The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-13 05:36:22

คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

สารบัญ

เร่ือง หนา้
คำนำ.............................................................................................................................................ก
สารบญั .........................................................................................................................................ข
คำแนะนำสำหรบั ครู.....................................................................................................................ง
คำแนะนำสำหรบั นักเรยี น............................................................................................................จ
คำในภาษาไทยทีน่ ำมาใชจ้ ากภาษาต่างประเทศ..........................................................................๑
ตวั ชวี้ ดั .........................................................................................................................................๑
แผนผงั สาระการเรยี นรู้................................................................................................................๑
สาระสำคัญ..................................................................................................................................๑
คำภาษาตา่ งประเทศทีน่ ำมาใช้ในภาษาไทย.................................................................................๒
ลกั ษณะคำที่มาจากภาษาอังกฤษ.................................................................................................๓

• หลกั การสังเกตคำทมี่ าจากภาษาอังกฤษ..........................................................................๓
• ตัวอยา่ งคำทมี่ าจากภาษาอังกฤษ.....................................................................................๑๑
ลักษณะคำที่มาจากภาษาจนี ........................................................................................................๑๒

• หลักการสงั เกตคำที่มาจากภาษาจนี ................................................................................๑๒
• ตัวอยา่ งคำทีม่ าจากภาษาจีน...........................................................................................๑๖
ลักษณะคำที่มาจากภาษาเขมร....................................................................................................๑๗

• หลกั การสงั เกตคำทมี่ าจากภาษาเขมร............................................................................๑๗
• ตวั อยา่ งคำท่ีมาจากภาษาเขมร.......................................................................................๓๔

สารบัญ

เรื่อง หนา้
ลกั ษณะคำทมี่ าจากภาษาบาล.ี ....................................................................................................๓๕

• หลักการสังเกตคำทมี่ าจากภาษาบาล.ี .............................................................................๓๕
• ตัวอย่างคำที่มาจากภาษาบาล.ี ........................................................................................๔๑
ลักษณะคำที่มาจากภาษาสนั สกฤต..............................................................................................๔๒

• หลักการสังเกตคำทม่ี าจากภาษาสนั สกฤต.......................................................................๔๒
• ตวั อย่างคำท่มี าจากภาษาสนั สกฤต..................................................................................๕๐

คำนำ

บทเรียนสำเร็จรูปชดุ พฒั นาทกั ษะการอา่ นออกเขยี นได้ เรื่อง คำยมื ภาษาต่างประเทศใน
ภาษาไทยเลม่ น้ี จดั ทำขึ้นสำหรบั ใช้เสรมิ ทกั ษะการอา่ นออกเขียนได้ ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖
โดยแบง่ เน้ือหาออกเป็น ๓ ส่วน คอื เนอ้ื หา แบบฝึกหดั และแบบเฉลย ซ่ึงมสี อื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ CAI
ประกอบมีเน้ือหาสาระสำคญั และผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวงั ตามมาตรฐานการเรียนรู้ กล่มุ สาระการ
เรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ตรงตามหลกั สูตรสถานศึกษา และหลกั สูตร
แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานพุทธศกั ราช พ.ศ.๒๕๕๑

บทเรยี นสำเรจ็ รูปเล่มน้ีผู้เรยี นสามารถศึกษาไดด้ ้วยตนเอง และจะเกดิ ประโยชนเ์ ป็นอยา่ ง
มากถา้ ครูผู้สอนคอยใหค้ ำแนะนำ และคำปรึกษาแก่ผู้เรียน ในกรณีที่ผูเ้ รยี นมีข้อสงสยั เกี่ยวกบั
บทเรียน

ผู้จดั ทำหวังเป็นอย่างย่งิ ว่าบทเรยี นสำเรจ็ รูปเล่มนี้ จะเป็นประโยชนต์ ่อการจัดการเรียนรู้
และเป็นส่วนสำคญั ในการพัฒนาทกั ษะการอา่ นออกเขียนได้ เร่ือง คำยืมภาษาต่างประเทศใน
ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ให้ไดผ้ ลดยี ง่ิ ขึน้ และ
ขอขอบพระคณุ ผทู้ เ่ี กีย่ วข้องทุกท่าน ท่ีใหค้ ำแนะนำ และคำปรึกษาด้วยดเี สมอมา

คณะผู้จัดทำ

คำแนะนำสำหรบั ครู

๑.จดั กิจกรรมการเรียนการสอน โดยใชบ้ ทเรียนสำเร็จรูปควบคกู่ ับแผนการจัดการเรียนรู้
๒.ประเมนิ ความรู้ของนักเรยี นโดยการต้ังคำถามเพอ่ื ให้นกั เรียนแสดงความคิด
๓.ใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิ โดยมีครูคอยให้คำแนะนำอยา่ งใกลช้ ดิ
๔.ใช้เปน็ สือ่ การเรยี นสำหรบั ครู
๕.ใช้เปน็ แบบเรียนที่ใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ และซอ่ มเสรมิ ความรู้ดว้ ยตนเอง

คำแนะนำในการเรียน

บทเรียนสำเร็จรูป การอา่ น และการเขียนสะกดคำทม่ี าจากภาษาตา่ งประเทศ ชนั้
ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เพือ่ การนำเนือ้ หา และแบบฝกึ ทักษะนไี้ ปใช้ให้เป็นประโยชน์

นักเรียนควรปฏิบัตติ ามขน้ั ตอน ดังน้ี

๑.นกั เรียนอ่านคำช้แี จงให้เขา้ ใจ

๒.ทำกจิ กรรมไปตามลำดับ และปฏบัตกิ ิจกรรมตามคำสัง่ ทลี ะขน้ั ตอน คือ ศึกษาบทเรียนสำเรจ็ รูป
ทำแบบฝึกเสรมิ ทกั ษะ ตรวจคำตอบจากเฉลย

๓.แบบฝึกเสรมิ ทักษะไมใ่ ชข่ อ้ สอบ แตเ่ ป็นสว่ นหน่งึ ของการเรียนรู้ หากมขี ้อสงสัยในการใช้
บทเรยี นสำเร็จรูปใหถ้ ามครูผูส้ อนทันที

๔.การศกึ ษาบทเรยี นสำเร็จรูปเล่มนจ้ี ะไม่บรรลุผล ถ้าหากนกั เรียนขาดความซื่อสัตยใ์ นการปฏบิ ตั ิ
กิจกรรม

๕.หากนกั เรยี นเรียนไมท่ นั ไม่เขา้ ใจหรือทำกจิ กรรมไม่ผ่านเกณฑ์ ใหไ้ ปศึกษาเพ่มิ เตมิ นอกเวลา
เรยี น เพ่อื ให้เขา้ ใจมากยิ่งข้ึน

คำในภาษาไทยท่นี ำมาใช้จากภาษาตา่ งประเทศ

ตัวช้ีวดั
อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง (ท ๑.๑ ป.๖/๑)
อธิบายความหมายของคำ ประโยค และข้อความทเี่ ป็นโวหาร (ท ๑.๑ ป.๖/๒)

แผนผงั สาระการเรียนรู้

ลกั ษณะคำท่ีมาจากภาษาเขมร ลกั ษณะคำทีม่ าจากภาษาอังกฤษ

คำในภาษาไทยที่นำมาใชจ้ าก
ภาษาต่างประเทศ

ลกั ษณะคำที่มาจากภาษาบาลี - สนั สกฤต ลกั ษณะคำท่มี าจากภาษาจีน

สาระสำคญั

การรลู้ กั ษณะของคำ และความหมายของคำภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย ทำให้อา่ น
เขียน และเข้าใจข้อความต่าง ๆ ได้ถกู ต้อง ชัดเจนยิ่งข้ึน

คำภาษาต่างประเทศท่นี ำมาใชใ้ นภาษาไทย

คำภาษาตา่ งประเทศท่นี ำมาใชใ้ นภาษาไทย มจี ำนวนมากซึง่ เกิดขึ้นเมอ่ื ไรไม่มีใครทราบ
แน่ชดั อาจเกิดขน้ึ ในภาษาพดู กอ่ นภาษาเขียนในภาษาไทยมีภาษาเขียนทีป่ รากฏเป็นหลักฐานชิน้
แรกในสมัยสโุ ขทยั คอื ภาษาทีใ่ ช้ในหลกั ศิลาจารกึ ของพอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราชเปน็ คำยืมภาษา
เขมร และคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤต นอกจากนีย้ งั มีคำยืมภาษาจนี อังกฤษ เป็นตน้ ซึง่ ปรากฏใน
เอกสารต่าง ๆ ภาษาเหลา่ นี้ไดเ้ ข้ามาในภาษาไทยในหลายรูปแบบ ทง้ั การรบั วัฒนธรรม ศาสนา
การค้าหรอื ธรุ กิจ การติดต่อสมั พนั ธ์ดา้ นการเมือง การทตู การปกครอง และสภาพภมู ิศาสตร์ ทม่ี ี
พนื้ ท่ีอาณาเขตตดิ ต่อกัน อกี ประการหน่งึ ท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อการยมื ภาษาคือ ความเจรญิ ทางดา้ น
วทิ ยาการ และเทคโนโลยีตา่ ง ๆ จากประเทศทางตะวัตตก เปน็ ผลให้มกี ารยมื ภาษาองั กฤษมาใช้
เปน็ จำนวนมาก

ลกั ษณะคำท่ีมาจากภาษาองั กฤษ

หลกั การสังเกตคำท่ีมาจากภาษาองั กฤษ ดงั น้ี

๑.ลากเสียง และความหมายเขา้ หาเสียงท่ีตนค้นุ เคย เช่น

• COURT SHOES คัตชู
แจกแจงคำได้วา่ (คอ+อะ+ตอ) – (ชอ+อ)ู
อา่ นวา่ คัด-ชู

• UNIFORM ยนู ิฟอร์ม
แจกแจงคำได้วา่ (ยอ+อู) – (นอ+อ)ิ – (ฟอ+ออ+รอ+ทณั ฑฆาต+มอ)
อา่ นว่า ย-ู นิ-ฟอม

• CROTON โกสน
แจกแจงคำได้ว่า (กอ+โอ) – (สอ+โอะ+นอ)
อา่ นวา่ โก-สน

• BRADLEY ปลัดเล
แจกแจงคำไดว้ า่ (ปลอ+อะ+ดอ) – (ลอ+เอ)
อา่ นว่า ปลดั -เล

• COFFEE กาแฟ
แจกแจงคำได้ว่า (กอ+อา) – (ฟอ+แอ)
อ่านว่า กา-แฟ

• LEMONADE นำ้ มะเนด็
แจกแจงคำได้วา่ (นอ+อำ+ไมโ้ ท) – (มอ+อะ) – (นอ+เอะ+ดอ)
อ่านว่า นำ้ -มะ-เน็ด

