รายงานการฝึกประสบการณใ์ นสถานศึกษา
และแนวคิดการประยกุ ต์ใช้ในการขบั เคลอื่ นการจัดการอาชวี ศกึ ษา
ประเดน็ ศึกษา การพฒั นาทักษะอาชีพ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills แบบรับรองการมงี านทา
รายชอ่ื สมาชิกในกลุ่ม
นายกฤษนเดช ราษีทอง เลขที่ ๑๐/๑
นายทวกิ านต์ ผดุงสันต์ เลขท่ี ๑๐/๒
นายชูศักด์ิ ขุ่ยขะ เลขที่ ๑๐/๓
นายเมอื งมนต์ เนตรหาญ เลขท่ี ๑๐/๔
นายวิชิต ธรรมฤทธิ์ เลขที่ ๑๐/๕
นายสรุ ะเด่น คนุ ุ เลขท่ี ๑๐/๖
นางรัชดาภรณ์ มะลิซอ้ น เลขที่ ๑๐/๗
นายปกรณ์ อนิ ศร เลขที่ ๑๐/๘
นายวิสิทธ์ติ พงศ์ แสงงาม เลขที่ ๑๐/๙
นายสายันห์ ประโกสันตงั เลขที่ ๑๐/๑๐
โครงการการพัฒนาขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษากอ่ นแตง่ ตั้งให้ดารงตาแหนง่
ผู้อานวยการสถานศึกษา
สังกัดสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
ก
บทสรุปผ้บู ริหาร
การศึกษาการพฒั นาทักษะอาชพี Up Skills Re Skills สู่ Future Skills แบบรบั รองการมงี านทาของ
สถานศึกษาอาชีวศึกษา 1) เพ่ือศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานเก่ียวกับทักษะอาชีพในปัจจุบันของสถานศึกษาอาชีวศึกษา Up
skills Re skills สู่ Future skills แบบรับรองการมีงานทา ๒) เพ่ือศึกษาแนวทางในการพัฒนาทักษะอาชีพ Up skills
Reskills สู่ Future skills แบบรบั รองการมีงานทา ของสถานศึกษาอาชีวศกึ ษา ๓) เพ่ือเสนอแนะการยกระดบั คณุ ภาพ
การจัดการศึกษา การพัฒนาทักษะอาชีพ Up skills Reskills สู่ Future skills แบบรับรองการมีงานทา ให้ผู้บริหาร
นาไปเป็นแนวทางการขับเคลือ่ นการจัดการอาชีวศกึ ษาในสถานศึกษาสคู่ วามเปน็ เลศิ เพื่อตอบสนองการปฏิรปู ประเทศ
ด้านการศึกษา การศึกษารายละเอียดเชิงคุณภาพจากข้อมูลเอกสาร (Documentary Study) กรอบนโยบาย ทิศทาง
หลักการท่ีมีความเกี่ยวข้องในการจัดอาชีวศึกษา ท้ังในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้กรอบแนวคิดเรื่องระบบการ
มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น ในส่วนที่เก่ียวกับการพัฒนากาลังแรงงานของธนาคารโลก (The World Bank,
SABER - System Approach for Better Education Results : Workforce Development and Tool Analysis)
โดยประยุกต์ใช้ เคร่ืองมือในการวางแผนธุรกิจ (Business Model Canvas) ประกอบด้วย 1) พันธมิตรหลัก (Key
Partners) 2) กลไกขับเคล่ือน (Key Drivers) 3) กิจกรรมสาคัญ (Key Activities) 4) ทรัพยากรท่ีจาเป็น (Key
Resources) 5) ผลลัพธ์ (Key Results) 6) ผลสัมฤทธิ์และ คุณค่าที่เพ่ิมขึ้น (Value Propositions) กลยุทธ์ที่พัฒนา
นั้น ครอบคลุมข้อค้นพบ ท่ีสาคัญต่อการยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาสร้างความสามารถในการแข่งขันการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย โดยการเพิ่มพูนทักษะ (Re skills) พัฒนาทักษะ (Up skills) และการเรียนรู้ทักษะแห่ง
อนาคต (Future Skill) เพือ่ เพิม่ ศกั ยภาพในการแข่งขันผลการศึกษาโดยมวี ตั ถุประสงค์ ดงั นี้
วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อศึกษาขอ้ มลู พื้นฐานเกย่ี วกับทกั ษะอาชพี ในปัจจุบันของของสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษา Up skills
Reskills สู่ Future skills แบบรบั รองการมีงานทา
๒. เพอื่ ศึกษาแนวทางในการพัฒนาทักษะอาชพี Up skills Reskills สู่ Future skills แบบรบั รอง
การมีงานทา ของสถานศึกษาอาชวี ศึกษา
๓. เพื่อเสนอแนะการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา การพัฒนาทักษะอาชีพ Up skills Re skills สู่
Future skills แบบรับรองการมีงานทา ให้ผู้บริหารนาไปเป็นแนวทางการขับเคล่ือนการจัดการอาชีวศึกษาใน
สถานศกึ ษาสคู่ วามเปน็ เลศิ
เหตจุ งู ใจหรือความท้าทายท่ตี ้องดาเนินการ
กระบวนการจัดอาชีวศึกษาให้เกิดคุณภาพ ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนท่ีสอดคล้องกับ
ความต้องการของผู้เรียน ในบริบทเชิงพื้นที่ การจัดการเรียนการสอนวิชาชีพเพ่ือความเสมอภาค การพัฒนาปรับปรุง
หลักสูตรของสถานศึกษา การสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการเรียนการสอน และฝึกงานในสถาน
ประกอบการ โดยส่งเสริมการนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ICT มาใช้เพื่อการเรียนการสอนและการบริหาร
จัดการในสถานศึกษา มุ่งให้กลุม่ ผู้เรียนหรอื ผู้ผ่านการฝึกอบรมทกั ษะอาชีพ มีการ Up skills Reskills พฒั นาองคค์ วาม
รูท้ ันความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กอ่ ให้เกิดธุรกิจใหม่ และอาชีพใหม่ หรือ Future Job สามารถประกอบอาชีพ
ไดจ้ รงิ มีเหตจุ งู ใจหรือความทา้ ทายทต่ี อ้ งดาเนินการ
- จัดการเรยี นการสอน และฝึกอบรมวิชาชพี ระยะสั้น Up skills Re skills รองรบั การเปลยี่ นแปลง
ของเทคโนโลยี/สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโควิด-19 ทาให้คนตกงาน
ข
- ต้องการความเสมอภาคและตอ้ งการฝกึ อบรมวชิ าชพี Up skills Re skills และการศึกษาต่อทาง
การศกึ ษา
- นโยบาย สอศ./ กระทรวง ตอ้ งการสรา้ งความเปน็ เลศิ ในการเสริมสรา้ งทักษะอาชพี Up skills Re
skills ใหท้ นั สมยั
- การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี/สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโควดิ ทาให้คนตกงาน
- ความต้องการของชุมชน ผู้เรยี น และสถานประกอบการ ในเชิงพืน้ ท่ี
ดังน้ัน จึงมีความจาเปน็ ตอ้ งมีการดาเนนิ การยกระดบั ทักษะฝีมือใหมใ่ ห้กับกลุ่มผู้เรียนทุกระดับ ด้วย
วิธกี าร Up skills Re skills สู่ Future skill แบบรบั รองการมีอาชีพมงี านทา โดยมรี ปู แบบการพัฒนาสถานศึกษา
และ แนวทางการขับเคล่ือนสคู่ วามสาเรจ็ ในสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาดว้ ยวธิ กี ารของ SABER และ Business Model
Canvas
กลยุทธข์ อง SABER
ค
Business Model Canvas
ขอ้ เสนอแนะการยกระดับคณุ ภาพการจัดการอาชีวศกึ ษา
๑. ผอู้ านวยการสถานศึกษา
แนวทางและเป้าหมายการบรหิ ารจดั การสถานศึกษาสู่ความเปน็ เลิศ ควรศึกษาความตอ้ งการ/ความจาเป็น ใน
การพัฒนาตนเองของครูและบุคลากร ศึกษาความต้องการของผู้เรียนในการเรียนรู้และรับบริการทางการศึกษาท่ีมี
คุณภาพ ศึกษาความต้องการของผู้ท่ีเกี่ยวข้องอ่ืนๆ ซ่ึงประกอบด้วย ผู้ปกครอง ชุมชน และนโยบายของหน่วยงานต้น
สังกัด ผลการประเมินคุณภาพภายนอกของสมศ. และผลการประเมินติดตามตรวจสอบคุณภาพภายในจากหน่วยงาน
ตน้ สงั กัด ตลอดจนสภาพปญั หาตา่ งๆ ทีผ่ ่านมา เพอ่ื เปน็ แนวทางในการปรับปรุง เปลีย่ นแปลง แก้ไข พัฒนา
๒. สถานศกึ ษาและสถาบนั การอาชวี ศึกษา
ในมิติของสถานศึกษาที่จะทาให้การขับเคล่ือนการจัดการอาชีวศึกษาในบริบทเชิงพื้นท่ีสู่ความเป็นเลิศ
สถานศึกษาควรมีการพัฒนาหลักสูตรท่ีหลากหลายท้ังภาคปกติ ทวิภาคี หลักสูตรระยะส้ัน รองรับการพัฒนาทักษะ
อาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ ตลาดแรงงาน เพ่ือสร้างกาลังคนท่ีมีสมรรถนะสูง รองรับ
อตุ สาหกรรม New Growth Engine ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 สนองตอบยทุ ธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และ
สังคมแห่งชาติ เพ่ือให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ ส่งเสริมและพัฒนาข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ให้มีสมรรถนะเต็มตามศักยภาพตรงตามสาขาวิชาชีพ โดยเน้นการ Up
Skills Re Skills ทักษะการทางาน เสริมทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น และทักษะการใช้
เทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยวิธีการต่างๆ อย่างเหมาะสม จัดกิจกรรมส่งเสริม และพัฒนาผู้เรียนให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตาม
ง
ทักษะวิชาชีพ มีการ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จัดระบบดูแลช่วยเหลือ
ผู้เรียน เพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้มีโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้า สร้างและ
พัฒนาความร่วมมือกับสถานประกอบการในการพัฒนาหลักสูตร การ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills ให้เป็นไป
ตามความต้องการของสถานประกอบการและตลาดแรงงาน Future Job
๓. สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ควรดาเนินการตามขอ้ เสนอแนะแนวทางในการดาเนินการ “ยกระดับ
คุณภาพการจัดการอาชวี ศกึ ษา แบบองคร์ วมโดยใชพ้ ้นื ทเ่ี ป็นฐาน” ซงึ่ จะแบง่ เป็นประเด็นนโยบายและการขับเคลื่อน
ตามแนวทางกระบวนการบรหิ าร โดยแยกเป็นประเด็นการดาเนนิ งานในดา้ นตา่ งๆ ดงั นี้
๓.๑ ควรกาหนดนโยบายการพฒั นาทักษะอาชีพ การ Up Skills Re Skills และ Future Skills ใหเ้ ป็นไปตาม
ความตอ้ งการของสถานประกอบการและตลาดแรงงาน เพ่ือผลติ และพัฒนากาลงั คนอาชวี ศึกษาใหม้ ีศักยภาพรองรับ
การพฒั นาสมรรถนะอาชีพในอนาคต และ Future Job
๓.๒ สนับสนุนงบประมาณดาเนินการพฒั นาหลักสูตรวชิ าชพี Up Skills Re Skills เพือ่ พัฒนาทักษะอาชีพใน
ปจั จบุ นั และ Future Skills สาหรับงานในอนาคตรบั รองการมีงานทาให้มีความเหมาะสม สนองตอ่ ความตอ้ งการของ
ตลาดอาชพี
๓.๓ ควรมคี ณะกรรมการประเมนิ ผลกากบั นิเทศ ตดิ ตามการดาเนนิ งาน ตามนโยบายการพฒั นาอาชพี อยา่ ง
จรงิ จังและต่อเน่อื ง เพอ่ื ให้เกดิ ประสิทธิผล
๓.4 จัดสรรงบประมาณจดั หาครภุ ณั ฑ์เกย่ี วกบั เทคโนโลยที ่ีทันสมัยใหม่ เพ่ือให้ผเู้ รียนมที ักษะ สมรรถนะ
รองรบั การมงี านทาเม่อื สาเร็จการศกึ ษา
จ
สารบญั
บทสรปุ ผ้บู รหิ าร ก
สว่ นที่ 1 สภาพปจั จบุ นั และความทา้ ทาย ๑
๑. สภาพปัจจบุ นั และความท้าทาย ๑
2. วตั ถุประสงค์ ๓
๓. ขอบเขต ๓
๔. ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ ๓
๕. นยิ ามศพั ท์ ๓
ส่วนท่ี 2 แนวคดิ องค์ความรู้ และกฎระเบียบทเี่ กีย่ วข้อง ๕
๒.๑ ยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑–๒๕๘๐ ๕
๒.๒ ร่างกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 13 (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ๖
๒.๓ แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐–๒๕๗๙ ๗
๒.๔ นโยบายและจดุ เนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ๘
๒.๕ แผนพัฒนาการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ๘
๒.๖ การพัฒนาทกั ษะอาชีพ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills ๙
๒.๗ ทฤษฎี The World Bank, SABER - Systems Approach for Better Education Results ๙
๒.๘ ทฤษฎี Business Model Canvas (BMC : Canvas) ๑๐
๒.๙ กระบวนการบรหิ าร POSDCoRB ๑๒
๒.๑๐ ทฤษฎี SWOT Analysis ๑๓
๒.๑๑ กรอบคณุ วุฒอิ าชวี ศึกษา ๑๓
๒.๑๒ งานวจิ ยั และกฏระเบยี บท่เี กย่ี วขอ้ ง ๑๔
ส่วนท่ี 3 ผลการศกึ ษาเปรียบเทียบ (Journey Mapping) ๒๒
1. ขอ้ คน้ พบจากการสถานศึกษาทีเ่ ข้ารับการฝึกประสบการณ์ ๒๒
1.1 สภาพก่อนดาเนินการของสถานศกึ ษาในประเดน็ ทศ่ี กึ ษา ๒๒
1.2 เหตจุ งู ใจหรือความท้าทายทตี่ อ้ งดาเนนิ การ ๒๒
1.3 วเิ คราะหส์ ถานการณ์ทีส่ ถานศกึ ษาดาเนินการ ๒๓
1.4 วเิ คราะหก์ ลไกในการบริหารจดั การในระบบและการจัดการการอาชวี ศกึ ษา ๒๙
2. บทเรยี นความสาเร็จในการบรหิ ารจดั การสถานศึกษา ๓๔
ส่วนที่ 4 รูปแบบการพัฒนาสถานศึกษา และแนวทางการขบั เคลือ่ นสู่ความสาเร็จในสถานศึกษาอาชวี ศึกษา ๓๖
1. รูปแบบการพัฒนาสถานศึกษา (Model of College Development) การพัฒนาทกั ษะอาชพี ฯ ๓๖
2. แนวทางการขับเคลื่อนสู่ความสาเรจ็ ในสถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา การพัฒนาทกั ษะอาชพี ฯ ๓๗
ส่วนที่ 5 ขอ้ เสนอแนะการยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศกึ ษา ๔๑
๑. ผอู้ านวยการสถานศึกษา ๔๑
๒. สถานศกึ ษาและสถาบันการอาชวี ศึกษา ๔๑
๓. สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ๔๒
เอกสารอ้างอิง ๔๔
1
สว่ นท่ี 1
สภาพปัจจบุ ันและความทา้ ทาย
๑. สภาพปัจจบุ ันและความท้าทาย
ยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑–๒๕๘๐ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย มาตรา ๖๕ กาหนดให้รัฐพึง
จดั ให้มยี ทุ ธศาสตรช์ าติเปน็ เปา้ หมายการพฒั นาประเทศอยา่ งยงั่ ยืน ตามหลกั ธรรมาภิบาลเพือ่ ใช้เปน็ กรอบในการจดั ทา
แผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบรู ณาการกันเพ่อื ให้เกิดเปน็ พลังผลักดนั ร่วมกนั ไปสู่เป้าหมาย ซ่ึงจะต้องนาไปสกู่ ารปฏบิ ัติ
เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความม่ันคง มั่งค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนา
ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” ภายในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว เพือ่ ความสุขของคนไทยทกุ คนศกั ยภาพและคุณภาพ
ของประชากรไทยทุกชว่ งวัยยังคงเป็นปจั จัยท้าทายสาคญั ต่อการพฒั นาประเทศ แมว้ ่าการเข้าถึงระบบบริการสาธารณะ
การศึกษา บริการสาธารณสุข โครงสร้างพ้ืนฐานต่างๆ และการคุ้มครองทางสังคมอื่นๆ ของคนไทยมีความครอบคลุม
เพ่ิมมากขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาเร่ืองคุณภาพการให้บริการท่ีมีมาตรฐานแตกต่างกันระหว่างพ้ืนท่ี ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุ
หลักที่ทาให้ประเทศไทยยังคงมีปัญหาความเหลื่อมล้าในหลายมิติ ขณะที่ปัญหาด้านความยากจนยังคงเป็นประเด็นท้า
ทายในการยกระดับการพัฒนาประเทศให้ประชาชนมีรายได้สูงข้ึนและแก้ปัญหาความเหล่ือมล้าอย่างย่ังยืน
ขณะเดียวกันการวางกลยุทธ์ระยะยาวในการฟ้ืนฟูการใช้ และการรักษาทรัพยากรอย่างบูรณาการเพื่อการพัฒนา
ประเทศ ตามประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ชาติด้านการพฒั นาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ มเี ปา้ หมายการพฒั นา
ที่สาคัญ เพ่ือพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมท้ังกาย ใจ
สตปิ ญั ญา มพี ัฒนาการทีด่ รี อบด้าน และมสี ขุ ภาวะท่ีดใี นทุกชว่ งวัย มจี ติ สาธารณะ รับผดิ ชอบตอ่ สังคมและผู้อ่ืน มัธยสั ถ์
อดออม โอบออ้ มอารี มีวนิ ัย รกั ษาศลี ธรรม และเป็นพลเมอื งดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกตอ้ ง มที ักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษ
ท่ี ๒๑ มที ักษะส่ือสารภาษาองั กฤษและภาษาที่ ๓ และอนุรกั ษภ์ าษาท้องถ่ิน มนี ิสยั รกั การเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง
อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่น ๆ
โดยมสี ัมมาชพี ตามความถนดั ของตนเอง (ประกาศราชกจิ จานเุ บกษายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐)
การศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพเป็นการศึกษาเพ่ือพัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะใ นการประกอบอาชีพ
ของบุคคลและกลมุ่ บุคคลซึ่งมีจุดมงุ่ หมายในชีวติ ท่ีแตกต่างกันโดยมีสาระสาคัญ ดังนี้ 1) การเรียนรู้อาชีพแบบองค์รวม
ทป่ี ระชาชน ครูการศึกษานอกโรงเรียนและผู้มีส่วนเก่ียวข้องร่วมกันจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือฟ้ืนฟูเศรษฐกิจชุมชน 2)
การออกแบบการเรยี นรู้อาชพี ตามลักษณะของการจัดการศึกษา เพ่ือพฒั นาอาชพี ในรปู แบบการฝึกทกั ษะอาชพี การเขา้
สู่อาชีพ การพฒั นาอาชีพ และการพัฒนาอาชีพด้วยเทคโนโลยี 3) การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงท่ีบูรณาการกับวิถีชีวิต
โดยใช้กระบวนการคิดทาจาแก้ปัญหา และพัฒนา 4) การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ ที่พัฒนาศักยภาพของบุคคล
และชมุ ชนทสี่ อดคลอ้ งกับวิถชี ีวิต โดยสง่ เสริมการรวมกลุม่ อาชีพ สร้างเครือขา่ ยอาชีพมรี ะบบการแลกเปลย่ี นเรียนรู้และ
ประสบการณ์ทาอาชีพภายใต้วัฒนธรรมของชุมชนมีกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันของชุมชน เป็นชุมชนที่ใช้เทคโนโลยีในการ
บริหารจัดการและพัฒนาอาชพี
ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจในหลายภาคส่วนต้องหยุดชะงัก ภาคธุรกิจจึงต้องทา
ความเข้าใจบริบทของโลกใหม่ พร้อมปรับตัวให้ทันท่วงที ทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยให้องค์กรธุรกิจยืนหยัดใน
สถานการณ์นี้คือ “การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในองค์กร” เพื่อพลิกโฉมธุรกิจให้สามารถเผชิญกับ
ภาวะปกติใหม่ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพโดยกลยุทธ์สาคัญ 2 ประการที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าของพนักงานใน
องค์กร ได้แก่ “Up skills” และ “Re skills” ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคของดิจิทัล เกือบทุกองค์กรจะต้องมีการ
2
ปรับตัวหรือปรับการทางานเพื่อให้อยู่รอด และด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ทาให้องค์กรต้อง
มี Up skills และ Re skills เพื่อปรับเปลี่ยนการทางานและพัฒนาทักษะพนักงานเพื่อให้เกิดความรู้ ความสามารถที่
เท่าทันกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง The World Economic Forum ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในอนาคตจะมีการโยกย้าย
งาน หรืองานอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ 75 ล้าน ตาแหน่งภายในปี 2565 ใน 20 ประเทศเศรษฐกิจหลัก และใน
ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการสร้างหรือเพิ่ม 133 ล้าน บทบาทหรือตาแหน่งใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและ
ดิจิทัล (The World Economic Forum, 2018)
ซ่ึงการ Up skills เป็นการเสรมิ และพัฒนาทกั ษะของพนกั งานจากงานเดมิ เพื่อเพิม่ ความสามารถในการ
ทางาน และสว่ นใหญเ่ ป็นการนาเทคโนโลยหี รอื ดิจิทัลมาปรับใชใ้ หเ้ ขา้ กบั การทางาน เช่น เรยี นรู้เทคโนโลยีเพิม่ เติม เมอ่ื
บริษัทนน้ั นาเทคโนโลยีเขา้ มาใช้เพ่ือปรบั เปล่ยี นกระบวนการทางานใหม่ การ Reskills เป็นการสรา้ งทักษะใหมท่ ่ี
แตกต่างไปจากงานเดิมทที่ าอยู่ เปน็ การเรยี นรทู้ ักษะใหมๆ่ เพ่อื นาไปใช้กับบริบทอ่นื ของตาแหนง่ งาน และเพอื่ ให้
สามารถตอบโจทยก์ บั การทางานในยคุ ท่เี ทคโนโลยีและดิจิทัลท่ีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยการรองรับการทางานท่ี
เปลย่ี นไป (หมดยคุ กระดาษอยา่ งชดั เจน) การเพิม่ คุณค่าในพนักงานและองค์กร การตอบโจทยใ์ นอนาคต (บริษัท ดมี ี
เตอร์ ไอซที ี จากดั ๒๕๖๕) การเตรียมความพร้อมสู่ทกั ษะแหง่ อนาคต (Future skills) ทอี่ ัพเดตระบบปฏบิ ัติการตัวเอง
แบบเรง่ ด่วน เพ่ือใหเ้ ท่าทนั การเปล่ียนแปลงอย่างฉบั พลนั (Disruption) ซ่งึ การเปลีย่ นแปลงต่างๆ ส่งผลให้โครงสรา้ ง
อตุ สาหกรรม และรปู แบบการดาเนินธุรกจิ เปล่ยี นไปอยา่ งมีนัยสาคญั ในการพัฒนากาลงั คนในโลกอนาคต (สอวช. ๒๐๒๒)
เพอ่ื ให้สอดคล้องกับการเปลยี่ นแปลงดังกล่าว ทักษะการเรียนรสู้ าหรบั ประชากรในอนาคตควรประกอบ
ดว้ ยองค์ประกอบหลัก 3 ประการ คอื 1) ทักษะการเรียนรู้และความคดิ สรา้ งสรรค์ 2) ความรู้เชงิ เทคนิคดา้ นเทคโนโลยี
สารสนเทศการสอ่ื สารและดิจทิ ัล และ 3) ทักษะชวี ติ และอาชพี (Ngourungsi, K.el al., 2017) และเพื่อการเตรียม
ความพร้อมให้เขา้ ส่ตู ลาดแรงงาน จึงเปน็ แนวทางใหม่ทหี่ ลายประเทศให้ความสาคัญสาหรับเตรียมแรงงานให้พรอ้ มต่อ
ตลาดแรงงานในอนาคตโดยแนวทางนี้จะทาใหต้ วั เลือกการอาชพี ในอนาคตของแต่ละบุคคล และการศกึ ษามคี วามชดั เจน
ตั้งแตย่ งั เปน็ เยาวชนหรอื แมแ้ ตผ่ ้ทู ี่กาลังมองหาอาชีพใหม่ และต้องการการฝึกอบรมท่ีเฉพาะเจาะจงภายใต้แนวคดิ การ
เรียนรตู้ ลอดชวี ิต (lifelong learning) (Panthasen, A, 2015)
แนวโนม้ การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีซ่ึงส่งสญั ญาณชัดเจนมากขนึ้ ทุกวนั สง่ ผลกระทบตอ่ แรงงาน คนทางาน
