REPORT TITLE | 1
REPORT TITLE | 2 ปฏิบัติการที่1 แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง (DC power supply) วัตถุประสงค์ เพื่อให้เข้าใจการทำงานของแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง ความรู้เบื้องต้น อ้างอิงจาก YouTube ช่อง INC–CLUB KMUTT เรื่อง BM03 DC Power Supply (https://youtu.be/il-SgRw5X6c) ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปมีดังนี้ ประเภทของแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. แหล่งจ่ายไฟฟ้ากำลังไฟฟ้ากระแสตรงแบบเชิงเส้น (DC linear power supply) เป็นแหล่งจ่ายที่ใช้หม้อแปลงไฟฟ้า ขนาดใหญ่ทำหน้าที่ลดระดับแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับจากแรงดันสูงให้เป็นแรงดันต่ำและมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า Rectifier ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง นอกจากนั้นยังมีวงจรรักษาระดับแรงดันให้คงที่ ที่เรียกว่า (voltage regulator power supply) ทำหน้าที่ควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าให้ออกมาคงที่แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้า กระแสตรงแบบเชิงเส้น (DC linear power supply) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 แหล่งจ่ายกำลังไฟกระแสตรงแบบปรับค่าได้(DC variable power supply) จะมีวงจรที่สามารถปรับ ระดับแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงที่จ่ายออกมาที่เอาท์พุตได้และยังสามารถควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้า กระแสตรงให้คงที่ตามค่าแรงดันที่ปรับไว้ 1.2 แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรงแบบคงที่ (DC fixed power supply) จะมีวงจรควบคุมแรงดันไฟฟ้าคงที่ โดยอาจใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่น ไอซีตระกูล 78XX ทำให้แรงดันที่ออกมาที่เอาท์พุตมีค่าคงที่ รูปที่ 1 ไดอะแกรมแสดงบล็อกโครงสร้างของแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบปรับค่าได้และแบบคงที่ แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบปรับค่าได้ แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบคงที่
REPORT TITLE | 3 2. แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรงแบบสวิตซ์ชิ่ง (DC switching power supply) เป็นแหล่งจ่ายกำลังฟ้าที่มีการควบคุม แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายออกให้คงที่ด้วยวงจนสวิตช์ชิ่งโดยมีพื้นฐานมากจากการควบคุมการปรับความกว้างของพัลส์ที่เรียกว่า pulse width modulation หรือ PWM ในวงจรควบคุมระดับแรงดัน (regulator) คุณสมบัติแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระตรง 1. สามารถจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงและรักษาระดับแรงดับให้คงที่ได้ 2. สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ 3. สามารถตั้งค่าแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าได้ เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง แบบ AC ADAPTOR MODEL 20 1 ตัว 2. ชุดแหล่งจ่ายกำลังฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ 1 ชุด 3. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 12 V 1 ตัว รูปที่ 2 AC ADAPTOR MODEL 20 รูปที่ 3 ชุดแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ รูปที่ 4 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 12 V
REPORT TITLE | 4 ลำดับขั้นตอนการใช้งาน การใช้งาน AC ADAPTOR MODEL 20 1. ให้อ่านค่าข้อมูลของแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง AC ADAPTER สำหรับการเลือกใช้งาน ดังรูปที่ 5 รูปที่ 5 แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง แบบ AC ADAPTOR MODEL 20 2. ทำการต่อสายแจ็คกับขั้วสายไฟ และทำเสียบปลั๊ก ADAPTER เข้ากลับแหล่งจ่ายไฟฟ้าเพื่อจ่ายแรงดัน ดังรูปที่ 6 รูปที่ 6 การต่อสายเพื่อทดใช้งาน 3. ต่อสายไฟของมอเตอร์เข้าสู่วงจร โดยเริ่มจาก ขั้วบวก (+) เข้ากับขั้วบวก (+) และขั้วลบ (-) เข้ากับขั้วลบ (-) ดัง รูปที่7 จากนั้นสังเกตทิศทางการหมุนและท าการสลับขั้วเพื่อสังเกตทิศทางการหมุนอีกครึ่งหนึ่ง รูปที่ 7 การนำไปต่อใช้งานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง 12 V จะเห็นมอเตอร์ท ำกำรหมุนไปตำมทิศทำงของขั้วที่เรำจ่ำยแรงดัน 1 2 แรงดันกระแสสลับ 220 V 50/60 Hz แรงดันกระแสตรงที่จ่ายออก12 V 500-800 mA
REPORT TITLE | 5 ชุดแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ 1. ให้อ่านค่าข้อมูลของแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง AC ADAPTER จากชุดอุปกรณ์แหล่งจากำลังไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ ตามรูปที่ 8 ***สิ่งสำคัญที่ต้องทำ (เพื่อป้องกันความเสียหายและความปลอดภัยในการใช้งาน) รูปที่ 8 ตำแหน่งที่ต้องอ่านค่า 2. การใช้งานตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้า 2.1 นำสายหัวแจ็คของ ADAPTER ต่อเข้ากับสายไฟขั้วบวกลบ ดังรูปที่ 9 รูปที่ 9 การต่อสายไฟเพื่อทำการทดลอง 2.2 จ่ายแรงดันตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้าเข้าผ่านทางฝั่ง INPUT ตามขั้วที่แสดงไว้ คือ สีแดง (+) ต่อเข้ากับสี แดง (+) และสีดำ (-) ต่อเข้ากับสีดำ (-) ดังรูปที่ 10 *** ข้อควรระวัง ให้ต้องต่อขั้วของตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้ากับสายที่ต่อกับ ADAPTER ก่อนแล้วจึงค่อยทำการ เสียบปลั๊กเพื่อจ่ายไฟ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการชนกันของสายไฟและไฟลัดวงจร ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสียหายต่อ อุปกรณ์และผู้ใช้งาน รูปที่ 10 การต่อสาย AC ADAPTOR กับตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้า แรงดันกระแสตรงที่จ่ายออก 24 V 500-800 mA แรงดันกระแสสลับ 220 V 50/60 Hz 2 1
REPORT TITLE | 6 2.3 การจ่ายไฟออกจากตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้าทำได้โดยนำสายไฟต่อเข้ากับขั้วฝั่ง OUTPUT ของตัวควบคุม การจ่ายกำลังไฟฟ้าจากนั้นหมุนให้แน่น จากนั้นต่อเข้าสู่วงจรที่ต้องการและทำการกด ON เพื่อจ่ายไฟกับวงจร ดังรูปที่11 รูปที่ 11 การต่อสายไฟเพื่อการใช้งาน 3. การใช้งานปุ่มกดและการตั้งค่า 3.1 การใช้งานปุ่มกดและค่าที่แสดงบนหน้าจอดังรูปที่ 12 รูปที่ 12 ความหมายของปุ่มและสัญลักษณ์บนตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้า 7 8 1 3 10 12 หมายเลข1 ปุ่มต้งัค่าแรงดนั หมายเลข7 ค่าแรงดันไฟฟ้าที่ต้องการ หมายเลข2 ปุ่ มสลับหน้าจอ หมายเลข8 ค่ากระแสไฟฟ้าสูงสุด หมายเลข3 ปุ่มต้งัค่ากระแสไฟฟ้า หมายเลข9 แรงดันอินพุตที่ป้อนเข้า หมายเลข4 แสดงค่าก าลังไฟฟ้าเอาท์พุตที่จ่ายจริง หมายเลข10 ICON:LOCK เครื่อง หมายเลข5 แสดงค่ากระแสเอาท์พุตที่วัดได้จริง หมายเลข11 KNOB:ปุ่ มปรับค่าหมุน กด ENTER หมายเลข6 แสดงค่าแรงดันเอาท์พุตที่วัดได้จริง หมายเลข12 ปุ่ มจ่ายแรงดันเอาท์พุต 11 9 5 2 6 4
