The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู วิชาเพศวิถีศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือครู วิชาเพศวิถีศึกษา

คู่มือครู วิชาเพศวิถีศึกษา

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

38 เพศวถิ ีศกึ ษา ผู้สอนให้ผู้เรยี นทำ� แบบทดสอบ จากนนั้ ให้ผ้เู รยี นแลกกนั
ตรวจคำ� ตอบ โดยผูส้ อนเปน็ ผู้เฉลย
แบบทดสอบ

คาำ ส่ัง จงเลือกคาำ ตอบท่ีถูกตอ้ งทสี่ ุดเพียงคำาตอบเดยี ว

1. ข้อใดมีความสำาคญั เก่ยี วกับเพศ
1. ภาพลกั ษณ์เก่ียวกับรา่ งกายตามเพศ
2. การปฏบิ ตั ิตามบทบาททางเพศอย่างเหมาะสม
3. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลอย่างเหมาะสม
4. ถูกทง้ั ข้อ 1. และข้อ 2.
5. ถูกท้งั ขอ้ 1. ขอ้ 2. และ ข้อ 3.
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
2. ขอ้ ใดไม่ใช่อวัยวะสบื พันธภุ์ ายในของเพศชาย 2. ทอ่ นำาอสจุ ิ
1. ลูกอณั ฑะ 4. ต่อมลกู หมาก
3. กระเพาะปัสสาวะ
5. องคชาต

3. ข้อใดเป็นวิธปี อ้ งกันสวิ ในวัยรุ่น
1. ออกกำาลังกาย ไม่เครียด
2. เลอื กใช้เครื่องสาำ อางให้เหมาะสมกับสภาพผวิ
3. รักษาความสะอาดใบหนา้ อยา่ งนอ้ ยวันละ 2 ครั้ง
4. ไม่สวมเสอ้ื ผ้าซาำ้ ไม่ไวผ้ มยาวปรกหนา้
5. รับประทานอาหารทดี่ ี

4. ข้อใดไม่ใช่พฤติกรรมเส่ยี งต่อการติดโรคทางเพศสมั พนั ธ์
1. การเปล่ยี นคูน่ อนเมื่อเลกิ รากัน
2. การรว่ มเพศกับคนทไ่ี ม่รู้จัก
3. การด่มื สุราหรือใช้สารเสพตดิ ก่อนร่วมเพศ
4. การรว่ มเพศทางทวารหนกั โดยใชถ้ ุงยางอนามยั
5. การร่วมเพศกับผูต้ ดิ ยาเสพติด

5. ขอ้ ใดเปน็ ปญั หาทีเ่ กยี่ วกบั พฤติกรรมทางเพศของวยั รุ่นมากท่สี ดุ
1. การอ่านการต์ นู ลามก
2. การมเี พศสัมพันธ์ก่อนวยั อันควร
3. การแตง่ ตัวดงึ ดดู ความสนใจ
4. การมีเพศสมั พันธ์กับผู้ท่ไี ม่เคยร้จู กั
5. การมเี พศสมั พันธ์กบั ครู่ ัก

เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ 39

6. ขอ้ ใดไม่ใช่การดแู ลสขุ ภาพทางเพศ
1. การรับประทานอาหารตามหลกั โภชนาการ
2. การออกกำาลงั กายและตรวจสขุ ภาพประจำาปี
3. การพกั ผอ่ นและรักษาความสะอาดของรา่ งกาย
4. การรับประทานอาหารท่ีดีและแต่งกายทด่ี ี
5. การหลีกเลีย่ งสารเสพตดิ

7. ขอ้ ใดเป็นแนวทางปอ้ งกนั โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์
1. ไม่มีเพศสมั พนั ธก์ ่อนวัยอนั ควร
2. ใช้ถงุ ยางอนามยั เมอื่ มีเพศสมั พันธ์
3. ตรวจโรคหรือตรวจสขุ ภาพประจำาปี
4. ไมใ่ ช้สารเสพตดิ รว่ มกบั ผู้อ่นื
5. ไมใ่ ชเ้ ครือ่ งใชส้ ่วนตัวร่วมกับผู้อน่ื

8. ข้อใดเปน็ อาการของโรคซฟิ ิลสิ
1. ตาบอด หูหนวก สตปิ ัญญาเส่ือม
2. คนั บริเวณอวยั วะเพศ
3. มีหนองสเี หลอื งขน้ ไหลจากท่อปสั สาวะ
4. ตอ่ มลูกหมากอักเสบ
5. ตอ่ มนา้ำ เหลืองโตบริเวณคอ รักแร ้ ขาหนีบ

9. ขอ้ ใดเปน็ แนวทางการปอ้ งกนั โลน
1. ใชห้ วที ม่ี คี วามถ่ีหวบี รเิ วณท่ีเป็น
2. ทายาบรเิ วณทีเ่ ป็น
3. ฉีดยาป้องกนั
4. ใชย้ าเหน็บบริเวณทเี่ ป็น
5. รกั ษาความสะอาดของร่างกายและอวยั วะเพศ

10. ข้อใดเปน็ อาการของโรคหนองในในเพศชาย
1. ปวดศรี ษะออ่ นเพลยี
2. ท้องเสีย ต่อมน้ำาเหลอื งโตบรเิ วณขาหนีบ รักแร้ ขอ้ พบั ตา่ งๆ
3. นำ้าหนกั ลดเกิน 10 กิโลกรัมเกิน 1 เดอื น
4. ปัสสาวะขดั หรือแสบขัด มหี นองไหลออกมาจากทอ่ ปสั สาวะ
5. มีผืน่ บริเวณทวาร ริมฝปี าก และอวัยวะเพศ

50 สุดยอดคู่มอื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

40 เพศวิถศี กึ ษา เฉลยแบบทดสอบ
1. ตอบ 5. ความสัมพันธ์เกี่ยวกับเพศน้ัน
แบบประเมนิ ตนเอง หมายรวมถึงภาพลักษณ์ การปฏิบัติตน
คาำ ชี้แจง ตอนท่ี 1 ให้ผู้เรยี นประเมินผลการเรยี นรู้ โดยเขยี นเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องระดบั คะแนน ท่ีเหมาะสม และการแสดงความสมั พนั ธ์
และเตมิ ขอ้ มูลตามความเป็นจริง ระหวา่ งบุคคลอื่น ซ่ึงถูกต้องทง้ั ข้อ 1 2
ระดับคะแนนตอนท่ ี 1 5 : มากทส่ี ดุ 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : นอ้ ย 1 : ควรปรบั ปรุง และ 3
ตอนท่ี 2 ใหผ้ เู้ รยี นนาำ คะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง และเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ 2. ตอบ 5. องคชาตเป็นอวัยวะสืบพันธ์
ลงในชอ่ งสรุปผล ภายนอกของเพศชาย
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 3. ตอบ 3. การรักษาความสะอาดใบหน้า
ตอนท ่ี 1 (ผลการเรยี นร)ู้ ตอนท ี่ 2 (แบบทดสอบ) เปน็ วธิ กี ารปอ้ งกนั สวิ ทส่ี ามารถท�ำไดง้ า่ ย
ในวยั รุน่
รายการ 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ 4. ตอบ 4. ทกุ ขอ้ เปน็ พฤตกิ รรมเสย่ี งตอ่ การ
ติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ แต่ในข้อ 4.
1. ผู้เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเนือ้ หา คะแนน มีข้อดีท่ียังมีการป้องกันโดยการสวม
ถุงยางอนามัย ซ่ึงแตกต่างจากข้ออ่ืนๆ
2. ผเู้ รยี นไดท้ ำากิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรทู้ ่ีสอดคลอ้ งกบั เน้อื หา (ขอ้ ละ 1 คะแนน) ที่ไม่มีการป้องกัน
และจุดประสงค์การเรยี นรู้ 5. ตอบ 2. ทุกข้อเป็นปัญหาท่ีเป็น
สรุปผล พฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น แต่ท่ีเป็น
9 - 10 (ดีมาก) ปัญหามากท่ีสุดคือ การมีเพศสัมพันธ์
3. ผ้เู รียนได้เรียนและทาำ กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรียนรูท้ ี่ส่งเสรมิ 7 - 8 (ดี) ก่อนวัยอันควร เน่ืองจากส่งผลกระทบ
กระบวนการคดิ เกิดการคน้ พบความรู้ 5 - 6 (พอใช้) จนเกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนา
4. ผเู้ รียนสามารถประยกุ ตค์ วามร้เู พ่ีือใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาำ วนั ได้ ตาำ่ กว่า 5 ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาการทำ� แทง้ ตามมา หรอื
5. ผู้เรียนได้เรียนร้อู ะไรจากการเรียน (ควรปรบั ปรุง) เกิดคุณแม่วัยเด็กท่ียังขาดวุฒิภาวะใน
การเลย้ี งดูลกู อาจสง่ ผลต่อเน่อื งจนเกิด
6. ผเู้ รียนตอ้ งการทำาส่งิ ใดเพอื่ พฒั นาตนเอง เปน็ ภาระของสังคม
6. ตอบ 4. การรบั ประทานอาหารทดี่ แี ละ
7. ความสามารถทถ่ี ือว่าผ่านเกณฑ์ประเมินของผ้เู รียน คือ การแตง่ กายทด่ี นี นั้ ไมถ่ อื วา่ เปน็ การดแู ล
สุขภาพทางเพศโดยตรง ซึ่งการรับ
ประทานอาหารท่ีดีอาจไม่ได้หมายถึง
7. ตอบ 2. การใช้ถุงยางอนามยั เม่ือมีเพศสมั พันธ์ เปน็ การป้องกัน อาหารท่ีถูกหลักโภชนาการ และการ
โรคติดต่ออทางเพศสัมพันธ์ แต่ข้ออ่ืนๆ เป็นวิธีการหลีกเลี่ยง แต่งกายท่ีดีก็ไม่ได้ช่วยดูแลสุขภาพ
จงึ ยังไมใ่ ช่การป้องกันในทนั ทีหรือปอ้ งกนั โดยตรง ทางเพศได้โดยตรง
8. ตอบ 1. อาการตาบอด หูหนวก สติปญั ญาเสอ่ื มเป็นอาการของ
โรคซิฟลิ ิสในระยะท่ี 3 หรือระยะท�ำลาย
9. ตอบ 5. การรกั ษาความสะอาดของรา่ งกายและอวยั วะเพศ เปน็ วธิ ี
การป้องกันการเกิดโลน แต่ข้ออ่ืนๆ เป็นวิธีการก�ำจัดโลนและ
การรักษาโลน
10. ตอบ 4. อาการหนองในเทียมท่ีพบในเพศชายคือ มีอาการ
ปัสสาวะขัดรุนแรง มีหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ส่วนข้อ
อื่นๆ เป็นอาการของกลุม่ โรคอื่น

สุดยอดค่มู ือครู 51

ตารางสรุปคะแนนการประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้
และสมรรถนะประจำ� หนว่ ย

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ

คะแนนตาม จปส. รายหน่วยการเรยี นรู้
1. สงวนลิข ิสท ์ิธ บริษัทพัฒนาคอธิบายความ �สำคัญเกี่ยวกับ ุสขอนามัยของระบบ ืสบ ัพน ุ์ธไ ้ดุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด
2. แสดงพฤติกรรมทางเพศและดูแลสุขภาพ ่ทีเหมาะสมตามวิถีชิน้ งาน/การแสดงออกรวม
และ ัสงคมไทยไ ้ดทก่ี �ำหนดในหน่วยการเรยี นรู้หรอื หน่วยยอ่ ย
3. ประเมินโอกาสเ ่ีสยงจากพฤติกรรมทางเพศและ ัปญหาจากการ
มีเพศ ัสม ัพน ุ์ธ ี่ทไม่พร้อมไ ้ด
ภาระงาน/ช้ินงานระหวา่ งเรยี น
1. ผงั กราฟกิ แสดงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั เพศและการดแู ลสขุ ภาพ
ทางเพศ
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเพศและการดูแลสุขภาพ
ทางเพศ
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเพศและการดูแล
สขุ ภาพทางเพศ
การประเมนิ รวบยอด
1. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ
2. ผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้
3. ผลการประเมินตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ

รวม

หมายเหตุ: คะแนนการประเมินจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ข้นึ อยกู่ บั การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรู้ของผูส้ อน

52 สดุ ยอดคูม่ ือครู

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด3หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3
การสรา้ งสัมพันธภาพทีด่ กี บั ผูอ้ ่ืน
การสร้างสมั พันธภาพท่ดี กี ับผูอ้ นื่
สาระสาำ คญั
การสร้างมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี เป็นการประพฤติปฏิบัติตนของแต่ละบุคคลท่ีแสดงต่อบุคคลอื่น สาระการเรียนรู้
เพื่อให้เกดิ สัมพันธภาพทด่ี แี ก่บุคคลต่างๆ ทง้ั เปน็ การส่วนตัว ครอบครัว สังคม เป็นส่วนหนึ่งทท่ี าำ ให้
สามารถดำารงชีวิตอยา่ งมีความสขุ 1. ค ว า ม ห ม า ย แ ล ะ ค ว า ม สั ม พั น ธ ์ ข อ ง
มนุษยสมั พันธ์ (หนังสือเรยี น หนา้ 43)
สาระการเรียนรู้ 2. องค์ประกอบในการสร้างมนุษยสัมพันธ์
1. ความหมายและความสาำ คญั ของมนษุ ยสมั พนั ธ ์ (หนงั สือเรียน หน้า 43-44)
2. องคป์ ระกอบในการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ 3. หลักการสร้างมนุษยสัมพันธ์ (หนังสือเรียน
3. หลกั การสร้างมนษุ ยสัมพันธ ์ หน้า 44-45)
4. คุณลกั ษณะของบุคคลทม่ี มี นุษยสมั พนั ธใ์ นการทาำ กิจกรรมร่วมกับผู้อนื่ 4. คุณลักษณะของบุคคลที่มีมนุษยสัมพันธ์
5. ความขัดแยง้ และการจดั การกับความขัดแย้ง ในการท�ำกิจกรรมร่วมกับผู้อ่ืน (หนังสือเรียน
หนา้ 45-50)
5. ความขัดแย้งและการจัดการกับความขัดแย้ง
(หนงั สือเรียน หนา้ 50-52)
สมรรถนะประจ�ำหนว่ ย
1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั การสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ี
กบั ผู้อืน่
2. สรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผอู้ น่ื ตามบทบาทและ
ความรบั ผดิ ชอบ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายความหมายและความส�ำคัญของ
มนษุ ยสัมพันธ์ได้
2. อธิบายองค์ประกอบในการสร้างมนุษย-
สัมพนั ธไ์ ด้
3. อธบิ ายหลักการสรา้ งมนุษยสมั พนั ธไ์ ด้

การประเมนิ ผล ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหน่วยการเรยี นรู้
1. ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผูเ้ รียน 2. ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมส่งเสริมการเรยี นรู้
ภาระงาน/ชนิ้ งานระหวา่ งเรียน 3. ผลการประเมินตนเอง
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับองค์ประกอบและหลักการ 4. คะแนนผลการทดสอบ
สร้างมนุษยสัมพนั ธ์
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบและหลักการสร้าง สุดยอดคมู่ อื ครู 53
มนุษยสัมพนั ธ ์
3. การน�ำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบและ
หลกั การสรา้ งมนุษยสมั พันธ์

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

เรอื่ งที่ 1 องค์​ประกอบและหลักการสร้าง 42 เพศวิถศี กึ ษา
มนษุ ยสัมพันธ์
สมรรถนะประจำาหนว่ ย
ep 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู 1. แสดงความรู้เก่ียวกับการสร้างสมั พันธภาพท่ดี ีกับผู้อน่ื
2. สรา้ งสมั พันธภาพท่ดี ีกับผู้อ่ืนตามบทบาทและความรบั ผิดชอบ
Gathering
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร 1. อธิบายความหมายและความสำาคญั ของมนษุ ยสมั พนั ธ์ได้
หนังสือเรียนเก่ียวกับองค์ประกอบและ 2. อธิบายองคป์ ระกอบในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ได้
หลักการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ 3. อธบิ ายหลักการสรา้ งมนุษยสมั พนั ธ์ได้
2. ต้ังค�ำถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก 4. อธิบายคณุ ลกั ษณะของบุคคลทีม่ มี นุษยสัมพันธใ์ นการทำากจิ กรรมร่วมกับผู้อื่นได ้
ประสบการณท์ รี่ บั รเู้ กย่ี วกบั องคป์ ระกอบ 5. อธิบายวธิ ีการจดั การกับความขัดแย้งไดอ้ ย่างเหมาะสม
และหลักการสร้างมนุษยสัมพันธ์ตาม
หัวข้อที่ก�ำหนดให้ (ศึกษารายละเอียด ผังสาระการเรียนรู้
คำ� ถามจากแผนการจดั การเรียนรู้)
3. แต่ละกลุม่ บนั ทกึ ผลการศกึ ษาตามหวั ข้อ ความหมายและความสาำ คญั ของมนษุ ยสัมพนั ธ์
St ทก่ี ำ� หนดลงในผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบ
และใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ การสร้าง องค์ประกอบในการสร้างมนษุ ยสมั พนั ธ์
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด ของขอ้ มูล) ดังตวั อยา่ งสมั พันธภาพทีด่ ีหลกั การสรา้ งมนุษยสัมพนั ธ ์
คุณลกั ษณะของบคุ คลทีม่ มี นุษยสัมพนั ธ์
กบั ผูอ้ ืน่ ในการทาำ กจิ กรรมรว่ มกบั ผ้อู นื่
ความขดั แย้งและการจดั การกบั ความขดั แยง้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21

การท�ำงานกลุ่มจะช่วยฝึกกระบวนการท�ำงานแบบประชาธิปไตย
และสง่ เสริมกระบวนการคดิ การแกป้ ญั หาใหแ้ กผ่ เู้ รียน

54 สุดยอดคู่มือครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

การสร้างสมั พันธภาพทดี่ กี บั ผอู้ ื่น 43St ep 3 ขหน้ัลปังฏกิบารตั ปิแฏลบิะสตั ริ ุปความรู้

1. ความหมายและความสำาคัญของมนษุ ยสัมพันธ์ สงวน ิลขสิท ์ิธ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด St AthpeplKyninogwlaenddgeConstructing

1.1 ความหมายของมนุษยสัมพนั ธ์ 1. ผู้เรียนน�ำข้อสรุปความรู้ความเข้าใจที่ได้แลกเปลี่ยน
เรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในชั้นเรียน มาวิเคราะห์
มนุษยสัมพันธ์เป็นการประพฤติปฏิบัติตนของแต่ละบุคคลท่ีแสดงต่อบุคคลอื่น เพื่อให้ เกย่ี วกบั องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธ์
เกิดสัมพันธภาพท่ีดีแก่บุคคลต่างๆ ท้ังเป็นการส่วนตัว ครอบครัว สังคม เป็นส่วนหน่ึงที่ทำาให้สามารถ 2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบความสมบูรณ์
ดำารงชวี ิตอย่างมีความสุข ถูกต้องของความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบ
และหลักการสร้างมนุษยสัมพันธ์ และร่วมกันท�ำ
1.2 ความสาำ คัญของมนุษยสมั พนั ธ์ กจิ กรรมส่งเสริมการเรียนรู้

มนษุ ยสัมพนั ธม์ คี วามสำาคัญดังน้ี 44 เพศวิถีศกึ ษา
1.2.1 การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เน่ืองจากมนุษยสัมพันธ์เป็นตัวเชื่อมระหว่างบุคคล
กลุ่มคน และสังคม
1.2.2 การติดตอ่ สือ่ สารเพ่ือให้การทาำ งานเกดิ ประสทิ ธภิ าพ
1.2.3 การรู้จักและเขา้ ใจตนเองและผอู้ น่ื
1.2.4 การรจู้ กั ความรกั เชอ่ื ถือ ศรทั ธา และไว้วางใจผูอ้ ่นื
1.2.5 การรู้จักความรว่ มมือ รว่ มใจ ความสามคั ค ี ชว่ ยเหลือกนั ในการทาำ งานไปสู่เปา้ หมาย
1.2.6 การลดปญั หาความขัดแยง้ และการอยู่รว่ มกัน
1.2.7 การตดิ ตอ่ ส่ือสารท่ีสะดวกรวดเร็ว
1.2.8 การทำากิจกรรมต่างๆ ให้บรรลุเปา้ หมายตามวัตถปุ ระสงค์
1.2.9 การเรยี นรนู้ สิ ยั ของผอู้ นื่ เชน่ เพอื่ น รนุ่ พ ่ี รนุ่ นอ้ ง และนาำ มาปฏบิ ตั ใิ นการตดิ ตอ่ สมั พนั ธ์
ใหเ้ กิดผล

2. องคป์ ระกอบในการสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธ์

องคป์ ระกอบในการสรา้ งมนุษยสัมพันธม์ ีดงั น้ี
2.1 การรับรู้ การตคี วาม หรอื การเข้าใจสง่ิ ตา่ งๆ ตามประสบการณ ์

มี 2 ลักษณะ คือการรับรู้ตนเอง เช่น รู้ว่าตนเองมีความสามารถด้านใด เก่งด้านใด และ
การรับรผู้ อู้ ืน่ เชน่ รวู้ า่ เพื่อนร่วมงานเปน็ คนอย่างไร

2.2 ความเชือ่

มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมของมนุษย์ในด้านบวกและด้านลบ เช่น ความเชื่อเรื่องศาสนา
ความเชอ่ื เรอ่ื งการบรโิ ภคอาหาร ความเช่อื เรื่องดวงชะตาชวี ติ

2.3 ทัศนคติ

เปน็ ความชอบและไมช่ อบอนั เปน็ ผลมาจากความคดิ ความร ู้ ความเขา้ ใจ ความรสู้ กึ ของบคุ คล
ที่มีต่อส่ิงใดส่ิงหนึ่ง เป็นผลมาจากประสบการณ์หรือสิ่งแวดล้อม บุคคลจะแสดงปฏิกิริยาและกระทำา

ep 2 ขั้นคิดวเิ คราะหแ์ ละสรุปความรู้ ต่อส่ิงนั้นๆ ทัศนคติไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน การท่ีจะรู้ถึงทัศนคติของบุคคลได้ต้องใช้
วิธีแปลความหมายของการแสดงออก เช่น เดก็ ไม่ชอบกินผกั เพราะมที ศั นคตวิ ่าผักมรี สชาตขิ ม
Processing
2.4 ค่านิยม

เป็นการให้ค่าหรือความสำาคัญกับสิ่งต่างๆ ว่าส่ิงใดดีหรือไม่ดี ส่ิงใดควรหรือไม่ควร แต่ละ
บุคคลมีค่านิยมและมีการตัดสินค่านิยมท่ีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ของส่ิงแวดล้อมของแต่ละ
บคุ คล เชน่ คนไทยมคี ่านยิ มของการเคารพผมู้ ีอาวโุ ส

1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือน ภาพท ่ี 3.1 การสรา้ งมนษุ ยสมั พันธ์
ความต่างท่ีรวบรวมได้จากนิยามที่ศึกษาค้นคว้าและ
ความคิดเห็นของสมาชิกเกี่ยวกับองค์ประกอบและ 3. หลักการสร้างมนษุ ยสมั พันธ ์
หลกั การสร้างมนษุ ยสมั พันธ์
2. เช่ือมโยงความคล้ายคลึง/แตกต่างของข้อมูลที่น�ำมา 3.1 หลักการสรา้ งมนุษยสัมพนั ธ์
อภิปรายและร่วมกันสรุปความรู้ตามหัวข้ออภิปราย
แสดงเป็นความคดิ รวบยอดหรือหลักการลงผงั กราฟกิ การสร้างมนุษยสัมพันธเ์ พ่ือให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีสามารถพิจารณาไดห้ ลายทาง ไดแ้ ก่
3. บันทึกผลข้อสรุปความเขา้ ใจของกลุม่ และรายบุคคล 3.1.1 การใชจ้ ติ วทิ ยา ไดแ้ ก ่ การศกึ ษาพฤตกิ รรมของมนษุ ยใ์ นแงม่ มุ ตา่ งๆ เชน่ ความตอ้ งการ
พนื้ ฐาน อารมณ ์ ความรสู้ กึ การรบั ร ู้ ทศั นคต ิ และบคุ ลกิ ภาพ เพอื่ ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจพฤตกิ รรมพนื้ ฐานของมนษุ ย์
มากขน้ึ
3.1.2 การใชม้ นษุ ยสมั พนั ธใ์ นการทาำ งานและการดาำ รงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ ไดแ้ ก ่ การเขา้ ใจ
ตนเองและผอู้ ่นื การยอมรบั ซงึ่ กนั และกัน การให้ประโยชนซ์ ึ่งกันและกัน
3.1.3 การใช้มนุษยสัมพันธ์สำาหรับผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน หรือผู้บริหาร ได้แก่
ความเห็นอกเหน็ ใจ การจูงใจ การยอมรบั นับถอื ซง่ึ กนั และกนั ความยตุ ิธรรม
3.1.4 การมีมนุษยสมั พนั ธบ์ นพื้นฐานของธรรมะ ได้แก่ การศกึ ษาธรรมะ เพ่อื ให้เข้าใจเหตุ
และผล เชน่ การไม่ทำาช่ัว ทาำ ความดี การทาำ ใจใหบ้ ริสุทธ์ิ

สดุ ยอดคู่มือครู 55

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

การสรา้ งสมั พันธภาพทีด่ กี บั ผ้อู ่ืน 45 ep 5 ขบน้ัรปกิ ราระเสมงั ินคเพมแอื่ ลเพะจ่ิมติคสณุ าคธ่าารณะ

3.2 กระบวนการสร้างมนุษยสัมพนั ธ์ Self-Regulating

การสรา้ งมนุษยสัมพันธ์ มีกระบวนการดังนี้ 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้
3.2.1 การศึกษาตนเอง ผู้อื่น และส่ิงแวดล้อม ได้แก่ การเรียนรู้นิสัย บุคลิกลักษณะของ ความเขา้ ใจของตนเองหลงั จากรบั ฟงั การนำ� เสนอของ
ตนเอง และของผู้อนื่ รวมถงึ ส่งิ แวดลอ้ มต่างๆ สมาชิกกลุ่มอ่ืน ปรับปรุงชิ้นงานของกลุ่มตนเอง
3.2.2 การศกึ ษาสภาพวัฒนธรรม ประเพณี ทอ้ งถ่นิ ไดแ้ ก ่ วฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน วฒั นธรรม ใหส้ มบรู ณ์และบนั ทึกเพ่ิมเตมิ
องค์กร 2. น�ำผลงานแสดงในป้ายนิเทศเพื่อเผยแพร่สู่ห้องเรียน
3.2.3 การศึกษาหลักและวธิ ีสรา้ งมนษุ ยสมั พันธ์ ไดแ้ ก่ การปฏิบัตติ นใหเ้ หมาะสม อื่นหรอื สาธารณะ
3.2.4 การปรับปรุงตนเอง ได้แก่ การแก้ไขปรังปรุงตนเองเพ่ือให้เหมาะสมกับสังคมและ
สภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ
3.2.5 การนำาหลกั และวธิ กี ารสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธไ์ ปใชใ้ นชวี ติ จรงิ เพอ่ื ดำารงชวี ติ ในสงั คมได้
อย่างมีความสขุ
St
ภาพที่ 3.2 การสรา้ งมนุษยสมั พันธก์ ับเพ่อื น ค่านิยมหรือความเชื่อท่ีองค์กรยึดถือ เป็นกรอบก�ำหนด
สงวน ิลขสิท ์ิธ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด St การกระทำ� และพฤตกิ รรม รวมทงั้ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความสมั พนั ธ์
4. คณุ ลกั ษณะของบุคคลทม่ี มี นษุ ยสัมพนั ธ์ในการทาำ กจิ กรรม ของคนในองคก์ ร
รว่ มกบั ผอู้ ่ืน
46 เพศวิถีศึกษา
4.1 คุณลกั ษณะของบุคคลท่มี มี นษุ ยสัมพนั ธท์ ดี่ ี
4.2 การสร้างมนษุ ยสมั พันธใ์ นการทาำ กิจกรรมรว่ มกบั ผ้อู นื่
4.1.1 มีกิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน ยิ้มแย้มแจ่มใสในการติดต่อสัมพันธ์กับ
ผ้อู น่ื ร้จู ักควบคมุ อารมณไ์ ด้อย่างเหมาะสม 4.2.1 การทำากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น การทำากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นหรือการทำากิจกรรมเป็นทีม
4.1.2 มสี มั มาคารวะ เขา้ กับผูร้ ว่ มงานและบคุ คลอื่นได้ดี (Team Work) เป็นการท่ีบุคคลกระทำากิจกรรมร่วมกัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุผลสาำ เร็จ มีการแบ่ง
4.1.3 มีน้ำาใจช่วยเหลือผอู้ ่นื เสยี สละ อดทน หนา้ ทีแ่ ละความรบั ผิดชอบ สร้างความสัมพนั ธ์ทด่ี ตี ่อกนั และมจี ดุ ประสงค์หรอื ความคาดหวงั รว่ มกนั
4.1.4 เปดิ ใจกว้าง รบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อน่ื การทำากิจกรรมร่วมกับผู้อ่ืนมีความสำาคัญในด้านต่างๆ ได้แก่ เพ่ือความสำาเร็จของ
4.1.5 มีความกระตอื รือรน้ มคี วามพยายาม ขยนั ขันแข็ง มีปฏภิ าณไหวพรบิ การทำางาน เพ่ือการแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบ เพื่อมิตรภาพที่ดี การทำากิจกรรมร่วมกันก่อให้เกิด
4.1.6 มีความรับผิดชอบต่อการทำางาน รักษาเวลา มีความซ่ือตรง ไม่ซัดทอดความผิด ความรู้สึกเข้มแข็ง ปลอดภัย ม่ันคง ก่อให้เกิดการต่อรองได้มากข้ึน การทำางานเป็นทีมส่งผลให้สมาชิก
ให้ผรู้ ่วมงานหรือบุคคลอ่นื มีโอกาสได้รับผลประโยชนด์ ้านต่างๆ งา่ ยและเร็วยงิ่ ขึน้
4.1.7 พยายามปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ อันจะเป็นหนทาง หลักการใช้มนุษยสัมพันธ์ในการทำากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ได้แก่ สมาชิกต้องยอมรับ
นำาไปส่กู ารสร้างมนุษยส์ ัมพนั ธ์กับบคุ คลอืน่ ได้ การทาำ งานร่วมกัน การยอมรบั ความคิดเห็น ประนปี ระนอม มนี ำ้าใจ เห็นใจซ่ึงกนั และกัน ร้จู ักแบ่งงานและ
ประสานงานกัน เพราะสมาชิกทุกคนมีความสำาคัญเท่ากัน เคารพในสิทธิเสรีภาพซ่ึงกันและกัน ศึกษา
ep 4 ขั้นสอื่ สารและน�ำเสนอ พฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานหรือทีมในแง่มุมต่างๆ เพ่ือสร้างมนุษยสัมพันธ์ต่อไป เช่น ความต้องการ
พน้ื ฐาน อารมณ ์ ความรสู้ กึ การรับร ู้ ทัศนคติ และบุคลกิ ภาพ โดยปกติบุคคลจะมแี รงจงู ใจทีจ่ ะผลักดัน
CApopmlyminugnitchaetion Skill ให้บุคคลแสดงพฤติกรรมเพ่ือสนองความต้องการ จึงควรใช้หลักจูงใจโดยพยายามค้นหาสิ่งจูงใจ
ทส่ี อดคล้องกับความต้องการของบุคคล อนั นำามาซ่งึ ความพอใจและเกดิ สมั พนั ธภาพทด่ี ไี ด้
1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีน�ำเสนอให้ผู้อื่น
รับรแู้ ละสือ่ สารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพดว้ ยเทคนิควิธ ี
ที่เหมาะสม บูรณาการการใช้ส่ือ/เทคโนโลยี/ค�ำศัพท์
เพ่มิ เตมิ /ส่งิ ทน่ี า่ สนใจแทรกในการรายงาน
2. สุม่ กล่มุ ผูเ้ รยี นนำ� เสนอผลการสรปุ ความรู้ความเข้าใจ

ภาพที ่ 3.3 การทาำ กิจกรรมรว่ มกบั ผอู้ ื่น

4.2.2 การเป็นผู้นำา ผู้นำามีความสำาคัญต่อทุกองค์กร ถ้าองค์กรใดได้ผู้นำาที่มีคุณภาพ
องค์กรนั้นจะเจริญก้าวหน้า ดังน้ันองค์การธุรกิจทุกแห่งจึงพยายามหาผู้นำาที่มีความรู้ ความสามารถ
และเพิ่มทักษะของผูน้ าำ ท่ีมอี ยู่แลว้ ในองคก์ รใหเ้ ปน็ ผมู้ ีประสิทธภิ าพ

