The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by LTC.Winita Chatameteekul, 2022-10-14 00:20:54

ทหารปืนใหญ่

ทหารปืนใหญ่

Keywords: ทหารปืนใหญ่

๕ - ๒๓

๒. ผปยส.จะเป็นผจู้ ดั ทาหัวข้อการยงิ ทีอ่ ยู่ใน "แนวความคดิ ในการปฏบิ ัติ" และเปน็ ผ้ปู ระสานการจดั ทา
หัวข้อ "การยิงสนับสนนุ " ซ่งึ ถอื เป็นโครงสร้างของ "แผนการยิงสนบั สนุน"

"แผนการยิงสนับสนุน" นี้ประกอบด้วยหัวข้อของแต่ละระบบการยิงสนับสนุนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ
ข้อมูลต่างๆ ที่ ผปยส.จะได้รับมาจากตัวแทนระบบอาวุธท่ีเหมาะสมภายใน สยส.น่ันเอง ถ้าแผนน้ีมีส่วน
ท่ีต้องขยายความมากก็ให้จัดทาเป็น "ผนวก" ขึ้นได้ตามความเหมาะสมโดย ผปยส.กับ สธ./ฝอ.๓ ร่วมกัน
พจิ ารณาวา่ จะจัดทาผนวกข้ึนตา่ งหากหรอื จะเอารวมไวใ้ นตัวคาสงั่ น้ัน

๓. "แผนการยิงสนบั สนุน" ของแต่ละ บก.หนว่ ยไมไ่ ด้เก่ยี วข้องกบั ข้อมูลเปา้ หมายท่ีส่งมาจากหน่วยรอง
แต่จะบอก ผบ.หน่วยรองว่า เขาจะต้องทาอะไรบ้างและมีอะไรที่จาเป็นต้องทราบเพ่ือปฏิบัติภารกิจให้สาเร็จ
ในแผนน้ันไม่ควรเขียนหัวข้อใน รปจ.และคาแนะนาท่ีขยายความว่าแต่ละระบบอาวุธควรจะทาอย่างไร เช่น
คาแนะนาที่ ป.สนาม จะโจมตีเป้าหมายอันหนึ่งอย่างไร ข่าวสารดังกล่าวที่จะให้กับแต่ละระบบอาวุธน้ัน
ควรบรรจไุ ว้ใน "แผนการสนับสนุน" ของแตล่ ะระบบอาวุธซงึ่ จดั ทาขึน้ ภายหลังจากไดร้ บั "แผนการยงิ สนับสนุน"
มาแลว้ และก็จะแจกจ่ายกนั เฉพาะระบบอาวธุ ยิงน้นั เทา่ นัน้

คาสง่ั ยุทธการและแผนการยิงสนบั สนนุ
คาสงั่ ยทุ ธการกองพล
๑. สถานการณ์
๒. ภารกิจ
๓. การปฏิบัติ
ก. แนวความคดิ ในการปฏิบัติ
๑) เจตนารมย์
๒) กลยุทธ์
๓) การยิง

ผปยส.เป็นผจู้ ดั ทา ข. กรมทหารราบท่ี ๑
ค. .............
ง. .............
จ. การยงิ สนบั สนุน

ประสานการจัดทากับ ๑) ป.สนาม ทาเป็น
ตัวแทนระบบอาวุธนัน้ ๆ ๒) สอก. ผนวกได้
๓) ปนื เรือ ถา้ ต้องการ
๔) นวิ เคลยี ร์
๕) เคมี
๖) คาแนะนาในการประสานฯ


๕ - ๒๔

แผนการสนับสนนุ ของแตล่ ะระบบอาวุธยิงสนับสนนุ

แผน แผน แผน แผน แผน แผน
ป.สนาม ปืนเรอื นวิ เคลียร์ เคมี ระบบอาวธุ
สอก.
อ่นื ๆ

ฝอ.๓ ผช.สธ./ฝอ.๓ จัดทาโดย น.เคมี ตัวแทน
ป.สนาม อากาศ ระบบอาวธุ
นตต. ผปยส. นน้ั ๆ
ปนื เรอื

การแจกจา่ ย

หนว่ ย ป. หนว่ ย ทอ. เรือ ผนวก ผนวก ระบบ
จา่ ยพร้อมกบั จา่ ยพรอ้ มกบั อาวุธ
คาสง่ั ยุทธการ คาส่งั ยทุ ธการ นนั้ ๆ

การแจกจ่ายแผนการยิงสนบั สนนุ
หลังจากที่ได้จดั ทา "แผนการยิงสนับสนุน" เสร็จแล้วก็จะแจกจ่ายไปกับคาสั่งยุทธการของหน่วย และ

ถอื ว่าเปน็ ส่วนประกอบหนง่ึ ของคาส่งั ยทุ ธการดว้ ย การแจกจา่ ยก็จะเปน็ ไปตามรปู ขา้ งล่างนี้
รปู แสดงการแจกจา่ ยแผนการยงิ สนบั สนุน

XX

คาสงั่ ยุทธการ
แผนการยิงสนับสนนุ

คาส่ังยทุ ธการ
แผนการยิง
สนบั สนนุ

อาวุธยงิ สนบั สนุน

ชต. อาวธุ ยงิ สนับสนนุ


๕ - ๒๕

ผนวกการยิงสนบั สนนุ
๑. ในระดับหน่วยใหญ่ๆ แผนการยิงสนับสนุนอาจมีใจความมากจนไม่สามารถเอาไปบรรจุร่วมไว้

ในตัวคาส่ังยุทธการได้ เพราะจะทาให้คาส่ังยุทธการยาวมากจนเกินไป ในกรณีดังกล่าวน้ีนายทหารยุทธการ
ของหน่วยกาลังรบ (ซ่ึงเป็นผ้รู ับผิดชอบในการจัดทาคาส่งั ยทุ ธการ) ก็อาจกาหนดให้เขียนแผนการยิงสนับสนุน
อย่างจากัดได้ในข้อ ๓ ของคาส่ังยุทธการแล้วจัดทา "ผนวกการยิงสนับสนุน" ข้ึนอีกโดยให้เป็นการเพิ่มเติม
ขา่ วสารท่กี ลา่ วไว้ในข้อ ๓ ของคาส่งั ยุทธการดังกล่าว

๒. ความจาเป็นท่ีต้องทาเอกสารเพิ่มเติมให้มากข้ึนอีกน้ี นายทหารยุทธการของหน่วยกาลังรบกับ
ผ้ปู ระสานการยิงสนบั สนุนจะต้องชงั่ น้าหนกั ด้วยความระมัดระวงั เพราะจะขัดกับคณุ ลกั ษณะของคาส่งั ยทุ ธการ
ถ้าแผนการยิงสนับสนุนท่ีกล่าวไว้ในข้อ ๓ มีข่าวสารท่ีจาเป็นเพียงพอแล้วก็ไม่ควรจะต้องจัดทาผนวกการยิง-
สนับสนุนขนึ้ มาอีก

แผนการสนับสนุนของทหารปืนใหญ่
แผนการสนับสนุนของทหารปืนใหญ่เป็นแผนทางยุทธวิธีของผู้บังคับหน่วยดาเนินกลยุทธ์ ท่ีจะใช้

อานาจการยิงท้ังสิ้นของหน่วยทหารปืนใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการในคร้ังนั้นๆ นายทหารยุทธการ
ของ ป.สนามน้ี จะเป็นผู้จัดทาแผนน้ีโดยอาศัยแนวทางปฏิบัติ, เป้าหมายต่างๆ และคาแนะนาท่ีปรากฏ
ในแผนการยิงสนับสนุนของคาส่ังยุทธการหรืออาจจะได้ข่าวสารด้วยวาจามาจาก "ส่วนยิงสนับสนุน"
แผนการสนับสนุนของ ป.สนามนี้ จะต้องเป็นแผนที่ได้พิจารณาใช้ ปืนใหญ่สนามสนับสนุนหน่วยกาลังรบ/
ดาเนนิ กลยุทธ์อยา่ งเต็มขีดความสามารถของอาวธุ และจะใช้เป็นเคร่อื งมอื แจ้งขา่ วสารเก่ียวกับแนวทางการปฏิบัติ
ของผู้บังคับหน่วย ป.สนามด้วย แนวทางนี้จะประกอบด้วย การกาหนดหน่วยยิงให้ทาการโจมตีต่อเป้าหมาย
วิกฤติต่างๆ ที่ขัดขวางการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายเราและวิธีการต่างๆ ท่ีหน่วย ป.สนามจะใช้ในการโจมตี
เปา้ หมาย แต่เน่ืองจากการรบน้ันดาเนนิ ไปตลอดเวลา ดังนน้ั จงึ อาจจะต้องแจง้ แผนการสนับสนุนของ ป.สนาม
ในส่วนท่ีจาเป็นให้กับหน่วยปฏิบัติด้วยวาจาไปก่อนเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามแผนได้ทันเวลา เสร็จแล้ว
จึงส่งแผนท่ีเป็นเอกสารสมบูรณ์ตามไปทีหลัง แผนการยิงสนับสนุนของ ป.สนาม เมื่อทาเสร็จสมบูรณ์แล้ว
จะประกอบด้วยสว่ นข้อความ, บัญชเี ป้าหมาย และตารางการยิงสนับสนุนตา่ งๆ

๑. ลาดับขั้นตอนในการจัดทา "แผนการสนับสนุนของ ป.สนาม" (ลาดับน้ีใช้ได้ท้ัง ศปย.กรม ป. และ
ศอย.พนั .ป.ชต. ซงึ่ มหี น้าทใ่ี นการจัดทาแผนน้ี)

๑.๑ เรียบเรียงเป้าหมายต่างๆ ที่ได้รับมาจากส่วนวางแผนต่างๆ ลงบน "แผ่นบันทึกงาน
บัญชีเป้าหมาย" แล้วเขียนกากับลงในช่องกาหนดงานว่าจะต้องใช้วิธีการโจมตีวิธีใดบ้าง เช่น การยิงเตรียม,
การยงิ ทาลายการเตรียม, กลมุ่ เป้าหมาย, อันดับเป้าหมาย และโครงการเป้าหมายต่างๆ

๑.๒ กรุยเป้าหมายลงบนแผ่นบริวารเป้าหมาย และกาหนดหมายเลขเป้าหมายท่ียังไม่มีเลข
ตามความเหมาะสม

๑.๓ ตรวจแก้เปา้ หมายทซ่ี ้ากนั
๑.๔ พจิ ารณาหนว่ ยยิงและวธิ โี จมตตี ่อเป้าหมายแตล่ ะเปา้ หมาย
๑.๕ จัดทาเป็นตารางการยิงลงใน "แผ่นบันทึกงานตารางการยิง" เมื่อมีเป้าหมายท่ีต้องทาการยิง
ตามกาหนดเวลา เช่น การยิงเตรียม, การยิงทาลายการเตรียม, อันดับเป้าหมาย, โครงการเป้าหมายและ
กล่มุ เปา้ หมาย
๑.๖ ทาเครื่องหมายในช่องกาหนดงานอีกคร้ัง เพื่อแสดงว่าเป้าหมายน้ันได้ดาเนินการเสร็จ
เรียบร้อยแล้ว
๑.๗ จดั ทาส่วนขอ้ ความ


๕ - ๒๖

๑.๘ แยกขอ้ มลู ทสี่ าคญั ๆ จากแผ่นบันทกึ งานบัญชีเป้าหมาย และแผ่นบันทึกงานตารางการยงิ แล้ว
นาไปจัดทาบัญชีเป้าหมายกับตารางการยิงต่างๆ ในรูปเอกสารเพื่อนาไปประกอบกับส่วนข้อความรวมกัน
เปน็ "แผนการสนับสนุนของ ป.สนาม" ท่ีสมบรู ณ์ต่อไป

๒. แผ่นบนั ทึกงานบญั ชเี ปา้ หมาย
แผ่นบันทึกงานบัญชีเป้าหมายนี้ใช้เพื่อรวบรวมเป้าหมายต่างๆ สาหรับวางแผนการยิง และถือว่าเป็น
เอกสารต้นเรื่องของ "บัญชีเป้าหมาย" ที่เป็นสว่ นประกอบหนึ่งของ "แผนการสนับสนุนของ ป.สนาม" ข้อมลู ต่างๆ
ท่ีอยู่ในแผ่นบันทึกงานบัญชีเป้าหมายนั้นจะใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะทาการโจมตีแต่ละเป้าหมายอย่างไร
ช่องต่างๆ ของแผ่นบันทกึ งานบัญชเี ปา้ หมายจะมีตัวอักษรกากบั และมชี ่องสาหรบั กาหนดงานอีก ๕ ชอ่ ง (ดตู ามรูป)
อกั ษรกากบั ชอ่ งต่างๆ นั้นจะชว่ ยให้การสง่ ข้อมลู ทางวิทยหุ รอื เครอ่ื งมือสื่อสารอ่ืนๆ รวดเร็วขนึ้

แผ่นบันทึกงานบญั ชีเป้าหมาย แผน่ ท่ี.....ใน.........แผ่น

บรร หมายเลข ลักษณะ ท่ตี ง้ั ความ แนว ขนาด แหลง่ ข่าว หมาย ตอ่ ตา้ น ป/ค
ทดั ที่ เป้าหมาย เปา้ หมาย เป้าหมาย สูง เฉียง ความถูก เหตุ
(ข) (ค) (ง) (จ) ยาว กว้าง ต้อง (ซ) (ด) อนั ดับ
(ก) (ฉ) (ช) กเปลา้ ุ่มหเปมาา้ ยหมาย
กลุม่
ง๑อ ยงิ เตรียม

๑ ข ๔๐๗๑ ทก.สงสัย ๘๗๖๘๔๑ ๑๐๐ ๒๐๐ ๑๐๐

๒ ข ๔๐๘๑ ทก.กรม ๘๓๖๘๓๕ ๙๐ ๑๕๐ ๑๐๐ กลมุ่
ง๑อ

๓ ฮ ๒๑๗๐ รอ้ ย ป.๑๒๒ ๘๙๔๗๙๐ ๑๐๐ ๑๕๐๐ ๒๕๐ ๑๐๐

๔ ก ๓๒๒๑ รอ้ ย ป.๑๕๒ ๙๙๓๗๙๕ ๙๐ ๑๗๐๐ ๓๐๐ ๒๐๐ ตามคา
ขอ
๕ ก ๓๒๓๓ ทีต่ รวจ ๘๘๙๘๐๒ ๑๒๕
การณ์

๖ ค ๒๕๗๗ ร้อย ป.๑๒๒ ๙๐๖๗๘๗ ๘๐ ๐๗๐๐ ๒๕๐ ๑๕๐ ๑๐๐


๕ - ๒๗

คุณลกั ษณะอาวธุ ทหารปืนใหญ่

ประเภท ระยะยงิ ไกลสดุ นา้ หนัก อตั รายงิ ยานพาหนะ หมายเหตุ
(ม.) ๔,๙๘๐ lbs (นัด/นาที) (ตนั ) แบบ M101 A1
๒,๒๘๐ lbs ปกติ ๓,
ปบค.๙๕ ๑๑,๒๗๐ ๑,๒๕๐ lbs สูงสดุ ๑๐ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน แบ M101 A1
๓,๑๕๓ กก. ปกติ ๓, (ลจ.) ปรับปรุง
ขนาด ๑๐๕ มม. ๓,๑๔๐ lbs สูงสดุ ๖-๘ แบบ M56
๒,๒๓๕ กก. ต่อเนอ่ื ง ๓, รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน
ปบค.๙๕ (ปรับปรุง) ๑๗,๕๐๐ ๑,๔๘๕ กก. สูงสดุ ๑๐ (ลจ.) แบบ M425
๑๒,๗๐๐ lbs ต่อเนอ่ื ง ๓,
๑๐๕ มม. ๙๒,๐๐๐ กก. สงู สุด ๑๐ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน แบบ M102
ปกติ ๓, (ลจ.)
ปบค.๒๙ ๑๐,๒๒๒ ๗,๐๔๐ กก. สงู สดุ ๑๐ แบบ M618 A2
ปกติ ๓, รยบ. ๒ ๑/๒ ตนั (ศอว.ทบ.ผลิต)
ขนาด ๑๐๕ มม. ๑๐,๐๗๐ กก. สูงสดุ ๑๐ (ลจ.) แบบ LG 1
๒๔,๙๔๘ กก. ตอ่ เนอ่ื ง ๘,
ปบค.๒๕ ๑๔,๕๐๐ ๑๔.๕ ตัน สงู สุด ๑๒ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน แบบ M114,
ปกติ ๑, (ลจ.) M114 A1
ขนาด ๑๐๕ มม. สงู สุด ๔ แบบ M71
ปกติ ๑, รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน
ปบค.๑๗ ๑๑,๕๐๐ สงู สดุ ๔ (ลจ.)

ขนาด ๑๐๕ มม. ต่อเน่อื ง ๒, รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน
สงู สดุ ๔ (ลจ.)
ปบค. ๑๑,๐๐๐
ตอ่ เนือ่ ง ๒, รยบ. ๕ ตัน
ขนาด ๑๐๕ มม. สงู สุด ๗ (ลจ.)
ต่อเนื่อง ๑,
ปบค.๓๙ ๑๗,๕๐๐ สงู สุด ๔ รยบ. ๕ ตนั
- (ลจ.)
ขนาด ๑๐๕ มม.

ปบค.๐๓ ๑๔,๖๐๐

ขนาด ๑๕๕ มม.

ปนร.๒๐ ๒๓,๔๘๐

ขนาด ๑๕๕ มม. ๓๒,๐๐๐

(พเิ ศษ)

ปกค.๒๕ ๑๘,๐๐๐ รยบ. ๕ ตนั แบบ M198
(ลจ.)
ขนาด ๑๕๕ มม. ๓๐,๐๐๐

(พิเศษ)

ปนร.๓๔ ๓๙,๖๐๐ รยบ. ๕ ตัน แบบ GHN45 A1
(ลจ.) แบบ M109 A5
ขนาด ๑๕๕ มม.
อตั ตาจร
ปกค.๓๗ อจ. ๓๐,๐๐๐

ขนาด ๑๕๕ มม.

จลก.๓๐ ๑๐,๑๐๐ อัตตาจร ๓๐ ลากลอ้ ง
ระยะยงิ ใกล้สดุ
ขนาด ๑๓๐ มม. ๓.๕ กม.


๑-๑

บทที่ ๑
ภารกจิ และการจดั หน่วย ปตอ. ทบ.ไทย

กลา่ วนา
ภยั ทางอากาศก่อให้เกิดมติ ทิ ่สี ามของสนามรบ เป็นภัยที่คุกคามอย่างรนุ แรง และกวา้ งขวาง

ต่อหน่วยทหารภาคพืน้ ดนิ สามารถกอ่ ให้เกดิ ผลกระทบกระเทือน หรอื ขดั ขวางตอ่ ผลสาเร็จในการปฏิบัติ
ภารกิจของหน่วยทหารภาคพื้นดนิ เพ่ือทจี่ ะให้ภารกจิ ของหน่วยกาลังรบบรรลุความสาเร็จจาเปน็ ต้องจดั ให้
มีการปอู งกนั ภัยทางอากาศให้กับหนว่ ยภาคพ้นื ดินอย่างมปี ระสิทธิภาพปตอ. เปน็ อาวธุ หลักของเหล่าทหาร
ปืนใหญ่ และเปน็ อาวุธทใี่ ชเ้ ป็นหลกั ในการปอู งกนั ภัยทางอากาศของกองทพั บก เพื่อปอู งกนั ภยั ทางอากาศ
ให้กบั หน่วยหรอื ท่ตี ง้ั ตา่ งๆ จึงจาเปน็ ทีน่ ายทหารปนื ใหญ่ทกุ นายจะตอ้ งมคี วามเข้าใจถึงภารกิจและการจดั
หนว่ ยทหารปืนใหญ่ตอ่ สู้ยานของ ทบ.ไทย เพ่ือให้การใชห้ น่วย ปตอ.บงั เกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสุด

สงครามทางอากาศ
๑. ลกั ษณะของสงครามทางอากาศ สงครามทางอากาศ เปน็ บอ่ เกดิ ของภยั ทางอา กาศ

ซึ่งมีลักษณะดังนี้
๑.๑ สามารถทาการโจมตอี ย่างทันทที ันใดดว้ ยอากาศยานจานวนมากต่อเปาู หมายทาง

พ้นื ดินหลายเปูาหมาย
๑.๒ ก่อให้เกดิ การจ่โู จมจนไมม่ หี นว่ ยหรือบุคคลใดสามารถเตรียมการปอู งกัน หรอื ต่อสู้

อย่างสมบูรณ์ได้
๑.๓ สามารถใชอ้ าวุธหลายรูปแบบทาการโจมตีได้ เช่ น ลูกระเบิด จรวด อาวธุ นาวิถี

ประเภท อากาศ-ส-ู่ พืน้ ปนื ใหญ่อากาศ และอื่น ๆ
๑.๔ หว้ งอากาศเหนอื พ้นื ทกี่ ารรบมีก ารใชอ้ ย่างหนาแนน่ จากหลายฝุาย เช่น อากาศ

ยานฝาุ ยเราและฝุายขา้ ศกึ อาวธุ ปตอ .ทง้ั ฝาุ ยเราและฝุายขา้ ศกึ ฯลฯ ความหนาแน่นในการใช้
ห้วงอากาศยอ่ มกอ่ ให้เกดิ ความสับสนในการปอู งกนั ภยั ทางอากาศ

๑.๕ สงครามทางอากาศเปน็ การปฏิบัตกิ ารทีเ่ คล่ือนท่ีไกลอยา่ งรวดเร็ว ท้ังฝุายโจมตี
และฝาุ ยต่อต้านการโจมตี ซึ่งจาเป็นตอ้ งใชห้ ลักการทั้งทางเทคนิค และยุทธวิธี อย่างสลบั ซับซอ้ น

๑.๖ เน่อื งจากเวลาที่มีอยสู่ าหรับใชใ้ นการปอู งกนั ภัยทางอากาศมีอยู่นอ้ ยมากจาเปน็ ต้อง
ใชก้ ารตอบโต้และตอบสนองอย่างรวดเรว็ การปฏิบัตติ ่างๆ ตอ้ งกระทาโดยอัตโนมตั ิ

๒. องคป์ ระกอบของภัยทางอากาศ ภัยทางอากาศโดยทั่วไป จะประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ
สาคัญ ดงั ต่อไปน้ี .-

๒.๑ พาหะ อนั ได้แก่ เครื่องบินรบ ขีปนาวุธ เครือ่ งร่อน ฯลฯ
๒.๒ ลกู ระเบดิ หรือหัวรบ
๒.๓ ส่งิ อานวยความสะดวกในการควบคมุ ไปยังเปูาหมาย อันได้แก่ ระบบการควบคุม
อากาศยานยทุ ธวิธี ระบบการบงั คบั วิถี ฯลฯ

วธิ ีและแบบของการปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ
หัวขอ้ พิจารณาอืน่ ที่มผี ลกระทบต่อการแบ่งมอบหนว่ ย ปตอ. คอื วิธีและแบบของการ

ปอู งกนั ภยั ทางอากาศ
๑. วธิ กี ารป้องกนั ภัยทางอากาศ (CLASSES OF AIR DEFENSE)


๑-๒

๑.๑ การปูองกันภัยทางอากาศเชงิ รุก (ACTIVE AIR DEFENSE) การปูองกนั ภยั ทาง
อากาศเชิงรุก เป็นการกระทาโดยตรงต่อการปฏิบัติการทางอากาศของขา้ ศกึ เพ่ือทาลายหรอื ลด
ประสิทธิผลการโจมตที างอากาศของข้าศึก ดว้ ยการใช้เครอ่ื งบนิ สกดั กนั้ ระบบอาวธุ ปตอ . การตอ่ ตา้ น
ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ และการใชอ้ าวธุ ที่มใิ ช่ ปตอ. ซ่ึงนามาใช้ในบทบาทของการปูองกนั ภยั ทางอากาศ

๑.๒ การปูองกันภัยทางอากาศเชงิ รับ (PASSIVE AIR DEFENSE) การปอู งกันภัยทาง
อากาศเชงิ รับ หมายถงึ วิธีการทง้ั ปวงที่มิใช่การปอู งกนั ภัยทางอากาศเชิงรุก ซ่งึ นามาใชเ้ พื่อลดอนั ตราย
จากการโจมตที างอากา ศของข้าศกึ ให้เหลอื นอ้ ยที่สุด วิธกี ารดังกลา่ ว ไดแ้ ก่ การกาบัง การซอ่ นพราง
การพราง การกระจายกาลงั และการสร้างทหี่ ลบภยั เปน็ ต้น การปูองกนั ภยั ทางอากาศเชงิ รบั น้ี หาก
นามาใชอ้ ยา่ งมปี ร ะสทิ ธิภาพ จะช่วยลดความตอ้ งการการใช้กาลงั รบปูองกนั ภยั ทางอากาศลงแ ละเพิ่ม
อัตราความอยูร่ อดของบคุ คล หนว่ ยทหาร และทรพั ยากรของชาติ ใหส้ ูงข้นึ

๒. แบบของการป้องกันภยั ทางอากาศ (TYPES OF AIR DEFENSE)
กอ่ นเริม่ ดาเนนิ กรรมวธิ ีการออกแบบการปอู งกันภัยทางอากาศ ซง่ึ เปน็ กรรมวิธขี องการ

