The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

MSE2816 หลักการบรรเลงกลองชุด (ฉบับไม่ใส่แผนบริหารการสอน)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Music Edu. RERU., 2023-10-21 10:43:41

MSE2816 หลักการบรรเลงกลองชุด

MSE2816 หลักการบรรเลงกลองชุด (ฉบับไม่ใส่แผนบริหารการสอน)

44 ภาพที่ 2.24 ดนตรีแจ๊ส ที่มา: www.bing.com/search 2.3.3 ดนตรีสมัยนิยม (Popular music) หมายถึงดนตรีเพื่อความบันเทิง ฟังง่าย คนทั่วไป นิยมฟัง มีองค์ประกอบทางดนตรีแบบตะวันตกที่ไม่ซับซ้อน เป็นดนตรีที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย (ณัชชา พันธุ์เจริญ 2552 น.294) ซึ่งดนตรีสมัยนิยมนั้นยังได้มีการพัฒนารูปแบบของดนตรีและวิธีการนำเสนอ ให้ต่างออกไปจากดนตรียุคสมัยเก่า ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ และเกิดเป็นแนวดนตรีต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ดนตรีร็อค (Rock music) ดนตรีลูกทุ่ง ดนตรีอิเลคโทนนิค (Electronic music ) เป็น ต้น อีกทั้งยังมีผลต่อวิธีการรับฟังการแสดงและธุรกิจดนตรีไปอย่างมากมาย ภาพตัวอย่าง ดนตรีร็อค ภาพที่ 2.25 ดนตรีร็อค ที่มา: www.indiatoday.in/fyi/story/world - music - day - history - of - rock - music 2.3.4 ดนตรีพื้นบ้าน (Folk music) หมายถึง ดนตรีที่เล่นฟังกันในหมู่บ้าน ไม่มีแบบแผน ตายตัว อาจใช้การด้นสด เป็นเพลงที่ทีทำนองฟังง่าย เล่นง่าย จังหวะธรรมดาไม่ซับซ้อน ( ณัชชา พันธุ์ เจริญ 2552 น.135 ) ซึ่งในยุคปัจจุบันดนตรีพื้นบ้านอาจประเปลี่ยนวิธีการนำเสนอทางดนตรีออกไป


45 โดยใช้เครื่องดนตรีจากดนตรีสมัยนิยม มีความซับซ้อนทางการประพันธ์มากขึ้น แต่ยังคงเนื้อหาและ องค์ประกอบของความเป็นพื้นบ้านเอาไว้เช่นเดิม ซึ่งเราอาจเรียกชื่อแนวเพลงให้เปลี่ยนไปตาม ภาพลักษณ์ศิลปินได้ เช่น American folk music (ดนตรีโฟล์คซองอเมริกา) หรือ โฟล์คซองคำเมือง เป็นต้น หมายเหตุ การแบ่งประของดนตรี ได้แบ่งแยกออกตามวิธีของดนตรี ดนตรีกระแสหลัก ภาพที่ 2.26 ดนตรีโฟล์คซองของอเมริกา ที่มา: Woman’s hands playing acoustic Guitar 2.4 คุณสมบัติการเป็นมือกลอง มือกลองถือว่าเป็นคนสำคัญที่สุดในวงเพราะแน่นอนว่าไม่มีวงดนตรีไหนที่สามารถเล่นออกมา ได้ดีหากมีมือกลองที่แย่ ดงนั้นเกือบทุกวงดนตรีจึงจำเป็นต้องมีมือกลองเก่ง ๆ ไว้อย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อให้วงดนตรีสามารถเล่นออกมาเป็นเพลงและฟัง มือกลองจึงเป็นเหมือนหัวรถจักรของวงดนตรี ถ้า หากจักรทำงานได้ไม่ดีวงดนตรีก็ไปไม่ถึงจุดหมายมาได้ การเป็นมือกลงที่เก่งนั้น แน่นอนสำคัญที่สุดต้องมีการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็น เวลานาน อาจใช้เวลาเป้นเดือนหรือเป็นปีนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เรียนของแต่ละคน สำหรับผู้ ที่เริ่มต้นเรียนกลองชุด การพยายามเล่นให้ได้ เล่นให้เก่งนั้นถือเป็นเรื่องดีมาก เพราะทุกคนล้วนอยาก พัฒนาตนเองให้ดีที่สุด การรู้เทคนิคและมีทักษะเพื่อนำไปใช้อย่างถูกต้อง และนำไปใช้ได้อย่างถูกสถาณ การณ์นั้นถือว่าเป็นที่มีความสำคัญมากเช่นกัน ดนตรีมีหลากหลายแนว ทั้งแนวคันทรี่ แจ๊ส กรันจ์ โซล ฟังค์ อาร์ แอนด์ บี หรือ เฮฟวี่ เมทัล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นดนตรีแนวไหน แน่นอนว่าต้องมีมือกลองเป็นผู้ควบคุมจังหวะตั้งแต่การเริ่มต้นและจบบท


46 เพลงนั้น เพื่อไม่ให้การเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเกินไปหรือดึงจังหวะให้ช้าลงจนเกินไป ทำให้บทเพลงมีความ สนุกได้ อารมณ์ตามแนวดนตรีและน่าฟัง การเป็นมือกลองที่ดี ควรมีความสามารถในเล่นดนตรีได้กว้างและยังสามารถในการเล่นดนตรี ได้กว้างและสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ ควรมีทักษะการตีกลองที่ดี รวมถึงเทคนิคการใช้ไม้กลอง ท่าทาง ความรู้เบื้องต้น การคบวคุมน้ำหนักดัง - เบา การคุมจังหวะ การอ่านโน้ต การติดตั้งเสียงกลอง และการศึกษาดนตรีแนวอื่น ๆ อีกด้วย สรุป การศึกษาด้านพื้นฐานดนตรีนั้นจะเป็นสิ่งสำคัญและเกื้อหนุนให้การฟังดอนตรีมีประสิทธิภาพ มากขึ้น เพราะก่อนที่เราจะเข้าใจถึงเสียงและแนวคิดทางดนตรีประเภทต่าง ๆ ที่มีมากมายนั้นการศึกษา องค์ประกอบดนตรีจำเป็นต้องเรียนอย่างเข้าใจและถูกต้อง ในบทต่อไป ผู้เรียนได้มีการเรียนรู้มากขึ้นในด้านการปฏิบัติ มีการเริ่มต้นจากการฝึกกาจับไม้กลอง การ ฝึกเหยียบกระเดื่อง โดยฝึกที่ Snare Drum Hi - Hat และ Bass Drum รวมไปถึงการฝึกปฏิบัติให้เกิด เป็นจังหวะในอัตราส่วนโน้ตตัวดำอีกด้วย คำถามท้ายบท 1.Beat (บีท) และ Rhythm (ริทึ่ม) มีความสำคัญอย่างไรกับมือกลอง จงอธิบายพอสังเขป 2.ทำนองเพลง ถือเป็นองค์ประกอบหลักสำคัญของดนตรีได้อย่างไร 3.ดนตรีคลาสสิก เกิดขึ้นจากประเทศแถบทวีปอะไร 4.ดนตรีสมัยนิยม มีความเป็นมาอย่างไร จงอธิบายพอสังเขป 5.ทักษะการฟังดนตรีจากหนังสือเล่มนี้ แบ่งเป็นทักษะใดบ้าง 6.การฟังแบบไม่ตั้งใจ สำหรับดนตรีที่มีหน้าที่ประกอบคืออะไร จงอธิบาย 7.การฟังดนตรีสด มีลักษณะอย่างไร จงอธิบายพอสังเขป 8.การเลือกเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม ถือเป็นมารยาทในการฟังดนตรีได้อย่างไร เอกสารอ้างอิง ทศ พนมขวัญ. (2557). ประวัติกลองชุด Drum Note Magazine, Vol.24. กรุงเทพฯ: เลย์โปรเชสการพิมพ์. ณรุทธ์ สุทธจิตต์. (2540), สังคีตนิยมความซาบซึ้งในดนตรีตะวันตก. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พจนานุกรมศัพท์ดุริยางคศิลป์, (2552). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง


47 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พจนานุกรมศัพท์ดุริยางคศิลป์.(2555). พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เกศกะรัต. รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ (2560). เทคนิคการบรรเลงกลองชุดสไตล์แจ๊ส. กรุงเทพฯ : ออฟเซ็ทพลัส. รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ (2565). ศาสตร์การเรียนรู้การบรรเลงกลองชุด. กรุงเทพฯ : เมตตา พริ้นติ้ง. สมศักดิ์ สร้อยระย้า. (2538). เครื่องเคาะตี. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. Elephant Drums. (2016). Which drumsticks are best for a beginner. www.elephantdrums.co.uk/blog/guides-and-resources/drumsticks-best-forbeginner. Guitarcenter. (2020). How to Choose the Best Drum Set | A Beginner's Guide, www.guitarcenter.com/riffs/buying-guides/drums/how-to-shop-for-drum-set. Joel Rothman. (1983). Basic Drumming.J.R. Publications, Ft.Lauderdale. Florida. Janne Metsapelto (2015). Drum Course for Beginners. London N1 9PE United Kingdom. Learn to play drums. (2008). Bass Drum Technique. Learntoplaydrums.com/bassdrum-technique.


48 แผนการสอนประจำบทที่ 3 พื้นฐานการปฏิบัติกลองชุด หัวข้อเนื้อหาประจำบท 1. พื้นฐานการจับไม้กลอง 2. พื้นฐานการปฏิบัติ Snare Drum 3. พื้นฐานการปฏิบัติ Bass Drum 4. พื้นฐานการปฏิบัติ Hi - Hat วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อนักศึกษาได้เรียนจบบทที่ 1 นักศึกษาจะมีความสามารถ ดังนี้ 1. มีความเข้าใจพื้นฐานการจับไม้กลองและสามารถจับไม้กลองอย่างถูกต้อง 2. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติSnare Drum ได้อย่างถูกต้อง 3. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติSnare Drum ได้อย่างถูกต้อง 4. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติHi - Hat ได้อย่างถูกต้อง กิจกรรมการเรียนการสอน ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ 1. บรรยายเนื้อหา โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นำเสนอประกอบคำอธิบาย 2. ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้นักศึกษาอภิปรายหน้าชั้นเรียน 3. แนะนำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจับไม้กลอง ปฏิบัติ Snare Drum Bass Drum และ Hi - Hat 4. ปฏิบัติพื้นฐานการปฏิบัติกลองชุด 5. สรุปประเด็นสำคัญของการเรียนและมอบหมายงานแบบฝึกหัด สื่อการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา หลักการบรรเลงกลองชุด 2. ใช้โปรแกรมนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ 3. ปฏิบัติSnare Drum Bass Drum และ Hi - Hat ประกอบการนำเสนอ


49 การวัดและการประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมผู้เรียน 1.1 ความตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน และการส่งงานที่มอบหมาย 1.2 การตอบสนองของผู้เรียนระหว่างเรียน 1.3 การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของผู้เรียนในระหว่างเรียน 2. ประเมินผลงานที่มอบหมาย 2.1 แบบฝึกหัดท้ายบท


