The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by itchemrta, 2022-06-29 23:33:28

64-2

64-2

ISSN 0858-8333 ปท ่ี ๔๑ เลม ท่ี ๒ เดือนกรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔
เพื่อชาติ ศาสน กษตั รยิ  และประชาชน
For Country, Religions, Monarchy and People

'/<3=!@ .4 9QC 6 D1 *1!/A 6-,* 4/A4@/@
I þ> /-3@#.>4>6!/#ā 7>/& !>V J7%ý I þ> /-3#@ .>4>6!/ā#7>/&
3=% I C9% 'õI @ _ $=%3> - [^Y^

>/4 B 5> !V>J7% ý

O K/ I/A.%K.$@%&/E < O (&•/þ9.•-•*%= •[^
O K/ I/.A %I!/.A -#7>/ /%ýD #AQ [Z O '/< >V //•6$•#&•6&6•
O K/ I/A.%%>./þ9.*/< 1D 9-I 1>þ /%Dý #A Q \[ O 7%•6 •#&•
O (9• 9 6 •#&•
>/4B 5>#> #7>/ O (9• 9 34•#&•
O /9 •34•#&•
O =%R %>./þ9. I71>ý #7>/-þ> /ýD%#A Q Z–\Z O •34•#&•
O %=R %>.*=% I71ý>#7>/-þ> /D%ý # QA \]
O 71= 6!E /71 = '/< >V //•6$•#&• D #AQ `[
O 71= 6E!/ >/ = >%6ý V>1= &V>/ D /ýD%# AQ ]Y
O 71 = 6E!/%>.#7>/'1= &s= A /< =&&/7@ >/ /%Dý #Q A `
O 71 = 6E!/71 = '/< >V 3#&• D # QA ^[

กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก

Royal Thai Army Chemical Department
● Weapon of Mass Destruction ●

แนวคดิ การปฏบิ ัตงิ าน

>>มคี วามรู้<<

● รอู้ ะไร รู้ใหล้ กึ ร้ใู หจ้ รงิ
● ศึกษา หลักสูตรระยะสัน้
● อบรม unit school

>>ปรบั ปรุงและพฒั นา<<

● คิดวเิ คราะห์ตลอดเวลา
● สร้างสง่ิ อ�ำนวยความสะดวก
ในการท�ำงาน
● ไมร่ อแต่เซน็ แฟม้
ไมร่ อแตค่ ำ� สั่ง

>>สรา้ งคณุ คา่
ทหารวทิ ยาศาสตร<์ <

● ทำ� ให้ทหารทกุ คน
คอื ทหารวทิ ยาศาสตร์

บทบรรณาธกิ าร

สวัสดีครับท่านสมาชิกและผู้อ่านทุกท่าน กลางปีที่ผ่านมาสถานการณ์
โควิด-๑๙ สถิติการติดเชื้อและการเสียชีวิตภายในประเทศมีการปรับตัวลดลง
นับเป็นสัญญาณที่ดีว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการระบาดได้ดีข้ึน จากนโยบาย
การเร่งฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง รวมถึงมาตรการควบคุมตามพื้นที่ต่างๆ แต่ถึงกระน้ัน
ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเท่ียว ท�ำให้หลังจากนี้
เราต้องมาประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมกับการระบาด
ท่อี าจกลับมา
ส�ำหรับบทความในครึ่งปีหลังนี้ บทความแรกเป็นของ พลเอก หม่อมเจ้า
เฉลิมศึก ยุคล เรื่อง “สิ่งท่ีทหารไทยท�ำในสถานการณ์ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัส
โคโรนา - ๒๐๑๙” เปน็ บทความทกี่ ลา่ วถงึ ความสำ� คญั ของทหารไทยในการชว่ ยเหลอื
ประชาชนในสถานการณ์ช่วงโควิด-๑๙ ซ่ึงทหารทุกเหล่าทัพได้ระดมสรรพก�ำลัง
และยทุ โธปกรณอ์ อกมาสนับสนนุ รฐั บาลในการชว่ ยเหลอื ประชาชน บทความ “ชุดปฏิบตั ิการวิทยาศาสตร์ สนับสนนุ การ
กู้ภัยสารเคมี เหตุการณ์เพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีระเบิด” โดยเม่ือวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ได้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้
บรษิ ัท หมงิ ตี้ เคมคี อล จำ� กัด จากเหตเุ พลงิ ไหมท้ �ำใหส้ ารเคมีเผาไหมเ้ ปน็ ไอพิษออกมา โดยกรมวิทยาศาสตรท์ หารบก ได้เข้า
พื้นท่ีพร้อมชุดน�้ำยาโฟมดับเพลิง รวมถึงเคร่ืองตรวจวัดระดับไอสารเคมี เข้าช่วยเหลือและประเมินสถานการณ์
อันตรายจากควนั พษิ ในการแจ้งเตือนประชาชนโดยรอบพืน้ ที่ บทความ “การผลิตพลสุ ัญญาณปืนปากกา” เป็นบทความ
ที่แสดงถึงข้ันตอนการผลิตพลุสัญญาณปืนปากกา เพื่อใช้ในการฝึก ศึกษาให้หน่วยต่างๆ ในกองทัพบก บทความ
“ข้อควรรู้เกยี่ วกับ Rapid Antigen Test ชุดตรวจโควิดดว้ ยตนเอง” ในปัจจบุ ันชดุ ตรวจ Rapid Antigen Test หาซือ้
ได้ง่าย เม่ือเราทราบผลตรวจเร็ว จะท�ำให้ลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-๑๙ โดยบทความน้ีจะอธิบายถึงชุดตรวจ
และวิธีการใช้งานของ Rapid Antigen Test ด้วยตนเอง บทความ “อาการหลังโควิด” เป็นบทความที่กล่าวถึง
อาการต่างๆ ที่อาจเกิดข้ึนหลังจากติดโควิด-๑๙ ซึ่งจากรายงานพบว่าอาการจะเร่ิมหลังจากติดเช้ือต้ังแต่ ๕ สัปดาห์
หรือบางรายอาจพบอาการหลังติดเช้อื นานถงึ ๙ เดอื น
สุดทา้ ยน้ี ในปัจจบุ ันแม้การฉดี วคั ซีนจะครอบคลุมมากขนึ้ รวมถงึ ได้มีการเรมิ่ ฉดี กระต้นุ เขม็ ๓ แล้ว ก็ยงั ไมส่ ามารถ
ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นแม้จะได้รับวัคซีนโควิด-๑๙ แล้ว ขอให้ทุกท่านยังปฏิบัติตัวอย่าง ระมัดระวัง
เช่นเดิม เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจ�ำ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเช้ือให้มากที่สุดอย่างไรก็ตาม
การท่ีจะท�ำให้ประเทศมีผลการติดเช้ือเป็นศูนย์นั้น แม้จะเป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก ดังน้ันจึงควรคิดว่าเราจะสามารถอยู่กับ
โควิด-๑๙ ได้อย่างไรเป็นคำ� ตอบท่ีดีทีส่ ดุ ครบั

สารอวยพรปีใหมพ่ ทุ ธศักราช ๒๕๖๕

พลตรี สมภพ ศรีศิริ
เจา้ กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก

เน่ืองในศุภวารดิถีข้ึนปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ผมขอส่งความสุข ความปรารถนาดีอีกท้ังความระลึกถึง
มายังสมาชิกและผู้รับวารสารวิทยาศาสตร์ทหารบกทุกท่าน ในรอบปีท่ีผ่านมาก�ำลังพลกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกทุกท่าน
ไดป้ ฏิบัติงานดว้ ยความต้งั ใจ รว่ มมือ รว่ มใจกัน สง่ ผลให้การปฏิบัติงานบรรลุผลเป็นไปตามวัตถุประสงค์

ปี ๒๕๖๔ ที่ผ่านมานี้ สถานการณ์โลกและสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทย ยังคงเผชิญกับปัญหาไม่ว่า
จะโรคระบาดโควิด-๑๙ การเมืองและภัยธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม ความม่ันคงของชาติ ซ่ึงเราทุกคน
ควรตระหนักถึงปัญหา โดยจะต้องร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ค�ำนึงถึงผลประโยชน์ของ
ส่วนรวมและของชาติมากกว่าประโยชน์ของตนเอง โดยยึดมั่นในศีลธรรมและแนวทางของความถูกต้องดีงาม
มคี วามสมัครสมานสามคั คเี ป็นน�ำ้ หน่งึ ใจเดยี ว ซึ่งอันจะส่งผลให้บรรลไุ ปยังเปา้ หมายให้ประสบความสำ� เร็จ
ส�ำหรับปี ๒๕๖๕ นี้ ผมขอเป็นก�ำลังใจให้ทุกคน จงอดทนมุ่งม่ัน ต้ังใจ เสียสละ ส�ำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบ
ในส่วนของตัวเองและท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศชาติ ช่วยกันปฏิบัติหน้าท่ีอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้เห็นผล
ที่เป็นรูปธรรมและหวังเป็นอย่างย่ิงว่า กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้น
ผา่ นปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปไดด้ ้วยดี อีกทงั้ สร้างความมน่ั คงและความเจริญก้าวหน้าท้งั ของกองทัพและประเทศชาติสบื ไป
ณ โอกาสนี้ ผมขอขอบคณุ ทุกท่านทใี่ หก้ ารสนับสนนุ การปฏิบัติงานของกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกด้วยดมี าโดยตลอด

ในวาระอันเป็นศุภมงคลนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอ�ำนาจสิ่งศักด์ิสิทธิ์ท้ังหลายที่ทุกท่าน
เคารพนับถือ อีกทั้งเดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลแห่ง องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดดลบันดาลพระราชทานพร
ให้สมาชิกและผู้อ่านวารสารวิทยาศาสตร์ทหารบกทุกท่าน พร้อมทั้งครอบครัว จงประสบแต่ความสุขด้วยจตุรพิธพรชัย
สมบรู ณพ์ รอ้ มด้วยกำ� ลงั กาย ก�ำลงั ใจและกำ� ลงั สติปัญญา สมั ฤทธผิ์ ลในส่งิ อันพงึ ปรารถนาทกุ ประการ

พลตรี (สมภพ ศรศี ริ )ิ

เจา้ กรมวทิ ยาศาสตรท์ หารบก

ปีท่ี ๔๑ เลม่ ท่ี ๒ เดอื นกรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔

ท่ีปรึกษากิตติมศักดิ์ ผอู้ ำ�นวยการ ศรีศิริ
พล.อ. หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล
พล.ท. ประจวบ วงศ์อาจ พล.ต สมภพ

พล.ท. สรวุฒิ กล่อมศิริ รองผู้อำ�นวยการ
พล.ท. ชูศักดิ์ ศรีเพ็ญ
พล.ท. ปรีชา เทวพิทักษ์ พ.อ. เรืองศักดิ์ แก่นก�ำจร
พล.ต. ปิยะ หิรัญรัศมี พ.อ. เศรษฐ์สรรค์ ศิริโสภณ
พล.ท. จิรเดช คล้ายใยทอง พ.อ.นันทวุฒิ บุญยะสิทธิ์

พล.ท. นพดล เครือเช้า ผู้ชว่ ยผู้อำ�นวยการ
พล.ท. เจด็จ ใจมั่น
พล.อ. วีรชัย อินทุโศภน พ.อ. สุรฤทธ์ิ ชมภูจันทร์
พ.อ. ปวีณ พึ่งพินิจ
พล.อ. วิโรจน์ ศิลาอาศน์
พล.ท. พรประสิทธิ์ กล่�ำสมบัติ
พล.ท. เกษมศิริ มีความดี เลขานกุ าร
วงศ์หาริมาตย์
พ.อ. อัครฉันท์

ที่ปรึกษา ภักดีอุทธรณ์ บรรณาธกิ าร เศรษฐบุตร
มรรคยาธร
พ.อ. กฤษฎา พุ่มศรีนิล พ.อ. พรชัย
พ.อ.หญิง เมทินี ตรีนิตย์
พ.อ. อโณทัย ประจำ�กองบรรณาธกิ าร
พ.อ. อ�ำนาจ พ.อ.หญิง จุรีพร อัมราลิขิต

คณะผู้จัดท�ำ พ.อ.หญิง ศุจิรัตน์ ปุยะกุล
พ.อ.หญิง อุมาภรณ์ เพ่งผล
พ.ท. ไกรวุฒิ แก้วรักษา ร.อ.หญิง ลัดดาวัลย์ อรุณเลิศ
ร.อ.หญิง อัญภัทร ศรีวิเศษ ร.ท.หญิง กาญจนา เชยชื่นกล่ิน

ร.ท. รังสรรค์ ฐิตธรรมโม
ร.ท.หญิง ณุพร โกไศยกานนท์
ร.ต. ภัทรพล อ่ิมสมบัติ

ฝ่ายจัดหารายได้
พ.อ. วิชานนท์ ระกาศ

นายทะเบียน ทรัพย์สกุล

พ.ท.หญิง จุฑาณัฐ

ท่ีปรึกษาทางกฎหมาย ปรัชญานนท์
พ.ต. ถิระ

เหรญั ญิก เงินอยู่

พ.ท. ศักด์ิชัย

ปที ี่ ๔๑ เลม่ ที่ ๒ เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔

๘ ๑๔ ๑๙ ๒๔

๒๘ ๓๓ ๓๗ ๓๙

๔๒ ๔๕

สิง่ ทท่ี หารไทยทำ� ในสถานการณร์ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา-๒๐๑๙ ๘
ชดุ ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ สนบั สนุนการกู้ภัยสารเคมี เหตกุ ารณเ์ พลิงไหม้ถังเก็บสารเคมรี ะเบิด ๑๔
สารเคมี (Chemical Substance) ๑๙
การผลติ พลสุ ญั ญาณปืนปากกา ๒๔
ข้อควรรู้เก่ยี วกับ Rapid Antigen Test ชดุ ตรวจโควดิ ดว้ ยตนเอง ๒๘
วิทยาศาสตร์ของกาแฟ (Science of Coffee) ๓๓
นวตั กรรมใหม่ : พลาสติกทางชีวภาพยอ่ ยสลายไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ ๓๗
มาทำ� ความร้จู ักกบั ....ภูมคิ มุ้ กันหม่กู นั เถอะ ๓๙
อาการหลังโควิด (Post-COVID) ๔๒
ทำ� ไมยิ่งท�ำยิ่งเหนอื่ ย ปัญหาของการทำ� งานท่ีบา้ น Work From Home ๔๕
ศัพท์ภาษาองั กฤษทางทหาร ๔๙

ขอ้ คิดเห็นและบทความที่นำ� ลงในวารสารวิทยาศาสตรท์ หารบกเป็นของผเู้ ขยี น มใิ ช่ข้อคดิ เห็นหรือนโยบายของหนว่ ยงานรฐั และมไิ ด้ผกู พนั ต่อทางราชการแต่อย่างใด
กรมวิทยาศาสตรท์ หารบก ถนนพหลโยธิน เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๕๗๙ ๑๕๕๔, ๐ ๒๕๗๙ ๑๕๖๑ http://chemical.rta.mi.th/index_main.html
พิมพ์ที่ : บรษิ ัท ไทภมู ิ พบั ลชิ ชิ่ง จ�ำกัด เลขที่ ๒๔/๖-๗ หมู่ ๗ ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ๑๑๑๒๐ โทร. ๐๒-๙๒๖-๑๒๖๑-๒ สายด่วน ๐๘๑-๘๑๗-๐๙๐๑
แฟ็กซ.์ ๐๒-๙๒๖-๑๒๖๓ E- mail : [email protected] www.thaiphumpublishing.com

พลตรีสมภพ ศรศี ริ ิ

เจา้ กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก

ขอบเขตและภารกิจของหน่วยท่านมอี ะไรบ้าง

กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก มีขอบเขต และภารกิจในด้านการฝึกศึกษา และการป้องกันเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์
(คชรน.) ใหแ้ ก่หนว่ ยตา่ งๆ ในกองทพั บก การจดั ทาํ หลักนยิ มตาํ ราการต่อตา้ นการก่อการรา้ ยทาง คชรน. และการบรรเทาอบุ ัติภัย
ทางเคมี กจิ การวทิ ยาศาสตร์ของกองทัพบก และทาํ หนา้ ทีก่ รมฝ่ายยุทธบรกิ ารในการสง่ ก�ำลงั บาํ รงุ สิ่งอปุ กรณส์ ายวทิ ยาศาสตร์

ในฐานะทีท่ ่านกา้ วเข้ามารบั ตำ� แหน่ง ทา่ นมีแนวทางการพฒั นาหน่วยงานของทา่ นอย่างไร

ผมได้ก�ำหนดงานที่มีความส�ำคัญและความเร่งด่วนในการด�ำเนินงานตามแนวนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก
ไว้ ๒๒ งานสำ� คญั อาทิ เช่น
- การบริหารจัดการในสถานการณ์โควิด-๑๙ ในพ้ืนท่ีกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก อย่างเป็นระบบ เพื่อน�ำไปสู่
“พน้ื ทีก่ รมวทิ ยาศาสตร์ทหารบก ปลอดภยั ปราศจากโควดิ -๑๙”
- การปรบั ปรงุ อาคารเก่าของกองโรงงานเดมิ นำ� มาใช้ประโยชนใ์ หม่
- เรง่ รดั การด�ำเนินการต่อ ส่ิงอุปกรณเ์ กา่ ลา้ สมัย หมดความจ�ำเป็นใชง้ าน รวมท้งั การปฏิบตั ติ ่อสิ่งอปุ กรณ์จำ� หนา่ ย ดว้ ยวธิ ี
การแลกเปลยี่ น ใหเ้ กิดประโยชน์ ต่อกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก
- การเสริมสร้างขีดความสามารถของตอนปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ กองบัญชาการช่วยรบ นายทหารเคมีกองพล,
ผชู้ ่วยนายทหารเคมกี องพล, นายสิบท�ำลายล้างพษิ ทงั้ ในดา้ นองค์ความรขู้ องกำ� ลงั พล มเี ครือ่ งมอื ท่ีทันสมยั สามารถปฏบิ ตั ิภารกิจ
ของทหารวทิ ยาศาสตร์ไดต้ ามมาตรฐาน เพอ่ื ผลกั ดันใหเ้ กิดเหลา่ ทหารวทิ ยาศาสตรข์ นึ้ ในอนาคต
- ปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยของ กองร้อยวิทยาศาสตร์ที่ ๑ เพ่ือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รองรับภัย
คกุ คามรูปแบบต่างๆ ได้
- ปรบั ปรุงการทดสอบมาตรฐานความชำ� นาญทาง คชรน. สำ� หรบั ทหารเป็นบุคคล และเป็นหนว่ ย
- ปรบั ปรงุ เครอื่ งกระจายสารใหม้ รี ะยะยงิ เพมิ่ มากขน้ึ รวมทงั้ การนำ� ซากเครอื่ งฉดี ไฟ, ซากเครอ่ื งกระจายสารทอี่ นมุ ตั จิ ำ� หนา่ ย
แล้วมาปรับปรุง และน�ำกลับมาใชใ้ นภารกจิ ของกองทัพบก

- ฟืน้ ฟู และพฒั นาขีดความสามารถในการผลติ ทางดา้ นไพโรเทคนคิ
- พิจารณาจดั ทำ� สมุดประวตั ิยุทธภณั ฑ์สายวิทยาศาสตร์ เพื่อใหม้ ปี รนนิบตั ิบำ� รุง และซอ่ มบ�ำรุงได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
- ด�ำเนินการตรวจสอบสถานภาพ ส่ิงอุปกรณ์สายวิทยาศาสตร์ ในระบบสารสนเทศ สายงานส่งก�ำลังบ�ำรุง LOGSMIS
โดยการสำ� รวจสอบทานสถานภาพกับหนว่ ยใชแ้ ละปรับปรงุ ใหถ้ ูกต้อง
- ดำ� รงรักษาขดี ความสามารถในการด�ำเนนิ งานของศูนยเ์ พาะเลย้ี งเนือ้ เยื่อพืช
- เสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยผลิตน้�ำประปาทั่วประเทศ ให้สามารถใช้สารเคมีผลิตน้�ำประปา ได้อย่างถูกต้อง
ตามคณุ ภาพน�้ำดิบ
- ด�ำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้�ำยาโฟมดับเพลิงของหน่วยต่าง ๆ ท่ัวประเทศ โดยเฉพาะรายการที่มีอายุการเก็บรักษา
มากกวา่ ๑๐ ปี
- พัฒนาห้องตรวจทดลองให้มีขีดความสามารถในการตรวจสารเคมีทางทหาร และเป็นศูนย์กลางห้องตรวจทดลองของ
เหล่าทพั

ในปีนหี้ น่วยของท่านมีแผนการบรหิ ารจดั การกาํ ลังพลและส่งิ อปุ กรณ์อยา่ งไร
เพื่อให้สามารถรองรบั ภารกิจของกองทัพบกทจี่ ะเกิดขนึ้ ได้อยา่ งเต็มประสทิ ธภิ าพ

การบรหิ ารจัดการกําลงั พล นอกจากมอบแนวคิดในการปฏิบัตงิ าน “มคี วามรู้ ปรับปรงุ และพัฒนา” แลว้ ในระดบั แผนก
จะมีการวางตัวบคุ คล ทั้งระดับนายทหาร นายสิบ และพนกั งานราชการ เพอ่ื ให้เป็นผ้เู ชยี่ วชาญในตําแหน่งนั้น ๆ ให้สามารถทาํ งาน
ทดแทนเมื่อมีการปรับย้ายหมุนเวียนหรือเกษียณอายุราชการได้ทันที สําหรับสิ่งอุปกรณ์สายวิทยาศาสตร์ ได้เร่ิมสายงานผลิตพลุ
สัญญาณปืนปากกาเป็นคร้ังแรกในรอบ ๓๐ ปี หลงั จากทโี่ รงงานประสบอบุ ตั ิเหตุ โดยมีบุคลากรเก่าทเี่ กษยี ณอายแุ ล้ว มาถา่ ยทอด
ความร้ใู ห้ และมแี ผนท่จี ะนาํ ซากเครอ่ื งกระจายสาร และซากเครอ่ื งฉีดไฟมาปรับปรงุ และนาํ กลับมาใชใ้ หม่ รวมทง้ั การผลิตชนิ้ ส่วน
ซ่อมเคร่ืองฉดี ไฟทดแทนการนําเขา้ จากต่างประเทศ

วิสัยทศั น์ในการทาํ งานของท่านเป็นอยา่ งไร

ในการปฏบิ ตั งิ านของกรมวทิ ยาศาสตร์ทหารบก น้ัน กาํ ลังพลทุกนายต้องยึดถือแนวคิดในการปฏิบตั ิงาน ดังน้ี
“มีความรู้ ปรบั ปรงุ และพฒั นา สรา้ งคุณค่าทหารวิทยาศาสตร”์
มีความรู้ รู้อะไร รู้ให้ลึก รู้ใหจ้ รงิ ศึกษาหลักสตู รระยะสนั้ อบรม UNIT SCHOOL
ปรับปรุงและพัฒนา คิดวเิ คราะห์ตลอดเวลา สรา้ งสิ่งอ�ำนวยความสะดวกในการท�ำงาน ไมร่ อแต่เซ็นต์แฟม้ ไมร่ อแต่คำ� ส่งั
สร้างคณุ ค่าทหารวิทยาศาสตร์ ทำ� ให้ทหารทกุ คน คอื ทหารวิทยาศาสตร์

ตลอดการรับราชการทผ่ี ่านมาทา่ นมีใครเปน็ แบบอยา่ งในการดาํ เนนิ ชวี ิต

แบบอยา่ งในการดาํ เนนิ ชีวิตของผม คอื คณุ พอ่ และคุณแมข่ องผมเอง คุณพ่อท่านรับราชการทหารบกเป็นอาจารยโ์ รงเรยี น
นายรอ้ ยพระจุลจอมเกลา้ ผมจึงเห็นเครอ่ื งแบบทหารมาต้งั แตเ่ ล็ก และเจรญิ รอยตามทา่ น สว่ นคณุ แม่เปน็ อาจารย์ โรงเรยี นเอกชน
ทา่ นทงั้ สองสอนผมใหต้ ง้ั ใจทาํ งาน ต้ังใจทาํ ความดี อย่าเบียดเบียนผูอ้ ื่น และผมยดึ ม่นั ตลอดมา

ขอทราบทศั นคตขิ องทา่ นเกีย่ วกับภารกจิ ของกองทพั บก
ที่มตี อ่ ประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตรยิ ์

กองทัพบกมีภารกิจในการรักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน ์
แห่งชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหน้าท่ีในการพัฒนาประเทศ
ซ่ึงภารกิจดงั กล่าว กาํ ลังพลทกุ นาย ควรต้องตระหนกั ถงึ อดุ มการณ์ทางทหารทีก่ องทพั บกยึดมั่นมาตลอด คือ “ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
และประชาชน” กองทัพบกเป็นสถาบันหลักด้านความม่ันคงมีหน้าที่ต้องปกป้องและดํารงความเป็นเอกราชของชาติไทย รวมถึง
ตอ้ งยดึ มน่ั และจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ทเ่ี ปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจของประชาชนคนไทยทงั้ ชาติ ดงั นน้ั ภารกจิ ของกองทพั บก
ท่ีมีต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นหน้าท่ีของกําลังพลกองทัพบกทุกนาย ที่ต้องเสียสละในการปกป้อง
ประเทศชาตแิ ละแสดงออกถงึ ความจงรกั ภกั ดีต่อสถาบันพระมหากษตั ริย์
กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก พร้อมสนับสนุนในการปฏิบัติหน้าท่ีให้เป็นไปตามท่ีกองทัพบกมอบหมาย อย่างเต็มกําลัง
และเต็มขีดความสามารถของหน่วย

สิ่งที่ทหารไทยท�ำในสถานการณร์ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา-๒๐๑๙

พลเอก หม่อมเจ้าเฉลมิ ศกึ ยคุ ล
[email protected]

การทรี่ าชอาณาจกั รไทยไดร้ บั การยกยอ่ งจากหนว่ ยงานตา่ งประเทศวา่ เปน็ ประเทศทมี่ คี วามมนั่ คงทางสาธารณสขุ
(Health Security) เปน็ อันดับต้นของโลก ไมใ่ ช่เกียรติประวัตทิ ี่ได้มาโดยบังเอญิ หรือไปซือ้ ต�ำแหนง่ มา ต�ำแหน่งเปน็ เพียง
นามธรรมไม่มีผลใด ๆ ต่อการปฏิบัติและผลส�ำเร็จท่ีได้รับ รูปธรรมที่เป็นผลส�ำเร็จเชิงประจักษ์ต่างหากเป็นส่ิงส�ำคัญกว่า
สามารถชี้วดั ไดด้ ว้ ยคุณภาพของสุขภาพของคนในชาติ อันเปน็ ผลจากการป้องกัน ควบคมุ และรกั ษาโรคภยั ไข้เจ็บได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ (efficiently) และมีประสิทธิผล (effectively) การเข้าถึงการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ีมี
คุณภาพส�ำหรับคนระดับรากหญ้า จ�ำเป็นต้องมีความง่ายของการเข้าถึงและการกระจายการบริการอย่างทั่วถึงเป็นปัจจัย
หลกั ทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ จะตอ้ งจดั การใหส้ ำ� เรจ็ เพราะเปน็ สง่ิ ทแี่ สดงวา่ การแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ชนั้ เลศิ ไมไ่ ดก้ ระจกุ ตวั
อยเู่ ฉพาะในเขตเมอื งใหญ่ และมเี พยี งผทู้ มี่ ฐี านะดซี งึ่ เปน็ คนชน้ั ยอดหญา้ เทา่ นน้ั จะสามารถเขา้ ถงึ ได้ แตค่ วามสำ� เรจ็ ดา้ นการ
บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขไปจนถึงการอนามัยก็ไม่ได้เป็นฝีมือล้วน ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงาน
ด้านสาธารณสุขพลเรือนอืน่ (Civilian Health Sector) เพราะเหรยี ญต้องมอี กี ดา้ นหน่ึง คอื การสนับสนุนที่ไดร้ ับจากหนว่ ย
งานด้านความมนั่ คง (Security Sector) ในภาวะฉุกเฉนิ ทางสาธารณสขุ
สำ� หรับประเทศไทย ทหารเปน็ หน่วยงานหลักของหน่วยงานด้านความมั่นคง (military element of the security
sector) ถ้ามีสถานการณ์ท่ีถ้าปล่อยท้ิงไว้แล้วชาติและคนในชาติจะย่อยยับอับจน ทหารจะไม่ลังเลที่จะออกมาท�ำหน้าที่
ชว่ ยเหลอื คำ้� จนุ ใหช้ าตมิ น่ั คงอยรู่ อดปลอดภยั เพราะ “ทหารเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของประชาชนในทกุ โอกาส” และ “ทหารคอื ดา่ นหนา้
ของความม่ันคงของชาติ”การระบาดของโรคโควิด-๑๙ (โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา-๒๐๑๙) เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ชนิด
หนง่ึ ทเ่ี กดิ จากโรคติดตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ (newly emerged disease) ซง่ึ มีผลกระทบรนุ แรงตอ่ ชีวิตและความเปน็ อยขู่ องคนท้งั
ชาติตลอดจนเศรษฐกิจ ทหารทกุ เหลา่ ทัพจึงระดมสรรพกำ� ลังพลและยทุ โธปกรณอ์ อกมาสนับสนุนรัฐบาลในการจดั การกบั
ภยั คกุ คามนี้โดยไมย่ อ่ ทอ้ ในทกุ รปู แบบของการปฏบิ ตั ิ ทัง้ กลางวนั และกลางคืน ทุกวนั ตลอดวัน ไมม่ วี ันหยดุ เพอื่ ช่วยเหลือ
แบ่งเบาภาระหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ปราการด่านหน้า ที่ได้ทำ� ติดต่อกันมายาวนานจนสายตัว
แทบขาด เริม่ ต้ังแต่สนิ้ ปี ๒๕๑๙ เมอื่ ตรวจพสิ จู น์ทราบโดยการถอดรหสั พนั ธุกรรมเช้ือไวรสั ก่อโรค ว่าเป็นไวรสั โคโรนาสาย
พนั ธใุ์ หม่ และประกาศไดเ้ ป็นรายแรกของโลก (จนี พสิ จู น์ทราบได้กอ่ นไทยแต่ยังไมไ่ ด้ประกาศออกมา)
8 วารสารวิทยาศาสตรท์ หารบก

ต่อไปน้ีเปน็ การสรุปงานท่ที หารไดท้ ำ� ไปเพือ่ สนับสนุนหน่วยราชการพลเรอื น โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสขุ และ
ช่วยเหลือประชาชน ในภาวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสุข (health emergency) อนั เนอื่ งมาจากการระบาดใหญ่ (pandemic)
ของโรคโควิด-๑๙ ท่ีลกุ ลามมาถงึ ประเทศไทย ต้ังแต่ปี ๒๕๒๐ ถงึ ปัจจบุ ัน (ตลุ าคม ๒๕๒๑)
กองทัพไทยเป็นหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม* (กห.) กองทัพไทยประกอบด้วยกองบัญชาการกองทัพไทย
(บก.ทท.) กบั อกี ๓ เหลา่ ทพั คอื กองทัพบก (ทบ.) กองทัพเรือ (ทร.) และกองทัพอากาศ (ทอ.) ทั้งหมดน้ีเป็นฝ่ายทหารของ
หน่วยงานดา้ นความม่ันคง ซึ่งใหก้ ารสนบั สนุนหน่วยงานพลเรือน โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) ในการบรรเทาสาธารณภัยและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ภายใต้แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
การสนับสนุนเป็นไปตามท่ีระบุไว้ในภารกิจของหน่วยและข้อผูกพันต่าง ๆ ที่ได้จัดท�ำไว้ล่วงหน้า อาทิ บันทึกความเข้าใจ
(MoU) แผนเผชิญเหตุ และระเบียบปฏิบัติประจ�ำ (รปจ.) ส่วนต�ำรวจ ซ่ึงเป็นอีกฝ่ายหนึ่งของหน่วยงานด้านความม่ันคง
มีบทบาทให้การสนับสนุนน้อยกว่าทหารในสถานการณ์เช่นว่า เพราะมีก�ำลังพลน้อยกว่าและไม่มียุทโธปกรณ์ที่เหมาะสม
แก่งาน จึงเนน้ การทำ� งานดา้ นการบังคับใชก้ ฎหมายเป็นหลัก
เพอื่ ใหก้ ารดำ� เนนิ งานเปน็ ไปอยา่ งราบรนื่ ตง้ั แตข่ น้ั รบั การรอ้ งขอจนไปจนถงึ ขนั้ การสง่ กำ� ลงั พลและยทุ โธปกรณอ์ อก
ไปช่วยเหลอื ฝา่ ยทหารจึงจัดตง้ั ศูนยบ์ รรเทาสาธารณภยั (ศบภ.) ในแทบทุกระดบั หน่วย ไล่เรยี งตั้งแต่ กห.ลงมาถงึ ๓ เหล่า
ทัพ และยังจดั ตงั้ ในหน่วยรองหลักของแตล่ ะเหล่าทัพ ใหค้ รอบคลุมพ้นื ทรี่ บั ผดิ ชอบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ลดห้วงการ
บังคับบัญชาส่ังการ (C2) ประสานงานและการปฏิบัติได้โดยตรงกับหน่วยงานฝ่ายพลเรือนในท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเริ่ม
ด�ำเนินการช่วยเหลือได้ในเวลาสั้นท่ีสุด ทั้งน้ี อาจเป็นการปฏิบัติของหน่วยโดยล�ำพังหรือบูรณาการเข้ากับแผนการปฏิบัติ
ขนาดใหญ่ ตามท่หี น่วยเหนอื กว่าส่งั การหรอื ตามทีผ่ บู้ ญั ชาการเหตกุ ารณส์ ั่ง
งานทห่ี นว่ ยทหารทำ� ในสถานการณร์ ะบาดของโรคโควดิ -๑๙ ไมว่ า่ จะทำ� ตามคำ� สง่ั หรอื เปน็ ความรเิ รม่ิ ของหนว่ ยเอง
นอกเหนอื จากประการอ่ืนแลว้ ได้แก่

การรกั ษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน

๑. ลาดตระเวนตามแนวชายแดน
ทางบก ทางนำ�้ และทางอากาศ เพ่ือปอ้ งปราม
สกัดจับผู้ลักลอบเข้าประเทศตามเส้นทาง
ธรรมชาตซิ งึ่ อาจนำ� โรคโควดิ -๑๙ เขา้ มาระบาด

๒. ตง้ั ดา่ นตามเสน้ ทางถนนตรวจวดั อณุ หภมู ริ า่ งกายผขู้ บั ขยี่ านพาหนะและผโู้ ดยสาร อนั เปน็ การตรวจเชงิ รกุ และ
ตรวจจบั ตา่ งดา้ วลกั ลอบเขา้ เมอื งเพอ่ื หางานทำ� ในเมอื งใหญท่ อ่ี ยลู่ กึ จากชายแดน เพอื่ สกดั กนั้ การแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ -
๑๙ ภายในประเทศ

* เขยี นเป็นภาษาอังกฤษว่า Ministry of Defence ไมใ่ ช้ Defense เพราะเปน็ ภาษาอเมริกันซง่ึ ไม่ใชภ่ าษาราชการไทย

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 9

๓. จดั วางเคร่อื งกดี ขวาง เชน่ ลวดหนาม และตดิ ไฟส่องสวา่ ง ตามบรเิ วณแนวชายแดนทเ่ี ปน็ ชอ่ งทางธรรมชาตทิ งั้
ทางบกและฝง่ั แม่น�้ำ เพ่ือปอ้ งกันการลกั ลอบเข้าประเทศและน�ำโรคโควดิ -๑๙ เขา้ มาระบาด

จุดเขา้ เมืองท่สี นามบินนานาชาติ

๔. สนับสนุนเจ้าหน้าที่คัดกรองผู้โดยสารท้ังขาเข้าและขาออก สนับสนุนก�ำลังพลพร้อมอุปกรณ์ฉีดพ่นน้�ำยาฆ่า
เชอื้ โรคสมั ภาระและร่างกายผูโ้ ดยสารขาเขา้ กอ่ นข้ึนรถไปสถานทก่ี ักกนั โรค

สถานทก่ี ักกนั โรคของรฐั และโรงพยาบาลสนามของรฐั

๕. สนับสนุนก�ำลงั พลท้งั สายแพทยแ์ ละสายอื่นช่วยเหลือด�ำเนินการ งานทปี่ ฏิบัตไิ ด้แก่ เป็นเจ้าหน้าทร่ี กั ษาความ
ปลอดภยั ปอ้ งกนั ผตู้ อ้ งกกั กนั หลบหนี เจา้ หนา้ ทศ่ี นู ยโ์ ทรศพั ท์ นำ� อาหารสง่ ผปู้ ว่ ย ลำ� เลยี งสง่ิ ของลงจากรถสง่ ของ ชว่ ยเตรยี ม
ศพผู้เสยี ชีวิตและล�ำเลยี งขน้ึ รถรับศพ ปฏิบัติงานตามที่ได้รบั มอบหมาย ฯลฯ
๖. จดั ตงั้ สถานทกี่ กั กนั โรคใกลจ้ ดุ ผา่ นแดนตามแนวชายแดนทอ่ี ยหู่ า่ งจากเขตเมอื งและสนบั สนนุ เจา้ หนา้ ทดี่ ำ� เนนิ
การ เพ่อื ใช้กักตวั ผูท้ ่ผี ่านเขา้ ประเทศทั้งถูกและผดิ กฎหมาย

งานด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั่วไป

๗. สนับสนุนกำ� ลงั พลทเ่ี ป็นแพทยแ์ ละพยาบาลใหโ้ รงพยาบาลของรฐั ท่ขี าดแคลนบคุ ลากร
๘. สง่ ก�ำลงั พลสายแพทยไ์ ปสนับสนนุ สถานพยาบาล/โรงพยาบาลเรอื นจำ� ท่มี ีผตู้ ้องขงั ติดโรคโควดิ -๑๙ ในจ�ำนวน
เกินขีดความสามารถท่ีกรมราชทณั ฑจ์ ะดูแลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
10 วารสารวทิ ยาศาสตรท์ หารบก

๙. สนับสนุนก�ำลังพลช่วยเหลือการด�ำเนินการของสถานที่ฉีดวัคซีนสาธารณะ อาทิ สนับสนุนก�ำลังพลแพทย์-
พยาบาลช่วยฉีดวัคซีนและดูแลผู้มาเข้ารับการฉีดก่อนและหลังการฉีด รับ-ส่งผู้สูงอายุและผู้ต้องน่ังรถเข็น ตรวจเอกสาร
ช่วยจดั ควิ จดั รถรบั -สง่ ผ้มู าฉีดวคั ซีน ฯลฯ และชว่ ยตรวจหาการติดเช้อื เชงิ รกุ ทง้ั ในและนอกหนว่ ยทหาร
๑๐. จดั ตง้ั “ศนู ยเ์ คลอื่ นยา้ ยผปู้ ว่ ย” จดั รถพยาบาลและรถยนตโ์ ดยสารพรอ้ มพลขบั ฯ เรอื และอากาศยาน สนบั สนนุ
ศนู ยเ์ อราวณั ของกระทรวงสาธารณสุขเคล่ือนยา้ ยผู้ติดเชอื้ โรคโควดิ -๑๙

๑๑. จัดตัง้ และดำ� เนินการโรงพยาบาลสนามและศูนยพ์ ักคอยในเขตทหาร
๑๒. สนับสนุนก�ำลงั พลใหโ้ รงพยาบาลสนามของหนว่ ยงานพลเรอื นนอกเขตทหาร

๑๓. สนบั สนนุ กำ� ลงั พลกอ่ สร้างโรงพยาบาลสนามให้แก่หน่วยงานพลเรอื น 11

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔

๑๔. ทบ.จดั ตง้ั “ศนู ยป์ ระสานงานตา้ นภยั โควดิ ” ใหบ้ รกิ าร ๒๔ ชม.ทกุ วนั เพอื่ เปน็ สอ่ื กลางประสานความชว่ ยเหลอื
ผู้ติดเช้ือโรคโควิด-๑๙ ในทุกกรณี เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ-ผู้หายป่วย เคลื่อนย้ายศพผู้ติดเช้ือโรคโควิด-๑๙ และท�ำการ
ฌาปนกิจให้

๑๕. สนับสนนุ กำ� ลงั พลขับรถตรวจชีวนิรภยั พระราชทานและรถวิเคราะหผ์ ลดว่ นพเิ ศษพระราชทาน
๑๖. สนับสนุนก�ำลังพลช่วยด�ำเนินการสถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitels) รองรับผู้ป่วยสีเขียว (มีอาการ
น้อยหรอื ไม่รุนแรง)

๑๗. จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะในพ้ืนท่ีห่างไกลหรือเข้าถึงยาก และจัดหน่วย
ประชาสมั พันธ์เคล่ือนท่ี ใหค้ วามร้แู ก่ประชาชน รณรงคใ์ หป้ ฏบิ ัติตามมาตรการต่าง ๆ เพ่อื ความปลอดภยั และแจกเอกสาร
แผ่นพับ-โปสเตอร์

๑๘. จดั หนว่ ยบรกิ ารฉดี พน่ นำ้� ยาฆา่ เชอื้ บรกิ ารสถานทส่ี าธารณะทม่ี ผี ใู้ ชบ้ รกิ ารมาก สถานทตี่ รวจพบผตู้ ดิ เชอ้ื อาคาร
สถานทสี่ �ำคญั ฯลฯ

การสนบั สนุนอน่ื ๆ

๑๙. จัดก�ำลังพลร่วมลาดตระเวนและตั้งด่านตรวจ
ในเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เพื่อรักษาความ
ปลอดภัยและควบคุมตัวผูฝ้ า่ ฝนื
12 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

๒๐. จัดล่ามแปลภาษาเพื่อให้เจ้าหน้าท ่ี
หนว่ ยงานอน่ื สอ่ื สารกบั แรงงานตา่ งดา้ วในชมุ ชนทพ่ี กั
และที่ทำ� งานและบรเิ วณแนวชายแดน
๒๑. ระดมกำ� ลังพลและนกั ศกึ ษาวิชาทหารบรจิ าคโลหติ ในภาวะทีธ่ นาคารโลหิตเกดิ การขาดแคลน
๒๒. จัดครัวสนามท�ำอาหารแจกจ่ายประชาชน แจกพืชผักสวนครัวท่ีปลูกในหน่วยทหารให้แก่ประชาชน จัด
ก�ำลังพลขับขี่ยานพาหนะน�ำอาหารไปแจกจ่ายประชาชน (Army/Navy Delivery ดิลิเวอร่ี ไม่ใช่ เดลิเวอรี่ เพราะสะกด
ดว้ ยตวั e ไม่ใช่ตัว a)

๒๓. จัดกำ� ลังพลน�ำยารกั ษาโรคส่งให้แกผ่ ทู้ ่ไี ม่สามารถเดนิ ทางไปรบั ยาท่ตี ้องรับประทานติดตอ่ กันเป็นประจ�ำ และ
เพือ่ ลดความเสย่ี งของผ้ปู ่วยตอ่ การสมั ผสั เชอ้ื โรคนอกบ้าน จัดส่งทอ่ ออกซเิ จนหายใจใหผ้ ้ปู ่วยตดิ เตยี งทบี่ า้ น นอกจากนย้ี ัง
แจกจ่ายหน้ากากปอ้ งกนั น�ำ้ ดืม่ อาหารแหง้ กางเกงซับปสั สาวะสำ� หรับผู้ใหญ่ สิ่งของเครอ่ื งใชอ้ น่ื ที่จ�ำเปน็ แก่ประชาชนท่ี
ขาดแคลน จดั ทำ� ตู้ปันสุข จัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ และสง่ิ ของเคร่อื งใช้ทางอากาศใหแ้ กโ่ รงพยาบาลในตา่ ง
จงั หวัด

๒๔. จัดการฌาปนกิจศพผเู้ สียชวี ติ จากโรคโควดิ -๑๙ โดยไมค่ ดิ ค่าใช้จา่ ย

ผเู้ ขยี น ปจั จบุ นั เปน็ ทปี่ รกึ ษากรมวิทยาศาสตรท์ หารบก และสมาชิกกลมุ่ ทีป่ รึกษาทางวชิ าการด้านการประสานความร่วม
มอื ระหวา่ งหนว่ ยงานดา้ นสาธารณสขุ พลเรอื นกบั หนว่ ยงานดา้ นความมน่ั คง (Health and Security Interface Technical
Advisory Group, HSI-TAG) องคก์ ารอนามัยโลก

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 13

ชุดปฏิบัตกิ ารวทิ ยาศาสตร์ สนบั สนุนการก้ภู ยั สารเคมี
เหตุการณเ์ พลงิ ไหมถ้ งั เกบ็ สารเคมรี ะเบิด

ร.ท.หญิง กาญจนา เชยชืน่ กลิ่น

เหตกุ ารณเ์ พลงิ ไหม้ในบรษิ ทั หมงิ ต้ี เคมิคอล จำ� กัด
ซอยกงิ่ แก้ว ๒๑ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ
เมอ่ื วนั ท่ี ๕ ก.ค. ๒๕๖๔ เวลาประมาณ ๐๓.๓๐ น. โดยบรษิ ทั
ดงั กลา่ วเปน็ โรงงานผลติ เมด็ โฟมและพลาสตกิ จากการตรวจ
สอบเบื้องต้น พบว่า มีการใช้สารเคมี ในกระบวนการผลิต
ได้แก่ สารสไตรีน โมโนเมอร์ (Styrene monomer)
ซ่ึงเป็นตัวท�ำละลายและเป็นสารไวไฟ กลุ่มอะโรมาติก
ไฮโดรคารบ์ อน (Aromatic Hydrocarbons) สาเหตเุ กดิ จาก
ถังเกบ็ สารเคมขี นาดไมน่ อ้ ยกวา่ ๒,๐๐๐ ลิตร เกิดเพลิงไหม้
ระเบดิ ขน้ึ สง่ ผลใหม้ ไี อระเหยของสารสไตรนี โมโนเมอร์ และ
กา๊ ซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) กระจายออกไปโดยรอบรศั มี ประมาณ ๕ กิโลเมตร โดยเฉพาะดา้ นทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื
ของโรงงานซึ่งเป็นด้านท้ายลมในช่วงเช้า (ทิศทางลมมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา) ซึ่งหากหายใจเอาสารเคมี
ดงั กลา่ วเขา้ ไปจะทำ� ใหเ้ กดิ การระคายเคอื งตอ่ ระบบทางเดนิ หายใจและลำ� คอ ปวดศรี ษะมนึ งง ออ่ นเพลยี คลนื่ ไสแ้ ละมนึ เมา
** ถ้าไดร้ บั สารปริมาณสงู อาจท�ำให้เสียชวี ติ ได้

การปฏิบัตขิ องชุดปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตร์ สนบั สนุนการกูภ้ ยั สารเคมี

กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ได้จัดชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ เข้าพ้ืนที่เกิดเหตุและให้การสนับสนุนตรวจวัดระดับ
ไอสารเคมี ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ทงั้ ในพ้ืนทเ่ี กิดเหตุ และในระยะ ๐.๕-๕ กิโลเมตร โดยรอบพืน้ ท่ีเกิดเหตุ ในหว้ งวันที่
๕-๑๒ ก.ค. ๒๕๖๔ เวลา ๘.๓๐-๑๖.๔๐ น. เพื่อส่งข้อมูลให้กับผู้บัญชาการเหตุการณ์ (Incident Commander)
และผู้เชยี่ วชาญด้านสารเคมีด�ำเนินการแจ้งเตือนประชาชน เพ่อื เปน็ แนวทางแก้ไขไม่ใหเ้ กดิ การไหมจ้ ากสารเคมีอกี
14 วารสารวทิ ยาศาสตรท์ หารบก

การจัด ชป.วศ. (ชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก) สนับสนุนการกู้ภัย
สารเคมี ประกอบไปด้วย

๑. ภารกิจ
๑.๑ สนับสนุน น�้ำยาโฟมดับเพลิง จ�ำนวน ๒๐,๐๐๐ ลิตร จุดส่งมอบ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เพอื่ ด�ำเนนิ การ ดบั เพลงิ ทางอากาศ และจดุ ส่งมอบ ในพ้ืนที่เกดิ เพลงิ ไหม้ ณ บริษัท หมิงตเี้ คมคี อล จำ� กัด
๑.๒ สนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพอากาศ ในบริเวณพ้ืนท่ีใต้ลม ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ในระยะ ๑-๓ กม.
และ ๕ กม. รว่ มกับกรมควบคุมมลพิษ

๑.๓ สนับสนนุ นายทหารตดิ ตอ่ ข้อมลู ให้ EOC ของ จ.สมทุ รปราการ ณ มูลนิธริ ว่ มกตัญญู สมทุ รปราการ
๒. ก�ำลงั พล นายทหาร ๕ นาย นายสบิ ๑ นาย และ พนกั งานราชการ ๑ นาย รวม ๗ นาย
๓. ยานพาหนะ รถยนต์โดยสารขนาดเล็ก (ต)ู้ ๑ คนั
การปฏบิ ัตงิ านของชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก รว่ มกับกรมควบคมุ มลพิษควรจะมีการท�ำ
MOU (Memorandum of understanding) ในการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง
หน่วยท่ีเก่ียวข้องกับการตรวจคุณภาพส่ิงแวดล้อม ซ่ึงสามารถต่อยอดไห้มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน การฝึกร่วมกัน
และการปฏิบัตงิ านรว่ มกนั ในอนาคต

