The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จุดประกาย ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยั่งยืน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กองทุนสิ่งแวดล้อม, 2022-08-05 00:04:38

จุดประกาย ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยั่งยืน

จุดประกาย ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยั่งยืน

การพัฒนาแหล่งเรยี นรู้

แหลง่ เรียนรูป้ ่าชมุ ชนบ้านปา่ ไผ่

ป่าชุมชนบ้านป่าไผ่ ต�ำบลเมืองแหง อ�ำเภอเวียงแหง
จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว
มเี นอื้ ท่ีเกือบ 1 พนั ไร่ สภาพพ้ืนท่ีเปน็ ทล่ี าดชนั ลกั ษณะ
ของป่าเป็นป่าเต็งรังสลับป่าเบญจพรรณและป่าดิบชื้น
ในบรเิ วณหบุ เขา ชมุ ชนไดด้ ำ� เนนิ การจดั ตง้ั และขน้ึ ทะเบยี น
ป่าชุมชน เพ่ือเป็นกรอบและแนวทางในการดูแล รักษา
และอนุรักษ์พื้นที่ป่า เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์อย่าง
ยั่งยนื
กจิ กรรมของชุมชน ได้แก่ การสำ� รวจพน้ื ทเ่ี พ่อื วางแผนการปลูกปา่ เพิ่มพ้ืนที่สเี ขยี ว การมีคณะกรรมการบริหารจดั การ
ป่าชุมชน การลาดตระเวน จัดท�ำแนวกันไฟรอบพื้นที่ป่า และการจัดท�ำระบบประปาภูเขา โดยอาศัยกลไกของรัฐ
และการสร้างเครือข่ายป่าชุมชน ท่ีเช่ือมโยงความร่วมมือกับหมู่บ้านอื่นทั้งในระดับต�ำบล อ�ำเภอ และจังหวัด
มกี ารรกั ษา “ตานำ�้ ” หรอื “นำ้� ผดุ ” จากใตด้ นิ ทม่ี นี ำ้� ไหลสมำ�่ เสมอ ในอนาคตชมุ ชนตอ้ งการพฒั นาเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว
เชงิ นเิ วศ เปน็ แหลง่ เรยี นรธู้ รรมชาติ รวมถงึ การพฒั นาเปน็ แหลง่ สมนุ ไพรของชมุ ชน จงึ ไดม้ กี ารพฒั นาเสน้ ทางเดนิ ศกึ ษา
ธรรมชาต ิ โดยรวบรวมกลว้ ยไมป้ า่ ทพ่ี บในปา่ เตง็ รงั นำ� มาตกแตง่ ไวบ้ นตน้ ไมต้ ามแนวเสน้ ทางเดนิ ศกึ ษาธรรมชาติ พรอ้ ม
ท้ังยังจัดกิจกรรมการปลูกกล้วยป่าบริเวณพื้นที่ตาน้�ำเพื่อคงความชุ่มช้ืนให้กับผืนป่า พร้อมท้ังรวบรวมองค์ความรู้
เก่ียวกบั สมนุ ไพรท่ีพบในปา่ แหง่ นไ้ี วเ้ พอ่ื การจดั ท�ำฐานขอ้ มลู ในอนาคต
ชุมชนแห่งนี้ไดร้ ่วมกับภาคเี ครือขา่ ยแก้ปัญหาการบกุ รกุ พนื้ ท่ีปา่ ไม้ มกี ารจดั ท�ำแผนทแ่ี ละขอ้ มลู สนบั สนนุ การจัดการ
พ้ืนท่ี เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกพืชหลากชนิดและผสมผสานเข้ากับการเลี้ยงสัตว์ ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร
และรักษาสมดลุ ของธรรมชาตแิ ละความหลากหลายของทางชีวภาพของพื้นทีต่ ้นนำ้�

100 จดุ ประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชมุ ชนยงั่ ยนื

“ป่าแหง่ การเรยี นรู้” ในชมุ ชน

การพัฒนา “ปา่ แห่งการเรียนร้”ู ในชุมชน เปน็ การส่งเสริมองคค์ วามรู้ด้านการอนุรกั ษ์ป่าชุมชนโดยมพี ้ืนทใี่ ห้ลงมือ
ปฏิบัติจริงเป็นส่ิงท่ีประสบความส�ำเร็จในการสร้างความสนใจให้กับเยาวชนอย่างมาก ซ่ึงคณะกรรมการป่าชุมชน
ไดด้ ำ� เนนิ การสำ� รวจปา่ โดยมวี ทิ ยากรทเี่ ปน็ ปราชญช์ าวบา้ นนำ� องคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั ปา่ ชมุ ชนทมี่ อี ยู่ มาจดั ทำ� เปน็ เสน้ ทาง
ศึกษาธรรมชาติให้กับเยาวชนในท้องถิ่นได้เข้ามาเรียนรู้ ส่วนป่าโคกใหญ่ค�ำปลากั้ง มีฐานการเรียนรู้และป้ายสื่อ
ความหมายระบบนิเวศป่าและน้�ำ โดยเส้นทางจะมีลักษณะเดินมาบรรจบกัน ส่วนป่าดอนหนองโจน มีฐานการเรียนรู้
น�ำเสนอระบบนิเวศปา่ ดงั้ เดมิ และภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ทบี่ ูรณาการกบั การอนรุ กั ษ์ปา่ เชน่ ท่มี าของชื่อหนองโจนถกู ตั้งขึน้
เนื่องจากป่าแห่งน้ีเคยเป็นท่ีหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวของโจรที่ขโมยวัวควายของชาวบ้าน ท�ำให้คนในละแวกนั้นไม่กล้า
เขา้ ไปตัดไม้หรอื เกบ็ หาของป่า ป่าจงึ อุดมสมบรู ณ์จนมาทกุ วนั นี้
การส�ำรวจความหลากหลายของแมลงอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนในพ้ืนที่ป่าชุมชน ท�ำให้มีข้อมูลแมลงในแต่ละฤดูกาล
และแมลงบางชนิดพบในแปลงนา นับเปน็ การศกึ ษากฏี วิทยาพ้นื บ้านกับการอนุรักษ์ป่าและการเกษตร เพอื่ ใหส้ มาชิก
ชุมชนและเยาวชนไดเ้ รยี นรู้เกี่ยวกับแมลงพื้นบา้ นและเห็นความส�ำคญั ของแมลงในระบบนเิ วศ

จดุ ประกาย 101
ขยายองคค์ วามรู้ สชู่ ุมชนย่ังยนื

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ แหลง่ ความรู้ในป่าชุมชน

ปา่ ชมุ ชนในจงั หวดั กาญจนบรุ พี นื้ ทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั ดา้ นชนดิ พรรณไม้ ลกั ษณะพน้ื ท่ี ซง่ึ ควรคา่ แกก่ ารใหเ้ ยาวชน
หรอื สมาชกิ ในชมุ ชนทสี่ นใจเรยี นรสู้ ภาพพนื้ ทีป่ า่ ในทอ้ งถน่ิ ได้เขา้ มาศกึ ษาในพนื้ ทจี่ รงิ เมอ่ื ดำ� เนนิ โครงการฯ เครือขา่ ย
ป่าชุมชนจึงร่วมกันหารือเพื่อจัดท�ำเส้นทางท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติในพ้ืนท่ีป่าชุมชน 2 แห่ง ได้แก่ บ้านพุเตย
อำ� เภอไทรโยค และปา่ ชมุ ชนบา้ นเขานางสางหวั อำ� เภอเลาขวญั โดยมปี ราชญช์ าวบา้ นและหมอสมนุ ไพร เปน็ วทิ ยากร
น�ำศึกษาเส้นทางท่องเท่ียวในธรรมชาติป่าชุมชน มีป้ายสื่อสารข้อมูลชนิดพรรณไม้ ป้ายค�ำขวัญสร้างความตระหนัก
ในการหวงแหนทรพั ยากรป่า และมกี ฎ ระเบียบ การเขา้ มาใช้ประโยชนใ์ นปา่ ชมุ ชน
ป่าชุมชนบ้านพุเตย มีเน้ือที่ 328 ไร่ เป็นป่าท่ีมีความส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตของชุมชนมาต้ังแต่อดีตจนปัจจุบัน
มคี วามหลากหลายของพรรณไมแ้ ละสตั วป์ า่ โดยเฉพาะพรรณไมใ้ นปา่ ดบิ ชน้ื ซงึ่ ชมุ ชนเรยี กชอ่ื ปา่ แหง่ นต้ี ามพนั ธไ์ุ มเ้ ดน่
ทข่ี น้ึ ในพน้ื ทแ่ี ละลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ คอื พทุ ม่ี ตี น้ เตยขนึ้ อยอู่ ยา่ งหนาแนน่ พรรณไมท้ พี่ บมที ง้ั สนิ้ 141 ชนดิ จาก 107 สกลุ
60 วงศ์ และพรรณไม้ท่ีมีอิทธิพลในสังคมป่าคือ เปล้าเลือด ก่อแพะ ก่อน�้ำ พลวง เตยใหญ่ เต่าร้าง เป็นต้น ส่วน
ความหลากหลายของชนิดพันธุ์สตั ว์พบ 67 ชนิด โดยจำ� แนกเป็นสัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยนม 2 ชนิด สตั ว์เลื้อยคลาน 7 ชนดิ
สตั ว์สะเทินน้�ำสะเทนิ บก 4 ชนดิ และนก 54 ชนิด โดยนกปรอดเหลอื งหัวจุก เป็นนกทีส่ ามารถพบไดท้ ่ัวไปในพน้ื ท่ี
ในการออกแบบแหลง่ เรยี นรู้ ไดใ้ ชว้ ฒั นธรรม ประเพณี และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ผสมผสานกบั การจดั การปา่ ชมุ ชนแบบใหม่ ๆ
โดยใชศ้ กั ยภาพชมุ ชนรว่ มกนั ลงมอื ดำ� เนนิ การ มกี ารเสรมิ สรา้ งทกั ษะในการแจกแจงและวเิ คราะหป์ ญั หา การคน้ หาแนวทาง
ในการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม มุ่งเน้นการจัดการที่เอ้ือต่อการใช้ประโยชน์ของชุมชน มีการแบ่งเขตพ้ืนที่ในป่าชุมชน
เปน็ พน้ื ทอ่ี นรุ กั ษเ์ พอื่ เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของสตั วป์ า่ และฟน้ื ฟพู รรณไมท้ อ้ งถน่ิ หายาก รวมถงึ พนื้ ทใี่ ชป้ ระโยชนเ์ พอื่ การศกึ ษาเรยี นรู้

102 จดุ ประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชุมชนยง่ั ยืน

ฐานข้อมูลแหลง่ รวมความรูเ้ รอ่ื งสตั วน์ ้�ำและพรรณไม้ท้องถน่ิ

ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถ่ิน
เป็นแหล่งความรู้ส�ำคัญที่มาจากการเก็บรวมรวบข้อมูล
ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นระบบ เพื่อน�ำไปใช้
ต่อยอดท้ังด้านวิชาการและการคุ้มครอง อนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน ล�ำห้วยทับทันเป็นล�ำน้�ำ
ทมี่ คี วามอดุ มสมบรู ณข์ องสตั วน์ ำ้� สงู โดยเฉพาะปลาทอ้ งถนิ่
และป่ากุดหวายที่เป็นป่าเบญจพรรณก็มีความหลากหลาย
ทางพรรณไมแ้ ละสัตว์ป่า
ประชาชนและชมุ ชนทอ้ งถนิ่ ในตำ� บลศรสี ขุ และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลศรสี ขุ เลง็ เหน็ ถงึ ความสำ� คญั การจดั เกบ็ ขอ้ มลู
ในลำ� หว้ ยทับทันและปา่ กดุ หวายเพ่อื เปน็ ฐานขอ้ มูลในท้องถ่ิน จงึ ทำ� การสำ� รวจเก็บขอ้ มลู ชนิดพรรณไม้ สัตวป์ ่าในพื้นที่
ป่ากุดหวาย สัตว์น้�ำในล�ำห้วยทับทัน อย่างมีส่วนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกในชุมชน และเยาวชน
ในต�ำบล โดยได้รับความร่วมมือจากอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ และปราชญ์
ชาวบา้ น เป็นวทิ ยากรให้ความร้เู รื่องพรรณไม้ สตั ว์ป่า สตั วน์ �ำ้ วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ความหลากหลายทางชวี ภาพ
และการจัดท�ำฐานข้อมูลพืชและสัตว์ และจัดกิจกรรมน�ำนักเรียนเดินศึกษาชนิดพรรณไม้ในป่ากุดหวาย เพ่ือน�ำข้อมูล
จากการส�ำรวจไปจัดท�ำเป็นฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของล�ำห้วยทับทันและป่ากุดหวายส�ำหรับน�ำไปใช้
ประโยชน์ต่อไป

