะวันตก ลักษณะเนื้อไม้สีเหลืองทองนานเข้าจะกลายเป็นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแก่มีกล่ิน
เหมือนหนงั ฟอกเก่าๆ และมีนำ้ มันในตัวมักมีเส้นสีแก่แทรกเสี้ยนตรงเน้ือหยาบและไม่สม่ำเสมอ แข็ง
พอประมาณแข็งแรงทนทานท่สี ุดปลวกมอดไมท่ ำอันตราย เพราะในเน้ือไม้สักมีสารเคมีพิเศษอยู่ชนิด
หนึง่ ชื่อ O-cresyl methyl ether สารเคมชี นิดนคี้ น้ พบโดยนักวทิ ยาศาสตร์ของกรมป่าไม้ มีคณุ สมบัติ
เมอื่ ทาหรืออาบไม้แลว้ ไม้จะมีความคงทนต่อ ปลวก แมลง เห็ดราไดอ้ ย่างดียิง่ นอกจากน้ใี นไม้สักทอง
ยังพบว่ามีทองคำปนอยู่ 0.5 ppm. (ไม้สักทอง 26 ต้น มีทองคำหนัก 1 บาท) นำไปเลื่อย ไสกบ
ตกแตง่ ง่าย แกะสลักได้ดี ชกั เงาไดง้ ่ายและดมี ากเป็นไมท้ ่ีผ่ึงใหแ้ ห้งได้งา่ ยและอยู่ตัวดี จงึ นยิ มนำมาทำ
เปน็ เฟอร์นิเจอร์ไมส้ กั ซ่ึงมคี ณุ ค่าและความสวยงามเป็นอย่างยิง่ นำ้ หนักโดยประมาณ 640 กิโลกรัมตอ่
ลูกบาศกเ์ มตรและเปน็ ไม้เนื้อละเอียด นมิ่ ง่ายตอ่ การใชเ้ ครื่องมือ ไม้มีกำลงั และแขง็ พอประมาณ แต่
ค่อนขา้ งเปราะ ปลวกไม่กนิ เลอ่ื ยผา่ ซอยง่าย บิดตัวและงอเลก็ นอ้ ยเมอ่ื แหง้ ไม้สกั มีหลายชนิด และมี
ลักษณะคลา้ ยกนั เชน่ สักทอง และสักขค้ี วาย โดยสกั ทองจะมีสเี หลอื งสวย ส่วนสักข้ีควายจะมีสีคล้ำ
และลวดลายสับสน เหมาะในการนำมาใช้ทำเครอ่ื งเรอื น เชน่ ตู้ โต๊ะ เกา้ อ้ี เรือ หรอื ทำประตูหน้าต่าง

ภาพที่ 2.4 ไม้ยาง
ที่มา: http://doa.go.th
ไม้ยาง ไม้ยางพารา เป็นไม้ที่มีคุณภาพ ทางกายภาพ หลายประการใกล้เคียงกับไม้สัก
มีลวดลายที่สวยงาม ย้อมสีได้ ตกแต่งง่าย น้ำหนักเบา ทั้งมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ชนิดอืน่

10

ดว้ ยองคป์ ระกอบ ด้านคณุ สมบัติอันโดดเด่น หลายประการเชน่ นี้ ไมย้ างพาราจึงเปน็ ท่ีรู้จัก และนิยม
ใชแ้ พร่หลายทั่วโลก ในเวลาอนั รวดเรว็ ในชื่อของ “ ไมส้ ักขาว ”แหลง่ ทม่ี าของทรัพยากรไม้ยางพารา
ไม้ยางพารา ที่นำมาใช ้ในอุตสาหกรรม ไม้ปัจจุบันนี้ ล้วนแต่มาจาก สวนยางพารา ที่มนุษย์ เป็นผู้
ปลูกสรา้ งท้ังส้ิน ไม้เหล่านีเ้ ปน็ ไม้ท่ีมีอายุมาก ให้ผลผลติ น้ำยางต่ำ ไม่คมุ้ ค่าทางเศรษฐกิจ ในการกรีด
เอาน้ำยางอีกตอ่ ไป จึงจำเปน็ ต้องโค่นออก แลว้ ปลกู ทดแทนใหม่ ตามวงจรธรรมชาติ ในการประกอบ
อาชีพ การทำสวนยางทุก ๆ ปี และยังเป็นไม้เสี้ยนใหญ่ หยาบ และอ่อน เหมาะกับการใช้ในที่ร่ม
เนื่องจากมียางมาก แห้งตัวช้า แล้วยืดหดตัวสูง เมื่อหดตัวยางจะปะทุออกจากเนื้อไม้ เมื่อตอกตะปู
เนื้อไมจ้ ะแตกไดง้ ่าย เล่ือยซอยง่าย เนอ้ื ไม้สีแดงเขม้ จะแขง็ แรงกว่าไม้สีอ่อน

ภาพที่ 2.5 ไม้เตง็
ทม่ี า: http://www.slktimber.com
ไม้เต็ง เน้ือไมม้ สี ีนำ้ ตาลอ่อน ค่อนขา้ งแหง้ และละเอียด ทนทานตอ่ ดนิ ฟ้าอากาศ เม่ือหดตัว
มกั แตกเปน็ ลายงา เลื่อยตดั ยากเมอ่ื แห้ง เหมาะกบั งานภายนอก

ภาพท่ี 2.6 ไมแ้ ดง
ท่ีมา: https://www.teaktruck.com
ไมแ้ ดง เนือ้ ไมแ้ นน่ สแี ดง ลวดลายสวย แข็งแรง ทนทาน ทำใหต้ ดั เจาะยาก ใช้ทำโครงสร้าง
อาคาร เชน่ เสา คาน ตง และเครื่องเรอื นพิเศษ เพราะรับน้ำหนักได้ดี และไมย่ ดึ หดตัวมาก

11

ภาพที่ 2.7 ไม้ตะแบก
ทมี่ า: http://www.khuykhong.com
ไม้ตะแบก เนื้อไม้สีเทาอมเหลือง เนื้อละเอียดใสและข้ึนเงา มีลวดลายชัดเจน ทำให้ตกแต่ง
ง่าย เหมาะในการก่อสร้างบา้ น และทำดา้ มเครื่องมอื

ภาพที่ 2.8 ไมม้ ะคา่ โมง
ท่ีมา: https://www.thaigoodwood.com
ไม้มะค่าโมง มีสีน้ำตาลปนแดง มีความแข็งแรงทนทาน เมื่อกลึงจะเห็นลวดลายสวยงาม
เหมาะสำหรบั ทำบนั ไดหรอื เปน็ โครงสร้าง

ภาพที่ 2.9 ไม้เนือ้ แกร่ง
ทม่ี า: https://kuedchang.wordpress.com
ไม้เนือ้ แกร่ง เป็นไม้ทีม่ กี ารเจริญเตบิ โตช้ามาก จงึ ทำให้ วงประจำปีถม่ี ากกวา่ ไม้สองชนิดแรก
คือ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 60-70 ปีขึ้นไปจึงจะนำมาใชง้ านได้ เนื้อไม้มสี ีเข้มค่อนข้างแดง น้ำหนักไม่

12

มาก แต่แข็งกว่าไม้เนื้อแข็ง ไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างหรือเป้น
โครงสร้าง อาทิ คาน ตง เสา ไดแ้ ก่ ไมแ้ ดง ไม้ชงิ ชัน ไม้ตะเคียน ไมม้ ะค่าโมง ไม้พยุง ไม้เต็ง

ภาพท่ี 2.10 ไมม้ ะพรา้ ว
ท่ีมา: https://app.builk.com
ไม้มะพร้าว เป็นไม้ที่มีเสี้ยนลายที่สวยงามแต่ใช้งานยากต้องมีขั้นตอนและใช้เวลาการ
ดำเนินการ เพือ่ ใหไ้ ดไ้ ม้ทเี่ หมาะสมมาใช้งาน ดังน้ี
1) เลอื กใชม้ ะพรา้ วทมี่ อี ายุ 50 ปขี ึน้ ไปจะดีทีส่ ดุ
2) ใช้เวลาเตรียมการประมาณ 6 เดือน โดยการพึ่งธรรมชาติ 4 เดือน แล้วส่งอบ
3) ขนาดไมแ้ ปรรูปท่ีแนะนำสำหรับทำพ้ืนทดี่ ีท่ีสุดคือ 1 x 3 น้วิ แตไ่ มค่ วรใช้เกิน 4 นิ้ว และ
ความยาวเต็มท่ตี อ่ แผน่ ทใ่ี ชไ้ ดค้ อื 2.50 เมตร
4) การขัดพืน้ ไมม้ ะพร้าวจะแตกต่างจากไมป้ กติ เนื่องจากมเี สี้ยนมากจงึ ตอ้ งขัดด้วยกระดาษ
ทรายไลเ่ บอรต์ ั้งแต่ 60,120,240,380,400 แล้วทาน้ำยาผนกึ เสี้ยน
5) ไม้มะพร้าว มรี าคาใกลเ้ คยี งกบั ไม้เตง็ หากคณุ อยากใช้ไมจ้ ากป่าปลกู และอยากได้เอกสาร
รับรองแหลง่ ที่มาของไม้ มอี งค์การสากล ช่ือ Forest Sewardship Council ซงึ่ จะมีข้อมูลด้านแหล่ง
ไมป้ า่ ปลกู ในย่านเอเชียแปซฟิ ิก พร้อมกบั สามารถออกหนงั สือรับรองว่าเปน็ ไม้จากปา่ ปลูกจริง

ภาพท่ี 2.11 ไม้ยางพารา
ท่ีมา: https://www.brain2win.com
ไมย้ างพารา เปน็ ไม้ท่ไี ดจ้ ากต้นยางพาราที่กรดี เอานำ้ ยางออกหมดแล้ว เน้ือไมอ้ อกสีขาวนวล
จนถึงสชี มพู ลายไมค่ อ่ ยชัดเจน นิยมนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปเชน่ อบ อาบน้ำยา อดั ต่อ เพลาะ
เปน็ แผน่ แลว้ ไสปรับใหไ้ ดข้ นาดตามตอ้ งการก่อนนำมาใช้งาน