หรอื แมแ้ ตอ่ งคก์ ร ทีจ่ ะตอ้ งปรบั ตัว เตรียมพรอ้ ม ใหท้ ันเวลา เพ่ือให้สามารถอยู่รอดไดใ้ นอนาคต แนวคิดการเรียนรู้ตลอด
ชีวติ เพ่ือพฒั นาทกั ษะของช่างอตุ สาหกรรมอาชวี ศกึ ษาไทย ในยคุ ดสิ รัปช่ันผา่ นกลไกการพัฒนาทกั ษะและสมรรถนะ ทั้ง
New Skills Re skills และ Up skills ของสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เพอ่ื รองรับการเปลย่ี นแปลงอนั
เนื่องจากการพัฒนาประเทศไทยในอนาคตจะมุ่งเน้นการขบั เคลอื่ นดวยเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม ชา่ งอุตสาหกรรม
อาชวี ศึกษาไทย จึงจาเป็นต้องมกี ารพฒั นาทกั ษะและองคค์ วามรใู้ ห้ความรทู้ างด้านเทคโนโลยี สามารถกา้ วทนั ตอ่
เทคโนโลยที ่เี ปลยี่ นแปลง และทางานรว่ มกับระบบอัตโนมัติตา่ งๆได้อยา่ งยง่ั ยืน (สมพร ปานดา วารสารวจิ ัยและ
นวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา ๒๕๖๓)
เพ่ือเป็นการศึกษาพัฒนาอาชีพ Up skills Re skills สู่ Future skills แบบรบั รองการมีงาน ในการวางแผนผลิต
กาลงั คนให้มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานอาชพี และหรอื มาตรฐานสากล มที ักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ทกั ษะการคิด
วิเคราะห์และแก้ปญั หา ทกั ษะทางภาษาและการสือ่ สาร ทกั ษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และทกั ษะการทางานร่วมกบั
ผ้อู ่ืนเพื่อเพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขันสามารถสนองตอบความตอ้ งการกาลงั คนตลอดจนความตอ้ งการของผ้เู รียน
เองทจ่ี ะนาไปใช้ในการประกอบอาชพี ไดต้ รงตามสาขาทเี่ รยี น รวมท้งั เปดิ โอกาสใหศ้ กึ ษาตอ่ ในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ ได้ เพอื่
ความกา้ วหน้าตามเส้นทางอาชพี ต่อไป ในอนาคต
3
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพอ่ื ศึกษาข้อมลู พื้นฐานเก่ียวกับทกั ษะอาชพี ในปัจจบุ นั ในการ Up skills Re skills สู่ Future skills
แบบรับรอง
๒.๒ เพ่ือศกึ ษาแนวทางในการพัฒนาทักษะอาชีพ Up skills Re skills สู่ Future skills แบบรับรอง
การมงี านทา
๒.๓ เพื่อเป็นข้อเสนอแนะในการกาหนดเชิงนโยบายด้านการพัฒนาทักษะอาชีพ Up skills Re skills สู่
Future skills แบบรบั รองการมงี านทาต่อสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
๓. ขอบเขต
๓.๑ ขอบเขตดา้ นพื้นที่
๓.๑.๑ วทิ ยาลัยสารพดั ช่างอุดรธานี จงั หวัดอดุ รธานี
๓.๑.๒ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยศี รสี ะเกษ จงั หวัดศรีสะเกษ
๓.๒ ขอบเขตดา้ นเนื้อหา
๓.๒.๑ สภาพปญั หาและความท้าทายตามทฤษฎี Systems Approach for Better Education Results (SABER)
๓.๒.๒ แนวคิด องค์ความรู้ และกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เก่ียวกับการจัดการศึกษากฎระเบียบที่
เก่ยี วขอ้ ง
๓.๒.๓ วเิ คราะหก์ ลไกในการบริหารจดั การอาชีวศึกษา โดยใช้ทฤษฎี Business Model Canvas (BMC : Canvas)
๓.๒.๔ จดั หารูปแบบการพฒั นาสถานศึกษาสู่ความสาเรจ็ ในสถานศึกษาขนาดเลก็ ขนาดกลาง ขนาดใหญ่
๓.๒.๕ การพฒั นาทกั ษะอาชพี Up Skills Re Skills สู่ Future Skills
๓.๒.๖ คน้ หาบทเรียนความสาเรจ็ ในการบรหิ ารจัดการศึกษาตามกระบวนการบริหาร POSDCoRB
๓.๓ ขอบเขตด้านเวลา
ระหว่างวันที่ ๑๓ มถิ นุ ายน ๒๕๖๕ ถงึ วนั ท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕
๔. ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รบั
๔.1 ทราบขอ้ มลู พน้ื ฐานเกีย่ วกบั การพฒั นาทกั ษะอาชพี Up skills Reskills สู่ Future skills ในปจั จุบนั
ของสถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษา
๔.๒ ได้แนวทางในการพัฒนาทกั ษะอาชีพ Up skills Reskills สู่ Future skills แบบรับรองการมงี านทา ของ
สถานศกึ ษาอาชีวศึกษา
๔.๓ ไดข้ อ้ เสนอแนะในการกาหนดเชิงนโยบายด้านการพัฒนาทกั ษะอาชพี Up skills Reskills สู่ Future
skills แบบรบั รองการมงี านทา ของสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
๕. นิยามศัพท์
การพฒั นาทักษะอาชีพ (Develop professional skills) หมายถึง กระบวนการพฒั นาความสามารถในการ
เรียนรู้เพื่อสร้างทักษะการทางาน การพัฒนา ความเช่ือ ค่านิยม ความถนัดความสนใจ ตลอดจนความรอบรู้ที่เก่ียวกับ
โลกของอาชพี ซง่ึ ทักษะท่ีมนษุ ยท์ ุกคนจาเป็นตอ้ งมี และต้องใช้ใน ชีวิตประจาวัน เพอ่ื ช่วยให้ตนเองมีความสขุ
Up Skills หมายถงึ การพัฒนาตัวเองในการยกระดับทักษะท่เี รามอี ยใู่ ห้ดขี ึน้ กว่าเดิมหรอื ให้มคี วามเชี่ยวชาญ
ชานาญที่สงู ข้ึนกวา่ เดมิ
4
Re Skills หมายถึง การเปลย่ี นทักษะหรือการเรยี นรใู้ นเรอื่ งทีไ่ ม่เก่ียวขอ้ งกับสายงานเดิมในการพฒั นา
ความรหู้ รืออาชพี ใหม่ท่เี กิดข้นึ กับตวั เอง
Future skills หมายถึง ทักษะแห่งอนาคต ซึ่งเป็นทกั ษะทค่ี าดการณ์วา่ จะมีความสาคัญอยา่ งมากสาหรับโลก
ในอนาคตท่ีเทคโนโลยจี ะเข้ามามีบทบาทในการดาเนินชีวติ อย่างเต็มรปู แบบ
สถานศึกษา หมายถึง วิทยาลัยหรือสถานศึกษาท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นของรัฐและเอกชน ที่จัดการศึกษาตาม
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ และหรือหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง รวมถึงสถานศึกษาในสถาบันการ
อาชวี ศกึ ษา
กรอบคณุ วุฒวิ ชิ าชพี หมายถึง เกณฑ์มาตรฐานคณุ วุฒิอาชีวศกึ ษาแต่ละระดับ
5
ส่วนท่ี 2
แนวคิด องคค์ วามรู้ และกฏระเบียบที่เกี่ยวขอ้ ง
แนวคดิ องค์ความรู้ และกฏระเบยี บทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
ในการจดั การศกึ ษาของประเทศจะตอ้ งเปน็ ไปตามเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย
พ.ศ. ๒๕๖๐ และยทุ ธศาสตรช์ าติ โดยคานงึ ถึงสถานการณก์ ารเปลย่ี นแปลงทางด้านประชากร การเปลีย่ นแปลง
ทางเทคโนโลยี และพลวตั รของโลกยคุ ใหม่ ท่สี ง่ ผลตอ่ วิถีชีวติ ของประชากรในทกุ ชว่ งวัย ทจี่ ะตอ้ งเผชญิ ความท้าทายกับ
วถิ ีชวี ิตใหม่ จงึ จาเป็นต้องปรับเปลยี่ นกระบวนการจดั การเรียนร้แู ละรูปแบบการเรียนการสอน โดยมีเป้าหมายทผ่ี ู้เรียน
เปน็ ศูนย์กลางของการเรียนรู้การมสี ่วนร่วมและลงมอื ปฏบิ ัติ ผู้เรียนได้รบั การพัฒนาไปสู่ศกั ยภาพสงู สุดของแต่ละบุคคล
เป็นผู้มีความรู้ มีทักษะและใฝ่เรียนรู้ (Learning Skills) สามารถเชื่อมโยงนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง มีทักษะ
ชีวิต (Life Skills) ในโลกยุคใหม่ให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม เป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ (Active Citizen) มีความ
รับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ มีความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ไปสู่การเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะผู้เรียน
(Competency-based Learning) เป็นสาคัญ ตามยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไร้ขีดจากัด จึงได้
ทาการศึกษาวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ตามหลักวชิ าการ เก่ยี วกับ
๒.๑ ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑–๒๕๘๐
๒.๒ รา่ งกรอบแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
๒.๓ แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐–๒๕๗๙
๒.๔ นโยบายและจดุ เน้นของกระทรวงศกึ ษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ.2565
๒.๕ แผนพฒั นาการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2560-257๙
๒.๖ การพัฒนาทักษะอาชีพ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills
๒.๗ ทฤษฎี The World Bank, SABER - Systems Approach for Better Education Results
๒.๘ ทฤษฎี Business Model Canvas (BMC : Canvas)
๒.๙ กระบวนการบรหิ าร POSDCoRB
๒.๑๐ ทฤษฎี SWOT Analysis
๒.๑๑ กรอบคณุ วุฒิอาชวี ศกึ ษา
๒.๑๒ งานวจิ ัย และกฏระเบยี บท่เี กีย่ วข้อง
๒.๑ ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐)
ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) เป็นยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรกของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญ
แหง่ ราชอาณาจักรไทย ซึง่ จะต้องนาไปสกู่ ารปฏิบตั ิเพือ่ ใหป้ ระเทศไทยบรรลุวสิ ยั ทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มง่ั คั่ง
ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพ่ือความสขุ ของคนไทยทุกคน
โดยมีเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติม่ันคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเน่ือง สังคม
เปน็ ธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” โดยยกระดบั ศักยภาพของประเทศในหลากหลายมติ ิ พฒั นาคนในทุกมิตแิ ละ
ในทุกช่วงวัยใหเ้ ปน็ คนดี เกง่ และมคี ณุ ภาพ สรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม สร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชวี ิต
ทเี่ ป็นมติ รกบั ส่งิ แวดลอ้ ม ได้แก่ การพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์ของประเทศ
6
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนาที่สาคัญเพื่อ
พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มี
พัฒนาการท่ดี รี อบดา้ น และมสี ุขภาวะที่ดใี นทกุ ช่วงวยั มีจิตสาธารณะ รบั ผิดชอบตอ่ สังคมและผู้อืน่ มธั ยัสถ์
อดออม โอบออ้ มอารี มีวินัย รกั ษาศลี ธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดท่ีถกู ต้อง มที ักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษ
ท่ี ๒๑ มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาท่ี ๓ และอนุรกั ษ์ภาษาท้องถิ่น มีนสิ ัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง
อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอ่ืน ๆ
(ยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐ (ฉบบั ประกาศราชกจิ จานุเบกษา ๒๕๖๑)
๒.๒ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 13 (พ.ศ. 2566 – 2570)
แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) เป็นแผนพฒั นาฯ ฉบับแรกทเ่ี ร่มิ
ต้นกระบวนการยกร่างกรอบแผนภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและจะมีผลในการใช้เป็นกรอบเพื่อกาหนดแผนแม่บทภายใต้
ยทุ ธศาสตร์ชาติ และแผนปฏบิ ตั ิการในช่วง 5 ปี ตามยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี โดยการกาหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ
ในระยะของแผนพัฒนาฯ ได้น้อมนาปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลกั นาทางในการขับเคล่ือนและวางแผนการ
พฒั นาประเทศ ไปสู่การบรรลุเป้าหมายในมิติต่าง ๆ ที่ส่งผลตอ่ ภาพรวมของประเทศ ทั้งท่ีเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สงั คม
ทรัพยากรมนุษย์ ส่ิงแวดล้อม การพัฒนาท่ียั่งยืนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนการพัฒนาเชิงพื้นท่ี
และความสามารถในการแข่งขันของประเทศแนวทางส่งเสริมการพัฒนาทนุ มนุษยข์ องประเทศ โดยพัฒนากาลังคนให้มี
สมรรถนะสูงสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ควบคู่กับการสร้างความตระหนักในการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างมจี ริยธรรม มวี ิจารณญาณและเทา่ ทนั โดยมุ่งใหค้ วามสาคัญกับการยกระดับคนไทยให้มีความรู้ ทกั ษะ
และคุณลักษณะท่ีจาเป็นในโลกยุคใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนสอดรับกับทิศทางการ
พัฒนาประเทศ โดยเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระดับสูง อาจนาไปสู่การขาดแคลนแรงงานทักษะ ในขณะที่
แรงงานระดับล่าง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้รับการพัฒนาและสร้างทักษะท่ีเหมาะสมอย่างเพียงพอจะถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์
และจักรกลมากขึน้
หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกาลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคตจึงต้อง
เร่งขยายผลและต่อยอดประเดน็ การพัฒนาเพื่อนาไปสู่การพลิกโฉมกาลงั คนสมรรถนะสูงที่มีภาวะผู้นาสูง สามารถสรา้ ง
การเปลี่ยนแปลงและเพ่ิมขีดความสามารถของประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตของความคดิ และการพัฒนาตนเองให้ทา
สง่ิ ใหม่ ๆ การอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา พบว่าการผลิตกาลังคนสมรรถนะยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
งาน ถึงแม้ว่าการอาชีวศึกษาได้พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพื่อดึงดูดคนเก่งเข้ามาเรียน อาทิ อาชีวศึกษา
ฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี แต่ยงั มขี อ้ จากัดในการเรยี นตอ่ ในระดับ ปวส. อกี ทง้ั ค่าจ้างทีจ่ า่ ยตามคณุ วุฒิการศกึ ษายังไม่
สามารถดึงดูดให้มีผู้เรียนเพ่ิมขึ้นได้ ส่งผลให้เกิดภาวการณ์ถดถอยของการเรียนรู้ท่ีมีแนวโน้มการเกิดขึ้นซ้าอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ วัยแรงงาน เผชิญความท้าทายจากการขาดกาลังคนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะ
ความสามารถในการทางานพัฒนาวัยแรงงานให้มีสมรรถนะท่ีจาเป็นเพื่อการประกอบอาชีพและเช่ือมโยงกับโลกของ
การทางานในอนาคต โดยสง่ เสริมและกระจายโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะให้กับแรงงานทุกกลุ่ม ทั้งการเพ่ิมพูนและ
พัฒนาทักษะความรู้ใหม่ เพื่อให้มีทักษะตรงกับงานและอาชีพท่ีเปล่ียนแปลงไป และการพัฒนาทักษะเดิม เพื่อเพิ่มขีด
ความสามารถในการทางาน โดยให้สถาบันการศึกษาร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม
และหน่วยงานพัฒนาของรัฐ วางแผนสารวจข้อมูลและจัดทาหลักสูตรระยะสั้น เพ่ือพัฒนาทักษะพ้ืนฐานและทักษะที่
จาเป็น โดยมีการปรับกฎ ระเบียบให้มีความยืดหยุ่น เพื่อสนับสนุนการดาเนินการในรูปแบบที่หลากหลายได้ โดย
7
เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและรูปแบบการทางานในอนาคต และประชาชนควรได้รับเครดิตในทกั ษะอนาคต เพ่ือ
ใช้พัฒนาทักษะในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองและสนับสนุนจากภาครัฐ การพัฒนาแพลตฟอร์มที่เช่ือมโยงการเรียนรู้
การพัฒนาทักษะ และการเข้าสู่เส้นทางอาชีพเข้าด้วยกันอย่างเบ็ดเสร็จ และมีหน่วยงานรับผิดชอบทีช่ ัดเจน เพื่อให้เกิด
ความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะสามารถต่อยอดสู่การทางานต่อไป (สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สงั คมแหง่ ชาติ ๒๕๖๔)
นอกจากการนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตแล้ว การพัฒนาแรงงานเป็นปัจจัยสาคัญ
อย่างยิ่งท่ีต้องดาเนินการควบคู่กันในการเพ่ิมผลิตภาพแรงงาน โดยประกอบด้วยการเตรียมความรู้และ ทักษะท่ีตอบ
โจทย์ความตอ้ งการ ทั้งในด้านพนื้ ฐานและด้านเฉพาะเจาะจงท่ีจาเปน็ ตามสาขาวิชา ใหแ้ ก่ ประชากรวัยศึกษาก่อนเข้าสู่
ตลาดแรงงาน และการพัฒนาประชากรวัยแรงงานท่ีอยู่ในตลาดแรงงานแล้ว ด้วยการเพ่ิมทักษะ (Up-skilling) และ
เสริมทักษะใหม่ (Re-skilling) อย่างต่อเนื่อง เพ่ือยกระดับมาตรฐาน แรงงานและสนบั สนุนใหส้ ามารถทางานในตลาดได้
นานทส่ี ุด (ธนาคารแห่งประเทศไทย, 2561; สานกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2562)
๒.๓ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐–๒๕๗๙
ตามยุทธศาสตร์ท่ี ๒ การผลิตและพัฒนากาลังคน การวิจัย และนวัตกรรรม เพ่ือสร้างขีดความสามารถในการ
แข่งขนั ของประเทศ มเี ป้าหมายให้กาลังคนมที ักษะที่สาคัญจาเปน็ และมีสมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดงาน
และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีตัวชี้วัดท่ีสาคัญ เช่น มีฐานข้อมูลความต้องการกาลังคน (Demand)
จาแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน สัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาสูงข้ึนเมื่อเทียบกับผู้เรียนสามัญศึกษา และ
สัดส่วนผู้เรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงข้ึนเมื่อเทียบกับผู้เรียนสังคมศาสตร์กาลังแรงงานใน
สาขาอาชีพต่าง ๆ ท่ีได้รับการยกระดบั คณุ วฒุ วิ ชิ าชีพเพมิ่ ขนึ้
การจัดการศึกษาของไทยจาเป็นต้องกาหนดเป้าหมายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วางแผนพัฒนาและเตรียม
กาลงั คนทจ่ี ะเขา้ สตู่ ลาดงานเมอ่ื สาเรจ็ การศกึ ษาในระดบั ต่าง ๆ ปรับหลักสตู รและวิธกี ารเรียนการสอนท่ีมีความยดื หยุ่น
หลากหลาย เพ่ือพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะ ความรู้ความสามารถ และ
สมรรถนะท่ีพร้อมรับการเปล่ียนแปลงและการแข่งขันอย่างเสรีแบบไร้พรมแดนในยุคเศรษฐกิจและสังคม ๔.๐ การ
จัดการศึกษาจะต้องให้ความสาคัญกับการพัฒนาผู้เรียนและกาลังแรงงานท่ีมีทักษะและคุณลักษณะที่พร้อมเพ่ือ
ตอบสนองต่อความต้องการของภาคส่วนต่าง ๆ มากกว่าจัดการศึกษาตามความพร้อมของสถานศึกษา และต้องมีการ
วิเคราะห์ความต้องการกาลังคนเพ่ือวางเป้าหมายการจัดการศึกษาทั้งเพ่ือการผลิตกาลังคนเข้าสู่ตลาดงานและการ
พัฒนากาลังคนเพ่ือยกระดับคุณภาพกาลังแรงงานให้สูงขึ้น เป้าหมายด้านการศึกษา คือ เป้าหมายท่ี ๔ สร้าง
หลกั ประกันว่าทุกคนมีการศกึ ษาทีม่ ีคุณภาพอยา่ งครอบคลุมและเท่าเทยี ม และสนับสนนุ โอกาสในการเรยี นรูต้ ลอดชวี ิต
แผนการศึกษาแห่งชาติจึงต้องพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของประเทศ เพื่อสร้างหลักประกันว่า
เด็กปฐมวัยทุกคนจะได้รบั การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนประถมศกึ ษา ทุกคนสาเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา
และมธั ยมศกึ ษาทีม่ ีคณุ ภาพและมผี ลลัพธ์ทางการเรยี นท่ีมปี ระสทิ ธิผล ทกุ คนสามารถเขา้ ถงึ การศึกษาระดับอาชีวศกึ ษา
และอุดมศึกษาด้วยค่าใช้จ่ายท่ีเหมาะสมและมีคุณภาพ กาลังแรงงานมีทักษะท่ีจาเป็น รวมถึงทักษะทางเทคนิคและ
อาชีพสาหรบั การจ้างงาน การมีงานท่ีดแี ละการเปน็ ผู้ประกอบการ กลุ่มผู้พกิ ารและด้อยโอกาสเขา้ ถงึ การศกึ ษาและการ
ฝกึ อาชีพทกุ ระดบั อยา่ งเทา่ เทียม มกี ารเพม่ิ จานวนครทู มี่ ีคุณภาพ เพื่อการศกึ ษาสาหรับการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืนและการมี
วิถีชีวิตท่ีย่ังยืน เป้าหมายของการจัดการศึกษา (Aspirations) แผนการศึกษาแห่งชาติได้กาหนดเป้าหมายของการ
พฒั นาการศึกษาในระยะ ๒๐ ปปี ระชากรทุกคนเข้าถงึ การศึกษาท่ีมคี ณุ ภาพและมาตรฐานอย่างทวั่ ถึง (Access) ท่ีอยู่ใน
8
กาลังแรงงานได้รับการพัฒนาทักษะ ความรคู้ วามสามารถ และสมรรถนะท่ีตอบสนองความต้องการของตลาดงานและ
การพฒั นาประเทศเพอ่ื พัฒนาความร้คู วามสามารถและทักษะเพ่ือการทางานหรือการมชี ีวิตหลังวัยทางานอยา่ งมคี ุณค่า
และเป็นสุข ระบบการศึกษาท่ีสนองตอบและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นพลวัตและบริบทที่เปล่ียนแปลง
(Relevancy) ซ่งึ ในระบบการศึกษาทม่ี คี ณุ ภาพและมาตรฐาน สนองตอบและก้าวทันการเปลย่ี นแปลงของโลกศตวรรษ
ที่ ๒๑ สามารถพัฒนาทักษะ คุณลักษณะและสมรรถนะในการทางานของกาลังคนในประเทศให้สอดคล้องกับความ
ตอ้ งการของตลาดงาน สังคม และประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปีและยุทธศาสตร์ประเทศไทย ๔.๐ ท่ีจะ
นาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการศึกษาท่ีสร้างความ
ม่ันคงในชีวิตของประชาชนสังคม และประเทศชาติและการสร้างเสริมการเติบโตท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม (แผนการ
ศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙)
๒.๔ นโยบายและจดุ เน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ปงี บประมาณ พ.ศ.2565
ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เร่ือง นโยบายและจุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.
