หนังสือเรยี น รายวิชาเลือก
สาระการพฒั นาสงั คม
รายวชิ า รทู้ ันข่าวและ Fake News
รหัสรายวิชา สค0200036
จำ� นวน 2 หนว่ ยกิต
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ระดบั ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
เรียบเรียงโดย
พนิดา ทิพย์โสติกลุ
หนังสือเรียน รายวิชาเลอื กเสรี
สาระการพฒั นาสงั คม
รายวชิ า รู้ทันข่าวและ Fake News
รหสั รายวชิ า สค0200036
จำ� นวน 2 หนว่ ยกิต
ระดับ ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
ลขิ สทิ ธิ์เปน็ ของ บริษทั อนั ลิมิต พริน้ ติง้ จ�ำกัด
พมิ พ์คร้งั ที่ 1 จำ� นวน 3,000 เล่ม ปีทพ่ี มิ พ์ พ.ศ. 2565
สงวนลขิ สทิ ธิ์ตามพระราชบญั ญตั ิ
จัดจ�ำหนา่ ยโดย
บรษิ ัท อนั ลิมิต พริ้นติ้ง จำ� กดั
เลขท่ี 1 หอ้ งเลขท่ี 2701-3, 2712-14 อาคารเอม็ ไพร์ ทาวเวอร์ ชนั้ ท่ี 27 ถนนสาทรใต้
แขวงยานนาวา เขตสาธร จงั หวัดกรุงเทพมหานคร 10120
โทร.084-3016178
E-mail : [email protected]
ก
คำนำ
หนังสือเรียนรายวิชา สค0200036 รู้ทนั ข่าวและ Fake News เป็ นหนังสือเรียนที่ให้ความรู้เก่ียวกบั
ข่าวและข่าวปลอม (Fake News) ท่ีเกิดข้ึนในโลกออนไลน์ในปัจจุบัน จะช่วยให้มีทักษะรู้เท่าทันข่าว
สามารถรับมือกับข่าวปลอมที่เกิดข้ึน และตระหนักถึงบทลงโทษจากการนาเข้าข้อมูลอันเป็ นเท็จ
ในโลกสังคมออนไลน์
ผูจ้ ัดทาหวงั เป็ นอย่างยิ่งว่า หนังสือเรียนน้ีจะทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้ ความคิด และมีความเขา้ ใจ
ท่ีถูกตอ้ งในการใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ในปัจจุบนั ได้อย่างดี เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และนาไปประยุกตใ์ ช้
กบั ชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
บริษทั อนั ลิมิต พริ้นติง้ จากดั
สารบญั ข
คำนำ ก
สำรบญั ข
คำอธิบำยรำยวิชำรู้ทนั ขำ่ วและ Fake News ค
รำยละเอียดคำอธิบำยรำยวชิ ำรู้ทนั ข่ำวและ Fake News ง
คำแนะนำกำรใชห้ นงั สือเรียนรำยวชิ ำรู้ทนั ข่ำวและ Fake News จ
โครงสร้ำงรำยวิชำรู้ทนั ขำ่ วและ Fake News ฉ
แบบทดสอบก่อนเรียนรำยวชิ ำรู้ทนั ขำ่ วและ Fake News ช
บทท่ี 1 ข่าวและข่าวปลอม (Fake News) 1
เรื่องท่ี 1 ควำมรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั ข่ำว 1
1.1 ควำมหมำย ควำมสำคญั ของขำ่ ว 1
1.2 คุณลกั ษณะของขำ่ ว 1
1.3 องคป์ ระกอบของขำ่ ว 2
1.4 ประเภทของขำ่ ว 3
เร่ืองที่ 2 ข่ำวปลอม (Fake News) 4
2.1 ควำมหมำยของขำ่ วปลอม (Fake News) 4
2.2 ลกั ษณะของขำ่ วปลอม (Fake News) 4
2.3 ประเภทของข่ำวปลอม (Fake News) 5
เร่ืองท่ี 3 กระบวนกำรเกิดข่ำวปลอม (Fake News) 8
เรื่องท่ี 4 ควำมแตกตำ่ งระหว่ำงขำ่ วจริงกบั ขำ่ วปลอม (Fake News) 9
4.1 ลกั ษณะข่ำวจริงและขำ่ วปลอม (Fake News) 9
4.2 วธิ ีสงั เกตข่ำวจริงและขำ่ วปลอม (Fake News) ในโลกออนไลน์ 10
เร่ืองท่ี 5 ผลกระทบของข่ำวปลอม (Fake News) 12
เรื่องท่ี 6 กำรตรวจสอบก่อนกำรแชร์ 13
กิจกรรมทำ้ ยบทท่ี 1 15
บทท่ี 2 การรู้เท่าทันข่าว 19
เรื่องท่ี 1 กำรรู้เทำ่ ทนั ข่ำวปลอม (Fake News) 19
1.1 ควำมหมำยของกำรรู้เท่ำทนั ข่ำว 19
1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องกำรสร้ำงขำ่ วปลอม (Fake News) 19
1.3 สำเหตขุ องกำรเช่ือขำ่ วปลอม (Fake News) 20
1.4 กำรสร้ำงทกั ษะรู้เทำ่ ทนั ข่ำว 22
เร่ืองท่ี 2 กำรรับมือกบั ขำ่ วปลอม (Fake News) 23
2.1 ลกั ษณะและรูปแบบเน้ือหำของขำ่ วปลอม (Fake News) 23
2.2 กำรจดั กำรข่ำวปลอม (Fake News) 25
กิจกรรมทำ้ ยบทที่ 2 27
บทที่ 3 บทลงโทษการนาเข้าข้อมูลอนั เป็ นเทจ็ ในโลกสังคมออนไลน์ 32
เร่ืองท่ี 1 บทลงโทษกำรนำเขำ้ ขอ้ มูลอนั เป็นเทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์
1.1 กำรนำเขำ้ ขอ้ มลู บิดเบือนหลอกลวง 32
1.2 กำรนำเขำ้ ขอ้ มูลอนั เป็นควำมผิดเก่ียวกบั ควำมมนั่ คงหรือกำรก่อกำรร้ำย 32
1.3 กำรนำเขำ้ ภำพตดั ตอ่ 33
1.4 กำรใหค้ วำมร่วมมือ ยนิ ยอม รู้เห็นเป็นใจในกำรนำเขำ้ ขอ้ มลู อนั เป็นเท็จ 34
1.5 กำรทำลำยขอ้ มูลเทจ็ 35
เรื่องท่ี 2 กรณีศึกษำตวั อยำ่ ง : กำรรู้เท่ำทนั ขำ่ วปลอม (Fake News) 35
กิจกรรมทำ้ ยบทท่ี 3 36
42
แบบทดสอบหลงั เรียนรำยวิชำรู้ทนั ขำ่ วและ Fake News
46
เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน
48
เฉลยกิจกรรมทำ้ ยบท
49
บรรณำนุกรม
55
ท่ีมำของรูปภำพ
59
ค
คำอธิบำยรำยวชิ ำ
สค0200036 รู้ทันข่ำวและ Fake News
จำนวน 2 หน่วยกติ
ระดบั ประถมศึกษำ มัธยมศึกษำตอนต้น และมธั ยมศึกษำตอนปลำย
มำตรฐำนที่ 5.4 มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความสาคญั ของหลักการพฒั นา และสามารถพฒั นาตนเอง
ครอบครัว ชุมชน/สงั คม
ศึกษำและฝึ กทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองดังต่อไปนี้
1. ข่ำวและข่ำวปลอม (Fake News) ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับข่าว ข่าวปลอม (Fake News)
กระบวนการเกิดข่าวปลอม (Fake News) ความแตกต่างระหว่างข่าวจริงกับข่าวปลอม (Fake News)
ผลกระทบของข่าวปลอม (Fake News) และการตรวจสอบก่อนการแชร์
2. กำรรู้เท่ำทันข่ำว การรู้เท่าทนั ข่าวปลอม (Fake News) และการรับมือกบั ข่าวปลอม (Fake News)
3. บทลงโทษกำรนำเข้ำข้อมูลอนั เป็ นเท็จในโลกสังคมออนไลน์ บทลงโทษการนาเขา้ ขอ้ มูลอนั เป็นเท็จ
ในโลกสงั คมออนไลน์ และกรณีศึกษาตวั อยา่ ง : การรู้เท่าทนั ขา่ วปลอม (Fake News)
กำรจดั ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
บรรยายสรุป กาหนดประเด็นศึกษาคน้ ควา้ ร่วมกนั ศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง พบกลุ่ม อภิปรายผล
การศึกษาคน้ ควา้ สรุปผลการเรียนรู้ท่ีไดร้ ่วมกนั ฝึกปฏิบตั ิวิเคราะหก์ รณีศึกษา จดั ทารายงานผลการวิเคราะห์
กรณีศึกษาส่งครูผสู้ อน นาเสนอผลการวิเคราะห์กรณีศึกษา และบนั ทึกผลการเรียนรู้ที่ไดล้ งในเอกสารการ
เรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.)
