The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานวิจัยเชิงสำรวจชาติพันธุ์กะเหรี่ยงสุโขทัย-ฉบับสมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pattaranai, 2022-01-31 22:18:48

งานวิจัยเชิงสำรวจชาติพันธุ์กะเหรี่ยงสุโขทัย-ฉบับสมบูรณ์

งานวิจัยเชิงสำรวจชาติพันธุ์กะเหรี่ยงสุโขทัย-ฉบับสมบูรณ์

๓๙

จำนวนครวั เรือน และประชากรบ้านแม่สาน
โดยปัจจุบันมีประชากรบ้านแม่สาน หมู่ที่ ๖ ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
มจี ำนวน ๕๔๔ คน แยกเป็น เพศชาย ๒๙๕ คน เพศหญงิ ๒๔๙ คน ดังตารางท่ี 3 ต่อไปนี้

ตารางท่ี 3 จำนวนประชากรบา้ นแมส่ าน หมู่ที่ ๖ ตำบลแม่สำ อำเภอศรสี ัชนาลัย จงั หวดั สุโขทัย

อายุ ประชากรบา้ นแมส่ าน รวม
ตำ่ กว่า 1 - 19 ปี เพศชาย เพศหญงิ 118
๒๐ - ๓๙ ปี 214
40 – 59 ปี 66 52 158
60 – 79 ปี 109 105 41
80 ปีขนึ้ ไป 93 65 13
รวมจำนวนประชากร 21 20 544
67
295 249

จำนวนครัวเรือน ๑๑๐ ครัวเรือน (รายงานประชากรแยกตามกลุ่มอายุ/เพศ รายหมู่บ้าน โรงพยาบาล
ส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบลบ้านสะพานยาว อำเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สุโขทัย วันท่พี มิ พร์ ายงาน ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ข้อมูลมรดกทางวฒั นธรรม
จากการลงพื้นที่เพื่อทำการศึกษารวบรวมข้อมูลวัฒนธรรมกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัด

สุโขทัยนั้น ผู้วิจัยได้ใชว้ ิธีการสัมภาษณ์เชิงลกึ และการสนทนากลุ่มในการเก็บรวบรวมข้อมูล ด้านวัฒนธรรม
โดยสรปุ ขอ้ มูลวฒั นธรรมกะเหรยี่ งอำเภอศรีสัชนาลัย จงั หวัดสุโขทยั ได้ดังน้ี

มรดกทางวัฒนธรรม
มรดกทางวัฒนธรรม นับเป็นเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงจติ วญิ ญาณ และค่านิยม ในการดำรงชีวติ
ของมนุษย์ซึ่งผลงานที่เกิดขึ้นในสังคมนั้นสามารถมองเห็นสัมผัสได้ และอาจจะสัมผัสไม่ได้ โดยเกิดจากการ
สร้างสรรค์ของมนุษยใ์ นสังคมหรือกลุ่มคนในชาติซึ่งผ่านกระบวนการทาง ภาษา ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม
ประเพณีต่าง ๆ ตลอดจนโบราณสถาน โบราณวัตถุต่าง ๆ ที่ปรากฏในสังคม ทั้งนี้จากการสำรวจพื้นที่ใน
ชุมชนกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย และสัมภาษณ์เชิง ลึกกับกลุ่มคนกะเหรี่ยงดั้งเดิมในพื้นท่ี
ทำให้สรุปได้ว่า มรดกทางวัฒนธรรมกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ทั้งในด้านโบราณสถาน
โบราณวตั ถุ และทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อม ซ่ึงสามารถอธบิ ายได้ดังน้ี

สถานท่ีสำคญั ในหมูบ่ ้านกะเหร่ียงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวดั สโุ ขทยั
๑. โรงเรยี นบ้านแมส่ าน เม่ือวนั ท่ี ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ พระองค์เจา้ วิภาวดรี งั สิต เสด็จเย่ียมราษฎร
พร้อมด้วยคณะแพทย์หลวงตามพระราชประสงค์พระราชทานสิ่งของแก่ราษฎร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง

๔๐

ให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้น และจัดหาครูมาจัดการเรียนการสอน โดยในขณะนั้น แม่ทัพภาคที่ ๓ เป็นหัวหน้าคณะ
จัดสรรเงิน อปค. ให้แก่ทางอำเภอเพื่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราว และได้เปิดทำการเรียนการสอน เมื่อวันที่
๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ สงั กัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดสุโขทยั โดยมี นายกลม ทรดล ครูใหญ่โรงเรียน
บ้านดอนไก่เขี่ย อาสารับตำแหน่งครูใหญ่พร้อมด้วยครูอีกคนหนึ่ง คือ นายสมชาย ดวงเกิด โดยขณะน้ัน
มีนักเรียน จำนวน ๒๘ คน หลังจากเปิดทำการเรียนการสอน ได้เพียง ๒ ปีเศษ หลังจากทำการเรียน
การสอนได้ไม่กี่ปี เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี หลวง
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ประสงค์ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎร ทรงพระราชทาน
สิ่งของแก่คณะครู นักเรียน และราษฎรชาวหมู่บ้านแม่สาน นำความปลาบปลื้มและความเป็นสิริมงคลมาสู่ชาวบ้าน
แม่สานครั้งหนึ่ง ปัจจุบันโรงเรียนบ้านแม่สาน ตั้งอยู่หมู่ที่ ๖ ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
ระยะทางห่างจากที่ว่าการอำเภอศรีสัชนาลัย ประมาณ ๕๕ กม. เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาจังหวัดสุโขทัย เขต ๒ จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีเนื้อที่ ๑๑ ไร่
๓ งาน ๙๕ ตารางวา มีนักเรียน ๕๔ คน ครู ๔ คน บ้านแม่สาน หมู่ที่ ๖ ตั้งอยู่ในถิ่นธุรกันดารการคมนาคม
ไม่สะดวก ประชากรในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง (ยางขาว) ปกาเกอะญอ
นับถือศาสนาพุทธ มีอาชีพทำไร่ ทำนา เก็บของป่า ล่าสัตว์ ปัจจุบันมีการพัฒนาไปปลูกผลไม้ และสวนยาง
มีประชากรทั้งหมด ๕๐๕ คน บ้านแม่สาน ชาวบ้านดั้งเดิมท่ีน่ีจะใชน้ ามสกุลเดียวกันทั้งหมู่บ้านคอื นามสกุล
“ค้างครี ี”

ภาพที่ ๙ โรงเรียนบ้านแม่สาน

๒. โรงเรียนบ้านห้วยหยวก ที่ตั้งหมู่ที่ ๕ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต ๒ โรงเรียนบ้านห้วยหยวก มีเนื้อที่ ๑๗ ไร่ ๑ งาน ๑๖
ตารางวา โรงเรยี นบา้ นหว้ ยหยวกเป็นโรงเรียนขนาดเลก็ เปิดให้บริการตง้ั แตช่ ั้นอนุบาล ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖
ปีการศึกษา ๒๕๖๔ มีนักเรียนทั้งสิ้นจำนวน ๒๙ คน มีครูจำนวน ๓ คน โดยมีข้าราชการครูจำนวน ๒ คน

๔๑

ครูอัตราจ้างจำนวน ๑ คน และมีนักการภารโรงจำนวน ๑ คน โดยมีนายนันทวัฒน์ เข็มทอง ผู้อำนวยการโรงเรียน
แม่ท่าแพ เป็นรกั ษาการแทนในตำแหนง่ ผบู้ รหิ ารโรงเรียนบ้านหว้ ยหยวก นกั เรยี นสว่ นใหญ่เป็นชาวเขาเผา่ กะเหร่ยี ง

ภาพที่ ๑๐ อาคารดงั้ เดมิ โรงเรียนบา้ นห้วยหยวก ภาพที่ ๑๑ อาคารใหม่โรงเรียนบา้ นห้วยหยวก

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนบ้านห้วยหยวกขึ้น (สัมภาษณ์ครูมานะ คราพันธ์, ๑๑
สิงหาคม ๒๕๖๔) โดยการสนับสนุนจากกองอำนวยการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
(กอ.ปค.) ซึ่งมีพลเอกสายหยุด เกิดผล เป็นผู้อำนวยการในวงเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ในขณะนั้นได้มีนายสุรชัย
แซ่ด่าน กับนางกุลหญิง แซ่ด่าน (พิพัฒน์ศิริศักดิ์) สองสามีภรรยาอาสาสมัครของมูลนิธิโกมลคีมทอง
โดยมีนายวิโรจน์ ขนาดนิตย์ เป็นครูใหญ่ และนายมานะ คราพันธ์ เป็นครูคนแรกของโรงเรียนบ้าน
หว้ ยหยวก (ปจั จุบนั ยังมชี ีวิตอย)ู่ ซ่ึงเปน็ ครูทนุ ทรุ กันดารและไดล้ งบรรจุทีโ่ รงเรยี นบ้านห้วยหยวก ซ่ึงคร้ังแรก
ที่ไปสอนภายในหมู่บ้านห้วยหยวกนั้นไม่มีโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์การเรียน และมีอุปสรรคในการสอน
คือไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนกะเหรี่ยงได้ โดยครั้งแรกสามารถรวบรวมเด็กภายในหมู่บ้านกะเหรี่ยงได้
จำนวน ๑๑ คน โดยใชว้ ธิ ีการสอนแบบพึ่งพากนั ตา่ งคนตา่ งเรยี นรภู้ าษาซึ่งกันและกนั

๓. ศาลพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต (บ้านแม่สาน) พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และคณะแพทย์หลวง
ตามพระราชประสงค์ทรงเยี่ยมราษฎร และประทานสิ่งของแก่คณะครูนักเรียน และราษฎรชาวบ้านแม่สาน
นำความปราบปลื้มและความเป็นศิริมงคลมาสู่ชาวบ้านแม่สาน ครั้งหนึ่งท่านหญิงเสด็จยังหมู่บ้านกะเหรี่ยง
ในเขตอำเภอศรีสชั นาลัยนั้น ท่นี ับวา่ อยไู่ กลและทุรกันดารมอี ยู่ ๒-๓ หมูบ่ า้ น ตอ้ งเดนิ ทางกันด้วยรถแลนด์โรเวอร์
ไปบนทางท่ียงั เรยี กวา่ ถนนไมไ่ ด้ เพราะเตม็ ไปดว้ ยหลุมและบอ่ ขนาดต่าง ๆ ครัง้ หนึ่งรถแลน่ ตกลงไปติดหล่ม
ร้อนถึงชาวบ้านต้องเอาช้างไปช่วยฉุดรถขึ้นจากหล่มหมู่บ้านแม่สานอันเป็นที่หมายสุดท้ายในการเสด็จในคราวน้ัน
จะไปโดยทางเฮลิคอปเตอร์ก็คงจะได้ แต่ด้วยเหตุผลใดไม่แน่ใจนัก พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิตได้ตัดสินพระหฤทัย
เลือกเสด็จโดยทางเท้าเป็นระยะทางไกลถึงประมาณ ๑๒ กม. เป็นการเดินทางที่ยากลำบากมากที่สุด ครั้งหน่ึง
การเสดจ็ ของทา่ นหญงิ ซ่งึ เป็นผแู้ ทนพระองค์ นอกจากจะนำความอบอนุ่ ไปส่รู าษฎรชาวกะเหร่ียงเหล่านั้นแล้ว
ยังนำไปสู่ความร่วมมือกันการได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ราชการฝ่ายต่าง ๆ ก่อนเสด็จกลับจากหมู่บ้านแม่สาน
พระองคเ์ จา้ วิภาวดีรังสิต เกลี้ยกลอ่ มราษฎรผมู้ ีความรู้ และเคยเป็นครคู นหนงึ่ ให้รับตำแหน่งเป็นครูสอนหนังสือ

๔๒

ให้เด็กอยู่ที่บ้านแม่สาน โดยทรงรับสั่งจะประทานเงินรายได้ประจำปี จำนวนหนึ่งนอกเหนือจากเงินเดือน
ท่เี ขาจะได้รบั ทางราชการดว้ ย

ภาพที่ ๑2 ศาลพระองคเ์ จา้ วภิ าวดรี งั สิต (บา้ นแมส่ าน)
๔. ศาลพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต (บ้านห้วยหยวก) เมื่อครั้งท่ีพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต
ไดเ้ สด็จมาเย่ียมประชาชนทีห่ มูบ่ ้านหว้ ยหยวก

ภาพท่ี 13 ศาลพระองค์เจา้ วภิ าวดรี งั สิต (บา้ นห้วยหยวก)

๔๓

๕. อาศรมพระธรรมจาริกบ้านแม่สาน เริ่มก่อสร้างอาศรมพระธรรมจาริก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗
จากนั้นก็มีพระธรรมจาริกมาปฏิบัติศาสนกิจอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการทำ
กิจกรรมวนั สำคัญทางศาสนาควบคู่กับมีความเชื่อนบั ถือผี

ภาพท่ี 14 อาศรมพระธรรมจาริกบา้ นแมส่ าน
๖. อาศรมบ้านหว้ ยหยวกหรือสำนักสงฆพ์ ระธรรมจารกิ สร้างขึ้นเมือ่ พ.ศ. ๒๕๐๓ (มอี ายปุ ระมาณ 60 ปี)
แต่หมูบ่ า้ นหว้ ยหยวกมีมานานกว่า ๑๕๐ ปี ปจั จุบนั อาศรมแห่งนี้มีพระภกิ ษุสงฆจ์ ำพรรษาอยู่ จำนวน ๓ รปู

ภาพที่ 15 อาศรมพระธรรมจาริกบ้านหว้ ยหยวก

๔๔

๗. หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำแม่สานได้จัดตั้งสำนักงานบริเวณตอนบนของหมู่บ้าน
ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นพื้นที่อนุรักษ์ต้นน้ำที่สำคัญในหมู่บ้าน และเป็นพื้นที่สำหรับเพาะชำกล้าไม้ที่สำคัญ
ของสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ในหมบู่ า้ นอีกด้วย

ภาพท่ี 16 หนว่ ยศึกษาการพฒั นาการอนุรกั ษ์ตน้ น้ำแมส่ าน
๘. หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำห้วยท่าแพ ได้จัดตั้งสำนักงานบริเวณตอนบนของหมู่บ้าน
ตั้งอยู่บนยอดเขา ระดับความสูงจากน้ำทะเล ๒๕๖ เมตร ณ จุดที่ตั้งหน่วย พิกัด : ๐๕๕๔๕๙E : ๑๙๔๔๘๙๐N
เป็นพื้นที่อนุรักษ์ต้นน้ำ และยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้ในอาศรมพระธรรมจาริกบ้านห้วยหยวกอีกด้วย
เป็นพื้นที่สำหรับเพาะชำกล้าไม้ที่สำคัญ โดยเป็นโครงการบริหารทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กจิ กรรมฟ้นื ฟูอนุรกั ษต์ ้นน้ำ (ภาคเหนือ) และยังเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวในหม่บู ้านอีกดว้ ย

ภาพที่ 17 หนว่ ยศึกษาการพัฒนาการอนุรกั ษต์ น้ น้ำหว้ ยทา่ แพ
๙. องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สำ ตามหลักฐานของแม่หม่อมจันทร์กล่าวว่า บรรพบุรุษของ
ชาวบ้านแมส่ ำใต้ได้อพยพมาจากนครเวยี งจันทน์ ประเทศลาว อพยพเขา้ มาทางจังหวดั เลย อำเภอเชียงคาน
ตั้งถิ่นฐานบรเิ วณบ้านตอสักในปัจจุบัน ครั้งนั้นพบว่าสถานททีบ่ ริเวณนี้ปลอดภัยที่สุด ทำเลหรือทอ้ งถิน่ แหง่
ตำบลนย้ี ังไมม่ หี มู่บา้ นใด ๆ ตั้งอยหู่ รอื เกดิ ขน้ึ ทอ้ งถน่ิ น้เี ป็นดงทึบมีไม้สะเลียมเกา่ แก่และใหญโ่ ต เป็นดงแห่ง

๔๕

ไมส้ ักใหญ่ ต้นสะเลยี มหรือตน้ ผ้ึงใหญ่ ปรากฏให้เหน็ ทั้งมรี ังผึง้ ทำรังอย่มู าก มากาลตอ่ มาจึงเรียกหมู่บ้านชาว
เวียงจนั ทนอ์ าศยั อยู่นี้ว่า “บ้านต้นผงึ้ ” และมีการเรียกชือ่ ใหม่ว่า “บา้ นตอสกั ” เพราะเป็นดงแห่งไม้สักใหญ่
และตามสภาพพื้นที่ที่อาศัย อยู่นั้นมีความชุ่มฉ่ำหรือชุ่มเย็นว่า “บ้านแม่สำ” (คงเพี้ยนมาจากคำว่า “ฉ่ำ”
เพราะอยู่ใกลแ้ มน่ ้ำใกล้ภเู ขา) ตำบลแมส่ ำ ยกฐานะจากสภาตำบลแม่สำ เป็นองคก์ ารบริหารส่วนตำบลแมส่ ำ
ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๒ ง หน้า ๒๙๗ ลำดับที่ ๒๙๖๐ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖
ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๙

โดยปัจจุบัน องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สำ ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของอำเภอศรีสัชนาลัย
หา่ งจากจงั หวดั สุโขทัย เปน็ ระยะทางประมาณ ๖๙ กิโลเมตร ตามทางหลวง องค์การบริหารสว่ นตำบลแม่สำ
มขี นาดพ้ืนที่ ๒๐๔.๑๓ ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ ๑๒๗,๕๘๑.๒๕ ไร่ มีอาณาเขตตดิ ตอ่ ดงั นี้

ทิศเหนอื อาณาเขตตดิ ต่อกับตำบลแม่สิน
ทิศใต้ อาณาเขตตดิ ต่อกับตำบลปา่ งว้ิ และตำบลบา้ นแกง่
ทศิ ตะวนั ออก อาณาเขตตดิ ต่อกบั ตำบลบา้ นตึก และตำบลป่างว้ิ
ทศิ ตะวนั ตก อาณาเขตตดิ ตอ่ กับอำเภอเถนิ จังหวัดลำปาง