REPORT TITLE | 7 3.2 การตั้งค่าตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้าดังรูปที่ 13 รูปที่ 13 ความหมายของปุ่มและสัญลักษณ์บนตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้า หมายเลข1. ICON แสดงสถานการณ์จ่ายแรงดันเอาท์พุต หากกดปุ่ม ON/OFF 1 ครั้งเพื่อจ่ายออกจะ ขึ้น สีเขียว และเมื่อกดปุ่ม ON/OFF อีกครั้งจะทำการหยุดจ่ายแรงดัน และสถานะจะ เปลี่ยนเป็น สีแดง หมายเลข2. ปุ่ม SET คือปุ่มที่ทำการล็อกค่าที่ตั้งไว้ โดยที่กดปุ่มลูกศรขึ้นลงเพื่อเลือกตำแหน่งที่จะ ต้องการตั้งค่า หมายเลข3. ปุ่มหมุน KNOB เพื่อเปลี่ยนค่า หากต้องการเปลี่ยนหลักที่จะตั้งค่าให้กดปุ่ม KNOB แถบสี ม่วง จะเปลี่ยนไปอยู่ตำแหน่งถัดไปและสามารถเปลี่ยนค่าที่หลักนั้นได้ทันที หมายเลข4. ชุดหน้าจอสำหรับตั้งค่าพารามิเตอร์ที่อยู่ในกรอบสีเหลือง ค่าที่ตั้งตามรูปมีความหมายว่าอะไร U-SET: แรงดันที่ต้องการให้จ่ายที่เอาท์พุต ในภาพนี้เท่ากับ 0.00 V I-SET: กระแสที่จ่ายได้สูงสุด ในภาพนี้ไม่เกิน 250 mA S-OVP: ถ้าตั้งค่า U-SET มากกว่าค่าตั้งไว้ในที่นี้ คือถ้ามากกว่า 10.10 V เครื่องจะตัดการจ่ายแรงดันที่เอาท์พุต S-OCP: ถ้าตั้งค่า I-SET มากกว่าค่าตั้งไว้ในที่นี้ คือถ้ามากกว่า 260 mA เครื่องจะตัดการจ่ายแรงดันที่เอาท์พุต S-OPP: ถ้าเครื่องวัดกำลังไฟฟ้าที่จ่ายที่เอาท์พุตได้มากกว่าที่ตั้งไว้ หรือในที่นี้คือ มากกว่า 2.6 W เครื่องจะตัดการจ่ายแรงดัน ที่เอาท์พุต ลำดับขั้นตอนการทดลอง การทดลองที่1 1. ปรับค่าแรงดันและกระแสไฟฟ้าเอาท์พุตของตัวควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้าที่ 5 V และ1 A ตามลำดับดังรูปที่ 14 รูปที่ 14 ตัวอย่างค่าแรงดันและกระแสที่ปรับได้ (ในกรอบสีเหลือง) รูปที่ 13 1 2 3 4
REPORT TITLE | 8 2. ต่อสายไฟขั้วบวก (+) และขั้วลบ (-) ลงสู่เบทบอร์ด ตามช่องของขั้วบวกและขั้วลบ 3. นำขั้วบวก (+) และขั้วลบ (-) ของมอเตอร์มาต่อเข้าสู่วงจร จากนั้นทำการจ่ายไฟเข้าสู่วงจร ดังรูปที่ 15 จากนั้นทำ การสังเกตการณ์และบันทึกผลตารางผลการทดลองที่ 1 รูปที่ 15 ตัวอย่างการต่ออุปกรณ์ การทดลองที่2 ทำเช่นเดียวกันกับการทดลองที่ 1 แต่ทำการเปลี่ยนค่าแรงดันเป็น 10 V และ 12 V ตามลำดับจากนั้นทำการสังเกตและ บันทึกผลตารางผลการทดลองที่ 1 ตารางผลการทดลองที่ 1 ขั้นตอนการทดสอบ ค่ากระแสOutput ที่วัดได้จริง (A) ลำดับความเร็ว ของมอเตอร์ ข้อสังเกต สังเกตความเร็วของมอเตอร์เมื่อใช้แรงดัน 5V 1 A สังเกตความเร็วของมอเตอร์เมื่อใช้ แรงดัน 10V 1A สังเกตความเร็วของมอเตอร์เมื่อใช้ แรงดัน 12V 1A
REPORT TITLE | 9 วิเคราะห์ผลการทดลอง วิเคราะห์ผล เพิ่มขึ้น/ลดลง ข้อสังเกต เมื่อปรับแรงดันเพิ่มขึ้นกระแสเอาท์พุต จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรอย่างไร ? เมื่อปรับแรงดันเพิ่มขึ้น ความเร็วของ มอเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ? สรุปผลการทดลอง เอกสารอ้างอิง 1. INC – CLUB KMUTT (BM03 DC Power Supply (https://youtu.be/il-SgRw5X6c)) : 5 มิถุนายน 2566 2. เอกสารประกอบการเรียน วิชา ELRCTICAL MEASUREMENT : 5 มิถุนายน 2566 3. เว็บไซต์ Basic Electronics Tutorials and Revision : 6 มิถุนายน 2566
REPORT TITLE | 10 ปฏิบัติการที่ 2 : การใช้เครื่องมือวัด (MULTIMETER) (แอนาลอกมัลติมิเตอร์และดิจิทัลมัลติมิเตอร์) วัตถุประสงค์ เพื่อการเพิ่มความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้งานของเครื่องมือวัด เช่น • การใช้มัลติมิเตอร์วัดค่าแรงดัน ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าความต้านทาน • พื้นฐานกฎของโอร์ม • การวัดไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสลับ ความรู้เบื้องต้น หลักการอ้างอิงจาก YOUTUBE INC – CLUB KMUTT (BM01 และ BM02 MULTIMETER ( https://youtu.be/0n7VgHZIKlI ) ) ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคร่าวๆดังนี้ 1. มัลติมิเตอร์คือ เครื่องวัดค่าทางไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถวัดได้ทั้งค่าแรงดัน กระแสไฟฟ้า ค่าความ ต้านทานและอื่นๆ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด 1.1. แอนะล็อกมัลติมิเตอร์( ANLOG MULTIMRTER ) 1.2. ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ ( DIGITAL MULTIMETER ) 2. พิสัย คือ ค่าสูงสุดของสเกลในช่วงที่เราสามารถวัดได้ 3. ความสัมพันธ์กฎของโอห์มที่ว่าด้วย V = IR เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. แอนะล็อกมัลติมิเตอร์ ( ANALOG MULTIMETER ) 1 เครื่อง 2. ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ (DIGITAL MULTIMETER ) 1 เครื่อง 3. ตัวต้านทาน 1 ตัว 4. ชุดแหล่งจ่ายไฟแบบปรับค่าได้ ( BUCK CONVERTER ) 1 ชุด 5. บอร์ดทดลองแบบ bread board 1 บอร์ด รูปที่ 1 แอนะล็อกมัลติมิเตอร์ ( ANALOG MULTIMETER ) รูปที่ 2 แอนาล็อกมัลติมิเตอร์ ( ANALOG MULTIMETER )
REPORT TITLE | 11 รูปที่ 3 ตัวต้านทาน รูปที่ 4 ชุดแหล่งจ่ายไฟแบบปรับค่าได้ ( BUCK CONVERTER ) รูปที่ 5 บอร์ดทดลองแบบ bread board ลำดับและขั้นตอนการใช้งาน แอนะล็อกมัลติมิเตอร์ ( ANALOG MULTIMETER ) 1. วิธีการอ่านค่าบนหน้าจอแสดงผล ต้องอ่านตำแหน่งของเข็มบนเส้นสเกลที่พิสัยที่เลือก ถ้าเข็มอยู่ในช่วงระหว่างเส้น สเกลผู้ใช้ต้องประมาณค่าเองทำให้การอ่านค่ามีความถูกต้องน้อยลง ตามรูปที่ 6 รูปที่ 6 การอ่านค่าบนหน้าจอแสดงผล 1 3 3 4 2 5 6 สเกลค่าความต้านทาน สเกลค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ สเกลอ่านค่าความจุไฟฟ้า สเกลค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง และกระแสไฟฟ้ากระแสตรง สเกลค่ากระแสรั่วของทรานซิสเตอร์ สเกลค่าอัตราขยายกระแส hFE ของทรานซิสเตอร์ 7 ไฟแสดงสถานะความต่อเนื่อง
REPORT TITLE | 12 2. พิสัย ( การปรับย่านการวัด ) **ห้ามปรับพิสัยข้ามหน่วยวัด โดยไม่ปลดสายวัดออกจากวงจร เนื่องจากมิเตอร์จะเสียหาย** รูปที่ 7 พิสัยและย่านการวัดแอนาลอกมัลติมิเตอร์ ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ (DIGITAL MULTIMETER ) 1. การอ่านค่าบนหน้าจอแสดงผล จะแสดงเป็นตัวเลขที่ชัดเจนไม่ต้องประมาณค่าระหว่างช่องของการแสดงผลแบบแอ ละล็อกมิเตอร์ทำให้มีค่าที่ถูกต้องในการอ่านค่าที่ดีกว่า ตามรูปที่ 8 รูปที่ 8 การอ่านค่าหน้าจอแสดงผล 2. พิสัย (การปรับย่านการวัด) **ห้ามปรับพิสัยข้ามหน่วยการวัด โดยไม่ปลดสายวัดออกจากวงจรก่อน เนื่องจากมิเตอร์จะเสียหาย** รูปที่ 9 พิสัยและการปรับค่าการวัดดิจิทัลมัลติมิเตอร์
