Confined space
Mr.Piyawat Chirasakulkarun
การจ าแนกการ
์
้
เลอกใชอุปกรณทางเดินหายใจ
ื
3
งานอับอากาศ
ANUSORN BESTSAFE CO.,LTD
MR. Piyawat Chirasakulkarun
4
5
ั
ั
1. ค ำจ ำกดควำมพื้นที่อบอำกำศ (Confined Spaces)
หมายถึง
ี
่
ี
่
- สถานทท างานทมีทางเข้าออกจ ากัด มีการระบายอากาศตามธรรมชาติไม่
่
เพียงพอทจะท าให้อากาศภายในอยูในสภาพถูกสุขลักษณะ
่
ี
6
ั
ั
1. ค ำจ ำกดควำมพื้นที่อบอำกำศ (Confined Spaces)
หมายถึง
่
ี
็
ี
็
่
- สถานทไม่ปลอดภัยซึงอาจเปนทสะสมของสารเคมเปน พิษ สารไวไฟ
่
ี
7
8
ั
ั
1. ค ำจ ำกดควำมพื้นที่อบอำกำศ (Confined Spaces)
หมายถึง
่
ี
- สถานทไม่ปลอดภัยรวมทั้งออกซิเจนไม่เพียงพอ เช่นถังน ้ามัน ถังหมัก
่
ี
่
ไซโล ท่อ ถัง ถ ้า บ่อ อุโมงค์ เตา ห้องใต้ดิน ภาชนะ หรือสิ่งอืนทมีลักษณะ
่
ี
็
ี
คล้ายกันน้ การพจารณาว่าพื้นทใดจัดเปนพื้นทอับอากาศ
ิ
ี
่
9
ั
ั
1. ค ำจ ำกดควำมพื้นที่อบอำกำศ (Confined Spaces)
หมายถึง
10
ั
ั
1. ค ำจ ำกดควำมพื้นที่อบอำกำศ (Confined Spaces)
ั
ิ
มีปจจัยในการพจารณาดังนี้
๊
1.1 พื้นทซึงปริมาตรมีขนาดเล็ก แกสหรือไอทเกดขึ้นในบริเวณนั้นไม่สามารถ
ิ
่
ี
่
่
ี
ี
่
่
ระบายออกไปได้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ทอยูในบริเวณนั้น อาจสูด
๊
ี
๊
ิ
ี
่
ดมเอาแกสพษเข้าไปในร่างกายหรือมออกซิเจนไม่เพียงพอรวมถึงอาจมีแกสทติด
ไฟได้ในบริเวณนั้น
11
12
13
ั
ั
1. ค ำจ ำกดควำมพื้นที่อบอำกำศ (Confined Spaces)
ั
มีปจจัยในการพจารณาดังนี้
ิ
่
ี
่
่
่
ี
ื
ิ
1.2 ผู้ปฏบัติงานคนอืนๆ ทอยูนอกพ้นทนั้นจะเข้าไปสังเกตการณ์หรือช่วยเหลือผู้
่
ทก าลังปฏิบัติงานได้ยาก
ี
ิ
ิ
1.3 ช่องเปด ทางเข้า-ออก อยูไกลจากจุดปฏบัติงาน มีขนาดเล็ก หรือมีจ านวน
่
จ ากัด
14
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
ั
ั
ี
อาจมอันตรายต่อสุขภาพพนักงานและความเสียหายอย่างอืน เช่น ทรัพย์สิน
่
หรืออาจถึงชวิตเลยกได้ซึงสรปพอสังเขปได้ดังนี้
็
ุ
่
ี
2.1 การขาดออกซิเจน
่
๊
ี
่
2.2 ไฟไหม้เนืองจากการระเบิดของแกสทติดไฟได้ (Combustible Gas)
่
ี
๊
ได้แก่ แกสในตระกูลมเธนและแกสอืน ๆ
๊
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
ิ
่
๊
15
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
ิ
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
่
๊
2.3.1 คาร์บอนมอนนอกไซด์ (Carbonmonoxide)
2.3.2 ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulphide)
2.3.3 ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogendioxide)
16
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
่
ิ
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
๊
2.3.1 คาร์บอนมอนนอกไซด์ (Carbonmonoxide)
็
- เปนแกสไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และหากมีปริมาณมากจะเปนพิษ เกดจากการ
๊
็
ิ
เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเครืองยนต์ ประมาณ 60% ของปริมาณแกส
่
๊
ิ
คาร์บอนมอนนอกไซด์เกดมาจากไอเสียของรถยนต์
ี
่
๊
- แกสคาร์บอนมอนนอกไซด์จึงมีปริมาณสูงในบริเวณทมีการจราจร