ภาพท่ี 18 องค์การบรหิ ารสว่ นตำบลแม่สำ
๑๐. องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง (ปัจจุบันเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลขนาดกลาง)
ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โทรศัพท์ 055 – 911504 พื้นที่เขต
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง มีลักษณะภูมิประเทศพื้นที่ทั้งหมดเป็นภูเขา ที่ราบเอียง ที่ราบลุ่ม
และสลับกับเนินเขา มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 309,832 ไร่ หรือประมาณ 495.73 ตารางกิโลเมตร
ลักษณะอากาศร้อนชื้น อากาศเปลี่ยนแปลงไปตามฤดู ในองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่งมีป่าไม้
ทีย่ งั อุดมสมบูรณ์ และตน้ ไมท้ ี่ชาวบ้านปลกู เป็นไม้ยนื ตน้ ผลดั ใบ โดยมอี าณาเขตตดิ ต่อดังน้ี

ทิศเหนือ อาณาเขตตดิ ตอ่ กบั ตำบลแมส่ ิน
ทิศใต้ อาณาเขตตดิ ตอ่ กบั ตำบลปา่ งิ้วและตำบลบา้ นแก่ง
ทิศตะวนั ออก อาณาเขตติดต่อกบั ตำบลบ้านตกึ และตำบลป่างิ้ว
ทิศตะวนั ตก อาณาเขตตดิ ต่อกับอำเภอเถนิ จังหวัดลำปาง

๔๖

ภาพที่ 19 องค์การบรหิ ารสว่ นตำบลบา้ นแก่ง
๑๑. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสะพานยาว ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๘ ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย
จงั หวดั สุโขทยั

ภาพท่ี 20 โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบลบ้านสะพานยาว
๑๒. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลป่าคา ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย
จงั หวดั สุโขทัย

ภาพท่ี 21 โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบลป่าคา

๔๗

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหมูบ่ า้ นกะเหรี่ยงบ้านแม่สาน และบ้านห้วยหยวก
๑. เขาผาช่อ เป็นสถานที่ซึ่งเป็นเหมือนอัตลักษณ์ของบ้านแม่สาน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัด
สโุ ขทัย เป็นภเู ขาหนิ ปนู สงู ชัน สามารถมองเหน็ หมูบ่ ้านแม่สาน และอาณาเขตรอบข้างได้ โดยรอบผาช่อแห่ง
นี้มีทั้งหมด ๓ ชั้น และยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านอีกด้วย ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเมื่ออยู่ในบริเวณเขา
ผาช่อนั้นจะต้องห้ามพูดโกหก พูดคำหยาบหรือพูดในสิ่งที่ไม่ดี ก่อนขึ้นเขาผาช่อจะต้องกล่ าวสักการะ
ส่ิงศักด์ิสทิ ธ์ิกอ่ นข้นึ เสมอ สถานท่ีท่องเที่ยวในหมบู่ า้ นแมส่ าน เรม่ิ ต้นจากการเดินชมธรรมชาตไิ ปตามลำห้วย
จะได้พบ “ผาช่อ” ที่ธรรมชาติสรา้ งสรรค์ไวอ้ ย่างงดงาม และในเวลาพลบค่ำบรรดาค้างคาวเหลา่ นี้จะพากนั
ออกมาจากถ้ำเพื่อไปหาอาหารนับพันตัว ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจสำหรับผู้พบเห็น นอกจากนี้ยงั มีนำ้ ไหล
ออกมาจากโพรงเขาเรียกกวา่ น้ำตกผาช่อ

ภาพที่ 22 เขาผาช่อ
๒. น้ำออกรูที่แม่สาน เป็นโพรงน้ำที่ไหลออกมาจากภูเขาเป็นตาน้ำที่แปลกเพราะอุ่นกว่าที่อื่น
เช่ือกันวา่ เปน็ ท่อี ยู่ของสตั วล์ กึ ลับท่ีเรยี กวา่ “ช้างนำ้ ” สตั ว์ทค่ี ล้ายช้าง แต่ตัวเลก็ จ๋ิวมาเลน่ น้ำกัน มีความเชื่อ
ว่าหากช้างน้ำมาเล่นน้ำที่บริเวณรูน้ำผุด จะทำให้น้ำขุ่นทั้งสายน้ำ และแหล่งน้ำนั้นจะมีน้ำไหลอุดมสมบูรณ์
ตลอดทงั้ ปี

ภาพที่ 23 น้ำออกรู

๔๘

๓. น้ำตกผาช่อ โดยห่างจากหมู่บ้านแม่สานไปประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากเขาหินปูน
เกิดจากลำธารที่ไหลผ่านโขดหนิ และหน้าผา โดยแหลง่ กำเนดิ มาจากตน้ นำ้ ห้วยปางควาย ขนุ ห้วยแห้ง และหว้ ยผาชอ่
ไหลมารวมกันเป็นห้วยแม่สาน เป็นน้ำตกขนาดเล็กถึงปานกลางมีหลายชั้นแต่ไม่มีขนาดที่สูงชันมากนัก
เป็นแหล่งน้ำสำคัญแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ซึ่งน้ำตกแห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดชมวิวธรรมชาติ ระหว่างการเดินทาง
ไปยงั รอยพระพุทธบาท และถำ้ ที่อย่ใู กล้ ๆ รอยพระพุทธบาททแี่ ม่สาน โดยเริม่ ต้นตั้งแต่ออกเดินทางถึงบ้านแม่สาน
เดนิ เท้าเขา้ ปา่ ผา่ นนำ้ ตกขึน้ เขาพกั ทีป่ างควาย และเดินเลาะลำธารข้นึ เขา และคน้ หารอยพระพุทธบาท

ภาพท่ี 24 น้ำตกผาชอ่
๔. รอยพระพทุ ธบาทห้วยแหง้ ในหมบู่ ้านแม่สานซง่ึ อยหู่ า่ งจากถำ้ ขุนห้วยแขง้ ประมาณ ๑๕๐ เมตร
ซึ่งเป็นแหล่งร่องรอยพระพุทธบาทด้านขวา หันไปทางทิศเหนือ (จากบันทึกของพระเลก็ สุธมปัญโญ เชื่อวา่
เปน็ ๑ ใน ๕ ของรอยพระพทุ ธบาทภาคเหนอื เปน็ ท่ีร้จู ักกนั ในหมขู่ องพระสงฆท์ ่ีธดุ งค์มาสกั การะ)

ภาพท่ี 25 รอยพระพุทธบาทห้วยแหง้

๔๙

5. ถ้ำขุนห้วยแห้ง โดยห่างจากหมู่บ้านแม่สานประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่บนยอดเขา
อยู่ห่างจากรอยพระพุทธบาทไม่มากนักภายในกว้างโอ่โถงมีหลายห้องสลับซับซ้อน สามารถจุคนได้นับร้อยคน
มีหินงอก หินย้อย ลักษณะเด่นของถ้ำนี้ คือ ทะลุไปอีกฝั่งของภูเขา มีลมแรงพัดทะลุ มีค้างคาวอาศัยอยู่
จำนวนมาก ว่ากันว่าเป็นถ้ำลึกลับมีความเชื่อว่าในสมัยเชียงแสนพระเจ้าพังคราชแห่งโยนกนคร ได้ใช้ถ้ำน้ี
ซ่องสุมกำลังพลกู้ชาติจากขอม ตำนานยังกลา่ วถึงทรัพย์สมบัติที่เคยเก็บไว้ท่ีนี่ รวมถึงพระพุทธรูปที่ซ่อนอยู่
ด้านใน และงยู ักษ์ท่ีเฝา้ อยู่

ภาพท่ี 26 ถำ้ ขนุ ห้วยแห้ง
๖. พระธาตุสุวรรณคีรี (สำนักสงฆ์บา้ นแม่สิน) สร้างขึน้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นำแบบสร้างมาจากวัดศรีโสดา
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นศิลปะจากทางล้านนา ชาวกะเหรี่ยงบ้านแม่สานได้ร่วมแรงรว่ มใจชว่ ยกันสร้างเพ่ือเป็น
ศนู ยร์ วมจติ ใจของหมูบ่ ้าน ในบรเิ วณวดั จะมีเรือนพลับพลาจำลองท่รี ้างข้ึนเพอ่ื รำลกึ นกึ ถึงในหลวงรชั กาลที่ ๙

ภาพที่ 27 พระธาตุสวุ รรณคีรี

๕๐

๗. เรือนพลับพลาจำลอง (อาคารใต้ร่มพระบารมีหรือศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชา) จัดตั้งเพื่อ
เป็นศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา และพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นสถานที่ให้ระลึก
ถึงพระองค์ท่านเมื่อครั้งเสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรบ้านแม่สาน เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ บริเวณ
ใกลเ้ คยี งจะมีศาลพระองค์เจา้ วิภาวดีรังสิต ผบู้ ุกเบิกให้ความช่วยเหลือกับหมู่บา้ นแม่สานเป็นแหล่งศูนย์รวม
กิจกรรมตา่ ง ๆ ของหมู่บ้าน และยังเป็นแหล่งกางเต็นท์ของนกั ทอ่ งเทย่ี วท่มี าเที่ยวบ้านแมส่ านอกี ดว้ ย

ภาพที่ 28 เรือนพลบั พลาจำลอง
๘. ปางควายแม่สาน ชาวบ้านแม่สานใช้ภูเขาเป็นที่สำหรับเลี้ยงวัวควายเพื่อใช้ในการเกษตร
และค้าขาย เพื่อไม่ให้ควายไปกัดกินพืชไร่ของชาวบ้านในฤดูเพาะปลูก ทำนา ทำไร่ ชาวบ้านจะมีการจัดแบ่งพ้นื ที่
ในการเลี้ยงของแต่ละครอบครัว เป็นแหล่งสำหรับดูและศึกษาการเลี้ยงควายแบบธรรมชาติมีจุดพักแรม
สำหรับนกั ท่องเทีย่ วทีต่ อ้ งการศึกษาธรรมชาติ

ภาพท่ี 29 ปางควายแมส่ าน

๕๑

๙. สวนกาแฟพระราชทาน เป็นสวนกาแฟที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานต้นกล้า
กาแฟคร้ังเสด็จมาท่บี ้านแม่สาน เมอื่ วนั ท่ี ๑ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ พืน้ ที่โดยรอบจะเปน็ ป่าติดห้วยน้ำเป็น
แหล่งศกึ ษาพันธุไ์ มต้ า่ ง ๆ มตี ้นไม้สำคัญ เช่น ตน้ เสลยี ง ต้นตะเคยี น

ภาพที่ 30 สวนกาแฟพระราชทาน
๑๐. นาขน้ั บนั ได พน้ื ท่ีของชาวกะเหรีย่ งจงั หวดั สุโขทัย จะเป็นพ้นื ทร่ี าบภเู ขาซึง่ ชาวบ้านจะใชพ้ ้นื ที่
ลาดเอียงเป็นพื้นที่เพื่อการทำนาปลูกข้าวไว้เพื่อใช้ภายในครัวเรือน และเหลือเพื่อจำหน่าย ซึ่งจะเริ่มทำนา
ในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความสวยงามเขียวขจีไปด้วยข้าวที่เป็นขั้นบันได
เมื่อหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ชาวบ้านจะนำควายทีเ่ ลี้ยงไว้มาลงเลี้ยงนาข้าวเพือ่ เปน็ การปรับสภาพของหนา้ ดิน
ทำใหเ้ ปน็ แหลง่ ดงึ ดูดของนักทอ่ งเที่ยวอีกด้วย

ภาพท่ี 31 นาข้ันบันได
๑๑. ลานเฮลิคอปเตอร์พระทีน่ ั่งลงจอด เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๙ ได้เสด็จมาเยี่ยมราษฎร
บ้านแม่สาน ได้ใช้พื้นที่ไร่นาเป็นลานจอดเฮเลิคอปเตอร์ ซึ่งปัจจุบันได้เป็นพื้นที่ปลูกนาข้าวของชาวบ้าน
ซึง่ ตง้ั อยใู่ กล้กบั บริเวณโรงเรยี นบ้านแมส่ าน

ภาพท่ี 32 ลานเฮลิคอปเตอรพ์ ระท่นี งั่ ลงจอด

๕๒

๑๒. น้ำตกปากะญอ เป็นน้ำตกสูง ๑๕ ชั้น โดยมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย
โดยใชใ้ นการทำการเกษตรภายในหมู่บา้ น การเดินทางโดยใชร้ ถอีแต๊กซ่ึงเป็นยานพาหนะประจำหมู่บ้านห้วยหยวก
เป็นยานพาหนะในการเดินทางรอบแรก ประมาณ ๓ กิโลเมตร และเดินทางเท้าอีกประมาณ ๑.๒ กิโลเมตร
ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนา การเดินทางค่อนข้างลำบากทางลาดชัน หน้าฝนจะเดินทางลำบาก
ซ่งึ ยงั ไม่สามารถเปิดเป็นแหล่งท่องเทีย่ วภายในหมบู่ า้ นได้

ภาพที่ 33 น้ำตกปากะญอ
๑๓. ห้วยหรือลำน้ำห้วย ในพื้นที่บ้านห้วยหยวก มีหลายสายได้แก่ ห้วยตุ้ม ห้วยปูน ห้วยตอม
และน้ำตกปากะญอ ซึ่งน้ำลำห้วยเหล่านี้จะไหลมาจากบนยอดเขาดินและมารวมกันเป็น “ลำน้ำห้วยหยวก”
ที่ไหลผ่านหมู่บ้านห้วยหยวกตลอดทั้งปีจะบรรจบห้วยแม่ท่าแพ และไหลสู่แม่น้ำยม ซึ่งจะมีความยาวของลำน้ำ
ห้วยหยวกตั้งแต่ยอดเขาไปถึงแม่น้ำยมประมาณ ๖๐ กิโลเมตร ลำน้ำดังกล่าว เป็นแหล่งน้ำที่ประชาชน
ในหมู่บ้านใช้ในครัวเรอื น และใช้ในการทำเกษตรกรรมจนถึงปัจจบุ ัน

ภาพที่ 34 หว้ ยหรอื ลำน้ำหว้ ยในพืน้ ท่ีบา้ นหว้ ยหยวก

๕๓

๑๔. ลานกางเต็นท์หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำห้วยท่าแพ ได้จัดตั้งสำนักงานบริเวณ
ตอนบนของหมู่บ้านห้วยหยวก ตั้งอยู่บนยอดเขา ระดับความสูงจากน้ำทะเล ๒๕๖ เมตร ณ จุดที่ตั้งหน่วย
พกิ ดั : ๐๕๕๔๕๙E : ๑๙๔๔๘๙๐N เปน็ พื้นท่ีอนรุ ักษต์ ้นนำ้

ภาพที่ 35 ลานกางเตน็ ท์หนว่ ยศกึ ษาการพัฒนาการอนรุ ักษ์ตน้ น้ำห้วยทา่ แพ
๑๕. น้ำตกห้วยผา เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม จำนวน 7 ชั้น เป็นแหล่งต้นน้ำเพื่อทำน้ำประปา
ประจำหมู่บ้านแม่สาน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี การเดินทางค่อนข้างลำบากเหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ชอบการ
ผจญภัย เพราะต้องปีป่ายเขาที่มีความชั้น และผาหินในบางช่วง สามารถพัฒนาเป็นแหล่งปีนหน้าผาโรยตัว
ท่ามกลางสายนำ้ ตกได้

ภาพท่ี 36 นำ้ ตกหว้ ยผา
๑๖. ดอยโฉ่โจ จุดชมววิ บนยอดเขา จุดชมววิ บนยอดเขา ดอยโฉ่โจ( ดอยเจดีย์ฺ ) อย่หู ่างจากหมูบ่ ้าน
ประมาณ 1 กม. และต้องเดินขึน้ ดอยอีกประมาณ 2 ชม. ด้านบนมีลานกางเต็นท์ กว้างประมาณ 10 เมตร
สามารถมองเห็นได้ 360 องศา และมองเห็นตัวหมบู่ า้ นได้

ภาพท่ี 37 ดอยโฉ่โจ

๕๔

อตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรม
อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม นับเป็นสิ่งที่สามารถเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่า และความเป็น

หน่งึ เดียวกันของสังคม อาจจะปรากฏอยู่ในรูปแบบของจารตี ประเพณีหรือการแสดงออกทางวัฒนธรรมของ
แต่ละสังคมซึ่งเป็นวิถีการดำรงอยู่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่สามารถสื่อออกมาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม
จากการสัมภาษณ์เชิงลึก และสังเกตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้จึงสรุป
ข้อมูลอัตลกั ษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงจงั หวัดสุโขทัย โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้

การแตง่ กายของกะเหรย่ี ง
การแต่งกายของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย ถ้าเป็นเวลาในงานบุญที่สำคัญผู้ชายจะใส่เส้ือ
ทีท่ อขน้ึ เอง เสื้อตวั ตรงเย็บติดด้วยกันเป็นทางยาว เว้นชอ่ งสำหรบั ใส่ศีรษะและแขนทั้งสองขา้ ง การแต่งกาย
ของผู้หญิงหากเป็นผู้หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานทุกคนต้องใส่เสื้อ คลุมกระโปรงยาวสีขาวจนถึงข้อเท้า
เส้ือเป็นรปู ทรงกระบอกแขนส้นั ผ่าตรงกลางดา้ นหน้า คอเส้อื เปน็ รูปสามเหล่ียม ทอดา้ ยสแี ดงเปน็ เส้นเล็ก ๆ
อยู่บริเวณสะโพก ถอื เปน็ เอกลกั ษณ์ของชาวกะเหร่ยี ง ส่วนผู้หญิงทีแ่ ต่งงานแล้วสามารถสวมเสื้อสีอ่ืนท่ีไม่ใช่
สขี าวได้
การแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้แบ่งออกไปตามเพศ อายุ
และสถานะทางสังคมได้แก่ เพศชาย เพศหญิง วัยเด็ก วัยรุ่น-วัยชรา และหญิงที่มีสถานะแต่งงานแล้ว
สามารถอธบิ ายได้ดังนี้