13

ภาพที่ 2.12 ไมป้ ระดู่
ทม่ี า: https://www.nanagarden.com
ไมป้ ระดู่ ลักษณะเนอื้ ไม้มีสีแดงอมเหลอื งถงึ แดงอฐิ ลายเส้นของไมเ้ ข้มกวา่ สีพ้นื เลก็ นอ้ ย เป็น
ไม้เนื้อแข็ง มีความทนทาน นิยมนำมาทำเครื่องเรือนจีนฝังมุกเพื่อโชว์เนื้อไม้ โดยเฉพาะปุ่มของไม้
ประดทู่ ่มี ลี วดลายสวยงามและราคาแพง
2) ประเภทของไม้และวธิ กี ารดูแลรกั ษาไม้
ประเภทของไม้แบง่ ออกได้เป็น 3 ประเภท โดยถือเอาค่าความแข็งแรงในการดัดของไม้แหง้
และความทนทานตามธรรมชาติของไม้ชนิดน้ัน ๆ เป็นเกณฑ์ได้แก่
ไม้เน้ือแข็ง มีความแขง็ แรงสูงกว่า 1000 กโิ ลกรมั ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร มคี วามทนทานสูงกว่า
6 ปี ไดแ้ ก่ ไม้เคีย่ ม ไมแ้ อ๊ก ไม้หลมุ พอ ไม้เสลา ไม้สักข้ีควาย ไมเ้ ลยี งมัน ไมร้ ัง ไมย้ มหิน ไม้มะค่าโมง
ไม้มะเกลอื เลือด ไมป้ ระดู่ ไมเ้ ต็ง ไมต้ ะบูนดำ ไมต้ ะครอ้ หนาม ไมต้ ะครอ้ ไข่ ไม้แดง ไม้ก
ไม้เนื้อแข็งปานกลาง มีความแข็งแรง 600 ถึง 1000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความ
ทนทาน 6 ปี ไดแ้ ก่ ไมเ้ หียง ไมร้ กฟ้า ไม้มะค่าแต้ ไมพ้ ลวง ไม้นนทรี ไมต้ าเสือ ไมต้ ะแบก ไม้ตะเคียน
หนู ไม้ตะเคียนทอง ไมก้ ว้าว
ไม้เนอื้ อ่อน มคี วามแขง็ แรงต่ำกว่า 600 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มคี วามทนทานต่ำกว่า
2 ปี ได้แก่ ไม้อินทนิล ไม้สัก ไม้ยางแดง ไม้พะยอม ไม้พญาไม้ ไม้ทำมัง ไม้ตะบูนขาว ไม้กะบาก ไม้
กระเจา ไม้กวาด
3) วิธีการดูแลรักษาไม้
เนื่องจากไม้เป็นวัสดุธรรมชาติ ดังนั้นย่อมชำรุดเสียหายไปตามธรรมชาติ สภาพแวดล้อม
แสงแดด ความช้ืน การกัดกินของแมลง ดงั นน้ั การดูแลรักษาท่ีถูกต้องจงึ มคี วามจำเป็น ไม้ท่ีได้รับการ
ปกป้องดูแลที่ดี สามารถใช้งานได้หลายชั่วอายคุ นไมท้ ี่แปรรูปออกจากโรงเลื่อย ดูไม่นา่ สนใจ จนเม่อื
ผา่ นกระบวนการทำสแี ละตกแตง่ ผวิ แลว้ จงึ ขับความสวยงาม และคณุ คา่ ทมี่ ีอยู่ในเนอื้ ไมไ้ ด้เดน่ ชัด ใน
สมัยก่อนช่างไมไ้ ด้นำเอาวัสดุธรรมชาติ เช่นขี้ผึ้ง นำมันจากไม้บางชนิด มาใช้ตกแต่งผิว ปัจจุบันได้มี
การคดิ ค้นวสั ดุทั้งจากธรรมชาติ และจากการสงั เคราะห์ทีด่ ีนำมาใชเ้ คลือบผวิ และตกแต่งสี ทำให้เพิ่ม
คุณคา่ ท้งั ความงามและสามารถทนต่อสภาพแวดลอ้ มไดด้ ยี ่งิ ขน้ึ ดังนี้

14

น้ำยาเคลอื บไม้โพลยี รู ีเทรน ไมเ่ หมาะกบั พื้น , ผนงั ภายนอก เนื่องจากแพ้ UV ใช้แลว้ จะร่อน
เป็นแผ่นเลย หากจะใช้ไม้ปลูกบ้าน ควรซื้อไม้มาผึ่งให้แห้งล่วงหน้า 6 เดือนก่อนใช้งาน เพราะจะลด
ปญั หาการบดิ งอ , ยืดหด

ขนาดของไมป้ ูพื้นระเบยี ง Outdoor ที่เหมาะสมคือ 1.5 x 4 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่มีปัญหาบดิ
งอน้อยทีส่ ุด ความหนา 1.5 นิ้วจะช่วยให้เดินแล้วไม่ยวบ อีกทั้งยังสามารถใช้ Detail การฝังซ่อนหวั
สกรูได้อกี ด้วย หรอื เจาะสกรยู ้อนจากข้างใต้ ควรใชผ้ ลติ ภัณฑโ์ ปไ๊ มส้ ำเร็จรูปที่ให้ความทนทาน

viagra norge. สีน้ำมันก็ไม่ค่อยเหมาะกับไม้เท่าไร หากต้องการสีติดทนทาน ต้องตระกูลสี
Acrylic พวก Timber Shield

Wood Stain เหมาะมากกับงานไม้ แต่ต้องระวังเรื่องการใช้ไม้หลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน
เพราะ Wood Stain เบอรเ์ ดยี วกันทาลงบนไม้ต่างชนดิ กใ็ หส้ ีทตี่ า่ งกัน

การใชไ้ มผ้ สมกบั งานปูนตอ้ งระวังเรอ่ื งยางไม้ให้ดี โดยเฉพาะงานคอนกรีตเปลือยและซีเมนต์
ขัดมัน เพราะหากเราตดิ ตัง้ ไม้ลงบนผนังปูนโดยไม่ทา Wood Stain กันยางไมไ้ ด้ดา้ นท่ีสัมผัสกับผนัง
กจ็ ะเกดิ คราบยางไม้ไหลเปน็ ทางเวลาโดนน้ำฝน การทาสใี นงานไม้ตอ้ งทารอบทอ่ นไม้ทัง้ 6 ดา้ น

4) ขน้ั ตอนในการทำสแี ละตกแตง่ ผวิ
จะต้องพิถีพิถัน พื้นผิวต้องสะอาด ขัดผิวอย่างดี ปราศจากรอยตำหนิ ขั้นตอนการทำสีและ
ตกแต่งผวิ มหี ลายแบบ ดงั น้ี
การย้อมสดี ้วยนำ้ ยา วดู๊ สแเตน ป้องกนั แสงแดด และน้ำซมึ เข้าเน้อื ไม้
การตกแตง่ ผวิ ด้วยน้ำยา วารน์ ิช แลก็ เกอร์ เชลแลก เพอื่ ขับลายไม้ก่อนจะทานำ้ ยาตอ้ งเตรยี ม
พืน้ ผวิ ให้เรียบ วสั ดุท่ีนำมาเตรียมพ้ืนผิวควรใช้ใหเ้ หมาะสม ได้แก่
ดินสอพอง มีลักษณะดินสีขาว เป็นก้อนหรอื เป็นผงผสมกับน้ำเพื่อให้นิ่มใช้อุดร่องเส้ียนหรอื
ลงพน้ื สารกนั ซึมหรอื ซีลเลอร์ ใช้เคลือบรองพนื้ วัสดุทีม่ รี พู รุน หรือใชเ้ คลือบวัสดุที่อาจปล่อยสารบาง
ประเภท ออกมาทำใหฟ้ ิลม์ของวัสดุเคลอื บเสียหาย สารกันซมึ ถอื ว่าเปน็ ผลติ ภัณฑ์ใหม่ แต่เดิมช่างใช้
เชลแลก็ เปน็ ตวั เคลอื บผิว
ฟิลเลอร์ ทำหน้าที่คล้อยดินสอพองอุดรอ่ งไมแ้ ละอุดรอยแตกต่าง ๆ สามารถผสมกับสีย้อม
สีฝ่นุ ดินสเี พ่อื ใหไ้ ดส้ ีตามต้องการ สามารถขัดถดู ้วยกระดาษทรายเพอื่ ใหผ้ ิวเรียบไดง้ า่ ย
เมื่อเตรียมพื้นผิวแล้ว ก็เลือกใช้วัสดุเคลือบผิวที่จะทำใหไ้ ม้สวยงามและทนทานต่อสภาพแวดลอ้ มได้
ได้แก่ แลกเกอร์ มที งั้ ชนิดเงาและดา้ น ใชง้ านงา่ ย ทนตอ่ สภาพภูมิอากาศ และการขูดขีด

5) ความช้นื ของไม้
ปัญหาเกี่ยวกับความชื้นในเนื้อไม้ของทุกผลิตภณั ฑ์ไม้มกั เกิดจากสาเหตุหลัก ๆ คือความชน้ื
จากพื้นปูน อาจเป็นเพราะช่างรีบปูปารเ์ กต์ขณะทีพ่ ้ืนปูนยังแห้งไม่สนิท หรือยังคงมีความชืน้ อยู่ ทีนี้

15

ความช้ืนมันกต็ ้องหาทางระบาย ระเหยออก ปไู มท้ ับลงไป กจ็ ะทำให้พ้ืนเสยี หายได้ อยา่ เร่งชา่ งให้รีบปู
พื้น ทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน หลังจากขัดมันควรปล่อยให้ความชื้นในพื้นคอนกรีตระเหยออกให้
หมดกอ่ น สำหรับพน้ื ชน้ั ล่างซ่งึ อยใู่ กล้กับดนิ นั้น ควบคมุ ยากหน่อย เพราะเราไม่สามารถปล่อยให้ดิน
คายความช้นื ออกไดห้ มด ดังนัน้ ความชน้ื ในดนิ จงึ ระเหยขึน้ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในฤดูฝน จึงอยาก
แนะนำว่า ควรเลือกวัสดุปูพ้ืนชน้ั ล่างเป็นกระเบอ้ื งเพอ่ื ป้องกนั ปญั หา แตท่ ัง้ นี้ หากต้องการปูปาร์เกต์
ก็มใิ ช่หมดหนทางเลย ทางออกคือใหป้ ูพลาสติกแบบหนา ส่วนพนื้ คอนกรตี กค็ วรผสมน้ำยากันซึมด้วย
จะช่วยปอ้ งกนั ไมใ่ ห้มีปัญหาความช้นื จากพนื้ ดินความชนื้ จากภายนอก เช่น น้ำหกลงบนพื้นแล้วไม่เช็ด
ออก หรือเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ละอองฝนสาดเข้ามาบนพื้นเป็นเวลานาน ในความเป็นจริง พื้นปาร์เกต์
ก็ไมไ่ ด้ถงึ กับบอบบางขนาดนนั้ เพราะมีการทาน้ำยาเคลือบรักษาเน้ือไม้หลายชัน้ แต่อาจจะเป็นปัญหา
เรือ่ งรอยตอ่ ริมผนงั ที่ไม่สนทิ (เนื่องจากต้องเว้นไว้เพือ่ ป้องกนั การขยายตัวของไม้) ทำให้นำ้ ซึง่ เป็นของ
เหลวไหลซึมเขา้ ไปทำความเสียหายได้ ทง้ั น้ี การตดิ ต้ังตวั จบ บัวเชิงผนงั กช็ ว่ ยป้องกนั ได้ระดบั หนึ่ง วธิ ี
ป้องกันปัญหานี้ คือ ใส่ใจกับการดูแลรักษาบ้านครบั ทำน้ำหกกเ็ ชด็ อยา่ ลืมปดิ หนา้ ต่างก่อนออกจาก
บ้าน เป็นต้น ความชื้นจากตัวปาร์เกต์เอง ไม้ที่นำมาใช้ทำเป็นพื้นไม้ปาร์เกต์ไม่ได้ผ่านการอบไล่
ความชื้น ทำใหเ้ วลาอากาศเปล่ียนแปลง หรอื บรเิ วณที่โดนแดดส่องมาก หรอื บางแหง่ โดนความชื้นไม่
เท่ากนั ใช้ไปนาน ๆ ไมป้ าร์เกตก์ ็อาจมีปญั หาพองตวั บวมข้นึ ได้ หรืออาจจะหดตัวได้เหมือนกัน ตรง
นี้ ต้องอธิบายไว้ด้วยครับว่า ไม้ปาร์เกต์นั้นเป็นไม้ธรรมชาติ ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะมีการยืดหดตัวอยู่
ตลอด แต่จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ผู้ที่คิดจะใช้ผลิตภัณฑ์ไม้จงึ ควรมคี วามเข้าใจเกี่ยวกับความชื้นใน
เนื้อไม้ ว่าจะมีผลต่อพื้นผลิตภัณฑ์ไม้อย่างไร โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์ไม้จะต้องผ่านการอบเพื่อให้ได้
ความช้นื ในเนื้อไม้ทเี่ หมาะสม และหลงั จากกระบวนการผลติ ไปจนถงึ มือผู้ใช้งานความชื้นในเนื้อไม้จะ
เพม่ิ ข้นึ ตามสภาพภูมิอากาศ อนั เป็นสาเหตุหนงึ่ ท่ที ำให้ไม้มีการขยายตวั ผู้ใชง้ านจงึ ควรควบคุมไม่ให้มี
ความชื้นจากปัจจัยอื่น ๆ เท่าที่สามารถทำได้ เช่นหากเป็นการปูพื้นไม้บนพื้นคอนกรีตควรทิ้งพ้ืน
คอนกรตี ไว้ระยะหนง่ึ เพ่อื ไมใ่ ห้ความชืน้ จากพนื้ คอนกรตี ทำให้มผี ลกบั พืน้ ไมท้ จ่ี ะติดตั้ง หรืออาจปวู สั ดุ
ป้องกันความช้ืน เชน่ แผ่นพลาสติก เปน็ ต้น หรือหลีกเลีย่ งการนำผลิตภัณฑไ์ ม้ไปใช้งานในลักษณะที่
อาจมีการเปลี่ยนแปลงความชื้นมาก ๆ เช่นการนำไม้เนื้อออ่ นไปใช้งานกลางแจ้งโดยไมม่ ีการป้องกัน
การเปลี่ยนแปลงความชื้นในเนื้อไม้ เช่น การทา Wood oil , Wood Stain หรือควรเลือกชนิดไม้ให้
เหมาะสมกับการใชง้ านจริง เปน็ ตน้ หากผ้ทู ค่ี ดิ จะใชผ้ ลติ ภัณฑไ์ มจ้ ึงควรมีความเข้าใจเก่ียวกับความช้ืน
ในเนื้อไม้ ว่าจะมีผลต่อพื้นผลิตภัณฑ์ไม้อย่างไร โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์ไม้จะต้องผ่านการอบเพื่อให้ได้
ความชนื้ ในเนอ้ื ไมท้ เ่ี หมาะสม และหลงั จากกระบวนการผลติ ไปจนถึงมอื ผู้ใชง้ านความชนื้ ในเน้ือไม้จะ
เพิม่ ขน้ึ ตามสภาพภมู ิอากาศ อนั เป็นสาเหตหุ นงึ่ ท่ีทำใหไ้ ม้มีการขยายตัว ผู้ใชง้ านจึงควรควบคุมไม่ให้มี
ความชื้นจากปัจจัยอื่น ๆเท่าที่สามารถทำได้ เช่นหากเป็นการปูพื้นไม้บนพื้นคอนกรีตควรทิ้งพ้ืน
คอนกรีตไว้ระยะหนงึ่ เพอื่ ไม่ใหค้ วามช้นื จากพ้นื คอนกรตี ทำให้มีผลกับพื้นไม้ท่ีจะตดิ ตงั้ หรอื อาจปวู สั ดุ