ใช้หลักการปูองกันภัยทางอากาศ แนวทางในการใช้ ปตอ. และความตอ้ งการในการปอู งกนั ภยั ทาง
อากาศของ ปตอ. มาพจิ ารณาประกอบขีดความสามารถของระบบอาวุธ ผูว้ างแผนจะตอ้ งทราบแบบ
ของการปูองกนั ภยั ทางอากาศท่กี าหนดเสียก่อน ซึง่ ส่วนใหญแ่ ล้วจะระบไุ วใ้ นแนวทางในการวางแผน
ของผบู้ งั คับหนว่ ย ปตอ. โดยแบบของการปูองกันภัยทางอากาศมี ๒ แบบ คอื การปูองกนั เปน็ พน้ื ท่ี และ
การปอู งกันเป็นจุด

๒.๑ การปอ้ งกันเปน็ พน้ื ที่ (AREA DEFENSE) การปอู งกันเปน็ พน้ื ที่ มลี กั ษณะเปน็ การ
ปูองกนั ทไ่ี ด้ออกแบบไว้สาหรับปอู งกนั เปน็ พื้นท่บี ริเวณกว้างข วาง โดยไมม่ ีการกาหนดลาดับความ
เร่งดว่ นในการปูองกันภัยทางอากาศให้กับทีต่ ้งั ใดท่ีต้ังหนึ่งโดยเฉพาะ เครอ่ื งบนิ ขบั ไลส่ กัดกนั้ มีความ
รับผดิ ชอบหลกั ในการปูองกนั ภยั ทางอากาศเป็นพน้ื ท่ี ท้ังนเี้ น่อื งจากเครือ่ งบนิ ขบั ไล่สกัดกั้นมคี วามออ่ น
ตัว มีความสามารถในการเคลอ่ื นที่ และสามารถนากลับมาใช้ได้อีก ทาให้เคร่อื งบินมคี วามเหมาะสมมาก
ทีส่ ุดในการใช้ปอู งกันภัยทางอากาศครอบคลมุ พื้นท่อี ันกวา้ งขวาง

การปอู งกนั เป็นแนว เปน็ การปูองกนั ภั ยทางอากาศเปน็ พ้นื ที่วิธหี นึง่ ดว้ ยการใช้หน่วย
ปตอ. ระดบั ปานกลางถึงสูง วางกาลงั ตามแนวยาวเพื่อทาลายเครื่ องบินข้าศึกแตเ่ นน่ิ เมอื่ เครือ่ งบนิ
เหลา่ นนั้ จะทะลุทะลวงเขา้ มาในพื้นท่ีสว่ นหลงั

๒.๒ การป้องกันเปน็ จุด (POINT DEFENSE) การปูองกันเปน็ จุดมีลกั ษณะเ ป็นการ
ปูองกนั พื้นทบี่ ริเวณเล็ก ตามปกติใช้ปูองกันหนว่ ยสาคัญตา่ ง ๆ ของหน่วยกาลงั รบ หรือท่ีตง้ั สาคัญตา่ ง ๆ
ในพ้ืนทส่ี ว่ นหลัง การปอู งกันแบบน้จี ะต้องกาหนดลาดบั ความเร่งดว่ นในการปูองกนั ภยั ทางอากาศใหก้ บั
ที่ตั้งตา่ งๆ ท่ตี ั้งหรอื สว่ นตา่ งๆ ท่ปี อู งกนั เหลา่ นอี้ าจอยกู่ ับที่ หรอื เคลือ่ นทก่ี ไ็ ด้ ถงึ แม้อาวุธ ปตอ . ตา่ งๆ
ซ่งึ ปูองกันตอ่ ท่ตี ง้ั เป็นจดุ อาจมรี ศั มกี ารปูองกนั ภยั ทางอากาศครอบคลมุ พื้นทภ่ี าคพื้นภูมิศาสตร์อนั กวา้ ง
ขวางก็ตาม การปอู งกนั นนั้ กม็ ิใช่ “การปูองกันเป็นพนื้ ที่” เพราะวา่ เป็นการปูองกันทีต่ ง้ั โดยเฉพาะแตล่ ะ
แห่งตามลาดบั ความเร่งด่วน

กาลงั รบป้องกันภัยทางอากาศ (AIR DEFENSE FORCES)
๑. กาลังรบทใ่ี ชใ้ นการปูองกันภยั ทางอากาศ ประกอบด้วย เคร่อื งบินขับไลส่ กัดก้นั ทมี่ ี

นักบนิ ประจาของ หนว่ ยบนิ สกัดกั้นของกองทัพอากาศ กับ อาวุธ ปตอ . ของหนว่ ยกาลงั รบทาง
ภาคพ้นื ดนิ ซง่ึ ไดแ้ ก่ หน่วย ปตอ.กองทัพบก, หน่วย ปตอ.ของนาวกิ โยธนิ , หน่วย ปตอ.ของหน่วยอากาศ
โยธนิ ของกองทพั อากาศ และอาวธุ ท่ตี ดิ ตง้ั ประจาเรือรบหลวงของราชนาวี


๑-๓

๒. เครื่องบนิ ขับไล่สกดั กั้นและอาวุธ ปตอ. จะต้องนามาใช้ผสมผสานกนั อยา่ งดีทีส่ ดุ เพ่ือให้
ขีดความสามารถของอาวธุ ปูองกันภัยทางอากาศเชิงรุกแบบหน่งึ ชดเชยขดี จากัดของอาวุธปูองกนั ภัยทาง
อากาศเชงิ รุกอกี แบบหน่งึ เคร่อื งบินสกัดกั้นตามปกตจิ ะนามาใช้ใน พื้นที่ขา้ งหน้า ดา้ นข้าง หรอื ข้างหลงั
ของพ้ืนทีท่ ี่ ปตอ. วางกาลงั ปอู งกัน เพือ่ ใหส้ ามารถทาลายอากาศยานให้มากทีส่ ดุ , ทาลายการรวมกาลัง
ของอากาศยานข้าศึก ก่อนท่ีจะเข้าถงึ บริเวณสาคญั ที่ปอู งกนั เคร่ืองบินสกัดกนั้ กอ่ ให้มีความออ่ นตวั ทาง
ยทุ ธวิธี โดยสามารถรวมขดี ความสามารถในการปูองกนั ภัยทางอากาศ ณ ตาบลสาคัญๆ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว
อาวธุ ปตอ. จะช่วยเพ่มิ การปูองกันทางลึก เสริมความแขง็ แรงในการปูองกันภยั ทางอากาศใน บรเิ วณท่ีมี
ความสาคญั และชดเชยขีดจากัดของเคร่อื งบินสกัดก้ันด้วยการใหก้ ารปูองกันภัยทางอากาศ ได้อย่าง
ทันทที ันใด และตอ่ เน่ือง

๓. หน่วยยงิ ปตอ . เป็นสว่ นมลู ฐานของหน่วย ปตอ. ซึง่ มขี ีดความสามารถในการปฏิบตั ิ
พนั ธกิจมูลฐานในการปูองกันภัยทางอากาศ กลา่ วคอื สามารถค้นหาอากาศยานท่คี าดว่าจะเข้าโจมตี
สามารถพสิ จู น์ฝาุ ยอากาศยานนัน้ ได้ สามารถสกัดกน้ั อากาศยานขา้ ศึก และสามารถทาลายอากาศยาน
ข้าศึกนัน้ ได้

คณุ ลกั ษณะของหนว่ ยปอ้ งกันภัยทางอากาศ
หนว่ ยปูองกนั ภยั ทางอากาศจะจดั ให้มีการแจง้ เตอื นภัย และการปูองกันทางลกึ ต่อการ

โจมตที างอากาศของขา้ ศึก หนว่ ยปอู งกนั ภัยทางอากาศจะต้องมคี ุณลกั ษณะเหมาะสมท่ีสดุ ท่จี ะปฏบิ ตั ิ
กิจเฉพาะเหลา่ น้นั คณุ ลักษณะดังกล่าวไดแ้ ก่

๑. ความพร้อมรบ หน่วยจะต้องพร้อมปฏบิ ตั กิ ารไดท้ นั ที โดยมีการเตอื นภยั นอ้ ยท่สี ุด
๒. ความเชอ่ื ถือได้ ระบบตา่ ง ๆ ของการปอู งกนั ภัยทางอากาศ ต้องสามารถปฏิบัติงาน
ไดต้ ลอดเวลา โดยปราศจากข้อขัดขอ้ ง
๓. ความอ่อนตัว สามารถเผชิญกับสถานการณ์แวดลอ้ มที่เปลี่ยนไป อย่างรวดเร็วได้
๔. ความอยูร่ อด จะต้องคงให้มอี าวุธปอู งกนั ภัยทางอากาศ ทาการปอู งกนั อยตู่ ลอดเวลา
ทข่ี า้ ศกึ เขา้ โจมตี
๕. อานาจการทาลาย สามารถทาลายหรอื ตัดรอนกาลังตอ่ การคุกคามทางอากาศของ
ขา้ ศกึ ได้
๖. การปฏิบัติการเป็นอิสระ สามารถปฏบิ ัติการเป็นอิสระเมอ่ื ส่ังหรือเมอ่ื จาเปน็

ภารกิจป้องกันภัยทางอากาศ
หนว่ ยกาลงั รบปูองกนั ภยั ทางอากาศ ทงั้ หน่วยบนิ ขบั ไล่สกัดก้นั และหน่วย ปตอ . ย่อมมี

ภารกจิ ปูองกันภยั ทางอากาศ เชน่ เดยี วกนั
ภารกิจปอู งกันภยั ทางอากาศ คือ มาตรการทใ่ี ช้ในการปฏบิ ตั ิท้งั ปวงทจ่ี าเปน็ เพอ่ื ลบล้าง

หรือลดประสิทธิผลการโจมตี หรือการเฝาู ตรวจของอากาศยานหรือขีปนาวุธขา้ ศึก ภายหลงั ทขี่ ึน้ สู่
อากาศแล้ว เพื่อสนับสนุนการปฏิบตั ิพนั ธกจิ หลกั ของกองทัพบกในการดาเนนิ สงครามทางภาคพ้ืนได้
ทนั ทีและตอ่ เนอ่ื ง

สาหรับอาวธุ ปภอ. หน่วย ปตอ. ทใ่ี ชป้ ระเภทลากลอ้ ง จะสามารถใช้ยิ งต่อเปูาหมายทาง
ผิวพื้น เพอื่ สนบั สนุนหนว่ ยดาเนินกลยทุ ธ เม่อื จาเป็นได้อีกดว้ ย


๑-๔

พันธกิจของการปอ้ งกันภยั ทางอากาศ
ปญั หาดัง้ เดมิ ของการปอู งกนั ภัยทางอากาศที่เผชิญอยู่ตลอดเวลา ต้งั แต่อดตี มาจนถึง ปัจจุบัน

โดยไมเ่ ปล่ียนแปลง คือ การค้นหา การพสิ ูจนฝ์ ุาย การสกดั ก้ัน และการทาลาย ซึง่ ปัญหาต่าง ๆ จะมี
ความยงุ่ ยากมากขึ้น ทง้ั นีเ้ นอื่ งจากความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยใี นการพฒั นาอากา ศยานสมยั ใหม่
ทง้ั ในด้านความเรว็ ความสงู และขดี ความส ามารถของอาวุธประจาอากาศยาน ดังนน้ั ปัญหาตา่ ง ๆ
เหล่านี้ ในปจั จบุ นั ได้กลายมาเป็นพนั ธกิจมูลฐาน ที่ หนว่ ยปูองกนั ภัยทางอากาศจาเป็นตอ้ งปฏิบตั เิ พื่อ
บรรลุผลสาเรจ็ ในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ

๑. การคน้ หา (DETECTION) เปน็ พันธกจิ ประการแรกทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ัตโิ ดยค้นหาเปาู หมาย
ในอากาศตง้ั แต่ระยะไกลเครอ่ื งมอื ค้นหาเปาู หมายทม่ี ีประสทิ ธิภาพมากท่ีสดุคอื เรดาร์ชนดิ ต่างๆ แต่เรดาร์
ก็มขี ้อจากดั บางประการ เชน่ ไมส่ ามารถตรวจค้นอากาศยานท่บี นิ ต่าลัดเลาะไป ตามภมู ิประเทศ หรอื
อากาศยานท่ีบินสูงมากๆ ได้ และบางทปี รากฏการณ์ตามธรรมชาตขิ องบรรยากาศอาจทาให้ไม่สามารถ
ตรวจคน้ อากาศยานได้ วธิ ีคน้ หาเปูาหมายวธิ อี ่ืน คอื การคน้ หาเปาู หมายดว้ ยสายตา ซงึ่ สามารถนามาใช้
เพอ่ื ชดเชยจดุ อ่อนในการค้นหาเปาู หมายดว้ ยเรดาร์ประสทิ ธภิ าพของการคน้ หาเปูาหมายดว้ ยสายตา
ย่อมขึน้ อยูก่ ับทศั นะวิสัยเปน็ สาคัญ

๒. การพสิ ูจนฝ์ ่าย (IDENTIFICATION) เมือ่ ตรวจพบเปูาหมายจะตอ้ งทาการพิสูจน์ฝุาย
ทนั ที การพิสูจนฝ์ าุ ยเป็นปัญหาสาคญั ย่งิ ของหน่วยปอู ง กนั ภัยทางอากาศ และจาเป็นต้องมีอปุ กรณใ์ น
การพสิ ูจน์ฝุายเพื่อปูองกันมใิ ห้ทาการยงิ ตอ่ อากาศยานฝุายเดยี วกัน วิธที ใ่ี ช้ในการพสิ จู น์ฝาุ ย มีแผนการ
บนิ วิธีบินท่ีไดก้ าหนดไวล้ ่วงหน้า วิทยุ การพิสจู น์ฝาุ ยด้วยสายตา และวธิ ีพิสูจนฝ์ าุ ยดว้ ยอุปกรณ์
อิเลคทรอนิกส์ IFF (IDENTIFICATION FRIEND OR FOE) ปัญหาของการพิสูจนฝ์ ุาย ยอ่ มขนึ้ อยู่กับความ
หนาแนน่ ของจราจรทางอากาศ

๓. การสกดั ก้ัน (INTERCEPTION) ภายหลังท่ีไดท้ ราบขา่ วการเขา้ มาของอากาศยานขา้ ศกึ
ผ่านทางระบบการปอู งกันภยั ทางอากาศ เครอื่ งบินสกัดกน้ั จะบนิ ข้นึ สู่อากาศ อาวธุ ปตอ.จะเตรยี มการยงิ
หน่วยตา่ งๆ ตอ้ งการเวลาในการตอบโต้ (REACTION TIME) เคร่อื งบนิ ขับไล่สกัดกน้ั ตอ้ งบินขน้ึ สู่อากาศ
และมงุ่ ตรงไปยังเปาู หมาย ดว้ ยการควบคมุ จากสถานีทางพื้นดิน อาวุธนาวิถีประเภทผิวพ้ืนสอู่ ากาศ
จะต้องไดร้ ับข้อมูลเปาู หมายจากเรดาร์ ทาการยงิ และนาวิถเี ขา้ สู่เปูาหมาย อาวุธ ปตอ. เตรยี มการยงิ เมือ่
เปาู หมายเขา้ มาสู่ในระยะยงิ ของอาวุธ

๔. การทาลาย (DESTRUCTION) อาวธุ สมัยกอ่ นมีผลคาดคะเนในการสังหารตา่ จะตอ้ งทา
การยิงใหล้ กู กระสนุ ถกู ส่วนสาคัญของอากาศยาน จงึ จะสามารถทาลายอากาศยานได้ อาวุธนาวิถีตอ่ สู้
อากาศยานท่ีมหี ัวรบขนาดใหญ่ และระเบดิ ใก ล้เปาู หมาย ย่อมสามารถทาลายเปูาหมาย อาวุธ ปตอ .
อตั โนมตั ิ แมจ้ ะมผี ลคาดคะเนในการสงั หารต่า แตก่ ็อาศัยปริมาตรการยิงอันมหาศาลจากอัตราเร็วในการ
ยงิ ของอาวุธแต่ละกระบอก หรือหลายกระบอก รวมการยงิ ไปยังเปาู หมาย จะเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการ
สงั หารสงู ข้นึ สาหรบั เครื่องบนิ ขับไลส่ กดั ก้นั คงใช้ระบบอาวธุ ที่ตดิ ตงั้ บนอากาศยาน ผลคาดคะเนในการ
สงั หารยอ่ มขึน้ อยกู่ ับระบบอาวุธท่ใี ช้

ลาดับความเร่งดว่ นในการป้องกันภยั ทางอากาศ (Air Defense Priorities)
ลาดบั ความเรง่ ดว่ นในการปอู งกันภัยทางอากาศ คอื ที่ต้ังหรอื สว่ นสาคญั ตา่ งๆ ซงึ่ ไดเ้ ลือกไว้

และจะตอ้ งได้รบั การปอู งกันภยั ทางอากาศตามลาดบั ความเร่งดว่ นจากหน่วย ปตอ. ผบู้ ังคบั หนว่ ยรับการ
สนบั สนนุ จะตอ้ งทาการประเมนิ ค่าที่ตงั้ หรอื สว่ นต่างๆ ของหน่วยรบตน เพือ่ กาหนดลาดบั ความเรง่ ด่วน


๑-๕

ใหก้ ับท่ีต้งั ต่างๆ ดังกลา่ วน้ี การกาหนดลาดับความเร่งดว่ นดงั กลา่ วยอ่ มแสดงให้เห็นความสาคญั ของทต่ี ั้ง
แตล่ ะแหง่ ท่ีมผี ลต่อความสาเร็จของการปฏิบัตกิ ารตามแผนของตน

ปจั จยั ต่างๆ ทจี่ ะต้องนามาพจิ ารณาในการกาหนดหาความสาคญั ของ ทต่ี ้งั แตล่ ะแหง่ และ
ความจาเป็นทจี่ ะต้องไดร้ ั บการปอู งกนั ภยั ทางอากาศ ได้แก่ ความสาคญั ความล่อแหลม ความฟ้นื ตวั
และภยั คุกคาม

๑. ความสาคญั (CRITICALITY) เป็นระดับของความสาคัญของทตี่ ้ังนัน้ ๆ มตี ่อความสาคัญ
ในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ

เกณฑค์ วามสาคญั คือ ขนาดความสาคัญของตาบลสาคญั ท่มี ีต่อการปฏิบัตภิ ารกจิ ให้
สาเรจ็ ซ่งึ จดั เกณฑค์ วามสาคญั ได้ดงั นี้ คือ

๑.๑ “สาคัญที่สดุ ” คือ ถา้ ถกู ทาลายแล้ว จะมผี ลมใิ หส้ ามารถปฏิบัติการตามแผนไดเ้ ลย
๑.๒ “สาคัญมาก” คือ ถ้าถูกทาลายแลว้ จะมผี ลขัดขวางอยา่ งรุนแรงในทันทตี อ่ การ
ปฏิบตั งิ านตามแผน
๑.๓ “สาคญั ” คอื ถา้ ถูกทาลายแล้วจะมีผลขดั ขวางอยา่ งรนุ แรง แต่ไมใ่ ช่ในทนั ทตี อ่
การปฏิบตั กิ ารตามแผนได้
๑.๔ “สาคัญน้อย” คอื ถ้าถกู ทาลายแล้วอาจเป็นเหตใุ ห้ขดั ขวางอย่างจากัดตอ่ การ
ปฏิบัตติ ามแผนได้
๒. ความล่อแหลม (VULNERABILITY) ความลอ่ แหลมเปน็ ระดบั ของความแขง็ แรงของท่ี
ต้ังแต่ละแหง่ ทีส่ ามารถปูองกันมใิ หถ้ กู ทาลายจากการโจมตที างอากาศของขา้ ศกึ และรอดพน้ จากความ
เสียหายเมอื่ ถูกโจมตี ทัง้ นี้ย่อมหมายรวมถงึ หวั ขอ้ พจิ ารณาเก่ียวกบั ความแข็งแรงของทตี่ งั้ แตล่ ะแหภง่ ารกิจ
ความสามารถในการเคลอ่ื นท(ี่ ขดี ขนาดของการกระจายกาลงั หรอื การเปลย่ี นท่ีตงั้ ไปยงั ที่ตัง้ อีกแหง่ หน่งึ
ซึ่งได้รับการปูองกนั จาก ปตอ. เป็นตน้ ) และความสามารถในการใชม้ าตรการเชงิ รับ และมาตรการปอู งกัน
เชิงรุก เพอื่ ปูองกนั ตนเองจากปริมาณการสนับสนุนทางการช่างเกย่ี วกบั ขีดความสามารถในการเคลือ่ นที่
และความอยู่รอด ควรนามาพิจารณาดว้ ย
๓. ความฟืน้ ตวั (RECUPERABILITY) ความฟ้ืนตวั คอื ขีดขนาดของทีต่ งั้ นน้ั ๆ ซ่ึงหากไดร้ บั
ความเสียหายจะทาใหส้ ามารถคื นสูส่ ภาพเดิมเพือ่ ปฏิบัติการต่อไปได้ อกี เช่นเดิม โดยพจิ ารณาในแง่ของ
เวลา ยทุ โธปกรณ์ และกาลงั คน
๔. ภยั คุกคาม (THREAT) คุณลกั ษณะของภัยคุกคาม นามาใชเ้ พือ่ กาหนดหาระบบอาวุธ
ปตอ. ทเ่ี หมาะสาหรับใช้ปูองกันทต่ี งั้ เฉพาะแตล่ ะแห่ง และนามาใช้เพ่อื สาหรบั หน่วย ปตอ. ทไ่ี ด้กาหนดให้
ปอู งกัน ในการใชอ้ อกแบบการปอู งกนั ใหด้ ีทส่ี ุด คณุ ลักษณะต่างๆของภยั คุกคามนี้ ย่อมหมายรวมถึงทต่ี ัง้
ของขา้ ศึก กาลังของขา้ ศึก แบบของเครอ่ื งบนิ ขา้ ศกึ ท่ีมใี ช้ลักษณะของการโจมตขี องขา้ ศกึ ในอดตี และหลกั
นิยมของฝาุ ยขา้ ศกึ
การพิจารณาลาดบั ความเรง่ ดว่ น ของกา รปูองกนั ภัยทางอากาศตา่ งๆ น้ัน ไม่จาเป็นตอ้ ง
ดาเนินกรรมวิธตี ามลาดับขนั้ ตอน โดยพิจารณาปัจจัยแต่ละอย่างท่กี ลา่ วมาแลว้ คร้งั ละหน่ึงหวั ขอ้ ตามปกติ
จะนาเอาปจั จัยทงั้ หมดมาพิจารณาพรอ้ มๆ กนั โดยใชน้ ้าหนกั ปจั จัยบางประการมากกว่าปัจจยั อขอ้ ื่น ใน
สถานการณ์ทแ่ี ตกตา่ งกั น ตัวอย่าง เชน่ กองพนั ทหารปนื ใหญ่ซึ่งมีภารกิจการยิงอาวุธนิวเคลียร์ มี
ความสามารถในการเคล่อื นท่ีสงู มีการกระจายกาลงั และมกี ารพรางเปน็ อยา่ งดี แต่อาจพิจารณาเห็นวา่ มี
ความสาคญั ย่ิงตอ่ ผลสาเร็จของการปฏบิ ัตกิ ารจงึ ถอื ว่ามีลาดับความเร่งด่วนในการปูองกันภยั ทางอากาศสงู
แม้วา่ เม่ือพิจารณาถงึ ความลอ่ แหลมต่อการโจมตีทางอากาศ จะอยู่ในระดบั ต่าก็ตาม


๑-๖

การแบง่ มอบกาลงั รบ (ALLOCATION OF FORCES)
ผู้บังคับหน่วย ปตอ . พจิ ารณาปจั จยั ต่างๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ภารกจิ ข้าศึก ภมู ิประเทศ หน่วย

ทหาร และเวลาทม่ี ีอยู่ รวมท้งั ข้อพจิ ารณาดา้ นประชาชนในพ้ื นท่ี (METT-TC) เปรียบเทยี บปัจจัยต่างๆ
เหลา่ นี้ กบั บญั ชกี าหนดลาดับความเร่งดว่ นของทีต่ ั้งตา่ งๆ แลว้ จึงจดั ทาการแบ่งมอบหนว่ ย ปตอ . เพือ่
ปอู งกันภัยทางอากาศใหก้ บั ท่ตี ้งั ตา่ งๆ ตามลาดับความเร่งด่วนเหล่านนั้ โดยเร่ิมตน้ จากที่ตั้งที่มีลาดบั
ความเร่งด่วนสูงสดุ แลว้ จึ งตดั สนิ ใจจะต้องใช้อาวุธ ปตอ . แต่ละแบบจานวนเทา่ ใด เพ่ือแบง่ มอบใหไ้ ป
ปูองกันทตี่ ้งั แต่ละแหง่

