The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 032 Sukrit Wisoram, 2023-09-18 09:49:57

สะพานไม้ไอศกรีม

017 032

โครงการ สะพานไม้ไอศกรีม Ice cream wooden bridge สมาชิกในกลุ่ม นายปฏิพัฒน์ เครื่องรัมย์ รหัสนักศึกษา65301211017 นายสุกฤษฎิ์ วิโสรัมย์ รหัสนักศึกษา 65301211032 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แผนกวิชาช่างโยธา วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ ปีการศึกษา2566


โครงการ สะพานไม้ไอศกรีม Ice cream wooden bridge สมาชิกในกลุ่ม นายปฏิพัฒน์ เครื่องรัมย์ รหัสนักศึกษา65301211017 นายสุกฤษฎิ์ วิโสรัมย์ รหัสนักศึกษา 65301211032 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แผนกวิชาช่างโยธา วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ ปีการศึกษา2566


ก ชื่อโครงการ สะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. เพื่อให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มทักษะใน การออกแบบ 2. เพื่อจ าลองความวิบัติของสะพานไม้ไอศกรีม 3. เพื่อให้นักศึกษาเกิดความสามัคคีและร่วมมือปฏิบัติงานกัน เป็นทีม ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. ท าให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มีความคิดริเริ่มในการ ออกแบบ 2. เพื่อจ าลองความวิบัติของสะพานไม้ไอศกรีม 3. ท าให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามัคคีและท างานร่วมได้ เป็นอย่างดี


ข กิตติกรรมประกาศ โครงการวิชาชีพฉบับบนี้ส าเร็จลุล่วงไปด้วยดีเนื่องจากได้รับ ความช่วยเหลืออย่างยิ่งของผู้มีส่วนร่วมคือ อาจารย์ที่ปรึกษา โครงการ อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย ซึ่งได้กรุณาให้ค าแนะน า ที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนชี้แนวทางการปฏิบัติงานด้านวิชาการ ตลอดมา ขอบพระคุณ อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย ที่ได้เอื้ออ านวย สถานที่และอุปกรณ์ และให้ปรึกษาแนะน า ในการประกอบชิ้นงาน ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสมบูรณ์ ขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดา ผู้ซึ่งให้ความรัก ความ เมตตา ความห่วงใย และเป็นก าลังใจให้ผู้จัดท าโครงการจนส าเร็จ ขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน รวมทั้งเพื่อน ๆ ในกลุ่มและเพื่อน ๆ กลุ่ม สชธ.21-22 ที่ได้ให้ค าแนะน าและเป็นก าลังใจตลอดมา คุณค่าหรือคุณประโยชน์อันเกิดจากโครงการเล่มนี้ ผู้จัดท า ขอน้อมบูชาแด่พระคุณบิดา มารดา ครู อาจารย์ที่อบรมสั่งสอน แนะน า ให้การสนับสนุนและให้ก าลังใจอย่างดียิ่งเสมอมา คณะผู้จัดท า นายปฏิพัฒน์ เครื่องรัมย์ นายสุกฤษฎิ์ วิโสรัมย์


ค หัวข้อโครงการ สะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) หน่วยกิต 4 หน่วยกิต นักศึกษา นายปฏิพัฒน์ เครื่องรัมย์ นายสุกฤษฎิ์ วิโสรัมย์ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แผนกวิชา ช่างโยธา ปีการศึกษา 2566 บทคัดย่อ โครงการเรื่องสะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในการศึกษาการวิบัติของสะพานไม้ ไอศกรีม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักศึกษาเป็นการสร้าง จิตส านึก ด้านความปลอดภัยในด้านการออกแบบและการก่อสร้าง โครงสร้าง การให้นักศึกษาได้ออกความคิดเห็น มีความคิด สร้างสรรค์ เพิ่มทักษะในการออกแบบ เพื่อให้เกิดความ สะดวกสบายในการเรียนการสอน และให้นักศึกษามีความสามัคคี และท างานร่วมกันปฏิบัติงานกันเป็นทีม โครงการเรื่องสะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) เป็นการออกแบบและ สามารถน าไปใช้งานได้หลาย โอกาสในการออกแบบได้ก าหนดค่าต่าง ๆ ตามทฤษฎีที่ได้ศึกษา มา เลือกใช้วัสดุที่แข็งแรงเพื่อให้สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี ทนทานต่อการใช้งาน


ง สารบัญ เรื่อง หน้า ใบน าเสนอโครงการ ก กิตติกรรมประกาศ ข บทคัดย่อ ค สารบัญ ง สารบัญรูปภาพ ช สารบัญตาราง ฎ บทที่ 1 บทน า 1.1 ที่มาและความส าคัญของโครงการ 1 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1 1.4 ขอบเขตของโครงการ 2 1.5 ข้อจ ากัดของโครงการ 2 1.6 นิยามศัพท์ 2 บทที่ 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2.1 สะพานไม้ไอศกรีม 3 2.2 ไม้ลูกชิ้น 4 2.3 ตุ้มน้ าหนัก 4 2.4 กาวร้อน 5 2.5 เทปกาว 6 2.6 แท่นทดสอบ 7 2.7 ไม้ไอศกรีม 8 2.8 กรรไกร 9


จ สารบัญ(ต่อ) 2.9 คีม 11 2.10 สว่าน 11 2.11 ดอกสว่าน 21 2.12 ดินสอ 26 2.13 กระดาษ 29 2.14 ปลั๊ก 34 2.15 ค้อน 43 2.16 เลื่อย 46 2.17 ตลับเมตร 46 2.18 ไม้บรรทัด 47 2.19 มีดคัตเตอร์ 48 2.20 คลิปหนีบกระดาษ 53 2.21 ระดับน้ า 53 2.22 ฉากเหล็ก 59 บทที่ 3 วิธีการด าเนินงาน 3.1 ขั้นตอนการด าเนินงาน 60 3.2 อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน 61 3.3 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 62 3.4 งบประมาณการใช้จ่ายในการท าโครงการ 68 บทที่ 4 ผลการด าเนินงาน 4.1 ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ 69


ฉ สารบัญ(ต่อ) บทที่ 5 สรุปผล วิจารณ์ และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล 73 5.2 วิจารณ์ 73 5.3 ข้อเสนอแนะ 74 ภาคผนวก 75 เอกสารอ้างอิง 96


ช สารบัญรูปภาพ เรื่อง หน้า รูปภาพที่ 2.1 สะพานไม้ไอศกรีม 3 รูปภาพที่ 2.2 ไม้ลูกชิ้น 4 รูปภาพที่ 2.3 กาวร้อน 5 รูปภาพที่ 2.4 เทปกาว 6 รูปภาพที่ 2.5 แท่นทดสอบ 7 รูปภาพที่ 2.6 Hinge support 7 รูปภาพที่ 2.7 Roller support 8 รูปภาพที่ 2.8 ไม้ไอศกรีม 9 รูปภาพที่ 2.9 กรรไกร 10 รูปภาพที่ 2.10 คีมปากขยาย 12 รูปภาพที่ 2.11 คีมคอม้า 12 รูปภาพที่ 2.12 คีมปากกระจก 13 รูปภาพที่ 2.13 คีมตัด 13 รูปภาพที่ 2.14 คีมปากแหลม 14 รูปภาพที่ 2.15 คีมปากแบน 14 รูปภาพที่ 2.16 คีมปากกลม 15 รูปภาพที่ 2.17 คีมถ่างแหวน 15 รูปภาพที่ 2.18 คีมถอดสกรู 16 รูปภาพที่ 2.19 คีมย้ าตาไก่ 16 รูปภาพที่ 2.20 คีมเจาะรู 17