50 บทที่ 3 พื้นฐานการปฏิบัติกลองชุด 3.1 พื้นฐานการจับไม้กลอง แน่นอนว่าการตีกลองชุดนั้น ไม่ได้เป็นการใช้มือตีหรือใช้เท้าเหยียบไปโดยตรงกับตัวกลอง จึง ต้องมีตัวกลางระหว่างร่างกายกับตัวกลองเพื่อทำให้เกิดเสียง นั่นคือ ไม้กลอง ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างมือ ทั้งสองข้างกับการตีกลองใบต่าง ๆ และกระเดื่อง ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างเท้าในการทำให้ Bass Drum เกิดเสียง เป็นต้น ดังนั้นผู้เรียนควรต้องมีการเรียนรู้ในการจับไม้กลอง การเหยียบกระเดื่อง และฝึก ควบคุมให้ได้ตามความต้องการ จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีการฝึกฝนปฏิบัติให้ได้อย่างถูกต้อง การจับไม้กลองชุด นิยมจับโดยทั่วไป 2 แบบคือ Traditional Grip และ Matched Grip โดย การจับไม้กลอง 2 แบบนี้ สามารถใช้บรรเลงดนตรีแนวไหนก็ได้เช่นกันขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ โดยส่วน ใหญ่ในแนวเพลงแจ๊สมักนิยมใช้ Traditional Grip ส่วนแนวเพลงร็อคมักนิยมจับแบบ Matched Grip เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้มีกฎหมายในการจับไม้กลองทั่ง 2 รูปแบบ (รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ2560) ภาพที่ 3.1 การจับไม้กลองชุดทั้ง 2 รูปแบบ ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ


51 3.1.1 การจับไม้แบบ Matched Grip การจับไม้แบบนี้สามารถเรียนรู้ได้ง่ายกว่าเนื่องจากมี เทคนิคการจับเหมือนกันทั้งสองข้าง โดยให้ไม้กลองวางอยู่ระหว่างนิ้วโป้งกับข้อแรกของนิ้วชี้ ตำแหน่ง การจับอยู่ประมาณ 1 ใน 3 จากด้ามของไม้กลอง นิ้วอื่น ๆ ที่เหลือจับไม้ไว้ให้หลวม ๆ เพื่อคอยควบคุม ไม้ ภาพที่ 3.2 ตำแหน่งการจับไม้กลองแบบ Matched Grip ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ ลักษณะในการจับไม้กลองแบบ Matched จับไม้ 2/3 จากปลายไม้ วางไม้บนโต๊ะและหยิบมัน ขึ้นมา วิธีนี้เป็นการจับขั้นพื้นฐาน นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จะเชื่อมต่อกันที่ใต้ก้านไม้และทำหน้าที่เป็นจุด ศูนย์กลางหรือจุดสมดุล ในขณะที่นิ้วที่ 2 จะขดแน่นรอบ ๆ ไม้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นและควบคุมไม้ นิ้วที่ 3 และนิ้วที่ 4 จะทำลักษณะคล้าย ๆ กัน แต่ว่าค่อย ๆ คลายไปรอบ ๆ ไม้ การเคลื่อนไหวในจังหวะการตีของมือขวา คือการเคลื่อนไหวของแขนอย่างเต็มที่ โดยกำข้อมือ ให้หลวมยกแขนออกจากกลองด้วยมือที่แขวนอยู่เฉย ๆ จากนั้นนำแขนลงและคลายข้อมือในเวลา เดียวกันก่อนที่จะสัมผัสกับส่วนของกลอง สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสะบัดและควบคุมข้อมือ ภาพที่ 3.3 การจับไม้กลองแบบ Matched grip ทั้ง 2 มือ ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ


52 3.1.2 การจับไม้แบบ Traditional Grip มือขวาจับไม้กลองแบบเดียวกับ Matched Grip ส่วน มือซ้ายมีความแตกต่าง โดยการเริ่มจากวางไม้ลงตรงช่วงตัววีของมือ ง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ตำแหน่งประมาณ 1 ใน 3 จากต้ามเช่นกัน แล้วหนีบไม้กลองไว้จุดนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางหรือจุดหมุน ของมือซ้าย ไม้กลองจะวางอยู่บนนิ้วนางโดยที่มีนิ้วก้อยคอยรองอยู่ด้านล่าง เสร็จแล้ววางนิ้วชี้เข้าไปบน ไม้ และปิดวงกลมบนไม้ด้วยการวางนิ้วโป้งทับลงบนนิ้วชี้ นิ้วกลางจะใช้แค่ ควบคุมไม้เท่านั้น ภาพที่ 3.4 ลักษณะการจับไม้กลองแบบ Traditional Grip ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ 3.2 พื้นฐานการปฏิบัติ Snare Drum การปฏิบัติ Snare Drum ถือเป็นอีกส่วนสำคัญของกลองชุดเช่นกัน นอกจาก Snare Drum ทําหน้าที่เป็นจังหวะ หลักแล้ว Snare Drum ยังสามารถสร้างสีสันให้กับจังหวะได้อีกด้วย ผู้เรียนอาจ เคยได้เสียงเพลงที่มีเสียง Snare Drum เบา ๆ แต่รู้สึกว่าลงตัวมาก ๆ นั้นเกิดการปฏิบัติที่มี Dynamic ถึงแม้ว่ากลองชุดเป็นเครื่องดนตรีกระทบแต่ ด้วยความหลากหลายจึงสามารถสร้างให้ฟังได้อย่างไพเราะ ภาพที่ 3.5 Snare Drum ที่มา: www.musicradar.com เทคนิคการปฏิบัติ Snare Drum ลักษณะในการปฏิบัติ Snare Drum ใช้หัวไม้ปฏิบัติให้ลงตรง กลางของ Snare Drum ให้มากที่สุด โดย พื้นฐานแล้ว ให้ใช้น้ำหนักปกติในการปฏิบัติดังภาพ


53 ภาพที่ 3.6 ลักษณะการปฏิบัติ Snare Drum ที่มา: www.musicradar.com การปฏิบัติลงบน Snare Drum โดยการฝึกตีด้วยมือขวาและซ้ายฝึกปฏิบัติ Snare Drum ข้าง ละ 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง และ 4 ครั้ง ตามลำดับ ดังตัวอย่างการปฏิบัติ - ปฏิบัติโน้ตตัวดำ ข้างละหนึ่งครั้งบน Time Signature 4/4 จังหวะที่ 1 กับจังหวะที่ 3 ตีมือขวา และ จังหวะที่ 2 กังจังหวะที่ 4 ตีมือซ้าย ทั้งหมด 4 ห้องเพลง - ปฏิบัติโน้ตตัวดำ ข้างละสองครั้งบน Time Signature 4/4 จังหวะที่ 1 กับจังหวะที่ 2 ตีมือ ขวา และ จังหวะที่ 3 กังจังหวะที่ 4 ตีมือซ้าย ทั้งหมด 4 ห้องเพลง รูปแบบพื้นฐานของการปฏิบัติการตีไม้กลอง สามารถแบ่งออกได้ 4 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้ 1. การปฏิบัติในรูปแบบ Full Stroke 2. การปฏิบัติในรูปแบบ Down Stroke 3. การปฏิบัติในรูปแบบ Tap Stroke 4. การปฏิบัติในรูปแบบ Up Stroke


54 ซึ่งในแต่ละรูปแบบสามารถทำให้เกิดเสียงหรือน้ำหนักที่ลงนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับ ตัวผู้เรียนว่าต้องการน้ำหนักหรือต้องการเสียงแบบไหน การปฏิบัติในรูปแบบ Full Stroke คือการตีเต็ม ลักษณะในการตีเป็นการตีโดยกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น ชั้นที่ 1 : เริ่มต้นโดยการยกไม้เตรียมตัว ในตำแหน่งระดับสูง ขั้นที่ 2 : ตีลงบนกลอง ขั้นที่ 3 : จบด้วยการปล่อยให้ไม้กลองเด้งแบบธรรมซาติ กลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น ภาพที่ 3.7 การปฏิบัติในรูปแบบ Full Stroke ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ การปฏิบัติในรูปแบบ Down Stroke คือการตีลง ลักษณะในการตีเป็นการตีและเปลี่ยน ตำแหน่งในการจบ ขั้นที่ 1 : เริ่มต้นโดยการยกไม้เตรียมตัว ในตำแหน่งระดับสูง ยกข้อมือขึ้นเล็กน้อยก่อนตี ขั้นที่ 2 : ตีลงบนกลอง ขั้นที่ 3 : จบด้วยการบังคับให้ไม้กลองอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ภาพที่ 3.8 การปฏิบัติในรูปแบบ Down Stroke ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ


55 การปฏิบัติในรูปแบบ Full Stroke และในรูปแบบ Down Stroke มีลักษณะการปฏิบัติที่ คล้ายกัน เสียงที่ได้ค่อนข้างใกล้เคียงกันอีก ความแตกต่างอยู่ที่การนำไปใช้ เช่น รูปแบบ Full Stroke อาจนำไปใช้ในการปฏิบัติที่ฉาบในแนวเพลงที่หนักแน่น รูปแบบ Down Stroke อาจนำไปใช้ในการ ปฏิบัติที่ Hi - Hat หรือกลองใบต่าง ๆ เป็นต้น การปฏิบัติในรูปแบบ Tap Stroke คือการตีแทป ลักษณะในการตีโดยกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น ขั้นที่ 1 : เริ่มต้นโดยการยกไม้เตรียมตัว ในตำแหน่งระดับต่ำ ขั้นที่ 2 : ตีลงบนกลองเบา ๆ ขั้นที่ 3 : จบด้วยการบังคับไม้กลองกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น ภาพที่ 3.9 การปฏิบัติในรูปแบบ Tap Stroke ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ การปฏิบัติในรูปแบบ Up Strokeคือการตียกลักษณะในการตีเป็นการตีและเปลี่ยนตำแหน่งในการจบ ขั้นที่ 1 : เริ่มต้นโดยการยกไม้เตรียมตัว ในตำแหน่งระดับต่ำ ขั้นที่ 2 : ตีลงบนกลอง โดยไม่ต้องยกข้อมือ ขั้นที่ 3 : จบด้วยการบังคับไม้กลองให้ไม้กลองให้อยู่ในตำแหน่งที่สูง ภาพที่ 3.10 การปฏิบัติในรูปแบบ Up Stroke ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ


56 รูปแบบการตี Tap Stroke และรูปแบบ Up Stroke เป็นแบบที่ทำให้เกิดเสียงค่อนข้างเบา แน่นอนว่าหากต้องการให้เสียงนั้นเบา ให้เลือกใช้ 2 รูปแบบการปฏิบัติ ระหว่างรูปแบบ Tap Stroke หรือ รูปแบบ Up Stroke ขึ้นอยู่ที่ความต้องการการจับไม้กลองชุด ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงและไม่ ควรมองข้ามเป็นอันขาด ควรเลือกรูปแบบการจับตามความชอบผิดและความถนัดของผู้เรียน 3.3 พื้นฐานการปฏิบัติ Bass Drum การเหยียมกระเดื่องถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญอย่างมากในการบรรเลงกลองชุด เพราะน้ำหนัก ที่ผู้เรียนเลือกใช้ หรือเทคนิค ในการเหยียบกระเดื่องนั้นย่อมมีผลต่อเสียง Bass Drum ทั้งสิ้น อีกทั้ง ลักษณะของแนวเพลงที่บรรเลงมความสำคัญต่อการเลือกใช้เป็นอย่างมาก ผู้เรียนควรเรียนรู้และฝึกฝน ให้เกิดความชำนาญในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อ เตรียมพร้อมต่อการพัฒนาไปสู่บทต่อ ๆ ไป ภาพที่ 3.11 Bass Drum และกระเดื่อง ที่มา: www.pixelsquid.com การใช้เท้าเหยี่ยมกระเดื่อง ได้อธิบายไว้ว่ากลองใหญ่ (Bass Drum) เป็นในกลองที่สำคัญที่สุด ในการฝึกฝน พัฒนากลองชุด สำหรับเทคนิคการบรรเลงกลองใหญ่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะเพิกเฉย แต่มักมุ่งเน้นไปที่การควบคุมไม้กลองและพื้นฐานการตีกลอง(Rudiments)หากผู้เรียนใช้เวลาในการ พัฒนาเทคนิคการบรรเลงกลองใหญ่อย่างถูกต้องเหมาะสม ผู้เรียนจะสามารถสังเกตเห็นพัฒนาการใน การตีกลองที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นทั้งนี้เนื่องจากเมื่อกลองใหญ่ถูกบรรเลงตามจังหวะเวลา มีความถูก ต้อง และในสถานที่ที่เหมาะสม จะทำให้ทั้งวงดนตรีมีเสียง ดนตรีมีเสียงที่ฟังดูไพเราะมากยิ่งขึ้น (Learn to play drums 2008)


57 นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผู้เรียนสามารถฝึกได้ด้วยกลองใหญ่ เพื่อการเพิ่มความรู้สึกในการ เคลื่อนไหว (Dynamics) ความคิดสร้างสรรค์ และเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับจังหวะในการตี ผู้รียนควรให้ เวลากับการฝึกโดยการอ่านบทความในหนังสือเล่มนี้เพื่อให้ทราบถึงเคล็ดลับและเทคนิคที่จะช่วย พัฒนาการบรรเลงกลองใหญ่ ของผู้เรียนให้ดีมากยิ่งขึ้นเทคนิคการเหยียบกระเดื่อง มีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 2 วิธีพื้นฐาน ดังนี้ วิธีที่ 1 การเหยียบกระเดื่องแบบวางเท้าราบ วิธีที่ 2 การเหยียบกระเดื่องแบบยกส้นเท้าขึ้น ทั้งสองวิธีการเหยียบกระเดื่อง สามารถพบเห็นได้บ่อยในเหล่าบรรดามือกลอง แต่ในระดับที่สูงขึ้น ยัง พัฒนาได้เร็วและสามารถบรรเลงเพลงได้หลากหลายเพลงมากยิ่งขึ้น วางเท้าราบ ยกส้นเท้า ภาพที่ 3.12 การเหยียบกระเดื่องทั้ง 2 รูปแบบ ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ ขึ้นแตกต่างระหว่าง การเหยียบกระเดื่องแบบวางเท้าราบ และการเหยียบดระเดื่องแบบส้นเท้า เมื่อ เล่นแบบวางเท้าราบลงบนกระเดื่อง ใช้เพียงแค่ข้อเท้าในการเหยียบเท่านั้น ส่วนในการเล่นแบบยก ส้นเท้า ต้อง ใช้ทั้งขาลงน้ำหนักมาจากสะโพก มือกลองซาวร็อคส่วนใหญ่มักเลือกใช้วิธีนี้แบบยกส้นเท้า ขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มแรงและน้ำหนักในการตี แห่หากอยากเล่นแบบเนียน ๆ สบาย ๆ น้ำหนักเบา ๆ ให้ใช้ การเหยียบแบบวางเท้ารามือกลองบางคนเล่นได้ทั้งแบบขึ้นอยู่กับแนวเพลงและจังหวะหรือความดังเบา ของเพลงที่ต้องการ


58 ภาพที่ 3.13 การเหยียบกระเดื่องแบบยกส้นเท้า (Heel Up) ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ การเหยียบ Bass Drum Pedal แบบยกส้นเท้าขึ้น การเหยียบแบบยกส้นเท้าขึ้น (Heel Up) ซึ่ง วิธีการ ความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับแบบไม่ยกส้นเท้า (Heel Down) เนื่องจากต้องใช้ช่วงขาทั้งหมด ของผู้เล่นเพื่อ เพิ่มพลังเสียงเบสของแป้นเหยียบ แทนที่จะวางส้นเท้าบนแป้นเหยียบ ให้ผู้เล่นยกเท้าขึ้น และวางนิ้วแม่เท้าไว้บนปลายแป้นเหยียบของกลองใหญ่แทน วิธีการนี้จะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เนื่องจากผู้เล่นต้องเตะด้วยขาทั้ง 2 ข้างเพื่อตีกลองใหญ่ อย่างไรก็ตามวิธีนี้เหมาะสำหรับการตีกลอง ใหญ่ให้ได้พลังเสียงเบสแบบหนัก ๆ เมื่อผู้เล่นสามารถสร้างการควบคุมได้ดีมากพอ ผู้เล่นจะสามารถเล่น ได้เร็วขึ้นด้วยวิธีการตีกลองแบบ Heel Up เนื่องจากสามารถใช้นิ้วเท้าของผู้เล่นเพียงเพื่อเตะกลอง เท่านั้น โดยส่วนใหญ่มือกลองแนว Rock and Heavy มือกลองเลือกใช้วิธีนี้ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขา มักเลือกที่จะฝึกปฏิบัติเทคนิคการตีกลองทั้งสองเทคนิค ภาพที่ 3.14 การเหยียบกระเดื่องแบบวางเท้าราบ (Heel Down) ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ


59 มีเทคนิคการตีกลองใหญ่อยู่ 2 รูปแบบหลัก คือ Heel Up และ Heel Down โดยในปัจจุบันนี้ มือกลองส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินเทคนิคการตีกลองทั้ง 2 แบบมาแล้ว แต่พวกเขาก็เลือกที่จะฝึกซ้อม เพียงเทคนิคใดย เทคนิคหนึ่งเท่านั้น กุญแจสำคัญในการเป็นมือกลองที่ประสบความสำเร็จ คือ การเล่น ทั้ง 2 เทคนิค การเล่นแบบไม่ยกส้นเท้า (Heel Down) คือการที่ผู้เล่นวางเส้นเท้ากดลงบนแป้นเหยียบ ของกลองตามปกติ จุดหมุนที่เท้าของผู้เล่นจะกลายเป็นบริเวณส้นเท้า ซึ่งหมายถึงผู้เล่นจะเล่นกลอง ด้วยเท้าทั้งเท้า ไม่ใช้การเหยียบกลองด้วยขาของผู้เล่นเทคนิคนี้เป็นรูปแบบที่สำคัญมากในการเรียนรู้ เพราะผู้เล่นจะรู้สึกได้ว่าแป้นเหยียบของกลองนั้นเหยียบง่ายกว่าเทคนิคแบบ Heel Up ผู้เล่นสามารถ เหยียบเบาได้มากขึ้น โดยการเหยียบกลองใหญ่ที่สามารถควบคุมได้มากขึ้นปกติเทคนิคนี้จะใช้สำหรับ ดนตรีแจ๊ส และดนตรีไตล์อ่อนนุ่มอื่น ๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้เล่นจะเล่นจังหวะดนตรีแนวร็อค ผู้เล่นก็ ควรฝึกวิธีนี้เอาไว้ด้วย การพัฒนาการควบคุมและความรู้สึกสำหรับการเล่นกลองใหญ่จะเพิ่มความเร็วใน การตีและควบคุมการเหยียบกลองใหญ่ของผู้เล่นโดยทั่วไปได้ ทำให้มั่นใจได้ฝึกปฏิบัติเทคนิคเหล่านี้เป็น ประจำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้เล่นได้จัดสรรเวลาในการฝึกปฏิบัติที่เพียงพอสำหรับการเล่นกลอง ทั้งการ ควบคุมไม้กลอง และการควบคุมเท้าทั้ง 2 ข้างโดยวิธีการเดียวกันเหล่านี้สามารถใช้ในการฝึกฝนเทคนิค การตี Hi - Hat ได้ด้วยเช่นกัน จากนั้นยังสามารถเรียนรู้ไปยังบทเรียนอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้การเล่นกลองใน วิธีการต่าง ๆ ได้อีก 3.4 พื้นฐานการปฏิบัติ Hi – Hat Hi - Hat ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการบรรเลงกลองชุด ซึ่งโดยส่วนมาก Hi - Hat เป็น ตัวนำให้แก่ชิ้นส่วนอื่น ๆ บนกลองชุด เพื่อประกอบกันให้เกิดเป็นจังหวะขึ้นมา โดยการปฏิบัติที่ Hi - Hat ในอัตราส่วนโน้ตตัว ดำจากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่ม Snare Drum และ Bass Drum เข้ามาเพื่อประกอบ เป็นจังหวะ ภาพที่ 3.15 ขาตั้งและฉาบ Hi - Hat ที่มา: www.pixabay.com


60 เทคนิคการปฏิบัติของ Hi - Hat มีลักษณะะในการปฏิบัติ Hi - Hat โดยส่วนใหญ่มี่ 2 วิธี ดังนี้ วิธีที่ 1 ใช้ช่วงของไหล่ไม้ในการตีที่ขอบหรือมุมของ Hi - Hat เพื่อให้เกิดเสียง ภาพที่ 3.16 การปฏิบัติHi - Hat โดยใช้ไหล่ไม้ในการตี ที่มา: drummagazine.com วิธีที่ 2 ใช้หัวไม้ตีลงบนเนื้อของ Hi - Hat เพื่อให้เกิดเสียง ภาพที่ 3.17 การปฏิบัติ Hi - Hat โดยใช้หัวไม้ในการตี ที่มา: drummagazine.com การตี Hi - Hat ทั้งสองวิธีสามารถสร้างเนื้อเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยการเลือกใช้หรือ ปฏิบัติขึ้นอยู่กับแนวเพลงที่บรรเลงหรือการเน้นจังหวะของสัดส่วนตัวโน๊ต เป็นต้น ปฏิบัติ Hi - Hat ใน อัตราส่วนโน้ตตัวดำ เริ่มฝึกปฏิบัติ Hi - Hat บนอัตราส่วนโน้ตตัวดำ เพื่อทำให้เกิดการปฏิบัติที่ถูกต้อง สามารถสร้างกล้ามเนื้อและทำให้ได้เรียนรู้ในเรื่องของการอ่านโน๊ตกลองชุด ซึ่งลักษณะของโน้ต Hi - Hat หัวโน้ตเป็นกากบาท อยู่บนเส้นที่ 5


61 การปฏิบัติและฝึกนับจังหวะโน้ตตัวดำบน Time Signature 4/4โดยการตี Hi - Hat ด้วยมือ ขวา ฝึกปฏิบัติ Hi - Hat ด้วยมือขวา 1 ตัวโน๊ตในหนึ่งห้องเพลง - ห้องเพลงที่หนึ่งปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 2 ส่วนจังงหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 หยุด ห้องเพลงที่สองปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 3 ส่วนจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 4 หยุด - ห้องเพลงที่หนึ่งปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 4 ส่วนจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 3 หยุดห้องเพลงที่สองปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 2, จังหวะที่ 3 ส่วนจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 4 หยุด - ห้องเพลงที่หนึ่งปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 ส่วนจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3 หยุด ห้องเพลงที่สองปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 3, จังหวะที่ 4 ส่วนจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 2 หยุด - ห้องเพลงที่หนึ่งปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 ส่วนจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 4 หยุด ห้องเพลงที่สองปฏิบัติ Hi - Hat ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 2 ส่วนจังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 หยุด Metronome ที่แนะนําในการฝึกซ้อม ข้อที่ 1 - 14 คือ 60 bpm. / 65 bpm. / 70 bpm. / 75 bpm. / 80 bpm. / 85 bpm. / 90 bpm. / 95 bpm. / 100bpm.


