The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มสูจิบัตรรวมผลงานแสดงนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ ประจำปี 2565 SILPA Creative Works Exhibition 2022 <br>จัดแสดงผลงานเมื่อวันที่ 15-30 กันยายน 2565<br>ณ หอศิลปะและการออกแบบคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by APINAN_DESIGN, 2023-11-08 06:45:49

SILPA 2022

เล่มสูจิบัตรรวมผลงานแสดงนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ ประจำปี 2565 SILPA Creative Works Exhibition 2022 <br>จัดแสดงผลงานเมื่อวันที่ 15-30 กันยายน 2565<br>ณ หอศิลปะและการออกแบบคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพ

FACULTY | 49 ฉากเกมเสมือนจริง กรณีศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์ กําแพงเพชร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชวลิต ดวงอุทา | สาขาวิชาออกแบบสื�อนวัตกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร | [email protected] 70 x 40 ซม. | 3D Digital ฉากเกมเสมือนจริง กรณีศ่กษาอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นี�มีวัตถุประสงค์ ในการนำองค์ความรู้ด้านการรังวัดภาพระยะใกล้ (Photogrammetry) มาประยุกต์ ใช้ในการออกแบบฉากเสมือนจริงสามมิติในด้านออกแบบเกมและแอนิเมชัน โดยการใช้ผ่านโทรศัพท์พกพาร่วมกับซอฟแวร์คอมพิวเตอร์จากภาพถ่าย แปลง ให้เป็น point cloud (Reality Capture) และซอฟต์แวร์ปั�นโมเดลสามมิติ (Zbrush) ซ่�งสามารถนำมาประยุกต์การใช้งานได้จริง ต้นทุนต�ำ นิสิตนักศ่กษาสามารถเข้า ถ่งได้และพัฒนาต่อยอดในการเรียนการสอน ตลอดจนการใช้งานด้านอุตสาหกรรม เกม แอนิเมชัน หรือเก็บข้อมูลเป็นไฟล์ดิจิทัลให้วัตถุในโลกจริงในส่วนของการ อนุรักษ์โบราณวัตถุและอนุสรณ์สถาน ที�อาจมีคุณค่าในท้องถิ�นต่างๆ ต่อไป ผู้ออกแบบได้นำองค์ความรู้ด้านการรังวัดภาพระยะใกล้ (Photogrammetry) นำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบฉากเสมือนจริงสามมิติในด้านออกแบบเกม และแอนิเมชัน โดยการใช้ผ่านโทรศัพท์พกพาร่วมกับซอฟแวร์คอมพิวเตอร์จาก ภาพถ่ายแปลงให้เป็น point cloud (Reality Capture) และซอฟต์แวร์ปั�นโมเดล สามมิติ (Zbrush) ซ่�งสามารถนำมาประยุกต์การใช้งานได้จริงและมีต้นทุนต�ำ โมเดลที�สร้างข่�นมามีลักษณะภาพ Low polygon 3d Model PBR Materials จากการพิจารณาในด้านโมเดลที�มีจำนวน Polygon น้อย จ่งทำให้โมเดลไม่หนัก เน้นการใช้งานในส่วนของความเสมือนจริงด้วยพื�นผิว (Texture) เหมาะกับการ ใช้งานในการออกแบบเกมและภาพจริงเสมือนที�ไม่มีรายละเอียดซับซ้อน สอดคล้องกับขีดจำกัดของเทคโนโลยี (Technological Limitation) สร้างสภาพ แวดล้อมจำลองเหตุการณ์ออกมาให้ชัดเจน ฉากเกมเสมือนจริงนี�ตั�งเป้าหมายให้กระบวนการทำงานสามารถปรับใช้ทั�งใน การทำงานจริงและการศ่กษาเชิงทฤษฎี ผลการวิจัยที�ได้จากการรังวัดภาพระยะ ใกล้ (Photogrammetry) แสดงให้เห็นถ่งประสิทธิผลของการถ่ายโอนเทคนิคไป ยังโทรศัพท์พกพา ซ่�งเป็นจุดหมายสำคัญในขั�นแรกของกระบวนการ การสร้าง โมเดลสามมิติผ่านภาพถ่ายที�เรียกว่า การรังวัดภาพระยะใกล้ (Photogrammetry) เป็นหน่�งในวิธีการใหม่ของการสร้างข้อมูลดิจิทัลให้วัตถุในโลกจริงไปปรากฏอยู่ ในโลกเสมือน โดยขอบเขตของการศ่กษามีเป้าหมายอยู่ที�การใช้ภาพถ่ายผ่าน โทรศัพท์พกพาร่วมกับซอฟแวร์คอมพิวเตอร์จากภาพถ่ายแปลงให้เป็น point cloud (Reality Capture) สร้างโมเดลสามมิติ ให้ได้ชิ�นงานที�มีลักษณะใกล้เคียง ความจริงมากที�สุด


50 | FACULTY แบบตัวอักษรขอมไทยพีเอ็ มแอล เทวา (PML Deva) ดร.ฟาริดา วิรุฬหผล | สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุ นันทา | [email protected] 59.4 x 118.9 ซม. | ดิ จิ ทัล ตัวอักษรขอมไทยนั�นเป็นมรดกทางวั ฒนธรรมของชาติที�กำลังเลือนหาย เป็น เครื�องมือสื�อสารที�ใช้ในการบันท่กประวัติ ศาสตร์และวิทยาการต่างๆ ตั�งแต่สมัย สุโขทัย แต่กระนั�นในปัจจุ บันกลับไม่ได้ รับการอนุ รักษ์ เหลือเพียงการใช้งานใน เฉพาะกลุ่ม เช่น เครื�องรางของขลัง ทั�งๆ ที�ในอดีตเป็นอักษรสำหรับผู้มีการ ศ่กษา กุลบุตรมักได้ รับการถ่ายทอดวิชาอ่านเขียนตัวอักษรขอมไทยจนเชี�ยวชาญ ก่อนที� จะได้ รับราชการ ในปัจจุ บันชุดตัวอักษรขอมไทยนั�นมี น้อยมาก งาน สร้างสรรค์ชิ�นนี�จ่งมี จุดประสงค์เพื�อออกแบบชุดตัวอักษรขอมไทยเพื�อเผยแพร่ และอนุ รักษ์ อักษรโบราณนี�ให้คงอยู่ในรู ปแบบดิ จิ ทัล ทั�งนี�การออกแบบตัวอักษร สามารถช่ วยในการเก็บรักษาเอกสารโบราณที�ไม่ได้ รับความสนใจให้คงอยู่ในรู ป แบบที�เผยแพร่ได้ ง่ายเพราะโลกในปัจจุ บันปริ วรรตไปในรู ปแบบดิ จิ ทัลโดยมาก อีกทั�งเป็นการต่อยอดความรู้ของบรรพบุ รุ ษให้สื�อต่อไปในรู ปแบบสื�อใหม่ จำนวน ตัวอักษรที�ออกแบบนั�นมีทั�งหมด 129 ตัว รวมพยัญชนะตัวเต็ ม พยัญชนะตัวเชิง สระจม สระลอย วรรณยุกต์ เลข และสัญลักษณ์ ต่างๆ ลายเส้นที� พัฒนามาเป็น รู ปแบบตัวอักษรนั�นได้แรงบันดาลใจมาจากสมุดภาพพระมาลัยฉบับศตวรรษที� 18-19 ซ่�งมีลายมือขอมไทยที�สวยงามและสมบูรณ์ ในกระบวนการเริ�มต้นได้แรงบันดาลใจมาจากสมาธิราชสูตร ปริเฉกที� 4 ซ่�งกล่าวว่า “โลกนี�อาจล่มสลายไปพร้อมกับผืนป่า มหาสมุทรอาจแยกดุจกัน อาทิตย์ และจันทร์ ร่ วงสู่ดิน ทว่าถ้อยคำแห่งพระชินเจ้าจักมิแปรเปลี�ยน” ซ่�งเป็นการเน้น ให้เห็นถ่งความสำคัญของพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าซ่�งแม้กาลเวลาจะเปลี�ยนแปลงไปแต่ก็ยังคงเป็นสัจธรรมความจริงอยู่เสมอ อีกยังทำให้เห็นว่าการบันท่กธรรม ในรู ปแบบการเขียนก็ ย่อมเป็นการสืบทอดให้พระศาสนาดำรงอยู่ต่อไป จาก แนวคิดนี�ผู้ออกแบบจ่งทำการค้นตำราทางพุทธศาสนาอันเก่าแก่รวมถ่งสรรพวิชาต่างๆ ซ่�งพบว่าอักษรขอมไทยซ่�งถือว่าเป็นอักษรศักดิ�สิทธิ�นั�นใช้เป็นเครื�องมือใน การเผยแพร่ ธรรมะตั�งแต่โบราณ เมื�อทำการรวบรวมเอกสารแล้วจ่งได้ทำการ เลือกรู ปแบบที� มีความสวยงามและสมบูรณ์เพื�อใช้ในการอ้างอิงซ่�งได้เลือกสมุด ภาพพระมาลัยเป็นแนวทาง หลังจากนั�นได้ทำการร่างภาพด้ วยดินสอลงกระดาษ และทำการตัดหม่กเพื�อดูน�ำหนักเส้นที�เหมาะสม ก่อนที� จะนำรู ปแบบร่างอักษร เบื�องต้นนำเข้าโปรแกรมคอมพิ วเตอร์เพื�อทำการพัฒนาอักษรให้ครบชุดและปรับ รูปร่างตัวอักษรให้เข้ารูปมากข่�น องค์ความรู้ที�เกิดข่�นคือได้นำทฤษฎีทางองค์ประกอบศิลป์มาใช้ออกแบบตัวอักษร โดยเฉพาะ ได้ พัฒนา ทดลองการใช้พื�นที�ขาวและดำเพื�อสร้างตัวอักษรที� มีความ เหมาะสมต่อการอ่าน พบว่าตัวอักษรขอมไทยนั�นยากกว่าการออกแบบภาษาไทยมากเนื�องจากต้องตั�งค่าระหว่างบรรทัดมากกว่าเพื�อรองรับตัวเชิงและสระ ข้อ เสนอแนะคือต้องเพิ� มเนื�อที�ระหว่างบรรทัดให้ มากกว่าตัวอักษรไทย


FACULTY | 51 ตัวพิมพ์ซีทีคิษ (ZT KIS) ดร.วิสิทธิ� โพธิ วัฒน์ | สาขาวิชาครีเอทีฟกราฟิก คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็ จเจ้าพระยา | [email protected] 60 x 84 ซม. | แอปพลิเคชันฟอนต์ ตัวพิมพ์มีบทบาทสำคัญต่อการออกแบบกราฟิกหรือการออกแบบสื�อสาร ตัวพิมพ์สามารถนำไปสู่การสร้างมโนทัศน์ในภาพลักษณ์หรือเป็นสิ�งกระตุ้นการจดจำสื�อที�เป็นเป้าหมายของการออกแบบ ตามที� Budelmann et al. (2013)1กล่าวว่า ในฐานะที�ตัวอักษรถือเป็นภาพ ตัวอักษรจ่งสามารถโน้มนำให้เกิดการ สื�อถ่งความหมาย บริบทที�เป็นอัตลักษณ์แบรนด์ได้ สอดคล้องกับ สปีคเกอร์มานน์ (2557)2 กล่าวว่า ในยุคที� ต้องสื�อสารกับผู้คนจำนวนมาก การสื�อสารที� ดี ควรมีสำเนียงหรือลีลาที�เหมาะสม การใช้ ตัวพิมพ์ คือการเลือกบุคลิกหรือลีลา ของสิ�งที� ต้องการแสดงออก ดังนั�น ในยุค “ผลิตภัณฑ์” แสวงหาความแตกต่าง การออกแบบสื�อและการใช้ ตัวพิมพ์จ่งเป็นเครื�องมือสร้างลักษณะเฉพาะ ซ่�งการ ออกแบบตระกูลตัวพิมพ์ ซี ที คิ ษ มี วัตถุ ประสงค์เพื�อออกแบบตัวพิมพ์ในกลุ่ม พาดหัว หรือ Display ที� มี บุคลิกสง่างาม ทันสมัย อ่อนหวานและมีเอกลักษณ์ เฉพาะ ตระกูลตัวพิมพ์ ซี ที คิ ษ อิงพื�นฐานอักษรในประเภท Modern กล่าวคือ สร้าง องค์ประกอบของเส้นให้ มีน�ำหนักแตกต่าง/ตัดกัน และตัวพิมพ์ ซี ที คิ ษ ได้สร้าง ลักษณะเฉพาะด้ วยการใช้ ทิ ศทาง (Direction) ของเส้นตั�ง (Stem) เป็นส่ วน สำคัญ ทำให้ รูปร่างโดยรวมของซี ที คิ ษ อ่านง่าย สายตาของผู้อ่านสามารถระบุ พยัญชนะได้รวดเร็วจากทิ ศทางของเส้นต่างๆ ของตัวอักษร ซ่�งสอดคล้องกับ หลัก Legibility หรือความชัดเจนของแบบอักษรที�เป็นผลมาจากการออกแบบ ZT KIS Family ประกอบด้ วย Regular, Italic, Bold และ BoldItalic ตระกูลตัวพิมพ์ ซี ที คิ ษ ได้ รับรางวัล Design Excellence Award 2022 (DEmark 2022) ตัวพิมพ์ มี บุคลิกผสานระหว่างความสง่างาม น่าเชื�อถือและ ความนุ่มนวลอ่อนหวาน องค์ประกอบตัวอักษรมีการประสานรู ปแบบไทยเข้ากับ รู ปแบบละตินแบบมีเชิง (Serif) ให้เกิดเอกภาพ ปรากฏความรู้ส่กระหว่างความ เก่าและทันสมัยที� ท้าทาย อีกทั�งเอกลักษณ์ จากการใช้ ทิ ศทางและความเปรียบ ต่าง (Contrast) ในการออกแบบองค์ประกอบพยัญชนะ ทำให้เมื�อชุดตัวอักษร เหล่านั�นพิมพ์ลงบนสื�อ จ่งเกิดจังหวะที� มาจากทิ ศทางของเส้นองศาต่างๆ มีความ เคลื�อนไหวขณะเดียวกันก็ ยังคงความเป็นเอกภาพบนระนาบ เป็นต้น องค์ความรู้ จากการสร้างสรรค์ทำให้พบว่า นักออกแบบตัวพิมพ์สามารถแก้ปัญหา Legibility ของแบบอักษรได้ ด้ วยการนำหลัก “ความเปรียบต่าง” มาใช้สร้างผลลัพธ์ได้ ถือ เป็นหน่�งทางเลือกในการออกแบบตัวพิมพ์1 Budelmann, K., Kim, Y., & Wozniak, C. (2013) Essential Elements for Brand Identity. Massachusetts: Rockport Publishers. 2 สปีคเกอร์ มานน์ อี. (2557). Stop Stealing Sheep & find out how type works [เปลี�ยน เลียนแบบ เป็นแบบเรียน และเข้าใจหลักการทำงานของตัวอักษรในงานออกแบบ] (พิมพ์ครั�งที� 1).คัดสรร ดีมาก. Outstanding Creativity


52 | FACULTY BYAKKO: THE WHITE TIGER YOKAI ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ วัฒน์ เสงี�ยม | สาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต | [email protected] 16.5 x 23.4 ซม. | Adobe Illustratorประเทศญี�ปุ่นเป็นประเทศที�มีความร�ำรวยทางประวั ติ ศาสตร์และวั ฒนธรรมมา ช้านาน มีการนำเอาต้นทุนทางวั ฒนธรรมหลากหลายด้านมาต่อยอดเพิ�มมูลค่า หน่�งในนั�นคือการนำเอาสัตว์ในตำนาน หรือสิ�งมี ชีวิตเหนือธรรมชาติ มาต่อยอด สร้างเป็นงานออกแบบคาแรกเตอร์ จากแนวคิดดังกล่าวจ่งเป็นจุดเริ�มต้นในการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� วัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ 1) เพื�อศ่กษาข้อมูลที�เกี�ยวข้องกับเบียคโกะ (Byakko) 2) เพื�อฝึกปฏิบัติการสร้างสรรค์ผลงานออกแบบ คาแรกเตอร์ ด้ วยโปรแกรม Adobe Illustrator 3) เพื�อสร้างสรรค์ผลงานคาแรก เตอร์ที�ได้แรงบันดาลใจ เบียคโกะ (Byakko) เบียคโกะ (Byakko) ซ่�งเป็นหน่�งใน 4 สัญลักษณ์ที� มีความสำคัญในลัทธิเต๋า เบียคโกะเป็นตัวแทนของผู้พิ ทักษ์ ทิ ศตะวันตก และยังเป็นตัวแทนของคุณธรรม เนื�องจากเบียคโกะมี ตัวอักษร 王 (หมายถ่ง ราชา) บนหน้าผาก จ่งมีความเชื�อว่า เบียคโกะเป็นราชาของเหล่าสัตว์ทั�งปวง นอกจากนี�ยังสามารถควบคุ มสายลมได้ อีกด้ วย1 จากข้อมูลดังกล่าวนี�ผู้ออกแบบจ่งได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรค์เป็นคาแรกเตอร์ในรู ปแบบใหม่ ที� มีความทันสมัย โดยลดทอนราย ละเอียด เน้นความเรียบง่ายผ่านลายเส้นที� มีความหนา คมชัด กระบวนการสร้างสรรค์ 1) สืบค้นข้อมูลที�เกี�ยวข้องกับเสือโคร่งขาวจากสื�อ ออนไลน์ เพื�อใช้ประกอบเป็นข้อมูลอ้างอิงในการทำงาน 2) กำหนดรู ปแบบเป็น ลักษณะลดทอนรายละเอียดความสมจริงมุ่งเน้นแสดงสาระสำคัญของจินตนาการ 3) ร่างภาพด้วยดินสอสีบนกระดาษ เพื�อค้นหาสัดส่วนและทิศทาง จากนั�นถ่ายภาพภาพร่างและนำไปเปิดในโปรแกรมกราฟิก Adobe Illustrator เพื�อใช้เป็นภาพต้นแบบ 4) เริ�มวาดลายเส้นรอบนอกของตัวละครด้วยเครื�องมือ Pen Tool โดยจะแยกส่ วนประกอบต่างๆ ของตัวละครแบ่งออกตามเลเยอร์ (Layer) โดยเริ� มลงสี วาดฉากหลังและองค์ประกอบโดยรวมของภาพเป็นลำดับสุดท้าย การสร้างสรรค์ผลงานคาแรกเตอร์ได้แรงบันดาลใจ เบียคโกะ มีการสอดแทรกบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของประเทศญี�ปุ่น ผ่านส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี� 1) เครื�องแต่งกาย สวมเสื�อคลุม ฮัปปิ (HAPPI) เป็นชุดที�ชาวญี�ปุ่นสวมใส่ในงานเทศกาล 2) ธงปลาคาร์ฟ (Koinobori) เป็นธงที�ใช้ประดับในวันเด็กผู้ชาย (Kodomo No Hi) เป็นวันที�ขอพรให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง 3) สีที�ใช้ ในองค์ประกอบของภาพได้ รับอิทธิพลมาจากรู ปแบบการไล่ สี ด้ วยลูกกลิ�งจาก ภาพพิมพ์แกะไม้ อุ กิโยเอะ (Ukiyo-e) ซ่�งสะท้อนวั ฒนธรรมของยุคเอโดะของ ประเทศญี�ปุ่น1 เอกณัฏฐ์ สวัสดิ� หิ รัญ TPA Press. 4 สัตว์เทพศักดิ� สิทธิ�. เข้าถ่งเมื�อ 5 กรกฏาคม 2565. เข้าถ่งได้ จาก https://www.tpapress.com/knowledge_detail.php?k=60#th/knowledge/ detail.php?ID=314


FACULTY | 53 Blue Bangkok ฐปนัท แก้วปาน | สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ | [email protected] 7 x 5 x 2 ซม. | 3D print and mold casting ผลิตภัณฑ์ของที�ระล่ก Blue Bangkok มีที�มาจากการสำรวจอาคารสถานที�ใน ย่านประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ซ่�งถ่ายทอดรูปแบบสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และเรื�องราวชุมชน จากสถานที�จริง สู่งานออกแบบทั�งสองมิติและ สามมิติเพื�อเป็นที�ระล่กของความทรงจำ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น แม่เหล็กที�ระล่ก สมุด กระเป๋า กระบวนการออกแบบ เริ�มตั�งแต่การเลือกสถานที�อาคารทรงคุณค่าที�มีประวัติ และความสำคัญทั�งทางด้านสถาปัตยกรรม วิถีชีวิต ย่านชุมชน สังคม การปกครอง และเศรษฐกิจ สู่การนำมาออกแบบเป็นภาพร่างสองมิติที�ลดทอนรายละเอียด สมจริงเป็นกราฟิก ด้วยวิธีการทำการออกแบบร่างด้วยมือแล้วถ่ายทอดลงใน คอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก (Graphic) เป็นภาพร่างและวาง โครงสร้างชุดสีให้ใกล้เคียงอาคารต้นแบบ เพื�อการนำไปใช้ประโยชน์ทั�งด้านการ ตลาด ขั�นตอนการผลิตในกระบวนการทำต้นแบบสามมิติ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นำไปสู่การผลิตต้นแบบด้วยเครื�องพิมพ์สามมิติ (3 Dimension Printing) และ การผลิตด้วยระบบจำนวนมากจากกระบวนการต่างๆ โดยงานวิจัยชิ�นนี� ได้ทดลอง ผลิตระบบจำนวนมากจากกระบวนการ 1. ทำแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ เพื�อการผลิตเป็นดินเผาหรือดินเผาเคลือบ และการกดด้วยอีพ็อกซี 2. การตัดด้วยแสง (laser cut) นอกจากนี�ผู้วิจัยได้ทำการออกแบบตราสัญลักษณ์เพื�อการส่งเสริมการตลาด เพื�อเป็นการสร้างมูลค่าของสินค้าให้มีความน่าเชื�อถือหรือนำไปต่อยอดด้านการ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยนำแนวคิดจากหน้าต่างของอาคารทรงคุณค่า ที�แม้ว่า จะมีรูปแบบหรือรายละเอียดด้านสถาปัตยกรรมที�แตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว หน้าต่างนั�นมีความใกล้เคียงของลักษณะบานไม้ซ้อนเป็นชั�นที�เป็นเอกลักษณ์ของ อาคารลักษณะนี� นำมาทำการลดทอนรายละเอียดและใช้เพียงเส้นรูปร่าง เพื�อ ความเรียบง่ายในการจดจำ การวิจัยครั�งนี�ใช้การเปรียบเทียบการผลิตแบบจำนวน โดยอ้างอิงกับการผลิตแบบ 1. การทำต้นแบบด้วยการปั�น และพิมพ์ระบบ 3 มิติ (3D Print) 2. การทำแม่พิมพ์แบ่งเป็นวัสดุเรซิ�น (หล่อตัน) ดินเผาหรือดินเผาเคลือบ (พิมพ์กด) และอีพ็อกซี (พิมพ์กด) 3. ตัดด้วยลำแสง (Laser cutting) เพื�อผลิตแบบจำนวนมาก ด้าน ราคาต้นทุน การทำสีและรายละเอียดความงาม โดยไม่สามารถหาข้อสรุปที�ระบุ ได้ชัดเจนว่าวิธีการหรือวัสดุใดดีที�สุด เพราะข่�นกับปัจจัยและทางเลือกตามแต่ วัตถุประสงค์จ่งเป็นเพียงข้อมูลแนวทางประกอบในการตัดสินใจ ซ่�งผู้วิจัยคาดว่า ในอนาคตรูปแบบและกระบวนการ รวมถ่งวัสดุอาจมีการพัฒนามากกว่าปัจจุบัน (พ.ศ. 2565)


54 | FACULTY พระพิฆเนศ กฤษณวงศ์ ศิวะพราหมณ์สกุล | สาขาวิชาศิลปศ่กษา คณะศ่กษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 65 x 80 ซม. | Computer Graphic โปรแกรม Adobe Illustratorข้าพเจ้าได้ออกแบบสร้างสรรค์ผลงาน “พระพิฆเนศ” ข่�น เพื�อใช้เป็นรู ปภาพ สัญลักษณ์ (Mascot) ในงานการประชุ มวิชาการระดับชาติ สาธิตวิชาการ ครั�งที� 8 ซ่�งจะดำเนินการจัดข่�นในระหว่างวันที� 8-9 ธันวาคม 2565 โดยทางโรงเรียน สาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั�งนี� ข้าพเจ้า จ่งนำภาพพระพิฆเนศซ่�งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร มาเป็นที�มาของแรงบันดาลใจในการออกแบบสร้างสรรค์ให้มีความสวยงามและร่วมสมัย ประกอบกับการคำน่งถ่งสอดคล้องเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของโครงการและ การนำไปใช้ โดยมีแนวความคิดในการออกแบบ ดังนี� “พระพิฆเนศปางทรงอักษร” (ศ่กษาอ่านตำรา) เหมาะสำหรับผู้ที�กำลังศ่กษาเล่าเรียนหนังสือ เพื�อให้มีสติปัญญา ความรอบรู้ และประสบความสำเร็จในทุกสิ�งที�กระทำ “พระวชิระ” เป็นสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย “วชิราวุธ” ใน พระบาทสมเด็ จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดการอุดมศ่กษาของไทย “ดอกบัว” หมายถ่ง ความดี การเป็นผู้รู้ผู้ตื�น ผู้เบิกบาน “ช้างเผือก” เป็นสัญลักษณ์แห่งความรู้ และยังมีความหมายเปรียบเปรยถ่งเยาวชนที�มีความรู้ความสามารถข้าพเจ้าจ่งสร้างสรรค์ผลงานโดยการออกแบบภาพร่างด้วยลายเส้นดินสอ เพื�อค้นหารูปทรง เรื�องราวในท่าทางที�มีชีวิตชีวา บุคลิกลักษณะที�มีความน่ารัก สวยงาม จากนั�นจ่งนำภาพลายเส้นเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แล้ววาดทับด้วยการสร้างภาพแบบเวกเตอร์ (Vector) พร้อมทั�งกำหนดโครงสีและทิศทางของแสงเพื�อให้ผลงานดูมีมิติ และใส่รายละเอียดผลงานจนเสร็จสมบูรณ์ ผลงาน “พระพิฆเนศ” ได้ ผ่านการเสนอในที� ประชุ มคณะกรรมการและคณะ อนุกรรมการเตรียมความพร้อมโครงการสาธิตวิชาการ ครั�งที� 8 โดยได้ รับความ เห็นชอบให้นำมาใช้เป็นรู ปภาพสัญลักษณ์ (Mascot) ในงานการประชุ มวิชาการ ระดับชาติ สาธิตวิชาการ ครั�งที� 8 ภายใต้แนวคิด “จินตนาการประสานภู มิปัญญา พัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ ก้าวทันโลกดิ จิ ทัล” ซ่�งผลงานดังกล่าวนี�ได้ยื�นแจ้ง ลิขสิทธิ�ผลงานสร้างสรรค์ในนามมหาวิทยาลัยศิลปากรต่อกรมทรัพย์ สินทาง ปัญญา ประเภทงานศิลปกรรม ลักษณะงานจิตรกรรม ทะเบียนข้อมูลเลขที� ศ1.052755 คำขอแจ้งข้อมูลเลขที� 404288 เมื�อวันที� 10 พฤษภาคม 2565 อีก ทั�งข้าพเจ้ายังได้นำผลงาน “พระพิฆเนศ” มาใช้เป็นสื�อการสอนในรายวิชา กราฟิกดีไซน์ สำหรับนักเรียนระดับชั�นมัธยมศ่กษาปีที� 5 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร (มัธยมศ่กษา)


FACULTY | 55 Character Design Ma-Doo (น้องมาดู) จากขนมพื้นถิ่นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาดูฆาตง เกวภร สังขมาศ | สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื�อ คณะวิทยาการสื�อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | [email protected] คอมพิวเตอร์กราฟิก ในพื�นที�สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยจังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เป็นพื�นที�ที�มีศิลปวัฒนธรรมหลากหลาย รวมทั�งเป็นพื�นที�ที�มีแหล่งท่องเที�ยวทาง ธรรมชาติ สถาปัตยกรรม วิถีชีวิต รวมถ่งอาหาร วัฒนธรรมการกิน และขนม พื�นถิ�นโบราณที�มีความน่าสนใจ ขนมพื�นถิ�นโบราณหลายชนิดที�สืบทอดกันมาในพื�นที�สะท้อนถ่งวัฒนธรรมในการ ดำเนินชีวิต และภูมิปัญญาได้เป็นอย่างดี ขนม“มาดู ฆาตง” เป็นภาษามลายู คำว่า “มาดู” แปลว่า “ผ่�ง” คำว่า “ฆาตง” แปลว่า “เกาะ” โดยรวมแปลได้ว่า เหมือนรังผ่�งบนกิ�งไม้ คล้ายลักษณะของขนม ที�ติดอยู่บนไม้ วิธีการทำขนมใช้ วัตถุดิบพื�นบ้าน คือ แป้งข้าวเหนียว มะพร้าวขูด กะทิ นำมานวดและปั�นติดกับ ไม้เสียบ นำไปย่างบนเตาไฟ เมื�อสุกจะส่งกลิ�นหอม นำมาราดน�ำกะทิ โรย น�ำตาลที�ผสมงา พร้อมรับประทาน ขนม “มาดู ฆาตง” เป็นขนมที�ไม่สามารถหา ได้ทั�วไป พบได้เฉพาะพื�นที� หรือในงานพิธีทางศาสนา ดังนั�น ภูมิปัญญาเหล่านี�จ่ง ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และเผยแพร่ เป็นที�มาของการศ่กษาเอกลักษณ์วัฒนธรรม อาหารพื�นบ้านขนม “มาดูฆาตง” จากร้านในพื�นที�สามจังหวัด และพัฒนา คาแรกเตอร์ที�มีรูปแบบเฉพาะ และเชื�อมโยงกับวัฒนธรรมของพื�นถิ�น งานคาแรกเตอร์ “น้องมาดู” พัฒนามาจากขนมพื�นบ้านที�สืบทอดทางวัฒนธรรม ชื�อภาษาถิ�นว่า “มาดู ฆาตง” ที�พบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเลือกใช้ชื�อ ในการเล่นคำ “มาดู” ที�เหมือนลักษณะเชิญชวนเข้ามาในพื�นที�ให้ลองมาดู โดย นำอัตลักษณ์ที�สืบทอดผ่านการทำขนมพื�นถิ�นโบราณมาใช้ในการออกแบบ เพื�อ ให้เกิดการรับรู้ และจดจำ ผ่านคาแรกเตอร์ที�มีความเชื�อมโยงกับวัฒนธรรมท้อง ถิ�น และสามารถนำไปใช้งานร่วมกับงานกราฟิกอื�นๆ ต่อไป โดยเริ�มต้นจากการ ลงพื�นที�เก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลที�ได้ โดยนำลักษณะเฉพาะของขนมมาใช้ร่วมกับท่าทางของมนุษย์ ร่างแบบในหลายท่าทาง จนได้แบบที�ลงตัว ลงสีด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์ สรุปอภิปรายของการสร้างสรรค์ ประโยชน์หรือองค์ความรู้ที�เกิดข่�น ได้คิดวิเคราะห์ หารูปแบบ และความเฉพาะตัวของคาแรกเตอร์ มีการปรับเปลี�ยนรูปแบบหลาย ครั�ง เพื�อนำมาสร้างเป็นคาแรกเตอร์ที�ชัดเจน แต่ตัวคาแรกเตอร์ที�ได้ยังขาดความ หลากหลาย ในการแสดงท่าทางเพื�อสื�อความหมายต้องพัฒนาต่อไป