ซ สารบัญรูปภาพ(ต่อ) รูปภาพที่ 2.21 คีมย้ าหางปลา 17 รูปภาพที่ 2.22 คีมปอกสายไฟ 18 รูปภาพที่ 2.23 คีมปากนกแก้ว 18 รูปภาพที่ 2.24 คีมล็อค 19 รูปภาพที่ 2.25 สว่าน 20 รูปภาพที่ 2.26 ดอกสว่านเจาะไม้ 21 รูปภาพที่ 2.27 ดอกสว่านเจาะเหล็ก 22 รูปภาพที่ 2.28 ดอกสว่านชุบด า 23 รูปภาพที่ 2.29 ดอกสว่านเจาะคอนกรีต 24 รูปภาพที่ 2.30 ดอกสว่านเจาะคอนกรีตก้านกลม 25 รูปภาพที่ 2.31 ดอกสว่านโรตารี่ 26 รูปภาพที่ 2.32 ดินสอ 29 รูปภาพที่ 2.33 กระดาษ 34 รูปภาพที่ 2.34 ปลั๊ก3ตา 35 รูปภาพที่ 2.35 ปลั๊กโรลสายไฟ 36 รูปภาพที่ 2.36 ปลั๊กบ็อกยางสนาม 37 รูปภาพที่ 2.37 ปลั๊กพ่วง2ขา 38 รูปภาพที่ 2.38 ปลั๊กจีน 39 รูปภาพที่ 2.39 ปลั๊กกรองไฟ 40 รูปภาพที่ 2.40 ปลั๊กกันไฟกระชาก 41 รูปภาพที่ 2.41 ปลั๊กปรับแรงดัน 42


ฌ สารบัญรูปภาพ(ต่อ) รูปภาพที่ 2.42 ปลั๊ก มอก. 2432-2555 43 รูปภาพที่ 2.43 ค้อนตอกตะปูทั่วไป 44 รูปภาพที่ 2.44 ค้อนส าหรับนักธรณีวิทยา 44 รูปภาพที่ 2.45 ค้อนส าหรับท าเบาะหนัง 45 รูปภาพที่ 2.46 ค้อนหัวกลม 45 รูปภาพที่ 2.47 ค้อนหัวไม้ 45 รูปภาพที่ 2.48 เลื่อยตัดท่อ 46 รูปภาพที่ 2.49 ตลับเมตร 47 รูปภาพที่ 2.50 ไม้บรรทัด 48 รูปภาพที่ 2.51 มีดคัตเตอร์ใหญ่ 50 รูปภาพที่ 2.52 มีดคัตเตอร์เล็ก 51 รูปภาพที่ 2.53 คลิปหนีบกระดาษ 53 รูปภาพที่ 2.54 ระดับน้ า 54 รูปภาพที่ 2.55 การใช้ระดับน้ าที่ผิดพลาด 55 รูปภาพที่ 2.56 การใช้ระดับน้ า 56 รูปภาพที่ 2.57 การใช้ระดับน้ า 56 รูปภาพที่ 2.58 การใช้ระดับน้ า 57 รูปภาพที่ 2.59 การใช้ระดับน้ า 57 รูปภาพที่ 2.60 การใช้ระดับน้ า 57 รูปภาพที่ 2.61 การใช้ระดับน้ า 58 รูปภาพที่ 2.62 การใช้ระดับน้ า 58 รูปภาพที่ 2.63 ฉากเหล็ก 59


ญ สารบัญรูปภาพ(ต่อ) รูปภาพที่ 3.1 แบบโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม 61 รูปภาพที่ 3.2 เตรียมวัสดุอุปกรณ์ 62 รูปภาพที่ 3.3 ตัดปลายไม้ไอศรีมออกทั้ง 2 ด้าน 63 รูปภาพที่ 3.4 ประกอบไม้ไอศกรีมเป็นชิ้นส่วน 63 รูปภาพที่ 3.5 น าคลิปหนีบกระดาษมาหนีบไม้ไอศกรีม 64 รูปภาพที่ 3.6 เจาะรูเพื่อตอกหมุดย้ า 64 รูปภาพที่ 3.7 ตัดไม้ลูกชิ้นตรงหมุดย้ า 65 รูปภาพที่ 3.8 ตอกหมุดย้ า 65 รูปภาพที่ 3.9 ใส่กาวร้อน 66 รูปภาพที่ 3.10 ประกอบชิ้นส่วนตามแบบที่ก าหนดไว้ 66 รูปภาพที่ 3.11 มัดลวดเพื่อเพิ่มความแข็งแรง 67 รูปภาพที่ 3.12 ติดตั้งเพลา เพื่อเป็นรับน้ าหนักของตุ้ม 67 รูปภาพที่ 4.1 ภาพด้านหน้าของสะพานไม้ไอศกรีม 69 รูปภาพที่ 4.2 ภาพด้านบนของสะพานไม้ไอศกรีม 69 รูปภาพที่ 4.3 ภาพชั่งน้ าหนักของสะพานไม้ไอศกรีมครั้งที่ 1 70 รูปภาพที่ 4.4 ภาพก่อนการทดสอบรับน้ าหนักครั้งที่ 1 70 รูปภาพที่ 4.5 ภาพการวิบัติของสะพานไม้ไอศกรีมครั้งที่ 1 71 รูปภาพที่ 4.6 ภาพติดตั้งสะพานไม้ไอศกรีมเพื่อทดสอบการรับ น้ าหนักครั้งที่ 2 71 รูปภาพที่ 4.7 ภาพก่อนการทดสอบครั้งที่ 2 72 รูปภาพที่ 4.8 ภาพเมื่อผ่านการทดสอบครั้งที่ 2 72


ฎ สารบัญตาราง เรื่อง หน้า ตารางที่ 3.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน 61-62 ตารางที่ 3.2 งบประมาณการใช้จ่ายในการท าโครงการ 68


1 บทที่ 1 บทน า 1.1 ที่มาและความส าคัญของโครงการ อุปกรณ์ชุดนี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษาถึงคุณลักษณะและการรับ น้ าหนักของสะพานไม้ไอศกรีม แบบสี่เหลี่ยมคางหมู โดยจะแสดง คุณลักษณะต่าง ๆ ของสะพานไม้ไอศกรีมเช่น การับน้ าหนักของสะพาน ความแข็งแรง นักศึกษาแผนกช่างโยธา วิเคราะห์ปัญหาในการท าสะพานไม้ ไอศกรีม ซึ่งได้มีปัญหาเกิดขึ้นหลาย ๆ ปัญหา อาทิเช่น ปัญหาไม้ไอศกรีม แตกหัก เบี้ยว กาวไม่ได้มาตรฐาน แบ่งหน้าที่การท างานไม่ลงตัว อุปกรณ์ ในการท าไม่พร้อม สถานที่ในการจัดท าไม่อ านวย โครงการสะพานไม้ ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) ฉบับนี้ได้มีการจัดท าขึ้น เนื่องจาก ครูอาจารย์ได้เล็งเห็นถึงการรับน้ าหนัก และการวิบัติของสะพานไม้ ไอศกรีม ครูอาจารย์จึงมีความคิดริเริ่ม และลงมติกันว่าจะจัดท าสะพานไม้ ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) ตลอดจนครูอาจารย์ได้ใช้ ประโยชน์ในการเรียนการสอน ในแผนกวิชาช่างโยธา 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1.2.1 เพื่อให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มทักษะในการ ออกแบบ 1.2.2 เพื่อให้นักศึกษาได้เห็นการวิบัติของสะพานจ าลอง 1.2.3 เพื่อให้นักศึกษาเกิดความสามัคคีและร่วมมือปฏิบัติงานกันเป็น ทีม


2 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.3.1 ท าให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มีความคิดริเริ่มในการออกแบบ 1.3.2เพื่อให้นักศึกษาได้เห็นการวิบัติของสะพานจ าลอง 1.1.3 ท าให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามัคคีและท างานร่วมได้เป็น อย่างดี 1.4 ขอบเขตของโครงการ 1.4.1 ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามอาจารย์ผู้มีความรู้เกี่ยวกับ การประกอบสะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) 1.4.2 วัสดุต่าง ๆ ที่น ามาประกอบโครงการเรื่องสะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) 1.5 ข้อจ ากัดของโครงการ เนื่องจากระยะเวลาที่ใช้ในการท าโครงการมีจ ากัด คณะผู้จัดท าจึง ต้องเร่งการจัดท า จึงให้ประสิทธิภาพในการประกอบสะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge)ไม่เต็มที่ วัสดุอุปกรณ์ที่น ามาจัดท าไม่มี คงทน และคุณภาพต่ า จึงท าให้เสียเวลาในการคัดแยกไม้ไอศกรีม 1.6 นิยามศัพท์ ไม้ไอศกรีม (Ice cream stick) เป็นวัสดุหลักที่น ามาประกอบ โครงสร้างของสะพาน กาวร้อน เป็นส่วนผสมของของเหลวหรือวัสดุกึ่งของเหลวที่ สามารถเชื่อมติด หรือประสานวัสดุสองชิ้นเข้าหากกัน สว่าน เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งใช้ส าหรับเจาะรูบนวัสดุหลายประเภท เป็นวัสดุที่ใช้ในการเจาะรูไม้ไอศกรีม