ภาพท่ี 38 การแต่งกายของกะเหร่ียง

การแตง่ กายของกะเหรี่ยงจังหวัดสโุ ขทัยผชู้ ายวยั เด็ก
การแต่งกายกะเหรี่ยงผู้ชายวัยเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 15 ปี จะสวมใส่ชดุ กะเหรีย่ งที่เรยี กว่า
“ไช่ชัง่ อ่ัว” เปน็ ชดุ ท่ีมลี กั ษณะเปน็ เสื้อสขี าวความยาวถึงระดับเอว คอเส้อื มลี กั ษณะเปน็ คอวีปักแขนโดยรอบ
เสื้อด้วยด้ายสีแดง โดยจะนิยมทอด้วยผ้าป่านประดับประดาด้วยเม็ดเงินเพื่อความสวยงาม สวมใส่กับโจงกระเบน
(สมั ภาษณ์ แก้ว คา้ งคีรี, ปราชญ์ดา้ นการทอผ้ากะเหรยี่ ง, 24 กรกฎาคม 2564)

๕๕

ภาพท่ี 39 การแตง่ กายของกะเหรย่ี งผชู้ ายวัยเด็ก
การแตง่ กายของกะเหรย่ี งจงั หวัดสุโขทัยผชู้ ายวัยหนุ่มจนถึงวยั สูงอายุ
การแต่งกายกะเหร่ียงผู้ชายวัยหนุ่มจนถึงวัยสูงอายุตัง้ แต่อายุ 15 ปีขึ้นไป จะสวมใส่เสื้อสดี ำหรือสี
น้ำเงินแขนยาวใช้กระดุมที่ทำด้วยเม็ดเงิน นุ่งโจงกระเบนสีดำ สีแดง หรือ สีน้ำเงิน ที่ศีรษะใส่ “คุน่อง”
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของการแต่งกายของผู้ชายคนกะเหรี่ยง ซึ่ง คุน่อง คือสัญลักษณ์แทนการมวยผม
เนือ่ งจากสมัยก่อนผูช้ ายชาวกะเหรี่ยงจะไวผ้ มยาว และจะมวยผมไว้ด้านหน้า ภายหลงั เมอื่ ผู้ชายกะเหรย่ี งตดั
ผมสั้นจึงไม่มีผมสำหรับมวยด้านหน้า จึงได้ทำคุน่องขึ้นเพื่อสวมใส่แทนการมวยผม และถือเป็นอัตลักษณ์
ที่โดดเด่นในด้านการแต่งกายของ ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยอีกด้วย (สัมภาษณ์ อุไร กะพุก, ปราชญ์ด้าน
การทอผา้ กะเหรีย่ ง, 24 ตลุ าคม 2562)

ภาพที่ 40 การแต่งกายของกะเหรยี่ งจังหวัดสโุ ขทัยผู้ชายวยั หน่มุ จนถึงวยั สูงอายุ

๕๖

การแต่งกายของกะเหร่ยี งจงั หวัดสโุ ขทยั ผู้หญงิ วัยเดก็
การแต่งกายกะเหรี่ยงผู้หญิงวัยเด็ก ตั้งแตกแรกเกิดจนอายุ 15 ปี เด็กผู้หญิงกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย
จะสวมใส่ชุดที่มีลักษณะเป็นชุดสีขาว มีความยาวคลุมหัวเข่า ซึ่งนิยมทอจากผ้าฝ้ายโดยจะไม่ปักลวดลาย
ลงบนตัวเสื้อ ส่วนคอเสื้อจะมีลักษณะเป็นรูปตัววี (สุ่มร่อง) ปักขอบรอบคอ และรอบแขนตลอดจนชายขอบ
เสื้อลงมาด้วยด้ายสแี ดงเพื่อความสวยงามซ่ึงเหตทุ ่ใี ช้ผ้าสีขาวในการทอชดุ สวมใสใ่ ห้เด็กผู้หญิงน้ันจะเป็นการ
แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธ์ิของเด็กผู้หญงิ โดยชุดที่เด็กผู้หญิงสวมใส่นีจ้ ะเรียกวา่ “ไช่อั่ว” (สัมภาษณ์ อุไร
กะพุก, ปราชญด์ ้านการทอผา้ กะเหร่ียง, 24 ตลุ าคม 2562)

ภาพท่ี 41 การแต่งกายของกะเหร่ียงจังหวดั สุโขทยั ผูห้ ญิงวยั เดก็

การแตง่ กายของกะเหร่ยี งจังหวัดสโุ ขทยั ผู้หญิงวัยสาวจนถงึ วยั สงู อายุ
การแต่งกายกะเหรี่ยงผู้หญิงวัยสาวจนถึงวัยสูงอายุนั้น นับตั้งแต่ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
หรอื เริม่ นับตัง้ แตผ่ ู้หญิงที่เรมิ่ มีประจำเดอื น จะมีการแตง่ กายทม่ี ีลักษณะที่โดดเด่น กล่าวคือ ในการแต่งกาย
นั้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เสื้อ และผ้าถุง โดยเสื้อภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า “ไช่” จะมีลักษณะเป็นเสื้อยาว
เกือบถึงหัวเข่า ซึ่งจะทอเป็นลวดลายต่าง ๆ ด้วยด้ายสีสันต่าง ๆ แต่จะยึดสีน้ำเงินเป็นหลักในการทอ
โดยคอเสื้อจะมีลักษณะเป็นคอวีและจะเย็บส่วนคอ และส่วนแขนเสื้อด้วยด้ายสีแดง และผ้าถุงภาษา
กะเหรี่ยงเรียกว่า “เน่ยโผล่ง” จะมีลักษณะยาวคลุมข้อเท้าซึ่งจะทอ และปักลวดลายต่าง ๆ ลงบนผ้าถุง
จากนนั้ จะมกี ารประดบั ด้วยเม็ดเงิน และด้ายสแี ดงใหส้ วยงาม (สมั ภาษณ์ อไุ ร กะพกุ , ปราชญด์ า้ นการทอผ้า
กะเหรี่ยง, 24 ตลุ าคม 2562) ทัง้ นีจ้ ะเหน็ ไดว้ า่ การแตง่ กายของชาวกะเหรีย่ งจงั หวัดสุโขทัยมคี วามโดดเด่น
และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของกลุ่มชน ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นกลุ่มกะเหร่ียงในแถบถ่ินเดียวกัน
ไดอ้ ย่างชดั เจน

๕๗

ภาพที่ 42 การแต่งกายของกะเหรย่ี งจงั หวัดสุโขทัยผู้หญงิ วยั สาวจนถงึ วยั สูงอายุ
เครอ่ื งประดบั ของกะเหร่ยี งจังหวัดสุโขทยั ผู้หญงิ
ตา่ งหทู ำจากลกู แกว้ สตี ่าง ๆ สร้อยคอทีร่ ้อยด้วยเสน้ ด้าย และประดบั ไปด้วยลูกปัดสีตา่ ง ๆ สามารถ
ใสไ่ ด้ทกุ วัย

ภาพท่ี 43 สร้อยคอ และต่างหขู องกะเหรย่ี งจังหวดั สุโขทัย
ดา้ นภาษา
การใช้ภาษาของคนในชุมชนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยนั้น จะแบ่งเป็น ๒ ลักษณะ คือ การใช้ภาษา
ในโรงเรยี น และการใชภ้ าษาในครอบครวั ดังนี้
การใช้ภาษาในโรงเรียน จากการที่ชุมชนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยมีระบบการศึกษาขั้นพื้นบ้าน
เข้ามาในชุมชน เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้เด็กและเยาวชน ตลอดจนคนในชุมชนอ่านออกเขียนได้
และสามารถสื่อสารในภาษาไทยกลางที่เป็นภาษาราชการได้นั้น ทำให้เด็กกะเหรี่ยงที่กำเนิดขึ้นมา
และมีสัญชาติไทยทุกคนเข้ารับการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึง
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครูในโรงเรียนจะถ่ายทอดความรู้ในด้านภาษาโดยฝึกให้เด็กกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย
อ่าน พูด ฟัง เขียนภาษาไทย ซึ่งตัวครูผู้สอนเองนั้นจะต้องพูดภาษาไทยกลางกับนักเรียนตลอดเวลา

๕๘

เพอื่ ให้นักเรยี นได้ซึมซับภาษาไทยให้มากทีส่ ดุ ตลอดระยะเวลาการใช้ชวี ิตอยใู่ นโรงเรยี นนั้น เด็กและเยาวชน
ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยจะถูกป้อนข้อมูลด้านภาษาไทยอยู่ตลอดเวลา ทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน ทำให้
มีเด็กและเยาวชนสามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ชัดเจน และถูกต้องเหมือนกับเด็กนักเรียน
ในภูมภิ าคอื่น ๆ ทัว่ ไป

การใช้ภาษาในครอบครัว ในกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยนั้นมีภาษากะเหรี่ยงที่เป็น
อัตลักษณ์ประจำชาติพันธุ์ตนเอง ซึ่งภาษากะเหรี่ยงของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยนับว่ามีเอกลักษณ์
เฉพาะและน่าสนใจ การสนทนาภาษากะเหรี่ยงภายในครอบครัวในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ทำกัน
อย่างสม่ำเสมอ แต่ในปัจจุบันเมื่อเด็กและเยาวชนในชุมชนได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน และการติดต่อ
สอ่ื สารกับสังคมภายนอกทีต่ ้องใช้ภาษาไทยกลางในการสื่อสารมากขึ้น ทำให้การพูดภาษากะเหร่ียงในชุมชน
ที่เป็นการพดู ระหวา่ งครอบครัวน้นั เริ่มลดน้อยลง เพราะคนกะเหรี่ยงในครอบครัวก็จะพยายามพูดภาษาไทย
กับลูกหลาน เพื่อให้ลูกหลานได้ฝึกการพูดภาษาไทยให้คล่องเหมือนกับคนในสังคมภายนอก ทำให้ภาษา
กะเหรี่ยงที่ปรากฏในการสนทนาภายในครอบครัวก็เริ่มลดน้อยลง จนบางครอบครัวลูกหลานไม่สามารถพดู
ภาษากะเหรี่ยงได้เลยหรือแม้กระทั่งคำศัพท์ง่าย ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็เริ่มไม่มีเด็กหรือเยาวชนรุ่นหลัง
พูดหรือรู้จัก ทำให้ภาษากะเหรี่ยงที่มักจะใช้พูดคุยในครอบครัวลดน้อยลงกลายเป็นภาษาที่กำลังจะตายไป
จากชมุ ชนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย

ภมู ปิ ญั ญาและเทคโนโลยี
จากการลงพื้นที่สัมภาษณ์เชิงลึกชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ในด้านภูมิปัญญา
และเทคโนโลยี ทำใหส้ รปุ ข้อมลู ไดว้ า่ ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย ไดม้ ีภมู ปิ ญั ญาทเ่ี กดิ จากการคิดสร้างสรรค์
ของคนกะเหรี่ยงในอดีต ซึ่งสามารถแบ่งภูมิปัญญาของชาวกะเหรี่ยงได้ ดังนี้ ที่อยู่อาศัย ขนบธรรมเนียม/
จารีต/ประเพณี/ความเชื่อ อาหารท้องถิ่น สมุนไพรรักษา โรค/สาธารณสุขแบบดั้งเดิม ศิลปะการดนตรี
และการละเลน่ ศลิ ปหตั ถกรรม/งานฝมี อื และการทำมาหากนิ สามารถอธิบายได้ดังน้ี

ท่ีอยู่อาศัย
ลักษณะของครอบครัว (วุฒิสิทธิ์ จีรกมล. ๒๕๕๓) ระบบของครับครัวชาวกะเหรี่ยงแบ่งออกได้
เป็น ๒ แบบ คือ แบบครอบครัวเดี่ยวภายในครอบครัวจะมีเพียงสามี ภรรยา และลูก ส่วนใหญ่จะปลูก
ครวั เรือนไวใ้ กลก้ ับบา้ นพ่อแม่ของฝา่ ยหญิง แบบที่ ๒ จะมีลักษณะเป็นครอบครวั ใหญ่ อาศัยอยู่รวมกับญาติ
ฝ่ายผู้หญิง มีตา ยาย พ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ในสังคมกะเหรี่ยงบ้านแม่สานเมื่อแต่งงาน
กันแล้วฝ่ายชายจะต้องเขา้ มาอยู่กับบ้านของพ่อแม่ภรรยากอ่ น หลังจากนั้นจึงสามารถย้ายออกไปปลูกเรือน
ใหม่ใกล้กับบ้านของภรรยา ทั้งนี้จากการสัมภาษณ์คนกะเหรี่ยงในชุมชน และการสังเกตลักษณะของท่ีอยู่
อาศัยของชาวกะเหรี่ยงในชุมชนบ้านแม่สาน ทำให้ผู้วิจัยได้สรุปข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรี่ยงใน
ปัจจบุ นั สามารถแบ่งออกเป็น 2 รปู แบบ คอื ท่ีอย่อู าศยั แบบด้ังเดิม และทีอ่ ยอู่ าศยั แบบสมัยใหม่ ซึ่งอธิบาย
ข้อมลู การวเิ คราะห์ได้ดังน้ี

๕๙

ทอ่ี ยูอ่ าศยั แบบดั้งเดิม
หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่ดั้งเดิมเป็นบ้านชั้นเดียว ยกพื้นสูงหลังคามุงด้วยหญ้าคา
ใบจากหรือใบค้อ ตัวบ้านใช้ไม้ไผ่แล้วมัดด้วยหวายภายในบ้านมีบริเวณที่โล่งแบ่งเป็นสัดส่วนคือนอกชาน
บ้านหมายถึงบริเวณตรงด้านหน้าเมื่อขึ้นบันไดบ้านไปถัดเข้าไปคือห้องครัวห้องนอน และบริเวณที่สำหรับ
แขกคือบริเวณที่ยกพื้นขึ้นอีกระดับหนึ่งแต่บ้าน บางหลังมีการสร้างห้องครัวไว้บริเวณข้าง ๆ ตัวบ้าน
นอกจากนี้บรเิ วณด้านล่างจะมีคอกสำหรับเลี้ยง สัตว์ห้องน้ำทั้งนี้การแบ่งสัดส่วนขึ้นอยู่กับพื้นทีบ่ ริเวณบ้าน
และความพงึ พอใจของเจ้าของบา้ นด้วย

ภาพที่ 44 ท่ีอยอู่ าศัยแบบดั้งเดิม
ทอ่ี ยอู่ าศัยแบบสมัยใหม่
ส่วนลกั ษณะบา้ นเรอื นแบบสมัยใหม่ เป็นการสร้างตามยุคสมัย โดยจะใชก้ ารสร้างแบบบา้ นชั้นเดียว
หรือสองชั้นแล้วแต่ความสะดวกของเจ้าของบ้าน โดยปัจจุบันจะมีการสร้างโดยใช้อิฐหรือปูนซีเมนต์
หลังคาบ้านในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นกระเบื้อง หรือสังกะสีแทน เหตุผลที่เปลี่ยนเพราะความทันสมัย
ปลอดภยั ต่อพายฝุ น และความคงทนถาวรของบ้านเรอื นน่ันเอง

ภาพที่ 45 ทีอ่ ยูอ่ าศยั แบบสมัยใหม่

๖๐

จะเห็นได้ว่าภูมิปัญญาในการสร้างที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยนั้น เป็นสิ่งที่ถูกถ่ายทอด
จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งภูมิปัญญาดังกล่าวได้ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและความเหมาะสมกับบริบทของชุมชน
จึงทำให้ที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรี่ยงได้ปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี และความก้าวหน้าในสังคมปัจจุบัน
หากแต่ชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกยังคงอนุรักษ์และสร้างที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมเพื่อเป็นที่พักอาศัย
แบบชั่วคราว ซึ่งไม่สามารถใช้เป็นที่พักแบบถาวรได้เหมือนในอดีตเนื่องจากสภาพภูมิอากาศและสภาพ
ภูมิประเทศได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมไม่สามารถใช้งานได้อย่างยืนนาน และไม่สะดวก
ตอ่ การดำเนินชวี ติ ในสังคมปัจจบุ ัน

ขนบธรรมเนยี ม จารีต ประเพณี ความเชือ่
จากการสัมภาษณ์เชิงลึกปราชญ์ชาวกะเหรี่ยงในด้านพิธีกรรมนั้น ทำให้ผู้วิจัยสามารถสรุปข้อมูล
ภูมิปัญญา และเทคโนโลยีในด้านขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี ความเชื่อของชาวกะเหรีย่ งจังหวดั สุโขทยั
ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนกะเหรี่ยงในชุมชน ได้แก่ พิธีการเกิด พิธีงานศพ พิธีแต่งงาน
ประเพณีซอเจดยี ์ทราย ประเพณีหลังเกย่ี วข้าว และพธิ เี ก่ียวกับผี ซึง่ สามารถสรปุ ได้ดังน้ี
พิธีการเกิด
ชาวปกาเกอะญอมีชีวิตที่ผูกพันกับตันไม้ และธรรมชาติมาตั้งแต่เกิดเพราะเมื่อมีเด็กเกิดใหม่
ผูเ้ ปน็ พ่อจะนำรกของเดก็ ใส่กระบอกไม้ไผ่และนำไปผกู ไวก้ ับ “ต้นสะดือ” หรือในภาษาปกาเกอะญอเรียกว่า
“เดปอทู่” ซึ่งมักเป็นต้นไมต้ ้นใหญท่ อี่ ยู่บรเิ วณหมู่บา้ น “ตามความเชอ่ื ของปกาเกอะญอ ขวัญของเด็กจะอยู่
กับต้นสะดือต้นนั้นไปตลอดชีวิต ห้ามให้ใครไปตัดหรือทำลายต้นไม้ต้นนั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่อง
รา้ ยกบั เจ้าของรก”
พธิ งี านศพ
พิธีงานศพชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้มีพิธีกรรมเมื่อมีผู้เสียชีวิตที่สืบทอด
กันมาเป็นเวลายาวนาน น่นั คือพิธีงานศพของชาวกะเหรย่ี ง เม่ือมีคนตายในบ้านจะมีการนำขา้ วของเครื่องใช้
ของผู้ตายมารวบรวมไว้ มีการนำเสื่อลำแพนมาห่อศพมัดด้วยด้ายใจ (สายสินจน์สีขาว) มาผูกมัดกับศพ
หนุ่มสาวในหมู่บ้านจะมาซอรอบศพที่ตัง้ กลางศาลาที่สร้างขึน้ ไว้ในบา้ นใครบ้านมัน การซอศพนั้นแล้วแต่จะ
กำหนดวันที่จะซอศพ บางครั้งมีการการซอศพจนศพเน่า ผู้ที่ร่วมพิธีการซอศพนั้นเมื่อได้เข้าร่วมพิธีกรรม
แล้วห้ามออกนอกพิธีการรมการซอศพโดยเด็ดขาดหรือจนกว่าจะเสร็จพิธีการ เมื่อฝ่ายญาตินำเครื่องใช้
ของผู้ตายไปเผาแล้ว โดยห้ามมิให้ผู้เป็นสามีหรือภรรยานำไปเผา จากนั้นจะนำศพมาวางลงที่พื้นจำนวน
๓ ครั้ง และจะนำศพไปที่ป่าช้าในหมู่บ้านพร้อมกับโยนศพเข้าไปในป่าโดยท่ีไม่มีการฝงั หรือเผาโดยเด็ดขาด
พร้อมกับเครื่องใช้ทั้งหมด เมื่อเสร็จงานผู้ร่วมพิธีต้องมาล้างตัวในลำห้วย และพรมน้ำมนต์ด้วยน้ำส้มป่อย
แต่เดิมประชาชนในหมู่บ้านห้วยหยวกประกอบพิธีกรรมการฌาปนกิจในบริเวณโล่งแจ้ง ริมลำน้ำห้วยหยวก
บริเวณไร่มันสำปะหลังของ นายประเสริฐ ใจเกลี้ยง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ท่ี ๕ บ้านห้วยหยวก โดยมีพิธี
ที่เรียกว่าการ “ซอศพ” หรือ “ซอขาว-ดำ” ในสมัยก่อนในการประกอบพิธีซอศพ เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มี