การจัดเฉพาะกจิ ของหน่วย ปตอ. จะจัดสาหรับทตี่ ั้งแตล่ ะแหง่ ตามลาดบั ความเรง่ ดว่ น โดย
พจิ ารณาถงึ ความสามารถ และขดี จากัดของระบบอาวธุ ประกอบสถานการณท์ างยุทธวธิ โี ดยเฉพาะ
ผบู้ ังคับบัญชาคงดาเนนิ กรรมวธิ ีในการวิเคราะหท์ ่ีตงั้ แตล่ ะแหง่ ตามลาดับความเร่งด่วนไปตามลาดบั
และแบ่งมอบหน่วย ปตอ. ไปปูองกันจนกว่าไมม่ ีอาวธุ เหลืออยอู่ ีกตอ่ ไป ต่ อจากน้ันตนกจ็ ะทบทวนการ
แบง่ มอบ และอาจจะดาเนนิ กรรมวิธซี า้ ๆ กันอกี หลายครั้ง ก่อนท่ตี นจะพัฒนาการแบง่ มอบ อาวุ ธ ปตอ.
ไปทาการปูองกันภัยทางอากาศให้กับทีต่ ้งั ตา่ งๆ จานวนมากทส่ี ุดได้อย่างดีท่ีสุด

ภารกจิ ทางยทุ ธวธิ ี (TACTICAL MISSIONS)
ผู้บังคับหนว่ ย ปตอ .จะเลอื กภารกจิ ทางยุทธวธิ ีทีเ่ หมาะสมให้กบั หน่วยรองของตน โดย

อาศยั การพิจารณาภารกิจที่ตนได้รับ และสถานการณท์ างยทุ ธวิธีที่เผชิญอยู่ ภารกิจทางยุทธวธิ ที ่สี ามารถ
มอบใหห้ น่วย ปตอ. มี ๓ ประเภท คอื

๑. ภารกิจทางยุทธวิธมี าตรฐาน
๒. ภารกิจทางยุทธวธิ ดี ัดแปลง โดยดดั แปลงส่วนใดสว่ นหนึ่ง หรือตดั สว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของ
ภารกิจทางยุทธวธิ ีมาตรฐาน
๓. ภารกิจระบุเฉพาะ
ภารกิจทางยทุ ธวธิ มี าตรฐานสามารถมอบให้กับหน่วย ปตอ .แบบใดกไ็ ด้ ภารกิจทางยทุ ธวธิ ี
จะกาหนดความรับผดิ ชอบต่างๆ รว่ มกัน และกาหนดความสัมพันธ์ทางการบังคับบญั ชาโดยเฉพาะ และ
แนช่ ัดระหวา่ งหนว่ ยรบั การสนบั สนุนและหนว่ ยสนับสนุน ภารกิจทางยทุ ธวธิ ีมาตรฐาน ๔ อย่างได้แก่
ภารกิจชว่ ยส่วนรวม (ชร.) ภารกิจชว่ ยส่วนรวมเพ่มิ เติมกาลงั ยิง (ชร.-พย.) ภารกิจเพม่ิ เติมกาลังยงิ (พย.)
และภารกิจชว่ ยโดยตรง (ชต.)
ภารกิจชว่ ยสว่ นรวม
หน่วย ปตอ.ทไ่ี ด้รับมอบภารกิจช่วยสว่ นรวม จะใหก้ ารปอู งกันภัยทางอากาศกบั หน่วยกาลงั
รบเปน็ สว่ นรวม หน่วย ปตอ . จะสนับสนนุ หน่วยกาลงั รบทั้งหมด และจะไมม่ อบใหร้ ่ วมปฏิบัติการกบั
หน่วยรบใดหน่วยรบหน่งึ ของหนว่ ยกาลงั รบโดยเฉพาะ ดงั เชน่ ในกรณีท่ี กองร้อย ปตอ . วลั แคน อตั ตา
จร ปอู งกนั หน่วยรบตา่ งๆ หรือทตี่ ้ังต่างๆ ตามลาดบั ความเรง่ ด่วนที่ผู้บงั คับบญั ชาหน่วยกาลงั รบกาหนด
และยังอยภู่ ายใตก้ ารควบคุมโดยตรงของผู้บังคบั กองพนั ปตอ . วัลแคนอัตตาจร หนว่ ย ปตอ . วลั แคน
อัตตาจร ท่ีไดร้ บั มอบภารกจิ ชร.สามารถนามาใช้ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพือ่ สนองตอบต่อการเปล่ยี นแปลงของ
แผนดาเนินกลยุทธหรอื ภัยคกุ คามทางอากาศ ภารกิจนีโ้ ดยทวั่ ไปจะนามาใชเ้ ม่ือหนว่ ย ปตอ . วลั แคน
อตั ตาจร ใหก้ ารปอู งกันภัยทางอากาศต่อสว่ นควบคมุ แล ะสว่ นสนบั สนุนในระดบั กองพล ซึง่ ต้ังอยู่ใน
พืน้ ท่ีสว่ นหลงั ของกองพลนอ้ ย และกองพล อีกตวั อยา่ งหน่ึงก็คอื หมวด ปตอ.อต.ได้รับมอบภารกจิ ชร.
ต่อกองพล โดยมกี องพลนอ้ ยเป็นส่วนหนึ่งของทีต่ ง้ั ตามลาดบั ความเรง่ ด่วนของกองพล เป็นตน้


๑-๗

ภารกิจช่วยสว่ นรวมเพ่มิ เติมกาลงั ยงิ
หน่วย ปตอ.ท่ีได้รับมอบภารกิจ ชร .- พย. จะใหก้ ารปอู งกันภัยทางอากาศใหก้ บั หน่วย
กาลังรบเป็นส่วนรวม และให้การครอบคลุม ในการปูองกนั ภยั ทางอากาศเพมิ่ เติมใหก้ บั หนว่ ย ปตอ .
หนว่ ยอนื่ อกี หนว่ ยหนึ่ง หน่วย ปตอ. ชร.-พย. จะไม่มอบใหร้ ว่ มปฏบิ ัติการกับหน่วยใดหน่วยหนง่ึ ของ
หนว่ ยกาลังรบโดยเฉพาะ ตวั อยา่ งภารกจิ ชร .-พย. สามารถนามาใช้เมอ่ื ผูบ้ ญั ชาการกองพลตอ้ งการให้
การปอู งกนั ภัยทางอากาศเพิ่มเติมใหก้ ับหนว่ ยกองพลนอ้ ยซึ่งมกี องรอ้ ย ปตอ . วัลแคนอัตตาจร ช่วย
โดยตรงอยู่แลว้ และในขณะเดยี วกนั ยงั ต้องการดารงการควบคมุ อย่างใกลช้ ิดตอ่ หนว่ ย ปตอ.ชร.-พย.นีอ้ ยู่
ส่วนหรอื ทต่ี ง้ั ของกองพลน้อย ที่จะให้ หนว่ ย ปตอ. ชร.-พย. ปูองกัน จะตอ้ งระบุไว้ และผู้บังคบั กองพนั
ปตอ. วัลแคนอัตตาจร คงสงวนอานาจในการกาหนดทต่ี ัง้ ของหน่วย ปตอ.ชร.- พย. เพ่อื ใหต้ อบสนองตอ่
ความตอ้ งการเปลี่ยนแปลงของภารกิจไดอ้ ย่างรวดเรว็ ภารกิจทางยทุ ธวิธีนี้ มักไมใ่ ชก้ บั หนว่ ย ปตอ.อต.
ภารกิจเพม่ิ เติมกาลังยิง
หนว่ ย ปตอ.ที่ไดร้ ับมอบภารกิจเพ่ิมเติมกาลงั ยิง จะเพม่ิ เติมการครอบคลมุ การปอู งกนั ภยั
ทางอากาศใหก้ บั หน่วย ปตอ . อีกหน่วยหนึ่ง ภารกิจน้ีแตกต่างไปจากภารกจิ ชร .- พย. กล่าวคอื เมอื่
หนว่ ย ปตอ. วลั แคนอัตตาจร ไดร้ บั มอบภารกจิ พย . หน่วย ปตอ .ทร่ี บั พย.จะเป็นผูก้ าหนดท่ีต้ังหน่วย
เพือ่ ปอู งกันภัยทางอากาศให้กับทตี่ ัง้ ต่างๆ ซง่ึ ผู้บังคบั หนว่ ยรบั การสนับสนุนเป็นผกู้ าหนด ภารกจิ น้ี
นามาใช้เมอ่ื ผบู้ ญั ชาการกองพลประสงค์จะให้การปอู งกนั ภยั ทางอากาศเพิม่ เตมิ ใหก้ ับกองพลน้ อยซ่ึงมี
หนว่ ย ปตอ.อยแู่ ล้ว เชน่ กองรอ้ ย ปตอ. ผสมอาวุธวลั แคนอัตตาจร ช่วยโดยตรง ผู้บงั คบั กองร้อย ปตอ .
วัลแคนอัตตาจร ทร่ี บั การเพิ่มเติมกาลงั ยงิ จะมอบกจิ เฉพาะต่างๆ การควบคมุ และประสานการกาหนด
ท่ีตงั้ ของหมวดและหม่ตู า่ งๆ ของหนว่ ยเพิม่ เติมกาลงั ยงิ ตามลาดบั ความเรง่ ดว่ นในการปูองกนั ภัยทาง
อากาศของทต่ี งั้ ตา่ งๆ ทผ่ี ู้บงั คบั หน่วยรับการสนบั สนนุ กาหนด
ภารกจิ ช่วยโดยตรง
หนว่ ย ปตอ. ท่ีได้รบั มอบภารกิจช่วยโดยตรง จะให้การปูองกนั ภัยทางอากาศโดยเฉพาะ
กับหนว่ ยใดกต็ ามของหนว่ ยกาลังรบทไี่ ม่มี ปตอ.ของตนเอง หนว่ ย ปตอ. วลั แคนอัตตาจร ซงึ่ ได้รับมอบ
ภารกจิ ชต .จะใหก้ ารสนบั สนนุ โดยใกล้ชดิ และต่อเนอ่ื งกบั หนว่ ยดาเนินกลยทุ ธ และประสานการ
เคล่ือนยา้ ย และการกาหนดทีต่ งั้ ต่างๆ กับหน่วยรับการสนบั สนนุ ผบู้ ังคับหนว่ ย ปตอ. กาหนดทต่ี ัง้ อาวธุ
ของตนตามความ จาเปน็ เพือ่ สนบั สนุนการปอู งกันภยั ทางอากาศใหก้ บั ท่ีตัง้ ต่า งๆ ตาม ลาดบั ความ
เรง่ ดว่ นอย่างเหมาะสม ภารกิจ ชต. เหมาะที่จะมอบใหก้ ับกองร้อย ปตอ. วลั แคนอตั ตาจร สนับสนุน
กองพลน้อย และในทานองเดยี วกันภารกจิ นม้ี กั จะใชก้ บั หน่วย ปตอ.อต. ด้วยเช่นกนั
ภารกจิ ทางยทุ ธวิธมี าตรฐานของ ปตอ . ดงั ท่ไี ดก้ ล่าวมาแลว้ ว่าสามารถมอบใหห้ น่วย
ปตอ.แบบใดก็ได้ ซงึ่ ทั้งนี้มิไดห้ มายความว่า ภารกจิ ทางยุทธวธิ ีมาตรฐานแบบใดแบบหนง่ึ ตามปกตจิ ะใช้
กบั หนว่ ย ปตอ. แบบใดแบบหน่งึ ๆ โดยเฉพาะ และอาจเปน็ ไปได้ทใี่ นบางสถานการณไ์ มส่ ามารถนาเอา
ภารกิจทางยุทธวธิ มี าตรฐานไปใชไ้ ดเ้ ลย กรณีเชน่ นี้ ผบู้ งั คบั หนว่ ย ปตอ . อาจมอบภารกิจ ทางยทุ ธวิธี
มาตรฐาน ซึ่งมีการดดั แปลงแกไ้ ขบางสว่ น หรอื อาจไม่ใช่ภารกิจทางยุทธวิธีมาตรฐานเลยแต่มอบเปน็
ภารกิจระบุเฉพาะให้กไ็ ด้


๑-๘

ตอ่ ไปนี้เป็นตัวอยา่ งของภารกิจทางยทุ ธวิธดี ัดแปลง
ภมู ิหลัง ปตอ.๔ พัน.๑ (ช/ว.) เปน็ หน่วยในอตั ราของกองพลนอ้ ย ปตอ . ท่ี ๙ หนว่ ย
บัญชาการปูองภัยทางอากาศท่ี ๒๑ ผบู้ ญั ชาการกองพลน้อย ปตอ . มอบภารกิจดงั ต่อไปน้ใี ห้กบั ปตอ .๔
พัน.๑ (ช/ว.) ดังนี้
ภารกิจ ปตอ. ๔ พนั .๑ (ช/ว.) ช่วยสว่ นรวมต่อกาลังทางอากาศ ทีต่ ้งั ของ ปตอ .๔ พนั .๑ ผู้
บญั ชาการกาลงั ทางอากาศจะเป็นผกู้ าหนด
ตัวอย่างต่อไปนเ้ี ป็นภารกิจระบุเฉพาะ
ภูมิหลัง ปตอ. ๗ พัน.๓ (ช/ว.) เปน็ หนว่ ย ปตอ. ของยุทธบรเิ วณ ซึ่งจดั เป็นหน่วยในอัตรา
ของหน่วยบัญชาการปอู งกนั ภยั ทางอากาศอสิ ระ ผู้บัญชาการ ปอู งกนั ภยั ทางอากาศภาค ไดม้ อบภารกิจ
ให้กองพัน ปตอ. ดังนี้
ภารกจิ ปตอ. ๗ พนั .๓ (ช/ว.) ให้การปูองกนั ภยั ทางอากาศเปน็ จุดตอ่ ฐานบนิ อลั ฟา บราโว
และ ชาลี การสนบั สนนุ ของการชว่ ยรบและการควบคุมทางยุทธการทั้งปวง ผบู้ ังคับฐานบินแตล่ ะแหง่
จะรับผดิ ชอบดาเนนิ การ ลาดับความเรง่ ด่วนในการติดต่อส่อื สารลาดับแรกกบั ผ้บู ญั ชากาลงั ทางอากาศ
ภาค
วธิ ที เ่ี หมาะสมทีส่ ุดทจ่ี ะกาหนดวา่ ภารกจิ ใดเปน็ ภารกิจทางยทุ ธวิธีน้นั จะใช้วิธตี อบคาถาม
ต่างๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
- ใครเปน็ ผกู้ าหนดลาดบั ความเรง่ ดว่ นในการปูองกันภัยทางอากาศ
- ใครเป็นผูก้ าหนดทีต่ ั้งหน่วย ปตอ.
- ใครเปน็ ผกู้ าหนดทีต่ ้ังหนว่ ยยงิ ปตอ.
- หนว่ ย ปตอ. จะตอ้ งจดั การตดิ ต่อกับหน่วยใด
- หน่วย ปตอ. จะตอ้ งจดั วางการส่ือสารกับหน่วยใด


๑-๙

ภารกจิ ทางยุทธวิธีมาตรฐานแตล่ ะภารกจิ พอสรุปได้จากตารางดังนี้

ช่วยส่วนรวม ช่วยสว่ นรวม- เพ่ิมเตมิ กาลังยิง ชว่ ยโดยตรง

เพมิ่ เตมิ กาลงั ยงิ

ผู้กาหนดลาดบั ผบู้ ังคบั หนว่ ย ๑.ผู้บงั คบั หน่วยกาลงั ผบู้ ังคบั หนว่ ยรบั การ หนว่ ยรบั การสนับสนนุ

ความเรง่ ด่วนใน กาลงั รบ รบ สนับสนนุ ผา่ นผู้บังคบั

การปูองกนั ภัย ๒.ผบู้ งั คับหน่วยรบั หนว่ ย ปตอ . รับการ

ทางอากาศ การสนบั สนุนผ่านผู้ เพมิ่ เตมิ กาลังยงิ

บังคบั หนว่ ย ปตอ .

รับการเพมิ่ เติมกาลัง

ยงิ

ผ้กู าหนดทีต่ ง้ั ผ้บู งั คับบญั ชาท่ี ผบู้ ังคบั บัญชาท่ีมอบ ผู้บังคับหน่วย ปตอ . ผู้บงั คับหนว่ ย ปตอ .

หน่วย ปตอ. มอบภารกิจโดย ภารกิจโดยประสาน รับการเพม่ิ เตมิ กาลัง ชต.โดยไดร้ ับอนมุ ตั ิ

ประสานกบั ผูบ้ ัง กับผูบ้ ังคับหนว่ ยทาง ยิงโดยประสานกบั ผู้ จากผูบ้ งั คับหน่วย

คับหน่วยทาง พน้ื ดินทีร่ บั การ บังคับหน่วยทาง ทางพืน้ ดินเจา้ ของ

พืน้ ดนิ ท่ีรับการ สนับสนุน พื้นดินทีร่ บั การ พ้นื ที่

สนบั สนุน สนับสนุน

ผู้กาหนดท่ีตั้ง ผบู้ งั คับหนว่ ยยิง ผ้บู ังคับหน่วยยิง โดย ผู้บังคับหน่วยยิงโดย ผู้บงั คับหนว่ ยยิง

หน่วยยงิ ปตอ. ปตอ. โดยประ- ประสานกบั ผู้บังคับ ได้รบั อนุมัติจาก โดยได้ รบั อนุมัติ

สาน กับผู้บงั คับ หนว่ ย ปตอ . รับการ หน่วย ปตอ . รับการ จาก ผู้บังคับห น่วย

หนว่ ยภาคพน้ื ดิ น เพ่ิมเติมกาลังยิง และ เพ่มิ เตมิ กาลงั ยิงและ ภาคพน้ื ดิน เจา้ ของ

เจา้ ของพ้ืนท่ี ผบู้ งั คบั หนว่ ย ผู้บงั คับหนว่ ย พ้นื ที่

ภาคพ้นื ดนิ เจ้าของ ภาคพน้ื ดินเจ้าของ

พน้ื ที่ พืน้ ที่

จัดการตดิ ตอ่ กบั ตามความจาเป็น ผู้บงั คบั หน่วย ปตอ . ผู้บังคับหนว่ ย ปตอ . ผูบ้ ังคับหนว่ ยรับการ

หนว่ ยใด รบั กา รเพม่ิ เตมิ กาลงั รบั การเพิ่มเติมกาลงั สนบั สนุน

ยิง และจดั ตามควา ม ยิง และจัดตามความ

จาเป็น จาเปน็

จดั การสือ่ สาร ตามความจาเป็น หน่วย ปตอ . รบั การ หนว่ ย ปตอ . รับการ หน่วยรับการ

กับหนว่ ยใด เพม่ิ เตมิ กาลงั ยงิ และ เพิ่มเติมกาลงั ยงิ และ สนบั สนนุ

จดั ตามความจาเป็น จัดตามความจาเป็น

หมายเหตุ ๑. คาวา่ ทตี่ ง้ั หนว่ ย ปตอ. เป็นกาหนดบริเวณพนื้ ทป่ี ฏิบตั ิการของหน่วยบรเิ วณกวา้ งๆ
(ปกติจะกาหนดเป็น วงรปู ไข่)

๒. ที่ตัง้ หน่วยยงิ หมายถงึ ที่ตัง้ ทเ่ี ลือกไว้โดยแท้จริงของหน่วยยงิ ปตอ . ภายในบรเิ วณทต่ี ้ัง
หน่วย ปตอ .ซง่ึ หมายรวมถึงทตี่ ้ังยุทโธปกรณ์ตา่ งๆ ของแต่ล ะรายการ ทไ่ี ด้ เลือกไวแ้ ล้ ว

ภายในทีต่ ้ัง หน่วย หนว่ ย ปตอ. ด้วย


๑-๑๐

การควบคุมทางยุทธการและการสมทบ
หน่วย ปตอ. เม่ือกาหนดใหอ้ ย่ภู ายใตก้ ารควบคุมทางยุทธการกบั หน่วยอ่ืนอกี หน่วยหนง่ึ

ซึง่ หากมไิ ด้ระบุความสัมพนั ธ์อนื่ ใดไว้ในคาสง่ั แลว้ หนว่ ยต้นสงั กัดยังคงรบั ผดิ ชอบเก่ี ยวกับการฝกึ งาน
ธุรการ และการส่งกาลงั บารุงกับหน่วย ปตอ .นน้ั อยู่ อานาจของผบู้ งั คบั หนว่ ยรบั การสนับสนนุ ท่มี ีต่อ
หนว่ ย ปตอ . นั้นมีตง้ั แตก่ ารวางแผนตลอดถงึ การปฏบิ ัตติ ามความจาเปน็ เพอื่ ให้บรรลภุ ารกจิ การ
ควบคมุ ทางยทุ ธการโดยทัว่ ไปเหมาะสมท่ีจะใชใ้ นการปฏิบตั กิ ารทางยทุ ธวธิ ี เม่อื จาเป็นต้องจดั ให้มกี าร
ปูองกันภัยทางอากาศภายในห้วงเวลาอนั สน้ั เช่น หน่วย ปตอ.สนบั สนุนการยึดครองสะพานท่ีสาคญั ของ
หนว่ ยดาเนนิ กลยทุ ธ เป็นตน้ หนว่ ย ปตอ. ตามปกติจะอยู่ภายใต้การควบคุมทางยทุ ธการของหนว่ ยอืน่
ภายในห้วงเวลาทก่ี าหนดหรือจนกว่าจะปฏบิ ัติภารกจิ ไดส้ า เรจ็ แล้วจงึ กลบั มาอยู่ภายใตก้ ารควบคมุ ของ
หน่วยตน้ สังกดั

เมื่อหนว่ ย ปตอ . ข้นึ สมทบ หน่วยรับการสนบั สนนุ ยอ่ มรบั ผิดชอบในการสนับสนุนงาน
ธุรการและการสง่ กาลงั บารงุ ใหก้ บั หนว่ ย ปตอ . ตวั อย่าง เชน่ กองร้อย ปตอ .วัลแคน อาจข้นึ สมทบต่อ
กองพลน้อยเฉพาะกจิ ซึ่งปฏบิ ัติการแยกอยโู่ ดดเดี่ยวหา่ งไกล จนกองพนั วลั แคนอัตตาจร ไม่สามารถ
ใหก้ ารสนบั สนุนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพได้ เปน็ ต้น

การจัดหนว่ ย ปตอ.ของ ทบ.ไทย
การจัดหน่วย ปตอ.ทบ.ไทย ตามอตั ราการจดั และยทุ โธปกรณ์ของกองทพั ในปัจจบุ นั มีการ

จัดเป็นหน่วยในระดับทีส่ าคญั ๒ สว่ น คอื
๑. หน่วยในระบบควบคมุ และแจ้งเตอื นภัย ได้แก่
๑.๑ ศนู ยต์ ่อสปู้ ูองกันภัยทางอากาศกองทัพบก (ศปภอ.ทบ.)
๑.๒ ศูนยต์ อ่ สปู้ อู งกันภยั ทางอากาศกองทพั บก ประจาพืน้ ที่ (ศปภอ.ทบ. ประจาพ้นื ท่ี)
๑.๓ ศนู ยต์ ่อสปู้ อู งกันภยั ทางอากาศพนั ปตอ.
๒. หนว่ ยในระบบอาวุธ ได้แก่
๒.๑ พล.ปตอ.
๒.๒ พัน.ปตอ.ในอตั ราของ กรม ป.กองพลดาเนนิ กลยุทธ

หนว่ ยใชร้ ะบบอาวธุ
กองพลทหารปนื ใหญ่ตอ่ สอู้ ากาศยาน (พล.ปตอ.)
๑. ภารกจิ วางแผน อานวยการ ควบคุม กากบั ดู แล การตอ่ ส้ปู อู งกันภยั ทางอากาศ
ตอ่ ทีต่ ้งั ตา่ งๆ ให้เป็นไปตามทกี่ องทพั บกกาหนด


๒. การจดั ๑-๑๑
XX

บก. และ ร้อย.บก. ๑๓ กอง๑พล๓าธิการ กองสรรพาวุธ
บก
๑ ๑ ๒
๓๕ ๖๗ ๒๔

หมายเหตุ ๑. ปตอ.พัน.๑ รอ.,ปตอ.พัน.๒ และปตอ.พนั .๓ ใช้ อจย.หมายเลข ๔๔ - ๗๕
๒. ปตอ.พนั .๔ ใช้ อจย.หมายเลข ๔๔ – ๘๕
๓. ปตอ.พัน.๕, ปตอ.พัน.๖ ใช้ อจย.หมายเลข ๔๔ - ๖๕
๔. ปตอ.พนั .๗ ประกอบกาลังดว้ ยรวม รอ้ ย .ปตอ.อต.๑ (ใช้อาวุธนาวิถเี รดอาย และ

HN – ๕) และ รอ้ ย.ปตอ.อต.๒ (ใชร้ ะบบอาวุธนาวิถีสปาด้า)

กรมทหารปืนใหญต่ อ่ สู้อากาศยาน (อจย. ๔๔ - ๑๒)
๑. ภารกจิ วางแผน อานวยการ ควบคมุ และการกากับดแู ลการปฏบิ ัติการต่อส้ปู อู งกัน
ภัยทางอากาศให้กบั พนั .ปตอ. ในอัตรา และทมี่ าสมทบ
๒. การแบ่งมอบ เป็นหนว่ ยในอัตราของ พล.ปตอ.
๓. การจัด

บก. และ ร้อย บก.

กองบังคบั การกรม กองรอ้ ยกองบงั คับการ

บก. ร้อย ตอน บก. กรม ตอน นตต. หมวดสื่อสาร หมวดยานยนต์ หมวดระวงั ปอ้ งกนั

บก. หมวด ตอนวิทยุ ตอนโทรศัพท์ บก. หมวด หมู่อาวุธ หมู่ ปล.