62 สรุป เนื้อหาทั้งหมดเป็นการอธิบายให้เกิดความเข้าใจในแต่ละเรื่อง ทั่งการปฏิบัติ Hi - Hat การ ปฏิบัติ Snare Drum และการปฏิบัติ Bass Drum แล้วจึงนำองค์ประกอบเหล่านี้มารวมกันทำให้เกิด จังหวะ ซึ่งจังหวะ ที่ได้พูดไปในบทนี้เป็นเพียงการปฏิบัติในอัตราส่วนโน้ตตัวดำเท่านั้น ยังมีอีก หลากหลายสัดส่วนโน้ตที่ยังต้องศึกษาเรียนรู้เข้าใจ ก่อนไปศึกษาบทต่อ ๆ ไป แนะนำให้ผู้เรียนควรเปิด Metronome เสียก่อน และพยายามฝึกฝนปฏิบัติในทุก ๆ หัวข้อ คำถามท้ายบท 1. การจับกลองมีทั้งหมดกี่ประเภท 2. การจับไม้แบบแจ๊สต้องใช้การจับแบบไหน ถึงจะเหมาะสมกับการตี 3. การจับไม้แต่ละรูปแบบแตกต่างกันอย่างไร 4. การฝึกแบบฝึกหัดควรคำนึงถึงอะไรอันดับแรก เอกสารอ้างอิง ทศ พนมขวัญ. (2557). ประวัติกลองชุด Drum Note Magazine, Vol.24. กรุงเทพฯ : เลย์โปรเชสการพิมพ์ รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ (2560). เทคนิคการบรรเลงกลองชุดสไตล์แจ๊ส. กรุงเทพฯ : ออฟเซ็ทพลัส. รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ (2565). ศาสตร์การเรียนรู้การบรรเลงกลองชุด. กรุงเทพฯ : เมตตา พริ้นติ้ง. สมศักดิ์ สร้อยระย้า. (2538). เครื่องเคาะตี. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. Joel Rothman. (1983). Basic Drumming.J.R. Publications, Ft.Lauderdale. Florida. Janne Metsapelto (2015). Drum Course for Beginners. London N1 9PE United Kingdom. Learn to play drums. (2008). Bass Drum Technique. Learntoplaydrums.com/bass– drum-technique. Rod Morgenstein, Rick Mattingly (1997). The Drumset Musician.Hal Leonard. USA. Sandy Feldstein, Dave Black (N.P.. Drum Method Book 1. Van Nuys. USA. Thomann. (2018). The shape of the head, www.thomann.de/gb/onlineexpert_ page_drumsticks the shape_of_the_head.html


63 แผนการสอนประจำบทที่ 4 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองขั้นพื้นฐาน หัวข้อเนื้อหาประจำบท 1. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำได้ 2. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นได้ 3. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นได้ 4. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตสามพยางค์ได้ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อนักศึกษาได้เรียนจบบทที่ 1 นักศึกษาจะมีความสามารถ ดังนี้ 1. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำได้ 2. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นได้ 3. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นได้ 4. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตสามพยางค์ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ 1. บรรยายเนื้อหา โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นำเสนอประกอบคำอธิบาย 2. ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้นักศึกษาอภิปรายหน้าชั้นเรียน 3. แนะนำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโน้ตกลองขั้นพื้นฐานในรูปแบบต่าง ๆ 4. ฝึกปฏิบัติโน้ตกลองขั้นพื้นฐานในรูปแบบต่าง ๆ 5. สรุปประเด็นสำคัญของการเรียนและมอบหมายงานแบบฝึกหัด สื่อการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา หลักการบรรเลงกลองชุด 2. ใช้โปรแกรมนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ 3. ปฏิบัติโน้ตกลองขั้นพื้นฐานในรูปแบบต่าง ๆ


64 การวัดและการประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมผู้เรียน 1.1 ความตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน และการส่งงานที่มอบหมาย 1.2 การตอบสนองของผู้เรียนระหว่างเรียน 1.3 การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของผู้เรียนในระหว่างเรียน 2. ประเมินผลงานที่มอบหมาย 2.1 แบบฝึกหัดท้ายบท


65 บทที่ 4 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองขั้นพื้นฐาน โน้ตกลอง (Drum Key) ก่อนผู้เรียนจะฝึกตีกลองชุดตามโน้ตแบบฝึกหัดที่ให้ จำเป็นจะต้อง ทราบตำแหน่งของโน้ตกลองกับส่วนต่าง ๆ ของกลองชุด ซึ่งมีดังนี้ 1. ตำแหน่งโน้ตกลองพื้นฐาน 2. ตำแหน่งโน้ตกลองเพิ่มเติม 4.1 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำได้มีเนื้อหาดังนี้ 4.1.1 ลักษณะของโน้ตตัวดำ โน้ตตัวดำ คือ ภาษาอังกฤษว่า Crotchet เป็นตัวโน้ตดนตรีสากลที่มีรูปทรงเป็น วงกลมทึบระบายสีดำมีเส้นตรงขวางกลาง มีค่าเท่ากับ 1 จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 ซึ่งหมายความว่า โน้ตตัวดำจะดังเท่ากับโน้ตตัวอื่นที่มีค่าเท่ากับ 1 จังหวะ เช่น โน้ตตัวเขบ็ต 1 ชั้น 2 ตัว หรือโน้ตตัวเขบ็ต 2 ชั้น 8 ตัว ซึ่งการนับโน้ตตัวดำ สามารถทำได้ดังนี้ - ระบุอัตราจังหวะก่อน อัตราจังหวะคือตัวเลขสองตัวที่เขียนอยู่ด้านบนของบรรทัด ห้าเส้น ตัวเลขตัวแรกบอกจำนวนจังหวะต่อบาร์ ตัวเลขตัวที่สองบอกจำนวนโน้ตตัวดำต่อจังหวะ - ระบุค่าของโน้ต โน้ตตัวดำมีค่าเท่ากับ 1 จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4การนับโน้ตตัว ดำในอัตราจังหวะ 4/4 มีวิธีการนับตัวโน้ตดังนี้ - โน้ตตัวดำหนึ่งตัวจะนับเป็น "1" - โน้ตตัวดำสองตัวจะนับเป็น "1 - 2"


66 - โน้ตตัวดำสามตัวจะนับเป็น "1 - 2 - 3" - โน้ตตัวดำสี่ตัวจะนับเป็น "1 - 2 - 3 - 4" 4.1.2 แบบฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ มีดังนี้ แบบฝึกหัดที่ 1 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือซ้าย มือขวา พร้อมทั้งเหยียบ กระเดื่องไปพร้อมกับมือทั้งสองข้างในค่าโน้ตตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 2 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาข้างเดียว ส่วนมือซ้ายจะเป็นตัว หยุดตัวดำ พร้อมทั้งเหยียบกระเดื่องไปพร้อมกับมือในสัดส่วนโน้ตตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 3 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาสองโน้ตในจังหวะที่ 1 และ 3 ส่วนมือซ้ายให้ตีจังหวะที่ 2 อย่างเดียว พร้อมทั้งเหยียบกระเดื่องไปพร้อมกับมือในสัดส่วนโน้ตตัวดำเต็ม ห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 4 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือมื้อขวาสองโน้ตในจังหวะที่ 1 และ 3 ส่วนมือซ้ายให้ตีจังหวะที่ 4 อย่างเดียว พร้อมทั้งเหยียบกระเดื่องไปพร้อมกับมือในสัดส่วนโน้ตตัวดำ เต็มห้องเพลง


67 แบบฝึกหัดที่ 5 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือมื้อซ้ายสองโน้ตในจังหวะที่ 2 และ 4 ส่วนมือขวาให้ตีจังหวะที่ 1 อย่างเดียว พ ร้อมทั้งเหยียบกระเดื่องไปพ ร้อมกับมือใน 4.2 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น 4.2.1 ลักษณะของโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Quaver โน้ต ตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นคือตัวโน้ตดนตรีสากลที่มีรูปทรงเป็นวงกลมมีเส้นตรงขวางกลางและมีชายธงยื่นออกมา ด้านข้าง มีค่าเท่ากับครึ่งจังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 ซึ่งหมายความว่าโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นจะดังเท่ากับ โน้ตตัวอื่นที่มีค่าเท่ากับครึ่งจังหวะ เช่น โน้ตตัวดำ 1 ตัว เท่ากับโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น 2 ตัวการนับโน้ตตัว เขบ็ตหนึ่งชั้นในอัตราจังหวะ 4/4 - โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นหนึ่งตัวจะนับเป็น "1" - โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นสองตัวจะนับเป็น "1 &" - โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นสามตัวจะนับเป็น "1 & 2" - โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นสี่ตัวจะนับเป็น "1 & 2 &" 4.2.2 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น มีดังนี้ แบบฝึกหัดที่ 1 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาเป็นจังหวะตก 1 2 3 4 สลับกับ ตี มื อ ซ้ าย เป็ น จั งห ว ะ ย ก ข อ งโน้ ต เข บ็ ต ห นึ่งชั้ น คื อ & โด ย ตี เต็ ม จ ำน ว น 2 ห้ อ งเพ ล ง แบบฝึกหัดที่ 2 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาและมือซ้ายสลับกัน โดยห้อง เพลงที่ 1 และ 3 เป็นส่วนโน้ตตัวดำ ส่วนห้องเพลงที่ 2 และ 4 ให้ตีเป็นสัดส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และเหยียบกระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 3 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาและมือซ้ายสลับกัน โดยแต่ละ ห้องเพลงจะมีส่วนโน้ตเป็นตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 และ 3 ส่วนจังหวะที่ 2 และ 4 จะเป็นสัดส่วน โน้ตตัวดำ และเหยียบกระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง


68 แบบฝึกหัดที่ 4 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาและมือซ้ายสลับกัน โดยแต่ละ ห้องเพลงจะมีส่วนโน้ตเป็นตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 2 3 ส่วนจังหวะที่ 4 จะเป็นสัดส่วนโน้ตตัวดำ และเหยียบกระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 5 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือซ้ายอย่างเดียว โดยแต่ละห้องเพลง จะมีส่วนโน้ตเป็นตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นจังหวะยก & ทั้ง 4 จังหวะ และเหยียบกระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็ม ห้องเพลง 4.3 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น 4.3.1 ลักษณะของโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Semiquaver โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น คือตัวโน้ตดนตรีสากลที่มีรูปทรงเป็นวงกลมมีเส้นตรงขวางกลางและมีชายธงยื่นออกมาด้านข้างสองเส้น มีค่าเท่ากับหนึ่งในสี่จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 ซึ่งหมายความว่าโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นจะดังเท่ากับโน้ตตัว อื่นที่มีค่าเท่ากับหนึ่งในสี่จังหวะ เช่น เช่น โน้ตตัวดำ 1 ตัว เท่ากับโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น 4 ตัว การนับโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นในอัตราจังหวะ 4/4 มีดังนี้ - โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นหนึ่งตัวจะนับเป็น "1" - โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นสองตัวจะนับเป็น "1 e" - โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นสามตัวจะนับเป็น "1 e &" - โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นสี่ตัวจะนับเป็น "1 e & a" 4.3.2 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น มีดังนี้ แบบฝึกหัดที่ 1 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาสลับกับมือซ้ายเป็นสัดส่วนโน้ต เขบ็ตสองชั้น 1 e & a เต็มทั้ง 4 จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 จำนวน 4 ห้องเพลง แต่ให้ตีจังหวะตกที่มี เครื่องหมาย > (Accent) ให้เสียงดังกว่าจังหวะอื่น ๆ และเหยียบกระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้อง เพลง


69 แบบฝึกหัดที่ 2 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาสลับกับมือซ้ายเป็นสัดส่วนโน้ต เขบ็ตสองชั้น 1 e & a ในห้องเพลงที่ 2 และ 4 แต่ให้ตีจังหวะตกที่มีเครื่องหมาย > (Accent) ให้เสียง ดังกว่าจังหวะอื่น ๆ ส่วนห้องเพลงที่ 1 และ 3 ให้ตีเป็นสัดส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และเหยียบ กระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 3 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาสลับกับมือซ้ายเป็นสัดส่วนโน้ต เขบ็ตสองผสมกับโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น ให้นับเป็น 1 e & ซึ่งแต่ละจังหวะจะตีสามครั้ง (Single Stroke Tree) แต่ให้ตีจังหวะตกที่มีเครื่องหมาย > (Accent) ให้เสียงดังกว่าจังหวะอื่น ๆ และเหยียบกระเดื่อง เป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 4 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาสลับกับมือซ้ายเป็นสัดส่วนโน้ต เขบ็ตสองผสมกับโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น ให้นับเป็น 1 - & a ซึ่งแต่ละจังหวะจะตีสามครั้ง (Single Stroke Tree) แต่ให้ตีจังหวะตกที่มีเครื่องหมาย > (Accent) ให้เสียงดังกว่าจังหวะอื่น ๆ และเหยียบกระเดื่อง เป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง แบบฝึกหัดที่ 5 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการฝึกตีมือขวาสลับกับมือซ้ายเป็นสัดส่วนโน้ต เขบ็ตสองผสมกับโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นประจุด ให้นับเป็น 1 - - a ซึ่งแต่ละจังหวะจะตีสองครั้ง (Single Stroke Two) แต่ให้ตีจังหวะตกที่มีเครื่องหมาย > (Accent) ให้เสียงดังกว่าจังหวะอื่น ๆ และเหยียบ กระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง


70 4.4 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตสามพยางค์ โน้ตสามพยางค์คือโน้ตดนตรีสากลที่มีความยาวเท่ากับสามพยางค์โน้ตเต็ม โน้ตสามพยางค์มี ชื่อภาษาอังกฤษว่า Triplet โน้ตสามพยางค์สามารถเขียนได้หลายวิธี ดังนี้ - เขียนเป็นโน้ตตัวดำแยกเดี่ยว โดยเพิ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายสามพยางค์ (Triplet) ไว้ด้านบนโน้ต - เขียนเป็นโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นสามตัวติดกัน โดยเพิ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายสาม พยางค์ (Triplet) ไว้ด้านบนโน้ต - เขียนเป็นโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นสามตัวติดกัน โดยเพิ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายสาม พยางค์ (Triplet) ไว้ด้านบนโน้ต โน้ตสามพยางค์คือการแบ่งโน้ตที่มีค่าเท่ากับสองพยางค์โน้ตเต็มออกเป็นสามพยางค์ โน้ตสาม พยางค์มีความยาวเท่ากับสามพยางค์โน้ตเต็ม ดังนั้นการนับโน้ตสามพยางค์จึงต้องนับให้เร็วขึ้นกว่าการ นับโน้ตเต็มหนึ่งพยางค์ครึ่งเท่าตัวการนับโน้ตสามพยางค์ในอัตราจังหวะ 4/4 มีดังนี้ - โน้ตสามพยางค์หนึ่งตัวจะนับเป็น "1" ซึ่งเร็วกว่าการนับโน้ตเต็มหนึ่งพยางค์ครึ่ง เท่าตัว - โน้ตสามพยางค์สองตัวจะนับเป็น "1 T" (T = Trip) ซึ่งเร็วกว่าการนับโน้ตเต็มหนึ่ง พยางค์ครึ่งเท่าตัว - โน้ตสามพยางค์สามตัวจะนับเป็น "1 T P" (P = Plet) ซึ่งเร็วกว่าการนับโน้ตเต็ม หนึ่งพยางค์ครึ่งเท่าตัว


71 4.5 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตสามพยางค์ มีดังนี้ แบบฝึกหัดที่ 1 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการใช้มือขวาตีไฮแฮท (Hi - hat) เป็นสัดส่วนโน้ตเขบ็ต หนึ่งชั้นสามพยางค์เต็มทุกจังหวะในห้องเพลง ส่วนมือซ้ายให้ตีสแนร์ในจังหวะที่ 2 และ 4 และเหยียบ กระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มจังหวะที่ 1 และ 3 แบบฝึกหัดที่ 2 ในแบบฝึกหัดนี้จะเป็นการใช้มือขวาตีไฮแฮท (Hi - hat) เป็นสัดส่วนโน้ตเขบ็ต หนึ่งชั้นสามพยางค์เต็มทุกจังหวะในห้องเพลง ส่วนมือซ้ายให้ตีสแนร์ในจังหวะที่ 2 และ 4 และเหยียบ กระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง สรุป การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น เป็นการฝึกพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับนักกลองมือใหม่ การฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้นักกลอง สามารถตีกลองได้ตามจังหวะและความเร็วที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะการตีกลองไปสู่ ระดับที่สูงขึ้นได้การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตตัวเขบ็ต สองชั้น มีดังนี้ - โน้ตตัวดำ มีความยาวเท่ากับ 1 จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองใน อัตราส่วนโน้ตตัวดำ สามารถทำได้โดยการใช้มือซ้ายและมือขวาตีโน้ตตัวดำ 2 ตัว พร้อมกันในจังหวะที่ 1 และ 3 ส่วนมือซ้ายให้ตีโน้ตตัวดำ 1 ตัวในจังหวะที่ 2 และ 4 พร้อมกันกับเหยียบกระเดื่อง - โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น มีความยาวเท่ากับครึ่งจังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 การฝึกปฏิบัติโน้ต กลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น สามารถทำได้โดยการใช้มือซ้ายตีโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 และ 3 ส่วนมือขวาตีโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 2 และ 4 พร้อมกันกับเหยียบกระเดื่อง - โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น มีความยาวเท่ากับหนึ่งในสี่จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 การฝึกปฏิบัติ โน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น สามารถทำได้โดยการใช้มือซ้ายตีโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นใน จังหวะที่ 1 และ 3 ส่วนมือขวาตีโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 2 และ 4 พร้อมกันกับเหยียบกระเดื่อง


72 - การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตสามพยางค์ สามารถทำได้โดยการใช้มือซ้ายตีโน้ต ตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นสามพยางค์เต็มทุกจังหวะในห้องเพลง ส่วนมือขวาให้ตีสแนร์ในจังหวะที่ 2 และ 4 และ เหยียบกระเดื่องเป็นสัดส่วนตัวดำเต็มห้องเพลง นอกจากการฝึกปฏิบัติโน้ตกลองตามแบบฝึกหัดที่กำหนดแล้ว นักกลองควรฝึกฝนการตีกลอง ด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตีกลองได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องตามจังหวะ คำถามท้ายบท 1. โน้ตตัวดำมีค่าเท่ากับกี่จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 2. โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้นมีค่าเท่ากับกี่จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 3. โน้ตตัวเขบ็ตสองชั้นมีค่าเท่ากับกี่จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 4. โน้ตสามพยางค์มีค่าเท่ากับกี่จังหวะในอัตราจังหวะ 4/4 5. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น มีความสำคัญอย่างไร 6. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น ช่วยให้นักกลองพัฒนาทักษะการตีกลองด้านใดบ้าง? 7. การฝึกปฏิบัติโน้ตกลองในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตตัวเขบ็ตสองชั้น ช่วยให้นักกลองตีกลองได้เร็วขึ้นหรือไม่? เอกสารอ้างอิง ทศ พนมขวัญ. (2557). ประวัติกลองชุด Drum Note Magazine, Vol.24. กรุงเทพฯ : เลย์โปรเชสการพิมพ์ รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ (2560). เทคนิคการบรรเลงกลองชุดสไตล์แจ๊ส. กรุงเทพฯ : ออฟเซ็ทพลัส. รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ (2565). ศาสตร์การเรียนรู้การบรรเลงกลองชุด. กรุงเทพฯ : เมตตา พริ้นติ้ง. สมศักดิ์ สร้อยระย้า. (2538). เครื่องเคาะตี. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. Joel Rothman. (1983). Basic Drumming.J.R. Publications, Ft.Lauderdale. Florida. Janne Metsapelto (2015). Drum Course for Beginners. London N1 9PE United Kingdom.


73 Learn to play drums. (2008). Bass Drum Technique. Learntoplaydrums.com/bass - drum-technique. Rod Morgenstein, Rick Mattingly (1997). The Drumset Musician.Hal Leonard. USA. Sandy Feldstein, Dave Black (N.P.. Drum Method Book 1. Van Nuys. USA. Thomann. (2018). The shape of the head, www.thomann.de/gb/onlineexpert_ page_drumsticks the shape_of_the_head.html _____ . (2019). WHAT YOU SHOULD KNOW ABOUT KICK DRUM PEDALS, www.thomann.de/blo/en/what-you should knoW-about-kick-drumpedals.