56 สดุ ยอดคู่มอื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

การสรา้ งสมั พันธภาพทีด่ กี ับผู้อน่ื 47 สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St เร่อื งท่ี 2 คุณลกั ษณะของบคุ คลทมี่ มี นุษยสัมพันธแ์ ละ
การจัดการกบั ความขัดแย้ง
ผ้นู าำ (Leader) หมายถงึ บุคคลทีไ่ ดร้ บั การแต่งตง้ั ใหด้ ำารงตาำ แหน่งเปน็ หัวหน้า โดยได้
รบั การเลอื ก การยอมรบั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ หวั หนา้ ใหเ้ ปน็ ผตู้ ดั สนิ ใจ ใชอ้ าำ นาจปกครองบงั คบั บญั ชา จงู ใจ ep 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู
ใหบ้ ุคคลอื่นปฏิบตั ิตามกระบวนการของการบริหาร
ภาวะผู้นำา (Leadership) หมายถึงความสามารถของบุคคลในการจูงใจบุคคลอ่ืน Gathering
ให้ความร่วมมือ มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน การดำาเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามแผนงานและ
จดุ ประสงค์ทีว่ างไว ้ 1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสารหนังสือเรียน
หลักการใช้มนุษยสัมพันธ์ในการเป็นผู้นำา ได้แก่ การช้ีแจงให้ผู้ท่ีได้รับมอบหมายงาน เก่ียวกับคุณลักษณะของบุคคลท่ีมีมนุษยสัมพันธ์และ
หรือกิจกรรมเข้าใจวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน กำาหนดมาตรฐานของงานหรือกิจกรรมท่ีต้องการ ให้ความเป็น การจดั การกบั ความขดั แยง้
อิสระแก่ผู้ปฏิบัติ มีการประเมินผล สร้างธรรมาภิบาลในองค์กร เพ่ือสร้างสรรค์และส่งเสริมองค์กร 2. ตง้ั คำ� ถามใหผ้ เู้ รยี นเสนอขอ้ มลู จากประสบการณท์ รี่ บั รู้
ให้มีศกั ยภาพและประสิทธิภาพ เกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลท่ีมีมนุษยสัมพันธ์และ
4.2.3 การเป็นผู้ตาม คุณสมบัติของผู้นำาและผู้ตามโดยทั่วไป ได้แก่ รับผิดชอบงานที่ได้ การจดั การกบั ความขดั แยง้ ตามหวั ขอ้ ทก่ี ำ� หนด (ศกึ ษา
รับมอบหมาย รจู้ ักกาลเทศะ ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ผอู้ นื่ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั งิ านหรอื กจิ กรรม รายละเอียดคำ� ถามจากแผนการจดั การเรียนรู้)
มวี ุฒิภาวะทางอารมณ์และสงั คม 3. แต่ละกลุ่มบันทึกผลการศึกษาตามหัวข้อท่ีก�ำหนดลง
หลักการใช้มนุษยสัมพันธ์ในการเป็นผู้ตาม ได้แก่ ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบและใชผ้ งั กราฟกิ ทเี่ หมาะสม
ปรับปรุงหรือพัฒนางาน พบปะสนทนากับผู้นำาเป็นส่วนตัวหรือเป็นกลุ่มในการสร้างข้อตกลงร่วมกัน กบั ลักษณะของข้อมูล) ดังตัวอยา่ ง
เพอ่ื ลดข้อขัดแย้ง
48 เพศวิถศี กึ ษา
4.3 การสรา้ งมนษุ ยสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ 8) เปดิ เผยในลักษณะทเี่ หมาะสม
9) รจู้ ักขออภัยและให้อภัย
หลกั การสรา้ งมนุษย์สัมพนั ธก์ บั บคุ คลตา่ งๆ มดี งั นี้ 10) ให้ความรว่ มมือในกิจกรรมตา่ งๆ
4.3.1 การสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธ์กบั ผู้บังคับบัญชาหรือหวั หน้า ได้แก่ 4.3.3 การสร้างมนษุ ยสัมพันธ์กับผใู้ ต้บังคบั บญั ชา ได้แก่
1) เรียนรูบ้ คุ ลกิ และลักษณะนสิ ยั ของผบู้ งั คับบัญชา 1) การรจู้ ักควบคมุ อารมณ์
2) ควบคมุ อารมณ์ 2) มคี วามยตุ ิธรรม ไม่ลาำ เอียง ไม่ใชอ้ าำ นาจเกนิ ความจาำ เปน็
3) ตง้ั ใจทำางานอยา่ งเต็มความสามารถ 3) ไมจ่ บั ผดิ
4) ปฏิบัติตนใหเ้ ปน็ ที่ไว้วางใจ 4) สอื่ สารชัดเจน
4.3.2 การสร้างมนษุ ยสมั พันธ์กบั เพอื่ น ไดแ้ ก ่ 5) ให้กาำ ลงั ใจผใู้ ตบ้ ังคบั บัญชา
1) ยอมรบั ความแตกตา่ ง รบั ฟังความคดิ เห็นและเขา้ ใจเพ่ือน 6) ดูแลทกุ ข์สุขของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา
2) แสดงความมนี ำ้าใจ จรงิ ใจ เปน็ มิตร ไมถ่ อื ตวั 7) ใช้คนใหเ้ หมาะกบั งาน
3) รา่ เริงแจ่มใส 8) เปิดโอกาสให้ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาไดพ้ ฒั นาตนให้ก้าวหนา้
4) เป็นผูใ้ หม้ ากกวา่ ผรู้ ับ 9) ยกยอ่ งชมเชย ให้รางวลั ให้ความเป็นธรรม
5) มคี วามเกรงใจ 10) เปน็ แบบอย่างทด่ี ี
6) ไมย่ กตนข่มท่าน 4.3.4 การสรา้ งมนุษยสัมพันธก์ บั บคุ คลอน่ื ท่ีเก่ยี วขอ้ ง ได้แก่
7) ไมซ่ ัดทอดความผดิ ใหเ้ พอ่ื น 1) รู้ความต้องการของบุคคลอ่ืน อาจใช้วิธีการสังเกต เช่น ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับ
สขุ ภาพ
เป็นแนวทางในการจัดระเบียบให้สังคมรัฐ ภาคธุรกิจ 2) จดจาำ รายละเอียดของบุคคลอน่ื เช่น ชอบใส่เส้อื ผา้ สีสดใส
เอกชน และภาคประชาชน สามารถอย่รู ว่ มกนั อยา่ งสงบ 3) จดจำาลักษณะของบคุ คลอนื่ เชน่ ขีอ้ าย หรือเปิดเผย
สขุ มคี วามรรู้ กั สามคั คี และร่วมกนั เป็นพลัง กอ่ ให้เกดิ การ 4) ใชห้ ลกั การสอื่ สารเพอ่ื สรา้ งความประทบั ใจ เชน่ มองหนา้ คสู่ นทนา ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส
พฒั นาอย่างย่งั ยนื ทักทายอยา่ งเปน็ กนั เอง ถามความต้องการ เปน็ ผฟู้ งั ที่ด ี
5) ปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดลอ้ ม
รอบรู้อาเซียนและโลก 6) แสดงอารมณแ์ ละมารยาทอย่างเหมาะสม

asean 4.4 การใช้ทกั ษะพน้ื ฐานทจ่ี าำ เป็นตอ่ การทำากจิ กรรมต่างๆ

การบรู ณาการค�ำศัพทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวข้องกบั ทักษะพ้ืนฐานทจี่ ำาเป็นตอ่ การทาำ กิจกรรมตา่ งๆ มดี งั น้ี
เนื้อหาในบทเรียน ช่วยให้ผู้เรียนได้เพ่ิมพูนความรู้ภาษา 4.4.1 การวางแผน ปฏิบัติงาน และติดตามผล ไดแ้ ก่
อังกฤษ และมีเจตคติที่ดีในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ 1) การวิเคราะห์กิจกรรม เป็นการมองภาพรวมว่าเป้าหมายของกิจกรรมคืออะไร
ที่ใช้เป็นภาษากลางในการทำ� งานของอาเซยี น ผลลพั ธ์ทีจ่ ะทาำ คอื อะไร และจะทาำ อยา่ งไรใหง้ านบรรลุเป้าหมาย
2) การวางแผนในการปฏบิ ัติงาน  เปน็ การกาำ หนดเป้าหมาย ระยะเวลา กำาลังคนท่ีใช้
ในการทาำ งาน การวางแผนเร่ืองค่าใช้จ่ายในการดาำ เนินงาน
3) การลงมอื ปฏบิ ัติงาน  เปน็ การลงมือทำากิจกรรมตามแผนที่วางไวจ้ นสำาเร็จ
4) การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นการตรวจสอบแผนงานว่าสามารถปฏิบัติตาม
ได้หรอื ไม่ ตลอดจนประเมินผลงานที่ทาำ สำาเรจ็ แล้วว่ามคี ณุ ภาพหรอื ไม่

สุดยอดค่มู อื ครู 57

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

Step 2 ข้ันคดิ วิเคราะห์และสรุปความรู้ การสรา้ งสมั พนั ธภาพที่ดกี ับผู้อน่ื 49

Processing 4.4.2 การแก้ปญั หาในการทาำ กิจกรรม ไดแ้ ก ่ำจ�กัด
1) การสังเกต เปน็ การสังเกตการทำากจิ กรรม เพ่ือการประเมินหรอื ปรบั ปรงุ แก้ไข
1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบ 2) การวิเคราะห์ เป็นการวิเคราะห์ปัญหาวา่ มีมากน้อยเพียงใด จดั ลาำ ดบั ความสาำ คัญ(พว.)
ความเหมือนความต่างที่รวบรวมได้ ของปัญหา และวิเคราะห์สาเหตุ
จากการศึกษาค้นคว้าและความคิดเห็น บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ 3) การสร้างทางเลือก  เป็นการเรียงลำาดับความสำาคัญของปัญหา และพิจารณาว่า
ของสมาชิกเกี่ยวกับคุณลักษณะของ ควรแก้ปัญหาใดก่อน-หลงั
บุคคลที่มีมนุษยสัมพันธ์และการจัดการ 4) การประเมินทางเลือก  เป็นการตรวจสอบ โดยพิจารณารายละเอียดว่าทางใดท่ี
กับความขดั แยง้ เหมาะสมกบั การแก้ไขปัญหามากทีส่ ดุ
2. เชื่อมโยงความคล้ายคลึง/แตกต่างของ 5) การสรุปผลและนำาเสนอผลงาน การทำางานควรมีการสรุปผลออกมาอย่างเป็น
ข้อมูลท่ีน�ำมาอภิปรายและร่วมกันสรุป รูปธรรม อาจอยู่ในรูปของรายงานหรือเอกสารต่างๆ และนำาเสนอผลการปฏิบัติงานแก่ผู้บังคับบัญชา
ความรู้ตามหัวข้ออภิปราย แสดงเป็น หรอื หวั หนา้ งาน
ความคิดรวบยอดหรือหลักการลงผัง 4.4.3 การทำางานร่วมกันหรือการทำางานเป็นทีม เป็นการทำางานร่วมกันผู้อ่ืนให้สำาเร็จลุล่วง
กราฟิก โดยปราศจากความขัดแย้ง ได้แก่
1) การแสดงบทบาทหน้าท่ีภายในกลุ่ม การทำางานร่วมกับผู้อื่นควรรู้จักหน้าท่ีและ
3. บันทึกผลข้อสรุปความเข้าใจของกลุ่ม ความรับผิดชอบของตนเอง
และรายบุคคล 2) การฟงั พดู แสดงความคดิ เหน็ และอภปิ รายในกลมุ่  เมือ่ ทาำ งานร่วมกบั บคุ คลอื่น
เป็นส่ิงท่ีจำาเป็น เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดี ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และเป็นผู้พูดที่ดี จะช่วยให้
ทักษะชีวิต งานสาำ เรจ็ ตามเป้าหมาย
3) การมคี ุณธรรมในการทาำ งานรว่ มกัน เพื่อความสุขในการทาำ งานร่วมกบั ผ้อู ่นื และ
การนำ� ความรเู้ รอ่ื งคณุ ลกั ษณะของบคุ คล ชว่ ยลดหรอื หลีกเล่ยี งไมใ่ ห้เกดิ ความขดั แยง้
ที่มีมนุษยสัมพันธ์และการจัดการกับความ 4.4.4 การแสวงหาความรู้ เป็นการสร้างความรู้ใหม่เพ่ิมเติม อาจมาจากการศึกษาค้นคว้า
ขัดแย้ง มาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�ำวัน เพ่อื การทดลอง หรือปฏิบัติ ไดแ้ ก่
สรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั คนรอบขา้ ง เปน็ การ 1) การกำาหนดปญั หา เป็นการตง้ั หวั ขอ้ หรอื ประเดน็ ในการศกึ ษาค้นคว้า โดยกาำ หนด
เสริมสร้างทักษะชีวิตท่ีมีผลดีต่อตนเองและ ขอบเขตทตี่ อ้ งการจะคน้ ควา้
สงั คม 2) การวางแผน เปน็ การกำาหนดเปา้ หมายว่าจะสืบค้นขอ้ มลู ท่ใี ด อย่างไร
สงวน ิลขสิท ิ์ธ 3) การดำาเนินการ เปน็ การดาำ เนินการสืบค้นข้อมูลตามแผนที่วางไว้
St 4) การวิเคราะหข์ ้อมลู เป็นการนำาขอ้ มูลทีไ่ ด้ค้นควา้ มาพจิ ารณาอย่างละเอยี ด
5) การสรปุ ผล เปน็ การสรปุ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และบนั ทกึ จดั เกบ็ ขอ้ มลู ในรปู แบบ
ท่งี า่ ยต่อการค้นควา้
4.4.5 การจัดการ เป็นความสามารถในการจัดระบบงานให้สำาเร็จตามเป้าหมายอย่างมี
ประสิทธิภาพ ได้แก ่ การจดั การระบบการทาำ งานคนเดยี ว การจดั การระบบการทำางานกลุ่ม

ep 3 ขหน้ัลปงั ฏกบิารัตปิแฏลบิะสัตริ ปุ ความรู้

tAhpeplKyninogwlaenddgeConstructing

1. ผู้เรยี นนำ� ขอ้ สรุปความรคู้ วามเข้าใจที่ได้แลกเปล่ียนเรยี นรรู้ ว่ มกนั
ระหวา่ งกลมุ่ ในชนั้ เรยี น มาวเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั คณุ ลกั ษณะของบคุ คล
ทม่ี มี นษุ ยสัมพันธแ์ ละการจดั การกบั ความขดั แยง้
2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องของ
ความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั คณุ ลกั ษณะของบคุ คลทม่ี มี นษุ ยสมั พนั ธ์
และการจัดการกับความขัดแย้ง และท�ำกิจกรรมตรวจสอบ
ความเขา้ ใจ (หนังสือเรยี นหน้า 53)

58 สุดยอดค่มู ือครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

50 เพศวิถศี ึกษา ep 4 ขัน้ ส่อื สารและน�ำเสนอ

CApopmlyminugnitchaetion Skill
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St
ภาพท่ี 3.4 การทำางานร่วมกนั 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีน�ำเสนอให้ผู้อื่น
รับรู้และส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคนิควิธี
5. ความขดั แยง้ และการจัดการกับความขดั แยง้ ที่เหมาะสมบูรณาการการใช้สื่อ/เทคโนโลยี/ค�ำศัพท์
เพิ่มเตมิ /สง่ิ ท่นี า่ สนใจแทรกในการรายงาน
ความขัดแย้ง (Conflict) เป็นแนวคดิ หรอื ความสนใจของบุคคลทไ่ี ปดว้ ยกนั ไม่ได้ หรือทเี่ ปน็ ไปใน 2. ส่มุ กลุ่มผเู้ รียนนำ� เสนอผลการสรปุ ความรู้ความเข้าใจ
ทางตรงกนั ขา้ ม ผอ่ นหนักผ่อนเบาให้แก่กนั ปรองดองกัน อะลุ่มอลว่ ยกนั
ผอ่ นผันใหแ้ กก่ ัน
5.1 สาเหตขุ องความขัดแย้ง
การสร้างสัมพันธภาพท่ีดกี ับผ้อู ่ืน 51
ความขดั แย้งมหี ลายสาเหต ุ ไดแ้ ก่ 5.2.3 การสร้างทักษะในการส่ือสาร เช่น การฟังและการเจรจา
5.1.1 ความขัดแย้งทั่วไป เป็นบุคลิกภาพหรือพฤติกรรมของบุคคลที่เป็นสาเหตุของ 5.2.4 การลงมตโิ ดยใชเ้ สยี งข้างมาก
ความขัดแย้ง เช่น ความแตกต่างทางการศึกษาทำาให้บุคคลมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ความแตกต่าง 5.2.5 การใช้เหตผุ ลหรือหลักการ
ในคา่ นิยมและความเชอ่ื ทาำ ใหป้ ระพฤตแิ ละปฏบิ ตั ิแตกตา่ งกนั 5.2.6 การประสานผลประโยชนด์ ้วยการแลกเปลี่ยนความตอ้ งการซึ่งกันและกัน
5.1.2 ปฏิสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ได้แก่ การส่ือสารท่ีไม่มีคุณภาพ เช่น ผู้จัดการ
แจ้งข่าวสารหรือให้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกต้อง ผู้ปฏิบัติงานรับข่าวสารแล้วเข้าใจไม่ตรงกัน
ส่ือท่ีไมเ่ หมาะสมและส่งิ รบกวนตา่ งๆ เช่น เสยี งดงั อากาศรอ้ น
5.1.3 สภาพขององค์กรบุคลากร เช่น การมีทรัพยากรจำากัด จึงต้องแข่งขันกันเพ่ือให้ได้มา
ซึ่งทรัพยากรนั้น โครงสร้างขององค์กรท่ีคลุมเครือ ทำาให้ไม่เข้าใจว่าบทบาทของใครเป็นอย่างไร
กฎเกณฑ์ท่ีเข้มงวดทำาให้อึดอัดกับการปฏิบัติงาน การแข่งขันกันปฏิบัติงาน เหล่านี้สามารถก่อให้เกิด
ความขัดแยง้ ได้

5.2 การจัดการกบั ความขดั แยง้

การจดั การกบั ความขดั แย้งมีหลายวธิ ี ได้แก ่
5.2.1 การร่วมมอื โดยมเี ปา้ หมายให้เกดิ ความพอใจแกต่ นเองและผูอ้ ื่น
5.2.2 การประนปี ระนอม

ค่านิยมหลัก 12 ประการ

• มศี ลี ธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อ่นื เผื่อแผแ่ ละ
แบง่ ปัน
• ใฝ่หาความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและ
ทางอ้อม

ได้รบั รางวลั โนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1978 ภาพที ่ 3.5 การจัดการความขัดแย้งในการทาำ กจิ กรรม
จากผลงานการคน้ ควา้ วจิ ยั ในกระบวนการตดั สนิ ใจภายใน
องคก์ รท่ปี ระกอบการเศรษฐกิจ 5.3 การตัดสินใจและการแกป้ ัญหา
การตัดสินใจเป็นระยะหน่ึงของกระบวนการ
แก้ไขปัญหา (Problem Solving Process) ของบุคคล

เมื่อบุคคลพบว่ามีปัญหาเกิดข้ึนจะต้องมีการตัดสินใจ

เลอื กแนวทางท่ดี ีทส่ี ดุ เพือ่ นำาไปสู่การแก้ไขปัญหา

กระบวนการตัดสินใจ (Decision Making

Process) เปน็ การกำาหนดขน้ั ตอนเพอ่ื ตดั สนิ ใจแกไ้ ขปญั หา

ทีเ่ กดิ ขึ้นอยา่ งมีหลักเกณฑ์และได้ผลลพั ธ์ที่ต้องการ

เฮอร์เบิร์ต เอ ไซมอน (Herbert A. Simon)

นกั เศรษฐศาสตรช์ าวอเมรกิ นั ไดแ้ บง่ ระยะของการตดั สนิ ใจ ภาพท่ี 3.6 เฮอรเ์ บิร์ต เอ ไซมอน

ภายในองค์การออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ การใช้ความคิด ทม่ี า: http://www.famouspsychologists.org/
herbert-simon/
การออกแบบ และการเลอื กแนวทางที่ดที ี่สดุ
จอร์จ ฮับเบอร์ (George Huber) ได้นำาการตัดสินใจของ เฮอร์เบิร์ต เอ ไซมอน มารวม

เขา้ กบั กระบวนการแก้ไขปัญหา ทาำ ใหเ้ กดิ ข้นั ตอนการตัดสนิ ใจและการแก้ไขปัญหาขึน้ ได้แก่

1) การใชค้ วามคดิ คอื การคน้ หาสาเหตขุ องปัญหา

2) การออกแบบ คือการสร้างและวิเคราะห์ทางเลือกในการตัดสินใจ โดยทางเลือก

ท่ีสรา้ งขน้ึ มาจะตอ้ งมคี วามเป็นไปได้ในการแกไ้ ขปญั หาใหไ้ ดป้ ระโยชนส์ งู สุด

สดุ ยอดค่มู ือครู 59

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

52 เพศวิถศี ึกษา

3) การเลือกทางเลือกท่ีดีที่สุด คือการค้นหาและการประเมินทางเลือกต่างๆ
ผลลัพธ์ทไี่ ด้นำาไปใชใ้ นการแก้ไขปญั หาจริง
4) การนาำ ไปใช้ คอื การนาำ ทางเลือกในการแก้ไขปัญหา การลงมอื ปฏิบัต ิ หากนาำ ไปใช้
แลว้ ลม้ เหลวอาจย้อนกลับไปสู่ขัน้ ตอนใดข้ันตอนหนึ่ง เพือ่ ทบทวนกระบวนการใหม่
5) การติดตามผล คือการประเมินผลหลังจากนำาแนวทางท่ีได้เลือกแล้วไปใช้ใน
การแก้ไขปัญหา หากผลลพั ธไ์ มเ่ ปน็ ท่ีนา่ พอใจควรนาำ ไปปรับปรงุ เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาใหม่อีกครัง้
หลักในการตัดสินใจและการแก้ปัญหา ได้แก่ การแก้ปัญหาในการทำางานอย่างมีเหตุผล
หลักการทำางานด้วยความเสียสละ การบริหารเวลาอย่างเหมาะสม การปรับเปล่ียนความคิด การสร้าง
ความเขม้ แข็งทางจติ ใจ การสรา้ งสัมพันธท์ ีด่ ีกับเพื่อนร่วมงาน การแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ภาพที่ 3.7 การตัดสินใจและการแก้ปญั หา

สรปุ

การมีสัมพันธภาพท่ีดีนั้นจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของเราม่ันคงถาวรและยั่งยืน คนทุกคนต่าง

ก็มีความต้องการต่างๆ ที่คล้ายๆ กัน นั่นก็คือความต้องการที่จะให้มีคนเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ
ต้องการความรักจากคนรอบข้างและคนอื่นที่ได้พบเจอในชีวิต และบุคคลเหล่าน้ีมักจะเป็นครูที่ดี
สำาหรบั เราเสมอ การเรยี นรูว้ ธิ ีการพฒั นาสมั พนั ธภาพทด่ี ีเปน็ ส่ิงสาำ คญั และจำาเปน็ การทีเ่ รามสี ัมพนั ธภาพ
ที่ดีกับบุคคลอ่ืนน้ันเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้สนใจในส่ิงใหม่ๆ ได้เรียนรู้ในเรื่องใหม่ๆ ซึ่งเป็น
ส่วนหน่งึ ทท่ี ำาให้เราสามารถดำารงชีวติ อยา่ งมีความสุข

กิจกรรมท้าทาย

• ให้ผเู้ รียนจัดป้ายนเิ ทศเรอื่ งการสรา้ งสัมพันธภาพที่ดีกบั ผูอ้ นื่
• ให้ผู้เรียนเขียนเรียงความในหัวข้อ “การสร้างสัมพันธภาพที่ดี
กบั ผูอ้ น่ื ”

60 สดุ ยอดคมู่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

การสร้างสัมพนั ธภาพท่ดี กี บั ผอู้ ่นื 53 ep 5 ขบนั้รปิกราระเสมังินคเพมแื่อลเพะจ่ิมติคสุณาคธ่าารณะ

กจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ Self-Regulating
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St
คำาช้แี จง กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพาะด้านความรู้-ความจำา เพ่ือใช้ใน 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้
การตรวจสอบความเข้าใจตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความเขา้ ใจของตนเอง หลงั จากรบั ฟงั การนำ� เสนอของ
ตวั แทนกลมุ่ อน่ื ปรบั ปรงุ ชน้ิ งานของตนเองใหส้ มบรู ณ์
คำาส่ัง และบันทึกเพม่ิ เตมิ
ตอนท่ี 1 จงตอบคำาถามตอ่ ไปน้ี 2. น�ำผลงานแสดงในป้ายนิเทศเพ่ือเผยแพร่สู่ห้องเรียน
อน่ื หรอื สาธารณะ
1. จงอธิบายความหมายและความสาำ คญั ของมนษุ ยสมั พนั ธโ์ ดยสงั เขป 3. ผู้เรียนแต่ละคนท�ำแบบทดสอบ (หนังสือเรียนหน้า
2. องค์ประกอบในการสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธไ์ ด้แกอ่ ะไรบ้าง จงอธิบายพรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ 55-56) แลกเปลยี่ นกนั ตรวจใหค้ ะแนน จากนนั้ ประเมนิ
3. จงอธบิ ายถงึ หลักการสรา้ งสัมพนั ธภาพท่ีดกี บั ผ้อู ่ืนโดยสังเขป พร้อมยกตัวอย่างประกอบ สรุปผลการท�ำกิจกรรม (หนังสือเรียนหน้า 54)
4. จงอธบิ ายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่มมี นุษยสมั พันธใ์ นการทำากจิ กรรมรว่ มกบั ผู้อ่ืนโดยสงั เขป แบบประเมินตนเอง (หนังสือเรียนหน้า 56) และ
5. จงอธบิ ายวธิ ีการจัดการกับความขดั แย้งโดยสังเขป พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ กำ� หนดแนวทางการพัฒนาตนเอง

ตอนท่ี 2 จงจบั คู่ข้อทีม่ ีความสมั พันธ์กัน ก. มีความรับผดิ ชอบ 54 เพศวถิ ศี ึกษา
ข 1. การรบั รตู้ นเองและผอู้ ืน่ ข. การตคี วาม
ง 2. การคน้ หาสาเหตขุ องปัญหา ค. ยอมรับฟังความคิดเหน็ กิจกรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้
ซ 3. การสร้างทางเลอื กในการตัดสินใจ ฅ. ให้ความรว่ มมือ
ฆ 4. การสรา้ งทกั ษะในการส่อื สาร ฆ. การจดั การความขัดแยง้ คาำ ชีแ้ จง กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นร ู้ ประกอบดว้ ยกจิ กรรมหลากหลายทฝ่ี กึ ทกั ษะทกุ ดา้ นตามจดุ ประสงค์
ฌ 5. ความแตกต่างในคา่ นิยมและความเช่อื ง. การใชค้ วามคิด เชิงพฤติกรรมเพ่ือให้เกิดสมรรถนะในการเรียนร ู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกสถานท ี่
ฉ 6. การไมท่ ำาชั่ว ทาำ ความดีทำาใจใหบ้ รสิ ุทธิ์ จ. การตดิ ตามผล ตามความเหมาะสมกับผ้เู รยี นและสิง่ แวดล้อมของสถานศึกษา
ช 7. ความชอบและไมช่ อบอนั มผี ลมาจากความคดิ ฉ. การสร้างมนุษยสมั พันธ์
ก 8. คณุ ลักษณะของบุคคลทมี่ มี นุษยสัมพนั ธด์ ี ช. ทศั นคติ
ค 9. การเป็นผู้นำา ซ. การวเิ คราะห์
ฅ 10. การเปน็ ผู้ตาม ฌ. สาเหตุของความขดั แย้ง



ตอนท่ ี 3 จงขีดเครื่องหมาย ✓หนา้ ข้อความทถ่ี กู ตอ้ งและเครอ่ื งหมาย ✗ หนา้ ขอ้ ความทีผ่ ดิ

✗ 1. มนุษยส์ มั พันธ์ใหค้ วามสาำ คญั ในการจดั ระบบงานและโครงสร้างองคก์ าร
✓ 2. การปฏบิ ตั ิตนตามหลกั มนษุ ยสมั พนั ธช์ ่วยใหก้ ารดาำ เนินชีวิตมีความสขุ
✓ 3. การดาำ เนนิ ชวี ิตของมนุษยต์ ้องมคี วามสัมพันธ ์ พ่ึงพาอาศัยและชว่ ยเหลือกนั
✗ 4. ผู้บรหิ ารต้องใชท้ กั ษะทางความคิดมากกว่าทกั ษะมนษุ ยสัมพันธ์
✗ 5. ผ้ทู ปี่ ฏบิ ตั งิ านในระดับต่ำาต้องใช้ทกั ษะทางความคดิ มากกวา่ ทักษะมนุษยสัมพันธ์
✓ 6. บคุ คลทอ่ี ย่เู พียงลาำ พังไม่คบหาสมาคมกบั ใครอาจทาำ ให้เกิดผลกระทบต่อสขุ ภาพจติ ได้
✓ 7. มนุษยสัมพันธช์ ่วยให้การบรหิ ารเกดิ ประสทิ ธภิ าพ
✗ 8. จิตวทิ ยาไมม่ ีความเกย่ี วข้องกบั หลกั มนษุ ยสมั พนั ธ์
✗ 9. การจดั การแบบมนุษยสัมพันธ์ใหค้ วามสาำ คญั ในเรอื่ งสิ่งแวดล้อม
✓ 10. การจัดการในระยะเริ่มตน้ ใหค้ วามสาำ คญั ในการสร้างขวญั และกาำ ลังใจในการทาำ งาน

1. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เลือกข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ วารสาร หรืออินเทอร์เน็ต
ที่มีความเก่ียวข้องกับมนุษยสัมพันธ์และการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อ่ืน มากลุ่มละ 1 ข่าว
วเิ คราะหข์ ่าวที่เกดิ ขน้ึ ส่งตวั แทนกลุม่ มารายงานและร่วมกันอภิปรายหนา้ ช้นั เรียน

2. ให้ผู้เรียนเขียนเรียงความในหัวข้อ “การสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อื่น” โดยให้สมมติตัวเองเป็น
ประธานนักศึกษาหรือประธานสีตามความสนใจ แล้วเสนอแนะแนวทางท่ีเหมาะสม โดยผู้สอน
สุม่ ผู้เรยี นมานำาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น

3. ใหผ้ เู้ รียนเขียนผงั ความคดิ สรุปเกีย่ วกบั เร่ือง การสร้างความสัมพันธท์ ่ีดกี ับผอู้ ่นื พร้อมระบปุ ระโยชน ์
ทีไ่ ด้รับจากการเรยี น

สรปุ ผลการทาำ กิจกรรม

คำาชแ้ี จง ให้ผูเ้ รยี นประเมินผลการทำากิจกรรม โดยเขยี นเคร่อื งหมาย ✓ลงในช่อง ตามความเปน็ จริง

ความร ู้ (K) ทกั ษะ (P) คณุ ลกั ษณะ (A) เกณฑ์การประเมนิ
การมมี นษุ ยสัมพันธ์ใน ทำาเครื่องหมาย ✓
ความร ู้ ความเข้าใจ การปฏบิ ตั งิ านที่ได้รบั
การนาำ ไปใช้ การวเิ คราะห์ มอบหมายเสร็จตามเวลา การปฏบิ ัติกจิ กรรม ในแตล่ ะตอน 3 ข้อ
การสงั เคราะห ์ ท่ีกำาหนด ความมวี นิ ยั ตรงตอ่ เวลา คือ ผา่ นการประเมิน
การประเมินค่า การปฏิบัติงานดว้ ยความ ความซือ่ สัตย์สุจรติ
ละเอียด รอบคอบ ปลอดภยั ในการทำางาน 1. ความร้ ู (K)
การศึกษาค้นคว้า เรยี บรอ้ ย สวยงาม ประพฤตติ นดว้ ยความ ผ่าน ไม่ผา่ น
การแสวงหาแหล่งข้อมลู
และการรวบรวมขอ้ มลู ความสมบรู ณ์ของงาน ถกู ต้องตามศีลธรรม 2. ทักษะ (P)
การแสดงความคิดเหน็ การปฏิบตั งิ านท่ที าำ ให้เกิด อันดงี าม
อยา่ งมเี หตุผล หรือแสดง สมรรถนะแก่ผ้เู รยี น เจตคตทิ ด่ี ใี นการปฏบิ ัติ ผ่าน ไมผ่ า่ น
กจิ กรรม
ขั้นตอนและกระบวนการ ทกั ษะการวางแผน การคดิ ความพอเพยี งและความ 3. คณุ ลักษณะ (A)
ทำากจิ กรรม สรา้ งสรรค์ การออกแบบ ผ่าน ไมผ่ า่ น

การหาประสบการณ์ การผลิต พอประมาณ
ความรใู้ หม ่ การตดั สนิ ใจในการแก้ปัญหา

หมายเหตุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินว่า ผู้เรียนเกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้
ตามบริบทต่างๆ หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ความรู้หรือพุทธิพิสัย = Knowledge (K) ทักษะหรือ
ทกั ษะพิสยั = Practice (P) คณุ ลกั ษณะหรอื จิตพสิ ยั = Attitude (A)

สุดยอดคู่มือครู 61

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ผู้สอนให้ผู้เรียนท�ำแบบทดสอบ จากนั้น การสรา้ งสัมพันธภาพทด่ี กี ับผอู้ ่นื 55
ให้ผู้เรียนแลกกันตรวจค�ำตอบ โดยผู้สอน
เป็นผเู้ ฉลย แบบทดสอบ

เฉลยแบบทดสอบ คาำ ส่ัง จงเลอื กคำาตอบท่ถี กู ตอ้ งท่ีสุดเพียงคำาตอบเดยี ว
1. ตอบ 5. มนษุ ยสมั พนั ธ์ คอื การประพฤติ สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ตนตอ่ ผอู้ นื่ รวมถงึ การมสี มั พนั ธภาพทดี่ ี 1. มนุษยสมั พนั ธม์ ีความหมายตรงกับข้อใด
ต่อบคุ คลตา่ งๆ 1. การประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นตอ่ ผูอ้ ่ืน
2. ตอบ 3. เน่ืองจากเป้าหมายของการมี
มนุษยสัมพันธ์ท่ีดีน้ัน ย่อมส่งผลไปถึง 2. การมสี ัมพนั ธภาพทด่ี แี กบ่ ุคคลต่างๆ
การมีปฏิสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
เกิดการติดต่อระหว่างกัน ช่วยเหลือกัน 3. การปรับตวั ใหเ้ ขา้ กับสงิ่ แวดล้อมภายนอก
ด�ำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
3. ต อ บ 1 . ค ว า ม ส� ำ คั ญ ข อ ง ก า ร มี 4. การติดต่อสอ่ื สารเม่อื อย่หู า่ งไกลกนั
มนุษยสัมพันธ์ คือการได้รู้จักเข้าใจ
ตนเองและผอู้ ื่น ซง่ึ ข้ออ่นื ๆ เปน็ การลด 5. ถกู ท้งั ข้อ 1. และข้อ 2.
ปัญหาต่างๆ ท่ีเกิดขึ้น โดยไม่ใช่เป้า
หมายหลักของการมมี นุษยสัมพันธ์ 2. เปา้ หมายของการมีมนุษยสัมพนั ธท์ ่ีดคี ือขอ้ ใด
4. ตอบ 5. องคป์ ระกอบของมนษุ ยสมั พนั ธ์ 1. ทาำ ใหส้ บายใจ
มี 4 องคป์ ระกอบ คอื การรบั รู้ ความเชอื่ 2. มจี ิตใจท่ีสงบ
ทัศนคติ ค่านิยม 3. สามารถดาำ รงชีวิตได้อย่างมคี วามสุข
4. สร้างปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกัน
5. ถกู ทุกข้อ

3. การมีมนุษยสัมพนั ธ์สำาคัญอย่างไร

1. การรูจ้ กั เขา้ ใจตนเองและผู้อนื่ 2. ลดปญั หาความรุนแรง

3. ลดการทะเลาะวิวาท 4. ลดปญั หาอาชญากรรม

5. ลดปญั หาสงั คม

4. มนษุ ยสมั พนั ธ์มีองคป์ ระกอบตามข้อใด

1. การรบั ร ู้ 2. ความเชื่อ

3. ทัศนคติ 4. ค่านิยม

5. ถกู ทุกขอ้

คำาชี้แจง ใชต้ วั เลอื กต่อไปนต้ี อบคำาถามขอ้ 5-8 ท่สี อดคลอ้ งสมั พนั ธ์กนั

1. การสรา้ งมนษุ ยสมั พันธก์ บั เพือ่ น
2. การสร้างมนุษยสมั พนั ธ์กับหวั หนา้ งาน
3. การสร้างมนษุ ยสมั พนั ธก์ ับผใู้ ตบ้ ังคบั บญั ชา
4. การสรา้ งมนุษยสัมพนั ธ์กบั บุคคลอื่นๆ

62 สุดยอดคมู่ อื ครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

56 เพศวถิ ศี ึกษา เฉลยแบบทดสอบ
5. ตอบ 3. การใช้คนให้เหมาะสมกับงาน
5. การใช้คนให้เหมาะสมกบั งาน 3 เปน็ การสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธก์ บั ผใู้ ตบ้ งั คบั
บญั ชา
6. แสดงอารมณแ์ ละมารยาทท่เี หมาะสม 4 6. ตอบ 4. แสดงอารมณ์และมารยาทที่
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด เหมาะสมเปน็ การสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธก์ บั
7. แสดงความจริงใจ เปน็ มติ ร ไมถ่ ือตวั 1 บคุ คลอนื่ ๆ ท่ัวไป
7. ตอบ 1. การแสดงความจรงิ ใจ เปน็ มติ ร
8. ตัง้ ใจทำางานอย่างเต็มความสามารถ 2 ไมถ่ อื ตวั เปน็ การสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธก์ บั
เพอ่ื น
9. ข้อใดเปน็ ทักษะพื้นฐานทีส่ ่งผลให้การทาำ งานร่วมกันประสบความสำาเร็จลลุ ว่ งด้วยดี 8. ตอบ2.การตง้ั ใจทำ� งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
อย่างเต็มความสามารถเป็นการสร้าง
1. การทำางานเป็นทมี 2. การวางแผน มนุษยสัมพนั ธ์กบั หัวหนา้ งาน
9. ตอบ 1. ทกั ษะพนื้ ฐานในการท�ำงานรว่ ม
3. การวิเคราะห์งาน 4. การแกไ้ ขปญั หา กนั ใหป้ ระสบความส�ำเร็จลลุ ่วงด้วยดนี ้นั
5. การจดั การกบั ทุกปัญหา คอื การทำ� งานเปน็ ทมี ซงึ่ เมอื่ ทำ� งานเปน็
ทีมแล้ว จะท�ำให้เกิดการวางแผนท่ีดี
10. ข้อใดเป็นวธิ กี ารหนึ่งของการจัดการกบั ความขดั แย้งภายในองคก์ ร วเิ คราะห์งานร่วมกนั จดั การและร่วมกัน
แก้ไขปญั หา
1. การประนีประนอม 2. การลงมตโิ ดยเสียงข้างมาก 10. ตอบ 5. วิธีการจัดการความ ขัดแย้ง
ภายในองค์กรคือ การประนีประนอม
3. การใช้ความคิด 4. การติดตามผล และการลงมติโดยเสยี งขา้ งมาก 2 ขอ้ น้ี
เปน็ วธิ กี ารไกลเ่ กลย่ี ทดี่ ี สามารถลดความ
5. ถกู ทั้งขอ้ 1. และขอ้ 2. ขดั แย้งลงได้

