FACULTY | 99 Isola/ Isolation ผู้ช่วยศาสตราจารย์นัจ พงษ์หาญยุทธ | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 70 x 90 ซม. | จิตรกรรมอะคริลิก สถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ที�เกิดข่�นเปรียบเสมือนคลื�นทะเลลูกใหญ่หรือ ส่นามิที�ส่งผลกระทบไปทั�วโลก ความมั�นคงของชีวิต หน้าที�การงานถูกปรับเปลี�ยน ไป มีเพียงชีวิต ‘ก่อน’ และ ‘หลัง’ สถานการณ์โรคระบาดที�อาจแทบไม่เหลือ ความเชื�อมโยงใดๆ ต่อกัน การเก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการได้แสดงให้เห็นว่า ผู้คนมีภาวะซ่มเศร้าหรือวิตกกังวลมากข่�นอย่างเห็นได้ชัด1 เพราะนอกจากจะต้องอยู่รอดจากโรคและวิกฤตในการดำเนินชีวิตแล้วมนุษย์ยังมีเงื�อนไขเกี�ยวกับความ รู้ส่กและสภาพจิตใจเข้ามาเกี�ยวข้อง การสร้างความสุขภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ความเรียบง่ายและการดำเนินชีวิตให้ช้าลงรวมถ่งพ่�งพาตนเองให้มากข่�นกลาย เป็นประเด็นที�พ่วงมากับความอยู่รอดทางกายภาพเพื�อให้เกิดสมดุลระหว่าง ร่างกายและจิตใจ จ่งเป็นที�มาของผลงานจิตรกรรมชิ�นนี�เพื�อสื�อถ่งความสุขที� เรียบง่าย การปล่อยวางจากสถานการณ์ต่างๆ และอยู่กับปัจจุบันขณะ ผ่าน อิริยาบถของเด็กๆ ที�สร้างความสุขได้ด้วยตนเองในพื�นที�จำกัด ไม่หยิบสิ�งที�ยังไม่ เกิดข่�นมาเป็นกังวล หากพิจารณาคำว่า ‘isolation’ ที�ใช้ในสถานการณ์โรคระบาดจะหมายถ่งการ กักตัวของผู้ป่วย รากศัพท์ของคำนี�มาจากภาษาละตินที�กล่าวถ่งเกาะที�ใช้แยก ผู้ป่วยออกมาจากแผ่นดินใหญ่ (insula-island)2 ข้าพเจ้าจ่งพัฒนาแนวความคิด ต่อยอดจากบริบทเชิงนิรุกติศาสตร์นี� จินตนาการถ่งชีวิตที�ถูกตัดขาดจากโลก ภายนอก การดำรงชีวิตอย่างไรให้ไม่ทุกข์จนเกินไปและมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ จ่งหยิบยกการเล่นน�ำของเด็กๆ อย่างมีอิสระในสระเป่าลมขนาดเล็กภายในบ้าน มาถ่ายทอดแนวความคิดด้วยกระบวนการจิตรกรรมอะครีลิกรูปแบบเหมือนจริง (realistic painting) โดยเริ�มจากการถ่ายภาพแบบ (sitters) ในลักษณะไม่ให้ รู้ตัวหรือมีการจัดท่าทาง (candid photography) และนำภาพถ่ายมาจัดองค์ ประกอบใหม่ด้วยการตัดต่อในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Procreate) ขยายแบบ ร่างลงบนกระดาษและถ่ายทอดลงบนเฟรมผ้าใบ และใช้กระบวนการระบายสี อะคริลิกโดยกำหนดโครงสร้าง แบ่งน�ำหนักสีเป็นระนาบต่างๆ ทับซ้อนกันข่�นไป ซ่�งต่างจากการใช้ฝีแปรงอิสระ (painterly) โดยเริ�มจากน�ำหนักเข้มเพื�อกำหนด รูปทรงไปจนถ่งน�ำหนักอ่อนเพื�อแสดงถ่งปริมาตร มิติ และประกายของแสง จาก นั�นจ่งเก็บรายละเอียดของภาพให้สมบูรณ์ ผลงานชิ�นนี�แสดงให้เห็นกระบวนการสร้างสรรค์จิตรกรรมอะครีลิก ด้วยการ กำหนดโครงสร้างน�ำหนักและค่าของสีเป็นระนาบทับซ้อนกัน การถ่ายทอดรูปทรง ที�เกิดการหักเหสายตาจากแสงที�ตกกระทบกับน�ำ เพื�อสื�อถ่งการสร้างความสุข ด้วยตนเองในสถานการณ์ที�ผิดไปจากปกติวิสัย การสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมที� ใช้ระยะเวลาและสมาธินั�นก่อให้เกิดประโยชน์ทางตรงกับผู้ปฏิบัติ และเมื�อผลงาน สมบูรณ์แล้วย่อมถ่ายทอดอารมณ์ความรู้ส่กร่วมแก่ผู้ชมด้วยทัศนธาตุต่าง ๆ ที�มาประกอบกันตามหลักการองค์ประกอบศิลป์และสุนทรียะ 1 World Health Organization, COVID-19 pandemic triggers 25% increase in prevalence of anxiety and depression worldwide, accessed August 8, 2022, available from https://www.who.int/news/item/02-03-2022-covid-19-pandemictriggers-25-increase-in-prevalence-of-anxiety-and-depression-worldwide 2 Merriam-Webster, Usage Notes ‘Quarantine’ vs. ‘Isolation’ The Vocabulary of Keeping Some Distance, accessed August 30, 2022, available from https://www. merriam-webster.com/words-at-play/quarantine-and-isolation-difference
100 | FACULTY Prince Siddhartha ผู้ช่ วยศาสตราจารย์เนติกร ชินโย | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 91 x 84 ซม. | เกรยอง หม่กจีน บนกระดาษ ผู้สร้างสรรค์ได้ มีโอกาสเดินทางไปดูงานศิลปะที� ประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย เพื�อหาแรงบันดาลใจ และเก็บข้อมูลในการสร้างประติ มากรรมพระประธาน ปาง ปฐมเทศนา เพื�อประดิษฐานที� ศาลาพิ สิ ษฐ์กุล ณ วัดชลประทานรังสฤษดิ� ผู้สร้างสรรค์ มีความสนใจศิลปะทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเมื�อแรกเริ�มที� ช่างโบราณได้ สร้างพระพุทธรูปข่�น ได้แก่ ศิลปะอินเดียแบบคันธารราฐ “ศิลปะคันธารราฐ ดูเหมือนเป็นศิลปะแรกที�กล้าประดิษฐ์พระพุทธรูปเป็นรูปมนุษย์”1 แรงบันดาลใจ จากการเดินทางครั�งนั�น ทำให้ผู้สร้างสรรค์เริ�มปั�นพระพุทธรู ปในแบบที�ตนต้องการ ข่�น โดยในการออกแบบพระพักตร์ของพระพุทธรูปนั�น ได้นำลักษณะของพระพุทธรูปแบบศิลปะอยุธยามาผสมผสานเข้าไปด้วย จ่งเกิดเป็นพระพักตร์ของ พระพุทธรู ปในรูปลักษณะที�ตนพอใจ เหตุการณ์น�ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ เมื�อปลายปี พ.ศ. 2554 ผู้สร้างสรรค์ได้เก็บข้าวของและยกงานประติมากรรมต้นแบบพระประธานฯ ข่�นวางบนโต�ะหินอ่อนหน้าบ้าน และได้อพยพไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นเวลา 1 เดือน เมื�อกลับมาปรากฏว่า น�ำท่วมสูงกว่าโต�ะหินอ่อนประมาณฟุตกว่าๆ ทำให้งานประติ มากรรมที�ถอดพิมพ์ ไว้ ถูกน�ำท่วมทั�งหมด ภาพประติ มากรรมหน้าพระที�หล่อปูนปลาสเตอร์ สีขาวจม อยู่ใต้น�ำ แต่ มีบางส่ วนโผล่ พ้นน�ำข่�นมา ทำให้รู้ส่กได้ถ่งความงดงาม ความสงบ แฝงด้ วยความเศร้าและหดหู่ในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดความคิดผุดข่�นมา ณ เวลานั�นว่า ชีวิตสามารถเปลี�ยนไปในทางที�เราไม่คาดคิดได้แต่ในสิ�งเลวร้ายก็แฝงไว้ด้วยความงดงามในบางแง่มุม และทำให้เห็นถ่งสัจธรรมของชีวิตอันเป็นไป ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการเตือนให้เรารู้ว่าชีวิตนี�ไม่เที�ยง มีความเปลี�ยนแปลงแฝงมาทุกวินาทีของชีวิต ภาพที�เห็นนี�เกิดเป็นความประทับใจและยังอยู่ในความทรงจำของผู้สร้างสรรค์เสมอมา ผลงานเกรยอง และหม่กจีนบนกระดาษ ชุด Prince Siddhartha แสดงภาพพระพักตร์ของพระพุทธรูปสีขาวที�พ้นข่�นมาจากเวิ�งน�ำสีดำ เป็นภาพความงามที�น่าประทับใจ ให้ความรู้ส่กสงบ งดงาม เงียบขร่ม เศร้าและหดหู่ในเวลาเดียวกัน แสดงสัจธรรมของชีวิต อันเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการเตือนให้ เรารู้ว่าชีวิตนี�ไม่เที�ยง มีความเปลี�ยนแปลงแฝงมาทุกวินาทีของชีวิต กระบวนการ สร้างสรรค์ 1) เก็บข้อมูลด้วยการถ่ายภาพ 2) วิเคราะห์ข้อมูล 3) ทำภาพร่างประมาณ 4-5 ชิ�น 4) วิเคราะห์ภาพร่างแต่ละชิ�น 5) ทำผลงานจริงด้วยเทคนิควาดเส้น ผู้สร้างสรรค์ได้ รับความเพลิดเพลินจากการทำงาน จนจิตมีสมาธิ จดจ่อ ทำให้ รู้ส่กผ่อนคลายสบายใจเมื�อทำงานจิตสงบได้เมื�อเห็นผลงานของตนเอง และได้ความรู้จากการสร้างสรรค์ผลงานชุดนี� ในเรื�องต่างๆ ได้แก่ 1) เทคนิคการวาด ภาพด้ วยเกรยอง 2) กระบวนการสร้างสรรค์งานวาดเส้น 3) วิธี รักษาความ สะอาดของงานในขณะทำงาน ปัญหาในการสร้างสรรค์ อาจเกิดได้ จากความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เช่น การใช้เกรยองในบางส่วน อาจลงน�ำหนักเข้มหรืออ่อนเกินไปก็จะถูกแก้ไขในระหว่างกระบวนการทำงาน1 สุภัทรดิศ ดิศกุล, หม่อมเจ้า, “คำบรรยายเรื�อง ศิลปในประเทศอินเดีย,” D-Library | National Library of Thailand, เข้าถ่งเมื�อ 29 สิงหาคม 2565, เข้าถ่งได้ จาก http://digital. nlt.go.th/items/show/18483.
FACULTY | 101 ภาพเงาที่คุ้นเคย 3 รองศาสตราจารย์ปนท ปลื�มชูศักดิ� | ภาควิชาการออกแบบเครื�องเเต่งกาย คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 350 x 70 ซม. | จิตรกรรมสีอะคริลิกบนผ้าใบ มุมมองที�สงบเรียบง่ายของบรรยากาศบนท้องฟ้าและภาพเงาของต้นไม้ในยาม เย็น ให้ความรู้ส่กที�ผ่อนคลายปรากฏให้เห็นรายรอบตัวของเราหากไม่มองผ่าน เลยไปจากความเคยชินในการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถสัมผัสได้ถ่งความสุข ความงดงาม และความประทับใจที�มีต่อธรรมชาติ การได้สังเกตถ่งช่วงเวลาของ ความเปลี�ยนแปลงในความเคลื�อนไหวของชีวิตซ่�งเป็นวัฏจักรคล้ายวงล้อที� หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ก่อเกิดเป็นเเรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์โดยมีวัตถุประสงค์เพื�อแสดงออกถ่งอารมณ์ความรู้ส่กประทับใจในบรรยากาศของ ท้องฟ้าและภาพเงาดำของต้นไม้ในยามเย็น สะท้อนให้เห็นถ่งความสวยงาม ความอุดมสมบูรณ์ ความสมดุล ความเกื�อกูลและพ่�งพาอาศัยของธรรมชาติใน บรรยากาศสามัญธรรมดาที�คุ้นเคย ถ่ายทอดผ่านผลงานทัศนศิลป์ประเภท จิตรกรรม จากประสบการณ์ที�ได้สัมผัสโดยตรงเกิดเป็นความประทับใจในความงดงามของ ธรรมชาติ จ่งต้องการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ “ภาพเงาดำที�คุ้นเคย 3” มีแนว ความคิดการสร้างสรรค์เกี�ยวกับความสัมพันธ์ของวัฏจักรในระบบนิเวศของ ธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นถ่งความอุดมสมบูรณ์ ความสมดุล ความสวยงามของ ธรรมชาติ ในรูปแบบผลงานจิตรกรรมแบบเหมือนจริง เทคนิคสีอะคริลิกบนผ้าใบ โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์เริ�มจากสำรวจแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ ตรงที�ได้สัมผัสความประทับใจในธรรมชาติ สังเกตและบันท่กภาพ จากนั�นค้นคว้า ข้อมูลจากภาคเอกสารและภาคสนามเพิ�มเติม แล้วนำมาสรุปกรอบแนวคิด เนื�อหา และวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน จากนั�นจ่งนำมาสร้างเเบบร่าง 2 มิติ ที�มีความสัมพันธ์ กับเเนวคิดและเนื�อหาโดยกำหนดรูปทรง สี น�ำหนัก พื�นผิวให้สัมพันธ์กัน เมื�อได้ แบบร่างที�ชัดเจนแล้วจ่งเริ�มขั�นตอนสร้างสรรค์ด้วยการขยายผลงานตามขนาด สัดส่วนที�กำหนดไว้ มีการบันท่กขั�นตอนการทำงานเป็นลำดับเมื�อผลงานเสร็จ สมบูรณ์แล้วนำมาวิเคราะห์และประเมินสรุปผลเพื�อเป็นแนวทางพัฒนาผลงาน ในชิ�นต่อไป ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�ถ่ายทอดความงดงามของสีสันของบรรยากาศท้องฟ้าใน ยามเย็นช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ให้ความรู้ส่กที�ผ่อนคลายตัดกับภาพเงา ดำ (Silhouette) ของต้นไม้ ที�ไม่ปรากฏรายละเอียดของลำต้น กิ�งก้านและใบไม้ แสดงรูปร่างและเส้นที�มีความเคลื�อนไหวอย่างอิสระ เห็นถ่งการเจริญเติบโตของ ยอดและใบประกอบกับกิ�งและใบที�แห้งกำลังจะร่วงโรยสะท้อนให้เห็นถ่งวงจร วัฏจักรของชีวิต โดยภายในภาพเงาดำของต้นไม้ได้ซ่อนภาพรายละเอียดของ ชีวิตสัตว์ตัวเล็กที�มีความสัมพันธ์กับต้นไม้ใหญ่ เช่น นกที�กำลังบินไล่จับผีเสื�อและ แมลงต่างๆ ท่ามกลางใบไม้และดอกไม้ที�ปลิวล่องลอยด้วยแรงลมอย่างอิสระ ในส่วนนี�ได้มีการกำหนดค่าน�ำหนักของสีให้มีความเข้มมากกว่าปกติตามที�ตา เห็น เพื�อต้องการลดความสว่างไม่ให้รูปทรงปรากฏตัวอย่างชัดเจนโดยตั�งใจให้ เป็นมิติที�ทับซ้อนอยู่ภายใต้ภาพเงาดำของต้นไม้และท้องฟ้า เพื�อให้ผู้ชมเพ่ง พิจารณาความสัมพันธ์อันเป็นหน่�งเดียวกันของชีวิตในธรรมชาติที�ซ่อนอยู่ในภาพ บรรยากาศสามัญธรรมดาที�คุ้นเคย ซ่�งการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�สามารถแสดง สาระสำคัญของแนวความคิดตามวัตถุประสงค์ที�ได้กำหนดไว้และเป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาผลงานส่วนหน่�งในโครงการสร้างสรรค์ “ความประทับใจจากภาพเงาที�คุ้นเคยสู่งานจิตรกรรมแบบเหมือนจริง” ตามลำดับต่อไป
102 | FACULTY ศรัทธาสุวรรณภูมิ๙๙๙๙๙๙๙๙๙/2565 รองศาสตราจารย์พิทักษ์ สง่า | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 20 x 22.5 x 2 ซม. | วัสดุ พลาสเตอร์ เพื�อแสดงความสุนทรียะทางความงามของงานประติมากรรมในลักษณะนูนต�ำ ที�มีความซับซ้อนทางการสร้างมิติด้วยระนาบที�แตกต่างกันมาเป็นสื�อ ภายใต้แรง บันดาลใจในแนวความคิดในเรื�องของบุคคลที�มีความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกัน สืบสานต่อยอดทุกสิ�งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมประเพณีร่วมกันภายใต้ความเชื�อความศรัทธาที�มีต่อกันและกันเหนือสิ�งอื�นใดขวางกั�น นำมาสร้างสรรค์ โดยนำรูปบุคคลที�เป็นผู้นำที�นับถือศรัทธา ที�ดูแลประชาชนของตนเองอย่างต่อ เนื�องยาวนานตลอดทั�งชีวิตโดยไม่รู้ส่กว่าเหนื�อยหรือหมดกำลังใจแต่อย่างใด ความเชื�อความศรัทธาที�มีต่อบุคคลอันเป็นที�รักอย่างยิ�งของแผ่นดินไทย มาเป็น เวลายาวนานอย่างต่อเนื�อง โดยใช้รูปเหมือนบุคคล ชื�อของบุคคล และความ หมายของชื�อมาสร้างสรรค์ประพันธ์ร่วมกัน อาศัยพื�นที�เป็นตัวประสานเข้าด้วยกัน โดยให้ด้านล่างของภาพนูนต�ำแสดงเป็นภาพเชิงซ้อนเสมือนภูเขา และส่วนบนของ ภาพจะเป็นใบหน้าบุคคลและพื�นที�ว่างให้มีความหมายเป็นท้องฟ้า แสงที�ส่องลง มากระทบทำให้เกิดแสงเงาที�แตกต่างกันสร้างให้เกิดมิติของรูปบุคคลข่�น ภาย ใต้แสงเงาที�ส่องมาต่างองศาก็ทำให้ระนาบแตกต่างกันไปด้วย อาจมีความหมาย อีกนัยหน่�งว่า แสงที�สาดส่องไปที�ใดทำให้ที�นั�นมีความสุขความเจริญ ณ ที�แห่งนั�น สืบเนื�องอย่างไม่มีวันหยุดสาดส่อง ในการปฏิบัติงานสร้างสรรค์ ได้ใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ตรง จากการเรียนการสอนและศ่กษาค้นคว้าอย่างต่อเนื�อง ประพันธ์รูปทรงให้มีความ หมายร่วมกันกับทัศนธาตุทางศิลปะอย่างตั�งใจและใช้เวลายาวนาน พร้อมกันกับ การแก้ปัญหาที�ต่อเนื�อง ความเม่นยำความชัดเจนของการสร้างสรรค์ระนาบให้มี ความงามทางศิลปะหรือที�เรียกกันว่าความสุนทรียะทางอารมณ์ ปัญหาที�ยาก ที�สุดในการสร้างสรรค์ คือการสร้างระนาบที�ลวงตาให้เกิดมิติและการสร้าง ระนาบให้เกิดความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื�องหรือที�เรียกกันว่าเอกภาพให้ครบ ถ้วนสมบูรณ์ที�สุดเท่าที�เวลาจะอำนวยให้
FACULTY | 103 Co with Covid ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูวนาท รัตนรังสิกุล | หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบเชิงวัฒนธรรม คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 ซม. | ประติมากรรมเซรามิก เทคนิคพ่นละอองสีใต้เคลือบ คณะมัณฑนศิลป์ ดำเนินโครงการผลงานออกแบบสร้างสรรค์ของคณาจารย์ใน โอกาสครบรอบ 66 ปี ของการก่อตั�งคณะฯ โดยจัดแสดงเป็นประติมากรรม เครื�องเคลือบดินเผา ประดับผนังด้านหน้าอาคารศิลป์ พีระศรี 3 มหาวิทยาลัย ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม เนื�องด้วยผลงานสร้างสรรค์จะเป็นหน่�งหน่วย ที�ติดตั�งร่วมกับผลงานของคณาจารย์ อีกหลายสิบท่าน ซ่�งคาดเดาได้ว่าต้องมีรูปแบบ และสีสันหลากหลายประกอบเข้า ด้วยกัน จ่งกำหนดเป้าหมายให้รูปแบบเรียบง่ายและสร้างความกลมกลืนกับงาน ชิ�นอื�นๆ ในฐานะผู้ศ่กษาด้านโบราณคดี เมื�อพิจารณาย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ จิตรกรรมฝาผนังที�เก่าแก่และยังปรากฎเป็นหลักฐานพยานทางวัฒนธรรมของ มนุษย์ พบว่า ภาพวาดบนเพิงผาและผนังถ�ำช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ทั�วภูมิภาค ของโลก มีรูปฝ่ามือสีแดงอยู่ร่วมบนภาพราวกับเป็นรูปทรงที�เชื�อมโยงภาพดัง กล่าวในหลากหลายเข้าด้วยกันได้อย่างมีเอกภาพ ปรากฏทั�งแบบใช้มือจุ่มสีแล้ว ประทับพิมพ์รอย หรือเทคนิควางมือบนผนังหินแล้วพ่นละอองสีเพื�อให้เกิดที�ว่าง รูปมือ งานวิจัยที�เกี�ยวข้องบ่งชี�ว่า ภาพเหล่านั�นคือหลักฐานของพิธีกรรม ซ่�งเป็น ภูมิปัญญาที�สร้างสรรค์เพื�อการอยู่ร่วมกันของชุมชนมนุษย์แบบบรรพกาล กับ อำนาจศักดิ�สิทธิ�ของธรรมชาติ 1 ผลงานศิลปะจ่งไม่ใช่เพียงเทคนิคและทักษะ ด้านหัตถกรรมเท่านั�น แต่ยังทำหน้าที�เป็นวัตถุพยานการแสดงออกด้านจิต วิญญาณของมนุษยชาติ ผ่านพิธีกรรมในช่วงระยะเวลาหน่�งอีกด้วย แนวคิดดัง กล่าวส่งผลให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� เพื�อบันท่กยุคสมัยแห่งความร่วมมือ -ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม- ของมนุษยชาติ ในสถานการณ์การระบาดของ โรคโควิด 19 นำเสนอผลงานในรูปแบบศิลปะยุคบรรพกาล โดยหลีกเลี�ยงการ แสดงทักษะหรือเทคนิคด้านปราณีตศิลป์ เพื�อให้สื�อสารอย่างโจ่งแจ้ง ตรงไปตรง มา ใช้วัสดุอุปกรณ์ที�คุ้นชินในสถานการณ์จริง เป็นต้นว่า ขวดสเปรย์แอลกอฮอล์ เป็นเครื�องมือหลักในการพ่นละอองสีแดงบนฝ่ามือที�วางบนฝาเครื�องดื�ม ทำให้ เกิดรูปเงาของไวรัสโควิด 19 ที�คุ้นชิน ประทับบนชิ�นงาน เมื�อใช้ชีวิตเกี�ยวข้องกับศิลปะการออกแบบเป็นเวลานาน นักออกแบบอาจหลีกหนี ความซ�ำซากจำเจของงานสร้างสรรค์ โดยใช้รูปแบบหลากหลาย สีสันวิจิตรบรรจง หรือองค์ประกอบที�ซับซ้อนมากข่�นโดยไม่รู้ตัว การหยุดชะงักในช่วงสถานการณ์ ระบาดของโควิด-19 เป็นโอกาสดีที�จะทบทวนแก่นสาระของผลงานทางศิลปะ ผลงานที�เกิดข่�นจากวัตถุอุปกรณ์และเทคนิคในการสร้างสรรค์จากสิ�งของที�ใช้ใน สถานะการณ์จริง จ่งเป็นกระบวนการสำคัญ เพื�อนำเสนอผลงานศิลปะในฐานะ หลักฐานพยานทางวัฒนธรรมโลกในช่วงระยะเวลาที�สร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� โดย ไม่อนุญาตให้รูปแบบที�วิจิตรบรรจงและซับซ้อนมาบดบังความเป็นจริง 1 Kay Vandette.(2018) “Stone Age cave art suggests intentional finger amputation”, Journal of Paleolithic Archaeology, https://www.earth.com/news/stone-age-caveart-finger-amputation/)