๖๑

พระสงฆ์ในการประกอบพิธี จึงใช้การ “รำพึงรำพัน” ในการประกอบพิธี ซึ่งเป็นการพูดสื่อถึงการซอ
ในการซอศพนั้นจะมีการร้องเพลงซอหน้าศพ โดยการเดินรอบ ๆ บริเวณตั้งแต่เริ่มมืดจนถึงเวลาฟ้าเปิด
หรือจนเช้า ผู้เข้าร่วมงานจะใส่ชุดกะเหรี่ยงร่วมพิธี โดยการเดินรอบบริเวณจะจัดให้เดินเป็นคู่ผู้ชาย ๑ คน
ผู้หญิง ๑ คน ผู้เข้าร่วมในพิธีงานศพห้ามถอนตัวออกจากพิธีโดยเด็ดขาดจนกว่าจะเสร็จงานพิธีศพ
เมอื่ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ประชาชนในหมบู่ ้านไดร้ ่วมสมทบทนุ บริจาคสร้างเมรุข้ึน อยู่บริเวณหลังอาศรม
พระธรรมจาริกบ้านห้วยหยวก ซึ่งปัจจุบันการประกอบพิธีกรรมการฌปนกิจได้เปลี่ยนแปลงเป็นไปตาม
ประเพณีในยุคสมัยใหม่ มีการใช้เมรุในการประกอบพิธี (สัมภาษณ์ ถนอม เรืองมั่น, นักการภารโรงเรียน
บา้ นหว้ ยหยวก และมานะ คราพนั ธ์, ครูคนแรกของโรงเรียนบ้านหว้ ยหยวก, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

พธิ ีแตง่ งาน
พิธีแต่งงานของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย การประกอบพิธีการสมรสหรือการแต่งงาน
ในการประกอบพธิ ีแตง่ งานในสมยั ก่อนนัน้ ผู้ชายจะต้องใช้ผ้าคลุมศรี ษะให้มิดชิด เพื่อเดินทางไปสูข่ อเจา้ สาว
ไม่สามารถให้ใครเห็นหน้าก่อนไปสู่ขอ โดยค่าสินสอดในการสูข่ อ จะใช้มีด จอบ เสียม เคียว เป็นค่าสินสอด
ในการสู่ขอ การเลี้ยงภายในงานทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะเอาหมูหรือสัตว์ต่าง ๆ มาช่วยกันประกอบ
อาหารในการเลี้ยงแขก (สัมภาษณ์ ราตรี ค้างคีรี, ชาวกะเหรี่ยงห้วยหยวก, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
แต่ในปัจจุบันนั้นประเพณีนี้ได้ลดหายลงไป เนื่องจากในปัจจุบันมีการทำพิธีสู่ขอหรือการแต่งโดยการใช้วิธี
สมัยใหม่ การแห่ขันหมากใช้ประกอบพิธีการสมรส โดยการรดน้ำสังข์ มัดข้อมือ ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงไป
ตามยุคสมัย
การซอเจดยี ์ทราย
การซอเจดีย์ทรายชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย จะจัดประเพณีเวียนเจดีย์ก่อทรายขึ้นในช่วงงาน
ประเพณีในวันเข้าพรรษา วันสงกรานต์ วันที่ ๑๕ เมษายน ของทุกปี (วันปีใหม่ของชาวกะเหรี่ยง) โดยประเพณี
เวียนเจดีย์ก่อทรายนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับประเพณีขนทรายเข้าวัดก่อพระเจดีย์ทรายคนไทยนั่นเอง
ประชาชนจะแตง่ ตวั ประจำทอ้ งถ่นิ ไปเข้าร่วมกจิ กรรม
ในตอนเช้ากม็ ีการทำบุญตักบาตร มีการกอ่ เจดียท์ รายจะตกแต่งพระเจดีย์ทรายด้วยดอกไม้หลากสี
ให้เกิดความสวยงาม ส่วนในตอนเย็นจะมีการร้องเพลงรอบเจดีย์ โดยเป็นการร้องปากเปล่า ผู้สูงอายุ
ในหมู่บ้านจะมีการเดนิ บงโดยรอบ มีการร้องเพลงลักษณะคล้าย ๆ กับเพลงฉ่อยในปัจจุบัน และมีกลองยาว
ร่วมประกอบจังหวะหรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ซอมงคล” (สัมภาษณ์ ราตรี ค้างคีรี, ชาวกะเหรี่ยงห้วยหยวก,
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
การซอเจดีย์ทรายในสมัยก่อนนั้นจะเป็นการก่อกองทรายในการประกอบพิธี ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นชั้น ๆ
ใช้หยวกกล้วย (สะตวง) เพื่อเสียบดอกไม้ประดับรอบเจดีย์ทราย ในปัจจุบันนันจะเป็นการขนทรายเข้ามา
ในวัด (สมั ภาษณ์ หลวงตาปี, พระในอาศรมพระธรรมจารกิ บา้ นห้วยหยวก, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

๖๒

ในปัจจบุ นั ยังมีผทู้ ี่ประกอบพิธกี รรมและสืบทอดพธิ ีการซอเจดีย์ทราย คือ

๑. แมห่ ลวงดอก คา้ งครี ี (บา้ นหว้ ยหยวก)

๒. นางปกุ๊ ลอย ค้างคีรี (บา้ นห้วยหยวก)

๓. ยายหอย ค้างคีรี (บ้านห้วยหยวก)

๔. นายตบ๊ิ แก้ว ค้างคีรี (บ้านแม่สาน)

ภาพที่ 46 ซอเจดียท์ ราย

ประเพณที ำบญุ บงั้ ไฟ
ชาวกะเหร่ยี งจังหวดั สโุ ขทยั มคี วามเชอื่ วา่ จะสง่ ผลถึงดวงวญิ ญาณผู้ทตี่ ายไปตกนรกจะถูกบั้งไฟชว่ ย
ดึงดวงวิญญาณไปส่สู วรรค์ โดยจะมกี ารจุดบ้ังไฟในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ช่วงเย็น

ภาพที่ 47 ทำบญุ บง้ั ไฟ
ประเพณีหลงั เกี่ยวข้าว
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย หลังจากได้มีการเก็บเกี่ยวข้าวหลังจากการทำนา
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทยั จะมีประเพณีในการนำข้าวจ้าวหรือข้าวเหนียวท่ีได้จากการ
ทำนามาหุงกินกันเป็นมื้อแรกภายในครอบครัว นำข้าวมากินกับปูผาที่สามารถหาได้ ภายในหมู่บ้าน
(สัมภาษณ์ แดง ค้างครี ี, ชาวกะเหร่ียงในบา้ นแม่สาน, ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๖๔)

๖๓

พิธีเกยี่ วกบั ผี
ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยยังมีความเชื่อในเรื่องผี วิญญาณ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เนื่องจาก
ชาวกะเหรี่ยงได้ดำรงชีวิตเกี่ยวพันกับทรัพยากรธรรมชาติจึงทำให้มีความสัมพันธ์และเกิดเป็นพิธีกรรม
ที่เกี่ยวข้องกับผีต่าง ๆ ในชีวิตโดยมีการประกอบพิธีกรรมที่เรียกว่า “เลี้ยงผี” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อ
เรื่องผีในดา้ นการเกษตร ซึ่งคนกะเหรี่ยงดำรงชีพด้วยการทำเกษตรเปน็ หลัก จึงทำใหค้ วามเชื่อและพิธกี รรม
เกี่ยวกับผีในดา้ นการเกษตรจะเริ่มตัง้ แต่เริ่มเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือน 6
การประกอบพิธีกรรมนั้นโดยแต่ละบ้านเมื่อมีการทำไร่ทำนาหรือทำเกษตรกรรม เมื่อทำการเกษตรและได้
ผลผลิตก็จะมีการเส้นไหว้ผี โดยการนำสัตว์มาฆ่าหรือเชือดต่อหน้าพิธีกรรม ซึ่งคนในหมู่บ้านยังต้องยึดถือ
ปฏิบัติตามภายในหมู่บ้าน (สัมภาษณ์ แดง ค้างคีรี, ชาวกะเหรี่ยงในบ้านแม่สาน, ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ในการประกอบพิธีในการเลี้ยงผี ผู้ทำพิธีจะต้องเป็นผู้อาวุโสในหมู่บ้าน โดยจะใช้เครื่องในการประกอบ
พธิ กี รรม ดังน้ี ไก่ตวั ผแู้ ละตัวเมยี ๑ คู่ (ฉอ) เหลา้ ขาว ๑ กระบอก น้ำเปล่า ๑ กระบอก ยาเส้น ๑ มวน พริก
เกลือ หมากพลู จากนั้นสรา้ งบ้านจำลองจากไม้ไผ่ วางเครื่องประกอบพิธีกรรมบนบ้านจำลอง จากนั้นนำไก่
ตัวผู้และตัวเมียมาเชือดคอและให้เลือดหยดบริเวณรอบพิธี ดึงขนปีกมาเสียบรอบบ้านจำลอง จากนั้นนำไก่
ไปต้มแล้วนำมาวางให้เจา้ ทกี่ ิน และพูดเชญิ ใหผ้ ีมากนิ ของเส้นไหว้ การประกอบพธิ ีนั้นมกั จะทำในชว่ งเช้า

ภาพท่ี 48 การเลีย้ งผีเพอื่ การเกษตร

กะเหรี่ยงในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จะมีบ้านเลี้ยงผีประจำบ้านหรือประจำตระกูล
(สัมภาษณ์ ถนอม เรืองมั่น, นักการภารโรงเรียนบ้านห้วยหยวก) โดยบ้านผีนั้นจะเป็นสถานที่ประกอบพิธี
โดยห้ามบุคคลภายนอกหรือเป็นคนนอกตระกูลห้ามสัมผัสบ้านหรือสิ่งของในพิธีนั้น ยกเว้นลูกหลาน
ในตระกลู หากบคุ คลอน่ื ท่ีไมใ่ ช่ลูกหลานในตระกลู เข้ามาเกยี่ วขอ้ งหรอื สัมผัสส่ิงของในการประกอบพิธีจะถือ
ว่าเป็นการ “ผิดผี” ผิดประเพณี ผู้ใดที่มีการผิดผีจะต้องมีการเสียผีตามประเพณี โดยใช้เงินจำนวน ๒ บาท
หรอื แล้วแตบ่ า้ นทเี่ ล้ียงผจี ะกำหนด และนำนำ้ ส้มป่อยมาใช้ในการประกอบพธิ ี

๖๔

กะเหรี่ยงในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จะมีเตาเลี้ยงผีไว้ในห้องหรือในบ้าน เมื่อถึงวัน
ที่มีการประกอบพิธีกรรมการเลี้ยงผี ลูกหลานของตระกูลนั้นก็จะมาเข้าร่วมพิธีโดยจะต้องประกอบอาหาร
กนิ อาหาร และทำพิธีภายในบ้านหรอื ภายในห้องเท่านน้ั

ภาพท่ี 49 บา้ นเลย้ี ง และเตาเลย้ี งผี
ค่านิยมชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่สมัยอดีตมีค่านิยมดั้งเดิมในการสูบ
ปล้องยาสูบที่ประดิษฐ์ขึ้นเองไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะมีปล้องยาสูบติดตัวเสมอ ปล้องยาสูบจะใช้
ใบตองพันเป็นลักษณะกรวย และพับด้านหัวของกรวยเพื่อเป็นที่บรรจุยาเส้น และนิยมนำย่ามมาใช้สำหรับ
ใส่สิ่งของต่าง ๆ ย่ามที่ใช่นั้นชาวบ้านจะเป็นผู้ทอขึ้นมาใช้เอง เพราะว่ามีความทนทานสูง มีน้ำหนักเบา
(สัมภาษณ์ แก้วแฮ คา้ งครี ี, ชาวกะเหรีย่ งห้วยหยวก, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ภาพที่ 50 ปลอ้ งยาสูบ และยา่ มประจำตัว

๖๕

ตำนานนกโท๊ะซู ประชาชนกะเหรี่ยงในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ยังมีความเชื่อว่าเมือ่ มีฝูง
นกโท๊ะซูบินเข้ามาภายในหมู่บ้านปีละครั้ง ในช่วงหลังเกี่ยวข้าวช่วงเดือนพฤศจิกายน นกชนิดนี้จะนำพา
ความเจริญความสมบูรณ์เข้ามาภายในหมู่บ้าน ซึ่งนกชนิดนี้มีคำกล่าวว่าเป็นนกที่มีลักษณะใหญ่ อยู่เป็นฝูง
มีลักษณะลำตัวใหญ่ ปากใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับนกเงือก ซึ่งกล่าวว่าหากใครทำร้ายนกชนิดนี้ก็จะเกิดกับ
สิ่งที่ไม่ดีขึ้นกับตัวผู้กระทำ ในปัจจุบันมีการนำสัญลักษณ์ของนกโท๊ะซูมาเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านห้วยหยวก
และนำสัญลกั ษณ์นมี้ าใช้กบั ผา้ พืน้ เมืองของหมู่บา้ นเช่นกัน (สมั ภาษณ์ ราตรี คา้ งครี ี และจนั ทรน์ ้อย ค้างคีรี,
ชาวกะเหร่ียงห้วยหยวก, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ภาพท่ี 51 นกโท๊ะซู

อาหารท้องถ่ิน
จากการสัมภาษณ์ชาวกะเหรี่ยงในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ในด้านอาหารท้องถิ่นน้ัน
ผู้วิจยั ได้ทำการรวบรวมข้อมลู และนำมาสรปุ อาหารทอ้ งถิ่นของชาวกะเหร่ียงในอำเภอศรีสัชนาลยั จังหวัดสุโขทยั
ที่มีลักษณะโดดเด่นจำนวน 2 ประเภท คือ อาหารคาว และอาหารหวาน ซึ่งอาหารท้องถิ่นของชาวกะเหร่ียงนน้ั
เป็นการนำเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นอาหารคาวและหวาน โดยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
และนับเป็นภูมปิ ญั ญาด้านอาหารทสี่ ืบทอดกนั มาจนถงึ ปจั จบุ ันซง่ึ สามารถอธบิ ายได้ ดงั นี้
อาหารคาว
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสโุ ขทัย มีการคิดสรา้ งสรรค์วัตถุดิบการปรุงอาหารที่ไดจ้ าก
ธรรมชาติท้องถิ่น โดยอาหารคาวที่โดดเด่นของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยมีจำนวน ๕ ชนิด ประกอบด้วย
หลามบอน หลามข้าว แกงเหลอื ง แกงเปอะ ยำผักงอ โดยอธิบายได้ดังน้ี
หลามบอน เป็นแกงที่ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย นิยมแกงกินในครัวเรือน
และในงานบุญต่าง ๆ ของชุมชน เช่น งานแต่ง งานบวช งานรื่นเรงิ เป็นตน้ เน่ืองจากเปน็ วตั ถุดิบท่ีหาได้ง่าย
ในชุมชนซึ่งมีส่วนผสมประกอบด้วย ต้นบอน ใบบอน มะเขือ พริก ผักไผ่ ใบเลื่อย เนื้อหมูหรือหมูป่า
มะขามเปียก ชะอม ข่าออ่ น ตะไคร้ กระเทยี ม ผงปรุงรส ปลารา้ ใบชะพลู