จุดประกาย 103
ขยายองค์ความรู้ ส่ชู มุ ชนย่ังยืน

ข้อค้นพบ

การพัฒนาแหล่งเรียนรู้มักต่อยอดมาจากกิจกรรมการส�ำรวจพ้ืนที่ป่า ความหลากหลายของแมลง สัตว์น้�ำ และชนิด
พนั ธไ์ุ ม้ จนเกดิ เปน็ องคค์ วามรแู้ ละประสบการณท์ ท่ี ำ� ใหช้ มุ ชนเกดิ กระบวนการเรยี นรกู้ ารจดั การฟน้ื ฟทู รพั ยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดล้อมร่วมกันของทุกภาคส่วน เพ่ือรักษาสมดุลของธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
ซ่ึงส่งผลดีต่อการอนุรักษ์ป่าต้นน้�ำ และรักษาคุณภาพน้�ำในชุมชน รวมถึงเอ้ือประโยชน์ต่อการท�ำเกษตรบริเวณ
โดยรอบ องคค์ วามรแู้ ละรูปแบบการดำ� เนินงานซ่ึงสง่ ผลใหป้ ระสบความส�ำเร็จ ไดแ้ ก่

การสำ� รวจความหลากหลายทางชวี ภาพในปา่ หรอื แหลง่ ทรพั ยากรของชมุ ชน โดยกลมุ่ เยาวชนไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ
จริงในพนื้ ทป่ี า่ และไดร้ ว่ มตดิ ตามการเกบ็ ข้อมูลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และตระหนักถงึ ความสำ� คญั ของปา่ ชุมชนในพน้ื ท่ี
ของตนเอง จึงเป็นอกี กจิ กรรมที่ชว่ ยสร้างจติ สำ� นึกในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม
การผสมผสานองคค์ วามรทู้ อ้ งถนิ่ กบั องคค์ วามรทู้ างวชิ าการ ในการพฒั นาแหลง่ เรยี นรชู้ มุ ชน โดยการสนบั สนนุ
จากนักวิชาการภายนอกและครูจากสถาบันการศึกษาในพ้นื ท่ี
ความต่อเนื่องในการจัดกิจกรรมเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ โดยเฉพาะจากกลุ่มเยาวชน
และนักเรียนในสถานศึกษาที่ต้องมีการบูรณาการแหล่งเรียนรู้ชุมชนเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอน
ในสถานศกึ ษา เพือ่ ใหม้ ีการนำ� นกั เรยี นเขา้ มาเรยี นรูอ้ ย่างสมำ่� เสมอและตอ่ เนอ่ื ง อีกท้ังมกี จิ กรรมร่วมกับชุมชน
ในพื้นทแ่ี หล่งเรียนรอู้ ย่างสมำ่� เสมอ

104 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชมุ ชนยั่งยนื

การพัฒนาหลกั สตู รทอ้ งถิ่น 105

บรู ณาการภมู ิปญั ญาปกาเกอะญอกับหลักสตู รท้องถนิ่

การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตปิ า่ ไมโ้ ดยชมุ ชนปกาเกอะญอ ในพนื้ ทอ่ี ำ� เภอ
กัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดท�ำหลักสูตรสง่ิ แวดลอ้ มทอ้ งถน่ิ
เพอ่ื ปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ และเยาวชนในพนื้ ทมี่ คี วามรทู้ ้ังทางวิชาการ วิชาชีพ
ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชุมชน สอนให้เห็นคุณค่าในวิถีชีวิต
ของปกาเกอะญอ และนำ� มาใชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ได้ โดยโรงเรยี นในพน้ื ที่
โครงการได้จัดการเรียนการสอนเชิงบูรณาการหลักสูตรแกนกลางเข้ากับ
หลักสตู รท้องถน่ิ สำ� หรับการจัดการศกึ ษาระดับปฐมวัยถงึ ระดบั ประถม
ศึกษาปีที่ 6 นกั เรยี นจะไดเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมชมรมสงิ่ แวดลอ้ ม สว่ นในระดบั
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-3 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นในหลกั สตู รวชิ าทอ้ งถน่ิ ศกึ ษา โดยตลอดระยะเวลา 1 ภาคการศกึ ษาจะตอ้ งเรยี น
ใหค้ รบ 40 สปั ดาห์ (2 คาบตอ่ สปั ดาห)์ ในดา้ นการวดั ผลสมั ฤทธจ์ิ ะวดั จากใบงานและสงั เกตจากพฤตกิ รรมเดก็ วธิ กี ารสอนคอื
มีการเรียนเขยี น อ่าน พดู ภาษาปกาเกอะญอเปน็ เร่อื งหลกั แล้วสอนเชอื่ มโยงกบั ภาษาไทยและองั กฤษ โดยบรู ณาการ
ระหวา่ งหลกั สตู รแกนกลางของสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน (สพฐ.) กบั หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ และใหป้ ราชญช์ มุ ชน
มาสอนคตคิ วามเชอ่ื ภมู ปิ ญั ญา องคค์ วามรใู้ นการจดั การปา่ รกั ษาปา่ รกั ษานำ�้ การปลกู ฝงั เดก็ รนุ่ ใหมใ่ หเ้ รยี นรคู้ ณุ คา่
ของภูมิปัญญาปกาเกอะญอ ก่อนท่ีจะสูญหายไปพร้อมกับคนรุ่นปู่รุ่นย่า นอกจากน้ี โรงเรียนยังได้มีการปรับหลักสูตร
อยตู่ ลอดเวลา เพอื่ ใหเ้ ทา่ ทนั กบั ความเปลยี่ นแปลงของสงั คมพรอ้ ม ๆ กบั ปลกู ฝงั อตั ลกั ษณค์ วามเปน็ ปกาเกอะญอไปพรอ้ ม ๆ กนั
การเรยี นการสอนหลกั สตู รบรู ณาการผสมผสานหลกั สตู รแกนกลางของ สพฐ. ควบคกู่ บั หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ จงึ เปน็ แนวทาง
ทสี่ รา้ งองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน โดยความรู้หลักสูตรแกนกลางเป็นสิ่งจ�ำเป็นที่เยาวชนจะต้องเรียนรู้เพ่ือให้สามารถ
เรียนตอ่ ไดใ้ นระดบั สงู สว่ นหลกั สตู รทอ้ งถน่ิ เปน็ การนำ� ความรู้ ภมู ปิ ญั ญา และผรู้ ทู้ อ้ งถนิ่ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการถา่ ยทอด
วถิ ชี วี ติ ทห่ี ลอ่ เลยี้ งชาวปกาเกอะญอมาตงั้ แตบ่ รรพบรุ ษุ ซงึ่ การใหผ้ เู้ ฒา่ ในหมบู่ า้ นมสี ว่ นรว่ มในการอบรมภาษา จดั กจิ กรรม
ใหน้ กั เรยี นพดู คยุ กบั ผอู้ าวโุ สในครอบครวั ถงึ บทธา นทิ าน ตำ� นาน แลว้ มาเลา่ แลกเปลยี่ นกนั ซง่ึ นอกจากจะเรยี นรนู้ ทิ าน
และความเปน็ มาประวตั ศิ าสตรข์ องกลมุ่ ชนแลว้ ยงั เปน็ การสรา้ งความสมั พนั ธภ์ ายในครอบครวั ใหแ้ นน่ แฟน้ และเสรมิ ให้
การเรยี นการสอนมีประสิทธิภาพมากข้ึน การพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ินไม่เพียงส่งผลดีต่อนักเรียนและเยาวชน แต่ยัง
สง่ ผลดตี อ่ สมาชกิ ชมุ ชนในการมสี ว่ นรว่ มถา่ ยทอดภมู ปิ ญั ญา เหน็ คณุ คา่ ของตนเองทไี่ ดม้ สี ว่ นสบื สานและสง่ ตอ่ วฒั นธรรม
และองคค์ วามรสู้ คู่ นร่นุ หลังตอ่ ไป

จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ สูช่ มุ ชนย่ังยืน

ศูนยเ์ รียนร้คู วามหลากหลายทางชวี ภาพป่าใหญโ่ คกจิก-ตาลอก
หน่วยการเรยี นรู้ เร่อื งทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่ิน

ศนู ยเ์ รยี นรคู้ วามหลากหลายทางชวี ภาพปา่ ใหญโ่ คกจกิ -ตาลอก
จดั ตงั้ ขน้ึ ในพน้ื ทโี่ รงเรยี นบา้ นเมก็ ดำ� ปี 2561 โดยไดร้ บั ความรว่ มมอื
จากสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ครู ผู้น�ำ
ชมุ ชน ปราชญ์ชาวบา้ น และหน่วยงานทอ้ งถน่ิ ในต�ำบลเม็กดำ� และ
หนองบวั รว่ มกนั แสวงหาและสรา้ งองคค์ วามรเู้ พอื่ ถา่ ยทอดสเู่ ยาวชน
ในระบบการศกึ ษาใหไ้ ดเ้ รยี นรเู้ รอื่ งคณุ คา่ ของปา่ รว่ มเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ จากการเขา้ เรยี นรใู้ นปา่ จดั ทำ� โครงงานจากการสำ� รวจ
และรวบรวมข้อมลู ความหลากหลายทางชีวภาพในป่า น�ำไปสู่การ
จัดการและอนุรักษ์พืชสมุนไพร และสัตว์ในพื้นที่ป่าใหญ่โคกจิก-ตาลอกตามมา นักเรียนได้น�ำข้อมูลมาจัดท�ำเป็น
สมดุ ภาพขอ้ มูลชนดิ พนั ธุ์พืชและสตั ว์ สอื่ สารสำ� หรับเผยแพรอ่ งคค์ วามรใู้ นศูนย์เรียนรู้ สง่ เสริมการรับรปู้ ลูกฝงั ให้เยาวชน
และผู้ท่ีสนใจเข้ามาเยี่ยมชมศูนย์ฯ พร้อมบูรณาการองค์ความรู้ดังกล่าวเข้ากับหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษาของโรงเรียน
โดยเพ่ิมเป็นหน่วยการเรียนรู้เรื่องทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของการจัดการเรียนการสอน โดยใช้ชุดกิจกรรมและ
โครงงานวทิ ยาศาสตรส์ อดแทรกความรดู้ า้ นความหลากหลายทางชวี ภาพในรายวชิ าวทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ใหเ้ กดิ การสอน
ทงั้ ภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ตั ิ และมเี นอ้ื หาทส่ี อดคลอ้ งกบั มาตรฐานของสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.)
นอกจากน้ี นายประหยดั โมกศรี ครวู ทิ ยฐานะครชู ำ� นาญการพเิ ศษ ไดอ้ อกแบบกจิ กรรรมการเรยี นรตู้ ามบรบิ ทของชมุ ชน
และความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ โดยสรา้ งเปน็ รายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ใชช้ อื่ สาระการเรยี นรทู้ รพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถนิ่ มาใชใ้ นการพฒั นาการเรยี นการสอนโดยมกี ารสรา้ งนวตั กรรมประกอบ
การเรยี นการสอน ที่ครอบคลุมเน้ือหาตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั และความตอ้ งการของทอ้ งถ่ิน จัดท�ำสารานกุ รม
และสารสนเทศทางภมู ศิ าสตรด์ า้ นความหลากหลายของทรพั ยากรชวี ภาพในพนื้ ทป่ี า่ ใหญโ่ คกจกิ -ตาลอก จำ� นวน 3 เลม่ ไดแ้ ก่
พรรณไม้ สตั ว์ และเหด็ พรอ้ มทง้ั ออกแบบกระบวนการจดั การเรยี นรใู้ นแบบโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ เปน็ การจดั การเรยี นรู้
โดยใชช้ มุ ชนเปน็ ฐานจากศนู ยเ์ รยี นรคู้ วามหลากหลายทางชวี ภาพปา่ ใหญโ่ คกจกิ -ตาลอก และกจิ กรรมคา่ ยเยาวชนพทิ กั ษป์ า่
ซงึ่ เปน็ การเรยี นรดู้ ว้ ยการลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ผา่ นการสำ� รวจความหลากหลายทางชวี ภาพในปา่ ทำ� ใหน้ กั เรยี นไดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธ์
กับสื่อธรรมชาติ เกิดกระบวนการทางสงั คมทีจ่ ะอนรุ ักษแ์ ละฟ้ืนฟปู า่ แห่งนีต้ อ่ ไป