16

ป้องกันความชนื้ เช่น แผ่นพลาสติก เปน็ ต้น หรือหลีกเลี่ยงการนำผลิตภัณฑ์ไม้ไปใช้งาน ในลักษณะที่
อาจมกี ารเปลี่ยนแปลงความชืน้ มาก ๆ

2.3 ความรเู้ กี่ยวกับงานไม้
ในการปฏิบัติงานไม้ให้มปี ระสิทธิภาพ และประสทิ ธผิ ล บรรลุตามเป้าหมาย ผปู้ ฏิบัติงานช่าง

ไมต้ อ้ งมีความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับงานไม้ ดงั น้ี

1) การต่อไม้
การต่อไม้เปน็ การนำไม้ที่มีความยาวไม่พอมาตอ่ กันให้ยาวข้นึ เพื่อให้ไดข้ นาดตามทตี่ ้องการ
การต่อไมม้ ีหลายแบบ ดังน้ี
การต่อชนธรรมดา ตัดหัวไม้ให้ได้ฉากแล้วนำมาชนต่อกันแล้วใช้ตะปูเกลียวตอกยึดเข้า
ดว้ ยกันให้แน่น เปน็ วธิ กี ารตอ่ ไม้ทง่ี ่ายแตไ่ มแ่ ขง็ แรง ใช้ในงานทไ่ี ม่ตอ้ งรับแรงดึง
การต่อไม้แบบชนเฉียง ทำได้โดยตัดไม้ให้มีมุมเฉียง 45 องศาเท่า ๆ กัน นำมาชนกันแล้ว
ตอกยึดด้วยตะปูใหแ้ นน่ ใช้งานที่ไมต่ ้องการรบั แรงดึง และรบั นำ้ หนักพอสมควร
การตอ่ แบบต่อดาม ทำโดยตดั หวั ไม้ใหไ้ ด้ฉาก นำช้นิ ท่ี 1 และ 2 มาวางชนกัน แล้วดามด้วย
ไม้ชิ้นที่ 3 และ 4 ตอกติดตะปูหรือตะปูเกลียว การดามอาจดามด้วยไม้หรือแผ่นเหล็ก ให้ความ
แข็งแรงมากแต่แบบไมส่ วย ใชง้ านก่อสร้างทวั่ ไป เช่น การตอ่ จนั ทัน ตอ่ ตงและขอื่ เป็นตน้
การตอ่ แบบซิกแซ็ก ทำโดยตัดบากหวั ไม้ แลว้ ยดึ ดว้ ยตะปหู รือตะปเู กลียวใหแ้ นน่ สามารถรับ
แรงดงึ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ใชง้ านก่อสร้างท่ัวไป เชน่ การต่อจนั ทัน เป็นต้น
การต่อบากตรง ทำโดยการบากไม้ตามความยาวของไม้ออกครึ่งหนึ่งของหน้าไม้ทั้ง 2 ช้ิน
นำมาทาบตอ่ กนั ยดึ ให้ยาวและยดึ ด้วย หรือตะปเู กลยี ว ใชง้ านท่ีรบั น้ำหนักใหด้ พี อสมควร เชน่ การต่อ
อเส หรอื คาน เป็นตน้

2) การเพลาะไม้
การเพลาะไม้เป็นการทำให้ไม้ที่มีหน้าไม้กว้างไม่พอ ให้มีขนาดความกว้างตามที่ต้องการ
เพราะไม้ที่มีหน้าไม้กว้างมาก ๆ นั้นค่อนข้างหายากเพื่อนำใช้ในงานทำพื้นโต๊ะ พื้นเก้าอี้ หรืองาน
เฟอร์นเิ จอรท์ ่วั ไป วธิ ีการเพลาะไม้มหี ลายวิธี ดงั นี้
การเพลาะไม้โดยใช้ตะปูธรรมดา ให้ขีดเส้นทำเครื่องหมายตรงแนวกึ่งกลางความหนาของ
ไมท้ ้ังหมดทุกแผน่ แล้วตอกตะปเู ป็นระยะ ๆ ตามความต้องการลงไปครงึ่ หน่ึงของความยาวตะปูแล้ว
ตัดตะปูออกทุกตัว นำไมแ้ ผ่นท่ี 2 วางตำแหนง่ ที่ต้องการใหต้ รงกับตะปูที่ตอกในแผ่นแรก แล้วเจาะรู
ให้พอดี เพื่อฝังตะปูส่วนที่เหลือจากแผน่ แรก ทากาวลาเท็กซ์หรือกาวผงตลอดแนวความหนาของไม้
แล้วใช้แม่แรงอัดให้เข้าไปให้สนทิ กันทำลักษณะเดยี วกนั น้จี นได้ความกว้างของไม้ที่ต้องการ ใชก้ บหรือ
กระดาษทรายปรบั ผวิ ไม้ให้เรียบเสมอ

17

การเพลาะไม้ดว้ ยตะปูเกลยี ว มีวิธกี ารทำคล้ายกบั การเพลาะไมด้ ว้ ยตะปูธรรมดาต่างกันท่ีใช้
ตะปูเกลียวฝังยึดติดไม้ ด้วยการใช้สว่านเจาะไม้แผ่นที่ 2 เพื่อฝังหัวตะปูเกลียวเป็นระยะ ๆ ตาม
ต้องการแล้วขนั ตะปูเกลียวเข้ายึดไม้ให้แน่น ในขณะขันตะปูเกลียวต้องใช้แม่แรงอัดไม้เขา้ ให้สนิทกนั
เสยี กอ่ น จะทำใหง้ า่ ยต่อการทำงานเพลาะไม้

การเพลาะไม้ด้วยการดามไม้ เป็นวิธกี ารเพลาะไม้แบบง่าย ๆ ทำได้โดยใช้ไมด้ ามเป็นระยะ
ๆ ตามความต้องการ แล้วตอกติดกับไม้ดามด้วยตะปูธรรมดาหรอื ตะปูเกลียว ในขณะที่ตอกหรือขัน
ตะปตู ้องใช้แม่แรงอัดไมเ้ ขา้ ให้สนทิ กันเสยี กอ่ น จะทำใหง้ ่ายตอ่ การทำงานเพลาะไมว้ ธิ นี ี้

3) การเขา้ ไม้
การเข้าไม้เป็นการนำไม้ตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปมาประกบกัน ให้เป็นมุมฉากหรือไม่ฉากตาม
รูปแบบที่ต้องการ การเข้าไม้มีหลายรูปแบบตามลักษณะการนำไปใช้หรือสร้างหรือผลิตชิ้นงานตาม
ความเหมาะสมและประโยชน์ในการใช้สอย ดงั น้ี
การเขา้ ไม้แบบชนฉากธรรมดา เป็นวิธกี ารเขา้ ไม้ทงี่ ่ายท่ีสุด โดยการนำไมต้ งั้ แต่ 2 ช้ิน ตัดหัว
ไม้เป็นมุมฉาก มาชนกันแล้วตอกยดึ ให้แน่นดว้ ยตะปหู รอื ตะปูเกลยี ว
การเข้าไม้แบบชนปากกบ เป็นการเข้าไม้ที่ไม่ต้องการให้เห็นหัวไม้ ตัดส่วนหัวไม้เป็นมุม
45 องศา และนำไมท้ ต่ี ัดทง้ั สองช้นิ มาประกอบกนั เป็นมุมฉาก ทากาวลาเท็กซห์ รือกาวผงแล้วตอกยึด
ใหแ้ น่นดว้ ยตะปหู รอื ตะปูเกลียว
การเข้าไม้แบบเดอื ยตรงเป็นการเข้าไม้ที่ใช้กันมาก ในงานไมโ้ ดยจะตอ้ งทำเดือยตัวผูท้ ีไ่ มช้ นิ้
แรกและเดือยตวั เมียที่ไม้ช้นิ ท่ีสอง แล้วนำเดือยทงั้ สองมาสวมกนั ปรับแต่งให้มีความแน่นพอดีทากาว
ลาเท็กซ์หรือกาวผงแล้วตอกยึดให้แน่นด้วย ตะปูหรือตะปูเกลียวนิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์และ
งานทว่ั ๆ ไป