หนาแน่น นอกจากน้ยังมาจากอีกหลายแหล่งก าเนด เช่น กระบวนการ
ิ
ี
ผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
- การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในเครืองยนต์อืนๆ ทไม่ใช่ยานพาหนะ หรือการ
ี
่
่
่
เกดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ปา เปนต้น
ิ
็
่
17
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
่
ิ
๊
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
2.3.1 คาร์บอนมอนนอกไซด์ (Carbonmonoxide)
่
- เมือเข้าสูร่างกายโดยผ่านทางปอดแล้วจะแทรกซึมเข้าไปกับระบบ
่
ื
ไหลเวียนของเลือด ท าให้การท างานของต่อมและเน้อเยอต่างๆ ในร่างกาย
ื
่
็
ี
่
ิ
มีประสิทธภาพในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลงส าหรับคนทเปนโรคหัวใจ
เมือสัมผัสคาร์บอน-มอนนอกไซด์เข้าไปมักจะเกดผลรนแรง
ิ
ุ
่
่
ิ
- ส่วนคนปกติทัวไจะเกดผลต่างกันขึ้นอยูกับสุขภาพของแต่ละบุคคลได้แก่
่
ความสามารถในการมองเห็นความสามารถในการท างานลดลง ท าให้
เฉอยชา ไม่กระฉับกระเฉง การเรียนร้แย่ และไม่สามารถท างาน
ู
ื
่
สลับซับซ้อนได้
18
19
20
21
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
๊
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
่
ิ
2.3.2 ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulphide)
๊
ไม่มีสี มีกลิ่นเหมือนไข่เน่า ละลายได้ในน ้า แกสโซลีน แอลกอฮอล์
ิ
- ไฮโดรเจนซัลไฟด์ เกดจากการท าปฏกริยาของซัลไฟด์ของเหล็กกับ
ิ
ิ
กรดซัลฟูริคหรือกรดไฮโดรคลอริค
ี
็
่
ิ
- เกดจากการเน่าเปอยของสารอินทรีย์ทมีซัลเฟอร์ เปนองค์ประกอบผลผลิต
่
ื
ิ
จากอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ปโตรเลียมยางสังเคราะห์ โรงงานน ้าตาล เปน
็
ต้น
22
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
๊
ิ
่
2.3.2 ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulphide)
็
่
๊
ไฮโดรเจนซัลไฟด์เปนแกสติดไฟได้ เมือติดไฟแล้วจะให้เปลวไฟสีน ้า
ิ
ิ
เงนและเกดแกสซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกมา การสัมผัสไฮโดรเจน-ซัลไฟด์เพียง
๊
เล็กน้อยท าให้เกดการระคายเคืองต่อดวงตาและปอด หากสูดดมเข้าไปมากๆ
ิ
ี
อาจจะมีผลท าให้เสียชวิตได้
23
24
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
ิ
๊
2.3 อันตรายจากการสูดดมแกสพษอืนๆตัวอย่างเช่น
่
2.3.3 ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogendioxide)
ี
่
็
่
๊
็
- เปนแกสสีน ้าตาลอ่อน อาจเปนส่วนประกอบส าคัญ อย่างหนึงของหมอกทปก
่
คลุมอยูตามเมืองทัวไป
่
- ไนโตรเจนไดออกไซด์เกดจากกระบวนการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
ิ
- หากสูดดมเข้าไปจะท าให้ปอดระคายเคือง และภูมิต้านทานการติดเชื้อของ
ระบบหายใจลดลงเช่น ไข้หวัดใหญ ่
- การสัมผัสสารในระยะสั้นๆ ยังปรากฏผลไม่แน่ชัด แต่หากสัมผัสบ่อยครั้ง
ิ
ี
อาจจะเกดผลเฉยบพลันได้
25
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
ิ
่
2.4 ประสิทธภาพของการมองเห็นลดลงเนองจาก