74 แผนการสอนประจำบทที่ 5 การฝึกปฏิบัติรูดิเมนท์ (Rudiments) หัวข้อเนื้อหาประจำบท 1. ส่วนประกอบสำคัญของการฝึกปฏิบัติรูดิเมนท์ 2. การฝึกปฏิบัติซิงเกิลสโตรคโรล (Single Stroke Rolls) 3. การฝึกปฏิบัติดับเบิลสโตรคโรล (Double Stroke Rolls) 4. การฝึกปฏิบัติดิดเดิล (Diddle) 5. การฝึกปฏิบัติ แฟลม (Flams) และแดรก (Drag) วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อนักศึกษาได้เรียนจบบทที่ 1 นักศึกษาจะมีความสามารถ ดังนี้ 1. มีความเข้าใจและอธิบายส่วนประกอบสำคัญของการฝึกปฏิบัติรูดิเมนท์ได้ 2. สามารถปฏิบัติปฏิบัติซิงเกิลสโตรคโรล (Single Stroke Rolls) ได้ 3. สามารถปฏิบัติปฏิบัติดับเบิลสโตรคโรล (Double Stroke Rolls) ได้ 4. สามารถปฏิบัติปฏิบัติดิดเดิล (Diddle) ได้ 5. สามารถปฏิบัติปฏิบัติ แฟลม (Flams) และแดรก (Drag) ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ 1. บรรยายเนื้อหา โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นำเสนอประกอบคำอธิบาย 2. ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้นักศึกษาอภิปรายหน้าชั้นเรียน 3. แนะนำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรูดิเมนท์ (Rudiments) 4. ปฏิบัติรูดิเมนท์ (Rudiments) 5. สรุปประเด็นสำคัญของการเรียนและมอบหมายงานแบบฝึกหัด สื่อการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา หลักการบรรเลงกลองชุด 2. ใช้โปรแกรมนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ 3. ปฏิบัติรูดิเมนท์ (Rudiments)


75 การวัดและการประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมผู้เรียน 1.1 ความตรงต่อเวลาในการเข้าเรียน และการส่งงานที่มอบหมาย 1.2 การตอบสนองของผู้เรียนระหว่างเรียน 1.3 การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของผู้เรียนในระหว่างเรียน 2. ประเมินผลงานที่มอบหมาย 2.1 แบบฝึกหัดท้ายบท


76 บทที่ 5 การฝึกปฏิบัติรูดิเมนท์ (Rudiments) 5.1 ส่วนประกอบสำคัญของการฝึกปฏิบัติรูดิเมนท์ รูดิเมนท์ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกเพื่อให้เกิดลักษณะจังหวะ แต่รวมไปถึงการฝึกฝนในด้านการ เคลื่อนไหวของร่างกาย การบังคับมือ การควบคุมไม้กลอง และการควบคุมความดัง - เบาของเสียง ซึ่ง เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อผู้เรียนเพื่อพัฒนาทักษะการบรรเลงในระดับที่ยากและสูงขึ้นไป Janne Metsapelto (2015)ในปีคริสต์ศักราชที่ 1993 สมาคม เนชั่นแนล แอสโซซิเอชั่น ออฟ รูดิเมนทัล ดรัม เมอร (National Association of Rudimental Drummer หรือ NARD) ได้กำหนดรูปแบบของรูดิ เมนท์ไว้ทั้งหมด 26 รูปแบบต่อมาได้มีการปรับปรุงรูปแบบของรูเมนท์ให้มีความทันสมัย โดยองค์กร เพอร์คัสสีฟ อาร์ท โซไซตี (Percussive Art Society หรือ PAS) ได้ประกาศรูปแบบของรูดิเมนท์ใหม่ เป็น 40รูปแบบ (The International Rudiments) ที่นำมาใช้การอย่างแพร่หลายทั่วโลก สำหรับ พื้นฐานในการเรียนกลองนั้น ผู้เรียนควรฝึกรูดิเมนท์ในรูปแบบของโน้ตสั้น ๆ ก่อนเพราะการฝึกฝนในรูดิ เมนท์ที่มีความหลากหลาย สามารถช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหว ความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของนิ้ว มือและข้อมือ เพื่อให้การควบคุมไม้กลองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในการฝึกรูดิเมนท์ แนะนำให้ผู้เรียน ใช้เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) ควบคู่ไปด้วยในขณะฝึกบรรเลง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถควบคุม อัตราความเร็ว โดยไม่เร่งหรือยืดจังหวะจนเกินไป สิ่งสำคัญในการฝึกรูดิเมนท์แต่ละรูปแบบ ผู้เรียนไม่ ควรเร่งความเร็วจนเกินไป ควรเริ่มจากอัตราความเร็วช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและจดจำความสัมพันธ์ระหว่างจังหวะของรูเมนท์ที่มีความหลากหลายใน ด้านอัตราความเร็วได้ 5.2 การฝึกปฏิบัติรูดิเมนท์ (Daily Rudiment workout) สำหรับพื้นฐานในการฝึกรูดิเมนท์ ผู้เรียนควรจัดระบบโครงสร้างในการการฝึกฝนที่มีความ เหมาะสมให้กับตัวผู้เรียน ควรตั้งเป้าหมายและเวลาในการฝึกฝนเพื่อให้ผู้เรียนทราบถึงพัฒนาการ ความก้าวหน้าของตัวผู้เรียนเอง เช่น เริ่มต้นจากการฝึกแค่ 10 นาทีต่อวัน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มเวลาให้ มากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความสามารถในการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนให้ผู้เรียนใช้ เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) โดยเริ่มจากอัตราความเร็วช้า ๆ เช่น เริ่มต้นจากความเร็วที่ 70 bpm. ก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มความเร็วตามลำดับความสามารถของตัวผู้เรียน ในการฝึกรูดิเมนท์ แนะนำให้ผู้เรียนใช้เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) ควบคู่ไปด้วยในขณะฝึกเพื่อให้ผู้เรียนสามารถ ควบคุมอัตราความเร็ว โดยไม่เร่งจังหวะจนเกินไป อุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึก ได้แก่ ไม้ตีกลอง (Pair of drumsticks) แป้นซ้อมกลองหรือกลองชุด (Practice pad/drum set) และเครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) ในขณะทำการฝึกฝน แนะนำให้ผู้เรียนมีการ


77 นับจังหวะในใจหรือเปล่งเสียงออกมาเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและปฏิบัติได้ตรงตามจังหวะมากยิ่งขึ้น หากผู้เรียนสามารถบรรเลงรูปแบบพื้นฐานของรูดิเมนท์ได้เป็นอย่างดี มีความเข้าใจ และเกิดความ ชำนาญ ทำให้มีทักษะในการฟัง การอ่านโน้ต ความคุมไม้กลอง และการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย ที่ดีมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่การบรรเลงเป็นวงดนตรีที่ดีและมีคุณภาพ 5.3 ซิงเกิลสโตรคโรล (Single Stroke Rolls) ซิงเกิลสโตรคโรล (Single Stroke Rolls) คือพื้นฐานของรูดิเมนท์ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องศึกษา และเรียนรู้โดยควรเริ่มจากอัตราความเร็วช้า ๆ ใช้เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) ควบคู่ไปด้วย ในขณะฝึกบรรเลงสิ่งสำคัญในการฝึก ผู้เรียนต้องมีความผ่อนคลาย ไม่จับไม้กลองแน่นจนเกินไป ควรจับ ไม้ให้ถูกวิธี โดยให้มีความสมดุลระหว่างการใช้มือ ไม้กลอง และจังหวะการ เพื่อทำให้การฝึกมี ประสิทธิภาพ ผู้เรียนจะต้องทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างไม้กลองและมือของผู้เรียนเพราะเมื่อ จับไม้กลองได้ในท่าทางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสรีระของผู้เรียนแล้ว ทำให้เกิดความคล่องตัว สามารถควบคุมตำแหน่งน้ำหนัก หรือแม้กระทั่งการสะบัดข้อมือของผู้เรียนได้ อีกทั้งผู้เรียนไม่ควรจับไม้ กลองแน่นหรือหลวมจนเกินไปซึ่งอาจทำให้เกิดการเกร็งส่งผลให้ความสามารถในการควบคุมไม้ลดลง อย่างมาก หากในระหว่างการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องผู้เรียนมีอาการเมื่อยล้าหรือรู้สึกเกร็งจนทำให้ผู้เรียน บรรเลงด้วยอัตราความเร็วที่มา: กเกินปกติ ให้ผู้เรียนหยุดพัก แล้วค่อยเริ่มใหม่ ตัวอย่างที่ 1 ตัวอย่างที่ 2 ตัวอย่างที่ 3


78 ตัวอย่างที่ 4 จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มีการฝึกที่เริ่มต้นจากทั้งมือขวาและมือซ้าย เพื่อให้มีการฝึกฝนจนเกิด ความถนัดของมือทั้งสองข้าง หากผู้เรียนมีความถนัดมือข้างขวา จึงเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างมากที่มือ ข้างซ้ายของผู้เรียนจะควบคุมได้ยาก ที่ไม่ถูกตำแหน่งเท่าที่ควร วิธีแก้คือให้ผู้เรียนสังเกตจากมือข้างที่ ถนัด ทั้งในเรื่องของการจับ น้ำหนักและการควบคุมเพื่อทำให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติด้วยมือทั้งสองข้างได้ อย่างสมดุลกัน 5.3.1 การจับไม้กลองในการปฏิบัติ Single Stroke ในการปฏิบัติโดยทั่วไป มีการใช้ข้อมือสะบัดขึ้นลงของการตีกลอง อีกทั้งยังมีเทคนิค การตีโดยให้ไม้กลองเด้งกระทบกับกลอง (Bounce Technique) ซึ่งสามารถช่วยให้เพิ่มความเร็วในการ ตีได้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น การจับไม้กลองของเทคนิคนี้ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้ง โดยกนิ้วทั้งสองแบบ หลวม ๆ ไม่แน่นจนเกินไป เพื่อทำหน้าที่ควบคุมจุดศูนย์กลางหรือเป็นจุดหมุนของไม้ ในส่วนของสามนิ้ว ที่เหลือ คือ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยให้ประคองอยู่ใต้ไม้ตีกลองเพื่อคอยควบคุมจังหวะการตี ภาพที่ 5.1 การจับไม้กลองของเทคนิคนี้ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้ง ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ ตำแหน่งการวางไม้กลองในเทคนิคนี้ คือ วางไม้กลองทำมุม 45 องศาลงบนกลองสแนร์ จากนั้น เริ่มลงบนกลองสแนร์ จบด้วยการปล่อยให้ไม้กลองเด้งแบบธรรมชาติกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น


79 ภาพที่ 5.2 การวางไม้กลองทำมุม 45 องศาลงบนกลองสแนร์ ที่มา: รุ่งเกียรติ ศิริวงษ์สุวรรณ ภาพที่ 5.3 การปล่อยให้ไม้กลองเด้งแบบธรรมชาติกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ ผู้เรียนควรทำการฝึกซ้ำ ๆ ให้สามารถควบคุมไม้กลองได้จนเกิดความคล่องตัวและชำนาญ เพราะเทคนิคนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติอื่น ๆ บนกลองชุดได้อีกหลากหลายรูปแบบฝึก ควบคุมการปฏิบัติ Single Stroke Roll ในอัตราโน้ตตัวดำ โน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นและโน้ตเขบ็ตสองชั้นบน Time Signature 4/4 5.3.2 ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ และโน้ตเขบ็ตสองชั้นในหนึ่งห้องเพลง 1. ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 4 ของห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นจังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นจังหวะที่ 2 ของห้อง