กำรวัดและประเมนิ ผล
ประเมินความกา้ วหนา้ ขณะจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ดว้ ยวิธีการสังเกต ซักถาม การตอบคาถาม
การตรวจรายงานผลการวิเคราะห์กรณีศึกษา และตรวจเอกสารการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) และประเมินผล
รวมหลงั จดั ประสบการณ์การเรียนรู้เสร็จสิ้นดว้ ยวธิ ีการใหต้ อบแบบทดสอบวดั ความรู้
ง
รายละเอยี ดคาอธิบายรายวชิ า
สค0200036 รู้ทนั ข่าวและ Fake News
จานวน 2 หน่วยกติ
ระดบั ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนต้น และมธั ยมศึกษาตอนปลาย
มาตรฐานที่ 5.4 มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความสาคัญของหลกั การพฒั นา และสามารถพฒั นาตนเอง
ครอบครัว ชุมชน/สงั คม
ที่ หัวเร่ือง ตวั ชี้วัด เนื้อหา จานวน
(ช่ัวโมง)
1. ขา่ วและข่าวปลอม 1. บอกความหมาย 1. ความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั ขา่ ว
(Fake News) 30
ความสาคญั คุณลกั ษณะ 1.1 ความหมาย ความสาคญั ของ
องคป์ ระกอบ และประเภท ข่าว
ของขา่ วได้ 1.2 คณุ ลกั ษณะของขา่ ว
2. ตระหนกั ถึงความสาคญั 1.3 องคป์ ระกอบของข่าว
ของขา่ ว 1.4 ประเภทของขา่ ว
3. บอกความหมาย ลกั ษณะ 2. ขา่ วปลอม (Fake News)
และประเภทของ ข่าว 2.1 ความหมายของขา่ วปลอม
ปลอม (Fake News) ได้ (Fake News)
2.2 ลกั ษณะของขา่ วปลอม (Fake
News)
2.3 ประเภทของขา่ วปลอม (Fake
News)
4. อธิบายกระบวนการเกิด 3. กระบวนการเกิดขา่ วปลอม
ข่าวปลอม (Fake News) (Fake News)
ในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้
ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วัด เนื้อหา จานวน
2. การรู้เทา่ ทนั ข่าว (ชั่วโมง)
5. สามารถเปรียบเทียบ 4. ความแตกต่างระหวา่ งขา่ วจริง
20
ความแตกต่างระหวา่ งข่าว กบั ข่าวปลอม (Fake News)
จริงกบั ขา่ วปลอม (Fake 4.1 ลกั ษณะขา่ วจริงและข่าว
News) ได้ ปลอม (Fake News)
4.2 วธิ ีสงั เกตขา่ วจริงและข่าว
ปลอม (Fake News) ในโลก
ออนไลน์
6. บอกผลกระทบของข่าว 5. ผลกระทบของข่าวปลอม (Fake
ปลอม (Fake News) News)
7. ตระหนกั ถึงผลกระทบท่ี
เกิดข้นึ จากขา่ วปลอม
(Fake News) ที่เกิดข้ึนใน
ปัจจุบนั
8. สามารถวิเคราะหข์ า่ วท่ี 6. การตรวจสอบก่อนการแชร์
เกิดข้ึนไดว้ า่ เป็นข่าวจริง
หรือข่าวปลอม (Fake
News)
1. บอกความหมายของการ 1. การรู้เทา่ ทนั ขา่ วปลอม (Fake
รู้เท่าทนั ขา่ วได้ News)
2. วเิ คราะห์วตั ถุประสงค์ 1.1 ความหมายของการรู้เท่าทนั
การสร้างข่าวปลอม (Fake ข่าว
News) ได้ 1.2 วตั ถุประสงคข์ องการสร้าง
3. วิเคราะหส์ าเหตุของการ ขา่ วปลอม (Fake News)
เชื่อขา่ วปลอม (Fake 1.3 สาเหตุของการเช่ือข่าวปลอม
News) รูปแบบตา่ ง ๆ ที่ (Fake News)
ที่ หวั เรื่อง ตัวชี้วดั เนื้อหา จานวน
(ช่ัวโมง)
เกิดข้นึ ในปัจจุบนั และคิด 1.4 การสร้างทกั ษะรู้เท่าทนั ข่าว
สร้างสรรคแ์ นวทางการ
ป้องกนั ตนเองให้รู้เท่าทนั
ขา่ วปลอม (Fake News) ได้
4. อธิบายลกั ษณะและ 2. การรับมือกบั ขา่ วปลอม (Fake
รูปแบบของเน้ือหาข่าว News)
ปลอม (Fake News) ได้ 2.1 ลกั ษณะและรูปแบบเน้ือหา
5. สามารถจดั การรับมือกบั ของขา่ วปลอม (Fake News)
ขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 2.2 การจดั การขา่ วปลอม (Fake
News)
3. บทลงโทษการ 1. อธิบายบทลงโทษท่ี 1. บทลงโทษการนาเขา้ ขอ้ มูลอนั 30
นาเขา้ ขอ้ มลู อนั เป็น เกิดข้ึนจากการนาเขา้ ขอ้ มูล เป็นเทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์
เทจ็ ในโลกสังคม อนั เป็นเทจ็ ในสังคม 1.1 การนาเขา้ ขอ้ มูลบิดเบือน
ออนไลน์ ออนไลนใ์ นแตล่ ะกรณีได้ หลอกลวง
1.2 การนาเขา้ ขอ้ มูลอนั เป็น
ความผดิ เก่ียวกบั ความมน่ั คงหรือ
การก่อการร้าย
1.3 การนาเขา้ ภาพตดั ตอ่
1.4 การใหค้ วามร่วมมือ ยนิ ยอม
รู้เห็นเป็นใจในการนาเขา้ ขอ้ มลู อนั
เป็ นเทจ็
1.5 การทาลายขอ้ มลู เทจ็
ท่ี หวั เร่ือง ตัวชี้วดั เนื้อหา จานวน
(ชั่วโมง)
2. วิเคราะหก์ รณีศึกษา : 2. กรณีศึกษาตวั อยา่ ง : การรู้เทา่ ทนั
การรู้เท่าทนั ขา่ วปลอม ข่าวปลอม (Fake News)
(Fake News) ได้
3. เขา้ ใจการรับมือกบั ข่าว
ปลอม (Fake News) ท่ี
เกิดข้ึนและตระหนกั ถึง
ปัญหาท่ีเกิดข้ึนในสังคม
จากขา่ วปลอม (Fake
News) ที่เกิดข้ึนในปัจจุบนั
จ
คำแนะนำกำรใช้หนังสือเรียน
หนงั สือเรียนรายวิชา สค0200036 รู้ทนั ข่าวและ Fake News เป็นหนงั สือเรียนรายวิชาเลือกสาหรับ
ผเู้ รียนนอกระบบ มีคาแนะนาในการใชห้ นงั สือเรียน ดงั น้ี
1. ให้ผูเ้ รียนศึกษารายละเอียดคาอธิบายรายวิชา ทาความเขา้ ใจในสาระสาคญั และผลการเรียนรู้
ท่ีคาดหวงั ของรายวิชา
2. ใหผ้ เู้ รียนศึกษารายละเอียดเน้ือหาในบทเรียนและทากิจกรรมทา้ ยบทใหค้ รบ
3. ใหผ้ เู้ รียนสรุปความรู้ ความเขา้ ใจของเน้ือหาในเรื่องน้นั ๆ อีกคร้ัง และตรวจสอบกบั ครูและเพ่ือน
ท่ีร่วมเรียนในวิชาเดียวกนั
4. หนงั สือเรียนรายวิชาน้ี มี 3 บท ดงั น้ี
บทท่ี 1 ข่าวและข่าวปลอม (Fake News)
บทท่ี 2 การรู้เท่าทนั ข่าว
บทท่ี 3 บทลงโทษการนาเขา้ ขอ้ มูลอนั เป็นเทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์
ฉ
โครงสร้างรายวชิ า
แบบเรียนรายวชิ า สค0200036 รู้ทันข่าวและ Fake News
สาระสาคัญ
ขา่ วและขา่ วปลอม (Fake News) การรู้เท่าทนั ขา่ ว และบทลงโทษการนาเขา้ ขอ้ มลู อนั เป็นเทจ็ ในโลก
สงั คมออนไลน์
ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั
1. บอกความหมาย ความสาคัญ คุณลักษณะ องค์ประกอบ และประเภทของข่าว ตระหนักถึง
ความสาคญั ของขา่ ว บอกความหมาย ลกั ษณะ และประเภทของ ขา่ วปลอม (Fake News) อธิบายกระบวนการ
เกิดข่าวปลอม (Fake News) ในรูปแบบต่าง ๆ สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข่าวจริงกับ
ข่าวปลอม (Fake News) บอกผลกระทบของข่าวปลอม (Fake News) สามารถวิเคราะห์ข่าวท่ีเกิดข้ึนได้ว่า
เป็นขา่ วจริงหรือข่าวปลอม (Fake News)
2. บอกความหมายของการรู้เท่าทนั ข่าว วิเคราะห์วตั ถุประสงคก์ ารสร้างข่าวปลอม (Fake News)
วิเคราะห์สาเหตุของการเช่ือข่าวปลอม (Fake News) รูปแบบต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบนั และคิดสร้างสรรค์
แนวทางการป้องกันตนเองให้รู้เท่าทนั ข่าวปลอม (Fake News) อธิบายลักษณะและรูปแบบของเน้ือหา
ข่าวปลอม (Fake News) สามารถจดั การรับมือกบั ข่าวปลอม (Fake News) ได้
3. อธิบายบทลงโทษที่เกิดข้ึนจากการนาเขา้ ขอ้ มูลอนั เป็ นเท็จในสังคมออนไลน์ในแต่ละกรณี
วิเคราะห์กรณีศึกษา : การรู้เท่าทันข่าวปลอม (Fake News) เข้าใจการรับมือกับข่าวปลอม (Fake News)
ที่เกิดข้ึนและตระหนกั ถึงปัญหาที่เกิดข้ึนในสังคมจากข่าวปลอม (Fake News) ท่ีเกิดข้นึ ในปัจจุบนั
ขอบข่ายเนื้อหา
บทที่ 1 ข่าวและขา่ วปลอม (Fake News)
บทท่ี 2 การรู้เท่าทนั ข่าว
บทที่ 3 บทลงโทษการนาเขา้ ขอ้ มลู อนั เป็นเทจ็ ในโลกสังคมออนไลน์
ช
แบบทดสอบก่อนเรียน
จงเลือกคำตอบทถ่ี ูกต้อง
1. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะของข่ำวปลอม (Fake News)
ก. เป็นข่าวที่มีพาดหวั สะดุดตา ขอ้ ความหวือหวา
ข. เป็นขา่ วที่ไม่มีแหลง่ ขา่ วอา้ งอิง
ค. เป็นขา่ วที่นาเสนอความจริงมุมมองเดียว
ง. เป็นข่าวท่ีมีวนั ที่ และลาดบั เหตกุ ารณ์สมเหตสุ มผล
2. ข่ำวปลอม (Fake News) ที่คนชอบแชร์ในเหตกุ ำรณ์กำรระบำดของโควดิ -19 คืออะไร
ก. อาหารตา้ นโควิด-19 ข. รายงานจานวนผตู้ ิดเช้ือ
ค. การบริจาคเงินและอปุ กรณ์ทางการแพทย์ ง. ดาราติดโควิด-19
3. ข้อใดเป็ นจดุ ประสงค์ของกำรรู้เท่ำทันข่ำว