3 บทที่ 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง การสร้างโครงสร้างด้วยไม้ไอศกรีม เป็นรูปแบบหนึ่งของโครงสร้าง จ าลอง ที่นักศึกษาจะต้องนความรู้ทางด้านงานก่อสร้างเข้ามาออกแบบ และด าเนินการประกอบโครงสร้าง โดยก าหนดเป้าหมายให้โครงสร้างที่ สร้างจะต้องสามารถรับน้ าหนักได้สูงสุด 130 กิโลกรัม ท าให้เห็นสภาวะ วิบัติจริง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อนักศึกษา เป็นการสร้างจิตส านึก ด้านความปลอดภัยในด้านการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้าง 2.1 สะพานไม้ไอศกรีม สะพานไม้ไอศกรีม (Ice cream wooden bridge) โครงสร้างที่สร้างด้วยไม้ไอศกรีมจะต้องสามารถรับน้ าหนักได้สูงสุด เพลาตรงส่วนแกนกลางท าหน้าที่รับน้ าหนักจากตุ้มน้ าหนัก รูปภาพที่2.1 สะพานไม้ไอศกรีม


4 2.2 ไม้ลูกชิ้น ผลิตจากไม้ไผ่ธรรมชาติเหมาะส าหรับ ใช้จิ้มอาหาร ใช้เสียบอาหาร บาร์บีคิว ปลาหมึก เนื้อ ผัก ผลไม้ชนิดต่างๆ ตามงานเลี้ยงงานปาร์ตี้ต่างๆ ควรเก็บไว้ในที่แห้ง ใช้แล้วทิ้ง เป็นส่วนประกอบหลักที่ส าคัญ ที่น ามาเป็นหมุดยึดเพื่อความแข็งแรง ของสะพาน รูปภาพที่2.2 ไม้ลูกชิ้น 2.3 ตุ้มน้ าหนัก (Weights) วัสดุที่ใช้เทียบน้ าหนัก เฉลี่ยก้อนละ 10 กิโลกรัม โดยมีลักษณะ สี่เหลี่ยม ใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ระยะ@3เซนติเมตร


5 2.4 กาวร้อน กาว หรือ วัสดุประสาน คือส่วนผสมของของเหลวหรือวัสดุกึ่ง ของเหลวที่สามารถเชื่อมติด หรือประสานวัสดุสองชิ้นเข้าด้วยกัน กาวมีอยู่ หลากหลายรูปแบบทั้งมาจากธรรมชาติและสารเคมีสังเคราะห์ซึ่งการใช้ งานมักจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่จะน ามาติดกัน กาวนิยมใช้ติดวัสดุที่มีลักษณะบาง หรือวัสดุที่แตกต่างกัน โดยกาวจะ แตกต่างจากการเชื่อมวัสดุแบบอื่นคือ กาวจะใช้เวลาในการประสาน โดยกาว จะมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งานที่แตกต่างกัน รูปภาพที่2.3 กาวร้อน


6 2.5 เทปกาว กระดาษกาวย่น (Masking Tape) กระดาษกาวย่น เทปหนังไก่ เป็นเทปกระดาษที่ต้องใช้การกดเพื่อให้ เทปติด จะจ าแนกอยู่ในกลุ่มเทปแบบ Pressure Sensitive คือต้องมีแรง กดเพื่อให้เทปติด ซึ่งจะต่างจากกระดาษกาวใช้น้ าที่ต้องท าให้เปียกถึงจะ ติดกับพื้นผิว ตัวเทปจะเป็นกระดาษบางที่สามารถใช้มือฉีกได้ ท าให้มีความ สะดวกในการใช้งาน กาวของกระดาษกาวย่นจะไม่เหนียวมาก ท าให้ สามารถดึงออกจากพื้นผิวได้โดยไม่ทิ้งคราบกาวหรือท าให้พื้นผิวเสียหาย กระดาษกาวย่นจึงถูกน าไปใช้มากในงานศิลปะ เพื่อกันไม่ให้สีเลอะในจุด ที่ไม่ต้องการ หรือเพื่อปกปิดหรือป้องกันพื้นผิว เพราะตัวเทปสามารถลอก ออกได้ง่ายและไม่เลอะ รูปภาพที่2.4 เทปกาว


7 2.6 แท่นทดสอบ เป็นโครงสร้างไว้ส าหรับการรับน้ าหนักของสะพาน โดยมีจุด Support อยู่ 2 จุดอยู่ตรงข้ามกัน รูปภาพที่2.5 แท่นทดสอบ จุดที่1 แบบยึดหมุน (Hinge) ที่รองรับแบบนี้ จะไม่มีการเคลื่อนที่การ ท างานคล้ายบานพับ คือ หมุนได้รอบแกน ค่าของโมเมนต์ที่จุดนี้มีค่าเป็น ศูนย์ สามารถจะรับแรงได้ทั้งแนวดิ่งและแนวนอน มีแรงปฏิกิริยาเกิดขึ้น2 ทาง ดังรูป รูปภาพที่2.6 (Hinge support)


8 จุดที่2 แบบหมุนและเคลี่อนที่ได้ทางเดียว (Roller Support) เป็นที่ รองรับไม่สามารถรับโมเมนต์ดัดได้ที่หมุนได้ ที่รองรับชนิดนี้สามารถหา แรงได้ตามแนวดิ่งอย่างเดียว มีแรงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแนววิ่ง ดังรูป รูปภาพที่2.7 (Roller support) 2.7 ไม้ไอศกรีม ไม้ไอติมคือ เล่ากันว่า"ไอติม"มีต้นก าเนิดมาจากดินแดนใน ต่างประเทศ ทั้งนี้ได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้รับประทานกันแต่ภายในวังเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากไอศกรีมเป็นอาหารหวานที่ทันสมัยหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น นวัตกรรมให้มาก็ว่าได้ ใครได้ลองรับประทานไอศกรีมในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นคนที่ก้าวล้ าน าสมัยไปโดยปริยาย แต่ส าหรับการท าโครงสร้างสะพาน ไม้ไอศกรีมถือเป็นวัสดุหลักใน การท า เนื่องจากโครงของสะพานล้วนท าจากไม้ไอศกรีมทั้งนั้น


9 รูปภาพที่2.8 ไม้ไอศกรีม 2.8 กรรไกร (scissors) เป็นเครื่องมือที่ใช้ส าหรับตัดวัสดุบาง ๆ โดยใช้แรงกดเล็กน้อย โดยใช้ ตัดวัสดุเช่น กระดาษ กระดาษแข็ง แผ่นโลหะบาง พลาสติกบาง อาหาร บางอย่าง ผ้า เชือก และสายไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เพื่อตัดผมก็ได้ ส่วนกรรไกรขนาดใหญ่อาจใช้ตัดใบไม้และกิ่งไม้ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็น พิเศษ กรรไกรนั้นต่างจากมีด เพราะมีใบมีด 2 อัน ประกบกันโดยมีจุดหมุน ร่วมกัน กรรไกรส่วนใหญ่จะไม่มีความคมมากนัก แต่อาศัยแรงฉีกระหว่าง ใบมีดสองด้าน กรรไกรของเด็กนั้นจะมีความคมน้อยมาก และมักมีพลาสติก หุ้มเอาไว้ ในภาษาไทย เรียก "กรรไกร", "กรรไตร" หรือ "ตะไกร" ส่วนใน ภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปเรียกว่า "scissors" แต่ในอุตสาหกรรม เรียก กรรไกรที่มีความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตร ว่า "shears" แต่ที่นิยมเรียก ในประเทศไทยคือ กรรไกร ในทางกลศาสตร์ ถือว่ากรรไกรเป็นคานคู่ชั้น 1 (First-Class Lever) ซึ่งมีหมุดกลางท าหน้าที่เป็นจุดหมุน ส่วนการตัดวัสดุหนาหรือแข็งนั้น จะ


