The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานประจำปี 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-01-12 21:30:47

รายงานประจำปี 2563

รายงานประจำปี 2563

ส่วนท่ี 2

ผลการปฏบิ ตั ิราชการของ
กรมสขุ ภาพจติ

44 รปาีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสุขภาพจติ

สว่ นที่ 2 ผลการปฏบิ ตั ริ าชการของกรมสขุ ภาพจติ

ผลการปฏบิ ตั ิราชการตามตัวชีว้ ัดการประเมนิ ส่วนราชการตามมาตรการ
ปรับปรุงประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ัตริ าชการ ประจำ� ปงี บประมาณ 2563

กรมสุขภาพจิต มีผลการปฏิบัติราชการตามตัวช้ีวัดการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุง
ประสิทธภิ าพในการปฏบิ ตั ริ าชการ ประจำ� ปีงบประมาณ 2563 ต้งั แต่วันท่ี 1 ตุลาคม 2562 ถึงวนั ที่ 30 กนั ยายน
2563 ที่ 97.74 คะแนน ซงึ่ เทยี บกบั เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั สว่ นราชการแลว้ กรมสขุ ภาพจติ อยใู่ นระดบั คณุ ภาพ

ตวั ช้ีวัด เป้าหมาย
1. ร้อยละของผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพตดิ
ขน้ั ตำ�่ มาตรฐาน ข้นั สงู
กลุ่มเสยี่ งกอ่ ความรุนแรงได้รบั การประเมิน (50) (75) (100)
บำ� บัดรกั ษาและตดิ ตามดูแลช่วยเหลอื รอ้ ยละ รอ้ ยละ ร้อยละ
ตามระดบั ความรนุ แรงอย่างต่อเนื่อง 1 ปี 45 50 55

น�้ำหนกั คะแนนท่ีได้ คะแนนถว่ งน้ำ� หนกั
20 100 20
ผลการดำ� เนินงาน
ร้อยละ 79.43

ตวั ช้วี ัด เปา้ หมาย
2. จ�ำนวนโรงพยาบาลจิตเวช ท่ไี ด้รับการ

พัฒนา สกู่ ารเปน็ Smart Hospital

นำ้� หนกั คะแนนทีไ่ ด้ คะแนนถ่วงนำ�้ หนกั ข้นั ตำ่� มาตรฐาน ข้ันสูง
20 100 20 (50) (75) (100)
15 แหง่ 16 แหง่ ร้อยละ 80 ของผรู้ บั บริการ
แผนกผปู้ ว่ ยนอกใน
รพ.จิตเวช 16 แหง่ มคี วาม
พึงพอใจต่อการบริการ

ผลการดำ� เนินงาน

- โรงพยาบาลจติ เวชทไี่ ด้รับการพฒั นา
สู่การเปน็ Smart Hospital จ�ำนวน 19 แห่ง

- ผู้รับบริการแผนกผูป้ ่วยนอก ใน รพ.จิตเวช
ท้ัง 19 แหง่ มีความพึงพอใจตอ่ การบริการ
ด้วยระบบเทคโนโลยดี จิ ิทัล ร้อยละ 93.64

45

ตวั ช้วี ดั เปา้ หมาย
3. ร้อยละของเด็กปฐมวัยทไ่ี ด้รบั การคัดกรอง
ขนั้ ต�ำ่ มาตรฐาน ข้นั สูง
แล้วพบวา่ มีพฒั นาการลา่ ชา้ แลว้ ได้รับการ (50) (75) (100)
กระตุ้น พัฒนาการด้วย TEDA4I หรอื รอ้ ยละ รอ้ ยละ รอ้ ยละ
เคร่ืองมือมาตรฐานอ่ืน 55 60 65

น�ำ้ หนกั คะแนนที่ได้ คะแนนถว่ งน�้ำหนกั
20 100 20
ผลการด�ำเนนิ งาน
ร้อยละ 66.87

ตัวช้วี ัด ตวั ช้วี ดั
4. การเข้าถึงบริการของผพู้ ยายามฆ่าตวั ตาย 4.1 ร้อยละของผูพ้ ยายามฆา่ ตวั ตาย

น้ำ� หนกั คะแนนถ่วงน้�ำหนกั เขา้ ถงึ บรกิ าร
20 17.74

ตวั ชี้วดั น้�ำหนกั คะแนนทไ่ี ด้ คะแนนถ่วงน้ำ� หนัก
4.2 ร้อยละของผู้พยายามฆ่าตวั ตาย 10 77.35 7.74
เปา้ หมาย
ไม่กลับมาท�ำรา้ ยตัวเองซ้�ำ
ในระยะเวลา 1 ปี ข้ันต่ำ� มาตรฐาน ขน้ั สงู
(50) (75) (100)
นำ้� หนัก คะแนนทีไ่ ด้ คะแนนถ่วงนำ้� หนกั รอ้ ยละ รอ้ ยละ รอ้ ยละ
10 100 10 55 60 60.47
เป้าหมาย
ผลการด�ำเนินงาน

ร้อยละ 60.47

ขั้นต�่ำ มาตรฐาน ขนั้ สูง
(50) (75) (100)
รอ้ ยละ รอ้ ยละ รอ้ ยละ
94 94.50 95

ผลการดำ� เนินงาน

รอ้ ยละ 97.26

46 ปรางี ยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

ตัวช้ีวดั

5. ความสำ� เร็จของการพัฒนาระบบทางไกล เปา้ หมาย
ด้านจิตเวช Tele-psychiatry ขัน้ ตำ�่ (50)
มบี ริการ Tele-psychiatry ในหน่วย
น้ำ� หนัก คะแนนทไ่ี ด้ คะแนนถ่วงน�ำ้ หนกั บรกิ ารจิตเวช 13 แหง่
20 100 20

ผลการด�ำเนินงาน

1) หน่วยบริการจิตเวช 14 แห่ง มีบริการ Tele-psychiatry มาตรฐาน (75)
ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ Session Call/ Line VDO/ มบี รกิ าร Tele-psychiatry ผา่ นชอ่ งทาง/รปู แบบตา่ งๆ
Hangout / Skyte / Program App OOCA ท่เี หมาะสมกบั บริบทของพนื้ ท่ี ระหวา่ งคู่เครือขา่ ย
รพ.จติ เวช กบั เครือข่ายบริการสขุ ภาพ (รพศ.หรือ
2) มีบริการ Tele-psychiatry คู่เครือข่าย รวม 4 ภาค 6 แห่ง รพท. หรือ รพช.) 4 ภาค ภาคละ 1 แหง่
นับเป็นคู่เครือข่าย 21 คู่ รพ.จิตเวชกับเครือข่ายสุขภาพ
ครบท้ัง 4 ภาค
3) ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบ Tele-psychiatry
ร้อยละ 89.79 ความพึงพอใจโดยรวมของผู้รับบริการ
Tele-psychiatry ในระดับมากถงึ มากท่สี ุด รอ้ ยละ 89.79 ขัน้ สูง (100)
4) มีข้อเสนอแนวทางการพัฒนา/ปรับปรุงประสิทธิภาพของ ผลการประเมินประสทิ ธิภาพของระบบและขอ้ เสนอ
ระบบ Tele-psychiatry แนวทางการพัฒนา/ปรับปรุงประสทิ ธิภาพของระบบ

ขอ้ เสนอแนะของผใู้ ชบ้ รกิ าร
- ควรให้มีการบริการ Tele-psychiatry ต่อเน่อื ง และเพ่มิ ช่องทางในการนัดหมายเวลาลว่ งหนา้ ได้
- ควรให้มีการพัฒนา Application หรือโปรแกรมที่ใช้ได้ง่ายเป็นมาตรฐานเดียวกันและมีความมั่นคงปลอดภัยสูงในการ
เชอื่ มตอ่ สญั ญาณและไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ย เนอ่ื งจากผใู้ ชบ้ รกิ ารและพน้ื ทขี่ องเครอื ขา่ ยบรกิ ารมขี อ้ จำ� กดั ในการใชส้ ญั ญาณ Internet
- มแี นวทางมาตรฐาน /กฎหมายทีร่ องรับการใหบ้ ริการ Tele-psychiatry ในระดับประเทศและคมุ้ ครองสิทธทิ งั้ ผใู้ ห้บริการ
และผู้ใชบ้ ริการสามารถเรยี กเก็บคา่ บริการในสทิ ธคิ ่ารกั ษาไดเ้ หมือนกบั บรกิ ารอ่ืนๆ
แนวทางการพฒั นา/ปรับปรุง
- มีแนวทางมาตรฐาน/กฎหมายท่ีรองรับการให้บริการ Tele-psychiatry ในระดับประเทศและคุ้มครองสิทธิท้ังผู้รับบริการ
และผูใ้ หบ้ รกิ าร
- ขยายระบบการใหบ้ รกิ าร Tele-psychiatry ให้ครอบคลุมกลุม่ เป้าหมายอื่นๆ ได้แก่ กลมุ่ ผปู้ ว่ ยนอก (เก่า) ให้ครอบคลมุ
ทุกหน่วยงานในสงั กัดกรมสขุ ภาพจติ
- พฒั นา Application หรือโปรแกรมที่สามารถใหบ้ รกิ าร Tele-psychiatry ทง่ี ่ายสะดวก สามารถยืนยนั ตวั ตน มรี ะบบการ
บนั ทกึ ขอ้ มลู และมคี วามมนั่ คงปลอดภยั ของขอ้ มลู เปน็ ไปตามมาตรฐานการใหบ้ รกิ าร การแพทยท์ างไกลและมาตรฐานวชิ าชพี
- มีหน่วยงาน PM ท่ีเป็นหน่วยงานกลางของกรมสุขภาพจิตในการท�ำหน้าท่ีรับผิดชอบติดตามประเมินการให้บริการ
Tele-psychiatry หน่วยงานในสังกัดกรมฯ อย่างตอ่ เน่ือง

คะแนนรวม 97.74*
สรปุ ผลการประเมินระดบั สว่ นราชการ ระดบั คณุ ภาพ

47

* คะแนนการประเมนิ ตนเอง ตามรายงานผลในระบบ e - SAR ของสำ� นักงาน ก.พ.ร. ณ วันที่ 21 ตลุ าคม 2563
หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมนิ ระดับสว่ นราชการ
n ระดับคุณภาพ มคี ะแนนผลการด�ำเนินงานอยู่ระหว่าง 90.00 - 100.00 คะแนน
n ระดบั มาตรฐาน
- มาตรฐานขัน้ สงู มีคะแนนผลการดำ� เนินงานอยรู่ ะหว่าง 75.00 - 89.99 คะแนน
- มาตรฐานข้ันตน้ มีคะแนนผลการดำ� เนินงานอยูร่ ะหว่าง 60.00 - 74.99 คะแนน
n ระดบั ตอ้ งปรับปรุง มีคะแนนผลการด�ำเนนิ งานตำ�่ กวา่ 60.00 คะแนน

ผลการการปฏบิ ัตริ าชการตามค�ำรบั รองการปฏิบัติราชการ
(Performance Agreement : PA)

กรมสขุ ภาพจติ มผี ลการปฏิบัติราชการตามค�ำรับรองการปฏิบตั ริ าชการระดับกระทรวง (Performance
Agreement : PA) ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รอบ 12 เดอื น (1 ตลุ าคม 2562 – 30 กันยายน 2563)
เป็นไปตามเป้าหมายทุกตวั ชีว้ ดั คดิ เปน็ ร้อยละความสำ� เร็จตามเป้าหมายตัวช้ีวัดรอ้ ยละ 100

ล�ำดบั ตัวชว้ี ดั เปา้ หมาย ผลการดำ� เนนิ งาน แหลง่ ข้อมูล
รอบ 12 เดอื น

1 รอ้ ยละของเดก็ ปฐมวยั ท่ีไดร้ ับการ ร้อยละ 60 รอ้ ยละ 66.87 HDC กระทรวงสาธารณสุข
คดั กรองแล้วพบว่ามพี ัฒนาการ ขอ้ มูล ณ วันท่ี 30
ลา่ ช้า แล้วได้รบั การกระตุ้น กนั ยายน 2563
พฒั นาการดว้ ย TEDA4I หรอื
เครอ่ื งมอื มาตรฐานอน่ื

2 รอ้ ยละของผ้พู ยายามฆ่าตัวตาย รอ้ ยละ 60 รอ้ ยละ 60.47 แบบรายงาน รง506S
เขา้ ถึงบรกิ าร จากหนว่ ยบรกิ าร
สาธารณสขุ ขอ้ มลู ณ วนั ที่
30 กนั ยายน 2563

3 ร้อยละของผูป้ ว่ ยจติ เวช ยาเสพติด ร้อยละ 60 รอ้ ยละ 79.43 ระบบรายงาน บสต. ขอ้ มลู
กลมุ่ เสี่ยงก่อความรนุ แรง ได้รับ ณ วนั ที่ 30 กนั ยายน 2563

การประเมินบ�ำบัดรกั ษา และ
ตดิ ตามดูแลช่วยเหลอื ตามระดับ
ความรนุ แรง อยา่ งต่อเน่ือง 1 ปี

4 ร้อยละของโรงพยาบาลจิตเวชใน 1) รอ้ ยละ 80 ของโรง 1) รอ้ ยละ 95 ของ สำ� นักเทคโนโลยสี ารสนเทศ
สงั กดั กรมสุขภาพจิต ได้รับการ พยาบาลจิตเวชในสงั กดั โรงพยาบาลจิตเวชในสงั กดั ข้อมลู ณ วันที่ 30
พัฒนาสู่การเปน็ Smart Hospital กรมสขุ ภาพจิต มกี าร กรมสขุ ภาพจิต (19 จาก กันยายน 2563
ด�ำเนนิ งาน ดงั น้ี 20 แหง่ ) มีการด�ำเนินงาน
- มรี ะบบนดั หมายและ ดังนี้
จองควิ ผ่านระบบกลาง - มรี ะบบนดั หมายและ
กรมสุขภาพจิต (Smile จองคิวผา่ นระบบกลาง
Contect) กรมสขุ ภาพจติ (Smile
Contect) จ�ำนวน 19 แห่ง
คดิ เป็น รอ้ ยละ 95

48 ปราีงยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5กี63รมสุขภาพจติ

ลำ� ดับ ตวั ชี้วดั เปา้ หมาย ผลการดำ� เนนิ งาน แหล่งข้อมูล
รอบ 12 เดือน

- มีการติดต้งั และใชง้ าน - มกี ารตดิ ต้งั และใชง้ าน
ระบบ Tele-Psychiatry ระบบ Tele-Psychiatry
2) ร้อยละ 80 ของ จ�ำนวน 20 แหง่
โรงพยาบาลจติ เวชใน คดิ เปน็ ร้อยละ 100
สังกดั กรมสขุ ภาพจิตได้ 2) ร้อยละ 95 ของโรง
รับการพฒั นา ส่กู ารเป็น พยาบาลจติ เวชในสังกดั
Smart Hospita กรมสขุ ภาพจติ ไดร้ ับการ
พฒั นา สูก่ ารเปน็ Smart
Hospital (19 จาก 20 แหง่ )