๑-๑๒

หมายเหตุ ๑. หนว่ ยท่ีมีการจดั ตาม อจย. ๔๔ - ๑๒ คือ ปตอ.๑ และ ปตอ.๒
๒. การจดั พัน.ปตอ. รายละเอยี ดดขู ้อ จ.

กองพันทหารปนื ใหญต่ ่อสู้อากาศยาน (พัน.ปตอ.)
กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานของ ทบ. ไทย มกี ารจัดตามอตั ราการจัดและ
ยทุ โธปกรณ์ (อจย.) หมายเลข ๔๔ - ๗๕, ๔๔ - ๘๕ และ ๔๔ - ๖๕ สาหรับ อจย. ๔๔ - ๗๕ และ ๔๔ -
๘๕ นนั้ มีภารกจิ และการจัดเช่นเดยี วกนั ทกุ ประการ จะแตกต่างเฉ พาะ อาวุธ ปตอ . ทีใ่ ช้ และ
อตั รากาลังพล หน่วยทม่ี กี ารจดั ตาม อจย. ๔๔ - ๗๕ ใช้อาวุธ ปตอ . ๔๐ มม. แบบลากจงู และ อาวุธ
ปตอ. ๑๒.๗ มม. แบบ เอม็ ๑๖ (อตั ตาจร) สว่ นหนว่ ยที่มกี ารจดั ตาม อจย . ๔๔ - ๘๕ ใช้อาวธุ ปตอ .
๔๐ มม.ลากลอ้ งคู่ (อัตตาจร) และอาวธุ ปตอ . ๑๒.๗ มม. แบบ เอม็ ๕๕ สาหรับอัตรากาลงั พลน้ัน
หนว่ ยทีม่ ีการจดั ตาม อจย. ๔๔ - ๗๕ มอี ตั รากาลงั พลมากกวา่ อจย. ๔๔ - ๘๕

๑. กองพันทหารปนื ใหญต่ อ่ สอู้ ากาศยาน ขนาด ๔๐ มม. (อจย.๔๔ - ๗๕ และ ๔๔–
๘๕) (ปตอ.พนั .๑, ๒, ๓ และ ๔)

๑.๑ ภารกิจ ในการปูองกันภั ยทางอากาศเฉพาะตาบลตอ่ ที่ตัง้ ทไี่ ดร้ บั มอบ และ
ปฏิบตั ิการยงิ ต่อเคร่อื งบนิ ท่ีโจมตรี ะดบั ตา่ และทาการยงิ ต่อยานยนต์ และท่ีหมายอ่นื บนภาคพน้ื

๑.๒ การแบง่ มอบ เป็นหนว่ ยในอตั ราของกรมทหารปืนใหญข่ องกองพลอาจ
ปฏบิ ัติงานเป็นหนว่ ยอิสระ หรือสมทบให้กับหนว่ ยทหารปืนใหญ่ตอ่ สู้อากาศยานอื่น ๆ ก็ได้

๑.๓ การจดั
๑.๓.๑ กองพนั ปตอ.ขนาด ๔๐ มม. (อจย. ๔๔ - ๗๕, ๔๔ - ๘๕)

บก. และ ร้อย บก.

๑.๓.๒ กองรอ้ ยปนื ใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ( อจย. ๔๔ - ๗๗, ๔๔ - ๘๗ )
๑.๓.๒.๑ ภารกิจทาหน้าทีเ่ ปน็ สว่ นกาลังยิงของ กองพั นทหารปืนใหญต่ ่อสู้

อากาศยานขนาด ๔๐ มม.
๑.๓.๒.๒ การแบ่งมอบ ๔ กองรอ้ ย ต่อ ๑ กองพนั ทหารปนื ใหญต่ อ่ สอู้ ากาศ

ยานขนาด ๔๐ มม.


๑-๑๓
๑.๓.๒.๓ การจัด

ร้อย.ปตอ.

บก. ร้อย หมู่ซ่อมบารงุ หมู่ส่ือสาร หม่กู ระสนุ หมวด ปตอ.

บก. หมวด หมู่ ปตอ.

หมายเหตุ
๑. ปตอ.๒ พัน.๑ รอ. และ ปตอ.๒ พนั .๒ ไดร้ ับ
- ปตอ. ๑๒.๗ มม. แบบ อัตตาจร ๒ กองร้อย (๒๔ หม)ู่
- ปตอ. ๔๐ มม.แอล ๗๐ แบบลากจูง (อังกฤษ) ๒ กองร้อย (๒๔ หม)ู่
- ปตอ. ๔๐ มม.แอล ๖๐ แบบ เอ็ม ๑ ลากจงู ๖ หมู่ (ใช้ในการศกึ ษา)
๒. ปตอ.๑ พัน.๓ ไดร้ บั
- ปตอ. ๑๒.๗ มม. แบบ อตั ตาจร ๒ กองรอ้ ย (๒๔ หม)ู่
- ปตอ. ๔๐ มม. แอล ๗๐ แบบลากจงู (องั กฤษ) จานวน ๑ กองร้อย (๑๒ หมู่) ยัง

ขาดอตั รา อกี ๑ กองรอ้ ย
- ปตอ. ๔๐ มม. แอล ๖๐ แบบ เอม็ ๑ ลากจงู ๖ หมู่ (ใช้ในการศกึ ษา ) และอกี ๑๒

หมู่ ทดแทน ปตอ. ๔๐ มม.แอล ๗๐ ทยี่ ังขาดอยู่ ๑๒ หมู่ รวมไดร้ ับทั้งสิน้ ๑๘ หมู่
- ปตอ. ๓๗ มม.ลากลอ้ งคู่ แบบลากจงู จานวนหนึ่ง เพ่อื ใช้ในการศกึ ษา

๓. ปตอ.๒ พัน.๔ ไดร้ บั
- ปตอ. ๑๒.๗ มม. แบบ ลากจงู ๒ กองรอ้ ย ( -) จานวน ๑๘ หมู่ ( ขาดอัตรา ๖ หม)ู่
- ปตอ.๔๐ มม.เอ็ม ๔๒ แบบ อัตตาจร ๒ กองร้อย ( - ) จานวน ๑๘ หมู่ ขาดอัตรา

๖ หมู่
- ปตอ. ๑๒.๗ มม. RC-24 ( สปจ.) จานวน ๑๖ หมู่ เพ่ือทดแทนอาวุธท่ยี ังขาดอตั ราอยู่

สรุป
๑. พัน.ปตอ. ท่ีมีการจัดตาม อจย . ๔๔ - ๗๕ คอื ปตอ.๒ พัน.๑ รอ. เปน็ หน่วยในอัตรา

ของ ปตอ.๒ พัน.๒ เป็นหน่วยในอัตราของ ปตอ . ๒ และ ปตอ.๑ พนั .๓ เป็นหนว่ ยในอตั รา
ของ ปตอ.๑

๒. พัน.ปตอ. ท่ีมีการจดั ตามใน อจย. ๔๔ - ๘๕ คอื ปตอ.๒ พัน.๔ ซงึ่ เป็นหน่วยในอตั รา
ของ ปตอ.๒

๓. พัน.ปตอ.ทม่ี กี ารจัดตามใน อจย . ๔๔ - ๖๕ คือ ปตอ.๑ พนั .๕ และ ปตอ.๑ พัน.๖
เป็นหน่วยในอัตราของ ปตอ.๑


๑-๑๔

๒. ปตอ.พนั . ๕ ( ควบคุมการยงิ ด้วยอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ) ( อจย. ๔๔ - ๖๕ )
๒.๑ ภารกิจ ให้การปูองกันภยั ทางอากาศเฉพาะตาบลต่อทีต่ ้งั สาคัญ ซงึ่ ได้รับมอบ

อาจปูองกันภยั ทางอากาศให้กับหนว่ ยรบในแนวหนา้ และทาการยงิ เปาู หมายทางพ้ืนดิน
๒.๒ การแบง่ มอบ เป็นหน่วยของกองทพั บก อาจแบ่งมอบใหห้ น่วยรองตาม ความ

เหมาะสม
๒.๓ การจดั

บก. และ ร้อย บก. ร้อย ปตอ. ๒๐ มม. ร้อย ปตอ. ๔๐ มม.
วัลแคน อัตตาจร ควบคมุ การยงิ ดว้ ยเรดาร์

๒.๓.๑ กองรอ้ ยปนื ใหญต่ ่อสู้อากาศยานขนาด ๒๐ มม.วลั แคน (อจย.๔๔ - ๖๗)
รอ้ ย.ปตอ. ๒๐ มม. วลั แคน

บก. ร้อย. หมสู่ ื่อสาร หมซู่ อ่ มบารงุ ระบบและ หมู่กระสนุ หมวด ปตอ.
ยานยนต์

บก. หมวด หมู่ ปตอ. ๒๐ มม.


๑-๑๕

๒.๓.๒ กองรอ้ ยปืนใหญ่ตอ่ ส้อู ากาศยาน ขนาด ๔๐ มม. ควบคมุ การยิงด้วยเรดาร์
(อจย. ๔๔– ๖๘)

ร้อย.ปตอ. ๔๐ มม.
ควมคุมการยิงด้วยเรดาร์

บก. ร้อย. หมสู่ อ่ื สาร หมูซ่ อ่ มบารงุ ระบบ หมู่กระสุน มว. ปตอ. ๔๐ มม.
และยานยนต์ ควบคุมการยิงด้วย

เรดาร์

บก. หมวด หมู่ ปตอ. ๔๐ มม. หม่เู รดารค์ วบคมุ การยิง

๓. ปตอ.พัน. ๖ ( ควบคมุ การยงิ ดว้ ยอิเล็กทรอนกิ ส์ ) ( อจย. ๔๔ - ๖๕ )
๓.๑ ภารกจิ ให้การปูองกันภัยทางอากาศเฉพาะตาบลตอ่ ท่ตี งั้ สาคัญ ซึ่งไดร้ ับมอบ อาจ

ปอู งกนั ภัยทางอากาศใหก้ บั หนว่ ยรบในแนวหน้า และทาการยงิ เปูาหมายทางพ้นื ดนิ
๓.๒ การแบ่งมอบ เป็นหน่วยของกองทัพบก อาจแบ่งมอบใหห้ น่วยรองตามความ

เหมาะสม
๓.๓ การจัด

บก. และ ร้อย บก. รอ้ ย ปตอ. ๒๐ มม. ร้อย ปตอ. ๕๗ มม.
วัลแคน ( ลากจูง ) ควบคุมการยิงด้วยเรดาร์

รอ้ ย ปตอ. ๒๐ มม. ( อจย.๔๔ - ๗๘)
ภารกจิ
- ทาหนา้ ท่ีเปน็ สว่ นกาลงั ยิงของกองพันปนื ใหญ่ตอ่ สู้อากาศยาน
- ปอู งกนั ภัยทางอากาศต่ออากาศยานระดบั ต่าของข้าศึก
การแบ่งมอบ เปน็ หนว่ ยในอตั รากองพนั ทหารปืนใหญต่ ่อสู้อากาศยาน
การจดั


๑-๑๖
รอ้ ย.ปตอ. ๒๐ มม. วลั แคน

บก. รอ้ ย. หมู่สอ่ื สาร หมู่ซ่อมบารงุ ระบบและ หมกู่ ระสุน หมวด ปตอ.
ยานยนต์

บก. หมวด หมู่ ปตอ. ๒๐ มม.

(๒) รอ้ ย ปตอ. ๕๗ มม.

ร้อย. ปตอ. ๕๗ มม.
ควมคมุ การยิงดว้ ยเรดาร์

บก. ร้อย. หมู่สื่อสาร หมซู่ ่อมบารุงระบบ หมู่ หมเู่ รดาร์เตอื นภยั มว. ปตอ. ๕๗ มม.
และยานยนต์ กระสนุ TYPE - ๕๑๓ ควบคุมการยงิ ด้วยเรดาร์

บก. หมวด หมู่ เรดารค์ วบคุมการยิง เครอื่ งใหท้ ิศทางปืน หมู่ ปตอ. ๕๗ มม.
(ไดเรคเตอร์)

หมายเหตุ
๑. พัน.ปตอ. ทมี่ กี ารจดั ตาม อจย . ๔๔ - ๖๕ คือ ปตอ.๑ พนั .๕ และ ปตอ.๑ พนั .๖

ซง่ึ เปน็ หน่วยในอตั ราของ ปตอ .๑ และ ปตอ .๑ พัน.๖ ซ่ึงเป็นหนว่ ยในอตั ราของ ปตอ . ๑ มี
ระบบอาวุธทใ่ี ช้คือ ปตอ. ๔๐ มม. แอล ๗๐ ควบคุม การยิงดว้ ยฟลายแคทเชอร์ ปตอ. ๒๐ มม.
(วัลแคน) อจ. ปตอ. ๕๗ มม.ควบคมุ การยิงด้วยเรดาร์ ( สปจ. ) ปตอ. ๒๐ มม. ( วลั แคน ). ลจ.

๒. ปตอ.๑ พนั . ๕ ไดร้ ับ
- ปตอ. ๒๐ มม.อตั ตาจร (วัลแคน) ๒ กองรอ้ ย (๒๔ หม)ู่
- ปตอ. ๔๐ มม. แอล ๗๐ (สวเี ดน) ๒ กองร้อย (มี ๘ หมวด ยงั ขาดอัตรา ๔

หมวด)
- ปตอ. ๔๐ มม.แอล ๗๐ (อังกฤษ) ๘ หมู่ เพิ่มเตมิ จากทข่ี าดอตั รา (เฉพาะอาวุธ)
- เรดารแ์ ลดส์ ๒ หมู่ (ร้อย.บก.)


๑-๑๗

๓. ปตอ.๑ พัน. ๖ ได้รบั
- ปตอ. ๒๐ มม. ลากจงู (วลั แคน) ๒ กองร้อย (๒๔ หม)ู่
- เรดาร์แลดส์ ๒ หมู่ (ร้อย.บก.)
- เรดาร์แจ้งเตือนภยั TYPE – ๕๑๓
- เรดาร์ควบคมุ การยงิ TYPE - B.
- เคร่ืองใหท้ ศิ ทาง (DIRECTOR)
- ปตอ. ๕๗ มม. จานวนหนึง่

๔. ปตอ.พัน ๗
- ปตอ.พัน ๗ เป็นหน่วยจัดต้งั ใหม่ โดยการรวม กองร้อย ปตอ .อต.๑ และ กองร้อย

ปตอ.อต.ท่ี ๒ สาหรบั อาวุธในกองพัน จะประกอบด้วย อาวธุ ของทั้ง ๒ กองร้อย เหมือนเดมิ ทกุ ประการ
๔.๑ กองร้อยทหาร ปืนใหญ่ตอ่ สอู้ ากาศยานอาวุธนาวถิ ีระดับตา่ ท่ี ๑ ( อจย. ๔๔ -

๑๖๗ )
๔.๑.๑ ภารกิจ ทาการตอ่ สปู้ อู งกันภัยทางอากาศ ใหก้ ับหน่วยปฏิบตั ิการทาง

ยุทธวิธีท่ีตัง้ สาคญั ต่างๆ และขบวนเดนิ โดยทาการยิงตอ่ ส้อู ากาศยานขา้ ศกึ ท่ีบนิ ระดบั ต่า
๔.๑.๒ การแบง่ มอบ เป็นหน่วยของ ทบ . ซึ่งอาจแบ่งมอบใหห้ นว่ ยรองไดต้ าม

ความเหมาะสม
๔.๑.๓ การจดั

ร้อย.ปตอ.อต.๑

บก. รอ้ ย. มว. สนับสนุน มว. สนับสนุน มว. ปตอ. อต.

บก. หมวด หมู่ซ่อมบารงุ หมูส่ ่ือสาร หมูก่ ระสุน บก. หมวด ตอน ปตอ. อต.
และยานยนต์

บก. รอ้ ย. หม่รู ะวงั ปอ้ งกัน ชดุ ปตอ. อต.

หมายเหตุ ร้อย.ปตอ.อต. ๑ ได้รับ เรดอาย (อตอ. ๒๕) และ HN - ๕ (อตอ. ๓๐)


๑-๑๘

กองร้อยทหารปืนใหญต่ อ่ สอู้ ากาศยานอาวุธนาวถิ รี ะดับตา่ ที่ ๒
ร้อย.ปตอ.อต.๒

บก. ร้อย. มว. สนบั สนุน มว. เรดาร์ มว. ระว้งป้องกนั มว. ปตอ. อต.
บก. หมวด ตรวจคน้
หม่สู ่อื สาร
บก. มว หมตู่ รวจค้น บก. หมวด หมู่ ปตอ. อต.
หมซู่ อ่ มบารงุ ระบบ
หมจู่ รวดนาวถิ ี

บก. หมวด หมูร่ ะวงั ป้องกนั

หมู่ซอ่ มบารุงและยานยนต์

หม่กู ระสุน

หมายเหตุ ร้อย ปตอ.อต.๒ ไดร้ ับ ระบบ อตอ.๓๑ (SPADA) สปาด้า ซง่ึ ประกอบดว้ ย
- เรดารต์ รวจค้นและพสิ จู นฝ์ าุ ย (SIR)
- เรดารต์ ดิ ตามและฉาบเปาู (TIR)
- แท่นเครอื่ งยิง ซง่ึ มอี าวธุ นาวิถี ASPIDE บรรจอุ ยใู่ นทอ่ ยิง จานวนแทน่ ละ ๖ นดั
กองพัน ปตอ.ในอตั รา กรม ป.กองพลดาเนินกลยุทธ
กองพัน ปตอ . ในอตั ราของ กรม ป .กองพลดาเนนิ กลยุทธ มปี รากฏอยู่ในผงั การจดั

ของ กรม ป. พล.ร.มาตรฐาน และ ร. ยานเกราะ และ พล.ม. จานวน ๑ กองพนั แต่ปจั จบุ ัน ทบ . ยงั ไม่
บรรจุกาลงั พัน.ปตอ. ใหก้ ับ กรม ป.ดงั กลา่ วเลย


๒-๑

บทท่ี ๒
การบงั คับบญั ชา และการควบคุม ปตอ. ทบ.ไทย

ตอนท่ี ๑ กล่าวทัว่ ไป
ตอนท่ี ๑ โครงสร้างทางการบงั คับบญั ชาและการควบคมุ
กล่าวโดยท่วั ไป
การบังคบั บัญชาและการควบคุมหนว่ ย ปตอ . มลี กั ษณะแตกต่างกบั หนว่ ยอ่นื ตรงทมี่ ีสายการ
บงั คับบญั ชา และสายการควบคมุ ทางยทุ ธการแยกกัน สายการบงั คับบญั ชาตามปกตจิ ะเป็นไปตาม
โครงสรา้ งการจดั หน่วย หากหนว่ ยใดมสี ายการควบคมุ ทางยุทธการตอ่ หนว่ ยรองของตนรวมอยู่ดว้ ย
หนว่ ยน้ัน คงมีความสมั พันธก์ บั หนว่ ยรองเพียงการบังคบั บัญชาเวน้ การควบคมุ ทางยทุ ธการ

ทบ.

นปอ.

กองทัพภาค ศปภอ.ทบ. พล.ปตอ.

กองพล กรม.ปตอ.

ศปภอ.ทบ. ประจาพน้ื ท่ี
กรม.ป.

สายการประสานงาน -----------------------

สายการบงั คับบัญชา

สายการควบคมุ ทางยทุ ธการ ----- - ----- - ----- - ----- - ----- - -----

พัน.ปตอ. ศปภอ.พนั .ปตอ. ศปภอ.พัน.ปตอ. พนั .ปตอ.


๒-๒

สายการบังคับบัญชา
เน่ืองจากการจดั หนว่ ย ปตอ . ไทย มี ๒ แบบ คอื หนว่ ย ปตอ . ในอัตราของ พล .ปตอ. กับ

หน่วย ปตอ. ในอัตรา กรม ป. ใน พล.ร. (ม.) ซึง่ สายการบงั คบั บัญชาหนว่ ย ปตอ. แต่ละแบบมีดงั นี้ .-
๑. หนว่ ย ปตอ.ในอัตราของพล.ปตอ. สายการบงั คบั บัญชาเปน็ ไปตามลาดับดงั นี้ คอื ผบ.ทบ.,

ผบ.นปอ. (ปกตจิ ะได้รับการแต่งตั้งใหเ้ ปน็ ผู้บญั ชาการปอ้ งกันภัยทางอากาศกองทัพบก), ผบ.พล.ปตอ.,
ผบ.กรม ปตอ., ผบ.พนั .ปตอ., ผบ.รอ้ ย.ปตอ. และผบ.หมวด ปตอ. ตามลาดับ

๒. หนว่ ย ปตอ . ในอัตราของ กรม .ป. หรือกองพล ร.(ม.) สายการบงั คับบัญชาจะเปน็ ไป
ตามลาดบั ดังน้ี ผบ.ทบ., มทภ., ผบ.พล.ร.(ม.), ผบ.กรม ป. (ปกติจะไดร้ ับแตง่ ตัง้ ให้เป็นนายทหารป้องกนั
ภัยทางอากาศของกองพล), ผบ.พนั .ปตอ. (ปกตจิ ะได้รบั การแต่งตงั้ ใหเ้ ป็นผชู้ ว่ ยนา ยทหารป้องกันภยั ทาง
อากาศของกองพล) ผบ.ร้อย.ปตอ. และ ผบ.มว.ปตอ. ตามลาดบั

สายการควบคมุ ทางยทุ ธการ
๑. กล่าวทั่วไป
สายการควบคุมทางยุทธการมโี ครงสร้างสลบั ซบั ซอ้ นกว่าสากยารบังคับบญั ชา เนอ่ื งจาก

แผนการป้องกันภยั ทางอากาศของชาติประกอบดว้ ยแผนปอ้ งกันภยั และบรรเทาภยั ทางอากาศ (ฝา่ ยพล
เรือน) และแผนปอ้ งกันภัยทางอากาศด้านทหาร สาหรบั การป้องกันภัยทางอากาศด้านทหารนัน้
ผู้บัญชาการทหารสูงสดุ มคี วามรับผดิ ชอบเปน็ สว่ นรวมในกิจปอ้ งกันภยั ทางอากาศ แต่ตามปกติแล้วจะ
แตง่ ต้ั งให้ผูบ้ ัญชาทหารอากาศดารงตาแหนง่ ผู้บัญชาการปอ้ งกันภยั ทางอากาศ รบั ผดิ ชอบในการ
ดาเนนิ การปอ้ งกันภยั ทางอากาศดา้ นทหาร ของเหลา่ ทัพต่างๆ ท้งั นี้เพ่อื ให้การป้องกันภยั ทางอากาศด้าน
ทหารดาเนินไปอยา่ งมกี ารประสานและรวมเปน็ อนั หน่ึงอันเดียวกนั ผบู้ ญั ชาการป้องกนั ภัยทางอากาศจะ
อาศัยอานาจของผู้บัญชาทหารสงู สดุ และภายหลังท่ี ได้ประสานงานกับเหล่าทัพตา่ งๆ แลว้ ก็จะกาหนด
นโยบายและระเบยี บปฏิบัติต่างๆ สาหรับการใชแ้ ละการประสานงานของอาวธุ ทใ่ี ชใ้ นการป้องกันภัยทาง
อากาศข้ึน การกาหนดนโยบายและระเบยี บตา่ งๆ ใหก้ บั อาวุธที่ใชใ้ นการป้องกันภยั ทางอากาศตอ้ งปฏบิ ัติ
นัน้ ก็คอื การควบคมุ ทางยทุ ธการในการปอ้ งกันภัยทางอากาศน่ันเอง

๒. สายการควบคมุ ทางยทุ ธการระดบั กองบัญชาการทหารสูงสุด
๒.๑ กองอานวยการต่อสู้ป้องกนั ภัยทางอากาศ กองอานวยการตอ่ สปู้ ้องกนั ภัยทาง

อากาศนีจ้ ดั ตง้ั ขึน้ ณ ระดบั กองบัญชาการท หารสูงสุด โดยมผี ู้บญั ชาการทหารอากาศเปน็ ผบู้ ัญชาการ
ป้องกันภัยทางอากาศ รบั ผิดชอบในการป้องกนั ภัยทางอากาศฝา่ ยทหาร โดยมหี น้าท่อี านวยการ ควบคุม
และสั่งการเก่ียวกบั การป้องกันภยั ทางอากาศ และควบคุมทางยุทธการต่อ ศปภอ .ทบ., ศปภอ.ทร. และ
ศปภอ.ทอ. ประสานการปฏบิ ัติ กบั กองอานวยการปอ้ งกันภยั ทางอากาศฝา่ ยพลเรือนแห่งราชอาณาจักร
ของกระทรวงมหาดไทยอีกดว้ ย

๒.๒ ศูนยต์ ่อสู้ป้องกนั ภัยทางอากาศของกองทัพอากาศ จดั ต้ังข้นึ ในกองบัญชาการ
กองทัพอากาศ มีความรับผดิ ชอบในการปอ้ งกันภยั ทางอากาศ ดว้ ยการใชก้ าลังทางอากาศของ ทอ.รวมทัง้
ระบบการควบคุม และแจ้งเตอื นภยั ปฏบิ ตั ิงานภายใตก้ ารควบคมุ ทางยทุ ธการของกองอานวยการตอ่ สู้
ปอ้ งกนั ภัยทางอากาศ

๒.๓ ศนู ย์ต่อส้ปู อ้ งกันภยั ทางอากาศของกองทัพบก จดั ต้งั ข้นึ ในระดบั กองบัญชากา ร
กองทพั บก รบั ผิดชอบในการปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศกันภัยทางอากาศ ดว้ ยอาวุธต่ อสูอ้ ากาศยานประเภท
ผิวพ้นื สอู่ ากาศเฉพาะตาบลและคน้ หาอากาศยานระดับต่าเพ่ือสนบั สนนุ ทอ . ในการป้องกันภยั ทาง
อากาศปฏบิ ตั งิ านภายใต้การควบคมุ ทางยทุ ธการของกองอานวยการต่อสปู้ อ้ งกนั ภยั ทางอากาศ


๒-๓

๒.๔ ศนู ย์ป้องกันภยั ทางอากาศกองทพั เรือ จดั ต้งั ในระดับกองบญั ชาการกองทพั เรือ
รบั ผิดชอบในการป้องกนั ภยั ทางอากาศดว้ ยอาวุธตอ่ สู้อากาศยานประเภทผวิ พื้นสอู่ ากาศ ให้แกท่ ต่ี ั้งทาง
ทหารของ ทร . และที่ บก .ทหารสูงสุดกาหนด ปฏิบตั งิ านภายใตก้ ารควบคุมทางยุทธการของกอง
อานวยการต่อสปู้ อ้ งกนั ภยั ทางอากาศ

๓. สายการควบคุมทางยทุ ธการระดับกองทพั บก
กองทพั บกได้จัดตง้ั ระบบป้องกันภยั ทางอากาศของกองทัพบก ประกอบด้วยศนู ย์ต่อสู้

ปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศกองทพั บก (ศปภอ.ทบ.) ศูนยต์ ่อส้ปู อ้ งกนั ภยั ทางอากาศกองทพั บกประจาพืน้ ท่ี
(ศปภอ.ทบ.พท.) และศนู ยต์ ่อสปู้ ้องกนั ภยั ทางอากาศ พัน.ปตอ. (ศปภอ.พัน.ปตอ.)