๖๖

ในขั้นตอนการทำหลามบอนนั้น เริ่มจากนำต้นบอนหั่นท่อน และใบบอนใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่
ทีเ่ ตรยี มไว้ จากนั้นเร่ิมจากการโขลกเคร่ืองแกงรวมกนั ใหล้ ะเอียดใสเ่ ข้าไปในกระบอกไมไ้ ผ่ตามด้วยผกั ต่าง ๆ
เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก ผงปรุงรส ปลาร้า การหลามบอนจะต้องค่อย ๆ ใช้ไม้แหย่
จนกว่าวัตถุดบิ จะละเอียดจนกวา่ จะสุก (สมั ภาษณ์ จนั ทร์น้อย และแกว้ แฮ คา้ งครี ี, ชาวกะเหรีย่ งในบ้านห้วยหยวก,
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ภาพท่ี 52 หลามบอน
หลามข้าว เป็นการที่ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ใช้หุงข้าวภายในครัวเรือน
โดยใชว้ ัสดธุ รรมชาตใิ นการประกอบการหุงอาหาร
ในขั้นตอนการทำหลามข้าวนั้น เริ่มจากนำข้าวเหนียวมาแช่ไว้ในช่วงหวั ค่ำ เวลาประมาณ ๑-๒ ทุ่ม
จากนั้นในช่วงเช้าก็จะนำข้าวที่แช่ไว้มาพักในกระบอกไม้ไผ่ และพันใบตอง ประมาณ ๓๐ นาที จึงนำมาเผา
จนสกุ (สัมภาษณ์ จันทรน์ อ้ ย และแกว้ แฮ ค้างคีรี, ชาวกะเหร่ยี งในบา้ นหว้ ยหยวก, ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ภาพที่ 53 การทำหลามข้าว
แกงเหลือง เป็นแกงท่ีมีรสชาติเผ็ดสามารถปรุงแต่ง และใส่เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น หมู
หมูป่า ไก่ป่า เป็นต้น ซึ่งมีส่วนผสมประกอบด้วย เครื่องพริกแกง ประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ กระเทียม พริก
และขมนิ้ ตำรวมกันให้ละเอยี ดพอประมาณ ต้ังหม้อใส่เน้อื สัตว์ลงค่วั กบั พรกิ แกงจนหอม ใสน่ ำ้ ผัก ใบพลูนก
ใส่ข้าวที่ตำละเอียดจะทำให้น้ำข้นอร่อยยิ่งขึ้น และใส่ขมิ้นเพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ เพิ่มความหอม
ของแกงให้น่ารับประทาน

ภาพท่ี 54 แกงเหลอื ง

๖๗

อาหารหวาน
ชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกนั้น ไม่นิยมรับประทานของหวาน จึงไม่ค่อยนิยมทำของหวาน
รับประทานในชุมชน การขนมที่มักจะทำขึ้นไว้รับประทานภายในครอบครัว หรือเมื่อมีงานมงคล และงาน
บุญตา่ ง ๆ ของชุมชน คือ ข้าวต้มห่อใบไม้กวาด ซ่ึงสามารถอธบิ ายได้ดงั นี้
ขา้ วตม้ ห่อใบดอกไม้กวาดเปน็ การนำข้าวเหนยี วโดยท่ีไมต่ อ้ งแช่น้ำ นำมาหอ่ กับใบดอกไม้กวาด โดย
การนำตอกทีท่ ำจากไม้ไผม่ ามัด ซ่งึ ขา้ วต้ม ๑ มัดจะมี ๓ กลบี โดยท่ี ๑ มดั จะกินได้ ๑ ครอบครัว คอื พ่อ แม่
และลกู ส่วนผสมในการทำข้าวต้มหอ่ ใบดอกไมก้ วาด จะมเี กลือ และมะพรา้ วขูดโดยทไี่ มต่ อ้ งค้ันน้ำ นำมาห่อ
และนำไปใส่หมอ้ ต้ม และตอ้ งทำขา้ วต้มตัวผ้ซู งึ่ เป็นแค่ใบดอกไม้กวาดมัดด้วยตอกเพียงอยา่ งเดียว จำนวน ๑
อัน ใส่ลงไปในหม้ออีกด้วย เติมน้ำใหเ้ ต็ม ต้มจนกว่าน้ำจะเหลือครึ่งหม้อและคอยดูจนข้าวต้มสุก (สัมภาษณ์
ยะซอย, ติ๊บ, ขันแกว้ และแก้ว ค้างครี ี, ชาวกะเหรยี่ งในบา้ นหว้ ยหยวก, ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔)

ภาพที่ 55 ขา้ วตม้ หอ่ ใบดอกไม้กวาด
กลว้ ยฉาบปกาเกอะญอ
ชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีการปลูกพืชไรพ่ ืชสวนมากมาย
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะปลูกกล้วยรอบบ้าน ตามสวน ไร่ นา จึงมีผลผลิตที่เหลือจึงมีหน่วยงานราชการ
ได้เข้ามาสอนและแนะนำการประกอบอาชีพภายในหมู่บ้าน โดยสาธิตการทำกล้วยฉาบรสต่าง ๆ เพื่อนำ
ออกจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ จำหน่ายภายในและนอกหมู่บ้าน โดยจัดทำร่วมกับชาวกะเหรี่ยงภายในหมู่บ้าน
ในรูปแบบสินค้า OTOP กล้วยฉาบปกาเกอะญอนั้นมีทั้งหมดสามชนิดคือ กล้วยอบเนยปกาเกอะญอ กล้วยฉาบ
ปกาเกอะญอ กลว้ ยเบรคแตกปกาเกอะญอ

ภาพท่ี 56 ผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนปกาเกอะญอ

๖๘

ศลิ ปหตั ถกรรม/งานฝีมอื
จากการลงพื้นที่สำรวจ และสัมภาษณ์เชิงลึกคนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน
ศิลปหัตถกรรม งานฝีมือ และการศึกษาตำรา หนังสือ เอกสารต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับงานด้าน
ศิลปหัตถกรรมของชาวกะเหรี่ยงนั้น ศิลปหัตถกรรมและงานฝีมือ ของชาวกะเหรี่ยงนับเป็นภูมิปัญญา
ชาวบ้านของชาวกะเหรย่ี งบ้านหว้ ยหยวก ที่คดิ สร้างสรรค์ขนึ้ เพือ่ ตอบสนองการดำเนินชีวิตต้ังแต่สมัยบรรพ
บุรุษ (สัมภาษณ์ ปราชญ์ด้านการทอผ้ากะเหรี่ยง, นางราตรีค้างคีรี, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔) โดยผู้วิจัย
สามารถสรุปการจำแนกศิลปหัตถกรรมและงานฝีมือของ ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยออกเป็น ๒ ประเภท
คือ ผ้าทอกะเหรี่ยง และการจักสาน ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการสนทนากลุ่ม และสัมภาษณ์เชิงลึกในมิติของภูมิปัญญา
ทชี่ าวกะเหรีย่ งไดส้ บื ทอดกันมาจากอดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน ซงึ่ สามารถอธิบายได้ดังน้ี
ผ้าทอกะเหร่ยี ง
จากการสำรวจและสัมภาษณ์เชิงลึกคนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก ทำให้ผู้วิจัยสรุปข้อมูลได้ว่าผ้าทอ
กะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก นับว่ามีลักษณะเป็นลวดลายที่ได้จากการย้อมจากสีธรรมชาติซึ่งชาวกะเหรี่ยงได้มี
กลวิธแี ละ การสร้างลวดลายผ้าทอทผ่ี ทู้ อจะยึดใหเ้ ป็นรปู แบบลวดลายดง้ั เดมิ ท่เี คยทอไว้ในอดตี
ลวดลายผ้าทอกะเหรย่ี ง
ลวดลายผ้าทอกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกแบบดั้งเดิมได้ถูกถ่ายทอด มาจากรุ่นบรรพบุรุษ จากการ
สนทนากลุ่มปราชญ์ชาวบ้านด้านผ้าทอกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก ทำให้ผู้วิจัยสามารถสรุปลวดลายผ้าทอ
กะเหรี่ยงตามลกั ษณะวธิ กี าร ซงึ่ สามารถอธบิ ายลวดลายผา้ กะเหร่ยี งได้ดังน้ี

ภาพท่ี 57 ลายตาสามช่อง (ตะเซอโฉะ๊ ) ภาพที่ 58 ลายปกี ค้างคาว (ตะปลา่ เดะ)
ลายขาไก่ (ตะชอข้อ) ลายขอ้ ตอ่ (ตะเซเค)

ลายตาสามช่อง (ตะเซอโฉะ๊ )

ภาพที่ 59 ลายเกย่ี วลายตาสามช่อง ภาพท่ี 60 ลายปกี คา้ งคาว (ตะปล่าเดะ)
(ตะอูก่วั ตะเซอโฉะ๊ ) ลายตาสามชอ่ ง (ตะเซอโฉะ๊ )

ลายพันเกรียว(ตะอบู ี) ลายเกี่ยว (ตะอูกวั่ )

๖๙

ภาพท่ี 61 ลายยกปอกนำ้ เตา้ (นโิ บ๊ะฮอะทหี ลู่ห่า) ภาพท่ี 62 ลายยกปอกนำ้ เต้าไมม่ จี ก
ลายจกปอกนำ้ เตา้ (อทู หี ลูห่ ่า) (นิโบะ๊ ฮอะทีหลูห่ ่า)

ภาพท่ี 63 ลายยกขาไก่ ไม่มีจก ภาพท่ี 64 ลายยกแทงเกยี่ ว
(นิโบะ๊ ฮอะตะ) (นโิ บะ๊ ฮอะตะแฉะก่ัว)

ภาพที่ 65 ลายครกนอ้ ย (นิโบะ๊ ฮอะชะโพ) ภาพท่ี 66 ลายยกแทงเกีย่ ว ลายจกตาสามช่อง
(นิโบ๊ะฮอะตะแฉะกว่ั อูตะเซอโฉ๊ะ)

ภาพท่ี 67 ลายตาสามชอ่ ง (ตะเซอโฉะ๊ ) ภาพที่ 68 เชโปร่
(ลดาีเยคดออะพกลหอาม)ยอลกนาา้ งยลปตาละยาวขันอ้(ยตตะกอ่ ค)ี((ตตะะเหซมเคื่อ)นึ)

๗๐

จะเห็นได้ว่าประเภทของลวดลายผ้าทอตามวิธีการสร้าง ลวดลายต่างๆ ล้วนใช้เทคนิคและวิธีการ
สร้างลวดลายท่มี ีลกั ษณะเฉพาะเพอื่ ใหช้ ุดกะเหร่ยี งบ้านห้วยหยวกมีความสวยงาม

การทอผา้ มีวสั ดุ ดังนี้

ฝ้าย ไดจ้ ากฝา้ ยพันธพุ์ นื้ เมืองท่ีปลกู เอง ตน้ ฝา้ ยจะตน้ เลก็ ใหผ้ ลผลติ ตำ่ แต่มี ขอ้ ดคี ือ เสน้ เหนยี ว

สามารถป่นั ด้ายเส้นท่เี ล็กและสวยงาม ปัจจบุ นั ใชด้ ้ายสำเรจ็ รปู

การยอ้ มฝ้าย ยอ้ มดว้ ยสีธรรมชาติ และสีเคมี สหี ลกั ท่ใี ช้กนั คอื

สีแดง ได้จาก รากโคะ๊ หรือยอปา่ , เปลือกประดู่

สนี ำ้ เงนิ ได้จาก ใบคราม และใบห้อม

สเี หลือง ไดจ้ าก ขมน้ิ , สมอ

สนี ้ำตาล ได้จาก เปลือกไมเ้ ป๋ย

สีส้ม ไดจ้ าก แกน่ ไมฝ้ าง

ขนั้ ตอนการทอดผ้าด้วยก่ีของชนเผา่ ปากะยอ
1. อุปกรณ์
ด้ายจากฝา้ ย ดา้ ยสำเรจ็ กเ่ี อว ประกอบดว้ ยเขม็ ขัดรดั เอว
2. ข้นั ตอนการทำ
การทำกเ่ี ร่มิ ด้วย ไมไ้ ผน่ ำมาเจาะรูแลว้ ตง้ั ไวส้ งู ประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตรเพ่อื เป็นการ

สะดวกในการเดินไปมาแล้วนำอุปกรณ์กี่เอวมาเสยี บตามรูเป็นแถว เตรียมด้ายด้วยการปั่นด้ายจากฝ้ายแลว้
เอามาม้วน แล้วนำด้ายที่ม้วนเสร็จมาใส่ตะกร้าเพื่อสะดวกในการเดินเรียงด้ายเป็นชั้นไปแล้วแต่ความ
ต้องการของคนทอผ้าว่าจะเอาผืนเล็กหรือผืนใหญ่ตามขนาด พอเดินเรียงด้ายเสร็จแล้วลงมานั่งกับพื้นแล้ว
ประกอบการทอต่อไป เข็มขัดที่รัดเอวจักรสานด้วยไม้ไผ่ตามภาษาปากะญอเรียกชื่อว่า (หญ่อแควะเบ๊ะ)
เปน็ การนำเส้นด้ายมาเรียงกนั อยา่ งมรี ะเบียบตามแนวนอนขนานไปกับไม้ข้ึน เรยี งลำดับไว้ส่วนของลวดลาย

ผ้าขึ้นอยู่กับคนทอว่าจะเอารอดลวดลายแบบไหนอย่างไรอยู่ที่การเลือกสีด้าย การทอผ้านัน้ จะต้องทำจิตให้
สดชื่นไม่เครียดไม่กำหนดเวลาจำกัด ทอไปเรื่อย ๆ ทำตัวสบายจะได้ผ้าทอที่สวยงามตามความต้องการ
เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เปน็ อาชีพเสรมิ ในครัวเรือน

3. การนำไปใช้ประโยชน์
ทำเสือ้ ผา้ ทำผา้ หม่ ทำถงุ ยา่ ม ทำผา้ พันคอ

วธิ กี ารทอ
ขั้นตอนที่ ๑ นำฝ้ายที่ปั่นแล้วมาผูกบนหลักไม้ ที่ทำด้วยไม้ไผ่ ซึ่งปักลงบนราวไม้ที่เจาะรูเรียง
เป็นแถว ผู้ทอสามารถเลื่อนไม้ให้กว้างหรือแคบได้ตามขนาดที่ต้องการ โดยมากผ้าทอกะเหรี่ยงจะกว้าง
ประมาณ ๑๘-๒๐ น้วิ

๗๑

ขั้นตอนท่ี ๒ ไม้ที่สอดกับฝ้ายแล้วใช้หนังสัตว์ต่อปลาย ๒ ข้างผูกด้วยเชือกปลายไม้ทั้ง ๒ ด้าน
เวลาทอใช้แผ่นหนังร้งั ตรงเอว ใชเ้ ทา้ ยนั กันไม้ หรอื วสั ดทุ หี่ าได้ง่าย ๆ เสน้ ฝ้ายก็จะตงึ

ขั้นตอนที่ ๓ การทอจะสอดฝา้ ยพงุ่ เขา้ โดยมีฟมื เปน็ ตวั กระแทกเสน้ ฝา้ ย เป็นเสน้ นอนตามลวดลาย
ที่กำหนด เช่น ลายเม็ดฟัก ลายแมงมุม ลายปากนก ลายตาไก่ ลายพันขา ลักษณะการทอผ้ากะเหรี่ยงเป็นการทอ
ลักษณะที่เรียกว่าจก และเป็นการทอกี่เอวซึ่งผู้ทอสามารถนำไปทอได้ทุกแห่ง เพราะขนาดไม่กว้างนัก ซิ่นกะเหรี่ยง
จะเปน็ ซ่นิ ของหญิงท่ีแตง่ งานแล้ว ผา้ ซิน่ จะเป็นสีแดง มีแถวลายมัดหมี่ประดับเป็นส่วน ๆ โดยมีช่ือเรียกลาย
แต่ละลายต่าง ๆ กัน เช่น ลายปากหก (ทุโก๊คา) ลายวงตา (ทะเมขว้าง) ลายผีเสื้อ (แช้งกูเป้งด้าย) และลายปีกนก
(ทุโน้ะ) การประยุกต์ใช้ ผ้าทอกะเหรี่ยงได้นำมาประยุกต์เป็นผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ หรือเสื้อก๊ัก
กระเป๋าใส่เงนิ ฯลฯ

การจักสาน
การจักสานของชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย นับเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของคน
กะเหรี่ยงที่คิดสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองการดำรงอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันในด้านการเลี้ยงชีพของตนเอง
ใช้ออกไปประกอบอาชีพการเกษตร เก็บของป่า มีการนำวัสดุที่หาได้ในหมู่บ้านมาจักสาน เช่นไม้ไผ่ หวาย
และยังนำไปขายเป็นรายได้เพื่อจุนเจือรายได้ภายในครอบครัวอีกด้วย จากการสัมภาษณ์คนกะเหรี่ยงบ้าน
ห้วยหยวกนั้น ผู้วิจัยสรุปการจักสานของชาวกะเหรี่ยงที่ใช้เป็น เครื่องมือในการดำรงชีวิต (สัมภาษณ์
ราตรี ค้างคีรี, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ทั้งนี้ผู้วิจัยสามารถอธิบายเครื่องจักสาน อันเป็นภูมิปัญญา
ของชาวกะเหรีย่ งบา้ นหว้ ยหยวกได้ ดงั น้ี
"ต่า คา"กระด้ง เป็นอุปกรณ์ที่ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้นำไม้ไผ่มาเหลา
ให้ เป็นเส้นบาง ๆ จากนั้นนำมาสานเป็นวงกลมขึ้นขอบเพื่อให้กระด้งมีความคงทนตามขนาดที่ต้องการ
ซึ่งมีไว้สำหรับใช้ตากเนื้อสัตว์ สมุนไพร และใช้สำหรับร่อนแยกเปลือกข้าวออกจากข้าวสารที่ตำเป็นเม็ด
สขี าวพร้อมสำหรับการนำไปประกอบอาหาร

ภาพท่ี 69 กระดง้

๗๒

กื๊อ"หรือ กระบุง ทำมาจากไม้ไผ่ที่มีความแข็งแรงและหนา จับสานแบบละเอียดมีความคงทน
สามารถใช้ได้นาน ใช้เก็บเสื้อผ้า หรือใช้ในการเกษตรในการเก็บเมล็ดข้าว ข้าวโพด เพราะมีความถี่ไม่ร่ัว
สามารถเกบ็ วสั ดุต่าง ๆ ได้อีกหลายชนิด และยงั นำไปใช้ในไร่ในสวนจะใช้ใสข่ องหรือผกั กลบั บ้าน