แบบประเมินตนเอง
คาำ ชแี้ จง ตอนท่ี 1 ใหผ้ ูเ้ รยี นประเมนิ ผลการเรียนร้ ู โดยเขียนเคร่ืองหมาย ✓ ลงในชอ่ งระดบั คะแนน
และเตมิ ขอ้ มูลตามความเป็นจรงิ
ระดับคะแนนตอนที ่ 1 5 : มากท่สี ุด 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : นอ้ ย 1 : ควรปรบั ปรุง
ตอนท่ี 2 ใหผ้ เู้ รยี นนาำ คะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง และเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓
ลงในช่องสรปุ ผล

ตอนท่ ี 1 (ผลการเรียนร)ู้ ตอนที่ 2 (แบบทดสอบ)

รายการ 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ

1. ผเู้ รยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจในเนอ้ื หา คะแนน

2. ผเู้ รยี นไดท้ าำ กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรียนรทู้ ีส่ อดคล้องกับเนอื้ หา (ข้อละ 1 คะแนน)
และจดุ ประสงค์การเรียนรู้
สรุปผล
9 - 10 (ดีมาก)
3. ผู้เรยี นไดเ้ รียนและทาำ กจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้ทสี่ ง่ เสริม 7 - 8 (ดี)
กระบวนการคิด เกดิ การคน้ พบความรู้ 5 - 6 (พอใช้)
4. ผเู้ รียนสามารถประยุกตค์ วามร้เู พ่ืีอใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำาวนั ได้ ต่ำากวา่ 5
5. ผ้เู รียนได้เรยี นรอู้ ะไรจากการเรยี น (ควรปรับปรุง)

6. ผเู้ รียนต้องการทาำ สิง่ ใดเพอ่ื พัฒนาตนเอง

7. ความสามารถที่ถอื ว่าผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ของผูเ้ รียน คอื


สดุ ยอดค่มู อื ครู 63

ตารางสรปุ คะแนนการประเมนิ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
และสมรรถนะประจำ� หน่วย

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การสรา้ งสัมพันธภาพที่ดีกบั ผอู้ นื่

คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรียนรู้

1. สงวนลิข ิสท ิ์ธ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชอธิบายความหมายและความ �สำ ัคญของาการ (พว.) จำ�กัดชิ้นงาน/การแสดงออก รวม
ม ุนษย ัสม ัพน ์ธไ ้ดทก่ี �ำหนดในหนว่ ยการเรียนรูห้ รือหน่วยยอ่ ย
2. อ ธิ บ า ย อ ง ค ์ ป ร ะ ก อ บ ใ น ก า ร ส ร ้ า ง
มนุษย ัสมพันธ์ไ ้ด
3. อธิบายห ัลกการส ้รางม ุนษย ัสม ัพนธ์ไ ้ด
4. อ ธิ บ า ย ุค ณ ัล ก ษ ณ ะ ข อ ง ุบ ค ค ล ที่ ีม
มนุษย ัสม ัพน ์ธในการท�ำ ิกจกรรม ่รวม ักบ ้ผู ื่อน
5. อ ิธบาย ิว ีธการ ัจดการ ักบความ ัขดแย้งได้
อ ่ยางเหมาะสม
ภาระงาน/ชิ้นงานระหว่างเรียน
เรอื่ งท่ี 1 องคป์ ระกอบและหลกั การสร้างมนษุ ยสัมพนั ธ์
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบและหลัก
การสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธ์
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับองค์ประกอบและหลักการ
สรา้ งมนุษยสัมพันธ์
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับองค์ประกอบและ
หลักการสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธ์
เรื่องท่ี 2 คุณลักษณะของบุคคลท่ีมีมนุษยสัมพันธ์และการจัดการกับ
ความขดั แย้ง
1. ผงั กราฟกิ แสดงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั คณุ ลกั ษณะของบคุ คลท่ี
มีมนุษยสัมพันธแ์ ละการจดั การกับความขดั แยง้
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลท่ีมี
มนษุ ยสมั พนั ธ์และการจัดการกบั ความขดั แย้ง
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะของ
บคุ คลทีม่ ีมนุษยสัมพนั ธแ์ ละการจดั การกบั ความขัดแยง้
การประเมินรวบยอด
1. ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
2. ผลการปฏบิ ตั กิจกรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้
3. ผลการประเมนิ ตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ

รวม

หมายเหต:ุ คะแนนการประเมินจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรขู้ น้ึ อยกู่ บั การออกแบบแผนการจดั การเรียนรขู้ องผู้สอน
64 สดุ ยอดคูม่ อื ครู

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean

4หนว่ ยการเรียนรู้ที่สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดอิทธพิ ลต่างๆ ที่มีผลต่อ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4
การแสดงออกทางเพศ
อิทธิพลตา่ งๆ ทม่ี ผี ลต่อ
สาระสาำ คญั การแสดงออกทางเพศ
ปัญหาพฤติกรรมทางเพศกำาลังเป็นปัญหาที่สำาคัญในสังคมปัจจุบัน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
สุขภาพและอนาคตของบุคคลท่ีมีปัญหา ซ่ึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศและการดำาเนิน สาระการเรยี นรู้
ชีวิต ได้แก ่ ครอบครัว เพ่ือน สังคม วัฒนธรรม สำาหรับปัญหาพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศซ่ึงมีให ้ 1. อิทธิพลของครอบครัวท่ีมีผลต่อการแสดง
เหน็ อยู่พอสมควรในสงั คมไทย ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนกส็ ามารถอยู่ร่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสันต ิ โดยข้ึน พฤติกรรมทางเพศ (หนังสอื เรยี น หน้า 59-61)
อยกู่ ับการวางตนและปฏิบัติตนอยา่ งเหมาะสม 2. อิทธิพลของเพื่อนที่มีผลต่อการแสดง
พฤติกรรมทางเพศ (หนังสอื เรียน หนา้ 62-63)
สาระการเรยี นรู้ 3. อิทธิพลของสังคมที่มีผลต่อการแสดง
1. อทิ ธพิ ลของครอบครัวทมี่ ตี อ่ การแสดงพฤติกรรมทางเพศและการดำาเนนิ ชวี ติ พฤติกรรมทางเพศ (หนังสอื เรียน หน้า 63-64)
2. อิทธพิ ลของเพอื่ นท่ีมีผลต่อการแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ 4. อิทธิพลของวัฒนธรรมที่มีผลต่อการแสดง
3. อิทธิพลของสังคมท่มี ีผลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ (หนังสอื เรยี น หนา้ 64-65)
4. อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมที่มผี ลต่อการแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ 5. พฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศ (หนังสือเรียน
5. พฤตกิ รรมเบี่ยงเบนทางเพศ หน้า 65)
สมรรถนะประจำ� หน่วย
การประเมินผล 1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั อิทธพิ ลต่างๆ ทม่ี ีผลตอ่
การแสดงออกทางเพศ
ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผ้เู รยี น 2. แสดงออกทางเพศตามวฒั นธรรมและคา่ นยิ ม
ภาระงาน/ชนิ้ งานระหวา่ งเรยี น ทีถ่ กู ตอ้ ง
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอิทธิพลต่างๆ ที่มีผลต่อ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
การแสดงออกทางเพศ 1. อธิบายอิทธิพลของครอบครัวท่ีมีผลต่อการ
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับอิทธิพลต่างๆ ท่ีมีผลต่อ แสดงพฤติกรรมทางเพศได้
การแสดงออกทางเพศ 2. อธิบายอิทธิพลของเพื่อนที่มีผลต่อการแสดง
3. การนำ� เสนอผลการสรุปความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกับอทิ ธพิ ลตา่ งๆ ทมี่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศได้
การแสดงออกทางเพศ 3. อธิบายอิทธิพลของสังคมท่ีมีผลต่อการแสดง
พฤติกรรมทางเพศได้
4. อธิบายอิทธิพลของวัฒนธรรมท่ีมีผลต่อการ
แสดงพฤตกิ รรมทางเพศได้
5. อธิบายพฤติกรรมเบ่ยี งเบนทางเพศได้

ภาระงาน/ชิ้นงานรวบยอดในหนว่ ยการเรียนรู้
1. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้
3. ผลการประเมินตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ

สุดยอดคูม่ ือครู 65

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ep 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มูล 58 เพศวิถีศกึ ษา
St
Gathering สมรรถนะประจาำ หน่วย
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับอทิ ธิพลตา่ งๆ ที่มีผลตอ่ การแสดงออกทางเพศ
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร 2. แสดงออกทางเพศตามวฒั นธรรมและคา่ นยิ มท่ถี ูกตอ้ ง
หนังสือเรียนเกี่ยวกับอิทธิพลต่างๆ ท่ีมี
ผลต่อการแสดงออกทางเพศ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2. ตั้งค�ำถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก 1. อธบิ ายอทิ ธิพลของครอบครวั ทมี่ ีผลต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศได้
ประสบการณ์ที่รับรู้เกี่ยวกับอิทธิพล 2. อธบิ ายอิทธิพลของเพ่ือนท่มี ีผลตอ่ การแสดงพฤติกรรมทางเพศได้
ต่างๆ ท่ีมีผลต่อการแสดงออกทางเพศ 3. อธบิ ายอิทธพิ ลของสังคมทมี่ ีผลตอ่ การแสดงพฤติกรรมทางเพศได้
ตามหัวข้อท่ีก�ำหนดให้ (ศึกษาราย 4. อธบิ ายอทิ ธิพลของวัฒนธรรมทีม่ ผี ลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศได้
ละเอียดค�ำถามจากแผนการจัดการ 5. อธบิ ายพฤตกิ รรมเบีย่ งเบนทางเพศได้
เรียนรู)้
3. แตล่ ะกลมุ่ บนั ทกึ ผลการศกึ ษาตามหวั ขอ้ ผงั สาระการเรียนรู้
ทก่ี ำ� หนดลงในผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบ
และใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ อิทธพิ ลของครอบครัวทมี่ ผี ลต่อการแสดงพฤติกรรม
ของขอ้ มูล) ดังตวั อย่าง ทางเพศ

อิทธพิ ลต่างๆ อิทธิพลของเพื่อนที่มผี ลต่อการแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ
ท่มี ผี ลต่อ อทิ ธิพลของสงั คมทีม่ ผี ลต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศ
อิทธพิ ลของวัฒนธรรมทม่ี ผี ลต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศ
การแสดงออก
ทางเพศ

พฤตกิ รรมเบยี่ งเบนทางเพศ

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21

การท�ำงานกลุ่มจะช่วยฝึกกระบวนการท�ำงานแบบประชาธิปไตย
และสง่ เสรมิ กระบวนการคิดการแกป้ ญั หาให้แกผ่ เู้ รยี น

66 สุดยอดค่มู อื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

อิทธิพลตา่ งๆ ทีม่ ีผลต่อการแสดงออกทางเพศ 59 ep 2 ขั้นคดิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความรู้
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St
1. อทิ ธิพลของครอบครวั ท่มี ผี ลตอ่ การแสดงพฤติกรรมทางเพศ Processing

เมื่อมนุษย์เกิดมาจะพบกับสถาบันครอบครัวเป็น ภาพท ่ี 4.1 ครอบครวั เป็นสถาบันแรกของมนษุ ย์ 1. ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์และอภิปรายเก่ียวกับอิทธิพล
ลำาดบั แรก มพี อ่ แม่เป็นหลกั อาจมีพน่ี ้อง ป่ยู า่ ตายาย ญาต ิ ต่างๆ ที่มีผลต่อการแสดงออกทางเพศ โดยใช้ข้อมูล
บุคคลที่มีความสำาคัญท่ีสุดของเด็กที่เกิดมา คือพ่อและแม่ ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าจากหนังสือเรียน
ผู้ให้กำาเนิด ให้การเลี้ยงดู ให้การอบรมสั่งสอน พ่อแม่ เอกสาร และแหลง่ เรยี นรูอ้ ่ืนๆ หรือประสบการณ์ของ
นับว่าเป็นครูคนแรกของลูก ลูกจะซึมซับบุคลิกภาพ ผ้เู รียน
พฤติกรรม ตลอดจนการดำาเนินชีวิตของพ่อแม่ ซ่ึงจะมี 2. ผเู้ รยี นรว่ มกนั เชอื่ มโยงความคลา้ ยคลงึ ของขอ้ มลู ทน่ี ำ�
ท้ังในทางที่ดีและในทางท่ีไม่ดี ลูกที่เกิดมาจะมีพฤติกรรม มาอภปิ ราย และรว่ มกนั สรปุ ความรตู้ ามหวั ขอ้ อภปิ ราย
ทางเพศและการดำาเนินชีวิตอย่างไรน้ัน ขึ้นอยู่กับปัจจัย แสดงเปน็ ความคิดรวบยอดหรอื หลกั การลงผังกราฟกิ
หลายประการในครอบครวั ดังนี้
3. ผู้เรียนบันทึกผลข้อสรุปเป็นความเข้าใจของกลุ่มและ
1.1 คา่ นยิ มของครอบครัว รายบคุ คล
ครอบครัวที่มีคา่ นยิ มท่ดี ีเกีย่ วกบั เร่ืองพฤติกรรมทางเพศ เช่น ค่านิยมในการรกั นวลสงวนตวั

ค่านิยมในการมีคู่สมรสเดียว จะทำาให้เด็กซึมซับค่านิยมท่ีดีน้ันจนเกิดเป็นพฤติกรรมท่ีดีของตนเอง
ในทางตรงกันข้ามถ้าครอบครัวมีค่านิยมท่ีไม่ดีเกี่ยวกับเร่ืองพฤติกรรมทางเพศ เช่น ปล่อยเนื้อปล่อยตัว
จะทาำ ให้เดก็ ซมึ ซับคา่ นยิ มที่ไมด่ นี ้นั จนเกดิ เปน็ พฤตกิ รรมทีไ่ ม่ดขี องตนเอง

1.2 การอบรมเล้ยี งด ู
ผู้ท่ีอบรมในเรื่องเพศแก่ลูก ได้แก่ พ่อ แม่ ถ้าการอบรมเลี้ยงดูเป็นการห้ามมากกว่าการให้

ความรู้ท่ีถูกต้องแก่เด็ก โดยไม่มีการอธิบายเหตุผลของการห้าม อาจทำาให้เด็กเกิดความสงสัยและ
ความอยากรอู้ ยากลอง และเมอื่ เดก็ มโี อกาสไดไ้ ปพบกบั ประสบการณท์ างเพศกบั เพอื่ น แฟน คนอนื่ ๆ หรอื
จากส่ือต่างๆ อาจจะปฏบิ ตั ิไมเ่ หมาะสม ไมถ่ กู ต้อง หรอื อาจมกี ารตอ่ ต้านผ้ใู หญ ่ แอบไปหาประสบการณ ์
ในเรื่องเพศตามท่ีตนเองสนใจ ดังน้ันพ่อแม่จึงควรอบรมเล้ียงดูลูกในเร่ืองเพศอย่างมีเหตุผล และ
เปดิ โอกาสใหล้ กู ไดซ้ กั ถามเพอ่ื ความรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง ยง่ิ เมอ่ื ลกู เขา้ สวู่ ยั รนุ่ พอ่ แมค่ วรเอาใจใสใ่ หม้ าก
เด็กต้องการคำาอธิบายจากพ่อแม่ พ่อแม่ควรใกล้ชิดและสอนความเป็นสุภาพบุรุษให้แก่ลูกผู้ชายและ
ความเป็นสุภาพสตรีให้แก่ลูกผู้หญิง อย่าปล่อยให้ลูกไปเรียนรู้ในส่ิงท่ีไม่ดีจากเพ่ือนหรือสื่อต่างๆ
ตลอดจนสังคมภายนอก เพราะอาจจะมพี ฤติกรรมทางเพศทไี่ มเ่ หมาะสมโดยไม่รตู้ วั

60 เพศวถิ ศี ึกษา

ผู้สอนให้ผู้เรียนร่วมอภิปรายถึงอิทธิพลของครอบครัวที่มี 1.3 สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว
ต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศและการด�ำเนินชีวิตว่ามี ถ้าเด็กอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่มี
อะไรบ้าง
ความรักใคร่กันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เอาใจใส่ใน
การเล้ียงดูลูก ให้ความรักและความอบอุ่นกันเป็น ภาพท ่ี 4.2 พ่อแม่ควรเปน็ แบบอย่างที่ดี
อย่างดี เด็กก็จะซึมซับเอาส่ิงที่ดีน้ันมาไว้ในตนเอง และใหค้ วามสำาคัญกบั การอบรมส่งั สอนบุตร
ท้ังเร่ืองพฤติกรรมทางเพศและเรื่องอื่นๆ ถ้าเด็กอยู่
ในครอบครัวท่ีไม่อบอุ่น พ่อแม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
พ่อหรือแม่ไม่สนใจกัน ต่างคนต่างอยู่หรือหย่าร้างกัน
เด็กจะขาดความอบอุ่น และส่งผลไปถึงพฤติกรรม
ของเด็กท่จี ะแสดงออกทางสังคม

1.4 สภาพทางเศรษฐกจิ หรอื ฐานะของครอบครวั
หญิงทีข่ ายบริการทางเพศมักมาจากครอบครัวท่ยี ากจนหรือครอบครวั ทมี่ ปี ญั หา จงึ ตอ้ งยอม

ขายบริการทางเพศเพ่อื แลกกับเงิน ถ้าหากไม่มฐี านะยากจนผู้หญงิ เหล่านี้คงจะไม่ประกอบอาชีพน ี้ เพราะ
เป็นอาชีพท่ีได้รับการดูถูกและถูกมองว่าเป็นบุคคลท่ีไม่ดี ซึ่งถือว่ามีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม
มคี วามเสย่ี งตอ่ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ โดยเฉพาะโรครา้ ยทส่ี าำ คญั เชน่ โรคเอดส ์ ซงึ่ ปจั จบุ นั เปน็ ปญั หา
ใหญข่ องสังคมปญั หาหน่งึ

1.5 ระดับการศกึ ษาของครอบครวั
ครอบครวั ท่ีพ่อแมม่ ีการศึกษาดจี ะรู้และเขา้ ใจพฤตกิ รรมทางเพศของลูกไดด้ ีกวา่ ครอบครัวท่ี

พ่อแม่มกี ารศกึ ษานอ้ ย เพราะได้เรยี นรจู้ ากการศกึ ษาในสถานศกึ ษา มีความคดิ และสามารถทจ่ี ะสอนลกู
เก่ียวกับเร่ืองเพศได้ดีกว่า ให้ความสำาคัญกับเร่ืองการอบรมสั่งสอน การป้องกันตนเอง การมีพฤติกรรม
ทางเพศท่เี หมาะสมของลกู จึงสง่ ผลใหล้ กู มแี นวโนม้ ทดี่ ีในเรื่องพฤตกิ รรมทางเพศ

1.6 การมพี ฤตกิ รรมทางเพศท่ไี ม่เหมาะสมของบุคคลในครอบครวั
บุคคลในครอบครัวอาจมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม เช่น มีคู่นอนหลายคน มี

การแสดงออกทางเพศกบั คคู่ รองหรอื คนรกั อยา่ งไมเ่ หมาะสม มกี ารพดู คยุ กนั ในเรอ่ื งเพศอยา่ งชดั แจง้ และ
หยาบคาย ชอบดสู อ่ื ลามก จึงมผี ลโดยตรงต่อพฤติกรรมทางเพศของเดก็ ทกี่ ำาลังเจรญิ เตบิ โต เด็กจะรับรู้
ว่าสิ่งที่ไม่ดีดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เร่ืองน่ารังเกียจและสามารถปฏิบัติได้ นับเป็นอันตราย
อยา่ งยิง่ สำาหรับครอบครัวและสังคม เพราะบางคนมีพฤตกิ รรมทางเพศทไี่ มด่ ีตอ่ บคุ คลอ่นื ในสงั คม

สุดยอดคู่มอื ครู 67

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

อิทธพิ ลตา่ งๆ ท่ีมีผลต่อการแสดงออกทางเพศ 61 ข่มใหอ้ ยใู่ นอ�ำนาจตน ใชบ้ ังคับเอา ท�ำอำ� นาจเอาบางทใี ช้
เขา้ คกู่ บั คำ� ขม่ เหง เปน็ กดขข่ี ม่ เหง
1.7 การเปน็ แบบอย่างท่ดี ีต่อลูก
ในทางจติ วทิ ยาเดก็ ผหู้ ญงิ มกั เลยี นแบบพฤตกิ รรม
จากแม่ ส่วนเด็กผู้ชายมักเลียนแบบพฤติกรรมจากพ่อ ดังน้ัน

ถา้ พอ่ มพี ฤตกิ รรมทไ่ี มด่ ตี อ่ แม ่ เชน่ กดข ี่ รงั แก ทบุ ต ี ดา่ ทอ เจา้ ช ู้
St
ลูกชายอาจซึมซับพฤติกรรมและไปแสดงออกเมื่อมีครอบครัว
สงวน ิลขสิทธ์ิ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด
และหากแมม่ พี ฤตกิ รรมทไ่ี มด่ ตี อ่ พอ่ เชน่ ดา่ ทอ ใชค้ วามรนุ แรง

กับสามี ลูกสาวอาจซึมซับพฤติกรรมและไปแสดงออก

เมื่อมีครอบครัว ในทางตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่มีพฤติกรรมที่ดี

ตอ่ กนั เอ้อื อาทรตอ่ กัน จะสง่ ผลให้ลกู มีพฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม ภาพที ่ 4.3 ในทางจติ วทิ ยา

และนาำ ไปปฏิบัติเมอื่ มีคู่ครอง เดก็ ผู้หญิงมักเลยี นแบบพฤติกรรมจากแม่

1.8 ความเข้าใจของพ่อแมใ่ นเรอื่ งพฤตกิ รรมทางเพศของเด็ก
ถ้าพ่อแม่มีความเข้าใจถึงพฤติกรรมทางเพศ ตลอดจนพฤติกรรมอ่ืนๆ ของเด็กในช่วงวัย
ต่างๆ จะทำาให้พ่อแม่เข้าใจและอบรมส่ังสอนลูกได้ถูกต้องยิ่งข้ึน เพ่ือการมีพฤติกรรมทางเพศที่ดีและ

การดำาเนนิ ชีวติ ทด่ี ีของลูก พอ่ แม่ควรทาำ ความเขา้ ใจพฤตกิ รรมทางเพศตามวัยของเด็กดังน ้ี

1.8.1 เด็กจะมีความสนใจอวัยวะเพศของตนในช่วงอายุ 3-6 ปี จึงมักชอบจับอวัยวะเพศ

ของตนเอง พ่อแม่จะต้องไม่ดุด่าหรือห้ามปรามไม่ให้เด็กทำา แต่ก็ไม่ควรสนับสนุนการกระทำาดังกล่าว

ควรปล่อยให้แสดงพฤติกรรมไปตามวัย เพราะถ้าพ่อแม่ดุด่าว่ากล่าว ห้ามปราม เด็กจะเกิดความคิดว่า

อวัยวะเพศและเร่ืองเพศเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เป็นส่ิงที่น่าอาย น่ารังเกียจ ถ้าจะให้เด็กหยุดพฤติกรรม

เล่นอวยั วะเพศของตน พอ่ แม่อาจหนั เหความสนใจของเด็กให้ไปทาำ สงิ่ อื่นแทน

1.8.2 เด็กจะลอกเลียนแบบลักษณะท่าทางพ่อแม่ในช่วงอายุ 3-6 ปี การเลียนแบบนี้

จะส่งผลต่อพฤติกรรมเม่ือโตขึ้น ดังนั้นความสัมพันธ์ท่ีมีต่อกันของพ่อแม่ การแสดงบทบาททางเพศ

ที่เหมาะสมของพ่อแม่ จึงเป็นสิ่งท่ีพ่อแม่ควรคำานึงถึงและต้องแสดงออกในทางท่ีดี เพ่ือให้ลูกได้เห็น

แบบอย่างทดี่ ี

1.8.3 เด็กชว่ งอายุ 7-12 ป ี จะเรม่ิ มีเพอื่ นมากข้ึน เพราะเขา้ เรียนตามเกณฑแ์ ละมพี ฒั นาการ

ไปตามวัย ดังนั้นพ่อแม่ควรส่งเสริมให้เด็กได้มีเพ่ือนทั้งเพศเดียวกันและเพื่อนต่างเพศ เด็กจะเกิด

พฒั นาการและมคี วามรสู้ กึ ท่ดี ตี อ่ เพื่อนเพศเดียวกันและเพือ่ นตา่ งเพศดว้ ย

1.8.4 เม่ือเด็กเข้าสู่วัยรุ่นจะมีการเปล่ียนแปลงทางเพศมาก พ่อแม่ควรปลูกฝังในส่ิงที่ดี

ในเร่ืองพฤติกรรมทางเพศแก่ลูก โดยเฉพาะในเร่ืองความรับผิดชอบท้ังต่อตนเองและเพศตรงข้ามให้รู้ว่า

ควรปฏิบัติตนอย่างไร เช่น สอนให้ลูกสาวรู้จักระวังตัวในการคบเพื่อนชาย ต้องวางตัวท่ีเหมาะสมต่อ

เพศตรงขา้ ม สอนลูกชายใหม้ ีจิตสำานกึ ถึงความรบั ผิดชอบตอ่ เพศหญงิ ให้เกยี รติเพศผู้หญงิ มีความเปน็ 62 เพศวถิ ศี ึกษา

สุภาพบุรุษและต้องสอนให้ท้ังลูกสาวและลูกชายมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม โดยเฉพาะการไม่มี

เพศสัมพันธก์ ่อนวยั อนั ควร 2. อทิ ธิพลของเพื่อนท่มี ผี ลต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศ

ep 3 หข้ันลปังฏกิบารัตปิแฏลบิะสัตริ ปุ ความรู้ เพื่อนมีอิทธิพลต่อชีวิตของวัยรุ่นมาก บางครั้งวัยรุ่นจะเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่หรือครูอาจารย์
เพื่อนจะมีอิทธิพลในเร่ืองการดำาเนินชีวิต ทั้งด้านความคิด ความเชื่อ การให้คำาปรึกษา ตลอดจน
tAhpeplKyninogwlaenddgeConstructing พฤติกรรมทางเพศ เพ่ือนอาจชักจูงไปในทางที่ดีและไม่ดีก็ได้ ถ้าเพ่ือนชักจูงไปในทางท่ีดีก็จะทำาให้
การดำาเนินชีวิตมีความสุข การคบกันของวัยรุ่นเพศเดียวกันและเพื่อนต่างเพศนับว่ามีผลต่อพฤติกรรม
1. ผู้เรียนน�ำข้อสรุปความรู้ความเข้าใจท่ีได้แลกเปลี่ยน ทว่ั ไป รวมถงึ พฤติกรรมทางเพศดว้ ย อิทธิพลของเพ่ือนมดี ังนี้
เรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในช้ันเรียน มาวิเคราะห์
โดยการทำ� กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ 1. การคบกนั ของเพื่อนเพศเดียวกนั วยั รุ่นมักจะคบเพ่อื นที่มอี ายเุ ทา่ ๆ กัน หรือใกล้เคียงกนั แต่
2. กลมุ่ ผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ แนวคดิ เกย่ี วกบั อทิ ธพิ ลตา่ งๆ ท่ี บางครั้งก็อาจคบเพ่ือนต่างรุ่นบ้าง ซึ่งในกลุ่มเพ่ือนมักจะมีอุปนิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ และเร่ืองอ่ืนๆ ที่
มีผลต่อการแสดงออกทางเพศ จากน้ันร่วมกัน
ทำ� กิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ คลา้ ยคลงึ กนั ดังน้ันกลุม่ เพอ่ื นเพศเดียวกันจึงมีอทิ ธพิ ลตอ่ การดำาเนนิ ชวี ิตและพฤติกรรมทางเพศของวัยร่นุ

2. การคบกันของเพ่ือนต่างเพศ วัยรุ่นมักคบ
เพ่ือนต่างเพศในฐานะเพ่ือนหรือคู่รักบ้าง แล้วแต่

ลกั ษณะของการคบและความพงึ พอใจของทงั้ สองฝา่ ย

การคบกันในฐานะของคู่รักหรือแฟนอาจนำามาซ่ึงการ

แสดงออกถึงพฤติกรรมทางเพศท่ีไม่เหมาะสม เช่น

การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน การบังคับข่มขืน

การต้ังครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ การทำาแท้ง การติด

โรคทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ การผิดหวังแล้ว ภาพท ่ี 4.4 กลุ่มเพอื่ นเพศเดียวกนั มอี ิทธิพลต่อ
การดาำ เนินชวี ติ ของวัยรนุ่
คิดสั้นฆ่าตัวตาย การหึงหวงผิดใจกันแล้วเกิด
การทำาร้ายรา่ งกายหรือฆา่ กัน เปน็ ต้น

อิทธิพลของเพอื่ นทม่ี ตี ่อพฤติกรรมทางเพศและการดำาเนนิ ชวี ติ แบ่งไดด้ ังนี้
2.1 การชักจงู ของเพ่อื น
วัยรุ่นจะมีความผูกพันกับเพื่อนมาก มีความต้องการให้ตนเองเป็นท่ียอมรับของกลุ่มเพื่อน
จึงมักจะแสดงออกเพ่ือเอาใจเพื่อนหรือให้เพื่อนพอใจตนเอง ดังน้ันกลุ่มเพื่อนจึงมีอิทธิพลใน

การชกั จงู ใหว้ ยั รนุ่ มพี ฤตกิ รรมตามกลมุ่ เพอื่ น แมก้ ระทงั่ พฤตกิ รรมทางเพศและการดำาเนนิ ชวี ติ กม็ กั จะไป

ในแนวทางเดยี วกัน เชน่ การชักชวนกนั ดสู ่ือลามก จีบผ้หู ญิง เทีย่ วกลางคนื มเี พศสมั พนั ธก์ อ่ นวัยอันควร

ซ่ึงวยั รุ่นควรรจู้ ักปฏิเสธเมื่อเพ่อื นชกั จูงให้ทาำ ในสิ่งทีไ่ ม่ดี

2.2 การเลยี นแบบเพอื่ น
วัยรุ่นมักมีค่านิยมที่เหมือนเพ่ือนในกลุ่ม และเลียนแบบเพ่ือนที่ตนเองชื่นชอบในเร่ือง

การแต่งกาย การพูด การใช้สัญลักษณ์ของกลุ่ม กิริยาท่าทาง บุคลิกลักษณะ การมีพฤติกรรมทางเพศ
และการดำาเนินชีวิต ดังน้ันการเลียนแบบเพ่ือนจึงควรพิจารณาให้ดีว่าสิ่งท่ีเลียนแบบน้ันเป็นเชิงบวก
หรอื เชิงลบ ถา้ เปน็ เชิงลบควรงดเว้นเสยี

68 สดุ ยอดคู่มอื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

อทิ ธิพลตา่ งๆ ทมี่ ีผลตอ่ การแสดงออกทางเพศ 63 ep 4 ขนั้ สื่อสารและน�ำเสนอ

2.3 ความตอ้ งการให้เป็นทีย่ อมรบั ของเพ่ือน ACpopmlyminugnitchaetion Skill
วัยรุ่นมักชอบการรวมกลุ่มและมีความต้องการให้ตนเองเป็นท่ียอมรับของเพื่อน วัยรุ่นจึงมี
1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีน�ำเสนอให้ผู้อ่ืน
พฤตกิ รรมการแสดงออกในลกั ษณะเอาใจเพอ่ื น แมบ้ างครงั้ อาจจะไมอ่ ยากทาำ เชน่ นน้ั ความตอ้ งการใหเ้ ปน็ รับรู้และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคนิควิธี
ทยี่ อมรับของเพ่อื น ถ้าเป็นไปในทางลบกไ็ มค่ วรกระทำา เชน่ สบู บหุ ร่ ี ด่มื สุรา ทะเลาะวิวาท มีเพศสมั พนั ธ์ ท่ีเหมาะสม บูรณาการการใช้ส่ือ/เทคโนโลยี/ค�ำศัพท์
ในวัยเรียน เท่ียวกลางคืน แต่ถ้าเป็นไปในทางบวกก็ควรกระทำา เช่น ขยันเรียน บำาเพ็ญประโยชน์ เพิม่ เตมิ /สงิ่ ทีน่ ่าสนใจแทรกในการรายงาน
ชอบเลน่ กีฬา 2. สมุ่ กลมุ่ ผเู้ รยี นนำ� เสนอผลการสรุปความรคู้ วามเขา้ ใจ

2.4 มีการถ่ายทอดความรทู้ ่ไี มถ่ ูกตอ้ ง
วัยร่นุ เปน็ วัยท่อี ยากรอู้ ยากลองในหลายๆ เรอ่ื ง รวมทง้ั เร่อื งเพศ ถา้ ได้รบั การถ่ายทอดความรู้

ทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง หรอื ปลอ่ ยใหเ้ รยี นรหู้ าประสบการณด์ ว้ ยตนเอง ลองผดิ ลองถกู เอง อาจจะทาำ ใหเ้ กดิ ความผดิ พลาด
เช่น การขาดการป้องกนั ในการมเี พศสมั พันธจ์ นทาำ ให้เกดิ การต้งั ครรภโ์ ดยไมพ่ ึงประสงค์ เป็นต้น

3. อทิ ธพิ ลของสงั คมทม่ี ีผลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St
ในสังคมยุคปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงไปมาก จากเดิมที่เป็นสังคมเกษตรกรรมก็เปลี่ยนไปเป็น
สงั คมในเชงิ อตุ สาหกรรมและธรุ กจิ มากขนึ้ อกี ทงั้ ความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตลอดจนสื่อสารมวลชน จงึ ทาำ ให้สง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศและการดาำ เนินชีวติ ดงั น้ี

3.1 สภาพทางสงั คม
สภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีความเหล่ือมลำ้าและมีช่องว่างทางฐานะเศรษฐกิจมากข้ึนกว่า

เม่ือก่อน นอกจากน้ียังเน้นในเร่ืองของวัตถุนิยมมากข้ึน จึงก่อให้เกิดการขายบริการทางเพศเพิ่มขึ้น

ตามไปดว้ ย ซง่ึ แฝงมาใหร้ ปู แบบตา่ งๆ เพ่ือใหไ้ ดเ้ งินมา โดยไม่
คำานึงถงึ เกียรติยศและศักดิ์ศรีของตนเอง

3.2 ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี
ในสังคมปัจจุบันจะพบว่ามีข่าวการล่อลวงทางเพศ

จากการติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ตอยู่บ่อยครั้ง ความเจริญ
ก้าวหน้าจึงเป็นดาบสองคม ถ้าใช้ในทางที่ดีก็จะเป็นประโยชน์
แตถ่ ้าใช้ในทางที่ไมด่ ีจะก่อให้เกดิ ความเสียหายได้