5 ร้อยละของสถาบนั /โรงพยาบาล ร้อยละ 80 ร้อยละ 100 - แบบรายงานติดตามผล
จติ เวชในสงั กดั กรมสขุ ภาพจติ มี การดำ� เนนิ งาน “คลินกิ
การจัดต้ังคลินกิ ให้คำ� ปรึกษาการ ให้คำ� ปรกึ ษาการใช้กญั ชา
ใช้กัญชาทางการแพทย์ ทางการแพทยใ์ น
โรงพยาบาลจติ เวชสังกดั
กรมสุขภาพจิต”
ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 30
กนั ยายน 2563

ผลการดำ� เนินงานตัวช้วี ดั ภายใต้แผนการฟ้นื ฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาด
ของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
ปี 2563 - 2564 (ระยะ 3 เดือนแรก)

ตวั ชว้ี ดั ท่ี 1 ร้อยละของการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตด้านการค้นหาคัดกรองเชิงรุก (Active
Screening) สำ� หรบั กลมุ่ เสย่ี งใน 4 ประเดน็ (StB SuD : Stress, Burnout, Suicide, Depression)

ตัวช้วี ดั ดำ� เนนิ งาน ตามเปา้ หมายในระยะท่ี 1 คดั กรองใน 4 กล่มุ เส่ียง คอื 1. กลุ่มบคุ ลากรทางการแพทย์
และสาธารณสขุ 2. ผปู้ ว่ ย โรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) และญาติ 3. กลมุ่ ผถู้ กู กกั ตวั 4. ผเู้ ปราะบาง
ทางสงั คม โดยมีผลการด�ำเนนิ งานแยกตามกลุ่มเส่ียง ดงั น้ี
1. กลมุ่ บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งดแู ล/คดั กรองผปู้ ว่ ยตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019
และได้รับการเฝ้าระวังและป้องกันในเขตสุขภาพ จ�ำนวน 738,436 คน จากบุคลากรทางการแพทย์ท้ังหมด
ที่เกี่ยวข้องกับการดแู ล/ คัดกรองผูป้ ่วยตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในเขตสุขภาพทง้ั หมด จ�ำนวน 835,777 คน
ซ่ึงมีผลการดำ� เนนิ งาน ดังน้ี

เดือน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - รอ้ ยละ 80
ผลการดำ� เนนิ งาน รอ้ ยละ 40.11 ร้อยละ 46.58 รอ้ ยละ 88.35

49

2. ผปู้ ว่ ยโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID 2019) และญาติ พบวา่ มผี ้ปู ว่ ยโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา
2019 (COVID-19) และสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเขตสุขภาพ
จำ� นวน 47,451 คน จากทง้ั หมด 50,283 คน ซ่งึ มีผลการด�ำเนินงาน ดงั น้ี

เดือน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
เปา้ หมาย - - ร้อยละ 80
ผลการด�ำเนนิ งาน รอ้ ยละ 55.12 รอ้ ยละ 62.12 รอ้ ยละ 94.37

3. ผถู้ กู กกั ตวั พบวา่ มผี ถู้ กู กกั ตวั ทไ่ี ดร้ บั การเฝา้ ระวงั และปอ้ งกนั ปญั หาสขุ ภาพจติ ในเขตสขุ ภาพ จำ� นวน
763,393 คน จากจ�ำนวนผู้กักตวั ในเขตสุขภาพ ทง้ั หมด 802,957 คน แยกผลการด�ำเนินงาน เป็น 3 เดือน ดงั น้ี

เดอื น มิ.ย. ก.ค. ส.ค.
เปา้ หมาย - - รอ้ ยละ 80
ผลการด�ำเนินงาน รอ้ ยละ 92.28 รอ้ ยละ 94.64 ร้อยละ 95.07

4. ผเู้ ปราะบางทางสงั คม พบวา่ มผี เู้ ปราะทางสงั คมทไ่ี ดร้ บั การเฝา้ ระวงั และปอ้ งกนั ปญั หาสขุ ภาพจติ ใน
เขตสขุ ภาพ จำ� นวน 2,080,881 คน จากจ�ำนวนผ้เู ปราะบางทางสงั คมทั้งหมดในเขตสขุ ภาพ 2,538,040 คน

เดอื น ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - ร้อยละ 80
ผลการดำ� เนินงาน ร้อยละ 32.40 รอ้ ยละ 53.73 รอ้ ยละ 81.99

ตัวชวี้ ัดที่ 2 ร้อยละของประชาชนทมี่ คี วามเข้มแข็งทางใจในสถานการณ์ COVID-19

เป็นตัวช้ีวดั ทว่ี ดั การเสริมสรา้ งความเขม้ แข็งทางใจของประชาชนไทยกลมุ่ เป้าหมายท่ีมีอายุ 25-60 ปี ที่
อาศัยในเขตสุขภาพที่ 1-12 และกรุงเทพมหานคร ในการปรับตัวและฟื้นคืนกลับสู่ภาวะปกติภายหลังท่ีพบ
เหตุการณ์วิกฤติหรือสถานการณ์ที่ท�ำให้เกิดความยากล�ำบากในชีวิต การส่งเสริมให้บุคคลมีความเข้มแข็งทางใจ
จะช่วยให้สามารถใชว้ กิ ฤตเิ ปน็ โอกาส ยกระดบั ความคิด จติ ใจ มีพลงั ในการด�ำเนินชวี ิต ประกอบไปดว้ ย 3 ดา้ น
คอื 1. ดา้ นความทนทานทางอารมณ์ (อึด) 2. ด้านกำ� ลังใจ (ฮึด) และ 3. ด้านการจัดการกบั ปญั หา (ส)ู้ โดยมี
ประชาชนที่ได้รับการประเมินความเข้มแข็งทางใจ (RQ) และมีคะแนนอยู่ในเกณฑ์ปกติถึงสูงกว่าเกณฑ์ปกติใน
พน้ื ทเี่ ป้าหมาย จำ� นวน 4,363 คน จากจำ� นวนประชาชนทไ่ี ดร้ บั การประเมนิ ความเข้มแขง็ ทางใจสถานการณใ์ น
พื้นที่เป้าหมาย ทง้ั หมด 4,909 คน ซงึ่ มผี ลการด�ำเนนิ งาน ดงั น้ี

เดือน มิ.ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - รอ้ ยละ 80
ผลการดำ� เนนิ งาน - - ร้อยละ 88.88

50 ปราีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสุขภาพจิต

ตัวชวี้ ดั ท่ี 3 ร้อยละของประชาชนท่ีมพี ฤตกิ รรมด�ำเนินชวี ติ วิถีใหม่ (New Normal) ในการปอ้ งกนั โรคติดเชอื้
ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)

เปน็ การสำ� รวจการรบั รแู้ ละภาวะสขุ ภาพจติ ของประชาชนไทย จากการระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา
2019 (COVID-19) โดยการตอบแบบสอบถามออนไลนด์ ว้ ย Google Form และเขา้ ถงึ ดว้ ย QR Code โดยสำ� รวจ
3 คร้ัง (มิ.ย.-ส.ค.63) จากตัวแทนระดับประเทศ โดยมีศูนย์สุขภาพจิต 1-13 เป็นผู้ประสานหน่วยงานในพ้ืนที่
เพอ่ื การเกบ็ ขอ้ มลู ขอ้ บง่ ชี้ ตามตวั ชว้ี ดั กำ� หนด จำ� นวนผลของการเกบ็ ขอ้ มลู จากกลมุ่ บคุ ลากรสาธารณสขุ กำ� หนด
เก็บจ�ำนวน 695 คน จำ� นวนท่ีเก็บไดท้ งั้ 3 ครงั้ จำ� นวน 658, 513, และ 526 คน ตามลำ� ดบั และผลของการเกบ็
ขอ้ มูลจากตัวแทนประชาชนชาวไทย ก�ำหนดเกบ็ จำ� นวน 708 คน จ�ำนวนทเ่ี กบ็ ได้ท้ัง 3 ครัง้ จ�ำนวน 580, 534
และ 638 คน ตามลำ� ดบั โดยมผี ลการด�ำเนนิ งาน ดงั น้ี
(1) การสวมหน้ากากอนามยั /หน้ากากผา้ แบ่งเปน็
1.1 สวมหนา้ กากอนามยั / หนา้ กากผา้ ตลอดเวลาทำ� งาน /ทมี่ บี คุ คลอนื่ อยดู่ ว้ ย พบวา่ กลมุ่ บคุ ลากร
ทางการแพทย์ พบว่า

เดือน มิ.ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - รอ้ ยละ 80
ผลการดำ� เนินงาน 98.3 93.8 96.2

1.2 สวมหน้ากากอนามยั / หนา้ กากผา้ ทุกครง้ั เมื่อออกจากบ้าน/ อยใู่ นท่ีชมุ ชน

เดือน มิ.ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - ร้อยละ 80
ผลการด�ำเนนิ งาน 98.3 93.8 96.2

(2) การเว้นระยะหา่ งทางสังคม แบง่ เป็น
2.1 หลีกเลยี่ งการพดู คุยใกล้ชิดกับผ้อู ่ืนควรอยูห่ ่างผู้อื่นในระยะ 2 เมตร

เดือน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
เปา้ หมาย - - รอ้ ยละ 80
ผลการด�ำเนินงาน 83.3 81.3
83.5

2.2 หลกี เล่ียงเข้ารว่ มชมุ นมุ รวมตวั กัน กิจกรรมที่มคี นเยอะ มากกวา่ 50 คน ขน้ึ ไป ใหเ้ วน้ ระยะ
ห่างระหวา่ งบคุ คล เชน่ งานบุญ งานแตง่ งาน งานบวช

เดือน มิ.ย. ก.ค. ส.ค.

เปา้ หมาย - - รอ้ ยละ 80
ผลการดำ� เนนิ งาน 87.8 84.8 79.8

51

2.3 ใช้เวลาในที่สาธารณะเพ่ือการอุปโภค บริโภค สันทนาการ และกิจกรรมท่ีจ�ำเป็นให้ส้ันท่ีสุด
เชน่ ตลาด หา้ งสรรพสนิ ค้า สนามกฬี า

เดอื น ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - ร้อยละ 80
ผลการด�ำเนนิ งาน 72.2 60.7 65.5

(3) ภาวะสขุ ภาพจติ ของประชาชนในการปรบั ตวั เข้าส่ชู ีวิตวิถใี หม่ (New Normal) อยา่ งสมดลุ

เดอื น มิ.ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - ร้อยละ 80
ผลการด�ำเนนิ งาน 98.3 94.0 95.0

ตัวชี้วดั ที่ 4 จำ� นวนชมุ ชน/องคก์ รต้นแบบทมี่ ีภูมิค้มุ กนั ทางใจภายใตส้ ถานการณ์ COVID-19

เป็นการด�ำเนินงานที่คัดเลือกพื้นท่ีด�ำเนินงานสร้างวัคซีนใจเพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันในชุมชน/องค์กรภายใต้
สถานการณก์ ารระบาดของ COVID-19 โดยการขับเคลือ่ นของศนู ย์สุขภาพจติ ทงั้ 13 แห่ง สอื่ สารท�ำความเขา้ ใจ
กบั เครอื ขา่ ยในชมุ ชนและองคก์ รในพน้ื ที่ เพอ่ื คดั เลอื กชมุ ชน/องคก์ ร เขา้ รว่ มการดำ� เนนิ งานวคั ซนี ใจในชมุ ชน และ
สนบั สนนุ ใหเ้ ครือข่ายในพน้ื ท่ีได้รบั การพฒั นาองค์ความรู้เรอ่ื งการปฐมพยาบาลทางใจ (PFA COVID-19) เพอื่ นำ�
ไปใช้ดแู ลจติ ใจประชาชนในพืน้ ที่ ซ่ึงมผี ลการดำ� เนินงาน ในเปา้ หมายระยะท่ี 1 มชี มุ ชนต้นแบบท่ีมภี ูมคิ ้มุ กนั ทาง
ใจภายใตส้ ถานการณ์ COVID-19 จำ� นวน 77 ชุมชน และมีองคก์ รตน้ แบบท่ีมภี ูมิคมุ้ กันทางใจภายใตส้ ถานการณ์
COVID-19 จำ� นวน 77 องคก์ ร ดงั ตารางตอ่ ไปนี้

เดือน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
เป้าหมาย - - พื้นท่ีเป้าหมาย
-อยา่ งน้อย 77 ชมุ ชน
-อย่างนอ้ ย 77 องคก์ ร
ผลการดำ� เนินงาน - - 77 ชุมชน
77 องคก์ ร

52 ปรางี ยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5กี63รมสขุ ภาพจติ

ผลการปฏบิ ัติราชการท่ีส�ำคญั ภายใตแ้ ผนปฏิบัตริ าชการประจำ� ปี
ของกรมสขุ ภาพจติ

กรมสุขภาพจติ มีผลการด�ำเนินงานโครงการทส่ี �ำคญั ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 ประกอบด้วย 33
โครงการ รายละเอยี ดตามยทุ ธศาสตร์ ดงั น้ี
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 ส่งเสรมิ สขุ ภาพจิต ปอ้ งกันและควบคมุ ปจั จยั ท่กี ่อให้เกิดปญั หาสขุ ภาพจิตตลอดชว่ งชวี ติ
1. โครงการ ราชทณั ฑ์ ปนั สขุ ท�ำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. โครงการรณรงค์ป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติด TO BE NUMBER ONE
3. โครงการเสรมิ สร้างพฒั นาการเด็กล่าชา้
4. โครงการสรา้ งเสรมิ สุขภาพจิตเด็กไทยวยั เรียน
5. โครงการเสริมสร้างทักษะชวี ติ และปอ้ งกันพฤติกรรมเสีย่ งของวัยรุ่น
6. โครงการเสริมสร้างพฤติกรรมสขุ ภาพจติ ที่พงึ ประสงคใ์ นวัยท�ำงาน
7. โครงการสร้างสขุ ภาวะทางใจเพ่ือเป็นผสู้ งู วัยท่มี คี ุณคา่ และความสุข
8. โครงการพัฒนาสขุ ภาพจติ ส�ำหรับผู้สูงอายไุ ทย
9. โครงการขับเคล่ือนการดแู ลสุขภาพจิตทุกกลุม่ วยั ในระบบบรกิ ารปฐมภมู ิ
10. โครงการ Active Screening
ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 พัฒนาคุณภาพระบบบรกิ ารและวชิ าการสขุ ภาพจติ และจิตเวช
1. โครงการพัฒนาคณุ ภาพระบบบรกิ ารผูป้ ่วยจิตเวชรุนแรง ย่งุ ยาก ซบั ซอ้ น
2. โครงการพฒั นาระบบบรกิ ารวิกฤตสขุ ภาพจิตของประเทศไทย
3. โครงการแก้ไขปัญหาวิกฤตสขุ ภาพจติ ในพนื้ ท่ีจงั หวัดชายแดนใต้
4. โครงการพฒั นาคณุ ภาพระบบการดแู ลผปู้ ว่ ยจติ เวชทม่ี คี วามเสย่ี งสงู ตอ่ การกอ่ ความรนุ แรงในสงั คม
5. โครงการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการดูแลผูป้ ่วยโรคจิตเภท
6. โครงการพัฒนาระบบการดแู ลผู้มีปัญหาสขุ ภาพจติ และจติ เวชตามพระราชบญั ญัติสขุ ภาพจิต