56 | FACULTY ชุดตัวอักษรหอประวั ติ มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์ ดร.ชนกิตติ� ธนะสุข | สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื�อ คณะวิทยาการสื�อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | [email protected] 100 x 40 ซม. | การออกแบบตัวอักษร/กราฟิกมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ เริ�มก่อตั�งที� ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เมื�อปี พ.ศ. 2509 ในระยะแรกใช้ชื�อว่า ”มหาวิทยาลัยภาคใต้” (UNIVERSITY OF SOUTHERN THAILAND) ต่อมา ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2510 มหาวิทยาลัยฯได้ รับพระราชทานชื�อว่า มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ (PRINCE OF SONGKLA UNIVERSITY) ตามพระนามฐานันดรศักดิ�สมเด็จพระบรมราชชนกเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชกรมหลวงสงขลานครินทร์ จากการดำเนินงานมามากกว่า 50 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จ่งได้มีโครงการ จัดสร้างหอประวัติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีข่�น เพื�อจัด แสดงประวัติ เอกสาร ภาพถ่าย สิ�งของและหลักฐานทางประวัติ ศาสตร์ที� มีความ เกี�ยวข้องกับการก่อตั�งมหาวิทยาลัยฯ เพื�อเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลและเผยแพร่ ผลงาน การพัฒนาชุดตัวอักษรประวัติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จ่งถูกพัฒนา ข่�นเพื�อใช้ในการออกแบบนิทรรศการข้อมูลและสร้างอัตลักษณ์ให้หอประวั ติฯ รวมถ่งการสร้างให้เกิดบรรยากาศเห็นถ่งมหาวิทยาลัยฯ ในอดีตวัถตุประสงค์ 1) เพื�อศ่กษาอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผ่านเอกสาร และงานสถาปัตยกรรม ที� ปรากฎอยู่ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต ปัตตานี 2) เพื�อศ่กษาวิเคราะห์แนวทางการพัฒนารู ปแบบตัวอักษรสำหรับหอประวัติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี 3) เพื�อพัฒนารู ปแบบตัวอักษร ร่วมสมัยที� มี รู ปแบบเฉพาะตัวสะท้อนอัตลักษณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในอดีตชุดตัวอักษรหอประวัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พั ฒนาข่�นจากการศ่กษา เอกสารของมหาวิทยาลัยฯ ตัวอักษรที�ใช้ในมหาวิทยาลัยในส่ วนต่างๆ รวมถ่ง งานสถาปัตยกรรม เพื�อใช้ในการออกแบบโครงสร้างของตัวอักษร เพื�อให้ผู้ที�อ่านตัวอักษร รู้ส่กถ่งความร่วมสมัยของตัวอักษร และหวนน่กถ่งบรรยากาศในอดีตในการก่อตั�งมหาวิทยาลัยฯ โดยได้ผ่านการนำเสนอและปรับปรุงการออกแบบจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยในอดีตจำนวน 3 ท่าน โดยได้รับการรับรองและนำไปใช้ต่อไป การพั ฒนาชุดตัวอักษรหอประวั ติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้แนวทางใน การพั ฒนาตัวอักษรร่วมสมัยเฉพาะตัวสะท้อนอัตลักษณ์ มหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในอดีต โดยการทดลองและการนำเสนอแบบร่างพบว่า ตัวอักษรที�พัฒนาสามารถสร้างความรู้ส่กร่วมถ่งความเฉพาะตัวของมหา วิทยาลัยฯ ได้เป็นอย่างดี องค์ความรู้ที�ได้ จากการสร้างสรรค์ 1) ได้กระบวนการ ศ่กษาและวิเคราะห์แนวทางการออกแบบตัวอักษรจากอัตลักษณ์ที� ปรากฎอยู่ 2) ได้ศ่กษาค้นคว้าและทดลองสร้างสรรค์การพัฒนาตัวอักษร โดยใช้การวิเคราะห์ผ่านเอกสารและงานสถาปัตยกรรม ที�ปรากฎอยู่ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทำให้การพัฒนาตัวอักษรมีความเฉพาะตัวของมหาวิทยาลัยฯ 3) ได้ ชุดตัวอักษรการออกแบบนิทรรศการข้อมูลและสร้างอัตลักษณ์ให้หอประวัติฯ รวมถ่งการสร้างให้เกิดบรรยากาศเห็นถ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในอดีต


FACULTY | 57 Myna : นกเอี้ยง ดร.ศุภราภรณ์ ทวนน้อย | สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื�อ คณะวิทยาการสื�อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | [email protected] ความยาว 30 วินาที | Motion Graphic ปัญหาสิ�งแวดล้อมเป็นปัญหาที�ทั�วโลกตื�นตัวและให้ความสำคัญเพิ�มข่�น โดยปัญหา ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) นับว่าเป็นอีกปัญหาที�สร้าง ผลกระทบต่อการสูญพันธุ์ของสิ�งมีชีวิตและส่วนหน่�งเกิดจากการกระทำของ มนุษย์โดยการขาดความรู้ การสร้างความเข้าใจต่อระบบนิเวศสิ�งมีชีวิต ว่าแต่ละ ชนิดมีความหลากหลายและมีความจำเพาะอยู่ในแต่ละพื�นที� ซ่�งการเข้าไปเปลี�ยนแปลงพื�นที�ตามระบบนิเวศเดิมจะส่งผลให้สิ�งมีชีวิตที�ดำรงชีวิตหายไปด้วย เมื�อ มนุษย์เข้าใจถ่งปัญหานี�จะสามารถอยู่ร่วมกันกับสิ�งมีชีวิตอื�นได้อย่างยั�งยืน วัตถุประสงค์ 1) เพื�อออกแบบ Motion Graphic เรื�อง “Myna : นกเอี�ยง” 2) เพื�อสร้างความเข้าใจเรื�องความหลากหลายทางชีวภาพ แนวความคิด “เข้าใจสิ�งใกล้ตัวและอยู่ร่วมกันได้” ในด้านสัณฐานวิทยา (Morphology) สิ�งมีชีวิตที�มีชื�อเหมือนกันจะมีลักษณะที�มีความแตกต่างกันในแต่ละจุด โดยผู้สร้างสรรค์ได้ใช้กรณีศ่กษาคือนกเอี�ยง (Myna) เพราะมีความใกล้ชิดกับ มนุษย์มากที�สุด ความหลากหลายของนกเอี�ยงแต่ละชนิด จะมีลักษณะที�แตกต่าง กัน และอาศัยอยู่ในสิ�งแวดล้อมจำเพาะที�แตกต่างกันด้วย แม้จะมีชื�อเรียกว่านก เอี�ยงเหมือนกัน รายละเอียดดังนี� นกเอี�ยงสาลิกา (Common Myna) พบเห็นได้ บ่อยที�สุด อาศัยอยู่ในเขตเมือง นกเอี�ยงหงอน (Great Myna) อาศัยอยู่ในแถบ ชานเมืองและในเมือง นกเอี�ยงควาย (Jungle Myna) อาศัยอยู่แถบทุ่งนา พื�นที� ชุ่มน�ำและนอกเมือง และนกเอี�ยงชวา (Javan Myna) อาศัยอยู่บริเวณชายป่า หากินทั�งในพื�นที�ทุ่งและพื�นที�เขตเมือง กระบวนการสร้างสรรค์ 1) ศ่กษาปัญหาด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และ ศ่กษาข้อมูลความหลากหลายของนกเอี�ยงในภาคใต้ 2) ออกแบบบท Motion Graphic เรื�อง “Myna : นกเอี�ยง” และออกแบบตัวละคร นกเอี�ยงแต่ละชนิด โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายจริง และให้ผู้เชี�ยวชาญด้านนกตรวจสอบความถูกต้อง 3) ออกแบบการเคลื�อนไหวเรียงลำดับชนิดของนกเอี�ยงจากชนิดที�ใกล้ชิดกับ มนุษย์มากที�สุดไปสู่ชานเมืองและชายป่า 4) ตัดต่อภาพเคลื�อนไหวและเสียงของ นกเอี�ยงแต่ละชนิดจากฐานข้อมูลเสียงนก https://xeno-canto.org และเผย แพร่ทาง Youtube : https://www.youtube.com/watch?v=NUp74CFKiFU สื�อ Motion Graphic เรื�อง “Myna : นกเอี�ยง” เป็นแนวทางในการสร้างความ เข้าใจถ่งความหลากหลายของสิ�งมีชีวิตใกล้ตัวมนุษย์และสร้างความตระหนัก ต่อการอยู่ร่วมกันของสิ�งมีชีวิตในระบบนิเวศได้


58 | FACULTY ย่านใต้ ดร.กำธร เกิดทิพย์ | สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื�อ คณะวิทยาการสื�อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | [email protected] 40 x 40 ซม. | ดิจิทัลกราฟิก สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื�นที�หน่�งของประเทศไทยที�อุดมไปด้วยต้นทุนทางวัฒนธรรม ตลอดจนทรัพยากรป่าไม้ ซ่�งหากมองไปที�ลักษณะลวดลายบน ข้าวของเครื�องใช้ต่างๆ ในงานหัตถกรรม หรือลวดลายประดับตามสถาปัตยกรรม ต่างๆ ในพื�นที� จะเห็นว่ารูปแบบลวดลายที�นิยมคือลวดลายที�ดัดแปลงหรือได้รับ แรงบันดาลใจมาจากพืชพรรณธรรมชาติ โดยพืชที�มีลักษณะเด่นและถือว่าเป็น หน่�งในตัวแทนพืชท้องถิ�นคือต้นใบไม้สีทองหรือย่านดาโอ�ะ ซ่�งเป็นพันธุ์ไม้หายาก ของไทย ค้นพบได้ในจังหวัดนราธิวาส มีลักษณะเป็นย่าน เป็นเถา ใบมีลักษณะ คล้ายรูปหัวใจด้านหลังของใบแก่มีลักษณะเป็นขนกำมะหยี�สีน�ำตาลทอง นิยมนำ มาเข้ากรอบเป็นของฝากจากพื�นที�จังหวัดนราธิวาส และสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้ แต่ทั�งนี�การดัดแปลงรูปลักษณ์ของย่านดาโอ�ะเพื�อนำไปใช้สอยในลักษณะอื�น ยังพบเห็นได้น้อยอยู่ ดังนั�นในงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�ผู้จัดทำจ่งมีวัตถุประสงค์เพื�อ นำลักษณะเฉพาะของย่านดาโอ�ะ ผสมกับถ้อยคำที�มีความหมายมาออกแบบเป็น ลวดลายเพื�อสื�อสาร สร้างความแตกต่าง และการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะ ของภูมิภาค การเล่าเรื�องความอุดมสมบูรณ์ของพื�นที�ภาคใต้โดยใช้ถ้อยคำภาษาไทยและรูป ลักษณะเฉพาะของพืชประจำถิ�นผ่านการออกแบบลวดลายเพื�อใช้บนผลิตภัณฑ์ ซ่�งเมื�อผลิตภัณฑ์ถูกนำไปใช้ยังสถานที�ต่างๆ นั�นก็เปรียบเสมือนเรื�องราวที�ได้ ฝังไว้ในลวดลายได้ถูกเล่ายังสถานที�ต่างๆ นั�นด้วย โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ คือเริ�มจากการวิเคราะห์ลักษณะรูปทรงและลักษณะเฉพาะของต้นใบไม้สีทอง และหาความสอดคล้องระหว่างองค์ประกอบของต้นใบไม้สีทอง กับถ้อยคำภาษา ไทย ซ่�งจากการวิเคราะห์ความสอดคล้องพบว่า ส่วนใบที�มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ และส่วนยอดไม้ที�มีลักษณะม้วนเข้า มีความสอดคล้องกับลักษณะตัวอักษรไทยที� ประกอบเป็นคำว่า “ใต้” ผู้จัดทำผลงานจ่งใช้องค์ประกอบดังกล่าวมาสร้างสรรค์ผลงาน การทำผลงานสร้างสรรค์ชุดนี�ทำให้เกิดมุมมองการหาความเชื�อมโยงความ สัมพันธ์จากการมององค์ประกอบของสองสิ�งที�ต่างกัน และได้ชุดลวดลายใหม่ เพื�อสื�อสารถ่งภาคใต้ โดยเฉพาะสามจังหวัดภาคใต้ และในครั�งต่อไปอาจใช้คำ ในท้องถิ�น ผสมผสานกับต้นทุนวัฒนธรรมต่างๆ ในการสร้างสรรค์ผลงาน


FACULTY | 59 โครงการออกแบบบทบรรณาธิการ หนังสือ “3706” (ฉบับที่ 1 ปีค.ศ. 2020 และ 2 ปีค.ศ. 2021) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณัฐนันทน์ แนวมาลี | สาขาวิชาออกแบบสื�อสารสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ | [email protected] ฉบับที� 1: 21 x 29.7 ซม. จำนวน 82 หน้า และฉบับที� 2 : 21 x 21 ซม. จำนวน 46 หน้า | สร้างสรรค์ผลงานด้วยโปรแกรม Adobe Illustrator และ In-design ตีพิมพ์ด้วยระบบ Digital Print หนังสือการออกแบบการสื�อสารเชิงข้อมูล “3706” คือโครงการรวบรวมผลลัพธ์ การเรียนรู้ จัดทำเป็นหนังสือด้านการออกแบบการสื�อสารเชิงข้อมูล (Information Graphic Design) ของนักศ่กษา ศิษย์เก่า และอาจารย์จากสาขาวิชาการ ออกแบบนิเทศศิลป์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพื�อจัดจำหน่าย และนำเสนอในเทศกาลหนังสือศิลปะ Bangkok Art Book Fair 2020 โดยชื�อ หนังสือมาจากเลขรหัสวิชา VIS3706 Information Graphic Design ซ่�งถูกจัด ทำมาเป็นจำนวนทั�งสิ�น 2 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที� 1 ปี ค.ศ. 2020 มีชื�อเล่ม ว่า “3706 : The Future of 4 Requisites” ประกอบด้วย 13 ผลงานย่อย และฉบับ ที� 2 ปี ค.ศ. 2021 มีชื�อเล่มว่า “3706 : Super Suspicion” ประกอบด้วย 8 ผลงานย่อย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื�อให้นักศ่กษาได้เรียนรู้กระบวนการออกแบบ ตั�งแต่เริ�มต้นคิดโจทย์ จนกระทั�งถ่งกระบวนการจัดทำ ตีพิมพ์และเผยแพร่ หนังสือผ่านช่องทางต่างๆ รวมถ่งให้นักศ่กษาได้ตระหนักรู้ในคุณค่าในวิชาชีพ นักออกแบบ ที�ควรมีส่วนในการคิด สะท้อนองค์ความรู้ รวมถ่งการช่วยเหลือ สังคมในศาสตร์ที�ตัวเองถนัด แนวคิดของผลงานในหนังสือแต่ละฉบับเกิดจากสิ�งที�เกิดรอบตัว ตั�งแต่การ ระบาดของโควิด-19 ช่วงปี ค.ศ. 2019 โดยฉบับแรกเป็นเนื�อหาเกี�ยวกับหรือ อนาคตของปัจจัย 4 ที�ไม่แน่นอน ซ่�งท้าทายมนุษย์ในการดำรงอยู่ เป็นคำถามถ่ง การดำเนินชีวิตในอนาคต ส่วนฉบับที� 2 คือ หรือความสงสัยใคร่รู้ ของแต่ละ บุคคล เช่น ประวัติศาสตร์ สิ�งล่กลับต่างๆ โดยทั�งสองเล่มเน้นใช้แค่สีขาวดำเพื�อ นำเสนอความชัดเจนในการสื�อสาร รวมถ่งการท้าทายให้นักออกแบบสามารถ สร้างสรรค์ได้ โดยแบ่งกระบวนการจัดทำเป็น 3 ส่วนคือ 1) เริ�มต้นพัฒนา แนวคิดหนังสือ การพัฒนาข้อมูลและออกแบบเนื�อหาในเล่ม 2) การออกแบบ รูปเล่ม การเตรียมอาร์ตเวิร์ค และการตีพิมพ์ 3) ส่วนการวางแผนการประชา สัมพันธ์หนังสือ และการจัดทำการนำเสนอผ่านในสื�อออนไลน์ต่างๆ ข้อสรุปจากการสร้างสรรค์ผลงานหลังจากตีพิมพ์หนังสือทั�งสองฉบับ พบว่างาน ออกแบบสิ�งพิมพ์ที�ดี แม้จะอยู่ในข้อจำกัดเรื�องต้นทุนการผลิต ก็สามารถผลิตผล งานที�น่าสนใจและมีคุณค่าได้ หัวใจสำคัญคือเนื�อหาที�ดี พร้อมทั�งงานออกแบบ กราฟิกกับองค์ประกอบภาพที�ร่วมสมัย น่าสนใจ ควรคำน่งถ่งการเลือกใช้วัสดุใน การพิมพ์ที�ราคาประหยัด แต่เหมาะสมกับรูปแบบ ขนาด ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบ ที�สำคัญทั�งสิ�น ข้อเสนอแนะในการจัดทำเล่มต่อไป ควรจะมีความร่วมมือมากข่�น จากกลุ่มบุคคล สถาบัน องค์กร ที�ทำให้หนังสือเล่มนี�มีการพัฒนาเนื�อหาในมิติที� ล่กซ่�งข่�น เพื�อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้างต่อไปในอนาคต


60 | FACULTY Decade ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ธีรวัฒน์ พจน์วิบูลศิริ | สาขาวิชาออกแบบสื�อสารสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ | [email protected] 60 x 90 ซม. | Vector Collage ตั�งแต่ปี พ.ศ. 2555 แนวคิดการใช้ ทุนทางวัฒนธรรมในงานออกแบบกราฟิกโดย ไม่ทิ�งคุณค่าเดิ ม โดยไพโรจน์ ธีระประภา และไพโรจน์ พิทยเมธี ในงาน นิทรรศการ “แรงบันดาลไทย” ได้ ถูกนำเสนอในเวลานั�น 10 ปี แห่งการเผยแพร่ แนวคิดนี� นำมาสู่การทำงานของตัวผู้เขียน ปรับปรุงและพัฒนาต่อเนื�องเรื�อยมา จนเป็นหน่�งในผู้ที�รับแนวคิดมาใช้ทำงานออกแบบ รวมไปถ่งการเรียนการสอน ถ่ายทอดสู่นักออกแบบรุ่นหลังอยู่อย่างสม�ำเสมอ ซ่�งทุนทางวัฒนธรรมที�นำมาใช้ได้นั�นปรากฏอยู่ทั�วทุกพื�นที�ของประเทศไทย หากแต่ผู้ใช้มีความจำเป็นต้องใช้อย่างถูกบริบท ประกอบการจัดองค์ประกอบเพื�อที�จะสื�อสารในสิ�งที�ต้องการได้ตัวนักออกแบบเองไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใดก็สามารถหยิบจับเอาทุนทางวัฒนธรรม นั�นมาสร้างคุณค่าในการใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้เช่นกัน วัตถุ ประสงค์ในการ ทำงานออกแบบชิ�นนี�นั�น ก็เพื�อแสดงให้เห็นถ่งคุณค่าของทุนทางวัฒนธรรม ที� ถูก ถ่ายทอดออกมาในรู ปแบบของเวคเตอร์ เพื�อที� จะนำไปสร้างสรรค์งานออกแบบ ประเภทต่างๆ และเพื�อสร้างความเป็นไทยให้เกิดข่�นในงานออกแบบ สู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ต่อไป แนวความคิด คือ ทุนทางวัฒนธรรมสร้างชาติ หมายถ่งการใช้ ทุนทางวัฒนธรรม ในงานออกแบบกราฟิกที�เป็นภาษาสากล สามารถสร้างและถ่ายทอดความเป็น ไทยไปสู่นานาชาติได้ ส่ วนกระบวนการสร้างสรรค์นั�น เริ�มจากการถ่ายรูปทุนทาง วั ฒนธรรมจากที� ต่างๆ ผ่านกระบวนการลดตัดทอนให้อยู่ในรู ปแบบเวคเตอร์ ลงสี จัดองค์ประกอบ และจ่งนำเวคเตอร์ทั�งหมดมาจัดวางใหม่ในรู ปแบบของ แผนที� ประเทศไทยที� อัดแน่นไปด้ วยทุนทางวั ฒนธรรม เวคเตอร์ จากทุนทาง วัฒนธรรมทั�งหมดจ่งหมายรวมถ่งการนำมาสร้างเป็นชาติ (แผนที�) ใช้ สี ธงชาติ ไทย คือ แดง น�ำเงิน และขาว โดยที� มีการกระจายน�ำหนักของทั�ง 3 สีอย่างผสม กลมกลืน การกระจายตัวของเวคเตอร์ในแผนที� เป็นตัวแทนของการผสมผสาน และการอยู่ร่วมกัน องค์ความรู้ที�ได้ จากการทำงานนั�น โดยหลักจะเป็นเรื�องของการจัดองค์ประกอบ ของเวคเตอร์ทั�งหมด ขนาด น�ำหนัก ความท่บความโปร่ง ช่องว่าง การหมุน การสลับและการกระจายสี ทำอย่างไรจ่งจะให้เวคเตอร์จำนวนมากเหล่านี�อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนในทุกๆ องค์ประกอบข้างต้น เช่นเดียวกันทุนทางวัฒนธรรมในประเทศไทยเองก็มีความผสมกลมกลืน บริบทในการใช้งาน องค์ประกอบศิลป์ รวมไปถ่งประสบการณ์ของผู้ออกแบบ หากใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะช่วยให้ความเป็นไทยถูกเผยแพร่ออกไปสู่สากลได้ด้วยพลังของงานออกแบบกราฟิก ซ่�งนักออกแบบเองก็จำเป็นที�จะต้องศ่กษาให้เข้าใจเกี�ยวกับทุนทางวัฒนธรรมนั�น ก่อนการนำไปใช้ เพื�อให้ถูกต้องตามบริบท สามารถสื�อสารไปสู่สังคม โดยที�ยัง คงคุณค่าของความเป็นไทยได้อย่างเต็ มเปี�ยม


FACULTY | 61 Mobile first website interface for older adults ดร.พัฒนะ ดวงพัตรา | สาขาการสื�อสารเชิงพาณิชย์อย่างสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ | [email protected] 38.5 x 43.7 ซม. | Digital ผู้สูงอายุคือบุคคลที�มีอายุตั�งแต่ 60 ปี ข่�นไป การเข้าสู่วัยสูงอายุนั�นไม่สามารถ ปฏิเสธความเสื�อมทางกายภาพและจิตใจได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสื�อมทางการมอง เห็น การได้ยิน การเคลื�อนไหว เป็นต้น ซ่�งขีดจำกัดความสามารถที�บกพร่องนั�น ส่งผลต่อการใช้งานและการเข้าถ่งอุปกรณ์ต่างๆ รวมถ่งอุปกรณ์ดิจิทัล หรือ โทรศัพท์มือถืออีกด้วย ปัจจุบันผู้สูงอายุใช้โทรศัพท์มากข่�น และมีการใช้งาน อินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ที�สูงข่�น ส่วนมากจะเข้าถ่งโดยใช้อุปกรณ์มือถือเพราะสะดวกง่ายต่อการพกพา แต่เนื�องจากความเสื�อมและความบกพร่องทางกายที�กล่าวมา ข้างต้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถ่งข้อมูล หรือการเข้าถ่งการใช้งานต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือได้เพื�อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าวการออกแบบครั�งนี�จ่งมี วัตถุประสงค์เพื�อออกแบบเว็บไซต์ต้นแบบบนมือถือ (Mobile First Website) เพื�อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถ่งได้ง่าย และสะดวกต่อการใช้งานของผู้สูงอายุ ต้นแบบเว็บไซต์สำหรับผู้สูงอายุบนมือถือจะช่วยลดภาระในการใช้งานของผู้ สูงอายุและทำให้ผู้สูงอายุเข้าถ่งข้อมูลการใช้งานได้ง่ายข่�น โดยกระบวนการ สร้างสรรค์ได้เริ�มต้นจากการทบทวนวรรณกรรมต่างๆ รวมถ่งงานวิจัยที�ได้ทำไว้ ก่อนหน้านี� 1 นำมาวิเคราะห์และสรุปปัญหาต่างๆ ออกมาเป็นแนวทางในการ แก้ไข และแนวทางการการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื�องรูปแบบ ขนาดตัวหนังสือ ความแตกต่างของสี ตำแหน่ง ขนาดของปุ่ม รวมถ่งโครงสร้างของเว็บไซต์ และ พฤติกรรมการใช้งานของผู้สูงอายุ แล้วนำมาสร้างต้นแบบบนคอมพิวเตอร์ ผ่าน โปรแกรมฟิกม่า (Figma) โดยในการออกแบบได้บูรณาการแนวคิดศิลปะมินิมอลลิสม์ ลดละในสิ�งที�ไม่จำเป็นออก และคงอยู่เพื�อประโยชน์ต่อการใช้งานที�เรียบง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน จากการทบทวนวรรณกรรม บทความวิจัย และเอกสารต่างๆ จ่งนำมาสร้าง ต้นแบบเว็บไซต์สำหรับผู้สูงอายุบนมือถือและเห็นวิธีการนำไปประยุกต์ใช้ โดย การออกแบบเว็บไซต์ต้นแบบบนมือถือเพื�อผู้สูงอายุจะเป็นแนวทาง และเป็น ประโยชน์ต่อการออกแบบ และวงการออกแบบส่วนต่อประสานบนมือถือ เพื�อนำ ไปต่อยอดและพัฒนาการออกแบบต่อ เพื�ออำนวยความสะดวกในการเข้าถ่ง ข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้สะดวกข่�น ส่งผลดีต่อผู้ใช้งานโดย เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ซ่�งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมกลุ่มผู้สูงอายุเต็มรูปแบบใน ไม่ช้านี�อีกด้วย 1 Duangpatra, Patana, Bunchoo Bunlikhitsiri, and Peera Wongupparaj. 2021. “The Competency in Using Smartphones of the Homebound Older Adult.” International Journal of Interactive Mobile Technologies (IJIM) 15(09):136–53. doi: 10.3991/ijim.v15i09.20885.