10 ให้วัสดุอยู่ใกล้จุดหมุน เพื่อเพิ่มแรงกดให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่นหากแรงที่ ใช้ (นั่นคือ มือ) ห่างจากจุดหมุนเป็นสองเท่าของต าแหน่งที่ตัด (นั่นคือ ต าแหน่งกระดาษ) แรงที่กดบนขากรรไกรก็จะเป็นสองเท่าด้วย กรรไกรพิเศษ เช่น กรรไกรตัดเหล็ก (bolt cutters) ส าหรับงานกู้ภัย จะมีปากสั้น และด้ามยาว เพื่อให้วัสดุที่ตัดอยู่ใกล้จุดหมุนมากที่สุดนั่นเอง กรรไกรตัดเหล็กเส้นก่อสร้าง (bar cutters) ส าหรับงานก่อสร้าง โดยเฉพาะ ไซต์งานที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ท างานโดยใช้แรงกล มีด้ามยาวส าหรับโยกหมุน เฟืองเพื่อดันใบมีดเข้าหากันเพื่อตัดเหล็ก เหมาะกับการใช้ตัดชิ้นงานหยาบ ไม่สามารถใช้กับงานที่ละเอียดได้ นอกจากนี้ยังมีกรรไกรตัดเหล็กที่ใช้ ส าหรับตัดเหล็กแผ่น เหล็กแบน เหล็กกลม (shearing machines) ซึ่งใช้ กลวิธีการท างานคือ โยกด้ามยาวที่ติดกับตัวขับที่เป็นฟันเหล็ก และเฟืองซึ่ง ท าจากเหล็กขึ้นรูปร้อน โดยตัวขับจะเป็นตัวส่งก าลังไปยังตัวเลื่อน เพื่อดัน ใบมีดตัวบนเข้ามาใบมีดตัวล่าง และมีสปริงค้ าคันโยก ซึ่งจะช่วยป้องกันคัน มือโยกไม่ให้หล่นลงมา และยังเป็นตัวท าให้เกิดความสมดุลของน้ าหนัก ของตัวคันมือโยกอีกด้วย รูปภาพที่2.9 กรรไกร


11 2.9 คีม (Pliers) ใช้ส าหรับการจับชิ้นงานเพื่อท างานใดๆ คือใช้ในงานตัดวัตถุที่ไม่ แข็งแรงมากนัก เช่น สายไฟฟ้า ลวด หรือสลักล้อคขนาดเล็ก คีมมีรูปร่าง และขนาดต่างๆ กัน ตามลักษณะการใช้งาน คีมบางตัวออกแบบมาเพื่อใช้ งานหลายหน้าที่ เช่นทั้งในการจับงานและตัดชิ้นงาน คีมบางแบบ มีข้อต่อ เลื่อนที่สามารถปรับขนาดความกว้างของปากในการจับชิ้นงานได้การแบ่ง ประเภทของคีม และเรียกชื่อ จะเป็นไปตามลักษณะ การใช้งาน ซึ่งมีหลาย รูปแบบด้วยกัน คีม (Pliers) คือเครื่องมือที่ใช้ส าหรับ บีบ บิด ยึด คีบ จับ ตัด ดัด งอโค้ง วัสดุตามความต้องการ เช่น โลหะแผ่นบาง สายไฟ ท่อขนาด เล็ก เส้นลวด ซึ่งคีมแต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาให้ใช้งาน เฉพาะทาง และมีรูปร่างกับโครงสร้างที่ต่างกันไป แต่จะมี 2 ขา คล้าย กรรไกร ที่เหมือนกัน คีมมีกี่แบบ คีมถูกออกแบบมาให้ใช้ในงานที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่คีมอเนกปรง สงค์ที่ใช่ได้หลากหลายรูปแบบ ไปจนถึงงานที่เฉพาะทางมากๆเช่น งานถอดหัวเทียนรถยนตร์ เราจึงขอแนะคีมที่เป็นที่นิยมมาทั้งหมด 16 แบบ คีมปากขยาย คีมปากขยาย มีปากที่สามารถปรับความกว้างให้กว้างขึ้นหรือแคบลงได้ และลักษณะด้านในปาก จะมีความโค้งเว้าไว้ทั้งสองข้างและมีร่องฟัน เพื่อ ใช้ในการจับ เหมาะส าหรับจับงานร้อน หรือ งานที่มีขนาดใหญ่ที่คีม ธรรมดาไม่สามารถจับได้


12 รูปภาพที่2.10 คีมปากขยาย คีมคอม้า คีมคอม้าเป็นเครื่องมือส าหรับการหมุนวัสดุที่มีทรงกลม หรือ ทรงกระบอก เหมาะส าหรับใช้งานหมุนท่อ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับท่อ ต่างๆ เช่น ท่อเหล็ก ท่อส่งน้ําพีวีซี ข้อต่อและอุปกรณ์ ต่างๆ โดยที่ บริเวณปากคีมสามารถเลื่อนขยายออกได้มากพอส าหรับจับท่อและข้อ ต่อได้หลายขนาด รูปภาพที่2.11 คีมคอม้า


13 คีมปากกระจก คีมปากจิ้งจก เป็นคีมอเนกประสงค์แบบ ALL IN ONE เพราะด้วย ลักษณะคีม จะมีปากที่จับได้ ตัดได้ และบีบได้ในตัวเดียว รูปภาพที่2.12 คีมปากกระจก คีมตัด คีมตัด มีลักษณะคล้ายกับกรรไกร ปากคีมจะมีความคม สามารถใช้ตัด วัสดุรูปทรงต่าง ๆ ได้ เช่น ตัดลวดหนา ๆ ตัดตะปู หรือปลอกสายไฟ แบบบาง เป็นต้น นิยมใช้ในงานช่างไม้ งานช่างไฟฟ้า รูปภาพที่2.13 คีมตัด


14 คีมปากแหลม คีมปากแหลมใช้ในงานดัด และตัดวัสดุต่าง ๆ โดยปากคีมมีลักษณะ เรียว ยาว และแหลม เพื่อความแม่นย าในการใช้งานในที่แคบ หรือ ชิ้นงานที่มีขนาดเล็ก อีกทั้งยังมีร่องฟันที่ปากคีม เพื่อใช้จับชิ้นงาน ไม่ให้ลื่น นิยมใช้ในงานไฟฟ้า งานสร้างเครื่องประดับ งานประดิษฐ์ และงานอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น รูปภาพที่2.14 คีมปากแหลม คีมปากแบน คีมปากแบนสามารถ จับและ บิดลวดหรือโลหะ ได้อย่างมั่นคง เป็น เครื่องมือที่ใช้ในงานไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งคีมปากแบน นั้นก็จะมี ทั้งลักษณะ ยาวและสั้น อีกด้วย รูปภาพที่2.15 คีมปากแบน


15 คีมปากกลม คีมปากกลม มีปลายปากที่แหลมและกลม เหมาะส าหรับงานดัด งานที่ เป็นรูห่วง และงานที่มีความละเอียดอ่อน เช่น งานไฟฟ้า งาน อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพราะ ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับ อุปกรณ์ หรือสายไฟที่อยู่ข้างๆ ชิ้นงานได้ ส่วนปากด้านในจะเจียระไน ให้มีลักษณะแบนทั้งสองข้าง ด้ามหุ้มด้วยปลอกพลาสติกหุ้ม รูปภาพที่2.16 คีมปากกลม คีมถ่างแหวน คีมถ่างแหวนตรงปลายคีมจะมีปลายแหลมคล้ายกับปากกาลูกลื่น ใช้ ส าหรับติดตั้ง หรือถอดแหวนล็อค โดยทั่วไปจะมี 3 แบบคือ แบบที่จับ ด้ามจับแล้วปากจะเปิด แบบจับด้ามจับแล้วปากจะปิด และแบบท าได้ทั้ง สองอย่างในตัวเดียว รูปภาพที่2.17 คีมถ่างแหวน


16 คัมถอดสกรู คีมถอดสกรู เป็นคีมที่ใช้จับบริเวณหัวสกรูเพื่อถอดออก ใช้ได้ดีกับสกรู ที่หัวพัง เหลี่ยมหาย สกรูที่ขึ้นสนิม ไม่สามารถไขออกโดยใช้ไขควง รูปภาพที่2.18 คีมถอดสกรู คีมย้ าตาไก่ คีมย้ าตาไก่ เป็นคีมที่ใช้เพื่อเจาะตาไก่บนชิ้นงานต่างๆ ที่จ าเป็นต้องมีรู บนชิ้นงานก่อนน าไปใช้ รูปภาพที่2.19 คีมย้ าตาไก่