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 15

๔. เคร่อื งมือและอปุ กรณ์

ช่ืออปุ กรณ์ คุณสมบตั ิ รูปภาพ

๔.๑ เครือ่ งตรวจ เครื่อง MX6 iBrid® เป็นเครื่องตรวจจจับก๊าซรั่วได้สูงสุด วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก
จับก๊าซแบบพกพา ๔ ชนิด โดยสามารถวัดก๊าซออกซิเจน ก๊าซพิษและก๊าซไวไฟ
รนุ่ MX6 iBrid® และสารประกอบอนิ ทรยี ร์ ะเหยง่าย (VOCs)

ใช้ส�ำหรับตรวจวัดชนิดและปริมาณของก๊าซและไอระเหย
๔.๒ เครอื่ งตรวจ ทางอตุ สาหกรรมโดยใชเ้ ทคนิค Infrared Spectroscopy
คณุ ภาพอากาศ
MIRAN
SapphIRe


๔.๓ เครือ่ งตรวจ ใช้ส�ำหรับตรวจสอบชนิดของสารเคมีโดยไม่ท�ำลายตัวอย่าง
วัดสารพษิ แบบ และระบุชนิดของสารทั้งที่เป็นของแข็ง (Solid) ของเหลว
เคลอ่ื นที่ แบบท่ี ๑ (Liquid) และสารผสม (Mixture) ในภาคสนาม สารเคมีทาง
First Defender ทหาร วัตถุระเบิด ยาเสพตดิ และสารเคมีอตุ สาหกรรม โดยใช้
RMX เทคนคิ Raman Spectroscopy

๔.๔ เคร่อื งตรวจ ใช้ส�ำหรับตรวจสอบชนิดของสารเคมีโดยระบุชนิดของสาร
วัดสารพิษแบบ ทั้งท่ีเป็น ของแข็ง (Solid) ของเหลว (Liquid) และสารผสม
เคลือ่ นที่ แบบที่ ๒ (Mixture) ในภาคสนาม สารเคมที างทหาร วตั ถุระเบิด ยาเสพ
Tru Defender ตดิ และสารเคมอี ตุ สาหกรรม โดยใชเ้ ทคนคิ Fourier Transform
FTX Infrared Spectroscopy

๔.๕ ตลับกรอง ใชส้ �ำหรับป้องกันไอระเหยสารตัวทำ� ละลาย,
ไอระเหยสารเคมี ป้องกันไอฟอรป์ มัลดไี ฮด์ และกรดแก๊ส

๔.๖ หน้ากาก หน้ากากคร่ึงหน้าชนดิ ไสก้ รองคู่ ร่นุ 3M™ ๗๕๐๐ ซีรสี ์ ทำ� จาก
ครง่ึ หนา้ ชนิด ซิลิโคนอย่างดี เพ่ือช่วยเพ่ิมความสบายและให้ความทนทาน
ไสก้ รองคู่ รนุ่ 3M™ ในการปกปอ้ งระบบทางเดนิ หายใจ มี 3M™ Cool Flow™ Valve
๗๕๐๐ ซีรสี ์ ช่วยให้หายใจได้ง่ายขึ้นและสามารถลดความร้อนและความชื้น

ทสี่ ะสมอยู่ด้านใน เพ่ือความรู้สกึ แหง้ และเยน็ สบาย
• ใชง้ านรว่ มกบั ตลบั กรองสารเคมขี อง 3M รนุ่ ๖๐๐๐ หรอื

แผ่นกรองอนภุ าค รนุ่ ๒๐๐๐
• ท�ำจากซิลิโคนอย่างดีเพ่ือความสะดวกสบายท่ีเพิ่มข้ึน

ส�ำหรับผู้ใชง้ านและมีความทนทานทีม่ ากข้นึ
16

ชอื่ อปุ กรณ ์ คุณสมบัต ิ รูปภาพ

• มี 3M™ CoolFlow™ วาล์วที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ
3 เอ็ม ชว่ ยให้การหายใจงา่ ยขน้ึ
• สายรัดศีรษะใช้งานได้สองแบบ จะเลือกใช้งานแบบ
มาตรฐานหรอื แบบเลือ่ นลง (drop down) ก็ได้
ฝาครอบวาล์วหายใจออกบังคับทิศทางลมหายใจออกและ
ความชื้นใหอ้ อกทางด้านล่างเพ่ือลดการเกดิ ฝ้า
๔.๗ แผ่นกรอง * แผน่ กรองส�ำหรบั หน้ากากไส้กรองคู่
ฝุ่นละออง ชมพู * ใชก้ รองฝนุ่ ละออง ฟมู โลหะ และปอ้ งกนั สารตวั ทำ� ละลาย
3M 2097 P100 กรดแกส๊ (กลน่ิ เจือจาง)
* วสั ดุผลิตจากโพลโี พรพลี ีน (Polypropylene)
ได้รับการประจุไฟฟา้ เพือ่ เพ่มิ ประสทิ ธิภาพการดกั จบั
อนุภาคขนาดเลก็
* ไดร้ บั มาตรฐานสหรัฐอเมรกิ า P100 สามารถใชง้ าน
ร่วมฐานรองเบอร์ ๕๐๒ ประกอบเข้ากับทค่ี รอบหนา้
(FACEPIECE) ดว้ ยระบบเข้ยี วล็อก
(BAYONET ATTACHMENT)
๔.๘ หนา้ กาก หนา้ กากเอน็ ๙๕ เปน็ หนา้ กาก กรองละอองธลุ /ี อนภุ าคทผี่ า่ น
เอ็น ๙๕ มาตรฐานเอ็น ๙๕ ของสถาบนั อาชีวอนามยั และความปลอดภัย
แห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา หมายความว่า สามารถกรอง
ละอองธลุ ีในอากาศอยา่ งน้อยร้อยละ ๙๕
๔.๙ แว่นตานิรภัย เหมาะกบั งานทมี่ ไี อระเหย, การกระเดน็ ของสารเคมี หรอื งาน
เลนส์ใส 3M ท่ีมฝี ุน่ ฟุ้งกระจาย

๔.๑๐ แวน่ ตากนั เหมาะสำ� หรับปกป้องดวงตาจากอนภุ าคฝุน่ ,
สารเคมี สีและควันขณะทำ� งาน

๔.๑๑ ถุงมือไนไตร ถุงมือไนไตรหนา ๑๘ มม. ผลติ จากไนไตร ๑๐๐%
ป้องกันสารเคมี สารละลาย นำ้� มนั กรดดา่ งไดด้ ี

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 17

ผลการตรวจยืนยันคา่ สารอินทรยี ร์ ะเหยงา่ ยในบรรยากาศ
ตง้ั แตว่ ันที่ ๖-๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๔

๑๖๐๐ สไต ีรน (ไมโครก ัรมต่อ ูลกบาศ ์กเมตร) สไตรนี เปรียบเทยี บ
๑๔๐๐
๑๒๐๐ ๐๖ ก.ค. ๒๕๖๔ ๐๗ ก.ค. ๒๕๖๔ ๐๘ ก.ค. ๒๕๖๔ ๐๙ ก.ค. ๒๕๖๔ ๑๐ ก.ค. ๒๕๖๔ กับ ๑,๑๐๐ ไมโครกรัมตอ่
ลูกบาศก์เมตร คือ คา่ แนะนำ� ของ
๑๐๐๐ ๑๕๖๐ ๑๕๗๘ ๓๙๒ ๑๒๔ ๒๘๐ สารสไตรนี ในบรรยากาศ
๕๑ ๑๕๔ ๔๒ ๙.๔ ๗.๕ โดยท่วั ไป เพอื่ ปอ้ งกันผลกระทบ
๘๐๐ ๘.๑ ๑.๗ ๔.๗ ๔.๒ ตอ่ สุขภาพประชาชนขององคก์ ร
๖๐๐ พิทักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มของ
๔๐๐ สหรัฐอเมรกิ า สำ� นักงานภูมภิ าค ๖
(United State of America
๒๐๐ Environmental Protection
๐ Agency Region 6 Human
Health Medium-Specific
หนา้ โรงงานหมงิ ตี้ (๕๐ เมตรจากจดุ เกิดเหตุ) Screening Levels)
วัดกิ่งแก้ว (๑ กม. จากจดุ เกดิ เหตุ)
หมบู่ า้ นลลิต (๓ กม. จากจุดเกดิ เหตุ)

๘.๐ เบน ีซน (ไมโครก ัรมต่อ ูลกบาศ ์กเมตร) เบนซนี
๗.๐
๖.๐ ๐๖ ก.ค. ๒๕๖๔ ๐๗ ก.ค. ๒๕๖๔ ๐๘ ก.ค. ๒๕๖๔ ๐๙ ก.ค. ๒๕๖๔ ๑๐ ก.ค. ๒๕๖๔ เปรียบเทียบกบั ๗.๖ ไมโครกรมั
๕.๐ ๗.๒ ๔.๒ ๑.๔ ๑.๐ ๐.๙ ต่อลกู บาศกเ์ มตร คือ คำ� ตาม
๔.๐ ๐.๗ ๐.๗ ๐.๖ ๐.๗ ๐.๕ ประกาศกรมควบคมุ มลพิษ
๓.๐ ๐.๗ ๐.๖ ๐.๘ ๐.๕ เรือ่ งก�ำหนดคา่ เฝ้าระวังส�ำหรับ
๒.๐ สารอนิ ทรียร์ ะเหยง่ายใน
๑.๐ บรรยากาศโดยทั่วไป
๐.๐ ในเวลา ๒๔ ชวั่ โมง
ลงวนั ท่ี ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑
หนา้ โรงงานหมงิ ตี้ (๕๐ เมตรจากจุดเกดิ เหตุ)
วัดกง่ิ แกว้ (๑ กม. จากจดุ เกิดเหตุ)
หมู่บ้านลลิต (๓ กม. จากจดุ เกดิ เหต)ุ

เกณฑค์ วามปลอดภัยต่อสขุ ภาพประชาชนท่ัวไปจากเหตุฉกุ เฉินสารเคมี

ระดบั ที่ ๑ ปริมาณ ๒๐ ppm
สูงกว่าระดบั น้ี อาจเกิดผลกระทบตอ่ สขุ ภาพประชาชนเล็กนอ้ ย
ระดับที่ ๒ ปริมาณ ๑๓๐ ppm
สูงกว่าระดับน้ี อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างรุนแรงในระดับที่ไม่สามารถ
ช่วยเหลอื ตนเองไดแ้ ละควรมกี ารอพยพ
ระดับที่ ๓ ปรมิ าณ ๑,๑๐๐ ppm

18 วารสารวทิ ยาศาสตรท์ หารบก

(ChemicสaาlรSเuคbมsี tance)

สทิ ธชิ ัย ศลิ ปพงศว์ รากร

สารเคมี (Chemical substances) หมายถงึ สารหรือวสั ดุใด ๆ กต็ ามที่ทราบองคป์ ระกอบทางเคมี ว่าประกอบขน้ึ
จากธาตุใดบา้ ง ใชพ้ ันธะชนดิ ใด และมอี ตั ราส่วนเทา่ ใด ซง่ึ จากนยิ ามน้ีท�ำให้สรุปไดว้ า่ สสาร (matters) หรอื สง่ิ ของรอบตวั
เรารวมถึงส่ิงมีชีวิตทั้งหมดส่วนเป็นสารเคมีทั้งสิ้น ซึ่งสารเคมีต่าง ๆ นั้นสามารถแบ่งต่อได้หลายกลุ่ม หลายประเภทแล้ว
แต่เกณฑ์ของผู้แบ่ง คุณสมบัติทางกายภาพ/เคมี หรือตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งในบทความน้ีจะแนะน�ำกลุ่มของสารเคมี
อันตรายท่ีได้ยินกันบ่อย ๆ ให้ได้อ่านกัน ๗ กลุ่ม ท้ังน้ีไม่รวมสารเคมีในชีวิตจ�ำวัน ยารักษาโรค ซึ่งไม่มีอันตรายหาก
ใช้ตามวิธกี ารใช้ที่ถูกต้องอยา่ งเครง่ ครัด (ยกเว้นผทู้ ่มี ีอาการแพ)้ รวมถึงส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ เชน่ หิน แร่ พลาสตกิ เป็นตน้
โดยสารเคมที ัง้ ๗ กล่มุ ท่ีจะแนะน�ำให้รจู้ ักได้แก่
๑. สารเสพติด (Narcotic, Drugs)
๒. สารทใี่ ช้ในการสงครามเคม/ี อาวุธเคมี (Chemical Warfare Agents, CWA/Chemical Weapons)
๓. วสั ดุ/สารเคมอี นั ตรายทางอุตสาหกรรม (Toxic Industrial Materials/Chemicals, TIM/TIC)
๔. สารชวี พษิ (Toxin)
๕. อาวุธเพลงิ (Incendiary Weapons)
๖. วตั ถรุ ะเบิด (Explosive materials)
๗. ไพโรเทคนคิ (Pyrotechnics)
สารเสพตดิ (Narcotic, Drugs) คอื สารใดกต็ ามทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ หรอื สารทสี่ งั เคราะหข์ นึ้ เมอี่ นำ� เขา้ สรู่ า่ งกาย
ไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรอื ดว้ ยวิธีการใด ๆ แล้ว ทำ� ให้เกิดผลต่อรา่ งกายและจติ ใจ นอกจากนย้ี ังท�ำใหเ้ กิด
การเสพตดิ ได้ หากใชส้ ารน้ันเป็นประจำ� ลักษณะส�ำคัญของสารเสพตดิ จะท�ำให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผเู้ สพดงั นี้
๑. เกดิ อาการดอ้ื ยา หรอื ตา้ นยา และเมื่อติดแลว้ ต้องการใชส้ ารนั้นในประมาณมากข้ึนเรือ่ ย ๆ
๒. เกดิ อาการขาดยา ถอนยา หรอื อยากยา เม่อื ใช้สารนั้นเท่าเดิม ลดลง หรอื หยดุ ใช้
๓. มคี วามต้องการเสพท้งั ทางรา่ งกายและจิตใจ อยา่ งรุนแรงตลอดเวลา
๔. สขุ ภาพร่างกายทรุดโทรมลง เกิดโทษตอ่ ตนเอง ครอบครัว ผูอ้ ื่น ตลอดจนสงั คม
ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ น้ัน แบง่ สารเสพตดิ ออกเปน็ ๕ ประเภทดงั นี้
ประเภทที่ ๑ ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เช่น เฮโรอีน (Heroin) แอมเฟตามีน (Amphetamine,
Methamphetamine) ยาอี (Ecstasy) หรือยาเลิฟ ยาไอซ์ (Ice)
ประเภทที่ ๒ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทว่ั ไป เชน่ ใบโคคา (Coca) โคเคนหรอื โคคาอนี (Cocaine) มอร์ฟนี (Morphine)
ฝิ่นยา (Medicinal Opium) เป็นฝิ่นที่ผ่านกรรมวิธีปรุงแต่งเพื่อใช้ในทางยา หรือ ฝิ่น (Opium) ไม่ว่าจะเป็น ฝิ่นดิบ
ฝิ่นสุก มูลฝิ่น
ประเภทที่ ๓ ยาเสพติดให้โทษท่ีมีลักษณะเป็นต้นต�ำรับยาและมียาเสพติดให้โทษประเภทท่ี ๒ ผสมอยู่ด้วย คือ
ยารกั ษาโรคทม่ี ียาเสพติดประเภทท่ี ๒ เปน็ สว่ นประกอบอยใู่ นสูตรยา เชน่ ยาแกไ้ อ ยาแก้ทอ้ งเสยี
ประเภทที่ ๔ สารเคมที ี่ใชใ้ นการผลติ ยาเสพตดิ ให้โทษประเภทที่ ๑ หรือ ประเภทที่ ๒ เช่น อะซีตคิ แอนไฮไดรด์
(Acetic Anhydride) อะเซติลคลอไรด์ (Acetyl Chloride)
ประเภทที่ ๕ ยาเสพตดิ ให้โทษท่ไี ม่เข้าอยใู่ นประเภทที่ ๑ ถงึ ประเภทที่ ๔ เชน่ กัญชา พืชกระทอ่ ม พืชฝิน่ เห็ด
ขี้ควาย

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 19

สารท่ีใช้ในการสงครามเคมี (Chemical Warfare Agents, CWA) คือ สารท่ีถกู นำ� มาใช้ในสงครามเพอื่ ท�ำลายชวี ิต
ของมนุษย์ สัตว์ พืช โดยมีทั้งสารที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น แก๊สคลอรีน และสารที่สังเคราะห์ข้ึนมาเพ่ือใช้เป็นอาวุธ
โดยเฉพาะ ไม่สามารถน�ำไปใช้ประโยชนอ์ นื่ ได้ เช่น สารประสาท VX
ความแตกต่างของคำ� ศพั ท์ “สารทีใ่ ช้ในการสงครามเคมี” และ “อาวุธเคมี (Chemical Weapons)” คือ อาวธุ เคมี
จะมีความหมายท่ีกว้างกว่า อาจจะหมายถึงเฉพาะสารเคมีอย่างเดียว หรือรวมยุทธภัณฑ์และเคร่ืองส่งที่ออกแบบมา
ส�ำหรับสารเคมีน้ันก็ได้ แต่สารท่ีใช้ในการสงครามเคมีจะหมายถึงเฉพาะสารเคมีเพียงอย่างเดียวเท่าน้ัน โดยในบทความ
ต่อจากน้ีจะขอใช้ค�ำว่าอาวธุ เคมแี ทนในสว่ นทีเ่ หลือ
อาวุธเคมีถูกน�ำมาใช้ในสงครามเป็นครั้งแรก ในสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ โดยชาติแรกที่ใช้อาวุธเคมี คือ ฝร่ังเศส
ซึ่งได้น�ำสารน้�ำตาไหลมาใช้กับทหารเยอรมัน และต่อมาทางเยอรมันก็ได้น�ำท่อบรรจุแก๊สคลอรีนจากโรงงานอุตสาหกรรม
จำ� นวนมาก มาใชก้ บั ทหารฝรงั่ เศสเมอ่ื ลมพดั ไปทางฝา่ ยศตั รู ปรากฏวา่ ไดผ้ ลเปน็ ทนี่ า่ พอใจ หลงั จากนนั้ จงึ มกี ารคดิ คน้ อาวธุ
เคมีชนดิ ใหม่ ๆ มาใช้ในสงครามอยา่ งต่อเนอ่ื ง รวมถงึ มาตรการปอ้ งกัน และยุทธภัณฑ์ป้องกันตนกถ็ ูกคิดค้นและพฒั นาขึ้น
มาพรอ้ มกันด้วย
ภายหลงั จากสงครามโลกครั้งที่ ๑ อาวุธเคมีชนิดใหม่ ๆ ยงั คงถกู คดิ คน้ อยูเ่ ร่ือย ๆ แตไ่ มไ่ ดถ้ ูกน�ำมาใชอ้ ย่างเปดิ เผย
ในสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ เนื่องจากทง้ั ๒ ฝา่ ยตา่ งเกรงวา่ หากใช้แลว้ จะถูกโต้กลบั ดว้ ยอาวุธเคมใี นปริมาณทีม่ ากกว่า แตภ่ าย
หลังจากสงครามโลกครัง้ ท่ี ๒ อาวุธเคมีกลับมีการใชง้ านบอ่ ยขึน้ ทง้ั ในสงครามและการก่อการรา้ ย แต่เปน็ การใชจ้ ากฝ่ายใด
ฝ่ายหนงึ่ เพยี งฝา่ ยเดียว และเป้าหมายสว่ นใหญ่มกั เป็นประชาชน เช่น ที่อริ ัก เวยี ดนาม ซเี รยี ญีป่ ุน่ มาเลเซยี และองั กฤษ
การแบง่ ประเภทของอาวุธเคมีตามทส่ี อนในประเทศไทยนั้น แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทหลัก ๆ ไดแ้ ก่
๑. สารสังหาร (Lethal Agents) คือ สารเคมีท่ีผลิตมาเพ่ือให้เกิดอันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสถาวร
สารบางชนดิ ยงั ใชใ้ นทางอุตสาหกรรมได้ เชน่ ฟอกหนงั สกัดทอง แตก่ ม็ กี ารควบคมุ อยา่ งเครง่ ครดั บางชนดิ ไม่มีประโยชน์
อนื่ ใดเลยนอกจากใช้เป็นอาวุธเทา่ นัน้
๒. สารท�ำให้ไร้สมรรถภาพ (Incapacitating Agents) คือ สารเคมีท่ีมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานเพ่ือให้
ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตอบโต้ได้ชั่วคราว ซึ่งต้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และสามารถหายจากอาการต่าง ๆ ได้เอง
เมอ่ื ออกจากพนื้ ทโ่ี จมตี
๓. สารท�ำลายพืช (Anti-plant Agents) คือ สารท่ีใช้เพ่ือท�ำลายพืชโดยเฉพาะ ครั้งที่ใช้แล้วเห็นผลชัดเจน
ทีส่ ุดคอื ในสงครามเวยี ดนาม โดยสหรฐั ฯ ใช้เครอื่ งบนิ โปรยละออง เพื่อท�ำลายพชื และต้นไมต้ ่าง ๆ ในปา่ ท�ำให้ฝา่ ยตรงขา้ ม
ไมม่ ีทห่ี ลบซอ่ นและแพไ้ ปในทสี่ ุด
20 วารสารวทิ ยาศาสตรท์ หารบก

วสั ด/ุ สารเคมอี ันตรายทางอุตสาหกรรม (Toxic Industrial Materials/Chemicals, TIM/TIC) คอื เป็นสารเคมที ี่
ผลิตส�ำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ อาจเป็นวัตถุท่ีมีอันตรายทางเคมี เช่น เป็นสารก่อมะเร็ง
สารกัดกรอ่ น มอี ันตรายตอ่ อวยั วะระบบหายใจ โลหิต หรอื ระบบสืบพนั ธ์ุ หรอื เป็นวัตถุท่มี อี นั ตรายทางกายภาพ เชน่ ไวไฟ
ระเบิด ไวต่อการทำ� ปฏิกิรยิ า เนือ่ งจากสารเคมอี ันตรายทางอุตสาหกรรมมเี ปน็ จ�ำนวนมาก จงึ มกี ารคิดค้นระบบสัญลักษณ์
เตือนภยั ขน้ึ มาหลายแบบ โดยในประเทศไทยมที ีน่ ิยมใชอ้ ยู่ ๔ แบบ ดงั นี้