62 | FACULTY เก้าอี้หลายเฟรม Many Monoframes chair ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ปิ ติ คุ ปตะวาทิน | ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 48 x 50 x 70 ซม. | Useless Broken Monoframe Plastic Chair, Fittings, Heating toolsเก้าอี�พลาสติกแบบเฟรมเดียว ส่ วนใหญ่ผลิตจากพลาสติกโพลีโพเพลีน (Poly Propylene) ที� มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั�นหากการออกแบบยังไม่เอื�อให้โครงสร้าง แข็งแรงเหมาะสม และวัสดุ ผ่านการนำกลับใช้ใหม่หลายๆ ครั�ง1 โดยเฉพาะเก้าอี� แบบชิ�นเดียว (Monobloc2 ) การนำชิ�นส่ วนที�เหลือจากการใช้งานมาประกอบเข้า กันใหม่ กลายเป็นเก้าอี�อีกครั�ง น่าจะเป็นประโยชน์ ต่อผู้เกี�ยวข้องต่อไป วัตถุ ประสงค์ของการสร้างสรรค์ 1) เพื�อศ่กษาและทดลองนำรู ปทรงเหลือใช้ ไร้ ประโยชน์ มาใช้งานอีกครั�ง 2) เพื�อสร้างสรรค์ผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้ วย เทคนิคเชิงทดลองต่างๆ ที� มีผลต่อเนื�อพลาสติกที� ถูกข่�นรู ปโดยใช้ อุณหภู มิเพื�อ เปลี�ยนสถานะวัสดุและการข่�นรูปด้ วยโมลด์แบบฉีด (thermo forming, injection molding) ในระบบอุตสาหกรรม 3) เพื�อออกแบบเก้าอี�ที� มีโครงสร้างเหมาะสม กับการใช้งานต่อไปได้ 4) เพื�อสร้างสรรค์ผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์ที� จะนำไปสู่ การพั ฒนาทักษะและแลกเปลี�ยนองค์ความรู้ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ไนแง่ มุ มใหม่ สนับสนุนแนวทางในการสร้างสรรค์งานออกแบบผลิตภัณฑ์แก่ผู้สนใจทั�วไป แนวความคิด กระบวนการสร้างสรรค์ การนำชิ�นส่ วนที� มี รู ปทรงหลากหลายจาก ผลิตภัณฑ์ตั�งต้น มาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ โดยกำหนดให้ ยังคงคุณลักษณะพื�นฐาน ที�พ่งมีเอาไว้ ผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์นี� ผ่านกระบวนการพั ฒนาโดยคำน่งถ่งเหตุ ปั จจัยที� เกี�ยวข้อง แนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงทดลองที�สามารถใช้ อุ ปกรณ์งานช่าง และทักษะขั�นพื�นฐาน เพื�อพัฒนารู ปทรงทางอุตสาหกรรมสำเร็จรูปที�ชำรุดหรือผิด รูปจนสูญเสียคุณลักษณะทางกายภาพ นำกลับมาใช้งานได้เท่าเดิมอีกครั�ง องค์ความรู้ที�ได้ รับจากการสร้างสรรค์ : 1) ได้เรียนรู้และปฏิ บัติการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขั�นตอนต่างๆ ของการออกแบบและ ข่�นต้นแบบ 2) ได้ศ่กษา ได้ ค้นคว้า ได้ทดลอง และได้สร้างสรรค์ผลงานการ ออกแบบผลิตภัณฑ์ จากสิ�งเหลือใช้เพื�อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานของ ผู้สนใจทั�วไป 3) ได้เผยแพร่ผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, การข่�นรูปแบบเทอร์โมฟอร์มมิ�ง, เข้าถ่งเมื�อ 31 สิงหาคม 2565, http://eng.sut.ac.th/polymer/2015/newversion/administrator/document/ subjectDocument/14367737481865.pdf 2 Amata, เก้าอี�วัด?งานศิลปะ?, เข้าถ่งเมื�อ 31 สิงหาคม 2565, https://www.buildernews. in.th/archdesign-cate/46679.sut.ac.th/polymer/2015/newversion/administrator/ document/subjectDocument/14367737481865.pdf


FACULTY | 63 หยิบ จับ ถือ Cylindrical objects signaling hand gripping ดร.อาริยา อัฐวุฒิกุล | ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 14 x 2.5, 10 x 2.5 และ 7 x 2.5 ซม. | การข่�นรูป 3dmax model และวัสดุ ยางสังเคราะห์ 3d printing ที�มาและความสำคัญ : การเปลี�ยนแปลงทางภายภาพและการเคลื�อนไหวช้าลง ของอายุที�เพิ�มมากข่�น1 ส่งผลกระทบโดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยาง ทำให้ ประสิทธิภาพในการกรีดยางได้ลดน้อยลง และผลผลิตที�ได้มีปริมาณ และคุณภาพ ลดลง2 โดยมีสาเหตุจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื�อบริเวณข้อมือและนิ�วมือ3 ที�ใช้ในการรองรับการหยิบ จับ และถือมีดกรีดยางต้องแบกรับแรงกดและแรงด่งที�ไม่ ได้รองรับการใช้งานตามขนาดสัดส่วนของนิ�วมือและฝ่ามือของเกษตรกร งานสร้างสรรค์ชิ�นนี�มีวัตถุประสงค์ที�ใช้ในการศ่กษา คือ 1) ลักษณะในการออกแบบ ด้ามจับและคุณสมบัติของวัสดุตามหลักการยศาสตร์จากองค์ประกอบจุด เส้น และ ระนาบ 2) ออกแบบด้ามจับตามหลักการยศาสตร์เพื�อรองรับการหยิบ จับ ถือ และ 3) นำเสนอแนวทางการออกแบบด้ามจับอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์เพื�อรองรับ การหยิบ จับ ถือ ตามหลักการยศาสตร์สำหรับการรับรู้ต่อผู้ใช้งาน แนวความคิด : การออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักการยศาสตร์ผสานทฤษฎีการ รับรู้ และการตอบสนองต่อการใช้งานของผลิตภัณฑ์มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ และสร้างสรรค์ผลงานด้ามจับมีดกรีดยางเพื�อบรรเทาอาการปวดเมื�อยจากการ กรีดยางของเกษตรกรชาวสวนยาง กระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน 1) การศ่กษาลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุยาง สังเคราะห์ที�เหมาะสมต่อการผลิตและการใช้งานสามารถลดแรงกด แรงด่ง การ จับถนัดมือแรงด่งและแรงกด 2) การสร้างต้นแบบขนาดเท่าชิ�นงานจริงเพื�อ ทดสอบการรองรับแรงกดและแรงด่ง 3) การนำชิ�นงานขั�นสุดท้ายไปทำการ สอบถามข้อมูลหลังจากเกษตรกรชาวสวนยางทดลองใช้งานจริง เพื�อทราบข้อดี และข้อเสียของด้ามมีดกรีดยาง และนำกลับมาใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้าม มีดกรีดยาง องค์ความรู้หรือผลที�ได้จากการปฏิบัติงานสร้างสรรค์ : 1) แนวทางการออกแบบ ด้ามจับและคุณสมบัติของวัสดุตามหลักการยศาสตร์จากองค์ประกอบจุด เส้น และ ระนาบ 2) ผลงานออกแบบด้ามจับอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์เพื�อรองรับการหยิบ จับ ถือ ตามหลักการยศาสตร์สำหรับการรับรู้ต่อผู้ใช้งาน 1 Atthawuttikul, A (2022). A Design Guideline for House Rest or Lean Area to which Elderly People Against, based on a Survey of Degree of Fatigue while Strapping on a 6-to-18 month Baby Carrier. Journal of the Faculty of Architecture King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang. 34(24) (January-June 2022). pp. 49-64. 2 กรมวิชาการเกษตร. 2559. ภาวการณ�ผลิตพืชรายเดือน ข�อมูลปลูกพืชเศรษฐกิจของจังหวัด ระยอง พ.ศ. 2558-2559. สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร. โรงพิมพ�ชุมนุมสหกรณ�แห�ง ประเทศไทย จํากัด. 3 บุญสิน ตั�งตระกูลวนิช และคณะ 2553. โครงการปัญหาและแนวทางการแก�ปัญหาในผู� ประกอบอาชีพกรีดยางพารา. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ� ชุดโครงการยางพารา สกว. เอกสารอัดสําเนา.


64 | FACULTY Day Night City ไกรสร ลีสีทวน | ภาควิชาเครื�องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 47 x 45 ซม. | การข่�นรูปด้วยมือ ดินสี สีใต้เคลือบ การเป่าแก้ว เมื�อครั�งในวัยเด็กข้าพเจ้ามีความชื�นชอบในการเลี�ยงนกเขาและมีความผูกพันมาก เมื�อข้าพเจ้าเติบโตข่�นและได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง จ่งมักย้อนกลับไปน่กถ่ง ช่วงเวลาในวัยเด็กอยู่เสมอ พวกนกเขาที�เข้ามาอยู่ในเมืองเหล่านี� ได้สร้างรังตั�ง ถิ�นฐานตามต่กรามบ้านช่องต่างๆ มากมาย จ่งอดคิดไม่ได้ว่าพวกนกเขาช่าง เหมือนกับมนุษย์เราที�ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างแออัดในเมืองใหญ่ ต่างกันเพียงแค่ นกนั�นมีปีกโบยบินไปมาได้แต่ถ่งอย่างนั�นไม่ว่ามนุษย์หรือนกก็มักจะมีมุมมองที�น่ารักและน่าจดจำเสมอ ข้าพเจ้าจ่งอยากถ่ายทอดมุมมองเล็กๆ มุมมองหน่�ง ให้ ได้เห็นถ่งความน่ารัก การเติบโตและการอยู่ร่วมกันของเหล่านก สิ�งมีชีวิตที�ต้อง พ่�งพาอาศัยซ่�งกันและกันกับสิ�งปลูกสร้างในเมืองใหญ่นี� ข้าพเจ้าใช้เทคนิคการข่�นรูปด้วยมือ ซ่�งเป็นการสร้างชิ�นงานเครื�องเคลือบดินเผา แบบพื�นฐานดั�งเดิม และได้ใช้ลายเส้นในการเพ้นท์ชิ�นงานแบบเรียบง่ายและรวดเร็ว ซ่�งมีแรงบันดาลใจมาจากวัยเด็กที�แม่ของข้าพเจ้านำชอล์กสีต่าง ๆ มาให้ ข้าพเจ้าเขียนเล่นตรงพื�นหน้าบ้านเสมอในช่วงเวลาที�แม่ของข้าพเจ้าทำงานบ้าน ซ่�ง ข้าพเจ้ามักจะเขียนเส้นวิวทิวทัศน์และสัตว์ต่างๆ เป็นลายเส้นที�มีความเรียบง่ายไม่ ซับซ้อน และเป็นแค่เส้นแสดงรูปร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั�น สีที�เลือกนำมาใช้ เป็นแม่สีเหมือนสีที�ใช้ในวัยเด็ก แต่การสร้างสรรค์ผลงานในครั�งนี�มีการเพิ�ม เทคนิคการเป่าแก้วร้อน โดยสร้างเป็นรูปทรงเกสรดอกไม้ แล้วนำมาติดในส่วน ด้านบนของชิ�นงาน เพื�อเพิ�มรายละเอียดและความน่าสนใจ ส่วนล่างของตัวชิ�น งานวาดลายเส้นต่กด้วยเทคนิคสีใต้เคลือบ แสดงให้เห็นถ่งความหนาแน่นของสิ�ง ปลูกสร้างในเมืองหลวงที�นกอาศัยอยู่ แล้วขยายต่อเป็นรูปทรงที�เชื�อมออกไปยัง พื�นที�แห่งจินตนาการ ตรงปลายติดด้วยเกสรเพื�อแสดงให้เห็นถ่งการเจริญเติบโต การนำการเป่าแก้วร้อนมาสร้างสรรค์จัดองค์ประกอบร่วมกับผลงานเครื�องเคลือบ ดินเผา ทั�งรายละเอียด ลักษณะของวัสดุและพื�นผิว ความโปร่งใสที�แตกต่างกัน เป็นการเพิ�มขอบเขตให้การสร้างผลงานเครื�องเคลือบดินเผามากข่�น ทั�งนี�เพื�อให้ นักศ่กษาและบุคคลทั�วไปได้ใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้มี มุมมองที�แปลกใหม่มากข่�น


FACULTY | 65 หิมพานต์ประดิษฐ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชาติชาย คันธิก | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 20 x 30 x 1 ซม. | สลักดุนโลหะ ป่าหิมพานต์ หรือหิมวันต์ เป็นชื�อป่าที�อยู่ในวรรณคดีไทยโบราณ เป็นสถานที� จำลองความเชื�อเรื�องไตรภูมิอันเป็นคตินิยมของศาสนาฮินดูและพุทธ ป่าหิมพานต์ ตั�งอยู่ ณ บริเวณเชิงเขาพระสุเมรุ มีเนื�อที�กว้างใหญ่ ประมาณ 3,000 โยชน์ โดย 1 โยชน์ มีจำนวนกว้างใหญ่เท่ากับ 16 กิโลเมตร หรือวัดพื�นที�รอบป่าจักได้ จำนวน 9,000 โยชน์ ป่าหิมพานต์เต็มไปด้วยวัตถุประดับประดาและวิจิตร ประกอบด้วยยอดเขามากกว่า 80,000 ยอด มีสระน�ำขนาดใหญ่จำนวน 7 สระ ซ่�งหน่�งในสระที�สำคัญ คือสระอโนดาตที�แวดล้อมด้วยยอดเขาหิมพานต์ทั�งห้า โดยเขาแต่ละยอดมีส่วนสูงและสัณฐานประมาณ 200 โยชน์ มีพื�นที�กว้างและ ยาวมากถ่ง 50 โยชน์ 1 จากความงามของป่าหิมพานต์ในวรรณคดีที�มิได้มีอยู่จริง เราสามารถเข้าถ่งได้ด้วยการอ่านและจินตนาการส่วนบุคคล ซ่�งจินตนาการของ ผู้อ่านแต่ละคนนั�นย่อมแตกต่างตามประสบการณ์ ด้วยเหตุนี� ผู้สร้างสรรค์จ่ง ต้องการใช้ทักษะประณีตศิลป์ไทยอันถือเป็นหน่�งในวิธีการสร้างจินตภาพของ ตนเองให้เป็นที�ปรากฏ ทั�งนี� ยังแสดงออกถ่งประสบการณ์ทางสุนทรียะที�จับต้องได้ ผลงานการสร้างสรรค์โลหะภัณฑ์สื�อสารถ่งสัตว์และป่าหิมพานต์ในภาพความคิด แสดงออกด้วยกระบวนการสร้างสรรค์รูปลักษณะใหม่ มุ่งเน้นการรีฟอร์มรูปทรง ธรรมชาติ (Natural form) อันเป็นข้อมูลต้นแบบประกอบกับลวดลายที�มีลักษณะ เหนือความจริงหรือเรียกอีกอย่างว่าความงามเชิงอุดมคติ ซ่�งถือเป็นลักษณะทาง ความงามของทัศนศิลป์ไทยโบราณ นอกจากนี�ยังเสริมสร้างรูปลักษณะของ สรรพสัตว์ทั�งหลายให้เกิดกำลังด้วยวิธีการใช้ทัศนธาตุ ได้แก่ เส้น มวล และ ปริมาตร ส่วนกระบวนการผลิตใช้เทคนิคการสลักดุน โดยทำการขุด ถาก และ แกะเนื�อโลหะให้เป็นร่องและลวดลาย พร้อมกับดุนผิวโลหะโดยมีชันรองอยู่ด้าน หลัง เทคนิคสลักดุนสร้างให้เกิดมิติด้วยเนื�อโลหะจักมีลักษณะนูนและล่ก สามารถ แสดงพลวัตรของสิ�งมีชีวิตในป่าหิมพานต์ประดิษฐ์ ผลงานการสร้างสรรค์ครั�งนี�แสดงผลลัพธ์ของรูปลักษณะใหม่สามารถเรียกอีก อย่างหน่�งว่า รูปลักษณะประดิษฐ์ (Invented form) แสดงออกถ่งความรู้ทาง วัฒนธรรมที�มีรากเหง้าจากทักษะฝีมืออันถ่ายทอดผ่านหน่�งในเทคนิคงานช่างสิบ หมู่โบราณ เพื�อให้ผู้ชมเกิดการประจักษ์ถ่งคุณค่าของงานประณีตศิลป์ไทย เปรียบ ได้ดุจเดียวกับสื�อที�สามารถนำพาจิตของมนุษย์ให้เข้าถ่งความวิจิตรระหว่างตัวตน ของผู้สร้างสรรค์กับผลงาน มิว่าจากการออกแบบและจัดวางด้วยหลักการทาง องค์ประกอบศิลป์มุ่งเน้นความเป็นเอกภาพและกลมกลืน รวมทั�งการกำหนด ทัศนธาตุที�ก่อให้เกิดรูปลักษณ์ประดิษฐ์ ลวดลาย หรือพื�นผิวของเครื�องโลหะ สร้างสรรค์ให้เกิดความรู้ส่กเหนือจริงและกระตุ้นความอัศจรรย์ใจ 1 วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (2565, 28 พฤษภาคม). ป่าหิมพานต์. https://th.wikipedia.org/ wiki/ป่าหิมพานต์.


66 | FACULTY ศาสตราจารย์ศิลป์พีระศรี ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ชานนท์ ไกรรส | ภาควิชาเครื�องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 31 ซม. | Soda-Lime Glass Castedอดีตเป็นมูลเหตุของรากฐานในปัจจุบัน ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี (2435-2505) ชื�อเดิ ม Corrado Feroci ผู้เปรียบเสมือนบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็ จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทยมีความประสงค์ จะหาช่างปั�นมาปฏิ บั ติงานราชการและเพื�อฝึกฝนการสร้างงานประติ มากรรม แบบตะวันตกให้แก่คนไทย ในปี พ.ศ. 2481 มหาวิทยาลัยศิลปากร จ่งได้ ถูกก่อตั�ง ข่�นโดยกระทรวงศ่กษาธิการ ท่านเป็นผู้มีความสนใจในศิลปะไทย ได้ทำการค้นคว้า เขียนตำราและบทความทางวิชาการไว้เป็นจำนวนมาก ท่านเป็นผู้ริเริ�ม และสนับสนุนวงการศิลปะร่วมสมัยไทย ในปี พ.ศ. 2492 การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั�งแรกจ่งได้เกิดข่�นและได้จัดข่�นเรื�อยมาจนถ่งปัจจุบัน ท่านได้ถ่งแก่อนิจกรรมเนื�องจากหัวใจล้มเหลวภายหลังการผ่าตัดโรคมะเร็งลำไส้ เมื�อวันที� 14 พฤษภาคม 2505 ที�โรงพยาบาลศิริราช รวมอายุได้ 69 ปี 8 เดือน 29 วัน ด้ วย ภาระกิ จของท่านอันเป็นกุ ศลอันยิ�งใหญ่ของเหล่านักเรียนและผู้มีความสนใจใน ศิลปะและการออกแบบ ข้าพเจ้าจ่งมีความประสงค์สร้างสรรค์ผลงานเพื�อระล่ก ถ่งมูลเหตุแห่งคุณงามความดีของท่านที� มี ต่อประเทศไทย แก้ ว (Glass, SiO2 ) เป็นสารอนินทรี ย์ที�ได้ จากการสลายตัวของหินและแร่ มี ส่ วน ประกอบหลักเป็นธาตุ ซิ ลิกอน (Silicon, ตัวย่อ Si) มี จุดหลอมเหลวที� 1,410 ํC จุดเดือดที� 3,265 ํC เมื�อแข็งตัวจะเป็นวัตถุที�โปร่งใส มีความแวววาว เป็นวัสดุอสัณฐาน (Amorphous Material) หมายถ่ง วัสดุที�มีโครงสร้างไม่แน่นอนหรือมี โครงสร้างที�ไม่เป็นผล่ก (Non-Crystalline) เมื�อมีระยะห่างระหว่างอะตอมมาก จ่งทำให้แสงสามารถเดินทางผ่านไปได้ ด้ วยเนื�อหาแห่งความจริงของวัสดุทำให้ ข้าพเจ้าเกิดแรงบันดาลใจที�สร้างสรรค์ประติ มากรรมนูนต�ำ ด้ วยเทคนิคการหล่อ แก้วร้อน (Warm Glass Casting) เพื�อสื�อความหมายในทางกายภาพ ถ่งความเจริญงอกงามของศิลปะและการออกแบบที�เปล่งประกายในสังคมไทยจากปูชนียบุคคลที�ได้อุทิศตนต่อประเทศไทย โดยมีขั�นตอนสรุปโดยย่อ ดังนี� 1) ปั�นต้นแบบจากดินน�ำมัน 2) ถอดต้นแบบแม่พิมพ์ด้วยซิลิโคน 3) เทพิมพ์ปูนปลาสเตอร์ครอบซิลิโคน 4) หลอมพาราฟินเทลงแม่พิมพ์ซิลิโคน 5) นำต้นแบบพาราฟิน ไปคำนวณอัตราค่ามวลความหนาแน่นของแก้ว (น�ำหนักของน�ำ ที�โดนแทนที� ด้ วยพาราฟิน*3.1 g/ml) 6) นำพาราฟินมาเทแม่ พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ สำหรับการหล่อแก้ ว ตามอัตราส่ วน ปูนปลาสเตอร์ 50 : ซิ ลิ ก้า 50 เพื�อให้แม่ พิมพ์สามารถทนความร้อนที� 900 ํC ได้ 7) หล่อแก้วผ่านภาชนะดินเผาลงบนแม่พิมพ์ชนิดเปิด (Open-Mould Pot Casting) 8) กั�นรอบนอกของแม่พิมพ์ด้วยอิฐทนไฟ (Insulating Fired brick) เพื�อป้องกันแม่พิมพ์แตก 9) ตั�งอุณหภูมิเตาไฟฟ้าแบบฝาหน้า (Electric Shuttle Klin) โปรแกรม 200=4 ชม., ยืนไฟ 200=4 ชม., 480=4 ชม., 590=1 ชม., ยืนไฟ 590=3 ชม., 880=1/2 ชม., ยืน ไฟ 880=2 ชม., อบอ่อน (Annealing point) ยืนไฟ 490=6 ชม., ยืนไฟ 450=6 ชม., ยืนไฟ 380=6 ชม., ยืนไฟ 280=4 ชม. 10)เมื�อผลงานเย็นตัวตามอุณหภูมิปกติจ่งนำงานออกจากเตาเผา ผลงานที�สร้างสรรค์ จากการหล่อแก้ วโดยส่ วนใหญ่แล้วจะต้องนำมาขัดแต่งและ พ่นทรายเพื�อเพิ� มความสวยงามและองค์ความรู้หลักในการสร้างสรรค์ผลงาน แก้วร้อน คือ การควบคุมอุณหภู มิภายในของเตาเผาและการอบอ่อนตามแต่ละเทคนิคอันมีความแตกต่างกันออกไป ทั�งนี�เพื�อป้องกันไม่ให้ผลงานเกิดการแตกร้าวจากการเย็นตัวลง


FACULTY | 67 Moon at night ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรรณณา ธิธรรมมา | ภาควิชาเครื�องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 8 x 19 x 16 ซม., 9 x 10 x 21 ซม. | Stoneware, Slab building สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเครื�องเคลือบดินเผารูปแบบแจกันที�มีรูปทรงเรียบง่าย มี พื�นผิว สีสันให้ความรู้ส่กอบอุ่นสบายตาไม่สว่างหรือมันวาว มีความกลมกลืน ส่ง เสริมความงามให้ดอกไม้ที�จัดวาง ใช้ดินเทอราคอตต้าที�มีจุดสุกตัวในการเผาต�ำ ข่�นรูปผลงานโดยมีการพัฒนาปรับปรุงเนื�อดินให้มีความทนไฟสามารถเผาได้สูง ซ่�งผู้ออกแบบมีแนวคิดและความสนใจนำดินท้องถิ�นที�มีสีของสนิมเหล็กใน ธรรมชาติปะปน มาปรับปรุงพัฒนาให้มีลักษณะทางกายภาพที�ดีมีความเหมาะสมกับการข่�นรูปและการเผาในอุณหภูมิสูง เกิดสีสันที�หลากหลายตามบรรยากาศ การเผาในแต่ละอุณหภูมิและเมื�อใช้กับเคลือบในงานเครื�องเคลือบดินเผา แนวความคิด กระบวนการสร้างสรรค์ นำรูปทรงเรขาคณิต (Geometric form) รูปทรงสี�เหลี�ยม มาออกแบบเป็นแจกัน ใช้เทคนิคการข่�นรูปด้วยมือแบบแผ่น (Slab building) มีการตัดต่อประกอบดินแผ่นให้เป็นรูปทรงเพื�อให้มีมิติทางล่ก ความกว้าง ความยาวที�เท่ากันในแต่ละด้าน โดยมีกระบวนการในการสร้างสรรค์ ผลงานดังนี� 1) การเตรียมเนื�อดินก่อนการข่�นรูป ปรับปรุงเนื�อดินเทอราคอตต้า ให้มีจุดสุกตัวในการเผาที�สูงข่�นโดยผสมดินสโตนแวร์ไปในอัตราส่วนร้อยละ 30 ผสมดินเชื�อ (Grog) ขนาด 0.3 มม.ที�ได้จากอิฐทนไฟ ร้อยละ 10-20 เพื�อลด การหดตัวของเนื�อดินให้ต�ำลง 2) ออกแบบและข่�นรูปผลงานด้วยเทคนิคการข่�น รูปด้วยมือแบบแผ่น 3) ทดลองหาสูตรเคลือบที�มีความเหมาะสมกับเนื�อดินโดย ทดลองหาสูตรเคลือบพื�นฐาน (Basic glaze) ใช้ทฤษฎีสี�เหลี�ยมด้านเท่าในการ คำนวณหาสูตรจำนวน 36 สูตร วัตถุดิบในการทดลองเคลือบคือ โซดา เฟลด์สปาร์ เนฟเฟลีนไซอีไนต์ แคลเซียมคาร์บอเนต ซิงค์ออกไซด์ ดินขาวลำปาง และซิลิกา เผาทดลองเคลือบอุณหภูมิ 1,200-1,220 องศาเซลเซียส บรรยากาศ ออกซิเดชั�น1 4) เผาดิบผลงานที�อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส และนำเคลือบที�ได้ จากการทดลองมาใช้ในการตกแต่งผลงาน เผาเคลือบที�อุณหภูมิ 1,200 และ 1,220 องศาเซลเซียส เพื�อให้ได้ผลงานสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ผลงานสำเร็จที�ได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์คือสามารถเผาใน อุณหภูมิสูงได้ถ่ง 1,200 องศาเซลเซียส สีของเนื�อดินและเคลือบมีความกลมกลืน นุ่มนวลสบายตา ส่วนรูปทรงของผลงานมีการบิดเบี�ยวและรอยแตกที�พื�นผิวเล็ก น้อย สาเหตุเกิดจากความหนาบางของรอยต่อชิ�นงานไม่เท่ากัน การแก้ไขคือตัด ขอบชิ�นงานให้มีขนาดเท่ากัน รอให้ดินเซ็ตตัวและทรงตัวได้คือมีความหมาดหรือ ความชื�นที�เท่ากัน เวลาต่อด้วยน�ำดินอย่าให้เกิดฟองอากาศด้านใน ระหว่างการ สร้างงานผู้ออกแบบได้เรียนรู้เพิ�มในด้านของการตกแต่งชิ�นงานเมื�อแห้ง เนื�อดิน ประเภทเอทเธนแวร์หรือดินพื�นบ้านแบบเทอราคอตต้าจะมีความพรุนตัวสูง เมื�อ แห้งสนิทไม่ควรใช้น�ำในการตกแต่งมาก เพราะเนื�อดินที�แห้งจะดูดซับน�ำอย่าง รวดเร็ว ทำให้เกิดการแตกร้าว และอย่าปล่อยให้ชิ�นงานแห้งเร็ว เพราะหลังจาก ที�ข่�นรูปผลงานแล้วเนื�อดินยังมีการหดตัวอย่างต่อเนื�องจนแห้งและมีการหดตัว ขณะเผาเช่นกัน ความรู้และความเข้าใจลักษณะทางกายภาพของดินและวัตถุดิบ อื�นๆ ตลอดจนขั�นตอนและกระบวนการทำงานในงานเครื�องเคลือบดินเผามี ความสำคัญ ช่วยให้การทำงานง่ายข่�นไม่เกิดข้อผิดพลาดหรือสูญเสียและสามารถ สร้างสรรค์ผลงานได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ 1 พิชามญชุ์ต้นทอง, รายวิชาเคลือบ 2 “การทดลองหาสูตรเคลือบพื�นฐาน”, (นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2565)


68 | FACULTY พรมวิเศษ รองศาสตราจารย์ประภากร สุคนธมณี | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 120 x 150 x 3 ซม. | การยิงพรม “พรมวิเศษ” หน่�งในชิ�นงานสร้างสรรค์ โครงการวิจัยย่อยที� 2 “ผ้าทอไท-ยวน กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ�งทอสร้างสรรค์ในบริบทใหม่” เป็นต้นแบบการสร้างสรรค์ งานในมิ ติใหม่ เปลี�ยนเทคนิค รู ปแบบในการนำเสนอ และประโยชน์ใช้สอยไป โดยสิ�นเชิง จากการทอด้ วยกี�พื�นบ้าน เป็นการปักด้ วยป้นยิงพรม (Tufting gun) ใช้ไหมพรมเส้นใหญ่แทนเส้นไหมประดิ ษฐ์ขนาดเล็ก แปรเปลี�ยนบริบทให้แตกต่าง จากผืนผ้าซิ�นเพื�อการสวมใส่สู่กลุ่มผู้บริโภคที� ต้องการผืนพรมลายจกใช้เพื�อการ นั�งพักผ่อนหย่อนใจ นำลายผ้าจกมาออกแบบในภาพลักษณ์ของงานกราฟิก ลาย “โก้งเก้งซ้อนเซีย” หน่�งใน 8 ลายทอจกที�เลือกมานำเสนอเป็นลายเอกลักษณ์ ของชาวไท-ยวน คู บัว จังหวัดราชบุ รี เป็นความพิเศษของลวดลายที�ได้ รับการ ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากบรรพบุ รุ ษ ควรค่าแก่การอนุ รักษ์และสืบสานให้ชนรุ่น หลังได้ รับรู้ และอีกทางคู่ขนานคือการเชื�อมโยงหาแนวทางการพัฒนา สืบสาน ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ�น จากการลงพื�นที�ทำงานร่วมกับชุ มชน ช่างทอพื�นถิ�น และผู้ ประกอบการ ทำให้ได้เห็นกระบวนการทอที� ซับซ้อนละเอียดอ่อน ใช้เวลานานใน การทอผ้าจกแต่ละผืน อีกทั�งการสืบสานจากเยาวชนในชุ มชนเริ� มลดน้อยลง การนำเทคนิคใหม่เข้ามาร่วมนำเสนองานสร้างสรรค์จ่งเป็นทางเลือกหน่�งที� จะ ด่งดูดให้เยาวชนหันมาสนใจและคิดสืบทอด ต่อยอดในลวดลายพิเศษเหล่านั�นวัตถุประสงค์ : 1) เพื�อนำเสนอความงามของผืนผ้าด้วยเทคนิคการยิงพรม จากอัตลักษณ์ของผืนผ้าทอจก ที�มีลวดลาย สีสัน และความเป็นเอกลักษณ์ ประณีต และสวยงาม เปลี�ยนเทคนิค เปลี�ยนวัสดุการสร้างสรรค์ให้ ง่ายและรวดเร็วข่�น 2) เพื�อปรับเปลี�ยนหน้าที�การใช้งาน ประโยชน์ใช้สอย ให้แตกต่างจากเดิ มโดย สิ�นเชิง ความสะดวกสบายในการใช้งาน สามารถเอนกายนอนพักผ่อนได้อย่าง สบายใจ 3) เพื�อเพิ� มกลุ่มผู้บริโภค เมื�อผลิตภัณฑ์เปลี�ยน การใช้งานเปลี�ยน กลุ่ม ผู้ใช้ ย่อมเปลี�ยน ความงามบนผืนผ้าที�เป็นเครื�องนุ่งห่มกับกลุ่มผู้บริโภคสำหรับ เป็นเครื�องแต่งกาย สู่กลุ่มผู้บริโภคสำหรับของใช้ของตกแต่งบ้าน การวิจัยครั�งนี�ได้ดำเนินการตามกรอบแนวคิดการวิจัย และมุ่งเป้าได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที�ตั�งไว้ ออกแบบและพัฒนาจากภูมิปัญญาดั�งเดิม สามารถนำเสนออัตลักษณ์ผ้าจกไทยวนออกมาในภาพลักษณ์ใหม่เกิดเป็นชิ�นผลงานสร้างสรรค์ ศิลปะสิ�งทอร่วมสมัย ด้ วยเทคนิคการยิงพรม จากลวดลายบนผืนผ้าจก ลายโก้ง เก้งซ้อนเซีย ผสมผสานแนวความคิด ออกแบบเป็นลวดลายกราฟิก ลด ตัดทอน องค์ประกอบ ปรับโทนสีให้สดใส ปรับเปลี�ยนวัสดุ จากเส้นไหมประดิ ษฐ์ขนาด เล็กเป็นเส้นไหมพรมขนาด 8 Ply ที�ให้ความนุ่ม สบาย ขนาดและผิวสัมผัสที� แตกต่าง สามารถทำให้เกิดมิ ติและภาพลักษณ์ใหม่ของผืนผ้า/ชิ�นงานสร้างสรรค์ แต่ ยังคงความคุ้นชินจากลวดลายของความเป็นผืนผ้าจกได้ Outstanding Social, Economic, Technology, Environmental and Cultural Impact