๓.๑ ศูนย์ตอ่ สู้ปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศของกองทั พบก (ศปภอ.ทบ) มหี นา้ ทสี่ าคญั คือ
วางแผน อานวยการ ควบคุม และกากับดู แล เรอ่ื งการปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ ของกองทพั บก ประสาน
การปฏบิ ตั ใิ นเร่ืองการป้องกันภัยทางอากาศ และการแจง้ เตือนภัยหนว่ ยต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ควบคมุ ทาง
ยทุ ธการต่อ ศปภอ.ทบ.พท. และหน่วย ปตอ. อื่นๆ ที่ ทบ.กาหนด

๓.๒ ศูนยต์ อ่ สปู้ ้องกนั ภัยทางอากาศของกองทพั บกประจาพ้นื ท่ี (ศปภอ.ทบ.พท.)
จดั ต้ังขน้ึ ในระดับพืน้ ที่ ภาคกลาง ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนื อ และภาคใต้ มีหน้าท่สี าคญั คอื
วางแผน อานวยการ ควบคมุ และกากับดแู ล เรอื่ งการป้องกนั ภัยทางอากาศของกองทัพบกในพนื้ ท่ี
รับผดิ ชอบ ประสานงานในเรื่องการปอ้ งกันภยั ทางอากาศ และการแจ้งเตือนภัยเนิ่นกบั หนว่ ยทีเ่ กี่ยวข้อง
ควบคมุ ทางยทุ ธการตอ่ ศปภอ.พัน.ปตอ. ในพืน้ ทร่ี บั ผิดชอบ

๓.๓ ศนู ย์ตอ่ สู้ป้องกนั ภัยทางอากาศ พัน .ปตอ. (ศปภอ.พัน.ปตอ.) จัดตั้งขนึ้ ในระดบั
พนั .ปตอ.ต่าง ๆ ในพืน้ ที่ มหี นา้ ที่สาคญั คือ วางแผน อานวยการ ควบคมุ การปฏิบตั ิ การใช้อาวธุ ปตอ .
ในอัตราและที่ข้นึ สมทบในการปอ้ งกันภัยทางอากาศ ประสานในเรื่องการป้องกนั ภยั ทางอากาศและ
การแจ้งเตือนภัยเนนิ่ กับหนว่ ยทีเ่ กีย่ วข้อง ควบคมุ ทางยุทธการต่อหนว่ ยยงิ ปตอ.ท้ังปวงในกองพนั

การควบคมุ ห้วงอากาศ
๑. ความรับผิดชอบในการควบคุมห้วงอากาศ
๑.๑ ความรับผดิ ชอบในยุทธบรเิ วณ
๑.๑.๑ ผบู้ ญั ชาการทหารสงู สดุ รบั ผิดชอบในการควบคุมห้วงอากาศภายในยทุ ธ

บรเิ วณ ด้วยการกาหนดนโยบายหรอื วัตถุประสงค์ของการควบคมุ หว้ งอากาศ ตามปกติแลว้ ผบู้ ญั ชาการ
ทหารสูงสุดจะแต่งต้ังให้ผบู้ ญั ชาการทหารอากาศเปน็ ผูม้ อี านาจควบคมุ ห้วงอากาศ

๑.๑.๒ ผู้บญั ชาการทหารอากาศ ปกติจะไดร้ บั แต่งต้ังใหเ้ ป็นผ้มู อี านาจควบคุม
หว้ งอากาศ และมคี วามรบั ผิดชอบในการปฏบิ ัตงิ านของระบบการควบคุมหว้ งอากาศของยุทธบรเิ วณ
ตามท่กี าหนดไว้ในวตั ถปุ ระสงค์ของผู้บัญช าการทหารสูงสุด ผบู้ ัญชาการทหารอากาศในฐานะผู้
บัญชาการป้องกันทางอากาศ และผมู้ อี านาจควบคมุ หว้ งอากาศ (AIRSPACE CONTROL AUTHORITY)
มีความรบั ผิดชอบดงั นี้

- กาหนดระเบยี บปฏบิ ตั แิ ละกฎการตดิ พันในการป้องกันภัยทางอากาศ
- วางแผนและดาเนนิ การเกย่ี วกับระบบการควบคมุ หว้ งอากาศภายในพื้นทคี่ วบคมุ
หว้ งอากาศทง้ั หมด
- ประกาศระเบยี บปฎบิ ตั ิในการพสิ ูจนฝ์ า่ ยด้วยอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ( IFF )
- พฒั นาแผนการควบคมุ หว้ งอากาศของยทุ ธบริเวณ และประกาศระเบยี บปฏิบตั ิ
เก่ียวกับการควบคมุ ห้วงอากาศ


๒-๔

๑.๒ ความรบั ผดิ ชอบในเขตหน้า
๑.๒.๑ แมท่ ัพกอ งทพั ภาค รับผิดชอบในการปฏิบัติพันธกิจการควบคุม

ห้วงอากาศภายในพื้นท่รี บั ผดิ ชอบของตนตามท่ผี มู้ ีอานาจควบคมุ ห้วงอากาศกาหนด โดยมีความ
รับผิดชอบดงั น้ี

- การใช้ทางยุทธวิธีและการธุรการภายในหนว่ ยของตน
- ประสานการปฏิบัตกิ ารของหน่วยกา ลังรบตา่ ง ๆ อากาศยาน อาวธุ ตา่ ง ๆ
ภายในหน่วยของตนกับเหล่าทพั อ่นื เมอื่ จาเป็น
- การใชร้ ะบบอาวธุ ตอ่ สูอ้ ากาศยานตามระเบยี บตา่ งๆ และนโยบายทีผ่ บู้ ัญชา
การปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศกาหนด
- จัดใหม้ กี ารควบคุมหว้ งอากาศและปฏบิ ตั พิ ันธกิจการควบคมุ หว้ งอากาศ ใน
พืน้ ทท่ี ่ีอาจได้รบั มอบหมายจากผู้มีอานาจควบคุมหว้ งอากาศ

๑.๒.๒ ผู้บงั คบั หน่วยดาเนนิ กลยุทธ (ระดับกองพล กรม กองพัน ) ผู้บังคบั บัญชา
ยอ่ มรับผิดชอบในการประสานกิจกรรมใช้ห้วงอากาศในพืน้ ทีข่ องตน เม่ือกิจกรรมเหลา่ น้นั อาจ
กระทบกระเทอื นต่อผใู้ ชห้ ้วงอากาศอื่นๆ ณ บริเวณแนวปะ ทะหรือขอบหน้าพืน้ ท่กี ารรบ ผูบ้ งั คับกอง
พนั ดาเนินกลยุทธรบั ผิดชอบในการประสานในรายละเอยี ดกับผู้ใช้ห้วงอากาศอนื่ ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง
โดยตรงกับการปฏิบตั กิ ารของตน การสนบั สนนุ ซ่งึ ทาใหก้ ารสนองตอบตอ่ คารอ้ งขอของตนจะต้องมกี าร
ประสานการใช้เพอ่ื ใหก้ ารใช้บงั เกดิ ประสทิ ธิผ ลสูงสุดและมิใหเ้ กดิ ขอ้ ขัดแยง้ กนั เอง แม้วา่ ณ ระดับกรม
และกองพันดาเนินกลยทุ ธ ปกตจิ ะไมม่ ีฝา่ ยกจิ การพเิ ศษ เพ่อื ทาหนา้ ทกี่ ารควบคุมห้วงอากาศ
ผู้บงั คบั บัญชาจะดาเนนิ การควบคมุ และประสานการใชห้ ว้ งอากาศ ผ่านฝ่ายอานวยการของตน
นายทหารท่ตี ิดต่อจากหน่วยทมี่ าสนับสนนุ ผแู้ ทนหนว่ ยยิงสนบั สนุน และผู้บังคับบัญชาหน่วยรองของตน
การปฏบิ ตั ิตามกฎการบิน กฎการติดพัน และขอ้ จากัดการยิงต่างๆ เป็นความรบั ผิดชอบของ
ผู้บงั คบั บญั ชา/หัวหนา้ หนว่ ย และเจ้าหนา้ ท่ที กุ นายทค่ี วบคุมยุทโธปกรณ์ หรือระบบทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั กฎ
หรือข้อจากัดตา่ ง ๆ ท่ีประกาศใช้

ระบบควบคุมห้วงอากาศของกองทัพบก
ระบบการควบคมุ หว้ งอากาศของกองทัพบก ยอ่ มหมายรวมถึ ง เจา้ หน้าท่ี นโยบาย และ

ระเบยี บปฏบิ ัตติ ่างๆท่เี ก่ียวข้องกบั การควบคมุ หว้ งอากาศ ซงึ่ สงิ่ ตา่ งๆ เหลา่ นี้ จะต้องกระทาให้หน่วยรบ
หน่วยสนับสนนุ การรบ แล ะหน่วยสนบั สนนุ ทางการช่วยรบ ใชห้ ว้ งอากาศอย่างมีการประสานกัน และ
เพื่อให้การใช้ห้วงอากาศในการสนับสนนุ ภารกจิ ทก่ี องทพั บกได้รับมอบ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

นายทหารปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ นายทหารการบิน และผู้ประสานการยงิ สนบั สนุนกองทพั บก
รว่ มกบั นายทหารฝา่ ยอานวยการอื่นๆภายใตก้ ารกากับดูแลของสธ.๓ วางแผนการใช้หว้ งอากาศในเขตหน้า
อยา่ งมีการประสานสนธิและให้อยใู่ นกฎขอ้ บังคบั ทก่ี าหนดกฎและระเบยี บปฏิบตั ิในการควบคุมหว้ งอากาศ
จะกาหนดขนึ้ และแจกจ่ายไปยงั หนว่ ยรองหลกั ทเี่ กี่ยวข้องทุกหน่วยกฎ และระเบยี บปฏบิ ตั ิเหล่านกี้ าหนด
ขึน้ ตามแนว ทางในการว างแผนของผู้บังคับบัญชาและระเบียบปฏิบตั ิอยา่ งกวา้ งๆ ที่ผู้มีอานาจควบคมุ
หว้ งอากาศกาหนดไว้ กฎและระเบยี บปฏบิ ตั ิเหลา่ นี้ จะตอ้ งอานวยให้หน่วยรองมีความอ่อนตัวตามความ
ตอ้ งการ เพือ่ สนับสนุนการปฏบิ ัตกิ ารของหน่วยเหล่านน้ั


๒-๕

หน่วยงานตา่ ง ๆ ของระบบการควบคุมหว้ งอากาศของกองทัพบก
๑..ศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธวิธี - ศปย. (TACTICAL OPERATION CENTER - TOC)

จัดตัง้ ณ ระดบั กองทัพภาคและกองพล เป็นที่ต้งั ทางการบังคบั บญั ชา ซ่งึ เจ้าหนา้ ทแ่ี ละเครือ่ งมอื
ตดิ ตอ่ ส่ือสารทจ่ี าเป็นมาร่วมปฏิบตั งิ าน เพ่อื รวมการปฏิบัติการรบและการประสาน การปฏิบตั ิการทาง
ยทุ ธวธิ ที ีก่ าลังเกดิ ขึน้ ศปย .มิใช่เปน็ การจดั หน่วยทางทหารอย่างเปน็ ทางการ มใิ ชเ่ ปน็ หน่วยงานอสิ ระ
และมใิ ชห่ น่วยระดบั หนึ่งระดับใด แต่เป็นการจัดตัง้ โดยใช้กาลงั พล และยุทโธปกรณ์ ของหน่วยตา่ ง ๆ
ภารกจิ หนว่ ยกาลังรบเพอ่ื ปฏิบัติงานในหนา้ ที่ของแผนกฝ่ายอานวยการต่างๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั เรือ่ งการรบ
ท่กี าลงั ดาเนนิ อยูใ่ หบ้ รรลผุ ลสาเร็จทันเวลา ดังนัน้ จงึ ไม่มีการประกอบกาลงั โดยแน่ชดั แต่ตามปกตแิ ลว้
จะประกอบดว้ ยสว่ นของแผนกฝ่ายอานวยการต่างๆ และเจา้ หน้าที่ทพ่ี ิจารณาเหน็ ว่าจาเปน็ เพอื่ ปฏบิ ตั ิ
พันธกิจทางการร บท่มี กั เกดิ ข้นึ เสมอ ๆ และส่วนของแผนกฝา่ ยอานวยการตา่ ง ๆ ทช่ี ว่ ยในการประสาน
พนั ธกิจในการควบคุมหว้ งอากาศ ทีไ่ ด้วางแผนไว้แลว้

๒. ส่วนควบคมุ ห้วงอากาศ (สคอ.) (AIRSPACE MANAGEMENT ELEMENT AME)
สคอ. เปน็ สว่ นหน่ึงของ ศปย. ปฏิบัตกิ ารภายใตก้ ารกากับดูแลของ สธ.๓ สคอ.จัดตัง้ ข้ึน

เพื่อความมุง่ หมายหลกั คือปฏิบัติภารกจิ การควบคุมห้วงอากาศระหว่างผ้ใู ชห้ ้วงอากาศของเหล่าทัพอ่ืน
สคอ.เป็นส่วนปฏิบตั ิการควบคมุ และวางแผนแบบธรรมดา จึงมขี ีดความสามารถในการปฏิบตั ติ ่อข่าวสาร
อยา่ งจากดั สคอ.ประกอบดว้ ยนายทหารป้องกันภัยทางอากาศ นายทห ารการบิน เจ้าห น้าท่ีจากหน่วย
สนับสนุนการรบอ่ืนๆ และเสมียน สคอ.จะเสนอแนะวธิ กี ารทีท่ าใหค้ วามต้องการการใช้หว้ งอากาศของ
ผู้บังคบั บญั ชาบรรลุผลดที ีส่ ุด สคอ. มีหน้าท่ี

- ประสานการใช้หว้ งอากาศ
- ประสานการปฏิบัตกิ ารของ ปตอ.ทบ.
- ประสานการจราจรทางอากาศ ทบ.
- ให้ข่าวสาร สถานภาพการบิน เสนอแนะการแบ่งมอบ และ การเปลีย่ นแปลง
การแบง่ มอบ หนว่ ย บ.ทบ.
- ใหข้ ่าวกรองท่ีไดร้ ับจากสายการตดิ ต่อส่อื สารในการปอ้ งกันภัยทางอากาศ
๓. หนว่ ยงานควบคมุ การจราจรทางอากาศของ ทบ . (ศยบ.) (FLIGHT OPERATION
CENTER FOC)
ขา่ ยงานของศูนย์ยุทธการการบนิ ศูนย์ประสานการบนิ ศปบ . (FLIGHT
COORDINATION CENTER FCC) สิ่งอานวยความสะดวกในการควบคุมการบิน เขา้ -ออก หอบงั คับการ
บิน และเครอื่ งชว่ ยในการเดินอากาศจะมอี ยทู่ วั่ ยุทธบริเวณตอนนายทหารติดตอ่ ควบคมุ ห้วงอากาศของ
ทบ. (AMLS) ท่ปี ระจาอยทู่ ศ่ี ูนย์ยทุ ธการทางอากาศ (TACC) และที่ศนู ยค์ วบคุมและรายงานจะประสาน
การสนธิหน่วยงานควบคมุ การจราจรทางอากาศของ ทบ. เข้ากับหนว่ ยงานควบคุมของเหล่าทพั อนื่ การ
ประสานการจราจรอากาศของกองทัพบกกับเหล่าทพั อื่น และการ สนธกิ ารจราจรทางอากาศเข้าสแู่ ละ
ออกจากพ้ืนท่ีกองพลตามปกติกระทาโดยหนว่ ยงานควบคมุ การจราจรทางอากาศ ทบ. หนว่ ยงานเหลา่ น้ี
จะใหบ้ รกิ ารนาทางอากาศยานและสถานปี ลายทางทางอากาศของ ทบ. และไมค่ วรปฏบิ ตั งิ านซ้าซ้อนกับ
บรกิ ารทีเ่ หลา่ ทพั อืน่ ไดจ้ ดั ตัง้ ไว้แล้ว หรือทม่ี ีอยแู่ ล้วในประเทศเจา้ บา้ น

๔. การปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศของ ทบ . (ARMY AIR DEFENSE) ศนู ย์ต่อสู้ป้องกนั ภยั ทาง
อากาศ (ศปภอ.) จะควบคุมการปฏิบั ติการหน่วยยงิ ปตอ.ทบ. ศปภอ.จะจัดต้ังข้ึน ณ หน่วยระดับ
พนั .ปตอ. และหนว่ ยกาลงั ระดบั ทภ . และ ทบ. ศปภอ.ระดับหน่วยต่างๆ ในปัจจบุ ันเปน็ ศปภอ . แบบ
ธรรมดา (MANUAL) ซ่ึงขึ้นกับการติดตอ่ สื่อสารดว้ ยเสยี ง และควบคมุ ด้วยระเบียบปฏิบัตติ ่างๆ ที่


๒-๖

กาหนด ศปภอ . เปน็ หน่วยงานที่สาคัญในการควบคมุ ห้วงอากาศในพ้นื ที่เขตหน้า โดยเหตุท่ี ศปภอ .
ระดบั ตา่ งๆ เปน็ ส่วนประกอบของระบบการปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ ของยุทธบรเิ วณ ศปภอ. ดงั กล่าว จึง
เปน็ สว่ นหนึ่งของระบบการควบคุมหว้ งอากาศด้วย

๕. กรมและกองพันดาเนนิ กลยุทธ (MANUVER BRIGADE/BATTALION) ณ ระดับกรม
และกองพนั การควบคมุ ห้วงอากาศ กระ ทาได้ โดยอาศยั วิธีการควบคมุ ดว้ ย ระเบยี บปฏิบตั ิ การ
ติดตอ่ ส่อื สาร และสายตา เปน็ หลกั ณ ระดับหนว่ ยเหลา่ น้ี พนั ธกิจการค วบคุมหว้ งอากาศและการ
ประสานการยงิ สนับสนนุ จะต้องร่วมมอื กัน (INTERWOVEN) โดยใกลช้ ดิ และเก่ยี วขอ้ งกับการประสาน
ในรายละเอยี ดและการสนธิ การปฏิบตั ทิ างการดาเนนิ กลยุทธ เจ้าหนา้ ที่ต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องโดยตรงในการ
ปฏิบตั กิ ารรบในพ้นื ที่ของตน อนั ได้แก่ ผูบ้ ังคบั กองพนั และ กองรอ้ ย ผ้ปู ระสานการยิงสนับสนุน
นายทหารอากาศติดต่อและผู้ควบคมุ อากาศยานหนา้ จะปฏบิ ตั ิพันธกิจควบคมุ ห้วงอากาศเป็นส่วนหน่ึง
ของระบบควบคมุ หว้ งอากาศของหน่วยเหนอื

ระเบยี บปฏบิ ตั ใิ นการบงั คับบัญชาและการควบคุม
๑. กลา่ วโดยท่ัวไป
ผูบ้ ญั ชาการปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศพนื้ ทีจ่ ะควบคุมการปอ้ งกันภัยทางอากาศให้เปน็ อนั หน่งึ
อนั เดยี วกนั โดยอาศยั โครงสร้างทางการบงั คบั บัญชาและการควบคุมกบั ระเบียบปฏิบัติตา่ งๆ ระเบียบ
ปฏบิ ัติในการบงั คับบญั ชาและการควบคุมมี ๓ ประเภท คอื
๑.๑ สถานะภาพความพรอ้ มรบและการแจง้ เตือนภัย
๑.๒ กฎการตดิ พัน ( ROE )
๑.๓ มาตราการควบคุมการยงิ เพ่ิมเติม
๒. สถานะภาพความพรอ้ มรบและการแจ้งเตือนภยั
สถานะภาพความพรอ้ มและการแจ้งเตือนภัยน้นั เป็นมาตราการตา่ ง ๆ ที่ใช้ เพือ่ เตอื นภัย
ให้หนว่ ยเตรียมพร้อมหรอื เพ่ิมความพรอ้ มรบของหน่วย
๒.๑ ระดบั ความพร้อมรบปอ้ งกนั ภัยทางอากาศ (DEFCON) ระดับความพรอ้ มรบป้องกนั
ภัยทางอากาศน้ี ผู้บญั ชาการทหารสูงสุดใช้กับผ้บู ญั ชาการยุทธบริเวณ หรือ ผบ . เหล่าทัพต่างๆ เพื่อ
กาหนดระดบั ตา่ งๆ ของความพร้อมรบป้องกันภัยทางอากาศ ระดบั ความพรอ้ มรบปอ้ งกนั ภยั ทาง
อากาศแบง่ ออ กเปน็ ระดับต่างๆ ใหส้ อดคลอ้ งกับสถานการณข์ องความรนุ แรงทางทหารและกาหนด
ระดับเป็นหมายเลข ๕, ๔, ๓, ๒, ๑ และฉกุ เฉนิ ตามลาดบั
๒.๒ สภาพความพรอ้ มรบของหน่วย ปตอ. (WEAPONS ALERT DESIGNATORS WAD)
สภาพความพร้อมรบของหน่วย ปตอ. คือ ลักษณะความพร้อมรบของอาวธุ ป ตอ. ของหน่วยตามลาดบั
ความพร้อมรบปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ ผบู้ ัญชาปอ้ งกันภยั ทางอากาศเป็นผู้ กาหนดสภาพความพร้อมรบ
ของหนว่ ย ปตอ. โดยระบเุ ปน็ จานวนร้อยละหน่วยยงิ ปตอ. ต่างๆ อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ ของแตล่ ะหน่วย ปตอ.
ทตี่ ้องการให้อยู่ในสภาพพรอ้ มรบ ณ แต่ละระดบั ความพรอ้ มรบป้องกันภยั ทางอากาศ

การแจง้ เตือนภัย รหสั ๑๒ ชม. ๓ ชม. ๑ ชม. ๑๕ นาที ๕ นาที เตรียมรบ

ขาว ก. ๒๕ % ๒๕ % ๒๕ % ๒๕ %
ข. ๕๐ % ๒๕ % ๒๕ %
ค. ๒๕ % ๕๐ % ๒๕ %

เหลอื ง ง. ๒๕ % ๕๐ % ๒๕ %
จ. ๕๐ % ๕๐ %

แดง ฉ. ๑๐๐ %

( % ของอาวุธ ปตอ.แต่ละส่วน )


๒-๗

๒.๓. สภาพความพร้อมรบของหน่วยยงิ (STATES OF READINESS “SOR”)
สภาพความพร้อมรบของหนว่ ยยิง คอื ระดบั ความพร้อมของหน่วยยิงตา่ ง ๆ ทร่ี ะบุ

เปน็ จานวนนาทีจากเวลาทแี่ จง้ เตือนไปถงึ เวลาท่อี าวุธทาการยงิ สภาพความพรอ้ มรบของหน่วยยงิ นี้
ขน้ึ อยู่กบั สภาพพร้อมรบของหน่วย ปตอ . ปานกลางและไกล ผบู้ งั คบั กองพันจะเปน็ ผ้กู าหนดใหก้ บั
หนว่ ยยิงต่างๆ ของร้อย ปตอ . สาหรับ ปตอ . ระยะใกล้ ผูบ้ ังคับกองพนั เปน็ ผู้ประกาศสภาพพรอ้ มรบ
ของหน่วยยงิ ไปยงั ระดบั กองรอ้ ย ปตอ . หรอื ชุดรบเทา่ น้ัน นอกจากน้สี ภาพพรอ้ มรบของหน่วยยงิ ยัง
สามารถนามาใช้เพอื่ ระบุความต้องการใหเ้ จา้ หน้าทป่ี ฏิบตั งิ านด้วย