๒.การเปลี่ยนเสยี ง และคำให้สะกดในการออกเสยี งภาษาไทย เชน่

• ENGLAD อังกฤษ
แจกแจงคำไดว้ ่า (ออ+อะ+งอ) – (กอ+ฤ+ษอ)
อา่ นว่า องั -กดิ

• BOAT เรือบด
แจกแจงคำได้ว่า (รอ+เออื ) – (บอ-โอะ+ดอ)
อ่านวา่ เรือ-บด

• STATISTIC สถิติ
แจกแจงคำได้ว่า (สอ+อะ) – (ถอ+อิ) – (ตอ+อ)ิ
อา่ นวา่ สะ-ถิ-ติ

• COOK กุ๊ก
แจกแจงคำได้วา่ (กอ+อ+ุ กด+ไมต้ ร)ี
อ่านวา่ กกุ๊

๓.การทับศพั ทภ์ าษาอังกฤษในภาษาไทย เช่น

• SHIRT เช้ิต
แจกแจงคำไดว้ า่ (ชอ+เออ+ตอ+ไมโ้ ท)
อ่านวา่ เชิ้ด

• SUIT สูท
แจกแจงคำได้ว่า (สอ+อู+ทอ)
อ่านว่า สดู

• BONUS โบนัส
แจกแจงคำไดว้ า่ (บอ+โอ) – (นอ+อะ+สอ)
อา่ นวา่ โบ-นดั

• LIPSTICK ลปิ สติก
แจกแจงคำไดว้ ่า (ลอ+อ+ิ ปอ) – (สอ+อะ) – (ตอ+อ+ิ กอ)
อ่านวา่ ลิบ-สะ-ตกิ

• PUMP ปม๊ั
แจกแจงคำได้ว่า (ปอ+อะ+มอ+ไม้ตร)ี
อา่ นวา่ ปมั๊

• TEAM ทมี
แจกแจงคำไดว้ ่า (ทอ+อ+ี มอ)
อ่านวา่ ทีม

• CARROT แครท
แจกแจงคำไดว้ า่ (คอ+แอ) – (รอ+ออ+ทอ)
อ่านวา่ แค-รอด

• COMPUTER คอมพิวเตอร์
แจกแจงคำได้ว่า (คอ+ออ+มอ) – (พอ+อ+ิ วอ) – (ตอ+เออ+รอ+ทัณฑฆาต)
อา่ นวา่ คอม-พวิ -เตอ้

• TELEPHONE โทรศพั ท์
แจกแจงคำไดว้ า่ (ทอ+โอ) – (รอ+อะ) – (ศอ+อะ+พอ+ทอ+ทัณฑฆาต)
อา่ นวา่ โท-ระ-สบั

๔.การบญั ญัตศิ ัพท์ข้นึ ใช้ในวงการตา่ ง ๆ เช่น

• REVOLUTION ปฏิวัติ
แจกแจงคำได้วา่ (ปอ+อะ+) – (ฏอ+อ)ิ – (วอ+อะ+ตอ+อ)ิ
อา่ นว่า ปะ-ต-ิ วดั

• EXPERIENCE ประสบการณ์
แจกแจงคำได้วา่ (ปอ+รอ+อะ) – (สอ+โอะ+บอ) – (กอ+อา+รอ+ณอ+ทัณฑฆาต)
อ่านวา่ ประ-สบ-กาน

• REFORM ปฏริ ูป
แจกแจงคำได้ว่า (ปอ+อะ) – (ฏอ-อิ) – (รอ+อู+ปอ)
อา่ นได้วา่ ปะ-ต-ิ รูบ

• TELEVISION โทรทศั น์
แจกแจงคำไดว้ ่า (ทอ+โอ) – (รอ+อะ) – (ทอ+อะ+ศอ+นอ+ทณั ฑฆาต)
อ่านไดว้ ่า โท-ระ-ทดั

• CLUB สโมสร
แจกแจงคำไดว้ ่า (สอ+อะ) – (มอ+โอ) – (สอ+ออ+รอ)
อา่ นวา่ สะ-โม-สอน

• DISCOUNT สว่ นลด
แจกแจงคำได้ว่า (สอ+อวั +นอ+ไมเ้ อก) – (ลอ+โอะ+ดอ)
อ่านว่า สว่ น-ลด

๕.การตดั คำ หมายความว่า คำภาษาอังกฤษมหี ลายพยางค์ไทยนำมาใชโ้ ดยการตดั พยางค์
ออกทำให้คำสนั้ ลง แต่ยงั ไดค้ วามหมายเหมือนเดมิ เช่น

• KILOMETRE กโิ ล
แจกแจงคำไดว้ ่า (กอ+อ)ิ – (ลอ+โอ)
อ่านว่า กิ-โล

• DOUBLE เบ้ลิ
แจกแจงคำไดว้ ่า (บอ+เออ+ลอ+ไมโ้ ท)
อา่ นวา่ เบ้นิ

• FOOTBALL ฟุตบอล
แจกแจงคำไดว้ ่า (ฟอ+อ+ุ ตอ) – (บอ+ออ+ลอ)
อา่ นวา่ ฟุด-บอน

• MICROPHONE ไมค์
แจกแจงคำได้วา่ (มอ+ไอ+คอ+ทัณฑฆาต)
อา่ นว่า ไม

• PSYCHOLOGY ไซโค
แจกแจงคำได้ว่า (ซอ+ไอ) – (คอ+โอ)
อ่านวา่ ไซ-โค

โควตา ปล๊ัก โน้ต นอี อน คุกกี้ กราฟ เคก้

เรคาร์ ไมค์ เชค็ ชอล์ก ริบบ้ิน แท็กซี่

เซอลล์ คลินิก วคั ซีน เบนซิน

หลักการสังเกตคำทมี่ าจากภาษาจนี ดังน้ี

๑.มักมพี ยางค์เดยี ว เช่น

• ห้าง อา่ นว่า (หา้ ง)
แจกแจงคำไดว้ ่า หอ+อา+งอ+ไม้โท

• เก๊ียว อ่านวา่ (เก๊ียว)
แจกแจงคำได้ว่า กอ+เอยี +วอ+ไม้ตรี

• ตว๋ั อ่านว่า (ตวั๋ )
แจกแจงคำได้วา่ ตอ+อวั +ไมจ้ ัตวา

• แซ่ อ่านวา่ (แส้)
แจกแจงคำไดว้ ่า ซอ+แอ+ไมเ้ อก

• เจยี๋ น อ่านว่า (เจ๋ยี น)
แจกแจงคำได้ว่า จอ+เอยี +นอ+ไมจ้ ัตวา

• เกง๋ อ่านว่า (เก๋ง)
แจกแจงคำได้ว่า กอ+เอ+งอ+ไม้จตั วา

• โจก๊ อ่านว่า (โจก๊ )
แจกแจงคำได้วา่ จอ+โอ+กอ+ไม้ตรี

• ตุ๋น อ่านว่า (ตุ๋น)
แจกแจงคำได้วา่ ตอ+อุ+นอ+ไมจ้ ตั วา

• ปุย๋ อ่านว่า(ปยุ๋ )
แจกแจงคำไดว้ ่า ปอ+อุ+ยอ+ไมจ้ ัตวา

• งิ้ว อา่ นว่า (งิว้ )
แจกแจงคำได้วา่ งอ+อ+ิ วอ+ไมโ้ ท

๒.คำส่วนใหญ่มรี ปู วรรณยุกต์ เช่น

• กว๋ ยเตีย๋ ว อ่านว่า(ก๋วย-เต๋ียว)
แจกแจงคำไดว้ ่า กอ+อัว+ยอ+ไม้จตั วา - ตอ+เอีย+วอ+ไมจ้ ตั วา

• กวยจี๊ อา่ นว่า (กวย-จ)๊ี
แจกแจงคำได้วา่ กอ+อัว+ยอ

• เตา้ เจ้ียว อ่านว่า (เต้า-เจี้ยว)
แจกแจงคำได้ว่า ตอ+เอา+ไม้โท - จอ+เอีย+วอ+ไม้โท

• เต้าหูย้ ี้ อ่านว่า (เตา้ -หู้-ย้)ี
แจกแจงคำได้วา่ ตอ+เอา+ไมโ้ ท - หอ+อ+ู ไม้โท – ยอ-อี-ไมโ้ ท

• เต้าส่วน อ่านวา่ (เตา้ -ส่วน)
แจกแจงคำได้ว่า ตอ+เอา+ไมโ้ ทร - สอ+อวั +นอ+ไมเ้ อก

• แป๊ะซะ อ่านว่า (แปะ๊ -ซะ)
แจกแจงคำได้วา่ ปอ+แอะ+ไม้ตรี - ซอ+อะ

• แชบ๊วย อ่านว่า (แช-บว๊ ย)
แจกแจงคำได้ว่า ชอ+แอ - บอ+อัว+ยอ+ไมต้ รี

• เปาะเป๊ียะ อา่ นว่า (เปาะ-เป๊ียะ)
แจกแจงคำได้วา่ ปอ+เอาะ – ปอ+เอียะ+ไม้ตรี

• เปา๋ ฮ้ือ อ่านวา่ (เปา๋ -ฮื้อ)
แจงแจงคำได้ว่า ปอ+เอา+ไมจ้ ตั วา – ฮอ+ออื +ไม้โท

• ซีอว๊ิ อา่ นว่า (ซี-อิว๊ )
แจกแจงคำไดว้ า่ ซอ+อี - ออ+อิ+วอ+ไม้ตรี

เกาลัด โจก๊ เก๋ง หมกึ โปะ๊ กยุ ชา่ ย

ขิม เฉากว๊ ย แชบ๊วย เซยี มซี ซีอิ๊ว ตะหลิว

ไตฝ้ ุน่ บะหมี่ ล้นิ จ่ี โป๊ยเซียน เปา๋ ฮื้อ โอเล้ียง

ลกั ษณะคำท่ีมาจากภาษาเขมร

หลักการสงั เกตคำทม่ี าจากภาษาเขมร ดังนี้

๑.มกั เปน็ คำทีม่ พี ยญั ชนะควบกลำ้ เปน็ พยัญชนะตน้ เชน่

• ปราม อ่านว่า (ปราบ)
แจกแจงคำไดว้ ่า ปอ+รอ+อา+บอ

• ตรง อา่ นว่า (ตรง)
แจกแจงคำได้ว่า ตอ+รอ+โอะ+งอ

• เพลา อ่านว่า (เพลา)
แจกแจงคำไดว้ า่ พอ+ลอ+เอา

• ทรวง อ่านว่า (ซวง)
แจกแจงคำไดว้ ่า ทอ+รอ+อวั +งอ

• กราบ อ่านวา่ (กราบ)
แจกแจงคำได้ว่า กอ+รอ+อา+บอ

• กริว้ อ่านวา่ (กรว้ิ )
แจกแจงคำได้ว่า กอ+รอ+อิ+วอ+ไมโ้ ท

• ทรง อา่ นวา่ (ซง)
แจกแจงคำได้ว่า ทอ+รอ+โอะ+งอ

• โปรด อ่านวา่ (โปรด)
แจกแจงคำได้ว่า ปอ+รอ+โอ+ดอ

• เพลงิ อ่านว่า (เพลงิ )
• แจกแจงคำได้วา่ พอ+ลอ+เออ+งอ
• ไพร อ่านว่า (ไพร)