๑. ADR (European Agreement concerning the International Carriage of Dangerous Goods by Road)
เป็นระบบทน่ี ยิ มมากระบบหนึ่ง และใชท้ ุกคร้งั ท่มี กี ารขนส่งสารเคมีเหล่าน้ี โดยมกั ตดิ ปา้ ยไวท้ บ่ี รรจภุ ัณฑ์ และยานพาหนะ
ทใี่ ชใ้ นการขนสง่ เพอ่ื เตอื นใหผ้ พู้ บเหน็ ทราบมกี ารขนสง่ สารในกลมุ่ ใด โดยระบบ ADR นที้ ำ� การแบง่ สารออกเปน็ ๙ ประเภท
๒. GHS (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals) เป็นอีกระบบ
ทใี่ ชก้ ันมาก เปน็ การระบอุ ันตรายโดยทั่วไปของสารเคมนี นั้ ๆ ซึ่งสารเคมีหน่งึ ชนิดอาจติดป้ายมากกวา่ ๑ ปา้ ยได้
๓. NFPA (National Fire Protection Association) เป็นป้ายแสดงถึงอันตรายของสารเคมี โดยในหน่ึงป้าย
จะมีข้อมูล ๔ อย่าง โดยบ่งบอกเป็นตัวเลขของระดับอันตรายต้ังแต่ ๐ ถึง ๔ ข้อมูลทั้ง ๔ อย่างประกอบไปด้วย สีแดง
(ความไวไฟ) สนี ้ำ� เงิน (อนั ตรายตอ่ สุขภาพ) สเี หลือง (ความไวตอ่ การเกดิ ปฏกิ ิริยา) และสีขาว (ข้อมูลพเิ ศษอ่ืน ๆ)
๔. UN/RID number เป็นป้ายที่ประกอบไปด้วยข้อมูล ๒ บรรทัด โดยบรรทัดบนเป็นเลขแสดงหมวดหมู่
ของสารเคมี ซ่ึงอาจแสดงด้วยตัวเลขตั้งแต่ ๒ ถึง ๔ ตัว ส่วนตัวเลขในบรรทัดท่ีสองจะเป็นเลข ๔ ตัว ซ่ึงเป็นรหัสของ
สารเคมีตามมาตรฐาน UN ซ่ึงใช้ส�ำหรับการสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมได้ โดยเฉพาะใช้ประกอบกับคู่มือการระงับอุบัติภัย
เบอ้ื งต้นจากวตั ถุอันตราย (ERG)
นอกจากนี้อกี ประเดน็ ทีส่ �ำคัญก็ คือ อาวธุ เคมบี างชนดิ สามารถเกดิ ขนึ้ ได้อย่างง่าย ๆ เพยี งผสมสารตั้งตน้ ๒ ชนดิ
(Precursors) เข้าด้วยกัน เช่น VX และสารเคมีที่เป็นสารต้ังต้นเหล่านี้ หลาย ๆ ชนิด ถูกใช้ในงานอุตสาหกรรม
หรือแมก้ ระทั่งในชวี ติ ประจ�ำวนั ดังนัน้ จึงมกี ารควบคุมสารเคมี ทง้ั ท่เี ป็นสารพร้อมใช้ในการเปน็ อาวธุ หรือทส่ี ามารถน�ำไป
เปน็ สารตง้ั ต้นในการผลิตอาวธุ เคมไี ด้ ออกเปน็ ๓ Schedule ดงั น้ี
Schedule ๑ เป็นสารเคมีที่แทบจะไม่มีประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมเลย มักหมายถึงอาวุธเคมี หรือสารต้ังต้น
ในการผลิตอาวุธเคมี
Schedule ๒ เป็นสารเคมีท่ีมีอันตรายสูง อาจจะสามารถน�ำไปท�ำเป็นอาวุธเคมี หรือสารตั้งต้นท�ำอาวุธเคมีได้
แตก่ ม็ ีประโยชนใ์ นทางอุตสาหกรรมด้วย เพียงแต่สารกล่มุ น้จี ะใชใ้ นปรมิ าณไม่มากในงานแต่ละอย่างทางอตุ สาหกรรม
Schedule ๓ เป็นสารเคมีท่ีสามารถน�ำไปเป็นสารตั้งต้นในการท�ำอาวุธเคมีได้ หรือบางชนิดอาจถูกจัดหมวดหมู่
เปน็ อาวธุ เคมีอย่แู ลว้ เชน่ คลอรนี ไดฟอสจนี แตส่ ารเหลา่ นมี้ คี วามจำ� เป็นตอ้ งใช้ในอตุ สาหกรรมเปน็ ปรมิ าณมาก
ซ่ึงตามปกตแิ ล้วการจะซ้ือขายสารเคมีทีถ่ กู จัดหมวดหมู่ตามข้างต้นนัน้ จะต้องมกี ารระบตุ วั ผ้ซู อ้ื ปรมิ าณท่ีซื้อ และ
วัตถปุ ระสงค์ในการใชง้ าน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สารใน Schedule ๑ น้ัน เปน็ สารทม่ี ีการควบคมุ อยา่ งเขม้ งวดมากทีส่ ุด

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 21

สารชีวพิษ (Toxin) คือ สารเคมีพษิ (สารโมเลกุลเลก็ , โปรตีน และอ่ืน ๆ) ที่ไดม้ าจากสิ่งมีชวี ิต ไม่วา่ จะเป็นพืช
สัตว์ หรือจุลินทรีย์ ดังน้ันอาการเม่ือได้รับทอกซินจึงมีความแตกต่างกันตามแต่สารที่ได้ออกมา ซึ่งบางชนิดอาจก่อให้เกิด
อาการเชน่ เดยี วกบั สารสงั หารบางชนดิ ได้ แตม่ กั จะมคี วามรนุ แรงนอ้ ยกวา่ และมกั ใชใ้ นการลอบสงั หารโดยการใสล่ งในอาหาร
หรือเครื่องด่ืมมากกว่าที่จะปล่อยกระจายไปในอากาศเหมือนอาวุธเคมีชนิดอ่ืน ๆ ทั้งนี้หากแบ่งตามกลไกการท�ำอันตราย
ร่างกายของทอกซนิ ก็อาจแบง่ ได้ ๒ กลุ่ม ดังนี้
๑. ทอกซนิ ทท่ี ำ� อันตรายระบบประสาท (Neurotoxin) ทำ� ให้เกดิ อาการคลา้ ยกับถูกสารประสาท เชน่ มองเห็น
ภาพไมช่ ัดเจน กล้ามเนอ้ื ส่นั กระตกุ มนึ งง ทำ� อะไรไมถ่ ูก หมดสติ เปน็ อัมพาต (ตวั อาจอ่อนปวกเปยี กหรือแขง็ เกร็งท้ังตัว
ขึ้นอยูก่ ับชนดิ ของทอกซนิ ) และถงึ แกค่ วามตาย ทอกซินในกลุ่มนี้ทเ่ี ป็นที่รูจ้ ักมากทส่ี ุดคอื “โบทูลนิ มั ทอกซนิ ” ซ่งึ ออกฤทธ์ิ
ตรงข้ามกับสารประสาท ผลติ โดยแบคทีเรียท่อี าศัยอยใู่ นดิน มกั จะพบการปนเปื้อนของทอกซนิ ชนิดนใ้ี นอาหารหมกั ดองท่ี
ท�ำมาจากพืชผักท่ีไม่ได้ท�ำความสะอาดก่อนท�ำการหมักดอง ประเทศไทยก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่ท�ำให้ผู้คนในจังหวัดน่าน
บาดเจ็บเป็นจ�ำนวนมากจากการกินหน่อไม้ปี๊บในงานบุญพระธาตุ นอกจากน้ีทอกซินนี้ยังรู้จักในช่ือย่อว่า “Botox”
ที่ใชใ้ นการเสรมิ ความงามอกี ดว้ ย
๒. ทอกซนิ ทที่ ำ� อนั ตรายเซลล์ (Cytotoxin) ทำ� อนั ตรายเนอื้ เยอื่ หลายชนดิ รวมทงั้ ผวิ หนงั กระเพาะ ลำ� ไส้ หลอดลม
ปอด หัวใจ และหลอดโลหติ ขนึ้ อย่กู ับชนดิ ของทอกซิน เหตุการณท์ ่เี ปน็ ที่ร้จู กั และโด่งดังเกดิ ขน้ึ เมื่อนักเขียนชาวบลั แกเรยี
ถูกลอบสังหารโดยการใชร้ ่มแบบพเิ ศษทบ่ี รรจกุ ระสนุ ทีใ่ ส่ “ไรซิน” ไวป้ ักเข้าท่ีขา ทำ� ใหเ้ สียชีวิตในเวลาไม่กว่ี ันตอ่ มา

อาวุธเพลิง (Incendiary Weapons) มักเป็นสารทีป่ กตใิ ชเ้ ปน็ เชื้อเพลงิ หรือสารที่ตดิ ไฟง่าย เช่น น�้ำมนั เชอ้ื เพลงิ
(ในเคร่ืองฉดี ไฟ ยงิ แบบเชื้อเพลงิ ใส), น�้ำมันเช้ือเพลงิ รวมกับสารทำ� ให้ข้น (พลาสตกิ บางชนิด, ในเครอื่ งฉีดไฟ ยงิ แบบเชื้อ
เพลิงข้น, ระเบิดนาปาล์ม), ระเบิดฟอสฟอรัสขาว (ใช้ที่ฉนวนกาซา), สีสเปรย์ (เคร่ืองฉีดไฟขนาดเล็กแบบแสวงเคร่ือง)
เป็นต้น ซ่ึงความแตกต่างระหว่างอาวุธเคมีและอาวุธเพลิง คือ อาวุธเคมีทำ� อันตรายร่างกายด้วยกลไกทางสรีระ หมายถึง
ต้องเข้าสู่ร่างกายแล้วท�ำให้ร่างกายท�ำงานผิดปกติไป ในขณะที่อาวุธเพลิงนั้นอาศัยพลังงานความร้อนในการท�ำอันตราย
รา่ งกายอาวุธเพลงิ จดั อยู่หมวดหม่ขู อง “อาวุธท่ไี ร้มนุษยธรรม” ซงึ่ มอี นสุ ญั ญาห้ามใชก้ บั มนุษย์โดยเดด็ ขาด

22 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

วตั ถุระเบดิ (Explosive materials) คอื สารเคมีซ่งึ มีการสะสมพลงั งานมหาศาลไว้ภายในและสามารถปลดปลอ่ ย
ออกมาได้อยา่ งฉับพลันหากมีการกระต้นุ ทเ่ี หมาะสม ซ่งึ การระเบิดมี ๓ ระดบั ดังนี้
๑. การระเบิดจากแรงดัน เช่น จากแก๊สอัดแรงดัน ซึ่งการระเบิดแบบน้ีจะมีการปลดปล่อยพลังงานน้อยที่สุด
สารที่ระเบิดแบบน้ีจะไม่เปลี่ยนเป็นสารเคมีชนิดอื่น และการระเบิดจะเกิดขึ้นเมื่อแรงดันของแก๊สสูงเกินกว่าที่ภาชนะ
จะรับได้จนแรงดันท�ำให้ภาชนะฉีกขาดหรือแตกออก ส่วนจะรุนแรงแค่ไหนข้ึนอยู่กับว่าภาชนะท่ีบรรจุแก๊สนั้นทนแรงดัน
ได้มากนอ้ ยเพยี งใด
๒. การระเบดิ จากปฏกิ ริ ยิ าเคมี เชน่ เหตกุ ารณร์ ะเบดิ ของแอมโมเนยี มไนเตรททปี่ ระเทศเลบานอน ซง่ึ มแี รงระเบดิ
สงู กวา่ แบบแรกมาก และการระเบดิ จะทำ� ให้สารตัง้ ต้นเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีจนกลายเป็นสารเคมชี นดิ อื่น (เปน็ การเกดิ ปฏกิ ิริยา
ทร่ี ะดบั พนั ธะเคม)ี ระเบดิ จากการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมอี าจถกู กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การระเบดิ ไดจ้ ากความรอ้ น ประกายไฟ แรงเสยี ดสี
แรงกระแทก และ/หรอื อ่นื ๆ ซงึ่ การระเบดิ ในระดบั นจ้ี ะหมายถงึ วตั ถรุ ะเบดิ ทรี่ จู้ กั กัน โดยจะแบ่งระเบดิ ออกเป็น ๒ ชนิด
ตามความเรว็ ในการระเบดิ โดยวัตถุระเบิดแรงตำ่� จะมีความเร็วในการระเบดิ ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ เมตรตอ่ วนิ าที หากความเรว็ สงู
กว่านีจ้ ะจดั เปน็ วตั ถรุ ะเบิดแรงสงู
๓. การระเบดิ นวิ เคลยี ร์ มี ๒ แบบ ซ่ึงเป็นปฏกิ ริ ยิ าทเี่ กิดทีน่ วิ เคลยี สของอะตอม ได้แก่ ปฏกิ ริ ิยานวิ เคลยี ร์ฟชิ ชัน
(Nuclear Fission) จากการแตกตัวของอะตอมของธาตุหนักที่ไม่เสถียร เช่น การโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ท่ีฮิโรชิมา
และปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน (Nuclear Fusion) จากธาตุเล็กรวมเป็นธาตุที่หนักขึ้น เช่น ปฏิกิริยาบนดวงอาทิตย์
ซึ่งทั้ง ๒ แบบล้วนแล้วแต่ให้พลังงานมากกว่าปฏิกิริยาเคมีเป็นล้านเท่า ซึ่งการเปรียบเทียบพลังงานมักใช้หน่วยเทียบ
กบั นำ�้ หนักของ TNT ที่ใหแ้ รงระเบดิ เทา่ กับระเบดิ นิวเคลียรท์ ี่เกดิ ขึ้น

ไพโรเทคนคิ (Pyrotechnics) แปลตรงตวั คือศลิ ปะในการใชเ้ พลงิ ซ่งึ ในปัจจุบนั จะหมายถึงส่ิงท่ีให้ ควนั แสง สี
และเสียงได้ เช่น พลุส่องสว่าง (flare), ควันสี, ดอกไม้ไฟ เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติของไพโรเทคนิคทางทหารที่ดีจะต้อง
น�ำติดตัวไปได้สะดวก อายุการเก็บรักษายาว ใช้งานง่าย มีความปลอดภัย ทนทานต่อการเคล่ือนย้าย คุณสมบัติของ
ไพโรเทคนิคที่ต่างจากอาวุธเพลิงนั้น คือ ไพโรเทคนิคไม่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในอากาศในการท�ำให้ลุกไหม้ได้อย่างต่อเน่ือง
สว่ นประกอบส�ำคญั ของไพโรเทคนิคมี ๓ อยา่ ง ดงั นี้
๑. สารเชอื้ เพลงิ (Fuels) เชน่ ถ่าน ก�ำมะถนั น้�ำตาล ไม้ เป็นตน้
๒. สารให้ออกซิเจน (Oxidizers) เป็นองค์ประกอบท่ีท�ำให้สารไพโรเทคนิคสามารถ
ลุกไหม้ได้อย่างต่อเน่ืองโดยไม่ต้องพ่ึงพาออกซิเจนในอากาศ เช่น สารประกอบไนเตรตสาร
ประกอบคลอเรต สารประกอบเปอร์ออกไซด์ เปน็ ต้น
๓. สารกอ่ ใหเ้ กดิ แสงสี (Color agents) ซึง่ มกั จะใช้สารประกอบของโลหะหมู่ ๑ หรอื
๒ ตามตารางธาตุ ซง่ึ โลหะชนดิ เดยี วกนั จะใหเ้ ปลวไฟสเี ดยี วกนั เสมอไมว่ า่ จะเปน็ สารประกอบชนดิ
ใด เชน่ สารประกอบของโลหะโพแทสเซยี มจะให้เปลวไฟสมี ว่ ง ไม่วา่ จะเป็น โพแทส
เซยี่ มคลอไรด์ โพแทสเซี่ยมไนเตรต โพแทสเซยี่ มคลอเรต และอ่นื ๆ
นอกจากนย้ี งั อาจใสส่ ารอน่ื ๆ เชน่ สารยดึ เกาะ (Binders) สารชว่ ยใหเ้ สถยี ร
(Stabilizers) สารคุมความเป็นกรดด่าง (Nutralizer/Buffer) ตัวท�ำละลาย
(Solvents) ตัวหน่วงปฏิกิริยา (Inhibitors) เป็นต้น เพ่ือให้ได้ไพโรเทคนิคท่ีมี
คุณสมบตั ติ ามที่ตอ้ งการ

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 23

การผลติ พลุสัญญาณปืนปากกา

แผนกไพโรเทคนิค
กรมวิทยาศาสตร์ทหารบกได้ท�ำการผลิต ส่ิงอุปกรณ์ประเภท ๕ สายวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้เป็นกระสุนฝึก
ศึกษาให้กับหน่วยต่างๆในกองทัพบก และพลุสัญญาณปืนปากกาก็เป็น สิ่งอุปกรณ์ประเภท ๕ สายววิทยาศาสตร์
ใช้เพ่อื ฝึกศึกษา และไดม้ อบให้แผนกไพโรเทคนิคท�ำการผลิตในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ เป็นปีแรกหลงั จากเลกิ การผลติ
มาแล้ว ๓๐ ปี พลุสัญญาณปืนปากกาจะประกอบด้วย ลูกแสงสีแดง ลูกแสงสีเขียวและลูกแสงสีเหลือง มีข้ันตอน
การผลติ ๑๐ ขนั้ ตอน

๑. การตดั ตะกว่ั ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง ๔ มิลลเิ มตรด้วยเครื่องตดั เปน็ ชนิ้ ๆ ใหม้ นี ้ำ� หนักชิน้ ละ ๓ กรัมเทา่ ๆ กัน
แลว้ นำ� ไปใสใ่ นหลอดอลมู เิ นยี มแลว้ นำ� ไปตง้ั บนกระทะทราย เพอื่ ทำ� ใหต้ ะกว่ั หลอมละลายตดิ กน้ ดา้ นในหลอดอลมู เิ นยี ม
เป็นการเพ่ิมน�ำ้ หนกั แลว้ ท�ำใหเ้ กิดแรงเฉื่อย

๒. การตอกชนวนและซลี ดว้ ยแลคเกอรท์ า้ ยปลอกอลมู เิ นียมเพ่ือทำ� หนา้ ทจ่ี ุดระเบดิ ดันลูกแสงออกไป
24 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

๓. การผสมสารเคมีตามสตู รทก่ี ำ� หนดแล้วนำ� ไปใส่ตะแกรงร่อนขนาด ๘๐ เมช ๓ คร้งั เพือ่ ไม่ให้
สารเคมจี บั ตวั เป็นกอ้ น

๔. การน�ำสารเคมีไปอบแห้งในตู้อบท่ีควบคุมอุณหภูมิได้ แล้วจึงน�ำสารเคมีมาท�ำการยิงทดสอบ
ให้ได้สที ่ีตอ้ งการและใหม้ คี วามสูง ๕๐-๗๐ เมตร ลูกแสงตอ้ งสว่างได้ ๕-๗ วินาที

๕. การดดู ความช้นื สารเคมีทอี่ บแห้ง ทำ� การดดู ความชน้ื ในโถดูดความชื้นแกว้ (Desiccator) แบบมี 25
ก็อกแกว้ ๑ แก้ว โดยใชเ้ วลา ๘-๑๐ ชว่ั โมง ด้วยแรงกดสญู ญากาศ ๑ บาร์

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔

๖. การนำ� สารเคมบี รรจุในหลอดอลมู ิเนยี ม หลอดละ ๕ กรัม และใช้ไม้แหลมกดสารเคมีใหแ้ นน่
พอประมาณแล้วเพิ่มดินดำ� อกี ๑ กรัม ดนิ ด�ำนจ้ี ะท�ำหนา้ ทีข่ บั ดนั ลกู แสงให้ว่ิงออกจากปลอกอลูมเิ นยี ม

๗. การนำ� หลอดอลมู เิ นยี มทบ่ี รรจสุ ารเคมแี ลว้ มาทำ� การอดั ดว้ ยเครอื่ งอดั ไฮดรอลกิ ทแี่ รงอดั
๑๐๐ ปอนดต์ อ่ ตารางนว้ิ แล้วนำ� ไปท�ำความสะอาด ในการอดั หน่ึงครง้ั จะได้จำ� นวน ๒๕ นัด

๘. น�ำหลอดอลูมิเนียมท่ีผ่านการอัดสารเคมีแล้ว มาท�ำการดูดความช้ืนในโถดูดความช้ืนแก้ว
(Desiccator) โดยใช้เวลา ๘-๑๐ ชว่ั โมง ด้วยแรงกดสญู ญากาศ ๑ บาร์
26 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

๙. การน�ำช้ินส่วนต่างๆ มาท�ำการประกอบโดยการใส่หลอดท่ีบรรจุสารเคมีมาใส่ลงไปในปลอกอลูมิเนียมและ
ปดิ ดว้ ยแผ่นพลาสติก แลว้ ซลี ด้วยแลคเกอร์ใสแล้วจงึ ปดิ ปากอลูมเิ นียมด้วยฝาอลูมิเนยี มแล้วจึงซีลดว้ ยแลกเกอรใ์ สอกี ครัง้

๑๐. ตรวจความเรียบร้อยของพลุสัญญาณปืนปากกาและชั่งน�้ำหนัก ต้องให้มีน�้ำหนักอยู่ประมาณ ๒๕-๒๘ กรัม
แลว้ จึงนำ� มาบรรจหุ ีบห่อแล้วออกหมายเลขงานควบคมุ การผลติ

พลุสัญญาณปืนปากกา ใช้ประโยชน์ส�ำหรับในการฝึกหน่วยทหารขนาดเล็กหรือชุดปฏิบัติการของหน่วย ในการฝึก
หรือการดำ� เนินกลยุทธ ใชส้ �ำหรับในการส่งสัญญาณตดิ ต่อกนั ของหนว่ ยทหารในเวลากลางคนื หรอื ใช้สำ� หรบั แจง้ ท่ีอยขู่ อง
หน่วย และท่ีหมายต่าง ๆ ได้ มขี นาดเลก็ น�้ำหนกั เบา สามารถพกตดิ ตัวไปได้โดยสะดวก
ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ได้รับอนุมัติให้ผลิตมาต้ังแต่ปี ๒๕๒๔ และเลิกผลิตในปี ๒๕๓๕ ต่อมาในปี ๒๕๖๒
ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความส�ำคัญกับพลุสัญญาณปืนปากกา จึงมีด�ำริให้กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ผลิตพลุสัญญาณ
ปืนปากกาข้ึนใหม่อีกคร้ัง เพ่ือใช้ในหน่วยทหาร และในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ กรมวิทยาศาสตร์ทหารบกได้รับอนุมัติงบ
ประมาณจากกองทัพบก ให้ด�ำเนินการผลิตพลุสัญญาณปืนปากกา ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ยังคงผลิตและ
แจกจา่ ยให้หน่วยในกองทพั บก เพื่อน�ำไปใชป้ ระโยชนใ์ นการฝกึ หรือการปฏิบตั ิงานของหนว่ ย

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 27

ขอ้ ควรรเู้ ก่ยี วกบั Rapid Antigen Test

ชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง

ร.ต.หญิง สาวติ รี เนียมค�ำ

เน่ืองจากในสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก�ำลังระบาดอย่างหนัก โรงพยาบาล
และสถานที่ตรวจ COVID-19 นน้ั เรมิ่ ไม่เพยี งพอและหลาย ๆ ท่านอาจจะกังวลว่าจะไดร้ บั เชือ้ เมอื่ ไปตรวจทโ่ี รงพยาบาล
จึงเร่ิมมีการซ้ือชุดตรวจ Rapid Antigen Test มาใช้ตรวจด้วยตนเองท่ีบ้าน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว แล้ว
Rapid Antigen Test คืออะไร? แล้วมีวธิ ีการใชง้ านอยา่ งไรบ้าง มาหาคำ� ตอบกัน

Rapid Antigen Test คอื อะไร?