104 | FACULTY ของที่ระลึกเพื่อชุมชนคนตลาด จ.ราชบุ รี “ราชาก้อน” ภู ษิต รัตนภานพ | ภาควิชาออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 10 x 23 x 13 ซม. | 3D หล่อเรซิ�น ระบายสีเนื�องด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน/23 แผนแม่บท ภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถือเป็นส่ วนสำคัญในการถ่ายทอดเป้าหมายและประเด็นยุทธศาสตร์ของ ยุทธศาสตร์ชาติลงสู่แผนระดับต่างๆ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ตอบสนองยุทธศาสตร์ดังกล่าวโดยกำหนดแผนพัฒนามหาวิทยาลัย ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2562 – 2566) โดยกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน ซ่�งโครงการนี�มุ่งเน้นไปที� ยุทธศาสตร์ที� 1 ได้แก่ สร้างความโดดเด่น เป็นเลิ ศเฉพาะทาง และความมีชื�อเสียงด้านวิชาการ (Academic reputation) ยุทธศาสตร์ที� 2 ได้แก่ การยกระดับการบูรณาการผลิตผลงานวิจัยและงานสร้างสรรค์การบริการวิชาการ การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที�เชื�อมโยงกับท้องถิ�นหรืออุตสาหกรรม และตอบโจทย์การเปลี�ยนแปลง ของประเทศ เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิ จ เพิ�มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ ประเทศ เพื�อแก้ปัญหาของชุ มชนและสังคม และยุทธศาสตร์ที� 5 ได้แก่ สร้าง และเผยแพร่ภาพลักษณ์ศิลปากรสู่สาธารณะ ราชบุ รี เป็นจังหวัดที� มีชื�อเสียงในด้านการท่องเที�ยวแห่งหน่�งที�ไม่ไกลจาก กรุงเทพมหานคร มีแหล่งท่องเที�ยวครอบคลุมทุกด้าน ไม่ ว่าจะเป็นด้านการท่อง เที�ยวเชิงธรรมชาติ ชุ มชนโบราณ เมืองประวัติ ศาสตร์ อุทยานประวัติ ศาสตร์ สถาปัตยกรรม โบราณสถาน ฯลฯ เนื�องจากการส่งเสริ มการท่องเที�ยวภายใน เขตเมืองเก่า ในปีงบประมาณ 2563 ได้ มี ส่ วนร่วมในการทำงานใน “โครงการ พั ฒนาศิลปะกับชุ มชน และการพั ฒนาผลิตภัณฑ์ ท้องถิ�นเพื�อราชบุ รีเศรษฐกิ จ สร้างสรรค์” ภายใต้ ชุดโครงการวิจัย “การอนุ รักษ์และพั ฒนาเมืองเก่าราชบุ รี เมืองสร้างสรรค์และน่าอยู่เพื�อการพั ฒนาเศรษฐกิจฐานวั ฒนธรรมและความเป็น อยู่ที�ยั�งยืน” ที� มหาวิทยาลัยศิลปากรทำความร่วมมือกับเทศบาลเมืองราชบุ รี ซ่�ง ผลลัพธ์ที�ได้ทางคณะมัณฑนศิลป์ได้ผลิตผลงานศิลปะจำนวนมาก ทั�งเพื�อการท่องเที�ยว การส่งต่อแรงบันดาลใจ แนวคิด แนวทางใหม่ๆ ในการผลิต การ ศ่กษาองค์ความรู้ และต้นทุนทางวัฒนธรรมในด้านผลิตภัณฑ์ ท้องถิ�น กระแสของ ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที�เชื�อมโยงกับวิถี ชีวิตและชุ มชนในจังหวัดราชบุ รี ประติ มากรรมของที�ระล่กขนาดเล็ก “ราชาก้อน” เกิดการต่อยอดโครงการวิจัยที� สร้างศิลปะกับพื�นที� ณ ริ มเขื�อนพื�นที� ชุ มชนตลาดโคยกี� จ.ราชบุ รี ตามความ ต้องการของชุ มชนเพื�อต้องการให้ มีของที�ระล่ก เพื�อสร้างรายได้ให้ กับชุ มชน การดำเนินการสร้างสรรค์ผลงานในครั�งนี� ไม่เพียงแต่ศ่กษาองค์ความรู้ต้นทุน ทางวัฒนธรรม ยังวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน คุณลักษณะ อัตลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรม จุดอ่อน จุดแข็งทางด้านกระบวนการผลิต รวมถ่งความเป็นไปได้ใน การผลิตผลงานบูรณาการข้ามศาสตร์ระหว่างหัตถศิลป์ จนเกิดเป็นผลงานของที� ระล่กที�สร้างรายได้สำหรับชุ มชนใน “โครงการศ่กษาภู มิปัญญาและเอกลักษณ์ วั ฒนธรรมท้องถิ�นจังหวัดราชบุ รี เพื�อการพั ฒนาผลิตภัณฑ์ของที�ระล่ก และ สร้างสรรค์งานศิลปะสาธารณะให้ กับชุ มชนคนตลาด อำเภอเมือง จังหวัดราชบุ รี เพื�อการเตรียมความพร้อมในการฟ้�นฟูเศรษฐกิ จและส่งเสริ มการท่องเที�ยวจังหวัดราชบุรี หลังสภาวการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรน่า (COVID-19)” ภายใต้ งบประมาณเงินกองทุนวิจัย นวัตกรรม และการสร้างสรรค์ของคณะมัณฑนศิลป์ โดยการต่อยอดกระบวนการทำงานที� มี ส่ วนร่วมกับเยาวชนในพื�นที�โรงเรียน เทศบาล 5 ชุ มชนคนตลาดเทศบาล สะท้อนกระบวนการความร่วมมือของนักวิจัย กับภาคีเครือข่ายที�เกี�ยวข้อง
FACULTY | 105 The Head, Anatomy and Skull วรรณฤทธิ� กะรินทร์ | ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 11 x 14 x 21 ซม. | Digital sculpture การจัดการเรียนการสอนวิชาพื�นฐานศิลปะ วาดเส้น จิตรกรรม และประติมากรรม ในหัวข้อเรื�องศีรษะและใบหน้า จำเป็นต้องใช้สื�อการสอนแบบสามมิติ ที�จับต้อง ได้ มองเห็นรอบด้าน มีคุณภาพและได้มาตรฐานศิลปะ ได้แก่ ความสัมพันธ์ของ สัดส่วน อวัยวะ รวมทั�งรายละเอียดของกระดูกและกล้ามเนื�อที�ถูกต้องตามหลัก วิทยาศาสตร์ ซ่�งในประเทศไทยยังไม่มีหุ่นสำหรับใช้เป็นสื�อการสอนที�ได้มาตรฐานดังกล่าว การสร้างสรรค์ผลงานชุดนี�มีวัตถุประสงค์เพื�อสร้างสื�อการสอนที�เป็นรูปปั�น สำหรับวิชาพื�นฐานศิลปะ 3 ชิ�น ได้แก่ ศีรษะแบบสมมาตร กล้ามเนื�อกับกะโหลก และใบหน้ากับกะโหลก ที�มีขนาดเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสื�อร่วมกับการจัดการ เรียนการสอน กระบวนการเริ�มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี�ยวกับศีรษะใบหน้า ทั�งภาพถ่าย ภาพสแกนคนจริงแบบสามมิติ งานศิลปะหลายยุคสมัย เพื�อหาสมดุลร่วมระหว่าง รูปทรงของธรรมชาติกับอุดมคติ รวมทั�งศ่กษาสื�อการสอนประเภทเดียวกันของ ต่างประเทศ ขั�นตอนถัดมาคือการปั�นในโปรแกรมสามมิติ โดยปั�นผิวหนัง กล้าม เนื�อ กระดูก ไปพร้อมกัน เพื�อให้ผลงานทั�งสามชิ�นมีความสอดคล้องกัน ขั�นตอน สุดท้ายคือการผลิตต้นแบบด้วยเครื�องพิมพ์สามมิติ และหล่อเป็นชิ�นงานด้วยวัสดุ เรซิ�น ความรู้ที�ได้รับจากการรวบรวมข้อมูลและปั�นเป็นผลงาน ได้แก่ รูปแบบใบหน้าคน ที�ใช้เป็นแบบอ้างอิงเพื�อการศ่กษา มีสัดส่วนร่วมกันระหว่างศิลปะแบบคลาสสิก กับใบหน้าคนจริง แสดงความชัดเจนของอวัยวะที�อยู่ใต้ผิวหนัง เช่น กระดูกและ กล้ามเนื�อ โดยที�ผลงานทั�งสามชิ�นสามารถอ้างอิงถ่งกันได้ เทคนิค Digital sculpture ช่วยให้การทำงานมีความยืดหยุ่นในเรื�องการปรับแก้ การสร้างราย ละเอียด และการสร้างความสมมาตรของหุ่น ด้านการผลิตสามารถทำได้หลาย ขนาด สื�อการสอนที�สร้างข่�นจะเป็นต้นแบบสำหรับการสร้างสื�อการสอนชิ�นอื�นๆ ในอนาคต เช่น การทำหุ่นเพศหญิง หุ่นที�แสดงความเป็นเผ่าพันธุ์ และหุ่นรูปแบบ เหลี�ยมที�ผ่านการตัดทอนรายละเอียด ปัญหาหลักที�พบข้อมูลทางการแพทย์มี เนื�อหากับรายละเอียดที�มากเกินความจำเป็นสำหรับสายศิลปะ การเพิ�มหรือลด ทอนต้องไม่ส่งผลกระทบด้านเนื�อหาของทั�งสองสาขา
106 | FACULTY หอสังเกตการณ์เศษเสี้ยวแห่งวัฒนธรรม Observatory of Cultural Fraction ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.วีรวัฒน์ สิ ริเวสมาศ | หลักสูตรปรัชญาดุษฎี บัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 10 x 10 x 30 ซม. | สื�อผสม สถาปัตยกรรมในย่านเมืองเก่าของจังหวัดราชบุ รี เป็นหน่�งในพื�นที�ศ่กษาเพื�อการ อนุ รักษ์ในมิ ติของการใช้สอยร่วมสมัยจากชุ มชน ผ่านการเปลี�ยนแปลงทาง กายภาพมาหลายยุคหลายสมัย การศ่กษางานวิจัยในเชิงบริบทพื�นที� ร่วมกับ สำนักบริหารงานวิจัยนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทำให้ได้เห็นถ่งบริบทของชุมชน พื�นที� ความเชื�อมโยงระหว่างสถาปัตยกรรมที�ถูกใช้สอยผ่านยุคสมัยจนเป็นส่วนหน่�งของวิถีชีวิตชุมชนคนเมืองราชบุรีการถอดบทเรียน ในรู ปแบบของการจำลองลักษณะทางสถาปัตยกรรมเหล่านั�น ก็เป็นจุดมุ่งหมาย ของการเชื�อมโยงการรับรู้ของชุ มชนทั�งภายในและภายนอกต่อความสำคัญของ มรดกเมืองเหล่านี�รูปแบบสถาปัตยกรรมมีเมืองเก่าราชบุ รี จำลองสามลักษณะเรียงลำดับตามยุค สมัยของรู ปแบบการก่อสร้างและการใช้สอยของอาคารพาณิชย์หอนาฬิกา ออกแบบด้ วยโปรแกรมสามมิ ติและพิมพ์ข่�นรูปด้ วยเครื�องพิมพ์ วัสดุขี�ผ่�ง สังเคราะห์ ผ่านการจัดวางแบบแนวตั�ง เพื�อสร้างคำถามของการมีอยู่คงอยู่ของ สิ�งเหล่านี�ว่าผันแปรไปตามวิถี ชีวิตและความต้องการของชุ มชนอย่างไร โดยการ หยิบจับโมเดลจำลองทางสถาปัตยกรรมอาคารพาณิชย์ที�ได้ ถูกใช้โครงการวิจัย มาจัดเรียงใหม่ จากเดิมวางเรียงตัวกันแนวราบริ มถนน เปลี�ยนเป็นการวางทับ ซ้อนกันแนวตั�ง ขั�นชั�นด้ วยแผ่นกระเบื�องเคลือบ เพื�อสื�อนัยยะถ่งผลิตภัณฑ์ที�เป็น ที�รู้จักของเมืองราชบุ รี สร้างรู ปแบบหอคอยทรงสูง ซ่�งสื�อถ่งการพัฒนาในแนวตั�ง และการสังเกตการณ์การเปลี�ยนแปลงในมิ ติ สังคมและวัฒนธรรม งานสร้างสรรค์นี�สร้างข่�นเพื�อค้นหาข้อค้นพบใหม่ถ่งสิ�งที�คงอยู่ผ่านสัญญะรู ปทรง ทางสถาปัตยกรรมที�อยู่ในเงื�อนไขของการสร้างงานศิลปะเท่านั�นที�ทำให้เปลี�ยนรูปแบบการจัดวาง เพื�อเสนอข้อค้นพบของการให้ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของชุ มชนที�เรามี ส่ วนร่วมอยู่ สิ�งที�เราคุ้นเคย มีประสบการณ์และมีความทรงจำ ร่วม เมืองจะเกิดการเปลี�ยนแปลงหรือการอนุ รักษ์เก็บรักษาสิ�งใดไว้ เราได้ มี โอกาสมี ส่ วนร่วมเพียงใดในการรักษาและส่งต่อประวัติ ศาสตร์ของเราไปสู่คนรุ่น ต่อไปได้อย่างมี คุณค่าแม้เพียงเศษเสี�ยวหน่�งของความทรงจำทางวัฒนธรรม อ้างอิง : โครงการวิจัย “การพัฒนาเมืองราชบุ รีสู่ความเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ บนฐานเศรษฐกิจท้องถิ�นและวัฒนธรรม” โครงการย่อย “การบริหารจัดการองค์ความรู้จากศิลปวัฒนธรรมพื�นถิ�นเพื�อพัฒนาสู่แผนการเรียนการสอนในระดับ การศ่กษาขั�นพื�นฐาน และเชื�อมแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตในชุ มชนต่อยอดคุณค่าสู่ สังคมอย่างยั�งยืน” โดยสำนักบริหารงานวิจัยพัฒนาและการสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัย ศิลปากร หน่ วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื�นที� (บพท.) ประจำ ปีงบประมาณ 2564
FACULTY | 107 สองแม่นํ้าหนึ่งทางสีขาว Two Rivers and The White Path ศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยา | ภาควิชาการออกแบบเครื�องแต่งกาย คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 40 x 50 ซม. | สีอะคริลิก ปูนปลาสเตอร์ปิดทองคำเปลว บนผ้าใบ “สองแม่น�ำหน่�งทางสีขาว” เป็นอุปมาที�กล่าวโดยพระอาจารย์ซ่านเต่า ผู้เผยแผ่ คำสอนพุทธศาสนาฝ่ายสุขาวดีในจีนเมื�อราวพุทธศตวรรษที� 13 ซ่�งอธิบายถ่ง ความศรัทธาอันแน่วแน่ในการมุ่งสู่สุขาวดี โดยเปรียบกับบุคคลผู้เดินข้ามฝั�งด้วย ทางสีขาวแคบๆ (คือศรัทธา) ที�ขนาบทั�งสองฝั�งด้วยแม่น�ำแห่งไฟและแม่น�ำแห่ง น�ำ (คือ โทสะและโลภะ) โดยมีเหล่าโจรและสัตว์ร้าย (คือ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ) ที�ไล่ตามมาอยู่ริมฝั�ง อุปมานี�ได้ถูกนำมาเขียนเป็นภาพจิตรกรรมแบบประเพณี จีนและญี�ปุ่นตั�งแต่ครั�งอดีต เพื�อใช้อธิบายและสอนผู้คนให้ระล่กศรัทธาในพระ อมิตาภะ ข้าพเจ้าในฐานะผู้สนใจในแนวคิดและหลักปฏิบัติของพุทธศาสนาฝ่าย สุขาวดี จ่งต้องการนำอุปมาข้างต้นมาสร้างสรรค์เป็นงานจิตรกรรม โดยมีการ ผสมผสานรูปแบบประเพณีและร่วมสมัย เพื�อถ่ายทอดออกมาเป็นผลงาน ‘สอง แม่น�ำหน่�งทางสีขาว’ ในกระบวนแบบใหม่อันมีลักษณะเฉพาะของตนเอง กระบวนการสร้างสรรค์เริ�มจากการหาข้อมูลอุปมาสองแม่น�ำหน่�งทางสีขาว ซ่�ง ปรากฏอยู่ใน “อรรถาธิบายอมิตายุรธยานสูตร (ฝอซัวกวนอู๋เลี�ยงโซ่วฝอจิงซู)”1 โดยพระอาจารย์ซ่านเต่า และใน “รวมงานประพันธ์ของชินรัน (เคียวเกียวชินโช)”2 จากนั�นได้ทำการศ่กษาภาพอุปมาดังกล่าวจากงานจิตรกรรมแนวประเพณีญี�ปุ่น เพื�อทำความเข้าใจ วิเคราะห์ความหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ ที�ปรากฏ ลำดับ ต่อไปเป็นการนำข้อมูลทั�งหมดมาสังเคราะห์แล้วร่างภาพค้นหาองค์ประกอบ เพื�อให้ได้ภาพร่างที�สามารถสื�อความคิดของข้าพเจ้าออกมาอย่างสมบูรณ์ที�สุด ในขั�นตอนการสร้างสรรค์ชิ�นงาน เริ�มจากการร่างภาพจริงบนผ้าใบ แล้วใช้เทคนิค การเขียนสีอะคริลิก โดยมีส่วนที�แสดงเป็นภาพใบหน้าตนเองเลือนลางอยู่ภายใต้ แม่น�ำแห่งไฟและแม่น�ำแห่งน�ำ เพื�อสื�อถ่งการจมอยู่ในอาสวะกิเลส นอกจากนี�ยังมี ส่วนที�นำสัญลักษณ์รูปแบบประเพณีมาใช้ เช่น ภาพเทวดาในสุขาวดีด้านบน และ ภาพโจรกับสัตว์ร้ายด้านล่าง รวมถ่งการปั�นหล่อและปิดทองคำเปลวประติมากรรม พระอมิตาภะขนาดเล็กจำนวนหกรูป แทนพยางค์ทั�งหกของการสวดพระนามพระ อมิตาภะ (นะมูอะมิดะบุทซ่/ นาหมออาหมีถวอฝอ) และนำมาติดด้วยกาวลงบน ผ้าใบบริเวณก่�งกลางภาพเพื�อให้เกิดปริมาตรสามมิติ ซ่�งส่วนนี�ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากประติมากรรมพระอาจารย์คูยะกำลังสวดพระนามพระพุทธเจ้า โดย โคโช ประติมากรชาวญี�ปุ่น ในพุทธศตวรรษที� 19 ซ่�งมีรูปพระอมิตาภะหกองค์ปรากฏ ออกมาจากปาก จากขั�นตอนกระบวนการสร้างสรรค์ทำให้ได้ค้นพบว่าสิ�งสำคัญอย่างยิ�งก่อนการ ที�จะสร้างสรรค์รูปแบบใหม่นี� คือการศ่กษาตัวอย่างจากภาพอุปมาในแนวประเพณี ที�มีมาก่อน เพราะองค์ประกอบและสัญลักษณ์ต่างๆ ในภาพล้วนมีความหมาย ทางธรรม การเลือกนำมาใช้หรือดัดแปลงให้ร่วมสมัย ทว่าคงความหมายครบ ถ้วนจ่งเป็นสิ�งที�ควรระล่กถ่ง เพื�อที�จะสามารถสื�อสารอุปมาข้างต้นให้แก่ผู้คนใน ยุคปัจจุบันได้เป็นที�รู้จักมากยิ�งข่�น 1 Shandao, “A Commentary Explaining The Scripture About Meditation on the Enlightened Being Of Infinite Life,” translated from Guanwuliangshoufojingshu, trans. Peter Johnson, in The Land of Pure Bliss (n.p.: An Lac Publications, 2020), 255-257. 2 Shinran, The Collected Works of Shinran, translated from Kyogyoshinsho, vol.1, trans. Dennis Hirota and others, (Kyoto: Jodo Shinshu Hongwanji-ha, 1997), 89-91.
108 | FACULTY พุทธเจดีย์ วันนี้ : สัญลักษณ์แห่งความศรัทธาจิตรู้แจ้ง-ความว่าง และ ตถาตา Buddhism Stupa Today : Symbol of FaithEnlightenment Mind-Emptiness and Tathata รองศาสตราจารย์สน สี มาตรัง | หลักสูตรปรัชญาดุษฎี บัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 65 x 65 x 80 ซม. | การข่�นรู ป การกล่ง และหล่อปูนปลาสเตอร์ ตกแต่งด้ วย ทองคำเปลวพุทธเจดีย์เป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธา และสื�อสารถ่งพุทธปรัชญา (จิตรู้แจ้ง-ความว่างและตถาตา) พุทธเจดีย์เป็นตัวแทนของจิตวิญญานและพุทธิปัญญา ของคนและสังคมไทยสมัยที�สร้างงาน จ่งเป็นมูลเหตุให้ พุทธเจดี ย์แต่ละสมัยมี แบบศิลปะและคุณค่าทางสุนทรียภาพแตกต่างกัน นี�เป็นที� มาการออกแบบ “พุทธ เจดี ย์ วันนี�” ให้เป็นตัวแทนทางจิตวิญญาณและสุนทรียภาพของคนและสังคมไทย วันนี� แนวความคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ นำเสนอแนวคิด รู ปแบบพุทธเจดี ย์ แบบรู ป 3 มิ ติเว้าเข้า (Concave form) ไม่ใช่ รู ป 3 มิ ติลอยตัว (Round relief form) อันเป็นรู ปแบบประเพณี นิยมที�สร้างกันมา 2500 ปี จินตนาการเป็นโขดหิน ธรรมชาติ ปรับแต่งให้เป็นรู ปแท่งหินธรรมชาติ 3 แท่ง ตั�งเรียงกันในแนวแกน ทิ ศตะวันออกและทิ ศตะวันตก กำหนดให้ มีพื�นที�ระหว่างแท่งหิน เป็นทางเดินคั�น กลางระหว่างแท่งหิน ด้านบนแท่งหินเป็นพื�นป่าธรรมชาติ กำหนดให้แสง อาทิตย์สาดส่องเข้ามาในช่องทางเดินในแนวแกนทิ ศเหนือและทิ ศใต้ตามฤดูกาล กำหนดทางเดินลอดเชื�อมแท่งหินทั�ง 3 แท่ง ทางเข้าอยู่ด้านทิ ศตะวันออก แท่ง หินที� 1 เป็นประตู สูงและกว้าง ซุ้มประตูแรกสุดเน้นกรอบประตูใหญ่ สอบเข้า เป็นประตูเล็กลงซ้อนอยู่ด้านใน แท่งหินที� 2 ออกแบบกรอบประตู สูงและกว้าง น้อยลง มี ช่องทางลอดเข้าในแท่งหิน มีขนาดทางเดินเล็กให้ สัมพันธ์ กับขนาด มนุษย์ (Human scale) ทางเดินลอดเล็กนี�จะนำไปสู่พื�นที� ว่างระหว่างแท่งหินที� 2 และ 3 เป็นที�ตั�งรู ป “พุทธเจดี ย์ วันนี� “ ขนาด 2 เท่าของคนจริง เจาะผนังด้านใน ระหว่างแท่งหินที� 2 และ 3 ให้เป็นรู ปทรงเจดี ย์ทรงระฆัง 3 มิ ติ แบบเว้าเข้า (Concave form) ทั�ง 2 ผนัง เพื�อเป็นสัญลักษณ์กระตุ้นการจดจำหมายรู้ว่าพื�นที�ว่างนี� คือ พุทธภูมิสมมติ งานออกแบบพุทธเจดี ย์ วันนี� ให้ความสำคัญทฤษฎี สุนทรียศาสตร์ “ศิลปะ คือ รู ปทรง (Art as Form)” ของ คลิป เบลล์ (Clive Bell: 1881-1964.an English critic)” หมายถ่ง คุณค่าของงานศิลปะเกิดจากความประสานกลมกลืนระหว่างรูปทรงย่อยที�มาประกอบเข้าเป็นรูปทรงใหญ่ความสัมพันธ์ของส่วนประกอบย่อยที�มาประกอบรวมกันเป็นรูปทรงใหญ่ จะเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ของพลังบวก และพลังลบที� นักออกแบบต้องจัดการให้เกิดความสมดุลสูงสุด และศิลปะที�ยิ�ง ใหญ่ ต้องมีทั�งความงามและความหมายสัมพันธ์ กันอย่างครบถ้ วน1 รู ปแบบพุทธ เจดี ย์ วันนี� เป็นคำถามปลายเปิด ท้าทายความกล้าหาญก้าวข้ามงานพุทธเจดี ย์แบบ ประเพณี สร้างรู ปแบบพุทธเจดี ย์ใหม่ที�นำพุทธปรัชญามาแสดงออกอย่างถูกต้อง 1 จี ศรี นิ วาสัน, สุนทรียศาสตร์: ปัญหาและทฤษฎีเกี�ยวกับความงามและศิลปะ, แปลและเรียบ เรียงโดย สุเชาว์ พลอยชุ ม (กรุงเทพฯ: มหามกุฎราชวิทยาลัย,2532), 63-68. Outstanding Creativity