แจกแจงคำได้วา่ พอ+รอ+ไอ

๒.มกั เป็นคำที่มีอักษรนำ เชน่

• จมกู อ่านว่า (จะ-หมกู )
แจกแจงคำไดว้ า่ จอ+อะ - หอ+มอ+อู+กอ

• เสวย อ่านว่า (สะ-เหวย)
แจกแจงคำไดว้ า่ สอ+อะ - หอ+วอ+เออ+ยอ

• จรวด อ่านว่า (จะ-หรวด)
แจกแจงคำได้ว่า จอ+อะ - หอ+รอ+อัว+ดอ

• สนาม อา่ นวา่ (สะ-หนาม)
แจกแจงคำได้ว่า สอ+อ - หอ+นอ+อา+มอ

• ขนุน อ่านวา่ (ขะ-หนนุ )
แจกแจงคำได้ว่า ขอ+อะ - หอ+นอ+อุ-นอ

• ฉนวน อ่านว่า (ฉะ-หนวน)
แจกแจงคำได้วา่ ฉอ+อะ – หอ+นอ+อัว+นอ

• เฉนยี น อ่านว่า (ฉะ-เหนียน)
แจกแจงคำได้วา่ ฉอ+อะ – หอ+นอ+เอยี +นอ

• ขมงั อา่ นวา่ (ขะหมัง)
แจกแจงคำได้ว่า ฉอ+อะ - หอ+นอ+เอีย+นอ

• ถนน อา่ นวา่ (ถะ-หนน)
แจกแจงคำไดว้ า่ ถอ+อะ - หอ+นอ+โอะ+นอ

• เขมา่ อา่ นวา่ (ขะเหมา่ )
แจกแจงคำได้วา่ ขอ+อะ - หอ+มอ+เอา+ไมเ้ อก

๓.มกั ใช้ตวั จ ร ล ญ ส เป็นตวั สะกด เชน่

• เผด็จ อ่านว่า (ผะ-เดด็ )
แจกแจงคำไดว้ า่ ผอ+อะ - ดอ+เอะ+จอ

• ขจร อา่ นว่า (ขะ-จอน)
แจกแจงคำได้ว่า ขอ+อะ - จอ+ออ+รอ

• ทลู อา่ นว่า (ทนู )
แจกแจงคำได้วา่ ทอ+อู+ลอ

• เจรญิ อ่านว่า (จะ-เริน)
แจกแจงคำได้ว่า จอ+อะ - รอ+เออ+ญอ

• เผชญิ อา่ นว่า (ผะ-เชนิ )
แจกแจงคำได้วา่ ผอ+อะ - ชอ+เออ+ญอ

• ตรสั อา่ นว่า (ตรดั )
แจกแจงคำไดว้ า่ ตอ+รอ+เอ+สอ

• เสรจ็ อ่านวา่ (เสด็ )
แจกแจงคำไดว้ ่า สด+รอ+เอะ+จอ

• ตรวจ อ่านว่า (ตรวด)
แจกแจงคำได้วา่ ตอ+รอ+อวั +จอ

• กบาล อ่านวา่ (กะ-บาน)
แจกแจงคำได้ว่า กอ+อะ - บอ+อา+ลอ

• กังวล อา่ นวา่ (กัง-วน)
แจกแจงคำได้ว่า กอ+อะ+งอ - วอ+โอะ+ลอ

๔.มกั แผลงคำได้ เชน่

แผลงเปน็ อำ

• เกตา แผลงเปน็ กำเดา อ่านวา่ กำ-เดา
แจกแจงคำไดว้ า่ กอ+อำ - ดอ+เอา

• ขลงั แผลงเป็น กำลงั อ่านวา่ กำ-ลัง
แจกแจงคำไดว้ า่ กอ+อำ - ลอ+อะ+งอ

• จง แผลงเปน็ จำนง อา่ นว่า จำ-นง
แจกแจงคำไดว้ ่า จอ+อำ - นอ+โอะ+งอ

• แหง แผลงเป็น กำแพง อ่านว่า กำ-แพง
แจกแจงคำได้วา่ กอ+อำ - หอ+แอ+งอ

• อวย แผลงเปน็ อำนวย อ่านวา่ อำ-นวย
แจกแจงคำได้ว่า ออ+อำ - นอ+อัว+ยอ

• เถกิง แผลงเป็น ดำเกิง อา่ นวา่ ดำ-เกิง
แจกแจงคำได้ว่า ดอ+อำ - กอ+เออ+งอ

• ถกล แผลงเปน็ ดำกล อา่ นวา่ ดำ-กน
แจกแจงคำไดว้ า่ ดอ+อำ - กอ+โอะ+ลอ

• อาจ แผลงเปน็ อำนาจ อ่านวา่ อำ-นาด
แจกแจงคำไดว้ า่ ออ+อำ – นอ+อา+จอ

แผลงเป็น บัง

• เผชิญ แผลงเป็น บังเอญิ อา่ นวา่ บัง-เอิน
แจกแจงคำไดว้ ่า บอ+อะ+งอ - ออ+เออ+ญอ

• ควร แผลงเป็น บงั ควร อ่านวา่ บัง-ควน
แจกแจงคำไดว้ ่า บอ+อะ+งอ - คอ+โอะ+มอ

• คม แผลงเปน็ บงั คม อ่านว่า บัง-คม
แจกแจงคำได้วา่ บอ+อะ+งอ – คอ+โอะ+มอ

• เกิด แผลงเป็น บงั เกดิ อ่านว่า บัง-เกดิ
แจกแจงคำได้วา่ บอ+อะ+งอ - กอ+เออ+ดอ

• คับ แผลงเปน็ บงั คบั อ่านวา่ บงั -คบั
แจกแจงคำไดว้ ่า บอ+อะ+งอ - คอ+อะ+บอ

แผลงเป็น บำ

• ปราศ แผลงเปน็ บำราศ อ่านวา่ บำ-หราด
แจกแจงคำไดว้ า่ บอ+อำ - รอ+อา+ศอ

• เพญ็ แผลงเป็น บำเพ็ญ อ่านว่า บำ-เพน็
แจกแจงคำไดว้ ่า บอ+อำ - พอ+เอะ+ญอ

• เปรอ แผลงเปน็ บำเรอ อ่านวา่ บำ-เรอ
แจกแจงคำได้ว่า บอ+อำ - รอ+เออ

• บัด แผลงเป็น บำบดั อ่านว่า บำ-บดั
แจกแจงคำไดว้ า่ บอ+อำ - บอ+อะ+ดอ

• ปรุง แผลงเปน็ บำรงุ อา่ นวา่ บำ-รุง
แจกแจงคำไดว้ า่ บอ+อำ - รอ+อ+ุ งอ

แผลงเปน็ บัน

• เหิน แผลงเป็น บันเหิน อ่านวา่ บนั -เหนิ
แจกแจงคำได้ว่า บอ+อะ-นอ - หอ+เออ+นอ

• เดิน แผลงเปน็ บันเดิน อ่านว่า บัน-เดนิ
แจกแจงคำได้วา่ บอ+อะ+อ-นอ - ดอ+เออ+นอ

• ลอื แผลงเป็น บันลอื อา่ นว่า บัน-ลอื
แจกแจงคำได้วา่ บอ+อะ+นอ - ลอ+ออื

• โดย แผลงเป็น บันโดย อ่านวา่ บัน-โดย
แจกแจงคำได้ว่า บอ+อะ+นอ - ดอ+โอ+ยอ

• ตาล แปลงเป็น บันดาล อ่านวา่ บัน-ดาน
แจกแจงคำได้วา่ บอ+อะ+นอ - ดอ+อา+ลอ

แผลง ผ- เปน็ ประ,บรร

• ผจง แผลงเปน็ ประจง อ่านวา่ ประ-จง
แจกแจงคำไดว้ ่า ปอ+รอ+อะ - จอ+โอะ+งอ หรอื บรรจง อ่านว่า บนั -จง แจกแจง
คำได้ว่า บอ+รร - จอ+โอะ+งอ

• ผทม แผลงเป็น ประทม อ่านว่า ประ-ทม
แจกแจงคำไดว้ ่า ปอ+รอ+อะ - ทอ+โอะ+มอ หรอื บรรทม อ่านว่า บัน-ทม แจก
แจงคำไดว้ ่า บอ+รร - ทอ+โอะ+มอ

• ผสม แผลงเปน็ ประสม อ่านว่า ประ-สม
แจกแจงคำได้ว่า ปอ+รอ+อะ - สอ+โอะ+มอ หรอื บรรสม อ่านวา่ บนั -สม แจก
แจงคำได้ว่า บอ+รร - สอ+โอะ+มอ

แผลง ข- เปน็ กระ

• ขจาย แผลงเปน็ กระจาย อ่านว่า กระ-จาย
แจกแจงคำไดว้ า่ กอ+รอ+อะ - จอ+อา+ยอ

• ขจอก แผลงเปน็ กระจอก อา่ นว่า กระ-จอก
แจกแจงคำได้ว่า กอ+รอ+อะ – จอ+ออ+กอ

• แขส แผลงเป็น กระแส อ่านว่า กระ-แส
แจกแจงคำไดว้ ่า กอ+รอ+อะ - สอ+แอ

• ขทง แผลงเป็น กระทง อ่านวา่ กระ-ทง
แจกแจงคำได้ว่า กอ+รอ+อะ - ทอ+โอะ+งอ

• ขดาน แผลงเปน็ กระดาน อ่านว่า กระ-ดาน
แจกแจงคำได้ว่า กอ+รอ+อะ - ดอ+อา+นอ

แผลงเป็น ข-เปน็ กระ

• ขจัด แผลงเปน็ กระจดั อา่ นว่า กระ-จดั
แจกแจงคำไดว้ ่า กอ+รอ+อะ - จอ+อะ+ดอ

• ขม่อม แผลงเปน็ กระหม่อม อา่ นว่า กระหมอ่ ม
แจกแจงคำไดว้ ่า กอ+รอ+อะ - หมอ+ออ+มอ+ไมเ้ อก