Rapid Antigen Test คอื ชดุ ทดสอบส�ำหรับตรวจหาเช้อื ไวรสั COVID-19 อย่างงา่ ยและรวดเร็ว ซง่ึ ใชเ้ วลาในการ
ตรวจประมาณ ๑๐-๓๐ นาที เปน็ การตรวจคดั กรองเบอ้ื งตน้ เทา่ นนั้ ซง่ึ ผลทแี่ นน่ อนควรตรวจจากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดว้ ยวธิ กี าร
ตรวจแบบ RT-PCR (Real Time Polymerase Chain Reaction) ที่โรงพยาบาล
ซึง่ Rapid Antigen Test นน้ั จะเหมาะกับผทู้ ต่ี ้องการตรวจหาเช้ือไวรัส COVID-19 เบอ้ื งตน้ ซึ่งอาจจะสงสยั วา่ ติด
เชอ้ื แตไ่ มแ่ สดงอาการชดั เจนหรือเปน็ กลมุ่ ท่มี ีเสย่ี งสูง

Rapid Test แบ่งออกเปน็ ๒ ชนดิ

๑. Rapid Test ชนิดตรวจ Antigen (Rapid Antigen Test)
๒. Rapid Test ชนดิ ตรวจ Antibody (Rapid Antibody Test)
Rapid Antigen Test คือ การตรวจหาเชื้อโควดิ -๑๙ โดยใชว้ ธิ ีการ Swab เก็บตวั อยา่ งสารคัดหล่ัง ทบ่ี รเิ วณจมกู ลกึ
ถึงคอ หรอื เก็บจากบรเิ วณอื่น โดยผ้ตู รวจจะต้องรบั เชือ้ มาแล้ว ๕-๑๔ วัน ถึงจะได้ผลลพั ธ์ ทแี่ มน่ ย�ำ ดังนัน้ จำ� เปน็ จะตอ้ งไป
ตรวจแบบ RT-PCR ซ้�ำที่โรงพยาบาล

ข้อดขี อง Rapid Antigen Test

● ใชง้ านง่าย สะดวก ทราบผลภายใน ๑๐-๓๐ นาที
● เหมาะกบั ผทู้ ส่ี งสยั วา่ ตดิ เชอ้ื แตไ่ มแ่ สดงอาการชดั เจนหรอื เปน็ กลมุ่ ทม่ี เี สย่ี งสงู (ใชเ้ พอื่ การตรวจคดั กรองเบอื้ งตน้ )
28 วารสารวิทยาศาสตรท์ หารบก

Rapid Antibody Test คือ การตรวจหาภมู คิ ุ้มกันโควิด-๑๙ โดยใชว้ ธิ กี ารเจาะเลือด ผู้ตรวจจะตอ้ งรับเชอ้ื มาแลว้
๑๐ วนั ข้นึ ไปถึงจะตรวจเจอภูมิคุ้มกัน แตท่ ้ังนีท้ ง้ั นน้ั วิธกี ารตรวจนมี้ ีโอกาสคลาดเคลอื่ นสงู เพราะภมู ิค้มุ กนั โควดิ -๑๙ ไมไ่ ด้
มาจากการติดเชื้อเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะมาจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่หาย
ป่วยดีแลว้ ก็สามารถตรวจพบได้
ชดุ ตรวจ Rapid Antibody Test ไม่แนะนําให้ประชาชนทัว่ ไปซ้อื มาตรวจดว้ ยตนเอง อนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดแ้ ค่ในสถาน
พยาบาลเน่ืองจากแปลผลการตรวจไดย้ าก จงึ ควรใชภ้ ายใต้คาํ แนะนําของผเู้ ชีย่ วชาญเท่าน้ัน (ข้อมลู จาก สมาคมโรคตดิ เชอ้ื
แหง่ ประเทศไทยและสมาคมโรคติดเชือ้ ในเด็กแหง่ ประเทศไทย)
วธิ กี ารใชง้ านชดุ ตรวจ Rapid Antigen Test (ควรศกึ ษาวธิ กี ารใชง้ านอยา่ งละเอยี ดของชดุ ตรวจ
แต่ละยหี่ ้อ กอ่ นเร่มิ ใช้งาน)
๑. ก่อนการเร่ิมใช้ Rapid Antigen Test ควรใส่หน้ากากและล้างมือด้วยสบู่ น�้ำสะอาดหรือเจลแอลกอฮอล์
ปอ้ งกันตัวเองใหเ้ รยี บร้อย และเตรียมถังขยะติดเชอ้ื เอาไวส้ �ำหรบั ท้ิงอุปกรณเ์ มื่อตรวจเสร็จ
๒. เก็บตัวอย่างเชื้อโดยใช้ก้านส�ำลีน�ำ Swab ซ่ึงให้มากับชุดตรวจ มาแหย่เข้าท่ีจมูก ล�ำคอ หรือกระพุ้งแก้ม
(ตามคำ� แนะน�ำทีม่ ากับชุดตรวจ) จากนน้ั หมุนกา้ นส�ำลปี ระมาณ ๓-๔ ครัง้ หรอื ค้างไว้ ๓ วนิ าที
๓. นำ� กา้ นส�ำลีเกบ็ ตวั อย่างท่ี Swab แล้วมาใสใ่ นหลอดเกบ็ จากนั้นหมนุ วนในน�ำ้ ยาประมาณ ๕ ครัง้ หรือ ๑๕ วนิ าที
เสรจ็ แล้วยกขึน้ เล็กน้อย บบี ตรงหลอดเกบ็ ตวั อย่างบรเิ วณปลายส�ำลแี ละปดิ ฝาหลอดเก็บให้แน่น
๔. เม่ือเสรจ็ แล้วเตรยี มแผน่ ทดสอบมารองไวด้ า้ นลา่ ง แล้วหมุนบรเิ วณปลายหลอดเก็บหรอื ใชห้ ลอดดูด หยดนำ้� ยาที่
ผสมกับตวั สารคัดหลั่งแลว้ หยดในแทน่ ตรวจ รอผลประมาณ ๑๐-๓๐ นาที
Antigen Test Kit หรือชุดตรวจโควิด-๑๙ แบบเรง่ ด่วน ด้วยการ Swab เกบ็ ตัวอย่างสารคดั หล่งั ทางจมูก ลึกถงึ คอ
หรอื เกบ็ จากคอ สามารถทำ� ไดเ้ องทบี่ ้าน การตรวจชนดิ นี้เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องตน้ เท่านั้น ซ่งึ การหาซือ้ ชดุ ตรวจ An-
tigen Test Kit นน้ั ควรซ้ือชุดตรวจทไี่ ดร้ บั มาตรฐานจาก อย. เพอื่ ความปลอดภยั ในการใชง้ าน และควรตรวจสอบวนั หมด
อายขุ องชดุ ทดสอบกอ่ นทุกคร้ัง ไมค่ วรเปดิ หรือฉีกซองท่บี รรจุ Antigen Test Kit จนกวา่ จะถงึ การทดสอบ
ใครบา้ งทีค่ วรใชช้ ดุ ตรวจ Antigen Test Kit
● ผทู้ ่สี ัมผัสหรือใกล้ชดิ ผตู้ ิดเชอ้ื โควดิ -๑๙ ทงั้ ที่มอี าการและไมม่ ีอาการผู้ทเี่ ริม่ มอี าการสงสยั วา่ ตดิ เชอ้ื โควดิ -๑๙
ขนั้ ตอนการตรวจหาเชอ้ื โควดิ -๑๙ โดย Antigen Test Kit ด้วยตวั เอง
ก่อนตรวจหาเช้ือ COVID-19 ควรอ่านวิธีการใช้หรือค�ำแนะน�ำ Antigen Test Kit ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนทุกคร้ัง
เนอื่ งจากชดุ ตรวจแตล่ ะชนิดมคี วามแตกตา่ งกนั โดยการใช้งานเบือ้ งต้นมีข้ันตอนคร่าว ๆ ดงั นี้
๑. เคลยี ร์จมกู สัง่ น้�ำมูก (ถา้ มี) ก่อนท�ำการ Swab
๒. ล้างมอื ให้สะอาดดว้ ยสบหู่ รอื แอลกอฮอลเ์ จล วิธีตรวจหาเชื้อโควดิ
๓. ใช้ไม้ SWAB ที่มาพรอ้ มชุดตรวจ เกบ็ สารคัดหลัง่ โดย Antigen Test Kit ดว้ ยตนเอง

จากโพรงจมกู เงยหนา้ ขน้ึ นดิ หนงึ่ จากนนั้ แยงเขา้ ไปในโพรง
จมกู ช้า ๆ แยงเข้าไปลึกประมาณ ๒- ๒.๕ ซม. หรือ ๑ นว้ิ
หมนุ เบา ๆ ๕ รอบ
๔. แยงจมกู อกี ขา้ ง โดยทำ� เหมอื นขา้ งแรก หมนุ เบาๆ
๕ รอบ
๕. เมอื่ เกบ็ สารคดั หลง่ั เสรจ็ แลว้ นำ� ไม้ SWAB ลงไปเกบ็ ในหลอดทม่ี นี ำ้� ยาสกดั หรอื นำ้� ยา Test จากนน้ั หมนุ ไม้ SWAB
๕ ครัง้ เพ่ือใหส้ ารคัดหลง่ั สัมผสั กบั น้ำ� ยามากท่ีสุด จากนน้ั นำ� ไม้ SWAB ออกและปิดดว้ ยจกุ ฝาหลอดหยด
๖. ตลับทดลองจะมีหลุม เพ่ือให้สามารถหยอดน�้ำยาได้ โดยให้หยอดน�้ำยาลงในตลับทดสอบตามจ�ำนวนที่ชุดตรวจ
กำ� หนด (ขนึ้ อยู่กบั แต่ละยห่ี ้อชุดตรวจ) และเมือ่ หยอดเสร็จแลว้ น้�ำยาจะไหลไปตามแผ่นกรองที่อย่ดู า้ นใต้
๗. รออา่ นผล ประมาณ ๑๕-๓๐ นาที (หา้ มอา่ นผลก่อนหรอื หลงั เวลาท่กี �ำหนด)

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 29

หมายเหตุ

● ควรอา่ นตามเวลาท่ี Antigen Test Kit ระบุไว้ เพ่ือไมใ่ ห้ผลการตรวจคลาดเคลอื่ นและเกิดความผดิ พลาด
● ห้ามเอามือไปจับบริเวณท่ีต้องใช้เก็บสิ่งส่งตรวจเด็ดขาด เพราะอาจท�ำให้ผลการทดสอบคลาดเคล่ือน เนื่องจาก
จะมเี ชอื้ โรคจากมอื ปนเป้อื นลงไป
● ห้ามแยงแรงจนเลือดออกเพราะหากมีเลือดจะไม่มาสามารถยืนยันผลตรวจได้ ต้องรอให้แผลหายและท�ำการ
ทดสอบใหม่

วธิ กี ารอา่ นผลตรวจและแปรผลทดสอบ

ผลบวก ติดเชอ้ื โควิด-๑๙
● ถา้ ผลตรวจเปน็ บวก ปรากฏแถบสีแดงขนึ้ สองขดี
ตรงตัวอักษรแถบควบคุม (C) และ แถบทดสอบ (T) แปลวา่
(พบเชอื้ ) (สที ตี่ า่ งกนั หรอื สเี พยื้ น อาจเกดิ จากการเกบ็ ซงึ่ ไมม่ ี
ผลต่อการทดสอบแตอ่ ย่างใด)
ผลลบ ไม่ตดิ เชอ้ื โควิด-๑๙
● ถา้ ผลตรวจเป็นลบ ปรากฏเฉพาะแถบควบคมุ ข้ึน
ขีดเดยี ว (C) แปลวา่ (ไม่ติดเชื้อ)
ผลที่ใชง้ านไมไ่ ด้
● หากไม่ปรากฏแถบอะไรเลย แปลวา่ แผน่ ทดสอบ
(Test) เสยี / ชดุ ตรวจอาจมปี ญั หา แนะนำ� ใหท้ �ำการทดสอบ
ซำ้� อกี ครัง้

เมื่อทราบผลใหน้ ำ�เอาแผ่นทดสอบและกา้ นส�ำ ลีทิ้งลงถงั ขยะตดิ เชอื้

การปฏิบัติตัวหลังทราบผลตรวจ กรณผี ลการทดสอบเป็นบวก
แนะน�ำใหท้ �ำการทดสอบ RT-PCR ซ�้ำ เพ่ือยืนยันผลอีกที เนื่องจากชดุ ตรวจ Antigen Test Kit เป็นการคดั กรอง
เบ้ืองต้นเท่านั้น และควรด�ำเนินการติดต่อหน่วยงานบริการใกล้บ้าน เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือสถานพยาบาล
เปน็ ตน้ เพอื่ ท�ำการประเมินอาการและด�ำเนินการรกั ษาในข้ันต่อไป
การปฏบิ ตั ิตัวหลังทราบผลตรวจ กรณผี ลการทดสอบเปน็ ลบ
กรณีที่ผลตรวจแสดงออกมาเป็นลบ ไม่ได้หมายความว่าไม่ติดเช้ือเสมอไป โดยผู้ตรวจควรประเมินความเส่ียงของ
ตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มที่ผู้ท่ีมีความเส่ียงสูงไหม เพราะเช้ือไวรัส COVID-19 จะมีระยะฟักตัวยาวถึง ๑๔ วัน เพื่อความแน่ใจ
ควรท�ำการแยกกักตัวและตรวจหาเชื้ออีกคร้ังภายหลังจากวันทดสอบวันแรกประมาณ ๓-๕ วัน แต่ถ้าช่วงระหว่างกักตัว
มอี าการผิดปกติ เช่น ไขข้ ้ึนสงู กวา่ ๓๗.๕ องศาเซลเซยี ส เจบ็ คอ ไอ กส็ ามารถตรวจซำ�้ ได้อีกครงั้ เลยทนั ที
ขอ้ ควรระวงั !
● การตรวจเชอ้ื ไวรัส (Antigen) ต้องรับเชือ้ มาแลว้ ๕-๑๔ วนั ถึงจะตรวจได้ผลท่ีแมน่ ยำ� ส่วนการตรวจภูมิค้มุ กัน
(Antibody) จะตรวจพบภูมิคุ้มกันต่อเช้ือในวันท่ี ๑๐ เป็นต้นไป จนกระทั่งหายป่วยแล้ว (หากตรวจนอกเหนือจากเวลา
ดังกล่าวอาจให้ผลทไี่ มแ่ มน่ ย�ำ)
● การตรวจไดผ้ ลเปน็ Positive หรือ Negative ไม่ไดห้ มายความการนั ตวี า่ จะพบเช้อื หรือไม่พบเช้ือ เพราะขน้ึ อยู่
กับระยะเวลาทไี่ ดร้ บั เชอื้ มาแลว้ ด้วย หากมอี าการอ่นื ๆ เพิม่ เตมิ ควรตรวจซำ้� เพ่อื ความแม่นยำ�
● Rapid Antigen Test ทใี่ ชต้ รวจจะตอ้ งไดร้ ับการอนมุ ัติจาก อย. แล้วเทา่ น้ัน
● วธิ เี บอ้ื งตน้ ในการตรวจ Rapid Antigen Test ควรอา่ นเอกสารกำ� กบั การใช้และดูวธิ กี ารใช้ชดุ ตรวจแตล่ ะยีห่ ้อ
อยา่ งเครง่ ครัด
● อปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการตรวจผลหาเช้อื COVID-19 ห้ามนำ� กลบั มาใชใ้ หม่เดด็ ขาด
30 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

● หลังจากท่ีตรวจหาเช้ือเสร็จแล้ว ควรท�ำการแช่ เทยี บวิธีการตรวจโควดิ แบบแอนติเจนและพซี ีอาร์

น�้ำยาฆ่าเช้ือและแยกชุดตรวจใส่ถุงปิดให้มิดชิดก่อนท้ิงขยะ
ตามขัน้ ตอนการทง้ิ ขยะติดเชอ้ื อยา่ งถูกวิธี
● ล้างมือให้สะอาดทุกคร้ังหลังท�ำการตรวจหาเชื้อ
เพอื่ ความปลอดภยั ตอ่ ผอู้ นื่ กรณที ที่ ำ� การตรวจ Antigen Test
Kit ใหก้ บั ผู้อ่นื ควรสวมอุปกรณ์ป้องกัน เชน่ ชุด PPE ถงุ มือ
และหน้ากากอนามัย N๙๕ ทั้งนเี้ พื่อเปน็ การปอ้ งกนั การได้
รบั เชอ้ื
กระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบให้สถานพยาบาลและ
หนว่ ยตรวจหาเชอื้ โควดิ -๑๙ ใชช้ ดุ ตรวจแอนตเิ จนแบบทราบ
ผลเร็ว (Rapid Antigen Test) เปน็ อีกแนวทางในการตรวจ
หาเช้ือโรคโควิด เพ่ือเพ่ิมโอกาสในการตรวจหาเช้ือใน
สถานการณ์ที่มีการระบาดหลายพื้นท่ี แก้ปัญหาประชาชน
ต้องรอคิวนานจากการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการใช้บุคลากร
ทางการแพทยเ์ กบ็ ตวั อยา่ งเชอ้ื (swab) จากจมกู ไปวเิ คราะห์
ผลทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์ ตามวธิ ที เี่ รยี กวา่ พซี อี าร์
(PCR)

มีขอ้ ดอี ย่างไร

การตรวจแบบแสดงผลเรว็ (Lateral Flow Test : LFT) ใชง้ านง่าย ราคาถูก และทราบผลรวดเร็ว โดยจะแสดงผล
ตรวจภายในเวลาประมาณ ๓๐ นาที เหมาะส�ำหรับให้คนทั่วไปใช้งาน ไม่จ�ำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความเช่ียวชาญมาก
ท�ำให้สถานบริการต่างๆสามารถตรวจได้ และในต่างประเทศสามารถซื้อไปตรวจเองที่บ้านได้ (คนตรวจต้องมีความรู้
ความเข้าใจเคร่ืองมือน้ีดีพอ) โดยมักใช้เพ่ือคัดกรองเช้ือไวรัสเบ้ืองต้นส�ำหรับผู้ต้องสงสัยจะติดเช้ือแต่ไม่แสดงอาการป่วย
เพอ่ื ให้ผตู้ ิดเชอ้ื ไดร้ ้ตู ัวและเข้าสกู่ ระบวนการกกั ตัว และปอ้ งกันการแพรเ่ ชอื้ ไปส่ผู ูอ้ ่ืน
ข้อมูลจากสหราชอาณาจกั รพบวา่ ราว ๑ ใน ๓ ของผู้ตดิ เช้อื โรคโควิดจะไมแ่ สดงอาการป่วย ดงั น้ันการตรวจวิธีนี้
จึงช่วยให้สามารถบ่งช้ีตัวผู้ติดเชื้อที่อาจไม่ถูกนับรวมเข้าในจ�ำนวนผู้ติดเช้ือ ซึ่งถือเป็นวิธีการท่ีมีประโยชน์ในการประเมิน
ความชุกและอตั ราการตดิ เช้ือ เพอ่ื ต่อสกู้ บั โรคระบาดนี้
ทางการสหราชอาณาจักรมีบริการจัดส่งชุดตรวจหาเชื้อ Rapid Antigen Test ฟรี ให้แก่ประชาชนทุกคนท่ีอายุ
๑๑ ปขี นึ้ ไป ตง้ั แตเ่ มอ่ื เดอื น เม.ย. ทผ่ี า่ นมา โดยประชาชนสามารถขอรบั ชดุ ตรวจผา่ นทางเวบ็ ไซตส์ ำ� นกั งานบรกิ ารสาธารณสขุ
แห่งชาติ (NHS) ท่ีจะจัดส่งชุดตรวจให้ถึงบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีเง่ือนไขว่า ผู้ขอรับชุดตรวจต้องไม่มีอาการของ
โควิด-๑๙ อยู่แล้ว นอกจากน้ี ที่ท�ำงาน โรงเรียน และมหาวิทยาลัย ก็มักจัดชุดตรวจของทางการเหล่าน้ีให้แก่ลูกจ้าง
หรือนักเรียน นกั ศกึ ษาด้วย

มขี อ้ เสยี อยา่ งไร

๑. การตรวจแบบ LFT ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอในการใช้ตรวจประชากรจ�ำนวนมาก ซึ่งรวมถึง
กลุ่มผตู้ ิดเชื้อทไี่ ม่แสดงอาการ
๒. ใหผ้ ลบวกปลอม คือ ตรวจดว้ ย Rapid Antigen test ให้ผลบวก แต่ตรวจด้วย RT-PCR แลว้ ให้ผลลบ ส่วนนไ้ี ม่
คอ่ ยเป็นปญั หาเทา่ ไร เนอ่ื งจากถ้าตรวจแล้วใหผ้ ลบวกก็จะทำ� การตรวจยนื ยนั ดว้ ย RT-PCR ตอ่ ไป
๓. ใหผ้ ลลบปลอม คือ ตรวจด้วย Rapid Antigen Test ให้ผลลบ แต่ตรวจดว้ ย RT-PCR กลบั เป็นบวก ซงึ่ จะเกดิ ใน
กรณีท่ีปริมาณเชื้อในโพรงจมูกค่อนข้างน้อย ซึ่งจะเกิดในวันแรกๆ ของการสัมผัสผู้ป่วย ผลลบปลอมมีปัญหามากกว่า
ผลบวกปลอม เพราะฉะนั้นถา้ มีอาการเขา้ ไดก้ บั โควดิ ๑๙ ต้องรีบไปตรวจดว้ ย RT-PCR หรือในกรณไี ม่มีอาการ แต่สมั ผัส
ผปู้ ่วยและมีความเสยี่ งสูง กค็ วรกกั ตัวอยูท่ บ่ี ้าน เพราะยังแมแ่ นใ่ จว่าเกดิ ผลลบปลอมหรอื ไม่

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 31

อย่างไรก็ตาม การตรวจวิธีน้ีไม่สามารถตรวจหาเช้ือ สรุปการตรวจแบบ RT-PCR
โรคโควดิ ทม่ี ปี รมิ าณนอ้ ยได้ ตอ้ งทำ� ๒ เทยี่ ว คอื ครง้ั แรกตรวจ และ Rapid Antigen Test (LFT) แตกต่างกนั อย่างไร
เบอ้ื งต้น ครั้งท่ี ๒ ตรวจยนื ยนั ซงึ่ หมายความว่า หากคณุ เพง่ิ
จะตดิ เชอื้ หรอื อยใู่ นระยะฟกั ตวั ของโรค หรอื หากคณุ เพงิ่ จะ
หายจากโรค การตรวจกอ็ าจไมแ่ สดงผลเปน็ บวก อกี ทง้ั ความ
แมน่ ยำ� ในการตรวจแบบ LFT กย็ งั ขนึ้ อย่กู บั บุคคลท่ีทำ� การ
ตรวจดว้ ย
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การ
แพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ อธบิ ายเรื่องนว้ี า่ การตรวจดว้ ย Rapid Antigen Test เมือ่ ตรวจแลว้ ผลเป็นลบไมไ่ ดแ้ ปลว่าไม่
ติดเชื้อ แต่เช้ืออาจจะน้อยและตรวจไม่เจอ ดังน้ัน หากผลเป็นลบยังต้องกลับไปกักตัว และรอติดตามมาตรวจภายหลัง
ส่วนผลเปน็ บวก เนอื่ งจากอาจเปน็ ผลบวกลวงก็ต้องมีการตรวจซ�้ำดว้ ย PCR ซึง่ หากผลเป็นลบกต็ อ้ งกลบั ไปดแู ลกักตัวเชน่
กนั เพราะมคี วามเสยี่ งมาก แตห่ ากเปน็ บวกก็จะน�ำเขา้ สรู่ ะบบการรักษาต่อไป
ขณะที่ทางการสหราชอาณาจักรแนะน�ำว่า หากผลการตรวจแบบ LFT เป็นบวก ให้เข้ารับการตรวจแบบ PCR
ภายใน ๒๔ ช่ัวโมง และกกั ตัวเปน็ เวลา ๑๐ วนั
หากตรวจแบบ PCR ของคุณเป็นลบ แต่การตรวจไม่ได้ท�ำภายใน ๒๔ ชั่วโมง คุณและผู้สัมผัสใกล้ชิดคุณจะต้อง
กักตัว ๑๐ วนั โดยใหเ้ รม่ิ นับตั้งแต่วันแรกทผ่ี ลตรวจแบบ LFT เป็นบวก
การตรวจ PCR ย่อมาจาก polymerase chain reaction หรือปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส ถือเป็นวิธีการตรวจ
โควิด-๑๙ ที่แม่นย�ำท่ีสุดท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน โดยตรวจจับกรดไรโบนิวคลีอิก (ribonucleic acid) หรือ อาร์เอ็นเอ (RNA)
ของเช้อื ไวรสั โคโรนาก่อโรคโควดิ ซงึ่ เปน็ โมเลกุลลกั ษณะเดียวกบั ดเี อน็ เอ
การตรวจ PCR ต้องท�ำในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (ห้องแล็บ) เพื่อตรวจหา RNA ท่ีมีปริมาณน้อยมาก
การตรวจ RT-PCR (Polymerase chain reaction) เป็นการ Swab เก็บตัวอย่างเช้ือบริเวณล�ำคอ และหลังโพรงจมูก
(เช่นเดยี วกันกบั ตรวจ Antigen) แตจ่ ะทราบผลใน ๒-๓ วนั เนือ่ งจากต้องมกี ารวดั ผลผ่านหอ้ งปฏิบตั ิการ ถือเป็นการตรวจ
ที่มีความถูกต้องแม่นย�ำมากกว่า แต่จะใช้เวลาในการวินิจฉัยตัวอย่างเชื้อนานกว่า และเป็นการตรวจท่ีแนะน�ำจาก WHO
เนือ่ งจากสามารถตรวจหาเช้ือในปรมิ าณน้อยได้
ผู้แสดงอาการโควิดจะต้องเข้ารับการตรวจยืนยันด้วยวิธี PCR เพราะการตรวจแบบแสดงผลเร็ว LFT มักใช้ตรวจ
คดั กรองผสู้ งสัยติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ
โดยการตรวจแบบ LFT จะตรวจจับโปรตีนซ่ึงปรากฏอยู่ในร่างกายผู้ท่ีติดเช้ือไวรัสโคโรนาท่ีก่อโรคโควิด-๑๙
สำ� หรบั Rapid Antigen Test เปน็ การตรวจทส่ี ะดวกและใชร้ ะยะเวลานอ้ ยกวา่ ในการวนิ จิ ฉยั เปน็ การตรวจหาเชอ้ื โควดิ -๑๙
ในระดบั เบ้ืองต้น หากผลออกมาเป็นบวก (พบเชอื้ โควดิ -๑๙) ต้องตรวจ RT-PCR เพ่ือยืนยันอกี คร้ัง ตา่ งกบั การตรวจแบบ
RT-PCR ท่ีเป็นการตรวจในระดับสูงสามารถยืนยันเช้ือได้แม้จะมีเช้ืออยู่ในตัวน้อยมากก็ตาม โดยไม่ต้องพ่ึงการตรวจแบบ
อนื่ อีก แต่จะใช้เวลาในการวนิ ิจฉัยนานกวา่ แบบ Rapid Antigen Test
ภายหลงั การตรวจ Rapid Antigen Test หรือ RT-PCR หากพบว่าตดิ เช้ือแตม่ ีอาการน้อยหรอื ไมม่ ีอาการจะจัดเป็น
Home isolation ถา้ มอี าการรุนแรงควรรกั ษาตามขนั้ ตอนต่อไป

แหล่งขอ้ มูลอา้ งอิง

https://www.sikarin.com/health/covid19/antigen-test-kit
- องคก์ ารอนามยั โลก (WHO)
- Times of India, The New York Times
https://www.tht.co.th/blog/RapidAntigenTest-THTKnow77/
https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/where-covid-19-test-RT-PCR-and-Rapid-

Antigen-Test
https://www.bbc.com/thai/international-57805945
http://doh.hpc.go.th/bs/issueDisplay.php?id=593&category=B10&issue=CoronaVirus2019
32 วารสารวทิ ยาศาสตรท์ หารบก

วทิ ยาศาสตร์ของกาแฟ (Science of Coffee)
ร.ต. หญิง ปฐมาภรณ์ กระจา่ งโพธิ์ (น.สันทดั งาน กพก. รพ.ภูมพิ ลอดุลยเดช พอ.)