FACULTY | 69 แมงกําบี้ (ผีเสื้อ) วรุษา อุตระ | คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 40 x 60 ซม. | สื�อผสมสิ�งทอ กลุ่มไท-ยวน ราชบุรี เป็นกลุ่มวัฒนธรรมหน่�งที�สืบเชื�อสายมาจากบรรพบุรุษชาว โยนกเชียงแสน แห่งอาณาจักรล้านนา เป็นกลุ่มชนที�รักษาศิลปวัฒนธรรม ดั�งเดิมไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการทอผ้า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที�สะท้อนถ่ง วิถีชีวิตรากเหง้าเฉพาะถิ�น โดยเฉพาะซ่�งสีสันและลวดลายในโครงสร้างผ้าซิ�น ล้วนถูกใช้เป็นเครื�องมือสื�อความหมาย หรือ “สัญญะ (sign)” ซ่�งสื�อแนวคิด คุณค่า และความเชื�อ ที�ผูกติดกับสังคมในพื�นที�นั�นๆ ที�รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทางกายภาพบ่งบอกแต่ละชาติพันธุ์และเป็นตัวการในการจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์นั�น แต่ทว่าในปัจจุบันท่ามกลางกระแสการเปลี�ยนแปลงไปตามบริบททางเศรษฐกิจ และสังคมส่งผลกระทบก่อให้เกิดวิกฤตกับผ้าทอพื�นบ้านนับวันยิ�งถูกกลืนไปกับ วิถีชีวิตใหม่ ผู้คนรู้จักและพบเห็นน้อยลง จากที�กล่าวมาข้างต้นนี� เป็นแรงบันดาล ใจในการสร้างสรรค์ผลงานสื�อผสมสิ�งทอ “แมงกำบี� (ผีเสื�อ)” เพื�อใช้เป็นสื�อใน การเผยแพร่อนุรักษ์และตระหนักถ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมผ้าทอไท-ยวน จ.ราชบุรี วัตถุประสงค์ 1) เพื�อเผยแพร่คุณค่าทางวัฒนธรรมผ้าทอไท-ยวน จ.ราชบุรี ความ งามของสีสันและลวดลายในโครงสร้างผ้าซิ�นที�สะท้อนอัตลักษณ์เฉพาะถิ�น 2) เพื�อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสื�อผสมสิ�งทอที�เป็นเครื�องมือกระตุ้นการรับรู้ เกี�ยวกับวัฒนธรรมผ้าทอที�ผ่านการมองเห็นซ่�งเป็นสิ�งที�มนุษย์สามารถสัมผัสและ กระแทกการรับรู้ได้มากที�สุด 3) เพื�อปรับเปลี�ยนมุมมองผ้าซิ�นไม่ให้จำกัดอยู่แค่ การใช้นุ่งหรือใช้เป็นเครื�องนุ่งห่ม ผ้าทอไท-ยวน จ.ราชบุรี ไม่ใช่มีเพียงผ้าทอจก แต่ยังมีผ้าซิ�นที�มีสีสันในลวดลาย หรือการจัดวางสีสันบนโครงสร้างผ้าซิ�นของที�สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ใช้เป็นเครื�องมือที�ใช้สื�อความหมายในเชิงสัญญะในทางความเชื�อ เช่น สีขาว ที� หัวซิ�นที�นิยมใช้ผ้าฝ้ายสีขาวเย็บต่อกับผ้าสีแดง ส่วนที�เป็นแถบผ้าสีขาว เรียกว่า “ผ้าป้าว” เพื�อป้องกันคุณไสย หรือตัวซิ�นสีแดงเป็นสีแห่งพลังและความสดใส ข้าพเจ้าจ่งได้นำผ้าซิ�น ได้แก่ ซิ�นแล้ ผ้าซิ�นพื�นดำที�เป็นผ้าซิ�นสำหรับสตรีเริ�มหัด ทอ และผ้าซิ�นตาเลี�ยน ที�เป็นผ้าที�ผู้ทอเริ�มมีฝีมือแล้วเริ�มทำ มาสร้างสรรค์ผลงาน สื�อผสมสิ�งทอ “แมงกำบี� (ผีเสื�อ)” โดยใช้โครงสร้างเป็นรูปผีเสื�อที�มีชื�อเรียก เฉพาะท้องถิ�นว่า “แมงกำบี�” ที�ปรากฏในลายผ้าจก ซ่�งลวดลายผีเสื�อตามระบบ ความเชื�อของคนไทย-ไท หมายถ่ง ความสวยงามและความรักอิสระสงบเรียบร้อย ซ่�งเปรียบได้กับผ้าทอที�มีความสวยงามที�เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยจินตนาการ อิสระของผู้ทอ


70 | FACULTY Ordinary Blue ศิรัมภา จุลนวล | ภาควิชาเครื�องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 50 x 60 x 30 ซม. | Porcelain 1,230 ํC, Slip Casting เครื�องลายครามเป็นเครื�องถ้ วยจีนที�ตกแต่งด้ วยการเขียนลายใต้เคลือบ มีการ พั ฒนามาตั�งแต่สมัยราชวงศ์หยวน ซ่�งส่ วนใหญ่มักจะเขียนลายใต้เคลือบด้ วย สีน�ำเงินที�ทำมาจากโคบอลต์ (Cobalt) จ่งเรียกว่าลายคราม1 เป็นที� นิยมและรู้จัก กันอย่างแพร่หลายตั�งแต่อดีตจนถ่งปัจจุ บัน และยังสื�อความหมายถ่งสิ�งมงคลมี คุณค่าด้ วยความหมาย ลวดลายที� ปรากฏอยู่บนเครื�องถ้ วยเหล่านั�นสะท้อนความ คิดและความนิยมของคนในสมัยนั�นๆ ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาทุกยุคสมัย ดังนั�นผู้ออกแบบต้องการสร้างสรรค์ภาชนะตกแต่งที�พักอาศัย ที�สะท้อนเครื�องลายครามผ่านกระบวนการทางเครื�องเคลือบดินเผาในรู ปแบบ ร่วมสมัยที�สอดคล้องวิถี ชีวิตในปัจจุ บัน โดยถ่ายทอดอัตลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรม ในงานออกแบบสร้างสรรค์และต้องการสื�อสารให้ ง่ายต่อการเข้าถ่ง การสร้างความผสมผสานของสีน�ำเงิน-ขาว ให้เกิดข่�นจากธรรมชาติในการหล่อน�ำดินสี เป็นเทคนิคที�สามารถควบคุมได้และไม่สามารถควบคุมได้ ในขณะเดียวกัน เพื�อสร้างจังหวะทิศทางของสีและสร้างความแตกต่างบนชิ�นงาน แต่ละชิ�นตกแต่งด้วยการเขียนสีใต้เคลือบเช่นเดียวกับเครื�องลายคราม และตระหนักถ่งการใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากวิธีการข่�นรูป โดยให้รูปทรงของภาชนะสามารถใช้ประโยชน์ได้ 2 ด้านจากการคว�ำและหงาย ด้วยการหล่อจากแม่พิมพ์ชุดเดียวกัน โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ ดังนี� 1) สร้างต้นแบบและแม่ พิมพ์ ด้ วยปูนปลาสเตอร์ สำหรับการหล่อน�ำดิน (Slip Casting) 2) ทดลองน�ำดินสีน�ำเงินโดยผสมโคบอลต์ ออกไซด์ กับน�ำดินพอร์ ซเลนในอัตราส่ วน 2% 3) หล่อชิ�นงานด้ วยน�ำดินสีขาวและ สีน�ำเงินโดยให้น�ำดินมี ค่าความถ่ วงจำเพาะอยู่ที� 1.7 4) เผาดิบ (Biscuit Firing) ที� อุณหภู มิ 800 ํC เขียนสีใต้เคลือบและเผาอีกครั�งที� อุณหภู มิ 1,230 ํC 5) ตกแต่งด้ วยน�ำทองและเผาที� อุณหภู มิ 780 ํC ปัจจัยในการเกิดจังหวะและทิ ศทางของสีที�เกิดข่�นจากหล่อน�ำดิน 2 สี ข่�นไป ข่�นอยู่ กับวิธีการเทน�ำดิน การผสมน�ำดินก่อนเทในแม่ พิมพ์ จำนวนครั�งในการกวนน�ำดิน ก่อนเท ความเข้มข้นและการไหลตัวของน�ำดิน ล้ วนมีผลต่อลวดลายที�เกิดข่�น ด้ วยผู้ออกแบบต้องการพื�นผิวสัมผัสของเนื�อดินโดยไม่ใช้เคลือบปกปิดผิ ว ในการ พัฒนาต่อไปอาจเพิ�มอุณหภู มิในการเผาให้ สูงข่�นประมาณ 1,240-1,250 ํC เพื�อ ให้เนื�อดินสุกตัวยิ�งข่�น1 ภุชชงค์ จันทวิช. เครื�องถ้ วยในเมืองไทย “เครื�องลายคราม”. (กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ. 2554), 4. Outstanding Artistic


FACULTY | 71 ช้าง ม้า วัว ควาย : จากลายขิดสู่งานออกแบบผลิตภัณฑ์เซรามิก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฎฐพงศ์ พรหมพงศธร | สาขาวิชาการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น | [email protected] 25 x 15 x 10 ซม. | จำนวน 4 ชิ�น | ผลิตภัณฑ์เซรามิก เทคนิครากุ ขิด เป็นภาษาพื�นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาจากคำว่า สะกิด หมายถ่งการงัดช้อนข่�น สะกิดข่�น สันนิษฐานว่ามาจากภาษาบาลี ขจิต แปลว่าทำให้วิจิตร งดงาม ดังนั�น ผ้าขิดจ่งหมายถ่ง ผ้าที�ทอโดยวิธีใช้ไม้เขี�ย หรือสะกิดช้อนเส้นด้ายยืนข่�นแล้วสอดเส้นด้ายพุ่งไปตามแนวเส้นยืนที�ถูกงัดช้อนข่�นนั�น จังหวะของการสอดเส้นพุ่งซ่�งถี�ห่างไม่เท่ากัน ให้เกิดลวดลายรูปแบบต่างๆ มีรูปร่างเป็นเรขา คณิต จากวิธีการทอซ่�งสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นรูปอะไร โดยเฉพาะ ขิดลายสัตว์ ที�นิยมทอเป็นลายช้างและม้า ทำให้เห็นถ่งภูมิปัญญาในการออกแบบ ลวดลายของช่างชาวบ้าน ผู้ออกแบบจ่งมีแนวคิดที�จะนำรูปแบบศิลปหัตถกรรมอีสานมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เครื�องเคลือบดินเผา ที�มีการใช้งานในการตกแต่ง โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื�อศ่กษาลักษณะลวดลายขิดอีสาน นำมาใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื�องเคลือบดินเผาเชิงวัฒนธรรม 2) เพื�อออกแบบผลิตภัณฑ์เครื�องเคลือบดินเผาเชิงวัฒนธรรมจากลายขิดอีสาน ที�มีฟังก์ชันการใช้งานที�น่าสนใจเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย ผู้ออกแบบเล็งเห็นว่าลวดลายผ้าขิดที�เราพบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นรูปช้างและม้า จ่งเกิดความคิดเรื�องสัตว์พาหนะที�สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต มีคำไทยที�มักใช้หรือพูดติดกันเป็นชื�อของสัตว์ 4 ชนิดนี� ว่า “ช้าง ม้า วัวควาย” ซ่�งสัตว์ในวิถีชีวิตชาวบ้านโดยส่วนใหญ่ที�เห็นมาถ่งปัจจุบันคือ วัวและควาย แต่ลายขิดอีสานปัจจุบัน ผู้ออกแบบยังไม่พบลายวัวและควาย ผู้ออกแบบจ่งได้ออกแบบรูปทรงของวัวและควาย โดยวิเคราะห์รูปทรงจากลายขิดรูปม้าและช้าง โดยออกแบบรายละเอียดเพิ�มเติม จากการสังเกตจุดเด่นของสัตว์ทั�งสองชนิดมาออกแบบเป็นชิ�นงาน และลวดลายฉลุที�ปรากฏบนชิ�นงานได้นำลวดลายรูปทรงเรขาคณิตจากลวดลายผ้าขิดมาใช้ ผู้ออกแบบได้สร้างสรรค์ชิ�นงานเป็นผลงานเครื�องเคลือบดินเผา เป็นลักษณะของ ภาชนะใส่สิ�งของ เพื�อการวางประดับหรือใช้งานในการบรรจุสิ�งของหรือเพื�อตกแต่ง สถานที�และเลือกใช้การสร้างสรรค์ชิ�นงานในกระบวนการเผาด้วยเทคนิครากุ (Raku) ที�ใช้เคลือบสีสดใส คือ เขียว เหลือง ฟ้า และแดง ซ่�งเป็นสีสันของลวด ลายผ้าขิด จุดเด่นของการสร้างสรรค์ชิ�นงานในเทคนิครากุนั�น ผลงานจะมีคราบ เขม่าควันมาเกาะตามผิวชิ�นงานเป็นร่องรอยที�เป็นเอกลักษณ์ของเทคนิคนี� ทำให้ ชิ�นงานมีลักษณะเสมือนผ่านการใช้งาน ผ่านระยะเวลามาแล้ว ซ่�งทำให้ชิ�นงานที� มีที�มาในเชิงวัฒนธรรมดูมีความร่วมสมัยทั�งในด้านที�แนวคิดและเทคนิค ผลงานชิ�นนี�เป็นการนำเสนอรูปแบบเครื�องเคลือบดินเผาที�ได้นำเอาศิลป หัตถกรรมที�มีคุณค่าของช่างทอผ้าชาวบ้านอีสานมานำเสนอ โดยนำเสนอในแง่ ของการตัดทอนรูปทรง การแปรเปลี�ยนรูปทรงโดยยังคงภาพลักษณ์ที�สื�อถ่งที�มา เป็นงานสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมที�สื�อถ่งที�มาของลายขิดและ ภูมิปัญญาการออกแบบลวดลายของช่างทอผ้าชาวบ้านในรูปแบบใหม่เป็นการ นำลายขิดมาสร้างสรรค์เป็นงานลอยตัว พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอื�น นอกจากลายผ้า เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้านเครื�องปั�นดินเผาที�สามารถ สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที�มีมูลค่าและมีคุณค่าในเชิงวัฒนธรรม


72 | FACULTY จากฮอยฮูปแต้ ม ขนิษฐา ขันคำ | สาขาวิชาดิ จิ ทัลอาร์ตและการออกแบบ คณะศิลปประยุกต์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี | [email protected] 45 x 35 x 20 ซม. | เซรามิกส์ (Hand forming)ฮูปแต้ม คือศิลปะพื�นถิ�นหรือศิลปะพื�นบ้าน มีความงามแบบเรียบง่ายของการ แสดงออกถ่งความซื�อ บริ สุทธิ� ตรงไปตรงมาของลายเส้น สี ที�สะท้อนความเป็น ตัวตนออกมาผ่านภาพเขียนตามผนังโบสถ์ ที� ส่งต่อแนวคิดมาหลายทศวรรษ จาก งานสองมิ ติบนผนังโบสถ์สู่กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานในรู ปแบบสามมิ ติใน ยุคปัจจุ บัน โดยการใช้ วัสดุและกระบวนการที�แตกต่างจากเดิ ม เครื�องปั�นดินเผา เป็นอีกหน่�งสัจจะวัสดุที�สามารถสร้างสรรค์งานออกแบบได้อย่างตรงไปตรงมา การต่อยอดแนวคิดเพื�อสร้างงานโดยการอิงรูปร่าง รูปทรง ผสมกับจินตนาการของผู้สร้างสรรค์นอกจากเพื�องานตกแต่งเพื�อสร้างสุนทรียะแก่ผู้ชมแล้ว การออกแบบผลงานให้สอดคล้องกับประโยชน์หน้าที�ใช้สอยต่อการใช้งานในปัจจุบันก็สำคัญ การนำศิลปะงานฮูปแต้มมาเป็นแนวคิดนี� มีจุดมุ่งหมายในการสร้างสรรค์ ผลงานข่�นมาเพื�อเป็นการเรียนรู้ศิลปะพื�นถิ�น ในงานภาพเขียนฝาผนัง เพื�อศ่กษา แนวคิดและรู ปแบบศิลปกรรมพื�นบ้านที� มีเอกลักษณ์เฉพาะตนโดยศ่กษาลักษณะ เด่นของเส้น สี รูปร่าง รู ปทรง ของภาพวาดที� ปรากฏและนำไปสู่กระบวนการ สร้างสรรค์งานในลักษณะสามมิ ติเพื�อออกแบบประโยชน์และหน้าที�ใช้สอยที� ต่าง จากเดิ มเพื�อเผยแพร่ ต่อสาธารณชน การสร้างสรรค์ผลงานนี�ได้ศ่กษาหลักองค์ประกอบของภาพเขียนที� ปรากฎใน เรื�องเส้น รูปร่าง รู ปทรง สี พื�นผิ ว จากงานสองมิ ติ เพื�อเป็นแนวคิดต่อยอดใน การสร้างสรรค์ผลงานสามมิ ติ ด้ วยกระบวนการผลิตทางด้านเครื�องเคลือบดินเผา โดยใช้กระบวนการผลิตด้ วยการข่�นรูปด้ วยมือ มีการตกแต่งชิ�นงานด้ วยการขูด ขีด แกะ บนผิวดินเพื�อให้เกิดพื�นผิวที�แตกต่างกัน สีของดินที�ใช้เป็นสีที�เกิดจากเนื�อดินที�แตกต่างกันจากการใช้ดินเหนียวท้องถิ�นที�ให้สีน�ำตาลผสมกับดินแหล่ง อื�นที�ให้ สีที�ขาวนวล มีการใช้ สีใต้เคลือบโทนน�ำเงินและเหลืองซ่�งเป็นสีหลักในงาน ฮู ปแต้ มแบบช่างญวณที� ปรากฏบนงานสิมอีสาน นำมาเขียนตกแต่งด้ วยลักษณะ ของเส้นและจุด ให้เกิดเป็นรูปร่างบนพื�นผิ วของดิน รูปร่าง รู ปทรง ในผลงาน ถ่ายทอดเรื�องราวการอยู่ร่วมกัน ซ่�งได้แนวคิดมาจากภาพวาดกลุ่มภาพธรรมชาติ และสัตว์ที� ปรากฏบนฝาผนัง การเผาชิ�นงาน เผาเคลือบในอุณหภู มิ 1,150 - 1,200 องศาเซลเซียส จากกระบวนการสร้างสรรค์งานข้างต้นนำมาสู่บทสรุ ปได้ 2 ประเด็นคือ 1) เรื�อง ที�ศ่กษาเพื�อเป็นแนวเรื�อง ควรมีการวิเคราะห์แนวคิดของเรื�องที�ศ่กษาเพื�อให้เกิดความเข้าใจแนวเรื�องที�ชัดเจนและสามารถด่งเอกลักษณ์มาใช้งานได้หลากหลายมากข่�น 2) เรื�องเทคนิคการสร้างสรรค์ผลงาน ต้องมีการศ่กษาทดลองให้มากเพื�อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้และเทคนิคใหม่ๆ ตลอดเวลา


FACULTY | 73 โครงการออกแบบบรรจุภัณฑ์สําหรับแบรนด์ ตานีสยาม (Tanee Siam) ดร.ชิตชัย ควรเดชะคุปต์ | สาขาวิชาศิลปอุตสาหกรรมคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง | [email protected] 32 x 30 x 12 ซม. | โครงสร้างกระดาษ ปัจจุบันกระแสการใช้วัสดุจากธรรมชาติและกระบวนการที�มาจากภูมิปัญญาท้องถิ�นถูกนำมาใช้ในการออกแบบเพิ�มมากข่�น ส่วนหน่�งเพื�อลดการใช้วัสดุประเภท พลาสติกที�ย่อยสลายได้ยากและก่อให้เกิดปัญหาสิ�งแวดล้อมด้านต่างๆ ขณะเดียวกัน การใช้วัสดุจากธรรมชาติที�สามารถหาได้ง่ายในชุมชนโดยใช้กระบวนการ ที�เป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อมในการทำผลิตภัณฑ์ ช่วยลดปัญหามลพิษในชุมชนได้และประหยัดค่าใช้จ่ายในการสั�งซื�อวัสดุนอกชุมชน รวมถ่งการจัดการขยะในชุมชน อีกทั�งภาพลักษณ์ของกลุ่มชุมชนที�ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ�นนั�น สามารถเพิ�มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในท้องถิ�นได้เป็นอย่างดี รวมถ่งการประยุกต์วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ�น เรื�องราวและอัตลักษณ์ชุมชนในอดีตร่วมกับกระบวนการออกแบบร่วมสมัยนั�น ทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนได้รับความนิยมและสามารถใช้ใน ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี โครงการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ แบรนด์ ตานี สยาม (Tanee Siam) ได้เริ�มจากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ในปี 2564 โดยผู้ออกแบบเห็นความสำคัญของการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ ตานี สยาม ให้โดดเด่นผ่านโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ประเภทถุงสินค้าขององค์กร หรือ Shopping bag จ่งเป็นที�มาของการเริ�มสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ โดยวัตถุประสงค์ ของโครงการสร้างสรรค์ ได้แก่ การออกแบบโครงสร้างถุงสินค้าขององค์กร หรือ Shopping bag ให้มีความโดดเด่นด้วยโครงสร้างที�สะท้อนอัตลักษณ์ขององค์กร และให้ผลงานออกแบบสอดคล้องกับภูมิปัญญาท้องถิ�นขององค์กร จากความต้องการให้บรรจุภัณฑ์ที�มีเอกลักษณ์ที�โดดเด่น สื�อสารภาพลักษณ์แบรนด์ตานีได้ชัดเจน จ่งเลือกคำสำคัญมาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบ ได้แก่ ใบกล้วย ธรรมชาติ ความเป็นไทย และประเพณีบายศรี ที�น่าค้นหา จากการทดลองพับกระดาษเพื�อจะนำไปใช้บนถุงให้เกิดมิติและลวดลายน่าสนใจ จากนั�น ได้ทดลองวิธีพับข่�นรูปโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ที�ซับซ้อนข่�น โดยเป็นการพับซ้อน เรียงกันสามชั�น (ตามภาพประกอบ) เพื�อให้มีความใกล้เคียงกับงานใบตองประดิษฐ์ ที�ใช้ในงานบายศรี จากนั�นเลือกพัฒนาต้นแบบบรรจุภัณฑ์ถุงสำหรับผลิตภัณฑ์ กระเป๋าขนาดเล็กจากใบกล้วยตานี ที�แสดงเอกลักษณ์ของแบรนด์ตานี ให้ชัดเจน จากการทดลองทำต้นแบบ การออกแบบสามารถนำไปพัฒนาต่อในรูปแบบของ การผลิตจำนวนมากในเชิงพานิชย์ได้ โดยยังสอดคล้องกับแนวความคิดด้าน สิ�งแวดล้อม การลดพื�นที�ของกระดาษ และยังคงเอกลักษณ์ความโดดเด่นของ โครงสร้างได้ แต่สิ�งที�ควรคำน่งถ่งในการปรับปรุงขั�นต่อไป ได้แก่ การรับน�ำหนัก ผลิตภัณฑ์และการเลือกใช้วัสดุที�มีความคงทนโดยยังสามารถพับข่�นรูปได้ตาม แบบ หรือสามารถดัดแปลงได้หลากหลายแนวทางในอนาคต


74 | FACULTY ดอกดิ น Soil Petal ดร.ขจรศักต์ นาคปาน | หลักสูตรปรัชญาดุษฎี บัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 28 x 28 x 20 ซม. | การข่�นรู ปเส้นใยเมลานินจากดิน ประกอบโครงโลหะทองเหลือง นวัตกรรมการใช้ ดินเพื�อสังเคราะห์ วัสดุ ชี วภาพมี วัตถุ ประสงค์เพื�อต้องการ ออกแบบวงจรวัสดุแฟชั�นหมุนเวียน และนำเสนอในฐานะต้นแบบการสร้างสรรค์ ผลงานเครื�องประดับสรีระโดยมุ่งเน้นการเผยแพร่ สุนทรียศาสตร์ของการประดับ ตกแต่งร่างกาย นวัตกรรมดังกล่าวมีวิธีการดำเนินการวิจัยที�เป็นลำดับ เริ�มต้นจากการศ่กษาวงจรการแปรเปลี�ยนคุณสมบัติของดินในสถานะแร่ธาตุที�มีอยู่ ดาษดื�นทั�วไปผ่านกระบวนการทดลองเพาะเลี�ยงจุลชีพหรือสเตรปโตมัยซิส ให้ก่อรูปร่างเป็นวัสดุที�มีสมบัติทางกายภาพเป็นเส้นใยธรรมชาติ1 ซ่�งผลลัพธ์การ สังเคราะห์พบว่านวัตกรรมวัสดุเส้นใยชี วภาพนี�มี คุณภาพเหมาะสมเพียงพอต่อ การนำมาผลิตเครื�องประดับสรีระที�สื�อสารถ่งการเป็นมิตรกับธรรมชาติกอปรกับสาระสำคัญของเครื�องประดับในฐานะประติมากรรมบนเรือนร่างสามารถ แสดงออกถ่งปรัชญาการเคารพตนเอง นับเป็นการเสริ มสร้างคุณค่า รสนิยม และบ่ มเพาะทั ศนคติที� ดีของการสร้างความตระหนักต่อระบบนิเวศวิทยาอันมี มนุษย์เป็นตัวแปร เมื�อมนุษย์ มีความเคารพในตนเองย่อมมีความเคารพในสรรพ สิ�งติดตามไปด้ วย เมื�อทุกสิ�งทุกอย่างเกิดความเคารพต่อกัน สมดุลแห่งความจริง ก็ จะบังเกิดข่�นอย่างเอื�อเฟ้�อและกลมกลืน การใช้ รู ปทรงของดอกไม้ที�อยู่ในสภาวะของการผลิบาน แสดงออกถ่งวงจรแห่ง การเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างเต็มที� การสื�อสารด้ วยทัศนธาตุเส้น รูปร่าง และระนาบแสดงออกถ่งการจัดวางให้เกิดการทับซ้อนโดยมี ลักษณะงอกเงย ขยายสลับชั�นกันไปมา สะท้อนให้เห็นถ่งประสบการณ์การเฝ้าพิ จารณาความ สมบูรณ์ของชีวิต ดอกดินเป็นตัวแทนของความรู้ที�กำเนิดจากการบูรณาการศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและหลักการออกแบบ ถูกนำเสนอในลักษณะ ของผลสัมฤทธิ� อันสร้างสรรค์ จากความมานะ ความเพียรพยายาม รวมถ่งการ เอาใจใส่ ดูแล และระแวดระวังบนวิถีแห่งนิเวศวิทยา ดอกดินสะท้อนให้เห็นถ่ง ความหมายของการเจริญ ต้องประกอบด้ วยการเจริญเติบโตทางกายภาพและ จิตใจ ซ่�งเป็นเอกภาพที� มิสามารถแยกออกจากกัน นวัตกรรม “ดอกดิน” สร้างสรรค์ให้สอดรับกับเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาประเทศ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที� 8 การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ที� 4 การพัฒนาและเติบโตที�เป็นมิตรกับสิ�งแวดล้อม2 สามารถผลิตเป็นวัสดุทดแทนหรือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับวงการ ศิลปะและการออกแบบ กระตุ้นให้เกิดการประจักษ์ ต่อความสมดุลและกลมกลืน ระหว่างมนุษย์ กับธรรมชาติ 1 Environmental Research Unit, Central Laboratory and Greenhouse Complex, Kasetsart U. (2019). General Characteristics of Acetobacter. http://www.lib.kps. ku.ac.th/SpecialProject/Agricultural_Engineering/2548/Bs/RuethaiKt/chapter2.pdf. 2 National Science and Technology Development Agency. (2019). The 12th National Economic and Social Development Plan. https://www.nstda.or.th/th/nstdaknowledge/11428-strategy-5. Outstanding Iืnnovation