• ขโดง แผลงเป็น กระโดง อ่านวา่ กระ-โดง
แจกแจงคำไดว้ า่ กอ+รอ+อะ - ดอ+โอ+งอ

• เขทย แผลงเป็น กระเทย อา่ นวา่ กระ-เทย
แจกแจงคำไดว้ า่ กอ+รอ+อะ - ทอ+เออ+ยอ

คำนบั ชำนาญ ขจี ทวาร เผชญิ สลา ขจร

ผกา ขนง เสวย

ลกั ษณะคำที่มาจากภาษาบาลี
คำทมี่ าจากภาษาบาลี มลี ักษณะดงั นี้
๑.มีพยัญชนะ ๓๓ ตวั (พยัญชนะวรรค) ไดแ้ ก่
กขคฆง
จ ฉ ช ฌญ
ฏ ฐ ฑฒณ
ตถ ทธ น
ปผพภม
ย ร ล ว ส ห ฬ อํ

๒.สงั เกตจากสระ สระในภาษาบาลมี ี ๘ ตวั คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ เชน่

• กริ ยิ า อ่านวา่ กิ-ริ-ยา
แจกแจงคำได้วา่ กอ+อิ - รอ+อิ - ยอ+อา

• เขฬะ อ่านวา่ เข-ระ
แจกแจงคำได้วา่ ขอ+เอ - ฬอ+อะ

• ขันติ อา่ นวา่ ขนั -ติ
แจกแจงคำไดว้ า่ ขอ+อะ+นอ - ตอ+อิ

• สาระ อา่ นวา่ สา-ระ
แจกแจงคำได้วา่ สอ+อา - รอ+อะ

• อรยิ ะ อา่ นว่า อะ-ริ-ยะ
แจกแจงงคำได้ว่า ออ+อะ - รอ+อิ - ยอ+อะ

• อิสี อ่านว่า อิ-สี
แจกแจงคำไดว้ ่า ออ+อิ - สอ+อี

๓.สังเกตจ่กพยัญชนะ ฬ จะมีใชใ้ นภาษาบาลีเท่านน้ั เช่น ก

• จุฬา อ่านว่า จุ-ลา
แจกแจงคำไดส้ า่ จอ+อุ – ฬอ+อา

• วฬิ าร์ อ่านว่า วิ-ลา
แจกแจงคำได้วา่ วอ+อิ - ฬอ+อา+รอ+ทัณฑฆาต

• โอฬาร อา่ นว่า โอ-ลาน
แจกแจงคำได้ว่า ออ+โอ - ฬอ+อา+รอ

๔.ไม่นยิ มควบกลำ้ และอกั ษรนำ เช่น

• มัจฉา อ่านว่า มดั -ฉา
แจกแจงคำได้ว่า มอ+อะ+จอ - ฉ+อา

• ปทุม อ่านว่า ปะ-ทุม
แจกแจงคำได้ว่า ปอ+รอ+อะ – ทอ+อุ+มอ

• ถวาร อ่านวา่ ถา-วาน
แจกแจงคำได้ว่า ถอ+อา - วอ+ออ+รอ

• ปฐม อ่านวา่ ประ-ถม
แจกแจงคำไดว้ า่ ปอ+รอ+อะ - ฐอ+โอะ+มอ

• สามี อ่านว่า สา-มี
แจกแจงคำได้วา่ สอ+อา – มอ+อี

• ฐาน อ่านวา่ ถาน
แจกแจงคำไดว้ ่า ฐอ+อา+นอ

๕.สงั เกตจากท่นี ิยมใช้ “ริ” เชน่

• ภรยิ า อ่านวา่ พ-ริ-ยา
แจกแจงคำไดว้ า่ ภอ+อะ - รอ+อิ - ยอ+อา

• จรยิ า อ่านว่า จะ-ริ-ยา
แจกแจงคำได้วา่ จอ+อะ - รอ+อิ – ยอ+อา

• ดรุ ยิ ะ อา่ นวา่ ดุ-ร-ิ ยะ
แจกแจงคำได้วา่ ดอ+อุ - รอ+อิ - ยอ+อะ

• วริ ยิ ะ อ่านว่า วิ-ริ-ยะ
แจกแจงคำได้ว่า วอ+อิ - รอ+อิ - ยอ+อะ

๖.นยิ มใช้ ณ นำหน้า ห เช่น

• กัณหา อ่านว่า กัน-หา
แจกแจงคำได้ว่า กอ+อะ+ณอ - หอ+อา

• ตณั หา อา่ นว่า ตนั -หา
แจกแจงคำได้ว่า ตอ+อะ+ณอ - หอ+อา

ทัพ กเิ ลส ญาติ นิพพาน เจดีย์ ปฏิทนิ
คารา พยัคฆ์
บัลลังก์ บุปผา ปญั ญา นาฬกิ า

ปญั หา ภิกขุ เมตตา

ลกั ษณะคำทีม่ าจากภาษาสนั สกฤต
คำที่มาจากภาษาสันสกฤต มีลกั ษณะดงั นี้
๑.พยัญชนะสันสกฤต มี ๓๕ ตัว คือ พยัญชนะบาลี ๓๓ ตวั เพิ่มอีก ๒ ตวั คือ ศ,ษ
กขคฆง
จ ฉ ช ฌญ
ฏ ฐ ฑฒณ
ตถ ทธ น
ปผพภม
ย ร ล ว ส ห ฬ อํ
ศษ

๒.สังเกตจากตวั ศ,ษ มักจะเปน็ ภาษาสนั สกฤต เช่น
• ศึกษา อ่านว่า สกึ -สา
แจกแจงคำได้ว่า ศอ+อ+ึ กอ - ษอ+อา
• เกษยี ร อา่ นว่า กะ-เสยี น
แจกแจงคำไดว้ า่ กอ+อะ – ษอ+เอีย+รอ
• พฤกษ์ อ่านวา่ พรึก
แจกแจงคำไดว้ า่ พฤ+อ+ึ กอ+ษอ+ทณั ฑาต
• อภิเษก อา่ นวา่ อะ-พิ-เสก
แจกแจงคำได้วา่ ออ+อะ - ภอ+อิ - ษอ+เอ+กอ
• อวกาศ อ่านว่า อะ-วะ-กาด
แจกแจงคำไดว้ า่ ออ+อะ - วอ+อะ - กอ+อา+ศอ
• ศลิ ปะ อ่านว่า สนิ -ละ-ปะ

แจกแจงคำไดว้ ่า ศอ+อ+ิ ลอ - ลอ+อะ - ปอ+อะ

๓.ตัวสะกดตวั ตามจะอยู่ขา้ มวรรคกันไดไ้ มก่ ำหนดตายตวั เชน่

• อัปสร อ่านว่า อับ-สอน
แจกแจงคำได้วา่ ออ+อะ+ปอ - สอ+ออ+รอ

• อักษร อ่านว่า อัก-สอน
แจกแจงคำไดว้ า่ ออ+อะ+กอ - ษอ+ออ+รอ

• เกสร อ่านว่า กะ-เสด
แจกแจงคำได้วา่ กอ+อะ – ษอ+เอ+ตอ+รอ

• กษัย อา่ นวา่ กะ-สยั
แจกแจงคำไดว้ ่า กอ+อะ - ษอ+ไอ+ยอ

๔.สระในภาษาสนั สกฤตมเี พ่ิมจากภาษาบาลีอกี ๖ ตวั คือ ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา รวมเป็น ๑๔ ตัว
เช่น

• เคารพ อา่ นว่า เครา-รบ
แจกแจงคำได้ว่า คอ+รอ+เอา - รอ+โอะ+พอ

• ไปรษณีย์ อา่ นวา่ ไปร-สะ-นี
แจกแจงคำไดว้ า่ ปอ+รอ+ไอ – ษอ+อะ - ณอ+อ+ี ยอ+ทณั ฑฆาต

• ไมตรี อ่านว่า ไม-ตรี
แจกแจงคำได้ว่า มอ+ไอ - ตอ+รอ+อี

• ไพศาล อ่านว่า ไพ-สาน
แจกแจงคำได้ว่า พอ+ไอ – ศอ+อา+ลอ

• เมาลี อ่านว่า เมา-ลี
แจกแจงคำไดว้ ่า มอ+เอา - ลอ+อี

๕.นิยมควบกล้ำ และอักษรนำ เช่น

• สตรี อ่านว่า สะ-ตรี
แจกแจงคำไดว้ ่า สอ+อะ - ตอ+รอ+อี

• บตุ ร อ่านว่า บุด
แจกแจงคำไดว้ า่ บอ+อุ+ตอ+รอ

• สมคั ร อ่านวา่ สะ-หมัก
แจกแจงคำได้ว่า สอ+อะ – หมอ+อะ+คอ+รอ

• ประชา อา่ นว่า ประ-ชา
แจกแจงคำได้ว่า ปอ+รอ+อะ - ชอ+อา

• สถาน อา่ นว่า สะ-ถาน
แจกแจวคำไดว้ ่า สอ+อะ - ถอ+อา+นอ

• สวามี อ่านว่า สะ-หวา-มี
แจกแจงคำได้ว่า สอ+อะ - หอ+วอ+อา - มอ+อี

๖.นิยมใชพ้ ยญิ ชนะ ฑ เชน่

• จฑุ า อ่านว่า จุ-ทา
แจกแจงคำไดว้ า่ จอ+อุ – ฑอ+อา

• กรฑี า อ่านว่า กรี-ทา
แจกแจงคำได้วา่ กอ+รอ+อี – ฑอ+อา

• ครุฑ อ่านวา่ ครุด
แจกแจงคำได้วา่ คอ+รอ+อ+ุ ฑอ

• บีฑา อ่านวา่ บี-ทา
แจกแจงคำไดว้ ่า บอ+อี - ฑอ+อะ

๗.สังเกตจากคำที่มคี ำวา่ “เคราะห์” เชน่

• พเิ คราะห์ อ่านวา่ พิ-เคราะ
แจกแจงคำไดว้ ่า พอ+อิ - คอ+รอ+เอาะ+หอ+ทณั ฑฆาต
อนเุ คราะห์ อ่านวา่ อะ-น-ุ เคราะ
แจกแจงคำได้ว่า ออ+อะ - นอ+อุ - คอ+รอ+เอาะ+หอ+ทณั ฑฆาต