17 คีมเจาะรู คีมเจาะรูใช้ส าหรับเจาะรูบนผืนผ้าใบ หรือหนัง ซึ่งคีมชนิดนี้ จะมีทั้ง แบบที่เจาะรูได้ขนาดเดียว และแบบที่สามารถปรับให้เจาะรูได้หลาย ขนาด รูปภาพที่2.20 คีมเจาะรู คีมย้ าหางปลา คีมย้ าหางปลา เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการย้ าระหว่างหางปลากับสายไฟ ให้เกิดความแน่นหนา และมีความแม่นย า และเพิ่มความสะดวกสบาย ในการท างาน รูปภาพที่2.21 คีมย้ าหางปลา


18 คีมปอกสายไฟ คีมปอกสายไฟ เป็นเครื่องมือที่ใช้ส าหรับลอกและปอกฉนวนหุ้มสายไฟ ออกได้สะดวก ซึ่งมีทั้งคีมปอกสายไฟชนิดใช้แรงปอกและคีมปอก สายไฟแบบอัตโนมัติ รูปภาพที่2.22 คีมปอกสายไฟ คืมปากนกแก้ว คีมปากนกแก้วเป็นคีมส าหรับงานตัดโดยเฉพาะ ปากคีมมีลักษณะคล้าย กับปากนกแก้ว โดนส่วนปลายจะมีความคม ที่ด้ามจับมีฉนวนหุ้มเพื่อ ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ใช้ส าหรับตัดเหล็ก เส้นลวด ซึ่งคีมชนิดนี้ ไม่สามารถจับชิ้นงานได้ รูปภาพที่2.23 คีมปากนกแก้ว


19 คีมล็อค คีมล็อคเป็นคีมใช้หนีบจับวัตถุต่างๆ และสามารถปรับความกว้างของ ปากได้โดยการหมุนแกนสกรูทีปลายด้ามจับ เพื่อเพิ่มแรงยึดจับ ทั้งยัง ป้องกันชิ้นงานเลื่อนหลุดหรือคลายออกจากกันได้ดี โดยไม่ท าให้เกิด การแตกหักของชิ้นงาน รูปภาพที่2.24 คีมล็อค 2.10 สว่าน คือเครื่องมือชนิดหนึ่ง ใช้ส าหรับเจาะรูบนวัสดุหลายประเภท เป็น เครื่องมือที่ใช้บ่อยในงานไม้และงานโลหะ ประวัติ สว่านในยุคแรกเริ่มคือ บิดหล่า ซึ่งเป็นอุปกรณ์เดียวกับ อุปกรณ์ส าหรับจุดไฟ โดยอยู่ในยุคของชาวฮารัปปาและชาวอียิปต์ โบราณ ในยุคต่อมาสว่านไฟฟ้าได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย อาร์เทอร์ เจมส์ อาร์ นอต เมื่อปี ค.ศ. 1889 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย หลังจากนั้นจึง มีการประดิษฐ์สว่านไฟฟ้าแบบพกพาในปี ค.ศ. 1895 โดย วิลเฮล์ม ไฟน์ ที่เมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนีและในปี ค.ศ. 1917 แบล็กแอนด์เด็ก เกอร์ผู้ผลิตและจ าหน่ายเครื่องทุ่นแรงและเครื่องใช้ในบ้าน ได้จดทะเบียน


20 สิทธิบัตรสวิตช์แบบกดเปิดและปิดในปุ่มเดียว ที่ติดอยู่กับด้ามถือของสว่าน ไฟฟ้า ประเภท สว่านในปัจจุบันมีหลายประเภท เช่น สว่านไฟฟ้า สว่านไร้สาย สว่านไขควงกระแทก สว่านโรตารี่ สว่านแท่น การท างายการท างานของสว่านนั้น จะใช้ส่วนของดอกสว่าน ยึดอยู่ กับเดือยด้านหนึ่งของสว่าน และกดลงไปบนวัสดุที่ต้องการ หลังจากนั้นจึง ถูกท าให้หมุน ปลายดอกสว่านจะท างานเป็นตัวตัดเจาะวัสดุ และก าจัดเศษ วัสดุระหว่างการเจาะ เช่น ขี้เลื่อย หรือท างานเป็นตัวสูบอนุภาคเล็ก ๆ เช่น การเจาะน้ ามัน รูปภาพที่2.25 สว่าน


21 2.11 ดอกสว่าน เป็นเครื่องมือช่างที่ส าคัญที่ต้องใช้ร่วมกับสว่าน ดอกสว่านใน ท้องตลาดปัจจุบันมีหลายขนาด และหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการ น าไปใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นงานไม้ งานเหล็ก งานปูน งานคอนกรีต ดังนั้น การเลือกซื้อดอกสว่านมาใช้งาน ต้องรู้ไว้ด้วยว่าจะน าดอกสว่านไปใช้กับ งานอะไร ส าหรับดอกสว่านเองนั้นก็ไม่สามารถจะเจาะวัสดุต่างๆ ได้แต่ จะต้องใช้งานควบคู่ไปกับสว่านเสมอ โดยตัวสว่านจะท าหน้าที่ยึดจับดอก สว่านไม่ให้สะบัดในขณะใช้งาน ซึ่งแบ่งประเภทของดอกสว่านได้ 3 ประเภท 1. ดอกสว่านเจาะไม้ มีลักษณะส่วนปลายแหลมมีหัวเกสรช่วยในการ น าศูนย์ ปลายดอกจะคล้ายหางปลา ลดการแกว่ง เป็นดอกสว่านที่ใช้ ส าหรับเจาะไม้ที่มีขนาดไม่กว้างนัก โดยขนาดที่นิยมใช้กันทั่วไป คือ ขนาด 5, 6 หรือ 8 มิลลิเมตร ดอกสว่านเจาะไม้ผลิตจากเหล็กคาร์บอนต่ า ท าให้ไม่สามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้มากนัก รูปภาพที่2.26 ดอกสว่านเจาะไม้


22 2. ดอกสว่านเจาะเหล็ก เป็นดอกสว่านที่ใช้เจาะวัสดุเนื้อเเข็ง เหล็ก อลูมิเนียม หรือวัสดุเนื้ออ่อนได้ มีลักษณะเป็นเกลียวตัดตลอด ปลายดอก สว่านจะแหลมเพื่อใช้ในการจิกชิ้นงาน สามารถน ามาใช้เจาะชิ้นงานที่เป็น ไม้หรือโลหะทั่วไป รวมถึงพลาสติกได้อีกด้วย โดยดอกสว่านเจาะเหล็กจะ แบ่งตามชนิด ดังนี้ รูปภาพที่2.27 ดอกสว่านเจาะเหล็ก - ดอกสว่านชุบด า เป็นเเบบที่ใช้งานทั่วไป เจาะไม้ เจาะเหล็กได้ เเต่จะ ค่อยไม่เเข็งเเรง เเตกหักง่าย หากเจาะวัสดุที่มีความเเข็งมาก - ดอกสว่านไฮสปีด ใช้งานเจาะทั่วไป เจาะเหล็ก เจาะไม้ วัสดุเนื้อเเข็ง เป็นดอกที่มีความทนทานมากกว่าดอกสว่านเเบบชุบด า - ดอกสว่านไฮสปีดเคลือบไทเทเนียม จะเป็นดอกสีทอง ใช้งานได้ ดีกว่าดอกไฮสปีดทั่วไป ทนความร้อนได้ดีกว่า อายุการใช้งานนานกว่า - ดอกสว่านเจาะสแตนเลส มีความเที่ยงตรงและความคงทนสูง ตัวดอก


23 สว่านเคลือบ COBALT เพื่อทนการเสียดสีและความร้อนท าให้อายุการใช้ งานยาวนาน ซึ่งดอกสว่านไฮสปีดเเบบธรรมดาจะเจาะสเเตนเลสไม่เข้า - ดอกสว่านทรงเจดีย์ ใช้เจาะไม้ เจาะเหล็กหนาได้ตามขนาดความ สูงของชั้นดอกเจาะ ใช้เจาะท าฉาก ท าชั้นวาง เจาะพลาสติก อลูมิเนียม ชุบ ไทเทียมเพิ่มอายุการใช้งานไม่ต้องใช้ดอกสว่านเจาะน า หมดปัญหาดอก สว่านไหม้ ดอกสว่านหัก ดอกสว่านแกว่ง - ดอกโฮลซอว์เจาะเหล็ก เป็นดอกสว่านที่ใช้เจาะรูขนาดใหญ่กว่า ดอกสว่านธรรมดา ลักษณะคล้ายกับดอกโฮลซอล์เจาะไม้ ใช้ได้กับสว่าน เเท่นเเละสว่านไฟฟ้า รูปภาพที่2.28 ดอกสว่านชุบด า