4) การยดึ ตรึงไม้ดว้ ยตะปู ตะปูเกลยี ว สลักและนอต
การต่อไม้ การเพลาะไม้ การเขา้ ไม้ มคี วามจำเปน็ ตอ้ งใช้วสั ดุยึดตรงึ ไม้ต้ังแต่สองชิ้นขนึ้ ไปให้
แน่น แข็งแรง สามารถรับน้ำหนักหรือรับแรงดึงได้เป็นอย่างดี นำไปใช้งานโครงสร้างต่างๆ งาน
เฟอรน์ ิเจอร์ และงานท่ัว ๆ ไป ที่นิยมใชใ้ นปัจจุบนั มอี ยู่ 3 ชนดิ ดังน้ี
1) การใช้ตะปตู อกชนิ้ งาน
1.1 กำหนดตำแหน่งการตอกตะปูใหช้ ัดเจนถกู ตอ้ ง
1.2 จับยดึ ชิ้นงานใหแ้ นน่
1.3 เลือกขนาดและความยาวของตะปใู ห้เหมาะสมกับงาน แล้วใช้ค้อนหงอนตอกตะปูจม
พอดพี ืน้ ผิวงาน

18

2) การใช้ตะปูเกลียวยดึ ชิน้ งาน
2.1 กำหนดตำแหน่งการยดึ ติดตะปเู กลยี วให้ชัดเจนถูกตอ้ ง
2.2 จบั ชนิ้ งานใหแ้ น่น
2.3 เจาะรูตะปูเกลียวดว้ ยสว่านมอื หรอื สวา่ นไฟฟ้าใหไ้ ดร้ ูขยาดที่เหมาะสม
2.4 ใช้ไขควงขนั ตะปเู กลยี วจมลงในชน้ิ งานตามแบบที่กำหนด
3) การใชส้ ลักเกลียวและนอตยึดชน้ิ งาน
3.1 กำหนดตำแหนง่ การยดึ สลักเกลียวให้ชดั เจนถกู ต้อง
3.2 จบั ยึดช้นิ งานใหแ้ น่น
3.3 เจาะรสู ลักเกลยี วให้มขี นาดของรูตามแบบทก่ี ำหนด
3.4 เลือกขนาดและความยาวของสลักเกลียวพร้อมนอตที่มขี นาดเหมาะสมกับช้นิ งาน
3.5 เมอื่ ใส่สลกั เกลียวและนอตในตำแหนง่ ทต่ี ้องการแล้วใช้ประแจขันสลกั เกลยี ว หรือนอต
ยึดชิ้นงานใหม้ ีความแน่นตามต้องการ

2.4 ความรเู้ กย่ี วกบั อุปกรณ์ท่ีใชท้ ำงานไม้
เลื่อย เป็นเครื่องมือพื้นฐานอีกอยา่ งหนึ่งสำหรับงานช่างในบ้าน ประโยชน์หลักๆก็คือ ใช้ตัด

หรือซอยชิ้นงานให้ได้ขนาดตามต้องการ แบ่งได้ตามวัสดุที่นำมาตัด เช่น เลื่อยไม้ หรือ เลื่อยโลหะ
และเลอ่ื ยมีทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่

ภาพที่ 2.13 เลอื่ ยลันดา
ท่มี า: https://www.google.com
เลื่อยลันดา สามารถใช้ได้ทั้งตัดและงานโกรกไม้ โดยฟันเลื่อยที่ค่อนข้างถี่ (10-12 ซี่ ต่อ
1 นิ้ว) ใช้สำหรบั ตัดขวางเนอ้ื ไม้เพ่อื ให้เกิดรอยตัดที่เรยี บ ส่วนฟันเลอื่ ยหยาบหรือฟันห่าง สามารถตัด
ไม้ได้อย่างรวดเรว็

19

ภาพท่ี 2.14 เล่ือยลอ
ที่มา: https://www.google.com
เลื่อยลอ มีลักษณะคล้ายเลื่อยสันแข็งต่างกันที่ด้ามจับซึ่งเป็นด้ามยาว ฟันเลื่อยมีทั้งชนิด
หยาบและละเอียด ใบเลื่อยกว้าง 2.5 นิ้ว ยาว 8 นิว้ 10 นวิ้ และ 12 เหมาะสำหรับใช้บากปากไม้เพ่ือ
ทำเดอื ยเขา้ ไม้แบบต่างๆ และงานไม้ท่ตี อ้ งการความประณีตเป็นพเิ ศษ

ภาพท่ี 2.15 เลื่อยฉลุ
ท่มี า: https://www.pumpkin.co.th
เลื่อยฉลุ คนส่วนใหญร่ ู้จักดี เพราะนิยมใชท้ ำงานประดิษฐ์ของนกั เรยี น ใบเลื่อยมีขนาดเลก็
คล้ายเส้นลวด เวลาใชง้ านต้องขึงใบเลื่อยกบั ด้ามและคนั เล่ือยให้ตงึ มักใช้กบั งานไม้ที่มสี ว่ นโค้ง มีการ
ฉลลุ วดลาย และชน้ิ งานทม่ี ีขนาดไมใ่ หญแ่ ละหนามากนกั

ภาพท่ี 2.16 เลอ่ื ยตดั เหลก็
ท่ีมา: https://www.baanandbeyond.com
เลื่อยตัดเหล็ก มีลกั ษณะคล้ายเลือ่ ยฉลุ แต่คันเลื่อยโคง้ ไม่มาก การใช้งานส่วนใหญจ่ ะใช้ตดั
โลหะทั่วไป แต่ถ้าเรานำไปเล่ือยไม้จะเลือ่ ยไดช้ ้ามาก เพราะฟันเลื่อยค่อนข้างละเอยี ดและไม่ลึกมีให้

20

เลือกทั้งแบบความยาวตามมาตรฐาน 12 นิ้ว และแบบสามารถปรับความยาวตามขนาดใบเลื่อยได้
เหมาะสำหรบั งานทม่ี พี น้ื ทจ่ี ำกัด สามารถเปลยี่ นใบเล่อื ยได้

ภาพที่ 2.17 เลอื่ ยหางหนูหรอื เลือ่ ยฉลุฝ้า
ทม่ี า: https://itoolmart.com

เลื่อยหางหนูหรือเลื่อยฉลุฝ้า ใช้เลื่อยตัดชิ้นงานเป็นแนวโค้ง วงกลมและลวดลายต่างๆ
สามารถใช้เจาะฝ้าหรอื ผนังยิปซมั ก็ได้ เพราะใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยาวปลายเรียวแหลมและคม
มากสามารถถอดเปลี่ยนใบเลื่อยได้ นอกจากนีย้ ังประยุกต์ใช้เปน็ เครือ่ งมือตัดแตง่ กิ่งไม้ที่เลื่อยขนาด
ใหญ่เข้าไมถ่ งึ ไดอ้ กี ดว้ ย

ภาพท่ี 2.18 เลือ่ ยคนั ธนู
ที่มา: https://www.rpam.co.th
เล่อื ยคนั ธนู เปน็ เลอื่ ยทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยคนั ธนู เหมาะสำหรบั ใช้เล่อื ยตัดก่ิงไม้ทง้ั ไม้สดและแห้ง
หรือตัดตน้ ไม้เป็นทอ่ นๆเพอ่ื การเคล่ือนย้ายสำหรับงานกอ่ สรา้ ง ใบเลื่อยผลติ จากเหลก็ กล้าและชุบแข็ง
ทฟี่ นั เลื่อย จึงมีความคมและแกร่งเปน็ พิเศษ สามารถตัดชิน้ งานได้ทั้งจงั หวะเลื่อยข้นึ และลง โดยมีให้
เลือกหลายขนาด อาทิ 12 นิ้ว 21 นิว้ 24 นิว้ หรอื 30 น้วิ

ภาพที่ 2.19 เลือ่ ยโค้งตดั กิ่งไม้
ทม่ี า: https://www.patanasin-powershop.com

21

เลอื่ ยโค้งตดั ก่งิ ไม้ ใช้ตัดแต่งกงิ่ ไม้ ตัดก่อไผ่ ฯลฯ ดว้ ยลกั ษณะความโค้งของคมเลื่อยและฟัน
เลือ่ ย จึงทำงานได้อยา่ งสะดวกรวดเรว็ นอกจากนย้ี ังสามารถตัดแตง่ กิ่งไม้ในที่สูงได้ โดยต่อด้ามเลื่อย
เขา้ กบั ลำไม้ไผ่ แคน่ ี้เราก็ไมต่ ้องปีนตน้ ไม้ใหเ้ สย่ี งตอ่ การเกิดอบุ ตั ิเหตุอกี ด้วย

การดูแลรักษา
ขณะเลือ่ ยอย่าออกแรงกดใบเล่อื ยมากเกนิ ไป เพราะจะทำใหใ้ บและฟนั เล่อื ยบิดเบย้ี ว และไม่
ควรใชเ้ ล่ือยผดิ ประเภท เชน่ นำเลือ่ ยลันดาไปตัดแผ่นไม้ท่มี ตี ะปูฝงั อยู่ เพราะจะทำใหฟ้ นั เลอื่ ยเสยี หาย
ได้ กรณนี คี้ วรถอนตะปูออกก่อน
เล่ือยทผี่ า่ นการใชง้ านมาแล้ว ควรทำความสะอาดดว้ ยการใช้ผา้ แหง้ เช็ดเบาๆเพือ่ เอาฝุ่นออก
ให้หมด และทาน้ำมันอเนกประสงค์เพื่อป้องกนั สนิม จากน้นั เกบ็ เขา้ แผงเคร่ืองมือ

ภาพที่ 2.20 ตลับเมตร
ท่มี า: http://www.indygroup.in.th
ตลับเมตร คือ เครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่มีสายวัดเก็บอยู่ในตลับอย่างมิดชิด ทำให้สะดวกใน
การนำติดตัวไปใช้งานได้ตลอดเวลา ตลับเมตรใช้ในการวัดหาระยะหรือตรวจสอบขนาดของวัสดุ
ช้นิ งาน ฯลฯ เนอ่ื งจากตรงหวั สายวัดของตลับเมตรมขี อเกีย่ ว ซึง่ ใช้เป็นทเี่ กาะยึดกบั ขอบของช้ินงานที่
ตอ้ งการวดั ทำใหก้ ารดงึ สายวัดออกจากตลับเพ่ือใช้ในการวดั ระยะหรือตรวจสอบขนาดของวัสดุ หรือ
ชิ้นงานได้สะดวก ซึ่งผู้ใช้ควรเรียนรู้เรื่องสำคัญของตลับเมตร ตลับ เมตรทำด้วยโลหะปั๊มมีลักษณะ
รปู รา่ งเปน็ ตลบั เพ่อื ม้วนเก็บสายวดั ชนิดบางที่เปน็ โลหะมีสปรงิ ไวภ้ ายในตลับอย่างมิดชิ ตรงส่วนปลา
สุดของสายวัดนีเ้ ป็นขอเกี่ยว และที่ด้านหน้าของสายวัดมหี น่วยการวัดเป็นน้ิว ฟุต หรือหน่วยเมตริก
กำกับไว้ หรือสายวดั บางชนดิ ของตลับเมตรมหี นว่ ยนิว้ ฟุต กำกับไวข้ ้างหนง่ึ และมหี นว่ ยเมตริกกำกับ
ไว้อกี ขา้ งหนงึ่ เพื่อสะดวกในการใช้ ตลับเมตรท่ีมีจำหน่ายตามท้องตลาดทวั่ ไป มขี นาดตลับบรรจุสาย
วัดได้ความยาวตั้งแต่ 1.00 – 5.00 เมตร ขนาดที่ช่างไมแ้ ละช่างก่อสร้างนิยมใชม้ ากที่สุดได้แกข่ นาด
ตลบั ทบ่ี รรจุสาย วัดไดค้ วามยาว 2.00 เมตร