ก. เพื่อรับขอ้ มูลขา่ วสารอยา่ งมีสติ
ข. เพ่ือป้องกนั ตนเองจากการโดนหลอกดว้ ยขอ้ มูลขา่ วสาร
ค. เพ่อื นาไปใชพ้ ฒั นาความรู้ของตนเองและชุมชนอยา่ งถูกตอ้ ง
ง. ถูกทุกขอ้
4. ข้อใดไม่ใช่ข้อสังเกตข่ำวปลอม (Fake News)
ก. ความน่าเชื่อถือของเวบ็ ไซต์
ข. สังเกตสีตวั อกั ษรที่ใช้
ค. แหล่งขา่ วอื่นที่มีข่าวตรงกนั
ง. สงั เกตวนั เวลาสถานที่และรูปภาพในขา่ ว
5. ข้อใดไม่ควรทำมำกทีส่ ุด เมื่อเจอข่ำวปลอม (Fake News)
ก. กดไลก์
ข. คอมเมนตค์ วามคิดเห็น
ค. แชร์ไปใหเ้ พือ่ นในกลุ่มไลน์
ง. ไมส่ นใจและกดขา้ มไป
6. ข้อใดเป็ นลกั ษณะพำดหัวยั่วให้คลกิ (Clickbait)
ก. ขา่ วด่วน วนั น้ีนายกรัฐมนตรีออกแถลงการณ์เร่ืองโควิด-19
ข. ถอดบทเรียน “จีน” ปราบเช้ือโควิด-19
ค. รู้แลว้ จะอ้ึง! กินเพยี ง 3 อยา่ งน้ีรอดพน้ โควดิ -19
ง. เกาะติด โควดิ -19
7. ข้อใดไม่ใช่แรงจูงใจในกำรสร้ำงข่ำวปลอม (Fake News)
ก. เพื่อสร้างความเขา้ ใจที่ถกู ตอ้ ง
ข. เพื่อสร้างรายไดจ้ ากคา่ โฆษณา
ค. เพ่อื สร้างความแตกแยก
ง. เพ่อื สร้างความอบั อายใหบ้ ุคคลอ่ืน
8. ปัจจุบนั มักเจอกบั ข่ำวปลอม (Fake News) จำกท่ใี ดมำกทส่ี ุด
ก. สื่อสังคมออนไลน์
ข. ข่าวในโทรทศั น์
ค. ฟังจากวิทยุ
ง. อ่านขา่ วหนงั สือพมิ พ์
9. หน่วยงำนใดมีส่วนเกยี่ วข้องโดยตรงกบั กำรจดั กำรข่ำวปลอม (Fake News)
ก. กระทรวงการคลงั
ข. กระทรวงแรงงาน
ค. กระทรวงสาธารณสุข
ง. กระทรวงดิจิทลั เพอ่ื เศรษฐกิจและสงั คม
10. กำรกระทำควำมผดิ ตำม พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ มำตรำ 14 มบี ทลงโทษอย่ำงไร
ก. โทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไมเ่ กิน 200,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ข. โทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ค. โทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไมเ่ กิน 100,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ง. โทษจาคกุ ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
รายวิชา รทู้ นั ขา่ วและ Fake News 1
สค0200036
บทท่ี
ขา่ วและขา่ วปลอม (Fake News)
บทที่ 1 ข่าวและข่าวปลอม (Fake News)
เรื่องที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกบั ข่าว
1.1 ความหมาย ความสาคญั ของข่าว
ข่าว คือ เหตุการณ์ ขอ้ เทจ็ จริง และขอ้ คิดเห็นท่ีไดร้ ับการรายงาน เป็นส่ิงที่คนทว่ั ไปใหค้ วามสนใจ
เป็ นการรายงานเหตุการณ์ ขอ้ เท็จจริง และขอ้ คิดเห็นต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน ซ่ึงมีความสาคญั และเป็ นที่น่าสนใจ
อนั มีผลกระทบต่อคนหมมู่ ากในชุมชนหรือสังคม
ข่าวมีความสาคญั อย่างมาก เพราะจะทาให้คนในสังคมได้รับรู้เรื่องราว เหตุการณ์ ข้อเท็จจริง
และขอ้ คิดเห็นที่ตรงกนั และทนั ทว่ งที
1.2 คณุ ลกั ษณะของข่าว
1. มีความถูกต้องและครบถ้วน (Accurate) เป็นขอ้ เทจ็ จริงที่พิสูจน์ได้ รวมถึงรายละเอียดของบุคคล
ท่ีรายงานในข่าว ไดแ้ ก่ ช่ือ นามสกุล ยศ ตาแหน่ง อายุ อาชีพ เพศ วนั เวลา สถานท่ี เป็นตน้ และตอ้ งรายงาน
ใหถ้ ูกหลกั ภาษา
2. มีความสมดุลและเป็ นธรรม (Balance and Fair) ผู้อ่านข่าวสามารถรับรู้แง่มุมของข่าว
อยา่ งครบถว้ น และใหค้ วามเป็นธรรมกบั ผทู้ ี่ตกเป็นขา่ วอยา่ งเสมอภาคและเทา่ เทียม
3. มีความกระชับตรงประเดน็ (Brief and Focused) ภาษาที่ใชใ้ นข่าวจะตอ้ งส้นั กระชบั ไดใ้ จความ
4. มีความเป็ นกลาง (Objectivity) รายงานขอ้ มูลอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ ไม่เขา้ ขา้ งฝ่ ายใด
ฝ่ายหน่ึง หรือมีผลประโยชนส์ ่วนตวั เขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งกบั ขา่ ว
5. มกี ารระบแุ หล่งท่มี าของข้อมูลทีช่ ัดเจนและเหมาะสม (Properly attributed)
6. ทันต่อเหตกุ ารณ์ มีความรวดเร็วในการนาเสนอเหตุการณ์ แตจ่ ะตอ้ งเป็นขอ้ มลู ที่ถกู ตอ้ ง
7. มีการใช้ภาษาที่ดี เป็ นการถ่ายทอดเหตุการณ์อย่างถูกต้อง ใช้ภาษาชัดเจน ได้ความหมาย
ตรงไปตรงมา
2 รายวิชา รูท้ ันขา่ วและ Fake News
สค0200036
1.3 องค์ประกอบของข่าว
องคป์ ระกอบของข่าว มีดงั น้ี
1. ความรวดเร็ว เป็นเหตุการณ์ท่ีมีความรวดเร็วในการนาเสนอ และเป็นเหตุการณ์ท่ีมีความทนั สมยั
สดใหม่อยเู่ สมอ
2. ความใกล้ชิด ผอู้ า่ นจะใหค้ วามสาคญั และความสนใจต่อข่าวที่มีความใกลช้ ิดกบั ตนเองเสมอ
3. ความเด่นของข่าว อาจเป็ นเรื่องของบุคคลที่มีความเด่น ฐานะของผูเ้ ป็ นข่าว เวลาหรือสถานท่ี
ท่ีเป็นขา่ ว กส็ ามารถมีความสาคญั ตอ่ ขา่ วดว้ ย
4. ความกระทบกระเทือน การมีความเก่ียวขอ้ งกบั ผอู้ ่านโดยตรงหรือมีผลกระทบต่อคนจานวนมาก
5. ความมีเง่ือนงา การมีปมในขา่ ว เงื่อนงา จะทาใหข้ า่ วน่าสนใจ น่าติดตาม
6. ความแปลก คนในขา่ ว สิ่งของหรือส่ิงอื่น ๆ ในขา่ วจะตอ้ งมีความแปลกเป็นที่สนใจของผอู้ ่าน
7. ความขดั แย้ง อาจเป็นความขดั แยง้ ระหวา่ งบคุ คล กลุ่มบุคคล ประเทศหรือระหวา่ งประเทศ
8. อารมณ์ เป็นสิ่งที่สะเทือนความรู้สึกคนอ่าน เม่ืออ่านแลว้ รู้สึกคลอ้ ยตามข่าว เช่น ข่าวการสูญเสีย
ทาใหค้ นอ่านรู้สึกเสียใจตาม
9. ความก้าวหน้า เป็นเร่ืองราวเก่ียวเทคโนโลยใี หม่ ๆ หรือข่าววชิ าการการพฒั นา
และการนาเสนอขา่ ว ควรมีสาระสาคญั หรือองคป์ ระกอบ ที่เรียกวา่ “5 W 1 H” ดงั ต่อไปน้ี
- ใคร (Who) คือ บคุ คลสาคญั ที่เก่ียวขอ้ งกบั ข่าว
- ทาอะไร (What) เกิดอะไรข้นึ การกระทาหรือเหตุการณ์ใดที่สาคญั
- ท่ีไหน (Where) การกระทาหรือเหตกุ ารณ์น้นั ๆ เกิดข้ึนที่ไหน
- เม่ือไร (When) การกระทาหรือเหตกุ ารณ์น้นั ๆ เกิดข้ึนในวนั เวลาใด
- ทาไมและอยา่ งไร (Why and How) ทาไมเหตกุ ารณ์น้นั จึงเกิด และเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร
- ขอ้ มลู ประกอบอื่น ๆ เช่น ความเป็นมา
รายวิชา รทู้ ันขา่ วและ Fake News 3
สค0200036
1.4 ประเภทของข่าว
ประเภทของข่าว มีดงั น้ี
1. ข่าวในประเทศ (Home News หรือ Local News) หมายรวมถึง ขา่ วประจาทอ้ งถิ่น
2. ข่าวภูมภิ าค (Regional News) ภมู ิภาค หมายถึง ประเทศท่ีอยใู่ นทวปี เดียวกนั เช่น ขา่ วในประเทศ
ที่อยใู่ นเอเชียดว้ ยกนั
3. ข่าวต่างประเทศ (World News) หมายถึง ข่าวท่ีอยนู่ อกทวปี หรือประเทศใกลเ้ คียงกนั
4. ข่าวธุรกจิ แบง่ เป็น
1) ข่าวธุรกิจในประเทศ (Business)
2) ขา่ วธุรกิจในประเทศเพอ่ื นบา้ น (Regional Business)
3) ข่าวธุรกิจทวั่ โลก (World Business)
4) ตลาดหุน้ (Stocks Exchange Markets)
5) การเงิน (Finance)
6) ขา่ วสังคมธุรกิจ (Social)
7) บทความพิเศษ (Features)
5. ข่าวเทคโนโลยี (Technology) หมายถึง ข่าวท่ีเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน รวมไปถึง
โปรแกรมต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบนั ท้งั ในและต่างประเทศ
6. ข่าวกฬี า (Sports) แบ่งเป็น
1) ข่าวกีฬาโลก (World Sports)
2) ขา่ วกีฬาทอ้ งถิ่น (Local Sports)
7. ปกณิ กะ-สาระ-บันเทงิ -ข่าวท่วั ไป แบง่ เป็น
1) ขา่ วทวั่ ไป (General)
2) สารคดี (Documentary)
3) บนั เทิง (Entertainment)
4) ดวงชะตา (Horoscope)
5) การ์ตนู (Comics)
6) ปริศนา (Puzzles) มกั ประกอบดว้ ย Crossword ปริศนาอกั ษรไขว,้ Scrabble
4 รายวชิ า รู้ทันขา่ วและ Fake News
สค0200036
เร่ืองที่ 2 ข่าวปลอม (Fake News)
2.1 ความหมายของข่าวปลอม (Fake News)
ข่าวปลอม (Fake News) คือ ขอ้ มูลเป็ นเท็จที่นาเสนอเป็ นข่าว หรือเป็ นขอ้ มูลท่ีส่งต่อ ๆ กนั โดยมี