พ.ศ. 2551
7. โครงการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของเครอื ขา่ ยผู้พกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤติกรรม
8. โครงการเพ่มิ การเขา้ ถงึ บรกิ ารของผทู้ ำ� รา้ ยตนเองและเฝ้าระวังป้องกันการกลับมาท�ำร้ายตนเองซ้ำ�
9. โครงการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการดแู ลผปู้ ว่ ยโรคซึมเศรา้
10. โครงการพฒั นาระบบบรกิ ารสุขภาพจติ และจิตเวชเดก็ และวัยรุ่นในเขตสขุ ภาพ
11. โครงการทศวรรษแห่งการดแู ลเดก็ สมาธิสั้น
12. โครงการขบั เคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ กรมสขุ ภาพจิต
13. การด�ำเนินงาน MCATT ภายใต้สถานการณ์ COVID-19
14. โครงการผลติ สอ่ื และเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ เพอ่ื ขบั เคลอ่ื นแผนฟน้ื ฟจู ติ ใจในสถานการณก์ ารระบาด

ของโรคตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

53

ยุทธศาสตร์ที่ 3 สรา้ งความตระหนักและความเขา้ ใจต่อปัญหาสขุ ภาพจติ
1. โครงการเสริมสร้างความรอบรู้และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพจติ ทพ่ี งึ ประสงคแ์ กป่ ระชาชน ปี 2563
2. โครงการเสริมสร้างพลังใจผู้ได้รับผลกระทบทางจิตใจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ

ไวรสั โคโรนา 2019
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 พฒั นาระบบการบริหารจัดการให้มีประสทิ ธภิ าพและมีธรรมาภบิ าล
1. โครงการ “Creative Thinking with Scenario Planning and Blue Ocean Shift Strategy”
2. โครงการการพฒั นาไปสู่การเป็น Smart Hospital ของหนว่ ยบริการจติ เวช
3. โครงการสง่ เสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมและใหค้ วามรกู้ ฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งเพอ่ื การปฏบิ ตั หิ นา้ ทรี่ าชการ

ทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ
4. โครงการอบรมพัฒนาแผนดิจิทลั หนว่ ยงานสังกัดกรมสขุ ภาพจิต
5. โครงการอบรมพัฒนาระบบความม่นั คงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security)
6. โครงการพฒั นาทกั ษะดา้ นดจิ ทิ ัลส�ำหรับบคุ ลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลย่ี นเปน็ รัฐบาลดจิ ิทลั
7. โครงการเสรมิ สร้างความสุขบุคลากรเพื่อการพัฒนาไปสู่การเปน็ องค์กรแหง่ ความสุข

(Happy Organization)

ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 ส่งเสรมิ สขุ ภาพจิต ปอ้ งกันและควบคุมปัจจยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กิดปัญหา
สขุ ภาพจิตตลอดชว่ งชวี ิต

m โครงการพระราชดำ� ริ

1. โครงการ ราชทัณฑ์ ปันสุข ท�ำความดี เพือ่ ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
หลกั การและเหตผุ ล
จากการด�ำเนินงานด้านสุขภาพจิตและจิตเวชของหน่วยงานในสังกัดกรมสุขภาพจิตท่ีผ่านมา พบว่า
มีจ�ำนวนผู้ต้องขังที่เข้าถึงบริการสุขภาพจิตและจิตเวช ประมาณ 4,000 ราย จากจ�ำนวนผู้ต้องขังทั่วประเทศ
ตามรายงานสถิติผู้ต้องขังราชทัณฑ์ท่ัวประเทศ ส�ำรวจ ณ วันท่ี 1 พฤศจิกายน 2562 จ�ำนวน 365,384 ราย
ซึ่งนับว่ามีจ�ำนวนน้อยมาก เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆท่ีท�ำให้ผู้ต้องขังมีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช ดังนั้น
เพื่อตอบสนองพระราชด�ำริในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้า
เจา้ อยหู่ วั กรมสขุ ภาพจติ โดยสถาบนั กลั ยาณร์ าชนครนิ ทรซ์ งึ่ เปน็ หนว่ ยงานหลกั ทด่ี ำ� เนนิ การพฒั นาระบบบรกิ าร
สขุ ภาพจิตและจิตเวชสำ� หรับผตู้ อ้ งขังของประเทศไทย จึงได้จดั ท�ำโครงการราชทณั ฑ์ปนั สขุ ท�ำความดี เพ่อื ชาติ
ศาสน์ กษัตริย์: การพัฒนางานด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ประจ�ำปีงบประมาณ 2563 ข้ึน เพื่อวางแผน
และด�ำเนินการพัฒนางานด้านสุขภาพจิตและจิตเวชส�ำหรับผู้ต้องขังในเรือนจ�ำท่ัวประเทศให้เป็นไปในทิศทาง
เดียวกันและย่ังยืน อันจะน�ำไปสู่การเข้าถึงบริการของผู้ต้องขังที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตและจิตเวชได้อย่าง
เท่าเทียมเช่นเดยี วกบั บุคคลอ่นื ตลอดไป

54 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5กี63รมสขุ ภาพจติ

ผลผลติ /ผลลพั ธ์ทไ่ี ด้จากการด�ำเนินงาน
ผลผลิต
ในปีงบประมาณ 2563 กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ได้ด�ำเนินโครงการราชทัณฑ์
ปันสุข ท�ำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์: การพัฒนางานด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ซ่ึงผลการด�ำเนินงาน
สามารถสรุปได้ดังน้ี ปัจจุบันมีเล่มแนวทางการให้บริการสุขภาพจิตและจิตเวช ส�ำหรับผู้ต้องขังในเรือนจ�ำและ
ทัณฑสถาน ซ่งึ เนอื้ หาประกอบดว้ ย 1) การกำ� หนดบริการ/กจิ กรรมด้านสุขภาพจติ และจติ เวช สำ� หรับผตู้ ้องขงั
ในเรือนจ�ำ 2) โปรแกรมเตรียมความพรอ้ มผู้ต้องขงั จิตเวชก่อนปล่อย 3) ระบบการสง่ ต่อผตู้ ้องขังป่วยจติ เวช และ
4) การจัดเก็บและรายงานข้อมูลการให้บริการสุขภาพจิตและจิตเวชประจ�ำเดือน นอกจากนี้ระดับความส�ำเร็จ
ในการพัฒนาระบบ Telepsychiatry ของสถาบัน/โรงพยาบาลในสังกัดกรมสขุ ภาพจิต มีพรอ้ มใหบ้ ริการรว่ มกับ
เรอื นจำ� /ทณั ฑสถานทว่ั ประเทศ 11 แหง่ จาก 14 แหง่ ทว่ั ประเทศ สง่ ผลใหม้ จี ำ� นวนผตู้ อ้ งขงั จติ เวชไดร้ บั การตรวจ
รักษาผา่ นระบบ Telepsychiatry รวมทง้ั ส้นิ จำ� นวน 1,053 ราย ซึง่ นับเป็นการเพ่ิมชอ่ งทางในการเขา้ ถงึ บริการ
สำ� หรับผ้ตู อ้ งขังจิตเวช (ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 31 ตลุ าคม 2563) รวมท้งั สถาบัน/โรงพยาบาลในสังกัดกรมสขุ ภาพจิต
มีเตียงรองรบั ผู้ตอ้ งขงั ป่วยจิตเวชแบบผูป้ ่วยในทว่ั ประเทศ ครบท้งั 14 แห่งทัว่ ประเทศ
นอกจากน้ีสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ได้จัดท�ำระบบฐานข้อมูลผู้ป่วยนิติจิตเวช (ผู้ต้องขังจิตเวช)
ซึ่งปัจจุบัน ได้จัดประชุมชี้แจงการใช้งานระบบฐานข้อมูลให้แก่ผู้ปฏิบัติงานแล้ว และเริ่มทดลองใช้ในหน่วยงาน
สังกัดกรมสุขภาพจติ ระยะเวลา 2 เดือน (เดอื นพฤศจิกายน - ธันวาคม 2563) เพือ่ น�ำข้อมูลจากการทดลองใช้
มาปรบั ปรงุ แก้ไขระบบฐานขอ้ มูลใหม้ ีประสทิ ธภิ าพตอ่ ไป

55

2. โครงการรณรงคป์ ้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ TO BE NUMBER ONE
หลักการและเหตผุ ล
โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (TO BE NUMBER ONE) ในทูลกระหม่อมหญิง
อบุ ลรัตนราชกัญญา สิรวิ ฒั นาพรรณวดี ด�ำเนนิ งานต่อเน่ืองมาตงั้ แต่ปี 2545 โดยมเี ป้าหมายในการพฒั นาวยั รุ่น
และเยาวชน ให้มีภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจ และเปิดโอกาสให้ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด เปิดเผยตัวเองเข้ารับการ
บำ� บดั รกั ษา ฟน้ื ฟู โดยสมคั รใจ ภายใตก้ จิ กรรม “ใครตดิ ยายกมอื ขน้ึ ” โดยมยี ทุ ธศาสตรแ์ ละวธิ กี ารดำ� เนนิ โครงการ
ท่ียึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลางบนพ้ืนฐานการเข้าถึงสาเหตุของปัญหา เข้าใจธรรมชาติ พฤติกรรม
และความตอ้ งการของเยาวชน วัยรุ่น และกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ ท้ังวยั ท�ำงานในสถานประกอบการ กลมุ่ เส่ียง กลมุ่ เสพ
ในสถานพนิ จิ ฯ เรอื นจำ� และสำ� นกั งานคมุ ประพฤติ โดยมีกลยทุ ธ์ส�ำคัญ คือ การใชส้ โลแกน “เป็นหน่ึงโดยไมพ่ ่งึ
ยาเสพติด” กอ่ ใหเ้ กดิ ความท้าทาย และจงู ใจเยาวชนไมใ่ หย้ งุ่ กบั ยาเสพติด แตม่ งุ่ คน้ หาความเปน็ หน่งึ ของตนเอง
แนวคิด และกิจกรรมในโครงการเน้นการให้โอกาสมากกว่าการปราบปราม โดยเพ่ิมโอกาสให้เยาวชนได้รับการ
พัฒนาและแสดงความสามารถท่ีหลากหลาย ในลักษณะส่งเสริมการแข่งกันท�ำความดี เป็นส่ิงจูงใจให้เยาวชน
อยากเขา้ ร่วมกจิ กรรมอยา่ งต่อเนื่อง การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรเู้ ปน็ ลกั ษณะ Play and Learn ใช้กิจกรรม
เปน็ สอื่ ใหเ้ ยาวชนไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ และสนกุ กบั การเรยี นรู้ โดยการประยกุ ตก์ บั องคค์ วามรสู้ ขุ ภาพจติ และ
มแี นวทาง การดำ� เนินงาน โดย ใช้วิธีบรู ณาการ ความร่วมมือระหวา่ งหน่วยงานท่ีเกย่ี วขอ้ ง ทัง้ ภาครัฐและเอกชน
ในทุกระดับ กจิ กรรมในโครงการส่วนใหญ่เป็นกจิ กรรมท่ีมุ่งเนน้ การให้โอกาสและทางเลอื กแก่เด็กและเยาวชนท่ี
เท่าเทียมกัน เพ่ือพัฒนาทักษะทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสังคม โดยใช้กระบวนการกลุ่ม เพ่ือสร้างการ
เปลี่ยนแปลงจาก“ภายใน” เช่น การค้นพบความสามารถของตนเอง การนับถือ ภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าใน
ตนเอง ให้เยาวชนเลือกท�ำกิจกรรมที่ตนเองสนใจและช่ืนชอบ มีวิทยากรท่ีมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเป็น
Idol ของเยาวชน ดว้ ยวธิ ี การสอน และฝกึ ทกั ษะแบบไมก่ ดดนั ซึ่งมคี วามเหมาะสมส�ำหรบั กลุม่ เปา้ หมาย

ผลผลติ /ผลลัพธท์ ี่ได้จากการด�ำเนนิ งาน
ผลผลติ
1. การรณรงคเ์ ผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธผ์ า่ นสอ่ื สงิ่ พมิ พ์ วทิ ยุ โทรทศั น์ สอ่ื ออนไลน์ และการจดั นทิ รรศการ
ตอ่ เนอื่ งตลอดท้ังปี
2. จดั กจิ กรรมรณรงคใ์ นพนื้ ท่ี และทลู กระหมอ่ มหญงิ อบุ ลรตั นราชกญั ญา สริ วิ ฒั นาพรรณวดเี สดจ็ เยยี่ ม
สมาชกิ ในจงั หวัดภูมภิ าค 18 จังหวัด
3. จัดประกวด TO BE NUMBER ONE DANCERCISE เพื่อเปิดพ้ืนที่บวกให้เยาวชนได้แสดงออก
และเพ่ือพฒั นาทักษะทางสังคม และความฉลาดทางอารมณ์ โดยผา่ นกิจกรรม มที ีมเขา้ ร่วมแขง่ ขันรวม 256 ทีม
และมีเยาวชนเขา้ รว่ มกจิ กรรม ทัง้ สนิ้ 4,251 คน
4. จัดประกวดเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE IDOL)
มีเยาวชนผา่ นการคดั เลอื กเขา้ รบั การพัฒนาตามท่ีโครงการก�ำหนด จำ� นวน 40 คน
5. พฒั นาและสนบั สนนุ การจดั ตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน สถานประกอบการ
สถานพินิจฯ เรือนจ�ำ/ทัณฑสถาน และส�ำนักงานคุมประพฤติจังหวัด เปิดโอกาสให้สมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมของ
ชมรม เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เกิดความภาคภูมิใจ และมองเห็นคุณค่าของตนเอง ซ่ึงมีการขยาย
เครอื ขา่ ยเพม่ิ ขนึ้ ในทกุ ประเภท ในปี 2563 มจี งั หวดั และชมรม TO BE NUMBER ONE ประเภทตา่ ง ๆ ทวั่ ประเทศ
เข้ารว่ มประกวดผลงาน เพ่ิมขึ้น จาก 834 แห่ง เป็น 867 แห่ง