FACULTY | 109 ความไร้เหตุผล ผู้ช่วยศาสตราจารย์สหเทพ เทพบุรี | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 26 x 20 x 18 ซม. | ปูนปลาสเตอร์ แว็กซ์ เขาสัตว์ การดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันอย่างมีดุลยภาพทั�งกายและใจนั�นเป็นเรื�องยาก ความกดดันจากภายนอกและการปรับตัวจากภายใน ต้องมีองค์ประกอบมากมาย เพื�อทำให้ทัศนคติของการดำรงชีวิต สอดคล้องกับการเปลี�ยนแปลงอย่างมีศักยภาพ การเข้าถ่งปัญหาและแก้ไขตนเองจนเกิดภาวะสมดุล อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมี ความสุข จ่งเป็นที�ปรารถนาของทุกคน กระบวนการสร้างสรรค์จ่งเป็นทิศทาง ของการสร้างความสมดุลให้เกิดความสุข และในความสุขที�ได้รับนั�น ยังมีแรงขับ ภายในอีกด้านผลักดันให้ตอบสนองความต้องการของตนเอง เป็นอำนาจที�ถูกนำ มาใช้เพื�อสำแดงความทะยานอยากของการได้มาบางอย่างจากแรงขับภายใน การมองเห็นปัญหาและอุปสรรคด้วยวิธีการที�สมดุลในการครองตน ให้มีความสุข ภายใต้ข้อจำกัดของแต่ละบุคคลนั�น อาจมีแรงกระตุ้นอื�นที�นำให้จิตภายใน แสวงหา และสำแดงความต้องการบางอย่างอย่างไร้เหตุผล ผ่านรูปทรงแห่งความสุข ความปกติทั�วไป และแสดงพลังของอำนาจโดยใช้สัญลักษณ์ของเขาสัตว์แทน ความหมายของพฤติกรรมภายในที�ขัดแย้งกัน ภายใต้การยอมรับของสังคม ภายนอก แนวความคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ จะเป็นแนวทางเกิดแนวทางการสร้างสรรค์ และพัฒนาผลงานในรูปแบบใหม่ของตนเอง
110 | FACULTY ก้อนแก้ ว-วัสดุศาสตร์เชิงศิลปะ สิทธิโชค ชัยวรรณ | ภาควิชาเครื�องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] เส้นผ่านศูนย์กลาง ระหว่าง 5-10 ซม. จำนวน 10 ก้อน | Lampworkingวัสดุแก้วที�เราเห็นว่าเป็นของแข็งนั�น ในมุมมองของนักวัสดุศาสตร์เป็นวัสดุของ ไหลที� มี สัดส่ วนของส่ วนผสมที�หลากหลาย1 เนื�อแก้ วเป็นวัสดุที�ไม่ มีการเรียงตัว ของโมเลกุล ทุกอณูของเนื�อแก้วต่างเป็นโมเลกุลที�เกาะกันด้ วยพันธะที� มีระยะ ห่างแตกต่างกันตามแรงด่งดูดรอบข้าง และด้ วยการเปลี�ยนแปลงของระยะห่าง ระหว่างโมเลกุลขณะเย็นตัวนี�เอง ทำให้เกิดแรงด่งผิวที� ก่อให้เกิดภาวะของการ ยืดและหดของเนื�อวัสดุ ทุกทิ ศทางขณะที� มีการเปลี�ยนแปลงอุณหภู มิ ซ่�งจะทำให้ เกิดประโยชน์และความเสี�ยงภายในเนื�อแก้ วในเชิงกลศาสตร์ ซ่�งประโยชน์อาจ เกี�ยวข้องกับการรักษาภาพผิ วแก้ วให้ มีความแข็งแรงซ่�งเกิดจากการด่งตัวของผิ ว ด้านนอกที� มีระดับมากกว่าเนื�อด้านใน ก่อให้เกิดผิวที�แข็งแรงกว่าปกติ อย่างไร เสียนี�อาจถูกมองว่าเป็นความเสี�ยงในเนื�อวัสดุที�หากถูกกระแทกด้ วยแรงที� สูงกว่า ค่าของความแข็งแกร่ง ก็อาจทำให้เนื�อแก้ วแตกร้าวและระเบิดเป็นชิ�นเล็กๆ ได้ นอกจากนี� แรงที�เกิดหดของเนื�อแก้วที�ไม่เท่ากันระหว่างผิวด้านนอกและด้านในเนื�อแก้วแล้ว แก้วที�มีส่วนผสมและองค์ประกอบต่างกัน จะมีค่าอัตราการหดตัวขยายตัวเนื�องจากความร้อน หรือเรียกว่าค่าสัมประสิทธิ�ของการขยายตัวเนื�องจากความร้อนที�ต่างกัน ซ่�งหากนำแก้วที�มีค่าสัมประสิทธิ�การหดหรือขยายตัวมาหลอมรวมกันแล้ว ระดับความเค้นในเนื�อแก้วจะมีมากและอาจนำไปสู่การแตกร้าวได้อย่างไรก็ตาม การคำนวณการไหลตัวของกระจกในโบสถ์โบราณ2 พบว่ากว่า กระจกจะมีการเปลี�ยนแปลงรูปร่างอันเกิดจากแรงด่งแรงโน้มถ่ วงอาจต้องใช้ เวลามากกว่าชั�วอายุ ขัยของมนุษย์จ่งจะเห็นการเปลี�ยนแปลงที�สามารถวัดได้ ปรากฏการณ์นี�อาจมองได้อย่างน้อยสองมุ ม คือ กรณีแรก แรงด่งเค้นในเนื�อแก้ ว มีผลอย่างสูงในการปรับเปลี�ยนขนาดรูปร่างของเนื�อแก้วจนทำให้เนื�อแก้ วไม่ แสดงการไหลตามแรงโน้มถ่ วง และกรณีที�สอง แรงที�สามารถสร้างอิทธิพลทาง กายภาพเพื�อให้เนื�อแก้ วเปลี�ยนแปลงรูปร่างจำเป็นต้องมีระดับที� สูงมากหลายเท่า ตัวเมื�อเทียบกับแรงโน้มถ่ วง จ่งอาจทำให้เนื�อกระจกแสดงสถานะของไหลได้ ชัดเจนข่�นก้อนแก้วหลากหลายรูปร่างและสี สันถูกก่อร่างข่�นจากเทคนิคเป่าแก้ว หรือ Lampworking โดยใช้แนวคิดของวัสดุ ศาสตร์และมุมมองทางศิลปะ เปรียบเอา ก้อนแก้วสี สันต่างๆ ถูกวางไว้คละกันในภาชนะ เทียบกับสถานการณ์ที�เกิดข่�นใน เนื�อแก้ ว เมื�อมีแรงภายนอกมากระทบจะทำให้ ก้อนแก้ วในภาชนะขยับจัดเรียงตัว ใหม่ โดยโมเลกุลของแก้ วสามารถเขยื�อนตัวและไหลไปตามแรงภายนอกได้ หากแต่ในความเป็นจริง ระดับความแรงที�เข้ามากดดันให้เนื�อแก้ วไหลตัวนั�นต้อง สูงมากๆ และต้องกระทำในเวลาที� ค่อนข้างยาวนาน และมีระดับสูงพอที� จะทำให้ เกิดการเปลี�ยนแปลงที� ชัดเจน ดังนั�น งานวัสดุ ศาสตร์เชิงศิลปะชิ�นนี�จ่งเป็นตัวแทน ของการสร้างความเข้าใจในองค์ความรู้ด้านวัสดุ ศาสตร์ของแก้ ว โดยศิลปินผู้นำ แก้วมาใช้ไม่ จำเป็นต้องทำการคำนวณหรือค้นหาสูตรการคิดสัดส่ วนแต่อย่างใด เพียงแค่เข้าใจธรรมชาติของวัสดุแก้ ว ก็สามารถนำมาสร้างสรรค์งานที�ทรงคุณค่า ต่อจิตใจผู้คนได้1 Pablo G. Debenedetti, et. al., THEORY OF SUPERCOOLED LIQUIDS AND GLASSES: ENERGY LANDSCAPE AND STATISTICAL GEOMETRY PERSPECTIVES, ADVANCES IN CHEMICAL ENGINEERING, VOL. 28 (2001) 2 Edgar Dutra Zanottoa, “Do cathedral glasses flow?”, American Journal of Phys- ics, May 1998, 66:392-395
FACULTY | 111 ล่องเวลา ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสาวลักษณ์ กบิลสิงห์ | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 50 x 60 ซม. | สิ�งทอสื�อผสม จากความรู้ส่กของข้าพเจ้าในระยะเวลา 2-3 ปี ที�ผ่านมา เกิดสภาวะการเปลี�ยน แปลงที�ส่งผลกระทบแบบกว้างขวางทั�วโลก ทั�งในเรื�องโรคระบาดโควิด-19 สภาพ อากาศ อุณหภูมิความร้อนที�สูงข่�น เศรษฐกิจที�ผันผวน ค่าครองชีพที�สูงข่�น การ เข้ามาแทนที�มนุษย์จากเทคโนโลยีที�เปลี�ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ล้วนส่งผลต่อ ความรู้ส่ก การดำรงชีวิตที�ไม่แน่นอน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ดังเช่นแต่ก่อน จ่ง ทำให้อารมณ์ ความรู้ส่กน่กคิดของเราต้องเต็มไปด้วยสติและปัญญา วัตถุประสงค์ : 1) เพื�อถ่ายทอดความรู้ส่กของตนต่อการเปลี�ยนแปลงจากภายนอก 2) เพื�อเป็นการนำเสนอความคิดโดยผ่านผลงานศิลปะ 3) เพื�อนำเทคนิคการทอ การสาน การเย็บ ผ่านผลงานศิลปะ ข้าพเจ้าต้องการถ่ายทอดถ่งความรู้ส่กของตนที�มีต่อการเปลี�ยนแปลงของโลก สิ�งแวดล้อม โรคภัย การดำรงชีวิตที�เต็มไปด้วยการตื�นตัวบนพื�นฐานของการใช้ ชีวิตประจำวัน การนำความรู้ส่กจากสิ�งเหล่านั�นมาใช้เปรียบเทียบดั�งเช่น กระแส ของเวลา ที�เราต้องเคลื�อนผ่านดั�งสิ�งที�ลอยอยู่บนกระแสน�ำ เช่น แพ หรือ ใบไม้ ที�เราพบเห็นตามธารน�ำ ต้องเคลื�อนผ่านไปโดยเต็มไปด้วยอุปสรรค การสวน กระแส เพื�อให้ผ่านข้ามไปไม่ตกจมไหลไปกับกระแส ข้าพเจ้าใช้ศิลปะสิ�งทอถ่ายทอดออกมาเป็นรูปแบบศิลปะนามธรรม รูปทรงสี�เหลี�ยมและรูปทรงใบไม้ ถูกจัดวางอยู่บนพื�นผิวของเส้นทอซ่�งสานเป็นระนาบบนผืนผ้าใบ เป็นลักษณะจากด้านบนลงมาดั�งสิ�งที�กำลังไหลไปตามกระแสน�ำ การใช้เส้นด้าย สีสดมาเป็นเส้นนำสายตาให้เกิดความเคลื�อนไหว ไหลผ่านรูปทรง การใช้เม็ด ลูกปัดสร้างความรู้ส่กถ่งการเคลื�อนไหว อุปสรรค ที�เกิดข่�นบนเส้นทางใช้สติที� เราต้องควบคุม ให้ผ่านไปได้ กระบวนการสร้างสรรค์ : 1) ลงสีพื�นผืนผ้าใบสีพื�นเข้ม 2) เตรียมเส้นใยพร้อม ย้อมสีให้ได้น�ำหนักสีที�ต้องการ 3) ตอกตะปูด้านหลังกรอบไม้โดยรอบห่างกัน 1 ซม. เพื�อเป็นหลักข่งเส้นทอ 4) ทอพื�นทั�งเส้นนอนเส้นตั�งโดยเว้นจังหวะสำหรับ พื�นที�ว่างบางส่วน 5) ถักชิ�นงานในส่วนของรูปทรงใบไม้ด้วยเส้นใยสีต่างกันใน แต่ละช่วงเพื�อสร้างจังหวะในผลงาน 6) มัดรวบเส้นใยเข้าไว้ด้วยกันเป็นแนวเพื�อ ให้เกิดมิติและแนวเส้นพื�นทอในลักษณะต่างกัน 7) เย็บเส้นด้ายด้วยด้ายสี พร้อม ประดับลูกปัด ให้ผลงานสมบูรณ์ การปฏิบัติงานสร้างสรรค์สิ�งทอ ชุด “ล่องเวลา” มีการนำเสนอในรูปแบบสิ�งทอ นามธรรม และมีการใช้รูปทรงอิสระมาถ่ายทอดเรื�องราวโดยขั�นตอนการสร้างสรรค์ ตามที�กล่าวมาทำให้เกิดการเรียนรู้ในลักษณะต่างๆ กัน การทำงานสิ�งทอชิ�นนี�มี การใช้สีเส้นในที�มีโทนสีใกล้เคียงกันเพื�อไม่ให้รูปทรงมีความเด่นชัดมากจนเกิน ไป การทดลองถักรูปทรงในลักษณะใบไม้ให้ความพริ�วไหวพอสมควร วิธีการ สร้างเส้นด้ายด้วยสีสดใสสร้างจุดนำสายตาได้ดี มีการนำเทคนิคการมัดมาผสม กับเทคนิคการทอทำให้เกิดมิติในผลงานมากข่�น
112 | FACULTY สตรีในทรรศนะอย่างสามัญ อานุภาพ จันทรัมพร | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 20 x 23 x 33 ซม. | สลักหินอ่อน สแตนเลส กระบวนทัศน์ ต่อโลกและมนุษย์ในปัจจุ บันของข้าพเจ้านั�น เต็ มไปด้ วยการปรุงแต่ง ประดิ ษฐ์ ต่อเติ ม เสริมบังเนื�อแท้ จากธรรมชาติไปเสียทั�งหมด เสื�อผ้าอาภรณ์ หรือสิ�งประดับตกแต่งต่างๆ ในร่างกาย สร้างความผิดแปลกเกินไปกว่าความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที�มีมาแต่กำเนิด ทั�งความงามในเชิงรูปลักษณ์และความงามในความรู้ส่กเรียบง่ายและบริสุทธิ�ก็ถูกปิดบังอย่างมิอาจเข้าถ่งได้จริง เมื�อต้องผ่อนคลายและพิจารณาเพื�อเข้าใจตนในสถานะของมนุษย์อย่างธรรมดาก็มิอาจรับรู้ได้ด้วยการแสดงออกทางสังคม การที�จะตระหนักหรือมีสติรู้ความมนุษย์อย่างถ่องแท้ของตน จ่งเป็นการพิจารณากายเนื�อตนอย่างมิต้องมีสิ�งปรุงแต่ง สิ�งประดิ ษฐ์หรือประดับประดาอันได้ สังเคราะห์เข้ามาประกอบด้ วย จากความ บันดาลใจในลักษณะเฉพาะของสตรี จากความเข้าใจในลักษณะสากลสู่การ สร้างสรรค์ศิลปกรรมที� มี มาแต่โบราณคือ ความนุ่มนวลน่าทะนุถนอม ความอ่อน โยน อ่อนหวาน ละมุนละไมและอบอุ่น ทรวดทรงแห่งความงามความมี ชีวิตชี วา และผ่อนคลาย รูปร่างรู ปทรงทั�งหมดนี�มักใช้เป็นแนวทางในการกำหนดเรื�อง และแสดงทรรศนะที�เกี�ยวข้องกับลักษณะทางกายภาพที�เป็นอย่างธรรมชาติที� สุด ของสตรี ต่อเมื�อมีความเปลี�ยนแปลงเรื�องปรัชญา ทัศนคติ ความคิด สถานภาพ จ่งอาจมีการกำหนดลักษณะเฉพาะหรือการตีความสตรีในมุมมองอื�นๆ การสร้างสรรค์ศิลปกรรมที�มีเนื�อหาเกี�ยวข้องกับสตรีจ่งตั�งอยู่ในวัตถุประสงค์เพื�อสร้างประติมากรรมที�มีเนื�อหาเกี�ยวกับการแสดงทรรศนะต่อสตรี เสนอสุนทรียภาพ และสร้างการพิ จารณาต่อสตรี และนำเสนอประติ มากรรมสร้างสรรค์สมัยใหม่ ทัศนคติอย่างธรรมดาอันเป็นพื�นฐานที�เรียบง่าย บริ สุทธิ� และคุณค่าอันเป็นแก่น แท้ในรูปลักษณ์ของสตรีที�แสดงลักษณะอ่อนหวาน นุ่มนวล อบอุ่น คือลักษณะ เฉพาะจากธรรมชาติอย่างมิ ต้องปรุงแต่ง เสริ มเพิ� ม หรือแม้แต่ความละอายต่อ สิ�งใด เป็นความงามในแง่ มุมที� ช่ วยพิ จารณาความมีสติเป็นตัวตนและอัตลักษณ์ ทางเพศที� มิได้เกี�ยวข้องกับความสัมพันธ์และความลุ่มหลง ข้าพเจ้าจ่งเลือกใช้ เทคนิคการสลักหินอ่อนขัดเงาประกอบกับการติดตั�งบนฐานสแตนเลสที� มี รู ปทรง ล้อกลมกลืนตามกัน จากการสร้างสรรค์ผลงานเสร็ จสมบูรณ์ผลปรากฏจากการคาดการณ์ ในเทคนิค การสลักหินและการนำมาประกอบกับวัสดุสแตนเลสพบว่า การประสานกันในวัสดุที�แสดงเนื�อแท้สามารถประสานกันได้อย่างลงตัวแม้ว่าเป็นการประกอบรูปทรงเพียงแต่วางเคียงกันเท่านั�น อย่างไรก็ตามการขัดผิวของวัสดุให้แสดงคุณสมบัติต่างกันผู้สร้างสรรค์พบว่าอาจแสดงลักษณะความรู้ส่กต่างกันออกไปเพียงเล็กน้อย ซ่�งไม่มีผลต่อการสร้างสุนทรียภาพโดยรวมมากนักเนื�องจากการ แสดงผลทางทัศนธาตุ ด้ วยโครงสร้าง รู ปทรงและปริ มาตรมีความชัดเจนมากและ เด่นชัดที� สุดเป็นสำคัญในผลงานสร้างสรรค์ ชุดนี�
FACULTY | 113 นาฏยคเณศ Nataya Ganesha อิทธิพล วิมลศิลป์ | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 42 x 57.5 ซม. | วาดภาพเกรยอง พระพิฆเณศเป็นเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแพร่หลายในประเทศอินเดีย และถูกเผยแพร่มายังแถบเอเซียอาคเนย์ ซ่�งรวมทั�งไทยที�ให้ความเคารพสักการะ และถือว่าพระองค์คือเทพผู้ขจัดอุปสรรค เป็นเทพแห่งความสำเร็จและเหล่าศิลปิน ถือเป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ในตำนานแห่งการฟ้อนรำซ่�งมีที�มาจากตำนาน พระศิวะที�เราเรียกว่า ”ศิวนาฏราช” โดยการฟ้อนรำของพระศิวะเกี�ยวข้องกับ การแสดงพลังในกิจกรรมของจักรวาล 5 ประการ ได้แก่ การสร้าง การดูแลให้ คงอยู่ การทำสาย การปิดบัง และการอนุเคราะห์ การฟ้อนรำดังกล่าวมีถ่ง 108 ท่า ซ่�งพระพิฆเนศผู้เป็นราชโอรสและเป็นเทพแห่งสติปัญญาสามารถจดจำได้ทั�งหมด ในคัมภีร์นาฏยศาสตร์ของภารตมุนีกล่าวถ่งการบูชาบวงสรวงองค์พระพิฆเณศ ก่อนเทพอื�น โดยถือว่าการร่ายรำของพระพิฆเณศเป็นกิจกรรมหน่�งของการ ประทานพรแก่ผู้สักการะบูชา ซ่�งความเป็นมาดังกล่าวได้นำมาสร้างสรรค์ผลงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื�อศ่กษาท่าทาง (gesture) การร่ายรำเพื�อสร้างสรรค์ภาพ พระพิฆเณศด้วยเทคนิคเกรยอง ข้าพเจ้าแสดงออกถ่งความศรัทธาที�มีต่อองค์พระพิฆเณศ โดยวาดพระพิฆเณศ ปางฟ้อนรำ ซ่�งแสดงออกถ่งท่าทางการเคลื�อนไหวของการร่ายรำที�มีความแตกต่าง กันใน 4 ท่าทาง โดยศ่กษาอริยาบถจากท่าร่ายรำตามแบบนาฏศิลป์ของอินเดีย และนำมาออกแบบหาความเหมาะสม เพื�อให้เกิดความรู้ส่กการเคลื�อนไหวและ การเปลี�ยนแปลงของท่าทางที�มีความต่อเนื�อง ผสมผสานกับการใช้เส้นที�แสดง ออกถ่งการเคลื�อนไหวของรูปทรง ข้าพเจ้าใช้เทคนิคการวาดภาพเกรยองเพื�อให้ เกิดน�ำหนักแสงเงา และเกิดความรู้ส่กถ่งปริมาตรของกล้ามเนื�อ โดยใช้ท่าทางที� แสดงออกถ่งความแข็งแรงของพระวรกายผสมผสานกับความอ่อนโยนของท่า ร่ายรำ เป็นการถ่ายทอดความรู้ส่กในเรื�องของฤทธานุภาพและพระเมตตา กระบวนการสร้างสรรค์ ร่างแบบเพื�อหาท่าร่ายรำขององค์พระพิฆเณศ เมื�อได้ แบบตามต้องการนำแบบมาร่างลงกระดาษ 90 แกรม แล้ววาดภาพลงน�ำหนัก แสงเงาด้วยเกรยอง ผลที�ได้จากผลงานชิ�นนี�คือการแสดงออกของบุคลิกและท่วงท่า ที�สัมพันธ์กับการ แสดงออกด้านเทคนิค ท่าทางการร่ายรำแบบนาฏศิลป์อินเดียนั�นมีมากมาย แต่ จะต้องหาท่าทางที�เหมาะสมเพื�อให้ตรงกับแนวคิดในการแสดงออกทางร่างกาย ในเรื�องของความเคลื�อนไหว โดยเทคนิคเกรยองเป็นเรื�องของการจัดระเบียบ การวาดที�ลายเส้นและการวางมือปาดให้ได้น�ำหนักที�พอเหมาะพอดี โดยประสบการณ์ และการเรียนรู้เกิดจากการทำงานจนเกิดความชำนาญเพื�อที�จะควบคุมการวาด ให้เป็นไปได้ตามที�ต้องการ เอกสารอ้างอิงอุไรศรี วรศะริน และคณะ.พระคเณศเทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ บริษัท อมรินทร์พริ�นติ�งแอนด์พับลิชชิ�ง จำกัด มหาชน, 2545.
114 | FACULTY ศาสตราจารย์ศิลป์พีระศรี ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ อุณรุท กสิกรกรรม | ภาควิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร | [email protected] 70 x 80 ซม. | สีน�ำมันบนผ้าใบลิ นิน ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้วางรากฐานให้แก่ มหาวิทยาลัยศิลปากร สร้างการ เรียนรู้ทางด้านศิลปะ เพื�อให้ ก้าวสู่ความเป็นสากล ทำให้เรามีศิลปะร่วมสมัยที� ทัดเทียมกับนานาชาติ ควบคู่ไปกับทำให้คนไทยเห็นคุณค่าของศิลปะไทยซ่�งเป็น วัฒนธรรมของชาติ ตลอดชีวิตของท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ทุ่มเทชีวิต และจิตใจสั�งสอนแก่ลูกศิษย์และสร้างความเข้าใจที�ถูกต้องทางศิลปะแก่สังคม ไทยให้รู้ถ่งคุณค่าของความงาม แม้ ว่าท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ จากไป แล้ ว แต่ คุณงามความดีของท่านจะยังคงอยู่ตลอดไป ฉะนั�น ผลงานชิ�นนี�จ่งเกิด ข่�นเพื�อรำล่กถ่งศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และคุณงามความดีของท่านข้าพเจ้าต้องการนำเสนอผลงานในรูปแบบเหมือนจริงโดยใช้สัญลักษณ์ คือรู ป ประติ มากรรม ท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เพื�อระล่กถ่งคุณงามความดีของ ท่านที�ทำให้ กับประเทศไทยและวงการศิลปะให้ ก้าวหน้า ทัดเทียมนานาประเทศ สู่ ความเข้าใจในคุณค่าและสุนทรียะของศิลปะโดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานดังนี� 1) ศ่กษาและรวบรวมข้อมูลเกี�ยวกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี 2) นำข้อมูล ที�ได้ มาสังเคราะห์ ผ่านกระบวนการทางความคิด โดยกำหนดรู ปแบบผลงาน และ ทำภาพร่าง เพื�อหาต้นแบบในการทำงานที�สมบูรณ์ 3) นำต้นแบบไปขยายให้ได้สัดส่วนที�ถูกต้อง เพื�อร่างภาพลงบนเฟรมผ้าใบ 4) ทำการสร้างสรรค์ผลงานจริงด้วยเทคนิคจิตรกรรมสีน�ำมัน การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้ วยเทคนิคสีน�ำมันในผลงานชื�อศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี คุณค่าของผลงานชิ�นนี�ที� ข้าพเจ้าสร้างสรรค์ข่�น จะเห็นได้ ว่ามีการประสาน สัมพันธ์ กันของทัศนธาตุ เช่น รู ปทรง สี พื�นผิ ว และ ร่องรอยฝีแปรง โดยใช้ รู ปแบบเหมือนจริงมาถ่ายทอดความรู้ส่กจนสำเร็ จเป็นผลงานตามจุดมุ่งหมายที� ตั�งใจไว้ จากการสร้างสรรค์ในครั�งนี�ข้าพเจ้าได้ รับองค์ความรู้ที�สรุ ปได้ ดังนี� 1) แสดงออกถ่งความเรียบง่าย และสื�อความหมายถ่งเรื�องราวและเนื�อหาในการ รำล่กถ่งอาจารย์ศิลป์ พีระศรี จนนำมาซ่�งแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน2) มีการศ่กษาการทับซ้อนของชั�นสีเพื�อแสดงถ่งผิวของโลหะ 3) มีการศ่กษาหาข้อมูลถ่งประวัติความเป็นมาของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เพื�อให้เกิดความรู้ ในรายละเอียดเกี�ยวกับท่าน สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ ข้อมูล จนตกผล่ก ทางความคิดและสร้างสรรค์ผลงาน ที�เป็นรูปธรรมในรู ปแบบของข้าพเจ้าเองได้ เอกสารอ้างอิง ศิลป์ พีระศรี. บทความข้อเขียนและงานของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี. โดยหอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ�นติ�งแอนด์พับบลิชชิ�ง, 2545.