106 จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ ส่ชู ุมชนยั่งยนื

จากการพฒั นากจิ กรรมการเรียนรูห้ นว่ ยการเรียนรูท้ รัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถิน่ โดยใชช้ ุดกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์
ท้องถิ่น ผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งผลให้ประสบความส�ำเร็จ สถานศึกษาและครูผู้สอนสามารถประเมินความส�ำเร็จ
จากผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกฝ่ายและครูผู้สอน โรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนส�ำเร็จตามหลักสูตรสถานศึกษา มีเครือข่าย
ทางวชิ าการในการพฒั นาการเรยี นการสอน นักเรียนเกิดความรู้ มคี วามสุขในการเรยี นรู้ มีความสามารถในการท�ำงานร่วม
กับผู้อื่น นักเรียนมีทักษะการแสวงหาความรู้ มีจิตส�ำนึกในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ินของตัวเองได้
สามารถรวมกลุ่มตั้งกลุ่มจิตอาสา “เยาวชนพิทักษ์ป่า” ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ และทรัพยากรธรรมชาติ
ในท้องถิน่ ได้รับการอนุรักษ์ฟืน้ ฟูคงความอดุ มสมบูรณ์

หลกั สูตรท้องถิ่น “วิชาพลบั พลึงธาร”

การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นของโรงเรียนกะเปอร์วิทยา
เรมิ่ จากการนำ� นกั เรยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมกบั ชมุ ชนอยเู่ สมอ จนเกดิ
แนวคิดการน�ำเนื้อหาของกิจกรรมไปขยายผลการเรียนรู้
ในโรงเรียน โดยจัดการเรียนการสอนชื่อ “วิชาพลับพลึงธาร”
บรรจใุ นกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
จ�ำนวน 40 ชวั่ โมงตอ่ ภาคการศึกษา เพอื่ ให้ผู้เรียนเกิดความรู้
ความเขา้ ใจ ความตระหนกั และเหน็ ความสำ� คญั ของพลบั พลงึ ธาร
ทง้ั น้ี ไดใ้ ชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการสำ� รวจ ตรวจสอบ สืบค้นข้อมูล และหาแนวทางแก้ปัญหา ตลอดจนสามารถ
ส่อื สารสิ่งท่ีเรยี นร้ ู ผ่านสาระการเรียนรู้ จ�ำนวน 4 หนว่ ย ประกอบด้วย หน่วยท่ี 1 ความร้คู วามเขา้ ใจในพลบั พลึงธาร
หน่วยท่ี 2 วงจรชวี ิตและการขยายพนั ธุ์พลับพลึงธาร หน่วยท่ี 3 วงจรชีวิตและการขยายพนั ธ์ุพลับพลึงธาร และหน่วยที่ 4
แนวทางการอนุรักษ์และคุ้มครองพลับพลึงธาร มีการวัดผลโดยให้เด็กนักเรียนต้องอธิบายการจ�ำแนกประเภทลักษณะ
ทางพฤกษศาสตรข์ องพลบั พลงึ ธารได้ บอกความสำ� คญั และประโยชนข์ องพลบั พลงึ ธารทม่ี ตี อ่ ทอ้ งถน่ิ ได้ วเิ คราะหแ์ ละอธบิ าย
ปญั หาและวกิ ฤตขิ องพลบั พลงึ ธารได้ เสนอแนะแนวทางอนรุ กั ษพ์ ลบั พลงึ ธารในทอ้ งถนิ่ ได้ และบอกการขยายพนั ธแ์ุ บบอาศัย
เพศและแบบไม่อาศัยเพศของพลับพลึงธารได้ ในการพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ินต้องอาศัยความเข้าใจร่วมกันของอาจารย์
ผรู้ บั ผดิ ชอบรายวชิ ากบั ฝา่ ยวชิ าการ รวมถงึ การสนบั สนนุ จากผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา สว่ นการพฒั นาแหลง่ เรยี นรพู้ ลบั พลงึ ธาร
ที่อยูใ่ นบริเวณใกลเ้ คียงกับโรงเรยี น ต้องสรา้ งความเข้าใจและไดร้ ับความรว่ มมอื จากชมุ ชนท่ีอยู่รอบโรงเรียนดว้ ย

จดุ ประกาย 107
ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยงั่ ยืน

ขอ้ ค้นพบ

การพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ิน โดยใช้แหล่งเรียนรู้และน�ำภูมิปัญญาท้องถ่ินมาใช้ในการเรียนการสอน มีการบูรณาการ
ระหว่างหลักสูตรแกนกลางของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) กับหลักสูตรท้องถิ่น อาทิ
ขอ้ มูลทอ้ งถ่นิ ภมู ปิ ัญญา องค์ความรูใ้ นการจดั การปา่ รักษาป่า รกั ษาน�้ำ และการอนรุ กั ษ์พลบั พลึงธาร เพ่อื ใหผ้ ู้เรียน
ได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ท้องถิ่นตนเอง เป็นการเชื่อมโยงระหว่างการเรียนกับชีวิตจริงและการท�ำงาน รวมทั้ง
ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีความรักและหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท้องถิ่น เป็นหลักสูตรท่ีสามารถ
พฒั นาไดต้ ลอดเวลาเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณท์ เี่ ปลยี่ นแปลงไป มกี ารปรบั ใชอ้ งคค์ วามรแู้ ละรปู แบบการดำ� เนนิ งาน
ซ่งึ ส่งผลใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ ไดแ้ ก่

กระบวนการพฒั นาหลกั สตู รทอ้ งถน่ิ กลา่ วไดว้ า่ มาจากการวเิ คราะหส์ ภาพปญั หาและความตอ้ งการของชมุ ชน
มีทั้งปัญหาที่เป็นระดับความต้องการและปัญหาความจ�ำเป็น โดยน�ำข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน
มาวิเคราะห์ ซง่ึ ไดม้ ุ่งเน้นการพัฒนากลไกการจดั การทรัพยากรธรรมชาตโิ ดยท้องถน่ิ
การบูรณาการระหว่างหลักสูตรแกนกลางกับหลักสูตรท้องถ่ิน เพื่อสร้างความตระหนักและความส�ำคัญ
ของภูมิปัญญาท้องถ่ิน วัฒนธรรม ประเพณีให้กับเยาวชนได้น�ำไปประยุกต์ใช้ในการด�ำรงชีวิต อีกท้ังยังเป็น
การรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป เช่น การบูรณาการภูมิปัญญาปกาเกอะญอกับหลักสูตรท้องถ่ิน
และการอนรุ กั ษ์และคมุ้ ครองพลบั พลึงธาร
การจัดท�ำนวัตกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมและโครงงานวิทยาศาสตร์สอดแทรกความรู้
ดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพในรายวชิ าวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ใหเ้ กิดการสอนทง้ั ภาคทฤษฎแี ละภาคปฏิบัติ
และมเี นอื้ หาทส่ี อดคลอ้ งกบั มาตรฐานของ สพฐ. ทำ� ใหน้ กั เรยี นเกดิ ความรู้ มที กั ษะการแสวงหาความรู้ มจี ติ สำ� นกึ
ในการดแู ลรักษาทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถนิ่ ของตวั เองได ้

108 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชมุ ชนย่ังยนื

การพัฒนาเครื่องมอื และกลไกการจัดการทรัพยากรทอ้ งถ่นิ

คณะทำ�งานดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตพิ นื้ ทีบ่ รเิ วณรอบป่าภถู ํา้ ภูกระแต

จากการอบรม “ทีมส�ำรวจ” ร่วมขับเคล่ือนการส�ำรวจแนวเขต
เพอ่ื แกป้ ญั หาทด่ี นิ ทำ� กนิ ในบรเิ วณรอบปา่ ภถู ำ�้ ภกู ระแต อำ� เภอแวงนอ้ ย
จงั หวดั ขอนแกน่ ทำ� ใหเ้ พมิ่ ความรคู้ วามเขา้ ใจและทกั ษะในการนำ� เครอื่ งมอื
ทางภมู ศิ าสตรม์ าใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านดา้ นการบรหิ ารฐานทรพั ยากรธรรมชาติ
ดิน น�้ำ ป่า โดยการมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ได้มีการหารือร่วมกับ
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ โดยนายอำ� เภอไดจ้ ดั ตงั้ “คณะกรรมการ
ขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตร์การจดั การทรัพยากรธรรมชาตอิ ำ� เภอแวงนอ้ ย”
มีสมาคมเพ่ือนภูท�ำหน้าท่ีเป็นเลขานุการ และมีคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันด�ำเนินกิจกรรมตามแผน
ยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติดิน น้�ำ ป่า อ�ำเภอแวงน้อย แก้ไขปัญหาทั้งด้านทรัพยากรป่าไม้
และแหล่งนำ�้ ในระดับพ้ืนทแี่ ละเชื่อมตอ่ ใหเ้ ปน็ ตน้ แบบของจงั หวดั ขอนแก่น

กลไกระดับตำ�บลแก้ไขปัญหาด้านทรพั ยากรในพน้ื ท่ลี มุ่ นํ้าแม่แตงตอนบน

กระบวนการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรในพื้นที่
ลมุ่ นำ�้ แมแ่ ตงตอนบนของเครอื ขา่ ยฯ มกี ารสรา้ งกลไกระดบั ตำ� บล โดยมี
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ เปน็ ตวั เชอื่ มประสานขบั เคลอ่ื นการทำ� งาน
เครอื ขา่ ยไปพรอ้ ม ๆ กนั ยดึ แนวทางการจดั การรว่ มกบั ภาคสว่ นตา่ ง ๆ
ทง้ั หนว่ ยงานภาครฐั องคก์ รพฒั นาเอกชน ภาคประชาสงั คม สถาบนั
การศกึ ษา องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ภาคประชาชน และองคก์ รชมุ ชน
ในการทำ� งานอยา่ งเปน็ รปู ธรรมในการจดั การและแกไ้ ขปญั หาในระดบั พนื้ ที่
นอกจากน้ี กระบวนการจัดท�ำฐานข้อมูลเพ่ือแก้ไขปัญหาและป้องกันการบุกรุกขยายพื้นท่ี เพื่อให้ได้มาซ่ึงแผนที่
แนวเขตทีด่ นิ ปา่ ไม้ท่ชี ดั เจน ทางอุทยานแห่งชาตหิ ้วยน้ำ� ดงั อทุ ยานแหง่ ชาติผาแดง หนว่ ยงานทหารในพืน้ ท่ี เครอื ขา่ ย
ทรัพยากรลุ่มน้�ำแม่แตงตอนบน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ได้มีการท�ำประชาคม รับรองข้อมูล สร้าง
กฎระเบียบกติกาชุมชน และลงนามบันทึกความรว่ มมือในการจัดการและแก้ไขปญั หาปา่ ไม้และท่ีดินรว่ มกนั

