The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanyarat Tararitsri, 2024-03-18 02:45:53

รายงานผลการทดลองวิทยาศาสตร์ 20 กิจกรรม

รายงาน 20 กิจกรรม

1


ก คํานํา การเรียนรู้การทดลองวิทยาศาสตร์ เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้หรือการค้นคว้าหาคำตอบ ในสิ่งที่เด็ก ๆ อยากรู้หรือสงสัยด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่เด็ก ๆ ได้เลือกศึกษาตามความสนใจของ ตนเอง หรือของกลุ่มเป็นการตัดสินใจร่วมกัน เป็นกิจกรรมทดลองวิทยาศาสตร์ที่เด็กอยากรู้และสนใจ มีการ จัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น กระบวนการกลุ่ม รายบุคคล การฝึกคิด การแก้ปัญหาและการ ร่วมมือกันคิด ฯลฯ เด็กๆได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเองและได้เรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรง เด็กมี ความสนใจและกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี รู้จักหน้าที่ ความ รับผิดชอบของตนเอง รู้จักการ รอคอย เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความภาคภูมิใจในตนเองและผู้อื่น ขอขอบพระคุณ นางสาวจุฑามาศ จอมทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดบางบูชา ที่สนับสนุน กิจกรรมการทดลอง วิทยาศาสตร์ ให้กำลังใจและคำปรึกษาที่ดีตลอดมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมการ ทดลองวิทยาศาสตร์ จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจและ หากท่านผู้รู้มีคำแนะนำเพื่อจะพัฒนากิจกรรมการ ทดลองและโครงงานวิทยาศาสตร์ ยินดีน้อมรับเพื่อ จะได้นำไปปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่ารายงานสรุปกิจกรรมฉบับนี้คงเป็นประโยชน์ต่อคุณครูระดับปฐมวัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้จัดทำ กัญรัตน์ ธรฤทธิ์ศรี


ข สารบัญ เรื่อง หน้า 1. กิจกรรมทดลอง สนุกกับฟองสบู่ 1 2. กิจกรรมทดลอง พับหรือตัดก็ทับกันสนิท 4 3. กิจกรรมทดลอง งูเต้นระบำ 7 4. กิจกรรมทดลอง ติดหนึบโดยไม่ใช้กาว 10 5. กิจกรรมทดลอง ภาพเคลื่อนไหว 13 6. กิจกรรมทดลอง ทอร์นาโดในขวด 16 7. กิจกรรมทดลอง ลูกข่างหลากสี 19 8. กิจกรรมทดลอง ปั๊มขวดและลิฟต์เทียน 22 9. กิจกรรมทดลอง ภูเขาไฟระเบิด 25 10. กิจกรรมทดลอง แสงเลี้ยวเบน 28 11. กิจกรรมทดลอง น้ำ ทราย น้ำมัน 31 12. กิจกรรมทดลอง อากาศมีแรงกระทำ 34 13. กิจกรรมทดลอง กักน้ำไว้ได้ 37 14. กิจกรรมทดลอง เมล็ดพืชเต้นระบำ 40 15. กิจกรรมทดลอง หมุดลอยน้ำ 43 16. กิจกรรมทดลอง หลอดดำน้ำ 46 17. กิจกรรมทดลอง ไหลแรงหรือค่อย 49 18. กิจกรรมทดลอง ลูกโป่งพองโต 52 19. กิจกรรมทดลอง การจัดหมวดหมู่ 55 20. กิจกรรมทดลอง ปริมาณน้ำในแก้วเท่ากันหรือไม่ 58


1 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 1 ชื่อกิจกรรม สนุกกับฟองสบู่ ( น้ำ ) จุดประสงค์ 1. ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 2. เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูร่วมสนทนาร่วมกันกับเด็กเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมที่เด็กๆ เคยเห็นเวลาที่ช่วยคุณแม่ล้างจาน ซัก ผ้า ฟองสบู่มีรูปร่างอย่างไร สีอะไร 2. แบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน 3. ให้เด็กๆ ทดลองเป่าลม โดยใช้หลอดเป่าลูกปิงปองหรือสำลีก่อนแล้วมาทดลองเป่าน้ำในชาม 4. ให้เด็กๆ ทดลองเป่าน้ำที่ใส่น้ำยาล้างจานลงไป พร้อมร่วมกับอภิปรายว่าเกิดอะไรขึ้น 5. ถามเด็กๆ ว่า ทำอย่างไรจึงจะเป่าฟองสบู่ได้ขนาดใหญ่ โดยฝึกให้เด็กเป่าลมสั้นๆแต่แรงกับเป่าเบา ๆ ช้า ๆสลับกัน (สังเกตว่าเด็กเป่าฟองได้หรือไม่) 6. ครูถามเด็กๆ ว่าฟองสบู่ที่เกิดขึ้นมีรูปร่างเหมือนอะไร มีสีอะไร 7. ครูและเด็กร่วมกันสรุปผลการทดลองเรื่อง สนุกกับฟองสบู่ ซึ่งจากการทดลองจะสังเกตได้ว่า สารลด แรงตึงผิวสามารถทำให้เด็กๆ เป่าน้ำให้เป็นฟองลอยในอากาศได้ฟองสบู่เป็นทรงกลมเสมอ และเมื่อแสงส่องผ่าน ฟองสบู่จะมองเห็นฟองสบู่เป็นสีรุ้ง 8. เด็กๆ บันทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสีให้สวยงาม


2 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 1 สนุกกับฟองสบู่ วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลองสนุกกับฟองสบู่ การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


3 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 1.2 เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้โดยการทดลองเรื่อง สนุกกับฟองสบู่ ซึ่งจากการทดลองจะสังเกตได้ว่า สารลดแรงตึงผิว สามารถทาให้เด็กๆ เป่าน้ำให้เป็นฟองลอยในอากาศได้ ฟองสบู่เป็นทรงกลมเสมอ และเมื่อแสงส่องผ่านฟองสบู่จะมองเห็นฟองสบู่เป็นสีรุ้ง 1.3 เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองของตนเองได้ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลอง ได้โดยใช้คำพูดของตัวเอง - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเนทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหว่างปฏิบัติกิจกรรม 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กตื่นเต้นสนุกสนานมีความสุขในการทดลอง และขณะปฏิบัติกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กสามารถเป่าน้ำยาล้างจานให้เป็นฟองได้


4 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 2 ชื่อกิจกรรม พับหรือตัดก็ทับกันสนิท จุดประสงค์ 1.เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 2.เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 3.เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ 4.เด็กสามารถสังเกตได้ว่า การพับซ้อนกันหรือพับครึ่งจนเป็นรูปสมมาตรที่สวยงาม ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูสนทนาซักถามเกี่ยวกับการตัดกระดาษและการพับสีเป็นรูปต่างให้เด็กๆตามจินตนาการ ครูร่วมสนทนากับนักเรียนกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวันการตัดกระดาษตกแต่งบอร์ดต่างๆ 2. เตรียมอุปกรณ์การทดลองพับหรือตัดก็ทับกันสนิท 3. เด็กๆบอกชื่ออุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองพับหรือตัดก็ทับกันสนิท 4. ครูอธิบายขั้นตอนในการทดลอง 5. ให้นักเรียนนำกระดาษมาพับครึ่ง แล้วใช้กรรไกรตัดด้านที่พับเป็นรูปต่างๆ เช่น สามเหลี่ยม เป็นต้น 6. ให้เด็กพับกระดาษซ้อนกันหลายๆทบ และตัดกระดาษที่พับเป็นรูปต่างๆ 7. ให้เด็กตัดกระดาษเป็นรูปต่างๆแล้วคลี่ออก 8. ให้สังเกตผลการทดลองว่าได้ภาพลักษณะใด 9. ให้เด็กนำเสนอผลงาน 10.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองเรื่อง พับหรือตัดก็ทับกันสนิท พบว่าการสร้างรูปสมมาตร จากการหยดสีบนกระดาษ หลักการพื้นฐานคือ แบ่งเป็น 2 ส่วน เท่าๆ กัน รูปหนึ่งจะเป็นรูปสมมาตรได้ก็ต่อเมื่อ พับแล้วรูปทับกันสนิทพอดี


5 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 2 ตัดหรือพับก็ทับกันสนิท วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมการทดลอง “ตัดหรือพับก็ทับกันสนิท” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