22

ภาพที่ 2.21 ไมบ้ รรทัด
ท่ีมา: https://www.lamfa.com
ไม้บรรทดั เปน็ อุปกรณ์ทางเรขาคณติ อาจทำจากพลาสติก ไม้ อะลูมิเนียม หรอื เหลก็ ใช้ใน
การวัดความยาว ส่วนใหญ่จะมี 2 สเกล คือ นิ้ว และ เซนติเมตร พบได้หลายขนาด ส่วนใหญ่จะเป็น
ขนาด 15 หรือ 30 เซนติเมตร และอาจมีความยาวถึง 100 เซนติเมตร (1 เมตร) สำหรับใช้วัดแบบ
ก่อสรา้ ง นอกจากนีแ้ ลว้ เราอาจใชไ้ ม้บรรทดั ในการขดี เสน้ ให้ตรง ซ่งึ เป็นสาเหตุหลกั ทีน่ กั เรียนจะต้อง
พกไม้บรรทัดในการสร้างรปู ด้วยไม้บรรทดั และวงเวยี นนั้น ไมบ้ รรทัดที่ใชไ้ มจ่ ำเป็นต้องมีสเกลวัดความ
ยาวเหมือนไมบ้ รรทดั ปกติ ดงั นั้นเราจงึ กล่าวถงึ ไม้บรรทัดท่วี ดั ความยาวไม่ได้วา่ สันตรง

ภาพท่ี 2.22 ดินสอ
ท่มี า: https://ssfortunetrade.co.th
ดินสอ เป็นอุปกรณ์ในการเขียน หรือสื่อทางศิลปะ มักทำจากเนื้อรงควัตถุแข็งและแคบอยู่
ภายในเปลอื กท่ีปกป้องเนอื้ ดนิ สอไม่ใหห้ ักหรือท้งิ รอยไว้บนมือขณะใชง้ าน ดนิ สอสรา้ งรอยโดยการขีด
เขียน ทิ้งรอยวัสดุเนื้อดินสอแข็ง ๆ ติดกับกระดาษ หรือพื้นผิวอื่น ๆ ไว้ ดินสอแตกต่างจากปากกา
ที่จะกระจายรอยของของเหลวหรือหมกึ เจลติดลงบนกระดาษที่มีสีอ่อนกว่าเนื้อดินสอส่วนมากจะทำ
จากแกรไฟต์ผสมกับดินเหนียวที่จะทิ้งรอยสีเทาหรือดำไว้และทำให้ลบออกง่าย ดินสอที่ทำจาก
แกรไฟต์ใช้สำหรับเขียนและวาดเส้น และทำให้เกิดรอยที่ทนทาน แม้ว่ามันจะใช่ยางลบลบออกง่าย
แตด่ ินสอจะทนต่อความช้ืน สารเคมี รงั สีอลั ตราไวโอเลต

23

ภาพที่ 2.23 กระดาษทราย
ทม่ี า: https://www.sanook.com
กระดาษทราย คือ กระดาษรูปแบบหนึง่ ซึ่งมีสารขัดถูติดหรอื เคลือบอยู่บนหน้าของกระดาษ
ใชส้ ำหรบั ขดั พื้นผวิ ของวสั ดุอืน่ เพ่ือใหว้ ัสดนุ ้ันเรยี บ หรอื ขัดให้ชั้นพน้ื ผวิ เกา่ หลดุ ออก หรอื บางครั้งอาจ
ทำให้พื้นผิวขรขุ ระมากขนึ้ เพือ่ เตรียมการติดดว้ ยกาว

ภาพที่ 2.24 สว่าน
ทีม่ า: https://th.wikipedia.org
สวา่ น คอื เคร่อื งมือชนิดหนงึ่ ใชส้ ำหรับเจาะรูบนวัสดุหลายประเภท เป็นเคร่ืองมือที่ใช้บ่อย
ในงานไมแ้ ละงานโลหะ ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือดอกสว่านที่หมนุ ได้ดอกสว่านยดึ อยู่กับเดือยดา้ น
หนึ่งของสว่าน และถูกกดลงไปบนวัสดุท่ีต้องการจากนั้นจึงถูกทำให้หมุน ปลายดอกสว่านจะทำงาน
เป็นตัวตัดเจาะวสั ดุ กำจดั เศษวสั ดรุ ะหว่างการเจาะ (เชน่ ขเ้ี ล่อื ย) หรือทำงานเปน็ ตวั สบู อนุภาคเล็ก ๆ
(เช่นการเจาะน้ำมนั ) ดงั นน้ั สวา่ นจงึ เป็นเครอ่ื งมอื ชา่ งสำคัญของงานอุตสากรรมการผลติ เกอื บทุกชนิด
ตอ้ งอาศัยกรรมวธิ กี ารเจาะรูเพื่อประกอบชน้ิ สว่ นต่าง ๆ เขา้ ด้วยกนั งานเจาะรูต้องใช้เครื่องมือตัดคือ
ดอกสว่าน กับเครือ่ งเจาะ เพ่อื ทำการตดั เจาะชิ้นงานใหเ้ กิดรปู ทรงกระบอกท่ีชน้ิ งาน และงานการเจาะ
หมายถึงกระบวนการทำให้เกิดรูกลมทรงกระบอกขึน้ บนวัสดงุ าน โดยใชเ้ คร่อื งมือท่ีเรยี กว่าดอกสว่าน
หรอื ดอกไขควง โดยมจี ดุ ประสงคต์ า่ ง ๆ เพื่อย้ำหมดุ จับยดึ ดว้ ยนัตสกรู หรือทำเกลียว เป็นต้น

24

ภาพท่ี 2.25 สีเคลือบเงา
ท่ีมา: http://jcmart1998.lnwshop.com
สีเคลือบเงา หมายถึง เป็นสีที่ใช้ตัวทำละลายเปน็ ส่วนผสมหรือทำให้เจอื จาง เช่น ทินเนอร์
ซ่ึงมลี ักษณะมนั เงา
ลกั ษณะการใช้งานสเี คลือบเงา
นิยมใช้ทาเคลือบงานไม้ เพื่อทำให้พื้นผิวมีความสวยงามและรักษาสภาพพืน้ ผิวให้คงทน ใช้
ทากับงานไมห้ รอื เฟอรน์ เิ จอรต์ ่าง ๆ เพื่อให้ความเงางามและสวยงาม
ข้อดีของสีเคลือบเงา
มนั เงา สวยงาม ทำความสะอาดได้งา่ ย

2.5 งานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วข้อง
เทคโนโลยงี านไม้ มคี วามสำคัญในการสรา้ งพ้นื ฐานทกั ษะ ตงั้ แตก่ ระบวนการออกแบบ จนถึง

การสร้างชิ้นงานจรงิ การฝึกทักษะและการใช้ความรู้ในการออกแบบและสรา้ งผลิตภัณฑง์ านไม้ ความ
สวยงามของผลติ ภณั ฑไ์ ม้ ขึ้นอยู่กบั การปฏิบตั งิ านอยา่ งถกู ตอ้ ง ปฏิบตั งิ านได้อยา่ งถกู วธิ ี มรี ปู แบบ

กระบวนการ การเข้าใจเรื่องการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในงานไม้ เพื่อนำทักษะและ
กระบวนการต่าง ๆ นำไปใช้ได้จริงในการทำงาน และชีวิตประจำวันการพัฒนาชุดอุปกรณ์ ต่อ
ประกอบไม้ เพื่อเพิม่ ความปลอดภัย สำหรับฝึกปฏบิ ัติการงานไม้ ในครั้งนี้ ผวู้ ิจยั ได้เลง็ เห็นปัญหาที่จะ
ส่งผลกระทบในการฝึกปฏิบัติการงานไม้ และสามารถลดการใช้อปุ กรณ์เพื่อต่อประกอบไม้ และเพ่ิม
ความสะดวก และปลอดภัยในการฝึกปฏิบัติการงานไม้ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานได้อกี
ทางหนึ่ง ส่งผลให้ผู้ที่ใช้งานนั้นเกิดทักษะในการฝึกปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการผลิต
ชิ้นงานได้มีความหลากหลาย และ ได้ชุดอุปกรณ์ ต่อประกอบไม้ ที่ครบถ้วนทั้ง 4 ด้าน คือ (1) ด้าน
รูปทรง (2) ด้านประโยชนใ์ ช้สอย (3) ด้านความแข็งแรง และ (4) ด้านการผลิต โดยผลการวิเคราะห์
ขน้ั ตอนในการหารปู แบบ และความเหมาะสมใน การพฒั นาชุดอปุ กรณ์ ต่อประกอบไม้ เพื่อเพม่ิ ความ
ปลอดภัย สำหรับฝึกปฏิบัติการงานไม้ พบว่าผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความ
เหมาะสมในขั้นตอน การพัฒนาชุดอุปกรณ์ ต่อประกอบไม้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย สำหรับฝึก
ปฏิบัติการงานไม้ โดยการประเมินในทั้ง 4 ด้าน ตามกรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบ

25

ประโยชนใ์ ช้สอย ความแขง็ แรง และ การผลติ โดยระดบั ความเหมาะสม อยใู่ นระดับมาก (xˉ = 4.27)
ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็น จากการทดสอบ และฝึกปฏิบัติการจาก ชุดอุปกรณ์ สำหรับการต่อ
ประกอบไม้ โดยประเมนิ จากผูฝ้ กึ ปฏิบัติการงานไม้ ทั้งหมด 30 ท่าน โดยประเมินตามกรอบแนวคิดท่ี
ใชใ้ นการวจิ ัย 3 ด้าน คอื หน้าท่ใี ชส้ อย การใช้งาน และความปลอดภัย

ปัจจุบันความเข้าใจในเรื่องของวัสดุประเภทไม้ ทั้งชนิด รูปแบบและวิธีการก่อสร้างถูกให้
ความสนใจอยู่ในวงจำกัด ในขณะที่สังคม ให้ความสนใจกับวัสดุยุคใหม่ เช่น พลาสติกโพลิเมอร์
คอนกรีต ทั้ง ๆที่รูปแบบของไม้ สู่การเปลี่ยนแปลงเป็นงานสถาปัตยกรรม อันนำไปสู่ข้อสงสัยและ
คำถาม ถึงความเป็นไปได้บางอย่าง ของทิศทางการออกแบบไม้ และงานสถาปัตยกรรม โครงการ
วทิ ยานิพนธ์สถาปตั ยกรรม รอยตอ่ ระหวา่ งจุดเริ่มตน้ และปลายทางของงานไม้ เป็นโครงการออกแบบ
เชงิ ทดลอง เพอ่ื ค้นหาความเป็นไปได้ในการสร้างงานสถาปัตยกรรม ดว้ ยเทคนคิ การเข้าไม้ที่มีอยู่เดิม
และนำมาพัฒนาต่อ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเข้ากับพื้นที่ๆ
มีลักษณะเฉพาะ หรือบริบทที่มีข้อจำกัดด้านการก่อสร้าง ด้วยการศึกษา รวบรวม จำแนก รูปแบบ
ของการเข้าไม้แบบต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการสร้างพื้นทีอ่ ย่างมีระบบ เพื่อความเข้าใจง่ายแก่บุคคล
ทวั่ ไปและยงั สามารถนำไปพัฒนาต่อยอด และยังเป็นการรวบรวมองคค์ วามรู้ เทคนิค ในเร่อื งของงาน
ไม้ผ่านตัวสถาปัตยกรรมซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ในด้านการศึกษา และสามารถนำไปต่อยอดได้ใน
อนาคตผา่ นพน้ื ที่รอยต่อเหลา่ น้ีแก่สังคม อกี ท้งั ยงั เปน็ การส่งเสริม การใช้วัสดุทเี่ ป็นมิตรกบั สง่ิ แวดล้อม
อีกดว้ ย ท้งั น้ีกระบวนการออกแบบและทดลอง จะมุง่ เนน้ ไปท่ีการศึกษา พฒั นาเทคนคิ การเข้าไม้ไปสู่
องคป์ ระกอบทางสถาปัตยกรรม การประกอบยดึ ไม้เข้าดว้ ยกันอย่างมปี ระสิทธภิ าพเพื่อลดการใช้ไม้ที่
มีหนา้ ตดั ขนาดใหญแ่ ละยงั คงเปน็ การใชไ้ ม้ได้อย่างคมุ้ ค่า และสามารถปรบั ใชใ้ ห้เข้ากับสถาปัตยกรรม
ที่มีอยู่เดิม หรือสามารถอยู่ไดด้ ้วยตัวเองได้ โดยปฏิเสธการใชว้ ัสดุชว่ ยยึดใดๆ นอกจากระบบการเข้า
ไม้ทถ่ี กู พฒั นาเทา่ นนั้ และยงั สามารถลดปญั หาการก่อสร้างจากพ้นื ทๆ่ี มคี วามเฉพาะตวั สูง นอกจากนี้
ยงั เปน็ การสอดแทรกพื้นที่ ปฏิสัมพนั ธท์ างสงั คมให้กับผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์การศึกษาเรียนรู้ผ่าน
พื้นทร่ี อยต่อ พนื้ ทปี่ ฏิสมั พนั ธ์ และสภาพแวดล้อม