FACULTY | 115 With(out) the Frames: The Absent Imagine Practice in Installation Yu-Pei Kuo (Ph.,D.) | Master’s Program in Cretive Design, Dhurakij Pundit University | [email protected] 600 x 400 ซม. | Knitting, Systematically Altered Photography ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�เป็นศิลปะจัดวางเพื�อสื�อแนวความคิดที�ตั�งอยู่บนพื�นฐาน ของการออกแบบการแสดงในโรงละคร นำเสนอผ่านกรอบรูปสองชิ�นที�แขวน คนละด้าน กรอบรูปด้านซ้ายถูกแขวนไว้โดยไม่มีภาพวาดบรรจุอยู่ ซ่�งข้าพเจ้าใช้ เป็นสื�อสัญญะแทนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของศิลปิน เมื�อมีผู้ชมผลงานจ้องมองงานในกรอบรูปนั�น จะคิดคำน่งหรือจินตนาการว่าสิ�งที�เห็นด้านหลังกรอบรูป คือผลงานศิลปะที�มีอยู่จริง ครั�นเมื�อกรอบภาพหายไป สิ�งที�หลงเหลืออยู่ภายใน คือชิ�นงานศิลปะที�เกิดจากร่องรอยของจินตนาการภาพจำนั�น ส่วนกรอบรูปด้านขวา ข้าพเจ้าแขวนเสื�อเชิ�ตผ้าถักไว้บนกรอบรูป ทำให้มันมีหน้า ที�เหมือนหุ่นโชว์เสื�อเพื�อกระตุ้นความคิดของผู้ชมผลงานให้จินตนาการว่ามีคนยืน สวมใส่เสื�อตัวนั�นอยู่จริง และจัดวางองค์ประกอบเหลื�อมสลับไปมาเพื�อลบกรอบ ของภาพออก เส้นด้ายยุ่งเหยิงที�ถักทอบนตัวเสื�อนั�น ข้าพเจ้าต้องการนำเสนอ แนวคิดความไม่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผ่านกระบวนการผลิตงานศิลปะ จากเส้นใยประเภทที�ไม่ต้องมีแกนย่ดด้านใน อันเป็นสื�อสัญญะที�ข้าพเจ้าแทน ความไม่มีอยู่ ปลดปล่อยให้ผู้ชมผลงานได้จินตนาการเป็นสิ�งใดก็ได้ภายใต้เส้นใย เสื�อถักตัวนั�น งานชิ�นต่อไปของศิลปะจัดวางเพื�อสื�อแนวความคิดนี� ข้าพเจ้าวางแผนจะใช้สื�อ มัลติมีเดียเพื�อใช้โต้ตอบกับผู้ชมผลงาน มิใช่เพียงแค่จินตนาการจากผลงานศิลปะจัดวางเท่านั�น แต่ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ทางความคิดที�ข้าพเจ้าต้องการ นำเสนอทั�งด้านในและด้านนอกกรอบรูปศิลปะของข้าพเจ้า
116 | FACULTY ผลงานฝังในร่องรอยปราโมทย์ ศรีปลั�ง | สาขาวิชาศิลปศ่กษา คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา | [email protected] 120 x 260 ซม. | ศิลปะสิ�งทอสื�อผสม การปะเย็บต่อผ้าและย้อมสี ธรรมชาติ การนิยามความหมายของความงามเกิดข่�นมากมาย ซ่�งแตกต่างไปตามมุมมอง วัฒนธรรม หรือบริบทรอบตัว ที�หล่อหลอมให้ความงามมีความหมายเกินกว่าความสมบูรณ์แบบตามอุดมคติ ความงามเป็นสิ�งที�ทุกคนสามารถรับรู้และสัมผัสได้ มนุษย์ ต่างพ่งพอใจในความงาม และมีความสุขเมื�อได้ สัมผัสกับความงาม Wabisabi (วาบิ-ซาบิ) คือปรัชญาของญี�ปุ่น ที�สะท้อนถ่งความงามอีกมุม ที�ไม่ใช่ บรรทัดฐานความงามอย่างที�เราหลายคนเคยเข้าใจ แต่ คือความงามจากการเห็น คุณค่าของความเรียบง่าย การค้นพบความสวยงามท่ามกลางสิ�งที�แสนธรรมดา ตลอดจนการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของสิ�งที�เกิดข่�น นอกจากนี�ยังมี นัย ความหมายในปัจจุ บันว่าคราบสนิ มหรือคราบที�เกิดข่�นบนเครื�องใช้ อีกด้ วย1 จากแนวคิดความงาม Wabi-sabi (วาบิ-ซาบิ) นั�น ได้สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ที�เกิดจากความประทับใจในร่องรอยในคราบต่างๆ การขูดขีด การฉีกขาด การปะติดเย็บต่อ และหรือรอยตำหนิต่างๆ ที�ขาดความสมบูรณ์แบบ ซ่�ง ผู้สร้างสรรค์ มองเห็นความงามจากสิ�งที� ปรากฏเหล่านั�น ว่ามีเสน่ ห์และมี คุณค่าใน ตัวมันเอง ที�สามารถนำไปเป็นจินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสิ�งทอ (Textile art) เทคนิคสื�อผสม โดยการปะเย็บต่อผ้า (Patchwork) ในครั�งนี� โดยลักษณะรูปแบบในการสร้างสรรค์ผลงานนั�น เป็นการปะเย็บต่อผ้าแต่ละส่วนจาก พื�นผิ วของผ้าในลักษณะต่างๆ ที�เกิดจากการพิมพ์สนิ มเหล็ก และการย้อมสี ธรรมชาติ ด้ วยเทคนิคต่างๆ ที�สร้างรอยคราบ ลวดลาย และพื�นผิวต่างๆ ที� น่า สนใจ นำมาตัดแยกส่ วน จัดวางแบบปะติดปะต่อ ที�ไม่เน้นความสมบูรณ์แบบ นำ มาจัดวางอย่างเหมาะสม กลมกลืน สวยงาม และน่าสนใจตลอดทั�งผืนผ้า โดยใช้หลักการจัดการความงาม ในการจัดองค์ประกอบทางศิลปะของทัศนธาตุต่างๆ ที� ปรากฏบนลวดลายพื�นผิ วของชิ�นผ้า ที� มีทั�งลักษณะกลมกลืนและขัดแย้งระหว่าง กัน นำหลักการประสานสร้างความเชื�อมโยง โดยการจัดวางซ�ำในรูปร่าง รู ปทรง ลวดลาย และพื�นผิวต่างๆ ที� ทับซ้อนกันไปมา โดยสลับค่าน�ำหนักสีเข้ ม-อ่อน แบบสีเอกรงค์ เกิดมิ ติล่ก-ตื�นบนระนาบในการรับรู้ และเชื�อมโยงการประสาน ทั�งหมด ด้ วยการปักเย็บผสมวัสดุ เพื�อสร้างจังหวะลายเส้น ลวดลาย และพื�นผิ ว ใหม่ ที�ซ้อนทับบนผิ วระนาบเดิ มตลอดทั�งผืนผ้าในชิ�นงาน สร้างความเป็นเอกภาพ ที�เป็นอันหน่�งอันเดียวกันอย่างน่าสนใจ การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสิ�งทอ เทคนิคสื�อผสม โดยการปะเย็บต่อผ้า การย้อม ระบายสี จากสีสกัดจากธรรมชาติในท้องถิ�น ถือเป็นการช่ วยลดการใช้สารเคมีที� อันตราย และสารตกค้างที�เป็นมลพิ ษให้ กับโลก ซ่�งการใช้เทคนิคการตัดเย็บถัก ทอต่อผ้าร่วมกันในผืนผ้านั�น เป็นการสร้างร่องรอยในพื�นผิ วของผ้าที� น่าสนใจ อย่างแตกต่างได้ มากข่�น รวมถ่งการสร้างมุมมองของการใช้เศษวัสดุ ผ้า มาจัดสรร ความงามเข้าไปใหม่อย่างรู้คุณค่าในชิ�นผลงานสร้างสรรค์ ที�สามารถนำไปเป็น แนวทางในการพัฒนา ต่อยอด และยกระดับผลิตภัณฑ์ ผ้าในเชิงพาณิชย์ ต่อไป 1 Nirvanadaii, online เข้าถ่งจาก https://www. nirvanadaii.com/ th/blog/wabi-sabi)
FACULTY | 117 ความงามจากวิถีกสิกรรม ไกรสิงห์ สุดสงวน | สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร | [email protected] No.1 : 120 x 150 ซม. No.2 : 120 x 150 ซม. No.3 : 120 x 150 ซม. No.4 : 100 x 120 ซม. No.5 : 100 x 120 ซม. | สีน�ำมันบนผ้าใบ มนุษย์ได้มีการทำกสิกรรมมาตั�งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมา สืบเนื�องมาจนถ่งปัจจุบัน ซ่�งผู้วิจัยเล็งเห็นสิ�งที�เป็นปัญหา การทำกสิกรรมที�ส่งผลเสียต่อธรรมชาติและสิ�ง แวดล้อม เพื�อศ่กษาเก็บข้อมูลผลเสียต่อสิ�งแวดล้อมจากการทำกสิกรรมของ เกษตรกรไทย เช่น การเผานาข้าว เผาไร่ เผาเศษวัชพืช เพื�อทำการเพาะปลูก ใหม่ ซ่�งเป็นพฤติกรรมหรือกระบวนการที�เกษตรกรได้ทำมาเนิ�นนาน โดยขาด การตระหนักถ่งปัญหาที�ส่งผลกระทบต่อสิ�งแวดล้อม ที�จะทำให้เกิดปัญหา มลพิษทางอากาศ หมอกควัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศ สิ�งมีชีวิต ซ่�ง สิ�งเหล่านี�ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าส่วนหน่�งอาจมาจากการกระทำของมนุษย์ โดยตรง และส่งผลกระทบต่อชีวิตและวิถีของทั�งมนุษย์และสิ�งมีชีวิตทั�งหลาย การสร้างความตระหนักในคุณค่าของวิถีกสิกรรมของไทยที�มีมาจากอดีตถ่ง ปัจจุบัน และสำน่กต่อธรรมชาติและสิ�งแวดล้อมซ่�งเป็นผลจากการกระทำของ มนุษย์เอง ที�กระทบต่อสิ�งมีชีวิตและวิถีของมนุษย์โดยตรง อีกนัยหน่�งอาจแสดง ถ่งความเชื�อของคนไทยในเรื�องพระแม่ธรณี ที�เกี�ยวข้องกับความเชื�อในการกสิกรรมไทย ซ่�งแสดงถ่งวิถีของคนไทยที�มีความเคารพต่อธรรมชาติและสิ�งแวดล้อม ที�ได้ให้คุณประโยชน์แก่มนุษย์ ผู้วิจัยจ่งได้เห็นถ่งความงามจากวิถีดังกล่าวและ นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมชุด “สุนทรียะจากวิถี กสิกรรม” จำนวน 1 ชุด มีทั�งหมด 5 ชิ�น มีลักษณะเป็นงานจิตรกรรมสองมิติ เทคนิคสีน�ำมันบนผ้าใบ โดยใช้สื�อผสมจากวัสดุหรือร่องรอยจากการทำกสิกรรม เช่น เศษขี�เถ้าจากการเผานาข้าว ดินโคลนจากนาข้าว เมล็ดข้าว เมล็ดพันธุ์พืช ฯ มาผสมผสานในเทคนิคของจิตรกรรม เพื�อให้เห็นถ่งคุณค่าเชิงสัญลักษณ์จาก การทำกสิกรรม ถ่ายทอดเป็นงานจิตรกรรมสร้างสรรค์แนวเสมือนจริง มีลักษณะ เป็นงานศิลปะร่วมสมัย นำเสนอผ่านอารมณ์ ความรู้ส่ก มุมมอง ถ่ายทอดเรื�อง ราวผ่านผลงานจิตรกรรมโดยมี “ผู้หญิง” เป็นสัญญะสำคัญในการเล่าเรื�องผ่าน ผลงานชุดนี�เสมือนตัวละครที�เป็นผู้ถูกกระทำจากผลกระทบต่อสิ�งแวดล้อมที� เป็นพิษ การเผาไหม้จากการทำกสิกรรม ที�ส่งผลกระทบต่อสิ�งมีชีวิตและมนุษย์ จากการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม 1 ชุด จำนวน 5 ชิ�น มีลักษณะเป็นงาน จิตรกรรมสองมิติ โดยมีรูปแบบและเนื�อหาที�สะท้อนให้เห็นถ่งคุณค่าและความ งามในวิถีกสิกรรมของประเทศไทย ความเชื�อและวัฒนธรรมการเกษตรที�มี ความเป็นเอกลักษณ์ของชาติมายาวนาน เพื�อให้เกิดการตระหนักถ่งผลกระทบ ต่อปัญหาสิ�งแวดล้อมที�เกิดข่�นจากการกสิกรรม การเห็นคุณค่าความสำคัญของ ธรรมชาติสิ�งแวดล้อม ที�มีผลกระทบต่อมนุษย์ในปัจจุบันและอนาคต การ สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมทั�ง 5 ชิ�น เป็นการพัฒนารูปแบบตามสัญญะที�ผู้วิจัย สร้างข่�นในลักษณะการเขียนภาพเหมือนจริง เป็นไปตามจุดประสงค์ที�ผู้วิจัยตั�งไว้
118 | FACULTY เหรียญ BahtCoins ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ภู วไนย ทรรทรานนท์ | สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย | [email protected] 50 x 50 ซม. | จำนวน 4 ชิ�น และสินทรัพย์ ดิ จิ ทัลจำนวน 4 ชิ�น | สื�อผสม การพิมพ์และภาพดิ จิ ทัล ในอดีตผู้คนซื�อขายแลกเปลี�ยนกันด้ วยสิ�งของจนกระทั�งมีระบบเงินตราเกิดข่�น เป็นตัวกลางในการแลกเปลี�ยน เดิมทีเงินตราใช้โลหะมี ค่าตามมูลค่าของวัตถุ ต่อมาเงินตราเริ� มเป็นสิ�งสมมติ ผู้คนยอมรับวัตถุที�ไม่ได้ มี มูลค่าในตัวเอง เช่น กระดาษหรือโลหะมูลค่าต�ำ แต่ให้ คุณค่าเทียบเท่าตราประทับหรือตัวเลขที� พิมพ์ลงบนวัตถุนั�น เหรียญกษาปณ์และธนบัตรซ่�งกลายเป็นมาตรฐานการซื�อขายแลกเปลี�ยนของมนุษย์มาอีกหลายร้อยปี ในปัจจุบันความเปลี�ยนแปลงที�กำลังเกิดข่�นอยู่ทั�วโลกคือผู้คนเริ�มใช้เงินในรูปแบบดิจิทัล มีสกุลเงินดิจิทัลที�เพิ�งเกิดข่�นถูกนำมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการซื�อขาย แลกเปลี�ยน โอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน หรือ ระบบ e-banking เป็นเงินตราที�จับต้องไม่ได้ มีแค่ ตัวเลขมูลค่าส่งผ่านกันไปมา ผ่านระบบเน็ตเวิร์ก หากมองย้อนไปในอดีตเมื�อตอนเริ�มมีการใช้ ธนบัตร ผู้คนก็ พูดกันว่ามันเป็นแค่กระดาษที� ส่งผ่านไปมาเช่นกันเห็นได้ ว่าคุณค่าและมูลค่าของ เงินอยู่ที�การได้ รับการยอมรับของกลุ่มผู้ใช้ วงจรนี�เกิดข่�นอีกครั�งผู้คนพูดกันว่า เงินดิ จิ ทัลมันก็เป็นแค่ ตัวเลขที� ส่งผ่านไปส่งผ่านมา เป็นยุคเปลี�ยนผ่าน รอเวลาที�คนส่วนใหญ่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะให้การยอมรับเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ผู้ออกแบบมีความสนใจการสื�อสารแนวความคิดผ่านสื�อผสมในประเด็นของคำว่า มูลค่าและคุณค่า เมื�อเรายอมรับมูลค่าของเหรียญกษาปณ์ที�ทำจากโลหะตามมูลค่าตัวเลขบนหน้าเหรียญ หากเราบดย่อยสลายเหรียญเหลือเพียงผงโลหะแล้วมูลค่าของผงโลหะอาจไม่เหลือเท่าไหร่ทางด้านคุณค่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ในขั�นแรกผู้ออกแบบได้นำเหรียญกษาปณ์ในสกุลเงินบาท 4 ประเภทคือ เหรียญ 1 บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท ไปบดเป็นผง และนำผงโลหะจาก เหรียญแต่ละประเภทกลับไปพิมพ์เป็นภาพของเหรียญชนิดนั�นๆ ขั�นต่อมาผู้ ออกแบบนำชุดภาพพิมพ์นี�มาถ่ายภาพดิ จิ ทัลและแปลงภาพไปเป็นสินทรัพย์ ดิ จิ ทัล NFT จำนวน 4 ชิ�นตามประเภทของเหรียญอีกเช่นกัน ผู้ออกแบบต้องการ นำเสนอแนวความคิดการเปลี�ยนจากวัตถุที�เรายอมรับมูลค่ากลายเป็นไม่ มี มูลค่า แต่สร้างคุณค่าในรู ปแบบใหม่ ทั�งในรู ปแบบที�จับต้องได้และรู ปแบบเสมือนหรือ ดิ จิ ทัล ตามการเปลี�ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุ บัน ทั�งนี�ผู้ออกแบบได้ รับแรง บันดาลใจบางส่ วนจากศิลปะประชานิยม (Pop Art) ซ่�งมีการสร้างผลงานจากสิ�ง ที�คนใช้หรือเกี�ยวข้องกับชีวิตประจำวัน รวมไปถ่งการจัดวางองค์ประกอบและเทคนิคในการผลิตงานภาพพิมพ์ แนวทางที� จะปรับปรุงผลงานมี 2 ส่ วน ส่ วนแรกเป็นด้านเทคนิคทางการพิมพ์ ซ่�ง จะต้องพัฒนาหาวิธีให้ผงเหรียญติดกับพื�นผิ วได้ปริ มาณมากข่�นและคงทนมากข่�น ส่ วนที�สองคือการพั ฒนาทางด้านการนำผลงานเข้าสู่ตลาด NFT เพื�อทดสอบ มูลค่าที�ผู้ชื�นชอบงานศิลปะตี มูลค่าให้ หลังจากเผยแพร่ผลงานให้สู่สาธารณะใน วงกว้างจะนำผลตอบรับมาปรับปรุงผลงานในอนาคต
FACULTY | 119 Different Pencils ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขมิกา ธีรพงษ์ | สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ | [email protected] 100 x 35 ซม. | Silk Screen ปัจจุบันเทคโนโลยีการพิมพ์ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้เกิดเทคนิคการพิมพ์ หลากหลายสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานกราฟิกหลากรูปแบบ ซ่�งเข้าถ่งได้ง่าย การออกแบบและควบคุมการผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ราคาถูกลงและไม่จำเป็น ต้องผลิตเป็นจำนวนมาก เช่น การพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทและการพิมพ์แบบดิจิทัล ออฟเซท ซ่�งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ว่าเทคนิคการพิมพ์ที�มีความหลาก หลายมากข่�นเหล่านี�ทำให้เทคนิคการพิมพ์พื�นฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ�ง เทคนิคซิลค์สกรีน ซ่�งใช้ทั�งทักษะทางศิลปะและความประณีตในการสร้างสรรค์ ผลงานค่อยๆ จางหายไป ไม่เป็นที�คุ้นเคยสำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่ กลายเป็นงานหัตถศิลป์ที�มีราคาสูงและมีภาพลักษณ์ในเชิงผลงานศิลปะมากข่�น ผู้ออกแบบ จ่งพัฒนาแนวคิดเกี�ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานพิมพ์ด้วยเทคนิคซิลค์สกรีนและ ทดลองการผลิตผลงานด้วยวิธีที�แตกต่างจากเทคนิคที�ใช้โดยทั�วไป ด้วยการสร้าง ผลงานจากภาพถ่ายและคอมพิวเตอร์กราฟิกก่อน แล้วจ่งนำมาพิมพ์ผ่านเทคนิค ซิลค์สกรีนแทนที�จะเป็นการพิมพ์บนระบบดิจิทัล แนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�คือ การนำเสนอภาพเชิงเปรียบเทียบระหว่าง ดินสอที�ใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ 2 ประเภท ได้แก่ Apple Pencil ซ่�งใช้ สำหรับการสร้างผลงานประเภท Digital painting บนอุปกรณ์ยอดนิยมของ ศิลปินยุคใหม่คือ Ipad และ Graphite pencil หรือที�เรียกกันว่า Meta lead holder ซ่�งเป็นดินสอที�ใช้ในงานวาดภาพหรือเขียนแบบของนักออกแบบและศิลปิน ในยุคของการสร้างสรรค์ผลงานลงบนกระดาษหรือผ้าใบ การเปรียบเปรยด้วย ภาพดินสอทั�ง 2 ประเภทนี� คือการสะท้อนความแตกต่างของรูปแบบของผลงาน สร้างสรรค์ ทัศนะเรื�องความงาม และเทคนิคการสร้างสรรค์ที�ต่างยุคต่างสมัย นักออกแบบผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�ได้ศ่กษาทฤษฎีและเทคนิคซิลค์สกรีน อีกทั�ง ได้ทำการทดลอง ทดสอบการเปลี�ยนผ่านจากภาพถ่ายดิจิทัลสู่การพิมพ์ลงบน วัสดุที�แตกต่างชนิดกัน เพื�อทดสอบผลของการแสดงภาพบนกระดาษที�มีความ มันเงา ความด้าน ผิวเรียบ ผิวหยาบ และมีผิวสัมผัสที�แตกต่างกัน รวมทั�งการ พิมพ์สีขาวบนกระดาษขาว สีดำบนกระดาษดำเทา เพื�อแสดงออกถ่งคุณสมบัติ พิเศษของการพิมพ์เทคนิคซิลค์สกรีน จากการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� นักออกแบบได้พัฒนาองค์ความรู้ทั�งในเรื�องการ พิมพ์ภาพถ่ายด้วยเทคนิคซิลค์สกรีน การใช้วัสดุหลากหลายเพื�อการพิมพ์ซิลค์สกรีน และการใช้การเปรียบเปรยเพื�อสื�อสารความหมายของภาพ และกระบวนการ ผลิตผลงานศิลปะ ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�จ่งเป็นผลลัพท์การเรียนรู้ และเป็นส่วน หน่�งในการส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคซิลค์สกรีนในการสร้างสรรค์ งานกราฟิกดีไซน์ ให้แพร่หลายในกลุ่มนักออกแบบและผู้สนใจทั�วไป เพื�อการ ช่วยอนุรักษ์ในการใช้เทคนิคนี�ให้ยังคงเป็นที�รู้จักและสืบทอดต่อไป
120 | FACULTY Gravity of Love ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมพ์จิต ตปนียะ | สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ | [email protected] 60 x 100 ซม. | mixed media & installation comprising fabric, embroidery, acrylic paint on fabric, canvas ที�มา ความสำคัญ และวัตถุประสงค์ : ผู้ออกแบบทำงานสร้างสรรค์เกี�ยวกับการ ออกแบบภาพประกอบสำหรับหนังสือ และมีผลงานสร้างสรรค์ที�มีเนื�อหาเกี�ยวข้อง กับพฤติกรรมความรักและความสัมพันธ์ของมนุษย์ เช่น นิทรรศการ My true Love ที�แม่เฝ้าสังเกตอารมณ์ความรู้ส่กของลูกและนำเสนอผลงานออกมาเป็นภาพวาด ใบหน้าที�แสดงอารมณ์ทางดวงตา หรือ Addicted True Love (Accessories) ที�ออกแบบกระเป๋า รองเท้า สร้อยคอ โดยใช้พฤติกรรมความรักที�แสดงออกถ่ง ความหวงแหนคนรักมานำเสนอ ในงานออกแบบผลงานชุด Gravity of Love ผู้ ออกแบบยังคงให้สำคัญและความสนใจในเนื�อหาเกี�ยวกับความสัมพันธ์ของ มนุษย์เช่นเดิม แต่มีเนื�อหาเกี�ยวกับความใคร่หลง (Passion) หรือความเสน่หา เป็นแรงขับภายใน เรียกว่าแรงด่งดูดทางเพศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื�อนำเสนอ มุมมองของนักออกแบบภาพกับผู้ชมผลงาน และการใช้สื�อที�เกิดจากการผสม ผสานของการออกแบบคาแรกเตอร์กับภาพประกอบมารวมกัน แนวความคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ : ผลงานออกแบบ Gravity of Love เป็นการนำเนื�อหาเกี�ยวกับสัญชาตญาณ แรงด่งดูด ความหลงใหล หรือการ ตกหลุมรักแบบไม่เพียงพอ ซ่�งเป็นเรื�องที�คุ้นเคยที�อยู่คู่ไปกับการใช้ชีวิตในสังคม อันจะเห็นได้จากเนื�อหาในเพลง ละคร และข่าว มาสื�อสารออกเป็นงานภาพติด ผนังที�ใช้การออกแบบตุ�กตาผ้าแทนคน และมีการแสดงออกทางอารมณ์ผ่าน ดวงตา องค์ประกอบของภาพเมื�อนำตัวละครแต่ละตัวมาเกี�ยวรัดกัน ภาพจะแสดง ออกถ่งความอ่ดอัด ไม่สบาย ซ่�งเป็นการสื�อสารตามความรู้ส่กของผู้ออกแบบ เกี�ยวกับความรักกับความสัมพันธ์ที�ไม่ลงตัวและไม่สมใจ สรุปอภิปรายผลของการสร้างสรรค์ ประโยชน์หรือองค์ความรู้ที�เกิดข่�น : ผลงาน ออกแบบ Gravity of Love เป็นงานทัศนศิลป์ ที�สะท้อนมุมมองของผู้ออกแบบ ภาพเกี�ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ในแง่มุมหน่�ง ผ่านการหาความเป็นไปได้ จากการนำการออกแบบคาแรกเตอร์การเย็บปักตุ�กตาผ้า และการออกแบบ ภาพประกอบมารวมกัน เพื�อสื�อสารเรื�องราวที�เข้มข้นให้ทุกกลุ่มเป้าหมายเข้าถ่ง ได้ง่าย
FACULTY | 121 Bio-Process: “organize, growth, adapt, reproduce” ดร.ภัทรวุฒิ ทรัพย์เย็น | สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ | [email protected] 40 x 60 ซม. | Digital Print ไบโอโพรเซส คือภาพพื�นผิวนามธรรม (Abstract Texture) ที�สร้างข่�นโดยได้รับ แรงบันดาลใจจากกระบวนการทางชีววิทยา (Biological Processes) ที�มีความ ซับซ้อนและความงามในกระบวนการที�เกิดข่�น เช่น การจัดการโครงสร้าง (Organization) การเจริญเติบโต (Growth) การปรับตัว (Adaptation) การ สร้างข่�นใหม่ (Reproduction) การปฏิสัมพันธ์กันระหว่างสิ�งมีชีวิต (The Interaction between Organisms) การตอบสนอง (Responsivity) และอื�นๆ งานสร้างสรรค์ชุดนี�มีวัตถุประสงค์เพื�อศ่กษากระบวนการสร้างภาพพื�นผิวด้วย คอมพิวเตอร์ทั�งในด้านเทคนิคและวิธีการสร้างสรรค์ เพื�อค้นคว้าวิธีและกระบวนการ ออกแบบที�สามารถสร้างภาพกระบวนการทางชีววิทยาข่�นมาใหม่ โดยกระบวนการ ในงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�แบ่งออกเป็น 5 ขั�นตอน ดังต่อไปนี� 1) หาแรงบันดาลใจ จากภาพรวมในทฤษฎีเกี�ยวกับกระบวนการทางชีววิทยาว่าสามารถแบ่งออกเป็น กี�ประเภท และแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร จากนั�นจ่งรวบรวมภาพ จากกล้องจุลทรรศน์จากอินเทอร์เน็ต และจากเว็บไซต์โอเพนซอร์ซเพื�อคัดเลือก ภาพที�เป็นแรงบันดาลใจที�น่าสนใจ 2) ตั�งคำถามและโจทย์การออกแบบว่าจะ สามารถสร้างภาพที�แสดงกระบวนทางชีววิทยาประเภทต่าง ๆ ได้อย่างไร 3) ค้นคว้าวิธี กระบวนการสร้างภาพทางชีววิทยาข่�นมาใหม่ โดยปัญญาประดิษฐ์ รวมถ่งเทคนิคและการสร้างภาพของกระบวนการทางชีววิทยา 4) รวบรวม ข้อมูลภาพที�มีความคล้ายคล่งกระบวนการทางชีววิทยา เช่น ภาพจุลทรรศน์ การเจริญเติบโตทางชีววิทยา ภาพจุลทรรศน์การปรับตัวทางชีววิทยา หรือ ภาพนามธรรมที�มีความคล้ายคล่งกับการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างสิ�งมีชีวิต เพื�อ สร้างฐานข้อมูลสำหรับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างภาพข่�นมาใหม่ จากนั�น จ่งใช้คอมพิวเตอร์โมเดลที�สามารถเรียนรู้และจำแนกวัตถุได้ด้วยตนเองในการ สร้างภาพข่�นมาใหม่ 5) คัดเลือกภาพที�ถูกสร้างข่�นใหม่โดยคอมพิวเตอร์มาท ดลองสร้างเป็นภาพพื�นผิว (Texture) ทั�งนี�ภาพพื�นผิวที�สร้างข่�นสามารถนำไปใช้ในการสร้างภาพพื�นผิวสำหรับงาน ออกแบบลวดลายกราฟิก (Graphic Pattern Design) งานวิดีโอ (Video) งาน ภาพเคลื�อนไหว (Motion Graphic) งานออกแบบสามมิติ (3D Design) หรือ โสตทัศน (Audio Visual) ได้
