The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-13 05:36:22

คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

ภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาในตระกลู อนิ โด-ยโุ รเปยี น มวี ภิ ตั ตปิ ัจจยั เชน่ เดียวกบั ภาษาบาลี-
สนั สกฤต ภาษาอังกฤษไดร้ ับความนิยมใชเ้ ป็นภาษาเพ่ือการสอ่ื สารมากทส่ี ดุ มีประเทศตา่ ง ๆ
ยอมรบั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาราชการ ภาษาองั กฤษจงึ กลายเป็นภาษาสากลของชาวโลก คน
ไทยไดศ้ กึ ษาภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาที่สองมาเปน็ เวลานาน จนภาษาองั กฤษเข้ามามอี ทิ ธพิ ลต่อ
ชวี ติ ของคนไทยมากขนึ้ ท้งั ในดา้ นการพูดและการเขยี นส่ือสารในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะใน
ปจั จบุ นั คนไทยศกึ ษาความรู้และวทิ ยาการต่าง ๆ จากตำราภาษาอังกฤษ และสนใจเรยี นรู้
ภาษาองั กฤษกนั มากข้ึน คำยมื จากภาษาองั กฤษจงึ หล่ังไหลเข้ามาในภาษาไทยมากขึน้ ทกุ ขณะ
ท้ังในวงการ ศกึ ษา ธุรกจิ การเมือง การบนั เทงิ เปน็ ต้น

การยมื คำภาษาอังกฤษมาใช้ในภาษาไทย

1. การทบั ศัพท์ โดยการถา่ ยเสียงและถอดตัวอกั ษร คำยืมจากภาษาอังกฤษโดยวธิ กี ารทบั
ศัพท์มจี ำนวนมาก คำบางคำราชบัณฑติ ยสถานไดบ้ ัญญัติศัพทเ์ ป็นคำไทยแล้ว แต่คน
ไทยนิยมใชค้ ำทับศพั ทม์ ากกว่า เพราะเข้าใจง่าย ส่ือสารไดช้ ดั เจน เชน่

คำภาษาองั กฤษ คำทับศัพท์

• game เกม graph กราฟ
cartoon การต์ นู clinic คลินิก
quota โควตา dinosaur ไดโนเสาร์
technology เทคโนโลยี

2. การบัญญตั ิศพั ท์ เป็นวิธกี ารยืมคำ โดยรับเอาเฉพาะความคดิ เกี่ยวกับ
เรอ่ื งนนั้ มาแลว้ สร้างคำข้ึนใหม่ ซง่ึ มีเสยี งแตกต่างไปจากคำเดิม
โดยเฉพาะศพั ทท์ างวชิ าการจะใชว้ ธิ ีการน้มี าก ผู้ทมี่ ีหนา้ ที่บัญญตั ศิ พั ท์
ภาษาไทยแทนคำภาษาอังกฤษ คอื ราชบณั ฑิตยสถาน เชน่

คำภาษาอังกฤษ คำบญั ญตั ิศัพท์

• airport สนามบิน
globalization โลกาภิวัตน์
science วิทยาศาสตร์
telephone โทรศพั ท์

3. การแปลศพั ท์ วธิ ีการน้ีจะต้องใช้วิธีการคดิ แปลเป็นคำภาษาไทยใหม้ คี วามหมายตรงกบั
คำในภาษา อังกฤษ แลว้ นำคำนน้ั มาใชส้ อื่ สารในภาษาไทยต่อไป ดงั ตัวอย่างเชน่

• blackboard กระดานดำ
enjoy สนกุ
handbook หนังสือค่มู อื
school โรงเรียน
short story เรอ่ื งสั้น