2565 ด้านท่ี คือ 4 การศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกระทรวงศึกษาธิการ
ตระหนักถึงความสาคัญยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการพัฒนา และเสรมิ สร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะแผนแมบ่ ท
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต การสร้างภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการพัฒนาและ
เสริมสรา้ งศักยภาพมนษุ ย์ การพฒั นาและยกระดับศกั ยภาพวยั แรงงาน รวมถงึ การส่งเสรมิ ศกั ยภาพวัยผสู้ ูงอายุ ประเด็น
การพัฒนาการเรยี นรู้ทต่ี อบสนองต่อการเปลยี่ นแปลงในศตวรรษที่ 21
การพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์
การศึกษาเพื่อทักษะอาชีพและการมีงานทาพัฒนา 3 ทักษะหลัก ได้แก่ โลกทัศน์อาชีพ การเสริมทักษะใหม่
(Up Skills) และการเพิ่มทักษะใหม่ท่ีจาเป็น (Re-Skills) ใหแ้ ก่กลุ่มเป้าหมาย ประกอบดว้ ย (1) ผู้อยู่ในระบบการศึกษา
(การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน และอาชวี ศึกษา) (2) ผู้อยนู่ อกระบบการศึกษา (3) วยั แรงงาน และ (4) ผู้สูงอายุ เพือ่ ให้มที ักษะ
และสมรรถนะสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลและอาชีพท่ีเกิดขึ้นใหม่ (Digital Disruption)
โดยเน้นเพ่มิ บทบาทของ กศน.ในการ Re-Skills ดา้ นอาชวี ศึกษากบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
การสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั
มุ่งเน้น Re-Skills, Up Skills และ New Skills การฝึกอบรมวิชาชีพระยะส้ัน รวมทั้งผลิตกาลังแรงงานที่มี
คุณภาพตามความเป็นเลิศของแต่ละสถานศึกษาและตามบริบทของพ้ืนที่ เพ่ือตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและสถาน
ประกอบการ (นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันท่ี ๒๙
ตลุ าคม ๖๔)
๒.๕ แผนพัฒนาการอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. 2560-257๙
การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต้องเป็นกา รจัดการศึกษาในด้านวิชาชีพสอดคล้อง กับ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ เพ่ือผลิตและพฒั นากาลังคนในด้านวิชาชีพระดับฝีมอื ระดับเทคนิค และระดับ
เทคโนโลยี รวมท้ังเป็นการยกระดับการศึกษาวิชาชีพให้สูงข้ึนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานโดย
นาความรู้ในทางทฤษฎีอันเป็นสากลและภูมิปัญญาไทยมาพัฒนาผู้รับการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติ
และมีสมรรถนะจนสามารถนาไปประกอบอาชีพในลักษณะผู้ปฏิบัติหรือประกอบอาชีพอิสระ ภารกิจของการจัดการ
อาชีวศึกษาการฝึกอบรมวิชาชีพ เป็นการเพ่ิมพูนความรู้และการฝึกทักษะอาชีพ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนา
กาลังคนด้านการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อผลิตและ
9
พัฒนากาลังคนอาชีวศึกษาให้มีสมรรถนะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ ๒. เพื่อ
ยกระดับคุณวุฒิการศึกษาและวิชาชีพของผู้เรียนอาชีวศึกษา 3. เพ่ือพัฒนาทักษะฝีมือความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศ
เฉพาะทาง 4. เพื่อพัฒนางานวิจัย ส่ิงประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรูด้านอาชีวศึกษา (สานักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ๒๕๖๐)
๒.๖ การพัฒนาทกั ษะอาชพี Up Skills, Re Skills สู่ Future Skills
การพัฒนาทักษะอาชพี (Develop professional skills) หมายถงึ กระบวนการพัฒนาความสามารถในการ
เรียนรู้เพื่อสร้างทักษะการทางาน การพัฒนา ความเชื่อ ค่านิยม ความถนัดความสนใจ ตลอดจนความรอบรู้ที่เกี่ยวกับ
โลกของอาชีพ ซ่ึงทักษะทีม่ นษุ ย์ทุกคนจาเป็นต้องมี และตอ้ งใช้ใน ชีวิตประจาวัน เพื่อชว่ ยใหต้ นเองมีความสุข
Up Skills หมายถึง การพฒั นาตวั เองในการยกระดบั ทักษะท่เี รามอี ยูใ่ ห้ดขี ึ้นกว่าเดมิ หรอื ให้มคี วามเช่ียวชาญ
ชานาญทสี่ ูงขน้ึ กวา่ เดมิ
Re Skills หมายถึง การเปล่ยี นทกั ษะหรอื การเรยี นรู้ในเรือ่ งที่ไมเ่ ก่ยี วข้องกบั สายงานเดมิ ในการพฒั นา
ความรูห้ รืออาชพี ใหมท่ ่เี กิดข้นึ กับตวั เอง
Future skills หมายถึง ทักษะแหง่ อนาคต ซง่ึ เปน็ ทักษะท่คี าดการณ์ว่าจะมีความสาคัญอยา่ งมากสาหรบั โลก
ในอนาคตท่ีเทคโนโลยจี ะเข้ามามบี ทบาทในการดาเนนิ ชีวติ อยา่ งเต็มรปู แบบ
ดังนั้นเพื่อพัฒนาพนักงานในองค์กรให้มีทักษะแห่งอนาคต และพร้อมทางานในโลกยุคใหม่อาจเริ่มต้นด้วย
การสร้างวัฒนธรรมการเรยี นรู้ในองค์กร ปลกู ฝังให้พนักงานเปิดรับการเปลี่ยนแปลง เปิดใจเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ วิเคราะห์ส่ิง
ที่ขาด (Needs Analysis) และเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ผ่านการฝึกอบรมเพ่ิมทักษะอย่างสม่าเสมอ พร้อมกับนา
เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการทางาน เพื่อให้การทางานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซ่ึงจะทาให้องค์กรมีความพร้อม
สาหรบั การเปลี่ยนแปลงในอนาคต
๒.๗ ทฤษฎี The World Bank, SABER - Systems Approach for Better Education Results
แนวคิดเชิงระบบในการยกระดับคุณภาพการอาชวี ศึกษาของธนาคารโลก (The World Bank, SABER -
Systems Approach for Better Education Results : Workforce Development, Framework and Tool
Analysis)
การผลิตและพัฒนากาลังคนให้มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานถือเป็นความท้าทาย อย่างต่อเนื่องทั่วโลก ใน
ประเทศกาลงั พัฒนาและเศรษฐกิจเกดิ ใหม่ จะพบปัญหาอุปสงคแ์ ละอุปทานด้านทกั ษะไมต่ รงกนั (Mismatch) ระหวา่ ง
ภาคการผลิตและภาคผู้ใชก้ าลังคน เป็นประเด็นปัญหาที่ส่งผลต่อผลติ ภาพอยา่ งต่อเนอ่ื ง ผู้สาเร็จการศึกษาจานวนมาก
ไม่สามารถหางานท่ีสอดคล้องกับท่ีได้ศึกษา ในขณะท่ีนายจ้างพบปัญหาในการจัดหากาลังคนที่มีสมรรถนะตามความ
ต้องการ ท้งั ในดา้ นทักษะทีจ่ าเป็นในงานและทกั ษะอาชีพ ซ่ึงถอื วา่ จาเปน็ สาหรบั ผลิตภาพทางธุรกจิ ของเศรษฐกจิ โลกใน
ปจั จุบันในวงกว้าง ส่งผลต่อขีดความสามารถทั้ง ในระดับภาคประกอบการ ระบบเศรษฐกิจโดยรวม และประเทศ เป็น
อุปสรรคต่อความเจริญ เติบโตทางเศรษฐกิจและการลดความยากจน การผลิตและพัฒนากาลังคนให้มีคุณภาพและ
สอดคล้องกับความต้องการของภาคประกอบการ จึงเป็นความท้าทายจากประเด็นดังกล่าว ข้างต้น ธนาคารโลกได้
พัฒนาเคร่ืองมือวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนานโยบาย โดยกาหนดกรอบการวิเคราะห์และการออกแบบเครื่องมือเชิง
ปฏิบัติท่ีเรียกว่า Systems Approach for Better Education Results (SABER) สาหรับการประเมินระบบการผลิต
และพัฒนากาลังคน (WfD) ดังรูปที่ ๑ เพ่ือใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ จุดเน้นของ SABER-WfD คือ ความคิดเชิงระบบท่ี
10
เตรียมกาลังคนให้พร้อมตอบสนองความต้องการทักษะในตลาดแรงงานมุ่งเน้นความชัดเจนในมิติการทางานสามมิติ
(Dimension) ประกอบด้วย 1) กรอบนโยบาย (Strategic Framework) หมายถึง ความสอดคล้องระหว่างการพัฒนา
กาลงั คนกับเปา้ หมายระดับชาติ ของประเทศในการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคม ทิศทางการดาเนนิ การพัฒนากาลังคนที่
มุ่งสู่ การพัฒนาเศรษฐกิจ ผลิตภาพ และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง 2) การบริหารจัดการ (System Oversight) หมายถึง
การบริหารจัดการ และมาตรฐานต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งการกากับ ดูแล ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก และ 3) การ
จดั การเรียนรู้ (Service Delivery) หมายถึง การดาเนินการของสถานศกึ ษาและการฝึกอบรมท่จี ะสง่ มอบบริการ เพอ่ื ให้
ได้ผลผลิตต่อ คุณภาพผู้เรียน และผลลัพธ์ที่ส่งต่อไปยังภาคประกอบการและประเทศโดยรวมตามเป้าหมาย ของการ
อาชีวศกึ ษา โดยมรี ายละเอยี ดยอ่ ยของมิตหิ รอื ทิศทาง (Dimension) ได้แก่ 1) เปา้ หมายเชงิ นโยบาย (Policy Goal) 2)
การขับเคลือ่ นนโยบาย (Policy Action) และ 3) ประเด็นสาคัญในทางปฏบิ ตั ิ (Topic)
รูปท่ี ๑ โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของเครอ่ื งมอื เชิงปฏบิ ัติ Systems Approach for Better Education
Results (SABER) สาหรบั การประเมนิ ระบบการผลิตและพัฒนากาลังคน (WfD)
ท่มี า : ประยุกตจ์ าก The World Bank https://saber.world bank.org
๒.๘ ทฤษฎี Business Model Canvas (BMC : Canvas)
การประยุกต์ใช้เครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนธุรกิจ (Business Model Canvas : BMC) ดังรูปท่ี ๒ ในการจัด
การศึกษาเคร่ืองมือที่ช่วยในการวางแผนธุรกิจ (Business Model Canvas : BMC) (Alexander Osterwalder,
2017) สาหรับองค์กรท่ีต้องการวางแผนอย่างเป็นระบบ มีองค์ประกอบสาคัญ 9 ด้าน ได้แก่ 1) ลูกค้า (Customer
Segments : CS) 2) ผ้ซู ้ือสินค้า หรือบริการ 3) คุณค่า (Value Propositions : VP) จุดขายของสินค้า หรือบริการนั้น
ช่องทาง (Channels : CH) วิธีในการส่ือสารไปถึงลูกค้า 4) ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships : CR)
วิธีในการรักษาลูกค้าเดิม 5) กระแสรายได้ (Revenue Streams : RS) รายได้ของธุรกิจน้ี 6) ทรัพยากรหลัก (Key
Resources : KR) สง่ิ ที่ตอ้ งมีในการดาเนนิ ธุรกจิ 7) กิจกรรมหลกั (Key Activities : KA) กิจกรรมทตี่ ้องทาเพ่อื ให้โมเดล
ธุรกิจอยู่ได้ 8) พันธมิตรหลัก (Key Partners : KP) ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งการช่วยป้อนวัตถุดิบและ การช่วยขาย และ 9)
โครงสร้างต้นทุน (Cost Structure : CS) ตน้ ทุนทงั้ หมดของธรุ กิจ ซ่งึ จะชว่ ยใหเ้ หน็ ภาพ (Visualizing) ไดอ้ ย่างครบถว้ น
ทกุ มมุ ช่วยในการกาหนดยทุ ธศาสตร์ กลยุทธ์ ประเมินความสาเรจ็ ของแผนงาน
11
รปู ท่ี ๒ องค์ประกอบเครื่องมอื ทีช่ ่วยในการวางแผนธุรกจิ (Business Model Canvas : BMC)
ทม่ี า : https://www.wongnai.com/pos/articles/business - model - canvas
การประยกุ ตใ์ ช้ BMC ในดา้ นการศกึ ษา จะช่วยให้สถานศึกษาประสบความสาเรจ็ ในการจดั การเรยี นการสอน
ทส่ี อดคล้องกบั ยคุ สมัย โดยมกี ารปรบั องคป์ ระกอบ BMC เขา้ กับ การจัดการศกึ ษา จานวน 9 องค์ประกอบ ดงั นี้ 1)
พนั ธมติ รหลัก (Key Partners) การจัดการเรียนการสอนในยุคปัจจบุ นั การมหี นุ้ สว่ นหรือเครอื ข่ายพนั ธมติ รเป็น
ส่งิ จาเปน็ และสาคญั เนื่องจากจะชว่ ยให้สามารถ แบ่งปนั ทรพั ยากร และกระจายความเสย่ี งทอี่ าจเกิดขึ้น 2) กจิ กรรม
หลกั (Key Activities) จากการวิเคราะหแ์ ละระบุกิจกรรมหลกั เพื่อใช้ในการจดั การเรยี นการสอน โดยการนานวตั กรรม
การจดั การเรียนการสอน และ นวัตกรรมส่งเสริมการเรยี นรรู้ ูปแบบตา่ งๆ มาใช้ 3) ทรัพยากรหลัก (Key Resources)
เป็นปัจจยั นาเข้าทจี่ าเปน็ ต้องใช้ใน การจดั การเรียนการสอน ไดแ้ ก่ เงิน บุคลากร อุปกรณ์และเครอ่ื งมอื เทคโนโลยี และ
สถานที่ ต้องใช้ เปน็ ต้น ในการจดั การทรพั ยากรในการเรยี นการสอนตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วธิ กี ารเรยี น การสอน และ
กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4) คา่ นยิ มการเรียนการสอนทจ่ี ะทาให้เกดิ ขนึ้ (Instructional Value Proposition)
สถานศกึ ษาจะสง่ มอบค่านยิ มหรอื คณุ คา่ ใหผ้ เู้ รียน เมอ่ื ผู้เรียนได้เรียนจาก สถานศกึ ษาจะไดร้ บั ผลแตกตา่ งจากการเรยี น
ในสถานศกึ ษาอ่นื และผลการเรียน (Learning outcome) ตรงกบั เป้าหมายท่ผี ู้สอนและผู้เรยี นตอ้ งการ คณุ ค่าของการ
จดั การเรียนการสอน เป็นองคป์ ระกอบทสี่ าคญั ทผี่ เู้ รียนจะตดั สนิ ใจเข้าเรยี น 5) ความสัมพันธร์ ะหวา่ งผู้เรียน (Learner
Relationships) การทส่ี ถานศกึ ษา ระบแุ นวทางของการปฏิบัติและสรา้ งความสมั พนั ธก์ ับผเู้ รียน ซงึ่ แตกตา่ งกันออกไป
ในแต่ละหลักสตู ร ไปจนถึงการใชผ้ ้สู อนหรอื ผู้บริหารหลกั สูตร ในการบรหิ ารความสัมพันธก์ ับผูเ้ รยี นเป็นเรอ่ื ง
ละเอยี ดออ่ นและตอ้ งใหค้ วามสาคัญอยา่ งมาก เปรยี บเสมอื นการบรหิ ารการจดั การ ลกู คา้ สมั พันธข์ องธุรกจิ (Customer
Relationship Management : CRM) เนื่องจาก เมอ่ื เรียนจบจากสถานศกึ ษาแล้ว หากผเู้ รียนเกิดความพึงพอใจในการ
เรียนการสอนก็จะ สอื่ สารเผยแพร่ท่เี รียกวา่ Viral Marketing นอกจากที่กลา่ วมา สถานศกึ ษาควรมกี ารสร้างกลยทุ ธ์
ดา้ นการส่อื สารการตลาดไปยงั กลมุ่ เปา้ หมายหรือผู้เรยี น เพ่ือให้เกดิ การรับรแู้ ละจดจา สถานศึกษาเปรยี บเสมือนตรา
สนิ คา้ หรอื แบรนด์ เพ่อื สรา้ งการรับรู้ตราสนิ ค้า 6) การจัดกลุ่มผเู้ รยี น (Learner Segments) การกาหนดกลมุ่ ผู้เรยี นท่ี
ตอ้ งการเขา้ ถึงการระบุกล่มุ ผู้เรยี นหรือกลมุ่ เปา้ หมายท่ตี อ้ งการเป็นหัวใจสาคัญของการจัดการเรยี นการสอน ทัง้ นก้ี าร
จดั การเรียนการสอนตอ้ งจดั ให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกับกลมุ่ เป้าหมาย ของผเู้ รียนสว่ นใหญ่ ทัง้ ในปัจจัยดา้ นอายุ เพศ
12
ฐานะ อาชีพ ความรู้ และประสบการณ์ 7) ชอ่ งทางการจัดการเรียนการสอน (Instructional Channels) ช่องทาง ทีใ่ ช้
ในการจัดการเรียนการสอนและการสอื่ สารกับผูเ้ รยี น ช่องทางอาจมหี ลายรูปแบบขนึ้ อยู่กบั กล่มุ เป้าหมายผู้เรียน การ
จัดการเรียนการสอนทดี่ คี วรมที ้งั ช่องทางหลักและชอ่ งทางเลอื กเพอ่ื ให้อานวยความสะดวกแก่ผ้เู รยี น 8) โครงสร้าง
ต้นทุน (Costs Structure) : ทรัพยากรและงบประมาณท้ังหมด ทีต่ ้องใช้ในการจัดการเรยี นการสอน รวมถงึ ต้นทุน
ทั้งหมดท่ีจะเกิดขน้ึ ในการจดั การเรียน การสอน 9) โครงสรา้ งรายได้ (Revenue Structure) แหล่งรายได้ซง่ึ เปน็ ปัจจัย
สาคัญ ที่จาเป็นตอ้ งวเิ คราะหแ์ ผนการดาเนนิ งานเพื่อสร้างรายไดใ้ ห้สถานศกึ ษา เพอ่ื ให้สถานศกึ ษาสามารถส่งมอบ
คณุ คา่ ใหแ้ กผ่ ้เู รียน และจะสือ่ สารคุณคา่ ของการจัดการเรียนการสอนของสถานศกึ ษาใหก้ ล่มุ เปา้ หมายเกดิ ความสนใจ
เขา้ มาเรยี น สาหรบั การจัดอาชีวศกึ ษาสามารถประยกุ ต์ใช้ BMC ในการจดั ระบบการเรยี นรู้ โดยผสมผสานแนวคดิ
เพิ่มเตมิ ประกอบดว้ ย พนั ธมิตรหลัก (Key Partners) กิจกรรมหลัก (Key Activities) ทรพั ยากรหลัก (Key Resources)
คา่ นิยมการเรยี นการสอนทจ่ี ะทาให้เกิดขนึ้ (Instructional Value Proposition) โดยเพมิ่ เติมกลไกการขบั เคลื่อน (Key
Drivers) และผลลพั ธ์หลกั (Key Results)
ประโยชนข์ องเคร่ืองมอื ที่ชว่ ยในการวางแผนธุรกจิ ต่อการจัดการเรยี นการสอนโดยใช้ BMC จะช่วยให้
สถานศึกษาได้รับประโยชน์ ดังน้ี 1) ชว่ ยให้สถานศกึ ษาเขา้ ใจภาพรวมในแผนการจดั การเรยี นการสอน และแนวทางใน
การดาเนนิ การจดั การเรยี นการสอน 2) ช่วยใหส้ ถานศึกษาสามารถวเิ คราะห์ข้อมูลและสภาพแวดล้อมภายในไดอ้ ยา่ ง
รอบด้านครอบคลมุ ข้อมลู และปจั จยั ที่สาคญั ในการวิเคราะห์ 3) ชว่ ยให้สถานศึกษากาหนดเปา้ หมายไดช้ ดั เจนมากขึน้
เปรียบเสมอื นการชนี้ าใหส้ ถานศกึ ษาจดั การเรียนการสอนให้ตรงเป้าหมาย 4) ชว่ ยใหส้ ถานศกึ ษาส่งมอบคณุ คา่ ความรู้
ทักษะ และประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้ตรงเป้าหมายและถูกวิธกี ารตามท่กี าหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนการสอน 5)
ชว่ ยในการบริหารจดั การและควบคมุ ทรัพยากรและงบประมาณทจ่ี าเป็นต้องใชใ้ นการดาเนินการจดั การเรียนการสอน
๒.๙ กระบวนการบริหาร POSDCoRB
กูลคิ และ เออร์วกิ ค์ ไดร้ วบรวมแนวคิดทางดา้ นการบริหารต่าง ๆ เอาไว้ในหนังสือชอื่ “Paper on the
Science of Administration ) โดยเสนอแนวคิดกระบวนการบรหิ าร ซง่ึ เปน็ ที่ร้จู ักกนั ดชี ่ือวา่ “POSDCoRB”
ภาระหน้าทท่ี ่สี าคญั ของนักบริหาร 7 ประการ คอื
1. Planning การวางแผน เป็นการวางเคา้ โครงกิจกรรมซึ่งเป็นการเตรยี มการก่อนลงมอื ปฏบิ ัติ
เพ่ือใหก้ ารดาเนินการสามารถบรรลเุ ป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
2. Organizing การจัดองคก์ าร เปน็ การกาหนดโครงสรา้ งขององค์การ โดยพจิ ารณาใหเ้ หมาะสมกับงาน
เชน่ การแบ่งงาน (Division of Work) เป็นกรม กอง หรอื แผนก โดยอาศยั ปรมิ าณงาน คุณภาพงาน หรอื จัดตาม
ลกั ษณะเฉพาะของงาน (Specialization)
3. Staffing การจดั บคุ ลากรปฏิบตั งิ านเปน็ เรอื่ งทีเ่ กี่ยวกับการบริหารทรพั ยากรมนุษยใ์ นองค์การนนั่ เอง
ท้ังนเ้ี พอื่ ให้บุคลากรมาปฏิบัติงานอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและสอดคลอ้ งกบั การจดั แบง่ หน่วยงานทก่ี าหนดไว้
4. Directing การอานวยการเป็นภาระกจิ ในการใชศ้ ิลปะในการบรหิ ารงาน เชน่ ภาวะผนู้ า
(Leadership) มนษุ ยสัมพนั ธ์ (Human Relations) การจงู ใจ (Motivation) และการตดั สนิ ใจใจ (Decision
making) เปน็ ต้น
5. Coordinating การประสานงานเป็นการประสานใหส้ ่วนต่าง ๆ ของกระบวนการทางานมีความ
ต่อเนื่องกัน เพ่ือให้การดาเนินงานเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย และราบร่นื
13
6. Reporting การรายงานเปน็ กระบวนการและเทคนคิ ของการแจง้ ให้ผูบ้ ังคับบัญชาตามชัน้ ไดท้ ราบถงึ
ผลการปฏิบัตงิ าน โดยทีมี่ ีความสมั พนั ธก์ ับการตดิ ต่อสอื่ สาร (Communication) ในองคก์ ารอย่ดู ว้ ย
7. Budgeting การงบประมาณเป็นภารกจิ ที่เก่ยี วกบั การวางแผนการทาบญั ชีการควบคมุ เก่ยี วกับการเงนิ
และการคลงั การนาไปใชป้ ระโยชน์ 1) หลกั สกาลาร์ หรือสายการบังคบั บญั ชา 2) หลักเอกภาพในการบังคบั บญั ชา 3)
หลักชว่ งการบงั คบั บญั ชา 4) หลกั การเน้นทจ่ี ดุ สาคัญ 5) หลักการจัดแบ่งแผนกงาน 6) หลักการเกย่ี วกับหน่วยงาน
หลกั และหนว่ ยอานวยการ 7) หลักการเกีย่ วกบั ศนู ยก์ าไร
๒.๑๐ ทฤษฎี SWOT Analysis
แนวคดิ ของ SWOT Analysis เปน็ การวิเคราะหส์ ภาพองค์การ หรือหน่วยงานในปจั จบุ ัน เพ่ือคน้ หาจดุ แขง็
จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย หรือสง่ิ ทอี่ าจเปน็ ปญั หาสาคัญในการดาเนินงานสูส่ ภาพทตี่ อ้ งการในอนาคต SWOT เปน็ ตัวย่อของ
ข้อความที่มคี วามหมายดงั น้ี Strengths หมายถึง จดุ แข็งหรือขอ้ ไดเ้ ปรยี บ Weaknesses หมายถงึ จดุ อ่อนหรือขอ้
เสียเปรียบ Opportunities หมายถึง โอกาสทีจ่ ะดาเนนิ การได้ Threats หมายถงึ อุปสรรค ข้อจากดั หรอื ปจั จยั ท่ี
คุกคามการดาเนินงานขององค์การ ดงั รปู ท่ี ๓
รูปที่ ๓ การวิเคราะห์ SWOT Analysis
ทีม่ า : https://adaddictth.com/knowledge/Basic-Marketing-SWOT-Analysis ๒๑
๒.๑๑ กรอบคุณวฒุ อิ าชีวศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562
กระทรวงศึกษาธิการกาหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแต่ละระดับ สาหรับใช้เป็นแนวทางในการ