ภาพท ี่ 4.5 การประพฤติดี ขยนั ศกึ ษา 64 เพศวิถศี กึ ษา
เปน็ คา่ นยิ มท่ีถูกตอ้ งของวยั รุ่น
3.3 สอื่ สารมวลชน
รอบรู้อาเซียนและโลก ในสงั คมไรพ้ รมแดนยคุ ปจั จบุ นั ทาำ ใหก้ ารรบั รขู้ า่ วสารจากสอื่ สารมวลชนเปน็ ไปไดอ้ ยา่ งรวดเรว็

asean และกว้างไกลมาก ส่อื สารมวลชนจึงมอี ิทธิพลต่อแนวคดิ และทิศทางการเคลอื่ นไหวในสังคม ดังจะเหน็ ได้
จากการเสนอขา่ วเกีย่ วกับพฤติกรรมทางเพศในทางทเี่ สอ่ื มเสยี อย่างชัดแจง้ และเปิดเผยมากเกนิ ไป นอกจากนี้
การบูรณาการค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษเก่ียวกับเน้ือหา ยังมีการลงภาพที่ค่อนข้างอนาจารและวาบหวิวโดยไม่คำานึงถึงความไม่เหมาะสม อีกทั้งยังมีส่ือลามก
ท่ีก�ำหนดให้ในหน่วยการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนได้เพ่ิมพูน เกิดข้ึนมากมาย ทำาให้วัยรุ่นเสพสิ่งท่ีไม่เหมาะสม จึงมีส่วนก่อให้เกิดการแสดงออกของพฤติกรรม
ความรู้ภาษาอังกฤษ และมีเจตคติท่ีดีต่อการส่ือสาร ทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมมากยิ่งขน้ึ
ด้วยภาษาอังกฤษที่ใช้เป็นภาษากลางในการท�ำงานของ
อาเซียน 4. อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมทมี่ ีผลตอ่ การแสดงพฤติกรรมทางเพศ

ปจั จบุ นั อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวันตกไดเ้ ขา้ มาครอบงำาสังคมไทยมากขึน้ ทาำ ให้คนไทยมีค่านิยม
ทางเพศเปลย่ี นไป ไมค่ าำ นงึ ถงึ ขนบธรรมเนยี มและวฒั นธรรมอนั ดงี ามทบ่ี รรพบรุ ษุ ไดส้ รา้ งและรกั ษาไวเ้ ปน็
เวลายาวนาน วฒั นธรรมเปน็ สงิ่ ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ เพอ่ื ใชใ้ นการดำาเนนิ ชวี ติ วฒั นธรรมเปน็ สง่ิ ทม่ี กี ารสบื สาน
ตอ่ เนื่องเป็นมรดกทางสงั คมทม่ี กี ารถา่ ยทอดจากคนรนุ่ หนึ่งไปส่คู นอีกรนุ่ หนง่ึ ต่อไปเรื่อยๆ วฒั นธรรมจึง
ได้แก่ ขนบธรรมเนียม ประเพณ ี ค่านยิ ม ความเชอ่ื ศีลธรรม ตลอดจนกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ทม่ี ีอยใู่ นสงั คม
ค่านิยมทางเพศ เป็นความเช่ือเกี่ยวกับเร่ืองเพศท่ียึดถือเป็นหลักปฏิบัติของตนเองตามท่ีตนเอง
มีความเช่ือ มีความคิด มีความยึดม่ัน ดังนั้นค่านิยมทางเพศจึงเป็นหัวใจสำาคัญของการดำาเนินชีวิต
ในเร่ืองเพศของคนๆ น้ัน ค่านิยมทางเพศอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสภาพของสังคม
มรี ายละเอยี ดดังนี้

4.1 การยึดมน่ั ในความบริสทุ ธท์ิ างเพศ
ในปจั จบุ นั วัยร่นุ ชายและวยั รุ่นหญงิ มักมีค่านิยมในเรือ่ งความบรสิ ุทธท์ิ างเพศดงั นี้

4.1.1 วยั รนุ่ ชาย มคี า่ นยิ มทางเพศในเรอื่ งความบรสิ ทุ ธทิ์ างเพศของผหู้ ญงิ วา่ มใิ ชเ่ รอื่ งสาำ คญั
ไมถ่ อื วา่ ผหู้ ญงิ คนนนั้ จะเคยผา่ นการมเี พศสมั พนั ธม์ าจากชายอน่ื แลว้ และบางสว่ นมคี า่ นยิ มทช่ี อบทำาลาย
ความบรสิ ทุ ธขิ์ องผหู้ ญิง
4.1.2 วัยรุ่นหญิง มีค่านิยมที่อ่อนด้อยในเรื่องความบริสุทธ์ิทางเพศ มักคิดว่าการรักษา
ความบริสุทธ์ิของตนเองไม่มีเพศสัมพันธ์จนถึงวันแต่งงานน้ัน ไม่ใช่เรื่องสำาคัญอีกต่อไป ถ้าพอใจ
ก็ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย ในสมัยก่อนผู้ใหญ่มักจะสอนและเน้นในเรื่องของการรักษาความบริสุทธ์ิของ
ผ้หู ญงิ กนั อย่างมาก ทำาใหผ้ หู้ ญงิ สมัยก่อนมกี ารรกั ษาความบรสิ ทุ ธิ์ทางเพศได้ดกี ว่า

สุดยอดคู่มือครู 69

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

Step 5 ขบั้นรปกิ ราระเสมงั ินคเพมแ่อื ลเพะจมิ่ ิตคสุณาคธา่ารณะ อิทธพิ ลต่างๆ ท่มี ผี ลตอ่ การแสดงออกทางเพศ 65

สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัดSelf-Regulating 4.2. การมีเพศสัมพนั ธ ์
ในปัจจบุ นั วัยร่นุ ชายและวยั รนุ่ หญงิ มกั มีคา่ นิยมในเรอ่ื งการมเี พศสัมพนั ธด์ ังน้ี
1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจ
สอบความรู้ความเข้าใจของตนเองหลัง 4.2.1 วัยรุ่นชาย มีค่านิยมว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเร่ืองของการแสดงความสามารถ
จากรับฟังการน�ำเสนอของสมาชิกกลุ่ม ในการพิสูจน์ความเป็นชาย โดยคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายๆ คนน้ัน เป็นเรื่องโก้เก๋
อ่ืน ปรับปรุงชิ้นงานของกลุ่มตนเองให้ เป็นคนเก่ง เป็นชายชาตรี จึงทำาให้ฝ่ายหญิงเดือดร้อน เพราะฝ่ายชายจะไม่คำานึงถึงจิตใจของฝ่ายหญิง
สมบรู ณ์และบันทึกเพิม่ เตมิ มีความเห็นแก่ตัวในเรื่องเพศ หวังเพียงความสนุกหรือสนองความต้องการของตนเองเท่าน้ัน และไม่
2. น�ำผลงานแสดงในป้ายนิเทศหรือเผย คำานึงถงึ ผลกระทบทจ่ี ะตามมา ตลอดจนความเสยี หายที่จะเกิดข้ึนกบั ฝ่ายหญงิ
แพร่สูห่ อ้ งเรียนอื่นหรือสาธารณะ 4.2.2 วัยรุ่นหญิง ปัจจุบันวัยรุ่นหญิงมักยอมให้ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ด้วยง่ายกว่าในอดีต
3. ผู้เรียนแต่ละคนท�ำแบบทดสอบ บางคนคิดว่ามิใช่เรื่องเสียหาย ข้ึนอยู่กับความพึงพอใจ บางคนยอมขายบริการทางเพศเพราะ
(หนงั สอื เรยี นหนา้ 70-72)จากนน้ั ประเมนิ มีค่านิยมทางเพศท่ีผิด และไม่คำานึงถึงศักด์ิศรีของตนเอง ค่านิยมในเร่ืองการรักนวลสงวนตัวจึงแทบจะ
สรุปผลการท�ำกิจกรรม (หนังสือเรียน ไมม่ คี วามหมายหรอื หายไปจากความคดิ ของวัยร่นุ หญิงจำานวนไม่น้อย
หน้า 69) ท�ำแบบประเมินตนเอง
(หนังสือเรียนหน้า 72) และก�ำหนด 5. พฤติกรรมเบย่ี งเบนทางเพศ
แนวทางการพฒั นาตนเอง
พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศน้ันมีหลายประเภทและหลายรูปแบบ เช่น ชายชอบเป็นหญิง
หญิงชอบเป็นชาย ผู้ชายท่ีชอบอวดอวัยวะเพศ ผู้ชายท่ีชอบพูดลามกทางโทรศัพท์ต่อผู้อื่น ผู้ชายท่ีชอบ
แอบดูหรือที่เรยี กวา่ ถำ้ามอง ผู้ชายท่ชี อบสะสมชุดช้นั ในผู้หญิง เปน็ ต้น
จะเห็นได้ว่าผู้ที่มีพฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศมักจะเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง แต่ไม่ว่า
เพศชายหรือเพศหญิงที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศก็สามารถอยู่ในสังคมได้เหมือนคนปกติ แต่การ
ดำาเนินชีวิตของเขาอาจแตกต่างจากคนปกติไปบ้าง เช่น พวกที่กายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงอาจมีการ
แต่งหน้า แต่งตัวเป็นผู้หญิง และดำาเนินชีวิตคล้ายๆ ผู้หญิง ดังน้ันการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยสันติ
จึงควรวางตนและปฏบิ ตั ติ นอยา่ งเหมาะสม

สรปุ

ปัญหาพฤตกิ รรมทางเพศของเยาวชนเปน็ ปญั หาสำาคญั ทสี่ ุดประการหน่งึ ท่ีก่อใหเ้ กดิ ปัญหาสขุ ภาพ

ท้ังร่างกายและจิตใจ  ปัจจัยต่างๆ ท่ีมีอิทธิต่อพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนในปัจจุบันท่ีเห็นได้ชัดเจน 
ไดแ้ ก ่ อทิ ธพิ ลจากครอบครวั   เพอื่ น  สงั คม  และวฒั นธรรม  เราจงึ ควรเรยี นรปู้ จั จยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งทมี่ อี ทิ ธพิ ล
ทางเพศเพอื่ จะไดป้ ฏบิ ตั อิ ยา่ งเหมาะสม  ไมถ่ กู ชกั นำาไปในทางทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง ซง่ึ จะเปน็ ผลเสยี ตอ่ อนาคตของ
ตนเอง

ทักษะชีวิต

การน�ำความรู้เร่ืองอิทธิพลต่างๆ ท่ีมีต่อการแสดงออกทางเพศ
มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั เพอ่ื ใหส้ ามารถปรบั ตวั และปฏบิ ตั ติ น
ไดเ้ หมาะสม เปน็ การเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ ทมี่ ผี ลดตี อ่ ตนเองและสงั คม

70 สดุ ยอดคูม่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

66 เพศวถิ ศี ึกษา สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

กจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ

คาำ ชแ้ี จง กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพาะด้านความรู้-ความจำา เพ่ือใช้ใน
การตรวจสอบความเขา้ ใจตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

คาำ ส่งั
ตอนท่ี 1 จงตอบคาำ ถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกตอ้ ง

1. จงอธิบายอิทธิพลของครอบครัวที่มีต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศโดยสังเขป พร้อมยกตัวอย่าง
ประกอบ
2. จงอธบิ ายอทิ ธิพลของเพื่อนทม่ี ีต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศโดยสงั เขป พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ
3. จงอธบิ ายอทิ ธพิ ลของสงั คมทมี่ ตี อ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศโดยสงั เขป พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ
4. จงอธิบายอิทธิพลของวัฒนธรรมท่ีมีต่อการแสดงพฤติกรรมทางเพศโดยสังเขป พร้อมยกตัวอย่าง
ประกอบ
5. หากผู้เรยี นมีพฤตกิ รรมเบ่ียงเบนทางเพศ ควรปฏบิ ตั ิอยา่ งไร เพราะเหตุใด

ตอนที ่ 2 จงขีดเครือ่ งหมาย ✓หน้าขอ้ ความท่ถี ูกตอ้ งและเครื่องหมาย ✗ หน้าข้อความที่ผดิ

✓ 1. พ่อแมค่ วรใหก้ ารอบรมเลย้ี งดลู ูกในเรือ่ งเพศอย่างมเี หตผุ ล
✗ 2. ระดับการศกึ ษาของครอบครวั ไมม่ อี ทิ ธิพลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ
✓ 3. เด็กจะชอบจบั อวยั วะเพศของตนเอง พอ่ แมไ่ ม่ควรดดุ า่ หรือหา้ มปราม
✓ 4. วยั ร่นุ มกั มีคา่ นิยมเหมอื นเพ่ือนในกลุ่ม และมีการถา่ ยทอดความรูร้ ะหว่างกลุ่ม
✓ 5. ความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตรเ์ ปน็ ดาบสองคมสาำ หรับพฤตกิ รรมทางเพศ
✓ 6. ส่อื สารมวลชนมอี ทิ ธิพลตอ่ แนวคิดและพฤตกิ รรมทางเพศ
✗ 7. พอ่ แมค่ วรมีความเขา้ ใจในเรื่องพฤติกรรมทางเพศของลกู ในวัยเดก็ เทา่ นัน้
✓ 8. ผูช้ ายที่ชอบอวดอวัยวะเพศมแี นวโน้มดา้ นพฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศมากท่สี ดุ
✗ 9. ปจั จบุ นั วยั รุน่ ชายและหญงิ ยงั คงยึดม่ันคา่ นยิ มในเร่ืองความบรสิ ุทธ์ทิ างเพศ
✓ 10. การเป็นแบบอยา่ งทด่ี ขี องบตุ รหลานจะส่งผลในเรอื่ งพฤตกิ รรมทางเพศทีเ่ หมาะสม

ค่านิยมหลัก 12 ประการ

• มศี ีลธรรม รกั ษาความสัตย์ หวงั ดตี ่อผอู้ ื่น เผ่อื แผแ่ ละแบ่งปนั
• ใฝ่หาความรู้ หมน่ั ศึกษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม

สดุ ยอดคูม่ อื ครู 71

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

อิทธิพลต่างๆ ท่มี ผี ลตอ่ การแสดงออกทางเพศ 67

ตอนที ่ 3 ใหน้ าำ ตัวเลขหนา้ คาำ ตอบไปเตมิ ในช่องว่างใหถ้ ูกต้อง

คา่ นิยมในเรอื่ งเพศตามวัฒนธรรมอน่ื

ค่านิยมในเรื่องเพศของวัยรุ่นไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อน ทั้งน้ีเป็นเพราะวัฒนธรรมจาก
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ชาติอื่นได้เข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลมากข้ึน โดยเฉพาะวัฒนธรรมตะวันตกที่แพร่เข้ามาทางส่ือต่างๆ

ท้งั โทรทัศน์ ภาพยนตร ์ หนังสอื หรอื อินเทอร์เนต็ ทาำ ใหเ้ กิด ซึ่งวัฒนธรรมบางอย่างก็สง่ ผลดี

ตอ่ การดาำ เนนิ ชวี ติ แตว่ ฒั นธรรมบางอยา่ งกส็ ง่ ผลใหเ้ กดิ ปญั หาสงั คมตามมา เราจงึ ควรเลอื กรบั วฒั นธรรม

ทดี่ ีและมีความเหมาะสมกบั วฒั นธรรมไทยมาปรบั ใช้เพอื่ ให้เป็นที่ยอมรบั และมีชวี ิตท่ีดงี าม

คา่ นยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสมตามวัฒนธรรมตะวนั ตก
1. การแสดง 2 ให้เกียรติผหู้ ญงิ

2. การมี 3 ต่อสามีภรรยา ไม่นอกใจ
ไมส่ าำ ส่อนทางเพศ

3. ผู้ชายหรือสามีมีความรักและ 4
ต่อครอบครัว ขยันทำางานเพ่ือเล้ียงดูครอบครัว

ชว่ ยทำางานและดแู ลความเรียบร้อยในบา้ น

4. ผูห้ ญงิ สามารถแสดง 8 หรือโต้แยง้ การพักผ่อนร่วมกบั ครอบครวั เป็นประจำา
ในเร่อื งต่างๆ อย่างเท่าเทียมกบั ผ้ชู าย เปน็ ส่ิงทีด่ ีงามของวัฒนธรรมตะวันตก

5. การมีเพศสมั พันธ์อย่างปลอดภัยดว้ ยการใช้ถุงยางอนามยั

ค่านิยมทางเพศท่ีไม่เหมาะสมตามวัฒนธรรมตะวันตก
1. การแตง่ กายลอ่ แหลม เปดิ เผยใหเ้ หน็ สดั สว่ นหรอื เนอ้ื ตวั การสวมใสช่ ดุ วา่ ยน้ำาเพอื่ ใหเ้ ปน็ ทส่ี นใจ
หรือดึงดดู เพศตรงข้าม

เมอื่ อยู่ในท่สี าธารณะ 2. การคบเพอื่ นต่างเพศคร้งั ละหลายๆ คน
ตอ้ งปฏบิ ัตติ นอยา่ งเหมาะสม 3. การออกเดตหรือไปเท่ยี วกบั เพ่ือนตา่ งเพศสองต่อสอง
4. การแสดง 6 จนเกนิ งาม โดยเฉพาะการจบี ผชู้ ายกอ่ นของ
ผหู้ ญงิ ซ่ึงเปน็ ส่งิ ท่ไี มเ่ หมาะสม
5. การแสดง 10 ในทีส่ าธารณะอยา่ งเปิดเผย

6. การไปเทย่ี วกลางคืนกบั เพือ่ นต่างเพศในสถานบันเทงิ
7. การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหา
ตามมา เชน่ การต้งั ครรภ์ที่ไมพ่ ึงประสงค ์ การทำาแท้ง
8. การถ่ายคลิปวิดีโอลามกหรือการแชตผ่านกล้องทางอินเทอร์เน็ต
ซ่งึ อาจทาำ ใหเ้ กิดปัญหาอาชญากรรมตามมา

68 เพศวถิ ศี กึ ษา

การเลือกรับวัฒนธรรมตะวันตกที่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมและสังคมไทยมาปรับใช้ในการดำาเนิน

ชีวิต จะช่วยให้เรามี 7 ในเร่ืองเพศ เป็นท่ียอมรับและช่ืนชมของผู้อ่ืน สามารถดำารงชีวิตได ้

อย่างมีความสุข
ค่านิยมในเรื่องเพศทมี่ คี วามเหมาะสมของคูร่ กั
การมคี นรักของวยั รนุ่ จะตอ้ งมีขอบเขต ต้องอยใู่ นสายตาและ 9 ทัง้ สองฝ่าย ต้องไม่ลว่ งเกิน

ซึ่งกันและกนั และท่ีสำาคัญทสี่ ดุ คือต้องไม่มเี พศสมั พันธ ์ ดงั นัน้ วยั รุ่นทมี่ ีคนรักควรปฏบิ ตั ิตนในขอบเขต

ท่เี หมาะสมดังน้ี
1. การคบหากันระหว่างชายและหญิงจะ

ต้องยึดครองประเพณีของวัฒนธรรมไทยและ

วัฒนธรรมอ่ืนๆ ควรหลีกเลี่ยงการกระทำาท่ีจะ

เป็นการล่วงละเมิดอีกฝ่ายหน่ึง โดยเฉพาะกับ

ผ้หู ญิง

2. ไมอ่ ยใู่ นทล่ี บั ตาคนตามลาำ พงั สองตอ่ สอง

เช่น ในห้อง ในบ้านท่ีไม่มีใครอยู่ ซึ่งจะทำาให้

เกิดบรรยากาศท่ีจะนำาไปสู่การมีความสัมพันธ ์ ความรักแบบเพอ่ื นเหมาะสมกบั เด็กในวัยเรยี น
ทางเพศได้ มากกว่าความรักแบบชู้สาว

3. รู้จักการปฏิเสธ โดยเฉพาะผู้หญิงต้องรู้จักการปฏิเสธอย่างจริงจังและเด็ดขาด พูดให้เห็นถึง

ผลเสียของการมเี พศสัมพันธก์ อ่ นวัยอันควร

4. ไม่นดั ค้างคืนกนั สองตอ่ สอง เพราะจะเปน็ การเส่ียงตอ่ การมีเพศสมั พันธไ์ ดง้ ่าย

5. มี 5 ไม่ทำาร้ายทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ให้กำาลังใจกัน ช่วยเหลือกันในเร่ืองต่างๆ

โดยเฉพาะเร่ืองเรียนซ่ึงเป็นเร่อื งสาำ คัญท่ีสดุ สำาหรบั วัยร่นุ

1. พฤติกรรมลอกเลียนแบบ 5. ความเมตตาตอ่ กนั 9. ความดูแลของพอ่ แม่
2. ความเป็นสุภาพบรุ ุษ 6. ความสนใจตอ่ เพศตรงขา้ ม 10. ความรักด้วยการกอดจบู
3. ความซ่อื สัตย ์ 7. ความปลอดภัย
4. ความรับผิดชอบ 8. ความคดิ เห็น

72 สุดยอดคู่มอื ครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

อิทธพิ ลตา่ งๆ ท่ีมีผลตอ่ การแสดงออกทางเพศ 69

กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้

คาำ ชี้แจง กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ยกจิ กรรมหลากหลายทฝี่ กึ ทกั ษะทกุ ดา้ นตามจดุ ประสงค์สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
เชิงพฤติกรรมเพ่ือให้เกิดสมรรถนะในการเรียนร ู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกสถานท ่ี
ตามความเหมาะสมกับผู้เรยี นและสงิ่ แวดล้อมของสถานศกึ ษา

1. ให้ผเู้ รียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3-5 คน เลอื กขา่ วสารจากหนังสือพมิ พ ์ วารสาร หรอื อินเทอร์เนต็ เกีย่ วกบั
อิทธิพลต่างๆ ท่ีมีผลต่อการแสดงออกทางเพศ มากลุ่มละ 1 ข่าว วิเคราะห์ข่าวท่ีเกิดขึ้น ส่งตัวแทน
กลุม่ มารายงานและรว่ มกันอภปิ รายหน้าชัน้ เรียนกลุ่มละ 3-5 นาที

2. ให้ผู้เรียนเขียนเรียงความในหัวข้อ “อิทธิพลต่างๆ ที่มีผลต่อการแสดงออกทางเพศของตนเอง”
แลว้ เสนอแนะแนวทางทเี่ หมาะกบั ผ้เู รียน โดยผู้สอนสุ่มผเู้ รียนมานาำ เสนอหน้าชน้ั เรยี น

3. ให้ผเู้ รียนเขียนผังความคดิ สรุปเกีย่ วกับเรอื่ ง อิทธพิ ลต่างๆ ท่ีมีผลตอ่ การแสดงออกทางเพศ

4. ให้ผเู้ รยี นสาำ รวจความคิดเห็นของเพอ่ื นรว่ มช้ันเรียนหรอื ต่างชั้นเรยี นจาำ นวน 10 คน ในเรือ่ ง อทิ ธิพล
ตา่ งๆ ท่ีมผี ลตอ่ การแสดงออกทางเพศ และจัดทาำ สรปุ ผล

สรุปผลการทา� กิจกรรม

คำาชี้แจง ใหผ้ เู้ รยี นประเมนิ ผลการทำากิจกรรม โดยเขยี นเคร่ืองหมาย ✓ลงในช่อง ตามความเปน็ จริง

ความรู้ (K) ทกั ษะ (P) คุณลักษณะ (A) เกณฑก์ ารประเมิน
การมมี นษุ ยสมั พันธ์ใน ทาำ เครอื่ งหมาย ✓
ความรู้ ความเขา้ ใจ การปฏิบตั งิ านทีไ่ ดร้ ับ
การนำาไปใช้ การวเิ คราะห์ มอบหมายเสร็จตามเวลา การปฏิบัตกิ จิ กรรม ในแต่ละตอน 3 ข้อ
การสังเคราะห์ ทีก่ ำาหนด ความมีวนิ ัย ตรงต่อเวลา คอื ผา่ นการประเมนิ
การประเมินค่า การปฏบิ ตั ิงานด้วยความ ความซอื่ สตั ย์สุจริต
ละเอียด รอบคอบ ปลอดภยั ในการทำางาน 1. ความร ู้ (K)
การศกึ ษาค้นคว้า เรยี บรอ้ ย สวยงาม ประพฤติตนดว้ ยความ ผ่าน ไมผ่ า่ น
การแสวงหาแหลง่ ข้อมลู
และการรวบรวมขอ้ มูล ความสมบูรณข์ องงาน ถกู ต้องตามศีลธรรม 2. ทกั ษะ (P)
การแสดงความคดิ เหน็ การปฏบิ ัติงานที่ทำาให้เกิด อนั ดีงาม
อยา่ งมเี หตผุ ล หรอื แสดง สมรรถนะแกผ่ ู้เรยี น เจตคติทด่ี ีในการปฏิบตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น
กิจกรรม
ขั้นตอนและกระบวนการ ทักษะการวางแผน การคดิ ความพอเพยี งและความ 3. คุณลักษณะ (A)
ทำากจิ กรรม สร้างสรรค์ การออกแบบ ผา่ น ไม่ผา่ น

การหาประสบการณ์ การผลติ พอประมาณ
ความรู้ใหม ่ การตดั สินใจในการแกป้ ัญหา

หมายเหตุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินว่า ผู้เรียนเกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้
ตามบริบทต่างๆ หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ความรู้หรือพุทธิพิสัย = Knowledge (K) ทักษะหรือ
ทกั ษะพิสัย = Practice (P) คุณลักษณะหรอื จิตพิสยั = Attitude (A)

กิจกรรมท้าทาย

ให้ผู้เรียนเขียนเรียงความในหัวข้อ “อิทธิพลต่างๆ ท่ีมีผลต่อการ
แสดงออกทางเพศ”

สุดยอดคู่มอื ครู 73

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

70 เพศวถิ ีศกึ ษา ผู้สอนให้ผู้เรียนท�ำแบบทดสอบ จากนั้นให้ผู้เรียนแลกกัน
ตรวจคำ� ตอบ โดยผ้สู อนเป็นผู้เฉลย
แบบทดสอบ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
คาำ ส่งั จงเลอื กคาำ ตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งคาำ ตอบเดียว

1. ขอ้ ใดเป็นคา่ นยิ มทางเพศในระดบั ครอบครัว
1. การรกั นวลสงวนตวั
2. การเลยี้ งดูที่อบอุ่น
3. ครอบครัวมคี วามรกั ใคร่
4. ความปรองดองในครอบครวั
5. การอย่ดู ว้ ยกันพร้อมหนา้
2. อิทธิพลจากครอบครวั ท่สี ่งผลต่อการแสดงออกทางเพศตรงกบั ขอ้ ใด
1. การอบรมสง่ั สอนของพอ่ แม่
2. ความเปน็ อยู่ในครอบครวั
3. สภาพทางเศรษฐกจิ ของครอบครัว
4. ค่านยิ มของครอบครัว
5. ถูกทุกขอ้
3. การอบรมเลี้ยงดูในครอบครวั ขอ้ ใดทำาได้ดที ส่ี ดุ
1. เปดิ โอกาสให้เด็กไดซ้ ักถาม
2. การอธบิ ายอยา่ งมีเหตุผล
3. การเป็นแบบอยา่ งท่ีดี
4. ให้เรียนรใู้ นส่ิงใหมๆ่
5. การใหอ้ สิ ระในการตดั สินใจ
4. การทะเลาะกันของคนในครอบครัว สดุ ท้ายมักจะเกดิ เหตุการณ์ใด
1. ไมม่ ีความรักใคร่
2. เกิดความรนุ แรง
3. ครอบครัวหยา่ รา้ ง
4. ทกุ คนมคี วามทกุ ข์
5. ต่างคนต่างมีหน้าที่ทตี่ อ้ งรบั ผิดชอบ

อิทธพิ ลต่างๆ ท่ีมีผลต่อการแสดงออกทางเพศ 71

5. ขอ้ ใดเปน็ พฤติกรรมทางเพศทีไ่ ม่เหมาะสม
1. สนใจเพศตรงข้าม
2. ชอบดูสอื่ ลามก
3. พูดจาหยาบคาย
4. หนีเรยี นไปเทีย่ ว
5. คบเพื่อนตา่ งวัย

6. เมือ่ เขา้ ส่วู ัยรนุ่ ผู้หญิงควรปฏิบัตอิ ย่างไร
1. ระวงั ตัวในการคบเพ่อื นชาย
2. แต่งกายวาบหววิ
3. ไม่สนใจเพศตรงขา้ ม
4. ไปเทีย่ วกลางคืน
5. ถูกทงั้ ข้อ 1. และขอ้ 3.

7. การปฏบิ ัติตวั ของเพศชายที่เหมาะสมกบั เพศหญงิ คือข้อใด
1. วางตวั เปน็ กลาง
2. เปน็ ผู้ฉวยโอกาส
3. ใหเ้ กยี รตฝิ า่ ยหญิง
4. ชกั จูงกนั ไปในทางเสียหาย
5. ถกู ทกุ ขอ้

8. ข้อใดเป็นอิทธิพลของเพอ่ื นทีม่ ตี อ่ การแสดงพฤติกรรมทางเพศ
1. การชักจูง
2. การเลย้ี งดู
3. การถ่ายทอดความรทู้ ่ีไมถ่ ูกต้อง
4. ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี
5. การเลียนแบบคนมีช่อื เสยี ง

9. อิทธิพลของสังคมทม่ี ตี ่อการแสดงพฤตกิ รรมทางเพศตรงกบั ข้อใด
1. การชักจงู
2. การเลย้ี งดู
3. การถา่ ยทอดความรูท้ ไี่ ม่ถกู ตอ้ ง
4. ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี
5. ถกู ทกุ ขอ้

74 สุดยอดคูม่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

72 เพศวิถศี ึกษา เฉลยแบบทดสอบ
1. ตอบ 1. ค่านยิ มทางเพศของครอบครวั
10. ข้อใดจัดเปน็ พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ คือ การรกั นวลสงวนตัว ท�ำให้เด็กซมึ ซบั
1. ชายชอบชาย ค่านิยมท่ีดีจนเกิดเป็นพฤติกรรมที่ดี
2. ชายชอบหญงิ เนื่องจากข้ออ่ืนๆ เป็นเป็นการบอก
3. หญงิ ชอบชาย สภาพความเป็นอยขู่ องครอบครัว
4. หญงิ ชอบหญงิ 2. ตอบ 4. อิทธิพลจากครอบครัวที่ส่งผล
5. ชายชอบเป็นหญิง ต่อการแสดงออกทางเพศ คือ ค่านิยม
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด ของครอบครัว เนื่องจากเป็นเลี้ยงดโู ดย
แบบประเมินตนเอง แทรกคา่ นยิ มเหลา่ นใี้ หก้ บั เดก็ ทำ� ใหเ้ ดก็
คาำ ชแี้ จง ตอนท่ ี 1 ให้ผเู้ รยี นประเมนิ ผลการเรยี นร ู้ โดยเขียนเคร่อื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งระดับคะแนน ซึมซบั จนเกดิ เป็นพฤตกิ รรม
และเติมข้อมลู ตามความเป็นจริง 3. ตอบ 1. การเปดิ โอกาสให้เดก็ ไดซ้ กั ถาม
ระดับคะแนนตอนท ่ี 1 5 : มากทสี่ ดุ 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : น้อย 1 : ควรปรบั ปรงุ ถือเป็นวิธีการเลี้ยงดูที่ดีมาก เพ่ือจะได้
ตอนท่ ี 2 ใหผ้ เู้ รยี นนาำ คะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง และเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ เกิดความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ต้อง
ลงในช่องสรุปผล 4. ตอบ 3. การทะเลาะกนั ภายในครอบครวั
ย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจและความ
ตอนที่ 1 (ผลการเรยี นรู้) ตอนที่ 2 (แบบทดสอบ) สัมพันธภ์ ายในครอบครัวอย่แู ลว้ ดงั น้ัน
ท้ายที่สุดย่อมเป็นเหตุให้มีการหย่าร้าง
รายการ 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
5. ตอบ 2. การดูส่ือลามกเปน็ พฤตกิ รรมท่ี
1. ผเู้ รยี นมีความร ู้ ความเขา้ ใจในเน้อื หา คะแนน ไมเ่ หมาะสมในเรอ่ื งของเพศ ตวั เลอื กอน่ื
เปน็ พฤติกรรมที่ไมเ่ หมาะสมเชน่ กนั แต่
2. ผู้เรยี นไดท้ าำ กจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรทู้ ่ีสอดคล้องกับเนื้อหา (ข้อละ 1 คะแนน) อาจไมเ่ กยี่ วกบั เพศ
และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 6. ตอบ 1. เมอ่ื เขา้ สวู่ ยั รนุ่ ผหู้ ญงิ ควรปฏบิ ตั ิ
สรปุ ผล ตนโดยการระวังในการคบเพื่อนชาย
9 - 10 (ดมี าก) เนอ่ื งจากขอ้ อนื่ ๆ มกั เปน็ พฤตกิ รรมเสย่ี ง
3. ผูเ้ รยี นได้เรยี นและทำากิจกรรมส่งเสริมการเรียนรทู้ ี่ส่งเสรมิ 7 - 8 (ดี) และการไม่สนใจเพศตรงข้ามกไ็ มใ่ ช่ข้อที่
กระบวนการคดิ เกิดการคน้ พบความรู้ 5 - 6 (พอใช้) ควรปฏบิ ตั ใิ นวยั รนุ่ เพราะวยั รนุ่ เปน็ วยั ท่ี
4. ผเู้ รยี นสามารถประยุกต์ความรเู้ พอ่ีื ใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำาวนั ได้ ต่าำ กวา่ 5 ต้องเรียนรู้ รู้จักตนเองและสังคม ควร
5. ผูเ้ รียนได้เรียนรู้อะไรจากการเรียน (ควรปรบั ปรงุ ) เปิดกวา้ ง
7. ตอบ 3. การวางตัวของเพศชายทเ่ี หมาะ
6. ผเู้ รยี นต้องการทาำ ส่งิ ใดเพ่ือพัฒนาตนเอง สมต่อเพศหญิง คือ การให้เกียรติฝ่าย
หญงิ เนอ่ื งจากขอ้ อนื่ ๆ เปน็ การประพฤติ
7. ความสามารถทถ่ี ือวา่ ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ของผเู้ รยี น คือ ตวั ไมเ่ หมาะสม เชน่ การฉวยโอกาส และ
การชักจงู กนั ไปในทางเสียหาย

8. ตอบ 1. การชกั จงู เปน็ พฤตกิ รรมของเพอ่ื นทมี่ อี ทิ ธพิ ลในการแสดง
พฤตกิ รรมทางเพศอย่างมาก ขอ้ อ่นื ๆ เป็นปัจจัยทางสังคมทั่วไป
ทอ่ี าจสง่ ผลทางออ้ ม
9. ตอบ 4. ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี เป็นอทิ ธิพลทางสงั คมที่มี
ผลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ เนอื่ งจากขอ้ อน่ื ๆ เปน็ อทิ ธพิ ล
ของเพอ่ื น และอิทธพิ ลของครอบครัว ซ่ึงไมใ่ ชอ่ ทิ ธิพลทางสังคม
10. ตอบ 5. พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศมีหลายรูปแบบและหลาย
ประเภท เช่น ชายชอบเป็นหญิง คือ พฤติกรรมท่ีชายชอบแต่ง
หนา้ และแตง่ ตวั เปน็ หญงิ ตวั เลอื กอนื่ นน้ั ไมใ่ ชพ่ ฤตกิ รรมเบยี่ งเบน
ทางเพศ แต่เป็นรสนิยมทางเพศซงึ่ เป็นสทิ ธิสว่ นบุคคล

สดุ ยอดค่มู อื ครู 75

ตารางสรุปคะแนนการประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้
และสมรรถนะประจำ� หน่วย

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 อิทธพิ ลตา่ งๆ ทม่ี ผี ลต่อการแสดงออกทางเพศ