สภาพพร้อมรบของหนว่ ยยงิ ปตอ. ระยะใกล้ โดยทั่วไปมีดังนี้ .-
๑. ประจาเตรียมรบ (BATTLE STATION) หน่วยยิงจะต้องสามารถทาการยิงได้ภายใน

๖๐ วินาที
๒. เตรียมรบ ๕ นาที (FIVE MINUTE ALERT) หนว่ ยยิงตอ้ งสามารถเข้าสู่ประจา

เตรยี มรบ และตดิ พันเป้าหมายได้ภายใน ๕ นาที
๓. ปลอดภัย ( RELEASED) ระบบอาวธุ อาจจะอยู่ในสถานภาพทไี่ มพ่ ร้อมปฏบิ ัตกิ ารแต่

สามารถเข้าสสู่ ภาพเตรยี มพรอ้ มรบไดภ้ ายใน 1 ชม. กระสุนไมบ่ รรจุ

สภาพกาลังพลและยุทโธปกรณ์ของแต่ละสภาพพรอ้ มรบของหนว่ ยยิง

พลประจาปืนประจาเต็มอัตรา ประจาเตรยี มรบ เตรยี มรบ 5 นาที ปลอดภัย
เคร่ืองมอื ส. มเี จ้าหน้าทปี่ ระจา   
ยุทโธปกรณต์ ดิ เครือ่ ง   
ยุทโธปกรณ์พร้อม   
  

๒.๔. สภาพการเตอื นภยั ทางอากาศ (AIR DEFENSE WARNINGS ADW) สภาพการเตอื น
ภยั ทางอากาศเป็นสภาพท่ใี ช้แทนการประเมินค่าของผบู้ งั คบั บญั ชาตอ่ ความเป็นไปได้ของการโจมตีทาง
อากาศภายในพ้ืนทป่ี ฏิบตั กิ ารของตน ตามปกติผู้บัญชาการปอ้ งกันภัยทางอากาศภาคจะเปน็ ผ้กู าหนด
แตผ่ ูบ้ ังคบั หน่วยตา่ งๆ อาจกาหนดสภาพการเตอื นภัยภายในพ้ืนทีร่ ับผิดชอบของตนเองก็ได้แตจ่ ะตอ้ ง
กาหนดให้มรี ะดับสูงกวา่ สภาพการแจง้ เตอื นภยั ทางอากาศที่ผ้บู ญั ชาการป้องกนั ภยั ทางอากาศภาค
กาหนดไวเ้ ป็นส่วนรวม การกาหนดสภาพการเตือนภัยทางอากาศนี้ มไิ ด้เกี่ยวขอ้ งกับระเบยี บปฏบิ ตั กิ าร
แจ้งเตอื นภัยอนื่ ๆ หรอื สภาพพรอ้ มรบ ดังน้นั ผบู้ งั คับหน่วยอาจประกาศสภาพการแจง้ เตอื นภยั ทาง
อากาศ โดยไมส่ อดคลอ้ งกบั ระดบั ความพร้อมรบปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศหรือสภาพความพร้อมรบของ
หน่วย ปตอ .กไ็ ด้ ผบู้ ังคับบญั ชาสามารถใช้สภาพเตือนภยั ทางอากาศ เพ่ือกาหนดให้ หนว่ ย ปตอ .
ต่าง ๆ ภายในหน่วยของตนอยู่ในสภาพพรอ้ มรบ ตวั อย่างเช่น สถานการณ์อาจบ่งว่าไมน่ ่าจะมีการโจมตี
ทางอากาศต่อหน่วยของตน (ระดบั ความพร้อมรบป้องกนั ภยั ทางอากาศ สภาพความพร้อมรบของหน่วย
ปตอ. และสภาพการเตอื นภยั ทางอากาศจงึ อย่ใู นระดับต่า ) แต่ในขณะเดยี วกนั กาลังในแนวหนา้ ของ
หน่วยน้นั ตกอยู่ภายใตก้ ารโจมตที างอากาศของขา้ ศกึ ผ้บู ญั ชาการกองพลสามารถประกาศสภาพการ
เตอื นภยั ทางอากาศสแี ดง กจ็ ะเป็นการบงั คบั ใหห้ น่วย ปตอ.ในกองพลอยู่ในสภาพพร้อมรบสูงสดุ โดยไม่
คานงึ ถงึ ระดบั ความพร้อมรบป้องกนั ภัยทางอากาศทีไ่ ด้ประกาศไปแล้ว


๒-๘

สภาพการเตือนภยั ทางอากาศมี ๓ สภาพ คอื
๑. การเตือนภัยสแี ดง (ADW. RED) หมายถึง การโจมตขี องเครื่องบนิ หรือขีปนาวธุ

ขา้ ศึกใกลจ้ ะเกดิ ขึ้นหรือกาลงั เกดิ ข้ึน ซึง่ หมายความวา่ เคร่อื งบิน หรือขปี นาวุธข้าศกึ เข้ามาอยู่ภายใน
พ้ืนที่ปฏิบั ตกิ าร หรอื อยใู่ นบริเวณใกลเ้ คียงพนื้ ท่ปี ฏบิ ตั ิการ ซ่งึ มคี วามเปน็ ไปไดส้ ูงท่จี ะเข้ามาสพู่ ืน้ ท่ี
ปฏบิ ตั ิการ

๒. การเตือนภัยสีเหลือง (ADW. YELLOW) หมายถึงการโจมตีทางอากาศยานและ
ขปี นาวธุ ขา้ ศึกอาจจะเกิดขน้ึ ซ่งึ หมายความวา่ อากาศยานหรอื ขีปนาวธุ ขา้ ศึกอยูใ่ นเสน้ ท างม่งุ เขา้ สู่พ้นื ที่
ปฏิบตั กิ าร หรืออากาศยานหรอื ขีปนาวธุ ไม่ทราบฝ่ายทสี่ งสัยท่เี ปน็ ขา้ ศกึ ได้มงุ่ เข้าสู่หรอื อยภู่ ายในพ้ืนท่ี
ปฏิบัติการ

๓. การเตอื นภัยสีขาว (ADW. WRITE) หมายถึง การโจมตขี องอากาศยานหรอื
ขีปนาวธุ ขา้ ศึกไมน่ ่าจะเกดิ ขึ้น การเตือนภยั สีขาวนส้ี ามารถประกาศก่อน หรือหลังสภาพการเตอื นภัย
สีแดง หรอื สีเหลอื งกไ็ ด้

๓. กฎการติดพัน (RULES OF ENGAGEMENT ROE)
หนว่ ยยิง ปตอ . ทต่ี ง้ั อยโู่ ดดเดีย่ วและห่างไกลกบั หนว่ ยยิง ปตอ . อืน่ ๆ ทส่ี นบั สนนุ หน่วย

กาลงั รบฝ่ายเดยี วกนั การควบคมุ การยงิ ของ ปตอ. ระยะใกล้ จาเปน็ ตอ้ งใช้แบบแยกการ ทัง้ น้ีเนอ่ื งจาก
ปตอ. ระยะใกล้ จะเผชญิ กบั เป้าหมายนบั ต้งั แต่คน้ พบเปา้ หมายจนกระท่งั เปา้ หมายบินผ่านพน้ ไปมีเวลา
เป็นวนิ าที การตัดสินใจท่ีจะทาการยงิ ใหท้ นั เวลาจะต้องกระทา ณ ท่ีตัง้ ของหนว่ ยยงิ นนั้ ๆ ดังนัน้ อานาจ
ในการตดั สินใจ ติดพันเปา้ หมายจึงต้องแยกการถงึ ระดบั หม่หู รือชดุ ยิง เพราะฉะนนั้ การควบคมุ การยงิ
ของหมู่ ปตอ . ผบ. หนว่ ยยงิ จะตอ้ งแน่ใจวา่ พลประจาปืนและเจ้ าหน้าท่ใี นชดุ ยงิ ได้รบั ข่าวสารแล ะ
คาแนะนาตา่ งๆ ทจ่ี าเปน็ เพ่ือใหม้ กี ารตัดสนิ ใจติดพนั เป้าหมายอยา่ งถกู ต้อง การควบคุมดังกล่ าวกระทา
โดยอาศัยกฎการตดิ พัน ซง่ึ เปน็ คาสั่งนโยบายทก่ี าหนดสภาพแวดลอ้ มต่างๆ ท่อี าวุธสามารถทาการยิงตอ่
อากาศยาน กฎการติดพันประกอบด้วย

 สิทธใิ นการยิงปอ้ งกันตนเอง
 การกาหนดเจ้าหนา้ ที่ทีม่ ีอานาจในการประกาศว่าเป็นอากาศยานข้าศกึ
 เกณฑก์ าหนดฝ่ายขา้ ศึก
 สถานภาพควบคมุ การยิง
กฎและระเบียบปฏบิ ัตติ ่างๆ ที่ผูบ้ ญั ชาการปอ้ งกันภยั ทางอากาศ จะนามาใช้เปน็ มูลฐานใน
การตัดสนิ ใจตดิ พันเป้าหมายแบบแยกการ ระดับหน่วยยิง ปตอ . ระยะใกล้ กฎการตดิ พนั จะกาหนดไว้
ใน รปจ. ทางยุทธวิธี แผนและคาสงั่ ยทุ ธการของทุกหนว่ ยท่ีมอี าวธุ ปตอ. กฎและระเบยี บปฏิบั ตเิ หล่านี้
จะกาหนดระดับตา่ ง ๆ ของการควบคุมการยงิ ในการปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ และเพ่อื ปอ้ งกันการยงิ ตอ่
อากาศยานฝา่ ยเดียวกนั แตใ่ นขณะเดียวกนั กค็ งดารงรกั ษาระดับของการยงิ ในการป้องกนั ภยั ทางอากาศ
เมอื่ หน่วยยงิ ไดร้ ับทราบกฎการตดิ พันกจ็ ะทราบว่า

สามารถทาการยิงอะไร (WHAT THEY CAN SHOOT)
- สามารถทาการยิงเม่อื ไร (WHEN THEY CAN SHOOT)
- สามารถทาการยงิ ท่ไี หน (WHERE THEY CAN SHOOT)
๓.๑ สทิ ธใิ นการยิงปอ้ งกนั ตนเอง (RIGHT OF SELF DEFENSE)
กฎการตดิ พันมไิ ด้หา้ มหนว่ ยหรอื อาวธุ ปตอ . ทาการยงิ ต่ออากาศยานทีโ่ จมตตี อ่ หน่วยหรืออาวธุ นัน้ ๆ
สิทธิในการยิงปอ้ งกันตนเองคงดารงไว้ตลอดเวลา
๓.๒ เกณฑ์กาหนดฝา่ ยข้าศกึ ( HOSTILE CRITERIA )
ตามปกตคิ วามรบั ผดิ ชอบในการพสิ ูจน์ฝา่ ยเปา้ หมายเป็นความรับผดิ ชอบของผ้บู งั คบั
หน่วยยิงหรือหวั หน้าชดุ ยงิ เกณฑ์กาหนดฝา่ ยที่นามาใชอ้ าจแตกต่างกนั ออกไปตามสถานการณท์ าง


๒-๙

ยุทธวิธีระหวา่ งยุทธบริเวณ และในเงอ่ื นของระยะทางและเวลา ตวั อย่าง รปจ . อาจเกณฑ์กาหนดฝา่ ย

ขา้ ศกึ ไว้ดังนี้

๓.๒.๑ การโจมตีต่อหนว่ ยทหารฝา่ ยเดียวกนั

๓.๒.๑.๑ ทาการโจมตตี ่อหน่วยหรอื ยงิ ท่ีต้ังหรือหน่วยที่ ปตอ. ปอ้ งกัน

๓.๒.๒.๒ ปฏิบัติการอยา่ งใดอย่างหน่ึงเหนือหน่วยทหาร หรอื ดินแดนฝ่ายเดยี วกัน

โดยมไิ ด้มกี ารประสานลว่ งหน้า คอื

- ปลอ่ ยควันหรอื พน่ สาร

- ปล่อยพลรม่ หรือใหท้ หารลงจากอากาศยาน จานวนมากกวา่ เจา้ หนา้ ที่

ประจาอากาศยาน

- โปรยท่นุ ระเบิด

๓.๒.๒ ละเมิดมาตราการควบคุมห้วงอากาศ

๓.๒.๒.๑ ทาการบินเข้าสู่พ้ืนท่ีที่ กาหนดเป็นพน้ื ทหี่ ้ามบนิ ผ่าน หรือพ้ืนท่จี ากดั การ

ปฏิบัติการโดยไม่ไดร้ บั อนุมตั ิหรอื ไมถ่ กู ตอ้ งในกรณนี ค้ี วรระมดั ระวังการตดิ พนั ตอ่ อากาศยานฝ่าย

เดียวกนั ซึง่ อาจบนิ หลงเข้ามาในพ้ืนทจี่ ากดั ดงั กล่าวโดยไม่เจตนาเนอ่ื งจาก ความผดิ พลาดของเครงื่ ช่วย

ในการเดินอากาศ หรอื ไดร้ ับความเสยี หาย และต้องบนิ กลับไปยงั พ้ืนท่ที ่ีหลงั แนวฝ่ายเดียวกนั
๓.๒.๒.๒ ทาการบินดว้ ยความเรว็ และความสูงต้องห้าม หรือในทศิ ทางบนิ ท่ี
ตอ้ งห้าม การกาหนดความเร็วและความสูงของผตู้ รวจการณ์บนพ้ืนดินเป็นส่ิงทยี่ ากดังนัน้ คว ร
ระมัดระวังอย่างยงิ่ ในการใช้เกณฑก์ าหนดข้อนี้
๓.๒.๓ การพิสจู น์ฝา่ ยด้วยสายตา โดยอาศยั เครือ่ งหมายชาตขิ ้าศกึ หรอื รปู ลักษณะของ
อากาศยานทข่ี ้าศึกใช้ เกณฑ์กาหนดขอ้ นี้ ตอ้ งใช้การตรวจสอบอากาศยานด้วยสายตาเป็นหลัก
เนอื่ งจากเครือ่ งหมายชาติข้าศึกของอากาศยานไม่สามารถม องเหน็ ไดใ้ น ระยะไกล การพิสูจนฝ์ า่ ยส่วน
ใหญ่ตอ้ งอาศัยการจดจาอากาศยานฝา่ ยเดียวกัน และฝ่ายข้าศึกได้ รายละเอียดการจดจารูปลักษณะ
อากาศยานให้ดู FM ๔๔ ๓๐
๓.๒.๔.ตอบการถามฝา่ ย IFF ไม่ถูกตอ้ ง การตอบสญั ญาณของเรดารเ์ ปน็ “ไมท่ ราบ
ฝา่ ย” ( UNKNOWN ) เป็นผลเนือ่ งมาจากอากาศยานตอบสัญญาณถามฝา่ ย IFF ไม่ถกู ตอ้ ง
๓.๓ สถานภาพควบคมุ การยิง (WEAPON CONTROL STATUS)
สถานภาพควบคุมการยงิ คอื สภาพต่างๆ ซ่ึงกลา่ วถงึ ระดับของการจากดั ยงิ ของ
ปตอ. ระดบั หรอื ขนาดของการควบคุมน้ียอ่ มเปล่ียนแปลงไปตามลาดั บความเรง่ ดว่ นของความตอ้ งการ
สองประการ คอื
- ความตอ้ งการเพอื่ ปอ้ งกันการยงิ ตอ่ อากาศยานฝา่ ยเดยี วกัน
- ความต้องการเพ่ือดารงรักษาให้การปอ้ งกันภัยทางอากาศอยใู่ นระดบั สงู
สาหรับสถานการณ์ทางยุทธวธิ โี ดยเฉพาะ
สถานภาพควบคมุ การยงิ น้ีผ้บู ัญชาป้องกันภยั ทางอากาศ เป็นผกู้ าหนด อยา่ งไร
ก็ตามผบู้ ังคับบญั ชาหนว่ ยระดับอน่ื (มทภ., ผบ.พล, ผบ. กรมดาเนนิ กลยทุ ธ ฯลฯ ) มอี านาจในการ
กาหนดสถานภาพควบคมุ การยิง ปตอ . ในอัตรา บรรจุมอบ ในพืน้ ทีป่ ฏิบตั ิการของตนได้ แตต่ อ้ งเปน็
สถานภาพควบคมุ การยิงทีม่ ีข้อจากดั เพ่ิมมากย่งิ ข้นึ แ ตก่ ารเปลย่ี นแปลงสถานภาพควบคมุ การยงิ ให้มี
ข้อจากดั น้อยลงจะต้องได้รับอนุมัติจากผูบ้ ัญชาป้องกันภยั ทางอากาศ สถานภาพควบคมุ การยงิ อาจ
เปล่ียนแปลงเฉพาะแบบอากาศยานทก่ี าหนดหว้ งเวลาทรี่ ะบไุ ว้ และเหนือพ้ืนทที่ ่กี าหนด


๒-๑๐

สถานภาพควบคุมการยงิ มีดงั นี้ . -
๑..ยงิ เสรี (WEAPON FREE) ทาการยงิ ต่ออากาศยานท่มี ไิ ดพ้ ิสูจน์ทราบโดยแน่

ชดั วา่ เปน็ อากาศยานฝ่ายเรา สถานภาพควบคมุ การยงิ นี้เป็นสถานภาพท่ีมีขอ้ จากัดนอ้ ยทสี่ ุด
๒. ยงิ ระวัง (WEAPON TIGHT) ทาการยิงตอ่ อากาศยานที่พิสูจน์ทราบโดยแน่

ชดั ว่าเปน็ อากาศยานข้าศกึ ตามเกณฑก์ าหนดฝา่ ยข้าศึกทีม่ ผี ลบังคบั ใช้
๓. ห้ามยงิ (WEAPON HOLD) ไมท่ าการยงิ เวน้ การยงิ เพือ่ ปอ้ งกนั ตนเอง เปน็

สถานภาพควบคุมการยงิ ท่ีมขี อ้ จากัดมากทีส่ ดุ
การยิงเพื่อปอ้ งกันตนเองนจ้ี ะตอ้ งดารงไว้ทุกสถานภาพควบคุมการยงิ

หมายเหตุ การยิงเพ่อื ป้องกนั ตนเองหมายถึง การป้องกนั ต่อหน่วยการรับการสนับสนนุ ดว้ ย

๓.๔ คาส่งั ยิง (FIRE CONTROL ORDERS)
คาส่ังยิงเป็นคาสัง่ ทใี่ ช้เพื่อควบคุมการตดิ พันในการป้องกนั ภยั ทางอากาศเฉพาะ

กรณไี ป โดยไม่เกยี่ วขอ้ งกบั สถานภาพควบคุมการการยงิ สาหรบั อาวธุ ปตอ. ระยะใกล้ คาส่งั ยงิ นี้ ผู้
บังคบั หนว่ ยยงิ (ผบ. หมู่ หรอื หวั หนา้ ชุดยิง) จะเปน็ ผู้ออกคาสงั่ เหลา่ น้เี พอื่ ควบคมุ การยงิ หรือเพื่อความ
ปลอดภัย คาสงั่ ยงิ ทเ่ี กยี่ วกบั ปตอ.ระยะใกล้ มีดังน้ี .-

๓.๔.๑ ติดพนั (ENGAGE) คาสั่งนีใ้ ช้เพือ่ สงั่ ให้หนว่ ยยิง ปตอ.ตดิ พัน (ทาการยงิ ตอ่ )
เป้าหมายทกี่ าหนด คาสง่ั ยงิ นจี้ ะลบลา้ งคาส่งั ยงิ อนื่ ท่ไี ด้กาหนดไว้ก่อนแล้ว สาหรบั แนวบินนัน้ ๆ

๓.๔.๒ เลิกติดพัน (CEASE ENGAGEMENT) คาสั่งยิงน้ี ใชเ้ พ่ือหยดุ การ
ปฏบิ ตั กิ ารทางยทุ ธวิธีต่อเปา้ หมายท่ีกาหนด คาสงั่ ยิงนี้อาจนามาใชเ้ พื่อเปลยี่ นการตดิ พนั จากเปา้ หมาย
หนึ่งไปยงั อกี เปา้ หมายหน่ึง ซง่ึ มีลาดบั ความเร่งด่วนสงู กวา่

๓.๔.๓ หยุดยิง (HOLD FIRE) เปน็ คาสั่งควบคมุ การยงิ ฉุกเฉินใช้สาหรบั การหยดุ
การยิงและหยุดการปฏบิ ัติการทางยทุ ธวธิ ที ั้งปวง คาสง่ั ยิงน้ีอาจใช้ เพ่ือการปอ้ งกันการยิงตอ่
อากาศยานฝ่ายเดยี วกนั

๓.๕ การปฏบิ ัตเิ ม่ือขาดการตดิ ตอ่ ส่อื สาร (LOSS OF COMMUNICATIONS)
หากการตดิ ต่อสารกบั หน่วยเหนอื ที่มีอานาจในการควบคุมขาดตอนลงดว้ ยเหตใุ ด ก็

ตาม หนว่ ยจะต้องปฏิบตั ิโดยทันทที นั ใดเพอื่ สถาปนาการตดิ ต่อสอ่ื สารใหใ้ ช้การไดซ้ ่ึงการปฏบิ ัติดงั กล่าว
จะกาหนดไว้ใน รปจ. ยทุ ธวธิ ีในหว้ งเวลาทกี่ ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารน ขาดตอนลง การปฏบิ ตั ิที่ หน่วยยงิ จะต้อง
กระทาเพิม่ เติม เม่อื สถานภาพควบคุมการยงิ กาหนดเปน็

๓.๕.๑ ยิงระวัง หนว่ ยยิงจะยงั คงอยูใ่ นสถานภาพยงิ ระวังตอ่ ไป
๓.๕.๒ ห้ามยิง หากไดก้ าหนดหว้ งเวลาหา้ มยิงไว้ หน่วยยงิ คงอยใู่ นสถานภาพหา้ ม
ยิงต่อไปจนส้ดิ สดุ หว้ งเวลาทกี่ าหนดแล้วจึงกลบั เขา้ ส่สู ถานภาพยงิ ระวงั หากมิได้กาหนดห้วงเวลาหา้ มยงิ
ไว้หน่วยยิงคงดารงอยู่ในสถานภาพหา้ มยิงตอ่ ไปเป็นเวลา ๓๐ นาที แล้วจงึ กลบั เขา้ ส่สู ภาพยงิ ระวงั
๓.๕.๓ ยงิ เสรี หากไดก้ าหนดหว้ งเวลายิงเสรีไวค้ งปฏบิ ัตเิ ชน่ เดียวกบั สถานภาพหา้ ม
ยิง หากมไิ ด้กาหนดหว้ งเวลายิงเสรีไว้ หนว่ ยยิงจะต้องกลับเขา้ สู่สภาพยงิ ระวังทันที


๓-๑

บทท่ี ๓
ภยั คุกคามทางอากาศ
( AIR THREAT )

การสงครามทางอากาศ
ในการสงครามทางอากาศ น้ัน ฝาุ ยคุกคามจะแบ่งขั้นตอนการดาเนนิ สงครามทางอากาศออกเปน็

๒ ขนั้ ตอน คอื
๑.ขั้นแรก เป็นการโจมตเี พ่อื ให้ไดม้ าซ่ึงความเหนือกว่าทางอากาศ

(AIR SUPERIORITY ) โดยฝุายคุกคามจ ะถือการโจมตที างอากาศเพ่ือให้ได้มาซึ่งความเหนือกว่าทางอากาศ
เปน็ ความสาคญั ลาดับแรก การครองความเหนอื กว่าทางอากาศนีจ้ ะต้องพยายามดารงไวต้ ลอดเวลา ตราบ
เทา่ ทีก่ ารส้รู บยังคงดาเนนิ การอยู่ การดาเนินการในขัน้ แรกของสงครามทางอากาศมีลกั ษณะดังน้ี