FACULTY | 75 หอม (ดอก) แก้ว Fragrance Orange Jasmine ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมาภรณ์ ประพิศพงศ์วานิช | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 3 x 3.5 x 5 ซม. | การรีด (เส้นและแผ่น) การดัด การเชื�อม และการข่�นรูปโลหะ กลิ�นหอมที�เกิดข่�นในธรรมชาตินั�น ส่วนใหญ่มักจะมาจากดอกไม้ ซ่�งพรรณไม้ ชนิดต่างๆ ที�ดอกมีกลิ�นหอมเกิดจากน�ำมันหอมระเหยที�พืชสังเคราะห์ข่�น แล้ว ลำเลียงไปเก็บไว้ในต่อมหรือเซลล์พิเศษ ซ่�งกระจายอยู่ในฐานรองดอก กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย เมื�อดอกไม้บาน น�ำมันหอมระเหยที�แทรกอยู่ตามส่วนต่างๆ จะระเหยออกมาทำปฏิกิริยากับอากาศ เกิดเป็นกลิ�นหอมให้เราได้ กลิ�นนั�นเอง สำหรับพรรณไม้ดอกกลิ�นหอมในวัฒนธรรมไทยก็ได้มีการคัดเลือก มาจากภูมิปัญญาไทยของคนโบราณ โดยเฉพาะการเลือกพรรณไม้ดอกที�มีกลิ�น หอมเพื�อนำมาปลูกในบริเวณบ้าน ซ่�งเป็นการสร้างบรรยากาศที�ดีหรือการใช้ กลิ�นหอมในการบำบัดรักษาโรคหรือบำรุงสุขภาพ สำหรับพรรณไม้ดอกของไทย นั�นมีจำนวนมากมาย เกือบหน่�งหมื�นชนิดที�มีกลิ�นหอม นอกจากความหอมแล้ว พรรณไม้ดอกของไทยยังมาพร้อมกับความสวยและความหมายดีๆ ที�เป็นสิริมงคล ในเวลาที�ส่งต่อให้กับคนอื�นอีกด้วย โดยหน่�งในนั�นคือดอกแก้ว ซ่�งคนโบราณมี ความเชื�ออีกว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที�มีจิตใจบริสุทธิ� มีความเบิกบาน มีคุณค่าสูง เพราะแก้วคือความใสสะอาด ความสดใส หมายถ่ง สิ�งที�ดี มีค่าสูง เป็นที�นับถือบูชาของบุคคลทั�วไป นอกจากนี�ดอกแก้วยังมีสีขาว สะอาด สดใส มีกลิ�นหอมนวลไปไกล และดอกแก้วยังถูกนำไปใช้ในพิธีบูชาพระ ในพิธีทางศาสนาด้วย1 จ่งนำมาสู่การสร้างสรรค์ผลงานเครื�องประดับนี�โดยมี วัตถุประสงค์เพื�อมอบเป็นของขวัญในวันพิเศษให้กับใครสักคนที�มีทั�งคุณค่าทาง จิตใจ ความงาม ช่วยเสริมบุคลิกภาพของผู้ที�ได้สวมใส่ พร้อมกับสื�อถ่งความ หมายดีๆ ร่วมด้วย จากที�กล่าวมาแล้วข้างต้นจ่งนำมาซ่�งแนวทางการออกแบบเครื�องประดับชิ�นนี�ที� ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอกแก้ว โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ด้วยการลด ทอนรูปร่าง รูปทรง และองค์ประกอบของดอกแก้วให้มีความเรียบง่ายลง แต่ยัง คงความงามที�เป็นเอกลักษณ์ของดอกแก้วไว้เช่นเดิม เครื�องประดับนี�ใช้วัสดุเป็น โลหะเงินบริสุทธิ� (99.99%) เพื�อให้ชิ�นงานเกิดความอ่อนช้อย โลหะเงินสเตอริง (92.5%) เพื�อเพิ�มความแข็งแรงให้กับชิ�นงาน และทำการข่�นรูปเครื�องประดับด้วย เทคนิคการรีด (เส้นและแผ่น) การดัด การเชื�อม การสร้างสรรค์ผลงานเครื�องประดับชิ�นนี�สะท้อนให้เห็นว่าบางครั�งการสร้างแรง บันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเครื�องประดับก็สามารถหาได้ง่ายๆ จากสิ�ง รอบๆ ตัวเรา จากการศ่กษานี�ทำให้ได้รับองค์ความรู้ว่าจริงๆ แล้วคนเรามีความ เกี�ยวข้องกับดอกไม้มานานและมากมายขนาดไหน รวมทั�งเครื�องประดับก็ไม่ จำเป็นจะต้องมีมูลค่ามหาศาลก็สามารถทำให้ผู้รับหรือผู้ที�สวมใส่มีความสุขและ ความอิ�มเอมใจได้ ดังนั�นเราทุกคนสามารถพบความสุขได้ง่ายๆ ในทุกๆ วัน 1 Natchaphon B, 13 ความหมายดอกไม้ไทย แต่ละดอกสื�อความหมายถ่งอะไร, accessed August 15, 2022, available from https://www.sanook.com/campus/1399883/


76 | FACULTY ความทรงจําเป็ นเรื่องของบริบท ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.วินิตา คงประดิ ษฐ์ | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 5 x 12 x 0.5 ซม. | เคาะข่�นรู ปโลหะ การสร้างความทรงจำในความหมายใหม่เป็นความต้องการแสวงหาประสบการณ์ ในอุดมคติ เกิดข่�นจากการจดจำเรื�องราวในอดีตที�คล้ายกับสภาวะปัจจุ บัน ตาม หลักการของทฤษฎี ผูกย่ดตามสถานการณ์ (Contextual-Binding Theory) กล่าว คือ สมองจะทำหน้าที�รื�อค้นความทรงจำที�ใกล้เคียงกับบริบททางจิตในปัจจุ บัน เพื�อนำตัวตนเข้าไปเสพความสุขของประสบการณ์ในอุดมคติให้ มากข่�น1 เมื�อ สมองมนุษย์ ถูกกระตุ้นให้ ฉุกคิดถ่งภาพจำความรู้ส่กคุ้นเคยเก่า ปรากฏการณ์ ประกอบสร้างความทรงจำจะย้อนกลับไปสัมผัสคุณค่าแห่งความสุขของสภาวะ ของจิตในอดีต ดังนั�นเมื�อมีเหตุกระทบกับสิ�งเดิมที� ซ่อนอยู่ สมองจ่งรื�อค้นความ รู้ส่กคุ้นเคยนั�นกลับมา ส่งผลให้เกิดข้อค้นพบจินตภาพความรู้ส่กในมิ ติใหม่ การ จำหรือลืมจ่งเป็นบริบทความสัมพันธ์ที�มนุษย์เลือกนำเอาความทรงจำในบางช่ วง กลับมามากกว่าแสดงถ่งความเป็นจริงทั�งหมด เครื�องประดับ “ความทรงจำเป็นเรื�องของบริบท” สร้างสรรค์ข่�นจากการศ่กษาศาสตร์ของการพัฒนาอย่างยั�งยืน ด้วยการนำวัชพืชไร้ประโยชน์มาสร้างมูลค่าเพิ�มทางเศรษฐกิจของบุหงาโครงการหลวง การหวนระล่กถ่งภาพจำของทุ่งทิวหญ้าบนดอยสูงแฝงไว้ซ่�งความงดงามให้มนุษย์ได้เสพความอิ�มเอมใจ ผู้สร้างสรรค์ต้องการบอกเล่าบริบทดังกล่าวผ่านการนำเสนอสุนทรียภาพของวัชพืชในสถานะ เครื�องประดับที�แสดงถ่งภาพจำในห้ วงเวลาอดีต อาศัยตำแหน่งเฉพาะในสถานะ การประดับบนร่างกาย ถ่ายทอดคุณค่านัยยะของการสร้างสิ�งใหม่ให้เกิดประโยชน์เสริมสร้างส่งผลสู่ความเข้าใจด้วยการตีความหมายของคุณค่าใหม่ในความ ทรงจำใหม่ องค์ความรู้ของกระบวนการผลิตผลงานเครื�องประดับชุดนี� มีหลักการสำคัญ 3 ขั�นตอน คือ การเคาะข่�นรู ป การตกแต่งผิ ว และการประกอบโลหะ ภายใต้ กระบวนการออกแบบเครื�องประดับ ด้ วยการประยุกต์ ตีความเชิงรูปธรรมของ วัชพืชไร้ประโยชน์ข่�นใหม่ เชื�อมโยงสู่การนำเสนอคติแฝงจากกายภาพทาง รูปธรรมของวัชพืชในบริบทของจินตภาพในอดีต ในสาระของบริบทเครื�องประดับ สามารถสร้างคุณค่าด้ วยศักยภาพของวัสดุที�ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดในความ หมายใหม่ เป็นการถ่ายทอดการเสริ มสร้างคุณค่าที� ส่งผลสู่ความเข้าใจ และเป็น กำลังใจในการดำเนินชีวิตของผู้ที�ได้ สัมผัสเครื�องประดับ กระตุ้นเตือนให้ระล่ก สร้างคุณประโยชน์ให้ สูงสุดด้ วยสติ และสะท้อนถ่งความเข้าใจในทุกสิ�ง ย่อมมี คุณค่างดงามแฝงไว้เสมอ สอดคล้องกับคติ ธรรมของวัดกู่คำพระ “ของมี ค่าอยู่กับ คนไม่รู้ค่าก็กลายเป็นของที�ไร้ ค่า ของที�ไร้ ค่าอยู่กับคนเห็นคุณค่าย่อมจะมี ค่า”2 1 Yonelinas, A.P. and others. “A contextual binding theory of episodic memory: Systems consolidation reconsidered”. Nature Reviews Neuroscience, 20, (2019): 364-375. 2 วัดกู่คำพระ, คำคมดีๆ, เข้าถ่งเมื�อ 12 กุ มภาพันธ์ 2565, เข้าถ่งได้ จาก http://kamkomdee. blogspot.com/ 2014/07/blog-post_13.html


FACULTY | 77 ศิลป์หกเสา : หฤทัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิดาลัย ฆโนทัย | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 41 ซม. | สร้อยหกเสาเพชรบุรี วัฒนธรรมการใช้ศิลปะเครื�องประดับและเครื�องแต่งกายของคนไทยดำรงอยู่คู่ กันมาช้านาน เครื�องประดับเป็นวัฒนธรรมการตกแต่งร่างกาย นิยมสวมใส่คู่กับ เครื�องแต่งกายอื�นๆ เพื�อความสวยงามและแสดงออกถ่งชาติพันธุ์ เครื�องประดับ ทองโบราณมีรูปแบบเฉพาะตัว จำกัดให้การประดับตกแต่งได้กับชุดเครื�องแต่งกาย ไทยประเพณีเท่านั�น ครั�นเมื�อบริบททางสังคมเปลี�ยนแปลงไป วัฒนธรรมการใช้ ศิลปะเครื�องประดับและเครื�องแต่งกายก็เปลี�ยนตาม ด้วยเหตุนี� ผู้สร้างสรรค์ก่อเกิดความคิดที�จะพัฒนารูปแบบเครื�องประดับลักษณะไทยให้มีมิติความงามใน มุมมองใหม่ โดยยังคงถ่ายทอดทักษะช่างไทยโบราณไว้ การถักสร้อยหกเสาเพชรบุรี เป็นงานฝีมือเทคนิคโบราณที�เปี�ยมด้วยคุณค่า เกิด จากการถักที�ต้องใช้เวลาและความประณีต มีรายละเอียดที�ต่างจากสร้อยลวดลาย อื�น คือเป็นการถักด้วยห่วงกลมขนาดเล็กจำนวนมากอย่างต่อเนื�อง ห่วงขนาด เล็กแต่ละห่วงเรียงตัวซ้อนกันแบบอิสระเป็นเส้นยาว ทำให้สร้อยมีความอ่อนตัว แต่แข็งแรง ปัจจุบันลายหกเสาเป็นลวดลายหน่�งของสร้อยทองที�วางขายโดยไม่ ได้ถูกประยุกต์รูปแบบให้ร่วมสมัย จ่งเกิดความนิยมเฉพาะในหมู่ผู้สูงอายุ จากข้อมูลข้างต้น ผู้สร้างสรรค์มีความสนใจในการพัฒนารูปแบบสร้อยลายหกเสา ให้มีความร่วมสมัยสอดคล้องกับรูปแบบการแต่งกายสตรีปัจจุบัน โดยยังให้คง คุณสมบัติเด่นของสร้อยลายหกเสานี�ไว้ ทั�งยังให้ความสำคัญกับการนำความเป็น ไทยมาประยุกต์ร่วมในการออกแบบครั�งนี� กล่าวคือ จากคุณสมบัติของสร้อยหก เสาที�อ่อนนุ่ม เคลื�อนไหวตัวได้เหมือนเชือกดังกล่าว ถูกนำมาเป็นแนวคิดตั�งต้น ในการออกแบบ โดยการขดหรือม้วนเส้นของสร้อยหกเสาไปมาให้มีมิติตาม หลักการซ�ำ ต่อเนื�องกันเป็นเส้นเดียว มุ่งเน้นการสร้างรูปทรงเลียนแบบลายไทย พื�นฐานต่างๆ เช่น ลายบัวหรือลายกระจัง ที�ต่างเกิดมาจากการประยุกต์รูปทรงธรรมชาติของบัวตูม เป็นต้น แล้วย่ดสร้อยตามตำแหน่งที�สัมผัสกันด้วยท่อหด เกิดเป็นความขัดแย้งกัน (Contrast) ของวัสดุโบราณอย่างโลหะเงินและวัสดุ ร่วมสมัยอย่างยาง รูปทรงที�ได้จ่งมีความอ่อนช้อยและสมมาตร เสมือนลายบัว ของงานลายไทยที�ถูกตัดทอนรายละเอียดให้เรียบง่าย ให้ความรู้ส่กสงบนิ�ง ตัว เครื�องประดับถูกคิดให้ใช้งานสวมใส่อยู่ในตำแหน่งก่�งกลางระหว่างทรวงอก แสดงถ่งความอ่อนน้อมบูชา ผลงานเครื�องประดับสร้อยลายหกเสาที�ได้ออกแบบและผลิตข่�นมาชิ�นนี� สามารถ นำมาพัฒนาและต่อยอดหลักการหรือเทคนิคที�ใช้ได้ต่อไปอีกมากมาย ทั�งวิธีการ สร้างรูปร่างรูปทรง เทคนิคการย่ด การสร้างแนวคิดหรือที�มาของรูปทรง หรือ การกำหนดรูปแบบต่างๆ ให้ตอบสนองกับรสนิยมการแต่งกายหลากหลายช่วง วัยข่�น นับเป็นวิธีการหน่�งในการสืบสานวัฒนธรรมและการอนุรักษ์ภูมิปัญญา ไทย สร้อยลายหกเสา สกุลช่างเพชรบุรีนี�ไม่ให้เลือนหายไป


78 | FACULTY โลง-ตาย-กาย รองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] B : 5 x 6 x 6 ซม., S : 4 x 5 x 5 ซม. | เทคนิคการถักทอเส้นผมและเส้นใยกัญชงย้อมสีธรรมชาติ ข่�นรูปร่วมกับโลหะเงินบริสุทธิ� ‘วัฒนธรรมโลงไม้’ มีอายุระหว่าง 2,600-1,000 ปี ก่อนประวัติศาสตร์ ถือเป็น แบบแผนพิ ธีกรรมการฝังศพบรรพบุ รุ ษ เปิดเผยให้เห็นถ่งรอยประทับทางวัฒนธรรม ที�แผ่ขยายและเคลื�อนตัวตามมนุษย์เพื�อส่งผ่านความเชื�อของแต่ละชาติ พันธุ์ โลง ไม้เปรียบได้ กับสัญลักษณ์ทางจิตใจแสดงออกทั�งรูปธรรมและนามธรรม สะท้อน ถ่งอุดมคติเกี�ยวกับชีวิตหลังความตาย อีกทั�งยังปรากฏแก่นสาระสำคัญด้านการสืบทอดความคิด ความรู้ และแนวปฏิบัติที�ดีจากบรรพบุรุษ กระบวนการสร้างสรรค์ทฤษฎีปรากฏการณ์วิทยา คือปรัชญาแห่งการค้นหารูปแบบของสิ�งที�เรียกว่า ‘โลกที�ปรากฏต่อหน้า’ (Immanence) เราสามารถเลือกใช้ทฤษฎีดังกล่าวในการแสวงหาความจริง เฉพาะอย่างยิ�ง ความจริงแห่ง โลกยุคโบราณที� ผ่านกาลเวลามานานแสนนาน เนื�องจากคำว่า ปรากฏการณ์ (Phenomena) มิได้หมายถ่งการเข้าถ่งรู ปแบบของการรับรู้และประสบการณ์ที� มีขอบเขตจำกัดอยู่เพียงแค่การรู้จักความหมายของสิ�งใดสิ�งหน่�งผ่านการอาศัยประสาทสัมผัสเท่านั�น อาจกล่าวได้อีกนัยหน่�ง คือการศ่กษาแง่มุมจากสำน่กของ มนุษย์ที�ทำให้ ชีวิตมีความหมาย ครอบคลุ มการศ่กษาถ่งจินตนาการ อารมณ์ ความรู้ส่ก และพุ่งไปที�เจตสำน่กของมนุษย์ ผ่านสิ�งของรูปธรรมที�จับต้องได้ จ่ง เห็นได้ ว่า ผลงาน ‘เครื�องประดับ’ ชิ�นนี�ถูกสมมุ ติให้เป็นโลงไม้ สร้างสรรค์ข่�น จากวัสดุชนิดเดียวกับที� ขุดพบในโลงไม้โบราณ อันได้แก่ เศษผ้าใยกัญชงและ เส้นผม ทั�งสองใช้แทนค่าความจริงโดยมี นัยบอกถ่งปรากฏการณ์แห่งการดำรงอยู่ กอปรกับวัสดุ ดังกล่าวมี ลักษณะเป็นทัศนธาตุ ‘เส้น’ ถูกถักทอข่�นอย่างแน่นหนา เกาะกลุ่มเป็นมวลสื�อสารถ่งความสัมพันธ์ที�ยากจะตัดขาด แม้ความตายจะมา พราก หากสายใยชีวิตวนเวียนข้ามกาลมิรู้จบมาร์ติน ไฮเดกเกอร์ (Martin Heidegger) นักปรัชญาชาวเยอรมันผู้พยายามพิสูจน์ความหมายของการดำรงอยู่ (Being) ของมนุษย์ด้วยวิธีทางปรากฏการณ์ วิทยาโดยเฉลยคำตอบของการที�มนุษย์อยู่-ใน-โลก (Being-in-the-World) แสดงถ่งการที�มนุษย์อยู่ร่วม-กับ-ผู้อื�น (Being-with-Others) นับเป็นความจริง ที� สัมพันธ์ กัน ทั�งยังก่อให้เกิดการตระหนักถ่งความรู้อันเป็นรากฐานสำคัญที� ทำให้เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ดำรงอยู่ต่อไปได้ ซ่�งมนุษย์ จำเป็นต้องอาศัยวิธีการทาง ‘ทัศนศิลป์’ และใช้ ‘ทัศนธาตุ’ เป็นเครื�องมือในการแสดงออกอย่างประจักษ์ ต่อ สภาวการณ์ ต่างๆ ด้ วยเหตุที�เครื�องประดับคือศิลปวัตถุที�ใกล้ ชิดสนิทแนบกับ ร่างกายมากที� สุด จ่งมักถูกเลือกใช้เป็นวิธีการเข้าใจปรากฏการณ์แห่งสรรพสิ�ง อยู่เสมอแทบทุกอารยธรรม Outstanding Artistic


FACULTY | 79 พิมพ์ไทย พลัฏฐ์ จิรพุฒินันท์ | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] ขนาดจี� 9.5 x 8 ซม. ขนาดสร้อย 1.3 ซม. x 54 ซม. | การออกแบบโดยใช้ คอมพิวเตอร์ช่วย (Computer Aided Design : CAD) และการพิมพ์สามมิติด้วย เครื�องพิมพ์ระบบหัวฉีดเส้นพลาสติก (Fused Deposition Modeling : FDM) โลกที�มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการและมีการเข้าถ่งข้อมูลข่าวสารได้อย่าง ไร้พรมแดนในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนนั�นมีความรู้ส่กถ่งความเป็นพลเมืองโลกมากข่�น ซ่�งในขณะเดียวกันผู้คนก็อาจให้ความสำคัญเกี�ยวกับวัฒนธรรมของชาติลดลงไป ด้วย การที�จะดำรงไว้ซ่�งมรดกทางวัฒนธรรมจ่งจำเป็นต้องมีการนำเรื�องราวที�มีคุณค่าเดิมมาปรับเปลี�ยนวิธีการนำเสนอให้เหมาะสมตามความสนใจของผู้ชมใน ยุคสมัยนั�น ยกตัวอย่างเช่น การนำเสนอปรัชญาของงานศิลปะไทยแบบเดิมที� เน้นการแสดงออกถ่งวิถีชีวิตและความเชื�อ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและวิทยาการ แบบสมัยใหม่เพื�อให้ได้งานศิลปะในรูปแบบที�แตกต่างดูร่วมสมัย ที�สามารถ สร้างประโยชน์ในด้านการท่องเที�ยวเชิงวัฒนธรรมให้มีความน่าสนใจ รวมไปถ่ง การสืบทอดความภาคภูมิใจไปสู่ผู้คนรุ่นใหม่ของชาติด้วย เครื�องประดับไทยเป็นศิลปกรรมที�มีความเชื�อมโยงกับการนำเสนอความเป็นชาติ ในหลายมิติ อาทิ การถ่ายทอดลวดลายไทยที�สะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาในการ ประยุกต์นำสิ�งที�เห็นตามธรรมชาติมาสร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ประกอบกับ การเลือกใช้วัสดุอย่างทองคำและอัญมณีมาสะท้อนคติความเชื�อผ่านการเชื�อม โยงความหมายไปสู่ปรัชญาท้องถิ�น อันเป็นการแสดงให้เห็นถ่งความร�ำรวยทาง วัฒนธรรมในอดีต ในการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� ผู้ออกแบบได้พิจารณานำสิ�งที�เป็นตัวแทนทาง วัฒนธรรมไทย ได้แก่ ลายกระจังตาอ้อยซ่�งเป็นลายพื�นฐานในการวาดเส้นลายไทย และสีทองซ่�งแสดงออกถ่งความรุ่งเรืองดังที�เราพบเห็นได้มากตามสถาปัตยกรรม ไทย นำมาสร้างสรรค์ผ่านการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ โดยจัดองค์ประกอบศิลป์ของผลงานให้ใกล้เคียงกับรูปแบบเครื�องประดับไทย ดั�งเดิม หากแต่ได้มีการปรับเปลี�ยนขนาดของลวดลายให้มีขนาดใหญ่ข่�นเพื�อ สอดคล้องกับขีดจำกัดของเทคโนโลยีที�เลือกใช้งาน นั�นคือการพิมพ์ผลงานด้วย เครื�องพิมพ์สามมิติระบบหัวฉีดเส้นพลาสติก ซ่�งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที� เริ�มได้รับความนิยมมากข่�นในหมู่คนรุ่นใหม่เนื�องจากเป็นเครื�องมือที�สามารถ เลือกวัสดุได้หลากหลาย ใช้งานง่าย และมีราคาถูกกว่าเครื�องพิมพ์สามมิติประเภท อื�น เพื�อเป็นการผสมผสานกรรมวิธีการสร้างสรรค์แห่งโลกอนาคตเข้ากับการ ถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยในมุมมองร่วมสมัย ในโลกยุคใหม่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเข้าถ่งเครื�องมือที�ง่ายข่�นจะ ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก สิ�งที�จะ ทำให้คุณค่าทางวัฒนธรรมของชาติยังคงอยู่ได้อย่างน่าสนใจคือการต้อง ประยุกต์ใช้เรื�องราวที�ไม่ซับซ้อนมาถ่ายทอดผ่านกรรมวิธีที�เหมาะสม ดั�งเช่นใน ผลงานเครื�องประดับสร้างสรรค์นี�ที�ได้นำหน่วยย่อยของศิลปะไทย เช่น ลวดลาย และสี มานำเสนอให้เกิดเป็นรูปแบบใหม่ที�เข้าใจได้ง่าย แต่ก็มีความแตกต่างใน กระบวนการเมื�อเปรียบเทียบกับงานเครื�องประดับแบบดั�งเดิม เกิดเป็นผลงาน ต้นแบบที�สามารถเข้าถ่งผู้ที�สนใจและเป็นแรงบันดาลใจในการต่อยอดนำ เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติรูปแบบที�หลากหลายมาสร้างสรรค์เป็นงานเครื�อง ประดับศิลปะไทยต่อไป


80 | FACULTY เป็ นอย่างที่เห็ น ไม่ใช่อย่างที่เห็ น ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ทัศน์ ฐรสชง ศรี กุลกรณ์ | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 2.2 x 2.2 x 5.4 ซม. | การข่�นรู ปเครื�องประดับเทคนิคหล่อและข่�นรูปด้ วยมือ ความสำคัญของวัสดุในการสร้างสรรค์เครื�องประดับและสาระที� ซ่อนอยู่ในวัสดุ นั�น เป็นหน่�งในความเกี�ยวข้องที� น่าสนใจยิ�ง เครื�องประดับในความเข้าใจของ ผู้คนโดยทั�วไป คือวัตถุที�เป็นเครื�องประดับตกแต่งร่างกายของมนุษย์ให้สมบรู ณ์ หากในสาระที�ล่กซ่�งข่�นเครื�องประดับคือวัตถุที�เป็นการแสดงออกทางความคิดผ่านการแต่งกายของมนุษย์เพื�อสื�อสารเรื�องราวบางประการจากผู้สวมเครื�องประดับต่อผู้อื�น หรือสังคม เรื�องราวนั�นอาจเป็นไปได้ทั�งสถานะทางสังคม ฐานะทางเศรษฐกิจ วิถีชีวิต ศาสนา ความคิด วัฒนธรรม สุนทรียะหรือรสนิยมใน ศิลปะของมนุษย์ผู้นั�น อริสโตเติ�ล นักปราชญ์ชาวกรีก กล่าวไว้ ว่า “ในการกระทำ ของมนุษย์ ทุกผู้ เกิดจากเหตุหน่�ง หรือมากกว่าในเจ็ดประการนี� คือ โอกาส ธรรมชาติ การบังคับ นิ สัย เหตุผล ความพอใจ และความต้องการ กล่าวคือ มนุษย์เป็นผู้ตัดสินใจลงมือกระทำในกิ จกรรมต่างๆ อนุ มานได้ ว่าเขาใช้เครื�อง ประดับเป็นตัวสื�อสารทั�งที�โดยรู้ และ/หรือ ไม่รู้ตัว เครื�องประดับนี�กำหนดเป็นประเภทแหวน ทั�งที�ชิ�นงานเป็นรูปลักษณ์เดิ มของ สร้อยคอ มัดห่อเพชรและทับทิ มไว้เป็นองค์ประกอบหลัก ในการเหลือบมอง เพียงครั�งเดียวอาจสร้างความฉงนสงสัยว่านี� คือสร้อยและจี�ประดับทับทิมที�มัด รวมกันไว้ หรือว่าเป็นแหวนที�ย่ดไว้ ด้ วยสร้อย หรืออาจจะเป็นงานที�สร้างไม่ สมบูรณ์ เพราะไม่เห็นรู ปแบบของการฝังอัญมณีและเพชร แต่การสมบูรณ์ จะ ต้องเป็นรู ปแบบนั�นเสมอไปหรือไม่เพชรและอัญมณีได้ทำหน้าที�ในฐานะวัสดุ ของเครื�องประดับสำเร็จด้ วยตัวมันเองแล้ ว แม้แต่ไม่ได้ใช้ รู ปแบบประเพณี นิยม เดิม แต่เงาของเพชรที�สะท้อนทาบบนหน้าแหวนก็ทำให้เห็นเพชรที� มองไม่เห็น ในมุมมองปกติ วัสดุชนิดต่างๆ เงิน 925 สร้อยทองแดง ตะขอนาก เพชรเหลี�ยมกุหลาบ ทับทิม มีความหมายสัมพันธ์กับแนวความคิดเริ�มต้นของเครื�องประดับ ในสถานะที�แตกต่างกัน เมื�อร่วมกับรู ปแบบที�กำกวมในฐานะวัตถุหน่�ง มิใช่ รู ป กายภาพปกติ เพื�อสำรวจว่าในความประทับใจแรกของมนุษย์ในวัตถุหน่�งว่าวัสดุจะสามารถเชื�อมโยง และสื�อสารได้ชัดเจนเพียงไร? วัสดุที�มีมูลค่าเมื�อถูกจัดการ ในรู ปแบบที� ต่างออกจากเดิมจะสื�อสารมูลค่าเดิ มได้หรือไม่? เน้นให้ วัสดุเป็นตัว เล่าเรื�อง และเผยตัวตนของความหมายที�เครื�องประดับนั�นต้องการสื�อสาร ผลงาน นี�จ่งเป็นตัวอย่างของนิยาม เป็นอย่างที�เห็น ไม่ใช่อย่างที�เห็นสรุปได้ว่าการเลือกใช้เครื�องประดับของมนุษย์ ดำเนินไปควบคู่กับการพั ฒนา ตนเองในการเรียนรู้ ปรับตัว และสื�อสารความต้องการของตนเองต่อสังคมอยู่ ตลอดเวลา การออกแบบสร้างสรรค์นั�นก็เช่นเดียวกับความต้องการของมนุษย์ที�มิได้มีความต้องการที�จะสื�อสารเพียงเรื�องเดียว แต่มักจะต้องการสื�อสารไล่ลำดับความสำคัญหลายเรื�องซ่อนอยู่ รูปแบบที�กำกวมและการใช้วัสดุที�เป็นเหมือนภาษา ของเครื�องประดับได้สื�อสารถ่งสาระที�เหนือกว่าการตกแต่งเท่านั�น ก็ จะเป็นสิ�ง กระตุ้นเตือนให้มนุษย์เห็นถ่งกระบวนการพัฒนาการเรียนรู้ของตน ที� มี วัตถุ ประสงค์ในการพัฒนาตัวเป็นมนุษย์ที�สมบูรณ์ หรือบุคคลที�ทำให้ตัวเองเป็นจริงได้ในที�สุด