คะแนนตาม จปส. รายหน่วยการเรียนรู้
1. สงวน ิลข ิสท ์ธิ บริ ัษทพัฒนาคอธิบาย ิอท ิธพลของครอบครัวที่มีผลต่อการแสดงพฤ ิตกรรมุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ทางเพศไ ้ดชนิ้ งาน/การแสดงออก รวม
2. อธิบาย ิอทธิพลของเพ่ือน ี่ทมีผลต่อการแสดงพฤ ิตกรรมทก่ี �ำหนดในหนว่ ยการเรยี นรหู้ รอื หนว่ ยย่อย
ทางเพศได้
3. อ ิธบาย ิอทธิพลของสังคม ่ทีมีผลต่อการแสดงพฤ ิตกรรม
ทางเพศได้
4. อธิบายอิทธิพลของ ัวฒนธรรม ี่ท ีมผลต่อการแสดงพฤติกรรม
ทางเพศได้
5. อธิบายพฤ ิตกรรมเ ี่บยงเบนทางเพศไ ้ด
ภาระงาน/ชิ้นงานระหว่างเรยี น
1. ผงั กราฟกิ แสดงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกบั อทิ ธพิ ลตา่ งๆ ทม่ี ผี ลตอ่
การแสดงออกทางเพศ
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอิทธิพลต่างๆ ที่มีผลต่อการ
แสดงออกทางเพศ
3. การนำ�เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจอทิ ธพิ ลตา่ งๆ ทมี่ ผี ลตอ่ การ
แสดงออกทางเพศ
การประเมินรวบยอด
1. ผลการปฏิบัติกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. ผลการปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมการเรยี นรู้
3. ผลการประเมินตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ

รวม

หมายเหต:ุ คะแนนการประเมินจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ขึ้นอยกู่ บั การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรขู้ องผูส้ อน

76 สดุ ยอดคมู่ ือครู

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean

5หน่วยการเรยี นรทู้ ่ีสงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดทกั ษะชีวิต หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5

สาระสำาคัญ ทกั ษะชีวิต

การดาำ เนินชวี ติ ประจำาวนั ผทู้ มี่ ีทักษะชีวติ ทดี่ จี ะสามารถอยู่ในสังคมอยา่ งมคี วามสุข สามารถ สาระการเรียนรู้
แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดี จึงควรฝึกฝนและเลือกใช้ทักษะชีวิตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อ 1. ทกั ษะการสือ่ สาร (หนงั สือเรยี น หนา้ 75-76)
ป้องกันและแกไ้ ขปญั หาเรื่องเพศ และลดความขัดแยง้ ในครอบครวั 2. ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ (หนังสือเรียน
หนา้ 76)
สาระการเรียนรู้ 3. ทักษะการตอ่ รอง (หนังสือเรยี น หน้า 77-78)
1. ทกั ษะการส่ือสาร 4. ทกั ษะการปฏเิ สธ (หนังสอื เรียน หนา้ 78-79)
2. ทกั ษะการสรา้ งสมั พันธภาพ 5. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ (หนงั สอื เรยี น หนา้ 80)
3. ทักษะการตอ่ รอง 6. ทักษะการตดั สนิ ใจ (หนงั สือเรยี น หนา้ 81)
4. ทักษะการปฏิเสธ 7. ทักษะการแก้ไขปัญหา (หนังสอื เรยี น หน้า 82)
5. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ สมรรถนะประจำ� หน่วย
6. ทกั ษะการตัดสนิ ใจ 1. แสดงความรู้เกย่ี วกับทกั ษะชีวติ
7. ทักษะการแก้ไขปญั หา 2. ดำ� เนนิ ชีวิตประจำ� วนั ไดอ้ ย่างมีความสุข
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายและแสดงทกั ษะการสอื่ สารได้
2. อธิบายและแสดงทักษะการสร้างสัมพันธภาพ
ได้
3. อธบิ ายและแสดงทกั ษะการต่อรองได้

การประเมนิ ผล ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้
1. ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ
ภาระงาน/ชน้ิ งาน/การแสดงออกของผเู้ รียน 2. ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้
ภาระงาน/ช้นิ งานระหว่างเรยี น 3. ผลการประเมนิ ตนเอง
1. ผังกราฟกิ แสดงการเก็บรวบรวมข้อมลู เกี่ยวกบั ทักษะชีวติ 4. คะแนนผลการทดสอบ
2. ผงั กราฟิกสรุปความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับทักษะชีวติ
3. การนำ� เสนอผลการสรปุ ความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับทกั ษะชวี ติ

สดุ ยอดคู่มือครู 77

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

Step 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู 74 เพศวิถีศกึ ษา

สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัดGatheringสมรรถนะประจาำ หนว่ ย
1. แสดงความรูเ้ กี่ยวกับทักษะชีวติ
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร 2. ดาำ เนินชีวติ ประจาำ วันไดอ้ ยา่ งมีความสุข
หนังสือเรียนเกีย่ วกับทกั ษะชีวิต
2. ต้ังค�ำถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ประสบการณ์ที่รับรู้เกี่ยวกับทักษะชีวิต 1. อธบิ ายและแสดงทักษะการสือ่ สารได้
ตามหัวข้อที่ก�ำหนดให้ (ศึกษาราย 2. อธบิ ายและแสดงทักษะการสรา้ งสัมพันธภาพได้
ละเอียดค�ำถามจากแผนการจัดการ 3. อธิบายและแสดงทักษะการตอ่ รองได้
เรยี นร)ู้ 4. อธบิ ายและแสดงทกั ษะการปฏเิ สธได้
3. แตล่ ะกลมุ่ บนั ทกึ ผลการศกึ ษาตามหวั ขอ้ 5. อธบิ ายและแสดงทักษะการคดิ วเิ คราะห์ได้
ทก่ี ำ� หนดลงในผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบ 6. อธิบายและแสดงทกั ษะการตัดสินใจได้
และใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ 7. อธบิ ายและแสดงทักษะการแกไ้ ขปญั หาได้
ของข้อมลู ) ดงั ตัวอยา่ ง
ผังสาระการเรียนรู้

ทักษะการสื่อสาร

ทักษะการสร้างสมั พันธภาพ

ทกั ษะการต่อรอง

ทักษะชีวิต ทกั ษะการปฏิเสธ

ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห ์

ทกั ษะการตดั สินใจ

ทักษะการแกไ้ ขปญั หา

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21

การท�ำงานกลุ่มจะช่วยฝึกกระบวนการท�ำงานแบบประชาธิปไตย
และส่งเสริมกระบวนการคิดการแก้ปญั หาใหแ้ ก่ผเู้ รยี น

78 สดุ ยอดคู่มือครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

ทกั ษะชีวติ 75 ep 2 ขั้นคดิ วเิ คราะห์และสรปุ ความรู้
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St
1. ทักษะการส่ือสาร Processing

1.1 ความหมายของทักษะการส่ือสาร 1. ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์และอภิปรายเกี่ยวกับทักษะ
ชีวิตโดยใช้ข้อมูลความรู้ท่ีได้จากการศึกษาค้นคว้า
ทักษะการสื่อสาร หมายถึงความสามารถในการใช้คำาพูดและภาษาท่าทาง เพ่ือแสดง จากหนังสือเรียน เอกสารและแหลง่ เรยี นร้อู ืน่ ๆ หรือ
ความรู้สึกนึกคิดของตนอย่างเหมาะสมกับสภาพวัฒนธรรมและสถานการณ์ต่างๆ โดยสามารถที่จะ ประสบการณ์ของผเู้ รียน
แสดงความคิดเหน็ ความปรารถนา ความต้องการ การขอร้อง การเตือน และการขอความชว่ ยเหลอื 2. ผู้เรียนร่วมกันเชื่อมโยงความคล้ายคลึงของหัวข้อท่ี
น�ำมาอภิปรายและร่วมกันสรุปความรู้ตามหัวข้อ
1.2 ความสาำ คัญของทักษะการสอ่ื สาร อภิปรายแสดงเป็นความคิดรวบยอดหรือหลักการลง
ในผังกราฟิก
การสอ่ื สารสามารถทำาได้หลายชอ่ งทาง เชน่ การพดู คยุ กนั ต่อหน้า การพูดคุยกนั ทางโทรศพั ท ์
การพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ต การส่งจดหมายติดต่อถึงกัน การส่งอีเมล การส่งข้อความทางโทรศัพท์ 3. ผู้เรียนบันทึกผลข้อสรุปเป็นความเข้าใจของกลุ่มและ
เคล่ือนที่ การมีทักษะในการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คนในครอบครัวมีความเข้าใจกัน รายบคุ คล
เปน็ การชว่ ยปอ้ งกนั และลดความขดั แยง้ ในครอบครวั ได ้ แมแ้ ตป่ ญั หาเรอ่ื งเพศ พอ่ แม ่ ลกู หรอื สาม ี ภรรยา
ก็สามารถสือ่ สารพดู คุยกนั ได้ เมือ่ ครอบครัวมคี วามเข้าใจกันกส็ ามารถแกป้ ัญหาในเรอื่ งเพศได้ 76 เพศวิถศี กึ ษา

1.3 การเป็นผู้พูดที่ดีและการเป็นผฟู้ ังที่ดี

1.3.1 การเปน็ ผู้พดู ทีด่ ี ควรคำานงึ ถงึ สิ่งต่อไปน้ี

พดู กบั ใคร พดู ท่ไี หน พดู เวลาใด พดู ในโอกาสใด พดู อย่างไร

การพูดนั้นต้องใช้ การพูดนั้นต้องใช้ การพดู นน้ั ควรคำานงึ การพูดคุยในโอกาส การพูดให้ผู้ฟังรู้สึก

ถ้อยคำาให้เหมาะสม ถ้อยคำาให้เหมาะสม ถึงอารมณ์ของผู้ท่ี ต่ า ง ๆ ค ว ร จ ะ มี ชอบใจ ตอ้ งใชค้ าำ พดู

กบั คนทพ่ี ดู ดว้ ย เชน่ กับสถานท่ี ควรดูว่า สนทนาด้วยว่าใน ความแตกต่างกัน ท่ีสุภาพ นุ่มนวล

พดู กบั พ่อแม่ พูดกบั เป็นท่ีส่วนตัวหรือที่ เวลานั้นเป็นอย่างไร เช่น ในงานสังสรรค์ ไม่หยาบคาย เป็น

เพ่ือน พูดกับเด็ก สาธารณะ ควรใช้คำา หรือสถานการณ์ใน อาจพูดคุยกันอย่าง คำาพูดในเชิงบวก

พูดกับผู้ใหญ่ ก็จะ พูดและระดับเสียง ขณะน้ันควรจะพูด เต็มที่ สนุกสนาน ไม่พูดติเตียนให้ร้าย

ต้องใช้ระดับภาษาที่ ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม กั บ อยา่ งไร เชน่ ไมค่ วร ใ น ง า น ศ พ ค ว ร ผู้อ่ืน ใช้คำาพูดที่

ตา่ งกนั และควรใชค้ าำ สถานท่ี เช่น หาก พูดเล่นในขณะท่ีพูด สำารวมกิริยา ไม่พูด ไพเราะ พูดด้วย

สุภาพ เพราะการใช้ ผู้ เ รี ย น อ ยู่ ใ น พิ ธี เ ป็ น ก า ร เ ป็ น ง า น ตลกขบขัน ในงาน ความจริงใจ ไม่

คำาพูดท่ีไม่สุภาพ ไหว้ครู แล้วจำาเป็น ไม่พูดเย้าแหย่ใน แต่งงานควรใช้คำา เสเเสร้ง ก็จะทำาให้

อาจนำาไปสู่ความ ต้องพูดกับเพื่อน ข ณ ะ ท่ี มี อ า ร ม ณ์ พูดที่เป็นสิริมงคล ผู้ฟังหรือคู่สนทนา

ขัดแย้งได้ ควรพดู โดยใชน้ าำ้ เสยี ง โกรธ ไม่ควรพูดล้อเล่น พอใจ

เบา เพื่อไมใ่ ห้ ใ ห้ คู่ บ่ า ว ส า ว เ กิ ด

รบกวนผอู้ ่ืน ความระแวงแคลงใจ

กนั

แบง่ เป็น 5 ระดบั ได้แก่ ภาษาระดับพิธกี าร ใช้ส่อื สารใน 1.3.2 การเปน็ ผู้ฟงั ท่ีด ี ควรคำานึงถงึ ส่งิ ต่อไปนี้
ทีป่ ระชุมซ่ึงจัดข้นึ อยา่ งเป็นพิธกี าร เช่น การกลา่ วอวยพร 1) ตงั้ ใจฟงั พยายามจบั เนอ้ื หาและทำาความเขา้ ใจในเรอื่ งทผี่ พู้ ดู กำาลงั พดู ตอ้ งมสี มาธิ
การกล่าวค�ำปราศรัย เป็นต้น ภาษาระดับทางการ ใช้ใน จดจ่อในการฟัง
การบรรยายหรอื อภปิ รายอยา่ งเปน็ ทางการ ในการประชมุ 2) ตอ้ งคดิ ตาม คอื คดิ ตามไปกบั เรอ่ื งทกี่ ำาลงั ฟงั ดว้ ยการใชว้ จิ ารณญาณอยา่ งมเี หตผุ ล
ภ า ษ า ร ะ ดั บ กึ่ ง ท า ง ก า ร มั ก ใช ้ ใ น ก า ร ป ร ะ ชุ ม 3) ไมข่ ัดจังหวะผู้พูด คอื ไมพ่ ดู สอดแทรก โต้แยง้ หรือซักถามเม่ือผพู้ ูดยังพูดไม่จบ
ย่อยหรือการบรรยายในห้องเรียน ภาษาระดับ เม่ือผูพ้ ูดพดู จบแล้วจงึ โตแ้ ยง้ หรอื ซักถามได้
ไม่เป็นทางการ ใช้ในการสนทนาระหว่างบุคคลหรือกลุ่ม 4) ต้องควบคุมอารมณ์ในการฟัง เมื่อไม่พอใจในคำาพูดหรือไม่อยากฟังผู้นั้นพูด
ไม่เกิน 4-5 คน และภาษาระดับกันเอง ใช้ในวงจ�ำกัด ตอ้ งรู้จกั เก็บอารมณ์ที่ไม่ดีไว้ ไมแ่ สดงอารมณไ์ ม่พอใจออกมา จึงจะนบั ได้ว่าเป็นผฟู้ ังที่ดี
ทเี่ ปน็ การสว่ นตวั เชน่ ภายในครอบครวั เพอ่ื นสนทิ เปน็ ตน้ 5) แสดงความสนใจผู้พูด ทำาได้ด้วยการมองสบตาผู้พูดในบางจังหวะ พยักหน้า
เมอ่ื เห็นด้วย จะทาำ ให้ผูพ้ ดู มกี าำ ลังใจในการพูด

2. ทักษะการสร้างสัมพนั ธภาพ

2.1 ความสาำ คัญของการสร้างสัมพนั ธภาพ

ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ เป็นทักษะท่ีช่วยให้บุคคลมีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน สามารถ
ที่จะรักษาและดำารงไว้ซ่ึงความสัมพันธ์อันดีกับผู้อ่ืน การรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับสมาชิกในครอบครัว
เป็นพื้นฐานในการสร้างสัมพันธภาพทางสังคม ครอบครัวประกอบด้วยสามี ภรรยา หรือพ่อ แม่ ลูก
หรืออาจรวมเป็นครอบครัวใหญ่ คนในครอบครัวย่อมมีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน มีความเข้าอกเข้าใจ
จึงจะอยูร่ ่วมกนั ได้อย่างมีความสุข

2.2 หลักในการสร้างสัมพนั ธภาพ

การสร้างสมั พันธภาพ มีหลกั การดังน้ี
2.2.1 ลกู ตอ้ งมคี วามกตญั ญูกตเวทีตอ่ พ่อแม่และบรรพบรุ ษุ
2.2.2 เด็กควรเคารพผู้ใหญ ่ ผู้ใหญ่เองก็ควรรับฟังความคิดเห็นของเด็ก โดยเด็กจะต้องพูด
หรือชีแ้ จงกับผใู้ หญอ่ ยา่ งสภุ าพ ไม่กา้ วร้าว
2.2.3 สมาชกิ ในครอบครัวควรรักและซื่อสัตย ์ มีความเอื้ออาทร หว่ งใยซง่ึ กนั และกัน
2.2.4 สมาชิกของสังคมควรให้ความร่วมมือช่วยเหลือกัน ไม่เอาเปรียบ และทำาหน้าท่ีของ
ตนเองใหด้ ีทีส่ ดุ
2.2.5 สมาชิกของสังคมควรร่วมกันขจัดปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นด้วย
ความรกั ความเขา้ ใจ และความเหน็ อกเหน็ ใจกนั
หากทุกคนรู้จักสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันจะเป็นการป้องกัน ลดความขัดแย้ง รวมทั้ง
แกป้ ัญหาในเร่อื งตา่ งๆ ไดด้ ีข้ึนดว้ ย

สุดยอดคู่มอื ครู 79

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

เฉลยแบบทดสอบ ทักษะชีวติ 77 ล่วงเกินในลักษณะชู้สาวด้วยการพูดหรือการกระท�ำเกิน
สมควร เชน่ นายดำ� ชอบพดู จาลวนลามผหู้ ญงิ เขาชอบถอื
3. ทักษะการต่อรอง โอกาสลวนลามดว้ ยการจับมือถือแขนผูห้ ญงิ

3.1 ความหมายของทกั ษะการตอ่ รองSt 78 เพศวถิ ศี กึ ษา
2. รบั ฟงั ขอ้ เสนออยา่ งตงั้ ใจ พรอ้ มทง้ั คดิ หาคาำ ตอบและคาำ พดู โตต้ อบ โดยการชงั่ ใจตนเองในประเดน็
ทักษะการต่อรอง หมายถึงกระบวนการติดต่อสื่อสารเพ่ือร่วมกันตัดสินใจและแก้ไขปัญหา สงวน ิลขสิทธ์ิ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัดตา่ งๆ อย่างรวดเรว็ ละเอียดรอบคอบ
โดยแตล่ ะฝา่ ยจะแสดงความต้องการ ความร้สู กึ ความคิดเหน็ ตลอดจนความคาดหวงั ของตนเองให้ทราบ 3. การไมแ่ สดงการตอบรบั หรอื ปฏเิ สธโดยทนั ท ี ดว้ ยการแสดงกริ ยิ าวาจา ทา่ ทางทที่ าำ ใหอ้ กี ฝา่ ยเกดิ
เพอื่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงจากความตง้ั ใจเดมิ มาคลอ้ ยตามตนเอง โดยรกั ษาไวซ้ ง่ึ สมั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั ความรสู้ กึ ในทางที่ไม่ด ี เช่น กริ ิยาวาจาที่ก้าวรา้ ว ดูถกู โกรธ เพราะจะก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายได้
4. การพดู หรือแสดงทา่ ทางที่เปน็ มิตร และคอยหาโอกาสปฏิเสธด้วยคำาว่า “ขอโทษ” หรือ “เสียใจ”
3.2 ความสำาคัญของการตอ่ รอง ท่ไี ม่สามารถตอบสนองความต้องการได้
5. การแสดงความรู้สึกของตนเองพร้อมการให้เหตุผล โดยแสดงถึงข้อดี ข้อเสียท่ีจะเกิดข้ึนจาก
ทักษะการต่อรองจะต้องใช้ทักษะการส่ือสารและทักษะการสร้างสัมพันธภาพที่มีผลต่อ สถานการณน์ ั้นๆ
การร่วมกันตัดสินใจ การยอมลดระดับความต้องการ เพ่ือคล่ีคลายปัญหาท่ีเกิดขึ้น ความสำาเร็จของ 6. การรู้จักผัดผ่อนหรือหลีกเล่ียงจากสถานการณ์ เช่น การขอให้หยุดการกระทำาน้ัน ควรใช้วิธี
การต่อรองจะต้องเป็นท่ียอมรับของทั้งสองฝ่าย ทักษะการต่อรองเป็นสิ่งท่ีใช้ปฏิบัติกันในชีวิตประจำาวัน ผัดผอ่ นไวโ้ อกาสหน้า พยายามออกไปจากสถานการณท์ ี่ไม่ปลอดภัยนัน้
เช่น การต่อรองราคาในการซ้ือขายสินค้า การต่อรองในการยืมคืนสิ่งของ การต่อรองมีความสำาคัญ 7. การพยายามใช้ทกั ษะการส่ือสารด้วยคำาพดู ทจ่ี ะทาำ ใหต้ นเองเอาตวั รอดจากสถานการณ์น้ัน เชน่
ดงั น ี้ การพดู หลอกลอ่ หรือโกหกเพ่ือเอาตวั รอด
3.2.1 การปกป้องสิทธิของตนเอง เพ่ือป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ 8. การยืดหยุ่น รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา จะช่วยใหก้ ารต่อรองมีผลมากย่งิ ขึ้น
ต่างๆ
3.2.2 การรกั ษาสทิ ธขิ องตนเอง เพอ่ื แสดงถงึ จดุ ยนื หรอื ความตอ้ งการของตนเอง ซง่ึ เปน็ สทิ ธิ 4. ทักษะการปฏเิ สธ
สว่ นบุคคลทีพ่ ึงกระทำา
3.2.3 การลดระดับความเสียหายหรือความสิ้นเปลืองท่ีจะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีการต่อรองแล้ว 4.1 ความหมายของทกั ษะการปฏิเสธ
จะเกดิ ความเสียหาย และสิน้ เปลอื งมากกว่า ทกั ษะการปฏเิ สธ เปน็ ทกั ษะการสอ่ื สารเพอ่ื แสดงความรสู้ กึ นกึ คดิ ของตนเองใหผ้ อู้ น่ื รบั รแู้ ละ
3.2.4 การสร้างความสัมพันธ์ เพ่ือความเข้าใจอันดีระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคนในการทำา
กจิ กรรมตา่ งๆ ใหบ้ รรลุตามวัตถุประสงค์ของทัง้ สองฝ่าย ยอมรบั ว่าตนเองไมเ่ หน็ ด้วย โดยไม่เสียสมั พันธภาพอันดีต่อกนั
3.2.5 เป็นกระบวนการพฒั นาการทาำ งานรว่ มกันอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ เพ่ือการพฒั นาตนเอง
และพฒั นากล่มุ อกี ดว้ ย 4.2 องค์ประกอบของการปฏิเสธ
3.2.6 การปลูกจิตสำานึกในหน้าที่และกิจกรรมต่างๆ เพื่อการพัฒนา การจัดการ และ
การประเมนิ ตนเองอยา่ งเหมาะสมในการดาำ เนนิ ชีวิต การปฏเิ สธมีองคป์ ระกอบดงั นี้
3.2.7 เป็นกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ คาดการณ ์ ประเมนิ สถานการณ์ โดยใช้กระบวนการใน 4.2.1 คณุ ลกั ษณะของการปฏเิ สธ
เชิงบูรณาการทักษะชีวิตหลายๆ ทักษะของบุคคล เช่น ทักษะการส่ือสาร ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ 1) การปฏิเสธเปน็ สทิ ธแิ ละความตอ้ งการสว่ นบุคคลโดยชอบธรรมที่จะปฏเิ สธ
ในขณะเผชญิ ปัญหา และมกี ารต่อรองอยา่ งรอบคอบ 2) การทจ่ี ะปฏิเสธหรอื ไม่น้นั ต้องข้ึนอยกู่ ับสถานการณ์ใดสถานการณห์ นง่ึ เพราะใน
3.2.8 การก่อให้เกิดความเมตตาต่อกัน รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน เคารพสิทธิผู้อ่ืน อันจะก่อ เรอ่ื งเดยี วกันแต่ถา้ มีสถานการณท์ ่ีแตกต่างกัน กอ็ าจปฏิเสธได้ท้ังทใี่ นสถานการณค์ รัง้ ก่อนไมป่ ฏเิ สธ
ใหเ้ กดิ การลดความขดั แย้ง และเกดิ ความสงบสุขในครอบครวั และสังคม 3) การพิจารณาถงึ พฤตกิ รรม วา่ พฤติกรรมนน้ั ควรปฏิเสธหรอื ไม่
4) การมีองค์ประกอบในด้านความรู้สึก การแสดงพฤติกรรมท่ีต้องการ และ
ตวั อย่าง การใชท้ กั ษะการต่อรอง ความคดิ เหน็ ส่วนบคุ คลเข้ามาเกีย่ วข้อง
สถานการณท์ ่ผี หู้ ญงิ ถกู ผ้ชู ายลวนลาม ฝา่ ยหญิงควรกระทำาดังน ี้ 4.2.2 หลักการปฏเิ สธ
1. การตัง้ สติใหด้ ี ไมแ่ สดงความตกใจ เครียด และหวาดกลวั มากจนเกนิ ไป 1) ควรปฏิเสธด้วยคำาพูด นำ้าเสียง ท่าทางที่จริงจัง แต่มีความสุภาพ เพ่ือแสดง
ความต้งั ใจจรงิ อย่างชดั เจนในการปฏิเสธ
ep 3 หข้นัลปังฏกบิารตั ปแิ ฏลบิะสตั ริ ุปความรู้

AthpeplKyninogwlaenddgeConstructing

1. ผู้เรียนน�ำข้อสรุปความรู้ความเข้าใจท่ีได้แลกเปลี่ยน
เรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในช้ันเรียน มาวิเคราะห์
โดยการทำ� กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันสรุปแนวคิดเก่ียวกับทักษะชีวิต
จากนนั้ ร่วมกันทำ� กิจกรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้

80 สดุ ยอดคู่มอื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5 . ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

ทักษะชวี ติ 79 สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St ep 4 ขั้นสอ่ื สารและน�ำเสนอ

2) การแสดงความรสู้ ึกและพฤตกิ รรมประกอบไปกบั เหตุผล CApopmlyminugnitchaetion Skill
3) การขอความเห็นร่วมกับการแสดงการขอบคุณ การขอโทษ เพ่ือรักษานำ้าใจและ
สัมพนั ธภาพทด่ี ตี ่อกันหลังจากการปฏิเสธ 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีน�ำเสนอให้ผู้อ่ืน
4) ควรมีสมาธิในการปฏิเสธเมื่อถูกรบเร้า ไม่ควรหว่ันไหวหรือลังเล ควรยืนยัน รับรู้และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคนิควิธี
การปฏิเสธ และหาทางออก ดังน้ ี ท่ีเหมาะสม บูรณาการการใช้สื่อ/เทคโนโลยี/ค�ำศัพท์
(1) ควรปฏิเสธซ้ำาโดยไม่ต้องใช้ข้ออ้าง พร้อมทั้งกล่าวคำาอำาลา โดยไม่ฟังคำาพูด เพิม่ เตมิ /สงิ่ ท่นี า่ สนใจแทรกในการรายงาน
อื่นใดอีก เพ่ือไม่ให้เกดิ ความลงั เลใจหรอื ขาดความเช่อื มัน่ ในตนเอง 2. สุ่มกลมุ่ ผ้เู รียนนำ� เสนอผลการสรุปความรู้ความเขา้ ใจ
(2) ควรมกี ารตอ่ รองหรอื ผัดผอ่ น โดยการหากิจกรรมอน่ื มาทดแทน
(3) ควรมกี ารผดั ผอ่ นโดยยืดระยะเวลาออกไป เพอ่ื ใหเ้ กิดการเปล่ยี นใจ 80 เพศวิถศี กึ ษา
4.2.3 การเลอื กใชท้ ักษะการปฏเิ สธ
1) เมื่อไม่ชอบหรือไม่ต้องการร่วมกิจกรรมต่างๆ ซ่ึงทำาให้เกิดความอึดอัดหรือ 5. ทักษะการคดิ วิเคราะห์
คับข้องใจ กค็ วรใช้ทกั ษะการปฏิเสธ
2) เม่ือรู้สึกลังเลใจต่อการเลือกสถานการณ์ใดสถานการณ์หน่ึง ก็ควรใช้ทักษะ
การปฏเิ สธสถานการณใ์ ดสถานการณห์ นง่ึ เสีย
3) เมอื่ รสู้ กึ วา่ สถานการณน์ น้ั เสย่ี งตอ่ ตนเอง ควรใชท้ กั ษะการปฏเิ สธในสถานการณน์ น้ั

4.3 ประโยชนข์ องการปฏเิ สธ

4.3.1 เป็นการแสดงสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลต่อการแสดงความรู้สึกไม่พอใจ
ความขดั แยง้ ของตนเองตอ่ ผอู้ ่นื โดยไมเ่ สียสมั พันธภาพ
4.3.2 ทาำ ใหเ้ กิดความปลอดภัยหรือปอ้ งกันการเกดิ ความสญู เสยี อาจเกิดข้นึ ได้
4.3.3 ใช้ในการแก้ไขปญั หา รวมทง้ั สถานการณ์เสยี่ งตอ่ สขุ ภาพและเหตุการณ์ต่างๆ ในชวี ิต
4.3.4 เปน็ การระงับความขัดแยง้ หรอื เพือ่ การรักษาสัมพนั ธภาพทด่ี ีต่อกันใหค้ งอยู่
ตัวอย่าง การใชท้ ักษะการปฏเิ สธ
บอยมาหาบีท่ีบ้านเพ่ือช่วยกันทำารายงาน หลังทำารายงานเสร็จ บอยจึงใช้คำาพูดขอหอมแก้มบี
และบอกวา่ รักบมี าก
บอย : “เราขอหอมแกม้ บไี ดม้ ้ยั บอยรกั บนี ะ”
บี : “บีว่าอยา่ ดีกว่านะ มันไม่เหมาะสม เพราะเรายังเดก็ กนั อยู ่ อย่าทาำ อะไรแบบนี้เลย”
บอย : “บีไม่รักบอยเหรอ”
บ ี : “บีก็รักบอย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เราควรเป็นเพ่ือนกันไปก่อน และทำาหน้าท่ี
ของตนเองให้ดีท่ีสุด เรียนหนังสือให้จบ มีงานทำาและสามารถรับผิดชอบตนเอง
ได ้ นัน่ คือเวลาทเ่ี หมาะสมสาำ หรับเรอ่ื งนี”้
บอย : “บอยขอโทษ ตอ่ ไปบอยจะไมท่ าำ อยา่ งนี้อกี ”

ตรึกตรอง พจิ ารณา คดิ ทบทวน 5.1 ความหมายของทกั ษะการคิดวเิ คราะห์

รอบรู้อาเซียนและโลก ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห ์ เปน็ การคดิ อนั จะนาำ ไปสกู่ ารตดั สนิ ใจ โดยใชข้ อ้ มลู ทมี่ อี ยคู่ ดิ ใครค่ รวญ
ถึงเหตุผล สามารถตอบคำาถามได้ว่าที่ทำาเช่นนี้เพราะคิดอย่างไร ผู้ใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์จะเป็นผู้ที่มี
asean เหตผุ ล และคาดหมายผลท่จี ะเกิดในอนาคตไดค้ ่อนขา้ งแม่นยาำ

การบูรณาการค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเน้ือหา 5.2 ความสำาคัญของทกั ษะการคิดวิเคราะห ์
ท่ีก�ำหนดให้ในหน่วยการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนได้เพ่ิมพูน
ความรู้ภาษาอังกฤษ และมีเจตคติท่ีดีต่อการส่ือสาร ผู้ที่สามารถคิดวิเคราะห์ได้ดีจะต้องเป็นบุคคลที่อ่านมาก ฟังมาก มีข้อมูลต่างๆ และ
ด้วยภาษาอังกฤษที่ใช้เป็นภาษากลางในการท�ำงานของ เป็นคนช่างคิด มีเหตุผล ดังนั้นจึงต้องฝึกฝนตนเอง ฝึกคิดวิเคราะห์บ่อยๆ แล้วพิจารณาว่าผลท่ีเกิดข้ึน
อาเซียน เป็นจริงตามท่ีคิดวิเคราะห์ไว้หรือไม่ และต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาการคิดวิเคราะห์อยู่เสมอ
เพอ่ื เพ่ิมความชาำ นาญ

5.3 หลกั ในการคดิ วเิ คราะห์

การคิดวิเคราะห์ เปน็ ความสามารถในการจาำ แนกแยกแยะองคป์ ระกอบตา่ งๆ ของส่งิ หน่งึ สิง่ ใด
ซึ่งอาจเป็นเร่ืองราวหรือเหตุการณ์ และหาความสัมพันธ์ของเหตุผลระหว่างองค์ประกอบเพื่อค้นหา
ความเป็นจริงหรอื สงิ่ สำาคญั คำาถามทีม่ กั ใช้กบั การคิดวิเคราะห์ คอื 5W 1H ประกอบดว้ ย What (อะไร)
Where (ทไ่ี หน) When (เม่อื ใด) Why (ทำาไม) Who (ใคร) How (อยา่ งไร) รวบรวมขอ้ มลู มาจดั ระบบ
หรือเรียบเรียงให้ง่ายแก่การทำาความเข้าใจ การคิดวิเคราะห์เป็นการคิดคิดเชิงลึกอย่างละเอียด
จากเหตุไปส่ผู ล เชอ่ื มโยงความสมั พันธ์

5.4 ประโยชน์ของการคดิ วิเคราะห์

5.4.1 ชว่ ยใหร้ ู้ข้อเทจ็ จริง เหตุผลของส่งิ ทเี่ กิดขน้ึ ความเป็นมาเปน็ ไปของเหตกุ ารณ์ต่างๆ
5.4.2 การนาำ ข้อมูลท่ีได้จาการวเิ คราะห์ไปใชใ้ นการตดั สนิ ใจแก้ปัญหา
5.4.3 การหาเหตผุ ลทีส่ มเหตุสมผลให้กบั ส่งิ ทเี่ กิดขึ้นจริง
5.4.4 ชว่ ยประมาณความน่าจะเปน็ หรอื คาดการณส์ ง่ิ ทีเ่ กดิ ขึ้น เพื่อหาวธิ ีการแกป้ ัญหา

สดุ ยอดคมู่ อื ครู 81

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

ทกั ษะชวี ติ 81 ep 5 บขั้นรปกิ ราระเสมังินคเพมแื่อลเพะจิม่ ิตคสณุ าคธ่าารณะ

6. ทกั ษะการตัดสนิ ใจสงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St Self-Regulating

6.1 ความหมายของการตดั สินใจ 1. ผู้เรียนรายกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้ความ
เข้าใจของตนเองหลังจากรับฟังการน�ำเสนอของ
ทักษะการตัดสินใจ เป็นทักษะที่จะนำาไปสู่พฤติกรรมการดำาเนินชีวิตของบุคคล โดยมี สมาชิกกลุ่มอ่ืน ปรับปรุงชิ้นงานของกลุ่มตนเองให้
การประเมินทางเลอื ก และผลจากการตัดสินใจจะทาำ ใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงขึน้ กับบุคคลนน้ั สมบรู ณแ์ ละบนั ทกึ เพม่ิ เติม
2. น�ำผลงานแสดงในป้ายนิเทศหรือเผยแพร่สู่ห้องเรียน
6.2 กระบวนการในการตัดสนิ ใจ อ่นื หรือสาธารณะ
3. ผู้เรียนแต่ละคนท�ำแบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า
การตัดสนิ ใจเป็นกระบวนการ ซงึ่ แยกเปน็ 6 ข้นั ตอนดงั น้ี 86-88) จากน้ันประเมินสรุปผลการท�ำกิจกรรม
6.2.1 การกาำ หนดหรอื ระบปุ ญั หา เปน็ พน้ื ฐานของการสงั เกตพฤตกิ รรมของบคุ คล สถานการณ์ (หนังสือเรียน หน้า 85) แบบประเมินตนเอง
ทข่ี ดั แยง้ จะช่วยใหบ้ ุคคลเกดิ ความคดิ และมีจนิ ตนาการ เพ่อื จะเกดิ แนวทางต่างๆ (หนังสือเรียน หน้า 88) และก�ำหนดแนวทาง
6.2.2 ค้นหารวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ประโยชน ์ เพ่อื การตัดสนิ ใจ การพฒั นาตนเอง
6.2.3 หาทางเลือกทม่ี อี ยู่วา่ มีกีห่ นทาง
6.2.4 หาข้อดีและขอ้ เสยี ของแต่ละทางเลือก 82 เพศวิถีศึกษา
6.2.5 ตัดสินใจเลือกทางเลือกท่ีเหมาะสม โดยพิจารณาจากความรู้ เจตคติ และค่านิยม
จากประสบการณท์ ีม่ ีอยู่ 7. ทักษะการแก้ไขปญั หา
6.2.6 ประเมินผลจากการตดั สนิ ใจ ว่าตัดสนิ ใจถูกหรือผดิ เกดิ ผลดีหรือผลเสยี อยา่ งไร
7.1 ความหมายของทักษะการแกป้ ญั หา
ตวั อยา่ ง การใช้ทกั ษะการตัดสินใจ ทกั ษะการแก้ไขปญั หา เปน็ ทักษะที่ตอ้ งทำาหลงั จากใช้ทักษะการตัดสนิ ใจเลอื กแนวทางปฏบิ ัติ
การตดั สนิ ใจทด่ี จี ะชว่ ยในการป้องกัน ลดความขดั แย้ง และแก้ปญั หาเรื่องเพศและครอบครัวได้
โดยใช้เหตุผลและสติในการแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบแทนการใช้อารมณ ์ เพ่ือให้ปัญหาคล่ีคลายไปใน
โอต๊ ชวนตุ๊กตาไปดหู นังรอบดกึ สองคน ตกุ๊ ตากำาลังตดั สนิ ใจว่าจะไปหรอื ไมไ่ ป ทางทถี่ ูกต้อง