6 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1.ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.เพื่อให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 2.เพื่อให้เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 3.เพื่อให้เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ 4.เพื่อให้เด็กสามารถสังเกตได้ว่า การพับซ้อนกันหรือพับครึ่งจนเป็นรูปสมมาตรที่สวยงาม 2.พัฒนาการความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กได้เรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ได้ฝึกการลงมือปฏิบัติและหาคำตอบ พูดคุย สื่อสารการเล่า วิธีการพับ ซ้อนกันหรือพับครึ่งจนเป็นรูปสมมาตรที่สวยงาม - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลอง ได้โดยใช้คำพูดของตัวเอง - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การ คาดคะเนทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทางานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหว่างปฏิบัติกิจกรรม 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กตื่นเต้นสนุกสนานมีความสุขในการทดลอง และขณะปฏิบัติกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กสามารถทดลองการเคลื่อนไหวของงูเหนือเปลวเทียนเพื่อให้งูเต้นระบำ - เด็กสามารถวาดภาพลงในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน


7 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 3 ชื่อกิจกรรม งูเต้นระบำ จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กมีทักษะการสังเกต 2. เพื่อให้เด็กรู้จักเปรียบเทียบอุณหภูมิร้อนกับเย็นจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน 3. เพื่อให้เด็กทำกิจกรรมการทดลองด้วยตนเอง ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูและเด็กร่วมสนทนาเกี่ยวกับอากาศร้อน ใครเคยเห็นไอร้อนลอยขึ้นมาจากถนนหรือพื้นสนาม จะ เห็นแสงมาจากถนน และอยากรู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร 2. เด็ก ๆ ทดลองโดยใช้กระดาษโดยให้วาดวงกลมตามแบบลงบนกระดาษ และใช้กรรไกรตัดออกมา ครู สอนวิธีวาดงูลงบนแผ่นวงกลมให้กับเด็ก และระบายสีเมื่อเด็ก ๆ ระบายสี “งู”เสร็จแล้วให้ใช้กรรไกรตัดตามเส้น ที่วาดรูปงูออกมา 3. เจาะที่รูกึ่งกลางหัวงูแล้วร้อยด้ายลงไป 4. ให้เด็กจับหรือแขวนงูกระดาษให้เหนือเทียนที่จุดไฟ เด็กๆ สังเกตเห็นงูกระดาษหมุนเด็กตอบ งูจะเริ่ม หมุนเมื่อโดนความร้อนและจะหมุนเร็วขึ้นเหมือนมีความร้อนมาก 5. ครูใช้คำถามกระตุ้น ถ้าเราดับไฟ จะเป็นอย่างไร เด็กๆ ตอบ “งูจะหยุดหมุน” 6. ให้เด็กทดลองทำกิจกรรมด้วยตนเองโดยมีครูดูแลอย่างใกล้ชิด 7. เด็กบันทึกผลกำรทดลอง 8. เด็กนำเสนอผลงาน 9. เด็กและครูร่วมกันสรุปว่า อากาศร้อนขยายตัว เคลื่อนที่เร็วและมีน้ำหนักเบา อากาศร้อนจึงเคลื่อนที่ ลอยขึ้นด้านบน ส่วนอากาศเย็นน้ำหนักจะหนักกว่า จะหดตัวเคลื่อนที่ช้ำ จะลอยต่ำลง


8 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 3 งูเต้นระบำ วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “งูเต้นระบำ” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


9 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 1.2 เด็กได้ใช้ทักษะการสังเกต เปรียบเทียบลักษณะอุณหภูมิที่มีความแตกต่างเรื่องอุณหภูมิร้อนกับเย็น 1.3 เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองของตนเองได้ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กได้เรียนรู้ในเรื่องอุณหภูมิร้อนกับเย็นจะมีความแตกต่างกันของอากาศร้อนจะ เบาและลอยตัวขึ้นด้านบน อากาศเย็นจะหดตัวจับตัวกันแน่นจึงหนักกว่าและลอยต่ำลง - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลอง ได้โดยใช้คำพูดของตัวเอง - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเนทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหว่างปฏิบัติกิจกรรม 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กตื่นเต้นสนุกสนานมีความสุขในการทดลอง และขณะปฏิบัติกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กสามารถทดลองการเคลื่อนไหวของงูเหนือเปลวเทียนเพื่อให้งูเต้นระบำ - เด็กสามารถวาดภาพลงในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน


10 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 4 ชื่อกิจกรรม ติดหนึบโดยไม่ต้องใช้กาว จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการเกิดไฟฟ้าสถิต 2. เพื่อให้เด็กเรียนรู้เรื่องการดูดการผลักของวัตถุที่มีไฟฟ้าสถิต ข้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูชวนเด็กสนทนาเกี่ยวกับอากาศในช่วงฤดูหนาว เราควรปฏิบัติตนและแต่งกายอย่างไรเพื่อให้ เหมาะกับฤดูหนาว 2. ครูเตรียมอุปกรณ์ทดลองและให้เด็กทดลองน้ำวัตถุสองสิ่งถูกันแล้วน้ำไปวางใกล้เศษกระดาษหรือเม็ด โฟม ครูอธิบายขั้นตอนการทดลอง 3. เด็กๆทดลองใช้ผ้าขนหนู ครูชวนเด็กทำกิจกรรมโดยใช้คำถามกระตุ้น ดังนี้ - นำผ้าขนสัตว์มาถูกับลูกโป่งแล้วน้ำไปวางเหมือนโฟมหรือกระดาษชิ้นเล็ก จะเกิดอะไรขึ้น เด็กๆ : ลูกโป่งจะดูดเม็ดโฟมและกระดาษติดที่ลูกโป่ง - ถ้ำเราน้ำลูกโป่งมาถูกับผมหรืออุปกรณ์อื่นที่เป็นพลาสติก แล้วนำมาใกล้กับเม็ดโฟมและกระ ดาษจะเกิดอะไรขึ้น เด็ก : กระดาษขยับไปมา เม็ดโฟมติดลูกโป่ง - เมื่อถูลูกโป่งกับผ้าขนหนู หรือเส้นผมนานๆนำมาใกล้ๆจะทำให้ผมชี้ขึ้นข้างบน 4. เด็กบันทึกผลการทดลองที่พบ 5. เด็กนำเสนอผลการทดลอง 6. เด็กและครูร่วมกันสรุปว่าเมื่อนำวัตถุสองสิ่งมาถูกันจะเกิดเสียดสี ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต เมื่อนำไป ใกล้กับวัสดุที่ชิ้นเล็กหรือเบาเกิดการเหนี่ยวนำ ดูดเข้ามาหากันได้วัสดุบางชนิดเมื่อเสียดสีกันจะถ่ายอิเล็กตรอนให้ กัน และเมื่อแยกออกจากกันจะทำให้วัสดุแต่ละอันมีไฟฟ้าสถิตวัสดุที่มีประจุไฟฟ้าต่างกันจะดูดเข้าหากัน วัสดุ ไฟฟ้าไฟฟ้าทีเหมือนกันจะผลักกัน


11 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 4 ติดหนึบโดยไม่ต้องใช้กาว วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ติดหนึบโดยไม่ใช้กาว” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


12 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กได้เรียนรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตจะมีประจุไฟฟ้า เมื่อวัสดุสองสิ่งมีประจุไฟฟ้าขั้วต่างกันจะดูด เข้าหากันแต่ถ้าขั้วเหมือนกันจะผลักกัน 1.2 เด็กทราบเมื่อนำวัสดุสองสิ่งมาเสียดสีกัน จะเกิดไฟฟ้าสถิต เมื่อนำไปใกล้กับวัสดุที่เบาก็จะ สามารถเหนี่ยวนำวัสดุเข้ามาหากันได้ 2. พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ เด็กได้เรียนรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตจะมีประจุไฟฟ้า เมื่อวัสดุสองสิ่งมีประจุไฟฟ้าขั้วต่างกันกันจะดูดเข้า หากัน แต่ถ้ำขั้วเหมือนกันจะผลักกันเหมือนกับแม่เหล็ก เมื่อน้ำวัสดุสองสิ่งมาเสียดสีกัน จะ เกิดไฟฟ้าสถิต เมื่อน้ำไปใกล้กับวัสดุที่เบาก็จะสามารถเหนี่ยวน้ำทำให้งูกระดาษไปมาเหมือนกับงูเต้นระบำ ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ตนเองคิด อธิบายสิ่งที่พบเห็น - การอ่าน อ่านตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง อ่านบัตรค้ำชื่ออุปกรณ์ - การเขียน เด็กส่วนใหญ่วาดภาพสื่อสารสิ่งได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมได้ชัดเจน ด้านสติปัญญา - เด็กส่วนใหญ่สามารถทำการทดลองและเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจากการลงมือทำ กิจกรรมด้วยตนเอง เมื่อนำวัสดุสองสิ่งมาเสียดเสียดสีกันจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต และนำไปใกล้วัสดุที่เบาจะเกิด การเหนี่ยวนำและถูกดูดได้ จากกิจกรรมพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อน้ำลูกโป่งมาถูกับผมแล้วน้ำไปวางเหนือศีรษะ จะเกิดการดูดผมให้ตั้งขึ้นได้ 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน รู้จักมารยาทในการฟัง การพูดยกมือก่อนจะพูด ควบคุม ตนเองปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มย่อย 2.3 ด้านอารมณ์ –จิตใจ - แสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติ มีสมาธิจด จ่อกับกิจกรรมการทดลอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก- ใหญ่ เคลื่อนไหว การหยิบจับอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมได้ คล่องแคล่ว