พัฒนาหลักสูตร หรือปรับปรุงหลักสูตรฐานสมรรถนะตาม กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ มาตรฐานอาชีพ หรือตามความ
ต้องการของภาคประกอบการ และตลาดแรงงาน การพัฒนาการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาคุณภาพการจัด การ
อาชีวศึกษา และเพื่อประโยชน์ตอ่ การรับรองหลักสตู รและคุณวฒุ ิการศึกษาของผ้สู าเร็จ การศึกษาประกอบด้วย ระดับ
คณุ วุฒิอาชีวศึกษา ได้แก่ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง และระดับปริญญาตรีสาย
เทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการคุณภาพของผู้สาเร็จการศึกษาทุกระดับ คุณวุฒิอาชีวศึกษา ประเภทวิชา และสาขาวิชา
14
ต้อง ครอบคลุมอย่างน้อย 4 ด้าน คือ 1) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ 2) ด้านความรู้ 3)
ด้านทักษะ 4) ดา้ นความสามารถในการประยุกตใ์ ช้และความรบั ผดิ ชอบ
๒.๑๒ งานวจิ ัย และกฏระเบยี บทีเ่ กยี่ วข้อง
งานวจิ ัย
Results for Development (2013) จาแนกนวตั กรรมการจัดการศึกษาระดับมัธยมศกึ ษา เพอื่
พัฒนาทักษะของผเู้ รียนให้สอดคลอ้ งกับความต้องการ ของตลาดแรงงานเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1) การปรบั ปรุงระบบ
ทม่ี อี ยู่เดิม (Improve existing system) ซงึ่ หมายถึง นวตั กรรมทีป่ รับปรุงระบบปจั จบุ ันโดย ปรับปรงุ คุณภาพการเรยี น
การสอน หลักสูตร การวัด และประเมินผล 2) การแปรสภาพระบบท่ีมีอยู่เดิม (Transform existing system) ซึ่งได้
เพิ่มทางเลือก สา หรับการเรียนรู้ในโรงเรียนและนอกโรงเรียน และ โดยการจัดการเรียนการสอนทางไกลแบบเปิด 3)
การมี ส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลากหลาย ภาคส่วน (Multi-stakeholder partnership) ซึ่ง สามารถช่วย
เพ่มิ ทรพั ยากรให้แก่ระบบการศึกษาด้วย ความร่วมมือระหวา่ งภาคส่วนต่างๆ 4) การมุง่ เปา้ ท่กี ลมุ่ ประชากรทีถ่ กู ทอดทิ้ง
(Target excluded population) ซ่ึงเข้าถึงเยาวชนที่ขาดโอกาสในการ เข้าถึงการศึกษาในระบบ และ 5) การพัฒนา
ทักษะ ศตวรรษท่ี 21 (Provide 21st century skills) ซงึ่ มี จุดเนน้ ท่ีการพัฒนาทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
สถาบันวิจัยเพ่ือพัฒนาประเทศไทย (TDRI) (ณัฐสิฏ รักษ์เกียรติวงศ์, 2559) ได้ศึกษาเร่ืองการปฏิรูปการ
อาชีวศึกษาในปี 2559 แสดงให้เห็นว่า แรงงานของไทยยังมีทักษะต่า แต่มีแนวโน้มการพัฒนาไปสู่การใช้แรงงานท่ีมี
ทกั ษะสูง โดยเฉพาะดา้ นวิชาชีพ ชา่ งเทคนคิ และเพือ่ ใหม้ กี ารพัฒนาแรงงานให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการ ได้เสนอแนะ
ให้มีการปฏิรูปการอาชีวศึกษาด้วย 5 มาตรการหลัก คือ 1) ขยายผลการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ด้วยการจัดตั้ง
กองทุนอาชีวะทวิภาคี 2) ปรับทักษะพ้ืนฐานระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3) เพ่ิมงบประมาณเพื่อแก้ปัญหา
การขาดแคลนเป็น 44,500 ล้านต่อปี 4) ปฏิรูประบบการพัฒนาอาจารย์อาชีวศึกษา 5) ปรับปรุงระบบประกัน
คุณภาพภายนอก เพ่ือการประกันคุณภาพ นอกจากน้ี ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปการอาชีวศึกษาดังน้ี 1) สร้างกลไก
การยกระดับระบบทวิภาคีผ่านองค์กรกลางหรือสภาร่วมทวิภาคี 2) ให้เอกชน มีบทบาทสาคัญในองค์กรกลาง 3) เพ่ิม
มาตรการแรงจูงใจ 4) สรา้ งกลไกการประกนั คุณภาพ 5) ให้ความสาคญั กลมุ่ เปา้ หมายสาหรับอตุ สาหกรรมที่ขาดแคลน
และตอ้ งการทกั ษะสงู 6) การพฒั นาอุตสาหกรรมเปา้ หมายของรัฐบาลในพนื้ ทภี่ าคตะวันออก (EEC)
สานักงานเพ่อื การพัฒนาระเบียงเศรษฐกจิ พเิ ศษภาคตะวันออก (2560) ได้จดั ทาแผนพฒั นากาลังคนสาหรับ
EEC โดยมีการศึกษาแนวทางการพัฒนากาลังคน ให้สอดคล้องกับความต้องการการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ Eastern
Economic Corridor สาหรบั กาลังคนระดบั กลางหรอื อาชวี ศกึ ษา ใหค้ วามสาคัญการจัดอาชวี ศกึ ษาระบบทวภิ าคี อย่าง
มคี ุณภาพ ซ่ึงประกอบด้วย 1) มีการกาหนดเป้าหมายความต้องการกาลังคนท่ีชัดเจน ในระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง
2) มีแผนพัฒนาครูในระยะเร่งด่วน มาตรฐานอาชีพ มีอุตสาหกรรมเป้าหมายท่ีชัดเจน 3) สร้างประสบการณ์ในภาค
ประกอบการ 4) พนั ธมติ ร กับภาคอตุ สาหกรรมเป็นกลไกสาคญั ในการขบั เคลอื่ นหลักสูตร ครู การจัดการเรยี นรู้ (Work
- based learning) และการวัดผลประเมนิ ผล
สานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (2547) ได้กาหนดนโยบายในการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ
ของสานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนให้กับประชาชน โดยมีหลักการสาคัญ คือ“จดั เพื่อให้ทุกคนมีงานอาชีพทา
ทาแลว้ ต้องพัฒนาอาชีพเป็นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวติ ” และ “ประชาชนท่ีมีอาชีพอยู่แล้วจาเป็นตอ้ งแสวงหา
ความรู้ เพ่ือพัฒนาอาชีพท้งั การพัฒนาคุณภาพของผลผลิต การขยายกิจการให้กวา้ งขวางยิ่งขึ้น รวมท้ังการพัฒนากลุ่ม
อาชีพที่มีลักษณะเดียวกันให้มีความเข้มแข็ง มีอานาจต่อรองในการขายผลผลิต” จากนโยบายดังกล่าวจึงมีจุดหมาย
15
ปลายทางในการพัฒนาอาชีพ โดยมองเป็นองค์รวมว่ากิจกรรมในการพัฒนาอาชีพจะเป็นหัวขบวนที่จะนาไปสู่การ
รวมกลุ่มเพื่อกิจกรรมอื่น ๆ ท่ีดูแลประโยชน์ให้แก่สมาชิกกลุ่มและสมาชิกในชุมชนทั้งในด้านเศรษฐกิจสังคม ได้แก่
สวัสดิการท่ีพึงเกิดขึ้นในชุมชน เป็นการพัฒนาคนให้เห็นแก่ส่วนรวม มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความกระตือรือร้น
เพื่อพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาอันจะนาพาให้ชุมชนมีความเข้มแข็งหลักการจัดการศึกษาอาชีพเป็นการจัดการศึกษา
เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถ ทักษะในการประกอบอาชีพของบุคคล ซึ่งมีจุดมุงหมายในชีวิตที่แตกต่างกันดังน้ัน ใน
การจัดการศกึ ษาเพื่อพฒั นาอาชพี จะต้องมีการวางแผน การจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมสาหรบั ผู้เรียน
รงั ษี ทองพนั ธ์ุ (2551) ไดก้ ลา่ วถึงแนวทางการจดั การศึกษาเพือ่ พัฒนาอาชพี ไว้ ดังนี้
1. การฝกึ ทักษะอาชพี : วิเคราะห์ความต้องการของผู้รว่ มกิจกรรมและความตอ้ งการของผ้เู รยี นโดยฝึก
ทกั ษะอาชพี ในลักษณะการศึกษาอาชพี หลักสูตรระยะสัน้ หรอื กิจกรรมรูปแบบการสาธติ และการปฏบิ ตั จิ รงิ ทตี่ อบสนอง
ความตอ้ งการของผเู้ รยี น เพ่อื ใหม้ ีความรแู้ ละทกั ษะพนื้ ฐานในอาชพี
2. การเขา้ สู่อาชีพ : จดั กิจกรรมตอ่ เนอ่ื งจากการฝกึ ทกั ษะอาชพี หรอื จดั เปน็ กิจกรรมเฉพาะ เพือ่ พฒั นา
กลุ่มเป้าหมายใหส้ ามารถคิด วเิ คราะห์ แลกเปล่ียนเรยี นรูแ้ ละพฒั นาตนเองเพื่อเข้าส่อู าชีพโดยจัดใหม้ กี ระบวนการแนะ
แนวอาชพี ที่มีประสทิ ธิภาพ
3. การพัฒนาอาชีพ : พฒั นาอาชีพของกลุ่มเปา้ หมายในลกั ษณะกล่มุ พฒั นาอาชพี โดยจดั ใหม้ ีการรว่ มกลุ่ม
ของผ้มู อี าชีพประเภทเดียวกนั เพื่อความเปน็ เครือข่ายในการแลกเปลีย่ นเรยี นรแู้ สวงหาความรู้sและประสบการณ์ตลอด
จนพัฒนาอาชพี ของกล่มุ โดยกระบวนการกลมุ่ (Group Process)
4. การพัฒนาอาชพี ด้วยเทคโนโลยี : พัฒนาอาชีพของกลมุ่ เป้าหมายดว้ ยเทคโนโลยี โดยเนน้ การจัด
กจิ กรรมใหก้ ับกลุ่มเปา้ หมายสถานประกอบการและผู้ทต่ี ้องการนาเทคโนโลยีมาใชใ้ นการพฒั นากิจการและศกั ยภาพ
ของตนเอง เช่น การนาเทคโนโลยคี อมพวิ เตอรม์ าใช้ในการพาณิชย์ (Ecommerce) การจดั สรา้ งระบบฐานขอ้ มูลหรือ
การนาเสนองานดว้ ยคอมพวิ เตอร์ หรอื การนาเครอื่ งมอื อปุ กรณท์ ันสมยั มาใชเ้ พ่อื เพ่ิมผลผลติ
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (2559) ได้กล่าวถึงการจัดการศึกษาข้ัน
พ้นื ฐานเพ่ือการมีงานทา โดยได้กาหนดการดาเนนิ การจัดทาแนวทางการขับเคล่อื นการจดั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐานเพ่ือการ
มีงานทาตามแนวทางการจัดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพ เพ่ือใช้เป็นแนว
ทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การผลติ และพัฒนากาลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการและรองรับการพัฒนาประเทศ
ซงึ่ ยทุ ธศาสตร์การผลิตและพฒั นากาลงั คนใหส้ อดคล้องกบั ความต้องการและรองรับการพฒั นาประเทศใหม้ ีกาลังคนที่มี
คุณภาพ และมาตรฐา นสอด คล้องกับยุทธ ศาสต ร์การพัฒนาป ระเทศให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตร งความต้องการของ
ตลาดแรงงานตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ เมื่อจบการศึกษาแล้วต้องมีงานทาโดยกาหนดตามแนวทางการจัดทักษะการ
เรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21
การศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพ
ของบุคคล เพ่ือให้บุคคลสามารถเข้าสู่อาชีพ สามารถประกอบอาชีพหรือพัฒนาอาชีพของตนได้ โดยพิจารณาถึงความ
ตอ้ งการ ในการเรียนของแตล่ ะบคุ คล จติ วทิ ยาการเรยี นรู้ และจิตวทิ ยาผใู้ หญ่ ทงั้ นี้วทิ ยากรผู้สอนจะต้องประกอบอาชีพ
น้นั หรอื เป็นผปู้ ระสบความสาเรจ็ ในการประกอบอาชีพ หรอื เปน็ ผู้ประกอบการหรือภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ โดยแบ่ง
การจัดการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาอาชีพเปน็ 3 รปู แบบ คอื
2.1 การฝึกทักษะอาชีพ เป็นการฝึกในลักษณะหลักสูตรอาชีพระยะสั้นเวลาเรียนข้ึนอยู่กับการเรียนรู้ที่จัด
และความต้องการของผ้เู รียน เพือ่ ให้ผูเ้ รยี นสามารถนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในการประกอบอาชพี ได้
16
2.2 การพัฒนาอาชีพ เป็นการจัดการศึกษาในลักษณะกลุ่มพัฒนาอาชีพที่กลุ่มผู้มีอาชีพประเภทเดียวกันมา
รวมกล่มุ เพอื่ พัฒนาอาชีพทีท่ าอยใู่ หด้ ีขน้ึ มกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรูต้ ลอดจนแสวงหาความร้แู ละประสบการณร์ ว่ มกัน โดย
มีวิทยากรให้ความรู้เปน็ คร้ังคราวตามความตอ้ งการและมกี ารระดมทุนทางสงั คมมาใช้ในการจดั กจิ กรรมภายในกลมุ่ ดว้ ย
2.3 การพัฒนาอาชีพด้วยเทคโนโลยี เป็นการจัดการศึกษาท่ีมงุ่ เน้นให้มีการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนา
อาชีพที่ทาอยู่เพ่ือให้มีรายได้เพิ่มข้ึน หรือเพื่อนามาช่วยในการประกอบอาชีพให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้นนโยบาย คือ
เร่งรัดส่งเสริม และพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ ท่ีตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยมุ่งเน้น
การปฏิบัติจริงที่บูรณาการกับวิถีชีวิตให้แก่บุคคลและชุมชนเพ่ือแก้ปัญหา การว่างงานและส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับ
เศรษฐกิจ ชมุ ชน
กญั ญภัทร จาปาทอง (2558) ได้ศึกษาแนวทางการส่งเสรมิ การเรียนรทู้ ักษะอาชพี ในศตวรรษท่ี 21 สาหรบั
เยาวชน ผ่านส่ือโทรทัศน์ พบว่า รายการท่ีมีเน้ือหาเกย่ี วข้องกับทักษะชีวติ และอาชีพในศตวรรษท่ี 21 มากท่ีสดุ ได้แก่
รายการกบนอกกะลา รายการหน่ึงสมองสองมือจูเนียร์รายการอาชีวะทูเดอะฟิวเจอร์ รายการอายุน้อยร้อยล้านสู่
อาเซียน และรายการพ่อหนูเก่งที่สุดในโลกตามลาดับ สาหรับแนวทางการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะอาชีพในศตวรรษที่
21 สาหรบั เยาวชนผ่านส่ือโทรทศั น์ คือ ความยืดหยุ่นและการปรบั ตัว ภาวะผนู้ าและความรับผดิ ชอบ เปน็ ทักษะชวี ติ
และอาชีพท่ีจาเป็นและสาคัญของการเป็นผู้ประกอบการท่ีดีสาหรับเยาวชน บทบาทของสื่อในการพัฒนาเยาวชนเปิด
พืน้ ท่กี ารเรยี นรู้ ผา่ นกิจกรรมประสบการณ์จรงิ เป็นศนู ย์การเรียนรู้ทมี่ หี ลักสตู รสาหรับการพัฒนาทกั ษะอาชพี ทสี่ ามารถ
เลอื กหลักสตู รได้ตามความต้องการของผู้เรยี น
สรเดช เลศิ วฒั นาวณิช (2560) ได้ทาการวิจยั การพัฒนากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนเพื่อสง่ เสริมทักษะอาชพี และ
คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาผลการวิจัย พบว่า ผลการศึกษาข้อมูลพ้ืนฐาน ของ
นกั เรียนและผู้ท่เี กี่ยวข้อง ตอ้ งการใหก้ ารจดั การเรยี นรู้เกี่ยวกบั มะพร้าวของดปี ระจาอาเภอบา้ นแพว้ มาสรา้ งอาชพี และ
สร้างรายได้ใหก้ ับนกั เรียนโดยมี การศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรใู้ นท้องถน่ิ มกี ารน าผรู้ ทู้ อ้ งถนิ่ ปราชญช์ าวบ้านมามสี ว่ นรว่ ม
ในการจัดการเรียนรู้ด้วย กระบวนการกลุม่ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ผลการทดลองจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง
ของดีบ้านแพ้ว จัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ให้ความรู้พ้ืนฐาน 2) เลือกหัวข้อท่ีสนใจ 3) วางแผน
4) ลงมือปฏิบัติ 5) นาเสนอและอภิปราย และ 6) การวัดและประเมินผล พบว่า นักเรียนสนใจ และต้ังใจในการ
สร้างสรรค์เป็นผลงานโครงงานอาชีพและผลการประเมินและปรับปรุง กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว
พบว่า 1) นักเรียนมีทักษะอาชีพ โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี2) นักเรียน มีคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ โดย
ภาพรวมอยู่ในระดับดีและ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้วโดยภาพ
รวมอย่ใู นระดบั มากที่สดุ เหน็ ควรให้มีการปรับปรุงกจิ กรรมใหม้ ีการจดั กิจกรรมทส่ี ่งเสริมใหน้ กั เรียนไดศ้ กึ ษา คน้ คว้าหา
ความร้ดู ว้ ยตนเอง
รณยุทธ นิลโคตร (2561) ได้ศึกษาการพัฒนาโปรแกรมเสรมิ สรา้ งทักษะอาชีพและชีวิตของครูในศตวรรษที่
21 สาหรับสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 พบว่า 1) องค์ประกอบของทักษะ
อาชีพและชีวิตของครูในศตวรรษที่ 21 มีจานวน 5 องค์ประกอบได้แก่ 1) ทักษะความยืดหยุ่นและการปรับตัว 2)
ทกั ษะการริเร่มิ สร้างสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตัวเอง 3) ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม 4) ทักษะการเปน็ ผู้สร้างหรือ
ผผู้ ลติ 5) ทกั ษะภาวะผู้นาและความรับผิดชอบและตัวช้วี ัด จานวน 31 ตวั ช้วี ัด ซ่งึ มคี วามเหมาะสมโดยรวมระดับมาก
ท่ีสุด 2) สภาพปัจจุบันของทักษะอาชีพและชีวิตของครูในศตวรรษท่ี 21 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (Mean =
3.08, S.D. = 0.59) สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ของของทกั ษะอาชีพและชีวิตของครูในศตวรรษที่
17
21 โดยรวมอย่ใู นระดบั มากทสี่ ดุ (Mean = 4.60, S.D. = 0.32) 3) โปรแกรมเสริมสรา้ งของทักษะอาชพี และชวี ิตของ
ครูในศตวรรษที่ 21 ส านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล ความมุ่ง
หมายโครงสร้างขอบข่ายเน้ือหา วิธีการพัฒนา ส่ือ และการวัดและการประเมิน โปรแกรมเสริมสร้างของทักษะอาชีพ
และชวี ิตของครใู นศตวรรษที่ 21 โดยรวมมคี วามเหมาะสมและมีความเปน็ ไปได้อยใู่ นระดับมากท่ีสดุ
ปนัดดา นกแก้ว (2562) ได้ศึกษาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนระดับช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 จังหวัดสมุทรปราการ พบว่า แนวทางการพฒั นาทกั ษะชีวิตและพัฒนาทักษะอาชพี ในศตวรรษที่ 21
ควรส่งเสริมนักเรียนในด้านที่นักเรียนสนใจให้รู้จักตัวเอง พัฒนาทักษะความคิดริเร่ิมและการชี้นาตนเองอย่างต่อเน่ือง
ส่งเสรมิ ให้นักเรียนได้รจู้ ักเรียนร้ใู นการเพิม่ ผลผลิตใหม้ ีคุณภาพในสังคม
รุ่งทิพย์ พรหมหลวงศรี (2562) ได้ศึกษาแนวทางการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะอาชีพผ่านเครือข่าย ความ
ร่วมมือสาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในจังหวัดอุดรธานี ผลการวิจัย พบว่าสภาพการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะอาชีพ
ผ่านเครือข่ายความร่วมมือสาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในจังหวัดอุดรธานี การดาเนินงานของหน่วยงานทาง
การศึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะอาชีพผ่านเครือข่ายความร่วมมือสาหรั บนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาใน
จังหวัดอุดรธานี ได้ดาเนินการขับเคลื่อนผ่านความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ท้ังภาครัฐและเอกชน สนับสนุนให้
สถานศึกษาสร้างการรับรู้ให้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ส่งเสริมบทบาทของครูแนะแนวให้มีความเข้มแข็งสามารถชี้แนะ
และใหค้ าแนะนาแกน่ ักเรยี น สร้างความรู้ความเข้าใจใหผ้ ้ปู กครองทราบแนวทางการส่งเสริมการเรยี นตอ่ ของบุตรหลาน
โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจด้านโลกของอาชีพ ขับเคลื่อน
การจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทาในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ รูปแบบท่ี 1 การเตรียมความพร้อมกลุ่มความถนัดทาง
สาขาวิชาและอาชพี ในการเรยี นต่อระดบั อดุ มศึกษา โดยการสง่ เสริมให้สถานศึกษาในสังกัดดาเนินการจัดทา MOU กับ
สถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาค และเพื่อการจัดทาหลักสูตรของสถานศึกษาให้ โดยเฉพาะ GAT PAT ให้ตรงกับหลักสูตร
ของมหาวิทยาลัยที่นักเรียนประสงค์ศึกษาต่อการจัดแฟ้มสะสมผลงาน เพื่อใช้ในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา รปู แบบ
ที่ 2 การศกึ ษาระบบทวศิ กึ ษา โดยการสง่ เสริมให้สถานศึกษาจดั หลกั สตู รทกั ษะอาชีพ ควบคู่ไปกบั วิชาสามญั (ทวศิ กึ ษา
Dual Education) โดยทาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) กับสถาบันอาชีวศึกษาที่อยู่ในพื้นท่ีใกล้เคียงและมี
หลักสูตรตรงตามความต้องการ รูปแบบที่ 3 การจัดหน่วยฐานสมรรถนะอาชีพระยะสั้นในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
โดยส่งเสริมการจัดการศึกษาหลักสูตรระยะสั้นเพ่ือส่งเสริมการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ปรับแผนการเรียนไว้ใน
รายวิชาเพ่ิมเติม ส่งเสริมด้านสารสนเทศด้านสมรรถนะหลักสูตรสาขาวิชาชีพเพ่ือให้โรงเรียนได้เลือกใช้ในการปรับ
แผนการเรียนรายวิชาเพมิ่ เติมได้สะดวกข้ึน รูปแบบที่ 4 ส่งเสรมิ การจดั หลักสตู รระยะสั้นเพื่อสร้างทกั ษะอาชีพด้านตา่ ง
ๆ ท่ีเป็นความต้องการของตลาดแรงงาน เป็นทักษะที่จาเป็นในยุคอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0 ในกิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้โดยความร่วมมือกับหน่วยงานท้ังภาครัฐและภาคเอกชนท้ังน้ี หน่วยงานต้นสังกัดของ
สถานศึกษามีแนวทางในการส่งเสริมสนับสนุนสารสนเทศท่ีจาเป็น และเป็นแนวทางสาหรับการดาเนินการจัดกิจกรรม
ส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่ผู้เรียนในหลายด้าน ได้แก่ ข้อมูลแหล่งเรียนรู้และวิทยากรด้านอาชีพ ความต้องการของ
ตลาดแรงงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเก่ียวกับหลักสูตรระยะสั้น ส่งเสริมด้านอาชีพเพ่ือให้สถานศึกษาเลือกใช้
ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะอาชีพตามรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา และนิเทศ กากับ
ติดตามการดาเนินงานของสถานศกึ ษาดา้ นการจัดการศึกษาขน้ั พื้นฐานเพ่ือการมีงานทาอย่างตอ่ เนือ่ ง
Jansen (2013) ศกึ ษาทกั ษะชวี ิตและอาชีพ โดยใหค้ วามสาคัญกบั ความยืดหย่นุ ในการทางานของชว่ งวัยรุ่น
ทห่ี มายถึงการปรบั ตวั เพื่อการเปล่ียนแปลงและการดาเนินชีวิตท่ีได้กาหนดไว้โดยมีการจดั การเวลาเพื่อความสาเร็จตาม
เป้าหมาย กลุ่มวัยรุ่นสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาได้โดยคานึงถึงช่วงเวลาท่ีกาหนดไว้ตามเป้าหมาย นอกจากน้ีหาก
18
นักเรียนมกี ารสอ่ื สารอย่างมีประสทิ ธภิ าพซง่ึ เป็นทักษะทางสงั คมอยา่ งหนึง่ จะช่วยพัฒนาการดารงชวี ติ และการประกอบ
อาชีพแต่ในช่วงวัยรุ่นมีพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจ ซ่ึงอาจมีพฤติกรรมเส่ียงต่าง ๆ เช่น ยาเสพติดการก่อคดี
โจรกรรม เป็นต้น หากมีการส่งเสริมทักษะอาจจะมีส่วนในการลดพฤติกรรมเสีย่ งและทาให้มปี ระสิทธิภาพในการเผชิญ
กับความยากลาบาก รวมถึงมีการบูรณาการกับอาชีพที่ทากันในกลุ่มวัยรุ่น โดยนักวิจัยประยุกต์ใช้แบบสอบถามเชิง
สถานการณ์ (Scenario Questionnaire) พบว่าผู้เรียนมีความรู้และการใช้ทักษะชีวิตและอาชีพที่แตกต่างกัน นักวิจัย
ตั้งข้อสังเกตว่าการประยุกต์ใช้ทักษะการส่ือสารและการบริหารเวลาเก่ียวข้องโดยตรงกับความยืดหยุ่น และ นา
ผลการวิจัยใช้ในการพัฒนาชุมชนและดาเนินการความช่วยเหลือกลุ่มวัยรุ่นให้สามารถประกอบอาชีพเพื่อพัฒนาเป็น
ผูใ้ หญท่ มี่ คี ุณภาพ
Results for Development (2013) จาแนก นวตั กรรมการจัดการศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาเพื่อ พัฒนาทักษะ
ของผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการ ของตลาดแรงงานเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1) การปรับปรุงระบบที่มีอยู่เดิม
(Improve existing system) ซ่ึงหมายถึง นวัตกรรมท่ีปรับปรุงระบบปัจจุบันโดย ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน
หลักสูตร การวัด และประเมินผล 2) การแปรสภาพระบบท่ีมีอยู่เดิม (Transform existing system) ซึ่งได้เพ่ิม
ทางเลอื ก สา หรับการเรยี นรูใ้ นโรงเรยี นและนอกโรงเรียน และ โดยการจดั การเรียนการสอนทางไกลแบบเปดิ 3) การมี
ส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลากหลาย ภาคส่วน (Multi-stakeholder partnership) ซ่ึง สามารถช่วยเพิ่ม
ทรัพยากรให้แก่ระบบการศึกษาด้วย ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ 4) การมุ่งเป้า ท่ีกลุ่มประชากรท่ีถูกทอดทิ้ง
(Target excluded population) ซึ่งเข้าถึงเยาวชนที่ขาดโอกาสในการ เข้าถึงการศึกษาในระบบ และ 5) การพัฒนา
ทักษะ ศตวรรษที่ 21 (Provide 21st century skills) ซึ่งมี จดุ เนน้ ทก่ี ารพัฒนาทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
Suebnusorn, (2017)ความคาดหวังการผลิตและพัฒนากาลังคนท่ีมีจุดเน้นเพ่ือตอบสนองเป้าหมายด้านการ
เปน็ เมืองทา่ การคา้ ระหว่างประเทศทางบกมากท่ีสุด โดยสมรรถนะหลกั ทีเ่ ยาวชนจังหวดั ตากควรไดร้ ับการพัฒนา ได้แก่
ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ ความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบท่ีเก่ียวข้อง ทักษะ การส่ือสารด้วย
ภาษาต่างประเทศ ทักษะการเรียนรู้ ด้วยตนเอง ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ทักษะ คอมพิวเตอร์ ทักษะการใช้
คณติ ศาสตรแ์ ละการคานวณ ทกั ษะการบริหารจัดการ คุณลักษณะด้านความขยัน หมนั่ เพียร ความตรงต่อเวลา ความมี
วินยั ความรกั บา้ นเกดิ หรอื ท้องถ่ินทต่ี นอาศยั ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ ตลอดจนความรกั องค์กร และเมอ่ื วิเคราะห์ระบบการ
ผลิตและพัฒนากาลังคนของจังหวัดตากโดยประยุกต์ ใช้เครื่องมือการประเมินและเปรียบเทียบวัดระบบ สา หรับ
ผลลัพธ์ทางการศึกษาด้านการพัฒนากา ลัง แรงงาน (System Assessment and Benchmarking for Education
Result: Workforce Development: SABER-WfD) ซ่ึงพัฒนาโดยธนาคารโลกพบว่าจังหวัดตากควรแก้ปัญหาเร่งด่วน
ของผู้เรียนระดับ มัธยมศึกษา โดยนา สมรรถนะหลักอาชีวศึกษาและ อุดมศึกษาสอดแทรกให้แก่ผู้เรียนมัธยมศึกษา
เพื่อให้ เข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันทีแม้ไม่ได้ศึกษาต่อโดยใช้ รูปแบบ “มหาวิทยาลัยประชารัฐ” ซึ่งหมายถึง การให้
มหาวิทยาลัยเป็นแกนนา ในการเช่ือมโยงระหว่างการ ศึกษาขั้นพ้ืนฐาน อาชีวศึกษา อุดมศึกษา ภาครัฐ และ
ภาคเอกชนเพือ่ ร่วมกนั ผลติ และพฒั นากาลงั คนของจังหวดั ตาก
เป้าหมายเชิงนโยบายของ SABER-WfD มี ท้ังหมด 9 ข้อ ซ่ึงคณะผู้วจิ ัยสะท้อนใหเ้ ห็นถึงลักษณะ ของรูปแบบ
การผลิตและพัฒนากาลังคนที่ดี โดยมิติ ท่ี 1 กรอบกลยุทธ์ (Strategic framework) ประกอบ ด้วยเป้าหมายเชิง
นโยบายท้ังหมด 3 ข้อ ได้แก่ Strategic direction, Demand-led และ Coordination ส่วน มิติที่ 2 การตรวจตรา
ดูแลระบบ (System oversight) ประกอบด้วยเป้าหมายเชิงนโยบาย 3 ข้อ ได้แก่ Funding, Standards และ
Pathways ส่วนมิติสุดท้าย การให้บริการ (Service delivery) ประกอบด้วย เป้าหมายเชิงนโยบาย 3 ข้อ ได้แก่
Diversity and excellence, Relevance และ Accountability (World Bank Group, 2015) ซ่ึงเป้าหมายทั้ง 9
19
ขอ้ น้ี สะท้อนว่ารูปแบบการผลิตและพัฒนากาลังคนที่พึงปรารถนาของจังหวัดตากควรดา เนินการครอบคลุม ประเด็น
ต่างๆ ได้แก่ การจัดอันดับความสาคัญของ ยุทธศาสตร์ การให้ความสาคัญกับอุปสงค์แรงงาน การจัดการเพื่อนา
นโยบายไปปฏิบัติ การจัดสรรงบ ประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม การ กาหนดมาตรฐานต่างๆ ท่ีจา เป็น
และเท่ียงตรง การเปิดช่องทางต่างๆ ให้บุคคลสามารถพัฒนาทกั ษะ ของตน การฝกึ อบรมที่หลากหลายและมคี ุณภาพสูง
การส่งเสริมการฝึกอบรมโดยภาครัฐให้สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนการใช้ ข้อมูลท่ีรวบรวม
ไว้เพื่อกากับและปรับปรุงผลผลิตและ ผลลัพธ์จากการพัฒนากาลังคน (วารสารปัญญาภิวัฒน์ ปีที่ 12 ฉบับท่ี 3
ประจาเดอื นกันยายน - ธนั วาคม 2563)
จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรม เอกสารรายงานการวิจัย และบทความต่าง ๆ ที่กล่าวถึงทักษะแห่ง
ศตวรรษท่ี 21 ตัวอย่างเช่น กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และทักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21 โดย
เคน เคย์ (2562) ประธานภาคีเพ่ือทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (Partnership for 21st Century Skills) ได้ จาแนก
ทักษะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี 21 ออกเป็นสาระวิชาหลัก ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะชีวิตและ การทางาน
และทักษะด้านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี รายงานเร่ือง The Future of Skills : Employment in 2030
(Bakhshi et al., 2017) ทีก่ ล่าวถงึ ทกั ษะ 4 เรอ่ื ง ซง่ึ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า และสหราชอาณาจักร เห็นตรงกนั ว่าเป็น
ทกั ษะแหง่ อนาคต นอกจากนี้การสารวจและวิเคราะห์ความต้องการของ ตลาดแรงงาน รวมท้ังแนวโนม้ ของเทคโนโลยี
ในองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลก จากองค์กร World Economic Forum (WEF) (2015) ได้ผลการศึกษาสรุปทักษะท่ีจาเป็น
ในศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skills) ออกมาเป็น 16 ทักษะ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่ม
ของความสามารถ (Competencies) กลุ่มของคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ (Character Qualities) และกลุ่มของความรู้
พ้ืนฐาน (Foundational Literacies) รวมไปถึงงานวิจัยขององค์กรเพ่ือความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
โครงการ OECD Future of Education and Skills 2030 (2019) และยังมีเอกสารรายงานการวิจัย และบทความ
อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ทักษะแห่งอนาคตอีกหลากหลายเรื่อง คณะผู้วิจัยจึงสรุปทักษะที่จาเป็นแห่งอนาคต (Future
Skills) ในศตวรรษ ที่ 21 โดยสามารถแบง่ ออกเปน็ 3 กลุ่มใหญ่ ตามคานิยามของสมรรถนะทีม่ ีองคป์ ระกอบของทกั ษะ
(Skills) คณุ ลกั ษณะ (Attribute) และความรู้ (Knowledge)
กฏระเบยี บท่เี กย่ี วข้อง
กฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คบั ทเี่ ก่ยี วกับการจดั การศึกษา
๑. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐
มาตรา ๕๔ รฐั ต้องดาเนินการให้เด็กทุกคนได้รบั การศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ต้งั แต่กอ่ นวัยเรยี นจนจบ
การศกึ ษาภาคบังคบั อยา่ งมคี ุณภาพโดยไมเ่ ก็บคา่ ใชจ้ า่ ย
รัฐต้องดาเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคหน่ึงเพ่ือพัฒนา
ร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกบั วยั โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และภาคเอกชนเขา้ มีส่วนร่วมในการดาเนนิ การดว้ ย
รัฐตอ้ งดาเนนิ การใหป้ ระชาชนได้รบั การศกึ ษาตามความตอ้ งการในระบบตา่ งๆ รวมทง้ั ส่งเสริมใหม้ ี
การเรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และภาคเอกชนในการจัด
การศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าท่ีดาเนนิ การ กากับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษาดงั กล่าวมีคุณภาพและ
ได้มาตรฐานสากล ทง้ั น้ี ตามกฎหมายว่าด้วยการศกึ ษาแหง่ ชาติซ่งึ อยา่ งน้อยตอ้ งมบี ทบัญญตั เิ กยี่ วกับการจัดทาแผนการ
ศึกษาแหง่ ชาติ และการดาเนนิ การและตรวจสอบการดาเนินการให้เป็นไปตามแผนการศึกษาแหง่ ชาติดว้ ยการศึกษาท้ัง
20
ปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน และมีความ
รับผิดชอบตอ่ ครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ
ในการดาเนนิ การให้เด็กเลก็ ไดร้ บั การดูแลและพฒั นาตามวรรคสอง หรอื ใหป้ ระชาชนไดร้ ับการศกึ ษา
ตามวรรคสาม รัฐตอ้ งดาเนนิ การให้ผู้ขาดแคลนทุนทรพั ย์ได้รบั การสนบั สนนุ ค่าใช้จ่ายในการศกึ ษาตามความถนดั ของตน
ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพ่ือลดความเหล่ือมล้าในการศึกษาและ
เพื่อเสริมสรา้ งและพัฒนาคุณภาพและประสทิ ธิภาพครู โดยใหร้ ัฐจัดสรรงบประมาณใหแ้ ก่กองทุนหรือใช้มาตรการหรือ
กลไกทางภาษีรวมทงั้ การให้ผู้บรจิ าคทรพั ยส์ นิ เข้ากองทุนได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษดี ้วย ท้ังนี้ ตามทก่ี ฎหมาย
บัญญัติ ซ่ึงกฎหมายดังกล่าวอย่างน้อยต้องกาหนดให้การบริหารจัดการกองทุนเป็นอิสระและกาหนดให้มีการใช้จ่าย
เงนิ กองทุนเพ่ือบรรลุวัตถปุ ระสงคด์ ังกลา่ ว
๒. พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖
มาตรา ๑๗ ให้มีคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา มีหนา้ ท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนามาตรฐาน
และหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการศึกษา
แห่งชาติ การส่งเสริมประสานงานการจัดการอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชน การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา โดยคานึงถึงคุณภาพและความเป็นเลิศทางวิชาชีพ และ
เสนอแนะในการออกระเบยี บ หลกั เกณฑ์ และประกาศทีเ่ กยี่ วกบั การบรหิ ารงานของสานกั งาน
๔. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2562 (ประกาศ ณ
วันท่ี ๖ มนี าคม ๒๕๖๒)
วัตถุประสงค์ เพ่อื กาหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณวฒุ ิอาชีวศึกษาแต่ละระดับ สาหรับใช้เป็นแนวทางใน
การพัฒนาหลักสูตรหรือปรับปรุงหลักสูตรฐานสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ มาตรฐานอาชีพหรือตามความ
ต้องการของสถานประกอบการและตลาดแรงงาน การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนการพัฒนาคุณภาพการจัดการ
อาชีวศกึ ษา และเพอื่ ประโยชน์ต่อการรับรองหลกั สตู รและคุณวุฒกิ ารศึกษาของผู้สาเร็จการศกึ ษา
๕. พระราชบัญญตั กิ ารอาชีวศึกษาพ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ี้
“การฝึกอบรมวชิ าชีพ” หมายความวา่ การเพม่ิ พูนความรูแ้ ละการฝึกทกั ษะอาชพี ระยะสั้น
หรอื ระยะยาว ท้งั ในและนอกสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรอื สถาบนั การอาชวี ศกึ ษา ซึ่งจดั ขน้ึ เปน็ โครงการหรือ
สาหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะภายใตห้ ลักสตู รทค่ี ณะกรรมการการอาชวี ศึกษากาหนด
๖. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น พ.ศ. 25๕๑
(ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๑)
ข้อที่ ๔ ปรชั ญาและวตั ถุประสงค์ของหลกั สูตร มุ่งเนน้ ผลิตผูม้ ีสมรรถนะเฉพาะทางในการประกอบ
อาชพี พฒั นาอาชพี เดิม อาชพี เสรมิ หรอื เปลยี่ นอาชพี ใหม่ ในลกั ษณะของการศกึ ษาตลอดชีวติ
๗. หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติการจัดการอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับ
ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชัน้ สงู (สานกั มาตรฐานการอาชวี ศึกษาและวชิ าชีพ ๒๕๖๒)
๘. ระเบยี บสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาว่าดว้ ยการบรหิ ารสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒
(ที่ ศธ ๐๖๐๑/๑๘๔๓ ประกาศ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๒)
21
แนวปฏิบตั ิทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
จากการท่ีไดศ้ ึกษาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ โดยใช้กลุ่มตัวอยา่ งในการศึกษาตามแนวทางปฏบิ ัติ มแี นวทางในการ
ดาเนินการตามภารกิจของตนเองตามองค์ภารหน้าท่ีที่ผลิตและพัฒนากาลังคนที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ด้วย
เทคโนโลยีท่ีทันสมัย เพ่ือตอบสนองต่อความต้องการของประเทศตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ โดยพยายามส่งเสริม
สนบั สนุน หาแนวทางในการพฒั นาแรงงานสแู่ รงงานในอนาคต ซ่ึงภารกจิ ทสี่ าคัญตามกรอบนโยบายของรฐั บาลในการ
จดั การศึกษาอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพโดยคานึงถึงคุณธรรมและความเป็นเลศิ ทาง วิชาชีพ การพัฒนาการ
จัดการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ จะเน้นการผลิตกาลังคนให้มีคุณภาพมาตรฐาน มีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน เพื่อ
สนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนให้มีการรับรองสมรรถนะของบุคคลในการประกอบ
อาชีพ เสริมสร้างทักษะการเป็นผู้ประกอบการ และสร้างค่านิยมท่ีดีต่อการอาชีวศึกษา โดยมีเป้าประสงค์ให้ผู้สาเร็จ
อาชวี ศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพมีคุณภาพ มาตรฐาน มีงานทาและดารงชีวิตอย่างมคี วามสุขในสังคม การผลิตและ
พัฒนากาลังคนให้ตรงตามความต้องการของประเทศ ต้องได้รับร่วมมือกับองค์กรที่ต้องการใช้กาลังคน ตั้งแต่ภาคการ
ผลิต เอกชน รัฐวิสาหกิจ และชุมชน เพ่ือสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
นาไปสู่การกาหนดหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนการสอนในการผลิตกกาลังคนได้ตรงกับความต้องการภาคการ
ผลิตและความต้องการของผู้ใช้แรงงานเป็นสาคัญ มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพให้ประชาชนทุกคนมี
โอกาสเข้าถึงการ ศึกษาดา้ นวชิ าชพี ทมี่ ีคุณภาพมาตรฐานอย่างตอ่ เน่อื งตลอดชวี ติ ทงั้ การศึกษาในระบบ การศึกษานอก
ระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมีจุดมุ่งหมายให้คลอบคลุมประชาชนทุกเพศ ทุกวัย และกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก
เยาวชน วัยแรงงาน สตรี ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้ห่างไกลทุรกันดารและชนกลุ่มน้อย การ
อาชีวศึกษาเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ตั้งแต่การพัฒนาระบบการบริหารจัดการ ให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ การสร้างองค์
ความรู้ และนวัตกรรมทางวิชาชีพ การเช่ือมโยงการวิจัยกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนวิชาชีพ มีกลไ กนา
ผลการวิจยั ไปใช้ประโยชนไ์ ดจ้ ริงน้นั ได้สังเคราะห์ กล่ันกรอง รวบรวม สรุปผล ดังนี้
๑. สถานศึกษาสารวจความพร้อมในการดาเนินการตามภารกิจ
๒. ทาความเข้าใจกบั บุคลากรทัว่ ท้ังองค์กร
๓. ทาการวิเคราะห์ SWOT Analysis ขององคก์ รให้ทุกคนมสี ่วนร่วม
๔. วางแผนงานตามนโยบาย ตามภารกจิ ขององคก์ ร ท่ไี ด้ทาการ SWOT Analysis
๕. ประกาศภารกิจตามแผนงานทไ่ี ด้กาหนดไว้ ใหท้ กุ คนได้ทราบทัว่ กัน
๖. แตง่ ต้ังคาสั่งมอบหมายงานตามความถนดั ตามความเช่ยี วชาญของบุคลากร
๗. ทาปฎิทินปฏิบัติงานกาหนดแผนงานใหช้ ดั เจน ตรวจสอบได้
๘. ดาเนินการตามแผนงานที่ได้กาหนดไว้
๙. ติดตามประเมนิ ผลเปน็ ช่วงงาน
๑๐. นาผลการตดิ ตาม ประเมนิ ผลมาวเิ คราะหง์ านเพอื่ การแก้ไขปัญหาในการดาเนนิ งานทีผ่ ่านมา
๑๑. สรปุ ผลการดาเนนิ งาน
22
สว่ นท่ี 3
ผลการศึกษาเปรียบเทียบ
(Journey Mapping)
1. ขอ้ ค้นพบจากการสถานศึกษาทีเ่ ข้ารบั การฝกึ ประสบการณ์
จากการที่เขา้ รบั การฝกึ ประสบการณ์ท้งั สองแหง่ นนั้ เพอื่ เขา้ ศกึ ษาเปรียบเทียบ การพัฒนาทักษะอาชีพ Up
Skills, Re Skills สู่ Future Skills แบบรับรองการมีงานทา มวี ธิ กี ารการบรหิ ารสถานศกึ ษาสคู่ วามเปน็ เลิศ หากลยทุ ธ์
และวิธกี าร นามาวิเคราะหแ์ ละสังเคราะหเ์ พ่ือเป็นโมเดลนาไปบริหารจัดการในสถานศึกษาตามกรอบแนวทางยกระดบั
คุณภาพการอาชีวศึกษา
1.1 สภาพก่อนดาเนนิ การของสถานศึกษาในประเดน็ ทีศ่ ึกษา พบประเดน็ ปญั หา ดังน้ี
- บุคลากรไม่เพยี งพอ
- งบประมาณไมเ่ พยี งพอ
- ขาดแคลนวัสดอุ ปุ กรณ์
- บุคลากรในสถานศกึ ษาไมเ่ ขา้ ใจ และไม่ใหค้ วามรว่ มมอื
- สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ทาให้คนตกงาน
- คา่ ครองชีพสงู
- นักเรยี น นกั ศกึ ษาลดจานวนลง
- ความเขม้ แข็งในการจัดการความร่วมมอื และการจัดการการอาชีวศกึ ษาท่ีเขม้ แข็ง
- ผลติ และพัฒนากาลังด้วยความรว่ มมอื ทเ่ี ขม้ แขง็ แขง็ และตรงกบั ความต้องการของสถานประกอบการ
- การสนบั สนนุ จากผปู้ กครองและภาคสังคม(กรมพัฒนา/กสศ./โสตศกึ ษา/สมาคม)
- จัดระบบการจัดการเรียนรู้และช่องทางการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย (ปวช./ปวส./ระยะสน้ั /ทวิศึกษา/สะสม
หนว่ ยกิต/ปวพ.)