จดุ ประกาย 109
ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยง่ั ยืน

แนวเขตและกฎระเบียบชัดเจน ปอ้ งกนั การบกุ รุกลำ�หว้ ยทบั ทัน

ลำ� หว้ ยทบั ทนั ทไี่ หลผา่ นใจกลางตำ� บลศรสี ขุ อำ� เภอศรณี รงค์ จงั หวดั สรุ นิ ทร์
ถกู บกุ รกุ ทำ� ลายทำ� ใหต้ ลงิ่ ลำ� หว้ ยพงั ทลายและมสี ภาพตนื้ เขนิ องคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตำ� บลศรสี ขุ ผนู้ ำ� ชมุ ชน เจา้ ของทดี่ นิ และหนว่ ยงานในทอ้ งถน่ิ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
ไดป้ ระชมุ รว่ มกนั เพอื่ สรา้ งความรแู้ ละความเขา้ ใจในเรอื่ งแนวเขตทด่ี นิ สาธารณะ
และสำ� รวจทด่ี นิ ทำ� กนิ รว่ มกบั เจา้ ของทดี่ นิ ทต่ี ดิ กบั ลำ� หว้ ยจดั ทำ� เปน็ แผนทขี่ อบเขต
ของพ้ืนที่ล�ำห้วยทับทันให้ชัดเจน ด�ำเนินการปักแนวเขตพื้นท่ีล�ำห้วยทับทัน
ท้ังสองข้างล�ำห้วยร่วมกันระหว่างสมาชิกในชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น
ระยะทางรวม 5 กิโลเมตร เพื่อลดและปอ้ งกนั การบกุ รุกพน้ื ทีป่ า่ ริมตลงิ่ อกี ท้ังไดส้ ง่ เสริมให้สมาชกิ ท่ีอย่ตู ดิ ล�ำหว้ ยทบั ทัน
ปลกู ตน้ ไผแ่ ละหญา้ แฝกเพอื่ ชว่ ยยดึ หนา้ ดนิ และปอ้ งกนั การพงั ทลายของดนิ บรเิ วณสองฝง่ั รมิ ตลงิ่ ลำ� หว้ ยทบั ทนั และเปน็ การ
ฟ้ืนฟูแหล่งอาหารให้ชุมชนเพิม่ ขนึ้ และสามารถนำ� ไปใช้ประโยชน์ในครัวเรอื นไดต้ ลอดทง้ั ปี

ขอ้ ค้นพบ

กฎระเบยี บเปน็ สงิ่ สำ� คญั ของการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม เพอื่ ใหอ้ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมคี วามสขุ และปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ ปญั หาขนึ้ ในชมุ ชน
โดยการกำ� หนดกฎ ระเบยี บ ควรคำ� นงึ ถงึ กลไกการมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในชมุ ชนใหเ้ หน็ ชอบตรงกนั รว่ มกนั คดิ รว่ มกนั วเิ คราะห์
หารอื ใหเ้ กดิ กฎระเบยี บทเ่ี ปน็ กลางกบั ทกุ ฝา่ ย และทกุ คนเหน็ ชอบ ถอื เปน็ กลไกสำ� คญั ทชี่ ว่ ยจงู ใจเรมิ่ ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม
อันจะน�ำไปสู่การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างย่ังยืน มีการปรับใช้
องค์ความรแู้ ละรปู แบบการดำ� เนินงานซ่ึงสง่ ผลให้ประสบความสำ� เร็จ ได้แก่

การสรา้ งความเขา้ ใจกนั ระหวา่ งชมุ ชนและเจา้ หนา้ ที่ การทสี่ มาชกิ ในชมุ ชนสามารถอยรู่ ว่ มกบั ปา่ โดยลดการบกุ รกุ
พนื้ ทป่ี า่ และมคี วามเขา้ ใจกนั ทง้ั ในระดบั พน้ื ทแี่ ละระดบั ผบู้ รหิ าร จากการทไ่ี ดล้ งพน้ื ทตี่ ดิ ตอ่ สอ่ื สารกนั สร้างความเข้าใจ
และรบั รถู้ งึ ปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ เชอื่ มโยงไปสกู่ ระบวนการสรา้ งกลไกจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม
การพฒั นากลไกขบั เคลอื่ นการดำ� เนนิ งาน โดยจดั ตงั้ คณะกรรมการอำ� นวยการขบั เคลอ่ื นการดำ� เนนิ งานทง้ั ในระดบั
อำ� เภอและระดบั จงั หวดั ซง่ึ ในระหวา่ งดำ� เนนิ โครงการไดม้ กี ารจดั ประชมุ อยา่ งสมำ่� เสมอและตอ่ เนอ่ื ง รวมถงึ การจดั ทำ�
แนวเขตท่ีดินท�ำกินเพ่ือให้ทุกฝ่ายรับรู้แนวเขตท่ีชัดเจน เม่ือจะด�ำเนินกิจกรรมใดและต้องอาศัยความร่วมมือจาก
หลายภาคสว่ น การมฐี านขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งชดั เจนทำ� ใหห้ นว่ ยงานรบั รถู้ งึ ปญั หาและรว่ มหาแนวทางแกไ้ ขไปในทศิ ทาง
เดียวกนั จงึ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของความส�ำเร็จ

110 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สชู่ ุมชนยั่งยนื

การพัฒนาความรว่ มมือชมุ ชน รัฐ และเอกชน

เชอื่ มร้อยความรว่ มมือจัดการพื้นที่สีเขียวในเมือง

เครือข่ายเชียงใหม่เขียว สวย หอม เป็นเครือข่ายท่ีเกิดจาก
การรวมตวั กนั ขององคก์ รภาคประชาชน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่
ภาคธรุ กจิ เอกชนและหนว่ ยงานภาครฐั ทม่ี กี ารทำ� งานดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม
ร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง มีพันธกิจหลักคือการเพิ่มประสิทธิภาพ
การอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่และจัดการพื้นที่สีเขียวในเมืองเก่าเชียงใหม่
โดยเน้นการท�ำงานแบบมีส่วนร่วม ประสาน เช่ือมโยง สนับสนุน
และรณรงค์ให้ร่วมกันดูแล ฟื้นฟู และเพิ่มพื้นท่ีสีเขียวในเมือง
เชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “เขียว” ด้วยการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่น้อย
ทมี่ อี ยู่ วางแผนปลูกเพมิ่ ดูแลอย่างตอ่ เน่อื ง “สวย” โดยการออกแบบพ้นื ทสี่ เี ขียวอย่างเหมาะสมกับท้องถ่ิน สอดคลอ้ ง
กับความเป็นเมอื งประวัตศิ าสตรใ์ นหบุ เขา และ “หอม” จากการเปน็ เมืองสะอาด สงบ รม่ รน่ื ปลอดภัย ประชาชน
มคี วามสุขทั้งกายใจ
การขบั เคลอ่ื นกจิ กรรมการดำ� เนนิ งานของเครอื ขา่ ยฯ ไดแ้ ก่ ฟน้ื ฟแู ละสง่ เสรมิ แนวคดิ นเิ วศประวตั ศิ าสตรเ์ มอื งเชยี งใหม่
การจดั การพน้ื ทสี่ เี ขยี วภายใตบ้ รบิ ทพน้ื ทว่ี า่ งของเมอื งทยี่ งั คงหลงเหลอื อยู่ อาทิ วดั ชมุ ชน สถานศกึ ษา พนื้ ทสี่ าธารณะ
รวมถงึ พน้ื ทขี่ องเอกชน หา้ งรา้ นและโรงแรม โดยอาศยั ตน้ ทนุ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ และไมใ้ หญใ่ นเมอื งมาผนวกเปน็ แนวคดิ
นิเวศประวัติศาสตร์เป็นตัวขับเคล่ือน และผลักดันการฟื้นฟูการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่และพ้ืนท่ีสีเขียว ควบคู่ไปกับ
การก�ำหนดทิศทางการพัฒนาการท่องเท่ยี วและเศรษฐกิจจังหวดั เชยี งใหม ่

จุดประกาย 111
ขยายองค์ความรู้ สชู่ ุมชนยั่งยืน

สนับสนุนกจิ กรรมการดูแลรกั ษาป่าโดยชมุ ชน

การจัดการป่าไม้ในจังหวัดกาญจนบุรี ขับเคลื่อนโดย คณะกรรมการ
ปา่ ชุมชน ชุมชนทอี่ ยู่ในพน้ื ทีป่ ่าและรอบพ้ืนที่ป่า องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
เยาวชนในทอ้ งถน่ิ รวมถงึ ศนู ยว์ จิ ยั ปา่ ไมจ้ งั หวดั กาญจนบรุ เี ขา้ รว่ มเปน็ พเี่ ลย้ี ง
ให้กับเครือข่ายป่าชุมชน ในส่วนของภาคธุรกิจเอกชนได้เข้ามาสนับสนุน
การด�ำเนินงานโครงการ การศึกษาวิจัยสภาพป่าร่วมกับชุมชน ผู้ประกอบ
การรีสอร์ท ท่ีพักในท้องถ่ินได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและเฝ้าระวังป่า
ทำ� แนวกนั ไฟ สนบั สนนุ การทำ� ฝายชะลอนำ้� เนอ่ื งจากผปู้ ระกอบการเหลา่ นี้
กไ็ ดร้ บั ประโยชนจ์ ากปา่ ในแงข่ องทศั นยี ภาพทด่ี งึ ดดู นกั ทอ่ งเทย่ี ว และมคี วามสนใจในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ
ในพื้นท่ีอยู่แล้ว เม่ือทางเครือข่ายเข้าไปให้ความรู้เพ่ิมจึงท�ำให้เกิดความร่วมมือ ตลอดจนมีการจัดประชุมหารือ
และรายงานผลการด�ำเนนิ งานเปน็ ประจำ�

ความร่วมมือจัดการพน้ื ทเี่ กษตรในเขตป่าต้นนาํ้

จากปัญหาความไม่ชัดเจนในเร่ืองของสิทธิในการจัดการทรัพยากรดิน
น้�ำป่า ในพ้ืนท่ีต้นน�้ำต�ำบลปางหินฝน จังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงตั้งอยู่ในเขต
ป่าสงวนแห่งชาติแม่แจ่ม กอปรกับการขยายตัวของพื้นที่ปลูกข้าวโพด
เลี้ยงสัตว์ซึ่งมีราคาที่สูงขึ้น ท�ำให้เกิดการบุกรุกป่าเพ่ิมข้ึน แตเ่ มอ่ื ตอ้ ง
ประสบปัญหาขาดแคลนน�้ำส�ำหรับท�ำการเกษตร หนี้สินครัวเรือนสะสม
ต่อเน่ือง โดยพบว่าการปลูกข้าวโพดไม่สามารถควบคุมต้นทุนและราคา
ผลผลิตได้ จึงมีการจัดท�ำข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุก
พนื้ ทปี่ า่ และการจดั การพน้ื ทเี่ กษตรในเขตปา่ ตน้ นำ้� มกี ารจดั ประชมุ ประชาคมเพอื่ จดั ตง้ั คณะกรรมการทรพั ยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมระดับหมู่บ้านและต�ำบล ท�ำหน้าท่ีวางแผนพัฒนาท้องถ่ิน เพื่อให้เกิดการท�ำงานร่วมกันของกลไก
ระดบั หมบู่ า้ น ตำ� บล และอำ� เภอ โดยใชช้ อ่ื วา่ “เครอื ขา่ ยทรพั ยากรตำ� บลปางหนิ ฝน” ทำ� หนา้ ทบ่ี รหิ ารจดั การทรพั ยากร
ในพนื้ ทรี่ ว่ มกนั