56 ปรางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

6. พัฒนาและสนับสนุนการจัดตั้งและ
ด�ำเนินงานศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE
โดยในปี 2563 มีศูนย์เพือ่ นใจ TO BE NUMBER ONE
จำ� นวน 9,850 แห่ง
7. จัดบรกิ ารศนู ย์เพอ่ื นใจ TO BE NUMBER
ONE ตามแนวคิด “ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา
พฒั นา EQ” ในห้างสรรพสินคา้ เขตกรุงเทพมหานคร
และปรมิ ณฑล 4 แห่ง ทศ่ี ูนยก์ ารค้าแฟช่ันไอสแ์ ลนด์
ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ และเดอะมอลล์
บางแค โดยในปี 2563 มีผู้มาใช้บริการ รวมท้ังส้ิน
93,146 คน เพิ่มข้ึนจากปี 2562 ร้อยละ 7.32
(ปิดบริการช่วงเดือน มีนาคม–พฤษภาคม 2563
เน่ืองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ
ไวรัสโคโรนา (covid-19))
8. จดั “คา่ ยพฒั นาสมาชกิ TO BE NUMBER
ONE ส่คู วามเป็นหนึง่ ” หรือ “TO BE NUMBER ONE
CAMP” รุ่นที่ 23 มีเยาวชนเข้ารว่ ม 320 คน (รุ่นท่ี 24 ยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดฯ โควิด-19)
9. ผลิตและพัฒนาสอ่ื ส�ำหรบั เครือข่าย แกนนำ� และสมาชิก TO BE NUMBER ONE ทวั่ ประเทศจ�ำนวน
12 เรอื่ ง
10. จดั งานครบรอบ 18 ปี มหกรรมรวมพลสมาชิก TO BE NUMBER ONE โดยมีสมาชกิ และเครือขา่ ย
ร่วมงานประมาณ 15,000 คน
ผลลัพธ์
1) มจี �ำนวนสมาชกิ TO BE NUMBER ONE ทว่ั ประเทศ 29,284,888 คน มีชมรม TO BE NUMBER
ONE รวมท้ังส้นิ 71,501 แห่ง และมศี นู ย์เพอ่ื นใจ TO BE NUMBER ONE 9,850 แหง่
2) ผูเ้ ข้าประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL มีความสำ� เรจ็ ทง้ั ดา้ นผลการเรยี น และการเรียนตอ่
3) สมาชิกที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE ในห้างสรรพสินค้า
ทัง้ 4 แห่ง มีพฒั นาการในการเรียนรู้ และพฒั นาตัวเองดมี ากข้ึน
4) สมาชิกท่ีเข้าร่วมกิจกรรมค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE
สู่ความเป็นหนึ่ง มีพัฒนาการด้านอยู่ร่วมกันกับผู้อ่ืน มีทัศนคติ วิธีการท�ำงาน
และบุคลิกภาพดีขึ้น สามารถน�ำความรู้ ทักษะ และสมรรถนะท่ีได้รับไปช่วยกิจกรรม
สาธารณประโยชน์
5) วัยรนุ่ และเยาวชนท่ีเข้ารว่ มโครงการ TO BE NUMBER ONE มคี วามรู้
และทกั ษะในการเสรมิ สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทางจิต ร้อยละ 98.43

57

m ปฐมวยั

3. โครงการเสริมสร้างพฒั นาการเด็กลา่ ช้า
หลกั การและเหตุผล
ผลการด�ำเนินงานในปีงบประมาณ 2561-2562 พบว่า เด็กพัฒนาการล่าช้า (ทุกช่วงวัย) ได้รับการ
กระตุ้นพัฒนาการร้อยละ 34.70 และร้อยละ 41.03 (ข้อมูล ณ 15 ส.ค. 62 และ 30 ก.ย. 62) ตามล�ำดับ
ในปงี บประมาณ 2563 กรมสขุ ภาพจติ จงึ ยังตอ้ งเนน้ คณุ ภาพการจัดระบบดแู ลเด็กพัฒนาการลา่ ชา้ เพอ่ื ตดิ ตาม
ดูแลเดก็ ท่ีมพี ัฒนาการล่าช้าอยา่ งต่อเน่อื ง

ผลผลติ /ผลลัพธท์ ไ่ี ด้จากการด�ำเนินงาน
ผลผลติ
1. รอ้ ยละ 89.24 ของเครือขา่ ย รพช. (จำ� นวน 713 แหง่
จากท้ังหมด 799 แห่ง) มีระบบดูแลเด็กพัฒนาการล่าช้าตาม
แนวทางทก่ี �ำหนด (เปา้ หมายร้อยละ 75)
2. รอ้ ยละ 91.44 ของเครอื ข่าย ศบส. รพช. รพท.รพศ.(จำ� นวน 887 จากทง้ั หมด 970 แหง่ ) มรี ะบบ
ดูแลเดก็ พัฒนาการลา่ ชา้ ตามแนวทางท่ีกำ� หนด
3. ร้อยละ 66.87 ของเด็กปฐมวยั (5 ช่วงอาย)ุ (จำ� นวน 5,165 จากทัง้ หมด 7,724 คน) ทไ่ี ด้รบั การ
คัดกรองแล้วพบว่ามีพัฒนาการล่าช้าแล้วได้รับการกระตุ้นพัฒนาการด้วย TEDA4I หรือเคร่ืองมือมาตรฐานอื่น
เขต 1-12 (เป้าหมายร้อยละ 65)
4. ร้อยละ 51.98 เด็กปฐมวยั (ทกุ ช่วงอายุ) (จำ� นวน 1,973 จากทัง้ หมด 3,796 คน) ท่ไี ด้รับการคดั กรอง
แล้วพบว่ามีพัฒนาการล่าช้าแล้วได้รับการกระตุ้นพัฒนาการด้วย TEDA4I หรือเครื่องมือมาตรฐานอ่ืน เขต13
(เป้าหมายร้อยละ 40)
ผลลพั ธ์
1. ร้อยละ 98.80 ของเดก็ ปฐมวยั กลุ่มเส่ียง (จำ� นวน 120,263 จากทัง้ หมด 121,722 คน) ท่ไี ดร้ บั การ
คดั กรองแลว้ พบวา่ สงสัยลา่ ชา้ แลว้ ไดร้ บั การกระตนุ้ จนมพี ฒั นาการสมวยั เขต 1-12 (เป้าหมายรอ้ ยละ 80)
2. รอ้ ยละ 39.46 ของเดก็ ปฐมวัย (5 ช่วงอาย)ุ (จ�ำนวน 1,112 จากทัง้ หมด 2,818 คน) ท่ีได้รับการ
คดั กรองแลว้ พบว่ามีพฒั นาการล่าช้าแล้วได้รบั การกระตนุ้ จนมพี ฒั นาการสมวยั เขต 1-12 (เป้าหมายรอ้ ยละ 30)
3. รอ้ ยละ 43.82 ของเด็กปฐมวยั (ทกุ ชว่ งอาย)ุ (จ�ำนวน 287จากทัง้ หมด 655 คน) ท่ไี ด้รบั การคดั กรอง
แล้วพบว่ามีพัฒนาการล่าช้า แล้วได้รับการกระตุ้นจนมีพัฒนาการสมวัย เขต 13 (เป้าหมายร้อยละ 30)
หมายเหตุ : ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2563
4. การทดลองใช้คู่มือการเสริมสร้างอีคิวบุตรหลานส�ำหรับผู้สูงวัย ในพื้นท่ีเป้าหมายใน 4 เขตสุขภาพ
ไดแ้ ก่ เขตสุขภาพที่ 2 5 8 และ 11
5. ต้นร่างเทคโนโลยีการพัฒนาความคดิ สร้างสรรค์สำ� หรับเดก็ ไทยในศตวรรษที่ 21 เพื่อพัฒนาเดก็ ไทย
ใหม้ คี วามพรอ้ มทางดา้ นทกั ษะความสามารถและการเรยี นรดู้ า้ นความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม

58 ปราีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสุขภาพจิต

6. สอื่ สนบั สนนุ การดแู ลสขุ ภาพจติ เดก็ ในสถานการณ์
การระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบด้วย แผ่นพับอินโฟ
กราฟฟกิ เรอื่ ง วธิ ดี แู ลลกู ในชว่ งทโี่ ควดิ -19 ระบาด และ motion
graphic เรอ่ื ง “วิธีดูแลใจเจา้ ตวั เล็กในวันท่โี ควดิ -19 ระบาด”
และ “3 กิจกรรมส�ำหรับเด็กในวันทโ่ี ควดิ -19 ระบาด” เพ่อื ใช้
เผยแพร่ในกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครอง บุคลากรสาธารณสุขและ
บคุ ลากรทเี่ กีย่ วข้อง

m วยั เรยี น

4. โครงการสรา้ งเสรมิ สุขภาพจติ เด็กไทยวัยเรยี น
หลกั การและเหตุผล
จากผลการส�ำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์เด็กนักเรียนช้ันประถมศึกษา
ปที ่ี 1 ในปี 2559 โดยกรมสุขภาพจิต พบระดบั สติปัญญาเฉลี่ยเทา่ กบั 98.23 ซึ่งตำ่� กวา่ ค่ากลางมาตรฐานสากล
(IQ=100) และเมื่อพจิ ารณาในภาพรวมของประเทศ พบวา่ ยังมีเดก็ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ทีม่ ี IQ ต�ำ่ กวา่ เกณฑป์ กติ
(IQ < 90) อยูถ่ งึ รอ้ ยละ 31.81 (ไมค่ วรเกิน ร้อยละ 25) และยังมนี กั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 ที่มรี ะดบั สติ
ปัญญาอยู่ในเกณฑ์บกพร่อง (IQ < 70) อยู่ถึงร้อยละ 5.8 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสากลคือไม่ควรเกิน ร้อยละ 2
ในส่วนของผลการส�ำรวจระดับความฉลาดทางอารมณ์ พบว่า เด็กนักเรียนไทยอายุ 6-11 ปี มีความฉลาดทาง
อารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติขึ้นไป ร้อยละ 77 นอกจากน้ีข้อมูลปัญหาพฤติกรรม-อารมณ์ที่ส�ำคัญในเด็กวัยเรียน
พบว่า พฤตกิ รรมรังแกกัน (bullying) ในประเทศไทยมีสัดสว่ นท่คี ่อนข้างสงู ซงึ่ ผลกระทบท่ีเกดิ จากการรังแกกัน
(bullying) ส่งผลทัง้ นักเรียนทเี่ ป็นผู้รังแก และนักเรยี นทเี่ ปน็ เหยอื่ บคุ คลท่อี ยูร่ อบข้างเดก็ เชน่ ครู เพอ่ื น พอ่ แม่
ผู้ปกครอง โรงเรียน สังคม ก็อาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมรังแกด้วย เช่น ปัญหาอาชญากรรม และ
การกระท�ำที่ผิดกฎหมาย (Robert, 2000) จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น กรมสุขภาพจิตด�ำเนินการสร้าง
ความเข้มแข็งให้กับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนท่ีมีปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ การเรียนรู้ ให้เกิดความต่อเน่ือง
มีการเชื่อมต่อกันอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนท่ีมีปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ และ
การเรยี นร้ใู นโรงเรยี นและระบบบรกิ ารสาธารณสขุ ตัง้ แต่ปี 2560-2563 อย่างตอ่ เนอ่ื ง

ผลผลติ /ผลลัพธ์ที่ไดจ้ ากการดำ� เนินงาน
1. รอ้ ยละ 95.86 ของ ศบส. รพช. รพท. และรพศ.(927 แหง่ จากทง้ั หมด 967 แหง่ ) ทม่ี รี ะบบดูแล
ช่วยเหลือเด็กวัยเรียนกลุ่มเสี่ยงต่อระดับสติปัญญาต่�ำกว่ามาตรฐาน ปัญหาการเรียนรู้ ออทิสติก และปัญหา
พฤตกิ รรม-อารมณ์รว่ มกบั โรงเรยี น
2. รอ้ ยละ 59.82 ของโรงเรยี นประถมศกึ ษาสงั กัด สพฐ.และส�ำนกั การศึกษา กทม. (15,812 แหง่ จาก
ท้ังหมด 26,434 แหง่ ) ทีม่ ีระบบดแู ลชว่ ยเหลอื เดก็ วัยเรยี นกลมุ่ เสี่ยงตอ่ ระดบั สตปิ ัญญาต่ำ� กวา่ มาตรฐาน ปัญหา
การเรยี นรู้ ออทิสตกิ และปญั หาพฤตกิ รรม-อารมณ์

59

3. ร้อยละ 94.23 (126,325 คน จาก 134,057 คน) ของเด็กวยั เรียนกลุ่มเส่ยี งตอ่ ระดับสติปญั ญาต�ำ่ กวา่
มาตรฐาน ปญั หาการเรียนรู้ ออทิสติก และปัญหาพฤตกิ รรม-อารมณ์ ได้รบั การดูแลช่วยเหลอื
4. รอ้ ยละ 92.66 ของนักเรยี นกลมุ่ เสี่ยงตอ่ ระดบั สตปิ ญั ญาตำ�่ กวา่ มาตรฐาน ปัญหาการเรยี นรู้ออทสิ ตกิ
และปัญหาพฤติกรรม-อารมณ์ ไดร้ ับการดแู ลชว่ ยเหลอื จนดขี นึ้ (94,493 คน จาก 101,982 คน ไดร้ ับการดแู ล
ชว่ ยเหลอื และไดร้ ับการประเมินซำ�้ )

5. การขยายผลการใช้โปรแกรมการพัฒนา
ทักษะการควบคุมตนเอง (self-control) เพื่อป้องกัน
พฤติกรรมการรังแกกัน (bullying) ในเด็กประถมศึกษา
ปที ่ี 1-3 ใน 4 พน้ื ท่ี ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 3 6 7 และ 10
6. ชุดโปรแกรมการพัฒนาทักษะการควบคุม
ตนเอง (self-control) เพอ่ื ปอ้ งกนั พฤตกิ รรมการรงั แกกนั
(bullying) ในเดก็ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 (ฉบับปรับปรงุ )

m วยั รนุ่

5. โครงการเสริมสรา้ งทกั ษะชีวติ และป้องกันพฤตกิ รรมเสี่ยงของวัยร่นุ
หลักการและเหตผุ ล
นโยบายรฐั บาล และแผนยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศในชว่ งแผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 12 ให้ความสำ� คัญ
ในการพฒั นาคนใหม้ คี วามสมบรู ณใ์ นทกุ ชว่ งวยั โดยกลมุ่ วยั เรยี นและวยั รนุ่ มเี ปา้ หมายเพมิ่ ทงั้ ดา้ นความฉลาดทาง
สติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ มีความคิด
สร้างสรรค์ และมีทักษะการใช้ชีวิตเตรียมพร้อมก้าวสู่วัยท�ำงานต่อไป กระทรวงสาธารณสุขจัดท�ำแผน
ยทุ ธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี (ดา้ นสาธารณสขุ ) โดยจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตร์
การพัฒนาสุขภาพวัยรุ่นไทย (พ.ศ.2560-2564) ที่มีเป้าประสงค์เพ่ือให้
วัยรุ่นมีทักษะชีวิตดี ลดพฤติกรรมเส่ียง ได้รับการดูแลและเข้าถึงบริการ
สุขภาพที่เป็นมิตรกับวัยรุ่น มีระบบสนับสนุนสุขภาพที่ตอบสนอง
สถานการณ์ได้ทันท่วงทีและเครือข่ายฯมีขีดความสามารถในการดูแล
สุขภาพวัยรุ่น งานสุขภาพจิตโรงเรียนวิถีใหม่ (new normal school
mental health) เป็นการบูรณาการความร่วมมอื ระหวา่ ง สพฐ.โดยส�ำนกั
วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา กบั กรมสุขภาพจติ พฒั นาฐานขอ้ มูลและ
เว็บแอพพลิเคชั่นในการเฝ้าระวังและดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหา
พฤตกิ รรม อารมณ์ สังคม โดยมี UNICEF เป็นผสู้ นบั สนุนงบประมาณในการ