REPORT TITLE | 13 การใช้ขั้วต่อการวัดของมิเตอร์ ( ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ ) 1. การเสียบสายมิเตอร์ตามรูปที่ 10 รูปที่ 10 วิธีการเสียบสายมิเตอร์ 2. การใช้งานขั้วต่อ ตามรูปที่ 11 รูปที่ 11 วิธีเสียบขั้วต่อกับดิจิทัลมัลติมิเตอร์ ลำดับและขั้นตอนการทดลอง 1. การทดลองใช้งานแอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1.1. การวัดแรงดันไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้าตามรูปที่ 12 และ 13 วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง รูปที่ 12 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับจากแหล่งจ่าย รูปที่ 13 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงจากแหล่งจ่าย
REPORT TITLE | 14 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก (+) และสีดำเข้ากับขั้วลบ ( - ) ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้ากระสลับและแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงตามรูปที่ 14 รูปที่ 14 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง 1.2. การวัดค่ากระแสไฟฟ้า 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดกระแสไฟฟ้าตามรูปที่ 15 **เครื่องวัดมัลติมิเตอร์แบบแอนาลอกวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้เพียงแค่ ไฟฟ้ากระแสตรงเท่านั้น** รูปที่ 15 การปรับพิสัยวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง 2. เนื่องจากการวัดกระแสไฟฟ้าทั้งกระแสตรงและกระแสสลับต้องต่ออนุกรมกับวงจรทำให้ต้องมีการตัดสายไฟ เพื่อต่ออนุกรมอาจไม่ปลอดภัย จึงได้ทำการสาธิตวิธีการวัดค่ากระแสในวงจรเพียงเท่านั้น และด้วยพิสัยใน การวัดค่ากระแสไฟฟ้าของเครื่องวัดมีสูงสุดเพียง 250 มิลลิแอมป์ รูปที่ 16 การวัดค่ากระแสไฟฟ้า
REPORT TITLE | 15 1.3. การอ่านค่าความต้านทาน 1. โดยวิธีการอ่านค่าตัวต้านทาน ดังรูปที่ 17 รูปที่ 17 การอ่านค่าตัวต้านทานจากตารางสี 2. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่าความต้านทานตามรูปที่ 21 สำหรับ 1000 โอร์ม ตามรูปที่ 18 รูปที่ 18 การปรับค่าพิสัยวัดค่าความต้านทาน 3. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของตัวต้านทาน ตามรูปที่ 19 รูปที่ 19 การวัดค่าความต้านทาน
REPORT TITLE | 16 2. การทดลองใช้งานดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 2.1การวัดแรงดันไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 20 และรูปที่ 21 วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง รูปที่ 20 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ รูปที่ 21 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก ( + ) และสีดำเข้ากับขั้วลบ ( - ) ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้ากระสลับและแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ตามรูปที่ 22 และรูปที่ 23 วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง รูปที่ 22 แสดงขั้นตอนการวัดค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ รูปที่ 23 แสดงขั้นตอนการวัดค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง 2.2การวัดค่ากระแสไฟฟ้า 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 24 และรูปที่ 25 วัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสสลับ วัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง รูปที่ 24 การวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสสลับ รูปที่ 25 การวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง
REPORT TITLE | 17 2. ในการทดลองนี้เราจะใช้ทั้งมัลติมิเตอร์ที่เป็นแบบหนีบ และแบบสายโพรบ เพื่อให้เห็นวิธีการใช้ทั้งสอง รูปแบบ ดังรูปที่ 26 27 28 และรูปที่ 29 ข้อควรระวัง เนื่องจากการวัดกระแสไฟฟ้าทั้งกระแสตรงและกระแสสลับ ต้องต่ออนุกรมกับ วงจร ท าให้ต้องมีการตัดสายไฟเพื่อต่ออนุกรม จึงอาจทา ให้เกิดความไม่ปลอดภยั ดังนั้นก่อน ท าการจ่ายแรงดันหรือท าการวัดควรที่จะตรวจสอบสายไฟ และพิสยัยา่นการวดัรวมถึงขวั้ที่ต่อ เข้าสายไฟให้ถี่ถ้วนทุกครั้ง รูปที่ 26 การวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ผิดวิธี รูปที่ 27 การวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ถูกวิธี วัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสสลับ วัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง รูปที่ 28 การวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสสลับ รูปที่ 29 การวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง 2.3การวัดค่าความต้านทาน 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่าความต้านทาน สำหรับตัวต้านทาน 1000 โอร์ม ตามรูปที่ 30 รูปที่ 30 การปรับพิสัยวัดค่าความต้านทาน ตัดสายกราว (N) แล้วต่อสายวัดไฟอนุกรมกับ วงจร นำเครื่องวัดมัลติมีเตอร์แบบหนีบ วัดที่สายสีดำ (com)
REPORT TITLE | 18 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของตัวต้านทาน ตามรูปที่ 31 รูปที่ 31 การวัดค่าความต้านทาน 2.4การวัดอุณหภูมิ-ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1 ให้นำสายวัดอุณหภุมิต่อเข้ากับ ช่องขั้วต่อสีดำ ( com ) ต่อกับสายสีดำ และสายสีแดงต่อเข้ากับช่องขั้วต่อสี แดง ( °C ) ตามรูปที่ 32 รูปที่ 32 การเสียบสายโพรบกับวัดอุณหภูมิกับเครื่องวัด 2. ให้นำหัวโพรบใส่ลงไปในวัตถุที่เราต้องการจะวัดอุณหภูมิ ในการทดลองนี้คือ น้ำเปล่าที่อยู่ภายในแก้ว ตามรูป 33 รูปที่ 33 การวัดอุณหภูมิ ตัวอย่างการวัดค่าต่าง ๆ ในวงจร 1. ให้ทำการต่อวงจรและคำนวณหาค่า แรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้า จากนั้นทำการวัดค่า ตัวต้านทาน แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 34 และรูปที่ 35แล้วนำค่าที่ได้ใส่ลงในตารางบันทึกผลการทดลอง รูปที่ 34 การต่อวงจรแบบอนุกรม รูปที่ 35 สูตรการคำนวณ ด้วยกฎของโอร์ม ขั้นตอนและการแสดงวิธีทำ อุณหภูมิก่อนทำการวัด อุณหภูมิหลังทำการวัด