80 เพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นจังหวะที่ 1 ของห้องเพลงที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำ ของทุกจังหวะ 2. ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ ปฏิบัติในตเขบ็ตหนึ่งในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ของหอง เพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น จังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 ของห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 4 ของห้องเพลง ที่ 4 โดยมี Bass Drumอัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ จากโน้ตข้อที่ 1 ถึงโน้ตข้อที่ 2 ข้างต้น โน้ตแบบฝึกหัดเน้นการปฏิบัติที่ Single Stroke Roll ในอัตราส่วนโน้ตตัวดำ และโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การฝึกแยกปฏิบัติ อัตราส่วนโน้ตตัวดำ และโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น ให้มีความชำนาญและสามารถแยกแยะโน้ตสองอัตรานี้ได้ อย่างดีที่สุด 5.3.3 ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตเขบ็ตสองชั้น ในหนึ่งห้องเพลง 1. ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 4 ของห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 2 ของห้องเพลง ที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 1 ของห้องเพลงที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของ ทุกจังหวะ 2. ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ของห้อง เพลงที่ 1ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้น


81 จังหวะที่ 1 จังหวะที่2 ของห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 4 ของห้องเพลง ที่ 4 โดยมี Bass Drumอัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 3. ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 ของห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 2 จังหวะที่3, จังหวะที่ 4 ของห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 4โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 4. ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 4 ของห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 3 ของห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 2 ของห้องเพลง ที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นจังหวะที่ 1 ของห้องเพลงที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของ ทุกจังหวะ จากโน้ตข้อที่ 3 ถึงโน้ตข้อที่ 6 ข้างต้น เป็นการเน้นการปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตเขบ็ต หนึ่งชั้นและโน้ตเขบ็ตสองชั้น เพื่อให้ผู้เรียนได้สามารถปฏิบัติและพัฒนาสามอัตราส่วนโน้ตได้อย่าง สมบูรณ์แบบที่สุด และสามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนได้อย่างง่ายสำหรับการปฏิบัติในรูปแบบ Single Stroke Roll 5.3.4 ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ โน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น โน้ตเขบ็ตสองชั้น โน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มี ตัว 2 โน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่ตัว e ในหนึ่งห้องเพลง 1. ห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตตัวดำ ในจังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว 2 ในจังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่ง ชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 4 ปฏิบัติโน้ตตัวดำในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว 2 ใน จังหวะที่ 3 ห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตตัวดำในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว 2 ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 3จังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว 2 ใน


82 จังหวะที่ 1 จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วน โน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 2. ห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตตัวดำ ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่มีไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่ง ชั้นในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเบต็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 2, จังหวะที่ 4 ปฏิบัติโน้ตตัวดำใน จังหวะที่ 3 ห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ใน จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตตัวดำในจังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชนที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 2, จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 3. ห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 4 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 3 ห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่ง ชั้นในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 4 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้น ที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 4. ห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ต สองชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 3 ห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 3ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 3 ปฏิบัติโน้ต เขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ต เขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 4 ห้องเพลงที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสอง


83 ชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 4 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว eในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 3 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ จากโน้ตข้อที่ 7 ถึงโน้ตข้อที่ 10 ข้างต้น เป็นการปฏิบัติ Single Stroke Roll ใน หลากหลายอัตราส่วนภายในหนึ่งห้องเพลง เพื่อเป็นการมุ่งเน้นในการสร้างกล้ามเนื้อแขนของผู้เรียนให้ ดียิ่งขึ้น ฝึกทักษะการอ่านโน้ตและการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติที่หลากหลายอัตราส่วนให้ได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ที่สุด 5.4 ดับเบิลสโตรคโรล (Double Stroke Rolls) ดับเบิลสโตรคโรล (Double Stroke Rolls) เป็นอีกหนึ่งรูดิเมนท์ที่ผู้เรียนมักพบเจอได้บ่อยและ อาจดูเหมือนยากสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้น แต่หากผู้เรียนมีความมุ่งมั่นในการฝึกฝนทำให้สามารถฝึก ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งรูดิเมนท์นี้เป็นรูปแบบการตีซ้ำกันสองครั้งด้วยมือ ขวาและซ้ำกันสองครั้งด้วยมือซ้าย ขณะฝึกปฏิบัติผู้เรียนต้องจับไม้กลองในท่าทางที่ถูกต้องและ เหมาะสมกับสรีระของผู้เรียน การฝึกปฏิบัติในช่วงเริ่มต้นนั้นผู้เรียนไม่ควรเร่งจังหวะให้เร็วจนเกินไป ควรหาอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียน เริ่มต้นการฝึกปฏิบัติจากอัตราความเร็วที่ ช้าจากนั้นค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามความสูงสุดของผู้เรียน แล้วจึงกลับมาเริ่มฝึกซ้ำอีกครั้ง ตัวอย่างการปฏิบัติ Double Stroke Rolls นี้ควรค่าแก่การจดจำ ฝึกฝน และนำไปประยุกต์ใช้ในการ บรรเลงกลองชุดของผู้เรียนได้ ตัวอย่างที่ 1 ตัวอย่างที่ 2 ในตัวอย่างที่ 3 มีเครื่องหมาย Accent อยู่บนหัวของโน้ตตัวสุดท้าย หมายถึง การเน้นเสียงที่ โน้ตตัวนั้นให้ดังกว่าปกติ ในการบรรเลงผู้เรียนไม่ควรรีบเร่งจังหวะหรือความเร็วจนเกินไป ฝึกฝนจาก ความเร็วช้า ๆ เพื่อให้เสียงที่ได้จากการบรรเลงมีความไพเราะ อีกทั้งผู้เรียนยังได้พัฒนาให้เกิดการ ควบคุมจังหวะและการเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้น


84 จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นการรวมกันของโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น โน้ตเขบ็ตสองชั้น และ โน้ตเขบ็ตสามชั้น โดยได้อธิบายให้ผู้เรียนเห็นภาพในเรื่องค่าตัวโน้ต คือ โน้ตเขบ็ตสามชั้นมีความเร็วเป็น สองเท่าของโน้ตเขบ็ตสองชั้น และโน้ตเขบ็ตสองชั้นมีความเร็วเป็นสองเท่าของโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น 5.4.1 การจับไม้กลองในการปฏิบัติ Double Stroke สืบเนื่องจากการฝึกปฏิบัติแบบ Single Stroke Rolls ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ให้ ผู้เรียนฝึกบรรเลงโดยใช้ข้อมือสะบัดขึ้นลงในการตี ด้วยเทคนิคการตีโดยให้ไม้กลองเด้งกระทบกับกลอง (Bounce Technique) ตำแหน่งการวางไม้กลองในเทคนิคนี้ คือ วางไม้กลองทำมุม 45 องศาลงบน กลองสแนร์ จับไม้กลองด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งโดยกนิ้วทั้งสองแบบหลวม ๆ ไม่แน่นจนเกินไปเพื่อทำหน้าที่ ควบคุมจุดศูนย์กลางหรือเป็นจุดหมุนของไม้ ภาพที่ 5.4 การจับไม้กลองด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งโดยกนิ้วทั้งสองแบบหลวม ๆ ไม่แน่นจนเกินไป ที่มา: รุ่งเกียรติ ศิริวงษ์สุวรรณ ในส่วนของสามนิ้วที่เหลือให้ประคองอยู่ใต้ไม้ตีกลองเพื่อเป็นตัวควบคุมจังหวะในการตีลงบน กลองสแนร์ สิ่งที่ทำให้การปฏิบัติแบบ Double Stroke Rolls มีความแตกต่างจากการปฏิบัติแบบ SingleStroke Rolls คือ การตีลงบนกลองสลับมือซ้าย - ขวา “สองครั้ง โดยปล่อยให้ไม้กลองเด้งแบบ ธรรมชาติกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น


85 ภาพที่ 5.5 การวางไม้กลองทำมุม 45 องศาลงบนกลองสแนร์ ที่มา: รุ่งเกียรติ สิริวงษ์สุวรรณ ภาพที่ 5.6 การปล่อยให้ไม้กลองเด้งแบบธรรมชาติกลับมาที่ตำแหน่งเริ่มต้น ที่มา: รุ่งเกียรติ ศิริวงษ์สุวรรณ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้ผู้เรียนฝึกฝนตามโน้ตตัวอย่างทั้ง 3 ข้อข้างต้น และควรฝึกฝนจากตัวอย่างอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังสามารถฝึกการจับไม้แบบอื่นร่วมด้วย เช่น การ จับไม้แบบMatched Grip เป็นต้น เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติแบบ Double Stroke Rolls ของผู้เรียนให้ คล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 5.4.2 ฝึกควบคุมการปฏิบัติ Double Stroke Roll ในอัตราโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นและโน้ตเขบ็ต สองชั้นบน Time Signature 4/4ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตตัวดำ และโน้ตเขบ็ตสองชั้น


86 1. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น และอัตราส่วนโน้ต เขบ็ตสองชั้น โดยในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ต เขบ็ตสองชั้น โดยมี BassDrum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 2. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น และอัตราส่วนโน้ต เขบ็ตสองชั้น โดยในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ต สองชั้นในจังหวะที่ 3จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุก จังหวะ 3. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น และอัตราส่วนโน้ต เขบ็ตสองชั้น โดยในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ต หนึ่งชั้นในจังหวะที่ 3จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ จากโน้ตข้อที่ 1 ถึงโน้ตข้อที่ 3 ข้างต้น โน้ตแบบฝึกหัดเน้นการปฏิบัติที่ Double Stroke Roll ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น และโน้ตเขบ็ตสองชั้น เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การฝึกแยก ปฏิบัติอัตราส่วนให้มีความชำนาญและสามารถแยกแยะโน้ตสองอัตราส่วนนี้ได้อย่างดีที่สุด 5.4.3 ปฏิบัติอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น โน้ตเขบ็ตสองชั้น โน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว 2 โน้ต เขบ็ตสองชั้นที่ไม่ตัว e ในหนึ่งห้องเพลง 1. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 3จังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลง ที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นใจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ


87 2. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มี a ใน จังหวะที่ 1, จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drumอัตราส่วนโน้ตตัวของทุกจังหวะ 3. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 3ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ใน จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสอง ชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 2ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 4. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 3ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว 1 ในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 3 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มี e ในจังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ 5. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 1ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ใน จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่ง ชั้นในจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัว ดำของทุกจังหวะ


88 6. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสอง ชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 3ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drum อัตราส่วนโน้ตตัว ดำของทุกจังหวะ 7. ปฏิบัติ Double Stroke Roll ในห้องเพลงที่ 1 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้นในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว e ในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 ส่วนในห้องเพลงที่ 2 ปฏิบัติ โน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ไม่มีตัว a ในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 ปฏิบัติโน้ตเขบ็ตสองชั้นในจังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4 โดยมี Bass Drumอัตราส่วนโน้ตตัวดำของทุกจังหวะ จากโน้ตข้อที่ 4 ถึงโน้ตข้อที่ 10 ข้างต้น เป็นการปฏิบัติ Double Stroke Roll ใน หลากหลายอัตราส่วนภายในหนึ่งห้องเพลง เพื่อเป็นการมุ่งเน้นในการสร้างกล้ามเนื้อแขนของผู้เรียนให้ ดียิ่งขึ้น ฝึกทักษะการอ่านโน้ตและการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติที่หลากหลายอัตราส่วนให้ได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ที่สุด 5.5 ดิดเดิล (The Diddle) รูดิเมนท์ดิดเดิล (The Diddle) เป็นการผสมผสานการตีแบบ Single Stroke และ Double Stroke พร้อมกับการเน้นเสียง (Accent) ตามตำแหน่งของตัวโน้ตที่ระบุไว้ การตีในรูปแบบนี้สามารถ นำไปใช้กับกลองชุดได้อย่างหลากหลาย Paradiddle ไม่มีผู้ใดทราบแหล่งที่มาของชื่อ Paradiddle แม้ว่ามีการนำมาใช้ครั้งแรกตั้งแต่ปีคริสต์ศักราชที่ 1920 ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าได้มีการบรรเลงในรูปแบบ Paradiddle มาแล้วเป็นเวลาหลายปีประมาณ 17 ศตวรรษแล้วParadiddle เป็นอีกหนึ่งรูดิเมนท์ที่ สำคัญและมีประโยชน์มากสำหรับมือกลองที่ควรเรียนรู้ เพราะสามารถนำไปสร้าง Fill - in และ Grooves ที่มีความโดดเด่นได้อย่างหลากหลาย รูดิเมนท์ดิดเดิล (Diddle) มีหลายรูปแบบ แต่สำหรับ