60 รปาีงยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสุขภาพจิต

พฒั นา และ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้
เจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นผู้พัฒนาเว็บแอพพลิเคช่ันในช่ือ
Health and Educational Reintegrating Operation (HERO)
Database (ฐานข้อมูล HERO) เพื่อเฝ้าระวังและดูแลช่วยเหลือ
นักเรียนทีม่ ปี ัญหาพฤตกิ รรม อารมณ์ สังคม
ผลลพั ธ์/ผลผลติ
1. นักเรียนมัธยมปที ่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 ไดเ้ ขา้ ส่รู ะบบ
School Health HERO จำ� นวน 7,603 คน นกั เรยี นทเี่ ฝา้ ระวงั ดว้ ย
9S แลว้ พบความเส่ียง 1,685 คน หรอื 22.16% จากน้ันประเมนิ
ด้วย SDQ พบเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือมีปัญหาจ�ำนวน 241 คน และ
นักเรียนไดร้ บั การดแู ลช่วยเหลอื จนดีข้ึน 75.93%
2. พัฒนาคู่มอื สรา้ งสรรค์พลงั ใจใหว้ ัยทนี
3. พฒั นาแนวทางการเสริมสรา้ งความฉลาดทางสังคม
4. พฒั นาคมู่ ือการเสรมิ สร้างความรอบรดู้ า้ นสุขภาพจิตวัยรุ่นในสถานการณ์โควดิ -19

m วยั ทำ� งาน

6. โครงการเสริมสรา้ งพฤติกรรมสขุ ภาพจติ ท่พี ึงประสงค์ในวัยทำ� งาน
หลกั การและเหตผุ ล
ประชากรวัยทำ� งานเป็นกลุ่มท่มี ีสดั ส่วนจำ� นวนประชากรมากท่ีสดุ ทั้งยังเป็นพลังสำ� คัญในการขบั เคลอ่ื น
ประเทศ แตใ่ นสถานการณป์ จั จุบนั ทีต่ ้องเผชญิ กบั ปัญหาการเปลย่ี นแปลงด้านประชากร วยั ท�ำงานตอ้ งรับภาระ
ในการถูกพ่ึงพิงเพ่ิมขึ้นจากเด็กและผู้สูงอายุ และพบว่าปัญหาท่ีส�ำคัญของวัยท�ำงานในเรื่องการด�ำเนินชีวิตและ
พฤติกรรมทางสุขภาพที่ไมเ่ หมาะสม ในส่วนของสขุ ภาพจิต จากสถิติพบว่าประชากรวัยทำ� งานอายุ 22-59 ท่มี า
ขอรับบรกิ ารสายดว่ นสขุ ภาพจติ 1323 มากเป็นอันดับ 1 ไดแ้ ก่ เรือ่ ง ความเครยี ด ความวิตกกงั วล และยงั พบว่า
วยั ทำ� งานอายุ 30-39 ปี มอี ตั ราการฆา่ ตวั ตายสงู ทสี่ ดุ ซง่ึ กลไกทส่ี ำ� คญั ประการหนง่ึ ทจี่ ะชว่ ยใหป้ ระชากรวยั ทำ� งาน
มีความพร้อมและมีศักยภาพในการดูแลตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้ดี คือ การเสริมสร้างความรอบรู้ด้าน
สุขภาพทง้ั ดา้ นร่างกายและจิตใจ เพ่ือใหป้ ระชากรวัยทำ� งาน มีความรู้ความสามารถในการดูแลสุขภาพกายและ
สุขภาพจิตได้อยา่ งเหมาะสมทั้งตอ่ ตนเองและผูอ้ ่นื
ผลผลติ /ผลลพั ธ์ทีไ่ ด้จากการด�ำเนนิ งาน
1. จำ� นวนประชาชนวยั ทำ� งานในพน้ื ทเี่ ปา้ หมายไดร้ บั การสง่ เสรมิ สขุ ภาพจติ และปอ้ งกนั ปญั หาสขุ ภาพจติ
ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา(COVID-19) จ�ำนวนทั้งสนิ้ 72 พื้นท่ีจาก 53 จงั หวัด ในเขต
สุขภาพที่ 1-12 และ 2 เขตในกรงุ เทพมหานคร

61

2. จ�ำนวนประชาชนวัยท�ำงานในพื้นที่เป้าหมายได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจ (RQ)
ในสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา(COVID-19) จ�ำนวนท้งั สนิ้ 59 จังหวัด 70 อ�ำเภอ และ 3
เขตในกรงุ เทพฯ ผลการประเมนิ ความเขม้ แขง็ ทางใจของประชาชนวยั ทำ� งาน จำ� นวน 4,909 คน พบวา่ มปี ระชาชน
จ�ำนวน 4,363 คน (รอ้ ยละ 88.88) มีคะแนนอย่ใู นเกณฑ์ปกตถิ งึ สูงกว่าเกณฑป์ กติ
3. การบูรณาการงานสขุ ภาพจติ รว่ มกับกรมวิชาการอน่ื ดังนี้
3.1 ข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ผู้ประกันตนในสถาน
ประกอบการระหวา่ งสำ� นกั งานประกนั สงั คม กรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน กรมการแพทย์ กรมควบคมุ โรค
กรมอนามัย กรมสขุ ภาพจติ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน สภาอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้า
แหง่ ประเทศไทย (ตงั้ แตป่ ี 2562-ปจั จุบัน)
3.2 กรมควบคุมโรค และกรมอนามัย โครงการ “สถานประกอบการ/วิสาหกิจชุมชนปลอดโรค
ปลอดภัย กายใจเป็นสขุ ” (ตัง้ แตป่ ี 2556-ปจั จุบนั )
3.3 กรมอนามัย การพัฒนาแนวทางส่งเสริมสุขภาพและอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานประกอบการ
10 Packages รว่ มกับกรมอนามัย (Package 2 จติ สดใส ใจเปน็ สขุ ) (ตง้ั แต่ปี 2561-ปัจจุบนั )
3.4 สภาองคก์ รลกู จ้างแหง่ ประเทศไทย โครงการพฒั นาและสร้างเสริมสขุ ภาวะคนท�ำงานในสถาน
ประกอบการ (คพสก.) (ต้งั แตป่ ี 2562-ปัจจบุ ัน)
4. สื่อ/เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจในสถานการณ์วิกฤติการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา (COVID-19) โดยเผยแพรป่ ระชาชนโดยตรงและผ่านศูนย์สุขภาพจติ ใน 2 รปู แบบ คอื 1) Clip VDO
เพ่อื เสริมสรา้ งความเขม้ แข็งทางใจในสถานการณ์วกิ ฤติโรคระบาดโควิด-19 จ�ำนวน 4 ตอน 2) หนงั สือแนวทาง
เสริมสรา้ งความเขม้ แข็งทางใจในสถานการณว์ กิ ฤติโรคระบาดโควิด-19 จำ� นวน 6,000 เล่ม

62 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสุขภาพจติ

m วยั สงู อายุ ภายใต ้ โครงการการเสรมิ สรา้ งสขุ ภาวะทางใจเพอื่ เปน็ ผสู้ งู วยั
ทม่ี คี ณุ คา่ และความสขุ
โครงการพฒั นาสขุ ภาพจติ สำ� หรบั ผสู้ งู อายไุ ทย

7. โครงการสร้างสุขภาวะทางใจเพอ่ื เปน็ ผ้สู งู วัยทมี่ คี ณุ ค่าและความสขุ
หลักการและเหตุผล
กองสง่ เสริมและพฒั นาสขุ ภาพจติ ได้ด�ำเนนิ โครงการเสริมสรา้ งสขุ ภาวะทางใจเพ่ือเป็นผูส้ ูงวยั ทม่ี ีคุณคา่
และความสุข โดยมเี ปา้ หมาย เพือ่ ขยายพื้นทด่ี ำ� เนินการให้ผูส้ งู อายุกลมุ่ ตดิ สงั คมได้รบั การเสริมสรา้ งทักษะและ
มีความรอบรู้ในการสร้างสุขเพ่ิมมากขึ้น สามารถดูแลสุขภาพจิตตนเอง และใช้ศักยภาพในการช่วยเหลือผู้อื่น
ในสังคมได้ ขณะเดียวกนั เพอื่ ใหผ้ สู้ ูงอายุกลมุ่ เส่ียงท่ีมปี ัญหาสขุ ภาพ (โรคเร้ือรัง ตดิ บา้ น ติดเตยี ง) และญาตเิ ข้าถงึ
การดแู ลชว่ ยเหลือทางสังคมจติ ใจ และการสรา้ งพลงั ใจ ผา่ นการพฒั นาระบบกลไกการด�ำเนนิ งานดูแลทางสงั คม
จิตใจทม่ี คี ณุ ภาพ

ผลผลิต/ผลลัพธ์ จากการดำ� เนนิ งาน
1. มีชมรมผู้สูงอายุภายใต้การดูแลของโรงพยาบาล
สง่ เสรมิ สขุ ภาพตำ� บลในเขตสขุ ภาพที่ 1-12 เขา้ รว่ มดำ� เนนิ การ
ทั้งหมด จ�ำนวน 4,517 แห่ง (จาก 9,794 แห่ง) คิดเป็น
รอ้ ยละ 46.12 (รอ้ ยละ 50) จากจำ� นวนชมรมผสู้ งู อายทุ ง้ั หมด
ภายใต้ รพ.สต. สำ� หรบั พน้ื ทก่ี รงุ เทพมหานครมชี มรมผสู้ งู อายุ
ทอี่ ยภู่ ายใต้ศูนย์บริการสาธารณสุขเขา้ ร่วมดำ� เนินการจำ� นวน 32 แหง่ (จาก68 แหง่ ) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 47.06 และ
มีจ�ำนวนผู้สูงอายุได้รับการเสริมสร้างสุขภาวะทางใจ (กิจกรรมสุข 5 มิติ) ท้ังหมด 606,667 คน หมายเหตุ :
เนอ่ื งจากสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา(COVID-19) ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถดำ� เนนิ การตามเปา้ หมาย
ท่กี ำ� หนดไว้
2. อ�ำเภอท่ีมีระบบการดูแลทางสังคมจิตใจผู้สูงอายุป่วยเร้ือรังที่ติดบ้านติดเตียง คิดเป็นร้อยละ 21.23
(รอ้ ยละ 40) หมายเหตุ : เนอื่ งจากสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา(COVID-19) ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถ
ดำ� เนินการไดต้ ามเปา้ หมายทก่ี ำ� หนดไว้
3. การส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตผู้สูงอายุ ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ครอบคลุมพื้นที่ท้ัง 77 จังหวัด 165 พ้ืนที่ จ�ำนวนประชาชนวัยสูงอายุได้รับการคัดกรองความ
วิตกกังวล จ�ำนวน 12,155 คน โดยมีความวิตกกังวลอยู่ในระดับสูง จ�ำนวน 593 คน คิดเป็นร้อยละ 4.88
พฒั นาส่อื และสนบั สนนุ ส่ือส�ำหรับเผยแพร่ให้กับอสม. Care giver และผู้สงู อายุในพน้ื ท่เี ป้าหมาย อสม. และ
Care giver ลงเยย่ี มบา้ นและคดั กรองความกงั วลตอ่ ไวรสั อบรมใหค้ วามรแู้ กอ่ าสาสมคั รสาธารณสขุ ประจำ� หมบู่ า้ น
(อสม.) และCare Giver โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้อสม. และ Care Giver มีทักษะในการคัดกรองโดยใช้แบบ
คัดกรองความกงั วลต่อไวรัส COVID-19

63

4. การพัฒนานวัตกรรมสุขภาพจิต ได้แก่ 1. คู่มือฝึกอบรมการดูแลทางสังคมจิตใจผู้สูงอายุป่วยเรื้อรัง
ที่ติดบ้าน ติดเตียง 2. โปรแกรมเสริมสร้างพลังใจญาติผู้ดูแลผู้สูงอายุ 3. โปรแกรมเตรียมใจสู่วัยผู้สูงอายุท่ีมี
ความสุขถงึ แนวทางในการดแู ลสังคมและจติ ใจผ้สู งู อายุและผดู้ แู ลผ้สู ูงอายุ
5. นวตั กรรมสขุ ภาพจิตในสถานการณ์การระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา (COVID-19)
5.1 จัดทำ� Infographic จ�ำนวน 3 เรอ่ื ง ได้แก่ 1) ดแู ลใจผู้สูงอายอุ ยา่ งไร ไมใ่ ห้วิตกกังวลกบั โควิด
19 - โควิดกับผสู้ ูงอายุ อย่อู ยา่ งไรไมใ่ หเ้ ครียด 2) ชมุ ชนรว่ มใจผู้สงู อายไุ มล่ ำ� พงั 3) จัดทำ� และผลติ แนวทางการ
ดูแลสังคมจิตใจผ้สู ูงอายใุ นสถานการณโ์ ควดิ -19 สำ� หรบั ผู้ดแู ลผู้สูงอายุ/อาสาสมัครสาธารณสุข
5.2 ผลติ สื่อมลั ติมเี ดยี เรื่อง “ผู้สงู อายปุ รบั ตัว ปรับใจกับชวี ติ วิถใี หม่” และ เรอ่ื ง “สร้างพลังใจญาติ
รบั ชีวิตวถิ ใี หม”่

8. โครงการพฒั นาสขุ ภาพจิตสำ� หรบั ผสู้ งู อายไุ ทย
หลักการและเหตผุ ล
ประเทศไทย พบว่าผู้ป่วยสมองเส่ือมในชุมชน
ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยสูงถึงร้อยละ 95 และมากกว่า
รอ้ ยละ 90 จะเกดิ อาการ BPSD อาการ BPSD ทพ่ี บบอ่ ย
ท่ีสุด คือ ความเฉยเมย ขาดความกระตือรือร้น
ไม่แสดงออกซ่ึงอารมณ์ (apathy) ความพลุ่งพล่าน
กระวนกระวายใจ (agitation) และอารมณ์ซึมเศร้า
(depression) ซ่ึงจะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตของคนไข้
ผดู้ ูแล และครอบครวั
ผลผลติ /ผลลพั ธ์ทไ่ี ดจ้ ากการด�ำเนนิ งาน
1. ไดอ้ งคค์ วามรู้ และนวตั กรรม สขุ ภาพจติ และ
จติ เวชผูส้ ูงอายุ จำ� นวน 5 เรื่อง
1.1 เคร่ืองมือคัดกรองซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
ทเ่ี หมะสมกบั บรบิ ทในพนื้ ท่ี
1.2 โปรแกรมกลุ่มการดูแลแบบเก้ือกูล
บนพื้นฐานของวฒั นธรรมไทย
1.3 คูม่ ือการส่งเสริมคุณภาพชวี ติ แบบองคร์ วม
1.4 แบบวดั คุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายทุ ่ีมีภาวะสมองเสอื่ ม
1.5 โปรแกรมกิจกรรมบำ� บัดสำ� หรับผู้สูงอายทุ ี่มภี าวะสมองเสือ่ ม ฉบับปรบั ปรุง