FACULTY | 81 Bangle Bangkok No.4 ไพลิน ศิริพานิช | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 9 x 9 x 6 ซม. | วิธีการพับข่�นรูปและการปักครอสติส (cross-stitch) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ� เป็นวัดสำคัญที�ตั�ง อยู่คู่กับพระบรมมหาราชวัง และเป็นวัดประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลก โดยเป็นแหล่งรวบรวมมรดกทางศิลปกรรมของชาติทุกแขนง ได้แก่ สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ประณีตศิลป์ ฯลฯ พระมหาเจดีย์สี� รัชกาลเป็นหน่�งในพุทธสถาปัตยกรรมภายในวัด ประกอบด้วยพระมหาเจดีย์ ประจำรัชกาลที� 1-3 ที�มีรูปแบบใกล้เคียงกัน และพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที� 4 ที�มีเหลี�ยมฐานสูงแตกต่างจากองค์อื�น ทั�งหมดประดับด้วยกระเบื�องเคลือบหลาก สีสัน ด้วยความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของช่างฝีมือไทย ส่งผลให้วัดโพธิ�เป็น หน่�งในสถานที�ศักดิ�สิทธิ�ที�มีชื�อเสียงในกรุงเทพมหานคร ตลอดจนเป็นสถานที� สำคัญของประเทศที�ด่งดูดนักท่องเที�ยว เครื�องประดับกำไลชิ�นนี� รังสรรค์ข่�นเพื�อถ่ายทอดสุนทรียศาสตร์ของพระมหา เจดีย์ประจำรัชกาลที� 4 ซ่�งมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื�น โดยศ่กษาเหลี�ยมมุม และองศาของสถาปัตยกรรม ก่อนนำมาคลี�คลาย ตัดทอน และสร้างสรรค์ข่�น ใหม่ด้วยวิธีการพับข่�นรูป ประยุกต์วิธีการให้สีสันด้วยการปักครอสติส (crossstitch) โดยคัดเลือกสีที�เหมาะสมในแต่ละหน่วยย่อยจนประกอบกันเป็นภาพรวม เพื�อนำเสนอรูปแบบศิลปกรรมย่อมุมและการจัดเรียงกระเบื�องเคลือบผ่าน ผลงานเครื�องประดับ เป็นการสืบทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมไทยและนำเสนอ ประณีตศิลป์ร่วมสมัยที�สวมใส่ได้ ผลงานชิ�นนี�เป็นตัวอย่างของการทดลองวิธีการพับข่�นรูปบนผ้าปักครอสติส และ การประยุกต์ใช้รูปแบบการปักเพื�อสร้างสีสันให้กับชิ�นงานเครื�องประดับ เพื�อ สะท้อนโครงสร้างและเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไทย ซ่�งวิธีการดังกล่าว สามารถแสดงรายละเอียดของการประดับตกแต่งได้ และนำเสนอองค์ความรู้ ของศิลปกรรมย่อมุมและการจัดเรียงกระเบื�องเคลือบในขั�นตอนและรูปแบบที� แตกต่างจากเดิม Outstanding Creativity


82 | FACULTY กรอบ ขอบเขตของความไม่มี ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.วรรณวิภา สุเนต์ตา | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 3-5 ซม. | ข่�นรู ปอะคริ ลิก คติการสร้างรู ปเคารพเพื�อเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ปรากฏในวั ฒนธรรม พุทธศาสนามากว่าพันปีหากย้อนกลับไปพิ จารณาถ่งสาระสำคัญที� ปรากฏใน พระธรรมคำสั�งสอนของพระองค์ ล้ วนชี�นำไปสู่ความจริงแห่งชีวิตที� ประกอบด้ วย ทุกข์และหนทางไปสู่การดับทุกข์ แต่เดิ มในวัฒนธรรมอินเดียโบราณสมัยอมราวดีจ่งไม่ปรากฏการสร้างรูปแทนองค์1 แต่ใช้สัญญะความว่างเปล่าของบัลลังก์ใต้ต้นโพธิ�หรือรอยประทับของพระพุทธบาท เป็นรูปนัยที�สื�อสารถ่งการมีอยู่ของ พระองค์ เป็นการแสดงรู ปพระพุทธองค์ในทางนามธรรมเพื�อการมองเห็นธรรมะ การสร้างรู ปแทนองค์พระศาสดาในระยะต่อมาจ่งสื�อสารความเป็นมนุษย์และ การระล่กถ่ง ดังเช่นที� ปรากฏในศิลปะคันธาระแห่งอินเดียเหนือ2 และพบการ สร้างพระพิมพ์เพื�อเป็นที�ระล่กของการเดินทางไปปฏิ บั ติ บูชายังสังเวชนียสถาน และเพื�อจุดมุ่งหมายของการสืบต่อพุทธศาสนา เมื�อพุทธศาสนาเผยแพร่ออกไปยังดินแดนต่างๆ การเคารพบูชาพระพุทธเจ้า เสมือนพระเจ้ายังทำให้เกิดวัตถุ ธรรมและพิ ธีกรรมที�สร้างข่�นโดยผู้ศรัทธาจำนวน มาก ชาวพุทธกลับไปย่ดถือในตัวรูปบุคคลและบูชาตัวตนมากกว่าการพ่�งพิงตนเองปัจจุบันการสักการะรูปเคารพได้เปลี�ยนไปสู่การสวมใส่พระพิมพ์เพื�อการปกป้อง คุ้มครอง เป็นการบูชาในสถานะของสิ�งศักดิ� สิทธิ� เครื�องรางและเครื�องประดับได้ ผสมผสานเข้ากับการแต่งกายและวิถี ชีวิตของคนไทย อันเป็นผลจากการออกแบบ วัตถุ มงคลให้เอื�อต่อการสวมใส่ได้อย่างเปิดเผย มีภาพลักษณ์ที�กลมกลืนไปกับ การแต่งกายในปัจจุ บัน แม้ ว่าแก่นแท้ของพุทธศาสนาแบบเถรวาทจะปฏิเสธความ ย่ดถือในวัตถุและมุ่งแสวงหาความจริงตามธรรมชาติของจิตก็ตาม งานออกแบบสร้างสรรค์นี�มีแนวคิดในการย้อนระล่กถ่งความว่างและการไม่ปรากฏของรูป ซ่�งเคยเป็นสาระของพุทธศาสนาแต่เดิม ที�มุ่งการขัดเกลาจิตใจ ของตนเอง ถ่ายทอดผ่านความย้อนแย้งของการประดับและสะสมในสังคมชาวพุทธปัจจุบัน เครื�องราง-เครื�องประดับ จ่งแสดงเพียงกรอบของสิ�งที�เคารพบูชา กรอบที�เคยห่อหุ้มความศักดิ� สิทธิ� คุณค่าและมูลค่า กลับพิ จารณาได้ถ่งเนื�อหาที� ชัดเจนของพุทธศาสนา คือการละทิ�งความทุกข์และต้นเหตุทั�งมวลไปสู่ความว่างเปล่าอย่างแท้จริง การถ่ายทอดแนวคิดในผลงานสร้างสรรค์นี�จ่งสื�อสารผ่านการประดับร่างกายด้วยสัญญะ นั�นคือ กรอบที�สร้างข่�นจากวัสดุใสโดยไม่แสดงเนื�อหาของวัตถุภายใน โดยให้ขนาดและปริ มาณที� ปรากฏในสร้อยคอและเข็ มกลัดสะท้อนเรื�องการ ประดับและสะสม อันนำไปสู่การพิ จารณาสาระสำคัญของพุทธศาสนา 1 พุทธทาสภิกขุ. (2552). พุทธประวัติ จากหินสลัก. อมรินทร์ ธรรมมะ. 2 พัชรินทร์ ศุขประมุล วิเศษ เพชรประดับ และ เมธิ นี จิระวัฒนา. (2532). รู ปและสัญลักษณ์ แห่งพระศากยพุทธ. กรมศิลปากร.


FACULTY | 83 คุณค่าของเศษขี้เลื่อย The Value of Sawdust ดร.อรอุ มา วิชัยกุล | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 4.5 x 5 x 7 ซม. | จำนวน 3 วง | เทคนิคการสร้างวัสดุคอมโพสิตจากเศษขี�เลื�อย และการข่�นรู ปโลหะเงิน การปรับภู มิ ทัศน์เป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบ เพื�อสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง พื�นที� กิ จกรรม และสภาพแวดล้อม เพื�อตอบสนองความพ่งพอใจของผู้ใช้งานทั�ง ทางด้านกายภาพและสุนทรียภาพ แต่ทั�งนี�ในกระบวนการสร้างสรรค์ ก่อให้ เกิดการตัดแต่งต้นไม้เพื�อความเป็นระเบียบและสวยงาม ทำให้เกิดเป็น ผลพลอยได้หรือของเสียจากกระบวนการดังกล่าวคือ “เศษขี�เลื�อย” ซ่�งเป็นทรัพยากรที�มีประโยชน์หลากหลาย เช่น เป็นเชื�อเพลิงที�ดี ใช้คลุมดินเพื�อป้องกันวัชพืช และทำเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน ฯลฯ จากรูปลักษณ์ และสีสันของเศษขี�เลื�อยที�แตกต่างกันไปตามชนิดของพืช งานสร้างสรรค์นี�จ่งมีวัตถุประสงค์เพื�อ นำเศษขี�เลื�อยของต้นมะฮอกกานี ต้นสัก และต้นขนุน มาสร้างเป็นงานเครื�องประดับร่วมสมัยเพื�อสื�อสารให้ผู้ชมและผู้สวมใส่ตระหนักถ่งคุณค่าในแง่มุมของสุนทรียะแห่งความยั�งยืน ด้วยการใช้วัสดุชีวภาพในท้องถิ�นให้เกิดประโยชน์สูงสุด และกระตุ้นเตือนให้เกิดการบริโภคที�สมเหตุสมผล กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานได้เลือกใช้เศษขี�เลื�อยของต้นมะฮอกกานีที� มี สี น�ำตาลอมแดง ต้นสักและต้นขนุนที� มี สีเหลือง นำมาบดด้ วยเครื�องบดแห้งให้ มี ความละเอียดมากยิ�งข่�น และนำมารีดรวมกับถุงพลาสติกเหลือใช้ เพื�อให้ความร้อนประสานเศษขี�เลื�อยเข้าด้วยกันแทนการใช้กาว จนกลายเป็นแผ่นวัสดุคอมโพสิตจากนั�นนำมาตัด ฉลุแผ่นวัสดุให้เกิดพื�นผิวที�แสดงถ่งความเจริญเติบโต มีความโปร่งให้แสงทะลุผ่าน และนำมาสร้างเป็นรูปทรงที�มีโครงสร้างของงานสถาปัตยกรรม ผสมผสานกับรู ปทรงของธรรมชาติ จากนั�นนำมาประกอบกับตัวเรือนแหวนที�ทำ จากโลหะเงิน งานสร้างสรรค์นี�แสดงถ่งคุณค่าของเศษขี�เลื�อยผ่านการประดับตกแต่งร่างกายด้วยการใช้วัสดุที�ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ�งแวดล้อม และได้สร้างองค์ความรู้ที� สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิ จใหม่ (BCG Economy) อันมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากร ชี วภาพอย่างคุ้มค่าเพื�อการสร้างมูลค่าเพิ� มและมีกระบวนการผลิตที�นำวัสดุกลับ มาใช้ประโยชน์ให้ มากที� สุด ช่ วยลดขยะและลดการส่งผลกระทบต่อสิ�งแวดล้อม โดยรวม ผลลัพธ์ ด้านวัสดุของงานสร้างสรรค์นี�สามารถพั ฒนาให้ มีความหนา ความแข็ง และความเหนียวมากยิ�งข่�น เพื�อต่อยอดสู่งานเครื�องประดับในรู ปแบบ ที�หลากหลายต่อไป Outstanding Social, Economic, Technology, Environmental and Cultural Impact


84 | FACULTY ว่า-เอาะ ว่า-อออัญญารัตน์ กิ�มเส้ง | สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุ รี | [email protected] 7 x 7 x 1.5 ซม. | จำนวน 3 ชิ�น | ฉลุโลหะและตอกหนังหนังตะลุงเป็นการแสดงหุ่นเงาที�เล่าเรื�องราวผ่านตัวหนังที� มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นภู มิปัญญาที� ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีความน่าสนใจสำหรับการนำมาสร้างสรรค์ ในรู ปแบบใหม่ๆ อาทิ ในรู ปแบบของเครื�องประดับซ่�งมีความสัมพันธ์ กับมนุษย์ ทั�งในทางกายภาพและในทางจิตใจ นอกจากเรื�องของความงามและคุณค่าทางความรู้ส่กแล้วยังทำหน้าที�เป็นตัวบันท่กเรื�องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื�อวิเคราะห์เอกลักษณ์ของงานหัตถกรรมหนังตะลุง 2) เพื�อสร้างสรรค์เครื�องประดับร่วมสมัยโดยผสานเทคนิคและวัสดุ ระหว่างงานหัตถกรรมหนังตะลุงและการข่�นรู ปเครื�องประดับ 3) เพื�อเผยแพร่ คุณค่าทางภู มิปัญญาอัตลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมของไทยในรู ปแบบใหม่ โดยแนวความคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ จากหนังตะลุงพบว่าลวดลายที� มี ความหลากหลายและมีความสวยงามนั�นมักพบในตำแหน่งเครื�องแต่งกายของตัวนาง ได้แก่ ลายเสื�อผ้า ลายเครื�องประดับ และดอกไม้ที�ใช้ทัดหูหรือถือขณะร่ายรำ โดยลายที�พบมักมีที�มาจากลายธรรมชาติโดยเฉพาะจากดอกไม้ ซ่�ง สอดคล้องกับความหมายสัญญะของดอกไม้ที�มักถูกใช้แทนผู้หญิงหรือเปรียบเทียบกับความงามของหญิงสาว ซ่�งในหนังตะลุงพบมีการใช้สัญญะนี�ทั�งในส่วน ของลวดลายบนตัวหนังและบทกลอนในเนื�อเรื�องที�แสดง อาทิ “จะกล่าวถ่งอรุ ณี ที�สวยสด ข่�นปรากฏให้โลกเห็นเช่นบุ ปผา” จากเรื�องแก้ วสองภาคของหนังจันทร์ แก้ ว บุญขวัญ หรือ “อันดอกไม้เขาเปรียบเทียบนารี ผู้ชายนี�โบราณเปรียบเทียบ แมลง” จากบทชมสวนดอกไม้ของหนังปรีชา สงวนศิลป์ จากสัญญะข้างต้นจ่งใช้ลวดลายดอกไม้ที�พบในงานหนังตะลุงสร้างสรรค์เป็นผลงาน โดยเลือกใช้วัสดุเดิมอย่างแผ่นหนังร่วมกับแผ่นโลหะทองเหลืองซ่�งเป็นวัสดุที�ใช้ในงานเครื�องประดับ เพื�อเพิ�มความแข็งแรงในการข่�นรูปทรงและเพิ�มมิติให้ตัวงานโดยใช้เทคนิค การทับซ้อนเป็นชั�น ดัดโค้งและพับข่�นมุ ม องค์ความรู้ที�ได้ พบว่า ความงามของงานหัตถกรรมหนังตะลุงนั�นเกิดจากเส้นสายลายตอก จุดเป็นทัศนธาตุที�พบมากที�สุดจากการตอกหมุดตอกเป็นลวดลายที� หลากหลาย ประกอบกับการแกะลายที�เกิดเส้นโค้งที� อ่อนช้อยพลิ�วไหว และการ วางลวดลายซ�ำๆ ทำให้เกิดจังหวะในตัวชิ�นงาน กระบวนการในงานหัตถกรรมหนังตะลุงนั�นเริ�มตั�งแต่การเตรียมวัสดุการใช้แผ่นหนังวัวที�ผ่านการฟอกจนโปร่งแสงแต่ยังคงพื�นผิวที�มีความสาก อีกทั�งทักษะของช่างท้องถิ�นที�ฝึกฝนจนเกิดความเชี�ยวชาญ ขั�นตอนการตอกลายที�ต้องอาศัยความแม่นยำ ลายตอกเรียงสม�ำเสมอ และขั�นตอนการแกะลายที�ต้องใช้ความชำนาญเพื�อลายที�พลิ�วไหวและไม่ให้เกิดการขาด สรุปเป็นเอกลักษณ์ของหัตถกรรมหนังตะลุง อันได้แก่ ความ งามทางศิลปะที�แสดงออกผ่านทางทัศนธาตุของตัวหนังตะลุง ทักษะเชิงช่างที�ใช้ภูมิปัญญาและฝีมือ และเสน่ห์ของวัสดุแผ่นหนังวัวที�มีคุณสมบัติเฉพาะตัว


FACULTY | 85 จุมปีจุมปา พัชราภรณ์ ลือราช | สาขาวิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา | [email protected] ปิ�นปักผม : 16 x 10 x 1 ซม. เข็มกลัด : 16 x 4 x 2.5 ซม., 22 x 5 x 1.5 ซม. ข่�นรูปงานโลหะเครื�องประดับ ทองเหลือง ลูกปัด ทองแดง เครื�องเคลือบดินเผา ดอกไม้หอมกับวัฒนธรรมล้านนาเป็นของคู่กัน หญิงชาวล้านนาในอดีตเกล้ามวย ผมไว้ที�ท้ายทอยนิยมตกแต่งผมด้วยดอกไม้หอม จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าว่าการ ประดับผมด้วยดอกไม้ก็เพื�อความงามและให้ผมมีกลิ�นหอมจรุง หากแต่ความ หมายในเชิงล่กที�คนไทหรือคนไตที�เป็นบรรพบุรุษของคนล้านนานั�นเชื�อในเรื�องขวัญ ที�เชื�อว่ามนุษย์นั�นมี 32 ขวัญ และการประดับศีรษะด้วยดอกไม้หอมก็ ประหน่�งเป็นการบูชาขวัญ และเพื�อความเป็นสิริมงคล นอกจากดอกไม้แล้ว หญิงสาวชาวเหนือนิยมประดับผมที�เกล้ามวยแล้วด้วยปิ�นที�ทำจากวัสดุมีค่า ที�มีทั�ง ปิ�นเงิน ปิ�นทองและที�ตกแต่งด้วยอัญมณี ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงชนชั�นสูงที�จะปัก ปิ�นมีค่าเหล่านี� 1 วัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ 1) เพื�อสร้างชุดผลงานเครื�อง ประดับร่วมสมัยที�ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้หอมจุมปีจุมปา (จำปีจำปา) ที�ใช้ ประดับผมของชาวล้านนาอันมีนัยยะแห่งการบูชาขวัญและประดับตกแต่งเพื�อ ความงาม 2) เพื�อนำดินจากแหล่งโบราณคดีเตาเผาเวียงบัว ตำบลแม่กา อำเภอ เมือง จังหวัดพะเยา และแหล่งดินท่าจำปี มาใช้เป็นส่วนของการสร้างสรรค์ผลงาน ผลงานสร้างสรรค์เครื�องประดับนี�ใช้ดอกจำปีจำปาเป็นรูปทรงหลักในการออกแบบ ดอกจำปาเป็นดอกไม้ที�นิยมปลูกอย่างแพร่หลายในสังคมคนล้านนาโดยเฉพาะ อย่างยิ�งนิยมปลูกในวัด และด้วยความหอมของดอกจำปาจ่งนิยมนำมาบูชาพระ หญิงสาวชอบเด็ดจำปามาเสียบแซมมวยผม ในแง่ของคติทางศาสนา พระพุทธเจ้า นามว่า “พระอัตคทัสสีพุทธเจ้า”ได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นจำปา และ พระพุทธเจ้าในอนาคตพระองค์หน่�งนามว่า “พระเทวาเทวพุทธเจ้า” จะมาตรัสรู้ ใต้ต้นจำปาเช่นกัน2 ดอกจำปาจ่งนับว่าเป็นดอกไม้หอมที�มีความเกี�ยวข้องกับวิถี ชีวิตและความเชื�อของคนล้านนา กระบวนการสร้างสรรค์เป็นการทำงานที�ใช้วัสดุและเทคนิคในงานเครื�องเคลือบ ดินเผาและเทคนิคในงานเครื�องประดับร่วมประกอบเป็นผลงาน ผู้สร้างสรรค์ได้ นำเอาความพิเศษของดินเวียงบัวที�เป็นวัสดุท้องถิ�นในจังหวัดพะเยาจากแหล่งที�มี คุณค่าทางประวัติศาสตร์มาปั�นแต่งเป็นรูปทรงดอกจุมปีจุมปาประกอบเข้ากับตัว เรือนที�เป็นโครงสร้างโลหะ เป็นความงามของวัสดุที�สมบูรณ์อย่างลงตัว ชุดผลงานเครื�องประดับ ประกอบไปด้วย ปิ�นปักผม 1 ชิ�น และเข็มกลัด 2 ชิ�น โดยผลงานชุดนี�เป็นผลงานต้นแบบที�คาดว่าจะสามารถพัฒนาและนำไปใช้ในเชิง พาณิชย์เพื�อส่งเสริมการท่องเที�ยวจังหวัดพะเยาและแหล่งโบราณคดีเตาเผาเวียง บัวให้มีรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที�หลากหลายเพิ�มข่�นจากเดิมที�มีสินค้าจำพวกถ้วย จาน ชาม และแก้วชากาแฟเพียงเท่านั�น นอกจากนี�รูปแบบของผลงานเครื�อง ประดับยังคงไว้ซ่�งกลิ�นอายของวัฒนธรรมล้านนา ความงดงามของดอกไม้ที�ใช้ ประดับตกแต่งร่างกายและคงไว้ซ่�งนัยยะแห่งการบูชาขวัญแห่งตนและการบูชา พุทธศาสนาอีกด้วย 1 ครูแอ�ด ภาณุทัต, 2550; สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา, 2565. 2 สนั�น ธรรมธิ. (2563). จำปา:ไม้คู่พุทธศาสนา https://art-culture.cmu.ac.th/Lanna/ articleDetail/2051#gallery-2.


86 | FACULTY Upcycled Clay Jewelry Set : Isaan Cart Revisited แสน ศรี สุโร | สาขานฤมิตศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม | [email protected] ยาว 88 ซม.| ลูกปัดดินเผา เส้นเอ็น เชือกเทียน เส้นหนัง รอยแกะสลักตกแต่งไม้ที�นำมาประกอบเป็นตัวเกวียนในภาคอีสานมีความสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในปัจจุบันเกวียนเป็นพาหนะที�สูญหายไปจากชีวิตของคน ไทย ส่ วนประกอบเกวียนก็ ถูกนำมาแยกชิ�นส่ วนทำเครื�องเรือนเสียเป็นส่ วนใหญ่ ด่านเกวียนเป็นตำบลแห่งหน่�งในอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสี มาสมัยโบราณ ใช้เป็นที� พักของกองคาราวานเกวียนที� ค้าขายระหว่างที�ราบสูงโคราชและกัมพูชา1 ดินแดนแถบนี�มีแม่น�ำมูลไหลผ่าน และเป็นแหล่งกำเนิดของดินเหนียวที� มี คุณภาพดี มี คุณสมบัติเฉพาะตัวเรียกว่าดินด่านเกวียน เมื�อเผาด้ วยความร้อนสูงแล้วจะมี สี เข้ มเหมือนเนื�อโลหะสัมฤทธิ� ใช้ผลิตเครื�องปั�นดินเผาได้สวยงาม เป็นจุดแวะพัก เพื�อจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที�ยวที�เดินทางผ่านไปมาอยู่เสมอ ผู้สร้างสรรค์จ่งได้นำเศษดินที�เหลือจากการผลิตงานชิ�นใหญ่ มาประดิษฐ์เป็นลูกปัดดินเผาเพื�อ นำมาประกอบเป็นเครื�องประดับ โดยนำแรงบันดาลใจมาจากเกวียนโบราณที� เคยมีในพื�นที� ด่านเกวียน วัตถุ ประสงค์ : เพื�อออกแบบชุดเครื�องประดับที�ทำด้ วยเศษดินด่านเกวียนเหลือใช้ โดยใช้แรงบันดาลใจจากเล่ มเกวียนอีสานโบราณ การสร้างสรรค์ใช้แนวคิดของการ Upcycle เศษดินเหนียวมาสร้างเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือและแหวน และนำภาพสลักไม้บนผิวเกวียนมาเป็นแรงบันดาลใจใน การออกแบบเป็นเครื�องประดับ ส่ วนต่างๆ ของสร้อยคอจะถูกผูก มัด โยง เข้า ด้ วยกันดั�งการประกอบกันของตัวเกวียน โดยให้ผู้สวมสามารถจัดแต่งทรงได้ ตามจินตนาการของตัวเอง โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ ดังนี� 1) แสวงหาข้อมูลเรื�องเกวียน ทำการร่างแบบสร้อยคอและลูกปัดแบบต่างๆ 2) แสวงหาข้อมูลในเชิงล่กเรื�องเทคนิคการร้อยเรียงลูกปัด 3) คัดสรรไอเดียจากภาพร่างที�ทำข่�น 4) ประเมินไอเดียว่าแบบไหนเหมาะสมที� สุด และนำไปผลิตจริงโดยใช้วิธี ร้อย ด้ วยมือ ในการปั�นลูกปัดได้ใช้ลวดลายบนเกวียนมาข่�นรู ปในแบบขดวงกลมเพื�อ ความสะดวกในการร้อยเข้าด้ วยกันเป็นเส้น โดยใช้ลวดลายขดบนเกวียนมาเป็น แรงบันดาลใจ โดยใช้เส้นเชือกเทียนในการมัดโยงส่ วนประกอบต่างๆ เข้าด้ วย กัน เหมือนเช่นการมัดเล่ มเกวียน จากการปฏิ บัติงานสร้างสรรค์ได้ ก่อให้เกิดความรู้ทางวิชาการใหม่ ๆ ทั�งในด้าน ทฤษฎี (ประวัติ ศาสตร์ ผ่านตัวเกวียน) และด้านปฏิ บัติ (การปั�นดินข่�นรูปลูกปัด) และยังสามารถปรับใช้ในทางการผลิตเพื�อจำหน่ายจริงได้ ด้ วย ปัญหาและแนวทางแก้ไข : การเผาดินที�ใช้ความร้อนสูงแบบเผาดำนั�น ปัจจุ บันจะ ทำได้ยากและค่าใช้ จ่ายสูง ทางผู้สร้างสรรค์จ่งปรับมาใช้วิธีการเผาโดยใช้ความ ร้อนต�ำพอให้ ดินสุกเพื�อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อม 1 กรมทรัพย์ สินทางปัญญา “ประกาศกรมทรัพย์ สินทางปัญญา เรื�องการข่�นทะเบียนสิ�งบ่งชี�ทาง ภู มิ ศาสตร์ เครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียน” กระทรวงพาณิชย์, 2562. เข้าถ่งเมื�อ 27 สิงหาคม2565. https://www.ipthailand.go.th/images/2284/Sorchor62100125.pdf


FACULTY | 87 BLOOM OF GLADNESSฐากร ถาวรโชติวงศ์ | ภาควิชาการออกแบบเครื�องแต่งกาย คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 90 x 200 ซม. | ทอสร้างสรรค์ ด้ วยกี�ทอผ้าสองตะกรอ “บนโลกไม่ มีสวรรค์ แต่ มีชิ�นส่ วนของสวรรค์อยู่ นั�นคือ ธรรมชาติ” คือข้อความที� ข้าพเจ้าพบเข้าโดยบังเอิญจากการอ่านบทความบนสื�อออนไลน์ ซ่�งได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการริเริ�มที�จะสร้างสรรค์ผลงานของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้า นั�นเชื�อในหลักธรรมชาติวิทยา และมีความสนใจในการศ่กษาทดลองเกี�ยวกับวัสดุต่างๆ มาต่อยอดให้กลายเป็นสิ�งทอเป็นทุนเดิม ดังเนื�อความในหนังสือ walden ที� ถูกเขียนข่�นโดย Henry David Thoreau1 นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ เคยกล่าวไว้ ว่า เขาใช้ปรากฏการณ์ ธรรมชาติเป็นสื�อแสดงออกถ่ง นามธรรมความคิดของเขาด้ วย...เพราะเหตุ ว่าสรรพสิ�งต่างร้อยรัดอยู่ภายใต้กฎ เกณฑ์และความเปลี�ยนแปลงเพียงหน่�งเดียว นั�นหมายถ่งว่า ธรรมชาติ ต่อให้แปรเปลี�ยนสภาพไปตามกาลเวลาอย่างไร แต่ความงามที�เป็นแก่นแท้นั�นยังคงอยู่ข้าพเจ้าจ่งใช้แนวคิดปรัชญาดังกล่าวมาใช้เริ�มต้นการทำผลงาน โดยเมื�อเร็ว ๆ นี� ข้าพเจ้าได้จัดนิทรรศการเดี�ยวเพื�อแสดงผลงานเป็นครั�งแรก และในวันพิธีเปิดข้าพเจ้าได้รับช่อดอกไม้จากเพื�อนร่วมงานและคนในครอบครัวเป็นจำนวนมาก จ่งมีความคิดที� จะนำวัสดุ ต่างๆ ในช่อดอกไม้ ซ่�งมีความหลากหลายทางรูปลักษณ์ และผิวสัมผัส มาใช้เป็นวัสดุในการสร้างงานสิ�งทอต่อ โดยในผลงานนี� มีความ มุ่งหวังที� จะให้เห็นถ่งแนวทางการนำเศษวัสดุกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สูงสุด ด้ วยวิธีการ upcycling หรือการแปรรู ปเศษวัสดุ ด้ วยความคิดสร้างสรรค์เพื�อให้ เกิดมูลค่าเพิ�ม ซ่�งเป็นแนวทางหน่�งในการใช้หลัก sustainable design อีกทั�ง ผลงานนี�จะเป็นการบันท่กความทรงจำ ความประทับใจภายใต้เหตุการณ์หน่�งในชีวิตวัตถุประสงค์ : 1) ศ่กษาการนำเศษวัสดุจากธรรมชาติประเภทดอกไม้ ใบไม้ มาต่อยอดเป็นผลงานเชิงสิ�งทอ 2) เพื�อทดลองนำเศษวัสดุจากธรรมชาติประเภท ดอกไม้ ใบไม้ มาต่อยอดเป็นผลงานสิ�งทอในรู ปแบบของตนเอง 3) เพื�อถ่ายทอด แนวความคิด ผลการทดลอง และบันท่กความทรงจำของตนเอง สู่ผลงานสิ�งทอสร้างสรรค์ แนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�คือการนำเสนอความงาม เนื�อแท้และความหมายของวัสดุจากช่อดอกไม้ สู่ผลงานสิ�งทอแห่งความประทับใจ โดยนำ ดอกไม้ที� ข้าพเจ้าได้ จากการที� มีคนมามอบให้เพื�อแสดงความยินดีในวันเปิด นิทรรศการเดี�ยวครั�งแรกมาแยกประเภทดอกไม้และวัสดุออกจากกัน หลังจาก นั�น นำวัสดุ ประเภทดอกไม้ใบไม้ ตากและอบให้แห้งเพื�อไล่ความชิ�นออก เป็นการ ป้องกันเชื�อรา เมื�อดอกไม้แห้งสนิทแล้ ว จ่งเด็ดเป็นชิ�นๆ เพื�อย่อยให้เป็นวัสดุที� เล็กลง แล้วจ่งนำไปทอด้ วยการสอดแทรกเข้าไปในเส้นยืนสีขาว พร้อมกับเส้นพุ่ง ประโยชน์ที�ได้ รับจากผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี� คือการได้เห็นแนวทางการต่อยอด ของเศษวัสดุ ประเภทดอกไม้ ใบไม้แห้ง และแนวทาง upcycling ด้ วยการสร้าง มูลค่าเพิ� มให้เศษวัสดุ ด้ วยความคิดสร้างสรรค์ รวมถ่งการใช้ทรัพยากรให้เกิด ประโยชน์ สูงสุด อีกทั�งยังเป็นการให้เกียรติและสร้างคุณค่าทางจิตใจให้แก่ผู้ที�ได้ มอบดอกไม้ให้ กับข้าพเจ้าในวันเปิดนิทรรศการเดี�ยวครั�งแรก 1 เฮนรี� เดวิด ธอโร, วอลเดน, พิมพ์ครั�งที� 5, แปลโดย สุ ริยฉัตร ชัยมงคล, (กรุงเทพฯ : ทับ หนังสือ, 2562) Outstanding Creativity