บทน�ำ

หากพูดถึงเคร่ืองดื่มยอดนิยมของคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในวันท่ีแสนเร่งรีบท่ีต้องการเติมพลังให้พร้อมสู ้
กับการท�ำงานหนักหรือในวันที่ต้องการผ่อนคลายจากความอ่อนล้า เช่ือได้ว่าเครื่องด่ืมยอดฮิตนี้คงหนีไม่พ้น “กาแฟ”
อยา่ งแนน่ อน เนอ่ื งจากเปน็ ตวั ชว่ ยทดี่ ใี นการกระตนุ้ ใหเ้ ราตนื่ ตวั เพม่ิ ความกระปรก้ี ระเปรา่ รวมถงึ ชว่ ยสรา้ งความผอ่ นคลาย
ได้เป็นอย่างดี กาแฟจึงไม่ใช่เครื่องดื่มท่ีนิยมดื่มเฉพาะในช่วงเช้าของวันเท่านั้น หลายท่านยังนิยมดื่มในช่วงเวลาอื่น ๆ
ของวันด้วย อีกทั้งยังถูกน�ำมาใช้เป็นส่วนผสมของเมนูต่าง ๆ วันนี้ผู้เขียนจึงอยากบอกเล่าเก่ียวกับเร่ืองราวของกาแฟ
ในมุมมองของวิทยาศาสตร์ เน่ืองจากเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกและมีการศึกษาวิจัยท่ีน่าสนใจเกี่ยวกับ
กาแฟอยา่ งมากมาย

ชวี วิทยาของกาแฟ

ตน้ กาแฟและเมล็ดกาแฟทงั้ ๒ สายพันธุ์

“กาแฟ” เปน็ พชื พื้นเมอื งเขตร้อนแถบแอฟรกิ าใตแ้ ละเอเชียใต้ เป็นพชื ดอกท่ไี ม่ผลัดใบจดั อยูใ่ นวงศ์ Rubiaceae
มีความสูงไดถ้ ึง ๕ เมตร ใบมีสเี ขยี วเข้มเปน็ มนั ดอกมสี ขี าวและมีกลนิ่ หอม ผลของกาแฟมีลกั ษณะยาวรี ผลอ่อนจะมสี เี ขยี ว
เมอ่ื สกุ จะเปลยี่ นเปน็ สเี หลอื งและหากนำ� ไปตากใหแ้ หง้ สขี องผลจะเปลยี่ นเปน็ สแี ดงเขม้ และเปน็ สดี ำ� ดงั เมลด็ กาแฟทเ่ี ราเหน็
การเกบ็ เกยี่ วกาแฟจะทำ� การเกบ็ เฉพาะผลกาแฟทร่ี ว่ งแลว้ ทสี่ กุ เตม็ ทเี่ ทา่ นน้ั เนอ่ื งจากทำ� ใหไ้ ดเ้ มลด็ กาแฟทม่ี คี ณุ ภาพดที สี่ ดุ
สายพันธุ์ของกาแฟท่ีนิยมปลูกกันมีสองสายพันธุ์ ได้แก่ กาแฟอราบิก้า (Arabica coffee) มีช่ือวิทยาศาสตร์ว่า
Coffea arabica. L มถี ่ินกำ� เนิดจากที่สงู ทางภาคตะวันตกเฉียงใตข้ องเอธิโอเปีย ส่วนอกี สายพันธ์ทุ เ่ี ปน็ ท่ีนยิ ม คือ กาแฟ
โรบสั ตา้ (Robusta coffee) มีชอ่ื วทิ ยาศาสตรว์ า่ Caffea canephora Pierre ex Froehn ซึง่ มีถิ่นกำ� เนดิ มาจากประเทศ
เสน้ ศูนยส์ ูตร แถบประเทศนิวกินี ปัจจบุ นั ปลกู มากในประเทศอนิ โดนีเซีย เวียดนาม อนิ เดีย และเขตรอ้ นของแอฟริกา

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 33

คณุ ค่าทางอาหารของเมลด็ กาแฟหนกั ๑๐๐ กรัมน้ัน ประกอบไปดว้ ยนำ�้ ๑๐ - ๑๓ กรมั โปรตีนและกรดอะมิโน
๑๑-๑๖ กรัม ไขมัน ๑๒-๑๔ กรัม แร่ธาตุ ๔ กรัม นอกจากน้ียังมีน�้ำตาลซูโครสและสารอินทรีย์อื่น ๆ ปัจจุบันนิยม
บริโภคกาแฟในรูปแบบกาแฟคั่วบดที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟโรบัสต้า ส่วนการผลิตกาแฟค่ัวตามร้านกาแฟสดน้ันนิยมใช้
กาแฟอราบิก้า เน่ืองจากมีกล่ินหอมมากกว่ากาแฟโรบัสต้า นอกจากนี้กาแฟยังถูกน�ำมาปรุงแต่งรสชาติและกลิ่นในอาหาร
และของใช้ประเภทต่าง ๆ อีกด้วย เน่ืองจากในเมล็ดกาแฟมีน�้ำมันหอมระเหยอยู่หลายชนิด ซึ่งเป็นกล่ินเฉพาะตัวที่ช่วย
สร้างความผ่อนคลายและกระตุน้ ให้ตืน่ ตวั ไปพร้อมกนั

องคป์ ระกอบของกาแฟและกลไกการออกฤทธ์ิ

กลไกการออกฤทธ์ขิ องคาเฟอนี
สาเหตุทกี่ าแฟสามารถปลกุ ใหเ้ ราตน่ื จากอาการงว่ งนอนไดน้ น้ั มาจากคุณสมบตั ิของ “คาเฟอนี ” ซงึ่ เปน็ สารกระต้นุ
(Stimulant) ที่พบในกาแฟ สารนี้ออกฤทธ์ิกระตุ้นการท�ำงานของสมองโดยไปปิดกั้นการท�ำงานของโมเลกุล adenosine
ซ่ึงเป็นสารท่ีท�ำหน้าที่ลดการท�ำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งเป็นตัวส่งเสริมการนอนหลับเม่ือเข้าจับกับตัวรับ
(receptor) เนอื่ งจากโครงสรา้ งของคาเฟอนี คลา้ ยคลงึ กบั adenosine ทำ� ใหค้ าเฟอนี ไปแยง่ จบั กบั ตวั รบั ของ adenosine ได้
โดยปกตแิ ลว้ ร่างกายของเราจะมี adenosine คอ่ ย ๆ สะสมมากข้นึ และไปจบั กับตวั รบั ทำ� ให้เรารู้สึกงว่ งนอนหรอื ออ่ นล้า
จนถึงในชว่ งท่นี อนหลบั ร่างกายจงึ จะปลดปล่อย adenosine ท่จี ับกับตวั รบั ออกมา เราจงึ จะรู้สึกสดชื่นขนึ้ แต่หากร่างกาย
ได้รับคาเฟอีนจะท�ำให้คาเฟอีนไปแย่งจับกับตัวรับของ adenosine ท�ำให้โมเลกุลของ adenosine ไม่เข้าจับกับตัวรับ
จงึ ร้สู ึกตืน่ ตัว กระปรก้ี ระเปร่าหรือไมง่ ่วงนัน่ เอง
นอกจากคาเฟอีนแล้ว กาแฟถ้วยโปรดของเรายังพบสารเคมีอื่น ๆ ท่ีส�ำคัญต่อสุขภาพอีกมากมาย เช่น
กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic acids) ที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและเบาหวาน ต้านการอักเสบและ
เชื้อแบคทีเรีย สารไตรโกนีลีน (Trigonelline) ท่ีช่วยปกป้องสมองไม่ให้ถูกท�ำลาย ช่วยลดระดับน�้ำตาลในเลือด เป็นต้น
นอกจากน้กี าแฟยังมีสารตา้ นอนุมลู อิสระ ท่ีช่วยปอ้ งกนั อันตรายทจ่ี ะเกิดขนึ้ กับเซลลต์ ่าง ๆ ในรา่ งกายอกี ดว้ ย

ผลของกาแฟที่มตี ่อสขุ ภาพ ภาพแสดงประโยชนต์ ่อรา่ งกายทไ่ี ดร้ บั จากการด่มื กาแฟ

ในงานวิจัยที่ศึกษาเก่ียวกับกาแฟหลายช้ินระบุ วารสารวทิ ยาศาสตร์ทหารบก
ว่า กาแฟซ่ึงมีสารคาเฟอีนนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อ
สุขภาพร่างกาย โดยข้อดีของกาแฟท่ีมีต่อสุขภาพนั้น
มีอยู่ไม่น้อย เช่น การดื่มกาแฟสามารถช่วยชะลอภาวะ
ความจ�ำเส่ือม ช่วยลดอัตราเส่ียงการเป็นโรคอัลไซเมอร์
ชว่ ยลดอตั ราเสยี่ งของโรคพารก์ นิ สนั ปอ้ งกนั ภาวะตบั แขง็
ลดความเสี่ยงเก่ียวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วย
เพ่ิมไขมันดีท่ีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยลดการอุดตัน
ในเส้นเลือดขอดเป็นต้นนอกจากน้ียังช่วยท�ำให้อารมณ์
แจม่ ใสและชว่ ยให้ความสามารถทางกีฬาสูงขนึ้ ดว้ ย
34

ในขณะที่บางการศึกษาพบว่า แม้คาเฟอีนซึ่งอยู่ในกาแฟจะสามารถลดอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคลงได้หลายชนิด
แต่การได้รับคาเฟอีนจ�ำนวนมากจะท�ำให้เกิดการกระตุ้นประสาทให้ต่ืนตัวจึงอาจเกิดผลข้างเคียงข้ึนได้ เช่น ใจสั่น
ชพี จรเตน้ เรว็ ขึ้น รู้สกึ เวียนหวั กระสับกระสา่ ย อาจมอี าการนอนไม่หลับ ปากแหง้ ปวดทอ้ ง คล่ืนไส้ ทอ้ งเสยี ปัสสาวะบอ่ ย
โดยผลกระทบหรือผลขา้ งเคยี งน้จี ะมากหรือนอ้ ยข้นึ กับปจั จยั ของแต่ละบคุ คลรวมถงึ ปริมาณคาเฟอีนท่ไี ด้รบั

ไขขอ้ สงสัย ดม่ื กาแฟบ่อยแล้วท�ำ ไมถึงง่วง?

เมอื่ ดมื่ กาแฟมาซกั ระยะหนงึ่ อาจจะสงสยั วา่ ทำ� ไมดมื่ กาแฟบอ่ ยแตย่ งั งว่ งอยู่ จากการศกึ ษาพบวา่ เมอ่ื เราดม่ื กาแฟ
บ่อย ๆ ผลทไ่ี ดจ้ ะลดลง เนือ่ งจากเม่อื ร่างกายได้รบั คาเฟอีนติดต่อกันมานาน รา่ งกายจะเร่ิมเพิ่มจำ� นวนตวั รบั (receptor)
ของ adenosine ใหม้ ากขน้ึ ทำ� ใหเ้ มอ่ื ไดร้ บั คาเฟอนี ในปรมิ าณเทา่ เดมิ จะทำ� ใหค้ าเฟอนี ไปปอ้ งกนั การจบั ระหวา่ งตวั รบั และ
adenosine ไมเ่ พยี งพอ จงึ ส่งผลใหต้ วั รับบางส่วนยงั สามารถจับกบั adenosine ได้ ซึง่ การท่ี adenosine มาจบั กับตัวรับ
นที้ �ำใหเ้ กิดการงว่ งนอนขึน้ นนั่ เอง เราจึงตอ้ งเพ่ิมปรมิ าณคาเฟอนี ใหม้ ากขึน้ เร่ือย ๆ หากตอ้ งการใหต้ ่ืนตวั
หากคุณเป็นคนหน่ึงที่มีอาการด้ือต่อคาเฟอีน แล้วต้องการให้ร่างกายกลับมาเห็นผลในการตื่นตัวเหมือนเดิม
จากงานวิจัยแนะน�ำว่าให้งดด่ืมคาเฟอีนเป็นช่วง ๆ เช่น งดคาเฟอีนเป็นเวลา ๑ เดือน (หรืองดด่ืม ๑-๒ วัน ต่อสัปดาห์)
หากไมม่ อี าการดงั กลา่ วหรอื ครบเวลาแลว้ สามารถกลบั มาดมื่ เครอื่ งดม่ื ทม่ี คี าเฟอนี ไดป้ กติ เพอื่ ใหร้ า่ งกายปรบั ตวั ในการสรา้ ง
ตัวรับต่อคาเฟอนี ในปริมาณทีล่ ดลง ซ่งึ จะช่วยท�ำใหก้ าแฟมีผลในการป้องกันการงว่ งได้ดีเหมอื นเดิม

เราควรดม่ื กาแฟเทา่ ไหร่ ถงึ จะดตี อ่ รา่ งกาย?

คาเฟอนี ท่ีอยูใ่ นกาแฟเปน็ สารกระต้นุ ทท่ี ำ� ใหเ้ กิดความกระปรี้กระเปรา่ และความต่ืนตัว โดยคาเฟอนี ในปริมาณตำ่�
(๕๐-๒๐๐ mg.) จะท�ำให้ร่างกายเกดิ การตน่ื ตวั กระปรกี้ ระเปรา่ สดชืน่ ในขณะทเี่ มื่อเพ่ิมปรมิ าณคาเฟอีนขึน้ เพียงเล็กนอ้ ย
ในระดับปานกลาง (๒๐๐-๕๐๐ mg.) จะท�ำให้เกดิ อาการปวดศรี ษะ เครียด กระวนกระวาย มือส่นั และอาจมอี าการนอน
ไม่หลบั และเมื่อไดร้ บั คาเฟอีนในปริมาณท่สี ูง (๑,๐๐๐ mg) จะทำ� ใหเ้ กิดอาการท่เี รียกวา่ “คาเฟอนี เป็นพิษ” ซ่งึ มีอาการ
กระสับกระสา่ ย อยูน่ ิง่ ไมไ่ ด้ หวั ใจเต้นเรว็ คล่นื ไส้ เบือ่ อาหารและปสั สาวะบอ่ ย
ปรมิ าณคาเฟอนี ทีอ่ ย่ใู นกาแฟแตล่ ะชนิดจะแตกต่างกนั ไป โดยเฉล่ยี กาแฟ ๑ แกว้ ประกอบดว้ ยคาเฟอีนประมาณ
๘๕ ถึง ๑๐๐ มิลลิกรัม ส่วนในกาแฟชงสดจะมีปริมาณคาเฟอีนท่ีมากกว่า มีปริมาณ ๑๐๐ ถึง ๑๕๐ มิลลิกรัมต่อแก้ว
ท้ังนป้ี ริมาณคาเฟอนี ขน้ึ อยูก่ บั กรรมวธิ ีทใ่ี ชใ้ นการชงดว้ ย

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 35

การได้รับคาเฟอีนในปริมาณ ๒๐๐ มิลลิกรัมต่อวันจะช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญได้ สามารถใช้เป็นตัวช่วย
ในการลดไขมนั ได้ แต่หากได้รบั คาเฟอีนมากกวา่ ๒๕๐ มลิ ลกิ รัม ตอ่ วนั จะทำ� ใหค้ วามดนั สงู ขน้ึ ซึ่งไมเ่ ปน็ ผลดใี นระยะยาว
ดังนั้นปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับต่อวัน ควรอยู่ในช่วง ๑๐๐-๒๐๐ มิลลิกรัม จะท�ำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และตื่นตัว
หากได้รับในปริมาณมากกว่าน้ีจะท�ำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ ในทางการแพทย์จึงแนะน�ำให้ด่ืมกาแฟเพียง
๑-๒ แก้วตอ่ วัน ท้งั น้ขี ้นึ อยูก่ บั สุขภาพของผทู้ ีด่ มื่ ดว้ ย

ตารางแสดงปริมาณคาเฟอีนในเคร่ืองดืม่ ต่าง ๆ (โดยประมาณ)

ชนิดของกาแฟ ปรมิ าณกาแฟ ปริมาณคาเฟอนี (mg)
กาแฟสำ�เร็จรูป 237 ml 27-173 (แลว้ แต่ชนดิ )
เอสเปรสโซ่ 30 ml 50-75
คาปชู ิโน่ 240 ml 75
ลาเต้ 240 ml 75
ชา 237 ml 14-70

บทสรุป

จากข้อมูลข้างต้นและงานวิจัยหลายช้ินแสดงให้เห็นว่ากาแฟมีท้ังผลดีหากด่ืมในปริมาณท่ีเหมาะสมและมีผลเสีย
เมอ่ื ดม่ื มากเกนิ ไป ดงั นน้ั ควรเลอื กดมื่ ในปรมิ าณทพี่ อเหมาะกบั ตวั เอง ไมค่ วรดมื่ กาแฟมากไปเพอ่ื โหมงานหนกั หากดมื่ กาแฟ
เป็นประจ�ำควรดื่มน้�ำสะอาดตามให้มากเพื่อลดการสูญเสียน�้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้สมองท�ำงานได้อย่างเต็ม
ประสิทธิภาพท่ีสุด เพียงเท่าน้ีก็สามารถลดผลเสียจากการด่ืมกาแฟลงได้ แล้วคุณจะได้ดื่มกาแฟแก้วโปรดนี้ด้วยความรู้สึก
สดชื่นกระปรกี้ ระเปร่าไปตลอดทัง้ วนั

ขอ้ มลู อ้างอิง

Thomas Merritt. (2020, January 20). The biology of coffee, one of the world’s most popular drinks,
Retrieved February 8, 2020, From https://theconversation.com/the-biology-of-coffee-one-of-
the-worlds-most-popular-drinks-129179

Astrid Nehling, Jean-Luc Daval and Gerared Debry. (1992). Caffeine and the central nervous system:
mechanisms of action, biochemical, metabolic and psychostimulant effects. Elsevier
B.V.17:139-170,Retrieved February 8, 2020, From https://www.sciencedirect.com/science/article/
abs/pii /016501739290012B?via%3Dihub

BETH MOLE. (2016, January 2). The science behind a good cup of coffee.Retrieved February 8, 2020,
From https://arstechnica.com/science/2016/01/how-to-science-up-your-coffee/

T. Chou, S. Khan, J. Forde, K. R. Hirsh, Caffeine tolerance: behavioral, electrophysiological and
neurochemical evidence. Life Sci 36, 2347-2358 (1985).

Robertson, D. Wade, R. Workman, R. L. Woosley, J. A. Oates, Tolerance to the humoral and
hemodynamic effects of caffeine in man. J Clin Invest 67, 1111-1117 (1981).

36 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

นวตั กรรมใหม:่

พลาสตกิ ทางชวี ภาพย่อยสลายไดอ้ ย่างสมบรู ณ์

ร.ท.หญงิ ณพุ ร โกไศยกานนท์
ในปัจจุบัน พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เป็นส่ิงที่คนทั่วทั้งโลกหันมาให้ความสนใจ และเป็นทางเลือกที่คนรุ่น
ใหม่ให้ความส�ำคัญเป็นล�ำดับต้นๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พลาสติกชนิดนี้ท่ีมีใช้อยู่นั้นก็ยังมาสามารถย่อยสลายได้อย่าง
สมบรู ณ์ ไมว่ ่าจะเป็น ถุงพลาสตกิ กล่องบรรจุภณั ฑอ์ าหาร หรือภาชนะตา่ งๆ ท่หี ลังจากเวลาผ่านไปก็จะเกดิ การย่อยสลาย
ไปบางสว่ น แตก่ จ็ ะไปปนเปอ้ื นกบั ขยะอนื่ ๆ พวกพลาตกิ ทถ่ี กู ยอ่ ยไปครงึ่ ๆ กลางๆ นนั้ จะกลายเปน็ พอลเิ มอรช์ นดิ หนงึ่ ทเ่ี รยี ก
วา่ โพลีเอสเตอร์ หรือทีเ่ รียกอีกอยา่ งว่า กรดโพลีแลคติก (Polylactic acid; PLA) แลว้ ในตอนสดุ ทา้ ยมันกจ็ ะถูกท้ิงไว้ในบอ่
ขยะตลอดไป

พลาสติกทผี่ า่ นการดัดแปลงแลว้ (ซ้าย) ยอ่ ยสลายไปเกือบหมดหลังจากผา่ นไป ๓ วนั 37
(ขวา) และจะย่อยสลายหมดไปหลังผา่ นไป ๒ สัปดาห์

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔

จากการศึกษาล่าสุดของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley)
คน้ พบวิธที ท่ี �ำใหพ้ ลาสตกิ ยอ่ ยสลายได้ สามารถสลายตวั ไดง้ ่ายยิ่งขน้ึ โดยอาศยั เพียงแคน่ ำ�้ และความรอ้ น และใชเ้ วลาเพียง
แคไ่ มก่ อ่ี าทิตย์ ซึ่งการค้นพบในคร้งั น้จี ะทำ� ให้นักสิ่งแวดลอ้ มและบริษัทผู้ผลิตพลาสตกิ ตะลงึ งัน
ศาสตราจารย์ ซู ถิง ได้อธิบายถึงเทคนิคและขบวนการย่อยสลายแบบใหม่น้ีลงในวารสารวิชาการ เดอะ เจอร์นัล
เนเจอร์ (The journal Nature) วา่ ในทางทฤษฎแี ลว้ เทคโนโลยใี หมน่ จี้ ะถกู นำ� ไปใชก้ บั พลาสตกิ ประเภทโพลเี อสเตอรท์ ส่ี าร
ต้ังต้นในการผลิตภาชนะพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ซ่ึงปัจจุบันภาชนะพลาสติกน้ีท�ำมาจากโพลิเอทิลีน ซึ่งเป็นโพลิ
โอเลฟินชนดิ หน่ึงทีไ่ ม่สามารถยอ่ ยสลายได้ ซู คิดวา่ พลาสตกิ โพลีโอเลฟินนคี้ วรจะเป็นผลิตภณั ฑท์ มี่ มี ูลคา่ มากข้นึ ไม่ใช่แค่
ยอ่ ยสลายหายไป และเธอกำ� ลังหาวิธเี ปลย่ี นแปลงมนั ให้สามารถน�ำกลับมาใชใ้ หมไ่ ดอ้ กี ครงั้

แผน่ ฟิล์มพลาสติก PLA ท่ีถูกวางไว้ในกองปยุ๋ หมกั (ซา้ ย) จะเกดิ การสลายตัวอย่างรวดเรว็ เหลือไว้แต่เศษซากเม่ือฝ่านไป
๑ อาทิตย์ (ขวา) พลาสตกิ PLA ที่เคลือบด้วยเอนไซม์ จะสามารถย่อยสลายกลายเปน็ โมเลกลุ เล็กๆ ซงึ่ เกิดเปน็ ทางเลือก

ใหม่ในการยอ่ ยขยะพลาสติกได้ (UC Berkeley photo by Adam Lau/Berkeley Engineer)
กระบวนการท่ีซูศกึ ษาน้ี เกิดจากการใส่เอนไซมต์ วั พิเศษที่สามารถกินพลาสตกิ ชนดิ โพลเี อสเตอรล์ งใหแ้ ผ่นพลาสตกิ
ตวั อยา่ ง ตวั เอนไซมน์ จ้ี ะมกี ระเปาะพอลเิ มอรห์ อ่ หมุ้ อยู่ เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ อนไซมส์ ลายหายไปกอ่ นทจี่ ะเกดิ กระบวนการยอ่ ย
สลายในสภาวะทเ่ี หมาะสม แตเ่ มอ่ื แผ่นพลาสตกิ ตัวอยา่ งไดร้ บั ความรอ้ นและความช้ืนที่เพยี งพอ ซงึ่ ในท่ีนนี้ กั วจิ ยั กำ� หนดให้
เป็นกองปุ๋ยหมัก กระเปาะท่ีห่อหุ้มเอนไซม์อยู่จะสลายตัวแล้วเอนไซม์นั้นจะตรงเข้าไปกัดกินพอลิเมอร์จนถึงระดับของ
โครงสร้างโมเลกุลของแผน่ พลาสตกิ ตวั อย่าง ซงึ่ พลาสตกิ ชนดิ PLA จะถกู ย่อยกลายเปน็ กรดแลคติก และกรดแลคติกน้ีก็จะ
กลายเป็นอาหารของจุลนิ ทรียใ์ นกองปุ๋ยหมกั ตอ่ ไปได้ ซ่ึงจากในบทความกอ่ นหน้าน้ี สงิ่ ทเี่ ปน็ ผลพลอยได้ของพลาสติกท่ีถูก
ยอ่ ยสลายจะกลายเปน็ เศษเลก็ ๆ เรยี กวา่ ไมโครพลาสตกิ (Microplastic) แตใ่ นการศกึ ษาของซใู นครง้ั นี้ พบวา่ แผน่ พลาสตกิ
ตวั อย่าง จะถกู ยอ่ ยสลายไปหมด ไดม้ ากถงึ ๙๘ เปอรเ์ ซ็นต์
ในบทความตอนหน้า เราจะมาเจาะลึกถึงการนำ� นวัตกรรมนี้มาดัดแปลงและใชง้ านกับงานวจิ ยั ทางทหารกันค่ะ
ที่มา : Robert Sanders, UC Berkeley. New process makes ‘Biodegradable’ plastic truly compostable.
[ออนไลน์]. ๒๐๒๑. แหลง่ ท่ีมา: https://news.berkeley.edu/2021/04/21/new-process-makes-biodegradable-
plastics-truly-compostable/ [๘ ตลุ าคม ๒๕๖๔]
38 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

มาท�ำความรู้จกั กบั ....