ภาษาเขมร มีลักษณะควรสงั เกตดังน้ี
1. เปน็ คำ ๒ พยางค์ พยางคต์ น้ จะเปน็ บงั บณั บญั บัน บำ บรร เชน่ บรรทดั บรรจบ
บำเพ็ญ บำรุง บนั ทกึ บนั เทงิ เป็นต้น
2. คำทีม่ ีเสยี งควบกลำ้ และอักษรนำ เชน่ โตนด จมูก ไถง (ดวงอาทติ ย)์ เขนย ขนาด ไพร
(ป่า) ฉนำ (ป)ี เขลา ตลบ ขจี ไผท กระบือ
3. คำภาษาเขมรมกั ใชต้ วั จ ร ล ญ เปน็ ตวั สะกด เช่น เผดจ็ เสด็จ อาจ อำนาจ สำรวจ
ขจร เดนิ จร ถวลิ ตำบล เมิล(ด)ู เจรญิ เชญิ ชาญ
4. คำ ๒ พยางคท์ ่ขี ึ้นต้นด้วยคำวา่ บรร บัง บนั กำ คำ ชำ ดำ ตำ ทำ สำ มกั เป็นภาษาเขมร
เชน่ กำเนิด คำนบั ชำรุด บรรทม บรรจุ บังเอิญ บงั คม บังอาจ ดำริ ตำรวจ ทำเนยี บ บนั ทึก
กำจดั ทำนลู (บอก) สำเร็จ สำราญ สำคญั เป็นต้น
5. คำเขมรทใี่ ชเ้ ปน็ ราชาศัพท์ในภาษาไทยมมี าก เช่น สรง เสวย โปรด บรรทม เสดจ็ ฯลฯ
6. คำเขมรท่เี ป็นคำโดด มีใชใ้ นภาษาไทยจนคดิ วา่ เปน็ คำไทย เชน่ แข(ดวงจนั ทร์) มาน
(ม)ี อวย(ให้) บาย(ข้าว) เลิก(ยก)
7. คำเขมรมักไมใ่ ช้รูปวรรณยุกต์ยกเว้นบางคำ เช่น เสนง่ (เขาสตั ว์) เขมา่
8. คำทม่ี ี ข และ ผ นำไมป่ ระวสิ รรชนีย์ มกั มาจากภาษาเขมร เชน่ ขจี ขจดั เผอญิ ผสมผสาน
ฯลฯ

หลักสังเกตคำเขมร คำเขมรสว่ นมาก เรานำมาใชโ้ ดยเปล่ยี นรูปและเสียงใหมต่ ามความถนัด ซง่ึ
เปน็ เหตใุ ห้รูปผิดไปจากคำเดมิ และทำใหเ้ กิดการแผลงอักษรขึน้ เชน่ คำเขมร อา่ นว่า ไทยใช้
แปลว่า กรุบี กรอ – เบย กระบือ ควาย เกสร เกลอ เกลอ เพอ่ื น เฌอ ตน้ ไม้ ตระกอง
กอด เขมาจ ขมอ้ จ โขมด ผี ผดาจ ผดจั้ เผด็จ ตัด, ขจัด เป็นตน้

ภาษาชวา ปจั จุบันเรียกวา่ ภาษาอินโดนเี ซีย เป็นภาษาคำติดตอ่ อยูใ่ นตระกลู เดียวกับภาษา
มลายู ภาษาชวาที่ไทยยมื มาใชส้ ่วนมาก เป็นภาษาเขยี น ซึง่ รับมาจาก
วรรณคดี เรอ่ื ง อเิ หนา เปน็ สว่ นใหญ่ ถ้อยคำภาษาเหล่าน้ีใชส้ ่อื สารในวรรณคดี และในบท
ร้อยกรองต่าง ๆ มากกวา่ คำท่ีนำมาใชส้ ื่อสารในชีวติ ประจำวนั

ภาษามลายหู รือภาษามาเลย์ ปจั จบุ นั เรียกวา่ ภาษามาเลเซยี จดั เป็นภาษาคำตดิ ต่อ
(Agglutinative Language) อยู่ในตระกูลภาษาชวา-มลายู มีวิธีการสรา้ งคำใหมโ่ ดยวธิ ีเอา
พยางค์มาต่อเตมิ คำทำให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คำในภาษามลายสู ว่ นใหญจ่ ะมี
สองพยางคแ์ ละสามพยางค์ มาเลเซียกับไทยเปน็ ประเทศ ที่มเี ขตแดนตดิ ต่อกัน จึงมี
ความสัมพนั ธใ์ กล้ชดิ กนั มาเปน็ เวลานาน ภาษามาลายูเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทยมาก
พอสมควร โดยเฉพาะในส่จี ังหวดั ชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส และ
สตลู ยังคงใช้ภาษามลายสู ื่อสารในชวี ิต ประจำวันอยเู่ ปน็ จำนวนมาก