ดังน้ัน การวางแผนกาหนดแนวทางในการพัฒนานักเรียนนักศึกษาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี มี
ปัญญา มคี วามสขุ และรักประเทศชาติ รักษ์ทอ้ งถนิ่ มุ่งทาประโยชน์และสรา้ งสรรค์ส่งิ ทดี่ ีงามควบคู่ไปกับการมคี ุณธรรม
จะนาไปสู่การปรับปรุง สร้างกลยุทธ์ ปรับวิธีการเพื่อเสริมสร้างพัฒนาทักษะอาชีพ Up Skills Re Skills สู่ Future
Skills แบบรบั รองการมงี านทาของผู้สาเรจ็ การศกึ ษาหรือผเู้ รียนในสถานศกึ ษาปัจจุบัน
1.2 เหตุจงู ใจหรอื ความทา้ ทายทต่ี อ้ งดาเนนิ การ
กระบวนการจัดอาชีวศึกษาให้เกิดคุณภาพ ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับ
ความต้องการของผู้เรียน ในบริบทเชิงพ้ืนท่ี การจัดการเรียนการสอนวิชาชีพเพ่ือความเสมอภาค การพัฒนาปรับปรุง
หลักสูตรของสถานศึกษา การสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการเรียนการสอน และฝึกงานในสถาน
ประกอบการ โดยส่งเสริมการนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ICT มาใช้เพ่ือการเรียนการสอนและการบริหาร
จดั การในสถานศกึ ษา มงุ่ ให้กลมุ่ ผู้เรียนหรือผผู้ า่ นการฝึกอบรมทกั ษะอาชพี มกี าร Up skills Re skills พฒั นาองคค์ วาม
รูท้ ันความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ และอาชีพใหม่ หรือ Future Job สามารถประกอบอาชีพ
ไดจ้ ริง มเี หตจุ งู ใจหรือความทา้ ทายทตี่ อ้ งดาเนนิ การ
- จัดการเรยี นการสอน และฝึกอบรมวิชาชพี ระยะสั้น Up skills Re skills รองรับการเปลีย่ นแปลง
ของเทคโนโลย/ี สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโควดิ -19 ทาให้คนตกงาน
23
- ตอ้ งการความเสมอภาคและตอ้ งการฝกึ อบรมวชิ าชพี Up skills Re skills และการศึกษาตอ่ ทาง
การศกึ ษา
- นโยบาย สอศ./ กระทรวง ต้องการสรา้ งความเปน็ เลศิ ในการเสรมิ สรา้ งทักษะอาชีพ Up skills Re
skills ใหท้ นั สมัย
- การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี/สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโควดิ ทาใหค้ นตกงาน
- ความตอ้ งการของชุมชน ผูเ้ รยี น และสถานประกอบการ ในเชงิ พื้นท่ี
ดงั น้นั จงึ มีความจาเปน็ ตอ้ งมีการดาเนินการยกระดับทกั ษะฝีมอื ใหม่ให้กับกลุม่ ผเู้ รียนทกุ ระดบั ดว้ ย
วิธกี าร Up skills Re skills สู่ Future skill แบบรับรองการมีอาชพี มงี านทา โดยมีรปู แบบการพฒั นาสถานศกึ ษา
และ แนวทางการขับเคลื่อนส่คู วามสาเรจ็ ในสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาดว้ ยวิธกี ารของ SABER และ Business Model
Canvas
1.3 วิเคราะห์สถานการณ์ท่สี ถานศึกษาดาเนนิ การ ด้วยวิธีการของ SABER
1.3.1 กรอบกลยทุ ธ์ (Strategic Framework)
ประเดน็ ที่ศึกษามคี วามสอดคลอ้ งกับนโยบายทกุ ระดับ ระหว่างการพฒั นากาลังคนกับเป้าหมาย
ระดบั ชาตขิ องประเทศในการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมทศิ ทางการดาเนินการพฒั นากาลงั คนท่ีมงุ่ สกู่ ารพัฒนา
เศรษฐกจิ ผลติ ภาพและหน่วยงานท่เี กีย่ วขอ้ ง 3 ประเด็น ข้อมลู จากแผนพฒั นาสถานศึกษา 5 ปี คอื
1) ความเขม้ แขง็ เกี่ยวกบั ระบบความรว่ มมือและทศิ ทางการจัดอาชีวศึกษาทช่ี ัดเจน การพฒั นา
ทกั ษะอาชีพ Up Skills, Re Skills สู่ Future Skill แบบรบั รองการมงี านทา
- การสร้างการรบั รู้เชงิ นโยบายดา้ นการจดั การศกึ ษาร่วมกนั
- รว่ มกาหนดนโยบายการขับเคลือ่ นการจัดการอาชวี ศกึ ษารว่ มกัน
- แต่งต้งั คณะกรรมการขบั เคล่อื นการดาเนินงานตามแผนการพัฒนากาลงั คนดา้ นอาชวี ศกึ ษา
- ประชุมวางแผนและดาเนินงานตามนโยบายพัฒนากาลังคนดา้ นอาชวี ศกึ ษา
- นเิ ทศกากบั ตดิ ตาม ประเมนิ ผลและรายงานผล
2) ผลติ และพัฒนากาลงั คนด้วยความรว่ มมอื ทเี่ ข้มแขง็ และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ
(Demand Driven) การพัฒนาทักษะอาชพี Up Skills, Re Skills สู่ Future Skill แบบรบั รองการมีงานทา
- สารวจความต้องการการผลิตและพฒั นากาลังคนดา้ นอาชวี ศกึ ษาให้ตรงตามความตอ้ งการของ
ตลาดแรงงาน
- สรา้ งเครอื ข่ายความรว่ มมือ MOU กบั สถานประกอบการ การผลติ และพฒั นากาลังคนดา้ น
อาชวี ศึกษา
- การพัฒนาปรับปรงุ หลกั สูตรให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ
- การบรู ณาการการจดั การเรยี นรู้ให้เปน็ ไปตามสมรรถนะวชิ าชพี ท่ีเก่ียวขอ้ ง
3) การสนับสนนุ จากผู้ปกครองและภาคสังคม การพฒั นาทกั ษะอาชพี Up Skills, Re Skills สู่
Future Skill แบบรับรองการมงี านทา
- ระดมทรพั ยากรในการบรหิ ารจัดการ
- รว่ มจัดกจิ กรรมบริการวชิ าชพี เพ่อื ส่งเสริมสนบั สนนุ
- เป็นแหล่งศกึ ษาดงู านและแลกเปลย่ี นเรียนรู้
- การใชท้ รพั ยากรรว่ มกนั ให้เกดิ ความค้มุ คา่ และเกิดประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล
24
1.3.2 การบรหิ ารจดั การสคู่ ุณภาพ (System Oversight)
ประเด็นที่ศึกษามีกฎระเบียบ ที่เก่ียวข้องกับการบริหารจัดการ และมาตรฐานต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง
รวมท้ังการกากับ ดูแล ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขับเคลื่อนในการบริหารจัดการสถานศึกษาในประเด็นที่ศึกษาประสบ
ความสาเรจ็
1) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ จากการศึกษาพบว่าการบริหารจัดการ สถานศึกษาใหข้ ับเคลื่อน
องคาพยพสู่การพฒั นาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพได้โดยอาศยั หลักการบรหิ าร 4M คอื
1.1 คน(Man) ผู้บริหารได้วางแผนมอบหมายภาระหน้าที่บางคนให้ถูกกับงานและความสามารถ
ประสานงานประชุมชแี้ จงกากบั ตดิ ตามช่วยเหลือแกป้ ัญหา ประเมนิ การดาเนินงานอย่างตอ่ เน่อื งจนบรรลถุ งึ เป้าหมาย
1.2 งบประมาณ(Money) ผบู้ ริหารสถานศึกษาไดบ้ รหิ ารจดั การงบประมาณที่ได้รบั อยา่ งคุ้มค่ามี
การกากับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการต่างๆที่ได้รับการอนุมัติในแผนปฏิบัติการประจาปีรวมท้ังการ
ระดมทรพั ยากร บางส่วนสนบั สนุนโครงการท่ไี มไ่ ด้รับการจดั สรรงบประมาณ
1.3 วัสดุอุปกรณค์ รุภัณฑ์(Material) ผู้บริหารสถานศึกษา ได้บริหารจัดการวัสดุอปุ กรณ์เคร่อื งมือ
ครภุ ัณฑ์ตา่ งๆอย่างคุ้มค่าเกิดประสทิ ธิผลได้ดาเนินการกากับติดตามการซ่อมบารุงเครื่องมือครุภณั ฑก์ ารใช้งานและการ
บารุงรกั ษาการรายงานการใช้วสั ดคุ รุภัณฑต์ ามลาดับเปน็ ประจาทกุ ปกี ารศึกษา
1.4 การบริหารจัดการ(Management) ได้ใช้หลักการบริหารงานการบริหารจัดการสถานศึกษา
ตามหลักธรรมาภิบาล Good governant โดยยึดถือ หลักการมีส่วนร่วมรับผิดชอบร่วมกันทุกฝ่ายในรูปแบบ
คณะกรรมการ พิจารณาโครงการการติดตามประเมินผลและการพิจารณาเห็นชอบแผนพัฒนา การศึกษา แผนปฏิบัติ
การประจาปีของสถานศกึ ษา
2) ความเข้มแข็งศักยภาพและความพร้อมของสถานศึกษาและภาคผู้ประกอบการในการจัดการ
อาชวี ศึกษา
2.1 การจดั การเรยี นรู้แบบอาชีวศึกษาระบบทวิภาคซี ึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนพฒั นาผู้เรียน
ระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการเกี่ยวกับการบริหารจัดการหลักสูตรการพัฒนาแผนการฝึกอาชีพการจัดการ
เรยี นการสอนการนิเทศตดิ ตามการฝึกอาชีพการวัดผลและการประเมินผลของผู้เรยี นของครูผูส้ อนประจาวิชารว่ มกับครู
ฝึกในสถานประกอบการตามทก่ี าหนดในหลักสูตรและเป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการพุทธศักราช 2557
เร่ืองการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีประกาศของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพุทธศักราช 2564 เร่ืองการจั ดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
2.2 การลงนามความร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีในการจัดการเรียนการสอน
เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอาชีวศึกษา ให้มีสมรรถนะวิชาชีพและคุณลักษณะอันพึงประสงค์สอดคล้องตามความ
ต้องการของตลาดอาชีพนั้น สถานศึกษาจะต้องลงนามความร่วมมือกับเครือข่ายสถานประกอบการหรือรัฐวิสาหกิจ
ร่วมกัน พัฒนาหลักสูตรแผนการฝึกอาชีพการแต่งตั้งครูฝึกในสถานประกอบการร่วมกับครูผู้สอนเนินการวัดผลและ
ประเมินผลผู้เรยี นให้มีทกั ษะและสมรรถนะวิชาชีพตามเกณฑ์ท่ีกาหนดในแผนการฝกึ อาชีพและทกี่ าหนดในหลกั สูตรแต่
ละสาขางานทกี่ าหนดไว้
3) ความเชอื่ มน่ั ในดา้ นมาตรฐานและคณุ ภาพของผสู้ าเรจ็ การศึกษา
3.1 ดา้ นมาตรฐานวชิ าชพี Competency ผสู้ าเรจ็ การศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาทมี่ คี ุณภาพและมาตรฐาน
วชิ าชพี เป็นผูท้ ่มี สี มรรถนะวชิ าชพี มีทกั ษะและความสามารถทางานในสาขางานได้มาตรฐานและมีคณุ ภาพจากองค์
ความรทู้ ักษะและประสบการณ์ท่ไี ดร้ บั การพัฒนาตามมาตรฐานของหลกั สตู รวชิ าชพี
25
3.2 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์การพัฒนาให้ผู้สาเร็จการศึกษาอาชีวศึกษาให้มีคุณลักษณะ
สอดคล้องตามความต้องการของตลาดอาชีพเป็นเป้าหมายสาคัญในการผลิตและพัฒนากาลังคนอาชีวศึกษาให้มี
คุณลักษณะอันพึงประสงคม์ คี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมมคี วามรับผิดชอบมคี วามซอ่ื สตั ย์สุจรติ เปน็ คนดขี องสังคมสามารถทางาน
อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุขดังนั้นผู้สาเร็จการศึกษาอาชีวศึกษาท่ีมีคุณภาพมีมาตรฐานวิชาชีพและมี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นท่ีต้องการของตลาดอาชีพสามารถสรา้ งความเช่ือมั่นให้กับสถานประกอบการและสังคม
จึงนบั ว่าเป็นผลผลติ อาชีวศกึ ษาทมี่ ีคณุ ภาพ
4) ประกันคณุ ภาพผู้เรยี นอาชีวศึกษาใหม้ ีความพรอ้ มเข้าส่อู าชีพ
4.1 มาตรฐานวชิ าชพี ผ้สู าเรจ็ การศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาท่มี สี มรรถนะวิชาชพี และมีคณุ ภาพตอ้ งผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ มาตรฐานวิชาชีพ
4.2 มาตรฐานงานคุณวฒุ วิ ชิ าชพี ผลผลิตอาชวี ศึกษา คอื ผู้สาเรจ็ การศกึ ษาตามหลักสตู ร
ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.),หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.),หลกั สตู รเทคโนโลยบี ัณฑติ (ทล.บ.)และ
หลักสูตรระยะส้ัน จะตอ้ งมสี มรรถนะตามกรอบคุณวุฒวิ ิชาชพี และผา่ นการประเมนิ ตามกรอบคุณวุฒิอาชีพ เพือ่
รับรองคุณภาพและมาตรฐานคณุ วฒุ วิ ชิ าชพี (Vocational Qualifications: VQ)
4.3 มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ การประกอบอาชีพตามกฎหมายของผู้สาเร็จการศึกษาต้อง
ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ เพ่ือรองรับมาตรฐานความรู้ ความสามารถ ทักษะ และทัศนคติใน
การทางานของผปู้ ระกอบอาชพี ตามเกณฑม์ าตรฐานฝมี ีอแรงงานแห่งชาติ
1.3.3 การจดั การเรียนรู้ (Learning Delivery)
มอี งคาพยพที่เก่ียวข้องกับประเด็นท่ีศึกษาในการดาเนินการกิจกรรมต่างๆ ของงานต่างๆ ภายในของ
สถานศึกษาและการฝึกอบรมที่จะส่งมอบบริการเพ่ือให้ได้ผลผลิตต่อคุณภาพผู้เรียนและผลลัพธ์ท่ีส่งต่อไปยังภาค
ประกอบการและประเทศโดยรวมตามเปา้ หมายของการอาชีวศึกษา จากการศึกษาพบวา่
๑) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาได้บริหารจัดการ ฝ่ายวิชาการดาเนินการพัฒนาหลักสูตรเพื่อ
ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบันรวมท้ังได้จัดรูปแบบในการเรียนรู้ที่
หลากหลายตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าโควิด 19 ท้ังหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นการจัดการเรียนการสอนร่วมกับสถาน
ประกอบการระบบทวิภาคีการลงนามความร่วมมือการจัดการเรียนการสอนวิชาชีพร่วมกับต่างประเทศโครงการไทย
อิสราเอลกล่าวว่าโครงการไทยเดนมารก์ เพ่อื เพมิ่ ศักยภาพในการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
๒) นอกจากนส้ี ถานศกึ ษาได้พัฒนาหลกั สูตรวชิ าชพี ระยะสน้ั เพื่อ Up Skills, Re Skills ใหก้ ับผสู้ นใจนาไป
ประกอบอาชีพในสังคมยุคใหม่เช่นสาขางานติดต้ังระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์โซล่าเซลล์สาขางาน
marketing Online โครงการฝกึ อบรมการปลูกพชื ด้วยอนิ ทรีย์ชวี ภาพโครงการฝกึ อบรมอาชีวศึกษาพฒั นาชนบทใหก้ ับ
ประชาชนในชมุ ชนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและหลกั ทฤษฎีใหม่
๓) ผ้สู าเร็จการศึกษาตามหลักสูตรไดร้ ับการประเมินสมรรถนะวิชาชีพตามสภาพจริงจากครผู ู้สอนตรง
ตามระเบียบการวดั ผลและประเมนิ ผลของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารตามมาตรฐานวชิ าชพี มาตรฐานคุณวุฒิวชิ าชีพซงึ่ ในบาง
สาขางานต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพ่ือให้สามารถประกอบอาชีพได้ตามกฎหมายและตรงตาม
ความต้องการของสถานประกอบการและตลาดอาชพี
26
๓.๑ จัดระบบการเรียนรแู้ ละช่องทางการเรยี นรทู้ ีห่ ลากหลาย
- การเรยี นท่คี รเู ปน็ ผูน้ าครูเป็นผู้สอนหลกั (Teacher Directed Learning: TDL) กจิ กรรมการ
เรยี นการสอนวิธีนส้ี ว่ นใหญ่ครูผ้สู อนเป็นหลกั ในการจดั กจิ กรรม เช่น ฟงั ครบู รรยาย/สาธติ
- เรียนแบบเพื่อนกากบั การเรียนระหว่างผเู้ รียนดว้ ยกัน (Peer Directed Learning: PDL) คือ
ให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนความรู้ระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ผู้สอนมีหน้าท่ีเป็นผู้อานวยความสะดวก Facilitator เป็นผู้กากับ
Director และผู้ควบคุม Controller
- การเรยี นทีผ่ ู้เรียนกากบั การเรียนด้วยตนเอง (Self- Directed Learning: SDL การจัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนแลกเปล่ียนความรู้กับครูหรอื ผู้เรียนด้วยกัน เป็นบางช่วงแต่แก่นหลักคอื ผู้เรียนศกึ ษาความรู้
ดว้ ยตนเองครูและผู้สอนมบี ทบาทหน้าท่สี าคัญคอื จดั หาสือ่ และแหลง่ เรยี นรู้
- การจดั การเรยี นการสอนแบบ On Line, On Demand, On Site, On Hand และ On Air
๓.๒ ตอ่ ยอดองค์ความรูแ้ ละสมรรถนะใหม่ในงานด้านเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมท่ีเปลย่ี นแปลง
หรืออาชพี ใหม่ New Job, Future Job
ความเช่ียวชาญตามอุตสาหกรรมเดมิ ทม่ี ศี กั ยภาพ (First S-curve) และอุตสาหกรรมเปา้ หมายใหม่
แหง่ อนาคต (S-curve) ซ่ึงครอบคลุมอยู่ทว่ั ประเทศ จงึ มีจดุ เน้น “ยกระดับคณุ ภาพการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบองค์รวม
โดยใช้พ้ืนที่เป็นฐาน” มีการพัฒนาสมรรถนะอาชีพในทักษะอนาคต (Future Skills) การ Up skills, Re skills และ
new Skill และการเป็นผู้ประกอบการภายใตศ้ ูนยพ์ ัฒนาอาชพี และการเป็นผปู้ ระกอบการ
๓.๓ ประเมนิ ความสาเร็จอาชีวศกึ ษาจากสมรรถนะผเู้ รียนทีส่ อดคลอ้ งกับความต้องการ
การอาชวี ศกึ ษาและการฝกึ อบรม ให้ความสาคัญการเชอ่ื มโยงของทกั ษะการเรยี นรดู้ ว้ ยเกณฑ์
มาตรฐานอาชพี และมาตรฐานฝีมือตามกรอบคณุ วฒุ ิแห่งชาตขิ องประเทศไทย (National Qualifications
Framework – NQF) ซึ่งมีการเช่อื มโยงกบั กรอบคณุ วฒุ อิ า้ งอิงอาเซยี น (ASEAN Qualifications Referencing
Framework - AQRF) เรียบรอ้ ยแลว้ หรอื อกี นยั หนึ่งใช้เกณฑม์ าตรฐานคณุ วฒุ ิของ ASEAN เปน็ เกณฑ์มาตรฐาน
ความคดิ เชิงระบบทีเ่ ตรียมกาลังคนใหพ้ ร้อมตอบสนองความต้องการทกั ษะในตลาดแรงงาน ดว้ ยวธิ กี ารของ
SABER มุ่งเน้นความชดั เจนในมิติการทางานสามมติ ิ (Dimension) ตามกรอบแนวทางทางยกระดบั คณุ ภาพการ
อาชีวศึกษา จะตอ้ งดดู ้านมติ ิและทิศทาง (Dimension) และเป้าหมายเชิงนโยบาย (Policy Goal) ด้วยวิธีการของ
SABER ดงั รูปที่ ๔
รปู ที่ ๔ ตามกรอบแนวทาง
27
งทางยกระดบั คณุ ภาพการอาชวี ศกึ ษา
รปู ที่ ๔ ตามกรอบแนวทางทา
28
างยกระดบั คณุ ภาพการอาชวี ศึกษา (ตอ่ )
29
1.4 วิเคราะห์กลไกในการบริหารจัดการในระบบและการจัดการการอาชีวศึกษา เพื่อสถานศึกษา
ดาเนินการด้วยวธิ กี ารของ Business Model Canvas (Canvas)
การบริหารจัดการการจัดการอาชีวศึกษาเป็นการจัดการศึกษาด้านวิชาชีพ เพื่อผลิตและพัฒนา
กาลังคนในระดับการประยุกต์ใช้ BMC ในด้านการศึกษา จะช่วยให้สถานศึกษาประสบความสาเร็จในการจัดการ
เรียนการสอนทสี่ อดคลอ้ งกบั ยุคสมัย มกี ารปรบั องคป์ ระกอบ BMC เขา้ กับการจดั การศกึ ษา
รูปท่ี ๖ แผนภาพแสดงความเชือ่ มโยงองคป์ ระกอบเครอื่ งมอื ท่ชี ว่ ยในการวางแผนธุรกจิ (BMC)
ทนี่ าประยุกตใ์ ชใ้ นการจัดการศกึ ษา
กลยุทธ์
1. เร่งพฒั นาการสอนหลกั สตู รวชิ าชพี ระยะสนั้ การ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills เพอื่
ตอบสนอง สภาพสังคมปจั จบุ ัน
2. พฒั นาหลกั สูตรวิชาชพี ระยะส้นั Up Skills Re Skills ทต่ี อบสนองตอ่ ความตอ้ งการตลาดแรงงาน
ในพนื้ ที่
3. การพัฒนาอาชพี มุ่งสพู่ าณิชย์อเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละธรุ กิจดจิ ิทัล
4. ฝึกอบรมวชิ าชพี ระยะสัน้ และ Up Skills Re Skills ให้ประชาชนทห่ี า่ งไกลและด้อยโอกาส
5. เพม่ิ ปริมาณผเู้ รยี นหลกั สูตรวชิ าชพี ระยะสัน้ ฐานสมรรถนะ Up Skills Re Skills ทต่ี อบสนอง
ความต้องการ ของผเู้ รียน
6. จดั การเรียนการสอนหลักสูตรวชิ าชพี ระยะส้นั Up Skills Re Skills และการศึกษานอกระบบ
ทต่ี อบสนอง ความตอ้ งการของผู้สาเรจ็ การศึกษา ผวู้ ่างงาน และผู้พกิ าร
7. เพิม่ จานวนศนู ยท์ ดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงาน และสถาบันอบรมคุณวฒุ วิ ชิ าชพี รองรับการ
ทดสอบมาตรฐานอาชพี
30
เปา้ ประสงค์
1. ผู้เรียนและผู้สาเรจ็ การศกึ ษามีความร้แู ละทกั ษะในหลักสตู รระยะสัน้ Up Skills Re skills
เพอ่ื สามารถนาไปประกอบอาชีพได้
2. ผู้เรียนและผู้สาเร็จการศกึ ษามีความรูแ้ ละทกั ษะท่ีตอบสนองตลาดแรงงานในชมุ ชน
3. สถานศึกษามกี ารสอนหลักสูตรวชิ าชพี ระยะส้นั Up Skills Re skills ให้ประชาชนทั่วไป และ
ผูด้ ้อยโอกาสใหค้ รอบคลมุ ทุกพื้นที่
4. สถานศึกษามีการลงนามความร่วมมือ (MOU) เพิม่ มากขึ้น
5. เพิม่ ทกั ษะหลักสูตรวชิ าชีพระยะสนั้ Up Skills Re skills ท่หี ลากหลายใหก้ บั ผู้สาเรจ็ การศึกษา/
ประชาชนท่วั ไป ผพู้ กิ าร และผ้วู า่ งงานให้นาความรู้ไปใชใ้ นการประกอบอาชพี ได้
6. สถานศึกษามีศนู ยท์ ดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงาน ศูนย์เทียบโอนหนว่ ยกิต และศนู ยฝ์ กึ อบรม
คณุ วฒุ วิ ชิ าชีพทไ่ี ด้มาตรฐาน ยกระดับวิชาชีพและพฒั นาผเู้ รยี น ผอู้ บรม และครใู หเ้ ป็นผทู้ ดสอบมาตรฐานฝีมอื
แรงงาน
พนั ธมติ ร/ความร่วมมือหลกั ทเ่ี ข้มแข็ง (Key Partners)
1. สถานศึกษาจัดทาบันทึกลงนามความร่วมมือ (MOU) ท้ังภายในและต่างประเทศ ในการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมกับสถานประกอบการ บุคคล ชุมชน องค์กรต่างๆ มีส่วนร่วมกับสถานศึกษาในการ
จัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี รับนักเรียน นักศึกษาเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และร่วม
ดาเนนิ การพัฒนาแผนการฝกึ อาชีพในสถานประกอบการ
2. หน่วยงานภายใต้การกากับของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สานักงานอาชวี ศกึ ษาจงั หวดั และศูนย์การศึกษาพิเศษ เปน็ ต้น
3. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน กระทรวงกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สานักงานพุทธ
ศาสนา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม เรือนจากลางจังหวัดและหน่วยงานในสังกัด
กระทรวงยุติธรรม เปน็ ต้น
ทรัพยากรหลกั (Key Resources)
ทรัพยากรที่สาคัญท่ีสดุ ทส่ี ามารถตอบสนองต่อความพึงพอใจของนกั เรียน นกั ศึกษา และผเู้ ข้ารับการ
ฝึกอบรม คอื
1. ทรพั ยากรบคุ คล มบี ทบาทสาคญั อยา่ งย่งิ กับสถานศกึ ษาซึง่ ประกอบด้วย
1.1 ผเู้ รียน เช่น ประชาชนท่วั ไป นกั เรียนในโรงเรยี นมธั ยมศึกษา สังกดั สพฐ.