ื
- แสงสว่างไม่เพียงพอ
่
- ฝุนละออง
26
ั
ั
ั
2. อนตรำยในพื้นที่อบอำกำศกำรปฏิบัติงำนในพื้นที่อบอำกำศ
2.5 เสียงดัง
2.6 อุณหภูมิสูง
ิ
่
ิ
ี
ี
2.7 การหนออกจากพ้นทเมือเกดกรณฉุกเฉนมีอุปสรรค
ื
ี
่
27
ั
ั
3. กำรตรวจวดควำมปลอดภัยในพื้นที่อบอำกำศ
่
เนืองด้วยปจจัยอันตรายจากการท างานในพื้นทอับอากาศส่วน
ั
่
ี
ใหญ เกยวข้องกับปริมาณอากาศหรือแกสในบริเวณนั้นซึงจะส่งผลกระทบ
่
๊
่
ี
่
ต่อผู้ปฏบัติงาน นอกเหนอจากการจัดการความปลอดภัยด้านอืนๆ แล้ว
่
ิ
ื
็
ื
่
่
ี
การตรวจสอบสภาพอากาศในพ้นทอับอากาศถอว่าเปนสิ่งส าคัญทสุด การ
ี
ื
่
ี
ตรวจวัดความปลอดภัยในทน้จึงเน้นทการตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นท ่ ี
ี
่
ี
อับอากาศ
28
ั
ั
3. กำรตรวจวดควำมปลอดภัยในพื้นที่อบอำกำศ
่
เนืองด้วยปจจัยอันตรายจากการท างานในพื้นทอับอากาศส่วน
ั
ี
่
่
ใหญ เกยวข้องกับปริมาณอากาศหรือแกสในบริเวณนั้นซึงจะส่งผลกระทบ
๊
ี
่
่
่
ต่อผู้ปฏบัติงาน นอกเหนอจากการจัดการความปลอดภัยด้านอนๆ แล้ว การ
ื
ิ
ื
ื
็
ี
่
ี
ตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นทอับอากาศถอว่าเปนสิ่งส าคัญทสุด การ
่
ี
่
ตรวจวัดความปลอดภัยในทน้จึงเน้นทการตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นท ่ ี
ี
่
ี
อับอากาศ
29
ิ
กำรตีควำมหมำยและนยำม
30
31
ิ
3.1 นยำม
3.1.1 STEL (Short-term ExposureLimit)
่
ิ
่
ื
หมายถึง ค่าความเข้มข้นสูงสุดทผู้ปฏบัติงานสามารถจะสัมผัสอย่างต่อเนองใน
ี
ช่วงเวลาสั้นๆ (สัมผัสวันละ 4 ครั้งๆ ละ 15 นาท ห่างกัน 1 ชัวโมง)
่
ี
โดยไม่ได้รับอันตราย เช่น การระคายเคือง มึนเมา หรืออาการเรื้อรัง
32
ิ
3.1 นยำม
3.1.2 TWA (Time-Weight Average)
่
หมายถึง ค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของสารเคมีในอากาศส าหรับการท างาน 8 ชัวโมง
ิ
ื
่
ใน 1 วัน หรือ 40 ชัวโมงต่อสัปดาห์ซึงผู้ปฏบัติงานเกอบทั้งหมดสามารถสัมผัส
่
(Exposure) ซ ้าแล้วซ ้าอีกวันแล้ววันเล่าโดยปราศจากอันตรายต่อสุขภาพ
33
ิ
3.1 นยำม
34
ิ
3.1 นยำม
3.1.3
ี
่
่
็
Peak หมายถึง ค่าวิกฤตทวัดได้ในระหว่างช่วงเวลา (อาจจะเปนค่าต าสุดหรือ
สูงสุดก็ได้)
Ceiling หมายถึง ค่าส่วนผสมสูงสุดของ สารพิษซึงคนงานทไม่มีเครืองป้องกันม ี
่
ี
่
่
ี
่
แนวโน้มอาจสัมผัสแม้แต่ในระยะสั้นๆ คนงานทไม่มีเครืองป้องกันไม่ควรเข้าไปใน
่
ี
่
่
ิ
ิ
พื้นทอับอากาศซึงมีปริมาณสารพษเกนค่า Ceiling
35
36
ิ
3.1 นยำม
3.1.4 LEL (Lower Exposure Limit)
่
ี
ิ
หมายถึง ขดจ ากัดต าสุดของปริมาณสารทอาจเกดการระเบิดได้
ี
่
37
ิ
3.1 นยำม
3.1.5 TLV (Threshold Limit Values)
ี
่
หมายถึง ค่าความเข้มข้นของสารเคมในอากาศและสภาพแวดล้อมซึงเชือว่า
่
่
ื
ผู้ปฏบัติงานเกอบทั้งหมดสามารถท างานอยูในสิ่งแวดล้อมนั้นวันแล้ววันเล่าโดย
ิ
ปราศจากผลเสียต่อสุขภาพ
ขึ้นอยูกับ
่
ั
ปจจัย คือ เพศ อายุ และความแข็งแรงทางร่างกาย
38
39
ิ
3.1 นยำม
ิ
ิ
3.1.6 เปอร์เซ็นต์ ปรมำตร/ปรมำตร
็
๊
หมายถึง ปริมาตรของแกสคิดเปนเปอร์เซ็นต์ต่อปริมาตรของอากาศ
GAS -- > Detect by …. % by vol
40
ิ
3.1 นยำม