๑.๑ ใช้มาตรการตอ่ ต้านทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์อย่างกวา้ งขวาง
๑.๒.ใช้ขปี นาวุธผิวพ้นื สผู่ วิ พ้ืนและอากาศสู่ผิวพนื้ โจมตีต่อหนว่ ย ปตอ . และระบบ
การควบคุมบังคบั บญั ชา และการตดิ ต่อสอื่ สาร
๑.๓ ใช้อากาศยานสมรรถนะสงู จานวนมาก
๑.๔ โจมตที างผวิ พืน้ ดินด้วย บ .ขับไลท่ ้งิ ระเบิด บ .ท้ิงระเบิด เฮลคิ อปเตอร์ และ
หนว่ ยรบพเิ ศษอืน่ ๆ เพื่อขม่ ระบบการแจง้ เตอื นภัย การควบคุมบงั คบั บญั ชาและการตดิ ต่อสื่อสาร ของระบบ
การปูองกนั ภยั ทางอากาศ
๑.๕ โจมตที างอากาศอยา่ งกว้างขวางตอ่ ฐานบนิ ต่างๆ
๑.๖ อาจนาอาวธุ เคมีมาใช้
๒. ข้นั ท่ี ๒ การสนบั สนุนทางอากาศใกล้ ชดิ ( CLOSE AIR SUPPORT ) ภายหลังท่ีไดค้ รอง
ความเหนอื กวา่ ทางอากาศแล้ว ฝุายคกุ คามจะใชอ้ ากาศยานโจมตีเปูาหมายตา่ งๆ ทางพ้ืนดนิ เพ่อื สนับสนุน
ทางอากาศโดยใกล้ชิดและการขดั ขวางทางอากาศ ดว้ ยการโจมตตี ่อ
๒.๑ หน่วยดาเนนิ กลยุทธ
๒.๒ ทตี่ ้งั ทางควบคุมและบงั คบั บญั ชา
๒.๓ หนว่ ยยงิ สนับสนนุ
๒.๔ ท่ีตัง้ ทางการสง่ กาลังบารงุ
๓. แนวความคิดในการสนบั สนนุ ทางอากาศ กาลงั รบฝุายคุกคามตระหนกั ดีว่า สว่ นหนึง่ ของ
การปฏิบตั กิ ารทางอากาศมคี วามจาเป็นนามาใชใ้ นขนั้ แรก เพื่อให้ได้มาซง่ึ ความเหนอื กวา่ ทางอากาศ หน่วย
เครือ่ งบนิ ขับไลข่ องกาลงั ทางอากาศ มีภารกิจ ๒ ประการควบคู่กนั คือ ในการปูองกันภัยทางอากาศและการ
สนับสนนุ ทางอากาศโดยใกล้ชดิ ให้กับหน่วยกาลงั รบทางพืน้ ดนิ หนว่ ยเครือ่ งบนิ ขับไล่ทง้ิ ระเบดิ และเคร่ืองบนิ ทงิ้
ระเบดิ ตามปกตจิ ะนามาใช้เพอ่ื โจมตีตอ่ เปูาหมายทีอ่ ยูพ่ น้ ระยะยงิ ของปนื ใหญ่ และพเิ่มเติมกาลังยิงให้กับปนื ใหญ่
ต่อเปาู หมายตามแผนและเปาู หมายตามเหตุการณ์ การโจมตีผสมผสานของเคร่อื งบินขบั ไล่ทงิ้ ระเบิดกับเครือ่ งบนิ
ท้ิงระเบดิ จะประสานกับการยิงเตรียมของปนื ใหญ่ ภายหลงั การเข้าตขี องหนว่ ยกาลงั รบทางพื้นดินไดเ้ ริ่มข้ึนแล้ว
เคร่ืองบนิ ทางยุทธวธิ กี ็จะบินเพอ่ื ปฏิบัติการสนบั สนุนทางอากาศโดยใกล้ชดิ ให้กบั หนว่ ยทหารบนพ้ืนดนิ
กจิ เฉพาะทีเ่ ป็นลาดับความเรง่ ด่วนของกาลงั ทางอากาศยทุ ธวธิ คี อื การทาลาย หรือตดั รอนกาลงั
ตอ่ เครอ่ื งส่งอาวธุ นวิ เคลียร์ขา้ ศึก และเปูาหมายอนื่ ๆ ทอี่ ย่พู ้นระยะยงิ ของ ป.สนาม
๓.๑ การโจมตีทางอากาศ ( AIR STRIKE ) กาลังรบฝุายคุกคามจะเนน้ เปน็ อย่าง
มากในเรื่องการสนบั สนนุ ทางอากาศยุทธวธิ ใี หก้ บั การปฏิบัติการทางพืน้ ดนิ การโจมตสี ่วนใหญ่จะกระทา


๓-๒

ต่อเปูาหมายตามแผน เพอื่ ตดั รอนกาลังและกองหนนุ ในพื้นที่ปฏิบัติการทางยทุ ธวิธี แมว้ า่ กาลังทางอากาศฝาุ ย
คกุ คามโดยท่ัวไปจะไมใ่ ช้เครือ่ งบินรบสมรรถนะสงู ทาการสนับสนนุ ทางอากาศโดยใกลช้ ดิ ตามบรเิ วณขอบหนา้
พน้ื ทีก่ ารรบ เพมิ่ จานวนมากขึน้ ในอนาคต เพราะว่าในปจั จบุ นั ได้ใช้ ฮ . ตดิ อาวุธ เป็นภยั คุกคามหลักตามแนว
ขอบหน้าพ้นื ท่กี ารรบ

๓.๒ การลาดตระเวนทางอากาศ (AIRIAL RECONNAISSANCE) การลาดตระเวนทาง
อากาศยทุ ธวิธี เป็นวิธกี ารรวบรวมขา่ วกรองเก่ยี วกบั ขา้ ศกึ การลาดตระเวนดังกล่าวจะใช้อปุ กรณ์รวบรวมข่าว
กรองทางอากาศ ตง้ั แตส่ ายตาของนกั บนิ ไปจนถึงอุปกรณต์ รวจจบั ดว้ ยอิเล็กทรอนิกส์ท่ีทันสมยั ท่สี ดุ ฝุายคุกคาม
จะใชัเคร่อื งบนิ ลาดตระเวนตดิ ตง้ั เครื่องอปุ กรณต์ รวจจบั ดว้ ยไฟฟูาเฝาู ตรวจการปฏิบตั ขิ องฝุายเราได้ทั้งกลางวนั
และกลางคนื และในสภาพอากาศทเี่ ลวร้าย เครอื่ งบนิ ลาดตระเวน อาจปฏิบตั ิการเครือ่ งเดยี วหรือเป็นคู่

๓.๓ การเคลื่อนยา้ ยทางอากาศยทุ ธวธิ ี (TACTICAL AIRLIFT) ฝุายคุกคามพิจารณา
วา่ การปฏบิ ตั กิ ารเคลื่อนยา้ ยทาง อากาศยุทธวิธมี คี วามสาคญั ในการรบด้วยอาวธุ ตามแบบและอาวธุ นวิ เคลียร์
การปฏิบตั กิ ารเคลอื่ นยา้ ยทางอากาศยทุ ธวิธี หมายรวมถงึ การปฏิบัตกิ ารสง่ กาลงั บารงุ และการสง่ ลงจากทาง
อากาศสู่พื้น

ชือ่ เรยี กท่วั ไปและชอ่ื ทางราชการของอากาศยาน
๑..อากาศยานของสหรัฐ
ปกติแลว้ อากาศยานสหรัฐไม่มีการเรยี กชือ่ ท่ัวไปทก่ี าหนดไวเ้ ปน็ มาตรฐานท่ีแนน่ อน อากาศ

ยานบางแบบไมม่ ชี ่อื เรยี กโดยทวั่ ไปเลย เชน่ เครอ่ื งบินขบั ไล่ F-๑๑๑ ซ่งึ เปน็ ทร่ี ู้จกั กันเพียงชอ่ื ทางราชการ
ทหาร ทก่ี าหนดด้วยตวั อักษรประกอบตัวเลขเทา่ น้นั อากาศยานบางแบบมีชือ่ ตามบรษิ ทั ผู้สร้างหรอื มชี ่อื
ตามทบ่ี รษิ ทั ผู้สร้างหรอื เหลา่ ทพั นั้นๆ กาหนดขึ้น มขี อ้ ยกเวน้ ประการหนง่ึ คอื ฮ. ปกตแิ ล้วมีชือ่ เรยี กทว่ั ไปตาม
เผ่าพันธข์ องชาวอนิ เดยี แดง เชน่ ไอโรควสิ และ กิโอวา เปน็ ต้น

อากาศยานทางทหารของสหรัฐไดก้ าหนดช่ือทางราชการดว้ ยตัวอกั ษรประกอบตวั เลข เพ่อื
แสดงถึงบทบาทของอากาศยานนัน้ และเลขลาดบั ตวั อักษร A หนา้ ตัวเลขหมายถงึ เคร่ืองบินโจมตี ตวั อักษร B
หมายถงึ เครอื่ งบนิ ทง้ิ ระเบดิ อากาศยานของกองทพั อากาศสหรัฐ “ อเี ก้ลิ ” มชี ่ือทางราชการ F-15 หมายถงึ
เครอื่ งบินขับไล่ ตัวเลข 15 หมายถึงเลขลาดบั ตัวอกั ษรนาอาจมี ตัวอกั ษรเพม่ิ ขนึ้ อีกก็ได้ ตัวอยา่ งเช่น
เครื่องบินขบั ไล่ อีเก้ลิ ที่นามาใช้เพือ่ ความม่งุ หมายในการฝกึ บนิ อาจกาหนดชอื่ ทางราชการเป็น TF-16
ตวั อักษรท่ีต่อทา้ ยช่อื ทางราชการ แสดงถงึ ลาดับของรนุ่ ตัวอย่างเชน่ เครือ่ งบินขบั ไล่ F-4C เปน็ เคร่ืองบินขบั ไล่
แฟนทอมร่นุ กอ่ น F-4D เป็นตน้


๓-๓

ตารางต่อไปน้ีแสดงใหเ้ ห็นถึง หลกั การกาหนดชื่อทางราชการ ของอากาศยานทางทหารของสหรฐั

ชือ่ ทางราชการของอากาศยานสหรฐั

อกั ษร ความหมาย อักษร ความหมาย

A ATTACK เครอ่ื งบินโจมตี R RECONNAISSANCE เครือ่ งบินลาดตระเวน

B BOMBER เคร่ืองบินทง้ิ ระเบิด S STRATEGIC , SCOUT , SUBMARINE

HUNTER

C CARGO เครือ่ งบินลาเลยี ง เครือ่ งบนิ ยทุ ธศาสตร์ , เครื่องบนิ สอดแนม

E ELECTRONIC ( Countermeasure ) เครอื่ งบนิ ล่าเรือดานา้

เครอ่ื งบนิ ตอ่ ต้านอิเลก็ ทรอนกิ ส์ T TRAINER เคร่ืองบินฝกึ

F FIGHTER เครือ่ งบินขับไล่ U UTILITY เครื่องบนิ ใชง้ านทว่ั ไป

H HELICOPTER เฮลคิ อปเตอร์ V VERTICAL (TAKE-OFF AND LANDING )

K TANKER เครอื่ งบนิ บรรทกุ น้ามัน เครื่องบินขึ้นลงทางด่ิง

O OBSERVATION เครอ่ื งบนิ ตรวจการณ์ X EXPERIMENTAL เครื่องบนิ ทดลอง

P PATROL เครือ่ งบินลาดตระเวนรบ Y PROTOTYPE เคร่ืองบินต้นแบบ

๒. อากาศยานโซเวียต

อากาศยานโซเวยี ตมีชือ่ เฉพาะซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในบรรดากลมุ่ ประเทศนาโต้ เชน่ “ แบร์ ”“

โคลท์ ” และ “ ฟิชเบด ” เปน็ ตน้ อกั ษรตัวแรกของชอ่ื ดังกลา่ วแ สดงถงึ บทบาทของอากาศยานน้ัน เช่น B

หมายถงึ เครื่องท้ิงระเบิด C หมายถงึ เคร่ืองบนิ ลาเลยี ง F หมายถึงเครือ่ งบนิ ขับไล่การเปล่ยี นแปลงแบบมูลฐาน

ของอากาศยานจะแสดงด้วยตวั อกั ษรต่อทา้ ย เช่น ฟิตเตอร์-เอ และฟิตเตอร์-บี เปน็ ตน้

อากาศยานโซเวยี ตมีชอื่ เรียกทว่ั ไปตามบคุ คลผู้สรา้ งและบริษัทสร้างอากาศยานทีม่ ชี ือ่ เสียง

ตัวอย่างเช่น เครื่องบิน SU-7 ซง่ึ มชี อ่ื เรยี กตามชอ่ื ของ พี.โอ.ซกู อย ผซู้ ่งึ เป็นหัวหน้าคณะผแู้ ผนแบบอากาศยาน

เป็นตน้

ตารางข้างลา่ งนแี้ สดงให้เหน็ ถงึ การกาหนดชื่อทางราชการ ชอ่ื โดยทว่ั ไป และแบบของอากาศ

ยานโซเวียต ( ช่ือเรยี กเฉพาะของนาโต้ )

ชอื่ ทางราชการของอากาศยานโซเวียต

ชือ่ ทางราชการ ผู้แผนแบบ/บรษิ ทั สรา้ ง ช่ือของนาโต้

AN – 2 ANTONOV COLT

BE – 6 BERIEV MADGE

IL – 12 ILYUSHIN CRATE

KA – 15 KAMOV HEN

MI – 8 MIL HIP

MIG – 21 MIKOYAN-GUREYVICH FISHBED

MYA – 14 MYASISHCHEV BISON

SU – 7 SUKHOI FITTER

TU – 16 TUPOLEV BADGER

YAK – 28 YAKOLEV BREWER


๓-๔

เทคนคิ การเขา้ โจมตขี องเคร่ืองบินตดิ ลาตวั ในพ้นื ท่ีเขตหนา้
การโจมตีของเครือ่ งบินสมรรถนะสูงในพนื้ ท่เี ขตหนา้ ( FORWARD AREA ) ย่อมขึ้นอยู่กับ

ความเร็ว เพ่อื ให้บงั เกดิ ผลการจู่โจม และความอยรู่ อดเป็นสาคญั ดังน้ันเทคนิคการเขา้ โจมตขี องเครอื่ งบินจงึ
ใช้เทคนคิ ดังตอ่ ไปนี้ .-

๑. ยุทธวิธีมูลฐานของเคร่อื งบิน เคร่อื งบินขบั ไลท่ ้ิงระเบิดใชย้ ทุ ธวธิ ีมูลฐานในการโจมตดี ้วยการ
ใช้ ความเร็วสงู สดุ และความสงู ตา่ สดุ ซ่ึงการโ จมตดี ว้ ยวธิ ีน้ียอ่ มทาใหห้ นว่ ย ปตอ . ภาคพืน้ ดนิ มเี วลาจากดั ใน
การคน้ หา พสิ ูจนฝ์ าุ ย และทาการยิงต่ออากาศยานที่เขา้ โจมตี เนื่องจากมเี วลาปรากฏตวั ของเคร่อื งบนิ สัน้
มาก ซง่ึ เปน็ ปจั จยั สาคัญย่งิ ต่อความอยู่รอดของเครือ่ งบนิ

๒. เวลาปรากฏตวั นอ้ ย ( SHORT EXPOSURE TIME ) ความเรว็ ในการเข้าโจมตขี อง
เครื่องบนิ ในการเขา้ โจมตีอาจเปล่ียนแปลงตั้งแต่ ๔๐๐ – ๘๐๐ น๊อต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบของเคร่ืองบินและ
น้าหนักบรรทกุ อย่างไรกต็ ามเพ่ือความแม่นยาในการโจมตี เครอ่ื งบินจะต้องลดความเรว็ เหลือประมาณ ๓๐๐
– ๔๐๐ นอ๊ ต ในขณะปล่อยอาวธุ คว ามเรว็ ท่แี ท้จริงยอ่ มขน้ึ อยกู่ บั อาวธุ ทีใ่ ช้โจมตีความตอ้ งการเก่ยี วกบั
เช้ือเพลงิ ทศั นวสิ ัย และความคุ้นเคยภูมิประเทศของนกั บิน การเพมิ่ ความเร็วในห้วงสดุ ทา้ ยก่อนถึงเปาู หมาย
จะเป็นการลดเวลาในการติดพนั เปาู หมายใหน้ ้อยลง ระดับสงู ท่ใี ชใ้ นการบินเข้าสูเ่ ปูาหมายในหว้ งสุ ดท้ายอาจ
อยใู่ นห้วงประมาณ ๑๐๐ ฟตุ หรือนอ้ ยกว่า การเข้าโจมตีด้วยความเรว็ สงู และความสงู ตา่ สุดยอ่ มทาให้การ
ค้นหาเปาู หมายของหนว่ ยปอู งกนั ภยั ทางอากาศกระทาไดล้ ่าช้าหรอื คน้ หาไมไ่ ด้เลยหรอื อาจค้นพบเปูาหมายได้
ในหว้ งสดุ ท้ายของการโจมตี คอื เมื่อเครอ่ื งบินได้ดาเนนิ กลยทุ ธด้วยการบนิ เข้ามาสู่แนวบินและมุมโจม ตแี ลว้ ซึ่ง
เปน็ ผลใหเ้ ครื่องบนิ ลอ่ แหลมตอ่ การโจมตีลดน้อยลงและเพ่ิมโอกาสของความอยู่รอดสูงขึ้น

๓. เทคนิคการบินเข้าระดบั ตา่ เทคนคิ การบนิ เข้าระดบั ตา่ โดยทวั่ ไปมี ๓ วธิ ี คอื
๓.๑ การบินเหนือภมู ปิ ระเทศ (TERRAIN CLEARANCE) คอื การบนิ ของเครอ่ื งบนิ ในระดบั

ต่าดว้ ยความสูงเฉล่ีย สูงกวา่ ภูมปิ ระเทศ ท่ีเคร่ืองบินบินผ่าน
๓.๒ การบนิ ตามภูมิประเทศ (TERRAIN FOLLOWING) คอื การบนิ ของเครือ่ งบินในระดบั

ตา่ โดยรักษาความสูงระหวา่ งเครอ่ื งบนิ กับภูมิประเทศใหค้ งท่ีตลอดเวลา
๓.๓ การบนิ ลดั เลาะภูมิประเทศ (TERRAIN AVOIDANCE) คือ การบนิ ของเครือ่ งบนิ ด้วย

ความสูงนอ้ ยทีส่ ดุ โดยหลบหนภี ูมิประเทศสงู ตลอดเสน้ ทางบิน


๓-๕

เทคนิคการปล่อยอาวธุ ของ บ.ขบั ไลท่ ิ้งระเบิด
ประสบการณจ์ าก ๓ ทศวรรษท่ีผ่านมาทาใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงแนวความคดิ ของการสนับสนนุ

ทางอากาศใกลช้ ดิ ( สกอ. ) ในปัจจบุ นั เครื่องบิ นของกาลงั ทางอากาศฝาุ ยเรา และฝาุ ยคุกคามได้จัดไว้
โดยเฉพาะเพอ่ื สนับสนนุ หนว่ ยดาเนินกลยุทธ ทัง้ นเ้ี น่อื งจากสนามรบในปัจจบุ ันมีเปูาหมายจานวนมากที่ต้องใช้
เครอ่ื งบินสนับสนนุ ทางอากาศใกลช้ ดิ จงึ จะสามารถทาลายได้ ฝาุ ยคุกคามมคี วามเห็นว่าการโจมตีทางอากาศ
การสนบั สนุนทางอากาศโดยใกล้ชดิ น้นั เปน็ การขยายขีดความสามารถทางระยะยิงของปนื ใหญ่ฝุายตน

เครอ่ื งบินสมรรถะสูงย่อมอาศยั ความเร็วเพอ่ื ผลการจู่โจมและความอยูร่ อดเป็นสาคญั เนื่องจาก
เครอื่ งบินดงั กลา่ วมีความเร็วสงู จงึ เหมาะทจ่ี ะใช้โจมตตี ามแกนยาวของเปูาหมาย ซง่ึ สอดคล้องกบั รูปแบบ
อาการกระจายของระบบอาวุธเป็นอยา่ งดี นอกจากน้นั ยังอาจใช้วธิ ีเข้าโจมตจี ากแนวแสงอาทติ ย์ซง่ึ จะเพ่มิ ผล
ของการจู่โจม เครอื่ งบนิ ปีกติดลาตัวทใี่ ชโ้ จมตตี ่อเปาู หมายพนื้ ดินสามารถใชว้ ธิ ีการปลอ่ ยอาวธุ ได้ดังน้ี

 การทิ้งระเบดิ ระดับสงู (HIGH-ALTITUDE BOMBING)
 การดาทิง้ ระเบิด (DIVE BOMBING)
 การทง้ิ ระเบดิ ระดับต่า (LOW-ALTITUDE BOMBING)
 การโจมตรี ะยะไกล (STANDOFF)
 เทคนิคการบินไต่ขัน้ สงู (POP-UP)
 การทิ้งระเบดิ แบบปลอ่ ยลง (LAY-DOWN)


๓-๖

๑. การทิ้งระเบดิ ระดบั สูง (HIGH -ALTITUDE BOMBING)
เครือ่ งบินที่ใชว้ ธิ กี ารโจมตีน้ีจะบินเขา้ หาตาบล

ปลดระเบิดท่ไี ด้กาหนดไว้ล่วงหนา้ ในความสงู มากกว่า
๑๕,๐๐๐ ฟตุ ความเรว็ ของเคร่อื งบนิ ประมาณ ๔๐๐ -
๑,๔๐๐ นอ๊ ต ลกู ระเบดิ จะปลอ่ ยลงส่พู ืน้ โดยอาศัยแรง
ดึงดูดของโลก

ข้อดี ขอ้ เสีย
๑. เครื่องบนิ อาจบนิ อยู่สูงเกินกวา่ ขดี ความสามาร ถของ ๑. ถกู ตรวจพบแต่เนิน่
ระบบอาวุธ ปตอ. (เว้นระบบอาวธุ ไนกี้ หรอื พาทริออต ) ๒. การปล่อยอาวุธมีความแม่นยาน้อย

๓. ล่อแหลมต่อการโจมตจี ากอาวธุ ไนกี้ และ
เครอ่ื งบนิ ขับไล่สกดั ก้นั


๓-๗

๒. การดาทิง้ ระเบดิ (DIVE BOMBING)

เคร่อื งบนิ ท่ใี ชเ้ ทคนิคก ารปลอ่ ยอาวุธแบบน้ี
จะเริม่ เขา้ โจมตี ณ ความสงู ปานกลาง แล้วจงึ บนิ ดา
ลงตรงไปยังเปาู หมาย การปล่อยอาวุธจะกระทา ณ
ระหวา่ งความสงู ตา่ ถึงปานกลาง (๙๐๐-๓,๐๐๐ ฟตุ )
ตอ่ จากน้นั เครือ่ งบินกจ็ ะดาเนนิ กลยทุ ธ
หลบหนไี ปก่อนถงึ เปูาหมาย

ขอ้ ดี ขอ้ เสีย

๑. ปลอ่ ยอาวุธไดแ้ มน่ ยา ๑. ถกู ตรวจพบไดง้ า่ ย

๒. ไม่ล่อแหลมตอ่ การยิงของอาวธุ ปตอ . ส่วนใหญ่ ๒. ต้องโจมตีขณะทศั นวิสัยดี เพอ่ื เกือ้ กลู ต่อการคน้ หา

จนกว่าได้ปลอ่ ยอาวธุ แลว้ เปูาหมาย

๓. ลอ่ แหลมต่อการโจมตจี าก อาวธุ ไนกี้ พาทรอิ อต

และเครือ่ งบนิ ขบั ไล่สกดั กน้ั

๓. การทิ้งระเบิดระดบั ต่า (LOW ALTITUDE BOMBING)

เครื่องบินท่ีใชร้ ะบบการทง้ิ ระเบิด

ระดบั ตา่ จะบินเข้าสเู่ ปาู หมายด้วยความสูง ๙๐๐ -

๘,๐๐๐ ฟุต ความเร็ว ๔๐๐ – ๗๕๐ นอ๊ ต เม่ือถงึ จุด

ท่กี าหนดไว้ล่วงหน้าเครือ่ งบนิ จะบนิ ไต่ขนึ้ สงู ดว้ ยมมุ

ชันในทา่ วงกล มตัง้ จากน้ันก็จะปลอ่ ยอาวุธแล้วบนิ

กลับในทิศทางตรงขา้ มกบั ทิศทางบนิ เข้าสเู่ ปูาหมาย

เทคนคิ การปล่อยอาวธุ แบบน้ีสามารถนามาใช้กับ

อาวธุ นิวเคลยี รแ์ ละอาวธุ ตามแบบกไ็ ด้

ข้อดี ขอ้ เสยี

๑. ปตอ.ตรวจพบเครอ่ื งบินได้ช้า ๑. ความแม่นยาในการปลอ่ ยอาวธุ มนี อ้ ย

๒. เคร่ืองบินสามารถหลกี เลีย่ งความเสียหาย จากการ ๒. ลอ่ แหลมต่อการยิงจาก ปตอ.ทุกชนดิ

ระเบดิ ของอาวุธนวิ เคลยี ร์ ๓. จาเป็นต้องใชข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั การบนิ อยา่ งประณีต

จึงยากทจี่ ะบนิ หลบหนจี ากการยิงของ ปตอ.