24 3. ดอกสว่านเจาะปูนหรือเจาะคอนกรีต มีลักษณะของดอกสว่านเป็น เกลียวบิด ส่วนปลายดอกเป็นเหล็กชุบแข็งพิเศษ เพื่อช่วยรองรับแรง กระแทกจากการใช้งาน เหมาะส าหรับการเจาะปูน ซีเมนต์ บล็อก หรืออิฐ เป็นต้น ดอกสว่านชนิดนี้จะผลิตจากเนื้อโลหะที่อ่อนกว่าส่วนหัวเจาะ สว่าน หัวเจาะจะผลิตจากทังสเตนคาร์ไบด์ แบ่งตามชนิด ดังนี้ รูปภาพที่2.29 ดอกสว่านเจาะคอนกรีต


25 - ดอกสว่านเจาะคอนกรีตก้านกลม เหมาะกับการเจาะรูส าหรับติดตั้ง ตัวยึดทั่วไป เช่น พุกเหล็ก พุกพลาสติก เป็นดอกสว่านที่ใช้กับสว่าน กระเเทกได้ทุกรุ่น หัวดอกเป็นทังสเตนคาร์ไบด์คุณภาพดี มีคมตัดทั้งสอง ด้าน รูปภาพที่2.30 ดอกสว่านเจาะคอนกรีตก้านกลม - ดอกสว่านโรตารี่ ดอกสว่านนี้สามารถเจาะคอนกรีตได้อย่างทะลุ ทะลวง คอนกรีตเสริมเหล็ก แผ่นตระแกรงเหล็ก หรือหินที่แข็งแกร่ง หัว 4 เขี้ยวผลิตจาก คาร์ไบร์เกรดสูงสุด ท าให้การเจาะแม่นย าง่ายดาย ใช้ได้ ยาวนาน และเจาะเป็นวงกลมได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด


26 รูปภาพที่2.31 ดอกสว่านโรตารี่ - ดอกสว่านโฮลซอว์เจาะคอนกรีต มีลักษณะเป็นทรงกระบอก มีเเกน ส าหรับเจาะน าศูนย์ ใช้ส าหรับเจาะปูน และคอนกรีตเพื่อให้ท่อหรือวัสดุ ต่างๆ ลอดผ่านรูไปได้ใช้ร่วมกับสว่านโรตารี่ 2.12 ดินสอ เป็นอุปกรณ์ในการเขียน หรือสื่อทางศิลปะ มักท าจากเนื้อรงควัตถุแข็ง และแคบอยู่ภายในเปลือกที่ปกป้องเนื้อดินสอไม่ให้หักหรือทิ้งรอยไว้บนมือ ขณะใช้งาน ดินสอสร้างรอยโดยการขีดเขียน ทิ้งรอยวัสดุเนื้อดินสอแข็ง ๆ ติดกับ กระดาษ หรือพื้นผิวอื่น ๆ ไว้ ดินสอแตกต่างจากปากกา ที่จะกระจายรอย ของของเหลวหรือหมึกเจลติดลงบนกระดาษ


27 เนื้อดินสอส่วนมากจะท าจากแกรไฟต์ผสมกับดินเหนียวที่จะทิ้งรอยสี เทาหรือด าไว้และท าให้ลบออกง่าย ดินสอที่ท าจากแกรไฟต์ใช้ส าหรับ เขียนและวาดเส้น และท าให้เกิดรอยที่ทนทาน แม้ว่ามันจะใช่ยางลบลบ ออกง่าย แต่ดินสอจะทนต่อความชื้น สารเคมีรังสีอัลตราไวโอเลต และอายุ การใช้งาน ดินสอที่เนื้อท าจากวัสดุอื่นนั้นมีใช้กันน้อยกว่า เช่น ดินสอที่ท า จากถ่านไม้ที่ส่วนมากจิตรกรจะใช้วาดภาพและร่างภาพ ดินสอสีบางครั้งมี ไว้ส าหรับครูหรือบรรณาธิใช้แก้ไขข้อความ แต่ก็จัดว่าเป็นอุปกรณ์ศิลปะ เช่นกัน โดยเฉพาะชนิดที่มีเนื้อท าจากขี้ผึ้งที่จะติดลงบนกระดาษแทนที่จะ ลบออก ดินสอน้ ามันจะนุ่มกว่า มีเนื้อดินสอท าจากขี้ผึ้งคล้ายสีเทียนที่ทิ้ง รอยบนผิวราบเรียบ เช่น กระจก หรือเครื่องลายคราม เปลือกดินสอโดยทั่วไปท าจากไม้ขนาดบาง ปกติเป็นทรงหกเหลี่ยม ด้านเท่าแต่บางครั้งก็เป็นทรงกระบอก พันรอบเนื้อดินสอถาวร เปลือกดินสอ อาจท าจากวัสดุอื่น เช่น พลาสติก หรือกระดาษ ก็ได้ ในการใช้ดินสอ เปลือกจะต้องถูกสลักหรือปอกออกเพื่อให้ส่วนปลายของดินสอแหลม คม ดินสอกดมีเปลือกที่ละเอียดอ่อนมากกว่าซึ่งช่วยประคองชิ้นส่วนของ เนื้อสีให้สามารถขยายหรือหดผ่านปลายแท่งหรือเปลือกดินสอตามที่ ต้องการ ประวัติ ในสมัยอดีต การเขียนเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นแบบแผนทางวัฒนธรรม ต ารา หรือการวาดรูป มนุษย์ในสมัยก่อนใช้อุปกรณ์ที่เป็นแปรงหรือกิ่งไม้ เล็กๆ และเหล็กที่มีปลายแหลม น าไปเผาไฟจุ่มลงในน้ าหมึกเพื่อใช้ในการ ขีดเขียน ( ภาษาโรมันเรียกแปรงหรือเหล็กแหลมนี้ว่า " Pencillus " หรือ " Little tail " ซึ่งต่อมากลายเป็นค าว่า " Pencil " มีความหมายว่า " หางน้อย " ) ส่วน " ปากไก่ หรือ ปากกาขนห่าน " เริ่มมีการประดิษฐ์ขึ้นใช้ในทวีป ยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 6


28 การผลิต ในปัจจุบัน ดินสอผลิตโดยการใส่แกรไฟต์กับผงถ่าน เติมน้ าลงไป ผสมแล้วท าให้เป็นแท่งยาวคล้ายของที่มีลักษณะแหลม เผาในเตาให้แข็ง จากนั้นจุ่มในน้ ามันหรือขี้ผึ้ง เพื่อให้เขียนได้ง่ายขึ้น จากนั้นประกอบเข้า กับไม้ที่เจาะรูไว้ให้เป็นแท่งดินสอ ดินสอส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดินสอที่ใช้ในงานศิลปะ จะระบุความเข้ม ของดินสอเอาไว้ด้วยตามระบบยุโรป โดยใช้อักษร "H" (hardness - ความ แข็ง) "B" (blackness - ความด า) และ "F" (fine point - เนื้อละเอียด) ดินสอส าหรับศิลปะจะมีความเข้มหลายขนาดให้เลือกใช้ เพื่อให้มีความเข้ม ความสวยงาม และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ดินสอที่แข็งและสี อ่อน ไปจนถึงสีเข้มมาก ในคริสต์ศักราช 1970 ,STAEDTLER ได้ก าหนดใช้สัญลักษณ์ ตัวอักษร EB และ EE ในผลิตภัณฑ์ของตน ในปัจจุบันนี้ได้ยกเลิกการใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร EB และ EE แต่ถูก แทนที่ด้วย 7B และ 8B โดยEE นั้นย่อมาจาก Extra Extra อย่างไรก็ตามสัญลักษณ์ตัวอักษร EE ยังคงปรากฏในผลิตภัณฑ์ชื่อ STAEDTLER Mars Lumograph ของ STAEDTLER ในประเทศไทย นอกจากนี้แล้วยังมีระบบอเมริกันที่ใช้ตัวเลขเพียงอย่างเดียว โดยสามารถ เทียบประมาณกับระบบยุโรปได้ดังนี้ ดินสอที่เขียนกันโดยทั่วไป มีความเข้มระดับ HB และดินสอส าหรับ ระบายกระดาษคอมพิวเตอร์ ต้องใช้ความเข้มระดับ 2B ขึ้นไป