3.1.7 ppm. (Part per million)
หมายถึงส่วนในล้านส่วน
41
3.1.7 ppm. (Part per million)
ี
็
ุ
่
เช่นสารเคมี ในพื้นท 1 ส่วนใน ล้านส่วน เปนระดับความรนแรงและหน่วย
ในการช้วัด
ี
42
ิ
ื
ั
สถำบันที่นยำมในเร่องพื้นที่อบอำกำศ
ANSI หมายถึง American National Safety Institute
NIOSH หมายถึง National Institute for Occupational
Safety and Health
OSHA หมายถึง Occupational Safety and Health
Administration
ACGIH หมายถึง A committee of American
Conference of Government Industrial Hygienists
43
ี
3.2 วิธกำรตรวจวัดสภำพอำกำศ
ิ
่
3.2.1 ก าหนดต าแหน่งตรวจวัดให้ครอบคลุมพื้นทปฏบัติงาน
ี
๊
่
3.2.2 ใช้เครืองมือตรวจสอบปริมาณแกสไปตรวจวัดตามจุดทก าหนด
ี
่
3.2.3 บันทึกข้อมูลทตรวจวัดได้น ามาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน
่
ี
44
ี
3.2 วิธกำรตรวจวัดสภำพอำกำศ
ิ
ี
ิ
่
๊
๊
ี
่
่
3.3 ชนดของแกสทตรวจวัด โดยทัวไปชนดของแกสทจะตรวจวัดขึ้นอยูกับพื้นทอับ
ี
่
่
่
ิ
ี
่
อากาศทปฏบัติงานนั้นๆ ซึงแต่ละแห่งจะแตกต่างกันออกไปแต่แกสทตรวจสอบ
๊
่
ี
อย่างน้อย 4 ชนด ดังนี้
ิ
3.3.1 แกสออกซิเจน (O2) หน่วยเปนเปอร์เซ็นต์ ปริมาตร/ปริมาตร
๊
็
๊
็
3.3.2 แกสไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) หน่วยเปน ppm.
็
๊
3.3.3 แกสคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) หน่วยเปน ppm.
๊
็
3.3.4 แกสติดไฟได้ (Combustible gas) หน่วยเปน % LEL
45
4. ค่ำมำตรฐำน
่
ิ
4.1 ข้อก าหนดของประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกจสัมพันธ์ เรืองความ
ี
่
ี
่
ี
ปลอดภัยในการท างานในพื้นทอับอากาศ ก าหนดมาตรฐานทเกยวข้อง
่
ดังต่อไปน้
ี
่
4.1.1 ออกซิเจนไม่ต ากว่า 18 % (V/V)
4.1.2 ไฮโดรเจนซัลไฟด์ 50 ppm. ในเวลา 10 นาท
ี
ิ
่
๊
4.1.3 แกสทติดไฟได้ต้องมีความเข้มข้นได้ไม่เกน 20% ของค่า LEL ของแต่ละ
ี
ชนด
ิ
่
4.2 มาตรฐานอืนๆ
46
5. ในกำรวิเครำะห์ผลกำรตรวจวดจำกขอมูลขำงต้น สำมำรถวิเครำะห์ได้ดังน้ ี
ั
้
้
ี
๊
่
ี
็
สมมติให้ค่าแกสต่าง ๆ ทวัดได้เปนดังน้
่
- ออกซิเจน ต าสุด 20.6 % (V/V) สูงสุด 20.9 % (V/V)
่
- คาร์บอนมอนนอกไซด์ ต าสุด 0 ppm. สูงสุด 6 ppm.
่
่
ี
๊
- แกสทติดไฟได้ ต าสุด 0 % LEL สูงสุด 0 % LEL
่
- ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ต าสุด 0 ppm. สูงสุด 0 % LEL
47
5. ในกำรวิเครำะห์ผลกำรตรวจวดจำกขอมูลขำงต้น สำมำรถวิเครำะห์ได้ดังน้ ี
้
ั
้
5.1 ออกซิเจน 20.6-20.9 % (V/V)
่
อยูในเกณฑ์มาตรฐาน (19.5-23.5 %) (V/V)
48
5. ในกำรวิเครำะห์ผลกำรตรวจวดจำกขอมูลขำงต้น สำมำรถวิเครำะห์ได้ดังน้ ี
้
้
ั
5.2 คาร์บอนมอนนอกไซด์ สูงสุด 6 ppm.
่
ี
่
ิ
- ก าหนดให้ผู้ปฏบัติงานอยูในบริเวณน้ 4 ชัวโมง
่
่
- ท างานอยูในบริเวณอืน 3 ชัวโมง พัก 1 ชัวโมง
่
่
ดังนั้น
TWA = [(6 x 4)+(3 x 0)+(1 x 0)]/(4 + 3 + 1)
TWA = 3 ppm.
ิ
แสดงว่าผู้ปฏบัติงานได้รับแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ไม่เกนค่ามาตรฐาน
ิ
๊
OSHA = 35 ppm.
ACGIH = 10 ppm.
NIOSH = 35 ppm.
49
50