ไป ไมไ่ ป 7.2 ความสาำ คญั ของทกั ษะการแกป้ ญั หา
การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลจะทำาให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขให้สำาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ขอ้ ดี ข้อเสีย ขอ้ ดี ขอ้ เสีย
- ดูหนังสนุก ชว่ ยปอ้ งกันและลดความขดั แยง้ จงึ ตอ้ งฝึกใช้เหตผุ ลในการแก้ปัญหาจนเป็นนิสยั และต้องรู้จักแยกแยะ
- กลบั บา้ นดกึ โดนพอ่ แม่ดุ - ไดอ้ า่ นหนงั สอื ทาำ การบา้ น - โอต๊ อารมณ ์ ความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขน้ึ พรอ้ มทงั้ ตอ้ งฝกึ การควบคมุ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เพอื่ ไมใ่ หอ้ ารมณเ์ ขา้ ไปมบี ทบาท
- เสีย่ งต่ออันตรายทางเพศ - พ่อแมส่ บายใจ อาจโกรธ ในการแก้ปญั หา เพราะอาจสง่ ผลเสยี ตอ่ การแกป้ ญั หา
- ไม่ไดอ้ ่านหนงั สอื - ไม่เสย่ี งตอ่
การเกดิ อันตรายต่างๆ ตวั อย่าง การใช้ทกั ษะการแกป้ ญั หา

ตกุ๊ ตาจงึ ตดั สนิ ใจไมไ่ ปดูหนังกบั โอต๊ โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ ตอ้ งเตรยี มตวั อ่านหนงั สอื สอบ

ทักษะชีวิต

การน�ำความรู้เรื่องทักษะชีวิตมาประยุกต์ใช้ในชีวิต
ประจ�ำวัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการเสริมสร้าง
ทกั ษะชวี ิตทีม่ ผี ลดีต่อตนเองและสงั คม

เอกับบีชกั ชวนกนั ไปเท่ียว A อบีเยราากชไอดบ้จชังดุเลนยม้ี แาตกเ่ งเลินยไมพ่ อเอาไงดี B
หา้ งสรรพสินคา้ หลังเลกิ เรียน

เจ้าของเค้าไมเ่ หน็ จ๊กิ เลย

A ไม่ได้หรอกเดย๋ี วโดนตำารวจจบั B

กลอ้ งก็ไม่มี ใครจะมาเหน็
หยบิ เลย เร็วๆ สิ
A ไถมึง่ลไมะ่ ่มเดีก๋ียลวอ้ เรงาแเตก่เ็บรเางกิน็ไคมร่อบยแาลก้วขคโม่อยยหมราอซื้อกดีกวา่

B
ตามใจ งนั้ รีบกลับกนั เถอะ

เยน็ มากแล้ว

82 สุดยอดคู่มือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

ทกั ษะชีวติ 83 ค่านิยมหลัก 12 ประการ

สรุป • มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อ
ผอู้ ื่น เผ่อื แผ่และแบ่งปัน
ทักษะชีวิต หมายถึงความสามารถเชิงสังคมจิตวิทยาที่จะช่วยให้บุคคลสามารถเผชิญสถานการณ์ • ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเล่าเรียนทัง้ ทาง
ตรงและทางอ้อม
ต่างๆ ในชวี ติ ประจำาวันได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ  และมีความสามารถท่ีจะปรับตวั ไดใ้ นอนาคต  ทักษะชีวติ
จะมสี ว่ นชว่ ยใหว้ ยั รนุ่ สามารถนาำ ความรใู้ นเรอ่ื งตา่ งๆ มาเชอ่ื มโยงกบั ทศั นคต ิ ผา่ นการคดิ วเิ คราะหไ์ ตรต่ รอง
ถึงผลท่ีจะเกิดขึ้น และตัดสินใจปฏิบัติในส่ิงที่เหมาะสมได้ ทำาให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 
และรับมอื กบั ปญั หาและความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
กจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ

คำาชีแ้ จง กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพาะด้านความรู้-ความจำา เพื่อใช้ใน
การตรวจสอบความเขา้ ใจตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

คำาสั่ง
ตอนท ่ี 1 จงตอบคำาถามตอ่ ไปน้ี
1. จงอธบิ ายความหมายและความสำาคญั ของทกั ษะการส่ือสารโดยสงั เขป
2. จงอธบิ ายหลักการของทกั ษะการสร้างสมั พนั ธภาพโดยสงั เขป
3. จงอธิบายถงึ หลักการของทักษะการต่อรองและทักษะการปฏิเสธโดยสังเขป
4. จงอธบิ ายถึงคณุ ลกั ษณะของบุคคลท่มี ีทักษะการคิดวิเคราะห์ทด่ี โี ดยสงั เขป
5. จงอธบิ ายวธิ ีการตดั สนิ ใจและการแกไ้ ขปัญหา โดยสงั เขป

สุดยอดคูม่ อื ครู 83

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด84 เพศวิถีศึกษา

ตอนท่ ี 2 จงขีดเคร่ืองหมาย ✓หนา้ ข้อความที่ถกู ต้องและเครื่องหมาย ✗ หนา้ ขอ้ ความท่ีผดิ

✓ 1. การเป็นผู้ฟังที่ดีควรจับประเด็นเน้ือหาและทำาความเข้าใจในเร่ืองที่ผู้พูดกำาลังพูด
เพอื่ หาข้อเสนอแนะและข้อโตแ้ ยง้ ไดอ้ ย่างตรงประเดน็

✓ 2. หากทุกคนรู้จักสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันจะเป็นการป้องกัน ลดความขัดแย้ง รวมทั้ง
แก้ปญั หาครอบครวั และปัญหาสงั คม

✓ 3. การทจ่ี ะปฏเิ สธหรอื ไมน่ นั้ ตอ้ งขน้ึ อยกู่ บั สถานการณ์ เพราะในเรอื่ งเดยี วกนั แตส่ ถานการณ์
แตกต่างกนั อาจปฏเิ สธหรอื ไมป่ ฏิเสธก็ได้

✓ 4. การปฏเิ สธเป็นสิทธิและความต้องการส่วนบคุ คลโดยชอบธรรม
✓ 5. ควรปฏเิ สธดว้ ยคาำ พดู นาำ้ เสียง ท่าทางทจี่ รงิ จงั เพอื่ แสดงใหเ้ ห็นความตง้ั ใจท่ชี ัดเจน
✓ 6. การคดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ ความสามารถในการจาำ แนกแยกแยะองคป์ ระกอบต่างๆ
✓ 7. การหาเหตผุ ลทีส่ มเหตุสมผลเป็นการคิดวเิ คราะห์
✓ 8. ผลของการตดั สนิ ใจจะทำาใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงขนึ้ กับบุคคล
✓ 9. การแกป้ ัญหาเป็นเพียงการใช้เหตุผลและสติปัญญาแก้ไขปัญหา
✗ 10. อารมณ์มบี ทบาทในการแกป้ ญั หา

กจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้

คำาชี้แจง กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ยกจิ กรรมหลากหลายทฝ่ี กึ ทกั ษะทกุ ดา้ นตามจดุ ประสงค์
เชิงพฤติกรรมเพื่อให้เกิดสมรรถนะในการเรียนร ู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมท้ังในและนอกสถานท ี่
ตามความเหมาะสมกบั ผเู้ รียนและส่ิงแวดลอ้ มของสถานศกึ ษา

1. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เลือกข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ วารสาร หรืออินเทอร์เน็ต ที่มี
ความเกี่ยวข้องกับทักษะด้านต่างๆ ของวัยรุ่น มากลุ่มละ 1 ข่าว วิเคราะห์ข่าวที่เกิดข้ึน ส่งตัวแทน
กลุ่มมารายงานและใหเ้ พือ่ นรว่ มชน้ั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย
2. ให้ผู้เรียนเขียนเรียงความในหัวขอ้ “ทักษะชวี ิตของข้าพเจ้า” ผู้สอนสมุ่ ผูเ้ รียนมานาำ เสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
3. ให้ผเู้ รยี นเขยี นผังความคิดสรุปเก่ยี วกบั ทกั ษะชีวิตทมี่ คี วามสัมพนั ธก์ ับการดาำ รงชีวติ ของผู้เรียน
4. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน จับสลากเลือกทักษะชีวิตกลุ่มละ 1 ทักษะ แล้วให้แต่ละกลุ่ม
คดิ การแสดงบทบาทสมมตเิ ก่ียวกบั การใชท้ กั ษะชีวิตในการแก้ปญั หา
5. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม จัดทำาป้ายนิเทศเก่ียวกับการใช้ทักษะชีวิตเพื่อลดความขัดแย้งในเรื่องเพศ เพ่ือ
เผยแพร่ให้ผู้เรียนอืน่ ๆ ไดร้ บั ทราบขอ้ มลู

กิจกรรมท้าทาย

ให้ผู้เรียนจัดป้ายนิเทศเร่ืองการใช้ทักษะชีวิตเพื่อลดความขัดแย้ง
ในเรื่องเพศ

84 สุดยอดคมู่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

ทักษะชวี ติ 85

สรุปผลการทา� กจิ กรรม

คำาชแี้ จง ใหผ้ เู้ รียนประเมินผลการทาำ กจิ กรรม โดยเขียนเครอ่ื งหมาย ✓ลงในช่อง ตามความเป็นจรงิ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ความรู ้ (K) ทักษะ (P) คณุ ลักษณะ (A) เกณฑ์การประเมนิ
การมีมนุษยสัมพันธใ์ น ทำาเครอื่ งหมาย ✓
ความรู้ ความเขา้ ใจ การปฏิบตั ิงานท่ไี ดร้ บั
การนำาไปใช ้ การวเิ คราะห์ มอบหมายเสรจ็ ตามเวลา การปฏิบัติกจิ กรรม ในแตล่ ะตอน 3 ข้อ
การสงั เคราะห์ ท่ีกาำ หนด ความมวี นิ ัย ตรงตอ่ เวลา คอื ผ่านการประเมนิ
การประเมินค่า การปฏิบตั ิงานดว้ ยความ ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต
ละเอยี ด รอบคอบ ปลอดภัย ในการทาำ งาน 1. ความร ู้ (K)
การศกึ ษาค้นควา้ เรียบรอ้ ย สวยงาม ประพฤตติ นด้วยความ ผ่าน ไม่ผ่าน
การแสวงหาแหล่งขอ้ มูล
และการรวบรวมข้อมูล ความสมบูรณข์ องงาน ถูกต้องตามศีลธรรม 2. ทกั ษะ (P)
การแสดงความคิดเห็น การปฏบิ ตั ิงานทท่ี ำาใหเ้ กดิ อนั ดีงาม
อยา่ งมีเหตผุ ล หรอื แสดง สมรรถนะแกผ่ เู้ รียน เจตคติทด่ี ใี นการปฏบิ ัติ ผา่ น ไมผ่ า่ น
กิจกรรม
ข้ันตอนและกระบวนการ ทกั ษะการวางแผน การคดิ ความพอเพียงและความ 3. คุณลักษณะ (A)
ทาำ กจิ กรรม สรา้ งสรรค์ การออกแบบ ผ่าน ไม่ผา่ น

การหาประสบการณ์ การผลติ พอประมาณ
ความรใู้ หม่ การตัดสนิ ใจในการแกป้ ญั หา

หมายเหต ุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินว่า ผู้เรียนเกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้
ตามบริบทต่างๆ หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ความรู้หรือพุทธิพิสัย = Knowledge (K) ทักษะหรือ
ทักษะพสิ ัย = Practice (P) คณุ ลักษณะหรอื จิตพสิ ยั = Attitude (A)

สุดยอดคมู่ อื ครู 85

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

86 เพศวิถีศึกษา ผู้สอนให้ผู้เรียนท�ำแบบทดสอบ จากนั้นให้ผู้เรียนแลกกัน
ตรวจคำ� ตอบ โดยผูส้ อนเป็นผเู้ ฉลย
แบบทดสอบ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด ทกั ษะชวี ิต 87
คาำ ส่ัง จงเลือกคาำ ตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่สี ดุ เพยี งคำาตอบเดยี ว
1. การใชค้ ำาพูด การเขียน ท่าทาง จดั อยใู่ นขอ้ ใด 5. ขอ้ ใดกล่าวได้ถกู ตอ้ ง
1. ทกั ษะการต่อรอง 1. ลูกต้องกตัญญกู ตเวทติ าต่อพอ่ แม่
2. ทักษะการสื่อสาร 2. สมาชกิ ในครอบครัวตา่ งคนตา่ งอยู่
3. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. คนในสงั คมขาดความเอื้ออาทรต่อกนั
4. ทกั ษะการแก้ไขปญั หา 4. พ่นี ้องมกั มคี วามเหน็ ทข่ี ัดแยง้ กัน
5. ทักษะการปฏิเสธ 5. ถูกทุกขอ้
2. การเป็นผูพ้ ดู ท่ีดคี วรคำานึงถึงสง่ิ ใด
1. พดู กบั ใคร 6. ข้อใดจดั เป็นความสาำ คัญของการต่อรอง
2. พูดในโอกาสใด 1. ปกป้องสิทธิของผูอ้ ่ืน
3. พดู อย่างไร 2. รักษาสิทธิของตน
4. พูดเวลาใด 3. เป็นการสรา้ งความสมั พนั ธ์
5. คาำ นึงถงึ ทุกข้อ 4. เป็นการแสดงความคิดเห็น
3. ขอ้ ใดเป็นการพดู ท่ีไมเ่ หมาะสมกบั โอกาส 5. ถกู ท้ังขอ้ 2. และขอ้ 3.
1. พูดขบขนั ในงานศพ
2. พดู หยอกล้อในงานพธิ ีการ 7. การตอ่ รองทีด่ ีตอ้ งคาำ นงึ ถงึ ข้อใดเป็นอันดับแรก
3. พูดตลกขบขนั ขณะรอประธานพิธี 1. รู้จักผอ่ นหนักผอ่ นเบา
4. พดู อยา่ งตรงไปตรงมา 2. มีความยืดหยุ่น
5. ถูกทุกขอ้ 3. การตงั้ สติใหด้ ี
4. การเป็นผ้ฟู ังท่ดี ีตอ้ งเปน็ อยา่ งไร 4. แสดงทา่ ทีเปน็ มติ ร
1. ไมส่ นใจฟัง 5. รับฟงั ข้อเสนออย่างตั้งใจ
2. ฟงั อย่างต้งั ใจ
3. ฟังแลว้ วิจารณ์ 8. ทักษะการปฏเิ สธมคี วามหมายตรงกบั ขอ้ ใด
4. ไมส่ นใจผพู้ ดู 1. เปน็ สทิ ธทิ ี่พึงกระทำาโดยชอบ
5. พูดโต้แยง้ ขณะฟัง 2. การกระทำาทตี่ อ้ งการใหค้ นอ่นื ยอมรับตนเองว่าไม่เห็นดว้ ย
3. การปฏิเสธต้องข้นึ อย่กู บั สถานการณ์
86 สุดยอดคมู่ อื ครู 4. พฤตกิ รรมทีไ่ มด่ เี ราควรปฏิเสธ
5. ถกู ทกุ ขอ้

9. การคดิ วิเคราะห์เป็นทกั ษะหน่ึงทจ่ี ะนำาไปสู่กระบวนการตามข้อใด
1. การตดั สนิ ใจ
2. การแกไ้ ขปัญหา
3. การประเมนิ ทางเลือก
4. การปฏเิ สธ
5. การเจรจาต่อรอง

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

88 เพศวถิ ศี กึ ษา เฉลยแบบทดสอบ
1. ตอบ 2. การใช้ค�ำพดู การเขียน ท่าทาง
10. ทักษะการแก้ไขปญั หาต้องอาศยั สิง่ ใด จัดอย่ใู นทกั ษะการสือ่ สาร ข้ออนื่ ๆ เปน็
1. ความรู้ ทักษะในการคิดวิเคราะห์ การแก้ไข
2. เหตุผล ปญั หา การตอ่ รอง และการปฏเิ สธ ซงึ่ ไม่
3. การตัดสินใจ สอดคลอ้ งกนั
4. สถานการณ์ 2. ตอบ 5. การเป็นผู้พูดท่ีดีควรค�ำนึง
5. สิง่ แวดล้อม ถึงบุคคลที่เราสื่อสารด้วย โอกาสหรือ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด สถานการณข์ องเรอ่ื งทจ่ี ะพดู พดู อยา่ งไร
แบบประเมินตนเอง พดู เวลาใด เปน็ ตน้ เพือ่ เป็นการสือ่ สาร
คาำ ช้ีแจง ตอนที ่ 1 ให้ผ้เู รียนประเมินผลการเรียนร ู้ โดยเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งระดับคะแนน ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ สง่ ถงึ ผรู้ บั และเหมาะสม
และเติมขอ้ มลู ตามความเป็นจริง กบั กาลเทศะ
ระดับคะแนนตอนที ่ 1 5 : มากทีส่ ดุ 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : นอ้ ย 1 : ควรปรับปรงุ 3. ตอบ 1. การพูดขบขันในงานศพเป็นการ
ตอนที ่ 2 ใหผ้ เู้ รยี นนาำ คะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง และเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ พูดท่ีไม่เหมาะสมกับโอกาส เน่ืองจาก
ลงในช่องสรปุ ผล เป็นงานอวมงคล ผู้ร่วมงานต้องส�ำรวม
มารยาทเพื่อเป็นการให้เกียรติหรือ
ตอนท ่ี 1 (ผลการเรยี นร)ู้ ตอนท่ี 2 (แบบทดสอบ) ไว้อาลัยผเู้ สียชวี ิต
4. ตอบ 2. การเป็นผู้ฟังที่ดีต้องฟังอย่าง
รายการ 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ ตง้ั ใจ ไมใ่ ชก่ ารไมใ่ หค้ วามสนใจผพู้ ดู หรอื
ฟงั แลว้ วจิ ารณท์ นั ทโี ดยไมไ่ ดต้ รติ รองเหตุ
1. ผเู้ รียนมคี วามรู ้ ความเข้าใจในเน้ือหา คะแนน และผล และไม่ควรโต้แย้งขณะท่ีผู้พูด
ก�ำลงั พดู อยู่
2. ผ้เู รยี นไดท้ ำากจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้ทีส่ อดคล้องกบั เน้อื หา (ขอ้ ละ 1 คะแนน) 5. ตอบ 1. ลูกต้องมีความกตัญญูต่อพ่อ
และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ และแม่ เปน็ คำ� กลา่ วทถี่ กู ตอ้ ง ซง่ึ ตวั เลอื ก
สรปุ ผล อ่ืนจะเป็นการกล่าวถึงความขัดแย้งของ
9 - 10 (ดีมาก) พี่น้อง สมาชิกในครอบครัวต่างคนต่าง
3. ผเู้ รียนได้เรยี นและทำากจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรูท้ ส่ี ง่ เสรมิ 7 - 8 (ด)ี อยู่ สังคมขาดความเอื้ออาทรต่อกัน
กระบวนการคิด เกิดการค้นพบความรู้ 5 - 6 (พอใช้) ซ่ึงถือเป็นค�ำกล่าวในแง่ลบและไม่ก่อให้
4. ผู้เรียนสามารถประยกุ ตค์ วามรูเ้ พ่ีือใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาำ วนั ได้ ตำา่ กวา่ 5 เกดิ ประโยชน์
5. ผู้เรียนได้เรียนร้อู ะไรจากการเรียน (ควรปรับปรุง) 6. ตอบ 5. การต่อรองมีความสำ� คัญอย่าง
มาก ซ่ึงนับเป็นการรักษาสิทธิของตวั เรา
6. ผเู้ รียนตอ้ งการทาำ สิ่งใดเพอ่ื พฒั นาตนเอง และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์หรือ
รกั ษาความสัมพันธ์กับบุคคลอ่ืนได้
7. ความสามารถท่ถี อื ว่าผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ของผเู้ รียน คือ
สดุ ยอดคูม่ ือครู 87

7. ตอบ 3. การต้ังสติให้ดีถือเป็นทักษะพื้นฐานที่ต้องมีอันดับแรก
จะได้ไม่เกิดความเครียด มองเห็นปัญหาอย่างแท้จริง และใช้สติ
ปัญญาแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหน้าได้
8. ตอบ 2. เป็นการทำ� ใหค้ นอนื่ ยอมรบั ว่าตนเองไม่เห็นดว้ ย สำ� หรับ
ตัวเลือกอ่ืน เช่น การปฏิเสธต้องขึ้นอยู่กับสานการณ์ ซึ่งเป็นค�ำ
กล่าวท่ีไม่ถกู ต้อง เน่อื งดว้ ยการปฏเิ สธไมไ่ ด้ข้ึนอยกู่ ับสถานการณ์
9. ตอบ 1. การคดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ ทกั ษะทจี่ ะน�ำไปสกู่ ระบวนการ ตดั สนิ
ใจ โดยใชข้ อ้ มลู ทม่ี อี ยใู่ ครค่ รวญถงึ เหตผุ ล ซงึ่ ผทู้ ใ่ี ชท้ กั ษะนจี้ ะเปน็
ผทู้ ม่ี เี หตผุ ลและสามารถคาดหมายผลทจี่ ะเกดิ ตามมาในอนาคตได้
10. ตอบ 2. เมอ่ื เกดิ ปญั หาใหผ้ เู้ รยี นฝกึ ใชเ้ หตผุ ลในการแกไ้ ขปญั หาจน
เป็นนิสัย รุ้จักแยกแยะ ควบคุมอารมณ์เพ่ือไม่ให้อารมณ์เข้าไป
มสี ่วนในการแกป้ ัญหา

ตารางสรปุ คะแนนการประเมินจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
และสมรรถนะประจำ� หน่วย

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 ทกั ษะชีวิต

คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรียนรู้
1. สงวน ิลข ิสท ิธ์ บริ ัษทพัฒนาคอ ิธบายและแสดงทักษะการ ื่สอสารไ ้ดุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด
2. อ ิธบายและแสดง ัทกษะการส ้ราง ัสมพันธภาพไ ้ดช้ินงาน/การแสดงออก รวม
3. อ ิธบายและแสดงทักษะการต่อรองไ ้ดทกี่ �ำหนดในหนว่ ยการเรียนรหู้ รอื หนว่ ยย่อย
4. อ ิธบายและแสดงทักษะการป ิฏเสธไ ้ด
5. อธิบายและแสดง ัทกษะการ ิคด ิวเคราะ ์หไ ้ด
6. อธิบายและแสดงทักษะการ ัตด ิสนใจไ ้ด
7. อ ิธบายและแสดง ัทกษะการแก้ไข ัปณหาไ ้ด
ภาระงาน/ช้นิ งานระหว่างเรยี น
1. ผังกราฟิกแสดงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเก่ยี วกบั ทกั ษะชีวิต
2. ผงั กราฟิกสรุปความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกับทักษะชีวิต
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับทักษะชีวิต
กิจการการประเมินรวบยอด
1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้
3. ผลการประเมนิ ตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ

รวม

หมายเหตุ: คะแนนการประเมินจุดประสงคก์ ารเรยี นรขู้ ้ึนอยกู่ บั การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรขู้ องผสู้ อน

88 สดุ ยอดคู่มอื ครู

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean

6หน่วยการเรยี นร้ทู ่ีสงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดกฎหมายใกล้ตวั หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6

สาระสาำ คญั กฎหมายใกล้ตัว

กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับตนเองเป็นกฎหมายที่เก่ียวกับตัวบุคคล เช่น กฎหมายเกี่ยวกับ สาระการเรียนรู้
ความสามารถของผู้เยาว์ กฎหมายบัตรประจำาตัวประชาชน ส่วนกฎหมายเกี่ยวกับครอบครัว
เป็นกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัวและเครือญาติ เช่น การหม้ัน 1. ความหมายและลักษณะของกฎหมาย
การสมรส การรับรองบตุ ร (หนงั สอื เรยี น หน้า 91-92)
ความสำาคัญของสิทธิมนุษยชนเป็นผลมาจากการที่มนุษย์เกิดมามีสิทธิในตนเอง มีเกียรติภูมิ 2. กฎหมายที่เก่ียวข้องกับตนเองและครอบครัว
ในความเป็นมนุษย์ มีคุณค่าในตนเอง มีความภาคภูมิใจในตนเอง โดยเช่ือว่ามนุษย์ทุกคนมีฐานะ (หนังสอื เรยี น หน้า 92-96)
เทา่ เทียมกนั จงึ พึงได้รับการคมุ้ ครองจากรฐั และการปฏิบตั อิ ย่างเทา่ เทียมกนั 3. สิทธิในการแสดงออกตามวิถีชีวิตทางเพศ
(หนังสอื เรยี น หน้า 96-99)
สาระการเรยี นรู้ 4. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถึง
1. ความหมายและลกั ษณะของกฎหมาย มาตรา ๒๘๗ (หนังสอื เรียน หน้า 100-104)
2. กฎหมายทเี่ กี่ยวข้องกับตนเองและครอบครวั สมรรถนะประจำ� หน่วย
3. สทิ ธิในการแสดงออกตามวิถชี วี ติ ทางเพศ 1. แสดงความรูเ้ กีย่ วกับกฎหมายใกลต้ วั
4. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถึงมาตรา ๒๘๗ 2. ปฏิบัติตนและเคารพกฎหมาย
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกความหมายและลักษณะของกฎหมายได้
2. ประยกุ ตใ์ ชก้ ฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ตนเองและ
ครอบครัวได้
3. อธิบายสิทธิในการแสดงออกตามวิถีชีวิต
ทางเพศ

การประเมินผล ภาระงาน/ช้นิ งานรวบยอดในหน่วยการเรียนรู้
1. ผลการปฏิบตั ิกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผเู้ รยี น 2. ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมส่งเสริมการเรยี นรู้
ภาระงาน/ชนิ้ งานระหวา่ งเรยี น 3. ผลการประเมนิ ตนเอง
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 4. คะแนนผลการทดสอบ
กับตนเองและครอบครวั สิทธิและการแสดงออก
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เก่ียวข้องกับ สุดยอดคูม่ อื ครู 89
ตนเองและครอบครวั สิทธิและการแสดงออก
3. การน�ำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่

เก่ียวขอ้ งกบั ตนเองและครอบครัว สทิ ธแิ ละการแสดงออก

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

เรอื่ งที่ 1 กฎหมายท่ีเกยี่ วขอ้ งกับตนเอง 90 เพศวิถศี ึกษา
และครอบครวั สิทธแิ ละการแสดงออก
สมรรถนะประจาำ หน่วย
ep 1 ข้ันรวบรวมข้อมูล 1. แสดงความรเู้ กีย่ วกับกฎหมายใกล้ตวั
2. ปฏบิ ตั ติ นและเคารพกฎหมาย
Gathering
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร 1. บอกความหมายและลกั ษณะของกฎหมายได้
ห นั ง สื อ เรี ย น เ ก่ี ย ว กั บ ก ฎ ห ม า ย ที่ 2. ประยุกตใ์ ชก้ ฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกบั ตนเองและครอบครวั ได้
เก่ียวข้องกับตนเองแลครอบครัว สิทธิ 3. อธิบายสทิ ธิในการแสดงออกตามวถิ ีชวี ติ ทางเพศได้
และการแสดงออก 4. อธบิ ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถงึ มาตรา ๒๘๗ ได้
2. ตั้งค�ำถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก
ประสบการณ์ท่ีรับรู้เก่ียวกับกฎหมายที่ ผงั สาระการเรยี นรู้
St เก่ียวข้องกับตนเองและครอบครัว สิทธิ
และการแสดงออก ตามหัวข้อท่ีก�ำหนด กฎหมาย ความหมายและลกั ษณะของกฎหมาย
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด ให้ (ศึกษารายละเอียดค�ำถามจากใกล้ตัวกฎหมายทเ่ี ก่ียวข้องกับตนเองและครอบครัว
แผนการจัดการเรียนรู้) สทิ ธิในการแสดงออกตามวิถชี ีวติ ทางเพศ
3. แตล่ ะกลมุ่ บนั ทกึ ผลการศกึ ษาตามหวั ขอ้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถงึ มาตรา ๒๘๗
ทก่ี ำ� หนดลงในผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบ
และใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ
ของข้อมูล) ดงั ตวั อย่าง

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21

การทำ� งานกลมุ่ ชว่ ยฝกึ กระบวนการทำ� งานแบบประชาธปิ ไตยและ
ส่งเสรมิ กระบวนการคิดการแก้ปัญหาให้แกผ่ เู้ รยี น

90 สุดยอดคูม่ อื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5 . ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St กฎหมายใกลต้ ัว 91 ep 2 ขั้นคดิ วเิ คราะห์และสรุปความรู้

1. ความหมายและลักษณะของกฎหมาย Processing

1.1 ความหมายของกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่ง 1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือน
ความต่างที่รวบรวมได้จากนิยามที่ศึกษาค้นคว้าเก่ียว
กฎหมายอาญา คือกฎหมายทบ่ี ัญญัติวา่ ด้วยการกระทำาความผิดและกาำ หนดโทษแก่ผู้กระทำา กับกฎหมายที่เก่ียวข้องกับตนเองและครอบครัวสิทธิ
ความผิด โดยมคี วามมงุ่ หมายท่ีจะรกั ษาความสงบเรียบร้อยในสังคม กฎหมายอาญาจึงมคี วามสำาคัญต่อ และการแสดงออก
ชีวติ ประจาำ วนั เพอ่ื ชว่ ยใหด้ าำ รงชีวติ อยใู่ นสงั คมไดโ้ ดยปกติสุข 2. ผู้เรียนร่วมกันเช่ือมโยงความคล้ายคลึง/แตกต่างของ
กฎหมายแพง่ คือกฎหมายทีเ่ กย่ี วกับเอกชนว่าด้วยสทิ ธ ิ หน้าที่ และความสมั พันธข์ องบุคคล ข้อมูลท่ีน�ำมาอภิปรายและร่วมกันสรุปความรู้ตาม
ตามกฎหมาย เชน่ เรอื่ งสถานะและความสามารถบคุ คล ทรพั ย ์ หน ี้ นติ กิ รรม สทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ ความสมั พนั ธ์ หัวข้ออภิปราย แสดงเป็นความคิดรวบยอดหรือหลัก
ในครอบครัว และการตกทอดทางมรดก เป็นเร่ืองที่เก่ียวข้องกับชีวิตประจำาวันของประชาชนทุกคน การลงในผงั กราฟกิ
จึงจำาเป็นตอ้ งมคี วามร้ทู ีถ่ ูกตอ้ งเพื่อให้สามารถปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างครบถ้วน

1.2 ลักษณะการกระทำาความผดิ ทางอาญา 3. ผเู้ รียนบันทึกผลข้อสรปุ เปน็ ความร้คู วามเข้าใจ

หลักเกณฑ์สำาคัญของความผิดทางกฎหมายอาญา คือมีกฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นความผิด 92 เพศวิถศี กึ ษา
ทางอาญา และไม่มีโทษถ้ากฎหมายไม่บัญญัติไว้ให้ต้องรับโทษซ่ึงไม่มีผลย้อนหลัง การกระทำาความผิด
ทางอาญาแบง่ เป็น 3 ประเภทดงั น้ี
1.2.1 การกระทาำ ผดิ โดยเจตนา คอื การกระทาำ ทผ่ี กู้ ระทาำ ผดิ ไดก้ ระทาำ โดยรสู้ าำ นกึ และประสงค ์
ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลในการกระทำานั้น เช่น วัยรุ่นยกพวกตีกันและใช้อาวุธทำาร้ายคู่กรณีจนได้รับ
บาดเจบ็ สาหสั โดยวยั รนุ่ กลมุ่ นรี้ ตู้ วั วา่ ไดท้ าำ รา้ ยคกู่ รณแี ละมคี วามประสงคใ์ หไ้ ดร้ บั บาดเจบ็ การกระทาำ ของ
วัยร่นุ กลุ่มนถ้ี อื เปน็ ความผิดทางอาญาโดยเจตนา
1.2.2 การกระทำาผิดโดยไม่เจตนา คือการกระทำาที่ผู้กระทำาผิดมีเจตนาทำาร้าย แต่ไม่ได้
ประสงค์ต่อผลหรือมิได้เล็งเห็นผลในการกระทำาน้ัน เช่น นายดำาได้ใช้ปืนยิงนายขาว เพ่ือต้องการข่มขู่ให้
หวาดกลัว แต่เป็นเหตุให้นายขาวถึงแก่ความตาย ซึ่งการกระทำาของนายดำาถือเป็นการกระทำาผิด
โดยไมเ่ จตนา
1.2.3 การกระทำาผิดโดยประมาท คือการกระทำาโดยรู้สำานึกในการกระทำาโดยไม่เจตนา
แต่ได้กระทำาไปโดยปราศจากความระมัดระวัง เช่น นายแดงขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง เป็นเหตุให้รถ
ไปชนนายดาำ จนไดร้ ับบาดเจบ็ สาหัส การกระทำาของนายแดงถอื เปน็ การกระทำาผดิ โดยประมาท
โทษทางอาญา คือสภาพบังคับของกฎหมายอาญา โดยมีการกำาหนดโทษตามความผิดหนักเบา
ม ี 5 สถาน โดยเรียงลำาดับของโทษจากหนักไปหาเบาดงั นี ้
1. ประหารชีวิต คือการลงโทษท่ีผู้กระทำาผิดจะต้องถูกประหารชีวิต โดยการฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย
จดั ว่าเป็นการลงโทษที่รนุ แรงทส่ี ดุ ต่อผ้กู ระทำาความผดิ ทางอาญา
2. จำาคุก คือการลงโทษผู้ท่ีกระทำาความผิดทางอาญาตามคำาพิพากษาของศาล โดยนำาตัวผู้ท่ี
กระทำาความผดิ ไปคุมขงั ไว้ทเ่ี รอื นจำาตามระยะเวลาทศี่ าลตัดสนิ