REPORT TITLE | 19 1.1. ทำการอ่านค่าตัวต้านทานที่โจทย์กำหนด มีค่าเท่ากับเท่ากับเท่าไหร่ 1.2. ทำการคำนวณหาค่ากระแสไฟฟ้าในวงจร จากนั้นทำการบันทึกผลค่ากระแสไฟฟ้า และแรงดันไฟฟ้า ลงในตารางบันทึกผล วิธีทำ จากโจทย์ ตัวต้านทานมีค่า 1000 โอร์ม แรงดันเท่ากับ 5 โวล์ต = = = 5 1000 = 0.005 ดังนั้น กระแสไฟฟ้าเท่ากับ 5 มิลลิแอมป์ 1.3. ท าการวัดค่าแรงดัน กระแสไฟฟ้า ค่าตัวต้านทานและท าการบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการ ทดลอง ขั้นตอนการทดลอง ค่าที่ได้จาการ คำนวนและอ่านค่า ค่าจริงที่ได้จากการวัด ด้วยเครื่องมือ ข้อสังเกต ค่าแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวต้านทาน 5 โวล์ต ค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน 0.005 แอมป์ ค่าตัวต้านทาน 1000 โอร์ม การวัดแรงดันตกคร่อมตัวต้านทาน การวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน การวัดค่าตัวต้านทาน รูปที่ 36 การอ่านค่าตัวต้านทาน
REPORT TITLE | 20 ตารางบันทึกผลการทดลอง แบบทดสองความเข้าใจ 1. ให้นำตัวต้านทาน ที่มีสี (“น้ำตาล แดง น้ำตาล และทอง”) จากซ้ายไปขวา ต่อเข้ากับแรงจ่าย 5 โวล์ต ตามรูปวงจร ที่ 36และรูปที่ 37ด้านล่าง จากนั้นทำการคำนวณหาค่า กระแสไฟฟ้า ด้วยสูตร“กฎของโอร์ม” และทำการวัดค่า แรงดันที่ตกคร่อม ตัวต้านทาน ค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน สุดท้ายทำการวัดค่าตัวต้านทาน และทำการ บันทึกผลการทดลองในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 1 ตารางผลการทดลองที่ 1 ขั้นตอนการทดลอง ค่าที่ได้จาการ คำนวนและอ่านค่า ค่าจริงที่ได้จากการวัดด้วย มัลติมิเตอร์ ข้อสังเกต ค่าแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวต้านทาน 5 โวล์ต 4.997 โวล์ต ค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน 5 มิลลิแอมป์ 5.07 มิลลิแอมป์ ค่าตัวต้านทาน 1000 โอร์ม 982 โอร์ม ขั้นตอนการทดลอง ค่าที่ได้จาการ คำนวนและอ่านค่า ค่าจริงที่ได้จากการวัดด้วย เครื่องมือ ข้อสังเกต ค่าแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวต้านทาน ค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน ค่าตัวต้านทาน รูปที่ 36 การต่อวงจรแบบอนุกรม รูปที่ 37 ตัวต้านทานที่กำหนดให้
REPORT TITLE | 21 วิเคราะห์ผลการทดลอง วิเคราะห์ผล เท่ากัน / ไม่เท่ากัน ข้อสังเกต ค่าแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวต้านทาน ที่เกิดจากการคำนวณ และที่เกิดจากการวัดค่าด้วยมัลติมิเตอร์ เท่ากันหรือไม่ ค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน ที่เกิดจากการคำนวณ และที่เกิดจากการวัดค่าด้วยมัลติมิเตอร์ เท่ากันหรือไม่ ค่าตัวต้านทานที่อ่านค่าได้ และที่เกิดจากการวัดค่าด้วยมัลติมิเตอร์ เท่ากันหรือไม่ สรุปผลการทดลอง เอกสารอ้างอิง 4. INC – CLUB KMUTT (BM01-02 Get to know multimeter (https://youtu.be/0n7VgHZIKlI)) : 10 มิถุนายน 2566 5. เอกสารประกอบการเรียน วิชา ELRCTICAL MEASUREMENT : 10 มิถุนายน 2566 6. เว็บไซต์ tuemaster : 17 มิถุนายน 2566
REPORT TITLE | 22 ปฏิบัติการที่ 3 ความต้านทาน ความต่อเนื่อง และไดโอด (Resistance Continuity and Diode) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เข้าใจวิธีการอ่านค่าตัวต้านทานด้วยสัญลักษณ์แถบสีของตัวต้านทาน 2. เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนพื้นฐานของการวัดค่าอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น ตัวต้านทาน สายไฟ และไดโอด 3. เพื่อให้มีความรู้เบื้องต้นในการหาความต่อเนื่องพื้นฐานของวงจรได้จากการวัดค่าความต่อเนื่องของสายไฟ ความรู้เบื้องต้น อ้างอิงจาก YouTube ช่อง INC-CLUB KMUTT เรื่อง BM04 และBM05 Resistance Continuity and Diode (https://youtu.be/Ec6bXbileVk) ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ 1. ค่าความต้านทาน (Resistance) คือ คุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ต้านการไหลของไฟฟ้า มีหน่วยเป็น โอร์ม(Ω) ตัวอย่าอุปกรณ์เช่น ตัวต้านทาน สายไฟ สูตรคำนวณ ค่าความต้านทานในสายไฟ = R= ค่าความต้านทาน ρ= สภาพต้านทานของลวดตัวนำ L= ความยาวของลวดตัวนำ A= พื้นที่หน้าตัดของลวดเหนี่ยวนำ 2. ความต่อเนื่อง (Continuity) คือ การที่จุดสองจุดในวงจรต่อเชื่อมถึงกัน รวมถึงสายไฟที่เราใช้ต่อให้วงจรยังเชื่อมถึงกัน อีกด้วย ซึ่งการเช็คว่าวงจรมีความต่อเนื่องหรือไม่ ให้ใช้มัลติมิเตอร์ในโหมด Continuity เพื่อให้เช็คได้ว่ามีจุดใดในวงจรที่ ไม่ได้เชื่อมกันอยู่ รวมถึงใช้เช็คความต่อเนื่องของสายไฟได้อีกด้วยว่ามีการเสียหายชำรุดหรือไม่ ไดโอด เป็นอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ที่มีสองขั้ว คือ ขั้ว A (Anode) และขั้ว K (Cathode) รูปที่ 1 ตัวอย่างอุปกรณ์ไดโอด รูปที่ 2 ขั้วของไดโอด ( + ) Anode ( - ) Cathode
REPORT TITLE | 23 3. คุณสมบัติของไดโอด คือ ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากขั้ว A ไปหาขั้ว K เท่านั้น ส่วนใหญ่เรามักใช้ในการควบคุม การไหลของกระแสไฟฟ้าให้ไหลไปในทิศทางเดียว ซึ่งค่าแรงดันที่เราวัดได้ ก็คือค่าแรงดันที่ตกคร่อมไดโอด เรียกว่า แรงดันไบแอส ซึ่งเราต้องจ่ายแรงดันจากแหล่งจ่ายให้มีค่ามากกว่าค่าแรงดันไบแอส ไดโอดจึงจะยอมให้กระไฟฟ้าไหล ผ่านได้ รูปที่ 3 ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า 3.1. ไดโอดเปล่งแสง (Light Emitting diode (LED)) คือ ไดโอดที่มีความสามารถในการเปล่งแสง โดยหากเมื่อ เราต้องการให้ LED เปล่งแสง เราจะต้องจ่ายค่าแรงดันให้มากกว่าแรงดันไบแอส LED ถึงจะเปล่งแสง เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 2. แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 3. ตัวต้านทาน 1 ตัว 4. ไดโอดเปล่งแสง LED 2 ตัว 5. ไดโอด 1N4007G 1 ตัว 6. สายไฟ 1 เส้น รูปที่ 5 ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ รูปที่ 6 แอนาลอกมัลติมิเตอร์ รูปที่ 7 ตัวต้านทาน ( + ) Anode ( - ) Cathode กระแสไฟฟ้า ( I ) ( - ) Cathode ( + ) Anode รูปที่ 4 ตัวอย่างอุปกรณ์ไดโอดเปล่งแสง
REPORT TITLE | 24 รูปที่ 8 ไดโอด 1N4007G รูปที่ 9 ไดโอดเปล่งแสง รูปที่ 10 สายไฟ ลำดับและขั้นตอนการใช้งาน 1. การวัดค่าความต้านทาน 1.1.วิธีการอ่านค่าตัวต้านทาน 1.1.1. เราจะเห็นได้ว่าบนตัวต้านทานจะมีแถบสีอยู่ ซึ่งแถบสีนั้นเป็นสัญลักษณ์ในการอ่านค่าความต้านทาน ตามรูปที่ 11 และรูปที่ 12 ตามลำดับ รูปที่ 11 ตารางค่าความต้านทาน รูปที่ 12 ตัวอย่างการอ่านค่าตัวต้านทานของจริง ค่าของตัวต้านนี้คือ 75 โอร์ม ซึ่งมีค่าความเคลื่อน 1% = 0.01 โอร์ม ค่าของความต้านทานจะสามารถอยู่ในช่วง 74.99 – 75.01 โอร์ม เลข 7 เลข 5 นำตัวเลขด้านหน้ามาคูณ 0.1 ค่าความคลาดเคลื่อน ± 1% เลข 0