สงั เคราะห์ อ่านวา่ สัง-เคราะ
แจกแจงคำได้ว่า สอ+อะ+งอ - คอ+รอ+เอาะ+หอ+ทณั ฑฆาต

๘.สงั เกตจากคำท่มี ี “รร” เชน่ วิทยา
อัคร
• มรรยาท อ่านวา่ มนั -ยาด
แจกแจงคำไดว้ ่า มอ+รร - ยอ+อา+ทอ
ภรรยา อ่านว่า พัน-ยา
แจกแจงคำได้ว่า ภอ+รร - ยอ+อา
ธรรม อ่านวา่ ทำ
แจกแจงคำไดว้ ่า ธอ+รร+มอ
มรรค อา่ นว่า มัก
แจกแจงคำไดว้ ่า มอ+รร+คอ
วรรณ อา่ นว่า วัน
แจกแจงคำได้วา่ วอ+รร+ณอ
บรรยากาศ อ่านว่า บนั -ยา-กาด
แจกแจงคำได้วา่ บอ+รร - ยอ+อา - กอ+อา+ศอ

ฤดู สถิต ตฤณ อัคณี
ฤทธิ์ แพทย์ พฤกษ์ ปรัชญา
สัตย์ สถาน

การรับคำภาษาต่างประเทศมาใช้น้ัน ไทยเรามีวิธอี อกเสียงให้เป็นแบบไทย ไมว่ า่ จะเป็น บาลี
สันสกฤต เขมร พมา่ ลาว จีน ชวา มลายู องั กฤษ ฝร่ังเศส โปรตุเกส หรอื อาหรับ การยมื คำ
ภาษาต่างประเทศมาใชใ้ นภาษาไทยทำใหภ้ าษามคี วามเจรญิ งอกงามและมีคำใช้มากขน้ึ ลักษณะ
เช่นนเี้ ป็นเร่ืองธรรมดาของทกุ ภาษาในโลก

ภาษาบาลี และสนั สกฤต

ภาษาบาลี และสนั สกฤต มขี อ้ แตกตา่ งหลายประการ เช่น

- สระ ภาษาบาลมี สี ระ 8 เสียง คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ส่วนภาษาสันสกฤตมีสระ 14 เสียง คือ
อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา

- พยญั ชนะ ภาษาบาลีมีพยัญชนะ 33 เสียง ส่วนภาษาสนั สกฤตมีพยญั ชนะ 35 เสียง (ตวั อกั ษร ศ
และ ษ ไม่มใี นบาลี)

- พยัญชนะควบกลำ้ ภาษาบาลไี มน่ ิยมควบกล้ำ แต่ภาษาสันสกฤตนิยมคำควบกล้ำ เช่น

คำบาลี คำสนั สกฤต

กีฬา กรีฑา
กิเลส เกลศ
เขต เกษตร
ขตั ตยิ ะ กษัตรยิ ์
จกั จกั ร
เขม เกษม
จกั ขุ จกั ษุ
ปณตี ประณีต
ภัททะ ภทั ร
ภกิ ขุ ภกิ ษุ
นิพพาน นิรวาณ

สตั ตุ ศตั รู
- พยัญชนะ ฬ และ ฑ ภาษาบาลนี ิยมใช้ ฬ ส่วนภาษาสนั สกฤตนยิ มใช้ ฑ เชน่

คำบาลี คำสันสกฤต

กฬี า กรฑี า

จฬุ า จุฑา

ครฬุ ครุฑ

เวฬุรยิ ะ ไพฑูรย์

- ภาษาสันสกฤต นิยมใช้ “รร” ส่วนภาษาบาลไี มใ่ ช้ “รร” ตวั อย่างภาษาสันสกฤตทใ่ี ช้ “รร” เช่น
กรรม กรรณ ครรภ์ จรรยา ดรรชนี ธรรม

การยมื คำจากภาษาเขมร

คำยืมจากภาษาเขมรทน่ี ำมาใช้ในภาษาไทย มีลกั ษณะ ดงั ตอ่ ไปนี้

- มกั ใช้เป็นคำราชาศพั ท์ เช่น เสวย เขนย ถวาย ขนง โปรด ตรัส

- คำเขมรที่ใช้ในคำสามญั ท่วั ไป เช่น กระบอื กระบาล (กบาล) โตนด โขมด จมกู เสนียด เพนยี ด
ตำบล ถนน จงั หวดั ทำเนียบ ลำเนา ชุมนุม ชมรม ฯลฯ

- คำเขมรที่เปน็ คำโดดคล้ายกบั ภาษาไทย จนเราเองลมื ไป คิดวา่ เปน็ คำไทยเพราะความใกล้ชิด ใช้
กันมาตั้งแตก่ ่อนเราเกิด แตม่ ีทสี่ งั เกตได้ว่าเปน็ คำเขมร ต้องแปลความหมายก่อนจึงจะเขา้ ใจ เชน่
แข (ดวงจันทร)์ บาย (ข้าว) เมลิ (มอง) ศก (ผม) ฯลฯ

ข้อสังเกตคำทีม่ าจากภาษาเขมร
1. คำเขมรนิยมใช้เสียงพยัญชนะควบกล้ำ ร ล ว เชน่ กระบือ ไกร ขลัง

2. คำเขมรนิยมใช้คำเติมหนา้ เพื่อให้เกิดคำใหม่ เช่น บัง – กำบงั , จง – บรรจง, ดาล – บนั ดาล,
เพญ็ – บำเพ็ญ, ชุม – ประชุม, รวม – สำรวม เปน็ ตน้
3. คำเขมรนยิ มใชค้ ำเตมิ ตรงกลางเพ่ือใหเ้ กดิ คำใหม่ เชน่ กราบ (อำ) – กำราบ, เกิด (อำ-น) –
กำเนิด, แข็ง (อำ-ห) – กำแหง, บวช (น) – ผนวช, เรยี บ (อะ-บ) – ระเบยี บ, โลภ (อะ-ม) –
ละโมบ เป็นตน้
4. คำเขมรนยิ มสะกดไมต่ รงมาตรา เชน่ แม่กด ใช้ จ ส สะกด เช่น ตรวจ เสดจ็ ตรัส จรัส สว่ นแม่
กน ใช้ ญ ร ล สะกด เชน่ เจริญ ขจร สมควร ถกล เปน็ ตน้

ภาษาจนี ที่มใี ช้ในภาษาไทย
ภาษาพื้นถิ่นเดมิ ของไทยมลี กั ษณะเรยี บง่าย เป็นคำโดด และมกี ารผันเสียงวรรณยุกต์ จัดอยู่ใน
กลมุ่ ตระกลู ภาษาไท ซ่งึ ใชก้ นั ในภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ และแถบตอนใต้ของจีน หากไม่
นับการดดั แปลงอกั ษรขึ้นใช้เอง ตามระบบผสมคำแบบบาลแี ละสนั สกฤตแลว้ ภาษาไทยเดิมมี
ความใกลช้ ิดกบั ภาษาจีนมากกวา่
อยา่ งไรก็ดี ตง้ั แต่สมัยกรงุ สโุ ขทยั ชาวจนี เข้ามาค้าขาย แลกเปล่ียนศิลปะ รวมถึงย้ายมาต้ังถิ่นฐาน
ในสยาม จึงเล่ียงไม่ไดท้ ี่ภาษาจีนจะเขา้ มาปะปนกบั ภาษาไทย จนมคี ำศัพทจ์ ากภาษาจีนที่เราใช้กนั
จนติดปากและ ยากท่ีจะหาคำอื่นมาแปลได้

หลกั การสงั เกตคำภาษาไทยที่มาจากภาษาจนี
- เปน็ ช่ืออาหารการกนิ เช่น กว๋ ยเต๋ยี ว เตา้ ทึง แป๊ะซะ เฉาก๊วย จับฉ่าย เปน็ ต้น
- เป็นคำทีเ่ กยี่ วกับสิ่งของเคร่อื งใช้ทีเ่ รารบั มาจากชาวจีน เช่น ตะหลวิ ตึก เกา้ อี้ เกง๋ ฮวงซุย้
- เป็นคำที่เก่ียวกบั การค้า เช่น เจ๊ง หุ้น ห้าง โสหุ้ย เป็นต้น
- เปน็ คำทีใ่ ช้วรรณยุกตต์ รี จตั วา เป็นส่วนมาก เช่น กว๋ ยจ๊ับ กุย๊ เก๊ เก๊ก ก๋ง ตุ๋น เป็นต้น

คำท่ีมาจากภาษาองั กฤษ

คนไทยได้ศกึ ษาภาษาองั กฤษเปน็ ภาษาทีส่ องมาเป็นเวลานาน จากการตดิ ตอ่ ค้าขาย และการทตู
จนภาษาองั กฤษเขา้ มามอี ิทธพิ ลตอ่ ชีวิตของคนไทยมากขน้ึ ท้ังในด้านการพูด และการเขียนสือ่ สาร
ในชวี ิตประจำวนั โดยเฉพาะในปจั จบุ นั คนไทยศกึ ษาความรู้และวิทยาการตา่ งๆ จากตำรา
ภาษาอังกฤษ และสนใจเรียนร้ภู าษาอังกฤษกนั มากขน้ึ คำยืมจากภาษาองั กฤษจงึ หลงั่ ไหลเขา้ มา
ในภาษาไทยมากขน้ึ ทกุ ขณะ ท้งั ในวงการศกึ ษา ธรุ กิจ การเมือง การบนั เทงิ เป็นตน้

อยา่ งไรก็ตาม เรารับภาษาองั กฤษมาใชใ้ นรูปแบบของการทับศพั ท์เท่าน้ัน การทับศพั ทห์ มายถึง
การถา่ ยเสียง และถอดตวั อกั ษรเปน็ ภาษาไทย

ตัวอย่างคำทับศพั ท์จากภาษาองั กฤษทม่ี ใี ชใ้ นภาษาไทย

กราฟ การ์ตูน กลโู คส กัปตนั แกส๊ ก๊กุ เกียร์ แก๊ง แกลลอน คริสตม์ าส ไดนาโม ไดโนเสาร์ ครีม
คลอรนี คอนกรีต คลนิ กิ คอนเสริ ์ต คอมพิวเตอร์ คุกกี้ เคเบลิ เครดิต แคปซูล เคาน์เตอร์ แคลอรี
โควตา ชอลก์ ช็อกโกเลต เชค็ เชติ้ เชียร์ โชว์ ซีเมนต์ เซลล์ ไซเรน ดีเซล ดอลลาร์ ดเี ปรสชนั
เตน็ ท์ ทอนซลิ เทอม แทก็ ซี่ แทรกเตอร์ นิโคตนิ นวิ เคลยี ร์ นีออน นวิ เคลียส โนต้ ไนลอน บล็อก
เบนซีน แบคทีเรยี ปลก๊ั ปิกนกิ เปอร์เซ็นต์ พลาสตกิ พีระมดิ ฟลอู อรนี ฟอร์มาลีน ฟงั กช์ ัน ฟาร์ม
ฟสิ กิ ส์ มอเตอร์ มมั มี่ มาเลเรีย โมเลกลุ ไมล์ ไมโครโฟน ไมโครเวฟ ยิปซมั ยีราฟ รบิ บน้ิ เรดาร์
ลกิ ไนต์ ลิปสติก เลเซอร์ วัคซนี วิตามิน ไวโอลนิ