ความประสงคเ์ พ่ือสร้างกระแส ทาใหค้ นเช่ือแบบผิด ๆ สร้างความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงาน เพ่ือให้
ไดผ้ ลประโยชน์ทางการเงิน หรือเพือ่ ชกั จูงการเมือง
ปัจจุบนั หลายปัจจยั ท่ีทาให้เกิดการแพร่ระบาดของข่าวปลอม (Fake News) เช่น การผลิตเน้ือหา
ข้ึนมาเพื่อเรียกบริษทั โฆษณา การเข้าถึงรายได้โฆษณาออนไลน์ แนวโน้มที่สูงข้ึนของการแบ่งแยก
ทางการเมือง สร้างขา่ วมาแขง่ ขนั กบั เรื่องข่าวที่ถกู ตอ้ ง
2.2 ลกั ษณะของข่าวปลอม (Fake News)
ข่าวปลอม (Fake News) มีลกั ษณะดงั น้ี
1. การเช่ือมโยงเนื้อหาไม่ถูกต้อง (False connection) เป็นการโยงขอ้ มูล เพื่อใหเ้ กิดความน่าเช่ือถือ
เพือ่ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจแบบผิด ๆ หรือเพ่ือเหตุผลทางการคา้
2. ทาให้เข้าใจผิด (Misleading) เป็ นข่าวที่เกิดจากการต้งั ใจให้ข่าวผิด ต้งั ใจบิดเบือดข่าว ให้เกิด
ความเขา้ ใจผิด โดยการบิดเบือดขอ้ ความ เพอ่ื หวงั ผลทางดา้ นสงั คมหรือการเมือง
3. เรื่องราวผิดท่ีผิดทาง (False Context) เป็ นการนาคาพูดเก่า เรื่องเก่า มาเล่าให้เป็ นเร่ืองใหม่
รวมถึงการนาภาพเก่า มาปะปนกบั เรื่องใหม่ ซ่ึงอาจเกิดจากการเขา้ ใจผดิ หรือจงใจก็ได้
4. การเสียดสีหรือเร่ืองตลก (Satire Or Parody) เป็นการเสียดสีเป็นการนาข่าว เร่ืองราว เหตุการณ์
หรือบุคคล มาลอ้ เลียนทาเร่ืองใหต้ ลก ซ่ึงอาจจะใชข้ อ้ มลู ที่จริงหรือไม่จริงก็ได้
5. เนื้อหาหลอกลวง (Impostor Content) เป็นขา่ วที่ถกู สร้างข้นึ มาจากสถานที่ปลอม เผยแพร่เน้ือหา
แบบปลอม ข่าวแบบน้ีมีจานวนมากในส่ือออนไลน์ มกั เป็ นส่ือที่ไม่เป็ นท่ีรู้จกั แต่ถูกส่งต่อกนั มาแบบไม่มี
ความรู้เก่ียวกบั ข่าว
6. เนื้อหาตดั ต่อ (Manipulated Content) เป็นเน้ือหาที่มีการตดั ต่อ ภาพ เสียง หรือสื่อต่าง ๆ เพอื่ ให้
เกิดการเขา้ ใจผดิ
7. ปลอมเนื้อหาท้ังหมด (Fabricated Content) เป็ นการปลอมทุกส่วนต้ังแต่แหล่งท่ีมา แหล่ง
นาเสนอ เน้ือหาข่าว วนั เวลา สถานท่ี
รายวชิ า รทู้ ันข่าวและ Fake News 5
สค0200036
2.3 ประเภทของข่าวปลอม (Fake News)
1. ข่าวพาดหัวย่ัวให้คลิก (Clickbait) เป็นข่าวที่ใชค้ าหรือรูปภาพพาดหวั ที่ทาใหส้ งสัย ดึงดูดใจให้
คลิกเขา้ ไปอา่ น ผสู้ ร้างขา่ วอาศยั ประโยชนจ์ ากความสงสัยของคน โดยใหข้ อ้ มูลเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ ใหผ้ อู้ ่านสงสัย
จนตอ้ งคลิกเขา้ ไปดูเน้ือหา ท้งั ที่เน้ือข่าวอาจไม่คานึงถึงคุณภาพหรือความถูกตอ้ งของขอ้ มูล มีจุดประสงค์
เพอื่ ใหไ้ ดย้ อดคนเขา้ ดูเวบ็ ไซต์
รูปที่ 1 ตวั อยา่ งขา่ วพาดหวั ยว่ั ใหค้ ลิก (Clickbait)
2. โฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) เป็นการนาเสนอขอ้ มูลท่ีมุ่งชกั จูงทศั นคติของผรู้ ับสารต่อมุมมอง
บางอยา่ ง โดยการนาเสนอการใหเ้ หตุผลเพียงขา้ งเดียว มกั ทาซ้า ๆ และกระจายในสื่อหลายชนิด เพ่ือให้ผรู้ ับ
สารคลอ้ ยตามความคดิ ท่ีผสู้ ่งสารตอ้ งการส่ือ
รูปที่ 2 ตวั อยา่ งโฆษณาชวนเช่ือ (Propaganda)
6 รายวิชา รู้ทนั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
3. ข่าวแฝงการโฆษณา (Sponsored content) เป็ นรูปแบบโฆษณาที่แนบเนียนกบั เน้ือหาปกติใน
เวบ็ ไซต์ เป็นเน้ือหาที่ผรู้ ับสารไม่ทราบวา่ เป็นโฆษณาจนกวา่ จะไดอ้ ่านหรือดูจนจบ
4. ข่าวล้อเลียนและเสียดสี (Satire and Hoax) เป็ นข่าวท่ีดัดแปลงขอ้ มูล เพื่อแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์หรือข่าวที่เกิดข้นึ จริง ผา่ นการลอ้ เลียนหรือเสียดสี
รูปท่ี 3 ตวั อยา่ งข่าวลอ้ เลียนและเสียดสี (Satire and Hoax)
5. ข่าวที่ผิดพลาด (Error) เป็ นข่าวที่เผยแพร่จากสานักข่าวออนไลน์ที่เชื่อถือได้ ก็อาจมีความ
ผิดพลาดไดเ้ ช่นกนั เช่น การเขียนขอ้ ความที่ผิด ชื่อบุคคลหรือรูปภาพผิดจากเน้ือข่าวจริง ซ่ึงทาให้ผรู้ ับสาร
เกิดความเขา้ ใจผิด
รูปท่ี 4 ตวั อยา่ งข่าวที่ผดิ พลาด (Error)
รายวิชา รูท้ ันขา่ วและ Fake News 7
สค0200036
6. ข่าวเอนเอียงเลือกข้าง (Partisan) เป็ นข่าวบิดเบือนข่าวสาร โดยนาเสนอข่าววิพากษ์วิจารณ์
ในทางลบต่อฝ่ายที่ไมช่ อบ ในขณะท่ีฝ่ายท่ีสนบั สนุน จะเสนอข่าวช่ืนชมเกินจริง โดยเฉพาะข่าวดา้ นการเมือง
7. ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy theory) เป็นเรื่องเล่าหรือบทความท่ีสร้างข้ึนมาจากความคิดของคน
หรือกลุม่ คนที่นาเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้นึ มาเชื่อมโยงกนั และอาจมีวตั ถปุ ระสงคซ์ ่อนเร้น เพือ่ ใหป้ ระโยชน์
หรือใหโ้ ทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบคุ คล เช่น ข่าวการสูญหายของเครื่องบิน วา่ โดนโจมตีจากประเทศคู่คา้ หรือ
เป็นการลกั พาตวั ขององคก์ ร เป็นตน้
8. วิทยาศาสตร์ลวงโลก (Pseudoscience) เป็ นขอ้ เขียนที่อา้ งว่าเป็ นท้งั วิทยาศาสตร์และขอ้ เท็จจริง
แตไ่ ม่มีหลกั ฐานหรือความเป็นไปไดท้ างวทิ ยาศาสตร์มาสนบั สนุน มกั จะมาในรูปแบบของบทความสุขภาพ
ท่ีแฝงโฆษณา โดยแอบอา้ งวา่ ไดผ้ า่ นการวิจยั ทางวิทยาศาสตร์แลว้ มีการสร้างภาพผเู้ ชี่ยวชาญข้ึนมา เพอ่ื เพิ่ม
ความน่าเชื่อถือของขอ้ มลู
รูปที่ 5 ตวั อยา่ งวทิ ยาศาสตร์ลวงโลก (Pseudoscience)
9. ข่าวที่ให้ข้อมูลผิด ๆ (Misinformation) เป็ นข่าวที่ไม่ไดต้ รวจสอบให้แน่ชดั ขอ้ มูลอาจมีท้งั จริง
และเท็จผสมกนั ผูส้ ่งสารต้งั ใจจะส่งข่าวออกไป แต่อาจจะไม่ไดต้ ระหนักว่าข่าวน้ันมีขอ้ มูลท่ีผิดพลาดอยู่
เช่น ข่าวลือตา่ ง ๆ
10. ข่าวหลอกลวง (Bogus) เป็ นข่าวปลอมที่เจตนาในการสร้างข้ึนมาและจงใจให้แพร่กระจาย
เพ่ือหลอกลวง โดยใช้ภาพ วิดีโอ หรือขอ้ มูลต่าง ๆ ท่ีเป็ นเท็จมาประกอบกนั อาจรวมถึงการแอบอา้ งเป็ น
แหลง่ ขา่ วหรือบุคคลท่ีอยใู่ นเหตุการณ์
8 รายวชิ า รู้ทนั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
เร่ืองที่ 3 กระบวนการเกดิ ข่าวปลอม
กระบวนการเกิดข่าวปลอม มีหลายประเด็น ท้งั เรื่องของการสร้างและเผยแพร่ข่าวปลอม ด้วย
จุดประสงค์ ไดแ้ ก่
1. เพื่อผลประโยชนท์ างการเงิน เช่น หนงั สือพมิ พใ์ นสมยั ก่อนอาจพาดหัวข่าวให้หวือหวา น่าสนใจ
เพื่อเพ่ิมยอดขาย แต่ในปัจจุบนั ที่มีการใชเ้ วบ็ ไซตห์ รือส่ือสังคมออนไลน์มากข้ึน มีการใชว้ ิธีออกแบบพาด
หัวเร่ืองให้กระตุน้ ความรู้สึกเพ่ือเพิ่มยอดคลิก หรือท่ีคลิกเบท (Clickbait) โดยใชย้ อดคลิกและยอดแชร์ใน
การสร้างเงินจากคา่ โฆษณา
2. เพื่อสร้างความเสียหายหรือใส่ร้ายแก่ผูต้ กเป็ นข่าว โดยทาเพื่อหวงั ผลทางธุรกิจ การค้าขาย
ช่ือเสียง หรือดา้ นการเมือง จึงเกิดการสร้างข่าวดว้ ยการพิมพข์ อ้ ความธรรมดาที่ไม่มีแหล่งข่าวชดั เจนหรือ
การสร้างเป็นหัวขอ้ ขา่ วที่คลา้ ยกบั สานกั ข่าวท่ีมีความน่าเช่ือถือ ทาใหผ้ อู้ ่านข่าวเกิดความเขา้ ใจผิดและส่งต่อ
สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลที่อยใู่ นข่าวและอาจส่งผลให้ผทู้ ี่สร้างข่าวน้นั ไดร้ ับประโยชน์บางอย่างจาก
ข่าวปลอม
จากน้นั เกิดการแพร่กระจายผ่านส่ือสังคมออนไลน์ท่ีเป็นสาธารณะ เปิ ดให้ทุกคนสามารถมองเห็น
ได้ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ และรูปแบบของกลุ่มปิ ด เช่น การสนทนาผ่านไลน์ กลุ่มไลน์
หรือกลมุ่ ในเฟซบกุ๊
รูปแบบของกลมุ่ ปิ ดจะมีผลต่อความเช่ือและการแพร่กระจายของข่าวปลอมไดจ้ านวนมาก เนื่องจาก
เป็นการปฏิสัมพนั ธ์กบั คนที่มีความคดิ เห็นคลา้ ยกนั รับขอ้ มูลชุดเดิมซ้า ๆ ทา้ ยที่สุดกจ็ ะส่งผลใหผ้ บู้ ริโภคสื่อ
ไดร้ ับขอ้ มูลเพียงดา้ นเดียว และกลายเป็นเลือกรับฟังหรือเชื่อเฉพาะในส่ิงท่ีตวั เองคุน้ เคยเทา่ น้นั