REPORT TITLE | 25 1.2.วิธีการวัดค่าความต้านทานด้วยดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1.2.1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่าความต้านทาน สำหรับตัวต้านทาน 75 โอร์ม ตามรูปที่ 13 รูปที่ 13 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดตัวต้านทาน 1.2.2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของตัวต้านทาน ตามรูปที่ 14 รูปที่ 14 ขั้นตอนการวัดค่าตัวต้านทาน 1.3.วิธีการวัดค่าความต้านทานด้วยแอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1.3.1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่าความต้านทาน สำหรับตัวต้านทาน 75 โอร์ม โดยเริ่มต้นเราต้องปรับไปที่พิสัยสูงสุด ก่อนตามรูปที่ 15 และรูปที่ 16 ตามลำดับ **ข้อควรระวัง ทุกครั้งที่มีการปรับย่านการวัดเพื่อวัดค่าความต้านเราจะต้องทำ Zero Adjust ก่อนทุกครั้งที่ ปรับค่าพิสัย เนื่องจากเราจะต้องปรับให้เข็มของเครื่องวัดมาอยู่ที่ 0 ทุกครั้ง ** รูปที่ 15 การทำ Zero Adjust รูปที่ 16 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดตัวต้านทาน ค่าความต้านทานที่เครื่องวัดวัดค่าได้ Step 1ปรับพิสัย Step 3 Step 2
REPORT TITLE | 26 1.3.2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของตัวต้านทาน ตามรูปที่ 17 1.3.3. รูปที่ 17 ขั้นตอนการวัดค่าตัวต้านทาน 2. การวัดค่าแรงดันไบแอสของไดโอด **เครื่องวัดแอนาลอกมัลติมิเตอร์ไม่สามารถใช้วัดค่าของไดโอดได้** 2.1.การวัดค่าแรงดันไบแอสของไดโอด 2.1.1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันตกคร่อมไดโอด ตามรูปที่ 18 รูปที่ 18 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดแรงดันไบแอสไดโอด 2.1.2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของไดโอนให้ตรงตามขั้น คือ ขาโพรบสีแดงต่อเข้ากับขา Anode (+) และขาโพรบสีดำต่อเข้ากับ Cathode (-) ตามรูปที่ 19 รูปที่ 19 ขั้นตอนการวัดค่าแรงดันไบแอสไดโอด ค่าความต้านทานที่เครื่องวัดวัดค่า ได้ วิธีการวัดค่าตัวต้านทาน สัญลักษณ์ของย่านวัดที่ ค่าแรงดันไบแอสของไดโอน ที่เครื่องวัดวัดค่าได้
REPORT TITLE | 27 2.2. วัดค่าแรงดันไบแอสของไดโอดเปล่งแสง 2.2.1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันตกคร่อมไดโอดเปล่งแสง ตามรูปที่ 20 รูปที่ 20 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดแรงดันไบแอสไดโอด 2.2.2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของไดโอนเปล่งแสงให้ตรงตามขั้น คือ ขาโพรบสีแดงต่อเข้ากับขา Anode (+) และขาโพรบสีดำต่อเข้ากับ Cathode (-) ตามรูปที่ 21 และรูปที่ 22 รูปที่ 21วัดค่าแรงดันไบแอสไดโอดเปล่งแสงสีเขียว รูปที่22วัดค่าแรงดันไบแอสไดโอดเปล่งแสงสีแดง 3. การวัดค่าความต่อเนื่อง 3.1.วิธีการวัดค่าความต่อเนื่องสายไฟและวงจรไฟฟ้าพื้นฐานด้วยดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 3.1.1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดความต่อเนื่องของสายไฟและวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน ตามรูปที่ 23 รูปที่ 23 ขั้นตอนการปรับพิสัยเพื่อวัดความต่อเนื่องของสายไฟและวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน สัญลักษณ์ของย่านวัดที่ปรับ ค่าแรงดันไบแอสของไดโอน ที่เครื่องวัดวัดค่าได้ ค่าแรงดันไบแอสของไดโอน ที่เครื่องวัดวัดค่าได้ สัญลักษณ์ของย่านวัดที่ปรับ
REPORT TITLE | 28 3.1.2. น าสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของสายไฟ ถ้าหากมีความต่อเนื่องดิจิทัลมัลติมิเตอร์ จะมีเสียดังและไฟแสดงสถานะความต่อเนื่องก็จะติดเช่นกัน ตามรูปที่ 24 และรูปที่ 25 รูปที่ 24 วัดความต่อเนื่องของสายไฟ รูปที่ 25 วัดความต่อเนื่องของวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน 3.2.วิธีการวัดค่าความต่อเนื่องสายไฟและวงจรไฟฟ้าพื้นฐานด้วยแอนาลอกมัลติมิเตอร์ 3.2.1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดความต่อเนื่องของสายไฟและวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน ตามรูปที่ 26 รูปที่ 26 ขั้นตอนการปรับพิสัยเพื่อวัดความต่อเนื่องของสายไฟและวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน 3.2.2. น าสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขาทั้งสองข้างของสายไฟ ถ้าหากมีความต่อเนื่องดิจิทัลมัลติมิเตอร์ จะมีเสียดังและไฟแสดงสถานะความต่อเนื่องก็จะติดเช่นกัน ตามรูปที่ 27 และรูปที่ 28 3.2.3. รูปที่ 27 ขั้นตอนการวัดความต่อเนื่องของสายไฟ รูปที่ 28 ขั้นตอนการวัดความต่อเนื่องของวงจรไฟฟ้าพื้นฐาน สถานะแสดงถึงความต่อเนื่อง วิธีการต่อสายโพรบเข้ากับสายไฟ สถานะแสดงถึงความต่อเนื่อง วิธีการต่อสายโพรบเข้ากับวงจร วิธีการต่อสายโพรบเข้ากับวงจร สถานะแสดงถึงความต่อเนื่อง สถานะแสดงถึงความต่อเนื่อง วิธีการต่อสายโพรบเข้ากับสายไฟ
REPORT TITLE | 29 แบบทดสองความเข้าใจ 2. ให้นำตัวต้านทาน ที่มีสี (“น้ำตาล แดง น้ำตาล และทอง”) จากซ้ายไปขวา และLED สีเขียว ต่อเข้ากับแรงจ่าย 5 โวล์ต ตามรูปวงจรด้านล่างที่ 29 และรูปที่ 30 จากนั้นทำการอ่านค่าตัวต้านทานจากแถบสี วัดค่าความต้านทานด้วยดิจิทัลมัลติ มิเตอร์ วัดค่าแรงดันไบแอสโดย a. ของไดโอดขั้ววัดสีแดงต่อเข้ากับขาของ Anode และขั้ววัดสีดำต่อเข้ากับขา Cathode b. ขั้ววัดสีแดงต่อเข้ากับขาของ Cathode และขั้ววัดสีดำต่อเข้ากับขา Anode และทำการบันทึกผลการทดลองในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 1 3. ทำการวัดความต่อเนื่องของวงจร และทำการบันทึกผลการทดลองในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 2 รูปที่ 29 การต่อวงจรแบบอนุกรม รูปที่ 30 ตัวต้านทานที่กำหนดให้ ตารางผลการทดลองที่ 1 ตารางผลการทดลองที่ 2 ขั้นตอนการทดลอง ค่าที่ได้จาการอ่าน ค่า ค่าจริงที่ได้จาก การวัดด้วย เครื่องมือ ข้อสังเกต ค่าของตัวต้านทาน (โอร์ม) ขั้ววัดสีแดงต่อเข้ากับขาของ Anode และขั้ววัดสีดำต่อเข้ากับขา Cathode (V) - ขั้ววัดสีแดงต่อเข้ากับขาของ Cathode และขั้ววัดสีดำต่อเข้ากับขา Anode (V) - ขั้นตอนการทดลอง มีความต่อเนื่อง / ไม่มีความต่อเนื่อง ข้อสังเกต ความต่อเนื่องของวงจร
REPORT TITLE | 30 วิเคราะห์ผลการทดลอง วิเคราะห์ผล เท่ากัน / ไม่เท่ากัน ข้อสังเกต ค่าความต้านทานที่อ่านค่าได้จากแถบสี และค่าความต้านทานที่ได้จากการวัด ด้วยมัลติมิเตอร์เท่ากัน หรือไม่ ค่าแรงดันไบแอสที่ได้จาก ข้อ 1.1 และข้อ 1.2 เท่ากันหรือไม่ สรุปผลการทดลอง เอกสารอ้างอิง 7. INC – CLUB KMUTT (BM04-05 Resistance Continuity and Diode (https://youtu.be/Ec6bXbileVk)) : 23 มิถุนายน 2566 8. เอกสารประกอบการเรียน วิชา ELRCTICAL MEASUREMENT : 23 มิถุนายน 2566 9. เว็บไซต์easyeda : 28 มิถุนายน 2566 10. เว็บไซต์ab.in.th : 23 มิถุนายน 2566