1.2 ผู้สอน เช่น ครูประจา และ วทิ ยากรภายนอก เปน็ ต้น
1.3 ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา
1.4 บคุ ลากร เจา้ หน้าทฝี่ า่ ยสนับสนนุ ในสถานศกึ ษา
2. งบประมาณ เช่น งบประมาณจากรฐั เงนิ รายไดส้ ถานศกึ ษา และงบประมาณจากแหล่งอน่ื
3. หลกั สตู รฐานสมรรถนะ เชน่ หลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.) หลักสูตรประกาศนียบัตร
วิชาชพี ชัน้ สงู (ปวส.) และหลกั สูตรวิชาชพี ระยะสน้ั (Up skills Re skills และ Future skills)
4. อาคารสถานที่ ห้องเรยี น หอ้ งปฏบิ ตั ิการ แหล่งเรยี นร้ทู ้งั ภายใน และภายนอกสถานศกึ ษา
5. วัสดุ ครุภณั ฑ์ ในการจัดการเรียนการสอน รวมถงึ การใช้ทรพั ยากรในหน่วยงานท่รี ว่ มกัน ใน
จัดการเรยี นรว่ มเช่น การจดั เรียนรปู แบบทวภิ าคี โรงเรยี นในโรงงาน หรอื ในฟารม์
31
6.ระบบสนับสนุนการทางาน เช่น ระบบฐานข้อมลู ของสถานศึกษา เวบ็ ไซตข์ องสถานศึกษา
Social Media ตา่ งๆ รวมถึงกจิ กรรมตา่ งๆ
กลไกการขับเคล่ือน (Key Drivers)
การส่อื สาร
มีระบบการบริหารจดั การระบบฐานขอ้ มูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการสถานศึกษา มีระบบ
เครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ ความเรว็ สงู สาหรับบรหิ ารจดั การ ภายในสถานศึกษาครบทกุ ฝา่ ยที่มีประสิทธภิ าพ
การสรา้ งแรงจูงใจ
๑. นกั เรยี น นักศกึ ษา และผเู้ ขา้ รับการอบรมมีความม่ันคงในวชิ าชพี
๒. นักเรยี น นกั ศึกษา และผเู้ ข้ารบั การอบรมมคี วามเชอ่ื มนั่ ในวชิ าชพี ท่เี ลอื กเรยี นหรอื อบรม
๓. ครูมีความเป็นมืออาชพี
๔. การประชาสมั พันธส์ รา้ งความเข้าใจการอบรมทักษะวิชาชพี Up Skills Re Skills
การสร้างพลังรว่ ม
1. รว่ มมอื กบั เครอื ข่ายจัดการศกึ ษา เชน่ การจัดเรยี นรปู แบบทวิภาคี โรงเรียนในโรงงาน หรือในฟาร์ม
2. รว่ มมือจัดการเรียนหลักสตู รวชิ าชพี ระยะสัน้ โครงการหอ้ งเรยี นอาชพี
การประชาสมั พนั ธค์ ุณค่าโครงการ
ประชาสัมพนั ธ์ การจดั การเรียนการสอน วชิ าชพี ระยะส้นั Up Skills Re Skills สู่ Future skills
แบบรับรองการมงี านทาในสถานศกึ ษาสงั กดั อาชวี ศึกษาทว่ั ประเทศทางชอ่ งทางสังคมออนไลนเ์ พอ่ื ให้ประชาชน
สามารถ เขา้ ถงึ แหล่งข้อมลู ทางระบบสารสนเทศ
เสริมสรา้ งขดี ความสามารถ
1. Up Skills Re Skills พฒั นาขีดความรู้ ความสามารถครูและบุคลากรใหม้ ที ักษะ ความรู้และการ
อบรมหลกั สตู รใหมแ่ ละ ทนั สมัย
2. รว่ มมือเครือข่ายวิทยากรจากภายนอก ร่วมจัดการเรยี นการสอนหลักสตู รทนั สมัยไปสู่ Future Skills
3. สถานประกอบการเขา้ มามีส่วนร่วมในการจดั การศกึ ษา และฝกึ อบรมอาชีพใหม่ๆ
สรา้ งความเปน็ สากล
1. รว่ มมอื ในการพฒั นาหลักสตู รเช่ือมโยงกบั สถาบนั อุดมศกึ ษา และนกั วชิ าการผูเ้ ชยี่ วชาญ
2. จดั การเรียนทวิภาคีในต่างประเทศ เรียนทีป่ ระเทศไทย 1 ปี เรียนทตี่ า่ งประเทศ 1 ปี ระดับ
ปวส. เป็นต้น
3. จดั การเรียนให้ผู้เรยี นไดก้ ารรับรองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานวชิ าชีพอาชวี ศึกษา มาตรฐานจาก
สถาบันคณุ วุฒวิ ชิ าชพี สถาบนั พัฒนาฝีมอื แรงงาน หรอื สถาบันที่การรบั รองมาตรฐานคุณวฒุ ิวิชาชพี อื่น
ม่งุ คุณค่าของผเู้ รยี น
ผ้สู าเรจ็ การศกึ ษา ไดใ้ บรบั รองผา่ นมาตรฐานวชิ าชีพจากองค์กรมาตรฐานไม่น้อยกว่า 2 มาตรฐาน
คอื มาตรฐานวชิ าชพี อาชวี ศึกษา มาตรฐานจากสถาบันคณุ วุฒวิ ชิ าชีพ สถาบันพฒั นาฝมี อื แรงงาน หรอื สถาบนั ทก่ี าร
รบั รองมาตรฐานคณุ วฒุ วิ ชิ าชพี อน่ื สามารถใชป้ ระกอบอาชีพได้
กจิ กรรมดาเนินงานหลกั (Key Activities) นวตั กรรมการบรหิ าร
1. มีการดาเนนิ การตามแผนพฒั นาสถานศึกษา และแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี
2. นิเทศติดตามในรปู แบบ On Site และ On line การประเมนิ ผลตามสภาพจริงอยา่ งตอ่ เนื่อง
การกากับดแู ล (System Oversight)
1. มีแนวปฏบิ ัตทิ ่ชี ัดเจนและทกุ ฝา่ ยมสี ่วนรว่ มในการประเมนิ ความเสยี่ ง
2. กาหนดเกณฑก์ ารกากับดแู ลท่ีชัดเจน
32
3. กาหนดแนวทางการพัฒนาทักษะวิชาชพี Up Skills Re Skills สู่ Future Skill ทีท่ ุกฝา่ ย
มีสว่ นร่วม
4. มแี ผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี จดั สรรงบประมาณทเี่ หมาะสมในการดาเนนิ งาน Up Skills
Re Skills สู่ Future Skills
5. กาหนดเกณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรวชิ าชพี Up Skills Re Skills และ Future Skills
6. มีแนวทางทหี่ ลากหลายในการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี Up Skills Re Skills และ Future Skills
ผลลัพธ์ (Key Results)
1. ผ้สู าเรจ็ การศึกษามีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นผ่านเกณฑม์ าตรฐานตามทกี่ ระทรวงศกึ ษาธกิ าร
กาหนด
2. ผสู้ าเรจ็ การศึกษา มสี มรรถนะวิชาชพี ไดม้ าตรฐานคณุ วฒุ ิอาชวี ศึกษา มาตรฐานจากสถาบนั
พัฒนาฝมี อื แรงงาน มาตรฐานจากสถาบนั คุณวฒุ ิวชิ าชพี หรอื สถาบันท่กี ารรับรองมาตรฐานคุณวุฒวิ ิชาชพี อ่นื
3. ผูส้ าเรจ็ การศกึ ษามีงานทา หรอื ประกอบอาชพี อสิ ระได้
ผลสมั ฤทธ์แิ ละคณุ คา่ ท่ีเพมิ่ ข้ึน (Value Propositions)
1. ได้หลักสตู ร Up Skills Re Skills และ Future Skills ใหม่ๆ (พรเี ม่ยี ม) เปน็ ท่ตี อ้ งการของ
ผู้เรยี น และประชาชนทว่ั ไป
2. นักเรียน นกั ศึกษา และผ้ฝู ึกอบรม มอี งค์ความร้จู ากการ Up Skills Re Skills และ Future
Skills นาไปประกอบอาชีพได้
3. นกั เรยี น นกั ศกึ ษา และผ้ฝู ึกอบรม มศี กั ยภาพ และคุณภาพ ในอาชพี ของตนเอง
จากการศึกษาวิเคราะหก์ ลไกในการบริหารจดั การในระบบและการจัดการการอาชวี ศกึ ษา เพื่อ
สถานศึกษาดาเนินการด้วยวธิ ีการของ Business Model Canvas (Canvas) ดงั นี้
33
34
2. บทเรียนความสาเร็จในการบริหารจดั การสถานศกึ ษา
จากการศึกษาการดาเนินงานและปัญหาอุปสรรคในการดาเนินงาน ตามแนวคิดของ ลูเธอ กูลกิ และ ไล
นอล อูริค Luther Gulick & Lyanal Urwick ได้พัฒนาแนวคิดของ Taylor และ Fayol ท่ีเรียกว่า POSDCoRB
โดยมีการดาเนินงาน ดงั น้ี
1. การวางแผน (Planning: P) มีการดาเนนิ งานโดยเริม่ จากการวางแผนซึ่งทุกฝา่ ยทกุ หนว่ ยงาน
จะตอ้ งรว่ มกนั วางแผนใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ทของพนื้ ที่รับบรกิ ารทางการศึกษามกี ารรว่ มมือปรกึ ษาหารือกัน รว่ มกนั
วางแผนการดาเนนิ งาน มกี ารจัดประชมุ ทกุ เดอื นกอ่ นท่จี ะเริ่มทากจิ กรรมของเดอื นถดั ไป โดยมีการวางแผนการ
ทางานรว่ มกันระหวา่ งหนว่ ยงานตา่ งๆซง่ึ การวางแผนการทางานจะสามารถบอกใหท้ ราบถงึ ปัญหาและโอกาสที่
ปญั หาเหลา่ น้ีจะเกิดขึ้น สามารถชว่ ยในการดาเนินงานไปสูเ่ ป้าหมายตามขน้ั ตอน ทาใหเ้ กิดความม่นั ใจ รวมท้งั ทาให้
ทุกฝา่ ยดาเนินงานทราบถึงแนวทางการดาเนนิ งานของสถานศกึ ษาถา้ มีการวางแผนทีด่ จี ะทาให้การดาเนินงาน
ประสบความสาเรจ็ ไดต้ ามเป้าหมายท่ีกาหนด
2. การจัดองค์การ (Organizing: O) มีการกาหนดโครงสร้างหน่วยงานการแบ่งส่วนงาน การ
กาหนดหน้าท่ีอย่างชัดเจน มีการจัดประชุมเพื่อวางแผน แบ่งส่วนงานอย่างชัดเจนโดยมีการร่วมกันดาเนินการจัด
กจิ กรรม ซึ่งถือว่าการจัดหน่วยงานเป็นส่ิงสาคัญในการดาเนินงาน และทาให้หน่วยงานในภาคีเครือข่ายได้ทราบถึง
โครงสร้างองค์การที่ชัดเจน และขอบเขตการทางานของตัวเองทาให้ไม่เกิดการทางานที่ซ้าซ้อนกันซ่ึงสามารถลด
ความขดั แยง้ ในการดาเนินงานซ่ึงการจัดหนว่ ยงานทด่ี จี ะทาใหก้ ารดาเนนิ งานมีประสิทธิภาพและนาไปส่คู วามสาเร็จ
ได้ ซึ่งสอดคล้องตามโครงสรา้ งบรหิ ารสถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พ.ศ.2552
3. การจัดบคุ ลากร (Staffing: S) บคุ คลเปน็ ส่วนสาคญั อยา่ งย่ิงในการขบั เคลอื่ นใหก้ ารดาเนนิ งาน
ในสถานศึกษาประสบความสาเร็จแต่ละแผนกวิชาจะจัดสรรตัวบุคคลมาเพ่ือดาเนินงานกิจกรรมการเรียนการสอน
ด้วยความยินดีและเต็มใจโดยการจัดบุคลากรให้เหมาะสมกับการทางานเป็นส่ิงท่ีสาคัญเนื่องจากทาให้บุคคล
สามารถดาเนินงานได้อย่างมีความสุขและสาเร็จลุล่วงแล้วยังส่งผลทาให้รักษาประสิทธิภาพการดาเนินงานของ
สถานศึกษาไวด้ ว้ ย การแบ่งฝ่ายงานที่ชดั เจนและเหมาะสมของครูและบุคลากรเจ้าหนา้ ทเี่ ป็นปัจจัยประกอบทที่ าให้
สถานศึกษาประสบความสาเร็จและแม้ว่าในปัจจุบันสถานศึกษายังประสบปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอ แต่การ
ดาเนินงานสถานศึกษาต้องอาศัยบุคลากรจานวนมากมาสนับสนุนดูแลในหลายกิจกรรมการเรียนการสอนและใน
อนาคตสถานศึกษาท่ีมีแผนการดาเนินงานท่ีจะมีกิจกรรมการเรียนการสอนเพิ่มเติมจึงจาเป็นต้องการกาลังคน
เพ่ิมข้ึนตามภาระงานที่เพิ่มข้ึนด้วยจุดอ่อนสภาพแวดล้อมในการทางานของสถานศึกษา คือ บุคลากรที่มีความรู้
ความสามารถเฉพาะทางสาหรบั ทกั ษะวชิ าชพี Up Skills Re Skills สู่ Future Skills ไมเ่ พยี งพอในการดาเนนิ งาน
4. การอานวยการ (Direction: D) สถานศกึ ษาจะมกี ารดาเนินงานร่วมกันจากหน่วยงานซึ่งแตล่ ะ
หนว่ ยงานจะมผี นู้ าในการบงั คับบัญชา ควบคมุ การปฏิบตั ิงาน ส่งั การ และประสานงานไปยังฝ่ายต่างๆ อกี ทง้ั การ
เปิดโอกาสให้ผ้อู ื่นได้รว่ มคิด รว่ มตดั สินใจ ซ่งึ การอานวยการทดี่ ีจะทาใหเ้ กดิ การทางานท่ีมกี ารส่ือสารที่เป็นไปใน
ทศิ ทางเดยี วกนั การทางานเปน็ ไปอย่างราบรน่ื และสง่ ผลใหก้ ารดาเนนิ งานประสบความสาเรจ็ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ท่ไี ด้
ทาการศึกษาดูงานพบว่า ปจั จัยการดาเนินงานของสถานศกึ ษามีกระบวนการอานวยการสั่งการและประสานงานไป
ยังฝ่ายอื่นๆในการดาเนนิ งานประสบความสาเร็จ
5. การประสานงาน (Coordination: Co) ให้ความสาคัญกับการประสานงานร่วมมือกันระหว่าง
หน่วยงานภาครัฐและชุมชนซึ่งการประสานงานมีความสาคัญทาให้การดาเนินงานของสถานศึกษาประสบ
ความสาเร็จตามเป้าหมาย โดยแต่ละหน่วยงานมีหน้าท่ีในการดาเนินงานท่ีแตกต่างกัน ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและให้
ความร่วมมอื ในการทางานร่วมกันเป็นอยา่ งดี ซึ่งการประสานงานทาให้การดาเนินงานเปน็ ไปในทิศทางเดียวกนั และ
ไม่เกิดความซ้าซ้อนในการทางาน ช่วยให้การดาเนินงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วประหยัดเวลา และทาให้ทุกฝ่าย
35
เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการดาเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันซึ่งถือว่าเป็นการจัดระเบียบวิธีการทางานเพื่อให้
งานและบคุ ลากรฝา่ ยต่างๆ ร่วมมอื กนั ในการปฏิบตั งิ านใหเ้ กิดความสามคั คี และจะสามารถลดความขัดแย้งซงึ่
นวัตกรรมของสถานศึกษาท่ีทาให้ประสบความสาเร็จในการดาเนินงานมีความเป็นรูปธรรมย่ังยืน ส่วนหนึ่งเกิดจากมี
กระบวนการในการดาเนนิ งานแบบการประสานงานรว่ มกันทั้งภาครัฐภาคเอกชน สังคม ชุมชน และท้องถ่ิน
6. การรายงานผลการปฏิบัติงาน (Reporting: R) มีการรายงานผลการดาเนินการต่างๆในการ
ประชุมของทุกเดือนให้กับผบู้ ริหาร คณะกรรมการฝ่ายต่างๆและสมาชิกในสถานศึกษาได้ทราบถึงความเคล่ือนไหว
ของกิจกรรมซึ่งการรายงานสามารถรายงานผลได้ครอบคลุมท้ังหมด โดยมีการจัดทาเอกสารการรายงานผลการ
ดาเนนิ กิจกรรมในทุกรอบอยา่ งชัดเจน และเป็นลายลักษณอ์ กั ษร เพ่อื จะไดท้ ราบถึงข้อดี ขอ้ เสียปัญหาและอปุ สรรค
ในการดาเนินกิจกรรม และสามารถแก้ปัญหาไดอ้ ย่างทนั ท่วงที ซ่งึ การรายงานผลการปฏิบัตงิ านอยา่ งสม่าเสมอ เป็น
ปัจจยั ที่ทาใหส้ ถานศกึ ษาประสบความสาเร็จ
7. การงบประมาณ (Budgeting: B) งบประมาณหลกั ในการสนับสนนุ การดาเนนิ งานได้มาจากการ
จัดสรรงบประมาณ เงินรายได้ของวิทยาลัย เงนิ สนับสนนุ จากหน่วยงานอ่ืน และเงนิ บรจิ าค จากแผนงานเพื่อพัฒนา
ทกั ษะวิชาชีพ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills เร่งรัดและผลักดันการพัฒนาคนตลอดชีวติ ประชาชนทุกกลุ่ม
วัยได้รับการศึกษาที่เหมาะสมกิจกรรมการสร้างทักษะวิชาชีพตามกลุ่มวัย ปัจจัยนาเข้าสถานศึกษานอกจากได้รับ
งบประมาณจัดสรรจากภาครัฐ และยังไดร้ ับงบประมาณสนับสนนุ จากบางสว่ นจากภาคเอกชน ภาคเี ครอื ขา่ ย และผู้
มีจิตศรัทธา นอกจากน้ีสถานศึกษา ได้นาสินค้าที่นักเรียน นักศึกษา ทาในกิจกรรมการเรียนการสอนต่างๆ นามา
วางจาหนา่ ยให้กับผทู้ ่ีมาศกึ ษาดูงานสถานศึกษา และประชาชนท่ัวไป ซ่ึงงบประมาณเป็นสิ่งสาคัญในการขับเคลื่อน
การดาเนนิ งานของกิจกรรม สถานศึกษาจงึ อยากให้ภาครัฐ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน และภาคเอกชน
เข้ามาดูแลสนับสนนุ งบประมาณให้มากข้ึนและเพียงพอกบั ค่าใช้จา่ ยในการจัดกิจกรรมเพ่ือทางสถานศกึ ษาจะได้มุ่ง
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เต็มท่ีอีก ปัจจัยความสาเร็จในการดาเนินงานของส ถานศึกษาพบว่า
ผู้อานวยการสถานศึกษาทั้งสองแห่งเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงทุกคนล้วนเป็นผู้นาการเปล่ียนแปลงท่ีใช้
POSDCoRB เปน็ หลักในการบริหารจัดการองคก์ ร
36
ส่วนที่ 4
รูปแบบการพฒั นาสถานศกึ ษา และ
แนวทางการขับเคลอื่ นสู่ความสาเร็จในสถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา
1. รูปแบบการพฒั นาสถานศกึ ษา (Model of College Development) การพัฒนาทักษะอาชีพ Up Skills,
Re Skills สู่ Future Skills แบบรับรองการมงี านทา
แนวทางและเป้าหมายด้านบริหารจัดการสถานศึกษา โดยกระบวนการมีส่วนร่วม (Participative
Management) แสวงหาความรว่ มมือจากผ้มู ีส่วนเก่ยี วข้องท้งั จากภายในและภายนอกสถานศึกษา เพ่อื ท่ีจะนาไปสู่
เป้าหมายปลายทาง คอื "สถานศึกษาท่เี ปน็ เลิศ" เช่ือได้ว่าจะเกิดผลสมั ฤทธิ์ คือ ผู้เรียนคุณภาพ ครูคณุ ภาพและเป็น
สถานศึกษาท่ีมีคุณภาพ ตามความมุ่งหวังที่นาสู่การปฏิบัติได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ ด้านคุณลักษณะท่ีพึง
ประสงค์ ด้านสมรรถนะหลัก ด้านสมรรถนะทั่วไป และด้านสมรรถนะวิชาชีพ รวมทัง้ ค่านิยมอาชีวศึกษา ได้แก่
คุณธรรม คุณภาพ ความร่วมมือ และความเป็นมืออาชพี เป็นการเรียนรู้ เพื่อนาความรู้ ทักษะ ประสบการณ์
ไปใชใ้ นการประกอบอาชพี ในชีวติ ประจาวัน เปน็ แกนหลักในการสร้างและพัฒนาทรพั ยากรมนุษยใ์ นกลุ่มบุคลากร
ที่ใชท้ ักษะ (Skilled Workforce) โดยการ Up Skills, Re Skills สู่ Future Skills แบบรบั รองการมีงานทา เพื่อ
ขับเคลือ่ นการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมในทกุ ภาคสว่ น (อตุ สาหกรรม เกษตร และบรกิ าร) และเป็นกาลงั สาคัญ
ของการพัฒนาทรัพยากรระดับฝีมือแรงงานในอนาคตของชาติ เพื่อให้สามารถรับรองกับแนวทางการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติสาหรับ 5 - 10 ปี ข้างหน้า ในการผลิตบุคลากรให้
ทนั ความต้องการ มีมาตรฐาน มีคุณภาพ สอดคล้องและเป็นที่ยอมรับของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม เกษตร และ
บริการ โดยสร้างความเข้มแข็งในการผลิตบุคลากรอาชีวศึกษาให้สามารถออกไปปฏิบัติงานได้จริง ตรงกับความ
ตอ้ งการของสถานประกอบการและต้องจัดให้มีระบบความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการอย่าง
เป็นรูปธรรมต่อเนื่อง ให้เป็นที่เช่ือถือยอมรับของท้ังสองฝ่ายและต้องพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้อง