รายวชิ า รทู้ นั ขา่ วและ Fake News 9
สค0200036
เร่ืองที่ 4 ความแตกต่างระหว่างข่าวจริงและข่าวปลอม (Fake News)
รูปท่ี 6 ข่าวจริงและข่าวปลอม (Fake News)
4.1 ลกั ษณะข่าวจริงและข่าวปลอม (Fake News)
ข่าวจริงและข่าวปลอม (Fake News) มีลกั ษณะ ดงั น้ี
ขา่ วจริง เป็นการรายงานเหตุการณ์ ขอ้ เทจ็ จริง และขอ้ คิดเห็น ขา่ วจะเป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึน ท่ีคนทวั่ ไปให้
ความสนใจ ซ่ึงมีความสาคญั และผลกระทบต่อคนหมู่มากในชุมชนหรือสังคม
ข่าวปลอม (Fake News) เป็ นขอ้ มูลเป็ นเท็จที่นาเสนอเป็ นข่าว หรือเป็ นขอ้ มูลที่ส่งต่อ ๆ กนั โดยมี
ความประสงคเ์ พื่อสร้างกระแส ทาให้คนเชื่อแบบผิด ๆ สร้างความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงาน เพ่ือให้
ไดผ้ ลประโยชน์ทางการเงิน หรือเพอื่ ชกั จูงการเมือง
รูปท่ี 7 ลกั ษณะข่าวจริงและข่าวปลอม (Fake News)
10 รายวชิ า รู้ทนั ข่าวและ Fake News
สค0200036
4.2 วธิ ีสังเกตข่าวจริงและข่าวปลอม (Fake News) ในโลกออนไลน์
ในปัจจุบันข่าวปลอม (Fake News) แพร่กระจายบนโลกออนไลน์มีจานวนมากข้ึน เพ่ือสร้าง
ภูมิคุม้ กนั ให้ปลอดภยั จากข่าวปลอม (Fake News) จึงควรรู้จกั การสังเกตข่าวปลอม (Fake News) เพื่อให้รับ
ขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งและหยุดการแพร่กระจายของข่าวปลอม 10 การสังเกตข่าวปลอม (Fake News) ในโลก
ออนไลน์ ไดแ้ ก่
1. สงสัยข้อความพาดหัว ขา่ วปลอม (Fake News) มกั มีขอ้ ความพาดหวั ท่ีดึงดูดความสนใจ มีการใช้
ตวั หนงั สือเด่น ๆ และเคร่ืองหมายอศั เจรีย์ (!) สังเกตวา่ หากขอ้ ความพาดหัวท่ีน่าต่ืนตระหนก ดูไม่น่าเช่ือถือ
ดูเกินจริง ขา่ วน้นั น่าจะเป็นข่าวปลอม
2. สังเกตท่ี URL เว็บไซต์ข่าวปลอม (Fake News) จานวนมากเปลี่ยนแปลง URL เพียงเล็กน้อย
เพื่อเลียนแบบแหล่งขา่ วจริง จึงตอ้ งไปท่ีเวบ็ ไซตเ์ พื่อเปรียบเทียบ URL กบั แหล่งข่าวท่ีมี
รูปที่ 8 URL เวบ็ ไซตข์ องจริงและของปลอม
รายวิชา รทู้ ันขา่ วและ Fake News 11
สค0200036
3. สังเกตแหล่งท่ีมา สังเกตวา่ เร่ืองราวเขียนข้ึนมาจากแหลง่ ที่มาท่ีน่าเช่ือถือและมีชื่อเสียงดา้ นความ
ถูกตอ้ งหรือไม่ หากเรื่องราวมาจากเวบ็ ไซต์ บุคคล หรือองคก์ รท่ีไม่คุน้ เคย ใหต้ รวจสอบส่วนท่ี “เกี่ยวกบั ”
เพ่อื เรียนรู้เพิม่ เติม
4. สังเกตการจัดรูปแบบท่ีไม่ปกติ เวบ็ ไซต์ข่าวปลอม (Fake News) จานวนมากมกั มีการสะกดคา
แบบผิด ๆ หรือจดั รูปแบบไมป่ กติ หากเจอลกั ษณะดงั น้ี จะตอ้ งอ่านอยา่ งระมดั ระวงั
5. สังเกตและพิจารณารูปภาพ เร่ืองราวข่าวปลอม (Fake News) มกั มีรูปภาพหรือวิดีโอท่ีไม่เป็ น
ความจริง บางกรณีรูปภาพอาจเป็นรูปจริง แตไ่ มเ่ ก่ียวขอ้ งกบั บริบทของเร่ืองราว จะตอ้ งคน้ หาเพือ่ ตรวจสอบ
ไดว้ า่ รูปภาพเหล่าน้นั มาจากที่ไหน ตรงกบั ข่าวหรือไม่
6. สังเกตวันท่ีในข่าว เร่ืองราวข่าวปลอม (Fake News) อาจมีลาดบั เหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล
หรือมีการเปล่ียนแปลงวนั ที่ของเหตกุ ารณ์
7. ตรวจสอบหลักฐาน ตรวจสอบแหล่งขอ้ มูลของผูเ้ ขียนเพื่อยืนยนั ว่าถูกตอ้ งของข่าว หากไม่มี
หลกั ฐานหรือความน่าเช่ือถือของผเู้ ช่ียวชาญ ข่าวดงั กลา่ วเป็นขา่ วปลอม (Fake News)
8. ดูรายงานของแหล่งอื่น ๆ หากไม่มีแหล่งท่ีมาอื่น ๆ ท่ีรายงานเร่ืองราวเดียวกัน อาจระบุไดว้ ่า
ข่าวดงั กล่าวเป็นข่าวปลอม (Fake News) หากมีการรายงานข่าวโดยแหล่งข่าวที่เช่ือถือได้ ก็จะมีแนวโนม้ ว่า
ข่าวน้นั เป็นข่าวจริง
9. สังเกตว่าเรื่องราวนี้เป็ นเร่ืองตลกหรือไม่ การแยกข่าวปลอม (Fake News) จากเร่ืองตลกหรือ
การลอ้ เลียนทาไดย้ าก ตอ้ งสังเกตและตรวจสอบดูว่าแหล่งท่ีมาของข่าวข้ึนชื่อเร่ืองการล้อเลียนหรือไม่
และรายละเอียดตลอดจนน้าเสียงหรือการใช้คาของข่าวฟังดูเป็ นเร่ืองตลกหรือไม่ ถา้ ใช่ เร่ืองราวดงั กล่าว
อาจเป็นขา่ วปลอม (Fake News)
10. เร่ืองราวบางเรื่องอาจต้ังใจเป็ นข่าวปลอม ใช้วิจารณญาณเพื่อคิดวิเคราะห์เรื่องราวท่ีอ่าน
และแชร์เฉพาะขา่ วท่ีแน่ใจวา่ เช่ือถือไดเ้ ทา่ น้นั
12 รายวิชา รูท้ นั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
เร่ืองที่ 5 ผลกระทบของข่าวปลอม (Fake News)
ผลกระทบของข่าวปลอม (Fake News) ไดแ้ ก่
1. ส่งผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน จากการที่ไดข้ อ้ มูลไม่ถูกตอ้ ง ทาให้ตดั สินใจส่ิงต่าง ๆ ผิดพลาด
เช่น แชร์ข้อมูลว่าด่ืมน้าผ้ึงมะนาวใส่โซดาช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ ผูป้ ่ วยอาจเลิกไปรักษาด้วยวิธี ทาง
การแพทย์ ทาให้มะเร็งลุกลามถึงข้นั เสียชีวิต หรือดมสมุนไพรทาให้ไม่ติดโควิด-19 ทาให้คนไม่ป้องกัน
ตนเองดว้ ยการใส่หนา้ กากอนามยั แต่ใชก้ ารดมสมนุ ไพรแทน ซ่ึงทาใหต้ ิดโควดิ -19 ได้ และอาจส่งผลถึงชีวิต
2. ผู้รับข่าวเกิดความตระหนกตกใจและเกิดความแตกตื่นในสังคม เช่น ข่าวปลอม (Fake News)
เก่ียวกบั ภยั พิบตั ิ หรือโรคระบาดต่าง ๆ อาจทาให้ผูค้ นแตกตื่น แห่กกั ตุนของกินของใช้ ข่าวการเมืองหรือ
นโยบายของรัฐที่อาจทาใหห้ ุน้ ข้ึนหรือลง นกั ลงทุนเทขายหุน้ หรือซ้ือเพ่ือเก็งกาไร
3. ผู้ถูกแอบอ้างในข่าวได้รับความเสียหาย เช่น ถูกกล่าวหา ลอ้ เลียน ดูหมิ่น กลน่ั แกลง้ ด่าทอ จาก
ขอ้ มูลเท็จท่ีเกิดจากการตดั ต่อ ถูกเกลียดชงั จากขอ้ มูลเท็จเชิงใส่ร้ายป้ายสี และนาไปสู่ช่องทางการโกงเงิน
ของมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ข่าวปลอม (Fake News) ว่า ดาราป่ วยหนกั ทาให้คนเกิดความสงสาร
และมิจฉาชีพฉวยโอกาสเร่ียไรเงินช่วยเหลือ
4. ข้อมูลในข่าวท่ีทาให้เกดิ ความขัดแย้งในสังคม เช่น ขอ้ มูลเท็จทางดา้ นการเมือง ข่าวสถานการณ์
ระหวา่ งประเทศ อาจนาไปสู่ความไม่สงบสุขในสังคม สร้างปัญหาระหวา่ งประเทศได้
รูปที่ 9 ผลกระทบของขา่ วปลอม (Fake News)
รายวชิ า รทู้ นั ขา่ วและ Fake News 13
สค0200036
เร่ืองท่ี 6 การตรวจสอบก่อนการแชร์
การแชร์ข่าวปลอม (Fake News) ส่งผลกระทบต่อตนเอง ชุมชน สังคม และประเทศ การแชร์ข่าว
จะตอ้ งตรวจสอบก่อนการแชร์ ไดแ้ ก่
1. ตรวจสอบแหล่งท่ีมาของข่าวสารข้อมูล เช่น สานักข่าว หน่วยงาน หรือชื่อผูใ้ ห้ขอ้ มูลมีความ
น่าเช่ือถือ ตรวจสอบหลาย ๆ แหล่งจะทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู ถกู ตอ้ งมาข้ึน
2. ตรวจสอบแหล่งข้อมูลอ่ืน ๆ ประกอบ เช่น หน่วยงานท่ีน่าจะเกี่ยวข้องกับข่าวสารขอ้ มูลน้ัน
เพอ่ื ยนื ยนั วา่ มีเร่ืองหรือเหตกุ ารณ์ดงั กล่าวจริง
3. ตรวจสอบหาต้นตอของข่าว บางคร้ังข่าวเทจ็ อาจเป็นข่าวเก่าที่เคยเกิดข้ึนแลว้ หรือใชข้ อ้ มูลจาก
ข่าวเก่ามาเล่าใหม่เพ่ือให้เกิดความแตกตื่นหรือเพื่อประโยชน์แอบแฝง จึงควรสืบคน้ ภาพเก่าหรือข่าวเก่า
มาเปรียบเทียบกนั ก่อนท่ีจะเช่ือและแชร์
4. สอบถามผู้เช่ียวชาญ โดยตรง หรือหาข้อมูลเพม่ิ เตมิ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น รายการชวั ร์ก่อนแชร์
ท่ีเผยแพร่ในเฟซบ๊กุ SureAndShare
ทางกระทรวงดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยงั ไดเ้ ปิ ด ศูนยต์ ่อตา้ นข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-
Fake News Center Thailand) เพื่อเป็ นอีกหน่วยงานหน่ึงในการช่วยตรวจสอบหรือแจ้งข่าวที่มีผลกระทบ
ต่อสังคม สาหรับการแจง้ หรือตรวจสอบ เมื่อพบขา่ วปลอมหรือน่าสงสัย ไปท่ี
เฟซบกุ๊ https://www.facebook.com/AntiFakeNewsCenter/
ไลน์ @antifakenewscenter
ทวิตเตอร์ www.twitter.com/AFNCThailand