29 รูปร่างของดินสอ ดินสอส่วนใหญ่จะมีหน้าตัดเป็นรูปหกเหลี่ยม เนื่องจากสามารถจับได้ ถนัด สบายมือ และเมื่อกลิ้งจะสามารถหยุดได้ (หากกลมจะมีโอกาสกลิ้งตก โต๊ะไปมากกว่า) ดินสอส าหรับช่างไม้จะเป็นรูปร่างแบน ซึ่งไม่กลิ้งเช่นกัน และสามารถกะระยะของเส้นได้เที่ยงตรงกว่า รูปภาพที่2.32 ดินสอ 2.13 กระดาษ เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาส าหรับการจดบันทึก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อกันว่ามีการใช้กระดาษครั้งแรก ๆ โดยชาวอียิปต์และชาวจีนโบราณ แต่กระดาษในยุคแรก ๆ ล้วนผลิตขึ้นเพื่อการจดบันทึกด้วยกันทั้งสิ้น จึง กล่าวได้ว่าระบบการเขียนคือแรงผลักดันให้เกิดการผลิตกระดาษขึ้นใน โลก ปัจจุบันกระดาษไม่ได้มีประโยชน์ในการใช้จดบันทึกตัวหนังสือ หรือ


30 ข้อความ เท่านั้น ยังใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้มากมาย เช่น กระดาษ ช าระ กระดาษห่อของขวัญ กระดาษลูกฟูกส าหรับท ากล่อง เป็นต้น ประวัติ กระดาษของชาวอียิปต์โบราณ หรือกระดาษพาไพรัส ผลิตจากกก ชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า พาไพรัส (papyrus) พบว่ามีการใช้จารึกบทสวดและ ค าสาบาน บรรจุไว้ในพีระมิดของอียิปต์ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีการใช้ กระดาษที่ท าจากพาไพรัสมาตั้งแต่ปฐมราชวงศ์ของอียิปต์ (ราว 3,000 ปี ก่อนคริสตกาล) ส าหรับวัสดุใช้เขียนนั้น ในสมัยโบราณมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น แผ่น โลหะ หิน ใบลาน เปลือกไม้ ผ้าไหม ฯลฯ ผู้คนสมัยโบราณคงจะใช้วัสดุต่าง ๆ หลากหลายเพื่อการบันทึก ครั้นเมื่อราว ค.ศ. 105 สมัยพระเจ้าจักรพรรดิ โฮตี่[1] ชาวจีนได้ประดิษฐ์กระดาษโดยชาวเมืองลีบางชื่อว่าไช่หลุ่น (Ts'ai'Lung) ใช้เปลือกไม้เศษแหอวนเก่า ๆ มาต้มจนได้เยื่อกระดาษและ มาเกลี่ยบนตระแกรงปล่อยให้แห้งและหลังจากนั้นได้มีการใช้วิธีผลิต กระดาษเช่นนี้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว กระดาษถูกน าจากประเทศจีนสู่โลกมุสลิมผ่านสงครามทัลลัส (Tallas) ในปี ค.ศ. 751 ที่กองทัพจีนรบกับกองทัพมุสลิม เชลยศึกชาวจีน 2 คนได้ เปิดเผยวิธีการท ากระดาษแก่ชาวมุสลิมก่อนได้รับการปล่อยตัวไป จากนั้น มุสลิมได้ท าให้การท ากระดาษเปลี่ยนจากศิลปะไปเป็นอุตสาหกรรม กระดาษ ท าให้มีการพัฒนาการศึกษาในโลกมุสลิมอย่างกว้างขวาง มุสลิม ในสมัยกลางจึงเจริญก้าวหน้าด้านศิลปวิทยาการที่สุดในโลก ชาวมุสลิมปรับปรุงวิธีการท ากระดาษใช้ผ้าลินินแทนเปลือกของต้น หม่อนอย่างที่ชาวจีนท า เศษผ้าลินินไม่เน่าเปื่อย แต่จะเปียกโชกอยู่ในน้ า และหมักอยู่ในนั้น เศษผ้าที่ต้มแล้วจะปราศจากกากที่เป็นด่างและสิ่ง


31 สกปรกอื่น ๆ จากนั้นเศษผ้าจะถูกน ามาตอกด้วยค้อนให้เป็นเยื่อ เทคนิคที่ ท าให้เป็นเยื่อบางนี้ถูกพัฒนาโดยชาวมุสลิม แบกแดด ราชธานีของอาณาจักรอับบาซิด สมัยนั้นเต็มไปด้วยโรงงาน ท ากระดาษ จากนั้นยังกระจายไปสู่อีกหลาย ๆ ส่วนของโลก กระดาษที่ ส่งออกไปยุโรปโดยมากท าในเมืองดามัสกัส (ซีเรีย) เมื่อขยายการผลิต เพิ่มขึ้น กระดาษจึงมีราคาถูกลง คุณภาพดีขึ้นและมีจ าหน่ายแพร่หลาย จากนั้นโรงงานกระดาษที่เฟื่องฟูอยู่ในอิรัก ซีเรีย และปาเลสไตน์ ก็ ขยายตัวไปสู่ทางตะวันตก ในทวีปแอฟริกา โรงงานกระดาษแห่งแรกของ ประเทศอียิปต์ตั้งขึ้นในปีค.ศ. 850 จากนั้นขยายไปมอรอคโค และในปีค.ศ. 950 ได้ขยายไปยังอันดาลูซิอา อาณาจักรมุสลิมสเปน กระดาษถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในยุโรปโดยมุสลิมมัวร์ โดยวัสดุที่ใช้ท า กระดาษคือปอชั้นดีของบาเลนเซียและมูร์เซีย โดยมีศูนย์กลางโรงงาน กระดาษของอันดาลูซิอา ที่เมืองชาติวา (Xativa หรือ Jativa) ใกล้บาเลน เซีย จากสเปนและเกาะซิซิลีซึ่งในขณะนั้นเป็นอาณาจักรมุสลิม การท า กระดาษได้ขยายไปสู่ชาวคริสเตียนในอิตาลี จากนั้นในปีค.ศ. 1293 มีการ ตั้งโรงงานกระดาษที่โบโลญญา (Bologna) ในปีค.ศ. 1309 เริ่มมีการใช้ กระดาษเป็นครั้งแรกในอังกฤษ จากนั้นในปลายศตวรรษที่ 14 ชาว เยอรมันจึงเพิ่งรู้จักกระดาษ กระดาษในประเทศไทย ประวัติการใช้กระดาษในสยามไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน แต่วัสดุที่มี ลักษณะอย่างกระดาษนั้น เรามีกระดาษที่เรียกว่า สมุดไทย ผลิตจากเยื่อไม้ ทุบละเอียด ต้มจนเปื่อย ใส่แป้งเพื่อให้เนื้อกระดาษเหนียว แล้วน าไปกรอง ในกระบะเล็ก ๆ ทิ้งไว้จนแห้ง แล้วลอกออกมาเป็นแผ่น พับทบไปมาจน