คำยมื จากภาษาเขมร

เขมรเปน็ ชาตทิ ม่ี คี วามสมั พันธม์ านานทัง้ ทางการคา้ การสงคราม การเมอื งและ
วฒั นธรรม เขมรมอี ทิ ธพิ ลเหนือดนิ แดนสวุ รรณภมู ิก่อนกรงุ สโุ ขทัยหลายรอ้ ยปจี ากการมี
อาณาเขตติดต่อกนั ทาํ ใหภ้ าษาเขมรเข้ามาปะปนกับภาษาไทยตัง้ แต่สมัยโบราณ ภาษาถ่นิ
เขมรก็คล้ายคลงึ กับภาษาพูดของชาวอีสานใต้ของไทย

ลักษณะคำเขมรในภาษาไทย

๑. คําที่มาจากภาษาเขมรสว่ นมากมาจากสะกดด้วย จ ญ ร ล เช่น เผด็จ ,บําเพญ็ ,กาํ ธร,ถกล
ตรสั

๒. ต้องแปลความหมายจึงจะเขา้ ใจ ใชม้ ากในบทร้อยกรอง

๓. เม่ือมาใช้ในภาษาไทย ข แผลงกระ เชน่ ข จาย-กระจาย,ขโดง -กระโดง

๔. นิยมใช้อกั ษรนาํ แบบออกเสียงตัวนาํ โดยพยางคต์ ้นออกเสยี ง อะ ก่งึ เสียง พยางค์หลังออก
เสียงตามสระ

ท่ีผสมอยู่ เชน่ สนกุ ,สนาน, เสดจ็ ถนน,เฉลยี ว

๕. คําเขมรส่วนมากใช้เป็นราชาศพั ท์ เ ชน่ เสวย,บรรทม,เสดจ็ ,โปรด

ตวั อย่างคำยมื จากภาษาเขมรท่ใี ช้บอ่ ย

กฎ กรง(กฺรง) กรม(กฺ
รม) กรรไตร กรวด(กฺรวด)

กระ กระฉดู กระชับ
กระชบั กระเชอ

กระเดียด กระโดง กระโถน

กระทรวง(กระ-ซวง) กระทอ่ ม

กระบอง กระบอื กระเพาะ
กระแส กงั วล

กาํ จัด กําเดา กําธร
กําแพง ขจร(ขะจอน)

คำยืมจากภาษาจีน

ไทยและจีนเป็นมิตรประเทศทต่ี ิดต่อเจรญิ สมั พนั ธไมตรอี ีกทง้ั ยังมกี ารคา้ ขาย
แลกเปลยี่ นสินคา้ และวัฒนธรรมอันดงี ามกันมาช้านานรวมท้ังศลิ ปะ สถาปัตยกรรมต่างๆ
ดว้ ย ชาวจนี ทเ่ี ข้ามาคา้ ขายตลอดจนตง้ั ถิ่นฐานอยใู่ นประเทศไทยเปน็ จาํ นวนมาก ปัจจุบันคน
ไทยเช้อื สายจนี ก็เพ่มิ พนู ขึ้นมากมาย ภาษาจีนจงึ เข้ามาสู่ไทยโดยทางเช้ือสาย นอกจากน้ี
ภาษาจีนและภาษาไทยยงั มีลักษณะที่คลา้ ยคลึงกนั จึงทําให้คาํ ภาษาจนี เข้ามาปะปนอย่ใู น
ภาษาไทยจนแทบแยกกันไม่ออก

ลกั ษณะคำภาษาจีน

ภาษาจีนมีลักษณะคล้ายคลงึ กับภาษาไทยมาก คอื เป็นภาษาคําโดดและมีเสยี ง
วรรณยุกต์ใช้ เชน่ เดยี วกัน เมอื่ นําคาํ ภาษาจนี มาใชใ้ นภาษาไทยซ่งึ มีวรรณยุกต์และสระ
ประสมใชจ้ ึงทาํ ใหส้ ามารถออกเสยี งวรรณยกุ ต์และสระตามภาษาจนี ได้อย่างง่ายดาย คํา
ภาษาจีนยงั มีคาํ ที่บอกเพศในตวั เช่นเดยี วกับภาษาไทยอีกด้วย เชน่ เฮีย(พ่ชี าย), ซ้อ(พี่สะใภ)้ , เจ๊
(พส่ี าว), นอกจากน้ีการสะกดคําภาษาจนี ในภาษาไทยยงั ใชต้ ัวสะกดตรงตามมาตราตวั สะกด
ทัง้ ๘ มาตรา

กก๊ ตวั อยา่ งคำยมื จากภาษาจีน
กงไฉ่
กงเตก๊ พวก หมู่ เหลา่ ประเทศ
กงสี ผักกาดเคม็ ชนดิ หน่งึ ของจนี
กวยจ๊บั การทำบุญให้แก่ผู้ตายตามพิธขี องนักบวชในพุทธศาสนาแหง่ นกิ ายจีน และญวน
กงั ฉนิ ของกลาง ของทใี่ ช้รวมกันสำหรบั คนหม่หู น่งึ ๆ ห้นุ ส่วน บริษัท บริษัททำการคา้
กุยช่าย ชอ่ื อาหารชนิดหนง่ึ ทำดว้ ยแป้งทใ่ี ช้ทำเสน้ ก๋วยเตี๋ยว แตห่ น่ั เปน็ ชน้ิ ใหญๆ่
กยุ เฮง ทรยศ คดโกง อำมาตย์ทรยศ
เก๊ก ชื่อขนมชนิดหน่งึ
เกาลดั เส้ือนอกแบบจนี
เกาเหลา ขับไล่
เกาเหลียง เมลด็ ผลไม้ชนดิ หนงึ่
เกยี้ มอ๋ี แกงมลี ักษณะอย่างแกงจืด
โก๋ ชอ่ื เหล้าจีนชนดิ หนง่ึ
ขากว๊ ย ชอ่ื อาหารชนดิ หน่ึง คู่กับกว๋ ยเตยี๋ วทำดว้ ยแปง้ ขา้ วเจา้
ข้นึ ฉา่ ย ช่ือขนมอยา่ งหน่ึงของจีน
จบั กัง กางเกงจีนขาสนั้
จบั เจี๋ยว ผกั ชนดิ หน่ึงรสฉุน
จับฉ่าย งานกุลี คนทำงานกลุ ี
จบั ย่ีกี หมอ้ ดนิ เลก็ ๆ มีพวย สำหรับตม้ นำ้
เจีย๋ น ชอ่ื แกงจนี ทใ่ี ส่ผักหลายอย่างของตา่ งๆ ทปี่ ะปนกันไปไม่เปน็ สำหรับ ไม่เป็นชุด
จีนเต็ง การเลน่ พนันชนิดหนึง่ ของจีน
จีนแส ชื่อกบั ข้าวชนดิ หนึ่ง มีปลาทอด ทอดแล้วปรงุ ด้วยเครื่องต่างๆ
เฉาก๊วย หัวหน้าคนงานท่ีเป็นคนจีน
เซ้ง หมอ ครู
เซยี น ชือ่ ขนมชนิดหนงึ่
รับชว่ งโดยเสียเงินให้เพอื่ ถือสทิ ธใิ นโรงรา้ น เป็นต้น
ผู้วิเศษ ผู้สำเร็จ

คำยืมจากภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาสากลทแ่ี พร่หลาย สามารถใช้สอ่ื สารไดท้ ว่ั โลก การท่ีไทย
ติดต่อคา้ ขายกับอังกฤษมาชา้ นาน

จนสมยั ร.๓ ไทยเรม่ิ มกี ารยมื คําจากภาษาองั กฤษมาใช้ในลักษณะการออกเสียงแบบไทยๆ
ตลอดจนเจ้านายและขา้ ราชการทไ่ี ด้

ศึกษาภาษาอังกฤษและมิชชนั นารกี เ็ ขา้ มาเผยแพรศ่ าสนาครสิ ตท์ าํ ใหภ้ าษาอังกฤษเขา้ มามบี ทบาท
ในภาษาไทยมากขึ้น ร.๔ ทรงเห็นประโยชนข์ องการศกึ ษาภาษาอังกฤษมากด้วย

ตัวอย่างคำภาษาอังกฤษ

คำศัพท์ ภาษาอังกฤษ ความหมาย
กงสลุ
consul เจ้าพนักงานผูม้ หี นา้ ท่ดี แู ลผลประโยชนแ์ ละคนในสงั คมใน
กรอส
กรัม ตา่ งประเทศ
กราฟ
gross จำนวนนบั เทา่ กบั ๑๒ โหล
กลโู คส
กอ๊ ก gramme หนว่ ยวดั น้ำหนักระบบเมตริก
กอ๊ ซ
ก๊อบปี้ graph แผนภูมิทใี่ ชเ้ ส้น, จดุ หรอื ภาพเพื่อแสดงความเปล่ยี นแปลงหรอื
กปั ตนั
ก๊าซ,แกส๊ เปรียบเทียบ
การต์ ูน
เกม glucose น้ำตาลชนิดหนึ่ง
เกาต์
เกีย, เกียร์ cock เครื่องปดิ เปดิ นำ้ จากทอ่ หรือภาชนะ

gauze ผ้าโปรง่ บางใชพ้ ันแผล

copy กระดาษทใี่ ช้ทำสำเนา, การทำซ้ำ

captain นายเรอื

gas อากาศธาตุ

gartoon ภาพลอ้ , ภาพตลก

game การแขง่ ขัน

gout ชอ่ื โรคชนดิ หนงึ่ เกิดขนึ้ เพราะมกี รดยูรกิ ในเลอื ดมากเกินไป

gear สว่ นหนึง่ ของรถยนต์ หรอื รถจกั รยานยนต์ ทำหน้าท่ที ดรอบ

แก๊ง gang กล่มุ ทีต่ ั้งขึน้ เปน็ กก๊ เปน็ เหล่า (มกั ใชใ้ นความหมายทีไ่ ม่ดี)
แกป๊ cap ชอื่ หมวกชนิดหนึง่ มีกระบังหน้า
ไกด์ guide มคั คเุ ทศก์
คลอโรฟิลล์ chlorophyll สารประกอบทมี่ ีธาตุคลอรีนผสมอยูด่ ว้ ย
คลตั ซ์ clutch อปุ กรณ์ทำหน้าทส่ี ่งพลงั งานถ่ายทอดไปยงั เกียร์
คลนิ ิก clinic สถานรักษาพยาบาลของเอกชน
คอร์รัปชนั corruption ฉ้อราษฎรบ์ ังหลวง
คอเลสเทอรอล cholesterol สารสขี าวพบในไขมันสัตว์ เลือด เป็นต้น