13 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 5 กิจกรรม ภาพเคลื่อนไหว จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการเกิดภาพเคลื่อนไหว 2. เพื่อให้เด็กเรียนรู้และสร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ ได้ ข้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูชวนเด็กสนทนาเกี่ยวกับภาพยนตร์ประกอบด้วยภาพนิ่งหลายภาพเรียงต่อกัน ภาพที่ต่อกันนั้นมี ลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย ภาพเหล่านี้จะเคลื่อนที่ต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ทำให้ตาของเราไม่เห็นว่าเป็นภาพนิ่ง สมองจึงแปลผลเป็นภาพเคลื่อนไหวในที่สุด 2. ครูเตรียมอุปกรณ์ทดลองและให้เด็กทดลอง กระดาษ ดินสอ สีเมจิก ครูอธิบายขั้นตอนการทดลอง 3. เด็กๆทดลองสร้างภาพเคลื่อนไหวพับแบ่งครึ่งกระดาษเป็นสองส่วน วาดภาพที่ส่วนบนและส่วนล่าง ให้มีลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อยใช้ดินสอเปิดปิดกระดาษแผ่นบนอย่างรวดเร็ว จะเห็นภาพเปลี่ยนไปอย่าง รวดเร็ว และรู้สึกเหมือนว่ากำลังเคลื่อนไหว - ถ้าเราวาดรูป 2 รูป เหมือนกัน จะเกิดอะไรขึ้น เด็ก : ภาพที่เห็นจะเป็นภาพเดิมไม่รู้สึกว่าภาพเคลื่อนไหว - ทำไมต้องวาดรูป ใบหน้าที่มีความแตกต่างกัน เพราะอะไร เด็ก : การวาดภาพแตกต่างกันเวลาใช้ดินสอหมุนเพื่อเลื่อนภาพจะเห็นว่าภาพเกิดการ เคลื่อนไหว 4. เด็กบันทึกผลการทดลองที่พบ 5. เด็กนำเสนอผลการทดลอง 6. เด็กและครูร่วมกันสรุปว่า การทดลองภาพเคลื่อนไหวว่า ต้องวาดภาพที่ส่วนบนและส่วนล่างให้มี ลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อยใช้ดินสอเปิดปิดกระดาษแผ่นบนอย่างรวดเร็ว และเด็กนี้เด็กๆ ได้มีความเข้าใจแบบ ง่ายๆ โดยได้วาดภาพ ระบายสี ทำภาพเคลื่อนไหวหน้าคนดีใจ เสียใจ สองอริยะบทที่แตกต่างกัน เมื่อเราใช้ ดินสอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว กระดาษจะเปิดปิดทำให้มองเห็นภาพเหมือนได้เคลื่อนไหวอยู่


14 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 5 “ ภาพเคลื่อนไหว” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมการทดลอง “ภาพเคลื่อนไหว” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


15 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1. เด็กได้เรียนรู้เรื่องการเกิดภาพเคลื่อนไหว 2. เด็กเรียนรู้และสร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆได้ 2. พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้เรียนรู้มีความเข้าใจแบบง่ายๆ โดยได้วาดภาพ ระบายสี ทำภาพเคลื่อนไหว หน้าคนดีใจ เสียใจ สองอริยะบทที่แตกต่างกัน เมื่อเราใช้ดินสอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว กระดาษจะเปิดปิดทำให้ มองเห็นภาพเหมือนได้เคลื่อนไหวอยู่ ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ตนเองคิด อธิบายสิ่งที่พบเห็น - การอ่าน อ่านตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง อ่านบัตรค้ำชื่ออุปกรณ์ - การเขียน เด็กส่วนใหญ่วาดภาพสื่อสารสิ่งได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมได้ชัดเจน ด้านสติปัญญา - เด็กส่วนใหญ่สามารถทำการทดลองและเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจากการลงมือทำ กิจกรรมด้วยตนเองเมื่อพับแบ่งครึ่งกระดาษเป็นสองส่วน วาดภาพที่ส่วนบนและส่วนล่างให้มีลักษณะแตกต่างกัน เล็กน้อยใช้ดินสอเปิดปิดกระดาษแผ่นบนอย่างรวดเร็ว จะเห็นภาพเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และรู้สึกเหมือนว่า กำลังเคลื่อนไหว 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน รู้จักมารยาทในการฟัง การพูดยกมือก่อนจะพูด ควบคุม ตนเองปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มย่อย 2.3 ด้านอารมณ์ –จิตใจ - แสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติ มีสมาธิจด จ่อกับกิจกรรมกำรทดลอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก- ใหญ่ เคลื่อนไหว การวาดภาพ ระบายสีการหยิบจับอุปกรณ์ใน การทำกิจกรรมได้คล่องแคล่ว


16 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 6 ชื่อกิจกรรม ทอร์นาโดในขวด จุดประสงค์ 1.เพื่อให้เด็กบอกคุณสมบัติของน้ำและอากาศได้ 2.เพื่อให้เด็กอธิบายและปฏิบัติกิจกรรมกรรมการทดลองทอร์นาโดในขวดได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. เติมน้ำใส่ขวดใบหนึ่งประมาณ 2/3 ส่วน และหยดสีผสมอาหารลงไป 2. หมุนข้อต่อให้แน่นกับขวด ขวดใบที่ 1 เติมน้ำแล้วนำขวดเปล่าวางคว่ำไว้ด้านบนและหมุนปิดให้แน่น ถามเด็กๆว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพลิกขวดกลับด้าน 3. พลิกขวดกลับด้านให้ขวดเปล่าอยู่ด้านบน ถามเด็กว่า ทำไมน้ำในขวดบนจึงไม่ไหลลงมาในขวดเปล่า ให้เด็กๆลองคิดหาวิธีทำให้น้ำไหลลงมาไหลลงมา (ให้เด็กตั้งสมมติฐาน) 4. กระตุ้นให้เด็กๆคิดหาวิธีทำให้น้ำไหลจากขวดบนลงขวดล่าง ใครสามารถทำให้น้ำไหลลงมาได้ก่อน เด็กๆจะพยายามเอียง เขย่าหรือกดขวดทั้ง 2 ใบ 5. ครูลองกดขวดทั้งสองใบ ทั้งด้านบนและด้านล่างแล้วสังเกตเกตเห็นอะไรบ้าง 6. ครูตั้งหัวข้อให้เด็กสังเกตว่าก่อนอื่นต้องมีพื้นที่ว่างเหลือให้น้ำไหลลงด้านล่างและอากาศเคลื่อนที่ไป ด้านบนได้ เมื่อมีแรงดันด้วยการบีบขวดใบล่าง ฟองอากาศจะเคลื่อนที่ขึ้นด้านบน ด้านล่างจึงมีพื้นที่ว่าง และรับ น้ำเข้ามาแทนที่ 7. สร้างพายุทอร์ทอนาโดโดยหมุนเกลียวอย่างรวดเร็ว ครูช่วยเด็กเพื่อให้ได้เห็นผลที่ชัดเจนโดยใช้มือบีบ ขวดด้านล่างปล่อยมือบีบขวดด้านบน น้ำจะพุ่งเป็นสายลงด้านล่าง เมื่อหยุดสร้างแรงดันอากาศฟองอากาศ ปริมาตรเท่ากันจะลอยขึ้นด้านบน เมื่อหมุนขวดจะเกิดสมดุลของน้ำและอากาศขึ้น พร้อมกับอากาศจะเคลื่อนตัว ผ่านน้ำวนไปด้านบนและทำให้น้ำไหลผ่านผิวด้านข้างขวดลงด้านล่าง


17 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 6 “ ทอร์นาโดในขวด ” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมการทดลอง “ทอร์นาโดในขวด” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