112 จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ ส่ชู มุ ชนย่ังยืน

นอกจากนี้ การด�ำเนินการขับเคลื่อน “แม่แจ่มโมเดล” แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหา
สทิ ธิท่ีดนิ ของชาวบา้ น รวมไปถงึ การจดั ระบบแนวเขตและการใช้ประโยชนจ์ ากทด่ี ินและป่าไม้ โดยมคี วามร่วมมอื จาก
ภาคหี ลายฝา่ ย ทงั้ องคก์ รชมุ ชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น องคก์ รพฒั นาเอกชน หนว่ ยงานราชการ
ท่เี กยี่ วขอ้ ง ภาคประชาสังคม ภาควชิ าการ และภาคธรุ กิจร่วมวางแผนออกแบบกิจกรรมฟ้ืนฟูระบบนิเวศ ควบคไู่ ปกับ
การสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ซ่ึงภาคธุรกิจเอกชนมีบทบาทส�ำคัญในการรับซื้อผลผลิตซึ่งเกิดจากการปรับ
เปลย่ี นรปู แบบการทำ� การเกษตรของสมาชกิ ชมุ ชน จากการทำ� การเกษตรเชงิ เดย่ี วสกู่ ารทำ� วนเกษตร เมอื่ สมาชกิ ชมุ ชน
มคี วามมนั่ ใจถงึ ผลตอบแทนจากการปรบั เปลย่ี น จะเกดิ การเปลยี่ นแปลงการผลติ ซงึ่ สง่ ผลดตี อ่ สภาพแวดลอ้ ม เศรษฐกจิ
และสังคมในชุมชน

สรา้ งความรว่ มมอื ฟน้ื ฟพู ลับพลึงธาร

พลับพลึงธารเป็นพืชเฉพาะถ่ินที่มีความส�ำคัญของโลกและมีสถานภาพ
ใกล้สูญพันธุ์ เป็นท่ีรู้จักในวงกว้าง การร่วมกันปกป้อง ดูแล และรักษาพืช
ชนิดนี้ไว้จึงเป็นความจ�ำเป็นท่ีต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อาทิ
หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชนด้าน
สงิ่ แวดลอ้ ม ภาคเอกชน สถาบนั การศกึ ษา ภาคประชาสงั คม เครอื ขา่ ย ทสม.
และประชาชนในพ้ืนท่ี นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนากฎระเบียบและกลไก
การบริหารจัดการ ในส่วนของชุมชนบ้านไร่ใน ใช้กลไกคณะกรรมการ
เครือข่ายฟื้นฟูพลับพลึงธารและล�ำคลองที่อยู่อาศัย ขับเคล่ือนการด�ำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูพลับพลึงธาร
ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยร่วมกันก�ำหนดกฎระเบียบต่าง ๆ ส�ำหรับการท่องเท่ียว ท่ีห้ามการขุดหาหัวพลับพลึง
เพื่อการค้า และห้ามน�ำขยะเข้ามาในพื้นที่ รวมท้ังได้ขอความร่วมมือจากสมาชิกในชุมชนท่ีมีที่ดินการเกษตรอยู่ติด
ริมคลอง ให้ท�ำการเกษตรแบบอินทรีย์ ปลูกพืชคลุมดินอย่างเช่นหญ้าแฝกตามตลิ่ง เพ่ือป้องกันการชะล้างหน้าดิน
และชว่ ยกรองมลพิษท่ปี ะปนมากับน้ำ�

จดุ ประกาย 113
ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยง่ั ยืน

ข้อคน้ พบ

การพฒั นาความร่วมมอื ในการดแู ลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาต ิ ใหค้ วามสำ� คญั กบั การมสี ่วนรว่ มของประชาชนทกุ กล่มุ
ใหเ้ ขา้ รว่ มอยใู่ นกระบวนการพฒั นาในทกุ ขนั้ ตอน มงุ่ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ ใหช้ มุ ชนเกดิ ความตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั
และเกดิ ความรกั และหวงแหนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่ ประกอบกบั การใชอ้ งคค์ วามรใู้ นการจดั การ
ทรัพยากรธรรมชาติ โดยให้ความส�ำคัญกับการฟื้นฟูระบบนิเวศและการใช้ประโยชน์อย่างย่ังยืน โดยองค์ความรู้
และรปู แบบการด�ำเนนิ งานซ่ึงส่งผลใหป้ ระสบความสำ� เร็จ ไดแ้ ก่

การสานเครือข่าย ชุมชนได้มีการจัดต้ังคณะท�ำงานระดับชุมชนเพ่ือท�ำหน้าท่ีอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากร
ชมุ ชน และสรา้ งเครอื ขา่ ยขยายวงกวา้ งมากขน้ึ ผา่ นการสอ่ื สารประชาสมั พนั ธแ์ ละรณรงคส์ รา้ งจติ สำ� นกึ รวมถงึ
การจัดเวทีประชุมหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกิจกรรมการด�ำเนินงานของกลุ่ม และเวทีประชุมเครือข่าย
องคก์ รชมุ ชน ซง่ึ มีผู้เข้ารว่ มจากสมาชกิ กลมุ่ ตา่ ง ๆ หนว่ ยงานราชการทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอ่ื สรุปความกา้ วหนา้ ปญั หา
และอุปสรรค และร่วมกนั วางแผนกจิ กรรมล่วงหนา้ รวมถงึ การแลกเปลีย่ นแนวทางการบรหิ ารจัดการระหวา่ ง
กลุม่ อนุรกั ษแ์ ตล่ ะชุมชน
การสร้างความเข้าใจและความตระหนัก โดยการส่งเสริมกระบวนการท�ำงานอย่างมีส่วนร่วมของผู้คน
ในการช่วยดูแล เป็นหูเป็นตา และสร้างกลไกให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของ ซึ่งท�ำให้ประชาชนเห็นคุณค่า
และช่วยกันดูแลรักษาต้นทุนส�ำคัญที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม
ของชุมชน ท้ังน้ีความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ได้ช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้ ตลอดจนชุมชนได้รับ
การสนบั สนนุ ในดา้ นต่าง ๆ อย่างเหมาะสม

114 จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนย่งั ยืน

สว่ นที่ 5

บทสรุป

จดุ ประกาย 115
ขยายองค์ความรู้ สู่ชมุ ชนยัง่ ยนื

116 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สชู่ ุมชนยัง่ ยืน

การด�ำ เนนิ งานทีผ่ ่านมา

ภ าพรวมการดำ�เนินงาน

โครงการด้านการส่งเสริมและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน
สงิ่ แวดลอ้ มตงั้ แตป่ ี 2556 เปน็ ตน้ มา กระจายอยู่ทั่วประเทศ ครอบคลุมสภาพแวดล้อมและภูมิทัศน์ท่ีหลากหลาย
จากเทอื กเขาสงู ในภาคเหนือสู่ทีร่ าบล่มุ ภาคกลาง ท่ีราบสูงและลุ่มน้�ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จนถงึ พน้ื ท่ีชายฝ่ัง
ทะเลในภาคใต้ วัตถุประสงค์ของโครงการส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ
โดยเฉพาะทรัพยากรปา่ ไม้ ดงั เชน่ กรณีการจดั การดนิ น้ำ� ป่า อ�ำเภอแวงน้อย จงั หวดั ขอนแกน่ ดำ� เนนิ งานโดยสมาคม
เพ่ือนภู กรณีการจัดการป่าสน อ�ำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ด�ำเนินงานโดยสมาคมปกาเกอะญอ
เพื่อการพัฒนาสังคมและส่ิงแวดล้อม กรณีป่าชุมชนอาลอ-โดนแบนด�ำเนินงานโดยองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาดี
อ�ำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ หรือกรณีป่าต้นน้�ำน้�ำพุง จังหวัดเลย ซึ่งด�ำเนินงานโดยสมาคมเพื่อการอนุรักษ์
และพฒั นาเทอื กเขาเพชรบรู ณ ์ กรณเี ครอื ขา่ ยปา่ ชมุ ชน จงั หวดั กาญจนบรุ ี ดำ� เนนิ งานโดยสถาบนั พฒั นาองคก์ รชมุ ชน
(องค์การมหาชน) และสภาองคก์ รชุมชน ตำ� บลหนองโรง
นอกจากนนั้ ยงั มโี ครงการทเี่ นน้ การจดั การลมุ่ นำ�้ อยา่ งมสี ว่ นรว่ ม เชน่ กรณลี มุ่ นำ้� ลำ� เซบาย จงั หวดั ยโสธร ซง่ึ ดำ� เนนิ งาน
โดยสมาคมภมู นิ เิ วศพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื กรณหี ว้ ยทบั ทนั ซงึ่ ดำ� เนนิ งานโดยองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลศรสี ขุ อำ� เภอศรณี รงค์
จงั หวดั สรุ นิ ทร์ และกรณขี องอำ� เภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ ซงึ่ ดำ� เนนิ งานโดยคณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
รวมถงึ การจดั การปญั หาไฟปา่ และหมอกควนั ดงั เชน่ กรณปี า่ ตน้ นำ�้ ตำ� บลปางหนิ ฝน อำ� เภอแมแ่ จม่ จงั หวดั เชยี งใหม่
ซ่ึงด�ำเนินงานโดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืน (ภาคเหนือ) และเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
ต�ำบลปางหินฝน และกรณีการจัดการไฟป่า อ�ำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ด�ำเนินงานโดยมูลนิธิเพ่ือการพัฒนา
ทย่ี ่งั ยืน (ภาคเหนือ) และกล่มุ คนฮักอมกอ๋ ย

จุดประกาย 117
ขยายองค์ความรู้ สูช่ มุ ชนย่งั ยนื

บางโครงการมุ่งเน้นการส่งเสริมการเกษตรท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม เช่น กรณีเกษตรอินทรีย์ต้นน�้ำแม่ฮาว
จังหวัดเชียงใหม่ ด�ำเนินงานโดยมูลนิธิพัฒนาศักยภาพชุมชนและสถาบันชุมชนเกษตรกรรมย่ังยืน กรณีป่าต้นนำ�้ พุง
จังหวัดเลย กรณีป่าต้นน�้ำ ต�ำบลปางหินฝน อ�ำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ในขณะท่ีบางโครงการมีวัตถุประสงค์
เฉพาะ เชน่ การฟ้ืนฟูและอนรุ กั ษช์ นิดพันธุ์สำ� คญั ดังกรณีอนรุ กั ษพ์ ลับพลึงธาร จังหวดั ระนอง-พงั งา ดำ� เนินงานโดย
มลู นิธิอีสต์ ฟอร่ัม และกรณเี กษตรอินทรีย์ จังหวัดสุพรรณบรุ ี ด�ำเนินงานโดยมลู นิธขิ า้ วขวญั เป็นตน้ หรือการอนรุ ักษ์
พ้ืนที่สีเขียวในเมือง กรณีเมืองเก่า จังหวัดเชียงใหม่ ด�ำเนินงานโดยมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือและเครือข่ายเชียงใหม่
เขียว สวย หอม เปน็ ต้น

หลายโครงการเมอ่ื ไดม้ ีการดำ�เนินงานไปแล้ว
พบว่ามีผลกระทบเชิงบวกเกิดขึน้ นอกเหนือจากวัตถปุ ระสงค์หลกั
ของโครงการ เช่น การลดผลกระทบภัยธรรมชาติ
กรณปี า่ ต้นนาํ้ น้ําพงุ จังหวัดเลย และกรณหี ้วยทบั ทัน
ซึง่ วัตถปุ ระสงค์หลกั คอื การอนุรกั ษ์ป่าตน้ น้าํ และลมุ่ น้ํา เปน็ ต้น