122 | FACULTY ภูมิ: บทกวีมีชีวิต 1/2565 ดร.สุ ริยะ ฉายะเจริญ | สาขาวิชาการจัดการศิลปกรรม คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุ รี | [email protected] 40 x 50 ซม. | สีอะคริ ลิกกับปากกาเคมีเชื�อน�ำมันบนผ้าใบ ผลงานจิตรกรรมชื�อ ภู มิ: บทกวี มี ชีวิต 1/2565 มีแรงบันดาลใจจากการศ่กษา รูปสัญญะของแผนที� จำลองแบบเสมือนจริงที�เป็นมุมมองจากด้านบนแบบตา นกมอง (Bird’s eye view) จากแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน การได้เห็นภาพมุ ม สูงของพื�นที� ต่างๆ จากเว็บไซต์และสื�อสังคม (social media) (ภาพถ่ายและ คลิปวิดีโอ) รวมถ่งภาพที� มองเห็นขณะที�อยู่บนพื�นที� สูงหรือบนเครื�องบิน ซ่�งรู ป สัญญะที� ปรากฏเป็นภาพตัวแทนของแผ่นดิน พื�นที� แม่น�ำลำคลอง ธรรมชาติ และเมือง โดยทุกพื�นที�ล้วนมีความสัมพันธ์ต่อมนุษย์และระบบนิเวศ หรือกล่าวได้ว่า ความแตกต่างของรูปสัญญะส่วนย่อยต่างๆ ล้วนเป็นต้นทางให้เกิดเป็น ภาพองค์รวมของพื�นที�ขนาดใหญ่ที� บูรณาการสหวิถีของสรรพสิ�งให้ดำเนินไปได้ อย่างพหุวิถี ผลงานสร้างสรรค์นี�จ่งมี วัตถุ ประสงค์ในการตีความ (interpret) ตาม แนวทางสัญวิทยา (Semiology) เพื�อแปรชุดข้อมูลของแผนที�ให้กลายเป็นจินตภาพ ใหม่ที� ประกอบสร้างเป็นภาพแทนเชิงนามธรรม (abstract) แนวความคิดสำคัญคือการสร้างงานจิตรกรรมนามธรรมที�เป็นเสมือนภาพแทนพหุลักษณ์ของปรากฏการณ์ที�เกิดข่�นบนผืนแผ่นดินด้วยสายตาจากมุมด้านบนที�มีความยุ่งเหยิง หลากหลาย และกฎระเบียบเชิงนิเวศที�ผสมผสานกันราวกับการเขียนกวีนิพนธ์ที�มีฉันทลักษณ์ที�เป็นสุนทรียภาพเชิงวรรณศิลป์และมีนัยความหมายใหม่ที�เกิดจากการตีความของกวี โดยงานจิตรกรรมดังกล่าวนี�มีกระบวนการสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบด้วยขั�นตอนก่อนสร้างสรรค์ (pre-production) ด้วย การค้นคว้าข้อมูล ขั�นตอนของการปฏิ บัติการสร้างสรรค์ จิตรกรรมอันเกิดจาก การตีความใหม่ (production) และขั�นตอนของการสังเคราะห์เป็นชุดคำอธิบายรวมถ่งการเผยแพร่ทั�งในบริบทของศิลปะร่วมสมัยและวิชาการด้านศิลปกรรม (post-production) ผลลัพธ์ คือการเกิดข่�นของจินตภาพใหม่ จากการตีความจากชุดความรู้และ ประสบการณ์ที�ผู้สร้างสรรค์ได้ศ่กษา ค้นคว้า สังเกต และทบทวน จนสร้างสรรค์ ข่�นเป็นงานจิตรกรรมนามธรรมที� มี นัยความหมายและสุนทรียภาพจากการมอง (aesthetics of seeing) ซ่�งสิ�งนี�เป็นองค์ความรู้ในด้านของการตีความและการประกอบสร้างงานจิตรกรรมนามธรรมแบบมีระบบทางความคิดที�บูรณาการกับ กระบวนการวิจัยแบบสหวิทยาการ โดยที�ผู้สร้างสรรค์เห็นว่าวิธีการตีความและประกอบสร้างเป็นวิธีการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ในบริบทวิชาการด้าน ศิลปกรรมที�สามารถยืนยันถ่งคุณภาพของผลงานและคุณค่าทางความคิดของนักสร้างสรรค์ให้สามารถดำรงไว้ทั�งศาสตร์และศิลป์ให้ทัดเทียมกับศาสตร์สาขา วิชาการที�หลากหลายในยุคปัจจุ บัน
FACULTY | 123 Mixed Blessing ดร.วิภูษณะ ศุภนคร | สาขาวิชาศิลปสัมพันธ์ ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | [email protected] 82 x 197 ซม. | Mixed Media (Painting, Weaving Process) ผลงานสร้างสรรค์ Mixed Blessing เป็นผลงานจากการวิจัยเรื�อง “แนวทางการ สร้างมูลค่าเพิ�มผ่านกระบวนการทางศิลปะจิตรกรรมนามธรรม กรณีศ่กษา: ผ้า ขาวม้า” มีจุดมุ่งหมายเพื�ออนุรักษ์และสืบสานผ้าทอของไทยโดยการพัฒนาต่อ ยอดให้ภูมิปัญญาดั�งเดิมของผ้าขาวม้ามีลักษณะร่วมสมัย ให้ผ้าขาวม้ามี บทบาทในชีวิตประจำวันมากข่�น ด้วยการถูกนำไปใช้ในมุมมองอื�นๆ โดยมิได้มุ่ง หมายเพื�อจะลบล้างศิลปวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาดั�งเดิมของไทยแต่อย่างใด หากแต่หวังที�จะพัฒนาหรือต่อยอดให้ภูมิปัญญาที�ดีงามของไทยปรับเปลี�ยนให้ เหมาะสมกับกาลเวลาและสอดคล้องกับการพัฒนานวัตกรรมเพื�อยกระดับ ศักยภาพของประเทศ โดยมุ่งเน้นการนำความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดสิ�งใหม่ที� มีมูลค่าเพิ�มทางเศรษฐกิจทั�งในเรื�องกระบวนการผลิตและรูปแบบผลิตภัณฑ์ ผู้วิจัยได้ทำการศ่กษาข้อมูลจากตำราที�เกี�ยวข้องกับการสร้างมูลค่าเพิ�ม ศิลปะ จิตรกรรมนามธรรมและเนื�อหาที�เกี�ยวข้องกับผ้าขาวม้าเพื�อนำองค์ความรู้ที�ได้มา พัฒนาต่อยอดให้ผ้าขาวม้าร่วมสมัยยิ�งข่�นด้วยการจัดองค์ประกอบทางศิลปะ หลักการใช้สีและวัสดุ ตลอดจนกลวิธีในการระบาย และนำผลการวิจัยมาพัฒนา เพิ�มมูลค่าให้ผ้าขาวม้าด้วยการวาดภาพจิตรกรรมนามธรรม (Abstract Expressionism) บนเส้นด้ายฝ้ายทั�งด้ายพุ่ง (Weft) และด้ายยืน (Warp) ก่อนจะถูก ทอมาเป็นผืนผ้า ซ่�งในการวิจัยครั�งนี�ผู้ทอคือนางสมศรี ศรีกุล ช่างทอผ้าขาวม้า บ้านสุขสำราญ ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว สรุปได้ว่างานสร้างสรรค์ Mixed Blessing สามารถพัฒนาผ้าขาวม้าให้มีลักษณะ โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและร่วมสมัยได้ ทั�งยังเพิ�มโอกาสในการสร้าง มูลค่าเพิ�มให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ เพิ�มโอกาสในการขยายตลาด ก่อให้เกิด องค์ความรู้ต่อสังคมและชุมชนที�สามารถนำองค์ความรู้เป็นแนวทางในการ พัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ของชุมชนตนเอง และเป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ และพาณิชย์ที�ชุมชนสามารถใช้ข้อได้เปรียบทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้อง ถิ�นอย่างเป็นประโยชน์ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื�อขยายโอกาสทางการขาย ซ่�งก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจและลดความเหลื�อมล�ำได้
124 | FACULTY Overlaying Matter งานมัณฑนศิลป์ในพิธีกรรมตั้งธรรมหลวงเทศน์มหาชาติ ล้านนา ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.วรนันท์ โสวรรณี | สาขาวิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | [email protected] 0.90 x 1.20 x 2.40 ม. (ปรับเปลี�ยนขนาดได้ตามพื�นที�) | ภาพถ่ายและการจัดวาง ตั�งธรรมหลวง คือ พิ ธีเทศน์ มหาชาติของล้านนา เป็นงานเทศน์ใหญ่ที�จัดข่�นเป็น การเฉพาะในวันพระแรกหลังออกพรรษา และจัดติดต่อกัน 2-3 วัน ไม่ มีการ หยุดพัก เพื�อสร้างบรรยากาศและอารมณ์ของผู้ร่วมพิ ธี ให้รู้ส่กเสมือนเข้าไปร่วม อยู่ในเหตุการณ์การบำเพ็ญทานบารมีของมหาเวสสันดร ในพิ ธีกรรมตั�งธรรมหลวง จ่งมีการตกแต่งด้ วยงานมัณฑนศิลป์มากมาย มากจนอาจกลายเป็นสิ�งบดบัง สารัตถะธรรมของพิ ธีกรรมเสียเอง งานสร้างสรรค์นี�จ่งมี วัตถุ ประสงค์ เพื�อนำผล จากงานวิจัยมาสื�อความหมายในรู ปแบบใหม่ เพื�อเผยแพร่งานมัณฑนศิลป์ใน พิ ธีกรรมตั�งธรรมหลวง และกระตุ้นให้เกิดการตั�งคำถามถ่งสาระและเป้าประสงค์ที�แท้จริงของงานมัณฑนศิลป์กับพิธีกรรมทางศาสนา ผลงานสร้างสรรค์นี�ใช้แนวความคิด “Overlaying Matter” ภาพถ่ายบรรยากาศพิธีกรรมตั�งธรรมหลวง แสดงการซ้อนทับ บดบังกันเป็นชั�นๆ จนมองไม่เห็นพระประธานด้านบน ฉากหลังและพื�นเป็นภาพลายเส้นงานมัณฑนศิลป์ในพิธีกรรมตั�งธรรมหลวง ดอกไม้ กระดาษฉลุ ตุง โคม ประทีป ฯลฯ ที�ออกแบบใหม่ให้มีลักษณะร่วมสมัย ติดตั�งโดยการแขวน ให้ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วม เพื�อกระตุ้นให้เกิดความสงสัยว่า “สิ�งนี�คืออะไร” “มีไว้ทำอะไร” “มีเพื�ออะไร” “ใช้งานอย่างไร” ฯประโยชน์และองค์ความรู้จากงานสร้างสรรค์ 1) การตั�งคำถามและได้รับคำตอบจากการมีส่วนร่วมกับงาน เป็นประโยชน์ในการเผยแพร่งานมัณฑนศิลป์ในพิธีกรรมตั�งธรรมหลวง ให้เป็นที�รู้จักในกลุ่มนักวิชาการสาขาศิลปะและการออกแบบและผู้ชมงานนอกพื�นที�วัฒนธรรมล้านนา 2) เกิดการตั�งคำถามถ่งสาระและเป้าประสงค์ ที�แท้จริงของงานมัณฑนศิลป์กับพิ ธีกรรมทางศาสนา 3) ความรู้เรื�องวิธีการสื�อ ความหมายมรดกวั ฒนธรรมให้ มีความร่วมสมัย การพั ฒนางานออกแบบจาก วัฒนธรรมดั�งเดิ ม นำงานวิจัยวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรม มาสังเคราะห์ ตีความ แสดงออกผ่านผลงานศิลปะการจัดวาง จากประสบการณ์การทำงานวิชาการในพื�นที�จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า วัฒนธรรมล้านนาเป็นมรดกวัฒนธรรมที�ผู้เป็นเจ้าของหวงแหนและรักษาให้คงสภาพไว้เป็นอย่างดีการศ่กษาและตีความวัฒนธรรมล้านนาในมุมมองที�แตกต่างจากเดิมเป็นการท้าทายต่อความรู้และวงวิชาการด้านการศ่กษาวัฒนธรรมล้านนา สิ�งที�คาดว่าจะเกิดข่�นภายหลังจากการแสดงผลงาน คือ การวิพากษ์วิจารณ์ ทั�ง ในระดับบุคคล ตัวผลงานและความคิด ซ่�งจะเป็นประโยชน์ ต่อการศ่กษาและการ จัดการมรดกวั ฒนธรรมให้ มีความเป็นปัจจุ บัน ผลงานสร้างสรรค์นี�เป็นเพียง ความคิดของ “คนนอก” ที�นำเรื�องราวทางวัฒนธรรมมาสื�อความหมายใหม่ โดย ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต้นสังกัด และหอ ศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มิ จําเป็นต้อง เห็นด้ วย
FACULTY | 125 สัปปายะ : พื้นที่ที่ยังคงเหลืออยู่ ชิ้นที่ 7 และ 8 Sappaya : The remained area Vol. 7,8 ดร.วรรณุฉัตร ลิขิตมานนท์ | สาขาวิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | [email protected] 120 x 60 ซม. | จำนวน 2 ชิ�น (เรียงต่อกัน) | สื�อผสม (Mixed media) ภาพถ่ายบนแผ่นอะคริลิกใส บันท่กรายงานการขุดค้นทางโบราณวัตถุสถานบริเวณแม่น�ำปิง ของนายกฤษณ์ อินทโกศัย เมื�อครั�งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมศิลปากรช่วงราวปี พ.ศ. 2502 ถ่ง 2503 การเริ�มขุดค้นสำรวจพื�นที�ในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปี พ.ศ. 2503 เป็นที�แรกนั�น สำรวจพบโบราณสถานประมาณ 30 แห่ง ล้วนแล้วแต่ เป็นวัดร้างแทบทั�งสิ�น มีเพียงแห่งเดียวที�ปรากฏว่ามีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา (กรม ศิลปากร, 2503 : 9-13)1 การขุดค้นของคณะสำรวจได้แสดงให้เห็นอารยธรรมและความรุ่งเรืองที�เกิดข่�น ในดินแดนแห่งนี�เมื�อครั�งอดีต พื�นที�ที�เต็มไปด้วยโบราณสถานเพื�อประกอบกิจกรรม ด้านศาสนาที�เปี�ยมไปด้วยความศรัทธาอย่างเข้มแข็ง แสดงบริบทและความสัมพันธ์ ระหว่างพื�นที�กับผู้อยู่อาศัย อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ จ่งเป็นแหล่งอารยธรรม และเป็นประเด็นตั�งต้นที�ผู้สร้างสรรค์สนใจ นำมาซ่�งแรงปรารถนาที�จะค้นคว้า เนื�อหาสาระในด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพของพื�นที�ในอดีตและปัจจุบัน เพื�อ นำไปสู่กระบวนการคิดริเริ�มในการสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะร่วมสมัย วัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ 1) เพื�อสังเคราะห์เนื�อหาสาระทางประวัติศาสตร์ ที�เกี�ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพในพื�นที�โบราณสถาน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ สู่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแบบร่วมสมัย 2) เพื�อสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะแบบสื�อผสมที�จะเป็นแนวทางการสร้างภาพอุดมณ์คติภายใต้ความ หมายของคำว่า สัปปายะ : พื�นที�ที�ยังคงเหลืออยู่ 3) เพื�อสร้างสรรค์ศิลปะแบบ ร่วมสมัยที�มุ่งเน้นให้เกิดประสบการณ์ที�แตกต่างจากการสังเคราะห์เนื�อหาด้าน ประวัติศาสตร์ที�เกี�ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพในพื�นที�โบราณสถาน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ สู่การเป็นภาพแทนในอุดมคติทางศิลปะ การสร้างภาพอุดมคติภายใต้ความหมายของคำว่า “สัปปายะ” อธิบายถ่งพื�นที� ทางกายภาพ ซ่�งครั�งหน่�งเคยเป็นพื�นที�ทางความเชื�อ คติ ปรัชญาทางพุทธศาสนา ที�จะนำไปสู่ความหวังอันเป็นที�สุดของชีวิต ผลงานสร้างสรรค์ศิลปะผ่านกระบวนการนำเสนอแบบสื�อผสมภายใต้ชื�อผลงาน สัปปายะ : พื�นที�ที�ยังคงเหลืออยู่ ชิ�น 7 และ 8 (Sappaya : The remained area Vol 7, 8) มุ่งเน้นนำเสนอการสังเคราะห์ประเด็นศ่กษาด้านประวัติศาสตร์ ที�เกี�ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพในเขตพื�นที�โบราณสถาน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซ่�งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที�สำคัญ ซ่�งพื�นที�ดังกล่าวนี� ครั�งหน่�งเคยเป็นมหานครที�รุ่งเรือง ปรากฏร่องรอยทางประวัติศาสตร์อยู่เป็นจำนวนมาก ทั�งหมดจ่งเป็นเนื�อหาสาระที�ได้นำมาปรับเข้าสู่ผลงานสร้างสรรค์ในชุดนี� 1 กรมศิลปากร. (2503). สมบัติศิลปจากบริเวณเขื�อนภูมิพล. กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ
126 | FACULTY ความโกรธเกรี้ยวของท้าวเวสสุวรรณ The Angry of Lord Wessuwan ดร.นภ คงดี | สาขาวิชาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ วิทยาลัยศิลปะ สื�อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | [email protected] 4500 x 5000 Pixel 120 DPI Digital: JPG | 3D Digital image mixed media ผลงานความโกรธเกรี�ยวของท้าวเวสสุวรรณชิ�นนี�เกิดจากจินตนาการของศิลปิน หรือมโนทัศน์แรกที�มีคำสำคัญเบื�องต้น (Keywords) อันกล่าวถ่งท้าวเวสสุวรรณ ในรูปกายยักษ์ที�มองมาที�ตัวเราด้วยอาการโกรธโดยมีเครื�องทรงสีทองที�ไม่ สมบูรณ์ในวรรณะของสีโทนเย็นอันสื�อถ่ง “ความโกรธที�เยือกเย็น” ผสมผสาน กับการไต่สวนและพิพากษา ดังนั�นภาพนี�จ่งกล่าวได้ว่าเกิดจากการนำความรู้ส่กมาปะติดปะต่อกันเป็นตัวนำ ผนวกกับเทคนิคดิจิทัลในรูปแบบภาพคน (Portrait Photography) ซ่�งองค์ประกอบบางอย่างจ่งไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่า อาทิ การ ออกแบบให้มีสี�เขี�ยว เป็นต้น อน่�งจ่งมีการพบข้อมูลในภายหลังว่าท้าวเวสสุวรรณ ในเขตตำบลสี�เขี�ยวมีอยู่จริงตามภาพ แนวความคิดในการสร้างสรรค์ของผลงานชิ�นนี�ได้เป็นการสร้างภาพที�มาจากคติ พุทธในชั�นของเทพจาตุมหาราชิกที�มีท้าวเวสสุวรรณเป็นหน่�งใน 4 จตุรเทพทั�ง เป็นที�นับถือของคนไทยส่วนใหญ่แรงบันดาลใจของภาพนี�จ่งเกิดจากความเชื�อ เป็นต้นแรกผสมกับเทคนิคแนวทางศิลปะเฉพาะตัวคือการสร้างสรรค์ผลงานสาม มิติ (Digital Sculptural) ในแบบสมจริง (Realistic) ที�เป็นทางเลือกที�จะช่วยให้ เกิดพลังของตัวองค์ท้าวเวสสุวรรณมากกว่าในแบบอื�นๆ การออกแบบเครื�องทรง ที�ไม่สมบูรณ์ที�ดูเหมือนเกิดจากการต่อสู้จากสงคราม สนามรบ รวมถ่งพื�นผิวที� ออกแบบมาให้มีบาดแผลเล็กน้อยนั�นเป็นการสะท้อนให้ความโกรธของตัวละคร ทวีคูณสูงข่�น การออกแบบดวงตาสีขาวเป็นการชักชวนให้คนดูค้นหาข้อความ (Message) ของอารมณ์ภาพแบบปลายเปิดล้วนเป็นแนวคิดที�แฝงมาทั�งสิ�น การสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�เป็นการใช้เนื�อหาทางด้านความเชื�อ คติ ผสมกับศิลปะ ร่วมสมัยเป็นหลักจ่งอาจจะมีกลุ่มเป้าหมายที�เฉพาะและแคบกว่าศิลปะร่วมสมัย ในเนื�อหาอื�น แต่จากการนำเสนอผ่านโลกเสมือนดิจิทัล (Metaverse) พบว่า ตัวละครท้าวเวสสุวรรณนั�นมีพลังแห่งความศรัทธาในวงกว้างโดยภาพที�สร้างข่�น มานั�นมิได้ทำให้เกิดความกลัว แต่ทำให้เกิดสุนทรียภาพของศิลปะที�มีความ แตกต่างตามปัจเจกบุคคลและความงามในอีกรูปแบบหน่�งผ่านองค์ประกอบศิลป์ โดยมีจุดเริ�มมาจากมโนทัศน์นั�นเอง
FACULTY | 127 ความประทับใจต่อทัศนียภาพ ทุ่งนาบ้านวังเบน ณัฐศักดิ� พลศรี | สาขาวิชามีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี | [email protected] 90 x 120 ซม. | จิตรกรรม ทุ่งนาบ้านวังเบน อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ดินแดนที�ถูกโอบล้อมไปด้วยหุบเขา ความเขียวขจีของต้นไม้แสงและสีของธรรมชาติที�มีชีวิตชีวา และรายรอบด้วยทุ่ง นาสุดลูกหูลูกตา อากาศที�เย็นสบายมองไปทางไหนก็สดชื�นและวิถีชีวิตความเป็น อยู่มิตรไมตรีของชาวบ้าน ทำให้ข้าพเจ้ามีความรู้ส่กประทับใจอย่างมาก ความ ประทับใจในทัศนียภาพบรรยากาศดังกล่าว สร้างแรงบันดาลใจเป็นพลังที�ทำให้เราสร้างสรรค์งาน วัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ผลงานเพื�อแสดงความงามลักษณะของธรรมชาติ ที�ตามองเห็น สร้างสรรค์ถ่ายทอดความประทับใจผ่านการสร้างสรรค์เป็นผลงาน ศิลปะในรูปแบบอิมเพรสชั�นนิสม์ (Impressionism) โดยผสมผสานความเป็นตัวตน ผู้สร้างสรรค์ต้องการแสดงความงาม ความประทับใจของธรรมชาติและสิ�งแวดล้อมบรรยากาศในขณะนั�น เช่น ท้องนา ภูเขา ที�อยู่อาศัย ทุ่งหญ้า ป่า ต้นไม้ การ ตวัดพู่กันแบบเป็นเส้นสั�นๆ และจุดหรือแต้มสี ประกอบกันเป็นรูปร่างรูปทรง สร้างให้เกิดมิติของสีซ่�งไม่ได้ผสมหรือแยกเป็นสีใดสีหน่�ง ทำให้ได้ภาพที�เกิดข่�น ตามธรรมชาติและมีชีวิตชีวา เน้นไปยังมุมมองแบบภาพรวม ในรูปแบบอิมเพรส ชั�นนิสม์ (Impressionism) ในรูปแบบเฉพาะตน บรรยากาศทุ่งนาบ้านวังเบน ข้าพเจ้าสัมผัสผ่านการรับรู้ ในช่วงเวลานั�น ข้าพเจ้า ต้องการเก็บบรรยากาศจากความทรงจำและประทับใจดังกล่าว รวมทั�งอารมณ์ ความรู้ส่ก และจินตนาการ นำแรงบันดาลใจมาวิเคราะห์แยกแยะจนเกิดเป็นภาพ จุดของ แสงและสีต่างๆ ที�ตอบสนองต่ออารมณ์ ในขณะนั�นเพื�อสร้างบรรยากาศ ภายในภาพ ชื�อผลงาน “ความประทับใจต่อทัศนียภาพ ทุ่งนาบ้านวังเบน” โดย อาศัยประสบการณ์และเทคนิคการวาดถ่ายทอดผ่านการตวัดพู่กันการจุดหรือ แต้มสี นำมาสร้างภาพ เพื�อสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบเฉาพะตน
128 | FACULTY สภาวะอารมณ์ความทุกข์ของจิตใต้ สํานึกของข้าพเจ้า มานัส แก้ วโยธา | สาขาวิชามีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุ รี | [email protected] 310 x 240 ซม. | จิตรกรรมผสม การดำเนินชีวิตในสังคมเมืองปั จุ บันช่�งอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และเงื�อนไขต่าง ๆ ทำให้เรามีแนวโน้มที� จะปฎิเสธตัวตนของตัวเองมากข่�นเรื�อยๆ ข้อบกพร่องไม่ สมบูรณ์ เต็ มไปด้ วยความรู้ส่กคิดลบในเหตุการณ์ปัจจุ บันเกิดสภาวะอารมณ์ ความทุกข์ในจิตของตัวเองอย่างมาก สภาวะอารมณ์ความทุกข์ของจิตใต้สำน่กเพราะสภาวะความรู้ส่กในทางลบเหล่า นี�ไม่ได้ ถูกกำจัดไปอย่างแท้จริง แต่กลับถูกเก็บกดและสะสมไว้ในจิตใต้สำน่ก โดยไม่รู้ตัวช่ วยในการกระตุ้นให้เกิดจินตนาการ สภาวะความทุกข์ของจิตใต้สำน่ก สภาวะนี�นำมาเป็นเนื�อหาสาระหลักในผลงานชุดนี� เพื�อสะท้อนประสบการณ์สภาวะสังคมของข้าพเจ้าจากจิตใต้สำน่กความทุกข์ และอารมณ์ความรู้ส่กที� มีผลต่อมุมมองในจิตใจ สะท้อนความรู้ส่กภายในและ ภายนอกของความรู้ส่กส่ วนตัว เพื�อนำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ จิตรกรรม นามธรรม โดยการเผยแพร่ให้สาธารณชนได้ สัมผัส รับรู้ถ่งคุณค่าทางสุนทรียภาพ ทางด้านทัศนศิลป์ สภาวะอารมณ์ความทุกข์ของจิตใต้สำน่กของข้าพเจ้าจิตรกรรมนามธรรมสามารถสร้างสรรค์แสดงออกถ่งสภาวะอารมณ์ความทุกข์ ของจิตใต้สำน่ก ในสภาวะหน่�งของจิตใจที� มี ลักษณะเป็นนามธรรม อารมณ์ความ รู้ส่กภายในจิตใจที�เกิดจากสภาพของสังคม จนสามารถสร้างแรงกระตุ้นในจิตใจ ทำให้ความรู้ส่กทุกข์เกิดจินตนาการของจิตใจล่กๆ การนำเสนอสภาวะอารมณ์ความทุกข์ของจิตใต้สำน่ก เพื�อกระตุ้นให้เกิดจินตนาการและความรู้ส่กถ่งวิถีความรู้ส่กภายในภายนอก กระบวนการการสร้างสรรค์ ได้ ค้นคว้า ศ่กษา ทดลองเทคนิคของการหยอดสี เทสี ราดสี โดยสีอะคริ ลิกกับดินสอพอง ตามการทดลอง กลวิธีของปฎิ กิ ริยาทางเทคนิค เพื�อให้สื�อทั�งด้านความหมายของเนื�อหาเรื�องราวแสดงออกถ่งสภาวะอารมณ์ความทุกข์ของจิตใต้สำน่ก ก่อเกิดรูปร่างรูปทรงอิสระของจิตใต้สำน่ก ตามหลัก การทางทัศนธาตุและองค์ประกอบศิลป์ น�ำหนักสี พื�นผิ ว แทนความรู้ส่กทางด้าน อารมณ์ รูปร่างรู ปทรงแทนความทุกข์ของจิตต่างๆ ตามแนวทางทดลอง อารมณ์สภาวะจิตใต้สำน่กความรู้ส่กที� ข้าพเจ้าสัมผัสสภาวะเหล่านั�น การใช้หลัก การจัดองค์ประกอบศิลป์สื�อเป็นภาษาภาพที� จะแสดงออกให้เห็นความจริงเหล่านั�น จากจิตใต้สำน่กกลายเป็นนามธรรมใหม่ โดยลดทอนความเหมือนจริงแต่สร้างรูปร่างรูปทรงและประสานสัมพันธ์กันอย่างลงตัว เกิดความสมบูรณ์อย่างเหมาะสมจิตรกรรมนามธรรม ชื�อผลงาน “สภาวะอารมณ์ความทุกข์ของจิตใต้สำน่ก” นี�ได้สรุปกระบวนการทำงานและความคิดให้สอดคล้องกับเนื�อหามีจุดเชื�อมโยงกัน กลายเป็นรู ปแบบนามธรรมที�แสดงบุคลิกอุปนิ สัย และตัวตนที� มี ลักษณะเฉพาะตน เอกสารประกอบด้ วย ข้อมูลความคิด กระบวนการวิเคราะห์ปัญหาและพัฒนา ผลงาน เพื�อให้ตรงตามจุดมุ่งหมายและเป็นประโยชน์แก่ผู้ศ่กษาค้นคว้าและตัวตน ของข้าพเจ้า
FACULTY | 129 Martin Life ดร.กิตติธัช ศรีฟ้า | สาขาวิชาการออกแบบสื�อดิจิทัล คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ | [email protected] 120 x 80 ซม. | Fine Art of Underwater Photographs สิ�งมีชีวิตใต้ทะเล มิใช่สิ�งที�สามารถพบเห็นกันได้เป็นปกติวิสัย เพราะมนุษย์ไม่ สามารถหายใจใต้ผิวน�ำได้ด้วยตนเอง ดังนั�นปุถุชนเช่นเราจ่งได้แต่จินตนาการถ่ง ซ่�งเราไม่เคยทราบเลยว่าสิ�งมีชีวิตเหล่านั�นอาศัยและใช้ชีวิตกันเช่นไร การเฝ้าดู สิ�งมีชีวิตใต้ทะเลนั�น เราจะเห็นเส้นสายที�มีความเป็นธรรมชาติ การเคลื�อนไหว อย่างนิ�มนวลและคล่องแคล่ว สิ�งเหล่านั�นทำให้เรามองเห็นชีวิต โดยผลงานชิ�นนี�มีวัตถุประสงค์ที�จะนำเสนอมุมมองในเชิงศิลปะ ผ่านผลงานการถ่ายภาพเชิง วิจิตรศิลป์ใต้นํ�า เพื�อแสดงถ่งความงามของสิ�งมีชีวิตใต้ทะเล แนวความคิด สัตว์ทะเลเป็นส่วนหน่�งของระบบนิเวศ มนุษย์เรารู้จักดวงจันทร์ มากกว่าใต้ท้องทะเล ซ่�งโลกของเรามีน�ำมากกว่าแผ่นดิน การเรียนรู้สิ�งมีชีวิตใต้ ท้องทะเลก็เป็นส่วนหน่�งของการเรียนรู้โลก และเรียนรู้เรา การเรียนรู้ทั�งหลาย มิใช่เพียงการเรียนรู้ในทางวิทยาศาสตร์หรือชีววิทยาเท่านั�น หากแต่มนุษย์ก็ ควรเรียนรู้ในมุมของสุนทรียะด้วย ผลงานชิ�นนี�จ่งมุ่งนำเสนอ “ภาพถ่ายใต้น�ำเชิง วิจิตรศิลป์” เพื�อถ่ายทอดความงามใต้ทะเลในมุมมองเชิงศิลปะ มุ่งในการใช้แสง เงาเป็นหลัก เพื�อถ่ายทอดลวดลายความงดงามที�เกิดข่�นจากการแหวกว่ายใต้ ผืนน�ำของ “เต่าตนุ” โดยกระบวนการสร้างสรรค์ ผู้สร้างงานถ่ายภาพนี�ที� แหล่ง เรือจมสุทธาทิพย์ จังหวัดชลบุรี โดยเรือลำนี�จมมาแล้ว 88 ปี ในซากอันผุพังนี�มี สิ�งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมาย ซ่�งตัวข้าพเจ้าเองได้พบเจอเต่าตนุตัวนี�กำลังแหวก ว่ายอยู่ การจะเข้าไปถ่ายได้นั�นข้าพเจ้าเองต้องทำตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ขยับตัวอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกันต้องมองทิศทางของแสงที�จะตกกระทบ เนื�องจากการถ่ายภาพใต้น�ำจะมีน�ำเป็นตัวกรองแสง จากนั�นเฝ้ารอจนเต่าตนุตัว นี�จะเข้ามาในตำแหน่งที�ต้องการและถ่ายภาพนี� ผลงานชิ�นนี�อาจเป็นแนวทางใหม่ในการนำเสนองานศิลปะในประเทศไทย โดยผู้ สร้างงานต้องการให้เกิดองค์ความรู้ด้าน “การถ่ายภาพเชิงวิจิตรศิลป์ใต้นํ�า” ปัญหาในการทำงานคือช่างภาพต้องมีความรู้ด้านการดำน�ำไม่เช่นนั�นจะเกิด อันตราย เรียนการดำน�ำเพิ�มเติม ทั�งนี�จากผลงานที�นำเสนอไปมีข้อเสนอแนะให้ มีการเปิดรับงานประเภทภาพถ่ายเชิงวิจิตรศิลป์ใต้นํ�า เป็นส่วนหน่�งของงานทาง ทัศนศิลป์
130 | FACULTY รูปทรง-โครงสร้าง-เบ่งบานธีรพงษ์ ศรีฮาด | สาขาวิชาศิลปกรรมและสื�อสร้างสรรค์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน | [email protected] 8 x 25 x 25 ซม. | เชื�อมโลหะกับดินเผาดิน คือวัสดุธรรมชาติที�เกิดข่�นจากการผุพังสลายตัวของหินและแร่ ตลอดจนการ สลายตัวของซากพืชและสัตว์ผสมคลุกเคล้ากัน โดยได้ รับอิทธิพลจากสภาพ แวดล้อม เช่น สภาพภู มิอากาศ สภาพพื�นที� และระยะเวลาในการพัฒนาที�แตก ต่างกัน เกิดเป็นดินหลากหลายชนิด ปกคลุมพื�นผิ วโลกอยู่เป็นชั�นบางๆ เป็นที�ย่ดเหนี�ยวและเจริญเติบโตของพืช รวมถ่งเป็นแหล่งน�ำและอาหารของสิ�งมีชีวิตอื�นๆ ที�อาศัยอยู่ในดินและบนดินดินด่านเกวียนเป็นดินเนื�อละเอียด เหนียว มีแร่เหล็กเจือปน มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง ข่�นรูปได้ดี และทนความร้อนสูงถ่ง 1,500 องศาเซลเซียส จ่งไม่บิดเบี�ยวหรือแตก คุณลักษณะพิเศษของดินด่านเกวียนจ่งเอื�อต่อการนำมาทำเครื�องปั�นดินเผา เครื�องปั�นดินเผาบ้านด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จ่งมีชื�อเสียงโด่งดังไปทั�วประเทศ งานสร้างสรรค์นี�มีวัตถุประสงค์ดังนี� 1) เพื�อสร้างสรรค์ผล งานประติ มากรรมร่วมสมัยจากดินด่านเกวียน 2) เพื�อสร้างองค์ความรู้กระบวนการ สร้างสรรค์ผลงานประติ มากรรมจากภู มิปัญญาอีสาน 3) เพื�อเผยแพร่ผลงาน ประติ มากรรมสร้างสรรค์ยกระดับสุนทรียภาพ แนวความคิด : วิถี ชีวิตแห่งภู มิปัญญาที� มี คุณค่าเปรียบเช่นดอกไม้ตามฤดูกาลรอ การกลับมาเบ่งบานอีกครั�งแสดงบทบาทการอยู่ร่วมกันของความเก่ากับใหม่อย่างเรียบง่าย ขั�นตอนการดำเนินงานมี ดังนี� 1) เก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารที�เกี�ยวข้อง ได้แก่ ทฤษฎีองค์ประกอบศิลป์ และผลงานประติ มากรรมที�เกี�ยวข้อง 2) สำรวจลักษณะทางกายภาพของสภาพแวดล้อม 3) นำข้อมูลจากการศ่กษามาวิเคราะห์เป็นแนว ทางในการสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับแนวคิด จินตนาการ ทัศนคติ และประสบการณ์ของผู้วิจัย 4) สร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบของงานประติมากรรมร่วมสมัยกับ พื�นที� ที� มีความสัมพันธ์ ชุ มชน 5) ร่างภาพสองมิ ติเพื�อออกแบบผลงาน 6) สร้าง งานจำลองประติ มากรรมต้นแบบขนาดเล็ก (Model) 7) สร้างโครงสร้างผลงาน ประติ มากรรมขนาดจริง 8) สร้างองค์ประกอบชิ�นงาน 9) ประกอบผลงาน ประติ มากรรม 6) ประเมินผล การสร้างสรรค์ผลงานประติ มากรรมร่วมสมัยโดยใช้ วัสดุพื�นถิ�นเป็นผลงาน ประติ มากรรมกับสภาพแวดล้อมในเชิงบวกเพื�อสร้างองค์ความรู้กระบวนการ สร้างสรรค์ผลงานประติ มากรรมจากภู มิปัญญาอีสานที� มีกระบวนการผสานวัสดุ และได้เผยแพร่ผลงานประติ มากรรมร่วมสมัย ยกระดับสุนทรียภาพทางสังคมให้ สงบสุขด้ วยผลงานสร้างสรรค์งานสร้างสรรค์นี�ได้บรรลุ วัตถุ ประสงค์ในการ ศ่กษาค้นคว้าทดลองและการสร้างสรรค์ผลงานประติ มากรรม สามารถพั ฒนา ต่อยอด รู ปแบบและแนวความคิดในการสร้างสรรค์ รวมทั�งได้ขยายผลต่อนักศ่กษา เป็นทางเลือกให้ นักศ่กษาศิลปะได้สร้างผลงานดินเผาพื�นบ้านผสมผสานกับวัสดุ สมัยใหม่ประยุกต์ใช้ กับผลงานศิลปะร่วมสมัยในปัจจุ บัน
FACULTY | 131 การสร้างสรรค์จิตรกรรมเทคนิคผสม : แรงบันดาลใจจากรูปทรงของมนุษย์และสัตว์ มาริษา เอี�ยมวงค์ | สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน | [email protected] 120 x 120 ซม. | สีโปสเตอร์และสีอะคริลิก มนุษย์กับสัตว์มีความสัมพันธ์กันมายาวนานโดยเฉพาะอย่างยิ�งมนุษย์กับแมวมี ความสัมพันธ์กันมายาวนานถ่ง 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์เห็นคุณค่า ของแมวว่าช่วยทำลายหนู ด้วยเหตุนี�แมวซ่�งเป็นสัตว์ที�มีประโยชน์มากจ่งถูกจัดว่าเป็นสัตว์ศักดิ�สิทธิ� สำหรับประเทศไทยตั�งแต่โบราณมา แมวไทยเป็นสัตว์ได้รับ เกียรติสูง เพราะได้เข้าร่วมพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร นอกจากนี�ยังมีพิธีแห่นาง เเมวเพื�อเป็นการขอฝน (ทองสุข เกตุโรจน์.2534. 47-51) แมวเป็นสัตว์ที�มีพลัง ล่กลับ โอ้อวด ไม่ติดเจ้าของ รักสันโดษ หวงแหนถิ�นที�อยู่ สำหรับข้าพเจ้าแมว เป็นสัตว์ที�มีรูปร่างหน้าตาน่ารักน่ากอด และมีจิตใจเหมือนคน แมวจ่งเปรียบ เสมือนสมาชิกในครอบครัว จากที�มาดังกล่าว ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรค์ผลงานชื�อ “ครอบครัว” ซ่�งเป็นหน่�งในผลงานวิจัยชุด จิตรกรรมเทคนิค ผสม : แรงบันดาลใจจากรูปทรงของมนุษย์และสัตว์ มีวัตถุประสงค์เพื�อนำองค์ ความรู้จากการศ่กษาทฤษฏีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับแมว มาสร้างสรรค์ เป็นผลงานจิตรกรรมรูปแบบก่�งเหมือนจริงเทคนิคผสมบนผ้าใบ แนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานคือ เป็นผลงานจิตรกรรมที�มีเนื�อหาแสดง ถ่งความรักความผูกพันของข้าพเจ้ากับแมวซ่�งเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์คือ ศ่กษาทฤษฏีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ แมวและทฤษฏีการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมก่�งเหมือนจริง สัมภาษณ์ สังเกต บุคลิกและบันท่กภาพแมวและสมาชิกในครอบครัว ทำภาพร่างและถ่ายทอดเป็น ผลงานโดยนำรูปทรงมนุษย์กับแมวมาผสมผสานกันเทคนิคในการสร้างสรรค์คือ การใช้สีโปสเตอร์และสีอะคริลิกระบายโดยใช้ฝีแปรงที�ทับซ้อนกัน จากการศ่กษาทฤษฏีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับแมว ได้องค์ความรู้ว่าแมว เป็นสัตว์หวงแหนถิ�นที�อยู่และรักครอบครัว จ่งได้หยิบยกมาเป็นแนวความคิดหลัก ในการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� จากการศ่กษาทฤษฏีการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ก่�งเหมือนจริง ซ่�งมีหลักการคือ การตัดทอนรูปทรงจากธรรมชาติและนำมาจัด องค์ประกอบ ก่อให้เกิดรูปทรงใหม่ระหว่างคนกับแมว รูปทรงสามารถแสดงถ่ง บุคลิกสมาชิกในครอบครัวและแมวได้ชัดเจน ในด้านเทคนิคผสมระหว่างสีโปสเตอร์ และสีอะคริลิก โดยใช้ฝีแปรงระบายทับซ้อนกันก่อให้เกิดความรู้ส่กนุ่มและอบอุ่น ของครอบครัวได้ผลตามวัตถุประสงค์ที�ตั�งไว้
132 | FACULTY Memories on Traces Civilization, Memories of the stones, Stories of the stones ผ้�ช่วยศาสตราจารย์ชยารัฐ จุลสุคนธ์ | สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมสร�างสรรค์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน | [email protected] 100 x 120 ซม. | Ink on canvas จากร่องรอยการสร�างปราสาทหินของอาณาจักรเขมรโบราณจะสร�างตัวปราสาทหันหน�าไปทางทิศตะวันออก ตัวปราสาทและประต้ทางเข�าจะหันหน�าหาแสงสว่าง ในทางกายภาพจะสอดคล�องกับความสะดวกในการสร�างปราสาท แต่ในทางคติความเช่�อมีนัยยะแฝงเร�นหร่อมีความหมาย ถึงความเจริญรุ่งเร่องของอารยธรรม การกำเนิดและความหวังของการดำรงอย้่ของอาณาจักรของชนชาติ ของประชาชน ชาวเขมรที�ไม่มีวันเส่�อมสลาย เปรียบเสม่อน “แสง” ของพระอาทิตย์ที�สาดส่องยามเช�าของทุกๆ วัน แสงแดดที�ส่องผ่านตัวปราสาททั�งภายในและภายนอกนี�ก่อให�เกิดความร้�สึกถึงความเจริญรุ่งเร่อง ภ้มิปัญญาที�ยิ�งใหญ่ของอาณาจักรเขมร อีกทั�งเม่�อแสงแดดตกกระทบบนรายละเอียดประติมากรรมน้นต�ำ น้นส้ง รวมทั�ง ภาพแกะสลักต่างๆ จะปรากฏ “ความงามจากแสง และเงาบนร่องรอยอารยธรรม” ในการสร�างสรรค์มีวัตถุประสงค์เพ่�อถ่ายทอดความงดงามจากน�ำหนักแสง-เงา ผ่านผลงานวาดเส�นด�วยหมึกดำบนผ�าใบสีทองที�สร�างสรรค์ขึ�นเพ่�อให�ผลงานได�ก่อเกิดอารมณ์ ความร้�สึกสะเท่อนใจจากร่องรอยของร้ปทรง ลวดลายและพ่�นผิวของประติมากรรมแกะสลักบนปราสาทหินของเขมรที�เส่�อมสลายในปัจจุบัน กระตุ�นเต่อน ให�ระลึกถึงความงดงามและความสำคัญของการอนุรักษ์ภ้มิปัญญา มรดกทางศิลปวัฒนธรรม “ยามเม่�อมีแสงสีทอง”สาดกระทบบนร่องรอยลวดลายประติมากรรมแกะสลักบนปราสาทหินของเขมร เราจะเห็นรายละเอียดแห่งความงดงามอันละเอียดอ่อน วิจิตรบรรจง อันหมายถึงความเจริญรุ่งเร่องทางสติปัญญาและภ้มิปัญญาแห่งอารยธรรม แต่ในทางตรงกันข�าม เม่�อแสงพาดผ่านเคล่�อนไป ความม่ดมิดของเงาดำก็แทรกซ่อนตัวเข�ามาบดบังความงามของลวดลาย การเคล่�อนตัวของแสงและเงานี�เปรียบเสม่อนการเปลี�ยนแปลงที�กำลังค่บคลานเข�ามา เสม่อนการเกิดดับที�เป็นสิ�งอย้่ค้่กัน เป็น “สัจธรรมแห่งการเปลี�ยนแปลง” ของทุกสรรพสิ�ง ไม่ เว�นแม�ความเจริญรุ่งเร่องและความยิ�งใหญ่แห่งอาณาจักรอารยธรรมเขมร จาก เจริญและยิ�งใหญ่ส้งสุดส้่การล่มสลายในจุดต�ำสุด “ยามเม่�อได�สัมผัสความงาม แห่งแสงและเงาที�ปรากฎบนร่องรอยอารยธรรม ก่อให�เกิดอารมณ์ ความร้�สึก สะเท่อนใจจากการส้ญเสีย ความงามที�ไม่สมบ้รณ์ สัมผัสได�ถึงคุณค่าแห่งมรดก ทางอารยธรรม” ผ่านกระบวนการสร�างสรรค์ด�วยเทคนิคการวาดเส�นด�วยหมึก ดำบนผ่นผ�าใบสีทอง
FACULTY | 133 พิมพ์จากธรรมชาติ จตุพร เกิดพิบูลย์ | สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร | [email protected] 60 x 70 ซม. | Eco print สังคมในปัจจุบันนี�มีนวัตกรรม เทคโนโลยีเกิดข่�นมาใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนา ประเทศในทุกด้าน จนบางอย่างของการพัฒนามาใหม่เหล่านี�กลับก่อปัญหา สร้างมลพิษต่อชีวิตผู้คนและสิ�งแวดล้อมรอบตัวให้เกิดการเปลี�ยนแปลงไปจากเดิม เช่น ภาวะโลกร้อน การผลิตการใช้พลังงานที�มากเกินจำเป็น สำหรับใน ด้านการสร้างสรรค์ศิลปะ ที�ต้องมีความเกี�ยวข้องกับมลพิษสารเคมี สีสังเคราะห์ อยู่ไม่น้อย ส่งผลให้ผู้สร้างสรรค์บางคนมีอาการแพ้สารเคมีเหล่านี� ด้านศิลปะ ภาพพิมพ์ไม่อาจหลีกเลี�ยงกลิ�นและการสัมผัสหม่กพิมพ์ รวมถ่งสารระเหยต่างๆ ในขั�นตอนกระบวนการสร้างสรรค์ ดังนั�นจ่งหันกลับมามองหาสิ�งที�ปลอดภัย คือ ความเป็นธรรมชาติ ซ่�งเป็นสิ�งแวดล้อมที�เป็นมิตรที�ซื�อสัตย์กับมนุษย์เสมอมา เริ�มตระหนักคิดและพยายามหันมาใช้สิ�งของที�มีกระบวนการผลิตซ่�งเป็นมิตรกับ สิ�งแวดล้อมให้มากข่�น ผลงานสร้างสรรค์ พิมพ์จากธรรมชาติ มีวัตถุประสงค์ คือ สร้างสรรค์ภาพพิมพ์จากธรรมชาติเพื�อสื�อความหมายรักษ์สิ�งแวดล้อมและ ธรรมชาติรอบตัว เป็นการเริ�มต้นทดลองนำ Eco print ในงานประยุกต์ศิลป์มา ปรับใช้ในงานทัศนศิลป์ แนวความคิดจากจุดเริ�มต้นในการสร้างสรรค์ศิลปะภาพพิมพ์ด้วยสีเคมี ส่งผลให้ บางครั�งเกิดอาการแพ้สารเคมี พิมพ์จากธรรมชาติ เทคนิค Eco Printing จ่งเป็น กลวิธีที�น่าสนใจในการประยุกต์ใช้นำมาสร้างสรรค์ศิลปะภาพพิมพ์ ที�เป็นมิตรกับ ผู้สร้างสรรค์และสังคมรอบตัว สีสันที�ได้จากธรรมชาติที�สวยงามจะเปลี�ยนแปลง ไปตามกาลเวลา กระบวนการสร้างสรรค์พิมพ์จากธรรมชาติ เริ�มจากการศ่กษา คุณสมบัติสีจากใบไม้ ดอกไม้ ศ่กษากลวิธีเทคนิค ซ่�งด้วยเทคนิค Eco print สี จากใบไม้จะติดได้ดีกับผ้าเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ ที�ต้องนำไปหมักกับน�ำสนิมก่อน เพื�อเป็นสารช่วยติด (Mordant) เพื�อให้สีติดดี หลังจากนั�นนำใบไม้มาวางจัดองค์ ประกอบให้สวยงาม ม้วนผ้ากับแกนกลางที�เป็นกิ�งไม้ลักษณะกลม ห่อด้วยแผ่น พลาสติก ใช้เชือกมัดให้แน่น นำไปน่�งประมาณ 2 ชั�วโมง แล้ววางทิ�งไว้ 1 คืน เพื�อให้สีธรรมชาติติดดี จ่งแกะเชือกที�มัดออก ได้ผลงานพิมพ์จากธรรมชาติ ที�มี เนื�อหาและรูปทรงจากใบไม้ เป็นการถ่ายโอนสีและรูปทรงจากธรรมชาติลงสู่ผล งานสร้างสรรค์ ผลงานสร้างสรรค์ พิมพ์จากธรรมชาติ เป็นการศ่กษาค้นคว้ากระบวนการถ่าย โอนสีและรูปทรงเนื�อหาจากธรรมชาติมาสู่ผลงานสร้างสรรค์ มีเนื�อหาแสดงถ่ง ความเป็นมิตร ความอ่อนโยน นุ่มนวล อ่อนหวานด้วยสีและรูปทรงของธรรมชาติ ให้อารมณ์ความรู้ส่กปลอดภัย เบาสบาย ผ่อนคลาย โดยการจัดวางองค์ประกอบ ศิลป์ให้มีสุนทรียภาพ คำน่งถ่งทิศทาง ตำแหน่ง จังหวะสัดส่วน และที�ว่าง ในการ สร้างสรรค์ เพื�อสื�อสารการรักษ์ธรรมชาติและสิ�งแวดล้อมรอบตัว เป็นการเริ�ม ต้นมองหากระบวนการใหม่เพื�อนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ศิลปะภาพพิมพ์ จากเดิมที�ใช้สารเคมีเป็นหลัก ซ่�งจากการทดลองสร้างสรรค์ เทคนิค Eco print เป็นกลวิธีเทคนิคที�น่าสนใจ และมีความเป็นไปได้ที�จะพัฒนาต่อไปสำหรับงานภาพพิมพ์ ผลสัมฤทธิ�ของพิมพ์จากธรรมชาติ ในแต่ละผืนอาจไม่สามารถคาดเดาได้แน่นอน เนื�องจากความแตกต่างของแหล่งใบไม้ ดอกไม้แต่ละชนิด สภาพแวดล้อมที�อยู่อาศัยเป็นสิ�งที�ทำให้เกิดความต่างได้เช่นกัน
134 | FACULTY Wrap for life No.2 ศรัณย์ โลหุตางกูร | สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร | [email protected] 40 x 50 ซม. | Screen Printประเทศไทยนับเป็นประเทศหน่�งในโลกที� มีความหลากหลายของพืชผักผลไม้ ทั�ง ด้านชนิดและปริ มาณ ผลไม้หลายชนิดเป็นที� นิยมและรู้จักกันอย่างดีในหมู่ผู้ บริโภค แต่ ก็ มีผลไม้ พันธุ์พื�นเมืองจำนวนไม่ น้อย ที�ไม่ มีความสำคัญทางเศรษฐกิ จ จ่งไม่เป็นที�รู้จัก ขาดความนิยมในการนำมาบริโภค ผลไม้เหล่านี�เต็ มเปี�ยมไปด้ วย คุณสมบัติทางยา อุดมไปด้ วยสารพฤกษเคมีที� มี คุณประโยชน์ อีกทั�งยังช่ วยเสริ ม สร้างสุขภาพได้เป็นอย่างดี ผลไม้ พันธุ์พื�นเมืองจำพวกนี�ล้ วนเป็นผลไม้สะอาด ปราศจากการปรุงแต่งทางด้านพันธุกรรมและสารเคมีที�เป็นพิ ษ ซ่�งเป็นเรื�องน่า เสียดายที� พืชพื�นบ้านสมุนไพรท้องถิ�นเหล่านี�ถูกมองข้ามและค่อยๆ เลือนหายไป จากความทรงจำของผู้คนในสังคมไทยไปในที� สุด ผู้สร้างสรรค์นำเสนอมุมมองของตนเองที� มี ต่อการเก็บถนอมและรักษาผลไม้ให้ คงสภาพเดิ มไว้ โดยได้ รับแรงบันดาลใจมาจากการห่อหุ้มผลไม้ ด้ วยฟิ ล์ มถนอม อาหาร ซ่�งเป็นการยืดระยะเวลาชะลอความสูญเสีย นัยยะของการเก็บถนอมรักษาไม่ได้มีเพียงแค่ด้านกายภาพเท่านั�น แต่ยังหมายความไปถ่งการรักษาสุขภาพ และการรักษาดุลยภาพของชีวิต รวมไปถ่งการรักษาดุลภาวะแวดล้อมที�เกิดข่�นจากการอนุรักษ์พืชพื�นเมืองผลไม้พื�นถิ�นที�มีสรรพคุณทางการรักษา ให้เป็นที�รู้จัก ซ่�งความสำคัญของดุลยภาพที�มีต่อมนุษย์นั�นจะส่งผลให้เกิดความสุขและความ ยั�งยืนต่อผู้คนในสังคมสืบต่อไป ผลงานภาพพิมพ์ “Wrap For Life” ที�ได้นำมาเสนอครั�งนี�จะมุ่งเน้นให้ความ สำคัญกับวิธีการสร้างสรรค์ผลงานด้ วยเทคนิคภาพพิมพ์สกรีน (Screen Printing) เป็นหลัก โดยผู้สร้างสรรค์ได้นำสาระทางความคิดประกอบกับประสบการณ์ ส่ วน ตนที� มี ต่อสิ�งแวดล้อมทางกายภาพของภู มิภาคที�ผู้สร้างสรรค์อาศัยอยู่ ด้ วยการ เลือกใช้ ผักผลไม้พื�นถิ�นเพื�อการสร้างสรรค์ผลงานคือ ลูกฟักแก้ วมังกรหรือลูกน�ำ เต้าไดโนซอร์ (DINOSAUR GOURD) ซ่�งพืชชนิดนี�ยังไม่เป็นที�รู้จักและมักจะพบ เห็นได้ในเขตพื�นที�อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เท่านั�น รูปแบบของผลงานจะ แสดงถ่งรายละเอียดของโครงสร้างผลไม้ที� ถูกแรปไว้พร้อมแผ่นฟิ ล์ มถนอม อาหาร การทับซ้อนของพื�นผิวที�แตกต่างกันนั�นคล้ายกับลักษณะและวิธีการเฉพาะ ของเทคนิคภาพพิมพ์สกรีนที� ต้องอาศัยกระบวนการพิมพ์ ทับซ้อนของน�ำหนักสี เพื�อให้เกิดความสมจริง ประสานสอดคล้องกันระหว่างรู ปแบบของผลงานและ รู ปแบบทางความคิด จนก่อเกิดความเป็นเอกภาพข่�นผ่านผลงานสร้างสรรค์ที� จะเป็นประโยชน์ ต่อผู้สนใจในการศ่กษาค้นคว้าทางศิลปะได้ ต่อไป