ภาพท่ี 70 กระบุง

สมุนไพรรกั ษาโรค/สาธารณสุขแบบดัง้ เดมิ
ในการศึกษาด้านสมุนไพรรักษาโรค/สาธารณสุขแบบดั้งเดิมของ ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย
จังหวัดสุโขทัย ผู้วิจัยได้ทำการสนทนากลุ่ม และสัมภาษณ์เชิงลึกด้านสมุนไพรท้องถิ่น ที่ชาวกะเหรี่ยงได้ใช้
รักษาโรคตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยทำการสัมภาษณ์ชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก (สัมภาษณ์ ราตรี ค้างคีรี,
๒๙ กรกฏาคม ๒๕๖๔) เพื่อนำข้อมูลมาทำการสรุปและวิเคราะห์ในด้านภูมิปัญญาในการรักษาโรค
ซึ่งสมุนไพรทชี่ าวกะเหร่ียงบา้ นหว้ ยหยวกนยิ มใช้ในการรักษาโรค และใชส้ ำหรับรักษาบรรเทาอาการต่าง ๆ
เมื่อมีอาการป่วยหรือเป็นไข้หวัดของคนในหมู่บ้าน ชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกจะนิยมใช้พืช
สมุนไพรที่หาได้ในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนมากจะนำสมุนไพรที่มีลักษณะเป็นใบไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่นใบมะขาม
ใบมะกรูด ใบส้มโอ มะนาว ใบส้มป่อย โดยการนำใบสด ๆ มาอบตัว โดยนำใบไม้ต่าง ๆ มาต้ม และใช้ผ้า
คลุมทั้งตัวเพื่ออบตัว ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาอาการแก้ผื่นคัน การผิดปกติของร่างกายหลังคลอดลูก
แก้อาการไข้หวัด
ในสมยั อดีตมกี ารรักษาโรคต่าง ๆ โดยมหี มอชาวบา้ นรกั ษา การใชน้ ้ำมนั งามาทำเป็นน้ำมนต์ในการ
รักษาโรคอาการต่างๆ การรักษานั้นเมือรักษาเสร็จจะไม่มีการเรียกร้องค่ารักษาหรือที่เรียกว่าค่าครู
หรือสุดแล้วที่คนรักษาจะให้เป็นสินน้ำใจ เมื่อใช้น้ำมนต์รักษาเสร็จก็จะใช้น้ำส้มป่อยมาล้างหัวของคนป่วย
ในปจั จบุ ันยงั มหี มอชาวบา้ นทย่ี ังมีชีวติ และยังรักษาคนปว่ ยภายในหมู่บ้านคือ พอ่ หลวงสุขซอย ค้างคีรี
ศลิ ปะการดนตรแี ละการละเล่น
ระบำซอ
ระบำซอ เป็นฟ้อนประดิษฐ์ของ เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 เป็นการผสมผสาน
การแสดงบัลเล่ต์ของทางตะวันตกกับการฟ้อนแบบพื้นเมือง ใช้การแต่งกายแบบหญิงชาวกะเหรี่ยง โดยมี
ความหมายว่า ชาวเขาก็มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ใช้เพลงทางดนตรีไทยหลายเพลง

๗๓

ประกอบการแสดง เช่น เพลงลาวจ้อย ต้อยตลิ่ง ลาวกระแต ลาวดวงดอกไม้ ลาวกระแซ มีคำร้องทำนอง
ซอยิ้นที่แต่งเป็นคำสรรเสริญ ใช้แสดงในการสมโภชช้างเผือกของรัชกาลท่ี 7 ครั้งเมื่อเสด็จเลียบมณฑล
พายัพ ปัจจุบันได้มีการลดจำนวนนักแสดงลง และตัดเพลงบางท่อนออกเพื่อให้เหมาะสมในการแสดง
ในโอกาสตา่ ง ๆ

ระบำซอเป็นศิลปะการแสดงของชาวกะเหรี่ยง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ในปัจจุบันเป็น
การแสดงประจำท้องถิ่นของกะเหรี่ยง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นการสืบสานการแสดง
มีการรำทั้งหมด ๓ เพลง โดยแบ่งเป็นเพลงดังนี้ ๑. เพลงระบำซอ บทท่ี ๑ ๒. เพลงระบำซอ บทที่ ๒
๓. เพลงระบำซอ บทท่ี ๓

ภาพที่ 71 ระบำซอ

ฟอ้ นเจงิ
สมภพ เพ็ญจันทร์ (๒๕๕๓) เป็นนาฏกรรมที่สะท้อนรูปแบบศิลปวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทย
ทางภาคเหนือที่นำเอาเรื่องราวของศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเมื่อครั้งอดีตผู้ชายชาวล้านนามักจะมีการแสวงหา
เรียนรู้ “เจิง” เพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันภัยให้กับตัวเองด้วยรูปแบบ และลีลาท่าทางในการ
แสดงออกที่มีทั้งความเข้มแข็ง สง่างาม ท่ีซ่อนเร้นชั้นเชิงอันเป็นแม่ไม้เฉพาะตนซึ่งสลับท่าทางไปมา
ยากในการที่จะทำความเข้าใจ ฟ้อนเจิงเป็นศิลปะการฟ้อนที่แสดงให้เห็นถึงชั้นเชิง ลีลาการต่อสู้ อันเป็น
ภูมิปัญญาของบรรพชนไทย มีการต่อสู้ทั้งรุก และรับ หลอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ประลองไหวพริบปฏิภาณกัน
เอาชนะกนั อยา่ งมีชน้ั เชงิ ให้เกยี รตซิ ่งึ กันและกนั ไม่ข่มเหงเอาเปรียบกนั ฟอ้ นเจงิ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ
คือฟ้อนเจิงมอื เปลา่ ฟอ้ นเจงิ ทใี่ ชอ้ าวธุ เชน่ เจงิ หอก เจิงดาบ เจิงไม้คอ้ น เปน็ ตน้
แต่เดมิ เราสามารถพบเหน็ การฟอ้ นเจิงในงานประเพณตี า่ ง ๆ ของภาคเหนือ ซ่งึ บรรดาผูฟ้ อ้ น (ชาย)
ได้เดินทางมาพบปะกันในงานทำบุญก็จะฟ้อนกันตามจังหวะกลองที่มีอยู่หรือสามารถหาได้ในพื้นที่
เช่น กลองแซะ กลองปู่เจ่ กลองไชยมงคล กลองสิ้งหม้อง กลองก้นยาว เป็นต้น “ฟ้อนเจิง” มักจะฟ้อน
ในงาน “บวชลูกแก้ว” (บวชเณรน้อย) เป็นส่วนใหญ่ เพราะงานบวชลูกแก้วมีแต่คนคุ้นเคยรู้จักกัน ชวนกัน
ฟ้อนเจิงด้วยความสนุกสนาน (ฟ้อนเอาม่วน) รับรองไม่มีเรื่องหมางใจกัน เพราะเป็นญาติ ๆ ของลูกแก้ว
(เณรน้อย) ทั้งนั้น แต่งานอื่น ๆ เช่น งานปอยหลวง ฯลฯ ไม่ฟ้อนเจิงกัน เพราะต่างคนต่างมาจากหลาย

๗๔

หมู่บ้าน ไม่รู้จักคุ้นเคยกัน ถ้าสะกิดกันออกมาฟ้อนเจิงคงจะต้องมีการชกกันหัวร้างข้างแตกกันบ้าง
เพราะ “อวดเชิงกัน” หรือ “ข่มเชิงกัน” น่าหมั่นไส้ ดังนั้นฟ้อนเจิง จึงมักฟ้อนในหมู่คนสนิท ๆ และรู้จักกนั
เท่านั้น การฟ้อนเจิงมอื เปลา่ ผู้ฟอ้ นจะเคล่ือนไหว ยกยา้ ย อวัยวะส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย ไปตามท่วงทำนอง
เพลงของกลอง โดยแม่ท่าและลวดลายต่าง ๆ มาจากศิลปะการต่อสู้ เจิงดาบ เจิงหอก ฯลฯ ท่าร่ายรำ
จะถ่ายทอดกันมาจากบรรพบุรุษ และครูผู้สอนที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ความคิด และประสบการณ์ของครู
แต่ละสำนกั

ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้มีการสืบทอดศิลปวัฒนธรรมการฟ้อนเจิง
ฟอ้ นดาบ กนั มาเป็นเวลานาน เป็นการสอนสบื ทอดกนั มาเพื่อใชใ้ นการแสดง หรอื การร่วมประกอบพิธีกรรม
ต่างๆ แต่ในปจั จุบนั การสืบทอดศิลปวัฒนธรรมการฟ้อนเจิง ฟอ้ นดาบ ได้เหลอื น้อยลง แทบจะไมม่ ีผู้สืบทอด
เนื่องจากไม่ค่อยมีลูกหลานที่สนใจจะสืบทอด โดยมีวัฒนธรรมสมัยใหม่ได้สอดแทรกเข้ามาจะทำให้
ศิลปวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ได้เรม่ิ จางหายไป (สมั ภาษณ์ วฒั นา คา้ งครี ี, ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔)

ภาพที่ 72 ฟอ้ นดาบฟอ้ นเจงิ
ศิลปะการดนตรแี ละการละเลน่
ดนตรีกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการ
ของกลุ่มคนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย ในด้านของความบันเทิง และเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมต่าง ๆ ของชุมชน
กะเหรีย่ งซึง่ มีความเกี่ยวข้องและสอดคลอ้ งกับวถิ ีการดำรงอยกู่ บั ธรรมชาติ เปน็ สำคญั
จากการสนทนากลุ่มและสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลด้านดนตรีกะเหรี่ยง จังหวัดสุโขทัย
(สัมภาษณ์ ถนอม ดวงมั่น, ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ทำให้ผู้วิจัยสรุปข้อมูลด้านดนตรีกะเหรี่ยงบ้าน
ห้วยหยวกได้ว่า เครื่องดนตรีของชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกนั้นมีเพียงแค่ชนิดเดียวที่ใช้ในการบรรเลง
เพื่อความสนุกสนานครึกครื้น และบรรเลงเพื่อสร้างความศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรม นอกจากนี้ยังมีการละเล่น
ของชาวกะเหรี่ยงที่นิยมเล่นกันในเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสร้างความรักความสามัคคีภายในชุมชน คือ การเป่า
เขาควาย ซงึ่ ในปจั จุบนั ไม่มผี ูท้ ี่เปา่ เขาควายไดแ้ ล้ว และไมม่ ีผู้สืบทอดจึงทำใหเ้ ครือ่ งดนตรชี นิดนี้ได้หายไปใน
ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก และได้มีการใช้เครื่องเสียงในยุคสมัยใหม่มาประกอบการแสดงดนตรี
การประกอบพิธกี รรมต่าง ๆ ทดแทนของด้ังเดิม

๗๕

ภาพท่ี 73 เครือ่ งเปา่ เขาควาย
เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการฟ้อนเจิง และการฟ้อนดาบของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย
ซงึ่ มีเครอ่ื งดนตรีประกอบ ๓ ชนิ้ ดังนี้
๑. ฆอ้ ง (โม) มลี ักษณะเป็นเคร่อื งดนตรีทีม่ คี วามตนั ทึบ คณุ ภาพของเสยี งเกดิ จากการกระทบหรือตี

ภาพท่ี 74 ฆอ้ ง (โม)
๒. กลอง (เด่อ) เป็นเครื่องดนตรีตระกูลหนัง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเกิดจากการสั่นสะเทือน
ของหนงั กลอง โดยมีหนุ่ กลองทำหนา้ ท่เี ปน็ ตัวขยายเสยี ง

ภาพที่ 75 กลอง (เด่อ)

๗๖

๓. ฉาบ (จหวะ) เคร่ืองดนตรีตระกูลเครื่องเคาะประเภทท่อน-แท่ง ลักษณะของเครื่องดนตรี
จะเปน็ วสั ดุทบึ ตัน คณุ ภาพของเสยี งเกิดจากการตีหรอื กระทบของวัสดทุ ม่ี ีคณุ ลักษณะต่างกัน

ภาพท่ี 76 ฉาบ (จหวะ)
๔. เตหน่า หรือ เตนา เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีดของชาวกระเหรี่ยง เตหน่ามีคอยาวโค้งงอคล้าย
พิณของพม่า มี 6 สาย ทำจากโลหะ ยึดติดกับลูกบิดพาดจากคอพิณมาถึงลำตัว มีความสั้น-ยาวไม่เท่ากัน
จึงทำให้เกิดระดับเสียงที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะดีดด้วยนิ้ว ตัวพิณเป็นกล่องด้านในกลวงเป็นกระพุ้งเสี ยง
ทำจากวัสดทุ ่ีหาได้ในท้องถิ่น เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ในชีวิตประจำวันและใช้ประกอบในพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ
อาจจะใชบ้ รรเลงอยา่ งเดยี ว หรือประกอบการขับร้องดว้ ยกไ็ ด้

ภาพที่ 77 เตหนา่

๗๗

การทำมาหากนิ
กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์กุ ะเหรยี่ งอำเภอศรสี ชั นาลยั จังหวดั สุโขทยั แตเ่ ดมิ นนั้ มวี ิถีการดำรงอยู่ด้วยการพ่ึงพา
ธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้มีอาชีพเพียงแค่เกษตรกรรมเท่านั้น หากแต่ปัจจุบันวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง
จังหวัดสุโขทัย ได้มีการรับเอาวัฒนธรรมภายนอกเข้ามาผสมจึงเกิดการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีความ
สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบันมากย่ิงขึ้น ชาวกะเหรีย่ งจึงมีการประกอบอาชพี ท่ีหลากหลายมากย่งิ ขนึ้
(สัมภาษณ์ ณปภัช ค้างคีรี, 29 กรกฎาคม ๒๕๖๔) จากการที่ผู้วิจัยได้ลงพื้นที่สำรวจและทำการสัมภาษณ์
ปราชญ์ชาวบ้านในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งอาชีพและวิถีการทำมาหากินของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยนับเป็น
อีกภูมิปัญญาที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำรงอยู่ และการเลี้ยงชีพให้มีความสอดคล้องกับบริบท
ทางสภาพแวดลอ้ ม และสงั คมชาวกะเหรี่ยงจังหวดั สุโขทัย ซ่ึงสามารถจำแนกภูมปิ ัญญาดา้ นการทำมาหากิน
ของชาวกะเหรีย่ งจงั หวดั สุโขทยั หลัก ๆ จำนวน 2 ด้าน คือ อาชีพเกษตรกรรม และอาชีพปศสุ ตั วผ์ ู้วิจัยสรุป
รายละเอียดได้ดังนี้ อาชีพเกษตรกรรม ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดราชบุรีตั้งแต่สมัยอดีตได้มีการเพาะปลูกแบบ
ยา้ ยที่ ไปเรอื่ ย ๆ เน่ืองจากตอ้ งการให้พน้ื ที่ที่เคยเพาะปลกู นนั้ พักหนา้ ดิน และปล่อยให้ต้นไม้ ต้นหญ้าได้ขึ้น
ปกคลุมหน้าดินเพื่อสร้างแร่ธาตุให้แก่ดิน โดยจะมีการเคลื่อนย้ายพืน้ ที่เพาะปลูกในช่วงระยะเวลา 5-10 ปี
ต่อครั้ง ซึ่งในปัจจุบันชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกได้มีการเพาะปลูกแบบถาวร จึงไม่มีการเคลื่อนย้ายพื้นที่
ในการเพาะปลูกและเลิกทำไร่หมุนเวียน (สัมภาษณ์ ณปภัช ค้างคีรี, 29 กรกฎาคม ๒๕๖๔) จากการ
สัมภาษณ์ปราชญ์ด้านเศรษฐกิจของชุมชนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก และการลงพื้นที่สำรวจนั้น ทำให้ผู้วิจัย
สรุปได้ว่าชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกในปัจจุบัน นั้นได้มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีการเพาะปลูก
พชื ผกั เพ่ือยงั ชีพและสำหรับเป็นผลผลติ ได้แกข่ า้ วไร่ กลว้ ย กาแฟ มันสำปะหลงั ซงึ่ มีรายละเอียด ดังน้ี
อาชีพเกษตรกรรม ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่สมัยอดีตได้มีการเพาะปลูกแบบย้ายที่ไปเรื่อย ๆ
เนื่องจากต้องการให้พื้นที่ที่เคยเพาะปลูกนั้นพักหน้าดิน และปล่อยให้ต้นไม้ ต้นหญ้าได้ขึ้นปกคลุมหน้าดิน
เพื่อสร้างแร่ธาตุให้แก่ดิน โดยจะมีการเคลื่อนย้ายพื้นที่เพาะปลูกในช่วงระยะเวลา ๕-๑๐ ปีต่อครั้ง ซึ่งในปัจจุบัน
ชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกได้มีการเพาะปลูกแบบถาวร จึงไม่มีการเคลื่อนย้ายพื้นที่ในการเพาะปลูก
และเลิกทำไรห่ มุนเวยี น จากการสัมภาษณป์ ราชญด์ ้านเศรษฐกิจของชุมชนกะเหร่ียงบ้านหว้ ยหยวก และการ
ลงพื้นที่สำรวจนั้น ทำให้ผู้วิจัยสรุปได้ว่าชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกในปัจจุบัน นั้นได้มีการประกอบอาชีพ
เกษตรกรรม โดยมีการเพาะปลูกพืชผักเพื่อยังชีพและสำหรับเป็นผลผลิต ได้แก่ข้าวไร่ กล้วย กาแฟ
มันสำปะหลงั ซง่ึ มีรายละเอียด ดงั นี้
ข้าวไร่
ในอดีตชาวกะเหรี่ยงจงั หวัดสุโขทัยสว่ นมากจะปลูกขา้ วไร่ที่เป็นระบบ การทำไร่หมุนเวียนเป็นหลกั
แต่ในปัจจุบันชาวกะเหรี่ยงได้หันมาปลูกข้าวไร่ในพื้นที่ถาวรเนื่องจากมี จำนวนประชากรในชุมชนเพิ่ม
มากยิ่งขึ้น จึงมีการจับจองพื้นที่การทำมาหากินมากขึ้นเป็นเหตุให้การ ทำไร่หมุนเวียนไม่สามารถทำได้

๗๘

อกี ต่อไป ท้งั นชี้ าวกะเหรี่ยงถอื วา่ ข้าวเป็นพืชยังชพี ท่ีสำคัญอย่างยิง่ เพราะการดำรงชวี ิตประจำวันต้องอาศัย
ขา้ วในการบรโิ ภค ดังนัน้ การปลกู ขา้ วไร่จึงมคี วามสำคญั และได้รับการสืบทอดมาจนถึงทุกวันน้ี