64 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5กี63รมสุขภาพจิต

2. แนวทางการดแู ลเฝ้าระวังภาวะสมองเสือ่ ม/ภาวะสมองเสอ่ื มท่มี ปี ญั หาพฤตกิ รรมและจติ ใจ (ทดลอง
ใชใ้ นจงั หวัดสุราษฎรธ์ านี)
3. บคุ ลากรสาธารณสขุ ไดร้ ับการพัฒนา 816 คน
3.1 วิทยากรหลักสูตรการฝึกทักษะการดูแลผู้สูงวัยสมองเสื่อมท่ีมีปัญหาพฤติกรรมและจิตใจ
สำ� หรบั ผดู้ แู ล จำ� นวน 240 คน (กรมสขุ ภาพจติ จำ� นวน 60 คน /เขตสขุ ภาพท่ี 11 จ�ำนวน 180 คน)
3.2 วิทยากรหลักสูตรฟื้นฟูการรู้คิดในผู้สูงวัยสมองเส่ือมท่ีมีปัญหาพฤติกรรมและจิตใจ ส�ำหรับ
ผดู้ แู ล จำ� นวน 30 คน (เขตสขุ ภาพท่ี 11)
3.3 ผผู้ า่ นการอบรมการฝกึ ทกั ษะการดแู ลผสู้ งู วยั สมองเสอ่ื มทมี่ ปี ญั หาพฤตกิ รรมและจติ ใจ สำ� หรบั
ผู้ดแู ล จำ� นวน 546 คน (care manager จำ� นวน 265 คน, care giver จำ� นวน 281 คน)

65

m ทกุ กลมุ่ วยั

9. โครงการขบั เคลอ่ื นการดูแลสขุ ภาพจิตทกุ กลุม่ วัยในระบบบริการปฐมภูมิ
หลกั การและเหตุผล
เนื่องจากจุดเริ่มต้นของโครงการมุ่งเน้นการดูแลจิตใจควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
ในชุมชน ที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ในขณะท่ีมีการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส
โคโรนา (COVID-19) การขับเคล่ือนโครงการน้ีจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างพลังของชุมชนเป็นฐานคิดส�ำคัญ ควบคู่
ไปกบั การสรา้ งวคั ซนี ใจในชมุ ชน เพอื่ ใหช้ มุ ชนมภี มู คิ มุ้ กนั ทางใจ พรอ้ มเผชญิ และผา่ นพน้ วกิ ฤตการแพรร่ ะบาดไปได้

ผลผลติ /ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการด�ำเนนิ งาน
ผลผลติ
1. ได้กรอบการด�ำเนินงานในการสร้างวัคซีนใจเพื่อสร้าง
ภมู คิ มุ้ กนั ในชมุ ชนทใี่ ชร้ ว่ มกนั ของกรมสขุ ภาพจติ
2. มแี นวทางการสรา้ งวคั ซนี ใจเพอื่ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ในชมุ ชน
สู้ภัย COVID-19 เผยแพร่ใหก้ บั เครอื ขา่ ยในชมุ ชนทั่วประเทศ
3. พัฒนาส่ือเทคโนโลยีทั้งในรูปแบบ คู่มือ แผ่นพับ
Infographic และ Clip Video เรื่องวัคซีนใจในชุมชนส�ำหรับ
เผยแพรใ่ ห้กบั ชุมชนทว่ั ประเทศ
4. มีนวัตกรรมที่เป็น Best practice การสร้างวัคซีนใจในชุมชน
สามารถใชเ้ ปน็ ตน้ แบบในการดำ� เนนิ งานได้
ผลลพั ธ์
1. พฒั นาชมุ ชน/องคก์ รตน้ แบบในการสรา้ งวคั ซนี ใจเพอ่ื สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั
ในชุมชน/องค์กร สู้ภัย COVID-19 โดยมีชุมชนต้นแบบจ�ำนวนท้ังส้ิน 84 แห่ง
ทัว่ ประเทศ และมอี งคก์ รตน้ แบบจ�ำนวน 78 แหง่ ท่วั ประเทศ
2. ชุมชนมภี ูมคิ มุ้ กันใจในชุมชน ทส่ี ามารถเผชิญกบั สถานการณว์ ิกฤตในอนาคตได้
3. เกดิ เครอื ขา่ ยทร่ี ว่ มดำ� เนนิ งานมกี ารบรู ณาการงานสขุ ภาพจติ เขา้ กบั ประเดน็ ปญั หาในพน้ื ท่ี และใชใ้ น
การดแู ลจติ ใจประชาชนในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา (COVID-19)
4. ประชาชนได้รบั การดูแลสขุ ภาพจิตภายใต้แนวคิดการสร้างวัคซนี ใจในชมุ ชน

66 รปาีงยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

10. โครงการ Active Screening
หลกั การและเหตุผล
สถานการณก์ ารติดเชือ้ และการระบาดของเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย ปจั จุบัน
ไดเ้ ข้าสคู่ ลนื่ ลกู ที่ 4 : 4th wave : Psychic trauma, Mental illness, Economic injury, Burnout จากการ
ระบาดท่ียาวนานจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ ท�ำให้ประชาชนเกิดความเครียด วิตกกังวล เกิดปัญหาทางสุขภาพจิต
และเจ็บป่วยด้วยโรคทางจิตเวชเพ่ิมขึ้น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเกิดภาวะเหน่ือยล้าทางอารมณ์
หมดไฟ ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตตามมาหรือเกิดการเจ็บป่วยทางจิตเวชได้ หนึ่งในมาตรการ
ตอบโต้การเข้าสู่คล่ืนลูกที่ 4 ภายใต้ “แผนการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ปี 2563 - 2564 (Combat 4th Wave of COVID-19 Plan : C4) ไดแ้ ก่ การประเมนิ สขุ ภาพจติ
ศนู ยส์ ขุ ภาพจิตที่ 1 - 13 ได้พฒั นาการประเมนิ สขุ ภาพจิตออนไลน์ ภายใตช้ ่อื ตรวจเชค็ สุขภาพใจ (MENTAL
HEALTH CHECK IN) สำ� หรบั ประชาชนทว่ั ไปสามารถประเมนิ สขุ ภาพจติ เบอื้ งตน้ ดว้ ยตนเอง เปน็ เครอ่ื งมอื ประเมนิ
สขุ ภาพจติ เบอ้ื งตน้ และคดั กรองความเสยี่ งตอ่ ปญั หาสขุ ภาพจติ เพอื่ ชว่ ยใหบ้ คุ ลากรสาธารณสขุ / อสม./ จติ อาสา
ใช้ประเมินสุขภาพจิตประชาชน เพื่อค้นหากลุ่มเส่ียง ต่อปัญหามาดูแลสุขภาพจิต ตลอดจนประชาชนและ
ผมู้ คี วามเสย่ี งตอ่ ปญั หาสขุ ภาพจติ สามารถประเมนิ ตนเองและเขา้ ถงึ บรกิ ารไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ การประเมนิ ประกอบ
ไปด้วย SBSD คอื S : Stress (เครยี ด) B : Burnout (ภาวะหมดไฟ) S : Suicide (เส่ียงฆา่ ตัวตาย) D : Depression
(ซมึ เศรา้ ) โดยทราบผลการประเมนิ ทนั ที มคี ำ� แนะน�ำในการปฏบิ ตั ติ ัว พรอ้ มมีชอ่ งทางการขอรบั การปรกึ ษาจาก
ผเู้ ชย่ี วชาญทางออนไลน์

ผลผลิต/ผลลพั ธ์
จำ� นวนผเู้ ขา้ ใชร้ ะบบ 436,656 ราย เปน็ เพศชาย รอ้ ยละ 38.6 เพศหญงิ รอ้ ยละ 61.4 พบความเครยี ดสงู
รอ้ ยละ 1.17 เสยี่ งซมึ เศรา้ รอ้ ยละ 5.05 ซมึ เศรา้ รนุ แรง รอ้ ยละ 1.74 เสยี่ งฆา่ ตวั ตาย รอ้ ยละ 0.55 มภี าวะหมดไฟ
รอ้ ยละ 0.33 (หมายเหตุ : ขอ้ มูล ณ วันท่ี 30 ก.ย. 2563)

67

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 พฒั นาคณุ ภาพระบบบรกิ ารและวชิ าการสขุ ภาพจติ และจติ เวช

1. โครงการพฒั นาคณุ ภาพระบบบริการผู้ปว่ ยจิตเวชรนุ แรง ยุง่ ยาก ซบั ซอ้ น
หลักการและเหตผุ ล
กรมสขุ ภาพจติ มนี โยบายในการพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพจติ และจติ เวชมาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เพอ่ื ใหป้ ระชาชน
สามารถเข้าถึงบริการและได้รับบริการที่เป็นธรรมมากข้ึน โดยปรับบทบาทให้เป็น National Authority of
Mental Health ภายใตน้ โยบายในระดบั ประเทศทก่ี ำ� หนดใหม้ กี ารปฏริ ปู ระบบสขุ ภาพ อกี ทง้ั ไดด้ ำ� เนนิ งานตาม
แนวเจตนารมณก์ ารพฒั นางานของอธบิ ดกี รมสขุ ภาพจติ เรอื่ งพฒั นาระบบบรกิ ารใหม้ มี าตรฐานและมาตรฐานสงู
ตามแนวทาง Service Plan ของกระทรวงสาธารณสขุ โรงพยาบาลจะต้องลดความแออดั และต้องลดระยะเวลา
รอคอย รวมทั้งต้องเร่งด�ำเนินการเร่ือง Smart Hospital จากนโยบายดังกล่าว กรมสุขภาพจิตให้ความส�ำคัญ
ในการพฒั นาคุณภาพระบบบริการสขุ ภาพจติ และจติ เวช ระดบั รนุ แรง ย่งุ ยาก ซบั ซอ้ น เพ่ือพฒั นาระบบบริการ
จติ เวชรนุ แรง ยุ่งยาก ซับซอ้ น ของหน่วยบรกิ ารจิตเวช ทัง้ ในจติ เวชเดก็ /วัยรุ่น และผ้ใู หญ่ ใหม้ ขี ดี ความสามารถ
ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างมีมาตรฐาน มีคุณภาพ และตอบสนองต่อความต้องการในเขตสุขภาพ นอกจากน้ี
ยังด�ำเนินการพัฒนาสถาบัน/โรงพยาบาลจิตเวชเพื่อมุ่งสู่การเป็น smart hospital ด้วยการน�ำเทคโนโลยี
ด้านดิจิทัลมาใช้ในบริการด่านหน้า อันจะส่งผลให้เกิดการบริการท่ีมีคุณภาพและความรวดเร็ว ลดความแออัด
ผ้รู บั บรกิ ารเกิดความพึงพอใจ

ผลผลติ /ผลลัพธ์ทไ่ี ดจ้ ากการดำ� เนินงาน
ผลผลิต
1. แนวทางการพฒั นาระบบบรกิ าร New Normal Psychiatric service (ปรบั จากแนวทางการประเมนิ
การพัฒนาบรกิ ารด่านหนา้ ท่ีพงึ ประสงค์ : EMS)
2. แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพระบบบรกิ ารสขุ ภาพจติ และจติ เวช ระดับเหนือตตยิ ภมู ิ ส�ำหรับสถาบนั /
โรงพยาบาลสงั กัดกรมสขุ ภาพจิต (ฉบับร่าง)
ผลลพั ธ์
1. หน่วยบริการจิตเวช มีบริการเฉพาะทางสุขภาพจิตและจิตเวช (Super Specialist Service)
ท่มี ีคณุ ภาพมาตรฐานในระดบั 1 จำ� นวน 18 แห่ง
2. ผ้ปู ว่ ยทเี่ ขา้ รบั บรกิ ารจติ เวชเฉพาะทางมีการเปลยี่ นแปลงทด่ี ีข้นึ รอ้ ยละ 77.85

68 รปาีงยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

2. โครงการพฒั นาระบบบริการวกิ ฤตสุขภาพจติ ของประเทศไทย
หลกั การและเหตผุ ล
กรมสขุ ภาพจิต มีการด�ำเนินการตามหลัก 2P2R การปอ้ งกันและ
ลดผลกระทบ (Prevention and Mitigation) การเตรียมความพร้อม
(Preparedness) การเผชิญเหตหุ รอื การรบั มือ (Response) และการฟ้นื ฟู
(Recovery) ซ่ึงเม่ือเกิดเหตุการณ์วิกฤตข้ึนทุกคร้ังจะมีผู้ได้รับผลกระทบ
ท้ังทางตรงและทางอ้อม ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สิน
เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าทางจติ ใจทง้ั รายบคุ คลและรายกลมุ่ ทำ� ใหป้ ระชาชนเกดิ อาการชอ็ ค
ตนื่ ตระหนก ตน่ื กลวั เสยี ใจ โกรธ เกดิ ภาวะเครยี ดและสง่ ผลตอ่ จติ ใจ ทำ� ใหเ้ กดิ
ปัญหาสุขภาพจิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และอาจเกิดความผิดปกติและ
โรคทางจิตเวช เช่น โรคเครียดหลงั เหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Post-Traumatic
Stress Disorders: PTSD) ภาวะซึมเศร้า การฆ่าตัวตาย และการติดสุรา/สารเสพติดได้ ซึ่งหากได้รับการ
ช่วยเหลือและเยียวยาทางด้านจิตใจทันทีหลังเหตุการณ์อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการสุขภาพจิต จะช่วยลด
ความเสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพจิตเร้ือรังหรือเจ็บป่วยทางจิตเวชลงได้ อีกทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีโดยเน้น
การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ การสร้างความเข้มแข็งทางใจต่อการรับรู้ การปรับตัวกับ
ผลกระทบและความเปลย่ี นแปลงทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตจงึ เปน็ อกี สงิ่ สำ� คญั โดยไดม้ กี ารพฒั นาหลกั สตู รการสรา้ ง
ความเข้มแข็งในชุมชนเพ่ือรองรับสถานการณ์วิกฤต (Community Resilience Enhancement in Crisis
Readiness) รวมท้ังขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบริการวิกฤตสุขภาพจิตอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้เกิดระบบบริการ/
การบริหารจัดการในภาวะวิกฤตให้มีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่องโดยมีความเช่ือมโยงบูรณาการท้ังระดับ
จังหวดั ระดบั เขตและระดบั ประเทศ

ผลผลิต/ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการด�ำเนินงาน
กองบรหิ ารระบบบรกิ ารสขุ ภาพจติ รว่ มกบั หนว่ ยงานในสงั กดั กรมสขุ ภาพจติ ไดด้ ำ� เนนิ งานภายใตโ้ ครงการ
พฒั นาระบบบรกิ ารวกิ ฤตสขุ ภาพจติ ของประเทศไทย แตเ่ นอื่ งจากเกดิ สถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั
โคโรนา 2019 (COVD-19) ตงั้ แตเ่ ดอื นมกราคม 2563 เปน็ ตน้ มา สง่ ผลใหไ้ มส่ ามารถดำ� เนนิ การทดลองใชใ้ นพน้ื ที่
ตามแผนงานได้ จงึ มกี ารปรบั แผนการดำ� เนนิ งานใหส้ อดรบั กบั สถานการณภ์ ายใตแ้ ผนการฟน้ื ฟจู ติ ใจในสถานการณ์
การระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVD 19) ปี 2563 - 2564 (Combat 4: Wave of COVD-19
Plan : C4) ควบคกู่ บั การดำ� เนนิ งานวกิ ฤตสขุ ภาพจติ อน่ื ๆ ท่ีเกิดข้ึน ผลลัพธ์ทไ่ี ดจ้ ากการด�ำเนนิ งานมดี งั นี้
1. แนวทางการปฏิบตั ิงานภารกิจพระราชพธิ ี
2. ฐานขอ้ มลู วกิ ฤตสขุ ภาพจติ และฐานขอ้ มลู ภายใต้
ภารกิจพระราชพธิ ี
3. ทบทวนและพฒั นาหลกั สตู รสำ� หรบั วทิ ยากร และ
คู่มือผู้เข้าอบรม เรื่องการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน เพื่อ
รองรับสถานการณ์วิกฤต (Community Resilience
Enhancement in Crisis Readiness) ฉบับทดลองใช้