FACULTY | 135 The Walking Dead ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฐิติ สมบูรณ์เอนก | สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร | [email protected] 30 x 30 ซม. | Drawing on Fabriano paper ผู้สร้างสรรค์ต้องการนำเสนอผลงานศิลปะที�สร้างสรรค์ออกมาเป็นเสมือนดั�ง การจดบันท่กเรื�องราวในชีวิตประจำวัน โดยเป็นการตอบสนองอารมณ์และความ รู้ส่กต่อสิ�งต่างๆ ที�เข้ามาปะทะความรู้ส่กส่วนตัวของผู้สร้างสรรค์ในแต่ละวัน และแต่ละสถานการณ์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ที�ถ่ายทอดเรื�องราว ห้วงแห่งความ คิด อารมณ์และความรู้ส่กสิ�งที�อยู่ภายในจิตใจ อาจจะเป็นไปได้ทั�งการบอกเล่าเรื�องราวและการตั�งคำถามต่อสิ�งต่างๆ หรือสิ�งที�เกิดข่�นทั�งในชีวิตประจำวันการ ดำเนินชีวิต ในการสร้างสรรค์ได้มีการตีความ ความคิด อารมณ์และความรู้ส่ก ผ่านสัญญะ ผ่านรูปแบบการสร้างสรรค์ส่วนตัว โดยเริ�มต้นการสร้างสรรค์ด้วยกลวิธีวาดเส้น ในการถ่ายทอดเรื�องราว ความประทับใจ ความสะเทือนใจ บันท่กความคิดและ ภาพร่างต่างๆ ลงบนกระดาษหรือสมุดภาพร่างส่วนตัว และทำการปรับปรุงภาพ ร่างและขยายลงบนกระดาษให้เป็นผลงานจริงที�สมบูรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�ไว้เป็นเครื�องเตือนสติตัวเองในการใช้ชีวิตและความไม่ แน่นอนของชีวิต สำหรับผลงานชิ�นนี�มีการสร้างตัวละครหลักที�เป็นเหมือนหอยทากมีหน้าตาที�อ่อน หวานสวยงามเปรียบเสมือนการมีชีวิต และมีกระดองเป็นรูปกะโหลกที�เป็นสัญญะแห่งความตาย เป็นการมองและตีความเรื�องชีวิตและความตาย ซ่�งเป็นของคู่กัน และไม่มีใครที�จะหลีกหนีความตายไปได้ รูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานวาดเส้นให้เป็นดั�งภาพประกอบในหนังสือนิทาน นวนิยาย ที�มีรูปแบบที�เรียบง่ายก็เพื�อเป็นการง่ายต่อการรับรู้และเข้าถ่งผลงาน ซ่�งแต่ละตัวละครจะเป็นดั�งสัญญะ เป็นตัวแทนตัวบุคคล ความคิดความรู้ส่กใน เรื�องราวต่างๆ ที�ตีความและถ่ายทอดออกมา ผู้สร้างสรรค์คาดหวังว่าผลงานจะ ส่งผลถ่งความรู้ส่กร่วม หรือแม้แต่ส่งผลย้อนกลับไปตั�งคำถามต่อให้ผู้ชมผลงาน คิดต่อซ่�งอาจจะแปรเปลี�ยนตามแต่ประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของแต่ละบุคคล
136 | FACULTY Heart Beat ผู้ช่ วยศาสตราจารย์อนุพงศ์ เจริญมิตร | สาขาวิชาคอมพิ วเตอร์อาร์ต คณะดิ จิ ทัลอาร์ต มหาวิทยาลัยรังสิต | [email protected] ขนาดปรับตามพื�นที� | ความยาว 5 นาที 55 วินาที | วิดีโอจัดวาง ผลงาน Heart Beat เป็นผลสัมฤทธิ� จากโครงการวิจัยเรื�อง “การรับรู้วัฒนธรรม ทางสายตา ผ่านกิ จกรรมบันเทิงของเด็กแว้นและเด็กสก�อย” การแสดงออกของ เด็กแว้นและเด็กสก�อย ถือเป็นหน่�งในวั ฒนธรรมย่อย (subculture) มีการ แสดงออกผ่านกิ จกรรมต่างๆ การประลองความเร็ว การใช้ภาษาที� มีความ เฉพาะตัว และรสนิยมการแต่งกายที� มีความโดดเด่น เนื�อหาและรู ปแบบที�ได้ ศ่กษานี� ก่อให้เกิดผลลัทธ์ จากกระบวนการพั ฒนากายภาพของผลงานวิจัยเชิง สร้างสรรค์ในรู ปแบบวิดีโออาร์ตจัดวาง ที�สะท้อนประเด็นด้านอัตลักษณ์และเพศ สภาพ โดยใช้กระบวนการออกแบบกิ จกรรมทางศิลปะ (Art activities) เพื�อ สร้างการมี ส่ วนร่วมจากการออกแบบเพื�อแทรกซ่มกิ จกรรมแข่งขันเต้นในงานที� ชื�อ “แว้นหลุดโลก” ซ่�งเจตนารมณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานนี� ก็เพื�อกระตุ้นความคิดของผู้ชมในการมองอัตลักษณ์ของร่างกายในฐานะมนุษย์ที�มีความเสมอภาค และเท่าเทียมกัน การดำเนินโครงการนี�ผู้วิจัยได้ศ่กษาค้นคว้าข้อมูล 2 ส่ วน คือ 1) ด้านเนื�อหา ได้ ศ่กษาเกี�ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย เพื�อทำความเข้าใจผู้คนที� โพสต์สิ�งต่างๆ ในโลกโซเชียล เพื�อศ่กษาองค์ประกอบในการทำความเข้าใจผู้ โพสต์ มุมมองของผู้คนในการแสดงความคิดเห็น ต่อภาพกิ จกรรมของเด็กแว้น และเด็กสก�อยในโลกโซเชียลมีเดีย ถือเป็นจุดเริ�มต้นของการขยายฐานของความเข้าใจสนามภาพ (visual field) ถ่งปรากฏการณ์ที�เกิดข่�นในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที�มีความรวดเร็วสลับซับซ้อน อีกทั�งยังใช้มุมมองของศาสตร์ในแขนงต่างๆเพื�อทำความเข้าใจอันหลากหลาย ทั�งมิติทางวัฒนธรรมจากแนวคิดภาพเหมารวม (stereotype) และวัฒนธรรมทางสายตา (visual culture) ซ่�งอาศัยสหวิทยาการ ในการอ่านภาพที� ปรากฏในชีวิตประจำวัน ซ่�งมุมมองด้านวัฒนธรรมทางสายตานี� มิได้เพียงอ่านภาพต่างๆ เพื�อทำความเข้าใจสิ�งที�เกิดข่�นในสังคมเท่านั�น แต่ ยัง รวมถ่งการอ่านภาพที�เกิดจากการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที� มี รู ปแบบวิธีการที� หลากหลาย ที�แนวคิดในการสร้างสรรค์ มีการใช้ สัญลักษณ์แฝงที�ชวนให้ ตีความ ผลงาน 2) ประเด็นด้านรู ปแบบ ได้ศ่กษาจากแนวคิดที�ใช้ศิลปะเป็นเครื�องมือใน การกระตุ้นจิตสำน่กของผู้คนในการมองข้อเท็จจริง จากผลงาน Swinguerra โดยศิลปิน บาร์บารา แว็กเนอร์ และ เบนจามิน ดิ เบอร์กา (Barbara Wagner & Benjamin de Burca) และศ่กษาจากนิทรรศการเชิงทดลอง Other dance โดยภัณฑารักษ์ Agnieszka Sosnowska ผลที�ได้ รับจากการวิจัยสร้างสรรค์นี� ก่อให้เกิดกระบวนการสร้างสรรค์ที� มีองค์ ประกอบที�หลากหลาย กระบวนการเปิดพื�นที�ให้ มี ส่ วนร่วมของกลุ่มเด็กแว้นและ เด็กสก�อย การสร้างรูปสัญลักษณ์เพื�อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ จากการ ออกแบบแสง เกิดไวยกรณ์ใหม่ๆ ของงานทัศนศิลป์ที�สร้างภาพในฐานะที�ทำงานร่วมกับเวลา รวมถ่งการออกแบบสร้างสรรค์จากการมีส่วนร่วมนี� ได้ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมของเด็กแว้นและเด็กสก�อยให้มีพื�นที�แสดงออกอย่างเหมาะสม เกิดความภาคภูมิใจในเนื�อตัวร่างกายตนเอง ผู้วิจัยหวังว่าพื�นที�เล็กๆ ของการมองข้อเท็จจริงผ่านแบบจำลองของผลงานสร้างสรรค์นี� จะก่อให้เกิดมุมมองของความเข้าใจในการรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที�เกิดข่�นในสังคม โดยมิใช้อคติเป็น พื�นฐานของการสร้างความเข้าใจ Outstanding Artistic
FACULTY | 137 วัตถุที่ถูกทิ้งไว้บนโครงสร้าง ธิติพงษ์ เนื�องพิมพ์ | สาขาวิชาคอมพิวเตอร์อาร์ต คณะดิจิทัลอาร์ต มหาวิทยาลัยรังสิต | [email protected] 122 x 163 x 120 ซม. | ไม้อัดเคลือบฟิลม์ดำ และเศษแผ่นปูน ข้าพเจ้าได้ทำการวิจัยเรื�อง “ประติมากรรมร่วมสมัย: การศ่กษาความเป็นเมือง ในจังหวัดปทุมธานี” พบว่า พื�นที�ตั�งของจังหวัดปทุมธานีในอดีตเคยเป็นส่วนหน่�ง ของทะเลโบราณ ก่อนที�จะกลายสภาพเป็นเนินดินที�เกิดจากตะกอนของทะเล โบราณทับถมรวมกับตะกอนดินที�พัดพาจากพื�นที�สูงลงมาตามแม่น�ำ ช่วยทำให้ เกิดเป็นดินที�มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำการเกษตรและผลิตอิฐหรือเครื�องปั�นดินเผา และจากการที�มีแม่น�ำเจ้าพระยาไหลผ่านจ่งเป็นทำเลที� เหมาะแก่การตั�งถิ�นฐานบ้านเรือน ด่งเอาผู้คนมาอาศัยรวมกลุ่มกันและค่อยๆ พัฒนาการไปเป็นหมู่บ้านและเป็นเมืองข่�นตามลำดับ จนเมื�อเกิดการเปลี�ยนแปลง การปกครอง ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมได้ช่วยให้ความเป็นเมืองแผ่กระจายไป ทุกส่วนของพื�นที�อย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลักษณะวิถีชีวิตที�จำต้องอยู่ร่วมกันระหว่าง วิถีชีวิตแบบสังคมเกษตรกรรมกับแบบสังคมเมืองสมัยใหม่ ความแตกต่างกันของ ขั�วตรงข้ามทั�งสองได้แฝงไว้ด้วยความรู้ส่กของความไร้ทิศทางและไม่มั�นคง ผลงานประติมากรรมของข้าพเจ้า มีกระบวนการเลือกใช้วัสดุและรูปทรงวัตถุ ดังต่อไปนี� 1) วัสดุ เป็นวัสดุเก็บตกจากสิ�งของที�มีอยู่ในเมือง คือ ไม้อัดเคลือบ ฟิลม์ดำ มักจะพบตามไซต์งานก่อสร้าง และเศษแผ่นปูนซีเมนต์ที�เป็นสิ�งไร้ค่า ถูก ทิ�งตามข้างถนนหรือซอกมุมอาคาร วัสดุสองชนิดมีความเกี�ยวข้องโดยตรงเกี�ยว กับความเป็นเมือง จ่งใช้เพื�อเป็นภาพแทนที�แสดงถ่งความเป็นมนุษย์ และ 2) รูป ทรงประกอบไปด้วยรูปทรงหลายเหลี�ยมของแผ่นปูนซีเมนต์ที�แตก และโต�ะสนาม ที�อ้างอิงถ่งการพักอาศัยแบบชั�วคราว ไม่ถาวร ทั�งนี� ข้าพเข้านำวัสดุทั�ง 2 ชนิด มาประกอบด้วยวิธีการจัดวางร่วมกัน โดยในแต่ละชิ�นของแผ่นปูนซีเมนต์จะถูก จัดวางให้บริเวณมุมหรือขอบนั�นเข้ากันพอดีกับแนวโครงสร้างของโต�ะสนาม วิธี การนี�กำหนดให้ข้าพเจ้าต้องเลือกหาแผ่นปูนซีเมนต์ที�มีขนาดและความหนาที� เหมาะสมกับพื�นที�ในการจัดวาง โดยให้เศษปูนแต่ละชิ�นสามารถอยู่ร่วมกันอย่าง มีช่องว่างและไม่ชนกัน ข้าพเจ้าเลือกนำวัสดุที�ไร้ค่าและไร้ประโยชน์มาดัดแปลงและนำเสนอในมุมมอง ใหม่เพื�อสร้างคุณค่าในการรับรู้ร่วมกับกระบวนการสร้างรูปทรงที�ใช้การประกอบ และการจัดวางชิ�นส่วนต่างๆ เข้าร่วมกัน ทำให้ในภาพรวมของผลงานได้แสดงให้ เห็นถ่งลักษณะชั�วคราว ไม่คงทนถาวร ไม่มั�นคง ที�พร้อมเปลี�ยนแปลง โดยผล สรุปของการสร้างสรรค์นี� ข้าพเจ้าได้รับประสบการณ์ในการเลือกใช้เศษวัสดุ หรือวัสดุที�ไร้คุณค่า ได้ทดลองใช้วิธีการสร้างรูปทรงด้วยการจัดวางเข้าร่วมกัน และยังเกิดแนวความคิดที�ได้ตระหนักถ่งความสำคัญของชีวิต สังคม และสภาพ แวดล้อมที�เกี�ยวข้องร่วมกันอีกด้วย
138 | FACULTY กับดักชีวิต Life Trap ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ธีระชัย สุขสวัสดิ� | สาขาวิชาศิลปะและการออกแบบ คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม | [email protected] 56 x 76 ซม. | จิตรกรรมสีน�ำบนกระดาษ วิถี ชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุ บันมีสิ�งเร้าต่างๆ มากมาย ที�อาจทำให้ จุดมุ่งหมาย ของชีวิตไม่เป็นไปได้ตามความคาดหวัง ซ่�งการถ่ายทอดผลงานศิลปะที� จะสะท้อน มุมมองและวิธี คิดให้สมจริงนั�นอาจมี รู ปแบบมากมายโดยเฉพาะผลงานทางด้าน จิตรกรรมเทคนิคสีน�ำ ที�เข้าถ่ง เข้าใจ และสื�อความหมายได้ ง่าย แต่ ก็ ต้องมี ทักษะ และกระบวนการที� มีแบบแผน ทักษะความเฉพาะตัว จ่งสามารถสื�อสารออกมาได้ ดี วัตถุ ประสงค์ : 1) เพื�อศ่กษาแนวทางและพัฒนาการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ด้ วยรู ปแบบเหมือนจริง 2) เพื�อสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมด้ วยเทคนิคสีน�ำบน กระดาษ ภาพสะท้อนชีวิตในรู ปแบบเหมือนจริง แนวความคิด เป็นการแทนค่าความหมายจากการเห็นภาพสะท้อนในช่ วงสุดท้าย ของสิ�งมี ชีวิตที�กำลังจะดับลง ซ่�งมีหนทางการดำรงอยู่เช่นเดียวกับผู้คนในสังคม ปัจจุ บัน เมื�อชีวิตเดินทางมาถ่งจุดสิ�นสุด ซ่�งอาจเป็นหนทางที�ไม่ได้มุ่งหวังหรือ เลือกไว้ ถ่งเวลานั�นคงได้แต่น่กเสียดายหากเมื�อมองย้อนกลับไป กับความปรารถนา ที� ยังไม่ได้ลงมือกระทำ เพราะมัวแต่หลงในวังวนกับสิ�งลวงจนติดกับดักแห่งชีวิตนี� กระบวนการสร้างสรรค์เริ�มจากการศ่กษาข้อมูลในการคัดเลือกภาพสิ�งมี ชีวิตซ่�ง คือภาพของปลาที� ถูกจับมาจากการดักจับ จากรู ปแบบวิถี ชีวิตการยังชีพของผู้คน เพื�อความอยู่รอดในหลายมุมมอง โดยนำมาสร้างเป็นภาพร่างด้ วยการจัดวาง องค์ประกอบใหม่ให้ได้ตามกรอบแนวคิดที�ได้ตั�งไว้ หลังจากนั�นทำการร่างภาพ ผลงานบนกระดาษสีน�ำขนาด 56 x 76 ซม. ทำการระบายสีน�ำตามภาพร่าง ปรับเปลี�ยนรูปแบบตามความเหมาะสมของเทคนิคเพื�อความสวยงามจนผลงานเสร็จสมบูรณ์ ผลงานสร้างสรรค์นี�เป็นผลงานจิตรกรรม นำเสนอในรู ปแบบภาพเหมือนจริง (Realistic Painting) ด้ วยเทคนิคสีน�ำบนกระดาษ (Watercolor on paper) เป็นผลงานที�ใช้ความเป็นระเบียบแบบแผน (Formal Order) มี ลักษณะความ สมดุล ความประสานกลมกลืน และความประณีต แสดงอารมณ์ความรู้ส่กที� มี ต่อวัตถุในสภาพแวดล้อมที�สร้างข่�นจากความประทับใจในคุณค่าของชีวิต ผ่านรูปทรงของสิ�งมีชีวิต นำเสนอด้วยมุมมองจากด้านบน (Bird’s-eye view) ใช้ ทฤษฎี สี ชุดสีสี�เหลี�ยม (Square) แสดงพื�นผิ วในลักษณะมันวาวมากกว่าความ เป็นจริง โดยสรุ ป ด้ วยความเฉพาะของเทคนิคสีน�ำที� สัมผัสได้ถ่งความสุนทรียะ สวยงามสบายตา แต่ผู้สร้างสรรค์ ต้องการที� พัฒนาเทคนิคสีน�ำให้ มีความสมจริง มากยิ�งข่�น ใช้ ทักษะความเฉพาะตัวด้ วยกระบวนการระบายสีที� มีแบบแผน การ เว้นขาวโดยไม่ใช้ สีขาว รวมถ่งการควบคุ มแสงและเงาสร้างบรรยากาศเฉพาะได้ มากกว่าความเหมือนจริง จ่งเกิดคุณค่าของสีน�ำในเรื�องความโปร่งแสง แต่ สามารถสร้างความสมจริงได้เฉกเช่นเดียวกับสีอะคริ ลิกและสีน�ำมัน เทคนิคสีน�ำมี ข้อจำกัดในเรื�องของขนาดผลงานกระดาษ ต้องสร้างสรรค์ผลงาน เป็นไปตามขนาดแบบจำกัดที� มี จำหน่ายในท้องตลาดเท่านั�น ไม่สามารถสร้างผล งานขนาดใหญ่ได้ จ่งอาจพัฒนาแนวทางการสร้างสรรค์ จิตรกรรมเทคนิคสีน�ำลงบนวัสดุรองรับอื�นๆ นอกเหนือจากกระดาษ
FACULTY | 139 สีสันริ มคลองบางมด นิ ศากร เพ็ญสมบูรณ์, องอาจ มากสิน, อรนุช สมคะเน | สาขาวิชาออกแบบทัศนศิลป์ คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุ รี | [email protected], [email protected], [email protected] 220 ตารางเมตร | สีอะคริ ลิกบนซีเมนต์ ศิลปะชุ มชนที� มาพร้อมกับการพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ ผ่านงานศิลปะรู ปแบบ หน่�งที�เรียกว่าสตรีทอาร์ต (Street Art) ซ่�งถือเป็นเครื�องมืออันทรงพลังในการ นำเสนอแนวคิด รวมถ่งการสร้างพลวัตให้ กับพื�นที�และเป็นส่ วนหน่�งของการ เข้าไปมี ส่ วนร่วมในชุ มชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื�อพั ฒนาชุ มชนและพั ฒนา เศรษฐกิจชุ มชนพื�นที� ริ มคลอง โดย “ชุ มชนริ มคลองบางมด” ในอดีตพื�นที�แห่งนี� อุดมไปด้ วยเรือกสวนไร่นา เป็นพื�นที�ทางการเกษตรที� มีชื�อเสียงคือการปลูกส้ ม เขียวหวานบางมด หรือเรียกกันว่า “ส้ มบางมด” ในปัจจุ บันผู้คนในชุ มชนกลับมา พยายามอนุ รักษ์พื�นที�นี�ให้ มีความเป็นธรรมชาติ จ่งเกิดเป็นพื�นที�การท่องเที�ยววิถี ชีวิตริ มคลอง ผู้คนสร้างสะพานที�เชื�อมกันระหว่างผู้คน 2 ฟากฝั�งของคลอง พื�นที� ใต้สะพานจ่งเป็นพื�นที�ที� มีความน่าสนใจหลายนัยยะ เป็นที�กำบังแดด ฝน ให้ กับ ผู้คนที� สัญจร เป็นพื�นที�หยุดพักพูดคุยทักทายสนทนาของนักท่องเที�ยว จากเหตุผล ดังกล่าวจ่งเป็นที� มาของการสร้างสรรค์ผลงานสตรีทอาร์ตในชุ มชนริ มคลองบางมด โดยมี วัตถุ ประสงค์ ดังนี� 1) เพื�อสร้างสรรค์ผลงานสตรีทอาร์ตบนพื�นที� ริ มคลอง บางมด 2) เพื�อสร้างสุนทรียะอย่างมี ส่ วนร่วมให้ กับผู้คนและชุ มชน แนวความคิด : บอกเล่าเรื�องราววิถี ชีวิตในอดีตและปัจจุ บันของชุ มชนริ มคลอง บางมด ผ่านลวดลาย สี สันสดใส รู ปแบบตัดทอนร่วมสมัย กระบวนการสร้างสรรค์ 1) การสำรวจพื�นที� 2) สนทนากับชุ มชน 3) นำเสนอ ทางสำนักงานเขตเพื�อขออนุญาตเจ้าของพื�นที� 4) ประชุมประชาพิ จารณ์เพื�อ แลกเปลี�ยนเรียนรู้ข้อมูลและสำรวจความต้องการกับชุ มชน 5) ทำแบบร่าง 6) นำเสนอแบบร่าง วิพากษ์วิจารณ์เพื�อนำมาปรับปรุงแก้ไข 7) สร้างสรรค์ ผลงานกับพื�นที� 8) ประเมินผลปัญหาในการออกแบบในพื�นที�มุมมองบนเพดาน จากพื�นที� 220 ตารางเมตร โจทย์เพื�อต้องการให้ผู้คนมองเห็นจากทุกด้านทั�งทางบกและทางน�ำ โดยออกแบบองค์ประกอบของภาพให้เป็นแพทเทิร์นลวดลายแบบตัดทอน ปัญหาและข้อจำกัด ของพื�นที� ต่อการทำงาน เนื�องจากเป็นพื�นที�ใต้สะพาน การติดตั�งนั�งร้านต้องคำน่ง ถ่งการสัญจรทั�งทางบกและทางน�ำ จ่งเหลือพื�นที�ในการทำงานน้อยลง สรีระของ ผู้วาดภาพต้องเงยหน้าตลอดเวลา ทำให้ มุมมอง ทิ ศทาง และสัดส่ วนในการวาด ผิดเพี�ยน จ่งแก้ปัญหาโดยการร่างเส้นแกนเพื�อกำหนดทิ ศทาง และร่างโครงสร้าง โดยรวมของภาพเพื�อกำหนดขนาดสัดส่ วน ขอบเขตของภาพ ในขั�นตอนการวาด รายละเอียดของภาพต้องถอยออกมามองภาพระยะไกลเพื�อตรวจสอบขนาด สัดส่วนของภาพอยู่เสมอ ในช่วงการระบายสี ต้องผสมสีให้มีความเข้มข้นมาก กว่าปกติ เพื�อลดการหยดไหลของสีประโยชน์ที�ได้รับ 1) ได้จุดเช็คอิน สร้างสุนทรียะมุมมองใหม่ เพื�อส่งเสริมด้านการท่องเที�ยววิถีชุมชนริมคลองบางมด 2) เกิดความร่วมมือระหว่างชุมชน สถาบัน การศ่กษา และหน่ วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม Outstanding Social, Economic, Technology, Environmental and Cultural Impact
140 | FACULTY ของไทย ใหม่เก่า รองศาสตราจารย์ ดร.ทองเจือ เขียดทอง | สาขาวิชาออกแบบทัศนศิลป์ คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุ รี | [email protected] 65 x 45 ซม. | สื�อประสมความเป็นไทยมีอยู่ทุกหนแห่ง เพราะความเป็นไทยนั�นมีความหลากหลายทาง ศิลปกรรมและวั ฒนธรรม ในอดีตการสร้างสรรค์ศิลปกรรมของไทยมักใช้ วัตถุ สิ�งของใกล้ ตัว วัสดุที�หาได้ในธรรมชาติ แต่ในปัจจุ บันเรารับเอาวัตถุสิ�งของจาก อุตสาหกรรมมากข่�น วัตถุสิ�งของทั�งสองแบบเมื�อผ่านการใช้แล้วก็เหลือทิ�งเป็น ขยะ ดังนั�นผู้สร้างสรรค์จ่งคิดที� จะสร้างสรรค์ประติ มากรรมเพื�อการตกแต่ง : สื�อ ประสม โดยใช้ วัสดุอย่างไทยผสมผสานกับวัสดุสมัยใหม่อื�นๆ ภายใต้ชื�อ “ของ ไทย ใหม่-เก่า” อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มีงานประเพณี “ผีตาโขน” เป็นหน่�งในหลายประเพณี ที� มีหลากหลายของไทยที�รวมทั�งปรัชญา ความเชื�อ ความศรัทธา และการบันเทิง ผ่านการละเล่นหน้ากากผีตาโขนอันเลืองชื�อ และมีการสืบทอดจากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ ในปัจจุ บัน จ่งมีแนวคิดที� จะใช้หน้ากากผีตาโขนมาเป็นแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรค์ รู ปแบบผลงาน โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ ดังนี� 1) ศ่กษาหน้ากาก ผีตาโขน 2) เก็บรวบรวมวัสดุและสิ�งของเหลือใช้ 3) ออกแบบผลงานอย่างคร่าว ๆให้สอดคล้องกับวัสดุ 4) ดำเนินการสร้างสรรค์ผลงาน 5) วิเคราะห์ประเมินผลงานด้วยตนเองและอาจารย์ศิลปะในสาขาวิชา ผลงานประติ มากรรมที�ได้แรงบันดาลใจจากผีตาโขน ซ่�งมีเนื�อหาและวัสดุที� มี ความเป็นไทยผสมวัสดุสมัยใหม่ คือ 1) โครงสร้างหลักจากไม้เก่าที� ผุกร่อน 2) แทน เส้นผม ลูกตาจากบรรจุ ภัณฑ์ชะลอมไม้ไผ่ 3) ลูกตาส้มจากพลาสติก 4) ตกแต่ง ใบหน้าจากหนังเก่าและโลหะ 5) ฟันและเขี�ยวจากดินสอเหลือใช้ 6) จมูกจากหน้ากากผีตาโขนเก่าทำจากไม้นุ่น กล่าวได้ว่าผลงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที� ตั�งไว้ ซ่�งสอดคล้องและเป็นการต่อยอด ผลงานชุด “2 หน้า-หลายด้าน” ของ ทองเจือ เขียดทอง ผลงานสร้างสรรค์ จากวัสดุเหลือใช้ อันเป็นการช่ วยลดขยะรักษาสิ�งแวดล้อม ผลงานสื�ออารมณ์ ความรู้ส่กน่ากลัวผสมกับความน่ารักและมีความเป็นไทย สามารถนำไปใช้เป็นประติ มากรรมสำหรับตกแต่งภายในบ้านหรือสำนักงานโดย เฉพาะเหมาะสมกับโรงแรมในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สำหรับปัญหาและอุ ปสรรคในการสร้างสรรค์ คือวัสดุ มีความหลากหลาย ทำให้ การจัดให้เข้ากันอย่างลงตัวนั�นยาก การแก้ปัญหาคือการลองผิดลองถูก หากไม่ ลงตัวก็ ต้องขยับจัดใหม่ เปลี�ยนวัสดุบางอย่างออกโดยพยายามใช้ วัสดุ ธรรมชาติ ของไทยให้ มี อิทธิพลมากกว่าวัสดุสมัยใหม่อย่างโลหะหรือพลาสติก
FACULTY | 141 คิดถึงพ่อหลวง ผู้ช่วยศาสตราจารย์มนพัทธ์ พวงขุนเทียน | สาขาวิชาครีเอทีฟกราฟิก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา | [email protected] 33 x 50 ซม. | ภาพพิมพ์โลหะ (Etching) การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยเทคนิคภาพพิมพ์โลหะ ในชื�อผลงาน “คิดถ่งพ่อ หลวง” ข้าพเจ้าได้รับแรงบันดาลใจจากความรัก ความศรัทธา และความเคารพ บูชา ที�ข้าพเจ้ามีต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที� 9 ที�พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติพระ ราชกรณียกิจนานัปการเพื�อปวงชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ ทำให้ข้าพเจ้าสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชุดนี�ข่�นเพื�อสะท้อนให้ เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม นาถบพิตร คือศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั�งชาติ และคนไทยทุกคนต่างรักในหลวง รวมถ่งข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน โดยผลงานที�สร้างสรรค์ข่�นนี�ข้าพเจ้าใช้รูปแบบเหมือนจริง ในการถ่ายทอดความ คิด ความรู้ส่ก ที�มีความทรงจำอันทรงคุณค่าต่อองค์พระบาทสมเด็จพระบรมชน กาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือในหลวงรัชกาลที� 9 คือพระปฐมบรมราชโองการที�ได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยในพระราชพิธี บรมราชาภิเษกเมื�อวันที� 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดย ธรรม เพื�อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซ่�งพระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติพระ ราชกรณียกิจตลอด 70 ปี แห่งการครองราชย์ โดยย่ดมั�นในคำสัญญาที�มอบให้ ประชาชนตลอดมา พระองค์ได้ทรงย่ดมั�นในหลักทศพิธราชธรรม อันเป็นคุณธรรม จริยธรรมแบบอย่างที�ได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยถือปฏิบัติ ก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอด ด้วยความประทับใจที�ข้าพเจ้ามีต่อพระองค์ท่านมาตลอดชีวิตนี�ได้ก่อเกิดเป็น ความรัก ความเทิดทูนศรัทธา และเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปะ เพื�อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในลักษณะการถ่ายทอดเป็นผลงานศิลปะที� แสดงออกถ่งความรู้ส่กของข้าพเจ้าที�มีต่อพระองค์ท่าน และเป็นการจาร่กคุณค่า ความดีงามอย่างหาที�สุดมิได้ของพระองค์ท่านให้ปรากฏสืบไป