การปลูกข้าวไร่ของชาวกะเหรีย่ งจังหวัดสุโขทัยนั้น จะต้องใช้วัสดุอปุ กรณ์สำหรับทำการปลูกขา้ วไร่
ประกอบด้วย มีดพร้า จอบ เสียม และเมล็ดพนั ธขุ์ า้ ว โดยจะมี ข้ันตอนในการปลูกขา้ วไร่ ดงั น้ี

๑. สำรวจพื้นทเ่ี พอื่ ทำการเลือกจบั จองพ้ืนทีส่ ำหรบั ปลูกขา้ วไร่
๒. เม่ือได้พ้ืนท่แี ล้วนั้น จะตอ้ งทำการถางหรอื การฟันไร่
๓. ลงมอื ทำแนวกนั ไฟ จากนั้นเผาในพื้นที่ทีจ่ บั จองเพ่ือใหเ้ ปน็ พน้ื ท่ี โลง่ เตยี นพร้อมทำการเพาะปลูก
๔. จดั เตรยี มพื้นทที่ จ่ี ะปลกู ข้าวไร่
๕. เม่ือเขา้ ฤดฝู นจะเรมิ่ ทำการปลูกขา้ วไร่
๖. จากนนั้ คอยดแู ลต้นขา้ วไม่ได้รับการก่อกวนจากสัตวแ์ ละแมลงต่าง ๆ จนถึงวันเกบ็ เก่ียว
๗. หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วนั้น จะนำไปตากแดดให้แห้งและทำการตีหรือนวดข้าวเพื่อเก็บใส่
กระสอบกลับมาไว้สำหรับบริโภคหรอื จำหน่ายต่อไป
กล้วย
ในปัจจุบันชาวกะเหรี่ยง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ส่วนมากจะปลูกกล้วยทุกครัวเรือน
ตามบริเวณในหมู่บ้าน รอบคันนา หรือทำสวนกล้วย โดยนำผลผลิตต่าง ๆ มาใช้ประกอบอาหารใช้ภายใน
ครัวเรอื น และยงั นำมาทำผลิตภณั ฑข์ องชมุ ชนอกี ด้วย
กาแฟ
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรสี ชั นาลยั จังหวัดสุโขทัย ได้มกี ารปลูกกาแฟเพื่อส่งเสรมิ อาชีพภายในหมู่บ้าน
มีการส่งเสริมการปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ภายในหมู่บ้าน โดยมีทั้งกาแฟพันธุ์อราบิก้า และโรบัสต้า
โดยนำต้นกล้าที่ได้จากหน่วยงานต่างๆมาปลูกในสวนเพื่อเป็นรายได้เสริม ปลูกตามสภาพธรรมชาติ ปะปน
กับไม้ป่า และไม้ผลอื่น ๆ ในรูปแบบ “วนเกษตร” เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็จะมีการนำไปเป็นผลิตภัณฑ์
เพ่อื ส่งออกจำหน่าย
มันสำปะหลงั
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้มีปลูกมันสำปะหลังเพื่อทดแทนการทำนา
เมื่อหมดฤดูการเก็บเกี่ยวการปลูกมันสำปะหลังของคนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกจะเป็นการปลูก เพื่อนำมา
แปรรูปสำหรับทำเป็นแป้งและอาหารสัตว์ เป็นการทำการเกษตรเพื่อสร้างรายได้ภายในชุมชนกะเหรี่ยง
บ้านหว้ ยหยวกมกี ารนำเครือ่ งมอื การเกษตรสมัยใหม่เขา้ มาใช้ในการทำไรม่ นั สำปะหลงั
อาชพี ปศสุ ตั ว์
ปศุสัตว์ เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่พบในกลุ่มคนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก โดยมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อจัด
จำหน่าย และเพื่อใช้ยังชีพ จากการสัมภาษณ์ปราชญ์ด้านเศรษฐกิจของชุมชนกะเหรี่ยง อำเภอศรีสัชนาลัย
จังหวัดสุโขทัย และการสำรวจด้านอาชีพของคนกะเหรี่ยงในชุมชนทำให้ผู้วิจัยสรุปได้ว่า คนกะเหรี่ยง

๗๙

อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ที่ประกอบอาชีพปศุสัตว์นั้น ได้มีการเลี้ยงสัตว์จำนวน ๔ ชนิด คือ ควาย
หมู ไก่ และววั ซึ่งสามารถอธบิ ายรายละเอียดการประกอบอาชพี ปศสุ ัตวใ์ นการเล้ียงสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ ไดด้ ังนี้

การเล้ียงหมู
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีการเลี้ยงหมูเพื่อเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรม
ภายในครอบครัว ซึ่งคนกะเหรี่ยงที่เลี้ยงหมูนัน้ จะใชพ้ ันธุ์หมูจากพ่อแม่พันธุ์ดง้ั เดมิ ภายในหมู่บา้ น ซึ่งเล้ียงไว้
ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ หมูในหมู่บ้านกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกนั้น จะเป็นหมูพันธุ์ของชาวกะเหรี่ยงโดยเฉพาะ
ซึ่งเรยี กว่าหมูยาง ซ่งึ มลี กั ษณะตวั สีดำ มขี นยาวตามแผงคอ สถานท่ีเลยี้ งหมจู ะใช้บริเวณรอบบ้านหรือใต้ถุน
ในการเลี้ยง ส่วนมากจะไม่ปล่อยหมูให้เดินไปมา จะมีการนำเชือกมามัดกับหมูไว้และผูกกับต้นไม้ เพื่อกัน
มิให้หมูหลุดออกไป โดยสถานที่เลี้ยงจะเป็นลักษณะโปร่ง มีที่ระบายอากาศดี มีหลังคาสูงเพื่อให้อากาศ
ถ่ายเทได้สะดวก โดยจะเล้ียงพ่อแม่พนั ธุ์ไว้จนกวา่ จะตาย ห้ามนำไปบริโภคหรือจำหนา่ ยโดยเดด็ ขาด ส่วนลูกหมู
ที่ได้จากพ่อแม่พันธุ์ของตนเองนั้นสามารถนำไปขายเป็นตัวได้ แต่ไม่มีการชำแหละเพื่อนำไปขายได้
ซ่งึ คนกะเหรยี่ งท่เี ลย้ี งหมมู วี ิธีเลี้ยงแบบง่าย ๆ ซงึ่ จะให้หมูกินเศษอาหารในครัวเรือน รำข้าว และหยวกกล้วย
สบั ละเอียดยงั นำเอาผัก หญ้าต่าง ๆ ทหี่ าได้ในทอ้ งถ่นิ มาสับใหล้ ะเอยี ดผสมกบั รำขา้ ว และนำ้ ให้หมูกิน

ภาพที่ 78 หมูยาง
เลย้ี งวัว/ควาย
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้มีการวัวไว้จำหน่ายเนื่องจากวัวควายมีราคาสูง
สร้างรายได้ให้เข้าครัวเรือนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งการเลี้ยงวัวควายของชาวกะเหรี่ยงในชุมชนนัน้ ได้เลี้ยงกนั
มาตั้งแต่อดีต ซึ่งจุดประสงค์ของการเลี้ยงในอดีตคือเป็นสัตว์สำหรับใช้แรงงานเพื่อเคลื่อนย้ายหรือขนของ
ในเส้นทางที่ยาวไกล แต่ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นมีรถยนต์สำหรับการขนส่ง
เดินทางท่สี ะดวกรวดเร็ว การเล้ยี ง ววั ควายเพื่อใช้เป็นพาหนะจงึ ถูกปรับเปลย่ี นเป็นการเลีย้ งวัวเพ่ือจำหน่าย
หรอื นำมาใช้ในการประกอบพธิ กี รรม

ภาพท่ี 79 การเล้ียงววั ควาย

๘๐

เลย้ี งไก่
ชาวกะเหรี่ยงอำเภอศรสี ัชนาลัย จังหวัดสุโขทยั มีการเลี้ยงไก่พื้นเมอื งแบบธรรมชาติ เป็นการเลี้ยงไก่ท่ฝี กึ
ให้ไก่หากินตามธรรมชาติโดยมีคนเลี้ยงเป็นผู้สร้างอาหารให้บ้าง มีอาหารเสริมให้บ้าง ในช่วงอาหารธรรมชาติ
เหลือน้อยหรือหากินได้ยากขึ้น ให้กินสมุนไพรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และ รักษาโรคในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
เพื่อให้ไก่ได้มีการสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคระบาดต่าง ๆ การเลี้ยงไก่ของกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกน้ัน
จะเปน็ การเลีย้ งเพื่อบริโภคภายในครวั เรือน หรอื นำไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ โดยจะเล้ียงไว้รอบบริเวณบ้าน

ภาพท่ี 80 ไก่พันธ์พ้นื บา้ น
อัตลกั ษณ์ทโ่ี ดดเด่นของหม่บู า้ น
ต้นไม้ท่ีประชาชนให้ความนบั ถอื
ต้นสกั ใหญ่
พระเจ้าวรวงค์เธอ พระองคเ์ จ้าวิภาวดีรังสติ ได้เสด็จไปเยี่ยมเยียนประชาชนชาวกะเหรี่ยงหมู่บ้านห้วยหยวก
พระองคไ์ ด้ทรงปลูกตน้ สกั ไว้จำนวน ๒ ต้น ซงึ่ อย่บู ริเวณด้านหนา้ และดา้ นหลงั ของโรงเรียนบา้ นห้วยหยวกในปัจจุบนั

ภาพที่ 81 ต้นสกั ใหญ่
ตน้ โพธ์ใิ หญ่
ตน้ ไม้ชาวบา้ นภายในหมูบ่ า้ นนับถอื ซ่งึ พระองค์ปลกู ไว้ใกล้กับศาลพระองค์เจา้ วิภาวดีรงั สติ

ภาพที่ 82 ตน้ โพธใ์ิ หญ่

๘๑

บุคคลที่มีชอื่ เสียงหรือสร้างชือ่ เสยี ง
สมาชิกโทวัฒนา ค้างคีรี เกิดวันที่ 19 พฤศจิกายน 2537 อายุ 27 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่
6 ตำบลแมส่ ำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
1. เหรียญเงนิ การแข่งขันยกนำ้ หนกั ชงิ ชนะเลิศแหง่ เอเชียตะวันออกเฉยี งใตค้ รง้ั ท่ี 1 จงั หวดั อยธุ ยา
ประเทศไทย
2. เหรียญทองแดง Aquece Rio eventos TEST ประเทศบราซิล 2016
3. เข้ารว่ มการแข่งขัน weightlifting iwf world grand prix 2015 ประเทศจนี
4. เข้ารว่ มการแข่งขนั ยกนำ้ หนกั ชงิ ชนะเลิศแหง่ เอเชยี ประเทศอุซเบกสิ ถาน ปี 2016
5. 3 เหรียญทองการแข่งขันยกน้ำหนักนานาชาติชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยชิงถ้วย
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ครง้ั ที่ 2 ปี 2562 จงั หวดั เชยี งใหม่
6. 3 เหรียญทองแดงการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยประจำปี 2563 จังหวัด
นครสวรรค์
7. 1 เหรียญเงิน 2 เหรยี ญทองแดงการแข่งขันกฬี าแห่งชาตปิ ี พ.ศ. 2558

ภาพท่ี 83 สมาชกิ โทวฒั นา ค้างครี ี

๘๒

ศกึ ษาเสน้ ทางการท่องเทีย่ วภายในชุมชนกะเหรย่ี งของจังหวัดสโุ ขทัย

เส้นทางการทอ่ งเที่ยวภายในชุมชนกะเหรีย่ งบา้ นห้วยหยวก หมู่ที่ ๕ ตำบลบ้านแก่ง
อำเภอศรีสชั นาลยั จงั หวัดสโุ ขทยั

ภาพที่ 84 แผนท่ีทอ่ งเทย่ี วบา้ นห้วยหยวก
เส้นทางทอ่ งเทยี่ วบา้ นห้วยหยวกภายในครึ่งวัน มรดกทางวฒั นธรรมสถานทส่ี ำคญั ของบา้ นหว้ ยหยวก
๑. โรงเรียนบ้านห้วยหยวก (อาคารดั้งเดิม) ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนบ้านห้วยหยวกขึ้นในปี

พ.ศ. ๒๕๑๖ โดยการสนับสนุนจากกองอำนวยการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
(กอ.ปค.) ซงึ่ มพี ลเอกสายหยดุ เกดิ ผล เปน็ ผอู้ ำนวยการในวงเงนิ ๑๐,๐๐๐ บาท

๒. ศาลพระองค์เจ้าวิภาวดีรงั สิต (บ้านห้วยหยวก) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับโรงเรียนบ้านห้วยหยวก
และวดั พระธรรมจารกิ บา้ นห้วยหยวก

๓. อาศรมพระธรรมจาริกบ้านห้วยหยวก สถานที่ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในหมู่บ้าน
ชาวบ้านจะใชเ้ ปน็ ท่ีประกอบพธิ ีกรรมสำคญั ตา่ ง ๆ

๔. ลานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน จำหนา่ ยสินคา้ OTOP กล้วยฉาบปกาเกอะญอ ผ้าทอ เคร่ืองจกั สาน

๘๓

เสน้ ทางท่องเทีย่ วบ้านหว้ ยหยวกภายใน ๑-2 วัน แหล่งศึกษาธรรมชาติของบา้ นห้วยหยวก
๑. ชมแหล่งธรรมชาตริ อบบริเวณหมู่บ้านแมส่ าน แหล่งน้ำสำคัญของหมูบ่ ้าน
๒. นาข้ันบนั ได ชาวกะเหรยี่ งบ้านแม่สานจะทำนาบรเิ วณรอบหมู่บา้ น ตามพ้นื ที่ราบภูเขา มคี วามสวยงาม
รายลอ้ มไปด้วยภูเขา และแหลง่ นำ้ ลำธาร มีนำ้ ตกเลก็ ๆ เป็นระยะทการเดนิ ทาง
๓. หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำห้วยท่าแพ ได้จัดตั้งสำนักงานบริเวณตอนบน
ของหมู่บ้านตั้งอยู่บนยอดเขา ระดับความสูงจากน้ำทะเล ๒๕๖ เมตร เป็นพื้นที่อนุรักษ์ต้นน้ำเป็นพื้นที่
สำหรบั เพาะชำกล้าไมท้ ่ีสำคัญมีลานกางเตน็ ท์เพื่อบรกิ ารสำหรบั นกั ท่องเทย่ี วท่ีตอ้ งการมาพักแรม
๔. น้ำตกปากะญอ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านห้วยหยวกประมาณ ๔ กิโลเมตร เป็นน้ำตกสูง ๑๕ ชั้น
สามารถเดินทางโดยใช้รถอแี ต๊กซึ่งเป็นยานพาหนะประจำหมู่บ้านห้วยหยวกเป็นยานพาหนะในการเดินทาง
รอบแรก ประมาณ ๓ กิโลเมตร และเดินทางเทา้ อีกประมาณ ๑.๒ กิโลเมตร
การติดต่อเพื่อท่องเทีย่ วเยย่ี มชมหมบู่ า้ นหว้ ยหยวก หมูท่ ี่ ๖ ตำบลแมส่ ำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัด
สุโขทัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง โทร. 0 5591 1504 หรือผู้ใหญ่บ้าน
ณปภชั ค้างครี ี โทร. 0 9682 3150 0
เส้นทางการทอ่ งเทยี่ วภายในชุมชนกะเหรยี่ งบ้านแมส่ าน หมทู่ ี่ ๖ ตำบลแม่สำ อำเภอศรสี ัชนาลัย
จงั หวัดสโุ ขทยั