69

วโดัตยถมุปกี ราะรส ทใชนงดีแ้ คกลจาaเอพงรงรใ่ืออโชับดเบ้ใมสยนรือมรพมิกีกมื้นใัาบสหทรภร่ีชBคBาาม้ีแววงีวจาะคัตงมวถวริกอุปาูBแฤบมรกตระเมข=ทสเใงBมีมสหคแร้ค์เMพิมขวื่อส็างCมเแรAส้ราลรTู้แงะิมคTกสพว่ทรใาัฒีมน้ามงนสตคMางัรวCกระาAะมัดหTบเกนขTบัรก้มมแใกในนขสาสก็งรขุ แังาเภกลตรัดะาลรพพกดียรัฒคจมมวตินคสากาวุขมราอ=ภเะมสนาบี่ยพพนบงจรำกติตหBอาั้งกรมลแ่อเขักตตนรอส่กนียงูต่อ�ำมชรนหคุมฯเลวกชักาดิดนสมังภูตพใกัยนรรลฯ้อกา=ขมาวณดขรไังปอะรกงัเบทลกชดม่าิดุมวลือชภไอกนปัยงับใชภBใานวพะวน้ื ิกทฤ่ี มตี
เสรมิ สรBาหงคลงัวเากมดิ ตภรยั ะแหลนะกกั าใรนฟกน้ื าครืนลสดุขคภวาาวมะทเสางีย่ จงติ ต้ังแตก= อ= นเกดิ ภัย ขณะเกิดภยั หลงั เกิดภัย และการฟÉนÇ คืนสุขภาวะทางจติ

1 . ผลลผัพลธลกa พั าธรก์ดาำรเนดำ�ินเงนานิ นงกาานรกชาว= รยชเว่หยลเหือลเยอื ยี เยวยียวายจาิตจใติจใผจปูB ผรปู้ ะรสะบสภบาภวาะววะิกวกิฤฤตตขขอB อ้ มมูลลู ณณ ววนั นั ทท่ี 1ี่ 100กกนั ยนั ายยานยน25265363
มีสถานกามรีสณถาaวนิกกฤาตรณเก์วิดกขฤตนึ้ เกจดิ ำขน้นึ วนจ�ำน1ว2น2 1เห22ตกุเหาตรุกณารa ณ์

ภยั ธรรมชาตแิ ละภยั นํา0 มือมนษุ ย์

20 15 19

15 11 14

99
10 5 4 7
54 4 6

5 2 0 0 1 2 1 0 01 1 2 0
0

0

AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB AHB

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13

ภยั ธรรมชาติ ภยั นํา0 มือมนษุ ย์

พ บวา= มพผี บBปู วร่าะมสีผบู้ปภระาวสะบวภิกาฤวะตวทิกีม่ฤคีตทวา่ีมมีคเวสาย่ีมงเสตี่ย=องปตÖญ่อปหัญาหสาุขสภุขาภพาจพติ จิตทท้งั หั้งหมมดดจจำ�ำนนววน 6,396 รายย ได้รBรับับการเยียวยา
จจติติ ใใจจต6า,1มไก3ดมา2้รราบัเตยรกียาราวยฐรยาเายแนจยีลิตกวะใรยจพมาบจ6ส,ิตผ1ุขใ3ปGูจภ2ตราาระพมาสจยมบติาแภตลจาระฐำวพานะบนววผกิกนปู้รฤมร1ตะส,สทุข7บภ4ม่ี ภา6ปี พาญTวรจะาิตหวยาิกจสฤคำ� นตขุิดทวภเนป่ีมาีปน`พ1ญั ร,จ7Gอห4ิตยา6สลทรุขะาั้งภยห9ามพ6คดดิ.จ7เิตป3จ็นทำรัง้นอ้หวยมนลดะ1จ9,�ำ86น.07ว53น ร1า,8ย05ไดรGราับยการเยียวยา

70 รปาีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

3. โครงการแก้ไขปัญหาวกิ ฤตสขุ ภาพจิตในพ้นื ท่ีจังหวัดชายแดนใต้
หลกั การและเหตุผล
กรมสขุ ภาพจติ โดยโรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครนิ ทร์และศนู ย์สุขภาพจิตท่ี 12 ได้ด�ำเนินโครงการ
แก้ไขปัญหาวิกฤตสุขภาพจิตในชายแดนใต้ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 โดยได้ก�ำหนดยุทธศาสตร์ในการ
ด�ำเนินงานเป็น 4 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างเสริมความเข้มแข็งทางจิตใจแก่ประชาชน
ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การพฒั นาศกั ยภาพของบคุ ลากรเครอื ข่ายในการดูแลเยยี วยาจิตใจแก่ผูไ้ ดร้ บั ผลกระทบในพ้ืนที่
ยุทธศาสตร์ท่ี 3 พฒั นาความเชย่ี วชาญทางวิชาการ การวจิ ัย /นวัตกรรม/การจดั การความรู้ และยุทธศาสตรท์ ่ี 4
การพฒั นาระบบรายงาน การเฝ้าระวังปญั หาสขุ ภาพจติ และการขับเคลอื่ นยทุ ธศาสตร์ เพ่อื ใหป้ ระชาชนผไู้ ด้รบั
ผลกระทบที่เป็นกลุ่มเส่ียงได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจจากเครือข่ายผู้ดูแล รวมทั้งเพื่อเป็นการเสริมสร้าง
ความเข้มแข็งของจิตใจและความสามารถ ในการปรับตัวเข้ากับวิกฤตของชีวิตทุกรูปแบบของประชาชนในพ้ืนท่ี
จงั หวัดชายแดนใตไ้ ดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองและมีประสิทธิภาพ

ผลผลิต/ผลลพั ธ์ทีไ่ ด้จากการด�ำเนินงาน
1. ปรับปรุงระบบเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิตส�ำหรับ
ผูป้ ระสบภัยพิบตั ิในภาวะวิกฤต (CMS)
2. วางแผนเชื่อมโยงระบบเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิต
ส�ำหรับผู้ประสบภัยพิบัติในภาวะวิกฤต (CMS) กับฐานข้อมูล
ของศูนย์อ�ำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้และวางแผน
บันทึกข้อตกลง (MOU) ในปงี บประมาณ 2564
3. พัฒนาศักยภาพสมองและความฉลาดทางอารมณ์ โดยพัฒนาศักยภาพผู้ปกครองใน 5 โรงเรียน
น�ำร่อง : ผ้ปู กครองมคี วามเขา้ ใจในการพัฒนาศักยภาพเดก็ มากขนึ้ มคี วามยินดใี ห้ลกู เขา้ ร่วมโครงการและเช่อื วา่
ลูกสามารถพฒั นาความฉลาดได้ 100% และฝกึ ปฏบิ ัตทิ ดลองใช้ Intervention ครูช้ัน ป.1 ในโรงเรยี นนำ� ร่อง
ปรับปรุงและแก้ไขกิจกรรมใหม้ ีความเหมาะสมกบั นักเรียนมากขึ้น
4. ดูแลเยียวยาจิตใจเด็กท่ีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ มีการ
ปรบั ปรงุ และพฒั นาเนอื้ หาในคมู่ อื การดแู ลเยยี วยาจติ ใจเดก็ ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณช์ ายแดนใตใ้ หพ้ รอ้ ม
ใชง้ านและทันสมัย
5. ฟื้นฟูจิตใจหลังวิกฤตการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 แก่บุคลากรสาธารณสุขที่
รบั ผดิ ชอบงานสขุ ภาพจิตและหนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ ง ใหม้ ีความเข้าใจ สามารถขับเคลือ่ นงานฟ้นื ฟจู ติ ใจหลงั วิกฤต
การระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 ได้ และเครอื ขา่ ยด�ำเนินงานบูรณาการแผนการด�ำเนินงานรว่ มกัน
ในระดับพื้นที่ดูแลช่วยเหลือผลกระทบด้านสุขภาพจิตของประชาชนจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้ือ
ไวรสั โคโรนา 2019
6. พัฒนาศักยภาพทีมดูแลเยียวยาจิตใจด้วยหลักสูตรการปฐมพยาบาลทางใจฉบับออนไลน์ ผู้เข้าร่วม
มีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลทางใจ และสามารถเข้าถงึ กระบวนการในการดูแลจิตใจเม่ือเกดิ ภาวะวิกฤต
ไดง้ ่ายและรวดเรว็ มากยง่ิ ขึ้น

71

7. เสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจของวัยรุ่นท่ีได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัด
ชายแดนใต้ โดยการวเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารใชค้ วามรุนแรงของวัยรนุ่ การพฒั นาโปรแกรมปอ้ งกนั ความรุนแรง
ของวัยรุ่น และน�ำโปรแกรมไปทดลองใช้ จ�ำนวน 2 คร้ัง พบว่า วัยรุ่นฯ มีความเข้มแข็งทางใจอยู่ในระดับ
ปานกลางร้อยละ 85.71
8. สร้างชุมชนต้นแบบการด�ำเนินงานสุขภาพจิต โดยจัดท�ำเน้ือหาแนวทางการด�ำเนินงานสุขภาพจิต
สำ� หรบั ผชู้ ว่ ยเหลอื ในชมุ ชน ตามบรบิ ทชายแดนใตภ้ ายใต้ HUGS model โดยไดพ้ ฒั นาศกั ยภาพแกนนำ� ในชมุ ชน
10 ชุมชน เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งทางใจเดก็ ก�ำพร้าจากสถานการณ์ชายแดนใต้
9. ฟน้ื ฟเู ยยี วยาจติ ใจผพู้ กิ ารและญาตผิ พู้ กิ ารจากสถานการณ์ ความไมส่ งบฯ ผพู้ กิ าร 200 คน ผตู้ ดิ ตาม/
ผดู้ แู ลผพู้ ิการ 200 คน โดยดแู ลเยยี วยาจิตใจของผ้พู ิการและดแู ลผู้พิการจากสถานการณค์ วามไมส่ งบฯ เยียวยา
และเพม่ิ ศักยภาพผูพ้ ิการ ฝึกปฏบิ ัตกิ ารปฐมพยาบาลทางใจตามหลกั 3L


4. โครงการพฒั นาคณุ ภาพระบบการดแู ลผปู้ ว่ ยจติ เวชทมี่ คี วามเสย่ี งสงู ตอ่ การกอ่ ความรนุ แรง
ในสังคม
หลกั การและเหตผุ ล
จากสถานการณป์ จั จบุ นั ทมี่ เี หตกุ ารณส์ ะเทอื นขวญั ความรนุ แรงทปี่ รากฏทางสงั คมเกดิ ขนึ้ ทง้ั ในครอบครวั
หรือกับประชาชนท่ัวไป พบว่าผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่งมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวชท่ีเคยเข้ารักษาในโรงพยาบาลจิตเวช
มากอ่ น เมอ่ื กลบั ไปอยกู่ บั ครอบครวั หรอื ชมุ ชนแลว้ มปี ญั หาขาดการรกั ษาตอ่ เนอื่ ง ขาดยา ไมย่ อมรบั การเจบ็ ปว่ ย
หรือใช้สุรา/สารเสพติด จึงท�ำให้อาการก�ำเริบ มีพฤติกรรมก้าวร้าว และอาจก่อความรุนแรงทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น
หรอื ทรพั ยส์ นิ กรมสขุ ภาพจติ กำ� หนดนโยบายการแกป้ ญั หาความรนุ แรงในผปู้ ว่ ยจติ เวชเพอ่ื พฒั นาระบบการดแู ล
ผปู้ ว่ ยจติ เวชทมี่ คี วามเสยี่ งสงู ตอ่ การกอ่ ความรนุ แรง ซงึ่ ยงั ขาดฐานขอ้ มลู ทค่ี รอบคลมุ เพอื่ ปอ้ งกนั ไมใ่ หผ้ ปู้ ว่ ยจติ เวช
กลุ่มเสย่ี งสงู ขาดยา และให้เกดิ การตดิ ตามดูแลต่อเน่ืองท่ีมีประสิทธภิ าพ ไมก่ ลบั มาปว่ ยซ้ำ� ไม่ก่ออนั ตรายทงั้ ต่อ
ตนเองและผอู้ ื่น หรอื ก่อเหตคุ วามรุนแรงในครอบครวั /สงั คม และ
มีระบบการดแู ลอย่างใกล้ชดิ เช่ือมโยงในเขตสขุ ภาพ

ผลผลิต/ผลลพั ธท์ ่ีไดจ้ ากการดำ� เนินงาน
ผลผลิต
3.1 คมู่ อื ระบบการดแู ลผปู้ ว่ ยจติ เวชทม่ี คี วามเสย่ี งสงู ตอ่ การ
ก่อความรุนแรง (SMI-V)
3.2 สรุปถอดบทเรียนระบบบริการผู้ป่วยจิตเวชที่มีความ
เสยี่ งสูงในการกอ่ ความรุนแรง (SMI-V)
ผลลพั ธ์
ผปู้ ว่ ยจติ เวชทม่ี คี วามเสยี่ งสงู ตอ่ การกอ่ ความรนุ แรงไมก่ ลบั ไป
ก่อคด/ี ความรนุ แรงซ�ำ้ ร้อยละ 99.12

72 รปางี ยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสุขภาพจติ

5. โครงการเพม่ิ ประสิทธิภาพการดแู ลผูป้ ่วยโรคจติ เภท
หลักการและเหตุผล
กรมสุขภาพจิตได้ตระหนักถึงความส�ำคัญของการเพ่ิมการเข้าถึงบริการของ
โรคจิตเวชท่ีส�ำคัญ โรคจิตเภทจัดเป็นโรคเร้ือรังทางจิตเวชที่มีความผิดปกติเก่ียวกับ
ความคิดและอารมณ์รูปแบบหนึ่ง ซ่ึงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโรคท่ีท�ำให้เกิดภาวะ
ทุพพลภาพสูงสุด (YLD) ส่งผลต่อความพิการเรื้อรังและการเป็นภาระทางสังคม
กองบริหารระบบบริการสุขภาพจิตจึงได้จัดท�ำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการดูแล
ผู้ป่วยโรคจิตเภทอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยโรคจิตเภทท่ีครอบคลุม
การสง่ เสรมิ ปอ้ งกนั การคดั กรอง และการประเมนิ ความรนุ แรงของอาการ การบำ� บดั
รกั ษาท่มี ปี ระสิทธภิ าพ การติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนอ่ื ง วิเคราะหป์ ญั หาอุปสรรค
ในการด�ำเนินงาน และปรับกลยุทธ์ในการขับเคล่ือนการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย
โรคจิตเภท ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในการด�ำเนินงานพัฒนา
ระบบบรกิ ารสขุ ภาพจิตและจิตเวชในเขตสุขภาพ