88 | FACULTY สุ นทรียศาสตร์แห่งศิลปะไทยสู่โครงสร้างการตั ดเย็บ เสื้อผ้าแฟชั่นร่วมสมัย ทเนศ บุญประสาน | ภาควิชาการออกแบบเครื�องแต่งกาย คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] หุ่นลองเสื�อสตรี ขนาด 36 | การสร้างแม่แบบแพทเทิ ร์นผสมผสานการสร้าง แม่แบบบนหุ่นแบบมูลาจ (Moulage) และตัดเย็บเสื�อผ้าปัจจุบันในประเทศไทยวิชาชีพการสร้างแบบตัดเย็บตามหลักสากลหรือที�เรียกว่า การสร้างแพตเทิ ร์นเพื�อการตัดเย็บเสื�อผ้า (Pattern Making) เป็นองค์ความรู้ที� ได้ พัฒนาปรับปรุงมาจากต่างประเทศ เช่น ฝรั�งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี�ปุ่น ฯลฯ ความรู้เหล่านี�ถ่ายทอดสู่บุคคลที� มีประสบการณ์การเรียนวิชาการตัดเย็บจาก ประเทศแม่แบบ มีการเขียนตำราการสร้างแบบการตัดเย็บเสื�อผ้าสำหรับผู้ต้องการศ่กษาไว้มากมาย ส่วนของวิธีการตัดเย็บเสื�อผ้าเครื�องแต่งกายของประเทศไทยในอดีตจริงๆ แล้วไม่มีหลักฐานปรากฏเด่นชัด บางส่วนที�ได้รับจากอิทธิพลอารยธรรมประเทศรอบข้าง เช่น เสื�อคอจีน กางเกงแพร แบบจีน การนุ่งโจงกระเบน แบบอินเดีย การแต่งกายของคนไทยในอดีตนั�นเราแต่งกายโดยการใช้ผ้าผืนนุ่งห่ม วิธีการใช้งานเมีเพียงการนุ่ง พับ จับ จีบ ห่ม เช่น การนุ่งผ้าซิ�น นุ่งโจงกระเบน แล้วรัดด้ วยเข็มขัดหรือเชือก หรือการห่ มสไบ ล้ วนเป็นการใช้งานตามลักษณะคุณสมบัติของผ้าทอ การตัดเย็บเสื�อผ้าแบบสากลที�เป็นการตัดชิ�นผ้าซ่�งเป็นการลดทอนคุณค่าของลวดลายทอผ้าจ่งไม่เป็นที�รู้จักแพร่หลายในขณะนั�น ส่วนการตัดเย็บเสื�อผ้าแบบสากลในปัจจุบัน มีวิธีการวัด คำนวนสัดส่วนร่างกาย สร้างเส้นตัดต่อแพตเทิร์นซ่�งได้พัฒนามาจากความสัมพันธ์ของโครงสร้างสรีระส่วนโค้งเว้าของร่างกาย เช่น เนินอก สะโพก ก้น มีการออกแบบลายเส้น (คัตติ�ง Cutting) ให้ มี รู ปแบบที�แตกต่างกันออกไปตามความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบ ในสังคมไทยปัจจุ บันเป็นที� รับรู้ว่าศิลปะลายไทยเป็นการใช้ ทัศนธาตุในเรื�องของ เส้นสายลวดลายที� มีความอ่อนช้อยงดงาม โดยศาสตราจารย์ชลูด นิ� มเสมอ1 ได้ กล่าวถ่งความมีเอกลักษณ์เฉพาะตั วของศิลปะไทยที�แสดงถ่งความรู้ส่ก เคลื�อนไหว สุนทรียศาสตร์ความงดงามจากลวดลายลายไทยหากถูกผสมผสานกับศาสตร์ของการสร้างแพตเทิร์นเสื�อผ้าสากลจะสามารถพัฒนารูปแบบโครงสร้าง สากลที�สื�ออัตลักษณ์ความเป็นไทยที�เคลื�อนไหวอ่อนช้อยบนโครงสร้างเสื�อผ้าสตรี การสร้างแพตเทิ ร์นด้ วยเทคนิคการข่�นหุ่น (Moulage) เป็นศาสตร์การสร้างแบบ เสื�อผ้าสากลอีกหน่�งวิธี โดยการใช้ ผ้าดิบทดลองข่�นโครงสร้างทาบบนตัวหุ่นโดย ไม่ได้ใช้ สูตรคำนวนตามหลักการสร้างแพตเทิ ร์นเสื�อผ้าทั�วไป ผู้สร้างแบบเข้าใจ ในโครงสร้างสรีระมนุษย์ที� ถูกต้อง หลักการสร้างเสื�อผ้าเบื�องต้น และคุณสมบัติ ของเนื�อผ้าก็เพียงพอแล้ว ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�ได้ใช้กระบวนการทดลองการ ข่�นโครงสร้างแพตเทิ ร์นบนตัวหุ่นผสมผสานการวาดเส้นลวดลายไทยที� สัมพันธ์ กับความเว้าโค้งของเรือนร่าง แนวทางการออกแบบสร้างแพตเทิ ร์นและตัดเย็บเสื�อผ้าของผลงานต้นแบบชิ�นนี� เป็นการพั ฒนาสร้างสรรค์ จากสุนทรียศาสตร์ของศิลปะไทยประเพณีที� มีความ รู้ส่กเคลื�อนไหวผสมผสานกับองค์ความรู้เดิมที� มี มาให้แตกต่างจากวิธีการสร้าง แพตเทิ ร์นตัดเย็บแบบที� มีอยู่ สามารถสื�อสารเอกลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัย หากนักออกแบบหรือผู้เกี�ยวข้องในสาขาวิชาชีพนี�สามารถเข้าใจและปรับใช้อย่างสมดุล แนวคิดนี�สามารถต่อยอด ส่งผ่านอัตลักษณ์ความงามแบบไทยที�มีความร่วมสมัยสืบสานสู่คนในเจนเนอเรชันต่อไปอย่างยั�งยืน1 ชลูด นิ� มเสมอ, การเข้าถ่งศิลปะในงานจิตรกรรมไทย. (กรุงเทพมหานคร: อัมรินทร์พริ�นติ�ง กรุ�ป, 2532), 19.


FACULTY | 89 มิเคยเลือนลา หมายเลข 2 ธนาคม สิทธิอัฐกร | ภาควิชาการออกแบบเครื�องแต่งกายคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] เครื�องแต่งกายสตรี | การจับเดรปและเขียนสีบาติก บทเพลง ‘ซ่อนกลิ�น’ แต่งโดย วีรณัฐ ทิพยมณฑล1 ร่วมกับอีฟ ปานเจริญ ในปี พ.ศ. 2561 เนื�อหาว่าถ่งเรื�องราวการถวิลหาอดีตที�เคยเกิดข่�นของคู่รักที� ต้องพลัด พรากจากกัน มี ลักษณะเด่นในการใช้ภาษาที�แสดงคุณค่าของวรรณศิลป์แบบไทย ซ่�งถ่งแม้ ว่าจะเป็นเพลงที� ถูกแต่งข่�นในยุคร่วมสมัยแต่กลับซ่อนถ่งลักษณะที�แสดง ถ่งลักษณะความเป็นไทย มีความคล้ายคล่งกับบทเพลงพระราชนิพนธ ราต์ รีประดับ ดาว ในรัชกาลที� 7 ทรงพระนิพนธ์ข่�นจากเพลงมอญดูดาวสองชั�นในปี พ.ศ. 2472เป็นการกล่าวถ่งอารมณ์อาวรณ์รำพรรณถ่งอดีตคนรักเช่นกัน ซ่�งหากเทียบเคียงแล้วนั�นเนื�อหาของบทเพลงทั�งสองที�มีทั�งในอดีตและปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็นการ ปลุกภาวะอารมณ์การถวิลหาอดีต (Nostalgia) โดย วิลสัน Wilson (2015, p.279)2 ได้กล่าวว่า ภาวะการถวิลหาอดีตเป็นภาวะที�ความรู้ส่กหรือประสบการณ์ ในอดีตที� ผุดหรือก่อตัวข่�นในปัจจุ บัน เป็นภาวการณ์ระล่กถ่งสิ�งใดหรือเรื�องราว ใดก็ตาม ผลงานออกแบบชิ�นนี� จ่งเป็นการเล่นในเรื�องของภาวะอารมณ์การถวิลหาอดีตโดยเทียบเคียงเนื�อหาของบทเพลงทั�งสองเป็นหลักจากการวิเคราะห์เนื�อหาของเพลงทั�งสองแล้ว อาศัยการตีความงานวรรณศิลป์ให้ออกมาเป็นเชิงสัญลักษณ์ จ่งสามารถแยกแนวความคิดเป็นสองส่วนคือในเรื�อง ของลวดลายผ้าและโครงชุด โดยในส่ วนของลวดลายผ้ากับผืนผ้าที�ใช้นั�นได้ ตีความ ผ่านบทเพลงที� ว่าถ่งเรื�องบรรยากาศตอนกลางคืนท่ามกลางแสงจันทร์ ถ่ายทอด ลวดลายที�ได้แรงบันดาลใจจากปฏิ ทินดวงจันทร์ (Lunar Calendar) สื�อถ่งวัน และคืนที�เปลี�ยนไปอย่างไม่รู้จบสิ�น โดยอาศัยเทคนิคการเขียนผ้าบาติกในการสร้างสรรค์ ในขณะที�โครงเสื�อมีการอ้างอิงจากเครื�องแต่งกายไทยโบราณในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อันบ่งบอกถ่งภาวะถวิลหาอดีต ที�มีปรากฎในบทเพลงที� สอดแทรกเนื�อความตามแบบงานวรรณศิลป์อย่างไทยโบราณ อาศัยการจับเดรป (Drape) และการจับจีบ เพื�อสร้างให้เกิดโครงเสื�อที� มีการทับซ้อน สื�อถ่งอารมณ์ ห่ วงหาอาดูรที� มีความซับซ้อนในห้ วงอารมณ์นั�นโดยเน้นถ่งวอลลุ่ม (Volume) ที� สามารถอำพรางร่างกายมนุษย์ได้ อันบ่งบอกถ่งความหลบเร้นในห้ วงอารมณ์แห่ง ความคิดถ่ง จากกระบวนการทำงานทั�งหมดนี� เป็นการแสดงให้เห็นถ่งคุณค่าของวรรณศิลป์ แบบไทยที� ถูกถ่ายทอดมากกว่าเนื�อความของบทเพลง เรียนรู้การตีความในเชิง วรรณศิลป์ให้สื�อสารออกมาในเชิงสัญลักษณ์ที�สามารถเข้ามาร่วมประยุกต์ใช้ใน กระบวนการออกแบบเครื�องแต่งกาย ก่อให้เกิดการพั ฒนาศักยภาพในเชิงการ ตัดเย็บเครื�องแต่งกายที� มีความซับซ้อนและสื�อถ่งอารมณ์และความรู้ส่กที� มีความ ล่กซ่�งได้ อีกทั�งผลงานชิ�นนี�ยังเป็นการร่วมมือกับชุ มชนท้องถิ�น อันเป็นการ พั ฒนาลวดลายของผ้าให้ มีความแปลกใหม่และร่วมสมัยมากยิ�งข่�น ซ่�งหากมอง ในภาพรวมนั�นผลงานชิ�นนี�จ่งกลายเป็นการตอบโจทย์ หัวข้อ ‘มิเคยเลือนลา’ ที� ว่า ด้ วยเรื�องการนำความรู้ส่ก เรื�องราวในอดีตที�แสดงถ่งความเป็นไทยออกมาใน ลักษณะของเครื�องแต่งกายที� มีความร่วมสมัย 1 วีรณัฐ ทิพยมณฑล. (2562). เผยที� มาของเพลง ‘ซ่อนกลิ�น’ กว่าจะมาเป็นเพลงเศร้าได้ขนาดนี�. เข้าถ่งเมื�อ 3 กุ มภาพันธ์ 2564. เข้าถ่งได้ จาก https://hitz955.teroradio.com/news/43854/ แจ�ป-เดอะ-ริชแมนทอย-เผยที� มาของเพลง-ซ่อนกลิ�น-กว่าจะมาเป็นเพลงเศร้าได้ขนาดนี� 2 Wilson, J. L. (2015). “Here and Now, there and Then: Nostalgia as a Time and Space Phenomenon.” Symbolic Interaction, 38, 4 (November): 478-492. Outstanding Artistic


90 | FACULTY ศาลาวั ดอรุณ ดร.ชไมพร มิ ติ นันท์ วงศ์ | สาขาวิชาศิลปะเเละการออกเเบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย | [email protected] การพิมพ์ ผ้าระบบดิ จิ ทัล โรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ ซ่�งตั�งอยู่บนเกาะรัตนโกสินทร์ แหล่งท่องเที�ยวสำคัญของกรุงเทพฯ พนักงานโรงแรมเป็นตัวแปรสำคัญ เปรียบเสมือนตัวแทน ภาพลักษณ์ตราสินค้าของโรงแรม สะท้อนระดับคุณภาพการบริการโรงแรมและสร้างความจดจำในคาแร็กเตอร์ของแบรนด์โรงแรมในระยะยาว ชุดพนักงานเป็น องค์ประกอบที�สำคัญสำหรับการแสดงตัวตนองค์กร สร้างความเชื�อมั�น ความน่าเชื�อถือ เปรียบเสมือนคำมั�นสัญญาของผลิตภัณฑ์และบริการที�แบรนด์นั�นมีต่อผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการสร้างความรู้ส่กภาคภูมิใจและความเป็นมืออาชีพ รวมทั�งยังส่งผลถ่งผู้รับสารจากข้อมูลที�ปรากฎบนเครื�องแต่งกาย การ ศ่กษาเบื�องต้นพบว่า การเลือกใช้ สัญญะในชุดพนักงานโรงแรมเกิดจากการนำ เอกลักษณ์ที�โดดเด่นของสถาปัตยกรรมของโรงแรม การตกแต่งภายในมาวิเคราะห์ร่วมกับการประยุกต์ใช้แนวโน้มแฟชั�น เพื�อสร้างรูปแบบชุดพนักงานที�โดดเด่น สื�อสารตัวตนและเกิดความร่วมสมัย โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ 6 ขั�นตอน ดังนี� 1) ศ่กษาชุดพนักงานโรงแรม 2) ศ่กษาโรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ สถาปัตยกรรมและการตกแต่ง 3) ศ่กษาการใช้ สัญญะในงานออกแบบ เช่น โครงสร้างชุด เรื�องราว โทนสี ลวดลาย 4) ศ่กษาเทรนด์แฟชั�น 5) วิเคราะห์ และสรุ ปผล 6) ออกแบบผลงาน โรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ มี จุดเด่นที� ต้องการนำเสนอความเป็นไทย ความงามของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซ่�งมีการตกแต่งศิลปกรรมปูนปั�นศิลปะไทยผสมกับศิลปะจีน ได้แก่ กระเบื�องเคลือบสีพาสเทล ลวดลาย ดอกไม้ เถาวัลย์ รู ปทรงเรขาคณิตแบบสมมาตร จากลวดลายดังกล่าวนำมาสู่ กระบวนการออกแบบ โดยเริ�มจากวิเคราะห์แนวคิดของโรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ การตกแต่งภายในโรงแรมซ่�งสามารถสรุ ปได้ ดังนี� 1) ชุดพนักงานทรงตรงเข้ารู ป 2) โครงชุดสีโรงแรมคือสีครี มและสีฟ้าซ่�งได้ จากผนังอิฐปูนเปลือย กระจกเงาใน แผนกต้อนรับและบรรยากาศบนชั�นดาดฟ้าโรงแรม 3) รู ปแบบการใช้งานชุด พนักงาน คือการติดต่อพูดคุยสื�อสารกับแขกที�เข้าพัก การลุก นั�ง ยืน ไม่ ยับง่าย ดูแลรักษาง่าย ต่อมาจ่งสรุ ปลวดลายศิลปกรรมปูนปั�นที�พบภายในวัดอรุณฯ ซ่�ง ลวดลายที�พบมี ดังนี� 1) สี�เหลี�ยมจัตุ รัส 2) สี�เหลี�ยมผืนผ้า 3) เกสรวงรี 4) ดอกไม้ 5) ใบไม้ 6) เถาวัลย์ 7) การจัดเรียงแถว โครงสร้างตัวเจดี ย์เป็นทรงสามเหลี�ยม และมีการต่อกระเบื�องลายต่างๆ เป็นทางยาว ไล่ระดับแต่ละชั�น นักออกแบบจ่งนำคำตอบจากทั�ง 2 ส่วนมาสู่กระบวนการออกแบบ โดยออกแบบ ลายผ้าสีครีมที�เกิดจากการนำลวดลายดอกไม้ ใบไม้ เถาวัลย์ มาจัดเรียงแบบสมมาตร ใช้การวางลวดลายอย่างเป็นระเบียบเพื�อสะท้อนถ่งงานปูนปั�นในวัดอรุณฯ โทนสีหลักเป็นสีครี มพาสเทล สี ส้ ม สีเขียว และสีขาว เพื�อให้สอดคล้องกับการ ตกแต่งภายในของโรงแรม ลักษณะชุดประกอบด้ วย 1) ท่อนบนเป็นเสื�อสูทแขนสั�น ตัดต่อปกสีดำ ชายเสื�อปลายแหลม 2) ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวตัดต่อไล่ระดับ โดยตกแต่งจีบซ้อน 4 ระดับ ไล่ระดับปลายเฉลียง เพื�อพนักงานสะดวกในการลุก เดิน นั�ง ยืน การเลือกใช้วัสดุตัดเย็บจ่งเหมาะกับผ้ากลุ่มโพลีเอสเตอร์ซ่�งดูแลรักษาง่าย อน่�งการนำเสนอความเป็นไทยของวัดอรุณฯ นักออกแบบใช้ผ้าลายลูกแก้วในการพิมพ์ลายผ้า ทำให้ชุดมีรูปลักษณ์ที�หรูหรา มีระดับ สร้างการจดจำ และสร้างความประทับใจต่อนักท่องเที�ยวที�เข้าพัก อีกทั�งยังสร้างความมั�นใจให้พนักงานในการบริการที�มีระดับของโรงแรมศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ


FACULTY | 91 Dead Corals รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) ระพี ลีละสิริ | สาขาวิชาสิ�งทอ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | [email protected] 120 x 120 ซม. | Handloom Woven ความสนใจในงานออกแบบสร้างสรรค์สิ�งทอ ที�มีพื�นผิวและสีสันของวัตถุดิบ มิติ ของระนาบ รูปร่างรูปทรง เกิดผลงานสร้างสรรค์ที�มีความน่าสนใจ แปลกตาจาก งานทัศนศิลป์ที�คุ้นเคย โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสิ�งทอของข้าพเจ้า คือการสื�อสารเรื�องราวจากแรงบันดาลใจ โดยถ่ายทอดผ่านทัศนธาตุ เครื�องมือ อุปกรณ์ เช่น กี�ทอมือแบบตั�งโต�ะ วัสดุต่างๆ เช่น เส้นด้าย เส้นเชือกแฟนซี วัสดุที�มีลักษณะพิเศษ สามารถนำมาใช้ถักทอ ตลอดจนเทคนิคการทอที�มีรูปแบบ และหลักการที�หลากหลาย นำมาแทนค่าแนวความคิดในการออกแบบถ่ายทอด ออกมาในรูปแบบสิ�งทอสร้างสรรค์ แนวคิด : เพื�อสะท้อนถ่งความเสื�อมโทรม เสียหายของสภาวะสิ�งแวดล้อมใต้ท้อง มหาสมุทร ผลการกระทำจากมนุษย์ที�ส่งผลกระทบทั�งทางตรง และทางอ้อมต่อ ท้องทะเล โดยสะท้อนผ่านปะการัง สิ�งมีชีวิต ห่วงโซ่อาหารลำดับต้นๆ ใต้ท้องทะเล อันสวยงาม ที�มีความอ่อนไหว มีผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อความเปลี�ยนแปลงจาก สภาพแวดล้อม จากปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ และมลพิษ การทำลายจากมนุษย์ กระบวนการสร้างสรรค์ : 1) ออกแบบร่างโดยคำน่งถ่งการต่อลวดลาย โดยใช้กี� ทอมือตั�งโต�ะ 3 ตัว ให้มีลวดลายต่อเนื�องกัน โดยมีการกำหนดรูปแบบของเส้น ร่างคร่าว ๆ แทนค่าเทคนิคการทอในรูปแบบต่างๆ เช่น โครงสร้างลายดอก ทอ ลายขน ทอเหลือบสี ทอสร้างพื�นผิว 2) พัฒนาแบบร่าง องค์ประกอบ เพื�อความ สมบูรณ์ลงตัว และร่างโทนสีของงาน วัสดุ โทนสี และเทคนิคการทอ 3) โดยนำ แบบร่างที�ลงตัวแล้ว มาเขียนแบบบอกขนาด เข้าสัดส่วน เพื�อใช้ขยายแบบใน การทอ 4) คัดเลือกวัสดุชนิดต่างๆ เพื�อแทนค่าความรู้ส่กถ่งปะการังที�ถูกทำลาย ด้วยสี และพื�นผิวลักษณะ 5) กำหนดเทคนิคโครงสร้างการทอ เช่น ลายขัด 2 ตะกอ ลาย 4 ตะกอ โดยออกแบบในรูปแบบช่องกราฟ โครงสร้างลายขน เพื�อ สร้างพื�นผิว 3 มิติ 6) เริ�มข่�นเส้นยืนบนกี�ทอมือแบบตั�งโต�ะ ทั�ง 3 ตัวพร้อมกัน โดยลำดับการทอ จากชิ�นที� 1, 2 และ 3 ตามลำดับของเทคนิคการทอใน โครงสร้างต่างๆ 7) เมื�องานบนกี�ที� 1 ทอเสร็จ ตรวจขนาดให้ได้ตามแบบร่าง แล้วเริ�มทองานกี�ที� 2 และ 3 ตามลำดับ โดยเมื�อทอเสร็จในแต่ละกี� ต้องนำออก มาตรวจขนาดของตำแหน่ง ช่องการสอดสาน และลองประกอบให้ได้ตามแบบ ร่างที�เข้าสัดส่วนเอาไว้ แล้วเก็บริมเชือกให้เรียบร้อย จ่งเตรียมวิธีการติดตั�ง ผลของการสร้างสรรค์ : 1) ได้สะท้อนผลการกระทำของมนุษย์ ที�มีต่อธรรมชาติ ที�อ่อนไหวสิ�งแวดล้อมที�ถูกทำลาย ซ่�งเป็นห่วงโซ่อาหารระบบนิเวศลำดับต้นๆ ของมหาสมุทร 2) การออกแบบอย่างแยบยลซับซ้อน สร้างรูปทรงใหม่ สามารถ แก้ปัญหา ละลายความธรรมดาของลักษณะการต่อเส้นด้านข้างซ้ายและขวา ส่วนบนและส่วนล่างของชิ�นงานทอ ทำให้งานที�ทอจากกี�ทอมือแบบตั�งโต�ะทั�ง 3 ชิ�น ดูเป็นงานชิ�นเดียวกันที�มีขนาดใหญ่กว่ากี� จากขนาดปกติประมาณ 40 x 120 เซนติเมตร สามารถสร้างงานขนาดประมาณ 120 x 120 เซนติเมตร 3) สามารถ นำองค์ความรู้ด้านสิ�งทอ มาออกแบบประยุกต์เป็นงานศิลปะแบบนามธรรม (Abstract Art) ผ่านวัสดุเชือกแฟนซีชนิดต่างๆ ที�มีปุ่มปม โทนสี ด้ายเหลือบเทคนิคโครงสร้างการทอ 4) โทนสีน�ำเงิน เทา น�ำตาล และองค์ประกอบของผลงานชิ�นนี� Dead Corals สามารถนำไปใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายใน ที�มีเรื�องราวรูปแบบที�สัมพันธ์กับชิ�นงานได้อย่างหลากหลายสถานที�


92 | FACULTY Pa Kao Ma: Ban Hadseaw กมลศิริ วงศ์หม่ก | สาขาวิชาการออกแบบและธุรกิ จแฟชั�น คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ | [email protected] 23 x 42 ซม. | การตัดต่อผ้าขาวม้าผ้าขาวม้าทอมือชุมชนกลุ่มทอผ้าบ้านหาดเสี�ยว จ.สุโขทัย มีเอกลักษณ์โดดเด่นต่างจากชุมชนอื�น โดยมีการนำวิธีการจก มาจกเป็นลวดลายช้างที�เชิงผ้าขาวม้าเพื�อสร้างเอกลักษณ์เนื�องจากชุมชนบ้านหาดเสี�ยวเป็นชาวไทยพวน ที�มีการถ่ายทอดภูมิปัญญาในการทอผ้าซิ�นตีนจกจากบรรพบุรุษมาช้านาน โดยเฉพาะจก 9 ลาย ซ่�งมีจุดโดดเด่นกว่าผ้าชนิดอื�น ทั�งนี�ลวดลายจกรูปช้างที�เลือกมาจกที�เชิงผ้าขาวม้า แสดงถ่งวิถีชีวิตของคนสุโขทัยที�ว่า ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ผืนผ้าขาวม้าที�ชุมชนทอมีเอกลักษณ์ แต่สินค้าที�แปรรูปยังมีความกระจัด กระจาย ขาดการนำเสนอที�ดี ผู้ออกแบบจ่งมีแนวคิดที�จะพัฒนาสินค้าแปรรูปให้กับผ้าขาวม้าทอมือชุมชนบ้านหาดเสี�ยว โดยมีวัตถุประสงค์เพื�อสร้างให้เกิดการรับรู้ต่อสินค้าผ้าขาวม้าและลวดลายจกที�เป็นเอกลักษณ์ดั�งเดิมในมุมมองใหม่ เพื�อการตอบรับของกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที�ดีให้กับชุมชน และเพื�อสร้างมูลค่าเพิ�มให้กับสินค้าผ้าขาวม้าชุมชนด้วยการใช้เทคนิคและรายละเอียดการตกแต่งบนตัวสินค้าที�มีความเป็นคอลเลคชั�น ผู้ออกแบบเลือกผ้าขาวม้าสีขาวดำที�เป็นสีขายดีของชุ มชนนำมาออกแบบ แต่ มีการ ปรับเปลี�ยนลายจกให้เป็นดิ�นเงินเมทัลลิก เน้นให้ลายจกดู น่าสนใจมากข่�น ทำให้ เกิดภาพลักษณ์ที� ทันสมัยและเรียบหรู มากข่�น ใช้แนวทางการเล่นลายผ้าขาวม้า ด้ วยการตัดต่อลายตรงและลายเฉลียงเป็นริ�วเล็กใหญ่ไว้ ด้านล่างของผลิตภัณฑ์ แทนค่าการวางลายจกที�เชิงผ้าซิ�น การจัดองค์ประกอบการตัดต่อที�เปลี�ยนรู ปแบบ จากเดิมที�ใช้เป็นผ้าขาวม้าผืนเดียวทั�งผืน สร้างให้เกิดจุดสนใจในการมอง ลักษณะ การตัดต่อลายเป็นการตัดผ้ารู ปเรขาคณิต เพื�อไม่ให้เหลือเศษ ชุ มชนสามารถใช้ วัสดุได้อย่างไม่สิ�นเปลือง เพื�อควบคุมต้นทุน นอกจากนั�นยังมีการติดเทปตกแต่ง ที�เป็นวัสดุที�หลายพื�นผิวสัมผัส ทั�งหยาบ เรียบ ด้านและมัน เพื�อสร้างให้เกิดมิ ติ และทำให้ ผ้าขาวม้าดูเข้าถ่งง่ายสำหรับคนกลุ่มใหม่ มากข่�น ผลงานสร้างสรรค์ในครั�งนี�เป็นการสร้างสินค้าต้นแบบผลิตภัณฑ์ที�แปรรูปจากผืนผ้าขาวม้าทอมือลายจกช้างอันเป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอบ้านหาดเสี�ยว จ.สุโขทัยเพื�อนำเสนอสำหรับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ การสร้างสรรค์ดีเทลบนตัวสินค้าทั�งการตัดต่อลายผ้าขาวม้าและวัสดุต่างๆ ทางแฟชั�นเพื�อสร้างความน่าสนใจ เน้นการเชื�อมโยงสี วัสดุ และสไตล์การออกแบบลงบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นคอลเลคชั�น การผลิตที�ไม่ ซับซ้อน ชุ มชนสามารถผลิตเองได้ เพิ� มความหลากหลาย สร้าง โอกาสในการซื�อสินค้าชนิดต่างๆ ที�แสดงความเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเองเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที�ดีให้กับชุมชน และเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้นำ เสนอภู มิปัญญาและเรื�องราวของชุ มชนในวงกว้างมากข่�น อันจะเป็นการช่ วยให้ ชุ มชนมีรายได้ มากข่�นและเติบโตอย่างยั�งยืน