18 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดตามวัตถุประสงค์ 1.1 เพื่อให้เด็กบอกได้ว่าน้ำในอากาศ ไม่สามารถอยู่ในที่เดียวกัน ณ เวลาเดียวกันได้ 1.2เพื่อให้เด็กสามารถอธิบายและทำการทดลองพายุทอร์นาโดในขวดเกิดขึ้นจากน้ำจากขวดที่อยู่ ด้านบนไหลดันอากาศลงมาขวดด้านล่างถ้าเขย่าขวดแรงๆอากาศก็เคลื่อนที่เร็ว น้ำก็ไหลแรง หมุนเหมือนพายุ 2. พัฒนาการความสามารถขั้นพื้นฐานและพัฒนาการเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ตนเองคิด อธิบายสิ่งที่พบเห็น - การอ่าน อ่านตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง อ่านบัตรค้ำชื่ออุปกรณ์ - การเขียน เด็กส่วนใหญ่วาดภาพสื่อสารสิ่งได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมได้ชัดเจน ด้านสติปัญญา - เด็กได้เรียนรู้ว่าอากาศมีตัวตนและต้องการที่อยู่ 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนเด็กมีทักษะการทางานตามกระบวนการกลุ่ม การเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดีรู้จัก รู้จักมารยาทในการฟัง การพูดยกมือก่อนจะพูด ควบคุมตนเองปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มย่อย 2.3 ด้านอารมณ์-จิตใจ - แสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติ มีสมาธิจด จ่อกับกิจกรรมการทดลอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัส มือ-ตาประสานสัมพันธ์กันในการทำกิจกรรม - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก- ใหญ่ เคลื่อนไหว การหยิบจับอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมได้ คล่องแคล่ว


19 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 7 ชื่อกิจกรรม ลูกข่างหลากสี(แสง สี การมองเห็น) จุดประสงค์ 1. เด็กได้เรียนรู้เรื่องความเฉื่อย (การตอบสนองในการรับภาพของดวงตา) 2. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูร่วมสนทนากับเด็กเกี่ยวกับ.สิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน การมองเห็นล้อรถที่หมุนอย่างรวดเร็ว 2.. ให้เด็กๆทำ ลูกข่างโดยใช้แผ่น ซีดีเป็นแบบวาดวงกลมลงบนกระดาษและตัดออกมา 3. ให้เด็กๆช่วยกันระบายสีลงบนกระดาษวงกลม ระบายสีตกแต่งลูกข่างกระดาษด้วยสีเพียงสองสี เช่น สีเขียวและสีแดง ถ้าระบายสีลูกข่างด้วยสีหนึ่งมากกว่าอีกสีหนึ่ง เมื่อลูกข่างหมุนจะเกิดการผสมสีสวยงาม 4. ใช้กาวติดแผ่นซีดีกับแผ่นกระดาษวงกลมที่ระบายสีแล้วเจาะรูบนกระดาษให้ตรงกับตำแหน่งของรูบน แผ่นซีดีลงบนพื้นวางลูกแก้วบนแผ่นซีดี ยึดให้แน่นด้วยดินน้ำมัน 5. ให้เด็กๆหมุนลูกข่างแผ่นซีดีบนพื้น กิจกรรมนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถเพื่อให้ลูกข่างแผ่นซีดี หมุนอยู่กับที่ ให้วางแผ่นซีดีเปล่าลงบนพื้นและหมุนลูกข่างแผ่นซีดีในรูของแผ่นซีดีเปล่า เมื่อลูกข่างหมุนลายและ สีบนลูกข่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร 6. ให้เด็กแต่ละคนสังเกตเห็นความแตกต่างเหมือนกันหรือไม่ 7. ลองให้เด็กๆหมุนลูกข่างแผ่นซีดีด้วยความเร็วแตกต่างกัน เมื่อลูกข่างหมุนด้วยความเร็วต่างกันลาย และสีของลูกข่างเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมื่อลูกข่างแผ่นซีดีหมุนเร็วๆตาของเราจะไม่สามารถแยกแยะลวดลายหรือ สีสันของลูกข่างได้แต่จะเห็นแถบสีบนลูกข่างที่มีลายสีขาวดำหรือสีที่ผสมกันได้ การมองเห็นสีของเด็กแต่ละคน จะแตกต่างกันออกไปไม่มีใครผิดหรือถูก 8. ครูและเด็กร่วมกัน สรุปแนวคิด ตาขอเรามองเห็นสีต่างๆ เนื่องจากเซลล์รับสีในตาของเราที่ไวต่อสี 3 สีหลัก ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียวถูกกระตุ้น ถ้ามีสีหลากหลายสีเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตา เราไม่สามารถแยกสีต่างๆได้ทัน จึงเห็นสีต่างๆผสมเป็นสีเดียวกัน


20 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 7 “ ลูกข่างหลากสี ” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ลูกข่างหลากสี” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


21 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1.ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เพื่อให้เด็กสามารถสังเกตได้ว่า ตาของคนเรามองเห็นสีต่างๆ เนื่องจากเซลล์รับสีในตาของเราที่ไว ต่อแสงสีหลัก ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียว ถูกกระตุ้น ถ้ามีสีหลากหลายสีเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ตาเราไม่สามารถแยกสีต่างๆได้ทัน จึงเห็นสีต่างๆผสมเป็นสีเดียวกัน 2.พัฒนาการความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กเกิดการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ได้ฝึกการลงมือปฏิบัติและหาคำตอบ พูดคุย สื่อสารการเล่า วิธีการมองเห็นสีต่างๆของตา ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ตนเองคิด อธิบายสิ่งที่พบเห็น - การอ่าน อ่านตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง อ่านบัตรค้ำชื่ออุปกรณ์ - การเขียน เด็กส่วนใหญ่วาดภาพสื่อสารสิ่งได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมได้ชัดเจน ด้านสติปัญญา - เด็กๆจะได้เรียนรู้เรื่องความเฉื่อย (การตอบสนองในการรับภาพ) ของดวงตาจา ลูกข่างแผ่นซีดีโดยวาดลวดลายและสีต่างๆลงบนลูกข่างแผ่นซีดีจากนั้นสังเกตลูกข่างแผ่นซีดีที่กำลังหมุนด้วย ความเร็วต่างๆและตำแหน่งที่เราสังเกต 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนเด็กมีทักษะการทางานตามกระบวนการกลุ่ม การเป็นผู้นำ ผู้ ตามที่ดีรู้จัก รู้จักมารยาทในการฟัง การพูดยกมือก่อนจะพูด ควบคุมตนเองปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มย่อย 2.3 ด้านอารมณ์-จิตใจ - แสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติ มีสมาธิจดจ่อ กับกิจกรรมการทดลอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กเกิดทักษะความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา และใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับสิ่งต่างๆ เช่นการจับอุปกรณ์ การระบายสี การหมุนลูกข่าง


22 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 8 ชื่อกิจกรรม ปั๊มขวดและลิฟต์เทียน จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กสามารถบอกได้ว่าอากาศร้อนกับอากาศเย็นมีความต้องการที่อยู่ที่แตกต่างกัน 2. เพื่อให้เด็กบอกได้ว่าการจุดไฟต้องจุดในที่ที่มีออกซิเจน เมื่อออกซิเจนถูกใช้ในการเผาไหม้จนหมดไฟ จะดับ 3. เพื่อให้เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. เด็กนำเทียนแท่งตั้งบนเหรียญ และลิฟต์เทียนมาวางในจาน ใส่นำผสมสี 2. เด็กคาดคะเนว่า ถ้านำขวดและแก้ว คว่ำในน้ำจะเกิดอะไรขึ้น ระดับน้ำในจาน กับในขวด และแก้วจะเท่ากันหรือไม่ เด็กลงมือปฏิบัติ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น 3. ครูจุดเทียนแท่ง และลิฟต์เทียน เด็กคาดคะเนว่า ถ้านำขวดและแก้วคว่ำในน้ำ จะเกิดอะไรขึ้น ระดับน้ำในจาน กับในขวด แก้วจะเท่ากันหรือไม่ เทียนจะเป็นอย่างไร 4. เด็กนำขวด และแก้ว ครอบเทียน บนจาน สังเกตบันทึกผล 5. เด็กคว่ำขวดไว้บนจาน ขวดจะร้อนขึ้น เทียนดับน้ำจะถูกดูดเข้าไป แต่อุณหภูมิของขวดก็จะลดลง ตลอดเวลา การทดลองลิฟต์เทียน จะสังเกตเห็นเทียนดับ เทียนก็จะลอยเหนือน้ำขณะที่น้ำถูกดูดเข้าไปในแก้ว 6. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าในการทดลองจุดเทียนแท่ง และลิฟต์เทียน เมื่อเทียนถูกครอบออกซิเจนจะ ถูกใช้อย่างรวดเร็วจนหมด ทำให้เทียนดับ และขณะที่ไฟติดอากาศก็จะร้อนส่งผลให้อนุภาคของอากาศ เคลื่อนที่ออกห่างกันหรือแรงดันอากาศ เมื่อไฟดับอากาศจึงค่อย ๆ เย็นลงทำให้อนุภาคอากาศเคลื่อนตัวเข้าชิด กันทำให้แรงดันอากาศน้อยลง น้ำที่อยู่ปากขวดถูกแรงดันภายนอกดันไหลเข้าไปในขวดแทนที่อากาศที่หดตัว 7. เด็กๆบันทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสีและนำเสนอผลการทดลอง


23 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 8 ปั๊มขวดและลิฟต์เทียน ภาพวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมการทดลอง ภาพเด็กที่ทำกิจกรรม การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


24 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กๆบอกได้ว่าเมื่อคว่ำขวดครอบเทียนที่จุดไว้บนจานเมื่อเทียนดับน้ำจะถูกดูดเข้าไปในขวด ระดับน้ำในขวดจะเพิ่มขึ้น 1.2 เด็กๆบอกได้ว่าเมื่อเทียนดับจึงทำให้รู้ว่าภายในแก้วไม่มีอากาศออกซิเจนอยู่ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/สติปัญญา ด้านการเรียน - เด็กๆได้ทำการทดลองได้สังเกตเปรียบเทียบความแตกต่างของอากาศเย็นและอากาศ ร้อน - เด็กๆสังเกตได้ว่าแรงดันอากาศภายในขวดมีค่าน้อยกว่าแรงดันอากาศรอบๆขวด อากาศ ภายนอกจึงดันน้ำเข้าไปในขวดได้ - เด็กๆฝึกทักษะการสังเกต ทักษะการสื่อความหมาย ด้านภาษา - เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - เด็กตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่ตนเองสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กวาดภาพสื่อสารและนำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การ คาดคะเน ทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอย ระหว่างปฏิบัติกิจกรรมได้ 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กแสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเต้นขณะปฏิบัติกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก-ใหญ่ ในการทำกิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว


25 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 9 ชื่อกิจกรรม ภูเขาไฟระเบิด จุดประสงค์ 1. เด็กสามารถทำการทดลองภูเขาไฟระเบิดเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 2. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูนำภาพภูเขาไฟมาให้เด็กๆ ดู พร้อมกับให้สังเกตการระเบิดของภูเขาไฟ 2. ครูแบ่งเด็กออกเป็น 4 กลุ่มๆ ละเท่าๆกัน 3. ครูสาธิตการปั้นภูเขาไฟจำลองด้วยดินน้ำมัน และแจกอุปกรณ์การทดลองให้แต่ละกลุ่ม 4. ให้แต่เด็กๆละกลุ่มช่วยกันปั้นดินน้ำมันให้เป็นภูเขาไฟ 5. ให้เด็กๆแต่ละกลุ่มเทเบกกิ้งโซดาลงในปล่องภูเขาไฟจำลองที่เด็กๆ สร้างขึ้นมา 6. จากนั้นหยดสีผสมอาหารลงไป และให้เด็กๆ - สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหยดสีผสมอาหารลงไป 7. ให้แต่ละกลุ่มเทน้ำยาล้างจานลงไป - สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเทน้ำยาล้างจานลงไป 8. ให้เด็กเทน้ำส้มสายชูลงไปในปล่องภูเขาไฟอีกครั้ง สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง 9. เด็กและครูร่วมกันสรุปการทดลอง เรื่อง ภูเขาไฟระเบิด ว่าน้ำส้มสายชูมีความเป็นกรดสามารถทำให้ เกิดฟองฟู่เหมือนภูเขาไฟระเบิดได้ เมื่อใส่สีผสมอาหารลงไปก็จะทำให้เป็นฟองชัดเจนมากยิ่งขึ้น 10.เด็กๆบันทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสีให้สวยงาม


26 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 9 “ภูเขาไฟระเบิด” วัสดุอุปกรณ์ กิจกรรมการทดลอง “ภูเขาไฟระเบิด” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


27 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1.ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้โดยการทดลองเรื่อง ภูเขาไฟระเบิดได้ 1.2 เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผล นำเสนอผลงานด้วยตัวเอง 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - ได้เรียนรู้ เรื่อง ภูเขาไฟระเบิด ว่าน้ำส้มสายชูมีความเป็นกรดสามารถทำให้เกิดฟองฟู่ เหมือนภูเขาไฟระเบิดได้ เมื่อใส่สีผสมอาหารลงไปก็จะทำให้เป็นฟองชัดเจนมากยิ่งขึ้น - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลอง ได้โดยใช้คำพูดของตัวเอง - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น ทักษะการสังเกต การคาดคะเน และการเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหว่างปฏิบัติกิจกรรม 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กตื่นเต้นสนุกสนานมีความสุขในการทดลอง และขณะปฏิบัติกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว - เด็กสามารถวาดภาพลงในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน - เด็กสามารถช่วยกันปั้นดินน้ามันให้เป็นรูปภูเขาไฟได้


28 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 10 ชื่อกิจกรรม แสงเลี้ยวเบน(แสง และการมองเห็น) จุดประสงค์ 1.ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาค าตอบได้ 2.เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 3.เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการมองเห็นสิ่งของที่อยู่ใต้น้ำ 2. เด็กและครูช่วยกันจัดเตรียมสื่อ อุปกรณ์การทดลอง 3. เด็กนำแก้ว 2 ใบ วางบนโต๊ะ แก้วใบที่ 1 ไม่ต้องเติมน้ำ ใบที่สอง เติมน้ำครึ่งแก้ว เด็กคาดคะเนว่าถ้า ใส่หลอดดูดลงไปในแก้วแต่ละใบ เราจะเห็นภาพของหลอดดูดเป็นอย่างไร เหมือนกันหรือไม่ 4. เด็กทำการทดลอง ใส่หลอดดูดลงไปในแก้วแต่ละใบ สังเกตดูภาพของหลอดดูดหักงอจากแก้วใบไหน และเมื่อยกหลอดขึ้นจากน้ำ มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เด็กทดลองต่อไปโดยใส่หลอดดูดในแก้วทรงเหลี่ยมลอง มองหลอดดูดจากด้านบน ด้านข้าง และมุมเฉียง สังเกตเห็นอะไรบ้าง เด็กบอกอธิบายการทดลอง 5. เด็กร่วมกันสรุปการทดลองเรื่อง แสงเลี้ยวเบนว่าเมื่อใส่หลอดดูดลงในแก้วจะเห็นรอยหักของหลอด ดูดระหว่าชั้นของน้ำและอากาศ แต่ความจริงหลอดดูดมีลักษณะตรง เพราะ แสงสามารถเลี้ยวเบนได้หรือที่ เรียกว่าการหักเหของแสง 6. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า แสงเดินทางด้วยความเร็วต่างกันในตัวกลางต่างชนิดกัน เมื่อแสงเดินทางจาก ตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง ความเร็วของแสงที่เปลี่ยนไปส่งผลให้เกิดการหักเหของทิศทางการเคลื่อนที่ ของแสง 7. เด็กบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้


29 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 10 “ แสงเลี้ยวเบน ” ภาพวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมการทดลอง ภาพเด็กที่ทำกิจกรรม การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


30 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 1.2 เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้โดยการทดลองแสงเลี้ยวเบน พบว่า ว่าเมื่อใส่หลอดดูดลงในแก้วจะเห็นรอยหักของหลอดดูดระหว่าชั้นของน้ำและอากาศ แต่ความจริง หลอดดูดมีลักษณะตรง เพราะ แสงสามารถเลี้ยวเบนได้หรือที่เรียกว่าการหักเหของแสง 1.3 เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองของตนเองได้ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กได้เรียนรู้ในเรื่อง แสงเลี้ยวเบน แสงเดินทางด้วยความเร็วต่างกันในตัวกลางต่าง ชนิดกันเมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง ความเร็วของแสงที่เปลี่ยนไปส่งผลให้เกิดการหัก เหของทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - เด็กตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่ตนเองสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กวาดภาพสื่อสารและนำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การ คาดคะเน ทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยระหว่างปฏิบัติกิจกรรมได้ 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กแสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตื่นเต้นขณะปฏิบัติกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก-ใหญ่ ในการทำกิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว


31 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 11 ชื่อกิจกรรม น้ำ ทราย น้ำมัน จุดประสงค์ 1. ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 2. เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. เด็กช่วยกันนำอุปกรณ์การเรียน เช่น แก้ว ช้อน น้ำ น้ำมัน ทราย 2. ครูสนทนากับเด็กถึงอุปกรณ์ทุกอย่างอธิบายขั้นตอนการทดลอง 3. เด็กทำการทดลองโดยการล้างทรายให้สะอาดแล้วใส่ลงในแก้ว 4. เด็กเทน้ำใส่ลงในแก้วทดลองประมาณครึ่งแก้ว 5. เด็กใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 6. เด็กๆใช้ช้อนคนในแก้วทดลองหลายๆครั้งแล้วสังเกต 7. เด็กบันทึกผลการทดลองโดยการวาดภาพ 8. ให้เด็กนำเสนอผลงาน


32 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 11 “ น้ำ ทราย น้ำมัน” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมการทดลอง “น้ำ ทราย น้ำมัน” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


33 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1.ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กสามารถสังเกตได้ว่า วัตถุที่จะสามารถลอยน้ำได้จะต้องมีน้ำหนักน้อยกว่าหรือเท่ากับน้ำ เมื่อขนาดเท่ากัน ทรายหนักกว่าน้ำจึงจม น้ำมันเบากว่าน้ำจึงลอย น้ำมันกับน้ำจะแยกชั้นกันเสมอ น้ำมันจะอยู่ ด้านบนและน้ำจะอยู่ด้านล่าง 2.พัฒนาการความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กเกิดการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ได้ฝึกการลงมือปฏิบัติและหาคำตอบ พูดคุย สื่อสารการเล่า วิธีการแยกชั้นของน้ำ ทรายและน้ำมัน - เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ด้านภาษา - เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลอง ได้โดยใช้คำพูดของตัวเอง - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น ทักษะการสังเกต การคาดคะเน และการเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น กล้าซักถาม ทำงานเป็นกลุ่ม และมีความรับผิดชอบมากขึ้น 2.3 ด้านอารมณ์-จิตใจ - เด็กตื่นเต้น มีความสุขสนุกสนานและแสดงความชื่นชมในผลงานของตนเองและเพื่อน 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กเกิดทักษะความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา และใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับสิ่งต่างๆ เช่น การจับช้อนชา การปิดฝาขวดแยม


34 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 12 ชื่อกิจกรรม อากาศมีแรงกระทำ จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กมีทักษะการสังเกต 2. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องอากาศมีแรงกระทำ 3. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ว่าอากาศจะมีแรงกระทำต่อวัตถุ (แรงดัน)ทุกทิศทาง ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูชวนเด็กสนทนาเกี่ยวกับ อากาศ เด็กเคยพบเห็นในชีวิตประจำวันว่าเป็นอย่างไรบ้าง - เด็กๆตอบ : เวลาลมพัดมาโดนตัวจะรู้สึกเย็น ใบไม้ปลิว กระดาษปลิว เสื้อผ้าที่เราแขวนไว้จะ แกว่งไปมา 2. ใครเคยเห็นพลังลมบ้างหรือไม่ - เด็กๆ : เวลาฝนตกลมพดแรงทำให้ต้นไม้ล้มค่ะ - เด็กๆ : เมื่ออากาศมาปะทะกับตัวเราจะรู้สึกเย็น 3. ครูจะพาเด็กๆทำกิจกรรม อากาศมีแรงแระทำ โดยให้เด็กๆเตรียมอุปกรณ์เช่นถุงพลาสติก กระดาษ หนังสือพิมพ์ ไม้บรรทัด 4. จากนั้นครูกระตุ้นโดยใช้คำถามถ้าเราจะทดลองอากาศมีแรงกระทำ เราจะทดลองอย่างไร - โดยครูมีอุปกรณ์ให้ ถุงพลาสติก กระดาษหนังสือพิมพ์ ไม้บรรทัด 5. ให้เด็กๆ ทดลองใช้ไม้บรรทัดหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ ให้เด็กสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น - เด็กๆ : ไม่สามารถยกกระดาษหนังสือพิมพ์ขึ้นได้ 6. จากนั้นครูเด็กๆลงสนาม เพื่อทดลองวิ่งถุง เด็กๆสังเกตว่าเวลาวิ่งถุงจะเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงเป็น เช่นนั้น 7. เด็กบันทึกผลการทดลอง 8. เด็กนำเสนอผลงาน 9. เด็กและครูร่วมกันสรุป เรื่องอากาศมีแรงกระทำว่าเมื่ออากาศเคลื่อนที่ จะมีแรงกระทำต่อวัตถุ (แรงดัน) ทุกทิศทางอากาศมีแรงดัน อากาศดันกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ ทำให้ไม่สามารถยกกระดาษหนังสือพิมพ์ ขึ้นได้อากาศมีแรงกด พื้นที่มากแรงกดมาก ทำให้เราไม่สามารถใช้ไม้บรรทัดยกกระดาษขึ้นได้ปริมาณอากาศที่ ต่างกันทำให้เกิดแรงดัน ซึ่งนำหลักการนี้มาใช้ในการสร้างตัวดูด


35 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 12 “อากาศมีแรงกระทำ” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ อากาศมีแรงกระทำ” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


36 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามรถพื้นฐาน 4 ด้าน และพัฒนาการ4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กได้เรียนรู้และมีทักษะการสังเกต 1.2 เด็กได้เรียนรู้เรื่องอากาศมีแรงกระทำ 1.3 เด็กได้เรียนรู้ว่าอากาศจะมีแรงกระทำต่อวัตถุ (แรงดัน)ทุกทิศทาง 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านความรู้ - เด็กได้เรียนรู้อากาศมีแรงกระทำว่าเมื่ออากาศเคลื่อนที่ จะมีแรงกระทำต่อวัตถุ (แรงดัน) ทุกทิศทาง เรียนรู้เกี่ยวกับการวิ่งถุง สังเกตได้ว่าถ้าวิ่งช้าถุงจะหล่นลงบนพื้นในขณะที่วิ่งด้วยความ รวดเร็วถุงก็จะติดที่หน้าอกและจะหล่นลงพื้นเมื่อหยุดวิ่ง ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม บอกเหตุจากสิ่งที่ตนเองคิด อธิบายสิ่งที่พบเห็นการอ่าน อ่าน ตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง - การเขียน เด็กส่วนใหญ่วาดภาพสื่อสารสิ่งได้เรียนรู้จากกิจกรรมได้ชัดเจนด้าน สติปัญญาเด็กส่วนใหญ่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ได้ทดลอง ลงมือทำกิจกรรมด้วยตนเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เช่นเด็กได้ เรียนรู้อากาศมีแรงกระทำว่าเมื่ออากาศเคลื่อนที่ จะมีแรงกระทำต่อวัตถุ (แรงดัน) ทุกทิศทางอากาศมีแรงดัน อากาศดันกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ ทำให้ไม่สามารถยกกระดาษหนังสือพิมพ์ขึ้นได้ อากาศมีแรงกด พื้นที่มากแรง กดมาก ทำให้เราไม่สามารถใช้ไม้บรรทัดยกกระดาษขึ้นได้ปริมาณอากาศที่ต่างกันทำให้เกิดแรงดัน ซึ่งนำ หลักการนี้มาใช้ในการสร้างตัวดูด ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น ทักษะการสังเกต การคาดคะเน และการเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน รู้จักมารยาทในการฟัง การพูด ควบคุมตนเอง ปฏิบัติตาม ข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 2.3 ด้านอารมณ์ –จิตใจ - แสดงออกท่าทางยิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ดีใจ ตื่นเต้น 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว


37 - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก ในการทำกิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น เด็กได้เรียนรู้จากการ เคลื่อนไหวร่างกายในการจับกระดาษหนังสือพิมพ์ ไม้บรรทัด การวิ่งถุง สังเกตได้ว่าถ้าวิ่งช้าถุงจะหล่นลงบนพื้น ในขณะที่วิ่งด้วยความรวดเร็วถุงก็จะติดที่หน้าอกและจะหล่นลงพื้นเมื่อหยุดวิ่ง รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 13 ชื่อกิจกรรม กักน้ำไว้ได้ ( อากาศ ) จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้แรงดันอากาศไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจาวันได้ 2. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องแรงดันอากาศ 3. ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 4. เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ 5. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูร่วมสนทนากับเด็กๆกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจาวัน เช่น เวลาขึ้นลิฟต์รู้สึกอย่างไร อากาศมีอยู่ รอบตัว 2. แบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน 3. ให้เด็กๆตัดกระดาษเป็นรูปวงกลมหรือสี่เหลี่ยม เพื่อใช้ปิดปากแก้ว 4. เทน้ำให้เต็มแก้วที่เตรียมไว้ ให้เด็กทำการทดลองโดยใช้ภาชนะขนาดใหญ่รอง 5. ให้เด็กนำกระดาษปิดปากแก้วให้สนิท โดยใช้มือกดกระดาษให้ปิดปากแก้วให้แน่น 6. คว่ำแก้วลงช้าๆให้แก้วตั้งอยู่บนปลายมือ 7. สนทนากับเด็กๆว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อค่อยๆดึงแก้วขึ้นด้านบน ให้นักเรียนดูว่ามีน้ำไหลออกมาจากแก้ว หรือไม่ 8. ครูและเด็กๆร่วมกันสรุปผลการทดลองเรื่อง กักน้ำไว้ได้ พบว่า ถูกกักน้ำไว้ในแก้วโดยไม่ไหลออกมา เพราะแรงดันอากาศภายนอกแก้วออกแรงดันกับกระดาษที่ปิดปากแก้วอยู่ตลอดเวลา และสามารถ เอาช นะ แรงดัน อากาศภายในแก้วได้ น้ำจึงถูกกักอยู่ในแก้ว และเมื่อเราใช้กระดาษบางๆ จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า แผ่นกระดาษนั้นโค้งเว้าเข้าไปภายในแก้ว 9. เด็ก ๆ บันทึกและสรุปผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสีให้สวยงาม


38 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 13 “ กักน้ำไว้ได้” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ กักน้ำไว้ได้ ” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


39 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1. ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการหาคำตอบได้ 1.2 เด็กสามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้โดยการทดลองเรื่อง กักน้ำไว้ได้ พบว่าถูก กักน้ำไว้ในแก้วโดยไม่ไหลออกมา เพราะแรงดันอากาศภายนอกแก้วออกแรงดันกับกระดาษที่ปิดปากแก้วอยู่ ตลอดเวลา และสามารถ เอาชนะ แรงดัน อากาศภายในแก้วได้ น้ำจึงถูกกักอยู่ในแก้ว และเมื่อเราใช้กระดาษ บางๆ จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าแผ่นกระดาษนั้นโค้งเว้าเข้าไปภายในแก้ว 1.3 เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองของตนเองได้ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐาน และพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/ด้านสติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้ลงมือทำและทดลองด้วยตนเอง - เด็กได้เรียนรู้ในเรื่อง กักน้ำไว้ได้ พบว่า ถูกกักน้ำไว้ในแก้วโดยไม่ไหลออกมา ด้านภาษา - เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลอง ได้โดยใช้คำพูดของตัวเอง - เด็กพูดอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง - เด็กได้นำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟังได้ ด้านสติปัญญา - เด็กคิดและรู้จักการตั้งคำถามในสิ่งที่ตนสงสัย - เด็กได้มีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การ คาดคะเนทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ เป็นต้น 2.2 ด้านสังคม - เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เด็กมีความอดทน รู้จักการรอคอย - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - เด็กเคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหว่างปฏิบัติกิจกรรม 2.3 ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กตื่นเต้นสนุกสนานมีความสุขในการทดลอง และขณะปฏิบัติกิจกรรมและมั่นใจในตัวเอง มากขึ้น 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว / ร่างกาย - เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อมือและประสาทสัมผัสระหว่างมือกับตา เด็กเคลื่อนไหวหยิบจับ อุปกรณ์ต่างๆในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว


40 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 14 ชื่อกิจกรรม เมล็ดพืชเต้นระบำ จุดประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการสังเกตการเปรียบเทียบ 2. เพื่อให้เด็กรู้จักคุณสมบัติก๊าซคาร์บอนไดออกไชด์ 3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูตั้งคำถามถามเด็กว่า เด็ก ๆ ว่าใครเคยดื่มน้ำอัดลมบ้าง 2. ครูอธิบายน้ำอัดลมเมื่อเขย่าขวดจะมีฟอง เพราะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3. ครูแนะนำอุปกรณ์ 4. ครูใช้คำกระตุ้นให้เด็กได้คิดเกี่ยวกับฟองที่อยู่ในน้ำอัดลม โชดา ดังนี้ - เด็ก ๆ คิดว่าถ้าคุณครูนำเมล็ดถั่วเขียวใส่ลงในแก้วน้ำโซดาจะเป็นอย่างไร - ทำไมถึงคิดว่าเป็นเช่นนั้น 5. ทำการทดลอง เด็กเทเมล็ดถั่วเขียวใส่ในถ้วย 6. ให้เด็กเทน้ำเปล่าจากขวดใส่ลงในแก้ว และเทน้ำโชดาในแก้วอีกใบ และระหว่างที่เทให้สังเกตระหว่าง น้ำเปล่ากับน้ำโชดาว่าแตกต่างกันอย่างไร หลังจากนั้นให้เด็กหยิบเมล็ดถั่วเขียวใส่ลงไปในแก้วน้ำเปล่าและน้ำ โซดาว่าเกิดอะไรขึ้น 7. เด็กและครูร่วมกันสรุปว่าเนื่องจากน้ำโซดามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะมีน้ำหนักเบากว่าน้ำ จึงเห็น ฟองลอยขึ้นบนผิวน้ำ และเมื่อเทเมล็ดถั่วเขียวลงไปในน้ำโชดาเมล็ดถั่วเขียวจึงลอยขึ้นและเคลื่อนไปมาอย่าง รวดเร็ว 8. เด็กๆบันทึกและสรุปผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสีให้สวยงาม


41 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 14 “ เมล็ดพืชเต้นระบำ” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ เมล็ดพืชเต้นระบำ ” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


42 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1.ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กมีทักษะสังเกต เปรียบเทียบการทดลองนำเมล็ดถั่วเขียวใส่แก้วน้ำเปล่ากับแก้วที่มีก๊าซคาร์บอน ไดออกไชด์ 1.2 เด็กรู้ได้เรียนรู้คุณสมบัติก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะมีน้ำหนักเบากว่าน้ำ จึงเห็นฟองลอยขึ้นบนผิว น้ำ ในฟองที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้ำหนักเบากว่าน้ำจึงลอยขึ้นบนผิวน้ำได้ 2. พัฒนาการความสามารถฟื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1ด้านการเรียนรู้/ตื้นภาษา/สติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้เรียนรู้การทดลองเมล็ดพืชเต้นระบำ เมื่อเทเมล็ดถั่วเขียวลงในแก้วน้ำที่มีโซดา จะพบว่าเมล็ดถั่วเขียวลอยขึ้น-ลง เคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นว่าฟองตันเมล็ดถั่วเขียวลอยบนผิวน้ำ เมื่อฟองแตกเมล็ดพืชก็ตกลงมาก้นแก้ว ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจำจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถามโต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ตนเองคิด อธินายสิ่งที่พบเห็น - การอ่าน อ่านตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง อ่านบัตรคำชื่ออุปกรณ์การเขียน เด็ก ส่วนใหญ่วาดภาพสื่อสารสิ่งได้เรียนรู้จากทำกิจกรรมได้ชัดเจน ด้านสติปัญญา - เด็กส่วนใหญ่สามารถทำการทดลองและเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจากการลงมือทำ กิจกรรมด้วยตนเอง เมื่อนำเมล็ดถั่วใส่น้ำแก้วน้ำเปล่ากับแก้วโซดา เด็กจะบอกได้ว่ามีความแตกต่างกัน ในแก้ว โซดาจะมีฟองเมื่อฟองเกาะที่เมล็ดพืชก็จะทำให้เมล็ดลอยขึ้น ลง เมื่อฟองแตกเมล็ดพืชจะไม่เคลื่อนที่ 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน รู้จักมารยาทในการฟัง การพูดยกมือก่อนจะพูด ควบคุม ตนเอง ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื่อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มย่อย 2.3 ด้านอารมณ์ จิตใจ - แสดงออกทำสีหน้ายิ้มแย้ม แจมใส สนุกสนาน ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติ มีสมาธิจดจ่อ กับกิจกรรมการทดลอง 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อเล็ก ใหญ่ ในการทำกิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น การหยิบจับอุปกรณ์ ในการทำกิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว


43 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 15 ชื่อกิจกรรม หมุดลอยน้ำ จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กๆสามารถบอกได้ว่าทำไมหมุดและคลิปหนีบกระดาษจึงลอยน้ำได้ 2. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. เด็กและครูสนทนาซักถามเกี่ยวกับประสบการณ์เดิม เด็กๆเคยเห็นแมลงตัวเล็กๆบางชนิดเดินบนผิว น้ำ ได้โดยไม่จม แต่มนุษย์อย่างเราไม่สามารถทำได้ ทำไมแมลงเหล่านั้นจึงไม่จมน้ำ 2. ครูบอกชื่อกิจกรรมการทดลอง "หมุดลอยน้ำ" และจุดประสงค์กาเรียนรู้ 3. ครูชี้แจง แนะนำสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ และอธิบายวิธีใช้พร้อมซักถามเกี่ยวกับสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่ เด็กเคยเห็นและรู้จักว่านำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง 4. ครูอธิบาย และสาธิตการทดลองร่วมกับเด็กตามลำดับ ชั้นตอน ดังนี้ - เด็กกับครูเอาน้ำใส่กะละมัง และครูถามเด็กๆว่าถ้าครูวางลวดเสียบกระดาษบนผิวน้ำ มันจะ จมหรือลอย เด็กคาดคะเนว่าวัสดุเหล่านั้นจะจมบ้างและลอยบ้าง - ครูวางลวดแล้วลวดจมบ้าง ลอยบ้าง ครูให้เด็กๆสังเกตวางอย่างไรลวดจึงลอย และวาง อย่างไรลวดจึงจม - ครูให้เด็กทดลองวางลวดเสียบกระดาษ และสังเกตบันทึกผล - เด็กทำการทดลอง สังเกตการทดลอง และบอกสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเด็กทำไม่ได้ให้เด็กหาวิธีทำ หลาย แบบครูให้กำลังใจ กระตุ้นความสนใจ จนเด็กทำได้สำเร็จ ครูและเพื่อนชมเชย ปรบมือให้ 5. เด็ก ๆ ช่วยกันเก็บสื่อ อุปกรณ์การทดลองเข้าที่ให้เรียบร้อย 6. อภิปรายผล ครูถามเด็ก ๆ ว่าเห็นอะไรบ้าง และสนทนากับเด็กถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และที่สังเกตุได้แล้วให้ เด็ก ๆ แสดงความคิดเห็นว่าปกติหมุดและลวดเสียบกระดาษจะจมน้ำเพราะมีน้ำหนักมากว่าน้ำ โมเลกุลของน้ำ ยึดเหนี่ยวกันแน่นบนผิวน้ำด้วยพันธะไฮโดรเจนทำให้เกิดแรงตึงผิวขึ้น แรงตึงผิวนี้สามารถรับน้ำหนักวัตถุที่หนัก กว่าน้ำไม่ให้จมได้ แต่ต้องวางวัตถุอย่างระมัดระวัง โดยวางขนานกับผิวน้ำ ไม่เช่นนั้นหมุดและลวดเสียบจะจมน้ำ


44 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 15 “หมุดลอยน้ำ” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ หมุดลอยน้ำ ” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


45 ผลที่เกิดกับเด็ก (ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม พัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้านและพัฒนาการ 4 ด้าน) 1.ผลที่เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ 1.1 เด็กได้ทราบว่าน้ำประกอบด้วยโมเมกุลเล็กๆ ที่จับตัวกันเรียกว่าแรงตึงผิว 1.2 หมุดหรือลวดเสียบสามารถลอยน้ำได้ โดยอาศัยแรงตึงผิวของน้ำ 2. พัฒนาการความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 2.1 ด้านการเรียนรู้/ด้านภาษา/สติปัญญา ด้านการเรียนรู้ - เด็กสามารถเข้าใจและอธิบายเรื่องแรงตึงผิวของน้ำ เกิดจากโมเลกุลเล็กๆจับตัวกัน เมื่อวางหมุดหรือลวดเสียบบนผิวน้ำอย่างเบามือ หมุดหรือลวดเสียบก็จะลอยน้ำได้ แต่เมื่อแรงตึงผิวรับน้ำหนัก ของวัตถุไม่ได้แรงตึงผิวจะแตกออกจากกัน ทำให้หมุดหรือลวดเสียบจมน้ำได้ ด้านภาษา - การฟัง เด็กใช้ทักษะการฟังจากสิ่งที่เพื่อนสนทนา ซักถาม โต้ตอบ - การพูด ตอบคำถาม บอกเหตุจากสิ่งที่ตนเองคิด อธิบายสิ่งที่พบเห็น - การอ่าน อ่านตามใบกิจกรรมที่ครูอ่านให้ฟัง - การเขียน เด็กส่วนใหญ่วาดภาพสียสารสิ่งได้เรียนรู้จากกิจกรรมได้ชัดเจน บางคน เขียนสื่อสารคล้ายตัวหนังสือ บางคนเขียนลอกข้อความได้ถูกต้อง ด้านสติปัญญา - เด็กส่วนใหญ่สามรถเชื่อมโยงสิ่งที่ได้ทดลอง ลงมือทำกิจกรรมด้วยตนเองกับสิ่งที่ เกิดขึ้น เช่น เวลาวางหมุดหรือลวดเสียบวางขนานกับผิวน้ำ แต่ต้องไม่ทำให้สะเทือน เพราะจะทำให้แรงตึงผิวน้ำ แตกวัตถุก็ไม่สามารถลอยน้ำได้ 2.2 ด้านสังคม - เด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน รู้จักมารยาทในการพัง การพูด ควบคุมตนเอง ปฏิบัติตาม ข้อตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รอคอยได้ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 2.3 ด้านอารมณ์ จิตใจ - แสดงออกทางสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ดีใจ ตื่นเต้น มีสมาธิในการทำกิจกรรม 2.4 ด้านการเคลื่อนไหว - เด็กเคลื่อนไหว หยิบจับอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมได้อย่างคล่องแคล่ว


46 รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลองตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กิจกรรมที่ 16 ชื่อกิจกรรม หลอดดำน้ำ จุดประสงค์ 1. เพื่อให้เด็ก ๆ สังเกตการการจมการลอยของหลอด 2. เพื่อให้ทำการทดลองเรียนรู้เรื่องอากาศและแรงดันภายในน้ำ 3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลองได้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูตั้งคำถามถามเด็กว่า เด็กๆ เคยเห็นหลอดดำน้ำหรือไม่ 2. ครูและนักเรียนเตรียมอุปกรณ์ 3. เด็กและครูงอหลอดตรงรอยพับและนำคลิปหนีบกระดาษ ๓-๔ ตัว สอดเข้าไปเหนือบริเวณรอยพับ เล็กน้อย ให้มีลักษณะเหมือนตัว A 4. ถามเด็กว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากใส่ไปในขวดน้ำ 5. ทำการทดลอง เด็กนำหลอดที่สอดคลิปหนึบกระดาษใส่ลงไปในชวดน้ำ จากนั้นปิดขวดน้ำให้สนิท ให้ เด็กสังเกตดูว่าหลอดจะจมลงไปด้านล่างหรือไม่ กระตุ้นให้เด็กคิดหาวิธีทำให้หลอดจมลงไปด้านล่าง 6. เด็กและครูร่วมสนทนาและสาธิตหลอดดำน้ำในขวดให้เด็กดูโดยใช้มือบีบขวดพลาสติก อย่างแรงและ บีบค้างไว้ เมื่อบีบขวดน้ำหลอดจะจมลงด้านล่าง แต่เมื่อปล่อยมือหลอดจะลอยขึ้นด้านบน ให้เด็กทำการทดลอง โดยคุณครูคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ และให้แต่ละคนทดลองหลอดดำน้ำ เพื่อจะสังเกตว่าใครทำได้ดีที่สุด 7. เด็กและครูร่วมกันสรุปว่า อากาศซึ่งอยู่ภายในหลอดดูดจะถูกบีบอัดและถูกแทนที่น้ำ ทำให้หลอดมี น้ำหนักมากขึ้น หลอดจึงจมน้ำ ถ้าปล่อยมือหลอดจะมีน้ำหนักน้อยลงและลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ 8. เด็กวาดภาพสรุปผลการทดลอง และนำเสนอผลการทดลอง


47 ภาพกิจกรรมทดลองที่ 16 “หลอดดำน้ำ” วัสดุอุปกรณ์ ภาพกิจกรรมทดลอง “ หลอดดำน้ำ ” การนำเสนอผลงานและสรุปร่วมกัน ภาพผลงานที่สำเร็จของเด็ก


Click to View FlipBook Version