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการออกแบบระบบป้ายสัญลักษณ์ ปัจจุบันถูกสร้างขึ้น
เพื่อใช้ในการชี้นำทาง ตามความต้องการของคนส่วนใหญ่ แต่สถานที่บางแห่งซึ่งเป็นที่สำหรับเด็ก
ก็ยังคงใช้ระบบปา้ ยสญั ลักษณ์ ท่ีใชส้ ื่อความหมายภาพสญั ลักษณ์แบบเดยี วกนั ซึ่งสง่ ผลต่อความเข้าใจ
ความหมายของเด็ก และยังส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย เป้าหมายของงานวิจัยน้กี ็
เพ่ือหาแนวทางการออกแบบ ระบบปา้ ยสญั ลักษณ์สำหรับเด็กไทยท่มี ีประสิทธภิ าพเหมาะสม และได้
มาตรฐานสากล โดยอาศัยทฤษฎีการเชื่อมโยงมโนภาพ ซึ่งเป็นทฤษฎีทีว่ า่ ด้วยหลักความคิดและมโน
ภาพของมนุษย์ ในการวิจัย ป้ายสัญลักษณ์ 4 ประเภทหลักที่นำมาใช้ในงานวิจัยคือ ป้ายที่ใช้ในการ
ให้บริการสาธารณะ ป้ายที่ใช้ในการให้บริการธุรกิจ ป้ายบอกกิจกรรมที่มีขั้นตอน และกฎระเบียบ

26

ในป้ายสญั ลักษณ์ 4 ประเภทข้างตน้ งานวิจัยนเี้ ลือกสรรเฉพาะป้ายสัญลักษณ์ ที่มีความเก่ียวข้องกับ
การใช้งานของเดก็ จำนวน 21 ภาพ ซึ่งผา่ นการคดั เลือกจากผู้เชีย่ วชาญดา้ นจติ วิทยาเดก็ 2 ท่าน แล้ว
นำมาตคี วามตามทฤษฎกี ารเช่อื มโยงภาพ เพ่อื ใชเ้ ปน็ แนวทางการส่อื ความหมายดว้ ยภาพลักษณแ์ ต่ละ
ประเภท จากนั้นจึงให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบป้ายสัญลักษณ์
ตรวจสอบ นำผลจากการนไ้ี ปสร้างขึน้ เป็นแบบทดสอบ แล้วทดสอบกับกลุ่มตัวอยา่ งจำนวน 400 ราย
เพอื่ หาภาพลกั ษณ์ที่กล่มุ เป้าหมายสามารถเข้าใจได้และส่ือสารได้ ผลการวิจยั อาจสรุปได้ว่าข้ึนอยู่กับ
แต่ละหัวข้อภาพสัญลักษณ์ การส่ือความหมายแบบคล้ายคลึงกันที่มีกิริยาอาการประกอบ สามารถ
ส่อื สารกับเดก็ ไดม้ ากทสี่ ุด อีกท้ังพบว่าปัจจัยทางเพศไมม่ ผี ลตอ่ ความเข้าใจในสญั ลกั ษณภ์ าพ แตพ่ บว่า
ปจั จยั อายมุ ีผลต่อความเข้าใจในการสื่อความหมายรูปแบบต่างๆ ตามทฤษฎีการเชือ่ มโยงมโนภาพใน
บางหัวข้อของภาพลักษณ์ เด็กอายุ 6-8 ปี เข้าใจลักษณะภาพที่แสดงกริยาอาการและรายละเอียด
มากกวา่ เดก็ อายุ 9-12 ปี แนวทางการออกแบบเป้าหมายสัญลกั ษณ์สำหรับเด็กไทย จึงควรใช้การส่ือ
ความหมายคล้ายคลงึ แบบมกี ริ ิยาอาการประกอบ

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาและพัฒนาการนาวัสดุไม้ที่เหลือใช้จากงานภาคอุตสา หกรรมมา
พัฒนาชุดปฏิบัติการเพ่ือผลิตต้นแบบงานเฟอร์นิเจอร์จากไม้พาเลท ศึกษาประเภทของไม้และการใช้
ประโยชน์ที่จะนามาออกแบบผลิตเฟอรน์ ิเจอร์ต้นแบบสาหรับชุดปฏิบตั ิการ เพื่อใช้ประโยชน์ในการ
จัดเก็บเครื่องมือช่างได้อย่างเป็นระเบียบ มีความสะดวกในการใช้อุปกรณ์เครื่องมือ การจัดเก็บ
เครื่องมือ เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน จากการศึกษา รูปแบบพัฒนาเพื่อผลิตต้นแบบ
เฟอรน์ เิ จอรจ์ ากไมพ้ าเลท จากผู้เชีย่ วชาญด้านการออกแบบ โดยวิธีการสมั ภาษณ์และใชแ้ บบประเมิน
ได้ข้อสรุปเรื่องการผลิต และการออกแบบ จากรูปแบบงานที่ผู้วิจัยได้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจว่ามีความ
เหมาะสม ผูว้ จิ ัยได้นารปู แบบท่ตี รวจแก้แลว้ มาผลติ เฟอรน์ ิเจอรเ์ ปน็ ผลงานจริง

บทท่ี 3
วธิ ีการดำเนนิ การ

การดำเนินโครงการ พวงกุญแจไม้ห้องพัก มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประดิษฐ์พวงกุญแจไม้
ห้องพัก 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานพวงกุญแจไม้ห้องพักซึ่งผู้จัดทำโครงการได้ดำเนิน
การศึกษาดังน้ี

3.1 การคดั เลอื กกล่มุ ตัวอย่าง
3.2 เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นการดำเนนิ โครงการ
3.3 ข้ันตอนการดำเนินโครงการ
3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3.5 การวเิ คราะห์และสรุปผล
3.1 การคดั เลอื กกลมุ่ ตัวอยา่ ง
โครงการเร่อื ง พวงกญุ แจไม้หอ้ งพกั ผจู้ ดั ทำใชว้ ธิ ีการ เลอื กกลุม่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง
( Purposive sampling ) เป็นการเลือกกลมุ่ ตัวอยา่ งโดยพจิ ารณาจากการตัดสินใจของผวู้ จิ ยั เอง
ลักษณะของกลมุ่ ท่ีเลือกเป็นไปตามวตั ถุประสงค์ของการวิจัย คอื กล่มุ ผู้ทดลองใชง้ านพวงกญุ แจไม้
หอ้ งพกั จำนวน 50 คน
3.2 เครื่องมือทีใ่ ช้ในการดำเนนิ โครงการ

1) แบบบันทึกผลการทดลอง
2) แบบสอบถามความพึงพอใจ
ผู้จัดทำโครงการใช้แบบบันทึกการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นเครื่องมือเพื่อ
รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง หลังจากนั้นผู้จัดทำ
โครงการจะจดั ทำแบบสอบถามความพึงพอใจในการใชพ้ วงกุญแจไมห้ ้องพกั ดังนนั้ ผจู้ ดั ทำโครงการได้
แยกแบบสอบถาม ออกเปน็ 3 ส่วน ดงั น้ี
ส่วนที่ 1 ข้อมลู สว่ นบคุ คลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยสอบถามเกี่ยวกบั เพศ อายุ

28

ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ใชพ้ วงกุญแจไม้หอ้ งพกั ผู้จัดทำโครงการไดใ้ ช้มาตราวดั

แบบ Rating scale 5 ระดับตามมาตรวัดแบบลิเคิร์ท (Likert’Scale) ในการวัดระดับความพึงพอใจ

ดงั น้ี

5 หมายถงึ มากทีส่ ดุ

4 หมายถงึ มาก
3 หมายถึง ปานกลาง
2 หมายถงึ น้อยหรอื ต่ำกวา่ มาตรฐาน
1 หมายถงึ น้อยท่สี ุดหรือตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ข

ส่วนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะซ่ึงเปน็ คำถามปลายเปิดเพ่อื ใหผ้ ้ตู อบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็น
เกณฑก์ ารประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น มี 5 ระดบั โดยผู้จัดทำโครงการได้เลอื กวิธกี ารของ เร็น
สิส เอลิเคิรท์ ดงั นี้ (Likert’Scale,Rating scale A.2504)

4.50 - 5.00 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยอยรู่ ะดับมากท่สี ุด
3.50 - 4.49 หมายถึง เห็นด้วยอยรู่ ะดบั มาก
2.50 - 3.49 หมายถึง เหน็ ดว้ ยอย่รู ะดับปานกลาง
1.50 - 2.49 หมายถึง เหน็ ดว้ ยอยู่ระดับน้อย
1.00 - 1.49 หมายถึง เหน็ ด้วยอย่รู ะดบั น้อยมาก

การสร้างเครอื่ งมอื ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลครัง้ น้ี โดยมีการสร้างเครอ่ื งมอื ดังน้ี
- ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพ่อื กำหนดแนวทางในการสรา้ งเคร่ืองมือในการศึกษาให้

ครอบคลมุ เนอื้ หาที่กำหนด
- จัดทำแบบสอบถามเพ่อื ใชใ้ นการเก็บข้อมูลเกยี่ วกับ พวงกุญแจไม้หอ้ งพกั
- ตรวจสอบแบบสอบถาม โดยปรึกษาอาจารย์ผู้สอนเก่ยี วกับความถูกต้องของแบบสอบถาม

และขอ้ ควรแกไ้ ขของแบบสอบถามเพอ่ื นำไปใชใ้ นการเก็บข้อมลู ทถ่ี กู ต้อง
- ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามที่ควรแก้แล้วเสนอต่ออาจารย์อีกคร้ังเพื่อตรวจเช็คความ

ถกู ต้องอกี ครง้ั กอ่ นจะนำไปใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มูล

3.3 ขนั้ ตอนการดำเนินงาน
1) การวางแผน (P)
- กำหนดช่ือเรือ่ งและศึกษารวบรวมข้อมลู ปญั หา ความสำคัญของโครงการ
- เขยี นแบบนำเสนอโครงการ
- ขออนมุ ตั โิ ครงการ