118 จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ สชู่ ุมชนยัง่ ยืน

ล ักษณะเดน่ ในการดำ�เนนิ งาน

ภาพรวมทุกโครงการมีลักษณะการด�ำเนินงานในรูปแบบของภาคีเครือข่าย ที่รวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
อย่างหลากหลาย ประกอบดว้ ย ชมุ ชนทอ้ งถ่ิน หน่วยงานภาครฐั ท่เี กย่ี วข้อง องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน สถานศกึ ษา
ภาคธุรกิจเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคม มาร่วมวางแผน ตัดสินใจและด�ำเนินงานร่วมกัน กลุ่มเป้าหมายหลัก
ในการด�ำเนินงาน นอกจากชุมชนท้องถ่ินแล้ว ยังประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะโครงการที่มีการด�ำเนินงาน
ในภาคเหนือ เช่น กรณีป่าต้นน้�ำแม่แตงตอนบน กรณีการจัดการไฟป่า อ�ำเภออมก๋อย และกรณีป่าต้นน้�ำ
ต�ำบลปางหินฝน อ�ำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ท่ีด�ำเนินงานโดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืน (ภาคเหนือ)
หรอื กรณกี ารจดั การปา่ สน อำ� เภอกลั ยาณวิ ฒั นา จงั หวดั เชยี งใหม่ ทด่ี ำ� เนนิ การโดยสมาคมปกาเกอะญอเพอ่ื การพฒั นา
สังคมและสิ่งแวดล้อม และการด�ำเนินงานกับเยาวชน เช่น กรณีป่าแห่งการเรียนรู้ จังหวัดร้อยเอ็ด ซ่ึงด�ำเนินงาน
โดยมูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบท เครือข่ายป่าชุมชน จังหวัดกาญจนบุรี เครือข่ายการจัดการไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่
และเครือข่ายในการจดั การทรัพยากรธรรมชาตบิ ริเวณอ่าวบ้านดอน จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี เป็นตน้
นอกจากนนั้ ยงั มกี ารพฒั นาแหลง่ เรยี นรเู้ พอ่ื สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ ความตระหนกั ในความสำ� คญั ของทรพั ยากรธรรมชาติ
ซ่ึงสง่ ผลถงึ ความหวงแหนและนำ� ไปอยู่การจดั การอยา่ งย่งั ยืน เชน่ การพัฒนาเส้นทางเดนิ ศกึ ษาธรรมชาติ กรณีปา่ แห่ง
การเรยี นรู้ จังหวดั ร้อยเอ็ด กรณีห้วยทบั ทนั จังหวัดสรุ ินทร์ กรณีเครอื ขา่ ยป่าชุมชน จงั หวัดกาญจนบุรี กรณปี ่าต้นน้ำ�
แม่แตงตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ หรือการสร้างฐานเรียนรู้ระบบนิเวศและการใช้ประโยชน์ป่าบุ่งป่าทาม
กรณลี ุม่ นำ้� ล�ำเซบาย จังหวดั ยโสธร เป็นต้น
บางโครงการมกี ารพฒั นาหลกั สตู รทอ้ งถน่ิ ซง่ึ เปน็ การดำ� เนนิ งานรว่ มกนั ระหวา่ งองคก์ รผพู้ ฒั นาโครงการ ชมุ ชนทอ้ งถนิ่
และสถานศึกษาในพื้นที่ด�ำเนินงานโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนได้รู้จักสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น
เห็นคุณค่าในส่ิงท่ีมี และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนที่ส่ังสมกันมา ซึ่งโครงการท่ีมีความโดดเด่นด้านการพัฒนา
หลักสูตรท้องถิ่น ได้แก่ กรณีการจัดการป่าสน อ�ำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ กรณีป่าใหญ่โคกจิก-ตาลอก
จงั หวดั มหาสารคาม และกรณอี นรุ ักษ์พลบั พลงึ ธาร จงั หวดั ระนอง-พงั งา เป็นตน้

จดุ ประกาย 119
ขยายองคค์ วามรู้ ส่ชู มุ ชนยั่งยนื

...การดำ�เนนิ งานส่วนใหญม่ เี ครอื ข่ายความรว่ มมือ
พฒั นากลไกในรูปแบบคณะทำ�งานระดบั ชมุ ชน
พร้อมเคร่ืองมอื ในการสง่ เสริมและกำ�กบั ดแู ล
มกี ารสรา้ งแหล่งเรียนรแู้ ละหลักสตู รทอ้ งถน่ิ
เพ่ือสง่ ตอ่ ความรแู้ ละประสบการณไ์ ปยังคนรนุ่ ตอ่ ไป...

การพัฒนากลไกและความร่วมมือในการท�ำงานเป็นอีกประเด็นท่ีมีความโดดเด่น โดยการท�ำงานในพื้นที่ต่าง ๆ
ใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ เรอ่ื งน้ี มีการต้ังคณะท�ำงานหรอื คณะกรรมการ พฒั นาศักยภาพให้มคี วามรู้และทกั ษะในการทำ� งาน
อย่างกรณีคณะท�ำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติพ้ืนท่ีบริเวณรอบป่าภูถ้�ำ ภูกระแต ที่มีบทบาทส�ำคัญในการส�ำรวจ
แนวเขตป่า คณะกรรมการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอ�ำเภอแวงน้อย คณะท�ำงาน
ระดับต�ำบลแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรในพ้ืนท่ีลุ่มน�้ำแม่แตงตอนบน เป็นต้น พร้อมมีการก�ำหนดกฎระเบียบ
กติกาชุมชน และลงนามบันทึกความร่วมมือในการจัดการและแก้ไขปัญหาป่าไม้และที่ดินร่วมกัน โดยใช้ข้อมูล
และแผนท่เี ป็นเครอ่ื งมอื ในการแก้ไขปัญหาและจัดการพ้นื ท่ี โดยในระยะหลังมาน้ี พบว่าองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ
ได้มีบทบาทส�ำคัญในการริเริ่มและพัฒนาศักยภาพของกลไกชุมชน และประสานให้ภาคเอกชนที่ได้รับประโยชน์
จากทรพั ยากรในทอ้ งถน่ิ เขา้ มามสี ่วนร่วมมากข้ึน

120 จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ สู่ชุมชนยั่งยืน

ปจั จยั ท่ีสู่ความสำ�เรจ็

ความส�ำเร็จในการด�ำเนินงานท่ีเห็นได้ชัดเจน ได้แก่ วิธีการสื่อสารสร้างความตระหนักที่มีการออกแบบให้
เหมาะสมกับผู้รับสาร และเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ สามารถส่งสารออกไปในวงกว้าง เช่น กรณปี า่ แหง่ การเรยี นรู้
จังหวัดร้อยเอ็ด มูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบท ที่ใช้ท้ังการแสดงพ้ืนบ้านและการถ่ายภาพในการส่ือสารกับกลุ่มเป้าหมาย
และกรณปี ่าใหญ่โคกจกิ -ตาลอก อ�ำเภอพยคั ฆภมู ิพิสัย จงั หวัดมหาสารคาม โดยสถาบันวจิ ยั วลยั รุกขเวช มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม ที่ใช้ศูนย์การเรียนรู้และชุดนิทรรศการในการสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชน และกรณีอ่าวบ้านดอน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมูลนิธิป่า-ทะเลเพ่ือชีวิต ใช้กองทุนปรับเปล่ียนเคร่ืองมือประมงพื้นบ้านและกลุ่มอนุรักษ์
ในชุมชนเปน็ ตวั เช่ือมรอ้ ยความร่วมมอื เป็นต้น
นอกจากน้ันการพัฒนากฎระเบียบกลไกการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งท่ีท�ำให้การด�ำเนินโครงการ
ประสบความส�ำเร็จ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง เมื่อกฎระเบียบและกลไกดังกล่าว ถูกพัฒนาโดยการมีส่วนร่วมในการคิด
และตัดสินใจจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และมีการยอมรับและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังกรณีการจัดการ
อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือกรณีการจัดการลุ่มน้�ำอย่างมีส่วนร่วมห้วยทับทัน อ�ำเภอศรีณรงค์
จังหวัดสุรินทร์ และกรณีการจดั การปา่ สน อำ� เภอกลั ยาณิวฒั นา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตน้
ปัจจัยท่ีสำ� คญั ทที่ �ำใหป้ ระสบความสำ� เร็จ คอื การมสี ่วนร่วมจากทุกภาคส่วน การพฒั นาความร่วมมอื ชุมชน รัฐ เอกชน
เป็นจุดเด่นท่ีท�ำให้ภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคล่ือนการด�ำเนินงาน ดังกรณีเครือข่ายป่าชุมชน
จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีการด�ำเนินงานร่วมกับภาครัฐในการให้ความรู้ด้านกฎระเบียบท่ีเก่ียวข้องกับทรัพยากรป่าไม้
กรณีเมืองเก่าจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการด�ำเนินงานร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน ผู้ประกอบการท่องเท่ียวในการขับเคลื่อน
การอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่และพ้ืนท่ีสีเขียวในเมือง กรณีการจัดการดิน น้�ำ ป่า อ�ำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น

จดุ ประกาย 121
ขยายองค์ความรู้ สูช่ ุมชนย่งั ยนื

ท่ีได้รับการสนับสนุนความรู้จากภาครัฐในการใช้เทคโนโลยีในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ และกรณีป่าต้นน�้ำ
ต�ำบลปางหินฝน อ�ำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการเช่ือมโยงภาคธุรกิจเข้ามารับซ้ือผลผลิตของชุมชน
ทีเ่ กิดจากการปรับเปลย่ี นรูปแบบการผลิต เป็นต้น

…เหน็ ได้ว่ามหี ลายปจั จยั ทที่ ำ�ใหก้ ารดำ�เนินงานประสบความสำ�เร็จ
ซ่งึ แตกต่างตามบรบิ ทแต่ละโครงการ อยา่ งไรกต็ ามปจั จัยดังกลา่ วขา้ งต้น
ลว้ นเปน็ บทเรยี นท่ีดีสำ�หรบั ผพู้ ฒั นาโครงการใหม่
สามารถนำ�ไปปรับใช้ให้เหมาะกับบรบิ ทของตน...

ความยั่งยืนและทศิ ทางในอนาคต

จากการทโี่ ครงการตา่ ง ๆ ไดม้ กี ารสง่ เสรมิ บทบาทชมุ ชนในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ รว่ มกบั องคก์ รปกครอง
สว่ นทอ้ งถน่ิ และหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง มกี ารสรา้ งความรคู้ วามตระหนกั ใหก้ บั คนในพน้ื ท่ี การพฒั นากลไกการจดั การ
ทรัพยากรธรรมชาติ การสานเครือข่ายระหว่างชุมชน ระดับต�ำบล รวมถึงระดับลุ่มน�้ำ รวมถึงการก�ำหนดกฎกติกา
และข้อบัญญัติท้องถิ่นในบางพ้ืนท่ี ย่อมส่งผลท�ำให้เกิดการด�ำเนินงานอย่างต่อเน่ืองหลังสิ้นสุดโครงการท่ีได้รับ
การสนับสนุนจากกองทุนส่ิงแวดล้อม โดยมีโอกาสได้รับการสนับสนุนเพ่ือยกระดับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ในพ้ืนท่ีจากกองทุนสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องและการสนับสนุนจากแหล่งทุนอ่ืน ๆ เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ได้มีการ
รวบรวมและบันทึกขอ้ มลู ไวช้ ดั เจน ทำ� ให้ง่ายตอ่ การพัฒนาข้อเสนอโครงการในระยะตอ่ ไป ซง่ึ ควรคำ� นึงถึงประเด็น
เหลา่ นี้