คอื กฏหมายทว่ี า่ ดว้ ยความผดิ และโทษทก่ี ำ� หนดไวส้ ำ� หรบั 3. กักขัง คือการนำาตัวผู้ที่กระทำาความผิดทางอาญาไปกักขังไว้ในสถานที่ซ่ึงกำาหนดไว้อันไม่ใช่
ความผิด ตัวบทที่ส�ำคัญ ๆ ของกฏหมายอาญาก็คือ เรือนจำา เชน่ สถานีตาำ รวจ
ประมวลกฏหมายอาญา นอกจากประมวลกฏหมาย 4. ปรบั คอื การบงั คบั เอาทรพั ยส์ นิ ของผกู้ ระทำาผดิ และตอ้ งโทษปรบั ตามคำาพพิ ากษา หากผกู้ ระทาำ
อาญาแล้วยังมีพระราชบัญญัติอ่ืน ๆ ที่ก�ำหนดโทษ ผิดไมย่ อมชำาระคา่ ปรบั ก็อาจถกู กกั ขงั แทนจนกว่าจะครบจาำ นวนคา่ ปรบั
ทางอาญาส�ำหรับฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินั้น เช่น 5. ริบทรัพย์สิน คือการบังคับเอาทรัพย์สินซึ่งผู้ใดมีสิ่งท่ีผิดกฎหมายไว้ครอบครองถือว่า
พระราช-บัญญัติยาเสพติดให้โทษ พระราชบัญญัติ เป็นความผิด เช่น การครอบครองสารเสพติดหรืออุปกรณ์ในการเล่นการพนันชนิดต่างๆ ซึ่งทรัพย์
การพนัน ทร่ี บิ นน้ั จะตกเป็นของแผน่ ดนิ
นิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
149 หมายถึง การใดๆ อันท�ำลงด้วยชอบด้วยกฎหมาย 1.3 ลักษณะการกระทำาความผิดทางแพง่
และด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้น
ระหวา่ งบคุ คล เพ่อื ก่อ เปล่ียนแปลงโอน สงวน หรือระงบั การกระทาำ ความผดิ ทางแพง่ ซงึ่ ถกู บคุ คลอน่ื มาละเมดิ สทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดม้ าหรอื ครอบครอง
ซ่งึ สทิ ธิ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ท้ังที่เป็นสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ซ่ึงได้มาโดยกฎหมายและได้มา
เปน็ เงนิ ทต่ี อ้ งชดใช้ เพอื่ ทดแทนความเสยี หายทเี่ กดิ ขน้ึ แก่ โดยนิติกรรมและสัญญา ดังนั้นกฎหมายแพ่งจึงเป็นข้อผูกพันทางกฎหมายท่ีบุคคลต้องชำาระหนี้หรือ
ทรพั ยส์ นิ หรอื แกบ่ คุ คลอนั เนอื่ งมาจากการละเมดิ หรอื การ ความเสียหายทางด้านทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำาของตนกับบุคคลอื่นท่ีมีความประสงค์ที่จะคุ้มครอง
ผดิ สัญญา รวมทัง้ ทรัพยส์ นิ ที่ต้องคืนให้แกผ่ เู้ สยี หายด้วย สิทธิของเอกชน
การรับผิดทางแพ่ง หมายถึงการมีหน้าท่ีผูกพันตามกฎหมายท่ีจะต้องชำาระหนี้ หรือ
กระทำาการ หรืองดเว้นกระทำาการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะบำาบัดความเสียหายที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะการกระทำาอาจทำาให้ได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ ช่ือเสียง ทรัพย์สิน
เป็นเร่ืองระหว่างเอกชนต่อเอกชนด้วยกันที่ไม่มีผลเสียหายต่อสังคมแต่อย่างใด ซ่ึงความผิดทางแพ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำาโดยเจตนาหรือประมาท ผู้กระทำาก็ต้องรับผิด โดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ในความเสยี หายที่เกี่ยวกับทรัพย์สนิ ของบุคคล

2. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกบั ตนเองและครอบครวั

2.1 กฎหมายเกยี่ วกบั ความสามารถของผเู้ ยาว ์

2.1.1 ผู้เยาว์ หมายถึงบุคคลท่ียังไม่บรรลุนิติภาวะ ดังนั้นการบรรลุนิติภาวะจึงเป็นการพ้น
จากสภาพการเปน็ ผู้เยาว ์ ซง่ึ จะมไี ด ้ 2 กรณ ี คือ
1) เม่ืออายุครบ 20 ปบี ริบรู ณ ์ เรียกว่าเป็นการบรรลุนติ ิภาวะโดยอาย ุ
2) เมื่ออายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ แต่ได้ทำาการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย
กล่าวคือการสมรสเม่ือชาย-หญิงมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ โดยจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และบิดา
มารดาหรือผ้ปู กครองของทง้ั สองฝ่ายให้ความยนิ ยอม หรือเมื่อศาลอนุญาตให้ทำาการสมรสน้นั กอ่ นได้

สดุ ยอดคู่มือครู 91

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

กฎหมายใกลต้ ัว 93St ep 4 ขัน้ สื่อสารและนำ� เสนอ

เมื่อผู้เยาว์ยังเป็นบุคคลท่ีไม่บรรลุนิติภาวะ ทำาให้การกระทำาใดๆ ตามกฎหมายท่ี สงวนลิขสิทธ์ิ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด StACpopmlyminugnitchaetion Skill
เรียกว่า “นิติกรรม” น้ัน ผู้เยาว์จึงถูกจำากัดความสามารถในการไปทำานิติกรรมต่างๆ เน่ืองจากผู้เยาว์
ยังอาจขาดวุฒิภาวะและประสบการณ์ในการดำาเนินชีวิต จึงอาจทำาให้ผู้อ่ืนเอาเปรียบได้ การจำากัด 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีน�ำเสนอให้ผู้อ่ืน
ความสามารถจงึ เปน็ ไปเพอื่ คมุ้ ครองสิทธิและผลประโยชน์ของผเู้ ยาว์เอง รับรู้และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคนิควิธี
ความสามารถในการใช้สทิ ธิของผู้เยาว ์ แบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้ ที่เหมาะสม บูรณาการการใช้ส่ือ/เทคโนโลยี/ค�ำศัพท์
1) กรณีท่ีต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม เป็นกรณีที่ผู้เยาว์ไปทำา เพิม่ เตมิ /สง่ิ ทน่ี ่าสนใจแทรกในการรายงาน
นติ ิกรรมใดๆ ซงึ่ ตามหลกั แลว้ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน 2. สุม่ กลุ่มผู้เรียนนำ� เสนอผลการสรปุ ความรู้ความเข้าใจ
ผู้แทนโดยชอบธรรม หมายถึงผู้ที่มีอำานาจทำานิติกรรมต่างๆ แทนผู้เยาว์ หรือให้
ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ในการทำานิติกรรมต่างๆ ซ่ึงได้แก่ ผู้ใช้อำานาจปกครอง คือบิดา มารดา หรือ คือความสามารถในการยับยั้งหรือควบคุมอารมณ์ความ
ผูป้ กครอง ซ่ึงจะมีไดแ้ ตเ่ ฉพาะกรณ ี เช่น ผเู้ ยาวไ์ มม่ ีบิดามารดา หรอื บดิ ามารดาถูกถอนอำานาจปกครอง ตอ้ งการของตนเอง เปน็ ภาวะทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาเตม็ บรบิ รู ณ์
2) กรณีท่ีผู้เยาว์สามารถใชส้ ิทธิกระทำาไดเ้ อง ซึ่งถอื วา่ เป็นข้อยกเว้นจากหลักทวั่ ไปใน ทำ� ใหบ้ คุ คลมคี ณุ สมบตั คิ ณุ ภาพเตม็ ตวั ในดา้ นบคุ ลกิ ภาพและ
ขอ้ 1) ไดแ้ ก่ พฤตกิ รรมดา้ นอารมณ์
(1) นิติกรรมที่เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้เยาว์ฝ่ายเดียว โดยที่ผู้เยาว์ไม่ต้องเสียอะไร เปน็ นติ กิ รรมซง่ึ บคุ คลแสดงเจตนากำ� หนดการเผอื่ ตายในเรอื่ ง
เช่น การรบั การให้โดยเสน่หาโดยไมม่ ีภาระผูกพัน การรับพนิ ยั กรรม การทเ่ี จ้าหนี้ทำานิติกรรมปลดหนีใ้ ห ้ ทรพั ยส์ นิ ของตนหรอื ในการตา่ งๆ อนั จะใหเ้ กดิ เปน็ ผลบงั คบั
(2) นิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำาเองเฉพาะตัว ผู้เยาว์ให้ผู้อื่นกระทำาแทนมิได้ เช่น ไดต้ ามกฎหมายเมอื่ ตนตายแลว้
การจดทะเบียนรบั รองบุตร การบอกเลิกสญั ญาหม้นั
(3) นิติกรรมท่ีจำาเป็นต่อการดำารงชีพของผู้เยาว์ ซึ่งเป็นการสมควรแก่ฐานานุรูป 94 เพศวิถีศกึ ษา
(เหมาะสมแก่ฐานะทางการเงินและฐานะทางสังคมของผู้เยาว์) เช่น ซ้ืออาหาร เคร่ืองเขียน เครื่องนุ่งห่ม
แตท่ ้ังน้จี ะตอ้ งพจิ ารณาถึงฐานะความเปน็ อยูข่ องผเู้ ยาวเ์ ป็นรายๆ ไป
(4) การทำาพนิ ัยกรรมเมือ่ ผเู้ ยาวอ์ ายุครบ 15 ปีบริบูรณ ์ หากอายุไมค่ รบ แมไ้ ด้รับ
ความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม พินัยกรรมน้ันก็จะตกเป็นโมฆะ หมายถึงไม่มีผลทางกฎหมาย
ใดๆ
2.1.2 กฎหมายบตั รประจาำ ตวั ประชาชน บคุ คลทต่ี อ้ งทาำ บตั รประจาำ ตวั ประชาชน คอื ผมู้ สี ญั ชาติ
ไทย ตรวจสอบขอ้ มลู ปจั จบุ นั แต่ไมเ่ กิน 70 ปีบริบรู ณ์ และมชี ่ืออย่ใู นทะเบียนบา้ น
บุคคลท่ีได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำาตัวประชาชน ได้แก่ พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยูห่ วั สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ตง้ั แต่ชน้ั พระองคเ์ จา้ ขึ้นไป ภิกษ ุ
สามเณร นกั พรต นกั บวช ผมู้ รี า่ งกายพกิ ารเดนิ ไมไ่ ด้ เปน็ ใบ ้ ตาบอดทงั้ สองขา้ ง จติ ฟนั่ เฟอื นไมส่ มประกอบ
ผู้อยู่ในท่ีคุมขังโดยชอบด้วยกฎหมาย บุคคลซ่ึงกำาลังศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศและไม่สามารถย่ืนคำาขอ
มบี ตั รประจาำ ตวั ประชาชนได ้

ไมส่ มประกอบ ประพฤติ สรุ ยุ สรุ า่ ยสเพลเปน็ อาจณิ หรอื ตดิ พระราชบญั ญตั บิ ตั รประจาำ ตวั ประชาชน (ฉบบั ท ี่ 3) พ.ศ. 2554 มผี ลบงั คบั ใชใ้ นวนั ท ่ี 10
สรุ ายาเมา และศาลไดส้ ง่ั ใหเ้ ปน็ คน เสมอื นไรค้ วามสามารถ กรกฎาคม พ.ศ. 2554 มีสาระสาำ คญั ดงั น ้ี
1) บคุ คลสัญชาตไิ ทยท่มี ีอายคุ รบ 7 ปีบรบิ ูรณ ์ จะต้องยนื่ คำาขอมบี ตั รภายใน 60 วัน
ep 3 ขหัน้ลปงั ฏกบิารัตปแิ ฏลบิะสัตริ ุปความรู้ (กรณผี มู้ ีอายรุ ะหวา่ ง 7 ปบี ริบรู ณจ์ นถึงก่อนครบ 15 ปบี ริบูรณ ์ ใหย้ ่นื ขอมีบัตรภายใน 1 ปี นับจากวันท่ี 10
กรกฎาคม 2554 หรือหากมคี วามจาำ เปน็ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยจะขอขยายเวลาออกไปได)้
tAhpeplKyninogwlaenddgeConstructing 2) บดิ า มารดา ผปู้ กครอง หรือบคุ คล ซ่ึงรบั ดูแลผู้ท่อี ายไุ ม่ถงึ 15 ปบี รบิ รู ณ์ จะตอ้ ง
เป็นผูย้ ่นื คำาขอมีบตั ร ขอมบี ัตรใหม่ หรอื เปลย่ี นบตั รใหผ้ ทู้ ่ีอายไุ มถ่ ึง 15 ปีบรบิ รู ณ์ แตไ่ มต่ ัดสทิ ธิบคุ คลที่
1. ผู้เรียนน�ำข้อสรุปความรู้ความเข้าใจที่ได้แลกเปล่ียน จะย่ืนคาำ ขอดว้ ยตนเอง
เรยี นรรู้ ว่ มกนั ระหวา่ งกลมุ่ ในชนั้ เรยี น มาวเิ คราะหเ์ กยี่ ว 3) ในการกาำ หนดโทษ หากไมย่ นื่ ขอบตั รภายใน 60 วนั กรณขี อมบี ตั รครง้ั แรก ตอ่ อายบุ ตั ร
กบั กฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ตนเองและครอบครัว สทิ ธิ บตั รหาย ชำารดุ หรือเปลยี่ นชอื่ ตวั -ช่ือสกุล จะมีโทษปรับไม่เกนิ 100 บาท
และการแสดงออก 4) บตั รดงั กลา่ วมอี ายุ 8 ป ี สามารถใชป้ ระโยชนใ์ นการแสดงสทิ ธไิ ดห้ ลายประการ เชน่
2. กลมุ่ ผเู้ รยี นรว่ มกนั อภปิ รายตรวจสอบความสมบรู ณถ์ กู สิทธใิ นการรักษาพยาบาล สิทธิในการรบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
ต้องของความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายท่ี 5) กรณีผู้ถือบัตรไม่มีบัตรแสดงเมื่อพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ ผู้ถือบัตรท่ีมีอายุ
เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว สิทธิและการ ตัง้ แต่ 15 ปขี ึน้ ไปจะตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกนิ 200 บาท รวมทั้งกำาหนดอตั ราคา่ ธรรมเนียม
แสดงออก และร่วมกนั ทำ� กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ 6) กรณที าำ บตั รใหมไ่ มเ่ สยี คา่ ธรรมเนยี ม แตห่ ากทาำ บตั รหาย ชาำ รดุ แกไ้ ขชอื่ ตวั -ชอ่ื สกลุ
เสียคา่ ธรรมเนยี ม 100 บาท ออกใบแทน 10 บาท และขอตรวจคดั สำาเนา 10 บาท
ผู้สอนต้ังค�ำถาม ถามผู้เรียนว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ขน้ั ตอนการทำาบตั รประจำาตวั ประชาชน
มหาดไทยคนปจั จบุ นั คอื ใคร 1) เม่ือมีอายุครบ ตรวจสอบข้อมูลและไปยื่นคำาขอมีบัตรประจำาตัวประชาชนต่อ
พนักงานเจ้าหน้าท่ี ณ ที่ว่าการอำาเภอ หรือกิ่งอำาเภอ หรือสำานักงานเทศบาล หรือสำานักงานเขตของ
กรุงเทพมหานคร ภายใน 60 วนั นับแตว่ นั ทีม่ อี ายุครบ 7 ปีบรบิ ูรณ ์
2) บตั รประจาำ ตวั ประชาชนจะมอี าย ุ 8 ป ี เมอื่ บตั รเดมิ หมดอายุ จะตอ้ งไปขอมบี ตั รใหม่
ภายใน 60 วนั นับแตว่ ันทีบ่ ัตรเดิมหมดอายุ
3) ระหว่างนี้การขอมีบัตรใหม่สามารถกระทำาได้ หากบัตรเดิมน้ันหายหรือถูกทำาลาย
ชาำ รดุ ในสาระสำาคญั ผถู้ อื บัตรเปลี่ยนช่ือตวั -ชื่อสกุล โดยที่
● ตอ้ งยน่ื คาำ ขอมบี ตั รใหมภ่ ายใน 60 วนั นบั แตว่ นั ทบี่ ตั รหาย หรอื ถกู ทาำ ลาย ชาำ รดุ
ในสาระสำาคัญ หรือวันทผี่ ูถ้ ือบตั รเปล่ยี นชื่อตวั -ชอ่ื สกุล
● การยื่นคำาขอมีบัตรใหม่ จะยื่นต่อท้องท่ีใดก็ได้ ไม่จำาเป็นต้องยื่นคำาขอต่อ
ทอ้ งทีท่ ผี่ ้ถู ือบตั รมีชื่ออยู่ในทะเบียนบา้ นเหมือนการทาำ บัตรครั้งแรก

92 สดุ ยอดคู่มอื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

กฎหมายใกล้ตวั 95 สนิ สอด คอื ทรพั ยส์ นิ ซงึ่ ฝา่ ยชายใหแ้ กบ่ ดิ ามารดาฝา่ ยหญงิ
เพอื่ ตอบแทนการทฝ่ี า่ ยหญงิ ยอมสมรส โดยสนิ สอดนน้ั จะสง่
2.2 กฎหมายแพ่งเก่ยี วกบั ครอบครวั มอบเมอ่ื ใดกไ็ ด้
ภาวะผดิ ปกตทิ างจติ ทมี่ คี วามผดิ ปกตขิ องความคดิ อารมณ์
กฎหมายครอบครัว เป็นบทบัญญัติท่ีเก่ียวกับการหม้ัน การสมรส และบุตร ซึ่งจะมี พฤตกิ รรมอยา่ งมากจนไมอ่ ยใู่ นโลกของความเปน็ จรงิ
การผอ่ นปรนในการไมบ่ ังคับใช้กบั ชาวมุสลมิ ใน 4 จงั หวัดภาคใต้ ไดแ้ ก่ จงั หวัดปัตตาน ี นราธิวาส ยะลา สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
และสตลู 96 เพศวิถศี กึ ษา
2.2.1 การหม้ัน การที่ฝ่ายชายหญิงสัญญาตกลงกันว่าจะทำาการสมรสตามกฎหมายต่อไป
แตก่ ฎหมายมไิ ดบ้ งั คบั วา่ จะตอ้ งทาำ สญั ญาหมน้ั กอ่ นจดทะเบยี นสมรส การทาำ สญั ญาหมน้ั จงึ ใชเ้ ปน็ ขอ้ ผกู มดั 5) การสมรสจะเปน็ โมฆะทนั ท ี หากฝา่ ยชายหรอื หญงิ เปน็ บคุ คลวกิ ลจรติ ฝา่ ยชาย
ในการบังคบั การสมรสมิได้ และหญงิ เปน็ ญาติสบื สายโลหติ โดยตรง ฝา่ ยชายหรือหญิงมีค่สู มรสท่ีจดทะเบยี นสมรสกันอย่กู ่อนแล้ว
การหม้ันทสี่ มบูรณ์ตามกฎหมาย ตอ้ งมีองค์ประกอบต่อไปนี้ 6) แม้ผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมจะสมรสกันมิได้ แต่หากทั้งสอง
1) ชาย หญิงที่จะทาำ สัญญาหมั้น ตอ้ งมีอายไุ ม่ต่ำากวา่ 17 ปีบรบิ รู ณท์ ้ังค ู่ หากฝา่ ยใด จดทะเบยี นสมรสกนั การสมรสนนั้ กม็ ผี ลสมบูรณ์ เพยี งแตท่ ำาให้การรับบตุ รบุญธรรมยกเลิกไป
ฝา่ ยหน่งึ อายุตา่ำ กวา่ 17 ปี การหมนั้ ย่อมตกเป็นโมฆะ
2) กรณีทช่ี าย หญงิ ยงั เป็นผเู้ ยาว ์ ผ้แู ทนโดยชอบธรรมจะต้องใหค้ วามยนิ ยอมกอ่ น ทรพั ยส์ นิ ระหว่างสามภี รรยา ม ี 2 ประเภทดงั นี้
3) การหมั้นจะสมบูรณ์ทางกฎหมาย เม่ือฝ่ายชายส่งมอบของหมั้นให้แก่ฝ่ายหญิงใน
ขณะท่ีทำาการหม้นั โดยของหมน้ั จะตกเปน็ กรรมสทิ ธ์ิของฝา่ ยหญงิ ทนั ที เมอื่ มกี ารสง่ มอบจากฝ่ายชาย สินสว่ นตัว สินสมรส
4) ฝ่ายชายอาจมีการมอบสินสอดให้แก่บิดามารดา (หรือผู้รับบุตรบุญธรรม หรือ
ผ้ปู กครอง) ของฝา่ ยหญงิ โดยไมจ่ าำ เปน็ ตอ้ งสง่ มอบขณะทาำ การหมน้ั และแมไ้ มม่ กี ารมอบสนิ สอด การหมน้ั ● ของหม้นั เป็นสนิ ส่วนตวั ของภรรยา ● ทรพั ยส์ ินท่คี ู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
กส็ มบรู ณไ์ ด้ ทงั้ เงนิ เดือน โบนัส เงนิ รางวัลตา่ งๆ
กรณีท่หี มนั้ และไมม่ ีการสมรส ● ทรพั ยส์ ินที่สามีภรรยามีมาก่อนสมรส
หากไมม่ กี ารสมรส ของหมนั้ และสนิ สอดนนั้ ฝา่ ยชายสามารถเรยี กคนื ได้ หากฝา่ ยหญงิ ● ทรพั ย์สนิ ทีพ่ ินยั กรรม หรอื หนังสือระบวุ า่
เปน็ ผผู้ ดิ สญั ญาหมนั้ ฝา่ ยชายบอกเลกิ สญั ญาหมนั้ อนั เนอ่ื งมาจากเหตสุ ำาคญั ทเี่ กดิ แกฝ่ า่ ยหญงิ คหู่ มน้ั เชน่ ● เครือ่ งใช้ส่วนตัว เครื่องแตง่ กาย มอบให้มรดกน้นั เปน็ สินสมรส
ฝา่ ยหญงิ เปน็ โรคตดิ ตอ่ รา้ ยแรง ฝา่ ยหญงิ เปน็ ชกู้ บั ชายอนื่ แตห่ ากฝา่ ยชายเปน็ ผผู้ ดิ สญั ญาหมนั้ หรอื คหู่ มนั้ เครือ่ งประดบั เครือ่ งมือประกอบอาชีพ
ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงถึงแก่ความตาย ฝ่ายหญิงไม่ต้องคืนของหมั้น และบิดามารดาของฝ่ายหญิงก็ไม่ต้องคืน ของสามีภรรยา ● ทรัพยส์ ินทีเ่ ป็นดอกผลของสินส่วนตวั หลัง
สินสอด จากการจดทะเบยี นสมรส เช่น ดอกเบ้ยี
2.2.2 การสมรส คือการท่ีฝ่ายชาย หญิงตกลงกันว่าจะอยู่กินฉันสามีภรรยา โดยการ ● ทรพั ยส์ นิ ทสี่ ามีหรือภรรยาได้มาโดย เงินฝากหลงั จดทะเบยี นสมรส
จดทะเบียนสมรสเพื่อให้เป็นสามีภรรยาท่ีชอบด้วยกฎหมาย การสมรสท่ีสมบูรณ์ตามกฎหมาย การรบั มรดก หรือการใหโ้ ดยเสน่หา
ตอ้ งมีองค์ประกอบต่อไปนี้
1) ชาย หญิงต้องมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ทั้งคู่ การสมรสที่ชาย หญิงมีอายุตำ่ากว่า 3. สทิ ธใิ นการแสดงออกตามวถิ ีชวี ติ ทางเพศ
17 ป ี จะเกดิ ขึน้ ได้หากศาลอนญุ าต เช่น ฝ่ายหญงิ อาย ุ 15 ป ี แต่ตัง้ ครรภร์ ะหวา่ งนั้น
2) หากชาย หญงิ ยงั เป็นผเู้ ยาว ์ ต้องไดร้ ับความยินยอมจากผแู้ ทนโดยชอบธรรมก่อน 3.1 ความหมายและความสำาคญั ของสิทธิมนษุ ยชน
3) ฝา่ ยชาย หญงิ ตอ้ งยนิ ยอมเปน็ สามภี รรยากนั และมเี จตนาเปน็ สามภี รรยากนั จรงิ ๆ
หากจดทะเบียนสมรสเพื่อประโยชน์บางอย่างโดยไม่มีเจตนาเป็นสามีภรรยากัน การสมรสนั้น พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายว่า
จะตกเปน็ โมฆะ “สิทธิมนุษยชน” หมายถึงศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับ
4) การสมรสจะสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย หากมีการจดทะเบียนสมรสต่อหน้า การรบั รองหรอื คมุ้ ครองตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย หรอื ตามกฎหมายไทย หรอื ตามสนธสิ ญั ญา
เจา้ หน้าท่ ี ที่ประเทศไทยมีพันธกรณีทจ่ี ะตอ้ งปฏิบตั ติ าม
ความสาำ คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน จงึ เปน็ ผลมาจากการทม่ี นษุ ยเ์ กดิ มามสี ทิ ธใิ นตนเอง มเี กยี รตภิ มู ิ
รอบรู้อาเซียนและโลก ในความเป็นมนุษย์ มีคุณค่าในตนเอง มีความภาคภูมิใจในตนเอง โดยเช่ือว่ามนุษย์ทุกคนมีฐานะ
เทา่ เทยี มกนั จึงพงึ ไดร้ บั การคุม้ ครองจากรัฐและการปฏบิ ัติอย่างเท่าเทียมกัน
asean
3.2 บทบัญญตั ริ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับเรื่องสิทธมิ นุษยชน
• การบูรณาการค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเนื้อหาท่ี
กำ� หนดใหใ้ นบทเรยี น ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ พมิ่ พนู ความรู้ บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำาหนดเกี่ยวกับเร่ือง
ภาษาองั กฤษ และมเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ การสอ่ื สารดว้ ยภาษา สิทธิมนุษยชนว่า เป็นศักด์ิศรีของความเป็นมนุษย์ท่ีจะต้องได้รับการเคารพจากผู้อื่น เป็นสิทธิเสรีภาพ
องั กฤษทใี่ ชเ้ ปน็ ภาษากลางในการทำ� งานของอาเซยี น และความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย ผู้อ่ืนจะไปละเมิดมิได้ ดังน้ัน
• ค้นหากฎหมายท่ีใช้ร่วมกันในประเทศอาเซียน เช่น สทิ ธิเสรภี าพในรฐั ธรรมนูญสามารถแบ่งออกไดด้ ังน้ี
การข้ามแดนเพื่อซื้อสินค้า การท่องเที่ยวระหว่าง
ประเทศ

สดุ ยอดคมู่ ือครู 93

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

สทิ ธิและเสรภี าพสงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดกฎหมายใกลต้ ัว 97
ส่วนบุคคล
สิทธิและเสรภี าพ
เสรีภาพในเคหสถาน ในชีวติ และรา่ งกาย
การเข้าไปในเคหสถาน การทรมาน ทารุณกรรม
โดยปราศจากความยินยอม การค้นตัวบุคคล การจับและ
ข อ ง ผู้ ค ร อ บ ค ร อ ง ห รื อ การคุมขังบุคคลจะกระทำามิได้
การตรวจค้นเคหสถานหรือ เว้นแต่มีคำาสั่งหรือหมายศาล
ในที่รโหฐานจะกระทำามิได้ หรือมีเหตุอย่างอ่ืน ตามที่
เวน้ แต่มคี ำาสง่ั หรอื หมายศาล กฎหมายบัญญัติ

สิทธิในครอบครวั เสรีภาพในการเดนิ ทาง
มี สิ ท ธิ ใ น ค ร อ บ ค รั ว และการเลอื กถ่ินทีอ่ ยู่อาศยั
ตลอดจนความเป็นอยู่ส่วนตัว มีเสรีภาพในการเดินทาง
การกระทำาท่ีเป็นการละเมิด ไปในสถานที่ต่างๆ รวมถึง
หรือกระทบถึงสิทธิของบุคคล ก า ร เ ลื อ ก ท่ี จ ะ ต้ั ง ถิ่ น ฐ า น
ในครอบครัว จะกระทำามิได้ ในพ้ืนที่ต่างๆ ภายในประเทศ
เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ ได้อย่างเสรี เว้นแต่เป็นเขต
ตอ่ สาธารณะ ทก่ี ฎหมายหา้ มไว้

เสรีภาพในการนับถอื ศาสนา เสรภี าพในการสอื่ สาร
มีเสรีภาพในการนับถือ มีเสรีภาพในการสื่อสาร
ศาสนาได้อย่างเสรีโดยไม่เป็น ถึงกันในทางท่ีชอบด้วยกฎหมาย
ป ฏิ ปั ก ษ์ ต่ อ ห น้ า ท่ี พ ล เ มื อ ง การขัดขวางด้วยวิธีการต่างๆ
และไม่เป็นการขัดต่อความสงบ จะกระทำามิได้ ยกเว้นเพื่อ
เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ก า ร รั ก ษ า ค ว า ม มั่ น ค ง ข อ ง
ของประชาชน รัฐหรือเพ่ือรักษาความสงบ
เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน 98 เพศวถิ ีศึกษา
3.2.1 สทิ ธใิ นกระบวนการยตุ ิธรรมของประชาชนชาวไทย มดี ังน ้ี
สิทธิในการเกณฑ์แรงงาน 1) สิทธิการรับโทษทางอาญา บุคคลไม่ต้องรับโทษทางอาญา เว้นแต่บุคคลนั้นได้
ก า ร เ ก ณ ฑ์ แ ร ง ง า น กระทำาผดิ ตามกฎหมายอาญา และให้ถอื ว่าบุคคลนัน้ ยงั ไม่มีความผิดจนกวา่ ศาลจะมคี ำาพิพากษาถงึ ท่สี ุด
จากรัฐบาลไม่สามารถทำาได้ แลว้ เท่านั้น
เ ว้ น แ ต่ โ ด ย อ า ศั ย อำ า น า จ 2) สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ยุติธรรมได้โดยง่าย เช่น การได้รับการปฏิบัติท่ีเป็นธรรม โปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม มีโอกาสใน
เฉพาะเพ่ือประโยชน์ในการ การตอ่ สคู้ ดตี า่ งๆ
ป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ 3.2.2 สิทธใิ นทรพั ยส์ นิ ของประชาชนชาวไทย มีดงั นี้
ที่เกดิ ข้นึ ในภาวะฉกุ เฉิน 1) สิทธิในทรัพย์สิน ประชาชนทุกคนมีสิทธิในทรัพย์สินท่ีได้มาโดยถูกต้องตาม
กฎหมาย เชน่ การสบื มรดก
ทักษะชีวิต 2) สิทธิในการท่ีจะไม่ถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์ที่ไม่สามารถเคล่ือนท่ีได ้
เช่น บ้านและท่ีดิน เว้นแต่โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย แต่ต้องกำาหนดค่าตอบแทน
การน�ำความรู้เรื่องกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับตนเอง อย่างเป็นธรรม
และครอบครัว สิทธิและการแสดงออก รวมถึงประมวล 3.2.3 สทิ ธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพของประชาชนชาวไทย มดี ังนี ้
กฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖-๒๘๗ มาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ 1) เสรีภาพในการประกอบอาชีพ ประชาชนทกุ คนมเี สรีภาพในการประกอบอาชีพได้
ประจำ� วนั เพอ่ื ใหส้ ามารถปฏบิ ตั ติ นไดถ้ กู ตอ้ งตามสทิ ธแิ ละ อย่างเตม็ ที่ มกี ารแข่งขนั โดยเสรแี ละเปน็ ธรรม
กฎหมาย เปน็ การเสรมิ สรา้ งทักษะชีวิตท่ีมีผลดีต่อตนเอง 2) สิทธิในการมีหลักประกันความปลอดภัยในการทำางาน ประชาชนทุกคนจะมี
และสังคม หลกั ประกันความปลอดภยั และสวัสดิภาพในการทาำ งาน รวมทัง้ หลักประกันในการดาำ รงชพี ท้งั ในระหวา่ ง
การทำางานและเม่อื พ้นภาวะการทำางาน
3.2.4 เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและส่ือมวลชนของประชาชนชาวไทย
มดี งั น ้ี
1) เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ประชาชนทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็น
การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการส่ือความหมายโดยวิธีอื่นได้อย่างเต็มที่ ซ่ึงการจำากัด
เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติ
แหง่ กฎหมาย
2) เสรีภาพในด้านการสื่อสารสาธารณะ ส่ือสารมวลชนทุกแขนงทั้งหนังสือพิมพ์
วทิ ยกุ ระจายเสยี ง วทิ ยโุ ทรทศั น์ หรอื สอ่ื มวลชนอน่ื ย่อมมีเสรภี าพในการเสนอข่าวและแสดงความคดิ เหน็
ภายใต้ข้อจาำ กัดตามรฐั ธรรมนูญ โดยไมต่ กอยูภ่ ายใตอ้ าำ นาจของหน่วยงานใด แตต่ อ้ งไม่ขดั ตอ่ จริยธรรม
แห่งการประกอบวิชาชีพ
3.2.5 สิทธิเสรีภาพในการศึกษา ประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการได้รับการศึกษา
ของรฐั โดยไมเ่ กบ็ คา่ ใชจ้ า่ ยและมคี ณุ ภาพไมน่ ้อยกวา่ 12 ปี และมเี สรภี าพทางวิชาการ โดยประชาชนได้รบั
การศึกษาอบรม การเรียน การสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับ
ความคุม้ ครอง ทัง้ น้ีตอ้ งไมข่ ัดต่อหนา้ ที่ของพลเมอื งหรอื ศลี ธรรมอันดขี องประชาชน