142 | FACULTY Form and Space กิตติพันธ์ุชินวรรณโชติ | สาขาวิชาศิลปะการออกแบบ คณะมนุ ษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุ รี | [email protected] 15 x 15 x 65 ซม. | แกะสลักหินอ่อนรูปทรงและพื�นที�ว่างฉบับนี� มีวัตถุประสงค์เพื�อศ่กษาแนวทางในการพัฒนารู ปทรง ของงานประติ มากรรม ที�สื�อความหมายของการแสดงออกทางด้านความรู้ส่ก และจินตนาการ โดยอาศัยแรงบันดาลใจและความประทับใจจากรู ปทรงจ่งนำมา เป็นผลงานค้นคว้าหารู ปทรงประติ มากรรมตามทัศนคติและจินตนาการส่ วนตัวที�สามารถสื�อความหมายเกี�ยวกับสัมพันธภาพ มีการถ่ายทอดความรู้ส่กน่กคิด ความสัมพันธ์ต่างๆ ผ่านการแกะสลักหิน เพื�อคลี�คลายพัฒนารูปทรงให้มีการเปลี�ยนแปลงทางด้านองค์ประกอบ ปริมาตร และขนาด โดยผ่านกระบวนการ การจัดการรู ปทรง ลดขนาดรู ปทรงตามจินตนาการของผู้จัดทำ เพื�อสื�อความ หมายถ่งการเปลี�ยนแปลงของวัตถุที�เกิดจากรู ปทรงของงานประติ มากรรม จากความน่าสนใจของหิน ที�สามารถถ่ายทอดเรื�องราวในอดีต ผนวกกับความเป็นศิลปะที�สามารถถ่ายทอดเรื�องราวผ่านผลงาน จ่งส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจที�จะเลือกนำวัสดุที�น่าค้นหา เช่น “หิน” มาถ่ายทอดเรื�องราวผ่านเทคนิคกระบวนการ ในงานประติ มากรรมลอยตัว ด้ วยการแกะสลักหิน เพื�อสื�อความหมายถ่ง ความ เป็นไปของวิถีการดำเนินชีวิตที� ผ่านมาและผ่านไปของธรรมชาติและรู ปทรง โดย เลือกถ่ายทอดเรื�องราวผ่านวัสดุและรู ปทรง ให้เกิดทั�งความรู้ส่กอิสระและ โครงสร้างเส้นที�แสดงออกของร่องรอยของธรรมชาติและเรื�องราวในพื�นที� ว่าง ในเวลาเดียวกัน ผลงานสร้างสรรค์ฉบับนี� เป็นเพียงแค่ ส่ วนประกอบสำหรับชี�แนะแนวทางการ สร้างสรรค์ศิลปะในวงกว้างเท่านั�น จุดประสงค์หลักที�แท้จริงในการปฏิ บั ติงาน ครั�งนี�เพียงมุ่งเน้นให้เห็นคุณค่าของประติ มากรรมแกะสลักหินอ่อน ที�สื�อมาใน เรื�องของรู ปทรงและพื�นที� ว่างนำเสนอทางด้านรู ปทรง กระบวนความคิด วิเคราะห์ แบบมีขั�นตอน ให้เกิดการตอบสนองต่อผู้พบเห็นที� มองเห็นคุณค่าเชิงศิลปะใน อนาคตในส่ วนที�เป็นผลงานจริงนั�นคืองานประติ มากรรมที� มี ลักษณะเฉพาะตน ข้าพเจ้าได้ ค้นหาและพั ฒนารู ปแบบการทำงานที� มี ลักษณะที�เป็นอัตลักษณ์ของ ตนเองประโยชน์ที�ได้ รับ 1) ได้เทคนิควิธีการและขั�นตอนใหม่ๆ ในการแกะสลักหินให้ เกิดความรู้ส่กผ่านรู ปทรง 2) สามารถใช้ วัสดุที� มีความหมายหน่�งในการสื�อสาร ความหมายที�แตกต่างออกไปจากความรู้ส่กตามธรรมชาติ 3) สามารถสร้างสรรค์ ผลงานประติ มากรรมหินที�สื�อความหมายที�แตกต่างออกไปจากความรู้ส่กตาม ธรรมชาติ 4) สามารถใช้เทคนิคการสร้างงานประติ มากรรมในการเพิ�มมูลค่าให้ กับวัสดุ ประเภทหิน
FACULTY | 143 ความงามในธรรมชาติกับพื้นที่ว่างทางอารมณ์ สุรพล หลินมา | สาขาศิลปศ่กษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา | [email protected] 200 x 120 ซม. | สีอะคริลิคบนกระดาษ สุนทรียศาสตร์(อังกฤษ: Aesthetics) เป็นสาขาหน่�งของปรัชญาที�ว่าด้วยธรรมชาติ ของความงามและรสนิยม รวมทั�งปรัชญาศิลปะ (ซ่�งเป็นส่วนหน่�งของปรัชญาและ สาขาหน่�งของสุนทรียศาสตร์) สุนทรียศาสตร์วิเคราะห์คุณค่าทางอารมณ์และ ความรู้ส่กส่วนตัวของบุคคลหน่�ง หรือบางครั�งอาจกล่าวได้ว่าปรัชญาสาขานี�เป็นการตัดสินความรู้ส่กและรสนิยม1 จากแนวความคิดทางปรัญญา “สุนทรียศาสตร์” นั�น ได้สร้างแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชุดนี�ข่�นมา อันเกิดจากความงาม ความประทับใจ ความ น่าหลงใหลในธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ภูเขา แม่น�ำ สายลม และแสงแดดฯ สัมพันธภาพระหว่างคนกับธรรมชาติ คือ ตัวบุคคลที�ได้ซ่มซับและรับพลังงานที� สะอาด บริสุทธิ� “ณ ชั�วขณะหน่�งที�สายลมพัดตกกระทบทำให้เกิดการเคลื�อนไหว... แต่นิ�งสงบ แสงแดดที�สาดส่องลงบนพื�นผิวของต้นไม้หรือใบหญ้า...ก่อให้เกิดแสง และเงาที�เป็นความงามตามธรรมชาติ” จากความรู้ส่กดังกล่าวนี�เอง ตัวศิลปินได้ ถ่ายทอดและสื�อแสดงอออก ด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การเป่าสี การสลัดสี การ ปั�มสี การเช็ดสี การถมสี เป็นต้น โดยมีจุดประสงค์เพื�อสร้างพื�นหลัง (background) ที�มีลักษณะเฉพาะในแต่ละชิ�นงาน (รูปทรงอิสระ) และด้วยรูปทรงทาง ทัศนธาตุที�ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ (ต้นไม้) บวกกับสีสันที�สดใส ก่อ ให้เกิดดุลยภาพที�เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที�น่าสนใจ อันเกิดจากการค้นคว้าและ ทดลองของตัวศิลปินเอง ซ่�งทั�งนี�และทั�งนั�นคำว่า “พื�นที�ว่างทางอารมณ์” มีนัยยะ แฝงคือ ตารับรู้สัมผัสด้วยการมองเห็นบวกกับหลักของสุนทรียศาสตร์ คือ ความ งามและรสนิยมของตัวศิลปินในแต่ละบุคคลนั�นเอง การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในหัวข้อ “ความงามในธรรมชาติกับพื�นที�ว่างทาง อารมณ์” นั�นจัดเป็นศิลปะบำบัดแขนงหน่�งตามความเห็นของศิลปินเอง ที�สามารถ นำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาและต่อยอด ในด้านการพัฒนาอารมณ์ สติปัญญา สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ฯ นอกจากนี�ยังเป็นเครื�องมือสำคัญที�ช่วยกระตุ้นการ สื�อสาร และเสริมสร้างทักษะสังคมอีกด้วย 1 สุนทรียศาสตร์, online เข้าถ่งจาก https://th.wikipedia.org/wiki/สุนทรียศาสตร์
144 | FACULTY Am Alteration of Concerto for Nine Instruments, Opus 24 ดร.เกรียงศักดิ� รักษาเดช | หลักสูตรทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา | [email protected] An Alteration of Concerto for Nine Instruments, Opus 24 วิดีโออาร์ต (2.15 นาที) | การถอดรหัสเสียงแผ่นแคลดนี (Cymatics Chladni plate) ดนตรีเป็นงานโสตศิลป์ (Aural arts) แตกต่างจากงานทัศนศิลป์ (Visual arts) ตรงที�เสียงดนตรีจะดำเนินไปตามเข็มนาฬิกา แต่การชมภาพเขียนมีเพียงกว้าง x ยาว สามารถรับรู้ผลงานทั�งชิ�นผ่านจักษุประสาทในครั�งเดียว แต่การรับรู้ดนตรีผ่านโสตประสาทจะค่อยๆ ปรากฏให้ได้ยินทีละส่วนๆ จากเสียงเป็นโน้ตและคอร์ด วินาทีเป็นนาทีและชั�วโมง ยุคแห่งความเร่งรีบในปัจจุบัน การชมผลงานศิลปะเป็น การชมแบบผ่านๆ ในระยะเวลาสั�นๆ แบบผิวเผิน ผลงานนี�เป็นการทดลองขยาย ขอบเขตการรับรู้ทางศิลปะที�สอดคล้องกับพฤติกรรมการรับรู้ศิลปะ เปลี�ยนเสียง ดนตรีให้เป็นภาพเพื�อลดทอนเงื�อนไขเวลาแต่ยังคงคุณค่าเดิมของผลงาน เทคนิคการสร้างสรรค์คือการถอดรหัสเสียง (Cymatics) แผ่นแคลดนี (Chladni plate) บทประพันธ์ คอนแชร์โตสำหรับเครื�องดนตรี 9 ชนิด ของอันโทน เวเบิร์น ทั�ง 3 กระบวน (Movement) เรียงต่อกันเป็นลำดับอนุกรมที�สัมพันธ์กับสีในวง ล้อคู่ 5 (Circle of fifth) ตามทฤษฎีของอเล็กซานเดอร์ สเกรียบิน โดยนำแถว โน้ตสิบสองเสียงมาแทนค่าด้วยทรายซิลิก้า (Silica sand) 12 สี ทำการถอดรหัส คลื�นเสียง 88 คีย์ ครอบคลุมทั�งบทประพันธ์ ตั�งแต่ ลา (A0) 27.50000 เฮิรตซ์ จนถ่งโน้ตสูงสุด โด (C8) 4186.009 เฮิรตซ์ นำมาจัดวางในรูปแบบแถวโน้ตสิบ สองเสียง บันท่กภาพวิดีโอการแปรเปลี�ยนลวดลายคลื�นเสียงที�เกิดข่�น การสร้างสรรค์วิดีโออาร์ตแบบจอเดียว (Single-channel) ที�ผสมแนวคิดทาง วิทยาศาสตร์เข้ากับศิลปะและดนตรี คิดไขว้ข้ามกล่องความรู้ (Lateral thinking) เพื�อให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ลวดลายคลื�นเสียงที�ปรากฏแสดงการผสมผสานของ คลื�นแสงที�มีความกลมกลืนกว่าคลื�นเสียง และคุณสมบัติของดนตรีเอโทนัล (Atonal music) ที�มีความไม่ประสานของท่วงทำนอง (Dissonance) และสีสัน ของดนตรี (Timbre) ที�หลากหลาย แม้การรับรู้เสียงและแสงของมนุษย์มีข้อ จำกัด แต่การมองเห็นเสียงและแสงในมุมมองทางวิทยาศาสตร์จะช่วยให้เข้าใจ ความหมายของดนตรีและศิลปะผ่านการรับรู้ (Perception) ในบริบทที�แตกต่าง Outstanding Innovation
FACULTY | 145 Tribe POP Art วงศ์วรุตม์ อินตะนัย | สาขาวิชาการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา | [email protected] 21 x 27 ซม. | Digital Paint “เผ่า” คือกลุ่มคนที�อยู่เป็นกลุ่มเป็นก้อนและมีวัฒนธรรมที�แตกต่าง แม้ว่าใน ความจริงจะไม่มีชนกลุ่มใดอยู่เป็นเอกเทศในพื�นที�ที�โดดเดี�ยว เมื�อเกิดแนวคิด เรื�องเผ่าพันธุ์ (race) ทำให้ความหมายของคำว่า “เผ่า” ต้องสั�นคลอนไป ในยุค สมัยของการเปลี�ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ชนเผ่า” มีการปรับตัวให้เข้ากับสมัย นิยมมากข่�น ชนเผ่าดั�งเดิมเริ�มหายไป บางส่วนเปลี�ยนแปลงวิถีชีวิตให้ทันสมัยข่�น ผู้คนเริ�มลืมเลือนชนเผ่าที�ถือเป็นรากเหง้าของสังคมในปัจจุบัน ผลงานศิลปะดิจิทัลเพนท์นี�แสดงอัตลักษณ์และสีสันความเป็น “ชนเผ่า” ในแบบ อย่างศิลปะ Pop Art ที�เข้าถ่งได้ง่ายตามสมัยนิยม ภาพกราฟิก 2 มิติ ที�แบนราบ (Flat design) เน้นสัญญะ (sign) โครงร่างชนเผ่าซูลู (Zulu) ในแถบแอฟริกาใต้ เครื�องแต่งกายและเครื�องประดับที�มีความสวยงามถูกนำมาตัดทอดผสมผสาน สีสันที�สดใสสะดุดตาจากชุดสีของศิลปะ POP Art เพื�อสร้างความร่วมสมัยและ น่าสนใจในสไตล์ภาพประกอบ Vector ภาพประกอบ Digital paint ชื�อ “Tribal POP Art” ชิ�นนี�เป็นการผสมผสานวิถี ชีวิตแบบชนเผ่าที�ตัดทอนรายละเอียด เครื�องแต่งกาย และเครื�องประดับที�มีสีสัน ผสมผสานชุดสีแบบศิลปะ Pop Art ที�สอดคล้องกัน ภาพกราฟิก 2 มิติ แบนราบ ที�นิยมนำมาใช้เป็นสื�อในแพลตฟอร์มออนไลน์สร้างการรับรู้ที�เข้าใจได้ง่าย ภาพ ของชนเผ่าถูกนำเสนอในรูปแบบศิลปะร่วมสมัย ให้ความรู้ส่กถ่งความเป็นปัจจุบัน ที�สะท้อนแนวคิดการปรับตัวของชนเผ่าให้เข้ากับยุคสมัยและการอยู่ร่วมกันใน โลกใบเดียวกันอย่างเท่าเทียม
146 | FACULTY MIRROR : FRESH STUCCO ผู้ช่ วยศาสตราจารย์นภดล สังวาลเพ็ชร | สาขาวิชาการออกแบบแฟชั�นและสินค้าไลฟ์สไตล์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา | [email protected] 110 x 50 ซม. | ปั�นปูนสด ศิลปะปั�นปูนสดสกุลช่างเพชรบุ รี นอกจากมี ลักษณะความงามผ่านรู ปทรง ลวดลาย มี คุณค่าทางประวัติ ศาสตร์ แฝงไว้ ด้ วยคติแนวคิดแล้ ว ด้านวัสดุ และกระบวนการ ผลิตถือเป็นคุณค่าพิเศษ ที� จะเป็นแนวทางในการนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เชิง เศรษฐกิ จสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี อีกทั�งเป็นศิลปะแบบอย่างไทยที�ใช้ วัสดุ และ กระบวนการที�เป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อม ถือเป็นนวัตกรรมที� สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ดังนั�นเพื�อที�จะคงไว้ด้วยแนวคิดภูมิปัญญา และเพื�อให้สอดคล้องกับ แนวทางการขับเคลื�อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที�ยั�งยืน BCG จ่งเกิดแนวคิดในการ นำภู มิปัญญาศิลปะการปั�นปูนสด มาพั ฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ โดยมี วัตถุ ประสงค์เพื�อนำรู ปแบบ ภู มิปัญญา ในการสร้างสรรค์งานปั�นปูนสด สกุลช่างเพชรบุ รี มาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที�สามารถแสดง ความเป็นตัวตน และคุณค่าความเป็นไทยแฝงไปกับวิถี ชีวิตสมัยใหม่ ผลงาน MIRROR : FRESH STUCCO เป็นการสร้างสรรค์ผลงานภายใต้แนวคิด บริบท ซ่�งการปรับเปลี�ยนจากบริบทหน่�งไปยังอีกบริบทหน่�ง จะทำให้เกิดความหมายใหม่ เมื�อผ่านการสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับแนวความคิด เทคนิคและภูมิปัญญา จะส่งผลให้เกิดคุณค่าใหม่ และหากนำคุณค่าใหม่ที�เกิดข่�นพัฒนาจนกลายเป็นนวัตกรรม จะสามารถเป็นผลิตภัณฑ์ที�ตอบสนองความต้องการของสังคม และ การเปลี�ยนแปลงของวิถี ชีวิตในปัจจุ บันได้ ในการสร้างสรรค์ผลงานได้นำเทคนิค การพิมพ์ลวดลาย มาประยุกต์ใช้ กับวัสดุ ปูนสด เพื�อให้ได้ผลงานที� มีความเหมือน จริง แต่ ยังคงเอกลักษณ์การปั�นสดไว้ อีกทั�งใช้เทคนิคการปั�นแบบตัวทับลาย ซ่�ง เป็นการปั�นให้ลวดลายยื�นออกมาจากผนัง โดยการใช้โครงลวดเป็นตัวย่ดเหนี�ยว นำลวดลายที�ได้ มาจัดองค์ประกอบใหม่ ด้ วยการปั�นให้ลวดลายสลับพันเกี�ยว เพื�อ สร้างความน่าสนใจให้ กับผลิตภัณฑ์ รู ปแบบ แนวคิด และภู มิปัญญางานศิลปะการปั�นปูนสดสกุลช่างเพชรบุ รี ล้ วน เป็นคุณลักษณะพิเศษ ที� มี คุณค่าสามารถนำมาเพิ�มมูลค่าให้ กับผลิตภัณฑ์ ซ่�งเป็น ที� ต้องการในปัจจุ บัน ด้ วยรู ปแบบที� มี คุณลักษณะเฉพาะตัว คุณสมบัติของวัสดุที� เป็นมิตรกับสิ�งแวดล้อม และภู มิปัญญาในกระบวนการสร้างสรรค์งาน เมื�อนำมา ปรับเปลี�ยนบริบทใหม่ ด้ วยกระบวนการออกแบบสร้างสรรค์ จะได้ผลิตภัณฑ์ที� มี คุณค่าใหม่สามารถเป็นแนวทางในการต่อยอดภู มิปัญญา เป็นสื�อในการเรียนรู้ และสร้างสรรค์ สืบต่อไปในอนาคตได้อย่างยั�งยืน
FACULTY | 147 รําลึกอาจารย์ถวัลย์บ้านดํา อภินันท์ ปานเพชร | สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ | [email protected] 60 x 80 ซม. | Digital Painting การสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� เป็นการสร้างสรรค์เพื�อให้เกิดการสื�อความหมายของ ภาพอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี รำล่กถ่งท่าน โดยใช้สีเป็นองค์ประกอบเลือกสรร ลดทอน ตัดทอน เพิ�มเติมภาพ ให้สื�อแสดงความหมาย อารมณ์ ความรู้ส่ก ความคิด รำล่กน่กถ่ง และจินตนาการ ไปสู่เรื�องราวในรูปแบบผลงานความสำคัญของการ สร้างสรรค์ของผลงาน วัตถุประสงค์ของการผลิตผลงานสร้างสรรค์ 1) เพื�อศ่กษา ค้นคว้าทดลองและสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบดิจิทัลเพนท์ติ�ง 2) เพื�อเป็นการค้นหา แนวทางการนำเสนอเผยแพร่ในการสร้างสรรค์ผลงานดิจิทัลเพนท์ติ�ง การเรียน การสอนในสาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ 3) เพื�อเป็นการส่งเสริมพัฒนารูปแบบผลงานศิลปะในการสร้างสรรค์ที�เกี�ยวกับภาพบุคคลในรูปแบบดิจิทัลเพนท์ติ�ง กระบวนการของการผลิตผลงานสร้างสรรค์ 1) การศ่กษาค้นคว้าข้อมูล ซ่�งเป็น ที�มาของแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ 2) กำหนดกรอบความคิดและวางขอบเขตในการสร้างสรรค์ผลงาน ทั�งรูปแบบเทคนิค สื�อ และวิธีการ 3) สร้างเรื�องราว ปฏิบัติการสร้างสรรค์ผลงาน 4) วิเคราะห์เรื�องราวเนื�อหาหัวข้อผลงานสร้างสรรค์ ในประเด็น ปรับปรุง แก้ไข สิ�งที�เกิดข่�นและพัฒนาผลงานสร้างสรรค์ให้สมบูรณ์ และทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ผลงาน การสร้างสรรค์ผลงานดิจิทัลเพนท์ติ�ง “รำล่กอาจารย์ถวัลย์ บ้านดำ” ผู้สร้างสรรค์ได้กำหนดเทคนิค ผสมผสานระหว่างภาพถ่ายกับคอมพิวเตอร์กราฟิก โดยกำหนดรูปแบบภาพบุคคล สร้างสรรค์อย่างไรให้มีความแตกต่าง ความน่าสนใจ ใน กระบวนการวิธีการทำงานอาศัยหลักการทางศิลปะและทัศนธาตุ ได้แก่ เส้น สี รูปทรง ค่าน�ำหนัก สัดส่วนและพื�นที�ว่าง มาใช้เป็นหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน ด้านรูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานใช้เทคนิคดิจิทัลเพนท์ติ�งกำหนดโครงสร้าง โทนสีกำหนดเรื�องราว เพื�อสะท้อนความรู้ส่ก สงบ เยือกเย็น เศร้า การเคารพ รำล่กน่กถ่ง อันเป็นผลที�เกิดจากภาพจำในอดีตอันดีงามของผลงานที�สร้างสรรค์ข่�น การสร้างสรรค์ผลงาน “รำล่กอาจารย์ถวัลย์ บ้านดำ” ได้ก่อให้เกิดแนวทางใน การสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบเทคนิคดิจิทัลเพนท์ติ�ง โดยการนำภาพของศิลปิน บุคคลสำคัญมารำล่กน่กถ่ง ใช้เป็นเรื�องราวในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยใช้ กระบวนการด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กราฟิกในการสร้างสรรค์เพื�อเผยแพร่ นำเสนอความงาม เพื�อสื�อถ่งอารมณ์ ความรู้ส่ก ทางสุนทรียภาพ เป็นแนวทาง ความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบใหม่ๆ นอกจากการวาดภาพบนเฟรม ผ้าใบที�เห็นทั�ว ๆ ไป จะเป็นภาพวาดจิตรกรรมภาพเหมือน จ่งเป็นประโยชน์ต่อ การเรียนการสอนในรายวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก และจิตรกรรมดิจิทัลต่อนักศ่กษา และการนำเสนอไปประยุกต์ใช้ในสื�อต่างๆ ต่อไป ทั�งนี�การนำเสนอถ่ายทอดการ สร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� เป็นความถนัดความชอบในการสร้างสรรค์เฉพาะตนของ ผู้สร้างสรรค์เอง
148 | FACULTY กิเลสระเริง รองศาสตราจารย์สิทธิกร เทพสุวรรณ | สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื�อ คณะวิทยาการสื�อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี | [email protected] 140 x 140 ซม. | สีอะคริลิกผสมสีสเปรย์ ผู้สร้างสรรค์มุ่งเน้นพัฒนาเนื�อหา แนวความคิดและรูปแบบผลงานศิลปะ ที� สะท้อนให้เห็นถ่งจิตใจที�ตกต�ำของมนุษย์ ซ่�งมีต้นเหตุจากความต้องการไม่รู้จัก พอจนขาดสติ จนเกิดเป็นสภาวะของกิเลสเข้าครอบงำจิตใจ โดยในผลงานจะ ปรากฏรูปทรงที�ใช้แทนความหมายของกิเลส คือรูปทรงอมนุษย์ที�มีขนาดใหญ่ แสดงท่าทางเริงร่า ในสภาวะหลงลืมสติและขาดจิตแห่งความเป็นมนุษย์ที�ดีงามโดยมิได้คำน่งผลเสีย ปัจจัยเหล่านี�เองเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ผู้สร้างสรรค์ เกิดจินตนาการ คิดค้นเนื�อหา รูปแบบ และแนวทางใช้แสดงออกในการสร้างสรรค์ ผลงานจิตรกรรมในครั�งนี� เมื�อกิเลสเข้ามากระทบจิตใจของมนุษย์ทำให้จิตใจเกิดความหมองเศร้า ส่งผลให้ สภาวะจิตตกต�ำ ไร้ซ่�งสติและขาดสำน่กอันดีงาม จ่งทำให้สำน่กแห่งความเป็น มนุษย์ลดน้อยลงไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั�นการรู้เท่าทันกิเลสจ่งเป็นสิ�งสำคัญที�ควรพ่ง ระล่กในยามที�จิตกำลังตกอยู่ในสภาวะแห่งกิเลส เพื�อปลุกและสร้างสามัญสำน่ก แห่งการตื�นรู้เกิดเป็นปัญญา ไม่ตกอยู่ในวังวนของกิเลสอันเป็นต้นเหตุแห่งความ หมองเศร้าอีกต่อไป โดยขั�นตอนในการสร้างสรรค์ผลงานมี 4 ขั�นตอน ดังนี� 1) ศ่กษาข้อมูลเพื�อหา แนวทางในการสร้างสรรค์ 2) การร่างภาพ 3) การสร้างสรรค์ผลงานจริง 4) แก้ไขปรับปรุงผลงานให้มีความสมบูรณ์ตามความต้องการ และตกแต่งราย ละเอียดตัวภาพ เพื�อสร้างให้ภาพผลงานเกิดความสมบูรณ์ที�สุด การสร้างสรรค์ผลงานในครั�งนี�ผู้สร้างสรรค์ได้หยิบยกเนื�อหาและความสำคัญ ของจิตใจที�ถูกกิเลสเข้าครอบงำเป็นประเด็นหลัก ดังนั�นการถ่ายทอดรูปแบบ และเนื�อหาของกิเลสที�ได้รับแรงบันดาลใจจากความอยาก และความต้องการที� ไม่สิ�นสุดของมนุษย์ จ่งเป็นการถ่ายทอดทัศนคติส่วนตัวที�เล็งเห็นมุมมืดในสภาวะ จิตของมนุษย์ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมในรูปแบบก่�งนามธรรมที� อาศัยการตีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ประกอบกับเทคนิคการสร้างพื�นผิวด้วยสี สเปรย์ที�มีความลงตัวกับรูปแบบของผลงาน จ่งทำให้ผลงานเกิดความสมบูรณ์ส่ง เสริมให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจและตระหนักถ่งความเสื�อมถอยด้านจิตใจ อันเป็น บ่อเกิดแห่งความทุกข์ที�มีแต่สร้างผลเสียให้กับตนเองและผู้อื�นในสังคม