REPORT TITLE | 31 ปฏิบัติการที่4 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง (DC Voltage Measurement) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาพื้นฐานการวัดค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง 2. เพื่อให้ทราบเหตุผลที่ว่าทำไมเครื่องวัดโวลต์มิเตอร์จึงต้องมีความต้านทานภายในที่สูง ความรู้เบื้องต้น อ้างอิงจาก YouTube ช่อง INC-CIUB KMUTT เรื่อง BM.08-BM.09 DC Voltage Measurement (https://youtu.be/ITc_Ym227Ag) ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้ 1. แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง คือ แรงดันไฟฟ้าที่มีขั้วบวก หรือขั้วลบสม่ำเสมอกันทั้งเส้น ตัวอย่างเช่น แรงดันไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รูปที่1 สัญาณแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง 2. ความต้านทานภานในของโวลต์มิเตอร์ในการวัดแรงดันไฟฟ้า เราจะต้องใช้โวลต์มิเตอร์วัดขนานกับวงจร ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าแบ่งไหลที่มิเตอร์มากเกินไป โวลต์มิเตอร์จึงจำเป็นต้องมี“ค่าความต้านทานภายในที่สูงมาก” ซึ่งแต่ละค่าของพิสัยที่ในปรับเพื่อใช้เป็นย่านการวัดจะมีค่าควมมต้านทานไม่เท่ากัน ดังรูปทางด้านล่าง รูปที่2 แสดงความต้านทานภายในแต่ละพิสัยย่านการวัด 3. ความสัมพันธ์ของกฎของโอร์ม V=IR เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง
REPORT TITLE | 32 2. แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 3. ตัวต้านทาน (1000 , 120 , 200 โอห์ม) 3 ตัว 4. บอร์ดทดลองแบบ bread board 1 บอร์ด 5. ชุดแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ 1 ชุด 6. สายไฟ 1 ม้วน รูปที่ 3 ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ รูปที่ 4 แอนาลอกมัลติมิเตอร์ รูปที่ 5 ตัวต้านทาน รูปที่ 6 บอร์ดทดลองแบบ bread board รูปที่ 7 ชุดแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ รูปที่ 8 สายไฟ ลำดับและขั้นตอนการทดลอง
REPORT TITLE | 33 **ข้อควรระวัง ต้องเลือกพิสัยให้สูงกว่าค่าที่วัด Analog multimeter เพราะถ้าหากพิสัยที่ต่ำกว่าจะทำให้เข็มตีเกินสเกล เครื่องมือวัดอาจจะเสียหายได้** ปรับความแรงดันของแหล่งจ่ายแบบปรับค่าได้ ทำการเซทค่าที่ต้องการ ในที่นี้เราต้องการแรงดัน 12 โวลต์ ตามรูปที่ 9 และรูปที่ 10 ตามลำดับ รูปที่ 9 การตั้งค่าแรงดันที่ต้องการจ่ายออก รูปที่ 10 การเซตค่าภายใน การวัดค่าแรงดันไฟฟ้าวงจรอนุกรม คำนวณค่าแรงดันไฟฟ้าตกคร่องแต่ละตัว รูปที่ 11 วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม วัดค่าแรงดันไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 12 รูปที่12 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดค่าแรงดันกระแสตรง 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก( + ) จ่ายแรงดัน 12 โวลต์ กระแสไฟฟ้า 1 แอมป์
REPORT TITLE | 34 และสีดำเข้ากับขั้วลบ( - )ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้าตรง จากนั้นทำการอ่านค่าและบันทึกผล ลงในตารางการทดลองที่ 1 ตามรูปที่ 13 14 15 และรูปที่ 16 ตามลำดับ รูปที่ 13 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 1 รูปที่ 14 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 2 รูปที่ 15 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 3 รูปที่ 16 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ทั้งสามตัว วัดค่าแรงดันไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 17 **หากไม่ทราบว่ามีแหลางจ่ายมีแรงดันเท่าไหร่ให้ปรับไปที่พิสัยสูงสุดก่อนเสมอ** รูปที่ 17 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดค่าแรงดันกระแสตรง 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก( + ) ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้
REPORT TITLE | 35 และสีดำเข้ากับขั้วลบ( - )ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้าตรง ตามรูปที่ 18 19 20 และรูปที่ 21 ตามลำดับ จากนั้นทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผล การทดลองที่ 1 รูปที่ 18 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 1 รูปที่ 19 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 2 รูปที่ 20 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 3 รูปที่ 21 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ทั้งสามตัว การวัดค่าแรงดันไฟฟ้าวงจรขนาน คำนวณค่าแรงตกคร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว รูปที่ 22 วงจรไฟฟ้าแบบขนาน
REPORT TITLE | 36 วัดค่าแรงดันไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 23 รูปที่ 23 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดต่าแรงดันกระแสตรง 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก( + ) และสีดำเข้ากับขั้วลบ( - ) ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้าตรง ตามรูปที่ 24 25 26และรูปที่ 27 จากนั้นทำการอ่านค่าและบันทึกผลลงในตารางการทดลองที่ 2 รูปที่ 24 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 1 รูปที่ 25 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 2 รูปที่26 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่3 รูปที่27 แรงดันตกคร่อม R ทั้งสามตัว วัดค่าแรงดันไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 28 รูปที่ 28 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดต่าแรงดันกระแสตรง ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้
REPORT TITLE | 37 2. สายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก( + ) และสีดำเข้ากับขั้ว ลบ( - )ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้าตรง ตามรูปที่ 29 30 31 และรูปที่ 32 ตามลำดับ จากนั้นทำ การอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 2 รูปที่ 29 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 1 รูปที่ 30 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 2 รูปที่ 31 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 3 รูปที่ 32 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ทั้งสามตัว การวัดค่าแรงดันไฟฟ้าวงจรแบบผสม คำนวนค่าแรงตกคร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว รูปที่ 33 วงจรไฟฟ้าแบบผสม ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้