ภมู ิคมุ้ กนั หมูก่ นั เถอะ

ร.อ.หญงิ อญั ภัทร ศรวี เิ ศษ

ฉันตดิ เชือ้ หรอื ยงั นะ?

ไดแ้ ต่ต้ังคำ� ถามกับตวั เอง เมอ่ื สถานการณ์ของ COVID-19 เริม่ กระช้ันเขา้ มาใกล้ตัวเรามากข้นึ จนหลายคนเรม่ิ ท�ำใจ
แลว้ วา่ อาจจะตดิ เชื้อแบบไม่ร้ตู ัวกันไปแลว้ จริงๆ กไ็ ด้ แต่ถ้าผ้คู นติดเชอื้ กันจนลน้ โลกแล้ว จุดสนิ้ สุดของการแพรร่ ะบาดนี้
จะหยุดอยู่ที่ไหน? เพ่ือหาค�ำตอบน้ัน ‘Herd immunity’ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกคร้ัง หลังจากนักวิทยาศาสตร ์
ชาวองั กฤษ เสนอทางออกจากวงเวยี นแหง่ โรคระบาดดว้ ยคำ� น้ี แลว้ Herd immunity คอื อะไรกนั แน่ ยงิ่ กวา่ นนั้ จะสามารถ
ใช้ไดผ้ ลจรงิ ๆ เหรอ?
ค�ำว่า “Herd immunity” กลายเป็นค�ำท่ีคุ้นหูของคนทั่วไปหลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-๑๙ เมื่อปีกลาย
ค�ำน้ีเกิดฮิตข้ึนมา เน่ืองจากในช่วงแรกๆ ท่ีมีการระบาด มีนักสาธารณสุขและผู้น�ำในประเทศตะวันตก หลายประเทศ
ได้พูดในทำ� นองว่า “จะท�ำใหโ้ รคน้ีหายไปได้ คงต้องใช้หลักของ herd immunity คอื รอใหค้ นจ�ำนวนมากติดโรค แล้วเกดิ
ภูมคิ ุม้ กนั ตามธรรมชาตกิ ันถว้ นหนา้ ” ฉบบั นี้ จงึ ขอพดู ถงึ เรอ่ื งนส้ี กั นิด

ความหมายของ “Herd immunity” 39
Herd (n.) = กลุม่ คน, ฝูงสัตว์
Immunity (n.) = ภูมิค้มุ กันโรค

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔

ค�ำน้ีมีการแปลเป็นภาษาไทยว่า “ภูมิคุ้มกันหมู่” หมายถึงภูมิคุ้มกันของหมู่คนจ�ำนวนมากในชุมชน บางคนจึง
ใช้ค�ำวา่ “Community immunity” ภูมคิ ุ้มกัน (immunity) ในทีน่ ้หี มายถงึ ภูมิคมุ้ กันต่อโรคตดิ เชอ้ื ของคนเรา โดยเฉพาะ
อยา่ งยิ่ง โรคตดิ เช้ือไวรัสที่ระบาดงา่ ย เชน่ หดั หัดเยอรมัน คางทูม อีสุกอีใส ไขห้ วัดใหญ่ โรคโควิด-๑๙ เปน็ ตน้
ตามนยิ ามของศนู ยค์ วบคุมและป้องกันโรคแหง่ ชาตขิ องสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention:
CDC) ค�ำว่า Herd immunity หรือท่ีรู้จักกันอีกช่ือ คือ Community Immunity หมายถึง สถานการณ์ที่สัดส่วน
ของประชากรที่มีภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะเป็นภูมิคุ้มกันท่ีร่างกายผลิตขึ้นมาเองตามธรรมชาติ หรือได้รับวัคซีนป้องกันโรค
แต่ก็มีจ�ำนวนมากพอ จนเช้ือไวรัสไมส่ ามารถแพรก่ ระจาย หรือถกู ส่งผา่ นไปยังคนอ่นื ๆ ได้
พูดง่ายๆ ก็คือ เม่ือคนในพื้นท่ีน้ันๆ ได้รับวัคซีน หรือได้รับเช้ือแล้วร่างกายมีภูมิคุ้มกันจนไม่ป่วยอีก พอคนติดเชื้อ
ไดน้ อ้ ยเช้อื โรคก็แพร่ไปสูค่ นอื่นได้ยากไปดว้ ย
วธิ ีนี้ถอื เปน็ การปอ้ งกันการแพรเ่ ช้อื ไปสคู่ นท่ีอยู่ในภาวะเส่ียง หรือไม่มีภูมคิ ุ้มกัน เช่น ผู้สงู อายุ เดก็ แรกเกิด ผ้ปู ว่ ย
อาการสาหสั ผทู้ ภ่ี มู คิ มุ้ กนั บกพรอ่ ง หรอื ผปู้ ว่ ยทร่ี บั การรกั ษาดว้ ยเคมบี ำ� บดั เปน็ ตน้ และเมอ่ื เชอ้ื ไวรสั ไมส่ ามารถแพรร่ ะบาด
ไปสผู่ ู้อ่นื ได้มันก็จะหายไปไม่กลายเปน็ การแพรร่ ะบาดนั่นเอง

Herd immunity หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ เกิดได้ใน ๒ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่

➊ ภูมิคมุ้ กนั ที่เกิดตามธรรมชาติ เกิดจากคนเราเกิดติดเชอ้ื (เชน่ เช้ือหวดั ไข้หวดั ใหญ)่ เขา้ ร่างกาย แลว้ รา่ งกาย
สรา้ งภูมิคมุ้ กันต่อโรคนนั้ ขน้ึ มาไดเ้ อง เมอ่ื รับเช้ือคร้ังใหม่ภมู ิคมุ้ กันกจ็ ะทำ� ลายเชื้อ ทำ� ให้ไมเ่ ปน็ โรคนั้นๆ ได้

➋ ภมู คิ ุ้มกันท่ีเกิดจากวคั ซนี ท�ำใหป้ อ้ งกนั โรคได้ กล่าวคือ หลงั จากรา่ งกายไดร้ ับวคั ซีนจนมภี มู ิค้มุ กนั แล้ว เม่ือตดิ
เช้ือ (ซง่ึ มีวคั ซีนใชป้ ้องกนั โรคทเ่ี กดิ จากเชือ้ ชนดิ นน้ั ได้ เช่น วคั ซนี ปอ้ งกันหัด หรอื ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ ) กจ็ ะไม่
เปน็ โรคน้ันๆ

ในการปอ้ งกนั การระบาดของโรค ดว้ ยหลกั ของ herd immunity หรอื ภมู คิ มุ้ กนั หมนู่ น้ั จำ� เปน็ ตอ้ งทำ� ใหค้ นสว่ นใหญ่
ในชมุ ชน (ราวๆ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป) เกิดภมู ิคุ้มกนั จะโดยธรรมชาติ (รอใหค้ นหมู่มากติดเชือ้ กนั แลว้ ) หรอื โดยการฉีดวัคซีน
(คนท่ียังปกตดิ ีไดร้ ับวคั ซีนกันเกอื บถว้ นทั่ว) หรอื ท้ังสองอย่างรวมกันก็ได้

แล้ววัคซีน เก่ยี วกับ Herd immunity ยังไง?

อยา่ งท่ีกล่าวไปวา่ Herd immunity เป็นภาวะที่คนมภี มู ติ า้ นทานโรคเปน็ จ�ำนวนมาก วคั ซีน ซง่ึ เป็นอีกหนึง่ ภมู ติ า้ น
ทานโรค จงึ เกี่ยวข้องกับประเดน็ นี้ไปโดยปรยิ าย ซง่ึ คำ� ว่า Herd immunity ปรากฏครัง้ แรกเม่ือปี ค.ศ.๑๙๒๓ ในบทความ
เรอ่ื ง The spread of bacterial infection: the problem of herd immunity ทก่ี ลา่ วถึงโรคระบาดตา่ งๆ ทม่ี ีความใกล้
ชิดกบั หนู โดยพบว่า หนูที่ได้รับวัคซนี มีอัตราการตายต�่ำ และมีโอกาสทจ่ี ะถา่ ยทอดเชื้อนอ้ ยลงดว้ ย
40 วารสารวิทยาศาสตรท์ หารบก

ในบทความนี้ยังบรรยายไว้ว่า “…การเพิ่มความต้านทานต่อการติดเช้ือแบคทีเรียในกลุ่มประชากร น่าจะเป็นผลมา
จากการทค่ี วามตา้ นทานตอ่ เชอ้ื ในส่วนบุคคลเพิ่มขนึ้ ซง่ึ น่าจะเป็นหนทาง ทีด่ ที ่สี ุดท่ีจะลดการแพร่เชอ้ื โรค”
Herd immunity เป็นผลทางอ้อมของการป้องกันโรคจากวัคซีน ที่ช่วยปกป้องคนท่ียังไม่มีภูมิคุ้มกันจากโรคภัย
ด้วยกลุ่มคนทม่ี ภี ูมคิ ้มุ กันมากพอ ซ่งึ นก่ี ็เป็นจดุ เร่ิมตน้ ท่ที ำ� ใหเ้ กดิ โปรแกรมการให้วคั ซนี กับประชากรทั่วโลกเปน็ ต้นมา

โรคโควิด-๑๙ กบั ภมู ิคมุ้ กันหมู่

ในช่วงแรกของการระบาด มีผนู้ ำ� ของหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ทางตะวันตก มองว่าโควิด-๑๙ เปน็ เพยี งโรค
ทค่ี ล้ายไขห้ วัด คือ มีอนั ตรายน้อย เพราะสว่ นใหญ่เปน็ แล้วมอี าการเพยี งเลก็ น้อยและหายไดเ้ อง จึงไมไ่ ด้ออกมาตรการเข้ม
ในการป้องกัน ปล่อยให้มีการติดเชื้อในชุมชน และเช่ือว่าเมื่อเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติแบบเดียวกับหัดเยอรมัน
ในสมัยก่อนโรคก็จะหยุดระบาดไปไดเ้ อง
ความจรงิ ปรากฏในเวลาตอ่ มาวา่ ถงึ แมค้ นอายนุ อ้ ยเปน็ โรคนแี้ ลว้ หายไดเ้ องเปน็ สว่ นใหญ่ แตไ่ มอ่ าจปอ้ งกนั ไมใ่ หก้ ลมุ่
เสี่ยงสงู (ไดแ้ ก่ ผสู้ งู อายุและผทู้ ี่มีโรคเร้อื รัง) ตดิ โรคได้
ในหลายๆ ประเทศจึงพบโรคน้รี ะบาดกันหลายระลอก เกิดมีผู้ปว่ ยในประเทศนับจ�ำนวนเป็นล้านๆ คน และคร่าชีวิต
ผู้คนนับแสนๆ คน เรื่องนี้ให้อุทาหรณ์ว่า การขาดความรู้ (เก่ียวกับโรคโควิด-๑๙ ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่) และการยึดติดกับ
ประสบการณเ์ ก่า (เรอ่ื งภมู ิค้มุ กนั หมู่ตามธรรมชาติที่เกี่ยวกบั การป้องกันโรคทไ่ี มร่ ้ายแรง เชน่ หัดเยอรมนั ) ก่อให้เกดิ ความ
เสยี หายร้ายแรงและยาวนานได้
ในปัจจุบัน นอกจากการออกมาตรการเข้มในการป้องกันโรคแล้ว ทุกประเทศก็เลิกฝากความหวังกับภูมิคุ้มกันหม ู่
ตามธรรมชาตแิ ลว้ และไดห้ นั มาเรง่ จดั หาวคั ซนี โควดิ ฉดี ใหป้ ระชากร เพอื่ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั หมจู่ ากวคั ซนี ใหไ้ ดม้ ากและเรว็ ทสี่ ดุ
เพือ่ กำ� ราบโรคน้ใี ห้อยหู่ มัดในเรว็ วนั 

เอกสารอ้างอิง

https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=2339
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E

0%B8%9E/147926

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 41

อาการหลังโควิด (Post-COVID)

สทิ ธิชัย ศิลปพงศว์ รากร
ในปัจจุบนั การระบาดของโควดิ -๑๙ นัน้ ยงั คงมีความรุนแรงอยู่ แม้ว่าจะมีการพฒั นาวัคซีนขึ้นมาหลายชนดิ แต่ด้วย
จำ� นวนประชากรโลกท่ีมจี �ำนวนมาก จงึ ยังคงตอ้ งใชเ้ วลาในการผลติ และฉดี วคั ซีนใหเ้ พียงพอ อย่างไรก็ตาม ถึงแมค้ นสว่ น
หนึ่งจะติดโควิดและหายแล้ว แต่ยังคงมีรายงานถึงอาการไม่พึงประสงค์อยู่ โดยอาการเหล่าน้ีจะเรียกว่า อาการหลังโควิด
( Post-COVID ) ซ่งึ ยงั มชี ่ือเรียกอ่ืน ๆ อกี เช่น Chronic COVID, Long-COVID โดยประเทศไทยอาจจะคุ้นเคยกับอีกชอ่ื ท่ี
เรยี กว่า Long-COVID มากกว่า
อาการหลังโควิดคืออาการไม่พึงประสงค์ท่ีเกิดข้ึนกับผู้ที่หายป่วยโควิดแล้ว แต่ร้อยละของผู้ที่จะมีอาการเหล่าน ้ี
ในปัจจบุ ันยังไม่สามารถระบุไดแ้ น่ชดั เนอ่ื งจากงานวิจัยจากหลายแหล่งทม่ี าไดผ้ ลการศกึ ษาทีแ่ ตกต่างกนั มากตั้งแต่ร้อยละ
๕ ถงึ ร้อยละ ๘๐ และมกั พบในผหู้ ญิงมากกว่าผ้ชู าย รวมถงึ บางการศึกษาพบวา่ เด็กและวยั รุ่นมโี อกาสเกดิ อาการหลงั โควิด
ใกลเ้ คยี งกบั ชว่ งวยั อนื่ ซง่ึ อาการเหลา่ นเี้ รมิ่ เกดิ ขนึ้ หลงั จากตดิ เชอื้ แลว้ ตงั้ แต่ ๔ สปั ดาหข์ น้ึ ไป และกนิ เวลานานหลายสปั ดาห์
กวา่ จะหายเปน็ ปกติ ในบางรายงานพบวา่ มผี ทู้ ม่ี อี าการหลงั โควดิ นานถงึ ๙ เดอื นเลยทเี ดยี ว อยา่ งไรกต็ าม สาเหตขุ องอาการ
หลงั โควิดนั้นยังไม่เปน็ ทแี่ น่ชดั

42 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

ตารางแสดงแนวทางการตรวจเบ้ืองต้นเพื่อวินิจฉัยหาผ้ทู มี่ ีโอกาสมีอาการหลงั โควิด

หลงั หายป่วยไมเ่ กิน ๔ เดือน หลังหายปว่ ย ๔ เดอื นไปแล้ว

การตรวจ ส่ิงทต่ี ้องตรวจ การตรวจ สงิ่ ทต่ี ้องตรวจ

- Blood count - Complete blood count - Rheumatological - Antinuclear antibody
- Electrolytes - ปริมาณธาตุเหล็ก conditions - Rheumatoid factor
- Renal function - Basic metabolic panel - Anti-cyclic citrullinated peptide
Urinalysis - Coagulation - Anti-cardiolipin
disorders - Creatine phosphokinase
- Liver function - Liver function test - Myocardial injury
- Inflammatory marker - Complete metabolic panel - D-dimer
- C-reactive protein - Fibrinogen
- Thyroid function - Erythrocyte
- Vitamin deficiencies - Sedimentation rate, - Troponin
- Ferritin
- TSH - จำ� แนกอาการปว่ ยวา่ เกดิ - B-type natriuretic peptide
- Free T4 ท่หี ัวใจหรือปอด
- Vitamin D
- Vitamin B12

หมายเหตุ ๑. ใหจ้ ัดลำ� ดับการตรวจอาการตามประวัติการรกั ษาของผปู้ ่วย (เช่น ผปู้ ่วยมอี าการปวดข้อ ให้เริม่ ตรวจ
Rheumatological conditions กอ่ น)
๒. อาจจดั การตรวจเพ่ิมเติมแบบเจาะจงกบั ผู้ป่วยที่มีประวตั ิการรกั ษาอื่น ๆ เช่น การท�ำงานของระบบประสาท
การท�ำงานของระบบหายใจ สุขภาพจิต คุณภาพชีวิต เป็นต้น

อาการหลงั โควดิ นน้ั มคี วามหลากหลาย สามารถเกดิ ขนึ้ ไดก้ บั หลายอวยั วะ และนา่ จะมคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั กระบวนการ
เกิดโรค โดยรปู แบบของการเกดิ อาการหลังโควดิ เองก็มหี ลายแบบ เชน่
๑. อาการท่ีเปน็ ตั้งแต่เรม่ิ ติดไวรัส และยังคงไม่หายไปแม้จะหายโรคแลว้
๒. การเกดิ อาการเจบ็ ปว่ ยขน้ึ ในชว่ งทใี่ กลจ้ ะหายจากโรค โดยกรณนี จี้ ะเกดิ ในผทู้ ตี่ ดิ เชอื้ แตไ่ มแ่ สดงอาการ รวมไปถงึ
อาจจะเกดิ กับผทู้ ่ีเป็นโควดิ ซ�ำ้ ดว้ ย
๓. การเกิดอาการทไ่ี มเ่ คยเป็นในชว่ งทตี่ ดิ เช้อื อยู่ หรืออาการทเี่ คยเป็นอย่แู ล้วแยล่ งเรือ่ ย ๆ เม่อื เวลาผ่านไป
อาการหลัก ๆ ท่พี บมากในผทู้ ่มี ีอาการหลงั โควิดมี ๓ อาการ ได้แก่ อาการหายใจล�ำบาก เกิดภาวะสมองล้าหลงลมื
และเหนอ่ื ยลา้ ซ่งึ นอกจากนกี้ ็ยังมอี าการอื่น ๆ ทพี่ บแตกต่างกันไปในแตล่ ะบคุ คลอีกกว่า ๒๐๐ อาการ เช่น เจบ็ หนา้ อก
ปวดเมือ่ ยตามตวั พดู ลำ� บาก มไี ข้ ไอ ทอ้ งเสีย จมูกไม่ไดก้ ล่นิ ลนิ้ ไม่รูร้ ส ระบบประสาทสว่ นกลางทำ� งานผิดปกติ รวมไปถงึ
อาการกระวนกระวาย และซมึ เศร้า
อย่างไรก็ตาม แมว้ า่ จะพบวา่ มีผูม้ อี าการหลังโควดิ มากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ แต่ข้อมลู ณ ปจั จุบนั กย็ งั ไมเ่ พียงพอในการตรวจ
สอบอยา่ งแน่ชดั วา่ ผ้ใู ดมีอาการหลงั โควดิ มเี พยี งแนวทางวนิ จิ ฉัยเบอ้ื งตน้ จากศูนยป์ อ้ งกันและควบคมุ โรคแหง่ ชาติ ประเทศ
สหรฐั อเมริกา (US CDC) ว่าควรตรวจสอบอะไรบา้ งในชว่ งกอ่ นและหลัง ๔ เดอื นภายหลงั หายปว่ ยจากโควดิ เพอื่ ประกอบ
การพิจารณาวา่ ผ้ใู ดมโี อกาสจะมีอาการหลังโควิด ดังสรปุ ในตารางดา้ นบน

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ 43

สำ� หรบั การดแู ลผทู้ มี่ อี าการหลงั โควดิ นนั้ จะเนน้ รกั ษาตามอาการทเี่ กดิ ขน้ึ อาจจะมคี ำ� แนะนำ� เพม่ิ เตมิ ในเรอ่ื งการจดั
จัดทา่ นอนเพิ่มเตมิ สำ� หรับผ้ทู ่ีมีปญั หาทางปอด ดังภาพ แตท่ ัง้ นท้ี ้ังน้ันวิธีการรักษาทีด่ ีกว่าคอื การดูแลสุขภาพแบบองคร์ วม
(holistic care) ซึ่งก็คือการดำ� เนินการให้มีสขุ ภาวะทดี่ ีทัง้ ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสิง่ แวดล้อม โดยผทู้ ีม่ ีอาการ
หลังโควิดเองก็ต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติ และหากเป็นไปได้การจดบันทึกอาการผิดปกติและเวลาท่ีเกิดก็จะช่วยให้
แพทย์วางแผนการรกั ษาได้งา่ ยขึน้
ผู้ที่มีอาการหลังโควิดนนั้ จะไดร้ ับผลกระทบทัง้ เร่อื งของสภาพร่างกาย สภาพจติ ใจ และการเข้าสังคม ดงั น้ันการดแู ล
ผู้ท่ีมีอาการหลังโควิดจึงจ�ำเป็นต้องใช้การรักษาท่ีหลากหลายตามอาการที่เกิดขึ้น รวมถึงสังคมเองต้องท�ำความเข้าใจเพ่ิม
เติมด้วยว่าผู้ท่ีมีอาการหลังโควิดนั้นไม่สามารถแพร่เช้ือได้ แต่อย่างไรก็ตาม ท้ังผู้ที่เคยและไม่เคยเป็นโควิดก็ยังจ�ำเป็นต้อง
ระมดั ระวงั โดยพยายามเขา้ รบั การฉดี วคั ซนี ใหไ้ ดเ้ รว็ ทสี่ ดุ สวมหนา้ กากอนามยั เมอ่ื อยใู่ นทส่ี าธารณะ พยายามเวน้ ระยะหา่ ง
จากผอู้ น่ื อย่างนอ้ ย ๖ ฟตุ และลา้ งมือบอ่ ย ๆ

เอกสารอา้ งอิง

https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/hcp/clinical-care/post-covid-index.html
https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/media-resources/science-in-5/epi-

sode-47---post-covid-19-condition?gclid=Cj0KCQjw18WKBhCUARIsAFiW7JyY
HoAuazYOJKKikLO2LrOXipCQK_Y2YQKwNeOOKhaCL9YIiHS06JAaAnQuEALw_wcB
https://covid19.thaipbs.or.th/infographic/?album=31244
44 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