ลักษณะการยืมคำภาษาชวา – มลายูมาใช้ในภาษาไทย

คำภาษาชวา – มลายูกเ็ ช่นเดียวกับคำภาษาอ่นื ๆ เม่ือนำมาใช้ในภาษาไทยก็มี
การเปล่ียนแปลงในทางเสยี ง ความหมาย ตวั สะกด เพราะคนไทยถอื เอาความสะดวกแกล่ นิ้
คอื การออกเสยี งและความไพเราะหูเปน็ ประมาณ จึงทำใหไ้ มส่ ามารถสบื สาวไปถงึ คำเดมิ ได้
เพยี งแต่ใชว้ ธิ กี ารสันนิษฐานอาจถกู ต้องตามความเปน็ จริง อาจใกล้เคียง หรอื อาจผิดไปเลยก็
ได้ คำบางคำอาจกร่อนเสียง เสียงเพยี้ นไปจนไมอ่ าจหาความหมายได้กม็ ี (ประสิทธิ์ ธ.บุญป
ถมั ภ์, 2526 : 59) อย่างไรกต็ ามจากการรวบรวมคำทสี่ นั นษิ ฐานวา่ ไทยรับมาจากภาษาชวา –
มลายูน้นั พบวา่ มที ั้งทย่ี งั คงเสียงและความหมายของคำตามภาษาเดิม และมที ่เี ปล่ียนแปลงไป
ตามธรรมชาตขิ องการหยิบยมื ภาษา และการเปลยี่ นแปลงนน้ั ในคำเดียวอาจจะเปลย่ี นแปลง
หลายประการ ดงั น้ี

1. ออกเสยี งเหมือนหรือใกล้เคยี งกบั ภาษาเดิมและคงความหมายตามภาษาเดมิ เช่น

กง มาจากคำว่า kong (ไมร้ ปู โคง้ ทีเ่ ปน็ โครงเรอื )

กะปะ มาจากคำว่า kapak (ช่ืองูพษิ )

2. เสียงพยัญชนะบางเสียงเปล่ียนไปแต่ใกล้เคยี งกบั เสยี งเดิม
ปาเต๊ะ มาจากคำว่า batek กลายมาจากเสยี ง /b/ เป็นเสยี ง /p/
กญั ชา มาจากคำวา่ ganja กลายมาจากเสียง /j/ เปน็ เสยี ง /ch/

3. เสยี งสระเปล่ยี นแปลงไป คำทีเ่ สยี งสระเปลย่ี นแปลงไปนี้ โดยท่ัวไปจะเปลยี่ นแปลงไป

แต่เพียงเลก็ นอ้ ย เช่น เปล่ยี นจากสระเสยี งสั้นเป็นสระเสียงยาว หรือเปลีย่ นเปน็ เสยี งท่ี

มีลกั ษณะใกลเ้ คยี งกัน ส่วนคำท่ีเสยี งสระเปลยี่ นแปลงไปอย่างชดั เจนมีไมม่ ากนักและ

มกั จะเปลย่ี นท้งั เสียงพยัญชนะและสระ เชน่

กระแชง มาจากคำว่า kajang (กายัง = เคร่อื งบังแดดแบบหน่งึ )

กะละแม มาจากคำว่า kelamai (เกอะลาไม)

4. คำทไ่ี ทยนำมาออกเสยี งประสมสระอะทพ่ี ยางค์หน้า บางคำแทรกเสียง “ร” ควบกลำ้

ซึ่งอาจจะเปน็ เพราะอิทธพิ ลของคำไทยทีม่ ีคำลกั ษณะนี้อยู่มาก เช่น

kakatua กระตว๋ั (นกกระตัว๋ )

ketok กระทอก (กระแทกขน้ึ ลง)

5. เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มหนว่ ยเสียงตัวสะกด ส่วนมากจะเปน็ การเปลย่ี นแปลงตวั สะกดให้
ตรงตามมาตราตัวสะกดของไทย เช่น

กระพนั มาจากคำว่า kabal (ทนทานตอ่ ศสั ตราวธุ )

กำป่ัน มาจากคำวา่ kapal (เรอื กำป่ัน)

6. การกลายเสียงวรรณยุกต์ ระดับเสยี งในภาษาชวา–มลายู อยู่ในระดับกลางและตำ่ ไม่

อยใู่ นระดบั สงู เชน่ บุหรง ชวา–มาลายู ซึ่งชวา–มลายอู อกเสียงระดับกลางวา่ บุ–รง

เหตทุ ่ีเสียงวรรณยกุ ต์กลายจากเสียงระดบั กลางและตำ่ เป็นเสยี งสงู น้นั ก็คงเปน็ เพราะวา่

เราได้รบั คำเหลา่ น้ีผา่ นเข้ามาทางเสียงชาวปักษใ์ ต้ นัยว่าเพราะนางขา้ หลวงผูท้ น่ี ำเร่ือง