ผงั มโนทศั นส์ าระการเรียนรู้

คำไทยแท้

คำไทยแท้ คือ คำภาษาไทยดง้ั เดมิ มีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. เปน็ คำพยางคเ์ ดยี วทม่ี ีความหมายสมบูรณ์
๒. ใช้ตัวสะกดตรงตามมาตรา
๓. ใช้วรรณยกุ ตเ์ พื่อเปลย่ี นความหมายของคำ
๔. คำลกั ษณนามอยู่หลังคำบอกจำนวนนับ
๕. คำขยายอย่หู ลงั คำทถี่ ูกขยาย
๖. ไม่นิยมใช้ตัวการนั ต์และคำควบกล้ำ
๗. ไม่ใช้พยัญชนะ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ ยกเวน้ บางคำ
๘. ซำ้ คำเพื่อให้ความหมายตา่ งกัน
๙. คำทใี่ ช้สระใอไมม้ ้วน ๒๐ คำ และสระไอไมม้ ลายบางคำ

คำยืมภาษาตา่ งประเทศ

๑. คำยืมภาษาบาลีและสันสกฤต
มักใช้เฉพาะคำศพั ทท์ างศาสนาและวรรณคดี โดยคำยมื ภาษาบาลแี ละสนั สกฤตมีลกั ษณะดงั น้ี

๑. เปน็ คำหลายพยางค์
๒. ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
๓. นยิ มใชต้ ัวการนั ต์
๔. ประสมด้วยพยญั ชนะ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ
๕. เปน็ คำทมี่ ีพยัญชนะสะกด ๒ ตัว แตอ่ อกเสยี งเพยี งตัวเดยี ว
การอ่านคำยมื ภาษาบาลสี ันสกฤต มีหลักดงั น้ี
๑. ไมอ่ อกเสียงสระทก่ี ำกับอยูท่ ีต่ ัวสะกด
๒. คำหลายพยางค์ ต้องออกเสยี งพยัญชนะท้ายของพยางค์แรก

๒. คำยมื ภาษาเขมร
ไทยกบั เขมรมีการยืมคำมาใช้ต้ังแต่สมยั โบราณ โดยคำยืมภาษาเขมรมีลกั ษณะดงั นี้

๑. มักข้นึ ตน้ ดว้ ย บัง บัน บำ และ บรร
๒. มักขน้ึ ตน้ ดว้ ยเสียงสระ อำ
การอ่านคำยมื ภาษาเขมร มหี ลกั ดงั น้ี

๑. ออกเสยี งตามรูปคำ
๒. ออกเสียงพยางคท์ ี่ ๒ เหมือนมี ห นำ

๓. คำยืมภาษาจีน
ไทยยมื คำภาษาจนี มาใชผ้ ่านทางการค้าขายตง้ั แตส่ มยั โบราณ โดยคำยมื ภาษาจีนมีลักษณะดงั น้ี

๑. เป็นคำพยางค์เดยี ว
๒. ใช้เสยี งวรรณยุกต์แยกความหมายของคำ
การอา่ นคำยมื ภาษาจนี มีหลักดังน้ี
๑. ออกเสยี งให้ใกล้เคียงกับภาษาเดิม
๒. ปรับการออกเสยี งให้เหมาะสมกับการออกเสียงของคนไทย

๔. คำยมื ภาษาอังกฤษ
ในสมยั กรุงศรอี ยุธยา ไทยติดตอ่ คา้ ขายกับอังกฤษจงึ รบั คำภาษาอังกฤษเข้ามาใชเ้ รยี กเทคโนโลยี
ตา่ ง ๆ โดยลกั ษณะการนำคำภาษาองั กฤษมาใชใ้ นภาษาไทยมดี งั น้ี

๑. ใช้คำทบั ศพั ท์ คือ การออกเสยี งเหมือนคำภาษาเดมิ โดยตรง เพราะยังไม่มคี ำภาษาไทยใช้
๒. ใชค้ ำไทยทีบ่ ัญญัตขิ นึ้ แทนคำภาษาองั กฤษ
๓. ใชท้ งั้ คำภาษาอังกฤษเดมิ และศัพทบ์ ัญญตั ิ แบง่ เป็น ๒ กรณี ดังนี้

๑) มคี ำภาษาไทยใช้แล้ว แต่นยิ มใชท้ งั้ ๒ ภาษา
๒) มคี ำภาษาไทยใช้แลว้ แต่นยิ มใชค้ ำภาษาองั กฤษเพราะความคนุ้ เคย
๔. ใช้คำไทยแทรกเขา้ ไป
นอกจากนไ้ี ทยเรายังยมื คำภาษาอนื่ ๆ มาใชอ้ ีกหลายภาษา เช่น ภาษาชวา ทมิฬ เปอร์เซีย
โปรตุเกส พมา่

สาเหตกุ ารยมื ของภาษาไทย

มาเรมิ่ กนั ทจ่ี ุดเรมิ่ ตน้ หรือสาเหตุทที่ ำไมคนไทยจึงตอ้ งหยบิ ยมื คำจากภาษาต่างประเทศมาใช้ กอ่ น
อน่ื เราต้องเข้าใจบริบทของประเทศไทยในอดตี ที่มกี ารตดิ ต่อสมั พนั ธก์ ับประเทศตา่ ง ๆ เพ่อื การคา้
ขาย และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม คนไทยจึงจำเปน็ ต้องเรียนรภู้ าษาทหี่ ลากหลายเพ่อื ใช้ในการ
สรา้ งสมั พนั ธไมตรีกับประเทศท้ังทีม่ พี ื้นทตี่ ดิ ต่อกับเรา หรือประเทศทเ่ี ราต้องการจะทำการค้าดว้ ย
เปน็ การติดต่อสัมพันธ์ทางการฑตู นอกจากน้ีกย็ งั มคี วามสมั พนั ธ์ในดา้ นศาสนา สงั คม ภาษา
ศลิ ปะ และวัฒนธรรมซงึ่ เกดิ ขน้ึ จากการเผยแพร่ของชาวต่างชาตทิ ีเ่ ขา้ มาในประเทศไทย หรอื การ
ส่งคนไทยออกไปศึกษายังต่างประเทศแลว้ กลับมาเผยแพร่ให้คนไทยด้วยกันเอง ด้วยเหตุนท้ี ำใหค้ ำ
จากภาษาตา่ งประเทศเริม่ ขยายตวั เขา้ มา และมีอิทธิพลตอ่ การใชภ้ าษาไทยของคนไทยมากขนึ้ ด้วย
โดยภาษาต่างประเทศทเี่ ราจะพบเห็นไดบ้ ่อย ๆ คือ ภาษาองั กฤษ เขมร จนี ชวา มลายู เวยี ดนาม
ญี่ปุ่น เปอร์เซยี โปรตเุ กส ฝร่งั เศส พมา่ มอญ บาลี และสนั สกฤต

อทิ ธพิ ลจากการยืมคำภาษาต่างประเทศ
ดว้ ยสาเหตตุ า่ ง ๆ ท่ที ำใหภ้ าษาตา่ งประเทศเรม่ิ ขยับขยายเข้ามาปะปนกบั ภาษาไทยทำให้เกดิ
ความเปล่ียนแปลงในดา้ นของคำศพท์ทม่ี กี ารขยายกวา้ งข้ึน ทำให้เกดิ คำไวพจน์ หรือคำทีม่ ี
ความหมายเหมอื นกนั กับคำของไทยบางคำ แตร่ ปู คำนนั้ อาจนำมาจากภาษาอน่ื และทำใหค้ นไทย
เริ่มมวี ฒั นธรรมการใช้คำทับศัพท์ หรือคำศพั ท์ใหม่ ๆ มากขึน้ ดว้ ย ซง่ึ เพอ่ื ใหน้ อ้ ง ๆ เข้าใจมากข้ึน
เดยี๋ ววันน้ีเราจะพาทุกคนมาดูว่าในภาษาไทยมคี ำอะไรบา้ งท่ีมาจากภาษาต่างประเทศ

ตัวอยา่ งคำจากภาษาตา่ งประเทศทใี่ ชใ้ นภาษาไทย
หลงั จากท่เี ราได้เรียนเกยี่ วกับความเป็นมา หรือวา่ อิทธิพลของภาษาต่างประเทศท่มี ผี ลตอ่ คำศพั ท์
ในภาษาไทยแลว้ เร่จะมาดตู ัวอย่างคำจากภาษาตา่ งประเทศที่ภาษาไทยเรานำมาใชจ้ นแทบจะไมม่ ี
ใครสังเกตเลยวา่ คำนี้เปน็ คำที่มาจากภาษาอืน่ มาดกู นั ว่ามคี ำท่ีมาจากภาษาอะไรบา้ ง

ตัวอย่างคำภาษาองั กฤษ
สำหรับภาษาอังกฤษถอื ว่าเปน็ อกี ภาษาท่ีเข้ามามอี ทิ ธิพลกับภาษาไทยมาก ๆ โดยสว่ นใหญ่คนไทย
จะใชค้ ำทบั ศพั ทจ์ ากภาษาองั กฤษจนแทบจะหาคำไทยมาทดแทนไมไ่ ด้ อย่างการเรียกเครือ่ งใช้
หรือสิง่ ของท่ีนำเข้ามา หรือเปน็ นวัตกรรมจากต่างประเทศ อาทิ คอมพวิ เตอร์ รโี มต สวิตซ์ รวมถึง
ชอ่ื อาหาร กฬี า หรอื วัฒนธรรม การใชช้ ีวติ บางอย่างทค่ี นไทยได้รับมาอีกที และจะใช้ลกั ษณะของ
การถ่ายโอนเสยี งในภาษาองั กฤษมาเทยี บเคียงกบั เสียงในภาษาไทย
ตวั อย่างคำภาษาจนี
ภาษาจนี เริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับภาษาไทยนบั ต้งั แต่ทบ่ี า้ นเมอื งเราเร่มิ ทำการคา้ ขายกบั จีน เรารับ
วัฒนธรรมการกินอยู่ ขา้ วของเคร่อื งใช้ของประเทศจีนมาค่อนข้างมาก คำภาษาจนี บางคำจึงได้รบั
การบัญญัตใิ นพจนานุกรมของไทยให้เราไดใ้ ช้กันมาจนถึงปจั จบุ ัน โดยคำในภาษาจนี นั้นมกั มเี สยี ง
วรรณยกุ ต์ตรี หรือจตั วา หรอื มกั จะเปน็ คำทม่ี สี ระประสมอยา่ งสระเอยี ะ อัวะ แต่บางคำทคี่ นไทย
นำมาใชจ้ นกลมกลนื ไปกบั เสียงในภาษาไทยก็อาจจะทำใหก้ ารออกเสียงเปลย่ี นจากในภาษาจนี ไป
บ้าง เชน่ ล้นิ จ่ี ที่มาจากคำวา่ ลจี ี ในภาษาจีน หรือคำว่า กงสี ทีม่ าจากคำว่า กงซี ในภาษาจีน