กับแนวนโยบายข้างต้นด้วย และวางแนวทางให้ ผู้เรียนต้องได้งานทาทุกคน โดยการขยายความร่วมมือกับ
ภาคเอกชนในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมมือกับภาคเอกชน สมาคมวิชาชีพ สภาอุตสาหกรรม
หอการค้า ภาคอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ เพ่ือให้มีมาตรฐานด้านคุณภาพและมาตรฐานด้านรายได้ของ
ผเู้ รียน โดยสถานศึกษาดาเนนิ การ
1) เพิม่ เติมสมรรถนะท่ีจาเป็นให้กับครผู สู้ อน มกี าร Up Skills, Re Skills เสริมวชิ าชพี ตนเองใน
หัวข้อท่ีมีความทันสมัยและจาเป็นต่อการนาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรวิชาชีพให้กับนักเรียน
นกั ศึกษา
2) ส่งครูเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ในสถานประกอบการตามสาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้องเพื่อให้ครูได้
เรียนรู้เทคโนโลยีฝึกทักษะจากประสบการณ์จริงในสถานประกอบการ และนาองค์ความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในการ
จดั การเรยี นการสอน การพัฒนาผู้เรียนใหม้ คี ุณภาพตอ่ ไป
3) พฒั นาครูใหม้ ีความสามารถในการผลติ ส่อื ดิจิทัล (Digital Content) และจัดการเรียนการสอน
ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลเพ่ือการเรียนรู้ (Digital Learning Platform) อย่างมีคุณภาพ ตรงตามระดับที่สาเร็จ
การศกึ ษา
4) จัดสรรครุภัณฑ์และเครื่องมือ อุปกรณ์ ทรัพยากรทางการศึกษา รวมทั้งโครงสร้างพ้ืนฐาน ให้
เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ มีครุภัณฑ์และเครื่องมืออุปกรณ์ท่ีเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอน
จดั หาแพลตฟอรม์ ดิจทิ ลั เพอื่ การเรยี นรู้ (Digital Learning Platform) ในสาขาวิชาทม่ี คี วามเปน็ เลศิ อยา่ งมีคุณภาพ
37
5) มีความร่วมมือกับเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาในประเทศ หรือ สถาบันการศึกษาอาชีวศึกษา
ในตา่ งประเทศ เพ่ือการแลกเปลีย่ นเรยี นรทู้ างวชิ าการและวิชาชพี ของครูและผเู้ รยี น
๖) มีการพัฒนาหลกั สตู รใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานอาชีพรว่ มกับสถานประกอบการอย่างต่อเน่อื ง
สามารถเชือ่ มโยงสมรรถนะอาชพี ในการทางานสรู่ ะบบคุณวุฒิทางการศกึ ษา และพฒั นานวตั กรรมการจดั การเรียนรู้
ที่หลากหลาย ในสาขาวชิ าท่ีมคี วามเปน็ เลศิ
รูปแบบการพัฒนาทกั ษะอาชพี Up-Skills, Re-Skills สู่ Future Skills แบบรบั รองการมีงานทา
สมรรถนะอาชพี ตามความตอ้ งการ หลกั สูตรฝกึ อบรม ผู้สาเร็จการฝึกอบรม
ของสถานประกอบการ กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ อาชพี มสี มรรถนะ
อาชพี ทักษะการเปน็
-มาตรฐานคณุ วุฒวิ ิชาชพี การออกแบบ ผู้ประกอบการ
-มาตรฐานฝมี ือแรงงาน ฝกึ อบรม
-มาตรฐาน ประเมนิ ผล และทกั ษะ
Digital Marketing
-ทักษะเปน็ ผปู้ ระกอบการ ประเมนิ มาตรฐานอาชพี
ฝมี ือแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวชิ าชพี แหล่งเงนิ ทนุ
-Digital Marketing
-ทักษะ Future Skill
.
2. แนวทางการขับเคลื่อนสคู่ วามสาเรจ็ ในสถานศกึ ษาขนาดเลก็ สถานศึกษาขนาดกลาง สถานศึกษาขนาด
ใหญ่ การพัฒนาทักษะอาชพี Up Skills, Re Skills สู่ Future Skills แบบรบั รองการมงี านทา
วิสัยทศั น์(vision)
“มุ่งสรา้ งกาลังคนให้มที ักษะอาชีพ Up Skills, Re Skills สู่ Future Skills แบบรับรองการมีงานทา มี
สมรรถนะอาชีพแห่งอนาคต ทม่ี ีมาตรฐานวชิ าชพี อย่างมคี ุณธรรม นาสปู่ ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น”
เปา้ ประสงค(์ Goal)
1. ผเู้ รียนมีความเชยี่ วชาญทกั ษะวชิ าชพี สมรรถนะอาชีพแหง่ อนาคต มีการ Up Skills, Re Skills
พร้อมเขา้ สตู่ ลาดแรงงานท้งั ในประเทศและประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น
2. ผเู้ รียนมมี าตรฐานอาชีพ มาตรฐานวิชาชพี มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม
3. ผสู้ าเรจ็ การศึกษามคี ณุ ภาพและมีประโยชนท์ ยี่ อมรบั ของชุมชนและสังคม
4. ระบบการบรหิ ารจดั การท่มี คี วามคล่องตัวและมปี ระสิทธิภาพ
5. การบรกิ ารและฝกึ อบรมวชิ าชพี สรา้ งโอกาสและพฒั นาสู่การแข่งขันระดับประเทศ
กลยุทธ์
1. เรง่ พัฒนาการสอนหลกั สตู รวชิ าชพี ระยะสั้น การ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills เพอื่
ตอบสนอง สภาพสังคมปจั จบุ ัน
2. พัฒนาหลักสตู รวิชาชพี ระยะสน้ั Up Skills Re Skills ท่ีตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการตลาดแรงงาน
ในพ้นื ที่
38
3. การพฒั นาอาชพี มุ่งสพู่ าณิชยอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์และธุรกจิ ดจิ ิทลั
4. ฝึกอบรมวิชาชพี ระยะสัน้ และ Up Skills Re Skills ให้ประชาชนท่หี า่ งไกลและดอ้ ยโอกาส
5. เพิม่ ปรมิ าณผู้เรยี นหลักสตู รวชิ าชพี ระยะส้นั ฐานสมรรถนะ Up Skills Re Skills ทต่ี อบสนอง
ความตอ้ งการ ของผู้เรยี น
6. จดั การเรียนการสอนหลกั สตู รวชิ าชพี ระยะสนั้ Up Skills Re Skills และการศกึ ษานอกระบบ
ที่ตอบสนอง ความตอ้ งการของผสู้ าเรจ็ การศึกษา ผู้วา่ งงาน และผูพ้ ิการ
7. เพ่มิ จานวนศนู ย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และสถาบันอบรมคุณวุฒวิ ิชาชพี รองรับการ
ทดสอบมาตรฐานอาชพี
เปา้ ประสงค์
1. ผเู้ รยี นและผสู้ าเรจ็ การศึกษามีความรแู้ ละทกั ษะในหลักสูตรระยะส้นั Up Skills Re skills
เพื่อสามารถนาไปประกอบอาชีพได้
2. ผเู้ รยี นและผู้สาเร็จการศกึ ษามีความร้แู ละทกั ษะทีต่ อบสนองตลาดแรงงานในชมุ ชน
3. สถานศึกษามกี ารสอนหลกั สตู รวชิ าชพี ระยะสนั้ Up Skills Re skills ให้ประชาชนท่ัวไป และ
ผู้ด้อยโอกาสให้ครอบคลมุ ทุกพน้ื ที่
4. สถานศึกษามีการลงนามความรว่ มมอื (MOU) เพิม่ มากข้นึ
5. เพมิ่ ทักษะหลักสตู รวชิ าชพี ระยะสน้ั Up Skills Re skills ท่ีหลากหลายให้กบั ผู้สาเร็จการศกึ ษา/
ประชาชนทัว่ ไป ผพู้ กิ าร และผู้ว่างงานใหน้ าความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพได้
6. สถานศึกษามศี นู ย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ศูนย์เทยี บโอนหนว่ ยกติ และศูนย์ฝกึ อบรม
คุณวุฒิวชิ าชพี ท่ีไดม้ าตรฐาน ยกระดับวิชาชพี และพฒั นาผเู้ รยี น ผ้อู บรม และครใู ห้เปน็ ผ้ทู ดสอบมาตรฐานฝีมอื
แรงงาน
พนั ธมิตร/ความร่วมมอื หลกั ที่เข้มแขง็ (Key Partners)
1. สถานศึกษาจัดทาบันทึกลงนามความร่วมมือ (MOU) ในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ร่วมกับสถานประกอบการ บุคคล ชุมชน องค์กรต่างๆ มีส่วนร่วมกับสถานศึกษาในการจัดการเรียนการสอน
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี รับนักเรียน นักศึกษาเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และร่วมดาเนินการพัฒนาแผนการฝึก
อาชพี ในสถานประกอบการ
2. หน่วยงานภายใต้การกากับของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ศึกษาธิการจังหวัด , สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน, สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย, สานักงาน
อาชีวศึกษาจังหวัด, และศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษ เปน็ ต้น
3. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ มหาวิทยาลัยในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย
และนวัตกรรม กรมการปกครอง, องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น, กระทรวงกระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สานักงานพุทธศาสนา กระทรวง
สาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม และเรือนจากลางจังหวัด หนว่ ยงานในสงั กัดกระทรวงยตุ ิธรรม เปน็ ต้น
ทรัพยากรหลกั (Key Resources)
ทรัพยากรทส่ี าคญั ท่สี ดุ ทสี่ ามารถตอบสนองต่อความพึงพอใจของนักเรียน นักศกึ ษา และผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรม คือ
1. ทรพั ยากรบุคคล มีบทบาทสาคัญอย่างยง่ิ กับสถานศึกษาซึ่งประกอบดว้ ย
1.1. ผเู้ รียน เชน่ ประชาชนทวั่ ไป นักเรียนในโรงเรยี นมัธยมศึกษา สงั กดั สพฐ.
1.2. ผูส้ อน เชน่ ครูประจา และ วทิ ยากรภายนอก เป็นต้น
39
1.3. ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
1.4. บคุ ลากร เจ้าหน้าทฝี่ ่ายสนบั สนุน ในสถานศกึ ษา
2. งบประมาณ เชน่ งบประมาณจากรฐั เงินรายได้สถานศกึ ษา และงบประมาณจากแหลง่ อน่ื
3. หลกั สตู รฐานสมรรถนะ เชน่ หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) หลกั สตู รประกาศนยี บัตร
วชิ าชพี ชั้นสงู (ปวส.) และหลักสตู รวิชาชพี ระยะสน้ั (Up skill Re skill และ Future skills)
4. อาคารสถานที่ ห้องเรยี น หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร แหล่งเรยี นรู้ท้ังภายใน และภายนอกสถานศกึ ษา
5. วัสดุ ครุภณั ฑ์ ในการจัดการเรียนการสอน รวมถงึ การใชท้ รพั ยากรในหนว่ ยงานท่รี ่วมกัน ใน
จดั การเรียนรว่ มเชน่ การจดั เรียนรปู แบบทวิภาคี โรงเรยี นในโรงงาน หรอื ในฟารม์
6.ระบบสนับสนุนการทางาน เชน่ ระบบฐานขอ้ มลู ของสถานศกึ ษา เว็บไซต์ของสถานศกึ ษา Social
Media ต่างๆ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ
กลไกการขบั เคลือ่ น (Key Drivers)
การสือ่ สารการสรา้ งแรงจงู ใจ
1. มีระบบการบรหิ ารจดั การระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพ่อื การบรหิ ารจดั การสถานศึกษา มี
ระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ตความเรว็ สงู สาหรับบริหารจดั การ ภายในสถานศึกษาครบทกุ ฝา่ ยท่มี ีประสิทธภิ าพ
2. ความเช่อื มนั่ ในวิชาชพี ทีเ่ ลอื กเรยี น ความมน่ั คงในวชิ าชพี
การสร้างพลงั ร่วม
1. รว่ มมอื กบั เครอื ขา่ ยจัดการศกึ ษา เชน่ การจัดเรียนรูปแบบทวิภาคี โรงเรียนในโรงงาน หรือในฟารม์
2. รว่ มมือจดั การเรียนหลักสูตรวชิ าชพี ระยะส้ัน โครงการหอ้ งเรยี นอาชีพ
การประชาสมั พันธค์ ุณคา่ โครงการ
ประชาสัมพนั ธ์ การจดั การเรียนการสอน วิชาชพี ระยะส้ัน Up skills , Reskills สู่ Future skills
แบบรบั รองการมีงานทาในสถานศึกษาสังกดั อาชวี ศึกษาทวั่ ประเทศทางชอ่ งทางสงั คมออนไลนเ์ พอื่ ใหป้ ระชาชน
สามารถ เขา้ ถงึ แหล่งข้อมลู ทางระบบสารสนเทศ
เสรมิ สรา้ งขีดความสามารถ
1.Up Skills Re Skills พัฒนาขีดความรู้ ความสามารถครูและบุคลากรให้มีทกั ษะ ความรู้และการ
อบรมหลกั สูตรใหม่และ ทันสมัย
2.เชิญเครอื ข่ายวทิ ยากรจากภายนอก รว่ มจดั การเรียนการสอนหลักสตู รทนั สมัยไปสู่ Future Skills
3.สถานประกอบการเข้ามามีส่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษา และฝึกอบรม Up Skills Re Skills
อาชีพใหมๆ่
สรา้ งความเป็นสากล
1.ร่วมมือในการพัฒนาหลกั สูตรเชื่อมโยงกับสถาบนั อุดมศกึ ษา และนกั วชิ าการผเู้ ชีย่ วชาญ
2.จัดการเรยี นทวภิ าคีในต่างประเทศ เรยี นทีป่ ระเทศไทย 1 ปี เรยี นทตี่ า่ งประเทศ 1 ปี ระดบั
ปวส. เปน็ ตน้
3.จัดการเรียนให้ผเู้ รียนไดก้ ารรบั รองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานวชิ าชพี อาชีวศกึ ษา มาตรฐานจาก
สถาบนั คณุ วุฒวิ ิชาชพี สถาบันพัฒนาฝมี ือแรงงาน หรอื สถาบันทกี่ ารรบั รองมาตรฐานคุณวฒุ วิ ชิ าชีพอืน่
มงุ่ คณุ คา่ ของผู้เรียน
ผสู้ าเร็จการศกึ ษา ไดใ้ บรบั รองผ่านมาตรฐานวชิ าชพี จากองคก์ รมาตรฐานไม่นอ้ ยกวา่ 2 มาตรฐาน
คือ มาตรฐานวิชาชีพอาชีวศึกษา มาตรฐานจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชพี สถาบันพฒั นาฝมี อื แรงงาน หรือ สถาบนั ท่ี
การรบั รองมาตรฐานคุณวฒุ วิ ิชาชีพอน่ื สามารถใชป้ ระกอบอาชีพได้
40
กจิ กรรมดาเนนิ งานหลัก (Key Activities) นวตั กรรมการบรหิ าร
1. มกี ารดาเนนิ การตามแผนพฒั นาสถานศึกษา และแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี
2. นิเทศติดตามในรูปแบบ On Site และ On line การประเมินผลตามสภาพจรงิ อยา่ งต่อเนอ่ื ง
การกากับดูแล (System Oversight)
1. มีแนวปฏิบัติทช่ี ดั เจนและทุกฝ่ายมีส่วนรว่ มในการประเมินความเสย่ี ง
2. กาหนดเกณฑก์ ารกากบั ดแู ลท่ีชัดเจน
3. กาหนดแนวทางการพฒั นาทักษะวิชาชพี Up Skills Re Skills สู่ Future Skill ทกุ ฝ่ายมสี ว่ นร่วม
4. มแี ผนปฏิบตั ิการประจาปี จัดสรรงบประมาณท่เี หมาะสมในการดาเนนิ งาน
5. กาหนดเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรวชิ าชพี Up Skills Re Skills และ Future Skill
6. มีแนวทางทหี่ ลากหลายในการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี Up Skills Re Skills และ Future Skill
ผลลพั ธ์ (Key Results)
1. ผสู้ าเร็จการศกึ ษามีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นผา่ นเกณฑม์ าตรฐานตามทก่ี ระทรวงศึกษาธิการกาหนด
2. ผ้สู าเร็จการศึกษา มีสมรรถนะวิชาชพี ได้มาตรฐานคณุ วฒุ ิอาชวี ศกึ ษา มาตรฐานจากสถาบันพฒั นา
ฝีมือแรงงาน มาตรฐานจากสถาบันคณุ วุฒวิ ิชาชพี หรอื สถาบนั ที่การรับรองมาตรฐานคณุ วฒุ วิ ิชาชพี อ่นื
3. ผสู้ าเรจ็ การศกึ ษามงี านทา หรอื สามารถประกอบอาชีพอสิ ระได้
ผลสัมฤทธแ์ิ ละคณุ ค่าท่เี พิม่ ขึ้น (Value Propositions)
1. ได้หลักสตู ร Up Skills Re Skills และ Future Skills ใหมๆ่ (พรีเมยี่ ม) เปน็ ทต่ี อ้ งการของ
ผู้เรียน และประชาชนทว่ั ไป
2. นกั เรียน นักศกึ ษา และผูฝ้ ึกอบรม มอี งค์ความรจู้ ากการ Up Skills Re Skills สู่ Future Skills
นาไปประกอบอาชีพได้
3. นักเรียน นักศกึ ษา และผฝู้ ึกอบรม มีศกั ยภาพ และคุณภาพ ในอาชพี ของตนเอง
การบรหิ ารจดั การขบั เคลื่อนใหส้ ถานศึกษาขนาดเลก็ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในปจั จบุ นั ปริมาณผเู้ รียน
เริ่มลดน้อยลงตามอัตราการเกิดที่ลดลงของประชากรในประเทศ จนส่งผลกระทบต่ออัตรากาลังครู เน่ืองจากการ
จัดสรรอัตรากาลังครจู ะต้องเป็นไปตามการจัดสรรอัตรากาลงั ตามยอดปริมาณผูเ้ รียนซ่ึงเปน็ ขอ้ กาหนดในหลักเกณฑ์
ของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ดังนั้นเมื่อมีจานวนผู้เรียนเร่ิมลดน้อยลง
งบประมาณอุดหนุนรายหัวก็จะได้รับการจัดสรรลดน้อยลงตามไปด้วยเพราะการเรียนอาชีวศึกษาไม่ได้เหมือนกับ
การเรียนข้ันพื้นฐานท่ีครูหนึ่งคนสามารถสอนได้ทุกวิชาเน่ืองจากการเรียนสายอาชีพจาเป็นจะต้องมีครูให้ครบตาม
สาขาวิชาชีพการแก้ปัญหาสถานศึกษา ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาควรดาเนินการเรื่องการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ
คน้ หาอตั ลักษณ์ความโดดเดน่ ของสถานศึกษาตนเองเพอื่ สร้างความเชอื่ มั่นใหแ้ ก่ผูป้ กครองและนกั เรียนนักศึกษา ใน
การเพิ่มปริมาณผู้เรียน โดยจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรท่ีทันสมัยสนองตอบต่อความต้องการของผู้เรียนและ
สถานประกอบการ นาหลักสูตรวิชาชพี ระยะสัน้ Up Skills Re Skills นาไปสู่ชมุ ชน และโครงการห้องเรียนอาชีพ
เพื่อเพิ่มปริมาณผู้เรียนและสถานศึกษาต้องทาให้สถานศึกษามีคุณภาพน่าเชื่อถือว่าเม่ือสาเร็จการศึกษาหรือ
ฝึกอบรมเสร็จแล้วมีงานทาอย่างแน่นอน ผู้เรียนก็จะเพ่ิมขึ้นมีงบประมาณมาบริหารจัดการขับเคลื่อนสถานศึกษา
ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเร่งค้นหาจุดเด่นของสถานศึกษาตนเองออกมาให้ได้โดยใช้วิธีการของ SABER
และ Business Model Canvas