เวบ็ ไซต์ www.antifakenewscenter.com
แนวทาง “คิด 4 คิด ก่อนเช่ือ ก่อนแชร์”
คิดท่ี 1 คอื คดิ เม่ือเห็นข่าววา่ เป็นเร่ืองจริงหรือไม่ มีอะไรน่าสงสัยหรือไม่
คดิ ท่ี 2 คอื คดิ เมื่อพิมพข์ อ้ ความ ก่อนจะกดแชร์หรือพมิ พค์ อมเมนตต์ อ้ งคิดวา่ จะมีผลกระทบตอ่ ใคร
หรือไม่ จะโดนหม่ินประมาทหรือไม่ หรือสนบั สนุนซ้าในส่ิงที่หลอกลวงหรือไม่
คดิ ที่ 3 คือ คดิ ก่อนกดโพสตห์ รือส่งขอ้ ความ หาขอ้ มลู ใหแ้ น่ใจก่อนท่ีจะโพสตห์ รือส่งขอ้ ความ
คดิ ที่ 4 คือ คดิ วา่ จะลบดีไหม จะส่งผลเสียอะไรหรือไม่
14 รายวิชา ร้ทู ันข่าวและ Fake News
สค0200036
รูปที่ 10 ช่วยกนั หยดุ การแพร่กระจายของข่าวปลอม
รายวชิ า รู้ทันข่าวและ Fake News 15
สค0200036
กจิ กรรมท้ายบทที่ 1
ให้ผ้เู รียนตอบคาถามต่อไปนี้
1. บอกความหมายและความสาคญั ของข่าว
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. บอกความหมายและลกั ษณะของขา่ วปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
16 รายวชิ า รูท้ นั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
3. บอกประเภทของขา่ วปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
4. อธิบายกระบวนการเกิดขา่ วปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
รายวชิ า ร้ทู ันข่าวและ Fake News 17
สค0200036
5. เปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งข่าวจริงกบั ข่าวปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
6. บอกผลกระทบของข่าวปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
18 รายวชิ า รทู้ นั ข่าวและ Fake News
สค0200036
7. บอกวธิ ีการตรวจสอบข่าวปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
8. “รักษาโควิด-19 ดว้ ยสมุนไพรขมิ้นชนั กระชาย พริกไทย ทบั ทิม ได้ ไม่ตอ้ งกินยา” เป็นข่าวจริงหรือไม่
เพราะเหตใุ ด
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
รายวิชา รทู้ นั ข่าวและ Fake News 19
สค0200036
บทที่
การรูเ้ ทา่ ทนั ข่าว
บทท่ี 2 การรู้เท่าทันข่าว
เร่ืองท่ี 1 การรู้เท่าทันข่าวปลอม (Fake News)
1.1 ความหมายของการรู้เท่าทันข่าว
การรู้เท่าทันข่าว คือ ทกั ษะในการคิดวิเคราะห์ขอ้ มูลข่าวสารเพื่อท่ีจะประเมินความน่าเชื่อถือของ
ข่าวสารและขอ้ มูล มีทักษะรู้ว่าขอ้ มูลข่าวสารน้ันน่าเชื่อถือหรือไม่ ถูกเขียนข้ึนด้วยจุดประสงค์อะไร
แยกแยะขอ้ เทจ็ จริงออกจากความคิดเห็นและการช้ีนาํ ของผสู้ ร้างข่าวได้ ไม่ใชอ้ คติในการรับ ขอ้ มูลข่าวสาร
โดยเฉพาะอย่างย่งิ รู้จกั การตรวจสอบข่าวปลอมที่มกั เผยแพร่ในโลกออนไลน์ เพ่ือจะไดไ้ ม่ตกเป็นเหยอ่ื ของ
ผไู้ ม่หวงั ดีท่ีสร้างขา่ วปลอม (Fake News) ออกมา
1.2 วตั ถุประสงค์ของการสร้างข่าวปลอม (Fake News)
วตั ถปุ ระสงคข์ องการสร้างขา่ วปลอม (Fake News) ไดแ้ ก่
1. เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจผิดในเรื่องน้ัน ๆ หรือต้งั ใจให้เกิดกระแสในสังคม โดยส่วนมากผทู้ ี่สร้าง
ข่าวปลอม (Fake News) มกั จะปกปิ ดตวั ตนที่แทจ้ ริง จากน้นั จะมีคนแชร์ข่าวปลอม (Fake News) ต่อ ๆ กนั
จนกลายเป็ นประเด็นใหญ่ และสื่อมวลชนนํามาเสนอเป็ นข่าวเน่ืองจากเกิดกระแสผูค้ นให้ความสนใจ
เป็นวงกวา้ ง
2. เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไมท่ ราบวา่ ขอ้ เท็จจริงเป็นอยา่ งไร เกิดจากความผิดพลาด หรือเขา้ ใจผิด
เช่น การให้ขอ้ มูลคนในข่าวผิด การแปลข่าวจากต่างประเทศผิด การตีความหมายของข่าวผิดจนทาํ ให้เกิด
การเขา้ ใจผดิ
3. จงใจสร้างข่าวปลอม (Fake News) ข้ึนมา แต่ไม่ต้งั ใจให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหรือองคก์ ร
เช่น การทาํ การตลาดใหค้ นแตกต่ืนเพ่อื สร้างการรับรู้ใหก้ บั แบรนด์ การลอ้ เลียนบุคคล เป็นตน้
4. เพ่อื วตั ถปุ ระสงคท์ างรายได้ ทาํ เพือ่ การคา้ ขายของ หลอกใหค้ ลิก หรือเพ่อื ยอดไลก์ โดยการสร้าง
ข่าวปลอม (Fake News) ข้ึนมา เพ่ือเรียกกระแสให้คนเข้ากดไลก์ในโซเชียลมีเดียจาํ นวนมาก เพ่ือเรียก
คา่ โฆษณาจากสินคา้ ต่าง ๆ หรือเอาแอคเคานทไ์ ปขายตอ่
20 รายวิชา รูท้ นั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
1.3 สาเหตขุ องการหลงเช่ือข่าวปลอม (Fake News)
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิ ดเผยว่า ผลการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเชิงลึก
โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม วนั ท่ี 1 ตุลาคม 2563 – 30 มิถุนายน 2564 เกี่ยวกับพฤติกรรมการเผยแพร่
ข่าวปลอม (Fake News) ของคนไทย พบว่า มีจํานวนผู้โพสต์ข่าวปลอม (Fake News) ถึง 587,039 คน
และจาํ นวนผแู้ ชร์ขา่ วปลอม (Fake News) มากกวา่ 20,294,635 คน ส่วนกลมุ่ ท่ีมีพฤติกรรมดงั กล่าวมากกวา่ 90 %
อยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี โดยข้อมูลจากสถาบนั ส่ือเด็กและเยาวชน (สสย.) ระบุว่า 5 สาเหตุหลักท่ีทาํ ให้
คนเลือกเสพและแชร์ข่าวปลอม (Fake News) เกิดจาก
1. ตกหลุมพราง คนมีแนวโน้มที่จะแชร์ข่าวปลอม (Fake News) ท่ีตรงกบั ความคิดความเชื่อของ
ตนเอง คนสร้างขา่ วปลอม (Fake News) ต้งั ใจท่ีจะหลอกผรู้ ับขา่ วสารขอ้ มลู ตกหลมุ พรางและแชร์ต่อ
2. ไม่สามารถแยกแยะข่าวในโลกออนไลน์ได้ เพราะข่าวปลอม (Fake News) ผ่านส่ือออนไลน์
ถูกทาํ ให้กลมกลืนกบั ข่าวจริง ไม่ว่าจะเป็ นรูปแบบการจดั หน้า หรือการแอบอา้ งเป็ นแหล่งข่าว จึงทาํ ให้
สบั สนและยากท่ีจะแยกแยะขา่ วปลอม (Fake News) ได้
3. เป็ นกลไกของความเช่ือ เม่ือมีคนท่ีเช่ือใจส่งต่อข้อมูลข่าวสารมาให้อ่านผ่านทางส่ือสังคม
ออนไลน์ จะทาํ ให้ไม่ตระหนกั หรือใชว้ ิจารณญาณในการตรวจสอบขอ้ มูลข่าวสารก่อน เพราะคิดว่าผูส้ ่ง
คงกลน่ั กรองมาเรียบร้อยแลว้ เม่ือรับข่าวมา จึงแชร์ต่อใหค้ นอื่นทนั ทีเช่นกนั
4. เล่นกับความรู้สึกของคน ข่าวปลอม (Fake News) มักใช้การเน้นพาดหัวที่หวือหวา เน้ือข่าว
ที่กระตุน้ อารมณ์ เพราะรู้ว่าคนจะมีปฏิกิริยาต่อข่าวน้นั ๆ เช่น การกดเขา้ ไปอ่าน กดไลก์ แสดงความเห็น
และช่วยแชร์ขา่ วออกไป ทาํ ใหข้ า่ วปลอม (Fake News) แพร่กระจาย
5. คนมีช่วงความสนใจส้ัน คนสร้างข่าวปลอม (Fake News) จากพฤติกรรมการอ่านแบบขา้ ม ๆ
หรือ นกั อ่านเวลานอ้ ย ใชห้ ัวข่าวท่ีดึงดูด แลว้ แฝงข่าวปลอม (Fake News) ลงไป ทาํ ให้เผยแพร่ข่าวปลอม
หรือขา่ วที่มีคุณภาพต่าํ ไปในวงกวา้ งได้
รายวชิ า ร้ทู ันขา่ วและ Fake News 21
สค0200036
รูปที่ 10 สาเหตุของการหลงเชื่อขา่ วปลอม (Fake News)
22 รายวชิ า รู้ทนั ข่าวและ Fake News
สค0200036
1.4 การสร้างทกั ษะรู้เท่าทนั ข่าว
ทักษะการรู้เท่าทันข่าว คือ ทักษะการตรวจสอบ วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลบนโลกออนไลน์
ก่อนตดั สินใจเชื่อ หรือนาํ ไปแชร์ต่อ การสร้างทกั ษะรู้เทา่ ทนั ข่าว ทาํ ไดด้ งั น้ี
1. เขา้ ใจธรรมชาติของข่าวในโลกออนไลน์ เช่น ขอ้ จาํ กดั ของรูปภาพ หรือวิดีโอที่สามารถตดั ต่อ
หรือถ่ายให้เห็นเฉพาะส่วนท่ีอยากนาํ เสนอ ทาํ ให้บางทีขอ้ มูลไม่ครบถว้ น มีโอกาสตีความผิดพลาดได้
หรือการยิงโฆษณาในเฟซบุ๊กมาให้เห็นโพสตน์ ้นั บ่อย ๆ จนคิดว่าสินคา้ น้ีน่าซ้ือ จนละเลยการเปรียบเทียบ
คุณภาพและราคากบั ยหี่ อ้ อื่น เป็นตน้
2. แยกแยะระหว่างการให้ขอ้ มูลกบั การโน้มน้าวใจ รวมท้งั แยกแยะขอ้ เท็จจริงกบั ความคิดเห็น
โดยอ่านข่าวแลว้ ฝึ กแยกว่าประโยคไหนเป็ นขอ้ เท็จจริง (Fact) ประโยคไหนเป็ นความคิดเห็น (Opinion)