ตัวอยา่ งคำภาษาญปี่ นุ่
ในส่วนของคำศพั ท์ภาษาญี่ปุน่ เรามักจะได้รบั อทิ ธพิ ลเขา้ มาจากวัฒนธรรมการกินอยา่ งชอื่ ของ
อาหาร หรอื วัตถุดบิ บางอย่าง เชน่ ซชุ ิ สุก้ี ชาบู รวมไปถึงช่ือกฬี าบางประเภท เชน่ ซโู ม่ ยูโด
คาราเต้ โดยส่วนใหญแ่ ล้วจะเปน็ คำที่ไมม่ ีตัวสะกด

ตวั อยา่ งคำภาษาเขมร
ภาษาไทยได้รบั อทิ ธิพลจากภาษาเขมรคอ่ นขา้ งมากสว่ นใหญเ่ ราจะพบภาษาเขมรในคำราชาศัพท์
หรือคำไวพจนข์ องไทย ซงึ่ ภาษาเขมรจะมีลักษณะพิเศษสามารถแผลงคำได้ เช่น ตรวจ แผลงเปน็
ตำรวจ เกดิ แผลงเป็น กำเนิด เดนิ แผลงเป็น ดำเนนิ หรือชาญ แผลงเป็น ชำนาญ เป็นตน้
ภาษาไทยมีคำยืมมาจากภาษาตา่ งประเทศหลายภาษา เชน่ ภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต
ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเขมร ภาษาชวา ภาษาละตนิ เปน็ ต้น

1.

2.ภาษาบาลมี พี ยญั ชนะ ๓๓ ตวั แบง่ ตามฐานทเ่ี กดิ ไดด้ ังนี้

ก. พยญั ชนะวรรคมี ๒๕ ตัว ไดแ้ ก่
ข. เศษวรรคมี 8 ตวั ย ร ล ว ส ห ฬํ °
3.ภาษาบาลีไมม่ ี ศ ษ
4.คำทุกคำในภาษาบาลจี ะตอ้ งมตี ัวสะกดและตัวตาม เชน่ วฑั ฒนา ฑ เป็นตวั สะกด ฒ เปน็
ตวั ตามตวั สะกดและตวั ตามในภาษาบาลีจะเปน็ ไปตามกฎดังนี้

ก. พยญั ชนะวรรคท่เี ป็นตัวสะกดได้ คือ ตัวที่ 1 3 5
ข. ในวรรคเดียวกันถ้าพยัญชนะตวั ที่ 1 สะกด ตวั ท่ี 1 2 ตามได้
ค. ในวรรคเดยี วกนั ถ้าพยญั ชนะตัวที่ 3 สะกด ตวั ที่ 3 4 ตามได้
ง. ในวรรคเดยี วกันถา้ พยญั ชนะตวั ที่ 5 สะกด พยญั ชนะทุกตวั ในวรรคเดียวกนั ตามได้
ตัวอย่าง

ตวั ที่ 1 สะกด ตวั ที่ 1 ตาม เช่น สักกะ
ตวั ที่ 1 สะกด ตวั ที่ 2 ตาม เชน่ ทกุ ข์
ตัวที่ 3 สะกด ตวั ท่ี 3 ตาม เช่น อคั คี
ตัวท่ี 3 สะกด ตัวท่ี 4 ตาม เชน่ พยคั ฆ์
ตวั ท่ี 5 สะกด ตามไดท้ ุกตวั เชน่ องก์ สงั ข์ สงฆ์ สญั ญา
ขอ้ สังเกต คำบาลีบางคำมตี วั สะกดไม่มีตวั ตาม เพราะเดิมมตี วั สะกด เมอ่ื นำมาใช้ในภาษาไทย
เราตดั ตัวสะกดออก เชน่
จิต มาจาก จิตต
กิต มาจาก กจิ จ
เขต มาจาก เขตต
รัฐ มาจาก รัฏฐ
วฒั น มาจาก วัฑฒน
วุฒิ มาจาก วฑุ ฒิ
5.คำภาษาบาลีไม่นยิ มคำควบกลำ้ เชน่ ปฐม (สนั สกฤตใช้ ประถม) , อนิ ท์ (สันสกฤตใช้
อนิ ทร)์
6.คำบางคำที่ภาษาบาลีใช้ ฬ ภาษาสันสกฤตใช้ ฑ เช่น
บาลี สันสกฤต
ครฬุ ครฑุ
กีฬา กรีฑา
จุฬา จฑุ า

7.นิยมใช้ "ร"ิ เช่น ภรยิ า จริยา อจั ฉริยะ เปน็ ตน้
8.นิยมใช้ ณ นำหน้าวรรค ฏะ เชน่ มณฑล ภณั ฑ์ หรอื ณ นำหนา้ ห เชน่ กัณ
หา ตณั หา

1. สระสนั สกฤต แปลกจากบาลี 6 ตัว คำใดประสมดว้ ยสระฤฤา ฦ ฦา ไอ เอา เป็นคำ
ในภาษาสนั สกฤต (คำทีม่ สี ระ 6 ตวั นจ้ี ะเปน็ บาลไี มไ่ ด้เดด็ ขาด)

2. คำใดประสมดว้ ยศษ มีในภาษาสนั สกฤต ไมม่ ีในภาษา
บาลี เชน่ อภิเษก ศีรษะ อวกาศ ศัตรู ศลิ ปะ ราษฎร ศอก ศกึ องั กฤษ ศกึ ษาศ
าสตร์

3. คำสนั สกฤต ใชฑ้ เชน่ กรฑี า คำสนั สกฤต ไมน่ ยิ มใช้ ฬ
4. คำในภาษาสนั สกฤตมรี ะบบเสียงควบกลำ้ (พยัญชนะประสม) หรอื อกั ษรนำ คำควบ

กลำ้
จึงมกั เป็นคำภาษาสนั สกฤต เช่น สตรี ปรารถนา สวสั ดี สมคั ร มาตรา อินทรา

5. นยิ มใชร้ ร (รอหนั ) ตวั ร ทีค่ วบกบั คำอ่นื และใชเ้ ป็นตัวสะกด เชน่ มรรคสรรพ มารค
6. คำทใ่ี ชห้ ์มกั เป็นคำที่มาจากภาษาสนั สกฤต เชน่ สังเคราะห์ โล่ห์ อุตส่าห์ เทห่ ์

เลห่ ์ เสน่ห์
7. ฤ(ฤทธ)ิ ในสันสกฤต จะเปน็ อทิ ธิ (อิ อ)ุ ในภาษาบาลี
8. มีตัวสะกดและตวั ตามไมแ่ นน่ อน เช่น

กันยา จกั ษุ ทกั ษณิ ปฤจฉา วิทยุ อธั ยาศัย เป็นตน้

1. นำมาเป็นชอื่ อาหารการกิน เชน่ ก๋วยเต๋ยี ว เตา้ ทึง แปะ๊ ซะ เฉากว๊ ย จบั ฉ่าย เป็นต้น
2. เป็นคำทเี่ กยี่ วกับสง่ิ ของเครอื่ งใชท้ ่เี รารับมาจากชาวจนี เชน่ ตะหลิว ตกึ เก้าอี้ เก๋ง

ฮวงซ้ยุ
3. เป็นคำทีเ่ กีย่ วกบั การคา้ และการจดั ระบบทางการค้า เชน่ เจง๋ บ๋วย หุ้น หา้ ง โสหุ้ย เป็น

ตน้
4. เปน็ คำทีใ่ ชว้ รรณยกุ ตต์ รี จัตวา เปน็ สว่ นมาก เช่น กวยจ๊บั กยุ๊ เก๊ เกก๊ ก๋ง ตนุ๋ เปน็ ต้น
วธิ ีนำคำยมื ภาษาจีนมาใช้ในภาษาไทย
ไทยนำคำภาษาจีนมาใช้โดยมากไทยเลยี นเสยี งจีนได้ใกลเ้ คยี งกว่าชาติอนื่ ๆ เช่น เกาเหลา ตง้ั
ฉ่าย เตา้ ทงึ เต้าหู้ เตา้ ฮวย บะฉอ่ พะโล้ แฮ่กน้ึ เปน็ ต้น มีบางคำทน่ี ำมาตัดทอนและเปลีย่ น
เสยี ง เช่น เตย้ี ะหลวิ เป็น ตะหลวิ , บ๊ะหมี่ เป็น บะหมี่, ปงุ้ กี เป็น ปงุ้ กี๋
ตวั อย่างคำยมื ท่ีมาจากภาษาจีน
กงสี กงฉิน กงไฉ่ กงเต็ก ก๋วยเต๋ยี ว กวยจั๊บ เกาหลา ก๊ยุ เกเ๊ ก๊ก เก้ยี ว เก๊ยี ว เก๊ยี ะ กยุ เฮง เก๊ก
ก๋ง เก้าอี้ ขากว๊ ย เข่ง จบั กงั จับฉ่าย จบั ยกี่ ี จนั อบั เจ๊ง เจย๋ี น เจ เฉาก๊วย เซง้ เซยี น แซ่ แซยิด
เซ็งลี้ ซาลาเปา ซ้ิม ตะหลิว เต๋า ตุน ตนุ๋ แตะ๊ เอยี เต้าหู้ เต้าฮวยเต้าเจ้ียว โตะ๊ ไตก้ ๋ง ตังเก บ๊วย
บะฉ่อ บะหม่ี บู๊ ปุง้ กี๋ ปอเปย๊ี ะแปะ๊ เจีย๊ ะ พะโล้ เย็นตาโฟ หวย ย่ีหอ้ ล้ินจ่ี ห้าง หนุ้ เอ๊ียม โสหุย้
เฮงซวย ฮวงซยุ้ ฮ่องเต้ อง้ั โล่


Click to View FlipBook Version