๓-๘
๔. การโจมตรี ะยะไกล (STANDOFF)

เครอ่ื งบินทใ่ี ชโ้ จมตีดว้ ยวิธีนจี้ ะติดตง้ั ระบบอาวุธนาวถิ ปี ระเภทอากาศสู่ผวิ พ้ืน (ASM) ซ่ึงสามารถ
โจมตจี ากระยะไกลเกนิ ระยะยิงของอาวธุ ปตอ . ด้วยการปล่อยอาวุธนาวิถีเข้าทาลายทตี่ ้ังท่ี ปตอ .วางกาลงั
ปอู งกัน ปตอ.กจ็ ะถอื วา่ อาวุธนาวถิ ีทป่ี ลอ่ ยมานน้ั คอื ภัยคุกคามทจี่ ะต้องทาลาย อาวุธนาวิถอี ากาศยานสู่

พืน้ มรี ะยะตัง้ แต่ ๒๐ ถงึ ๕๐๐ กิโลเมตร การปล่อยอาวธุ นาวิถอี ากาศยานสู่พน้ื ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งกาหนดความ
สูงไว้ตายตัว

ขอ้ ดี ข้อเสยี

๑. สามารถปล่อยอาวธุ ขณะอยพู่ น้ ระยะยงิ ของ ๑. อาจตรวจพบเคร่ืองบินไดแ้ ตเ่ น่ิน

ปตอ. ๒. ล่อแหลมต่อการโจมตจี ากเคร่อื งบนิ ขับไลส่ กดั กนั้

๒. ยากทจี่ ะสกัดก้ัน อาวธุ นาวิถีอากาศสพู่ ื้น ๓. ยากท่จี ะประเมินคา่ ความเสยี หายของเปูาหมาย

๕. เทคนคิ การบินไตข่ ึ้นสงู (POP-UP TECHNIQUE)


๓-๙

เทคนิคการบนิ ไต่ขึ้นสงู ใชว้ ิธกี ารบนิ เข้าสู่เปาู หมายในระดับตา่ จากจุดเรมิ่ ตน้ (INITIAL POINT -IP) ซ่ึง
อยู่หา่ งจากเปูาหมายระยะประมาณ ๑๐ -๒๐ กม.โดยอาศัยลักษณะภูมิประเทศเพ่อื หวังผลการจ่โู จม เคร่ืองบนิ

จะบนิ ระดบั ตา่ จากจดุ เรม่ิ ต้นถึงจุดบินไตข่ น้ึ สงู (PULL - UP POINT) ซ่ึงอยหู่ า่ งจากเปาู หมายประมาณ ๓ – ๕
กม. แล้วจึงดงึ ไต่ขน้ึ สคู่ วามสงู เพื่อเข้าโจมตี ( ๒,๐๐๐ - ๗,๐๐๐ ฟุต ทงั้ นข้ี นึ้ อยกู่ บั ระบบอาวุธทีใ่ ช้ )

ต่อจากนน้ั นกั บินก็จะค้นหาเปาู หมายโดยใชเ้ วลาเพยี งไมก่ ่ีวนิ าทีซง่ึ เป็นผลให้มีเวลาปรากฏตวั นอ้ ยมาก เมอ่ื พบ
เปูาหมายจงึ นาเคร่ืองบินบนิ ลงดาโจมตีต่อเปาู หมาย ในการดาเขา้ โจมตที ิศทางแนวหวั เครอ่ื งบินขณะเขา้ โจมตี
ตามปกตจิ ะทามุมกบั แนวบินเรม่ิ แรกจากจดุ เริ่มต้นถึงจดุ บินไต่ข้ึนสงู ไปทางซ้ายหรอื ทางขวาระหว่าง ๔๕

องศา ถงึ ๑๐๐ องศา หลงั จากน้ันกจ็ ะบนิ หลบนี้ไปด้วยความเร็วสูงและความสงู ต่า แนวปล่อยอาวธุ จะอย่หู า่ ง
จากเปาู หมายประมาณ ๕๐๐ - ๑,๕๐๐ เมตร

รูปแบบการโจมตดี ้วยเทคนคิ การบนิ ไตข่ ึน้ สงู

ระบบอาวธุ ท่ใี ช้ ลกู ระเบิด จรวด ป.อากาศ

มมุ ดาโจมตี ( องศา ) ๒๐ – ๓๐ ๑๐ – ๓๐ ๑๐ - ๓๐
๑,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ๘๐๐ - ๓,๐๐๐
ความสูงโจมตี ( ฟุต ) ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ๕๐๐ – ๑,๕๐๐ ๓๑๐ – ๑,๕๐๐
๘๐๐ - ๙๐๐ ๕๓๐ - ๘๐๐
ความสูงปล่อยอาวธุ ( ฟุต ) ๒,๕๐๐ – ๒,๖๖๐

ระยะปลดอาวธุ ห่างจาก ๑,๑๑๐ – ๑,๔๖๐

เปูาหมาย ( เมตร )

ความเร็วเครื่องบิน ( น๊อต ) ๔๕๐ ๔๐๐ – ๔๕๐ ๓๐๐ – ๕๐๐

ข้อดี ขอ้ เสีย

๑. ปล่อยอาวุธไดแ้ มน่ ยา ๑. ฐานเมฆต้องอย่สู งู

๒. คน้ หาเปูาหมายได้ง่าย ๒. ล่อแหลมจากการยิงทางพืน้ ดิน ขณะดงึ ไตข่ ้ึนสงู


๓-๑๐

๖. การทิ้งระเบดิ แบบปล่อยลง (LAY - DOWN)
การท้ิงระเบิดแบบปล่อยลง นกั บินจะบินดว้ ย
ความสงู ประมาณ ๓๐๐ ฟุต และ ใชค้ วามเร็ว
ประมาณ ๔๕๐ – ๖๐๐ นอ๊ ต การเขา้ โจมตีดว้ ย
ใช้ความเรว็ สูงและความสูงต่า ย่อมเพม่ิ โอกาส
ของความอยรู่ อดของเครือ่ งบนิ และผลสาเร็จ
ของการปฏิบตั ิภารกจิ ความเรว็ ในการตกลงสพู่ ้นื
ของอาวุธจะลดลง โดยอาศัยอปุ กรณ์หนว่ ง
ความเรว็ ที่ติดตัง้ อยู่กบั อาวธุ นน้ั เชน่ รม่ หน่วง

ความเร็วหรือครีบตา้ นอากาศ ซึง่ อานวยใหเ้ ครอื่ งสามารถหลบหนีออกจากพื้นทีเ่ ปูาหมาย ไดก้ ่อนท่ีอาวุธจะ
ระเบิด


๓-๑๑

ข้อดี ขอ้ เสีย

๑. บรรลุผลการจโู่ จมสูงสดุ ๑. ขาดความแม่นยาในการปลอ่ ยอาวธุ
๒. มีเวลาปรากฏตัวต่อการยงิ ของ ปตอ. นอ้ ยที่สุด ๒. คน้ หาเปูาหมายไดย้ าก
๓. สามารถทาการโจมตขี ณะฐานเมฆอยู่ตา่ ได้ ๓. ล่อแหลมจากการยงิ ดว้ ยอาวุธเบา

การโจมตดี ้วยเฮลิคอปเตอร์
เฮลิคอปเตอร์โจมตี (ATTACK HELICOPTER - AH) จะบินไปในสนามรบดว้ ยความสงู ตา่

ทสี่ ุดเท่าที่จะทาได้ และมกั จะบินลัดเลาะไประหวา่ งตน้ ไมห้ รอื ส่งิ กอ่ สรา้ งต่างๆ เนอ่ื งจากเฮลิคอ ปเตอร์
สามารถลอยลาอยูก่ บั ที่ได้ จงึ สามารถใช้ที่กาบงั จากภมู ปิ ระเทศโดยซ่ อนตัวอยู่เบอื้ งหลังภูมิประเทศ เว้นแตจ่ ะ
ลอยตวั ข้นึ โจมตีฉะนั้นจงึ ยากที่จะค้นหาได้ และมกั จะเหน็ ในจอเรดาร์ของ ปตอ. เป็นส่วนหนง่ึ ของพืน้ โลกจงึ

ยากทจ่ี ะเล็งตามด้วยเรดาร์โดยอตั โนมัตแิ ล้วตดิ พนั เปาู หมายได้ เฮลิคอปเตอร์โจมตีของฝาุ ยคกุ คามหลายชนิด
จะตดิ ตัง้ อาวุธนาวถิ ีตอ่ สู้รถถัง (ATGM)

เฮลคิ อปเตอร์โจมตีซ่ึ งใช้เทคนคิ การบนิ เร่ยี พืน้ แล้วดงึ ขึน้ (NAP-OF-THE EARTH AND
SNEAK-AND-PEEK) ลาดตะเวนค้นหาเปูาหมายไปท่วั สนามรบ เมือ่ พบเปาู หมาย เช่น รถถงั เฮลคิ อปเตอร์จะ
ใช้ภมู ปิ ระเทศตามธรรมชาติ เช่น ปุา หรือ เนินเขา เพ่อื หลบซอ่ นอยูเ่ บือ้ งหลัง เม่ือโอกาส เออ้ื อานวย ก็ จะบนิ

ไต่ขนึ้ เหนอื ภมู ิประเทศ แล้วยงิ อาวธุ นาวิถีต่อสู้รถถังเขา้ หาเปูาหมายการโจมตนี ี้ ฮ .ดังกลา่ วจาเปน็ ตอ้ งใช้เวลา
ประมาณ ๒๐ – ๓๐ วนิ าที เพ่อื ค้นหาเปาู หมาย ปล่อยอาวธุ และนาวิถีเขา้ สเู่ ปูาหมาย แล้วจงึ ดาเนนิ กลยทุ ธ

หลบหนีไป


๔-๑

บทที่ ๔
การวางแผนการใช ปตอ.ปภอ.

ตอนท่ี ๑ การวางแผน ปภอ.

แนวความคดิ ในการวางแผน ปภอ.
เปน การปฏิบัตกิ ารกาํ หนดลาํ ดับความเรง ดว นในการ ปภอ.(ADA PRIORITY) แลว จงึ ดําเนินการตาม

ขัน้ ตอน ดงั นี้.-
๑. ขั้นการวเิ คราะห (ANALYSIS)
- ผบ.หนว ย ปตอ. ประมาณสถานการณโ ดยพิจารณาปจ จยั METT-T ประกอบ แผน ปภอ. เพอ่ื

เสนอแนะการแบง มอบหนว ย ปตอ. ปภอ.ทต่ี ง้ั ตา งๆ ตาม
๑.๑ ภารกจิ ของหนวยรับการสนับสนุนเพื่อใช ปตอ.สนบั สนุนสว นรวมใหด ีทส่ี ุด
๑.๒ ขา ศึก แบบเครอ่ื งบิน เสนทางเขา ยุทธวธิ ีทีข่ า ศกึ นาจะใช ตลอดจนอาวธุ และแนวปลด

ระเบิดเพ่ือนํามาใชว างแผน ปภอ. อยางมปี ระสิทธิภาพ
๑.๓ ภูมิประเทศ (TERRAIN )
- ภูมิประเทศสาํ คญั คือ ลักษณะภูมิประเทศโดยรอบ ทชี่ วยนักบนิ ขาศึกในการเดินอากาศ

และกําหนดท่ีตัง้
- เครอื่ งกดี ขวาง ลักษณะเสนทางเคล่ือนที่ พ้นื ภูมปิ ระเทศ เครือ่ งกีดขวาง
- การตรวจการณแ ละเขตการยิงท้งั ฝายเราและฝายขาศึก การกําบงั คลน่ื เรดาร
- เสนทางเขา ของขาศึก

๑.๔ หนว ยทหาร ยอดกําลงั พล ขวัญ ยุทโธปกรณ การฝก การซอมบาํ รุง การสงกําลงั
- ผบ.เปรียบเทียบปจจยั METT-T กับ ADA PRIORITY เสนอแนะการแบง มอบหนว ย

ปตอ.
- ผบ.หนว ยกาํ ลังรบอนุมัติ จึงนาํ ไปเขยี นไวใน ผนวก ปภอ. ประกอบคําสงั่ ยทุ ธการขอ ๒

ภารกิจ ในรูปแบบของทีต่ ั้งตา งๆ ตามลาํ ดบั ความเรงดว นในการ ปภอ. ทไ่ี ดร ับการ ปภอ. จาก ปตอ.
๒. ขั้นการวางแผนการวางกําลังหนวยยิง ( DEFENSE DESIGN PHASE )
เปนกรรมวธิ ขี องการพจิ ารณา (รายละเอียดอยใู นขอ ๕)
๒.๑ หลักการ ปภอ. (ADA EMPLOYMENT PRINCIPLES)
๒.๒ แนวการวางหนว ยยิง (ADA EMPLOYMENT GUIDELINES)
๒.๓ ความตองการเกี่ยวกับท่ีต้ัง (DEFENSE DESIGN REQUIREMENT)
โดยพิจารณารว มกับปจ จยั อนื่ เพื่อกําหนดหาทตี่ ้ังหนว ยยิง ปตอ. แตล ะแหง


๔-๒

๓. ข้ันการประเมนิ คา (EVALUATION PHASE)
- ในข้นั การวิเคราะหและการวางแผนการวางกาํ ลังหนวยยิงมักจะมีแผนมากกวา ๑ แผน ซง่ึ
ตอ งเลือกแผนที่สามารถเผชิญตอ การคุกคามท่ีคาดไวอ ยางดีทสี่ ดุ

๔. ขั้นการปฏิบตั ิ (IMPLEMENTATION PHASE)
- จัดเตรียมขอ ความในคําสัง่ ยุทธการ ( ทเี่ กีย่ วกับ ปตอ.) และ ผนวก ปภอ.
- ผบ.หนวยรอง จะปฏิบัตติ ามข้นั ตอนในการนาํ หนว ย ๘ ประการ
๔.๑ รับภารกจิ
ผบ./ฝอ. พนั ปตอ. จะไดร บั ทราบภารกิจของกองพนั จากคําสั่งเตือน หรือคาํ สงั่ เปนสวนๆ

จาก กรม ป. ซ่ึงเปน นขต.กองพล มีภารกิจในการ ปภอ. ผบ.พนั ปตอ.จะไปรวมวางแผนกบั กองพล ดังนัน้
กอ นท่ี ผบ.พนั ปตอ.จะไปรวมวางแผนน้นั ผบ.พัน ปตอ.กจ็ ะเรยี กประชุม ฝอ. เพ่อื ให ฝอ. ไดบรรยายสรปุ
ขา วสารท่ีจาํ เปน ในแตล ะเรื่อง เพอ่ื เปน ขอ มลู แก ผบ.พัน ปตอ. ทีจ่ ะนําเสนอแก ผบ. พลในการวางแผน

๔.๒ ออกคําส่ังเตือน
หลังจากที่ ผบ.พัน ปตอ. รับทราบภารกจิ ของหนว ย กจ็ ะออกคาํ สั่งเตรยี ม ใหห นวยรอง

ของตนทราบถงึ ภารกิจท่จี ะตองสนบั สนนุ หนว ยดาํ เนนิ กลยุทธ ทําให ผบ.หนว ยรอง มเี วลาในการวางแผนและ
เตรียมการ

๔.๓ วางแผนชั่วคราว
เมือ่ ผบ.พัน ปตอ.ไดร บั คาํ สั่งเตอื น หรอื คําส่งั เปน สว น ๆ ก็จะทําใหทราบภารกิจของกอง

พัน ก็จะวเิ คราะหภ ารกจิ และจะประมาณสถานการณอยางตอเนื่อง จากขาวสารทไ่ี ดร บั ทราบจากหนว ยเหนือ
หรือจากสรปุ ขาวสารของ ฝอ.

ผบ.พัน ปตอ.จะรว มวางแผนกบั ผบ.พล.ร.โดยใหข า วสารข้นั ตน และประมาณการ ปภอ.
๔.๔ ริเริม่ การเคลื่อนยายเมื่อจาํ เปน

ถากองพันจะตอ งเคล่อื นยายไปในระยะทางไกล กค็ วรจะเรม่ิ งานทนั ที เชน การให
สวนลวงหนาไดต รวจภมู ิประเทศแตเ นนิ่

๔.๕ การลาดตระเวนทางพนื้ ดิน
ผบ.พัน.ปตอ.ในฐานะฝายกิจการพิเศษของกองพล จะรวมไปกับ ผบ./ฝอ. ของ กองพล

ดาํ เนินกลยุทธ ในการตรวจภูมิประเทศ เพ่ือนํามาประมาณการ ปภอ. เสนอ ผบ.พล.(ร./ม.) และนํามาวางแผน
อยางสมบูรณ ของการ ปภอ.

๔.๖ ปรับแผนใหส มบรู ณ
เมอื่ ผบ.พล.ประกาศขอ ตกลงใจแลว ผบ.พัน.ปตอ. จดั ทาํ ผนวก ปภอ.ประกอบคาํ สั่ง

ยุทธการกองพล
๔.๗ ออกคาํ สัง่
ผบ.พัน.ปตอ.จะสงั่ การแก ผบ.รอ ย.ปตอ.ใหท ราบภารกิจทางยุทธวธิ ี โดยคําส่ังเปนสวนๆ หรือ

เรยี ก ผบ.รอ ย.ปตอ. มารับคาํ สัง่ ที่ ทก.พัน การออกคําส่ังใชห วั ขอคําส่ังยุทธการ ๕ ขอ โดยอาจจะให ฝอ. แถลง


๔-๓

ขา วสารทส่ี าํ คญั ใหท ราบ โดย ผบ.พนั ปตอ. เนนยาํ้ ภารกิจการปฏบิ ัติที่สําคัญ และขอหวงใยแกหนวยรอง ถาไม
สามารถเรยี ก ผบ. หนวยรองมารับคาํ ส่ังได ก็จะยดึ ถือ ผนวกการ ปภอ. เปน การส่ังการของ ผบ.พนั ปตอ.

๔.๘ กํากบั ดูแลและปรบั แผน
ผบ. และ ฝอ. ชว ยกํากบั ดูแลการปฏบิ ัตขิ องหนว ยรอง หากเกิดขอบกพรองตองแกไ ขทันที

การวางแผนการวางกําลงั หนว ยยิง (DEFENSE DESIGN PHASE)
๑. หลักการ ปภอ. (ADA. EMPLOYMENT PRINCIPLES)
เปนหลักนิยมมูลฐานในการวางกําลังหนวย
ยิง ปตอ.ในการวางแผนปภอ.การนําหลักการเหลาน้ี
มาใชอยางเหมาะสมกับสถานการณทางยุทธวิธี จะ
เพิ่มประสิทธิผลในการ ปภอ. และเพ่ิมความอยูรอด
ของอาวุธ

๑.๑ การใชอ าวธุ เปนกลุมกอ น (MASS)
เปนการรวมอาํ นาจกาํ ลังรบ ปภอ.ดวยการแบงมอบหนวยยิงใหเพียงพอท่ีจะ ปภอ. ทต่ี ง้ั ทป่ี อ งกนั อยางไดผล

- หนวย ปตอ.ระยะใกล หนวยระดับ มว.ปตอ.เปนหนวยเล็กท่ีสุดที่ใช ปภอ.เวน ตอน ปตอ.
เรดอาย หรือสติงเกอร ซึ่งเปน หนว ยเลก็ ทีส่ ดุ ทส่ี ามารถปฏบิ ตั ิภารกจิ ทางยุทธวธิ ไี ด

- หนวย ปตอ.ระยะปานกลางและไกล หนวยระดับกองพัน เปนหนวยเล็กท่ีสุดที่จะใช ปภอ.
เปนกลุมกอน


๔-๔
๑.๒ การใชอ าวุธผสมกัน (MIX)

- มคี วามสัมพันธใกลช ดิ กบั หลักการใชอาวุธเปนกลมุ กอ น
- การใชร ะบบอาวธุ หลายแบบและใชเปน กลมุ กอนอยา งเพยี งพอทาํ ใหก าร ปภอ.กอ ใหเ กิด
ปญหาตอ ฝายขา ศกึ ซง่ึ ตอ งเผชญิ กบั ระบบอาวธุ หลายระบบมากกวาระบบเดียว
- การใชร ะบบอาวุธผสมกนั ทําใหข า ศกึ ตองเผชญิ กับอาวธุ ปตอ.หลายระบบ ซ่งึ คุณลักษณะ
และขดี ความสามารถของระบบอาวุธหนึง่ ชดเชยขีดจํากดั ของระบบอาวธุ อื่น ยอ มกอ ใหเกิดปญ หาการโจมตีของ
บ.ขาศึก

๑.๓ ความสามารถในการเคล่ือนที่ (MOBILITY)
- การใชหลักการของอาวุธเปนกลุมกอนและใชอาวุธผสมกัน ในสงครามสมัยใหมท่ีมีการ
เคลอ่ื นท่อี ยูเสมอ ระบบอาวธุ ปตอ.จะตองมคี วามคลอ งแคลวในการเคล่ือนท่ี
- ปตอ.ระยะใกลท่ีปภอ.หนวยดาํ เนินกลยทุ ธจะตอ งมีขีดความสามารถในการเคลอื่ นที่เทากับ
หรือสงู กวาหนวยรบั การสนับสนนุ
-ปตอ.ระยะใกลท ่ปี ภอ.ท่ตี ้ังอยูก บั ทจ่ี ะตองสามารถเปลีย่ นที่ต้ัง เขา ท่ีต้ังยงิ สาํ รองเพ่ือ
ความอยรู อด


๔-๕

๑.๔ การทาํ งานเปน อันหนึง่ อนั เดยี วกัน (INTEGRATION)
- เปนการประสานการปฏบิ ัติ อยา งใกลชดิ และ
ปฏบิ ัตงิ านอยา งมเี อกภาพ เพื่อ
- เพมิ่ ประสิทธิผลในการปฏบิ ัตกิ าร
ของแตละระบบอาวุธใหมากท่ีสุด
- ลดการขดั ขวางซงึ่ กันและกัน ให
เหลือนอ ยท่สี ุด
-การทาํ งานเปน อนั หนึง่ อันเดียวกนั จะกระทาํ
สาํ เร็จ ณ.ระดบั หนว ย ๒ ระดบั คือ
- ระดับหนวย ปภอ. ตองประสานซ่ึง
กันและกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของแตละ
หนวยและจะตองไมขัดขวางการปฏิบัติการซ่ึง
กนั และกัน
- ระดับหนวย ปภอ.กับหนวยรับการ
สนับสนุน ตองประสานกันเพ่ือตอบสนอง
ความตองการของท้ังหนวย ปตอ. และหนวย

รบั การสนับสนุน
๒. แนวทางในการวางกาํ ลงั หนว ยยงิ (ADA EMPLOYMENT GUIDELINES )
- ใชเปนเครอื่ งชว ยของ ผบ.หนว ย ปตอ.ในการวางกําลงั หนวยยงิ เพื่อปองกันที่ต้ัง
- หลักการวางกําลังหนว ยยงิ นี้ เปน คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงคในการปองกนั ภยั ทางอากาศ

ในทางอดุ มคติ ( IDEAL )
- ในสถานการณจ รงิ ผบ. จะตอ งพจิ ารณา หลักการเหลา นีร้ วมกบั ปจจยั METT-TC


๔-๖

- สถานการณทางยุทธวิธี
- การคกุ คาม
- อาวุธ ปตอ.ทีม่ ี
- ความสามารถและขดี จาํ กัดของอาวธุ ปตอ.
- ขดี ความสามารถของความอยรู อดของอาวธุ ปตอ.
หลักการเหลา นไ้ี มส ามารถนํามาใชไ ดครบถวน เนื่องจาก
- แบบและขนาดของทีต่ ้งั ที่ปองกัน
- จํานวนหนวยยงิ ท่ีมอี ยู
- ลกั ษณะภูมิประเทศที่มผี ลเกอ้ื กลู ตอ เขตการยิงและท่ีต้ังยิง
- หวั ขอ พจิ ารณาทางยทุ ธวธิ ีอื่นๆ
ดังน้ันจึงตองพิจารณาความสําคัญของหลักการแตละหลักการรวมกับหลักการอื่นๆ เชน ปตอ.
ระยะใกล ถาวางกาํ ลังใหสามารถปองกันสม่ําเสมอและใหชวยเหลือซึ่งกันและกันได อาจตองวางกําลังหนวยยิง
ใกลท ีต่ ั้งที่ปอ งกันจนไมสามารถทาํ การติดพันแตเ นนิ่ ได เปนตน
๒.๑ การปองกนั สมํ่าเสมอ (BALANCED FIRES) เปนการวางหนวยยิงใหมีอํานาจการยิงปองกันได
ทกุ ทิศทาง
- หนวยยิงตางๆ จะตองตั้งยิงเพ่ือปองกันการเขาโจมตีของ บ.ขาศึก จากทุกทิศทาง ซึ่งจะ
ทําใหมีอาํ นาจการยงิ ประมาณเทาๆ กนั ในทกุ ทิศทางดวย
- การปอ งกนั สมาํ่ เสมอจะละเวน เฉพาะในกรณีท่ีมเี สน ทางเขา บังคบั เทา นนั้
- การวางกําลังท่ีเปนรูปแบบตายตัวจะทําให เปดเผยท่ีตั้งท่ีปองกัน และเปดเผยที่ตั้งหนวยยิง
อ่นื ๆ

๒.๒ การเพิ่มน้ําหนักการปองกัน (WEIGHTED COVERAGE) เชน การปอ งกันสนามบิน ,
เสนทางสง กาํ ลัง

- เสน ทางเขา โจมตขี อง บ. ในระดับตํ่า มเี สนทางเขา คาดคะเนและเสนทางเขาบงั คบั
- หนวยยงิ ตางๆ ควรวางกําลงั ใหส ามารถรวมการยิง ไปยงั เสน ทางทีข่ า ศกึ นาจะใชเขา
โจมตี แตค งดํารงการปองกนั สม่าํ เสมอ
- หากทราบแนชัดถึงเสนทางเขาของขา ศึกและมี ปตอ.ไมเพียงพอ กว็ างกาํ ลงั หนว ยยงิ ตาม-


Click to View FlipBook Version