หรืออ่านขอ้ ความโฆษณากับข้อความที่ให้ความรู้แล้วฝึ กคิดว่าอันไหนเป็ นการให้ความรู้ อนั ไหนเป็ น
การโฆษณา และเทคนิคการโนม้ นา้ วใจของโฆษณาน้ีคืออะไร
3. ฝึ กการสังเกตขอ้ มูล ว่ามีรายละเอียดความน่าเช่ือถือหรือไม่ ได้แก่ วนั เวลา สถานท่ีในข่าว
ภาพและวดิ ีโอประกอบขา่ ว แหล่งอา้ งอิงของขา่ ว
ตรวจสอบก่อนเชื่อ ดว้ ย 5 คาํ ถาม ไดแ้ ก่
- ใครเป็นคนเขียนขอ้ มลู ขา่ วสารน้ี
- จุดประสงคข์ องขอ้ มลู ขา่ วสารน้ีคืออะไร เช่น ใหค้ วามรู้ ตกั เตือน ส่ังสอน โนม้ นา้ วใจ
- ขอ้ มูลข่าวสารน้ีเผยแพร่ในช่องทางไหน ท้งั ช่องทางท่ีนาํ มาแชร์ และโพสตต์ น้ ฉบบั
- อะไรในขอ้ มูลขา่ วสารท่ีดึงความสนใจของคนอ่านได้ เช่น พาดหวั ข่าว วิดีโอ รูปภาพ
- คดิ วา่ ผเู้ ขยี นขอ้ มูลข่าวสารมีมุมมอง น้าํ เสียง หรือทศั นคติอยา่ งไร
รายวิชา รูท้ นั ขา่ วและ Fake News 23
สค0200036
เร่ืองที่ 2 การรับมือกบั ข่าวปลอม (Fake News)
2.1 ลกั ษณะและรูปแบบเนื้อหาของข่าวปลอม (Fake News)
ขา่ วปลอม (Fake News) มีลกั ษณะและรูปแบบเน้ือหา ดงั น้ี
1. ข้อมูลท่ีผิด (Mis-information) เช่น แคปชนั รูปภาพ อาจไม่ไดเ้ กิดจากเจตนาตอ้ งการเผยแพร่
ขอ้ มูลที่ผิด หรือต้งั ใจบิดเบือนขอ้ มูล แต่เป็ นกรณีท่ีผูร้ ับสารเผยแพร่ไปด้วยความเขา้ ใจและมีความเชื่อว่า
ขอ้ มลู เหลา่ น้นั ถกู ตอ้ ง จึงเกิดความผิดพลาด กลายเป็นแชร์ขอ้ มลู ท่ีผดิ ออกไป ไดแ้ ก่
- การเสียดสีหรือลอ้ เลียน (Satire or Parody) เป็นขอ้ มูลข่าวสารเพื่อความตลก หรือเสียดสี
แต่ทาใหเ้ ขา้ ใจผิดวา่ จริงและแชร์ออกไป
- ข้อมูลท่ีมีการเชื่อมโยงผิด (False Connection) มีลักษณะที่พาดหัว ภาพ วิดีโอ
หรือคาอธิบายใตภ้ าพท่ีประกอบเน้ือหาไม่เป็ นไปในทางเดียวกันหรือไม่มีความเก่ียวขอ้ งกบั เน้ือหา เช่น
ข่าวพาดหวั ยวั่ ใหค้ ลิก (Clickbait)
- ข้อมูลช้ีนาให้เกิดการเข้าใจผิด (Misleading Content) เป็ นการใช้การตัดบางส่วนของ
ขอ้ มูลมานาเสนอ ท้งั จงใจและไม่จงใจ จนอาจก่อให้เกิดความเขา้ ใจผิดในขอ้ มูล เช่น ตดั บางขอ้ ความมา
ซ่ึงอาจทาใหเ้ ขา้ ใจผิด ท้งั ท่ีหากดูฉบบั เตม็ อาจมีความหมายอีกอยา่ ง
2. ข้อมูลท่ีบิดเบือน (Dis-information) เป็ นขอ้ มูลท่ีผิด แต่ถูกเผยแพร่ไปดว้ ยความจงใจ ท้งั ท่ีรู้ว่า
ขอ้ มูลเหล่าน้นั ไม่ถูกตอ้ ง หรือก็มีเจตนาท่ีจะบิดเบือนขอ้ มูล มีความตอ้ งการช้ีนาผูค้ นให้เกิดความเขา้ ใจผิด
ไดแ้ ก่
- เน้ือหาที่แต่งข้ึนมาใหม่ (Fabricated Content) ขอ้ มูลท่ีใหม่มาก จนหาแหล่งขอ้ มูลไม่ได้
ซ่ึงนาไปสู่ขอ้ มลู ท่ีผดิ รวมถึงเกิดการบิดเบือนขอ้ มูลได้
- เน้ือหาที่มีการดดั แปลง (Manipulated Content) ภาพหรือขอ้ มูลจริงถูกนามาดดั แปลงจาก
ตน้ ฉบบั มีเจตนาเพอื่ บิดเบือนขอ้ มลู หลอกลวง หรือช้ีนาใหเ้ กิดความเขา้ ใจผิด
- ข้อมูลที่ผิดบริบท (False Context) ข้อมูลที่ถูกนามาหมุนเวียนใช้ โดยเปลี่ยนบริบท
ไปจากเดิม เช่น ใชภ้ าพเก่ากบั เหตุการณ์ใหม่ ทาใหค้ ดิ วา่ เป็นปัจจุบนั
- ขอ้ มูลที่มีเน้ือหาแอบอา้ ง (Imposter Content) เป็นการสวมรอยเป็ นส่ือหลกั แลว้ เผยแพร่
ขอ้ มูลข่าวสารที่ส่ือไม่ไดเ้ ป็ นคนทา ทาให้คนเขา้ ใจผิด จนเกิดการแชร์ต่อเนื่องจากคิดว่าเป็ นขอ้ มูลจากส่ือ
ที่ไวใ้ จ และส่งผลเสียตอ่ ภาพลกั ษณ์ส่ือได้
3. ข้อมูลที่แฝงเจตนาร้าย (Mal-information) เป็นขอ้ มูลที่มาจากขอ้ เทจ็ จริง แต่ถูกใชเ้ ป็นเคร่ืองมือ
ในการทาร้ายผอู้ ่ืน
24 รายวิชา รู้ทันขา่ วและ Fake News
สค0200036
รูปที่ 12 ตวั อยา่ งขอ้ มูลท่ีผิด (Mis-information)
รายวชิ า รทู้ นั ขา่ วและ Fake News 25
สค0200036
2.2 การจดั การข่าวปลอม (Fake News)
การใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ ตอ้ งเรียนรู้และเขา้ ใจในการจดั การขอ้ มูลข่าวสาร และจดั การข่าวปลอม
(Fake News) ดงั น้ี
1. อยา่ เชื่อขอ้ มลู ท่ีเห็นจากคร้ังแรก ตอ้ งอา่ นขา่ วจากหลาย ๆ ช่องทาง ควรติดตามขอ้ มลู ขา่ วสารจาก
แหล่งท่ีมาแบบหลากหลายความคิดเห็น และมีการนาํ เสนอหลายมิติ น่าเช่ือถือ ผบู้ ริโภคส่ือตอ้ งเขา้ ใจและ
เรียนรู้ท่ีจะเสพส่ืออยา่ งถูกตอ้ ง
2. ควรมีความสงสัยในแหล่งขา่ วอยเู่ สมอ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเวบ็ ไซต์ สาํ นกั พิมพ์ ผเู้ ขยี น
หรือการอา้ งอิงทางวชิ าการก่อนเชื่อขอ้ มลู ข่าวสาร
3. สังเกตเน้ือหาของข่าว ว่าเป็ นเน้ือหาซ้ํา ข่าวเก่า ภาพเดิม หรือตดั แปะจากแหล่งอ่ืนหรือไม่
ให้ระวงั เน้ือหาท่ีใช้ภาษาไม่เป็ นทางการ การพาดหัวข่าวท่ีดูน่าสนใจ สร้างความตระหนก ดีเกินจริง
หรือดึงดูดเกินไป
4. พูดคุยสอบถามผรู้ ู้ เพราะการอ่านข่าวจากแหล่งเดียวท่ีไม่รู้จกั ในปัจจุบนั มีโอกาสสูงท่ีจะไม่ใช่
ข่าวจริง ดงั น้นั การสอบถามจากผรู้ ู้ หรือแหล่งขอ้ เทจ็ จริงจึงเป็นอีกวธิ ีในการแยกข่าวปลอมออกจากข่าวจริง
5. ไม่รีบส่งต่อขอ้ มูลถา้ ยงั ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็ นขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ งหรือไม่ จะช่วยลดการ
แพร่กระจายของข่าวปลอม
6. แจง้ เตือนหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งหากพบข่าวปลอมหรือขอ้ มูลที่บิดเบือน ได้ที่ศูนยต์ ่อตา้ นข่าว
ปลอมไดจ้ ดั ทาํ ช่องทางส่ือสาร เผยแพร่ขอ้ มูลข่าวท่ีถูกตอ้ ง และรับแจง้ เบาะแสไวด้ งั น้ี
- เวบ็ ไซต์ https://www.antifakenewscenter.com
- เฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center
- ทวติ เตอร์ @AfncThailand
- ไลนท์ างการ @antifakenewscenter
- สายด่วน GCC 1111 ต่อ 87
26 รายวิชา ร้ทู ันข่าวและ Fake News
สค0200036
การจดั การข่าวปลอม (Fake News) ในระดับประเทศ กองทุนพฒั นาส่ือปลอดภยั และสร้างสรรค์
ได้เล็งเห็นถึงความสําคญั ของการแพร่กระจายข่าวปลอมอย่างรวดเร็ว จึงได้มีการสนับสนุนโครงการ
ที่เขา้ ร่วมขบั เคลื่อนประเดน็ ข่าวปลอม ดงั น้ี
1. โครงการฐานขอ้ มูลตน้ แบบเพือ่ รับมือกบั ข่าวปลอม
2. โครงการผลิต 4 ภาพยนตร์ส้นั ส่งเสริมความเขา้ ใจและตีแผภ่ ยั รู้เทา่ ทนั ส่ือยคุ ปัจจุบนั
3. โครงการเช็ก ชวั ร์ แชร์
4. โครงการเครือขา่ ยพระสงฆเ์ ฝ้าระวงั สื่อชวนเช่ือทางศาสนา
5. ภาพยนตร์ชุด เร่ือง บางกอก ซีโร่
6. โครงการ ข่าวจริงป่ ะ
7. โครงการ การพฒั นาเกมสืบสวนและเกมโชว์ออนไลน์เพ่ือการรับมือกับข่าวปลอมสําหรับ
ประชาชนทวั่ ไป
8. โครงการ Fake News Fighter: การสร้างเครือข่ายเพ่ือสร้างองคค์ วามรู้และกลไกในการแกป้ ัญหา
ขา่ วปลอม
9. โครงการ Check ก่อน Share วยั รุ่นยคุ ใหม่ รู้จริง ไม่มี Fake
10. โครงการพฒั นาการตรวจจบั ข่าวปลอมโดยการเรียนรู้ของเคร่ืองและการตรวจสอบขอ้ เท็จจริง
ของประชาชน
11. โครงการพฒั นาศูนยต์ รวจสอบขอ้ เทจ็ จริงของขอ้ มูลข่าวสารและเครือข่ายระดบั ประเทศในการ
รับมือกบั ขา่ วปลอม
โครงการต่าง ๆ จดั ต้งั ข้ึนเพ่ือรณรงคส์ ร้างความตระหนกั เร่ืองพิษภยั และผลกระทบของข่าวปลอม
(Fake News) เพ่ือให้ประชาชนสามารถแยกแยะ ตรวจสอบข่าวปลอม (Fake News) ได้ รวมถึงส่งเสริม
ความรู้และความตระหนกั ในปัญหาขา่ วปลอม (Fake News) สาํ หรับประชาชน
รายวชิ า ร้ทู นั ขา่ วและ Fake News 27
สค0200036
กจิ กรรมท้ายบทท่ี 2
ให้ผ้เู รียนตอบคาถามต่อไปนี้
1. บอกความหมายของการรู้เทา่ ทนั ข่าว
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. บอกวตั ถปุ ระสงคข์ องการสร้างข่าวปลอม (Fake News)
............................................................................................................................................................... ...........