89 Paradiddle Diddle พื้นฐานที่ต้องเรียนรู้มี 3 รูปแบบ ได้แก่ซิงเกิลพาราดิดเดิล (Single Paradiddle), ดับเบิลพาราดิดเดิล (Double Paradiddle) และ พาราดิดเดิล - ดิดเดิล (Paradiddle - diddle) สำหรับผู้เริ่มต้นในการเรียนรู้รูติเมนท์ต่าง ๆ เหล่านี้ ระยะแรกอาจมีความสับสนในการปฏิบัติจังหวะ การตี การสลับมือ การจับไม้ หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวในส่วนต่าง ๆ แต่เมื่อฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ใน ระยะยาว ผู้เรียนจะมีความคล่องแคล่วและสามารถพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น เกิดข้อขัดแย้งบางประการในกลุ่มนักวิจารณ์เกี่ยวกับวิธีการฝึกรูดิเมนท์ที่ดีที่สุด โดยกลุ่มนัก วิจารณ์บางท่านแนะนำให้ใช้เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) ในขณะฝึกปฏิบัติเพราะสามารถช่วยให้ ผู้เรียนในจังหวะที่สม่ำเสมอและมั่นคงทำให้มีการควบคุมจังหวะและมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น แต่มีนัก วิจารณ์บางท่านแนะนำว่า อย่าใช้เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) โดยให้เริ่มต้นการฝึกจากความเร็ว ที่ช้า ๆ ก่อน จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามความสามารถของผู้บรรเลงแล้วจึงค่อยลด ความเร็วลง ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากทั้งสองความคิดเห็นนี้ คือ การฝึกฝนให้เกิดการพัฒนาในด้านการ ควบคุมโดยการเปลี่ยนแปลงความเร็วในการฝึก ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองเทคนิคนี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ เพราะการใช้เครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) ช่วยให้สามารถบรรเลงด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ ไม่ช้า หรือเร็วกว่าเพลงจนเกินไปเพราะเมื่อฝึกซ้อมไปเรื่อย ๆ เป็นเวลานาน อาจเกิดการเมื่อยล้าที่ส่งผลให้ บรรเลงช้าลงโดยไม่รู้ตัวหรือบางครั้งอาจบรรเลงเร็วเกินไปจนกลายเป็นการเร่งจังหวะ แต่ในทางกลับกัน ข้อดีของการไม่ใช้เครื่องเคาะจังหวะ(Metronome) คือสามารถทำให้บรรเลงได้อย่างราบรื่นและมีความ เป็นธรรมชาติ 5.5.1 Single Paradiddle จากภาพตัวอย่างการปฏิบัติ Single Paradiddle คือการตีแบบ Single Stroke ร่วมกับ Double Stroke แบ่งเป็นสองชุด คือ ขวา ซ้าย ขวา - ขวา จากนั้นเปลี่ยนเป็น ซ้าย ขวา ซ้าย ซ้าย (RL RR, LR LL) โน้ตในตัวอย่างนี้เป็นโน้ตเขบ็ตสองชั้นเพื่อให้ผู้เรียนจดจำรูปแบบมือได้ทั้งนี้ผู้เรียนสามารถ นำรูปแบบมือนี้ไปปฏิบัติในสัดส่วนตัวโน้ตได้เช่นกัน สำหรับรูปแบบการตีที่เขียนอธิบายด้านล่างใน ตัวอย่างนั้น อธิบาย คือ D Down Stroke, U - Up Stroke และ T - Tap Stroke โน้ตตัวแรกของแต่ ละกลุ่มในตัวอย่างนี้ มีเครื่องหมาย Accent อยู่บนหัวของตัวโน้ต นั่นหมายความว่าต้องเน้นเสียงที่โน้ต ตัวนั้นให้ดังกว่าปกติ


90 5.5.2 ฝึกควบคุมการปฏิบัติ Paradiddle ในอัตราโน้ตเขบ็ตสองชั้นบน Time Signature 4/4 ปฏิบัติ Paradiddle ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตสองชั้น โดยมี Bass Drum ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 1. ปฏิบัติ Paradiddle ที่ Snare Drum 2. ปฏิบัติ Paradiddle ที่ Snare Drum และปฏิบัติที่ Tom 1 ในจังหวะที่ 1 จังหวะ ที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 3. ปฏิบัติ Paradiddle ที่ Snare Drum และปฏิบัติที่ Tom 2 ในจังหวะที่ 1, จังหวะ ที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 4. ปฏิบัติ Paradiddle ที่ Snare Drum และปฏิบัติที่ Floor Tom ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 5. ปฏิบัติ Paradiddle ที่ Snare Drum ปฏิบัติ Tom 1 ในจังหวะที่ 2 ปฏิบัติ Tom 2 ในจังหวะที่ 3และปฏิบัติ Floor Tom ในจังหวะที่ 4จากโน้ตข้อที่ 1 ถึงโน้ตข้อที่ 5 แบบฝึกหัดเน้นที่ การปฏิบัติ Paradiddle บนอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตสองชั้นในกลองใบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ และจดจำรูปแบบมือ Paradiddle ได้เป็นอย่างดีจนสามารถปฏิบัติไปที่กลองใบต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และสมบูรณ์ 5.5.3 ปฏิบัติ Groove Paradiddle ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตสองชั้นบน Hi - Hat โดยจังหวะที่ 2 และจังหวะ ที่ 4 ปฏิบัติที่ Snare Drum 1. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3


91 2. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1, จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 3. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 2 + 4. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 + และจังหวะที่ 3 + 5. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 ตัว + ของจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 3 จากโน้ตข้อที่ 6 ถึงโน้ตข้อที่ 10 แบบฝึกหัดยังคงเป็นรูปแบบมือ Paradiddle ในอัตราส่วนโน้ต เขบ็ตสองชั้น โดยรูปแบบการปฏิบัติได้เน้นไปที่ Groove (จังหวะ) เพื่อให้ผู้เรียนได้นำรูปแบบมือ Paradiddle มาสร้างให้เกิดเป็นจังหวะได้อย่างง่ายดาย และสามารถต่อยอดพัฒนาขึ้นไปสู่ขั้นสูงได้ อย่างสมบูรณ์แบบ 5.5.4 ปฏิบัติ Groove Paradiddle ในอัตราส่วนโน้ตเขบ็ตสองชั้นบน Hi - Hat โดยมือซ้าย ปฏิบัติที่Snare Drum (Ghost Note) และจังหวะที่ 2 กับจังหวะที่ 4 ปฏิบัติ Snare Drum ปกติ 1. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3 2. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4


92 3. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 2 + 4. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 + และจังหวะที่ 3 + 5. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 ตัว + ของจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 3 จากโน้ตข้อที่ 11 ถึงโน้ตข้อที่ 15 แบบฝึกหัดได้ถูกพัฒนาต่อยอดการปฏิบัติรูปแบบมือ Paradiddleให้มีความซับซ้อมและทำให้จังหวะมีมิติมากยิ่งขึ้น โดยการเสริม Ghost Note เข้าไปในมือ ซ้ายของรูปแบบมือParadiddle เพื่อให้การปฏิบัติกลองชุดของผู้เรียนมีความสมบูรณ์และชานาญมาก ยิ่งขึ้น 5.5.5 Double Paradiddle จากตัวอย่างการปฏิบัติ Double Paradiddle ใช้อัตราส่วนตัวโน้ตที่อยู่บนพื้นฐานของ สามพยางค์(Triplet) คือ มีสามตัวโน้ตในหนึ่งชุด โดยในกลุ่มที่ 1 ประกอบไปด้วยการตีสลับมือแบบ Single Stroke: ขวา ซ้าย ขวา กลุ่มที่ 2 เป็นการตีสลับมือแบบ Single Stroke แล้วตามด้วยการตีแบบ Double Stroke: ซ้าย ขวา ขวา จากนั้นตี ซ้าย ขวา ซ้าย ในกลุ่มที่ 3 แล้วตามด้วย ขวา ซ้าย ซ้าย ใน กลุ่มที่ 4 โดยสรุปการตีคือ ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ขวาขวา, ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้ายซ้าย (RL RL RR, L R L R LL) สำหรับรูปแบบการที่มีแบบ D - Down Stroke, U - Up Stroke และ T - Tap Stroke อีกทั้ง ยังมีการตีรูปแบบ F - Full Stroke เพิ่มมาด้วยในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 3 โน้ตตัวแรกและตัวสุดท้ายของ กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 3 ในตัวอย่างนี้ มีเครื่องหมาย Accent อยู่บนหัวของตัวโน้ต นั่นหมายความว่าต้อง เน้นเสียงที่โน้ตตัวนั้นให้ดังกว่าปกติ


93 5.5.6 ฝึกควบคุมการปฏิบัติ Double Paradiddle ในอัตราโน้ตเขบ็ตหกพยางค์เขบ็ตสองชั้น บน Time Signature 4/4 ปฏิบัติ Groove Double Paradiddle ในอัตราส่วนโน้ตหกพยางค์เขบ็ต สองชั้นบน Hi - Hat โดยจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 4 ปฏิบัติที่ Snare Drum 1. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3 2. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 และจังหวะที่ 4 3. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 + และจังหวะที่ 2 + 4. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 + และจังหวะที่ 3 + 5. ปฏิบัติ Bass Drum ในจังหวะที่ 1 ตัว + ของจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 3 จากโน้ตข้อที่ 1 ถึงโน้ตข้อที่ 5 แบบฝึกหัดในรูปแบบมือ Double Paradiddle เพื่อให้ผู้เรียน ได้สามารถจดจํารูปแบบมือในการปฏิบัติ Double Paradiddle ให้เกิดเป็นจังหวะได้อย่างสมบูรณ์และ สามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อย่างง่ายดาย 5.5.7 ปฏิบัติ Groove Double Paradiddle ในอัตราส่วนโน้ตหกพยางค์เขบ็ตสองชั้นบน Hi - Hat โดยมีการแทรก Ghost Note ที่ตัว + ของจังหวะที่ 1, ตัว Trip - let ของจังหวะที่ 2 จังหวะที่ 3 จังหวะที่ 4, จังหวะที่ 3 และตัว let ของจังหวะที่ 3


Click to View FlipBook Version