ภาพท่ี 85 แผนทท่ี อ่ งเทยี่ วบา้ นแมส่ าน

๘๔

เส้นทางทอ่ งเทีย่ วบา้ นแมส่ านภายในคร่งึ วัน มรดกทางวัฒนธรรมสถานท่ีสำคัญของบ้านแม่สาน
๑. โรงเรียนบ้านแมส่ าน ตัง้ อยใู่ นบริเวณทางเขา้ ของหมูบ่ ้าน
๒. ลานเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งลงจอด เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๙ ได้เสด็จมาเยี่ยมเยียน
ราษฎรบ้านแม่สาน ได้ใช้พื้นที่ไร่นาเป็นลานจอดเฮเลิคอปเตอร์ ซึ่งปัจจุบันได้เป็นพื้นที่ปลูกนาข้าว
ของชาวบ้าน ซึง่ ตงั้ อย่ใู กลก้ ับบรเิ วณโรงเรียนบา้ นแมส่ าน
๓. กลุ่มทอผ้าโดยชาวกะเหรี่ยงบ้านแม่สาน สามารถชมและซื้อสินค้าต่างๆ ผ้าถุง ผ้าซิ่น ผ้าทอกี่เอว
เครอ่ื งประดบั เคร่ืองจักสานทีช่ าวกะเหรย่ี งบา้ นแม่สานไดผ้ ลติ ขึน้ เอง
๔. โฮมสเตยบ์ ้านแม่สาน เป็นแหลง่ บริการท่ีพักแรมภายในหม่บู า้ นเพอื่ ต้อนรับนักท่องเท่ียว
๕. ศาลที่รำลึกครูสมชาย ดวงเกิด ครูคนแรกของโรงเรียนบา้ นแม่สาน
๖. ศาลพระองค์เจ้าวภิ าวดรี งั สติ (บา้ นแมส่ าน) สกั การะ กราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสริ ิมงคลแกผ่ มู้ าเยือน
๗. เรือนพลับพลาจำลอง (อาคารใต้ร่มพระบารมี หรือศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชา) จัดตั้งเพอ่ื
เป็นศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา และพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แหล่งศูนย์รวมกิจกรรมต่าง ๆ
ของหมู่บ้าน และยงั เปน็ แหลง่ กางเต็นท์ของนกั ท่องเทยี่ วที่มาเทยี่ วบา้ นแมส่ านอกี ดว้ ย
๘. สวนกาแฟพระราชทาน เป็นสวนกาแฟที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระราชทานต้นกลา้
กาแฟครั้งเสด็จมาที่บ้านแม่สาน พื้นที่โดยรอบจะเป็นป่าติดห้วยน้ำเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์ไม้ต่าง ๆ มีต้นไม้
สำคญั เช่น ต้นเสลียง ตน้ ตะเคียน
๙. พระธาตสุ วุ รรณคีรี สร้างข้นึ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นำแบบสรา้ งมาจากวัดศรีโสดา จังหวัดเชียงใหม่
เป็นศิลปะจากทางล้านนา ชาวกะเหรี่ยงบ้านแม่สานได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสร้างเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจ
ของหมบู่ า้ น
เส้นทางท่องเที่ยวบ้านแมส่ าน ๑-๒ วัน แหลง่ ศึกษาธรรมชาติบา้ นแม่สาน
๑. นาขนั้ บนั ได บรเิ วณการเดนิ ทางจากทางเข้าหมูบ่ ้านจะเปน็ พน้ื ทีร่ าบภูเขาซ่ึงชาวบ้านจะใช้พ้ืนท่ี
ลาดเอียงเป็นพื้นที่เพื่อการทำนาปลูกข้าวไว้เพื่อใช้ภายในครัวเรือน และเหลือเพื่อจำหน่าย ซึ่งจะเริ่มทำนา
ในช่วงเดอื นกรกฎาคม-พฤศจิกายน ซ่งึ เปน็ ช่วงท่ีมีความสวยงาม เขยี วขจีไปดว้ ยข้าวท่ีเปน็ ขนั้ บนั ได
๒. เขาผาช่อ เป็นสถานที่ซึ่งเป็นเหมือนอัตลักษณ์ของบ้านแม่สาน เป็นภูเขาหินปูนสูงชัน สามารถ
มองเหน็ หมูบ่ ้านแมส่ านและอาณาเขตรอบข้างไดโ้ ดยรอบ ผาชอ่ แหง่ มจี ะมที ัง้ หมด ๓ ชั้น และยังเป็นสถานท่ี
ศักดิ์สทิ ธขิ์ องหมู่บ้านอีกด้วย
๓. น้ำตกห้วยผา เป็นน้ำตกท่ีมีความสวยงาม จำนวน 7 ชั้น เป็นแหล่งต้นน้ำเพื่อทำน้ำประปา
ภูเขาประจำหมู่บ้านแม่สาน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี การเดินทางค่อนข้างลำบากเหมาะแก่นักท่องเที่ยว
ที่ชอบการผจญภัย ต้องปีนป่ายเขาที่มีความชัน ผาหินในบางช่วงเป็นแหล่งปีนหน้าผาโรยตัวท่ามกลาง
สายน้ำตกได้

๘๕

๔. ต้นผึ้ง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 400 เมตร เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่อายุเป็นร้อยปี ตั้งเด่นอยู่ใน
พนื้ ทป่ี ่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ของบ้านแมส่ าน มผี ง้ึ ไปทำรังเป็นจำนวนมาก

๕. ถ้ำคา้ งคาว แหลง่ ชมธรรมชาตยิ ามเย็น จะมฝี ูงค้างคาวออกมาเป็นจำนวนมากในเวลาพลบค่ำ
๖. น้ำตกผาช่อ ห่างจากหมู่บ้านแม่สานไปประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากเขาหินปูน
เกดิ จากลำธารทไี่ หลผา่ นโขดหนิ และหนา้ ผาเปน็ นำ้ ตกขนาดเล็กถงึ ปานกลาง มีหลายช้นั แตไ่ มส่ งู ชนั มากนกั
๗. รอยพระพุทธบาทห้วยแหง้ ซึง่ อยหู่ า่ งจากถ้ำขุนหว้ ยแหง้ ประมาณ ๑๕๐ เมตร
๘. ถ้ำขุนห้วยแห้ง ห่างจากหมู่บ้านแม่สานประมาณ ๒.5 กิโลเมตร เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่
บนยอดเขา อยู่หา่ งจากรอยพระพทุ ธบาทไมม่ ากนกั ภายในกวา้ งโอ่โถงมหี ลายหอ้ งสลับซับซอ้ น
๙. น้ำออกรู ห่างจากหมู่บ้านประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นโพรงน้ำที่ไหลออกมาจากภูเขา เป็นตานำ้
ทีแ่ ปลกเพราะอนุ่ กวา่ ทอี่ นื่
๑0. ปางควายแม่สาน อยู่บริเวณรอบนอกหมู่บ้านแม่สาน ชาวบ้านแม่สานใช้ภูเขาเป็นที่สำหรับ
เลี้ยงวัวควาย เพื่อใชใ้ นการเกษตรและค้าขาย เป็นแหล่งสำหรบั ชม และศึกษาการเลี้ยงควายแบบธรรมชาติ
มีจดุ พกั แรมสำหรบั นักทอ่ งเท่ียวทตี่ อ้ งการศกึ ษาธรรมชาติ
การติดต่อเพื่อท่องเที่ยวเยี่ยมชมหมู่บ้านแม่สาน โดยทางหมู่บ้านแม่สานจะมีการจัดคนนำทางเพอ่ื
การศึกษาการท่องเท่ียว สามารถติดตอ่ คนนำเที่ยวได้ที่ องค์การบริหารสว่ นตำบลแม่สำ โทร. 0 8642 7851 5
หรอื ผ้ใู หญ่บา้ นต๊ิบแก้ว ค้างครี ี โทร. 0 8673 72๘4 9

บทท่ี 5
สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

การศึกษาเรื่อง การศึกษาวิจัยการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและข้อมูลมรดก
ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย : ตามโครงการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง
จังหวัดสุโขทัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อสำรวจและจัดเกบ็
ข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยสำหรับสนับสนุนการพัฒนาฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธ์ุ
๒) เพื่อสำรวจและจัดเกบ็ ข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธ์ุกะเหร่ียงจงั หวัดสโุ ขทยั สำหรบั
เตรียมขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ๓) เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลชาติพันธ์ุ
กะเหรี่ยง และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชาติพันธุ์กะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย ประกอบไปด้วย
๒ กลมุ่ ชาติพันธ์ุ คือ ๑) กลุ่มชาติพันธ์ุกะเหรยี่ งบา้ นแม่สาน หมู่ที่ ๖ ตำบลแมส่ ำ อำเภอศรีสัชนาลยั จังหวัดสุโขทัย
๒) กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวก หมู่ที่ ๕ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
ซึ่งมีกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักประกอบไปด้วย กลุ่มผู้นำทอ้ งถิ่น กลุ่มผู้นำทางการ กลุ่มสมาชิกกะเหรีย่ งในจังหวัด
สุโขทัย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และจัดเวทีประชุมกับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ตลอดจน
ผู้วิจัยลงพื้นที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านวัฒนธรรม และสร้างกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรม
กะเหร่ยี งจังหวดั สโุ ขทัย ผู้วิจัยได้ทำการวเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใช้การวเิ คราะห์เน้ือหาในรปู แบบการพรรณนา

สรปุ ผลการวจิ ัย

ผลท่ไี ด้จากการศกึ ษา พบวา่
๑. ข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ใน
พื้นที่จังหวัดสุโขทัย อันประกอบด้วย บริบททางสังคม มรดกทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม
ภูมิปัญญาและเทคโนโลยี และเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดสุโขทัย
สามารถสรปุ ผลการศึกษาวัฒนธรรมกะเหรย่ี งจงั หวดั สโุ ขทยั ไดด้ งั นี้
บรบิ ททางสงั คม
บริบททางสังคมของชุมชนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของชุมชน
กะเหร่ียงจังหวดั สุโขทยั จำนวน ๒ หม่บู า้ น ดังน้ี
๑. ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านแม่สานได้ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านราวเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ หมู่ท่ี ๖
ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากอำเภอศรีสัชนาลัย ๕๑ กิโลเมตรห่างจากจังหวัดสุโขทัย
๑๐๕ กิโลเมตร โดยมีที่ตั้ง และอาณาเขตที่ติดต่อกับพื้นที่อื่น ๆ ดังนี้ ทิศตะวันออกมีอาณาเขตติดต่อ
กับพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัย ทิศตะวันตกมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ทิศเหนือ

๘๗

มีอาณาเขตติดต่อกับพ้ืนที่อำเภอวังช้ิน จังหวัดแพร่ ทิศใต้มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นท่ีบ้านห้วยหยวก
อำเภอศรีสชั นาลยั จังหวัดสุโขทัย โดยปัจจุบนั มีประชากรบ้านแมส่ านมี จำนวน ๕๔๔ คน แยกเป็นเพศชาย
๒๙๕ คน เพศหญิง ๒๔๙ คน จำนวนครัวเรอื น ๑๑๐ ครัวเรือน

๒. ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหยวกได้ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านราวเมื่อประมาณ ๑๐๐ กว่าปี ได้ตั้งถิ่นฐาน
อยทู่ ่ี หม่ทู ี่ ๕ ตำบลบา้ นแก่ง อำเภอศรีสัชนาลยั จังหวัดสุโขทัย หา่ งจากอำเภอศรีสัชนาลัย ๓๕.๔ กิโลเมตร
หา่ งจากจงั หวดั สโุ ขทยั ๑๐๓.๔ กโิ ลเมตร โดยมที ี่ตั้งและอาณาเขตทต่ี ดิ ต่อกบั พ้นื ที่อ่นื ๆ ดังนี้ ทิศตะวันออก
ติดกับ หมู่ที่ ๑๓ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ทิศตะวันตกติดกับอำเภอเถิน
จังหวัดลำปาง ทิศเหนือติดกับตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ทิศใต้ติดกับหมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านแก่ง
อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยปัจจุบันมีประชากรบา้ นแม่สานมี จำนวน ๓๘๑ คน แยกเป็นเพศชาย
๑๘๗ คน เพศหญงิ ๑๙๔ คน จำนวนครวั เรอื น ๑๐๑ ครัวเรือน

อัตลกั ษณม์ รดกทางวฒั นธรรม
เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณ และค่านิยมในการดำรงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย
ซึ่งเกิดจากการสร้างสรรค์ของคนกะเหรี่ยงในชุมชน อันประกอบด้วย โบราณสถาน โบราณวัตถุ และแหล่ง
ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน ทั้งนี้ในพื้นที่กะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ได้มีมรดก
ทางวัฒนธรรมทีเ่ ป็นโบราณสถาน ๒ ประเภท ได้แก่ ศาสนสถาน และสถานศึกษา ทั้งนี้ศาสนสถานในพื้นท่ี
ชุมชนกะเหรี่ยงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยมีทั้งหมด ๑๒ แห่ง ประกอบด้วย ๑) ศาลพระองค์เจ้า
วภิ าวดีรังสิตบ้านหว้ ยหยวก ๒) ศาลพระองค์เจ้าวภิ าวดีรงั สติ บา้ นแมส่ าน ๓) อาศรมพระธรรมจารกิ บ้านแม่สาน
๔) อาศรมพระธรรมจาริกบ้านห้วยหยวก ๕) หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำแม่สาน ๖) หน่วยศึกษา
การพัฒนาการอนรุ กั ษต์ น้ นำ้ หว้ ยทา่ แพ ๗) องค์การบรหิ ารส่วนตำบลแม่สำ ๘) องค์การบรหิ ารส่วนตำบลบ้านแก่ง
๙) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสะพานยาว ๑๐) โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบลปา่ คา ซ่งึ ศาสน
สถานเหล่าน้ีเปน็ พื้นทท่ี ่ีชาวกะเหร่ียงจงั หวัดสุโขทัยใหค้ วามศรทั ธา เป็นแหล่งบริการภายในหมู่บา้ น และเข้า
ไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ และเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงออกทางด้านศิลปวัฒนธรรมกะเหรี่ยง
อาทิ การแสดง การละเล่น ดนตรี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสถานศึกษาที่เป็นแหล่งเรียนรู้และจุดศูนย์รวม
ความรู้ของเด็ก และเยาวชนในชุมชนกะเหรี่ยง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน ๒ แห่ง
ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านแม่สาน และโรงเรียนบ้านห้วยหยวก ซึ่งสถานศึกษาเหล่านี้นับเป็นสถานท่ี
ที่ชาวกะเหรี่ยงในชุมชนให้ความสำคัญ และเล็งเห็นคุณค่า ช่วยกันพัฒนาดูแลเพื่อให้สถานศึกษาเป็นแหล่ง
เรียนรู้ของเด็กและเยาวชนกะเหรี่ยงในชุมชน นอกจากนี้ยังมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
ทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชมุ ชน ประกอบด้วย ๑) เขาผาชอ่ ๒) นำ้ ออกรู ๓) น้ำตกผาชอ่ ๔) รอยพระพทุ ธบาท
ห้วยแห้ง ๕) ถ้ำขุนห้วยแห้ง ๖) พระธาตุสุวรรณคีรี ๗) เรือนพลับพลาจำลอง ๘) ปางควายแม่สาน
๙) สวนกาแฟพระราชทาน ๑๐) นาขั้นบันได ๑๑) ลานเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งลงจอด 12) น้ำตกปากะญอ

๘๘

13) ลำห้วยภายในหมู่บ้าน 14) ลานกางเต็นท์หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำห้วยท่าแพ
15) นำ้ ตกหว้ ยผา ๑๖) ดอยโฉ่โจ

อตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม
เป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงตัวตนความเป็นกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยและแสดงถึงความเป็นหนึ่ง
เดียวกันของชุมชน ซึ่งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมกะเหรี่ยงอำเภอศรีสชั นาลัย จังหวัดสุโขทัย ประกอบไปด้วย
๒ ประการ คือ การแต่งกายกะเหรี่ยง และภาษากะเหรี่ยง ในด้านการแต่งกายกะเหรี่ยงนั้น จะแบ่งออก
ตามเพศ อายุ และสถานะทางสังคม ผู้ชายวัยเด็ก อายุต่ำกว่า 15 ปีจะแต่งตัวด้วยชุดไช่โหว่ เมื่ออายุ
มากกว่า 15 ปีขึ้นไปจะแต่งชุดไช่ชั่งโหว่ ส่วนเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี จะใส่ชุดเชวา เป็นชุดสีขาว
ยาวถึงตาตุ่ม เมื่ออายุ 15 ปีขึ้นไปหรือเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้วจะใส่เสื้อกะเหรี่ยงกับผ้าซิ่นหรือผ้าถุง
กะเหรี่ยง ซึ่งมีความสวยงามและเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชุมชนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัย นอกจากนี้ยังมี
ภาษากะเหรี่ยงที่แสดงถึงตัวตน และแสดงถึงความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเดียวกัน นั่นคือ ภาษา
กะเหรยี่ งหรือโผล่ว ซง่ึ เป็นภาษาทใี่ ชพ้ ดู คยุ เฉพาะกลมุ่ คนกะเหร่ียงจงั หวดั สุโขทัยเทา่ น้ัน
ขอ้ มลู มรดกทางภูมปิ ญั ญา
ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ชาวกะเหรี่ยงจังหวัดสโุ ขทัยคิดสร้างสรรค์เพ่ือใช้ในการดำรงชีวติ
และเป็นสิ่งที่ควบคุมพฤติกรรมให้คนกะเหร่ียงในชมุ ชนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ประกอบไปด้วย ๙ ประการ
คือ 1) ที่อยู่อาศัย 2) ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี ความเชื่อ 3) อาหารท้องถิ่น 4) สมุนไพรรักษาโรค
สาธารณสุขแบบดั้งเดมิ 5) ศิลปะการดนตรแี ละการละเล่น 6) ศิลปหัตถกรรม งานฝีมือ 7) ด้านการทำมาหากนิ
๘) อตั ลกั ษณ์ทีโ่ ดดเดน่ ของหม่บู ้าน ๙) บุคคลทมี่ ชี อ่ื เสียงหรอื สร้างชอ่ื เสยี ง
เส้นทางการท่องเท่ยี วเชงิ วฒั นธรรม
การเปิดเวทปี ระชาคมเพ่อื รว่ มหาแนวทางการจดั เก็บข้อมูลกลมุ่ ชาตพิ ันธ์กุ ะเหร่ยี ง และข้อมูลมรดก
ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดข้อมูล
ท่ชี ดั เจน เม่ือผวู้ จิ ยั ไดท้ ำการรวบรวมขอ้ มลู กลุม่ ชาติพนั ธ์ุกะเหรยี่ ง และข้อมลู มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
ของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยในทุก ๆ มิติเรียบร้อยแล้วนั้น จะนำไปสู่กระบวนการดำเนินงาน
โดยมีสมาชิกในชุมชน แกนนำชุมชน หน่วยงานภาครัฐมาร่วมดำเนินงานแบบมีส่วนร่วม คื อ ร่วมคิด
ร่วมวางแผน ร่วมปฏบิ ัติ ร่วมตดิ ตาม ประเมินผล ซึ่งไดท้ ำการสนทนากลุม่ และเปิดเวทปี ระชาคมเพือ่ ระดม
ความคิดเห็นถึงการนำวัฒนธรรมกะเหรี่ยงในชุมชนมาสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชน ซึ่งพบว่า
คนกะเหรี่ยงจังหวัดสุโขทัยมีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเคยมีความสำคัญในอดีต และในปัจจุบันวัฒนธรรม
บางอย่างใกลจ้ ะสญู หายไป จากชุมชนทำให้กล่ินอายความเป็นกะเหร่ยี งในชมุ ชนเริ่มลดน้อยลงไปในยุคสมัย
ปัจจุบัน ทั้งนี้ได้มีกระบวนการดำเนินงานในการสร้างกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมกะเหรี่ยง
จังหวัดสุโขทัยสู่ความยั่งยืน โดยมีการเปิดเวทีประชาคม สนทนากลุ่ม และสัมภาษณ์เชิงลึกคนกะเหรี่ยง
ในจังหวัดสุโขทัย ตลอดจนหน่วยงานภาครฐั ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกีย่ วข้องกับการอนุรักษ์วฒั นธรรม


Click to View FlipBook Version