32 ตลอดความยาว จึงได้เป็นเล่มสมุด เรียกว่า สมุดไทยขาว หาก ต้องการ สมุดไทยด าก็จะผสมผงถ่านในขั้นตอนการผลิต ในทางภาคเหนือของไทย มีการผลิตกระดาษด้วยวิธีการคล้ายคลึงกัน เรียกว่า กระดาษสา เมื่อน ามาท าเป็นสมุดใช้เขียน เรียกว่า ปั๊บสา ค าว่า กระดาษ ในภาษาไทยสันนิษฐานว่าน่าจะทับศัพท์มาจากภาษา อาหรับและเปอร์เซียคือ กิรฏอสในสมัยที่ชาวเปอร์เซียเข้ามาค้าขายใน สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งภาษามลายูก็ได้ทับศัพท์จากสองภาษานี้เช่นเดียวกัน คือ kertas หมายถึง กระดาษ เช่นกัน ส่วน กิรฏอส ในภาษาอาหรับนั้น แม้ว่าจะมีใช้มาก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 6 แต่ก็เป็นค าที่ยืมมาจากภาษากรีก khartes ซี่งภาษาอังกฤษก็ได้ยืมค านี้ไปใช้เป็น chart, card และ charter น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี ข้ อ สั น นิ ษ ฐ า น เ พิ่ ม เ ติ ม อี ก ว่ า ม า จ า ก ภ า ษ า โปรตุเกส cartas[2] รูปพหูพจน์ของ carta แปลว่า จดหมาย แผนผัง เข้าใจ ว่าโปรตุเกสคงเป็นผู้น ากระดาษแบบฝรั่งเข้ามาก่อนในสมัยกรุงศรีอยุธยา การใช้กระดาษในปัจจุบัน เนื่องจากกระดาษเป็นวัสดุสิ้นเปลือง จึงมี การน ากระดาษกลับมาใช้อีก เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์น ามาพับถุง กระดาษ กระดาษส าหรับเขียนแม้ใช้แล้วทั้งสองหน้า ก็สามารถน าไปพิมพ์ อักษรเบรลล์ส าหรับคนตาบอดได้ เมื่อหมดสภาพแล้ว ก็น าไปเข้าโรงงาน แปรรูปเป็นสินค้าประเภทลังกระดาษ ได้อีก กระดาษที่ใช้งานในส านักงานในประเทศไทยทั่วไปปัจจุบันนี้ใช้ขนาด มาตรฐาน คือ ขนาด A4 น้ าหนัก 70-80 แกรม เป็นส่วนมาก ประเภทของกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียนชนิดเคลือบผิว กระดาษอาร์ตมันสองหน้า กระดาษอาร์ตการ์ดสองหน้า กระดาษอาร์ตด้าน


33 กระดาษอาร์ตมันหน้าเดียว กระดาษอาร์ตคาร์บอนเลส กระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิว กระดาษออฟเซ็ต ส าหรับเทคโนโลยีงานพิมพ์แบบออฟเซ็ต กระดาษถ่ายเอกสาร ใช้กับอุปกรณ์ส านักงานทั่วไป เช่น เครื่องถ่าย เอกสาร โทรสาร เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นต้น กระดาษคอมพิวเตอร์มีเนื้อกระดาษบาง รูปแบบจัดจ าหน่ายโดยมากมี ลักษณะเป็นม้วนพร้อมรูปรุด้านข้าง ตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อย เช่น ใบเสร็จรับเงิน กระดาษขาวพรีเมี่ยมไวท์ / การ์ดสี กระดาษแอร์เมล์กระดาษส าหรับใช้งานพิมพ์หรือเขียนจดหมายส่ง ต่างประเทศ มีน้ าหนักเบาเป็นพิเศษกว่ากระดาษทั่วไป ช่วยลด ค่าใช้จ่ายในการส่งจดหมายซึ่งคิดตามน้ าหนักของกระดาษ กระดาษถนอมสายตา หมายถึงกระดาษที่มีอัตราการสะท้อนแสงน้อย กว่ากระดาษทั่วไป ซึ่งจะมีสีที่หม่นกว่าปกติเล็กน้อย กระดาษแบงค์สีหมายถึงกระดาษที่ใช้ในธนาคาร มีสีสันต่าง ๆ หลากหลาย กระดาษชนิดพิเศษแบบเคลือบผิว กระดาษอาร์ตอัดลาย กระดาษอาร์ตการ์ดหน้าเดียวการ ท ากระดาษเริ่มต้นตั้งแต่การน าไม้ ไปท าเยื่อเพือ่ให้ได้เส้นใยออกมา แล้วจึงน าเยื่อที่ได้ไปผสมกับ สารเติมแต่งในอัตราส่วนต่าง ๆ เพื่อปรับสมบัติกระดาษให้ได้ตรง ความต้องการใช้งาน จากนี้นน าไปท าเป็นแผ่นโดยใช้เครื่องจักรผลิต กระดาษ แล้วจึงน าไปแปรรูปใช้งาน กระบวนการผลิตจะแบ่งออกเป็น


34 5 ขั้นตอน โดยเรียงล าดับตามขึ้นตอนการปฏิบัติการจริงภายใน โรงงานได้ดังนี้1. การผลิตเยื่อ (Pulping) 2. การเตรียมน้ าเยื่อ (Stock Preparation) 3. การท าแผ่นกระดาษ (Papermaking) 4. การปรับปรุงสมบัติกระดาษขณะเดินแผ่น (Web Modification) 5. การแปรรูป 'กระดาษอาร์ตกึ่งมัน รูปภาพที่2.33 กระดาษ


35 2.14 ปลั๊กไฟ มาท าความรู้จักปลั๊กพ่วงกันก่อน ปลั๊กพ่วง คืออุปกรณ์ตัวหนึ่งที่จ าเป็นกับการใช้งานในบ้าน เนื่องจาก โดยปกติ เต้ารับผนังนั้นจะถูกวางจุดมาอย่างตายตัว จึงต้องใช้ปลั๊กพ่วง เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ อาทิเช่น - จ านวนเต้ารับไม่เพียงพอกับอุปกรณ์ที่จะใช้ - ต้องการความยาวสายไฟที่เพิ่มขึ้น - ต้องการใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ในปลั๊กพ่วง เช่นกรองสัญญาณ,กันไฟ กระชาก - เพื่อความสวยงามของการจัดวางสาย ที่ผ่านมา "ปลั๊กพ่วง" ไม่เคยถูกก าหนดมาตรฐาน เพิ่งจะมามี มาตรฐานปลั๊กพ่วงในปีนี้เอง ทางผู้เขียนจะมาแยกย่อยให้ฟังในปลั๊กพ่วง แต่ละประเภทกันครับ ปลั๊ก 3 ตา รูปภาพที่2.34 ปลั๊ก3ตา


36 ปลั๊กแบบนี้เป็นต้นก าเนิดที่เรียกว่า "ปลั๊กสามตา" ครับส่วนใหญ่จะรองรับ ไฟที่ประมาณ 500W-1000W การใช้งานควรจะดึงสายไฟให้หมดก่อนใช้ "ท าไมถึงเรียกว่าปลั๊กสามตา" ค าว่า ปลั๊กสามตา ถูกเรียกกันมานมนานกาเล ส่วนใหญ่คนที่เรียกติด ปากนั้นจะเป็นคนยุคเก่า ๆ ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าปลั๊กสามตานั้น เกิดจากที่ ปลั๊กพ่วงในสมัยก่อน จะมีรูปทรงยอดนิยมแบบในภาพ ซึ่งมันจะมีให้มา 3 รู เสียบ ชาวบ้านก็เลยเรียกกันว่าปลั๊กสามตาครับ แค่นี้แหละ สมัยนี้ไม่ค่อยมี ใครนิยมเรียกละครับ จะเรียกกันว่า ปลั๊กพ่วง รางปลั๊กไฟ ปลั๊กราง กัน มากกว่า ปลั๊กโรลสายไฟ รูปภาพที่2.35 ปลั๊กโรลสายไฟ


37 ปลั๊กโรลม้วนสายไฟส่วนใหญ่จะรองรับการใช้งานที่ 2500W-3500W มักจะใช้ในกรณีที่ต้องการใช้สายไฟยาว ๆ เพราะม้วนโรลนั้นสามารถเก็บ ได้ง่าย มีหัวเสียบทั้งแบบ 2 ขา และแบบ 3 ขา การใช้งานควรจะดึงสายไฟ ให้หมดก่อนใช้ ปลั๊กบ็อกยางสนาม รูปภาพที่2.36 ปลั๊กบ็อกยางสนาม ปลั๊กบ็อกยางสนามวัสดุบอดี้จะเป็นยาง เพื่อลดแรงกระแทกและความ ทนทาน ส่วนใหญ่จะใช้ในงานช่าง หรือใช้งาน Outdoor ไม่ค่อยเห็นใคร น าปลั๊กบ็อกยางมาใช้ภายในบ้าน เพราะไม่ค่อยส่วนงาม ส่วนใหญ่จะ รองรับไฟได้ที่ 3500W (แล้วแต่รุ่น)


Click to View FlipBook Version