29

2) ขั้นตอนการดำเนินการ (D)
- ศึกษา ประดษิ ฐ์พวงกญุ แจไม้ห้องพกั ประเมนิ ผลและปรับปรงุ คร้ังที่ 1
- ศกึ ษา ประดิษฐ์พวงกญุ แจไม้ห้องพกั ประเมนิ ผลและปรับปรงุ คร้ังที่ 2
- ศกึ ษา ประดษิ ฐ์พวงกญุ แจไม้หอ้ งพัก ประเมนิ ผล ครัง้ ท่ี 3

3) ขั้นตอนการตรวจสอบ (C)
- กล่มุ ประชากรใชง้ านพวงกญุ แจไม้ห้องพัก
- ประเมนิ ผลความพึงพอใจของการพวงกุญแจไม้ห้องพกั

4) ขั้นประเมินตดิ ตามผล (A)
- สรุปผลการประเมินความพึงพอใจผลติ ภัณฑ์พวงกญุ แจไม้ห้องพัก
- จดั ทำเลม่ โครงการ
- นำเสนอโครงการ

3.4 การวิเคราะห์และสรุปผล
ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวม ผู้จัดทำโครงการได้ทำการตรวจสอบความเรียบร้อยของ

แบบสอบถาม และนำขอ้ มลู มาประมวลผลดว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์สำเรจ็ รูป สำหรับการคิดค่าร้อย
ละ การหาค่าเฉลี่ย ( ̅) และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D) ดงั น้ี

1) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยการแจกแจง
ความถีแ่ ละรอ้ ยละ

สูตรการหาคา่ รอ้ ยละ
ค่ารอ้ ยละ = ความถ่ที ่ีตอ้ งการเปรยี บเทยี บ x 100
จำนวนรวมท้ังหมด

2) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 2 แบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างคณะครู
บุคลากร นักเรียน-นักศึกษา ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ในการวิเคราะห์ได้แก่ การหาค่าเฉลยี่
( ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)

× =∑

n

× แทน คา่ คะแนนเฉลย่ี
∑ แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมด
n แทน ขนาดของกลมุ่ ตวั อย่าง

30

สตู รการหาคา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน

S.D.√n ∑ x2 [∑ x]2
n(n-1)

เม่ือ S.D. แทน ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนของกลุ่มตวั อยา่ ง
[∑ x]2 แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมดยกกำลังสอง
∑ x2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตวั อยา่ งยกกำลงั สอง

n แทน ขนาดของกล่มุ ตัวอยา่ ง

บทที่ 4
ผลการศกึ ษา

ในการจัดทำโครงการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นการประดิษฐ์นำไม้ที่เหลือใช้มา
ประยุกต์ใช้เพื่อให้ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้
ผู้ใช้บริการในโรงแรมอาคารปฏิบัติการโรงแรมอาชีวศึกษาเชียงใหม่ โดยมีผลการศึกษาดังหัวข้อ
ต่อไปนี้

สว่ นท่ี 1 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู สว่ นบุคคล
ส่วนท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจของผใู้ ช้พวงกุญแจไม้ห้องพกั
สว่ นท่ี 3 การจัดลำดับผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ใชพ้ วงกุญแจไม้ห้องพกั
ส่วนท่ี 4 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ

ส่วนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสว่ นบคุ คล
จากการศึกษาเรือ่ งกระเป๋าใส่โทรศพั ท์ ผู้ศกึ ษาได้วิเคราะหข์ ้อมูลส่วนบุคคลซึง่ ประกอบด้วย

ข้อมลู เก่ยี วกบั เพศ ชว่ งอายุ อาชีพ และการศกึ ษา โดยหาค่ารอ้ ยละ ซง่ึ ผลการวเิ คราะห์ปรากฏ ดังนี้
ตารางท่ี 1 ตางรางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู ส่วนบคุ คลดา้ นเพศ

เพศ จำนวน รอ้ ยละ

ชาย 10 20
หญิง 40 80

รวม 50 100

จากตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ด้านข้อมูลส่วนบคุ คลด้านเพศ พบว่า เมือ่
จำแนกตามเพศ ผ้ตู อบแบบประเมินความพึงพอใจส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ คิดเปน็ รอ้ ยละ 80 และเพศ
ชายคิดเปน็ ร้อยละ 20 ตามลำดับ

อายุ จำนวน รอ้ ยละ
ระหวา่ ง 16-18 ปี 10 20
ระหว่าง 19-24 ปี 40 80
- -
25 ปี ข้นึ ไป 50 100
รวม

32

จากตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านช่วงอายุ สรุปได้ดังนี้ ผู้ตอบแบบ

ประเมินความพึงพอใจส่วนใหญ่ในช่วงอายุระหวา่ ง 16-18 ปี คิดเป็นร้อยละ 20 ลำดับต่อมา ช่วง

อายุระหว่าง 19-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 80 ช่วงอายุระหว่าง 25ปี ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 0 เป็นลำดับ

สดุ ทา้ ย

ตารางท่ี 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลส่วนบคุ คลด้านอาชีพ

อาชีพ จำนวนคน รอ้ ยละ

นักศกึ ษา 49 98

ครแู ละบุคลากร 1 2

อ่ืน ๆ - -

รวม 50 100

จากตารางท่ี 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอาชีพ ผู้ศึกษาได้สรุปผล

การวเิ คราะห์พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามส่วนใหญเ่ ปน็ นกั เรียน/นกั ศึกษา 49 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 98.00

ลำดบั ตอ่ มาเป็น ครูและบคุ ลากร 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 2.00 ตามลำดับ

ตารางที่ 4 ตารางแสดงผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลส่วนบคุ คลด้านการศกึ ษา

ระดบั จำนวน ร้อยละ

ปวช. 2 4

ปวส. 39 78

ปรญิ ญาตรี 9 18

รวม 50 100

จากตารางท่ี 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านการศึกษา ผู้ศึกษาได้

สรุปผลการวเิ คราะห์พบว่า ผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่ศกึ ษาอย่ปู วส. 39 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 78.00

รองลงมาศกึ ษาอยปู่ รญิ ญาตรี 9 คน คดิ เป็นร้อยละ 18.00 ปวช. 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 4.00 ตามลำดับ

สว่ นท่ี 2 ผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ใช้พวงกุญแจไม้หอ้ งพัก

การศกึ ษาครงั้ น้ผี ู้ศกึ ษาได้ศึกษาเรอื่ ง พวงกญุ แจไม้ห้องพกั โดยการหาคา่ เฉล่ีย ( ̅) และส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) จากแบบสอบถามความพึงพอใจผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ห้องพัก ข้อมูล
ปรากฏดังนี้

33

ตารางที่ 5 ตารางแสดงผลการวเิ คราะหค์ วามพงึ พอใจของผ้ใู ช้พวงกุญแจไมห้ ้องพัก

รายการแบบสอบถาม ผลการประเมิน
̅ S.D. ผลการประเมิน

1.สีสันของผลิตภัณฑ์พวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความ 3.80 0.53 มาก

เหมาะสม

2.พวงกุญแจไม้ห้องพักมีรูปแบบที่กะทัดรัดและ 3.70 0.65 มาก
เรยี บรอ้ ย

3.ลวดลายของพวงกญุ เเจไม้หอ้ งพักมคี วามสวยงาม 3.86 0.61 มาก
4.ขนาดของพวงกุญแจไมม้ ีขนาดท่ีเป็นมาตรฐานต่อการ 3.80 0.57 มาก
ใช้งาน
5.ความคงทนของผลิตภัณฑ์พวงกญุ แจไม้ 3.70 0.65 มาก
6.ความคดิ สร้างสรรค์ของผลติ ภณั ฑพ์ วงกญุ แจไม้ 3.80 0.61 มาก

7.การนำทัพยากรไม้ในท้องถิ่นนำมาแปรรูปให้มีคุณคา่ 3.88 0.56 มาก
มากข้นึ

8.รปู แบบของพวงกุญไม้หอ้ งพกั มีความทันสมัย 3.90 0.54 มาก

9.รูปทรงของพวงกุญแจไม้มีสัดส่วนและรูปทรงที่ 3.76 0.66 มาก
เหมาะสม

10.สามารถเพมิ่ ความสะดวกสบายให้แก่ผ้ใู ช้งาน 3.80 0.53 มาก

รวม 3.80 0.05 มาก

จากตารางที่ 5 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก ได้

สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมลู พบวา่ ผลสรปุ ภาพรวมของความพึงพอใจของผ้ใู ช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก อยู่

ในระดบั มาก ( ̅=3.80) ซ่ึงส่วนใหญพ่ บว่าสีสนั ของผลิตภัณฑ์พวงกญุ แจไม้ห้องพักมีความเหมาะสม

เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ลำดับต่อมาพวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความเหมาะสม

รปู แบบที่กะทัดรดั และเรียบร้อย เกณฑก์ ารประเมินอยใู่ นระดบั มาก ( ̅=3.70) ลวดลายของพวงกุญ

เเจไมห้ ้องพักมคี วามสวยงาม เกณฑก์ ารประเมินอย่ใู นระดับ มาก ( ̅=3.86) ขนาดของพวงกุญแจไมม้ ี

ขนาดที่เป็นมาตรฐานต่อการใช้งาน เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ความคงทนของ

ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.70) ความคิดสร้างสรรค์ของ

ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมินอยูใ่ นระดับ มาก ( ̅=3.80) การนำทัพยากรไมใ้ นท้องถ่นิ

นำมาแปรรปู ใหม้ คี ุณคา่ มากข้นึ เกณฑ์การประเมนิ อยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.88) รปู แบบของพวงกญุ ไม้

34

ห้องพักมีความทันสมัยเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.90)รูปทรงของพวงกุญแจไม้มี
สัดส่วนและรูปทรงที่เหมาะสม เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.86) สามารถเพิ่มความ
สะดวกสบายใหแ้ กผ้ ใู้ ช้งาน เกณฑก์ ารประเมินอยูใ่ นระดบั มาก ( ̅=80) เปน็ ลำดบั สุดทา้ ย

ส่วนที่ 3 การจดั ลำดบั ผลการวิเคราะหค์ วามพงึ พอใจของผใู้ ช้พวงกุญแจไมห้ ้องพกั

การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ศึกษาเรื่อง ป้ายเลขห้องพัก โดยการหาค่าเฉลี่ย ( ̅) และส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) และจัดลำดับความพึงพอใจผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ห้องพัก ข้อมูลปรากฏ
ดงั น้ี

ตารางท่ี 6 ตารางการจัดลำดบั ผลการวิเคราะหค์ วามพงึ พอใจของผใู้ ช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก

รายการแบบสอบถาม ผลการประเมนิ
̅ S.D. ผลการประเมนิ ลำดบั ท่ี

สีสันของผลติ ภัณฑ์พวงกุญเเจไมห้ ้องพักมคี วาม 3.80 0.53 มาก 1
เหมาะสม

พวงกุญแจไม้ห้องพักมีรูปแบบที่กะทัดรัดและ 3.70 0.65 มาก 2

เรยี บร้อย

ลวดลายของพวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความ 3.86 0.61 มาก 3