94 สุดยอดคูม่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

กฎหมายใกลต้ ัว 99 สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St ep 5 บขัน้รปิกราระเสมังินคเพมแอ่ื ลเพะจ่มิ ิตคสณุ าคธ่าารณะ
3.2.6 สทิ ธใิ นการไดร้ บั บรกิ ารสาธารณสขุ และสวสั ดกิ ารจากรฐั ของประชาชนชาวไทย มดี งั น ้ี
1) ประชาชนทกุ คนเปน็ ผทู้ มี่ สี ทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การบรกิ ารทางสาธารณสขุ ทเ่ี หมาะสมและ Self-Regulating
ไดม้ าตรฐานจากรัฐ ซงึ่ ตอ้ งเป็นไปอยา่ งท่วั ถึงและมีประสทิ ธิภาพ
2) เด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิท่ีจะได้รับความคุ้มครองจากรัฐ 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้
จากการใชค้ วามรนุ แรงและการปฏบิ ตั ทิ ไี่ มเ่ ปน็ ธรรม รวมทง้ั มสี ทิ ธทิ จี่ ะมชี วี ติ รอดและไดร้ บั การพฒั นาทาง ความเขา้ ใจของตนเองหลงั จากรบั ฟงั การนำ� เสนอของ
ด้านรา่ งกาย จติ ใจ และสติปญั ญา ตามศักยภาพในสภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสม สมาชิกกลุ่มอื่น ปรับปรุงช้ินงานของกลุ่มตนเองให้
3) สิทธิของผู้สูงอายุ ประชาชนผู้มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ข้ึนไปและไม่มีรายได้ สมบูรณแ์ ละบันทกึ เพ่ิมเตมิ
เพยี งพอแกก่ ารยงั ชพี มสี ทิ ธไิ ดร้ บั สวสั ดกิ าร สง่ิ อาำ นวยความสะดวกอนั เปน็ สาธารณะอยา่ งสมศกั ดศ์ิ รี และ 2. น�ำผลงานแสดงในป้ายนิเทศหรือเผยแพร่สู่ห้องเรียน
ความชว่ ยเหลอื ทเ่ี หมาะสมจากรฐั อืน่ หรือสาธารณะ
4) สิทธิของผู้พิการหรือทุพพลภาพ ประชาชนที่ร่างกายพิการหรือทุพพลภาพมีสิทธิ
เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสวัสดิการ สิ่งอำานวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ และความช่วยเหลือที่ องคก์ ารพฒั นาเอกชนหรอื NGO เปน็ องคก์ รทไี่ มใ่ ชภ่ าครฐั
เหมาะสมจากรฐั และไมใ่ ชภ่ าคธรุ กจิ ทแ่ี สวงหากำ� ไร กอ่ ตง้ั และดำ� เนนิ การโดย
5) สิทธิของผู้ยากจน ประชาชนที่ยากจน ไร้ท่ีอยู่อาศัย และมีรายได้ไม่เพียงพอต่อ กลมุ่ บคุ คลทม่ี คี วามมงุ่ มน่ั ในการเขา้ มามสี ว่ นรว่ มแกไ้ ขปญั หา
การยังชพี ย่อมมสี ทิ ธิได้รบั ความชว่ ยเหลือทเี่ หมาะสมจากรัฐ สงั คม
3.2.7 สิทธใิ นขอ้ มูลข่าวสารและการร้องเรียนของประชาชนชาวไทย มดี งั น้ี
1) ประชาชนมีสิทธิไดร้ ับทราบและเข้าถึงข้อมลู ของหน่วยราชการ หน่วยงานของรฐั 100 เพศวิถีศกึ ษา
รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถ่ิน เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารนั้นจะกระทบต่อความมั่นคง
ของรัฐ การดำาเนินโครงการหรือกิจกรรมใดท่ีอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย 4. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถึงมาตรา ๒๘๗
คุณภาพชีวิต รฐั ต้องจดั ให้มกี ระบวนการรับฟังความคดิ เห็นของประชาชนอย่างท่ัวถงึ
2) ประชาชนมสี ทิ ธใิ นการมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการพจิ ารณาของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั ทอ่ี าจ ความผดิ เก่ียวกับเพศ บัญญตั อิ ยใู่ นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ ถึงมาตรา ๒๘๗ สาำ หรบั
มีผลกระทบต่อสิทธแิ ละเสรภี าพ รวมถึงสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์และได้รับแจง้ ผลการพจิ ารณาภายใน มาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ และมาตรา ๒๘๖ ไดม้ ีการแกไ้ ข เพิม่ เติม โดยพระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพ่มิ เติม
เวลาอันรวดเร็ว ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับท่ี ๑๙) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๖ ก วันที่ ๑๙
3) ประชาชนมีสิทธิในการฟ้องร้องหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อตนเอง กันยายน ๒๕๕๐ มีผลใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ ๒๐ กันยายน
และมีสิทธิได้รับการคุม้ ครองในฐานะของผ้บู ริโภค ๒๕๕๐
3.2.8 เสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมของประชาชนชาวไทย มดี ังน ้ี
1) ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เว้นแต่โดยอาศัย ลกั ษณะ ๙ ความผิดเก่ยี วกบั เพศ
อาำ นาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย เฉพาะในกรณกี ารชมุ นมุ สาธารณะ และเพอื่ คมุ้ ครองความสะดวกของ มาตรา ๒๗๖ ผู้ใดข่มขืนกระทำาชำาเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำาลังประทุษร้าย
ประชาชนทีจ่ ะใช้พื้นทส่ี าธารณะ โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำาให้ผู้อ่ืนน้ันเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอ่ืน
2) ประชาชนมีสิทธิในการรวมกัน เป็นสมาคม สหภาพ สหพันธ์ สหกรณ์ ตอ้ งระวางโทษจำาคุกตงั้ แตส่ ปี่ ีถงึ ยีส่ ิบป ี และปรบั ตัง้ แตแ่ ปดพันบาทถึงสี่หมืน่ บาท
กลุ่มเกษตรกร องค์การเอกชน องค์การพัฒนาเอกชน หรอื หมคู่ ณะอนื่        การกระทำาชำาเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่าการกระทำาเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำาโดย
3) ประชาชนมเี สรภี าพในการรว่ มกนั จดั ตงั้ พรรคการเมอื ง เพอ่ื ดาำ เนนิ กจิ กรรมในทาง การใชอ้ วยั วะเพศของผกู้ ระทำากระทาำ กบั อวยั วะเพศ ทวารหนกั หรือชอ่ งปากของผ้อู ืน่ หรือการใช้สิง่ อ่นื ใด
การเมอื งใหเ้ ปน็ ไปตามเจตนารมณ์ ตามวถิ ที างของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ กระทาำ กับอวยั วะเพศหรอื ทวารหนักของผอู้ น่ื
ทรงเปน็ ประมุข           ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทาำ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วม
4) ประชาชนมสี ทิ ธติ อ่ ตา้ นโดยสนั ตวิ ธิ ี การกระทาำ ใดๆ ทเ่ี ปน็ ไปเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ อาำ นาจ กระทำาความผดิ ดว้ ยกนั อนั มลี กั ษณะเปน็ การโทรมหญงิ หรอื กระทำากบั ชายในลกั ษณะเดยี วกนั ตอ้ งระวาง
ในการปกครองประเทศโดยวิธีการท่ีไมเ่ ปน็ ไปตามวิถที างท่ีบัญญัตไิ วใ้ นรัฐธรรมนญู โทษจำาคุกตัง้ แต่สิบห้าปถี งึ ยส่ี ิบป ี และปรับต้ังแต่สามหม่ืนบาทถึงสี่หมื่นบาท หรอื จาำ คุกตลอดชวี ติ
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคหน่ึง เป็นการกระทำาความผิดระหว่างคู่สมรสและคู่สมรสน้ันยัง
ค่านิยมหลัก 12 ประการ ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำาหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะ
กาำ หนดเงอ่ื นไขเพอื่ คมุ ความประพฤตแิ ทนการลงโทษกไ็ ด ้ ในกรณที ศ่ี าลมคี าำ พพิ ากษาใหล้ งโทษจาำ คกุ และ
• มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ หวงั ดีต่อผูอ้ น่ื เผือ่ แผแ่ ละ คสู่ มรสฝา่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ไมป่ ระสงคจ์ ะอยกู่ นิ ดว้ ยกนั ฉนั สามภี รยิ าตอ่ ไป และประสงคจ์ ะหยา่ ใหค้ สู่ มรสฝา่ ย
แบง่ ปัน นั้นแจง้ ใหศ้ าลทราบ และให้ศาลแจง้ พนักงานอัยการใหด้ าำ เนินการฟ้องหยา่ ให้
• ใฝ่หาความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและ
ทางอ้อม

มาตรา ๒๗๗ ผ้ใู ดกระทาำ ชาำ เราเดก็ อายยุ งั ไมเ่ กนิ สบิ ห้าป ี ซ่งึ มใิ ชภ่ ริยาหรอื สามขี องตน โดยเด็กน้นั
จะยนิ ยอมหรอื ไมก่ ต็ าม ตอ้ งระวางโทษจาำ คกุ ตงั้ แตส่ ป่ี ถี งึ ยส่ี บิ ป ี และปรบั ตงั้ แตแ่ ปดพนั บาทถงึ สห่ี มน่ื บาท
การกระทำาชำาเราตามวรรคหน่ึง หมายความว่าการกระทำาเพ่ือสนองความใคร่ของผู้กระทำาโดย
การใช้อวัยวะเพศของผกู้ ระทาำ กระทำากบั อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรอื ชอ่ งปากของผูอ้ นื่ หรอื การใช้สง่ิ อน่ื ใด
กระทาำ กบั อวยั วะเพศหรอื ทวารหนกั ของผ้อู น่ื
ถ้าการกระทาำ ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทาำ แก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามป ี ต้องระวางโทษ
จาำ คุกต้ังแตเ่ จด็ ปีถึงยี่สบิ ปี และปรบั ตั้งแตห่ นง่ึ หม่ืนสพ่ี ันบาทถงึ สห่ี ม่นื บาท หรือจำาคกุ ตลอดชีวิต

สดุ ยอดคูม่ อื ครู 95

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

กฎหมายใกลต้ วั 101 ep 2 ขน้ั คดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความรู้

          ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคหน่ึงหรอื วรรคสามไดก้ ระทำาโดยร่วมกระทาำ ความผิดด้วยกนั อันมี Processing
ลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำากับเด็กชายในลักษณะเดียวกันและเด็กนั้นไม่ยินยอม หรือได้
กระทาำ โดยมีอาวุธปืนหรอื วัตถุระเบดิ หรือโดยใชอ้ าวุธ ต้องระวางโทษจาำ คุกตลอดชวี ิต
          ความผดิ ตามทบี่ ญั ญัตไิ วใ้ นวรรคหนึ่ง ถ้าเปน็ การกระทำาโดยบคุ คลอายไุ ม่เกินสบิ แปดปกี ระทาำ ตอ่
เด็กซ่ึงมีอายุกว่าสิบสามปี แต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กน้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให้ท้ังสอง
ฝ่ายสมรสกัน ผู้กระทำาผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้าศาลอนุญาตให้สมรสในระหว่างผู้กระทำาผิดกำาลังรับโทษใน
ความผิดน้ันอยู่ ให้ศาลปล่อยผู้กระทำาความผิดไป มาตรา ๒๗๗ ทวิ ถ้าการกระทำาความผิดตาม
มาตรา ๒๗๖ วรรคหน่งึ หรือมาตรา ๒๗๗ วรรคหน่ึงหรือวรรคสาม เป็นเหตใุ ห้ผถู้ กู กระทำา
(๑) รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกต้ังแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับต้ังแต่
สามหม่นื บาทถึงสหี่ มื่นบาท หรือจาำ คุกตลอดชวี ติ
(๒) ถงึ แก่ความตาย ผู้กระทำาตอ้ งระวางโทษประหารชีวิต หรอื จาำ คุกตลอดชีวติ

.
มาตรา ๒๗๗ ตร ี ถ้าการกระทำาความผดิ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม หรือมาตรา ๒๗๗ วรรคส ่ี
เป็นเหตุให้ผถู้ ูกกระทำา
(๑) รับอันตรายสาหัส ผกู้ ระทาำ ตอ้ งระวางโทษประหารชีวติ หรอื จำาคุกตลอดชวี ติ  
(๒) ถงึ แก่ความตาย ผกู้ ระทาำ ตอ้ งระวางโทษประหารชวี ิต

             
มาตรา ๒๗๘ ผู้ใดกระทาำ อนาจารแกเ่ ดก็ อายยุ งั ไม่เกนิ สบิ ห้าป ี โดยขเู่ ข็ญดว้ ยประการใดๆ โดยใช้
กำาลังประทุษร้าย โดยบุคคลน้ันอยู่ในภาวะท่ีไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำาให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่า
ตนเปน็ บคุ คลอื่น ต้องระวางโทษจำาคกุ ไมเ่ กนิ สิบป ี หรอื ปรบั ไม่เกนิ สองหม่นื บาท หรือทงั้ จาำ ทัง้ ปรบั
St 1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือน
ความต่างท่ีรวบรวมได้จากนิยามที่ศึกษาค้นคว้า
สงวน ิลข ิสท ์ิธ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด St เกยี่ วกบั ประมวลกฎหมาย อาญามาตรา ๒๗๖-๒๘๗
2. ผู้เรียนร่วมกันเชื่อมโยงความคล้ายคลึง/แตกต่างของ
ข้อมูลท่ีน�ำมาอธิปราย และสรุปความรู้ตามหัวข้อ
อภปิ ราย แสดงเป็นความคดิ รวบยอดหรอื หลกั การลง
ในผงั กราฟกิ

ลักษณะความผิดทยี่ อมความได้และยอมความไม่ได้ การลงโทษตามระดบั ของความผิด
ลกั ษณะความผดิ กฎหมายมาตรา ลกั ษณะความผดิ

มาตรา ๒๗๙ ผใู้ ดกระทำาอนาจารแก่เด็กอายุยังไมเ่ กนิ สิบห้าป ี โดยเด็กนน้ั จะยนิ ยอมหรอื ไม่กต็ าม 3. ผู้เรียนบันทึกผลข้อสรปุ เป็นความร้คู วามเข้าใจ
ตอ้ งระวางโทษจาำ คกุ ไม่เกินสบิ ป ี หรอื ปรับไมเ่ กนิ สองหมนื่ บาท หรือทงั้ จำาท้งั ปรบั
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรก ผู้กระทำาได้กระทำาโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำาลัง 102 เพศวิถีศึกษา
ประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำาให้เด็กน้ันเข้าใจผิดว่าตนเป็น
บุคคลอ่ืน ตอ้ งระวางโทษจำาคกุ ไมเ่ กนิ สบิ หา้ ป ี หรอื ปรับไม่เกินสามหม่นื บาท หรอื ท้ังจาำ ท้งั ปรบั มาตรา ๒๘๑   การกระทำาความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคแรก และมาตรา ๒๗๘ นั้น ถ้ามไิ ดเ้ กิด
ต่อหน้าธารกาำ นัล ไม่เปน็ เหตใุ หผ้ ถู้ ูกกระทาำ รับอันตรายสาหัสหรอื ถงึ แกค่ วามตาย หรอื มไิ ดเ้ ป็นการกระทำา
   แกบ่ คุ คลดังระบุไวใ้ นมาตรา ๒๘๕ เปน็ ความผดิ อนั ยอมความได้
มาตรา ๒๘๐  ถา้ การกระทำาความผดิ ตามมาตรา ๒๗๔ หรอื มาตรา ๒๗๙ เป็นเหตใุ ห้ผถู้ ูกกระทาำ
๑) รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงย่ีสิบปี และปรับต้ังแต่ มาตรา ๒๘๒   ผ้ใู ดเพ่ือสนองความใคร่ของผูอ้ ่ืน เป็นธรุ ะจัดหา ล่อไป หรอื พาไปเพื่อการอนาจาร
หนงึ่ หมื่นบาทถงึ สหี่ มน่ื บาท ซง่ึ ชายหรอื หญงิ แมผ้ นู้ น้ั จะยนิ ยอมกต็ าม ตอ้ งระวางโทษจาำ คกุ ตงั้ แตห่ นงึ่ ปถี งึ สบิ ปี และปรบั ตง้ั แตส่ องพนั
๒) ถึงแกค่ วามตาย ผกู้ ระทำาต้องระวางโทษประหารชีวติ หรอื จำาคกุ ตลอดชวี ติ บาทถึงสองหม่ืนบาท ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี
แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาท
เรอ่ื งที่ 2 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖-๒๘๗ ถึงสามหม่ืนบาท 
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่บุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ผู้กระทำาต้อง
ep 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู ระวางโทษจาำ คกุ ตั้งแต่ห้าปีถงึ ย่สี ิบปี และปรับต้งั แตห่ นงึ่ หมื่นบาทถงึ สห่ี มื่นบาท
ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น รับตัวบุคคลซ่ึงมีผู้จัดหาล่อไป หรือพาไปตามวรรคแรก
Gathering วรรคสอง หรือวรรคสาม หรือสนบั สนนุ ในการกระทำาความผดิ ดงั กลา่ ว ตอ้ งระวางโทษตามทีบ่ ัญญตั ไิ ว้ใน
วรรคแรก วรรคสอง หรอื วรรคสาม แล้วแต่กรณี
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสารหนังสือเรียน
เก่ียวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถึง มาตรา ๒๘๓   ผู้ใดเพอื่ สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจดั หา ลอ่ ไป หรือพาไปเพ่อื การอนาจารซึ่ง
มาตรา ๒๘๗ ชายหรือหญิง โดยใช้อุบาย หลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้าย ใช้อำานาจครอบงำาผิดครองธรรม หรือ
2. ต้ังค�ำถามให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียว ใชว้ ธิ ขี ม่ ขนื ใจดว้ ยประการอน่ื ใด ตอ้ งระวางโทษจำาคกุ ตง้ั แตห่ า้ ปถี งึ ยสี่ บิ ปี และปรบั ตงั้ แตห่ นง่ึ หมน่ื บาทถงึ
กบั ประมวลกฎหมายอาญาความผดิ เกยี่ วกบั เพศ โดย ส่หี มนื่ บาท
ศกึ ษาคน้ ควา้ จากเอกสารหนงั สอื เรยี น คน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ ถา้ การกระทาำ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน็ การกระทาำ แกเ่ ดก็ อายยุ งั ไมเ่ กนิ สบิ หา้ ป ี ผกู้ ระทาำ ตอ้ งระวาง
จากแหล่งเรียนรู้อืน่ และจากประสบการณข์ องผู้เรียน โทษจาำ คกุ ตง้ั แตส่ บิ ปถี งึ ยสี่ บิ ป ี และปรบั ตง้ั แตส่ องหมนื่ บาทถงึ สห่ี มนื่ บาท หรอื จาำ คกุ ตลอดชวี ติ หรอื ประหาร
3. ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มบนั ทกึ ผลการเก็บรวบรวมข้อมลู ตาม ชวี ิต
หวั ข้อทก่ี �ำหนดให้ เขียนลงผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบ ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อ่ืน รับตัวบุคคลซ่ึงมีผู้จัดหา ล่อไป หรือพาไปตามวรรคแรก
และใชผ้ งั กราฟกิ ทเี่ หมาะสมกบั ลกั ษณะของขอ้ มลู ) ดงั วรรคสอง หรือวรรคสาม หรือสนับสนุนในการกระทาำ ความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษตามท่ีบัญญัติไว้
ในวรรคแรก วรรคสอง หรือวรรคสาม แลว้ แต่กรณี

ตวั อยา่ ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖-๒๘๗
มาตรา ลักษณะความผดิ โทษปรบั โทษจำ�คุก

96 สดุ ยอดคู่มือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

กฎหมายใกลต้ วั 103 ep 4 ขั้นส่ือสารและนำ� เสนอ

มาตรา ๒๘๓ ทวิ   ผใู้ ดพาบคุ คลอายุเกนิ สิบหา้ ปีแต่ยังไมเ่ กนิ สิบแปดปีไปเพอื่ การอนาจาร แม้ผนู้ ้นั ACpopmlyminugnitchaetion Skill
จะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำาคกุ ไม่เกนิ ห้าป ี หรือปรบั ไม่เกินหน่งึ หม่นื บาท หรอื ท้ังจำาทงั้ ปรับ
ถา้ การกระทาำ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน็ การกระทาำ แกเ่ ดก็ อายยุ งั ไมเ่ กนิ สบิ หา้ ป ี ผกู้ ระทาำ ตอ้ งระวาง 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวีน�ำเสนอให้ผู้อ่ืน
โทษจาำ คุกไมเ่ กนิ เจ็ดปี หรือปรับไม่เกนิ หน่งึ หมื่นสพ่ี ันบาท หรอื ท้งั จาำ ทง้ั ปรับ รับรู้และส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคนิควิธี
ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซ่ึงถูกพาไปตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติ ที่เหมาะสมบูรณาการการใช้สื่อ/เทคโนโลยี/ค�ำศัพท์
ในวรรคแรกหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี เพมิ่ เตมิ /สง่ิ ท่ีน่าสนใจแทรกในการรายงาน
ความผิดตามวรรคแรกและวรรคสามเฉพาะกรณีท่ีกระทำาแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี เป็นความผิด 2. สมุ่ กลุม่ ผเู้ รยี นนำ� เสนอผลการสรปุ ความรู้ความเขา้ ใจ
อนั ยอมความได้

มาตรา ๒๘๔ ผู้ใดพาผู้อ่ืนไปเพ่ืออนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้าย
ใช้อำานาจครอบงำาผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำาคุกต้ังแต่หน่ึงปี
ถึงสบิ ปี และปรบั ตง้ั แต่สองพันบาทถงึ สองหม่ืนบาท
          ผใู้ ดซ่อนเร้นบุคคลซงึ่ ถูกพาไปตามวรรคแรก ตอ้ งระวางโทษเชน่ เดยี วกบั ผพู้ าไปนัน้ ความผิดตาม
มาตรานเ้ี ปน็ ความผดิ ยอมความได้
St
มาตรา ๒๘๕ ถ้าการกระทำาความผิดตามมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๗ ทวิ มาตรา ท�ำการประทุษร้ายแก่กายหรือ จิตใจของบุคคล ไม่
สงวน ิลขสิท ์ิธ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด St๒๗๗ ตร ี มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๒ หรือมาตรา ๒๘๓ เป็นการกระทำาแก ่ว่าจะท�ำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอ่ืนใด และ
ผู้สืบสันดาน ศิษย์ซ่ึงอยู่ในความดูแลผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าท่ีราชการหรือผู้อยู่ในความปกครอง หมายความรวมถึงการกระท�ำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้
ในความพิทักษ์หรือในความอนุบาล ผู้กระทำาต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ บุคคลหน่ึงบุคคลใดอยู่อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
หน่งึ ในสาม ไม่ว่าจะโดยใช้ยาท�ำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอ่ืนใด
อนั คล้ายคลึงกนั
มาตรา ๒๘๖ ผู้ใดอายุกว่าสิบหกปีดำารงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี 
ตอ้ งระวางโทษจำาคุกตัง้ แต่เจด็ ปีถึงย่ีสิบปี และปรับตง้ั แตห่ นง่ึ หมน่ื สีพ่ นั บาท หรือจำาคกุ ตลอดชีวิต 104 เพศวถิ ศี กึ ษา
ผ้ใู ดไมม่ ีปัจจัยอย่างอ่ืนอนั ปรากฏสำาหรับดาำ รงชีพ หรือไม่มีปจั จยั อนั พอเพยี งสาำ หรับดาำ รงชพี และ
มีพฤติการณ์อย่างหน่ึงอย่างใดต่อไปน้ี ให้ถือว่าผู้นั้นดำารงชีพอยู่จากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี เว้นแต่ มาตรา ๒๘๗ ผใู้ ด
พิสจู น์ใหเ้ ป็นท่ีพอใจไดว้ า่ มิไดเ้ ป็นเชน่ น้นั ๑) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้าเพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดแก่
๑) อยรู่ ่วมกบั ผคู้ า้ ประเวณี หรือสมาคมกบั ผซู้ ึ่งคา้ ประเวณคี นเดยี วหรือหลายคนเป็นอาจณิ ประชาชน ทำา ผลิต มีไว้ นำาเข้า หรือยังให้นำาเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอก
๒) กนิ อยู่หลับนอน หรือรับเงนิ หรือประโยชน์อย่างอน่ื โดยผซู้ ง่ึ ค้าประเวณีเป็นผ้จู ดั ให้ ราชอาณาจักร พาไปหรอื ยังใหพ้ าไปหรือทำาให้แพรห่ ลายโดยประการใดๆ ซงึ่ เอกสาร ภาพเขยี น ภาพพิมพ์
๓) เขา้ แทรกแซงเพ่อื ชว่ ยผู้ซง่ึ คา้ ประเวณใี นการทะเลาะววิ าทกบั ผู้ท่ีคบคา้ กบั ผซู้ ึ่งค้าประเวณีน้ัน ภาพระบายส ี สงิ่ พมิ พ ์ รปู ภาพ ภาพโฆษณา เครอ่ื งหมาย รปู ถา่ ย ภาพยนตร ์ แถบบนั ทกึ เสยี ง แถบบนั ทกึ ภาพ
บทบัญญัติแห่งมาตราน้ีมิให้ใช้บังคับแก่ผู้รับค่าเล้ียงดูจากผู้ซ่ึงค้าประเวณีซ่ึงพึงให้ค่าเล้ียงดูนั้นตาม หรือสิ่งอืน่ ใดอันลามก
กฎหมายหรอื ตามธรรมจรรยา ๒) ประกอบการค้า  หรือมีส่วน หรือเข้าเก่ียวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามก
ดังกลา่ วแลว้ จ่ายแจกหรอื แสดงออกแกป่ ระชาชน หรอื ให้เชา่ วตั ถหุ รอื ส่ิงของเชน่ วา่ นัน้
ep 3 ขหั้นลปงั ฏกิบารัตปิแฏลิบะสตั ริ ปุ ความรู้   ๓)  เพ่ือจะช่วยการทำาให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือ
ไขข่าวโดยประการใดๆ ว่ามีบคุ คลกระทาำ การอนั เป็นความผิดตามมาตราน้ี หรือโฆษณา หรือไขข่าววา่ วัตถุ
tAhpeplKyninogwlaenddgeConstructing หรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใดหรือโดยวิธีใด ต้องระวังโทษจำาคุกไม่เกินสามปี
หรอื ปรบั ไมเ่ กินหกพนั บาท หรือทง้ั จำาท้ังปรบั
1. ผเู้ รยี นนำ� ขอ้ มลู สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจทไี่ ดแ้ ลกเปลย่ี น  
เรยี นรรู้ ว่ มกนั ระหวา่ งกลมุ่ ในชนั้ เรยี นมาวเิ คราะหเ์ กย่ี ว
กับประมวลกฎหมายอาญามาตร ๒๗๖-๒๘๗ สรุป
2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบวคามสมบูรณ์
ถูกต้องของความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประมวล กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความผิดและโทษ โดยกำาหนดให้ผู้กระทำาผิดได้รับโทษ
กฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖-๒๘๗ และท�ำกิจกรรม
ตรวจสอบความเข้าใจ (หนงั สอื เรียนหนา้ 105) ตามที่กฎหมายกำาหนด กฎหมายอาญาจึงมีความสำาคัญในการช่วยให้ประชาชนอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสุขและปลอดภยั  
กฎหมายแพ่ง เป็นกฎหมายเกยี่ วกับเรือ่ งบคุ คล ทรพั ย์สนิ นติ กิ รรม สญั ญา ละเมิด ครอบครวั และ
มรดก ท่มี ีความสำาคัญต่อการดำาเนนิ ชวี ิตต้ังแตเ่ กดิ จนตาย  
ทุกคนในสังคมเมื่อมีการอยู่ร่วมกันก็ต้องเคารพกติกาของสังคมและเคารพสิทธิต่างๆ ของ
บุคคลอ่ืนอย่างถูกต้อง การเคารพกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและการสร้างสันติสุข
ในสังคมไทย ส่ิงต่างๆ จะเกิดข้ึนได้ คือคนทุกคนต้องรู้จักเคารพและให้เกียรติคนอ่ืน ไม่เห็นแก่ตน
และครอบครวั ของตน เหลา่ นเ้ี ป็นหลักพื้นฐานของการอยรู่ ่วมกันของผ้คู นในสงั คมโดยปกตสิ ขุ

สดุ ยอดคู่มอื ครู 97

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

กฎหมายใกล้ตวั 105สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด Step 5 ขบนั้รปกิ ราระเสมังนิ คเพมแอ่ื ลเพะจิ่มติคสุณาคธ่าารณะ

กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ Self-Regulating

คำาชี้แจง กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพาะด้านความรู้-ความจำา เพื่อใช้ใน 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้
การตรวจสอบความเขา้ ใจตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความเขา้ ใจของตนเองหลงั จากรบั ฟงั การนำ� เสนอของ
สมาชิกกลุ่มอ่ืน ปรับปรุงชิ้นงานของกลุ่มตนเอง
คำาส่งั ใหส้ มบูรณ์และบันทกึ เพิ่มเตมิ
ตอนท่ ี 1 จงตอบคาำ ถามต่อไปนี้ 2. น�ำผลงานแสดงในป้ายนิเทศหรือเผยแพร่สู่ห้องเรียน
1. จงอธบิ ายความแตกต่างของกฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาโดยสังเขป อ่นื หรอื สาธารณะ
2. ลกั ษณะของกฎหมายแพง่ และกฎหมายอาญาประกอบด้วยอะไรบา้ ง 3. ผู้เรียนแต่ละคนท�ำแบบทดสอบ (หนังสือเรียนหน้า
3. จงอธบิ ายกฎหมายท่เี กย่ี วข้องกับตนเองและครอบครัว 130-131) แลกเปล่ียนกันตรวจให้คะแนน จากน้ัน
4. จงอธิบายสทิ ธมิ นุษยชนที่มคี วามสาำ คัญต่อผ้เู รียนโดยสังเขป ประเมินสรุปผลการท�ำกิจกรรม (หนังสือเรียนหน้า
5. จงอธบิ ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ ถงึ มาตรา ๒๘๗ โดยสงั เขป พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 129) ท�ำแบบประเมินตนเอง (หนังสอื เรียนหนา้ 131)
และก�ำหนดแนวทางการพัฒนาตนเอง
ตอนที ่ 2 จงขดี เคร่อื งหมาย ✓หนา้ ข้อความทีถ่ กู ตอ้ งและเครือ่ งหมาย ✗ หนา้ ขอ้ ความที่ผดิ

✓ 1. กฎหมายแพง่ เป็นเร่อื งท่เี กย่ี วข้องกับชวี ติ ประจำาวันของประชาชน
✗ 2. การกระทำาความผิดโดยประสงค์ต่อผลหรอื เลง็ เหน็ ผลในการกระทำาเปน็ กฎหมายแพ่ง
✗ 3. ผูเ้ ยาว ์ หมายถงึ เด็กแรกเกิดถึง 7 ปี
✓ 4. บุคคลที่ต้องทำาบตั รประชาชนตอ้ งมีอายตุ ้ังแต่ 7 ปี ถึง 70 ป ี บรบิ รู ณ์
✓ 5. การสมรส หมายถงึ ชาย หญิงตอ้ งมอี ายุครบ 17 ปขี ้นึ ไปทง้ั คู่
✗ 6. กรณีที่หมน้ั แล้วไม่มกี ารสมรส ฝ่ายชายไมส่ ามารถเรยี กคนื สนิ สอดของหมน้ั ได ้
✓ 7. สทิ ธิมนษุ ยชนเป็นผลมาจากการทมี่ นษุ ยเ์ กิดมามีสทิ ธิในตนเอง
✗ 8. ประชาชนมสี ทิ ธใิ นการรวมกนั เป็นสมาคม กลมุ่ หรือหม่คู ณะได้ เม่ืออาย ุ 20 ปีบริบูรณ์
✓ 9. ประชาชนท่ีมีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิ
ได้รบั สวสั ดกิ ารจากรฐั
✓ 10. ประชาชนมีสทิ ธิได้รบั ทราบและเขา้ ถึงข้อมูลของหน่วยงานราชการหรอื หนว่ ยงานของรัฐ

106 เพศวิถีศกึ ษา

ตอนที ่ 3 จงเลือกคำาตอบทถี่ ูกตอ้ งเตมิ ลงในชอ่ งว่าง

ก 1. ต้องเป็นการที่ชายใชอ้ วยั วะเพศชายสอดเขา้ ไปในอวัยวะเพศหญงิ
ข 2. การกระทาำ อนาจารเดก็ อายุไม่เกนิ สิบห้าป ี โดยขู่เข็ญใช้กาำ ลังประทุษร้าย
ง 3. กระทาำ ความผดิ ตามมาตรา ๒๘๐ เป็นเหตุใหผ้ ู้ถูกกระทาำ ไดร้ บั อันตรายสาหสั
ฉ 4. พระราชบญั ญัติ คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแห่งชาติ
ต 5. ผใู้ ดพาผู้อ่ืนไปเพ่อื อนาจารโดยใช้อบุ ายหลอกลวงขู่เข็ญและใชก้ าำ ลังประทุษรา้ ย
ช 6. กระทำาความผิดตามวรรคหนึง่ เป็นการกระทาำ แก่เด็กอายยุ ังไม่เกนิ 13 ป ี
ซ 7. พระราชบญั ญัติป้องกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์
จ 8. การเป็นธุระจดั หาเพ่อื สนองความใครใ่ ห้แก่ผอู้ ืน่
ค 9. การกระทาำ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ ได้กระทาำ โดยมีหรอื ใชอ้ าวุธปนื หรอื วัตถุระเบิด
ฆ 10. กระทำาความผดิ แกผ่ ู้สืบสันดานหรอื ศษิ ย์ทอี่ ยใู่ นความดูแล

คำาตอบ ข. จำาคุกไม่เกิน 10 ปี ค. จาำ คุก 15 ป ี - 20 ปี
จ. มาตรา ๒๘๕ ฉ. จำาคุก 5 ปี - 20 ปี
ก. การกระทำาชำาเรา ซ. พ.ศ. 2542 ฌ. จำาคุก 7 ปี - 20 ปี
ง. จาำ คุก 1 ปี - 10 ปี
ช. กฎหมายอาญามาตรา ๒๘๒
ญ. พ.ศ. 2551

98 สดุ ยอดคู่มอื ครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

กฎหมายใกล้ตวั 107 กิจกรรมท้าทาย
ให้ผู้เรียนจัดป้ายนิเทศเรื่องการใช้ทักษะชีวิต
กจิ กรรมส่งเสริมการเรยี นรู้ เพือ่ ลดความขดั แยง้ ในเรอ่ื งเพศ

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดคาำ ชี้แจง กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ยกจิ กรรมหลากหลายทฝ่ี กึ ทกั ษะทกุ ดา้ นตามจดุ ประสงค์
เชิงพฤติกรรมเพ่ือให้เกิดสมรรถนะในการเรียนร ู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกสถานท ี่
ตามความเหมาะสมกับผเู้ รียนและสิง่ แวดลอ้ มของสถานศึกษา

1. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เลือกข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ วารสาร หรืออินเทอร์เน็ต
ที่มีความเกี่ยวพันกับกฎหมายใกล้ตัวของวัยรุ่น มากลุ่มละ 1 ข่าว วิเคราะห์ข่าวที่เกิดข้ึน ส่งตัวแทน
กล่มุ มารายงานและรว่ มกันอภปิ รายหนา้ ชน้ั เรยี น
2. ให้ผู้เรียนเลือกกฎหมายท่ีผู้เรียนคิดว่ามีความสำาคัญกับผู้เรียน 1 มาตรา พร้อมทั้งแสดงเหตุผลว่า
เพราะเหตุใดจงึ มีความสาำ คญั
3. ให้ผ้เู รยี นเขียนผังความคดิ สรปุ เกีย่ วกบั กฎหมายทีม่ ีความสัมพันธก์ ับการดำารงชีวติ ของผเู้ รียน

สรุปผลการท�ากิจกรรม
คาำ ชีแ้ จง ให้ผเู้ รยี นประเมินผลการทาำ กจิ กรรม โดยเขยี นเครอื่ งหมาย ✓ลงในช่อง ตามความเปน็ จรงิ

ความรู ้ (K) ทักษะ (P) คุณลกั ษณะ (A) เกณฑก์ ารประเมิน
การมีมนษุ ยสมั พันธใ์ น ทาำ เคร่อื งหมาย ✓
ความร ู้ ความเข้าใจ การปฏบิ ตั ิงานทไี่ ด้รบั
การนำาไปใช้ การวิเคราะห์ มอบหมายเสร็จตามเวลา การปฏิบตั ิกิจกรรม ในแต่ละตอน 3 ข้อ
การสงั เคราะห ์ ท่กี าำ หนด ความมวี นิ ัย ตรงต่อเวลา คอื ผ่านการประเมนิ
การประเมินคา่ การปฏบิ ตั ิงานด้วยความ ความซือ่ สัตยส์ ุจริต
ละเอยี ด รอบคอบ ปลอดภยั ในการทาำ งาน 1. ความรู้ (K)
การศึกษาคน้ คว้า เรียบร้อย สวยงาม ประพฤตติ นดว้ ยความ ผา่ น ไมผ่ า่ น
การแสวงหาแหลง่ ข้อมลู
และการรวบรวมขอ้ มูล ความสมบูรณข์ องงาน ถกู ต้องตามศลี ธรรม 2. ทักษะ (P)
การแสดงความคิดเห็น การปฏิบัติงานทที่ าำ ใหเ้ กดิ อันดงี าม
อยา่ งมีเหตผุ ล หรือแสดง สมรรถนะแก่ผู้เรียน เจตคติที่ดใี นการปฏิบัติ ผ่าน ไม่ผ่าน
ขนั้ ตอนและกระบวนการ กจิ กรรม
ทาำ กิจกรรม ทักษะการวางแผน การคดิ 3. คณุ ลกั ษณะ (A)
สร้างสรรค ์ การออกแบบ ความพอเพยี งและความ ผ่าน ไมผ่ ่าน

การหาประสบการณ์ การผลิต พอประมาณ
ความรู้ใหม่ การตดั สนิ ใจในการแกป้ ญั หา

หมายเหต ุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินว่า ผู้เรียนเกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้
ตามบริบทต่างๆ หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ความรู้หรือพุทธิพิสัย = Knowledge (K) ทักษะหรือ
ทกั ษะพสิ ยั = Practice (P) คุณลักษณะหรือจติ พสิ ัย = Attitude (A)

สดุ ยอดคูม่ ือครู 99


Click to View FlipBook Version