FACULTY | 93 ในนํ้ามีปลา ในผ้าขาวม้ามีเส้ นใยรีไซเคิล ผู้ช่ วยศาสตราจารย์กมลวรรณ พัชรพรพิ พัฒน์ สารสุข | สาขาวิชาการออกแบบและธุรกิ จแฟชั�น คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ | [email protected] 75 ซม. | เทคนิคตัดเย็บและตัดต่อผ้า กระแสความต้องการสินค้าแฟชั�นในรู ปแบบฟาสต์แฟชั�น (Fast Fashion) นับ ตั�งแต่ ช่ วงปลายปี 1990 เพิ�มข่�นอย่างรวดเร็ วตามกลยุทธ์ทางการตลาด เมื�อ ผู้บริโภคซื�อสินค้าแฟชั�นมาใช้เพียงไม่กี�ครั�งแล้วทิ�ง เนื�องจากต้องการบริโภคสินค้าตัวใหม่ ทำให้เกิดเป็นสินค้าแฟชั�นเหลือทิ�งหรือเป็นขยะรอกำจัดมากมาย กระบวนการตลาดและการพั ฒนาทางธุรกิจนี�สวนทางกับการรักษาสิ�งแวดล้อมและส่งผลกระทบด้านลบต่อมวลมนุษย์อย่างมาก จากปัญหาดังกล่าว ข้าพเจ้าจ่งต่อยอดโครงการนวัตกรรมผืนผ้าขาวม้าทอมือรีไซเคิลของคณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที�นำเส้นใยรีไซเคิลจากบริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด (SC GRAND) ซ่�งเป็นเส้นใยที�เกิดจากเศษด้ายในโรงงานทอผ้า เศษผ้าเหลือทิ�งจากโรงงานตัดเย็บและเสื�อผ้าเก่าที�ผ่านการใช้งานแล้วบางส่วนผ่านการแยกคัดสี และทำความสะอาดนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลจนได้เป็นเส้นใย จากนั�นนำมา ทอลายขัดผสมกับผ้าฝ้ายปลอดสารเคมี ผ่านฝี มือการทอโดยสมาชิกวิสาหกิ จ ชุ มชนทอผ้าและตัดเย็บบ้านหาดเสี�ยว จังหวัดสุโขทัย เกิดเป็นนวัตกรรมผ้าขาวม้า เส้นใยรีไซเคิลที� ช่ วยลดผลกระทบที�เป็นลบต่อสิ�งแวดล้อม เพิ�มมูลค่าของผ้าทอ จากภู มิปัญญาไทยที�สะท้อนถ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ผ้าขาวม้าเส้นใยรีไซเคิลที�ทอใหม่นี�มีความหนาอันเกิดจากการทอแน่น และมีพื�นผิวไม่เรียบเนียนอันเกิดจากเส้นใยฝ้ายฟู เหมาะสมกับการนำไปออกแบบตัดเย็บ เครื�องแต่งกายสตรีประเภทชุดติดกันทรงพอดี ตัวซ่�งเป็นประเภทสินค้าที�สร้าง รายได้และมียอดจำหน่ายดีของชุ มชนผ้าขาวม้าทอมือบ้านหาดเสี�ยว ในกระบวนการออกแบบ ข้าพเจ้านำแรงบันดาลใจมาจากข้อความในศิลาจาร่กหลักที� 1 ที�ว่า “ในน�ำมีปลา ในนามีข้าว” อันแสดงถ่งความมั�งคั�งและอุดมสมบูรณ์ของเมืองสุโขทัยในอดีต ดังจะพบลวดลายคลื�นน�ำบนชามสังคโลกสีเขียวไข่กาเป็นจำนวนมาก ข้าพเจ้าตัดทอนรูปร่างและลวดลายที�ปรากฏเส้นโค้งพริ�วไหวรูปดอกบัวและปลากาดำมาเป็นลายตัดต่อบนชุด ทำการสลับลายทอตารางของผ้าขาวม้าและเพิ�มความน่าสนใจด้วยการตัดต่อกับผ้าออแกนซ่ากุ�นขอบ ซ่�งเป็นผ้าที�มีลักษณะโปร่งแสง บางเบา สะท้อนถ่งคลื�นน�ำที�มวลหมู่ปลากำลังแหวกว่าย ต้นแบบที�ผลิตสำเร็จแล้วนำส่งต่อให้กับชุมชนเพื�อนำไปผลิตและจำหน่ายต่อไป ในอนาคตปัญหาจากการผลิตในระหว่างการดำเนินงานการสร้างนวัตกรรมผ้าขาวม้าผสมเส้นใยรีไซเคิล เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิคการทอด้วยมือและลักษณะของเส้นใยรีไซเคิลที�มีความเปราะบาง ขาดง่ายระหว่างสืบหูก และมีต้นทุนสูงกว่าเส้นใย โพลีเอสเตอร์ แต่กระบวนการทอด้ วยมือด้ วยเส้นใยธรรมชาติ ก็สามารถลดการ ปล่อยก�าซเรือนกระจก ลดพลังงานไฟฟ้า และลดการใช้น�ำได้เช่นกัน อีกทั�งยังเป็นแนวทางหน่�งเพื�อส่งเสริมให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติซ่�งเป็นต้นทุนวัตถุดิบของชุมชน และสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมที� คำน่งถ่งสิ�งแวดล้อมอีกด้ วย Outstanding Social, Economic, Technology, Environmental and Cultural Impact


94 | FACULTY ผ้าลายอย่าง ดร.วรฐ ทรัพย์ศรี สัญจัย | สาขาวิชาออกแบบแฟชั�น วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ | [email protected] 350 x 110 ซม., 335 x 108 ซม., 350 x 110 ซม. | พิมพ์ ดิ จิ ทัลบนผืนผ้า ช่ วงรัชสมัยของสมเด็ จพระนารายณ์ มหาราช (พ.ศ. 2199 - 2231) ประเทศอินเดีย เป็นศูนย์กลางการผลิตสิ�งทอรายใหญ่ที� สุดในเวลานั�น เนื�องจากมีแหล่งเพาะปลูก ฝ้ายคุณภาพสูงสำหรับทอผ้า อีกทั�งมี ภู มิปัญญาการทอ ย้อม พิมพ์ลาย เขียน ลายผ้าที� สืบต่อมาหลายร้อยปี ทำให้ ผ้าจากอินเดียได้ รับความนิยมไปทั�วโลก โดย เฉพาะในตลาดยุโรป ผ้าเขียนลายจากอินเดียชาวยุโรปเรียกว่า ‘Chintz’ กรุง ศรีอยุ ธยาว่าจ้างผลิตผ้าลายโดยส่งตัวอย่างลวดลายไปให้แขกวาดตามอย่าง ทำให้ ผ้าชนิดนี�ถูกเรียกต่อมาว่า ‘ผ้าลายอย่าง’ ซ่�งหมายถ่งผ้าที�ผลิตข่�นตาม ตัวอย่างนั�นเอง กระทั�งสิ�นสุดกรุงศรีอยุ ธยา พ.ศ. 2310 ทำให้การสั�งผลิตผ้าด้ วย การส่งลวดลายต้นแบบจากอยุ ธยาสิ�นสุดลง จนถ่งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังคงรู ปแบบการใช้ ผ้าลายตามแบบอยุ ธยาตอนปลาย เนื�องจากยังคงมีลายต้นแบบ และแม่ พิมพ์เดิมที� ยังผลิตส่งมาขาย ผ้าลายอย่างแบบอยุ ธยาเริ� มเสื�อมความนิยม ลง จวบจนสมัยรัชกาลที� 3 ผ้าแพรพรรณจากประเทศจีน เริ� มเข้ามามีบทบาทใน ราชสำนักสยาม เรียกว่า ‘ผ้าม่ วง’ ทำให้ ผ้าลายอย่างลดบทบาทการใช้งาน และ ถูกยกเลิกไปในที� สุดในสมัยรัชกาลที� 5 งานสร้างสรรค์ครั�งนี�มี วัตถุ ประสงค์ คือ 1) เพื�อศ่กษารู ปแบบ องค์ประกอบลวดลายผ้าลายอย่างทางศิลปกรรม 2) เพื�อ ออกแบบสร้างสรรค์ ผ้าลายอย่าง 3) เพื�อผลิตผืนผ้าลายอย่างตามกระบวนการ ผลิตทางอุตสาหกรรมจากการศ่กษาลวดลาย เอกลักษณ์ของผ้าลายอย่าง ประกอบด้ วย 3 ส่ วนคือ 1) ชุดกรอบลาย ตามโครงสร้างโบราณสามารถเปรียบเทียบกับผ้ายก จะมีองค์ประกอบชุดกรอบลายรูปแบบเดียวกัน ประกอบด้วย ท้องผ้า ช่อแทงท้อง ชุดสังเวียนผ้า และชุดเชิงผ้า 2) รูปแบบลวดลาย 3) ชุดสี โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน 1) ศ่กษาลวดลายเอกลักษณ์และรู ปแบบ กระบวนลายจากผืนผ้าโบราณ เอกสารหลักฐาน และภาพถ่ายผืนผ้าโบราณ 2) การกำหนดสัดส่ วนโครงสร้างผืนผ้าตามองค์ประกอบชุดลายผ้าโบราณ 3) การเขียนลวดลายด้ วยเครื�องมือโปรแกรมคอมพิ วเตอร์กราฟิก และบรรจุ ลวดลาย 4) การเลือกสีเทียบเคียง โดยเลือกจากชุดสี ดิ จิ ทัลจากไทยโทน 5) การ เลือกเนื�อผ้าโดยการปรับปรุงคุณภาพเส้นใยสิ�งทอที�เหมาะสม 6) การพิมพ์ลวดลาย บนผืนผ้า งานสร้างสรรค์ ผ้าลายอย่างในครั�งนี� นอกจากการสร้างสรรค์ ผืนผ้าเพื�อนำมาใช้ ประโยชน์ ยังสามารถนำลวดลายไปประยุกต์ใช้ หรือต่อยอดสู่อุสาหกรรมแฟชั�น เครื�องแต่งกายหรือผลงานสร้างสรรค์ในลักษณะอื�นๆ ได้ อีก ผู้สร้างสรรค์หวังว่า จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สนใจ สามารถศ่กษาเทคนิคการออกแบบ และเทคนิค การผลิตเพื�อนำไปเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ ผ้าลายอื�นๆ ต่อไป อีกทั�งเป็น แนวทางในการอนุ รักษ์ รู ปแบบงานศิลปกรรมที� สูญหายจากสังคมไปชั�วเวลาหน่�ง ให้กลับมาเป็นที� นิยมอีกครั�ง


FACULTY | 95 Me ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกษร ผลจำนงค์ | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 60 x 80 ซม. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ การดำรงชีวิตในปัจจุบันนี� ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค ทั�งภายนอกและ ภายในจิตใจ จากการเลี�ยงดูจากครอบครัวที�มีความอบอุ่น พ่อแม่ที�ให้ความรัก และความเมตตาทั�งคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ซ่�งตนเองได้ซ่มซับมา ตั�งแต่เด็ก ความอบอุ่นในชนบทที�ไม่ค่อยมีความวุ่นวาย ต่างกับสังคมเมืองที�มี ความแตกต่างของคนในสังคม จ่งอาจไม่เคยเผชิญกับความรู้ส่กอ่ดอัดที�ได้รับ ที�มิอาจปล่อยวางบางสิ�งบางอย่างได้ในทันทีทันใด นำมาซ่�งความฟุ้งซ่านภายใน จิตใจ บางครั�งหาทางระบายออกไม่ได้ เกิดความอ่ดอัด อัดอั�น ไม่เข้าใจใน อารมณ์ของเหตุผลบางประการของคนรอบข้าง เกิดอาการหมกใจ ทำให้เกิด เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ เพื�อระบายออกทางความรู้ส่ก ผ่อนออก คลายออก ผ่านการแสดงออกทางศิลปะที�มีความละเอียดภายในใจ กลั�นออกมา ด้วยจิตที�ประณีตข่�น จากสิ�งต่างๆ แรงกดดัน ความอ่ดอัด ที�มากระทบจิตใจและเก็บเอาไว้ภายในใจ มาเรียบเรียงเกิดเป็นแรงบันดาลใจเบื�องต้น ในด้านรูปแบบ คืออยากหนีจากโลก ความเป็นจริง เพ้อฝัน นำมาวิเคราะห์เพื�อให้เกิดความละเมียดละไมในการ สร้างสรรค์และการถ่ายทอด เพื�อสื�อให้เห็นความอ่ดอัดที�ไม่ได้ไประบายด้วย ความไม่ได้ยับยั�งชั�งใจ แต่เป็นการสร้างสรรค์ เพื�อให้เกิดความรู้ส่กใหม่ ที�ไม่ได้ โทษสิ�งรอบข้าง และผ่อนคลายในการแสดงออกผ่านศิลปะแล้ว รูปแบบที� ถ่ายทอดออกมาก็จะไม่ได้ให้ความถูกต้องตามหลักกายวิภาค แต่จะเน้นการ ถ่ายทอดแบบก่�งเหมือนจริง เพื�อหนีจากโลกความเป็นจริง อาจมีอารมณ์การ ประชดประชัน ฯลฯ ผ่านการทำแบบร่าง ที�เป็นลายเส้น ขาว-ดำ เป็นลำดับแรก หลังจากนั�นวิเคราะห์แบบร่าง ด้วยหลักขององค์ประกอบศิลป์ เพื�อนำมาพิจารณา ในการนำมาขยาย วิเคราะห์ก่อนเลือกเป็นชิ�นงานจริง จากนั�นจ่งเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เช่น เฟรมผ้าใบ เตรียมพื�นเพื�อให้เกิดความเรียบร้อย และง่ายในการลงสีผสมสีเพื�อให้เกิดโทนสีเฉพาะ แล้วรองพื�นด้วยโครงสีโดย รวมให้เกิดความเรียบที�สุด เพื�อให้เกิดความต่งของผิวที�ไม่ค่อยมีสีบรรยากาศอื�น มาผสม เพื�อให้เกิดความรู้ส่กอ่ดอัด แบบหม่นๆ และร่างภาพลายเส้นลงไป เพื�อ ให้รูปทรงที�มีความล้นออกนอกกรอบ เพื�อเสริมให้รู้ส่กอ่ดอัดในด้านรูปทรงด้วย อีกทางหน่�ง ลงสีโดยรวมทั�งหมด แล้วถ่งเก็บรายละเอียดของชิ�นงาน การขีดเส้น ซ�ำๆ เพื�อฝึกความนิ�งในชิ�นงาน โดยการใช้พู่กันในการสานเส้น เพื�อเกิดสมาธิใน การปฏิบัติงาน เก็บงานและเช็คน�ำหนักและองค์ประกอบศิลปะอื�นๆ ที�นำมา ถ่ายทอด การสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� แสดงออกถ่งความอ่ดอัดภายในใจที�กระทบ เพื�อให้ เกิดสิ�งใหม่ และได้ผ่อนคลายอารมณ์ผ่านการสร้างสรรค์งานศิลปะ บำบัดจิตใจ ได้อีกทางหน่�ง


96 | FACULTY พระคเณศแห่งแดนมังกร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.โกเมศ กาญจนพายัพ | หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 22 x 35 x 18 ซม. | ประติมากรรมดิจิทัลด้วยวิทยาการความเป็นจริงเสมือน พระคเณศ ถูกยกให้เป็นเทพแห่งความสำเร็จ และสติปัญญา ความเชื�อเกี�ยวกับ พระคเณศนั�นมีที�มาจากศาสนาพราหมณ์ในประเทศอินเดีย และได้แพร่กระจาย ไปทั�วโลก รวมทั�งประเทศไทย และเป็นหน่�งในเทพที�คนนิยมบูชามากที�สุด1 การ บูชาพระคเณศในประเทศจีนเป็นวัฒนธรรมนำเข้าที�มาพร้อมกับศาสนาพุทธที�ได้รวมความเชื�อของเทพในศาสนาฮินดูเข้ามาด้วย แม้ปัจจุบันรูปเคารพพระคเณศของจีนจะมีให้พบเห็นไม่มาก แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีประติมากรรม หินรูปเคารพพระคเณศทางบริเวณตอนเหนือของประเทศที�สร้างข่�นราวปี พ.ศ. 10742 ผู้สร้างสรรค์เห็นว่าประติมากรรมรูปเคารพพระคเณศ ในเมืองตุนหวง มณฑลกานซู ประเทศจีน มีเอกลักษณ์น่าสนใจ วัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ ผลงานชิ�นนี�ประกอบด้วย 1) ศ่กษารูปแบบประติมากรรมเทวรูปจีนโบราณและ ตำนานพระคเณศ 2) ใช้วิทยาการความเป็นจริงเสมือนปั�นประติมากรรมพระ คเณศดิจิทัลตามรูปแบบเทวรูปจีน จากการศ่กษารูปแบบประติมากรรมเทวรูปจีนโบราณและตำนานพระคเณศ พบว่า 1) ชุดเกราะนักรบในช่วงยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ 3 ที�ตรงกับช่วงเวลาที�เทวรูปหิน พระคเณศในจีนถูกสร้างข่�น ชุดเกราะในยุคนี�มีจุดเด่นหมวกโลหะซ่�งใช้แสดงยศ หรือตำแหน่งของผู้สวม และเกราะปิดช่วงล่างที�มีลักษณะคล้ายกระโปรงยาวเพื�อ ไม่ให้ถูกฟัน4 แนวคิดพระคเณศที�ใช้สร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�เป็นพระคเณศปางแห่ง ชัยชนะที�นำเสนอความเป็นมงคล ซ่�งมีองค์ประกอบ 1. พระเศียรสวมหมวกป้องกัน ภยันตราย หมวกมีลายพระพุทธรูปประทับนั�ง 2. พระสรีระกำยำ เปี�ยมไปด้วย พลังชีวิตและความแข็งแรง 3. พระหัตถ์ขวา 1 ในท่าปรามความชั�วร้ายทั�งปวง 4. พระหัตถ์ขวา 2 ทรงวัชระ เทพอาวุธทรงอานุภาพ สามารถทำลายอุปสรรคทั�ง หลายได้ 5. พระหัตถ์ซ้าย 1 ทรงบ่วงบาศก์ 6. พระหัตถ์ซ้าย 2 ทรงโลกทั�งใบไว้ บนปลายพระอังคุฐและพระดัชนี ประหน่�งสามารถพิชิตความสำเร็จได้ดั�งแก้ว สารพัดน่ก และ 7. หนูมุสิกะ หมายถ่งมีมิตรและบริวารรายล้อมพร้อมนำพาสู่ ความสำเร็จ และ 2) วิทยาการความเป็นจริงเสมือนสามารถใช้สร้างงาน ประติมากรรมดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สร้างสรรค์ใช้โปรแกรมปั�นด้วย วิทยาการความเป็นจริงเสมือน Medium by Adobe ในการข่�นรูปทรงพระคเณศ การศ่กษาค้นคว้ารูปแบบชุดเกราะจีนในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ และตำนานพระคเณศ ปางชัยชนะ ทำให้ผู้สร้างสรรค์สามารถออกแบบประติมากรรมเทวรูปพระคเณศ ที�มีกลิ�นอายอารยธรรมจีนและเป็นไปตามหลักความศรัทธาในเทพองค์นี� การปั�น ประติมากรรมดิจิทัลด้วยวิทยาการความเป็นจริงเสมือนทำให้สามารถข่�นรูปทรง ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�จ่งเป็นการสืบสานความเชื�อ เทวบูชาพระคเณศในรูปแบบศิลปะจีนด้วยวิทยาการสมัยใหม่และสามารถนำ กระบวนการนี�ไปใช้เพื�อสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมอื�นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1 จิรัสสา คชาชีวะ (2531). พระพิฆเนศวร์ คติความเชื�อและรูปแบบของพระพิฆเศวร์ที�พบในประเทศไทย. กรุงเทพ: กรมศิลปากร. 2 Roychowdhury, A. (2017). How Lord Ganesha is celebrated outside India | Research News, The Indian Express. สืบค้น 30 มิถุนายน 2565 จาก The Indian Express website: https://indianexpress.com/article/research/ganesh-chaturthi- ganpati-visarjan-how-the-cult-of-ganesha-is-celebrated-outside-india/ 3 Gascoigne, B. (2003). The dynasties of China: a history (1st Carroll & Graf ed.). New York: Carroll & Graf Publishers. 4 Peers, C. J. (2006). Soldiers of the Dragon: Chinese Armies 1500 BC - AD 1840, Oxford: Osprey Publishing Ltd.


FACULTY | 97 ประตูช้าง The elephant gate ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรุฑ สิทธิรัตน์ | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 25 x 49 x 54 ซม. | สแตนเลสสตีล “ประตูช้าง” เป็นแบบจำลองจากโครงการวิจัยย่อยที� 1 “การสร้างสรรค์ประติมากรรม บนพื�นที�สาธารณะกับการมีส่วนร่วมของชุมชน” ปัจจุบันความนิยมในการเล่น หนังใหญ่ที�นับวันจะลดน้อยลงไป ด้วยการเข้ามาแทนที�ของความบันเทิงและการ แสดงชนิดอื�น ดังนั�นการร่วมกันอนุรักษ์ศิลปะการแสดงแขนงนี� จ่งเป็นเรื�อง สำคัญของทุกคน ในความสำคัญนี� ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ การสำรวจพื�นที� สังเกต และสัมภาษณ์ และวิเคราะห์ถ่งบริบทพื�นที� โดยใช้วัดเป็นพื�นที�ทางกายภาพศ่กษา มิติพื�นที�สาธารณะที�สนับสนุนความสัมพันธ์เชิงชุมชนร่วมกับสังคม วัตถุประสงค์เพื�อสร้าง Landmark จากอัตลักษณ์ของหนังใหญ่วัดขนอนออกมา นำเสนอในบริบทของประติมากรรมสร้างสรรค์ในพื�นที� ให้ชาวบ้านในชุมชนและ สังคมมีส่วนร่วมกับงานสร้างสรรค์ สร้างการรับรู้ในมุมมองใหม่จากภาพลักษณ์ ของหนังใหญ่ สร้างความเข้าใจและเกิดสำน่กรวมในท้องถิ�น เกิดเป็นความภูมิใจ ในมรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่าของพื�นที�ผ่านการรับรู้จากผู้คนภายนอก ด้วย แรงบันดาลใจในความต้องการฟ้�นฟูศิลปวัฒนธรรม งานวิจัยนี�จ่งมุ่งเน้นการมี ส่วนร่วมกับพื�นที�โดยอาศัยงานสร้างสรรค์ทางประติมากรรมเป็นตัวเชื�อมโยง สร้างความผูกพันและสร้างการตระหนักรู้ถ่งศิลปวัฒนธรรมหนังใหญ่วัดขนอน ให้มีชีวิตในภาพลักษณ์ใหม่สอดคล้องกับยุคสมัย สร้างมิติแห่งการรับรู้เชิงสัญลักษณ์ ผ่านกระบวนการทางประติมากรรมจากรูปแบบของหนังใหญ่วัดขนอน ติดตั�งใน พื�นที�หน้าโรงมหรสพภายในบริเวณวัดขนอน ข้าพเจ้าได้นำเรื�องราวความเชื�อของคนไทยเกี�ยวกับการลอดท้องช้างเพื�อให้เกิด สิริมงคลและความโชคดี มานำเสนอในรูปแบบประติมากรรมร่วมสมัย โดยนำ รูปทรงของประตูและรูปทรงของช้างมาผสมรวมกัน ประตูคือทางผ่าน เข้าและ ออก การเดินผ่านประตูนั�นคือการเดินทางเพื�อจะไปให้ถ่งจุดหมาย ส่วนการลอด ท้องช้างเป็นความเชื�อดั�งเดิมว่าจะทำให้เกิดความโชคดี ดังนั�นการลอดท้องช้าง เปรียบได้กับการเดินเข้าและออกประตูเพื�อให้ถ่งจุดมุ่งหมายคือความสำเร็จและ ความโชคดี ทั�งนี�ในการสร้างงานประติมากรรมข้าพเจ้าได้นำลวดลายและเอกลักษณ์ ของตัวหนังมาแสดงลงบนผลงานประติมากรรม ด้วยการลดทอนลวดลายให้ดู เรียบง่ายเข้ากับรูปทรงประติมากรรม และความสอดคล้องกับสถาปัตยกรรม บริเวณที�ติดตั�ง โดยมีจุดประสงค์หลักในการสร้างความกลมกลืนของศิลปะแบบ ประเพณีกับงานประติมากรรมร่วมสมัย เพื�อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ สถานที�และการท่องเที�ยวเชิงวัฒนธรรม


98 | FACULTY In the enclave รองศาสตราจารย์ธีรวัฒน์ งามเชื�อชิต | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 100 x 126 ซม. | จิตรกรรมสีอะคริลิกบนผ้าใบลินิน ผลงานจิตรกรรมชุดนี�สร้างข่�นเพื�อให้มนุษย์เราได้เริ�มตระหนักรู้ว่าธรรมชาติที�อยู่ รอบๆ ตัวเราในโลกนั�นเริ�มเปราะบาง ถ่งเวลาที�มนุษย์ควรต้องเรียนรู้เรื�องความ เอื�อเฟ้�อเผื�อแผ่ต่อมนุษย์ด้วยกัน ต่อสรรพสัตว์ และต่อธรรมชาติมากข่�นกว่าเดิม ทุกวันนี�น�ำแข็งทั�วโลกละลายปีละมากกว่า 370,000 ล้านตัน มากกว่าเมื�อห้าสิบปีก่อนถ่งห้าเท่า และล่าสุดมีการค้นพบว่าธารน�ำแข็งทั�วโลกละลายเร็วข่�นถ่ง 3 เท่าในแค่ช่วงเวลา 5 ปีที�ผ่านมา นั�นหมายความว่า อัตราการละลายเพิ�มข่�นทุกปี ข้าพเจ้าคิดว่าเรื�องนํ�าท่วมโลกนี�ไม่ได้ไกลเกินจริง จ่งทำให้ข้าพเจ้าสร้างแนวความคิดเรื�องโลกลอยนํ�าข่�นมาโดยใช้เศษพลาสติกเหลือใช้ประกอบกันข่�นเป็น ลำเรือในรูปทรงที�กำหนดเองโดยได้จากพื�นฐานจากการชอบต่อของเล่น พลาสติกโมเดลมาเป็นต้นแบบสำหรับการทำงานสร้างสรรค์ ปี 2554 ข้าพเจ้าเป็นหน่�งในผู้ประสบภัยจากนํ�าท่วมกรุงเทพฯ ปีนั�นนํ�าท่วมกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ อย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน ผู้คนต้องใช้เรือสัญจรแทนรถ หลายครอบครัวต้องออกมาตั�งเพิงพักบนพื�นที�สูง มีการปัน ส่วนนํ�าและอาหารเพื�อการดำรงชีวิต ทุกคนต้องช่วยเหลือซ่�งกันและกันไม่เว้นแม้กระทั�งสัตว์ต่างๆ สิ�งนี�เป็นประสบการณ์ตรงที�ข้าพเจ้าได้พบและสัมผัสมา จ่งเกิด เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชุดนี�ข่�น กระบวนการสร้างสรรค์เริ�มจากการนำเศษพลาสติกจากโมเดลพลาสติกมา ประกอบกันข่�นใหม่เป็นรูปทรงเรือ และนำโมเดลตัวสัตว์ชนิดต่างๆ มาจัดแสง ถ่ายภาพเพื�อประกอบกันเป็นเรื�องราว ใช้วิธีการนำเสนอภาพแบบมุมมองของหุ่น นิ�ง เมื�อได้ภาพต้นแบบที�สมบูรณ์แล้วจ่งนำไปขยายตามสัดส่วนและร่างภาพลง บนเฟรมผ้าใบลินิน ตามขนาดที�กำหนด จากนั�นลงสีจนเสร็จสิ�นกระบวนการ ซ่�ง ผลงานที�ปรากฏจะเป็นภาพของเรือจากจินตนาการและขบวนฝูงสัตว์อพยพที� ข้าพเจ้านำข่�นไปบนเรือด้วย อน่�งขบวนฝูงสัตว์ที�ปรากฏในภาพนั�นข้าพเจ้าเพียง ต้องการสื�อให้เป็นตัวแทนของความรู้ส่กต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ของความกลัว ความกังวลที�เกิดข่�นในช่วงเวลานั�นมากกว่าจะให้เป็นตัวสัตว์ที�มีอยู่จริง ข้าพเจ้า เลือกใช้เทคนิคสีอะคริลิกเพราะวิธีการลงสีทับไปเป็นชั�นๆ ตรงตามความถนัด ของข้าพเจ้า สิ�งที�ได้จากการทำงานในครั�งนี�เมื�อมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาของความยาก ลำบาก การนำประสบการณ์ในชีวิตจริงมาผสมผสานกับจินตนาการทำให้เกิด กระบวนการทำงานสร้างสรรค์ที�ใช้การจัดวางและการจัดแสงแบบหุ่นนิ�ง โดยมี เรือ สิ�งของ และสัตว์หลายๆ ชนิดที�นำมาประกอบกันจนเกิดเป็นผลงานชุดนี�ข่�น และสุดท้ายข้าพเจ้าคิดว่ามนุษย์เราคงต้องกลับมาเรียนรู้อย่างจริงจังถ่งเรื�องของ การแบ่งปัน ไม่เพียงแต่ทรัพยากรสำหรับมนุษย์ด้วยกันเท่านั�น แต่เรายังต้อง เอื�อเฟ้�อทรัพยากรทั�งหลายต่อสรรพสัตว์ที�อยู่ร่วมกับเรา และหากถ่งเวลานั�นจริงเราจะสามารถย้อนคิดได้ไหมว่าทุกสิ�งทุกอย่างของปัญหานี�เกิดข่�นเพราะเหตุใด โลกนี�ยังจะเหลือสติปัญญาพอที�จะสะกิดเตือนให้เราละ หยุด การรบราฆ่าฟัน หยุดการแก่งแย่งชิงดี หัดมีชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท มีความเอื�อเฟ้�อแบ่งปันกันได้หรือไม่ และวันนี�เราได้แต่รอจนกว่าจะถ่งเวลานั�น ปัจจุบันน่�ช่วงเวลาเพ่ยง 1 วัน ม่น�ำแข็งละลายถึง 12.5 พันล้านตัน แอนตาร์กต้กา ก็ม่ส่วนอย่าง มากท่�จะทำให้ระดับน�ำทะเลทั�วโลกเพ้�มขึ�นเช่นกันจากผลการศึกษาหลายแห่ง ปร้มาณน�ำแข็งท่� ละลายในแอนตาร์กต้กาเพ้�มขึ�น 6 เท่าต่อปี ระหว่างปี 1979-1990 และ 2009-2017 เดว้ด ชุกแมน บรรณาธ้การข่าวว้ทยาศาสตร์ของบ่บ่ซ่.


Click to View FlipBook Version