สวยงาม

ขนาดของพวงกุญแจไม้มีขนาดที่เป็นมาตรฐาน 3.80 0.57 มาก 4

ตอ่ การใชง้ าน

ความคงทนของผลติ ภณั ฑ์พวงกุญแจไม้ 3.70 0.65 มาก 5

ความคดิ สร้างสรรคข์ องผลติ ภัณฑพ์ วงกุญแจไม้ 3.80 0.61 มาก 6

การนำทัพยากรไม้ในท้องถิ่นนำมาแปรรูปให้มี 3.88 0.56 มาก 7

คุณค่ามากขนึ้

รูปแบบของพวงกญุ ไมห้ ้องพักมีความทนั สมัย 3.90 0.54 มาก 8

รูปทรงของพวงกุญแจไม้มสี ัดส่วนและรูปทรงที่ 3.76 0.66 มาก 9

เหมาะสม

สามารถเพมิ่ ความสะดวกสบายใหแ้ ก้ผ้ใู ช้งาน 3.80 0.53 มาก 10

รวม 3.80 0.05 มาก

35

จากตารางท่ี 6 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของผู้ใช้พวงกญุ แจไมห้ ้องพัก ไดส้ รุปผลการ
วิเคราะห์ข้อมูล พบว่าผลสรุปภาพรวมของความพึงพอใจของผู้ใช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก อยู่ในระดบั
มาก ( ̅=3.80) ซ่งึ ส่วนใหญพ่ บว่าสีสนั ของผลติ ภณั ฑ์พวงกุญแจไมห้ อ้ งพกั มีความเหมาะสม เกณฑ์การ
ประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ลำดับต่อมาพวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความเหมาะสมรูปแบบที่
กะทัดรัดและเรียบร้อย เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.70) ลวดลายของพวงกุญเเจไม้
หอ้ งพักมคี วามสวยงาม เกณฑก์ ารประเมินอยใู่ นระดับ มาก ( ̅=3.86) ขนาดของพวงกญุ แจไม้มขี นาด
ที่เป็นมาตรฐานต่อการใช้งาน เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ความคงทนของ
ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.70) ความคิดสร้างสรรค์ของ
ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมนิ อยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) การนำทัพยากรไมใ้ นท้องถน่ิ
นำมาแปรรปู ให้มีคณุ คา่ มากขน้ึ เกณฑก์ ารประเมินอยู่ในระดบั มาก ( ̅=3.88) รูปแบบของพวงกุญไม้
ห้องพักมีความทันสมัยเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.90)รูปทรงของพวงกุญแจไม้มี
สัดส่วนและรูปทรงที่เหมาะสม เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.86) สามารถเพิ่มความ
สะดวกสบายให้แก้ผู้ใชง้ าน เกณฑก์ ารประเมนิ อยู่ในระดับ มาก ( ̅=80) เป็นลำดบั สุดท้ายพวงกุญไม้
ห้องพักมีความทันสมัยเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.90)รูปทรงของพวงกุญแจไม้มี
สัดส่วนและรูปทรงที่เหมาะสม เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก ( ̅=3.86) สามารถเพิ่มความ
สะดวกสบายให้แก้ผู้ใช้งาน เกณฑก์ ารประเมนิ อยใู่ นระดับ มาก ( ̅=80) เปน็ ลำดบั สดุ ทา้ ย

ส่วนที่ 4 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ

1) ควรเพิม่ รูปทรงต่างๆ
2) ลดความหนาของแผ่นไม้

บทท่ี 5
สรปุ ผล อภปิ ปรายและขอ้ เสนอแนะ

ในการศึกษาผลติ ภัณฑพ์ วงกญุ เเจไมห้ อ้ งพกั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือประดษิ ฐ์พวงกญุ เเจไมห้ อ้ งพัก
เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานพวงกุญเเจไม้ห้องพัก โดยมีกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (
Purposive sampling ) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของผู้วิจัยเอง
ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ กลุ่มผู้ทดลองใช้งานพวงกุญเเจไม้
ห้องพกั 50 คน ระหว่างวนั ที่ 7 ธนั วาคม ถงึ วนั ท่ี 12 มนี าคม 2564 เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการศึกษาครั้งนี้
คือ แบบบันทึกผลการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ โดยสร้างจากกูลเกิลฟอร์ม (Google
form) ซ่ึงผศู้ ึกษาสรา้ วขน้ึ เพ่ือสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พวงกุญเเจไม้ห้องพัก
ผลการศกึ ษามีดังน้ี

5.1 สรุปผลการศกึ ษา
5.2 อภปิ รายผล
5.3 ข้อเสนอแนะ

5.1 สรุปผลการศกึ ษา
จากการศึกษาผลิตภัณฑ์พวงกญุ เเจไม้ห้องพัก สรปุ ผลการศึกษาดังนี้ ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล

ส่วนบุคคลด้านเพศ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 80 ข้อมูลส่วน
บคุ คลด้านอายุ พบว่าผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่ในชว่ งอายุ 19-24 ปี คดิ เป็นร้อยละ 80 และผล
การวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก พบว่าผลสรุปภาพรวมของความพึงพอใจ
ของผู้ใช้พวงกุญแจไม้ห้องพัก อยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าสสี ันของผลิตภณั ฑพ์ วง
กุญแจไม้ห้องพักมีความเหมาะสม เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.80) ลำดับต่อมาพวง
กุญเเจไม้ห้องพักมีความเหมาะสมรูปแบบที่กะทัดรัดและเรียบร้อย เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ
มาก ( ̅=3.70) ลวดลายของพวงกญุ เเจไม้หอ้ งพกั มคี วามสวยงาม เกณฑ์การประเมินอย่ใู นระดบั มาก
( ̅=3.86) ขนาดของพวงกุญแจไม้มีขนาดที่เป็นมาตรฐานต่อการใช้งาน เกณฑ์การประเมินอยู่ใน
ระดับ มาก ( ̅=3.80) ความคงทนของผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก
( ̅=3.70) ความคิดสร้างสรรคข์ องผลติ ภณั ฑพ์ วงกญุ แจไม้ เกณฑก์ ารประเมนิ อยใู่ นระดบั มาก

37

5.2 อภปิ รายผล
จากการศึกษาผลิตภัณฑ์พวงกุญเเจไม้ห้องพัก สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ ผู้ตอบ

แบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายดังนั้น ผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์พวงกุญเเจไม้ห้องพัก ส่วน
ใหญเ่ ปน็ เพศหญิง ดา้ นชว่ งอายเุ นอ่ื งจากพวงกญุ เเจไม้ห้องพกั ผใู้ ชส้ ่วนใหญ่มกั จะเปน็ วยั รุ่นตอนปลาย
ดังน้ันผู้ทดลองใช้ส่วนใหญ่จึงมีอายุ 19-24 ปี ผลการวิเคราะห์แบบประเมินของผู้ใช้พวงกุญเเจไม้
หอ้ งพัก พบว่าพวงกุญเเจไมห้ อ้ งพกั สามารถใชง้ านได้จรงิ

สสี นั ของผลิตภณั ฑ์พวงกญุ แจไม้หอ้ งพักมคี วามเหมาะสม เกณฑก์ ารประเมนิ อยู่ในระดบั มาก
( ̅=3.80) เนอ่ื งจาก สสี นั ของพวงกญุ แจไมห้ อ้ งพักมสี ีที่เหมาะสมและเปน็ สที ีม่ าจากธรรมชาติ

พวงกญุ เเจไมห้ ้องพกั มีความเหมาะสมรูปแบบทีก่ ะทดั รัดและเรียบร้อย เกณฑก์ ารประเมนิ อยู่
ในระดับ มาก ( ̅=3.70) เนื่องจาก พวงกุญเเจไม้ห้องพักมีรูปแบบของผลิตภัณฑ์อยู่ในขนาดที่
เหมาะสมและเรียบร้อย

ลวดลายของพวงกุญเเจไม้ห้องพักมีความสวยงาม เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก
( ̅=3.86) เนื่องจาก ลวดลายของผลิตภณั ฑ์มีลวดลายท่มี ีความสวยงามและเหมาะสม

ขนาดของพวงกุญแจไม้มีขนาดทีเ่ ปน็ มาตรฐานต่อการใช้งาน เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ
มาก ( ̅=3.80) เนอื่ งจาก ขนาดของพวงกญุ แจไม้มขี นาดตรงตามมาตรฐานท่ีเหมาะสมตอ่ การใช้งาน

ความคงทนของผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.70)
เน่อื งจาก ผลิตภณั ฑ์มคี วามคงทนแก่การใชง้ านและสามารถใชง้ านได้ยาวนาน

ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก
( ̅=3.80) เนื่องจาก การออกแบผลิตภณั ฑม์ ีความคดิ สรา้ งสรรค์และทนั สมัย

การนำทัพยากรไม้ในท้องถิ่นนำมาแปรรูปใหม้ ีคุณค่ามากขึ้น เกณฑ์การประเมินอยู่ในระดบั
มาก ( ̅=3.88) เนือ่ งจาก มีการนำไม้ท่ีมอี ยูใ่ นทอ้ งถิน่ มาแปรรปู ให้เกิดประโยชนแ์ ละเพม่ิ คุณค่าให้กับ
ผลติ ภัณฑ์

รูปแบบของพวงกญุ ไม้ห้องพกั มีความทันสมัยเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับ มาก ( ̅=3.90)
เนื่องจาก ความทันสมัยของรูปแบบมีการออกแบบและสามารถนำไปผลิตใหมใ่ ห้เหมาะสมแก่การใช้
งาน

38

5.3 ข้อเสนอแนะ
1. ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษา
ในการศึกษาผลิตภัณฑ์พวงกุญแจไม้ห้องพัก ผู้ทดลองใช้มีความพึงพอใจในเรื่องของ พวง

กุญแจไม้ห้องพกั ผลติ ภัณฑ์มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อห้องพัก ผลิตภัณฑ์มีความสวยงามและ
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สะดวกต่อการใช้งาน

2. ข้อเสนอแนะในการศกึ ษาคร้งั ตอ่ ไปในการศกึ ษาคร้งั ต่อไปควรพัฒนาการทำพวงกุญแจไม้
หอ้ งพัก ให้มคี วามหลากหลายในเร่ืองของสีสนั ลวดลายและรูปทรงของพวงกญุ แจ

บรรณานุกรม

ธนกร นิรนั ดร์ (2559). การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ที่นำเศษไม้เหลือใชม้ าแปรรูป.(ออนไลน)์
เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://scholar.google.co.th/
(วันทส่ี ืบค้น : 3 มกราคม 2564).

โอรส เหล่าสนั ติสุข (2561). รอยตอ่ ระหว่างจุดเริ่มตน้ และปลายทางของงานไม้.(ออนไลน์)
เขา้ ถงึ : http://repository.rmutr.ac.th/
(วันที่สบื คน้ : 14 มกราคม 2564).

ชาลี ลทั ธิ (2527). เทคโนโลยีงานไม้.(ออนไลน)์
เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://www.slideshare.net/krubo/ss-14884808
(วนั ทส่ี ืบค้น : 21 มกราคม 2564).

กิตตพิ ชิ ญ์ อุดมลาภ (2553). งานวจิ ัยการศึกษาและพฒั นาการนำวัสดไุ ม้ท่เี หลือใช้จาก
อตุ สาหกรรมมา พัฒนาชุดปฏบิ ตั ิการผลิตต้นแบบงานเฟอรน์ เิ จอรจ์ ากไมพ้ าเลท.(ออนไลน)์

เขา้ ถึงได้จาก : http://journal.nmc.ac.th/
(วนั ท่ีสบื ค้น : 25 มกราคม 2564).
ปยิ ภรณ์ คำยง่ิ ยง (2559). กรณีศึกษาผลิตภณั ฑ์ตกแต่งบา้ นจากเศษไม.้ (ออนไลน)์
เข้าถงึ ได้จาก : http://dspace.bu.ac.th/
(วนั ที่สบื คน้ : 26 มกราคม 2564).

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก
โครงรา่ งแบบนำเสนอโครงการ


Click to View FlipBook Version