REPORT TITLE | 38 วัดค่าแรงดันไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 34 รูปที่ 34 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดต่าแรงดันกระแสตรง 2. นำสายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก( + ) และสีดำเข้ากับขั้วลบ( - ) ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้ากระตรง ตามรูปที่ 35 36 37 38 และรูปที่ 39 ตามลำดับ จากนั้นทำการอ่านค่าและบันทึกผลลงในตารางการทดลองที่ 3 รูปที่ 35 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 1 รูปที่ 36 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 2 รูปที่ 37 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 3 รูปที่ 38 แรงดันไฟฟ้าวงจรขนาน รูปที่ 39 แรงดันไฟฟ้าวงจรอนุกรม ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้
REPORT TITLE | 39 วัดค่าแรงดันไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดแรงดันไฟฟ้า ตามรูปที่ 40 รูปที่ 40 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดต่าแรงดันกระแสตรง 2. สายขั้วโพรบ ( PROBE ) ต่อเข้ากับขั้วของแหล่งจ่าย โดยสีแดงเข้ากับขั้วบวก( + ) และสีดำเข้ากับขั้ว ลบ( - )ทั้งขั้นตอนของการวัดแรงดันไฟฟ้าตรง ตามรูปที่ 41 42 43 44 และรูปที่ 45 ตามลำดับ จากนั้นทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 3 รูปที่41 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่1 รูปที่42 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่2 รูปที่43 แรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R ตัวที่ 3 รูปที่44 แรงดันไฟฟ้าวงจรขนาน รูปที่45 แรงดันไฟฟ้าวงจรอนุกรม ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้ ค่า VRMS หรือค่าที่วัดได้
REPORT TITLE | 40 ตารางผลการทดลองที่ 1 ขั้นตอนการทดสอบ วงจรอนุกรม ค่าที่ได้จากเครื่องวัด ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ ค่าที่ได้จากเครื่องวัด แอนาลอกมัลติมิเตอร์ ข้อสังเกต แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 1 แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 2 แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 3 แรงดันตกคร่อมแรงดันทั้งสามตัว ตารางผลการทดลองที่ 2 ขั้นตอนการทดสอบ วงจรขนาน ค่าที่ได้จากเครื่องวัด ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ ค่าที่ได้จากเครื่องวัด แอนาลอกมัลติมิเตอร์ ข้อสังเกต แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 1 แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 2 แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 3 ตารางผลการทดลองที่ 3 ขั้นตอนการทดสอบ วงจรผสม ค่าที่ได้จากเครื่องวัด ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ ค่าที่ได้จากเครื่องวัด แอนาลอกมัลติมิเตอร์ ข้อสังเกต แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 1 แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 2 แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานที่ 3 แรงดันทั้งหมดของวงจรอนุกรม แรงดันทั้งหมดของวงจรขนาน
REPORT TITLE | 41 วิเคราะห์ผลการทดลอง วิเคราะห์ผล เท่ากัน/ไม่เท่ากัน ข้อสังเกต การวัดค่าแรงดันตกคร่อมตัวต้านทาน ของเครื่องวัดดิจิทัลมัลติมิเตอร์ และแอนาลอกมัลติมิเตอร์ วัดได้ค่า เท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด วิเคราะห์ผล แอนลอกมัลติมิเตอร์ /ดิจิทัลมัลติมิเตอร์/ทั้งสองเครื่องวัดมี ความแม่นยำเท่ากัน ข้อสังเกต ระหว่างเครื่องวัดแบบดิจิทัลมัลติมิเตอร์ และแบบแอนาลอกมัลติมิเตอร์ เครื่องวัด แบบไหนวัดได้มีความแม่นยำมากกว่ากัน รู้ได้อย่างไร มีข้อสังเกตุใดเป็นอันดับแรก ที่ทำให้ทราบว่าเครื่องวัดชนิดนี้มีความ แม่นยำมากกกว่ากัน สรุปผลการทดลอง เอกสารอ้างอิง 1. INC-CIUB KMUTT เรื่อง BM.08-BM.09 DC Voltage Measurement ( https://youtu.be/ITc_Ym227Ag ) : 3 กรกฎาคม 2566 2. เอกสารประกอบการเรียน วิชา ELRCTICAL MEASUREMENT : 30 มิถุนายน 2566 3. เว็บไซต์ easyeda.com : 3 กรกฏาคม 2566
REPORT TITLE | 42 ปฏิบัติการที่5 การวัดกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC Current Measurement) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้มัลติมิเตอร์เพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง 2. เพื่อเพิ่มทักษะการคำนวณค่ากระแสไฟฟ้าด้วยการให้กฎของ โอห์ม ความรู้เบื้องต้น อ้างอิงจาก YouTube ช่อง INC–CLUB KMUTT เรื่อง BM11 และBM12 DC Current Measurement ( https://youtu.be/QgsPUt7l8Zg ) ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปมีดังนี้ 1. สัญลักษณ์ของพิสัยของเครื่องวัดแต่ละแบบ 1.1. แอนนาลอกมัลติมิเตอร์ รูปที่ 1 พิสัยย่านการวัดกระแสไฟฟ้าด้วยแอนนาลอกมัลติมิเตอร์ 1.2. ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ รูปที่ 2 พิสัยย่านการวัดกระแสไฟฟ้าด้วยดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 2. กฎของโอห์ม คือ ความสัมพันธ์กฎของโอห์มที่ว่าด้วย V=IR สัญลักษณ์ พิสัยที่ใช้วัดกระแสไฟฟ้า พิสัยย่านการวัด กระแสไฟฟ้ากระแสตรง • 50 • 2.5 • 25 • 0.25 สัญลักษณ์ พิสัยที่ใช้วัดกระแสไฟฟ้า พิสัยย่านการวัด กระแสไฟฟ้ากระแสตรง • 600 • 6 • 60 • 600 • 1000
REPORT TITLE | 43 เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 2. แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 3. สายไฟ 1 ม้วน 4. ตัวต้านทาน (1000 , 120 , 200 โอห์ม) 3 ตัว 5. บอร์ดทดลองแบบ bread board 1 บอร์ด 6. ชุดแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ 1 ตัว รูปที่ 3 ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ รูปที่ 4 แอนาลอกมัลติมิเตอร์ รูปที่ 5ตัวต้านทาน รูปที่ 6 บอร์ดทดลองแบบ bread board รูปที่ 7 สายไฟ รูปที่8 ชุดแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงแบบปรับค่าได้ ลำดับและขั้นตอนการทดลอง การวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรงวงจรอนุกรม ** กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลดที่ต่อแบบอนุกรมจะมีค่าเท่ากันเพราะ “เป็นกระแสไฟฟ้าเส้นเดียวกัน” ** คำนวณค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลภายในวงจร รูปที่ 9 วงจรไฟฟ้าต่อแบบอนุกรม