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................. ............
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
28 รายวชิ า ร้ทู นั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
3. เพราะเหตุใดคนถึงเช่ือข่าวปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
4. อธิบายทกั ษะการรู้เท่าทนั ขา่ ว
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
รายวชิ า รู้ทันขา่ วและ Fake News 29
สค0200036
5. อธิบายลกั ษณะและรูปแบบของเน้ือหาข่าวปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
6. บอกแนวทางการจดั การกบั ขา่ วปลอม (Fake News)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
30 รายวิชา รทู้ ันขา่ วและ Fake News
สค0200036
7. วิเคราะหพ์ าดหวั ข่าววา่ เป็นขา่ วจริงหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
- สหรัฐอเมริกาจะปล่อยเช้ือโควิด-19 ในประเทศไทย ผทู้ ่ีไดร้ ับเช้ือจะมีอาการรุนแรงภายใน 2 ชม.
และอยไู่ ดไ้ มเ่ กิน 2-3 วนั
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
- ยาฟ้าทะลายโจร สามารถกินก่อนติดเช้ือโควดิ -19 ได้ แถมช่วยบาํ รุงรักษาตบั
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
รายวชิ า ร้ทู นั ขา่ วและ Fake News 31
สค0200036
- รับประทานเน้ือววั นมววั เป็นประจาํ ทาํ ใหเ้ ลือดเป็นกรด จะทาํ ใหเ้ ช้ือไวรัสโควิด-19 เจริญเติบโต
ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
- สวมหนา้ กากอนามยั ลา้ งมือเป็นประจาํ ลดอตั ราการติดเช้ือโควดิ -19 ได้
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
32 รายวชิ า รทู้ นั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
บทท่ี
บทลงโทษการน�ำ เขา้ ข้อมูลอนั เป็นเท็จ
บทท่ี 3 บทลงโทษการนาเใขน้าโขล้อกมสลู ังอคนั มเปอ็ นอเทน็จไลในนโ์ ลกสังคมออนไลน์
เร่ืองที่ 1 บทลงโทษการนาเข้าข้อมูลอนั เป็ นเท็จในโลกสังคมออนไลน์
บทลงโทษการนาเขา้ ขอ้ มูลอนั เป็นเทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์ เก่ียวขอ้ งกบั พ.ร.บ. วา่ ดว้ ยการกระทา
ความผิดเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า ผูใ้ ดกระทาความผิดท่ีระบุไวด้ งั ต่อไปน้ี ตอ้ ง
ระวางโทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไมเ่ กิน 100,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
1.1 การนาเข้าข้อมูลบิดเบือนหลอกลวง
มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (1)
โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นาเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่า
ท้งั หมดหรือบางส่วน หรือขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์อนั เป็นเท็จ โดยประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
อนั มิใช่การกระทาความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
การนาเขา้ ขอ้ มูลบิดเบือนหลอกลวง ผโู้ พสตข์ อ้ ความที่จะมีความผิดตามมาตรา 14 (1) ต่อเม่ือส่ิงที่
นาเสนอน้ันเป็ นความเท็จ โดยมีเจตนาทุจริตหรือหลวงลวง ซ่ึงขอ้ มูลน้ันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่
ประชาชน หมายความวา่ ผโู้ พสตข์ อ้ ความจะตอ้ งรู้อยแู่ ลว้ วา่ ส่ิงที่ตนเองโพสตเ์ ป็นความเทจ็
นอกจากน้ี คาวา่ “โดยทุจริต” มีคานิยามอยใู่ นมาตรา 2 ของประมวลกฎหมายอาญา หมายถึง “เพื่อ
แสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผอู้ ื่น”
ดงั น้นั หากขอ้ ความท่ีโพสตเ์ ป็นความจริง ไมถ่ ือวา่ มีความผดิ ตาม พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ มาตรา 14 (1)
หรือขอ้ ความดงั กล่าวเป็ นความเท็จ แต่ถา้ ผโู้ พสตข์ อ้ ความหรือแสดงความคิดเห็นไม่ไดม้ ีเจตนาทุจริต ก็ไม่
เป็ นความผิดตามมาตรา 14 (1) เช่นกนั เนื่องจากขาดองค์ประกอบความผิดเร่ืองเจตนา อีกท้งั กฎหมายยงั ตี
กรอบไมใ่ หใ้ ชใ้ นลกั ษณะเดียวกบั ความผิดฐานหมิ่นประมาทอีกดว้ ย
และอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาท่ีกาหนดฐานความผิด “บอกเล่าความเทจ็ ” ไวเ้ ป็น
ความผิดลหุโทษ หรือความผิดท่ีมีโทษไม่มาก ปรากฏในมาตรา 384 ดงั น้ี “ผูใ้ ดแกลง้ บอกเล่าความเท็จให้
เล่ืองลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ตอ้ งระวางโทษ จาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท
หรือท้งั จาท้งั ปรับ”
รายวิชา รูท้ นั ข่าวและ Fake News 33
สค0200036
1.2 การนาเข้าข้อมูลอนั เป็ นความผิดเกยี่ วกบั ความม่นั คงหรือการก่อการร้าย
มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (2)
นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็ นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
ต่อการรักษาความม่ันคงปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภยั สาธารณะ ความมัน่ คงในทางเศรษฐกิจ
ของประเทศ หรือโครงสร้างพ้ืนฐานอนั เป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อใหเ้ กิดความตื่นตระหนก
แก่ประชาชน
ผูโ้ พสต์ข้อความที่จะมีความผิดตามมาตรา 14 (2) จะต้องเป็ นกรณีที่ข้อความหรือข้อมูลน้ัน
เป็นความเทจ็ ที่มีเจตนารู้อยแู่ ลว้ วา่ ขอ้ มลู เหล่าน้นั เป็นเทจ็ แตก่ ็ยงั โพสตไ์ ปเช่นน้นั และขอ้ มลู ท่ีโพสตไ์ ปน้นั
จะตอ้ งก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อการรักษาความมน่ั คงปลอดภยั ท้งั ในทางสาธารณะ เศรษฐกิจ หรือจะตอ้ ง
ก่อใหเ้ กิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หากการแสดงความคิดเห็นหรือนาเสนอขอ้ มูลไปน้นั เป็ นความจริง
เช่น การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต การติชมการทางานของหน่วยงานรัฐ ก็จะไม่เขา้ องค์ประกอบข้อมูล
อนั เป็นเท็จ หรือเป็นความเทจ็ แต่ไม่มีเจตนาและไม่ไดก้ ่อให้เกิดผลดงั กล่าว ก็ไม่อาจเอาผิดตามมาตรา 14 (2) ได้
เนื่องจากขาดองคป์ ระกอบความผดิ
นอกจากน้ียังมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (3) นาเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อนั เป็ นความผิดเกี่ยวกับ
ความมน่ั คงแห่งราชอาณาจกั รหรือความผิดเกี่ยวกบั การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
ผูโ้ พสต์ขอ้ ความจะมีความผิดตามมาตรา 14 (3) ต่อเม่ือขอ้ ความดงั กล่าวเป็ นความผิดที่เกี่ยวกับ
ความมน่ั คงแห่งราชอาณาจกั ร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 7 ผใู้ ดกระทาความผิดดงั ระบุไวต้ ่อไปน้ี
นอกราชอาณาจกั ร จะตอ้ งรับโทษในราชอาณาจกั ร คอื
- ความผดิ เก่ียวกบั ความมนั่ คงแห่งราชอาณาจกั ร ตามท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 107 ถึงมาตรา 129
- ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามท่ีบัญญตั ิไวใ้ นมาตรา 135/1 มาตรา 135/2 มาตรา 135/3
และมาตรา 135/4
และอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ. วา่ ดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (5)
เผยแพร่หรือส่งต่อซ่ึงขอ้ มูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แลว้ ว่าเป็ นขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
โดยจะมีความผิดตามมาตรา 14 (5) จะตอ้ งกระทาความผิดครบองคป์ ระกอบ 2 อยา่ ง คือ หน่ึง เผยแพร่หรือ
ส่งตอ่ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ และสองโดยรู้อยแู่ ลว้ วา่ เป็นขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
34 รายวิชา รทู้ นั ขา่ วและ Fake News
สค0200036
1.3 การนาเข้าภาพตัดต่อ
มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าดว้ ยการกระทาความผิดเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (4)
นาเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลกั ษณะอนั ลามกและขอ้ มูลคอมพิวเตอร์น้ัน
ประชาชนทว่ั ไปอาจเขา้ ถึงได้
ผูโ้ พสต์ขอ้ ความ ภาพ หรือคลิปท่ีจะมีความผิดตามมาตรา 14 (4) ต่อเมื่อขอ้ ความ ภาพ หรือคลิป
ดงั กล่าวเป็นการตดั ต่อที่มีเน้ือหาลามก อนาจาร และประชาชนทว่ั ไปสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลได้
การนาเขา้ ภาพตดั ต่อ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าดว้ ยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2560 มาตรา 16 นาเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนท่วั ไปอาจเขา้ ถึงไดซ้ ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์
ที่ปรากฏเป็นภาพของผอู้ ื่น และภาพน้นั เป็นภาพท่ีเกิดจากการสร้างข้ึน ตดั ต่อ เติม หรือดดั แปลง ดว้ ยวิธีการ
ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอ่ืนใด โดยประการท่ีน่าจะทาให้ผอู้ ่ืนน้นั เสียช่ือเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชงั
หรือไดร้ ับความอบั อาย มีโทษจาคกุ ไม่เกิน 3 ปี ปรับไมเ่ กิน 200,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ผูโ้ พสต์ข้อความ ภาพ หรือคลิปที่จะมีความผิดตามมาตรา 16 ต่อเมื่อขอ้ ความ ภาพ หรือคลิป
ดงั กล่าวเป็นการตดั ต่อ โดยทาใหผ้ อู้ ื่นน้นั เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชงั หรือไดร้ ับความอบั อาย
นอกจากน้ี ยงั มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) เพื่อความประสงคแ์ ห่งการคา้
หรือโดยการคา้ เพ่อื การแจกจ่ายหรือเพ่ือการแสดงอวดแก่ประชาชน ทา ผลิต มีไว้ นาเขา้ หรือยงั ให้นาเขา้ ใน
ราชอาณาจกั ร ส่งออกหรือยงั ให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจกั ร พาไปหรือยงั ให้พาไปหรือทาให้แพร่หลาย
โดยประการใด ๆ ซ่ึงเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี ส่ิงพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เคร่ืองหมาย
รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบนั ทึกเสียง แถบบนั ทึกภาพหรือส่ิงอื่นใดอนั ลามก ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี
หรือปรับไมเ่ กิน 60,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