ท�ำ ไมยิง่ ท�ำ ย่งิ เหน่อื ย ปญั หาของการท�ำ งานทีบ่ า้ น

Work From Home

พ.ต.ศรนรินทร์ กาญจนะโนพนิ จิ

นับตั้งแต่โรคโควิด ๑๙ ได้เกิดการแพร่ระบาดในโลกนี้ ท�ำให้ส่งผลกระทบต่อการด�ำเนินชีวิตหลายด้านของมนุษย์
มาตรการส�ำคัญที่ใช้ในการควบคุมโรคได้ถูกก�ำหนดและบังคับใช้เพื่อท�ำให้ลดอัตราการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตลง
เนื่องจากโรคโควิด ๑๙ น้ี สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายจากการติดต่อใกล้ชิดของมนุษย์ ดังน้ัน การเปล่ียนแปลงรูปแบบ
การใช้ชีวิตท่ีท�ำให้เราติดต่อส่ือสารกันในรูปแบบเดิมเปล่ียนแปลงไป และส่ิงหน่ึงท่ีได้รับผลกระทบโดยตรงคือ รูปแบบ
การทำ� งานในแตล่ ะองคก์ รทตี่ อ้ งเปลย่ี นรปู แบบจากการทำ� งานในสำ� นกั งาน กลายมาเปน็ การทำ� งานออนไลนห์ รอื การทำ� งาน
ท่ีบ้าน (Work From Home) หลายท่านอาจคิดว่า การท�ำงานที่บ้านน่าจะเป็นสิ่งท่ีดีเน่ืองจากไม่ต้องเสียเวลาตื่นเช้าไป
ท�ำงาน ไม่ต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดบนท้องถนน สามารถใช้ชีวิตได้ง่ายตามใจที่ต้องการและยังสามารถท�ำหน้าท่ี
หลายอยา่ งทง้ั การดแู ลบา้ น ดแู ลคนในครอบครวั และทำ� งานในอาชพี ควบคกู่ นั ไปดว้ ย จงึ นา่ จะสะดวกสบายขน้ึ อยา่ งไรกต็ าม
ในความเป็นจริงแล้ว ส่ิงที่เป็นจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างท่ีเราคาดคิดเสมอไป จากประสบการณ์และงานวิจัยทางจิตวิทยา
ของผู้เขียนท่ีได้ศึกษาเกี่ยวกับการท�ำงานท่ีบ้าน พบว่า
เกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ซึ่งในบทความน ี้
เราจะได้ท�ำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นและได้ทราบ
ถงึ แนวทางในการแกไ้ ขปญั หานไี้ ปพรอ้ มกัน

ขอ้ ดแี ละขอ้ เสียท่วั ไปจากการทำ� งานทีบ่ ้าน 45

การท�ำงานทบ่ี ้าน (Work From Home) หลายทา่ น
คงมีประสบการณ์ตรงกับส่ิงท่ีเกิดข้ึนจริง การท�ำงานท่ีบ้าน
มีข้อดีอยู่หลายประการ อย่างท่ีเห็นได้ชัดเจนคือ ประหยัด

กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔

ค่าใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทาง ไมต่ อ้ งเสยี เวลาเดนิ ทางไปสถานทีท่ ำ� งาน ไม่ตอ้ งหงดุ หงิดกับปญั หารถตดิ มเี วลาใหก้ ับครอบครวั
มากข้ึน มีเวลายดื หยนุ่ ในการท�ำงาน และย่ิงในสถานการณ์ทีม่ โี รคระบาดแลว้ การทำ� งานที่บ้านท�ำให้ปลอดภยั จากการตดิ
เชอ้ื เพิม่ มากขน้ึ เหล่าน้เี ปน็ สง่ิ ที่เปน็ ขอ้ ดีทีเ่ ห็นไดช้ ัดเจนจากการท�ำงานท่ีบา้ น อยา่ งไรกต็ าม การท�ำงานที่บ้านกม็ ขี อ้ เสยี อกี
หลายประการ เช่น ตอ้ งเสยี ค่าใชจ้ า่ ยบางอย่างเพิ่มขนึ้ เชน่ ค่าสัญญาณอินเตอร์เนท ค่าโทรศัพท์ คา่ ไฟฟา้ การไมส่ ามารถ
จดั สรรเวลาในการท�ำงานได้อยา่ งมีแบบแผน การมสี ถานที่หรือสภาพแวดล้อมในการท�ำงานไม่หมาะสม การตดิ ต่อสอื่ สาร
กับเพื่อนร่วมงานยากล�ำบาก และอุปสรรคขัดขวางเล็กน้อยอื่น ๆ อีกมาก ข้อดีข้อเสียเหล่านี้ที่อธิบายมาข้างต้น
หลายท่านคงจะรับรู้และรับทราบพอสมควรแล้ว แต่การท�ำงานที่บ้าน นอกจากจะมีข้อดีและข้อเสียที่เป็นรูปธรรม
ดังกล่าวแล้ว การท�ำงานท่ีบ้านหากไม่สามารถจัดการรูปแบบการท�ำงานให้มีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลต่อความสามารถ
ในการท�ำงานท่ีลดลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของตัวเราได้เช่นกัน ดังน้ัน การท�ำงานท่ีบ้าน จึงอาจจะไม่ได้เป็น
สวรรคอ์ ยา่ งที่เราคิดไว้ต้งั แตแ่ รก

ปัญหาจากการทำ�งานท่ีบา้ นทีส่ ง่ ผลต่อสุขภาพจติ และการทำ�งาน

ปัญหาในการท�ำงานท่ีบ้าน ส�ำหรับหลายท่านคงมี
รูปแบบที่เกิดข้ึนแตกต่างกัน แต่จากประสบการณ์ของ
ผเู้ ขียนบทความ สามารถรวบรวมปญั หาท่สี ำ� คญั ได้ดังน้ี
๑. ความยากล�ำบากในการปรับตัวเข้ากับวิธีการ
ทำ� งานใหม่ ๆ
สำ� หรบั หลายทา่ นทต่ี อ้ งทำ� งานทบ่ี า้ น โดยเฉพาะอยา่ ง
ยงิ่ ผสู้ งู วยั ซง่ึ ไมค่ อ่ ยมคี วามชำ� นาญหรอื สนั ทดั ในการใชเ้ ครอื่ ง
มือหรือโปรแกรมเทคโนโลยีในการท�ำงาน ท�ำให้เกิดปัญหา
หรืออุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ทคี่ อยขัดขวางไม่ใหส้ ามารถทำ� งานได้อยา่ งราบร่นื เช่น การใชง้ านโปรแกรมไม่เป็น ต้องคอย
ถามผอู้ นื่ ตลอดเวลา อาการกลวั เทคโนโลยที ท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ความวติ กกงั วล กลวั ความผดิ พลาดจงึ เลอื กทจี่ ะปฏเิ สธการปรบั ตวั เขา้
กับการท�ำงานรูปแบบใหม่ ปัญหาเหล่าน้ีเป็นส่ิงเล็กน้อยท่ีหลายท่านอาจประสบ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม ดังนั้น
ความกลัวและวิตกกงั วลเหลา่ นจี้ ะท�ำใหป้ ระสทิ ธภิ าพในการทำ� งานลดลงอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั
๒. การท�ำงานหลายอย่างในเวลาเดยี วกนั
มีหลายท่านที่ไม่ได้มีแค่งานในหน้าท่ีเพียงอย่างเดียว บางท่านอาจต้องรับบทบาทในการดูแลครอบครัวเพิ่มข้ึนด้วย
ในเวลาเดยี วกนั เนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาด ลูกหลานหรอื คนในครอบครวั กต็ อ้ งปรบั สภาพการเรยี นหรอื การทำ� งาน
มาเป็นออนไลน์จากท่ีบ้านเช่นกัน ดังนั้น นอกจากการท�ำงานของตัวเองแล้ว ภาระในการที่จะต้องดูแลคนในครอบครัว
จงึ เกดิ ขึน้ ควบค่กู นั ตลอดเวลา แมว้ า่ จะไม่ได้ดูแลโดยตรง แต่ก็ตอ้ งคิด วางแผน และคอยสอดสอ่ งคนในบา้ นโดยเฉพาะลกู
หลานหรือผูส้ ูงอายุที่ตอ้ งจบั ตาดเู ป็นพเิ ศษ การทบี่ ุคคลหนึ่งต้องใชท้ รพั ยากรทางความคิดไปกับหลายเรื่องในเวลาเดียวกนั
จะทำ� ใหค้ วามสามารถในการท�ำงานลดลง ยกตวั อย่างงา่ ย ๆ คือ การโทรศัพท์ในระหวา่ งขบั รถเป็นส่ิงที่ตอ้ งห้าม เน่อื งจาก
ทำ� ใหป้ ระสทิ ธภิ าพในการตดั สนิ ใจและการควบคมุ ยานพาหนะลดลง สงิ่ ทตี่ ามมานอกจากประสทิ ธภิ าพการทำ� งานลดลงแลว้
ผลของงานท่ีไม่ได้เป็นไปดังเป้าหมายที่วางไว้ จะส่งผลย้อนกลับท�ำให้เราเกิดความเครียดมากขึ้น เน่ืองจากต้องใช้เวลา

ในการท�ำงานมากข้ึน ต้องแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดข้ึนบ่อย จากงานวิจัยของ Maryam
Aldossari (๒๐๒๑) พบวา่ ผูห้ ญิงท่ตี ้องทำ� งานทบี่ ้าน (Work From Home) จะเกดิ ภาวะ
หมดไฟในการท�ำงานสูง (Burnout Syndrome) เนื่องจากต้องรับบทบาทหน้าท่ีในเวลา
เดียวกนั สูงเกนิ ไป เชน่ การท�ำงานในหน้าทแ่ี ละการช่วยเหลือเพอ่ื นรว่ มงาน การทำ� งานบา้ น
การดูแลบุตรหลาน การพยายามรักษาสัมพันธภาพกับคนในครอบครัวและการเป็นลูกที่ดี
คอยดูแลพอ่ แม่ เปน็ ต้น
46 วารสารวิทยาศาสตร์ทหารบก

๓. การทำ� งานจากทีบ่ า้ นไม่เปน็ เวลาทแี่ นน่ อน
สง่ิ หนึ่งที่ผ้คู นส่วนใหญเ่ กดิ ปัญหาในการทำ� งานท่บี ้านคอื การยดื หยนุ่ เวลาในการทำ� งานมากเกินไป หลายทา่ นมกั จะ
ลงมือท�ำงานเม่ือคิดว่าตนเองอยากจะท�ำหรือพร้อมจะท�ำ โดยมักจะไปท�ำส่ิงอ่ืนที่ตนเองอยากจะท�ำก่อนเม่ือพร้อมแล้วจึง
ค่อยลงมือทำ� งาน พฤติกรรมเหลา่ นี้อาจจะดูเหมือนดี แต่การทำ� งานไมม่ ขี อบเขตเวลาทแี่ น่นอนย่อมส่งผลกระทบทางออ้ ม
ต่อชีวติ ประจ�ำวนั ของตวั เองได้ การมีตารางเวลาในการทำ� งานและการพักผ่อนไมแ่ นน่ อน รวมถงึ การท�ำกจิ กรรมส่วนอนื่ ที่
ไม่ชัดเจน เช่น การเลือกท่ีจะท�ำงานในเวลาท่ีควรจะพักผ่อน ควรจะออกก�ำลังกายหรือควรจะสนใจในกิจกรรมของคน
ในบ้านจะท�ำให้กระทบต่อกิจกรรมอ่ืน ๆ ท่ีไม่ได้สะสางหรือท�ำในเวลาที่เหมาะสม ส่ิงเหล่านั้นก็จะค้างคาและก่อให้เกิด
ความเครียดแกต่ นเองในภายหลัง ตวั อย่างง่าย ๆ เช่น เราเลือกที่จะท�ำงานตอ่ ให้เสรจ็ โดยเลือ่ นการลา้ งจานออกไปจากปกติ
ท่ีเคยล้างทันทีหลังรับประทานอาหาร ด้วยเหตุน้ี เม่ือถึงเวลาทานข้าวในมื้อถัดไป เราก็จะเหนื่อยท่ีจะต้องล้างจานเพิ่มขึ้น
ท�ำให้รู้สึกว่าภาระงานในบ้านหนักมากขึ้นกว่าเดิม หรือจะเป็นในกรณีท่ีเราเลื่อนการออกก�ำลังกายที่เคยท�ำเป็นประจ�ำ
ออกไป ท�ำให้เราขาดการท�ำกิจกรรมท่ีช่วยท�ำให้เรารู้สึกสดช่ืนและช่วยลดความเครียดจากการท�ำงานลง ดังนั้นเมื่อ
รา่ งกายใชส้ มองจนเหนอื่ ยลา้ และไมไ่ ดร้ บั การพกั ผอ่ นจากการออกกำ� ลงั กาย การทำ� งานในรอบถดั ไปเรากจ็ ะรสู้ กึ เหนอื่ ยขนึ้
มากกวา่ เดิม เนื่องจากรา่ งกายและสมองไมพ่ รอ้ ม
๔. การรับรสู้ ภาพแวดล้อมในการทำ� งานทไี่ ม่ช่วยกระตนุ้ ในการท�ำงาน
หลายท่านที่ต้องท�ำงานในบ้านมักจะจัดสถานที่ทำ� งานไว้ในจุดประจ�ำที่ตนเองเคยท�ำเพื่อความสะดวกสบาย ซ่ึงบาง
ครง้ั ดว้ ยพนื้ ทท่ี จี่ ำ� กดั จงึ มคี วามจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งจดั พน้ื ทท่ี ำ� งานไวใ้ กลเ้ คยี งหรอื ทบั ซอ้ นกบั พน้ื ทอี่ น่ื เชน่ หอ้ งนอน หอ้ งรบั แขก
โตะ๊ ทานอาหาร เปน็ ต้น ท�ำใหต้ อ้ งทำ� งานและอยู่ในพืน้ ท่ีเดิมสภาพแวดล้อมเดิมตลอดเวลา การรบั รู้สภาวะเดิม ๆ จะส่งผล
ให้ตัวเราเกดิ ความคดิ และความรูส้ ึกเดมิ ๆ บรรยากาศไมก่ ระตนุ้ ให้เกดิ การใช้ความคดิ ใหม่ ๆ โดยเฉพาะงานทตี่ อ้ งใช้ความ
สร้างสรรค์สงู เม่อื เราต้องทำ� ส่ิงใดซ้�ำ ๆ ในสถานทหี่ รอื บรรยากาศเดิม ๆ กจ็ ะทำ� ให้งานดนู า่ เบือ่ หนา่ ย นานเขา้ กเ็ ร่ิมหมด
แรงจูงใจในการท�ำงาน เมื่อไม่อยากท�ำงานก็ใช้วิธีเล่ือนหรือผลัดงานออกไปจนท้ายที่สุดงานก็จะสะสมและกลายเป็นงาน
ใหญท่ ่ตี อ้ งใช้ทรัพยากรทางความคดิ ในการแก้ปญั หาเพม่ิ ขน้ึ

วิธีการแก้ปญั หาจากการทำ�งานที่บ้านท่สี ง่ ผลต่อสขุ ภาพจติ และการทำ�งาน

แมว้ า่ ปญั หาในการทำ� งานทบี่ า้ นทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ จะเปน็ ปญั หาทสี่ ามารถแยกออก
เป็นหลายส่วนได้ แต่ปัญหาดังกล่าวก็เป็นปัญหาท่ีเกิดข้ึนทับซ้อนกันเน่ืองจากเกิดจาก
พฤตกิ รรมทค่ี ลา้ ยกนั ดงั นนั้ วธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาเพยี งบางสว่ นจงึ สามารถปรบั เปลยี่ นการ
ทำ� งานทบ่ี ้านให้ความสขุ มากข้ึนและมีประสทิ ธภิ าพเพิม่ ขนึ้ ได้ดังนี้
๑. การจัดตารางการท�ำงานที่บา้ นใหเ้ ป็นเวลา
การจดั ตารางงานใหเ้ ปน็ เวลาเปน็ สง่ิ สำ� คญั ควรมกี ารกำ� หนดขอบเขตวา่ จะทำ� งาน
เวลาไหนถงึ เวลาไหน และตอ้ งมเี วลาพกั ระหวา่ งทำ� งานดว้ ยซง่ึ เปน็ สงิ่ ทข่ี าดไมไ่ ด้ อาจจะ
กำ� หนดวา่ ต้องพักทุก ๑-๒ ชวั่ โมงเป็นเวลา ๑๕ นาที และควรปฏิบตั ติ ามอยา่ งเคร่งครัด ในระหวา่ งท�ำงานก็ห้ามใครรบกวน
ควรท�ำงานอย่างเต็มท่ี มอี ะไรก็ไวจ้ ดั การชว่ งพกั และในระหวา่ งเวลาพักก็สามารถใชเ้ วลานใ้ี นการจัดการงานอย่างอื่นเล็ก ๆ
น้อย ๆ ในครอบครวั หรอื ใช้เวลานีใ้ นการผอ่ นคลาย พูดคุยกบั คนในบา้ นบา้ ง จะท�ำให้เรารสู้ ึกต่นื ตัวและมปี ระสิทธิภาพใน
การท�ำงานมากขึ้นเม่ือต้องกลับมาท�ำงาน หากงานไม่จ�ำเป็นหรือเร่งด่วนมากจริง ๆ ก็ไม่ควรน�ำงานมาท�ำในเวลาที่ควรท�ำ
กิจกรรมอ่ืน ๆ ควรน�ำกลับมาท�ำในช่ัวโมงการท�ำงานในวันถัดไป หากท�ำได้ตามน้ี ก็จะช่วยให้เราแก้ปัญหาการท�ำงาน
หลายอย่างในเวลาเดียวกันและการท�ำงานไม่เป็นเวลาไปได้ ดังนั้นเราก็จะสามารถมีสมดุลชีวิตในการท�ำงาน
(Work-life balance) ไมต่ งึ เครียดจากการทำ� หนา้ ทีใ่ นบทบาทสว่ นใดสว่ นหนึ่งมากเกินไปจนบทบาทส่วนอ่นื มปี ัญหาตามมา
๒. การส่ือสารกบั เพอ่ื นร่วมงานอย่างสมำ่� เสมอ
การสื่อสารกับเพ่ือนร่วมงานอย่างต่อเนื่องจะช่วยท�ำให้เราสามารถอัพเดทสถานการณ์ในการท�ำงานได้ตลอดเวลา

กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๔ 47

ทำ� ใหเ้ ราไมร่ สู้ กึ โดดเดยี่ วหรอื กงั วลในการทำ� งาน การพดู คยุ กบั คนในทท่ี ำ� งานผา่ นโทรศพั ทห์ รอื โปรแกรมตา่ ง ๆ จะทำ� ใหเ้ รา
รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหน่ึงของงานอยู่เสมอ ซ่ึงการพูดคุยน้ีไม่จ�ำเป็นต้องเร่ืองงานโดยเฉพาะเจาะจง อาจเป็นการพูดคุย
เรื่องอน่ื ๆ ทั่วไปรว่ มด้วยกไ็ ด้ เหมือนสภาพการทำ� งานในทท่ี �ำงานจรงิ การพดู คุยจะท�ำให้เราผ่อนคลายมากขนึ้ หากมีข้อ
กังวลหรือสงสัยประการใดก็จะท�ำให้เราสามารถสอบถามหรือรับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ผู้ท่ีไม่เช่ียวชาญในการใช้เทคโนโลยี ควรท่ีจะส่ือสารและพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอแต่เป็น
เวลา การสื่อสารจะท�ำให้เราสามารถขอความช่วยเหลือในส่ิงท่ีเราไม่ถนัดและน�ำไปสู่การแก้ปัญหาในการปรับตัวเม่ือต้อง
ทำ� งานทบี่ ้านได้
๓. การเปล่ียนสภาพแวดล้อมให้กับตนเองเม่ือมีโอกาส
การเปลย่ี นสภาพแวดลอ้ มในทน่ี ไ้ี มไ่ ดห้ มายถงึ การเปลยี่ นสถานทที่ ำ� งานไปเรอื่ ย ๆ แตเ่ ปน็ การเปลยี่ นมมุ มองของชวี ติ
ตัวเองในแต่ละวันให้มีความแปลกใหม่ ไม่จ�ำเจ เช่น การรับประทานอาหารไม่ควรนั่งทานบนโต๊ะท�ำงาน ควรแยกไปทาน
อาหารให้เรียบร้อยท่ีโต๊ะทานอาหาร เสร็จกิจแล้วจึงกลับมาท�ำงานต่อ หรือการเดินออกไปท่ีสวนเพื่อรดน้�ำต้นไม้
หรือออกก�ำลังกายในพื้นที่ส่วนอื่นก็จะช่วยท�ำให้เราเปล่ียนสภาพแวดล้อมได้เช่นกัน ส่ิงแวดล้อมท่ีเปลี่ยนไปเล็กน้อยน้ีจะ
สามารถลดความรู้สึกจ�ำเจท่ีเกิดข้ึนจากการท�ำงานได้ ส�ำหรับบางท่านที่รู้สึกว่า ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการเร่ิมต้นท�ำงาน
ตื่นมาแล้วก็อยากนอนต่อไม่อยากลุกขึ้นมาท�ำงาน เทคนิคหน่ึงท่ีช่วยกระตุ้นแรงจูงใจในการท�ำงานได้คือ การบังคับตัวเอง
ให้ลุกข้ึนมาท�ำอย่างอ่ืนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน เช่น ลุกขึ้นมาอาบน�้ำ ทานข้าว เปิดทีวีดูในห้องรับแขกหรือออกไป
รบั แสงแดดทีร่ ะเบียง ส่ิงเหลา่ น้จี ะชว่ ยกระตุน้ รา่ งกายและจติ ใจคณุ ใหพ้ ร้อมที่จะทำ� งานได้ในเบือ้ งตน้

บทส่งทา้ ย

นบั ตง้ั แตโ่ รคโควดิ ๑๙ ระบาด รปู แบบการใชช้ วี ติ ของผคู้ นกเ็ ปลยี่ นแปลงไป หลายคนตอ้ งเปลยี่ นมาทำ� งานจากทบ่ี า้ น
(Work From Home) ซง่ึ การท�ำงานจากทบ่ี ้านน้ีมีข้อดีขอ้ เสียตา่ งกันไป แตก่ ารท�ำงานจากที่บา้ นน้ีเป็นสิ่งใหม่ทีท่ ุกคนต้อง
เรยี นรแู้ ละปรับตัวเพอื่ ใหก้ ารท�ำงานเกิดประสิทธิภาพและมีความสุขในการทำ� งานต่อไป ปญั หาส�ำคัญท่สี ง่ ผลตอ่ สุขภาพจิต
ของผู้ท่ีท�ำงานจากที่บ้านคือ การไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการใช้เคร่ืองมือหรือวิธีการใหม่ ๆ การท�ำงานหลายบทบาทใน
เวลาเดียวกัน การท�ำงานไมเ่ ป็นเวลา และการรับรู้สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานที่ไม่ชว่ ยกระตุน้ ในการทำ� งาน ซึง่ กอ่ ใหเ้ กดิ
ความเครียด ความวติ กกังวลและอาจนำ� ไปสภู่ าวะหมดไฟในการทำ� งาน (Burnout Syndrome) ดังน้ันวธิ ีการเบ้ืองตน้ ท่จี ะ
ช่วยแก้ปัญหาเหล่าน้ีได้คือ การจัดตารางการท�ำงานที่บ้านให้เป็นเวลา การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานอย่างสม่�ำเสมอ
และการเปลย่ี นสภาพแวดลอ้ มใหก้ บั ตนเองเมอื่ มโี อกาส ทก่ี ลา่ วมาทง้ั หมดนเ้ี ปน็ ปญั หาและเทคนคิ วธิ กี ารเบอื้ งตน้ ทส่ี ามารถ
เริ่มท�ำได้ง่าย ๆ การเริ่มจากการปรับเปล่ียนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เหล่าน้ีจะช่วยท�ำให้คุณสามารถท�ำงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและมีความเครียดน้อยลง การเริ่มจัดการชีวิตให้ดีน้ีจะช่วยท�ำให้เราผ่านช่วงเวลาแห่งความยากล�ำบากใน
สถานการณโ์ รคโควดิ ๑๙ ไปไดด้ ว้ ยดี

เอกสารอ้างอิง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์. (๒๕๖๔). Work From Home สุดพัง งานไม่เดิน สุขภาพจิตแย่ เช็ค ๗ สัญญาณท่ีต้องรีบแก้.
(ออนไลน)์ . แหลง่ ท่ีมา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/933185. [๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๔]

Aldossari, M., & Chaudhry, S. (2021). Women and burnout in the context of a pandemic. Gender,
Work & Organization, 28(2), 826-834.

Brandinside admin. (2021). Work from Home มที ัง้ บวกและลบ มีเวลามากขนึ้ แตป่ ระสทิ ธิภาพลดลง. (ออนไลน์).
แหลง่ ทม่ี า: https://brandinside.asia/kresearch-work-from-home-good-or-bad/[๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๔]

Thaiware admin. (๒๕๖๔). ๕ ข้อด-ี ข้อเสียของการทำ� งานจากท่บี ้าน. (ออนไลน์). แหลง่ ทม่ี า: https://review.thaiware.
com/2026.html. [๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๔]

48 วารสารวทิ ยาศาสตรท์ หารบก


Click to View FlipBook Version