REPORT TITLE | 44 วัดค่ากระแสไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 2. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 10 รูปที่ 10 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง 3. นำมัลติมิเตอร์มาวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลด ดังนั้นเราจึงทำให้มัลติมิเตอร์ไปแทรกในวงจรให้ เปรียบเสมือนโหลดตัวหนึ่ง โดยการเปิดวงจรและต่ออนุกรมเข้าวงจร จากนั้นให้ทำการอ่านค่าและ บันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 1 รูปที่ 11 การตัดวงจรเพื่อทำการวัดกระแสไฟฟ้า รูปที่ 12 กระแสไฟฟ้าที่ไหลภายในวงจรอนุกรม ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้ ** มัลติมิเตอร์ทำหน้าที่เป็น แอมป์มิเตอร์ ซึ่งจะมีค่าความ ต้านทานน้อยมากๆ ** เปิดวงจร เพื่อต่ออนุกรมเข้ากับวงจร
REPORT TITLE | 45 วัดค่ากระแสไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 3. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดกระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 13 **หากต้องการวัดค่ากระแสไฟฟ้าให้ปรับไปที่พิสัยสูงกว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดเสมอ** รูปที่ 13 วิธีการปรับพิสัยย่านการวัด 4. นำมัลติมิเตอร์มาวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลด ดังนั้นเราจึงทำให้มัลติมิเตอร์ไปแทรกในวงจรให้ เปรียบเสมือนโหลดตัวหนึ่ง โดยการเปิดวงจรและต่ออนุกรมเข้าวงจร ตามรูปที่ 14 และรูปที่ 15 จากนั้น ให้ทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 1 รูปที่ 14 การตัดวงจรเพื่อทำการวัดกระแสไฟฟ้า รูปที่ 15 กระแสไฟฟ้าที่ไหลภายในวงจรอนุกรม **เราอ่านค่าในเส้นแถบสีดำที่มีค่าพิสัย สูงสุดเท่ากับ 250 แอมป์ โดยสเกลแต่ ละขีดจะมีค่าเท่ากับ 5 ในที่นี่ สเกลอ่าน ค่าได้ประมาณ 95 หรือ9.5 mA ** ** มัลติมิเตอร์ทำหน้าที่เป็น แอมป์มิเตอร์ ซึ่งจะมีค่าความ ต้านทานน้อยมากๆ ** เปิดวงจร เพื่อต่ออนุกรมเข้ากับวงจร
REPORT TITLE | 46 คำนวณค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน รูปที่ 16 วงจรไฟฟ้าต่อแบบขนาน วัดค่ากระแสไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 17 รูปที่ 17 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง 2. นำมัลติมิเตอร์มาวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลด ดังนั้นเราจึงทำให้มัลติมิเตอร์ไปแทรกในวงจรให้ เปรียบเสมือนโหลดตัวหนึ่ง โดยการเปิดวงจรและต่ออนุกรมเข้าวงจร ตามรูปที่ 18 19 20 และรูปที่ 21จากนั้นให้ทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 2 รูปที่ 18 การตัดวงจรเพื่อทำการวัดกระแสไฟฟ้า I1 I2 I3 I2 I3 ** มัลติมิเตอร์ทำหน้าที่เป็น แอมป์มิเตอร์ ซึ่งจะมีค่า ความต้านทานน้อยมากๆ ** เปิดวงจร เพื่อต่ออนุกรมเข้ากับวงจร I1 I2 I3 I1
REPORT TITLE | 47 รูปที่ 19 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R ตัวที่ 1 รูปที่ 20 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R ตัวที่2 รูปที่ 21 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R ตัวที่ 3 วัดค่ากระแสไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 22 **หากต้องการวัดค่ากระแสไฟฟ้าให้ปรับไปที่พิสัยสูงกว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดเสมอ** รูปที่ 22 วิธีการปรับพิสัยย่านการวัด ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้ ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้ ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้
REPORT TITLE | 48 2. นำมัลติมิเตอร์มาวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลด ดังนั้นเราจึงทำให้มัลติมิเตอร์ไปแทรกในวงจรให้ เปรียบเสมือนโหลดตัวหนึ่ง โดยการเปิดวงจรและต่ออนุกรมเข้าวงจร ตามรูปที่ 23 24 25 และรูปที่ 26จากนั้นให้ทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงใน ตารางบันทึกผลการทดลองที่ 2 รูปที่ 23 การตัดวงจรเพื่อทำการวัดกระแสไฟฟ้า รูปที่ 24 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R ตัวที่ 1 รูปที่25 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R ตัวที่2 **เราอ่านค่าในเส้นแถบสีดำที่มีค่าพิสัย สูงสุดเท่ากับ 250 แอมป์ โดยสเกลแต่ ละขีดจะมีค่าเท่ากับ 5 ในที่นี่ สเกลอ่าน ค่าได้ประมาณ 55 หรือ55 mA ** I2 I3 ** มัลติมิเตอร์ทำหน้าที่เป็น แอมป์มิเตอร์ ซึ่งจะมีค่า ความต้านทานน้อยมากๆ ** เปิดวงจร เพื่อต่ออนุกรมเข้ากับวงจร I1 I2 I3 I1 **เราอ่านค่าในเส้นแถบสีดำที่มีค่าพิสัย สูงสุดเท่ากับ 250 แอมป์ โดยสเกลแต่ ละขีดจะมีค่าเท่ากับ 5 ในที่นี่ สเกลอ่าน ค่าได้ประมาณ 120 หรือ12 mA **
REPORT TITLE | 49 รูปที่ 26 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R ตัวที่ 3 คำนวณค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน รูปที่ 27 วงจรไฟฟ้าต่อแบบผสม วัดค่ากระแสไฟฟ้า – ดิจิทัลมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 28 รูปที่ 28 ขั้นตอนการปรับพิสัยย่านการวัดค่ากระแสไฟฟ้ากระแสตรง 2. นำมัลติมิเตอร์มาวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลด ดังนั้นเราจึงทำให้มัลติมิเตอร์ไปแทรกในวงจรให้ เปรียบเสมือนโหลดตัวหนึ่ง โดยการเปิดวงจรและต่ออนุกรมเข้าวงจร ตามรูปที่ 29 30 และรูปที่ 31 จากนั้นให้ทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 3 รูปที่29 การตัดวงจรเพื่อท าการวัดกระแสไฟฟ้า **เราอ่านค่าในเส้นแถบสีดำที่มีค่าพิสัย สูงสุดเท่ากับ 250 แอมป์ โดยสเกลแต่ละขีด จะมีค่าเท่ากับ 5 ในที่นี่ สเกลอ่านค่าได้ ประมาณ 97 หรือ97 mA ** เปิดวงจร เพื่อต่ออนุกรมเข้ากับวงจร ** มัลติมิเตอร์ทำหน้าที่ เป็น แอมป์มิเตอร์ ซึ่งจะมี ค่าความต้านทานน้อย มากๆ **
REPORT TITLE | 50 รูปที่ 30 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจรอนุกรม รูปที่ 31 กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจรขนาน วัดค่ากระแสไฟฟ้า – แอนาลอกมัลติมิเตอร์ 1. ให้ปรับพิสัยเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า ตามรูปที่ 32 **หากไม่ทราบว่ามีค่ากระแสไฟฟ้าเท่าไหร่ให้ปรับไปที่พิสัยสูงกว่าค่ากระแสที่วัดเสมอ** รูปที่ 32 วิธีการปรับพิสัยย่านการวัด 2. นำมัลติมิเตอร์มาวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านโหลด ดังนั้นเราจึงทำให้มัลติมิเตอร์ไปแทรกในวงจร ให้เปรียบเสมือนโหลดตัวหนึ่ง โดยการเปิดวงจรและต่ออนุกรมเข้าวงจร ตามรูปที่ 33 จากนั้นให้ ทำการอ่านค่าและบันทึกผลการทดลองลงในตารางบันทึกผลการทดลองที่ 3 รูปที่ 33 การตัดวงจรเพื่อทำการวัดกระแสไฟฟ้า เปิดวงจร เพื่อต่ออนุกรมเข้ากับวงจร ** มัลติมิเตอร์ทำหน้าที่เป็น แอมป์มิเตอร์ ซึ่งจะมีค่า ความต้านทานน้อยมากๆ **