122 จดุ ประกาย
ขยายองค์ความรู้ สชู่ ุมชนยั่งยนื

การปรบั แผนการทำ� งานในบางพน้ื ที่ ซง่ึ ไดร้ บั ผลกระทบจากการแพรร่ ะบาดของโรคไวรสั โคโรนา
2019 (COVID-19) และข้อจ�ำกัดอื่น ๆ ของโครงการ ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์
ใหม้ ากข้นึ โดยไมค่ วรเร่งรีบดำ� เนินงานให้แล้วเสรจ็ มากจนเกนิ ไป อาจท�ำให้ละเลยกระบวนการ
ทำ� งานทด่ี ี
การประสานงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในพื้นท่ี ซ่ึงรับรู้สภาพปัญหา
มีงบประมาณและบุคลากรท่ีจะช่วยสานต่อให้การด�ำเนินงานมีความต่อเนื่อง โดยพิจารณา
จัดกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น ให้มีความรู้ความเข้าใจในการฟื้นฟูและรักษา
ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถ่นิ ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
การขยายฐานการดำ� เนนิ งานในโครงการไปยงั กลมุ่ ตา่ ง ๆ อยา่ งครอบคลมุ โดยใหค้ วามสำ� คญั
กบั กลมุ่ เปา้ หมายทเ่ี ปน็ ผสู้ งู อายใุ หม้ ากขนึ้ รเิ รม่ิ และพฒั นากจิ กรรมทเ่ี หมาะสมกบั กลมุ่ เปา้ หมาย
เน้นการดึงศักยภาพและทุนทางสังคมของผนู้ �ำหรอื ผูอ้ าวโุ สในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์
การเชอื่ มโยงระหวา่ งประเดน็ ทรพั ยากรธรรมชาตริ วมถงึ ประเดน็ สงิ่ แวดลอ้ มอน่ื การเชอ่ื มโยง
การจัดการทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั การเพมิ่ รายได้หรือลดรายจา่ ย โดยมกี ารประเมนิ ในรปู ตัวเงิน
ท่ชี ดั เจน รวมถงึ การเช่อื มโยงกบั การสรา้ งเสริมสุขภาพ
การยกระดับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชนในประเด็นอื่น ๆ ตามความพร้อม
ของชุมชนและบริบทของพื้นท่ี เช่น สิทธิชุมชนในการเข้าถึงและจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
การสร้างแรงจูงใจในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น
การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตโิ ดยใชเ้ ทคโนโลยใี หม่ ๆ ในการสำ� รวจ
และติดตามเฝ้าระวังทรัพยากรในท้องถ่ิน การจัดท�ำแผนท่ีในรูปดิจิตอล ซ่ึงหากชุมชน
ยังขาดความพรอ้ ม ควรประสานงานกับสถาบนั การศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จดุ ประกาย 123
ขยายองคค์ วามรู้ สชู่ มุ ชนยั่งยืน

การสร้างความร่วมมือแบบ 4P (Public-private-people partnership) ระหว่างภาครัฐ
ทงั้ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ซง่ึ มบี ทบาทในจดั ทำ� แผน มงี บประมาณ
และกฎระเบียบในการจัดการพ้ืนที่และสิ่งแวดล้อมเชิงประเด็น ภาคเอกชนท่ีมีทักษะ
และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ภาคประชาชนท่ีมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการทรัพยากร
ในท้องถิ่นและได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมถงึ การสนบั สนนุ จากภาควิชาการในดา้ นเทคนิคและองค์ความรู้

124 จุดประกาย
ขยายองค์ความรู้ สชู่ มุ ชนยั่งยนื

สว่ นท่ี 6

องค์กรด�ำ เนินงาน
และผ้ใู หข้ อ้ มูล

จดุ ประกาย 125
ขยายองค์ความรู้ ส่ชู มุ ชนย่งั ยนื

126 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สชู่ ุมชนยัง่ ยืน

ภาคเหนือ

1. โครงการพัฒนาเครอื ขา่ ยเกษตรอินทรีย์ เพือ่ รกั ษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม พื้นที่ต้นนำ้� แม่ฮาว 127
อำ� เภอแม่แตง จงั หวัดเชยี งใหม่
มลู นธิ ิพัฒนาศกั ยภาพชมุ ชน และสถาบันชมุ ชนเกษตรกรรมยง่ั ยนื
โทรศัพท์ : 089-954-7039 อีเมล : [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นางสาวณัฎฐณิชา ภูมิภาคิน เจ้าหน้าที่โครงการ นายอนันต์ สมจักร์ นายเอกพจน์ ทรายค�ำ นายบุญศรี ชัยแก้ว
นางพร เทพนิ ทร์ และนางวนี สั สมจกั ร์ กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนกลมุ่ เกษตรอนิ ทรยี ์ บา้ นดอนเจยี ง ตำ� บลสบเปงิ อำ� เภอแมแ่ ตง จงั หวดั เชยี งใหม่
2. โครงการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการอนุรักษต์ ้นไม้ใหญ่ และการจัดการพืน้ ท่สี ีเขยี วเมอื งเก่าเชียงใหม่
ตามแนวคดิ นเิ วศประวตั ิศาสตรอ์ ย่างมสี ่วนร่วม
มลู นิธพิ ัฒนาภาคเหนือ และ เครอื ขา่ ยเชยี งใหม่ เขียว สวย หอม
โทรศัพท์ : 053-810-624, 085-715-5886 โทรสาร : 053-810-624 อีเมล : [email protected]
ผใู้ หข้ อ้ มลู : นางสาวลกั ขณา ศรหี งส์ เจา้ หนา้ ทโ่ี ครงการ นายธรี ะ หวอ่ งวฑั ฒโน Operation Manager Tamarind Village Hotel
นายอาณตั ิ คลงั วเิ ชียร สมาชกิ ชมุ ชนต�ำบลพระสงิ ห์ เครือขา่ ยเชยี งใหม่ เขยี ว สวย หอม และสมาชกิ ชุมชนหม่ืนสาร

3. โครงการพฒั นาศกั ยภาพเครอื ขา่ ยทรพั ยากรลุ่มนำ้� แม่แตงตอนบน เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟปู า่ ตน้ นำ้� แม่แตงตอนบน
อ�ำเภอเวียงแหง จังหวัดเชยี งใหม่
มลู นธิ เิ พอื่ การพัฒนาทีย่ ่ังยืน (ภาคเหนือ)
โทรศพั ท:์ 053-810-623, 094-863-2837 โทรสาร: 053-810-623 อเี มล: [email protected], [email protected]
ผใู้ หข้ อ้ มลู : นางสาวนจุ ริ ตั น์ ปวิ คำ� เจา้ หนา้ ทโ่ี ครงการ นางเฉลมิ ชยั โปธา ผใู้ หญบ่ า้ นปา่ ไผ่ และสมาชกิ ชมุ ชนบา้ นปา่ ไผ่ ตำ� บลเมอื งแหง
นายวรกานต์ กาเรือง ผ้นู ำ� อาสาพฒั นาชุมชนตำ� บลเมืองแหง นายพลทัต ชิเมอ่ เกอร์ และ ร.ต.กมล ปหู่ ลู่ เครือข่ายเกษตรอนิ ทรยี ์
ต�ำบลเมืองแหง และเครอื ข่ายทรัพยากรลุม่ นำ้� แมแ่ ตงตอนบน
4 . โโดครยงกกาารรมวีสิจ่วยั นกราว่ รมสขรอ้างงกภราะคบเี ควรนอื กขา่ารยเรใยีนนตร�ำู้แบลละสถบอเดตบ๊ยี ะทเแรยีมน่สอจายกแกลาะรบจดั้านกแารปไะฟปอำ�่าเเภพอือ่ จแอกมไ้ ขทปอญัง หจงัาหหวมัดอเกชคยี วงันใหม่
คณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่
โทรศัพท์ : 089-838-1452
ผู้ใหข้ อ้ มลู : ผศ. ดร.ศทุ ธนิ ี ดนตรี เจ้าหน้าทีโ่ ครงการ นายธนภัทร ไชยสุ อุทยานแห่งชาติออบหลวง นายจุลศกั ด์ิ ทองจ�ำรูญ
หน่วยพิทักษ์ป่าน�้ำตกแม่เต๊ียะ นายนุชิต จันทาพูน สถานีควบคุมไฟป่าจอมทอง นายสมบัติ ทองแหง นายกเทศมนตรีต�ำบล
สบเตย๊ี ะ นายวรวทิ ย์ จติ ตอ์ ารี กำ� นนั ตำ� บลสบเตยี๊ ะ และผใู้ หญบ่ า้ น ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น ตำ� บลสบเตย๊ี ะ

จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชุมชนย่ังยนื

5. โครงการชุมชนปกาเกอะญอจดั การทรพั ยากรธรรมชาติปา่ ไม้ อ�ำเภอกลั ยาณวิ ัฒนา จังหวัดเชียงใหม่
สมาคมปกาเกอะญอเพ่ือการพัฒนาสงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม
โทรศพั ท์ : 084-378-5531, 053-350-073 โทรสาร : 053-350-073
อเี มล : [email protected], [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นายพร้อมพล สัมพันธโน เจ้าหน้าที่โครงการ และนายกสมาคม และนางไพรินทร์ พานทอง เจ้าหน้าท่ี
สมาคมปกาเกอะญอเพื่อการพัฒนาสังคมและส่ิงแวดล้อม นายวรศักดิ์ พานทอง นายอ�ำเภอกัลยาณิวัฒนา ผู้แทน
หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สถาบันการศึกษา ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน และสมาชิกชุมชน
อ�ำเภอกลั ยาณิวฒั นา จงั หวดั เชยี งใหม่
6. โครงการพัฒนากระบวนการและกลไกขอ้ ตกลงร่วม เพอื่ แกไ้ ขปัญหาการบกุ รกุ พน้ื ทีป่ ่า และการจดั การพ้นื ที่เกษตร
ในเขตปา่ ตน้ น้ำ� ตำ� บลปางหนิ ฝน
มูลนิธิเพื่อการพฒั นาท่ีย่งั ยืน (ภาคเหนือ)
โทรศพั ท์ : 053 810 623, 081 716 5246 โทรสาร : 053 810 623 ต่อ 4 E-mail : [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นายเดโช ไชยทัพ ผู้อ�ำนวยการมูลนิธิเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน (ภาคเหนือ) นางสาวบุญตา สืบประดิษฐ์
เจ้าหน้าท่ีโครงการ นายเซา แสงจันทร์นาวาโชค ผู้ใหญ่บ้านบ้านพุย นายอินจัน ศักดิ์โชติธิติกุล ผู้ใหญ่บ้านบ้านเฮาะ
นายสมชาย ยั่งสันติวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านปางหินฝน นายก้าน โชติชวนันท์ และ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปางหินฝน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
บ้านพุย ต�ำบลปางหินฝน อ�ำเภอแม่แจม่ จงั หวดั เชยี งใหม่
7. โครงการเสริมสร้างศกั ยภาพองคก์ รชุมชนเพือ่ บรหิ ารจดั การไฟป่า หมอกควนั อยา่ งมสี ว่ นร่วม
ในพ้ืนท่อี �ำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
มลู นิธเิ พือ่ การพัฒนาทยี่ ่ังยืน (ภาคเหนอื )
โทรศพั ท์ : 053-810-623, 099-714-6376 โทรสาร : 053-810-623 ต่อ 4 อีเมล: [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นายนิรันดร์ น�้ำภูดิน เจ้าหน้าท่ีโครงการ นางสาวจารุณี พุ่มพวง และนายกีรติ วงศ์ไวศยวรรณ ส�ำนักงาน
สง่ิ แวดลอ้ มภาคท่ี 1 (เชยี งใหม)่ นายชนั ชยั แสนใจอิ นายธนากร หลา้ เปง็ นายแชดี ผอ่ งพนิ จิ ศรี และนายอภริ กั ษ์ ภศู กั ดวิ์ ฒั นา
กล่มุ คนฮกั อมก๋อย

128 จุดประกาย
ขยายองค์ความรู้ ส่ชู ุมชนยง่ั ยนื

ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 129

8. โครงการเสรมิ ความเข้มแข็งของชมุ ชนท้องถิ่นเพอ่ื การจดั การพ้ืนทล่ี ุ่มน�ำ้ ล�ำเซบายในพ้นื ทจี่ ังหวัดยโสธร
สมาคมภูมนิ เิ วศพัฒนาอย่างยง่ั ยืน
โทรศพั ท์: 081-579-3102 อีเมล: [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล: นายวิสูตร อยู่คง เจ้าหน้าท่ีโครงการ นางสาวนิตยา แม้นพิมพ์ องค์การบริหารส่วนต�ำบลนาแก นายอุดม อพยพ
นายประสิทธ์ิ สตุ นา นายมา วงเวียน นายบญุ เล้ียง จนั ทรส และนางบวั ทอง ขนุ แกว้ เครือข่ายอนรุ ักษป์ า่ ทามบา้ นมว่ ง ต�ำบลนาแก
อำ� เภอคำ� เขือ่ นแกว้ จงั หวดั ยโสธร