อเิ หนามาเลา่ ถวายเจ้าหญงิ สองพระองค์ของไทย เป็นชาวปกั ษใ์ ต้ (พระยาอนุมานราช

ธน, 2510 : 77) สำเนียงภาษาถนิ่ ใตน้ น้ั โดยทัว่ ไปแลว้ จะออกเสยี งอยู่ในระดบั เสยี งสูง

คำภาษาชวา – มลายู ท่ีมใี นวรรณคดีเรื่องอิเหนาจะมีคำท่ีกลายเสยี งในลกั ษณะนี้

จำนวนมาก และส่วนใหญ่พยางคท์ ้ายจะกลายเสียงเปน็ เสยี งจตั วา เชน่

bulan บหุ ลนั (ดวงเดอื น)

pandan ปาหนัน (ดอกลำเจียก)

7. มกี ารเปลย่ี นแปลงเสียงในลกั ษณะการกลมกลืนเสยี ง ซง่ึ การเปลี่ยนแปลงเสยี งใน
ลักษณะนีม้ ีหลายคำ มกั เป็นการกลมกลืนเสยี งไปขา้ งหนา้ และกลมกลนื เสยี งร่วมกัน ดัง
ตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี

• 7.1 กลมกลืนเสียงไปข้างหน้า เชน่
บนั นังสะตา (ชื่ออำเภอ) มาจากคำว่า bendang setar

• 7.2 กลมกลนื เสยี งรว่ มกนั (บางคำเสียงพยญั ชนะต้นกลายไปดว้ ย) เช่น
พรก มาจากคำว่า porok (กะลามะพร้าว)

8.การตดั พยางค์ มักเป็นการตดั พยางคห์ นา้ และพยางค์กลาง
8.1 ตัดพยางคห์ นา้ เช่น กดั มาจากคำวา่ pukat (อวน)
8.2 ตดั พยางคก์ ลาง เชน่ กำยาน มาจากคำวา่ kemenyan (เครอ่ื งหอมชนิดหนงึ่ )
8.3 ตัดพยางคท์ ้าย เชน่ มะเรง็ มาจากคำวา่ merengsa (แผลเน่าเปลอื่ ยไม่ยอมหาย)

8. การเพิ่มเสยี งและเพม่ิ พยางค์ มีบางคำที่ไทยรับมาใชแ้ ลว้ เพิ่มเสยี งเขา้ ไป ซึ่งทำให้
พยางคเ์ พิม่ ขน้ึ ดว้ ย แต่มีไม่มากนกั เช่น
กระจบั ปิง้ มาจากคำวา่ chaping เพมิ่ พยางคห์ น้า (จะป้งิ

ก็ใช)้
10.ไทยนำมาใชค้ วามหมายกลายไปจากเดิม คือ ความหมายแคบเขา้ ความหมายกว้าง
ออก หรอื ความหมายย้ายท่ี ดังตวั อยา่ ง
10.1 ความหมายแคบเข้า เชน่ กูบ (kop) ยอดกลมมน หลงั คา กบู บนหลงั ช้าง ไทยใช้
ความหมายแคบลง คือ ใช้เฉพาะกบู บนหลังชา้ ง
10.2 ความหมายกว้างออก เช่นกระโถน (ketuy) ความหมายเดิม คอื กระโถนบ้วน
นำ้ หมาก
ไทยใช้ความหมายกวา้ งขึ้น หมายถึงกระโถนทัว่ ไป
10.3 ความหมายย้ายที่หรอื ความหมายเปล่ียนแปลงไป เช่น
สลดั (selat) ความหมายเดิม คอื ช่องแคบในทะเล ความหมายที่ไทยใช้ หมายถงึ โจร
ทปี่ ล้นทางทะเล เรียกวา่ “โจรสลัด”

บทสง่ ทา้ ย

เปน็ อยา่ งไรกันบ้างนอ้ ง ๆ ทกุ คน หลังจากทีไ่ ดเ้ รยี นรู้คำจากภาษาต่างประเทศในภาษาไทยของเรา
แล้ว ไดส้ าระความรเู้ พิ่มขึ้นหรอื เปล่า ตอ้ งบอกว่าการศกึ ษาคำยมื จากภาษาต่างประเทศนั้นจะชว่ ย
ให้น้อง ๆ ไดเ้ ห็นทง้ั การเปล่ียนแปลงของภาษา และสามารถใช้คำจากภาษาเหลา่ น้ีได้อย่างถกู ต้อง
และเขา้ ใจมากขึน้ ดว้ ย ซง่ึ ถ้าหากนอ้ ง ๆ อยากจะทบทวน


Click to View FlipBook Version