9. โครงการเสรมิ สร้างศักยภาพองค์กรชมุ ชนเพอ่ื การอนรุ กั ษแ์ ละฟืน้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาติ ดนิ น้ำ� ป่า ตน้ นำ้� พงุ
สมาคมเพอ่ื การอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาเทือกเขาเพชรบูรณ์
โทรศพั ท์ : 085-269-4264 อเี มล : [email protected]
ผใู้ ห้ข้อมูล : นายจีระศกั ด์ิ ตรเี ดช เจา้ หนา้ ทโ่ี ครงการ นายลบั แสงแกว้ นายทองรกั แสงแกว้ นายฉลาด ศรคี ำ� ภา นายสวุ ฒั แสงราช
นายสรวัชร์ แสงราช นายสุมิตร แสงราช นายบุญเสียง สุขศรี นายเฉลิม แก้วแย้ม และนายสมบัติ แสงราช สมาชิกชุมชน
บ้านน�ำ้ พงุ ต�ำบลโป่ง อ�ำเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย
10. โครงการเสริมสร้างพลังชมุ ชนเพ่ือการอนุรกั ษแ์ ละฟื้นฟคู วามหลากหลายทางชวี ภาพในพืน้ ทป่ี ่าใหญ่โคกจิก-ตาลอก
อ�ำเภอพยัคฆภูมิพสิ ัย จงั หวดั มหาสารคาม
สถาบันวิจยั วลัยรกุ ขเวช มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
โทรศพั ท์ : 082-306-9986, 043-754-407 โทรสาร : 043-754-407 อเี มล : [email protected]
ผใู้ หข้ อ้ มลู : ดร.วรี ะ ทองเนตร เจา้ หนา้ ทโี่ ครงการ นายบญุ ถน่ิ สมอดุ ร สำ� นกั งานเกษตรอำ� เภอพยคั ฆภมู พิ สิ ยั นายกาสี ยกนอ้ ยวงษ์
และนายประหยัด โมกศรี โรงเรียนบ้านเม็กด�ำ นายสมชาย สวัสดิ์ไธสง ผู้ใหญ่บ้านโคกจันหอม นายอิสระ ยอดเจริญ
และนางทองไส ภสู ะเทอื น ผชู้ ว่ ยผใู้ หญ่บา้ นโคกจันทร์หอม หมู่ 12 ต�ำบลเมก็ ดำ� อำ� เภอพยัคฆภูมพิ ิสัย จงั หวดั มหาสารคาม
11. โครงการฟน้ื ฟแู ละอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตใิ นลำ� หว้ ยทบั ทนั โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน และชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ตำ� บลศรสี ขุ
องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลศรีสุข อ�ำเภอศรณี รงค์ จังหวัดสรุ ินทร์
โทรศพั ท์ : 044-069-722, 098-036-0774 โทรสาร : 044-069-722 ตอ่ 116 อีเมล : [email protected]
ผใู้ หข้ อ้ มลู : นางสาววลัญช์ปพร ผิวหอม ผปู้ ระสานงานโครงการ นายบุญร่วม อินทสุข นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลศรสี ขุ
นายสมบัติ สนี วน และนายเรอื งฤทธ์ิ เทยี นแกว้ รองนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลศรสี ขุ นายวีระศักด์ิ มณฑา ท่ปี รกึ ษานายก
นางพราวพิรุณ ยาจิตต์ หัวหน้าส�ำนักปลัด นางสาวกาญจนา พิศเพ็ง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช�ำนาญการ
นางสาวธญั ญว์ รตั น์ จันทรแ์ ดง นกั พฒั นาชุมชนปฏบิ ตั กิ าร

จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชมุ ชนย่ังยืน

12. โครงการสง่ เสรมิ ศักยภาพป่าแหง่ การเรยี นร้เู พือ่ การจดั การทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างมสี ว่ นรว่ ม
มลู นิธิเพอ่ื เยาวชนชนบท
โทรศัพท์ : 087-853-5572 อีเมล : [email protected]
ผ้ใู หข้ ้อมูล : นางสาวอรญั นามจันดา เจา้ หนา้ ที่โครงการ นางสาวณฏั นิช แก้ววงศา และนางสาวพัณณิกา วงศ์อามาตย์ เทศบาล
ตำ� บลดงแดง นายนริ นั ดร์ สาหบั และนายศุภรกั ษ์ จันทร์แจง้ กรรมการปา่ โคกใหญ่ค�ำปลากั้ง นายสวาท พลเยยี่ ม รองประธาน
สภาเทศบาลต�ำบลโพธิ์ทอง นางทิพรตั น์ นาคะ และนายสว่าง สุขแสง คณะกรรมการป่าดอนหนองโจน
13. โครงการเสริมสรา้ งกระบวนการมีส่วนรว่ มในการบรหิ ารจดั การฐานทรัพยากรดิน น้�ำ ปา่ อำ� เภอแวงนอ้ ย จังหวดั ขอนแกน่
สมาคมเพ่ือนภู
โทรศัพท์ : 085-745-2981 โทรสาร : 043-499-120 อีเมล: [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นายพิชาญ ทิพวงษ์ เจ้าหน้าที่โครงการและนายกสมาคมเพื่อนภู นายชัยวัฒน์ ทองน้อย นายกองค์การบริหาร
ส่วนต�ำบลแวงน้อย นายทองปักษ์ มาพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลละหานนา นายพิชัย พิทย์วงษ์ ผู้ใหญ่บ้านป่าเป้ง
หมู่ 8 นายโสพมิ แก้วอดุ ร ผู้ใหญบ่ ้านนาจาน หมู่ 10 และสมาชกิ ชมุ ชนตำ� บลแวงน้อย อำ� เภอแวงน้อย จงั หวดั ขอนแกน่
14. โครงการอนุรกั ษ์และใช้ประโยชน์จากฐานทรพั ยากรธรรมชาติปา่ ชุมชนอาลอ-โดนแบน
โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชนและชมุ ชนทอ้ งถ่นิ ตำ� บลนาดี
องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลนาดี อำ� เภอเมอื งสุรนิ ทร์ จงั หวัดสรุ ินทร์
โทรศพั ท์ : 044-558-993, 084-354-7215 โทรสาร : 044-558-993 อเี มล: [email protected], [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นายสัมพันธ์ เจนถูกใจ เจ้าหน้าท่ีโครงการ นายไกรศรี มณีอ่อน หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ปราสาท
นางเพ็ญทวี ก่อแก้ว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบลบ้านอาลอ นายธนภัทร นมัสไธสง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
วิทยาเขตสุรินทร์ นางปาริฉัตร สุกแสง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ�ำเภอเมืองสุรินทร์
นายจำ� นง บรู ณ์เจรญิ ผู้ใหญบ่ า้ นอาลอ และสมาชกิ ชมุ ชนบ้านอาลอ-โดนแบน ต�ำบลนาดี อ�ำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวดั สุรนิ ทร์

130 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สชู่ ุมชนย่งั ยืน

ภาคกลาง

15. โครงการฟื้นฟูระบบนิเวศน์เกษตร และความหลากหลายทางชีวภาพของพนั ธุ์ข้าวพ้ืนบ้านในระบบเกษตรอินทรีย์
ทเ่ี ป็นมติ รกับสงิ่ แวดลอ้ ม : พน้ื ท่นี ำ� ร่อง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี
มูลนธิ ขิ า้ วขวญั
โทรศัพท์ : 035-597-193, 061-492-2662 โทรสาร : 035-597-193 อเี มล : [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ และนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าท่ีมูลนิธิข้าวขวัญ ผู้แทนเกษตรกร
ต�ำบลสนามคลี อ�ำเภอเมือง เกษตรกรต�ำบลเจดีย์ เกษตรกรต�ำบลจระเข้สามพัน และเกษตรกรต�ำบลกระจัน อ�ำเภออู่ทอง
เกษตรกรต�ำบลวังน้�ำซับและเกษตรกรต�ำบลบ้านกร่าง อ�ำเภอศรีประจันต์ เกษตรกรต�ำบลเขาดิน อ�ำเภอเดิมบางนางบวช
และเกษตรกรต�ำบลวงั ลกึ อำ� เภอสามชกุ
16. โครงการเสริมสรา้ งศกั ยภาพและการมสี ว่ นรว่ มของเครือข่ายป่าชมุ ชนจงั หวดั กาญจนบรุ ี
ในการบริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมอยา่ งยงั่ ยืน
สถาบันพฒั นาองค์กรชมุ ชน (องคก์ ารมหาชน) และสภาองคก์ รชมุ ชนตำ� บลหนองโรง จงั หวดั กาญจนบรุ ี
โทรศพั ท์ : 081-943-2618 อเี มล : [email protected]
ผใู้ หข้ อ้ มลู : นางสมพร ปานโต เจา้ หนา้ ทโ่ี ครงการ นายประทปี เอกฉนั ท์ ผอู้ ำ� นวยการศนู ยป์ า่ ไมก้ าญจนบรุ ี นายพพิ ฒั น แกว้ ชติ คงทอง
ประธานป่าชุมชนบ้านพุเตย นายเฉลิมพล สันติธรรมสุทธิ์ รองประธานป่าชุมชนต�ำบลสหกรณ์นิคม นายบุญมา พันธุ์แสน
กรรมการป่าชมุ ชนจงั หวัดกาญจนบรุ ี และเครอื ข่ายป่าชุมชนจังหวดั กาญจนบุรี

ภาคใต้

17. โครงการยกระดบั การเรียนรู้สกู่ ารจัดการพนื้ ทช่ี ุ่มน้ำ� อ่าวบ้านดอนอย่างยง่ั ยนื
มลู นิธปิ ่า-ทะเลเพือ่ ชีวิต
โทรศัพท์ : 077-437-038, 081-397-7442 โทรสาร : 077-437-038 อเี มล : [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : ดร.ประวีณ จุลภักดี ประธานมูลนิธิฯ และนางปิยนุช พรหมจันทร์ เจ้าหน้าที่โครงการ นายสมโภช บูรณากุล
นางอภิชยา บูรณากุล นางราศรี บูรณากุล นางจินตนา หม่ืนศรี นางปิ่นแก้ว พรหมณรงค์ และนางวิไลวรรณ พรหมณรงค์
กลุ่มประมงพนื้ บ้านบ้านเหนือน�ำ้ อำ� เภอไชยา จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

จุดประกาย 131
ขยายองคค์ วามรู้ สู่ชุมชนย่งั ยืน

18. โครงการฟื้นฟูพลบั พลงึ ธารพืชอาศยั ถ่ินเดยี วในโลกทีใ่ กลส้ ญู พนั ธุ์ในจงั หวดั ระนอง และจงั หวัดพังงา
มลู นธิ อิ ีสต์ ฟอรั่ม
โทรศพั ท์ : 086-837-3846 อเี มล : [email protected], [email protected]
ผู้ให้ข้อมูล : นางสาวศจี กองสุวรรณ เจ้าหน้าท่ีโครงการ นางสาวเยาว์ ยุทธชนะ ส�ำนักงานส่ิงแวดล้อมภาคที่ 15 (ภูเก็ต)
นายนกุ ลู ทองสขุ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ คลองนาคา นางสาวผณติ า ศรฟี า้ ครโู รงเรยี นกะเปอรว์ ทิ ยา นายสนุ ทร ศรหี ะรญั รองนายก
องค์การบริหารสว่ นต�ำบลนาคา นายเทิดธรรม รามแก้ว ก�ำนนั ตำ� บลนาคา นายอมั รนิ ทร์ ประสมพล ประธานเครอื ข่ายอนุรักษ์
พลับพลึงธารระนอง-พังงา และกรรมการชุมชนทอ่ งเทย่ี วบ้านไรใ่ น

132 จุดประกาย
ขยายองคค์ วามรู้ สูช่ ุมชนย่งั ยืน

จัดทำ� โดย
กองบรหิ ารกองทนุ สงิ่ แวดล้อม
ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
อาคารทปิ โก้ 2 ชน้ั ท่ี 16 เลขท่ี 118/1 ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์/โทรสาร: 02 265 6600 E-mail: [email protected]
Facebook: กองทนุ สิง่ แวดลอ้ ม สผ., Website: http://envfund.onep.go.th/

กองทุนสิง่ แวดล้อม กองทนุ ส่งิ แวดล้อม


Click to View FlipBook Version