ผลผลิต/ ผลลพั ธ์ท่ีได้จากการด�ำเนนิ งาน
ในปีงบประมาณ 2563 กองบริหารระบบบริการสุขภาพจิตได้จัดท�ำโครงการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ
ผู้ป่วยโรคจิตเภท ควบคู่กับการด�ำเนินงานงานสุขภาพจิตและจิตเวชในคลินิกหมอครอบครัว (PCU) โดยมีการ
ด�ำเนินโครงการจัดทำ� แผนการด�ำเนนิ งานสขุ ภาพจิตและจิตเวช ตามแนวทาง Six Building Block of Health
System โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชที่พึงประสงค์ (Service Plan) โครงการขับเคล่ือน
การพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพจติ และจติ เวชในเขตสขุ ภาพ โครงการวางแผนการดำ� เนนิ งานดา้ นการพฒั นาระบบ
บรกิ ารสขุ ภาพจติ และจติ เวชทส่ี อดคลอ้ งกบั สภาพปญั หาในเขตสขุ ภาพประจำ� ปี 2564 โครงการพฒั นาระบบฐาน
ขอ้ มูลผปู้ ว่ ยโรคจิตเภทร่วมกับศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โครงการเพิ่มพนู
ศักยภาพเรื่องการคัดกรองและการวินิจฉัย การบ�ำบัดเบ้ืองต้นในคลินิกแพทย์ปฐมภูมิ โครงการขยายผลการน�ำ
Application โรคจิตไปใช้ในเครือข่าย อสม./แกนน�ำชุมชน และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง 3 ภูมิภาค ท้ังน้ี
ยงั ดำ� เนนิ งานพฒั นาแนวทางการดแู ลตดิ ตามเฝา้ ระวงั การกลบั เปน็ ซำ้� ในผปู้ ว่ ยโรคจติ เภทมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และยงั
เลง็ เหน็ ถงึ ความสำ� คญั ของการดำ� เนนิ งานดา้ นสขุ ภาพจติ และจติ เวชในเขตสขุ ภาพ เพอ่ื ขบั เคลอ่ื นการเขา้ ถงึ บรกิ าร
จึงได้จัดท�ำโครงการพัฒนาแบบสังเกตอาการด้านจิตใจ (Mind6) และแบบสังเกตผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงต่อ
การก่อความรุนแรง (Mind7) ในรูปแบบส่ือส�ำหรับประชาชน เป็นการพัฒนาเคร่ืองมือและสื่อสุขภาพจิตที่

เขา้ ใจงา่ ย ประชาชนสามารถเข้าถงึ ได้ สะดวกต่อการน�ำไป
ใช้คัดกรองผู้ป่วยโรคจิตเวช และช่วยเพ่ิมการเข้าถึงบริการ
ผปู้ ว่ ยโรคจติ เวชตอ่ ไป การดำ� เนนิ งานในปงี บประมาณ 2563
ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคจิตเภทสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพจิต
และจิตเวชท่ีมีคุณภาพได้มากถึง 402,606 ราย คิดเป็น
รอ้ ยละ 91.45 ของผูป้ ว่ ยโรคจิตเภททงั้ หมด (ข้อมูล ณ 31
สิงหาคม 2563 กองบริหารระบบบริการสขุ ภาพจิต)

73

6. โครงการพัฒนาระบบการดูแลผมู้ ปี ัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช
ตามพระราชบญั ญัตสิ ุขภาพจิต พ.ศ. 2551

หลกั การและเหตผุ ล
จากข้อมูลผลการด�ำเนนิ งานของสถานบำ� บดั รักษาตามพระราชบญั ญัติสุขภาพจติ พ.ศ. 2551 ประจำ� ปี
พ.ศ. 2562 พบวา่ ผปู้ ว่ ยทมี่ ารบั บรกิ ารในสถานบำ� บดั รกั ษาเปน็ ผปู้ ว่ ยจติ เวชรวมทงั้ สน้ิ 1,735 ราย โดยเปน็ ผปู้ ว่ ย
จิตเวชท่วั ไปตามพระราชบญั ญัตสิ ุขภาพจติ พ.ศ. 2551 จ�ำนวน 1,433 ราย และเป็นผู้ป่วยนติ ิจติ เวช (ผู้ปว่ ยคด)ี
จำ� นวน 302 ราย ดังนั้นเพ่ือให้ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชไดร้ ับการค้มุ ครองสิทธิและไดร้ ับการบ�ำบัดรักษา
อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม ลดอาการความผดิ ปกติ ความรนุ แรงทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ รา่ งกาย หรอื ทรพั ยส์ นิ
ของบุคคลน้ันและของผู้อ่ืนในสังคม และเพ่ิมประสิทธิภาพในการดูแลผู้มีความผิดปกติทางจิต จึงจ�ำเป็นต้อง
ด�ำเนินการส่ือสารความรู้ความเข้าใจในพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 สู่สังคม รวมท้ังพัฒนาแนวทาง
ในการปฏบิ ัติตอ่ ผ้มู ปี ญั หาด้านสขุ ภาพจิตและจติ เวช รวมถงึ กฎหมายอ่ืนๆทเ่ี กีย่ วข้อง ใหเ้ ป็นท่ีเข้าใจและเกดิ ผล
อันดีต่อผู้มปี ญั หาทางจติ และจติ เวช และสงั คมทุกภาคสว่ น
การด�ำเนินงานขับเคล่ือนการบังคับใช้พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ในระดับพ้ืนที่ท่ีผ่านมา
(ปีงบประมาณ 2560 - 2562) พบว่าปัญหาหลักในการด�ำเนินงานของจังหวัด คือ ขาดงบประมาณในการ
จัดประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานเพื่อการบังคับใช้พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ระดับจังหวัด
ซงึ่ การประชมุ คณะอนกุ รรมการฯ เปน็ กลไกสำ� คญั ในการสนบั สนนุ และผลกั ดนั การขบั เคลอื่ นงานดา้ นสขุ ภาพจติ
รวมทั้งวางแผนถ่ายทอดแนวทางการด�ำเนินงานการสร้างเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและ
ประสานแก้ไขปญั หาที่เกิดขึน้ จากการบงั คบั ใช้พระราชบัญญัติสุขภาพจติ พ.ศ. 2551
ในปี 2563 กองยุทธศาสตร์และแผนงาน จึงได้เน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้เก่ียวกับพระราชบัญญัติ
สุขภาพจิตผ่านส่ือในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะ Website Facebook Youtube และแผ่นพับ เพ่ือสร้างเสริม
ป้องกัน ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึน จากการบังคับใช้พระราชบัญญัติสุขภาพจิต (ฉบับท่ี 2)
พ.ศ. 2562 ซึ่งได้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ทันต่อสถานการณ์และการปฏิบัติตามที่มีการประกาศใช้ เมื่อวันท่ี 16
เมษายน 2562

ผลผลิต/ผลลัพธท์ ไ่ี ดจ้ ากการดำ� เนนิ งาน
1. เกิดระบบการดูแลผมู้ ปี ัญหาสขุ ภาพจติ และจิตเวชในเขตสุขภาพ ทม่ี คี วามเชอ่ื มโยงระหว่างเครอื ขา่ ย
ทัง้ ในและนอกระบบบรกิ ารสาธารณสุข รวมท้งั เครอื ขา่ ยภาคประชาชน
2. ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชได้รับการดูแลในพ้ืนที่อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันท่วงที
อนั จะเป็นการช่วยลดปัจจยั ทก่ี ่อให้เกิดปญั หาความรุนแรงในสงั คม

74 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

7. โครงการสรา้ งความเขม้ แข็งของเครอื ขา่ ยผพู้ กิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรม
หลักการและเหตผุ ล
ดว้ ยแผนพัฒนาคุณภาพชวี ิตคนพกิ ารแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 5 พ.ศ. 2560-2564 เน้นสง่ เสริมการบรู ณาการ
เครือข่ายและสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างย่ังยืน คนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม
ส่วนหนึ่งมีประสิทธิภาพและสามารถท�ำงานเลี้ยงชีพตนเองได้แต่ยังไม่มีงานท�ำหรือไม่ได้รับการจ้าง เน่ืองจาก
ถกู เลอื กปฏบิ ตั ิ ขาดโอกาสและสทิ ธกิ ารเขา้ ถงึ การไดร้ บั จา้ งงาน การมงี านทำ� เปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทม่ี ผี ลตอ่ คณุ ภาพชวี ติ
ของคนพิการ การมีงานท�ำไม่เพียงแต่เป็นการตอบแทนทางการเงินแต่ยังมีความส�ำคัญต่อการมีอัตลักษณ์
สถานะทางสังคม การตระหนักรู้ในคุณค่าของตนเองและการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมชนอย่างสม�่ำเสมอ
ดังนั้นการเข้าถึงโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตสังคม รวมถึงการเข้าถึงโปรแกรมการจ้างงานจะท�ำให้
คนพกิ ารสามารถมคี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ขี นึ้ อนั สง่ ผลใหค้ นพกิ ารฯ สามารถกลบั ไปทำ� บทบาทหนา้ ทขี่ องตนเองในสงั คม
ไดอ้ ยา่ งมศี กั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ยด์ ว้ ยภาคภมู ใิ จ ดงั นน้ั โรงพยาบาลศรธี ญั ญาซงึ่ ไดร้ บั มอบหมายจากกรมสขุ ภาพจติ
ให้เป็นผู้ก�ำกับดูแลหลักในการดูแลฟื้นฟูคนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรมจนมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน จึงได้
ดำ� เนนิ การจดั โครงการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของเครอื ขา่ ยคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรมผา่ นการพฒั นาระบบการ
ฟน้ื ฟสู มรรถภาพคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรมสกู่ ารมงี านทำ� แบบมสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยทงั้ ภาครฐั และ
เอกชน หนว่ ยด�ำเนนิ การ คอื หน่วยบริการจติ เวชผ้ใู หญ่ 13 แห่ง

ผลผลิตและผลลพั ธท์ ไี่ ด้จากการดำ� เนินงาน
ผลผลิต
1. น�ำเสนอเชิงนโยบายเร่ืองการพัฒนาระบบการฟื้นฟู
สมรรถภาพสู่การมีงานท�ำของคนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม
กับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและ
ความมน่ั คงของมนษุ ย์ และกระทรวงมหาดไทย เพอ่ื ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ
การจา้ งงานคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรมตามพระราชบญั ญตั ิ
สง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คนพิการมาตรา 33 และ 35
2. นำ� เสนอความตอ้ งการ ความจำ� เปน็ และประโยชนข์ อง
การจ้างงานและการก�ำกับติดตามการท�ำงานของคนพิการฯ กับ
ผู้บริหารของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและสถานประกอบการเอกชน
เพื่อเกิดความตระหนักและเข้ามามีส่วนร่วมในการจ้างงาน
คนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริม
และพัฒนาคุณภาพชวี ติ คนพกิ ารมาตรา 33 และ 35
3. อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื พฒั นาศกั ยภาพของบคุ ลากร
ในสังกัดกรมสุขภาพจิตและภาคีเครือข่ายบริการทั้งในและนอก
กระทรวงสาธารณสขุ เพอ่ื ใหม้ คี วามรแู้ ละทกั ษะการเปน็ ผดู้ แู ลฟน้ื ฟสู มรรถภาพคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรม
สู่การมีงานทำ� รวมทงั้ มีการพฒั นาระบบการจา้ งงานคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรมของภาคีเครอื ขา่ ย

75

4. อบรมใหค้ วามรแู้ ละพฒั นาทกั ษะเพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มและการปฏบิ ตั ติ นในการทำ� งานเพอื่ ใหส้ ามารถ
ปฏบิ ัติงานไดจ้ ริงและรักษางานไวไ้ ดแ้ กค่ นพิการทางจติ ใจหรือพฤติกรรมและผูด้ แู ล
5. ตดิ ตามและประเมนิ ผลระบบการฟน้ื ฟสู มรรถภาพสกู่ ารมงี านทำ� ของคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรม
ร่วมกับภาคีเครือขา่ ย

ผลลพั ธ์
1. รอ้ ยละ 100 ของบุคลากรกรมสขุ ภาพจิตและภาคีเครอื ข่ายที่ดูแลคนพิการทางจติ ใจหรือพฤติกรรม
มีความรู้และทักษะในการฟื้นฟคู นพิการทางจติ ใจหรอื พฤตกิ รรมส่กู ารมงี านท�ำ (Job Coach)
2. ภาคีเครอื ขา่ ยทัง้ ภาครัฐ รัฐวสิ าหกจิ และสถานประกอบการเอกชนเกดิ ความตระหนกั และเหน็ ความ
ส�ำคัญ และเข้ามามีส่วนร่วมในการจ้างงานคนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม เช่น โรงพยาบาลจิตเวชในสังกัด
กรมสุขภาพจิต การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน การประปานครหลวง บริษัททีอาร์ซี
คอนสตรคั ชนั่ จ�ำกัด (มหาชน) บรษิ ัทสหการวิศวกร จ�ำกดั บริษัทโกลบอล เจท เอ็กซ์เพลส (ไทยแลนด์) จำ� กัด
บรษิ ทั ซพี อี อลล์ บรษิ ทั สากลเบเวอเรด็ จ์ จาํ กดั เปน็ ตน้ นอกจากนภี้ าคเี ครอื ขา่ ยทง้ั ในและนอกกระทรวงสาธารณสขุ
ยงั ยนิ ดรี ับคนพกิ ารทางจติ ใจในโครงการฯ ท่ีไดร้ บั โควต้าจ้างงานตามพระราชบญั ญตั สิ ่งเสริมและพัฒนาคณุ ภาพ
ชีวิตคนพิการมาตรา 33 และ 35 จากสถานประกอบการเอกชน และรัฐวิสหากิจให้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน
ของตน รวมทัง้ ใหบ้ คุ ลากรของเครอื ข่ายเปน็ ผดู้ ูแลการท�ำงาน (Job Coach) ของคนพกิ ารฯ หนว่ ยงานในสงั กัด
กระทรวงสาธารณสุข ประกอบดว้ ย โรงพยาบาลจิตเวช โรงพยาบาลศนู ย์ โรงพยาบาลประจ�ำจังหวัด สำ� นกั งาน
สาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลชุมชนประจ�ำอ�ำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจ�ำต�ำบล ศูนย์บริการ
สาธารณสุข ส่วนหน่วยงานนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขประกอบด้วย โรงเรียน อบต. นิคมอุตสาหกรรม
สร้างตนเองเขือ่ นอุบลรตั น์
3. คนพกิ ารทางจติ ใจและพฤตกิ รรมมคี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ขี น้ึ และสามารถเขา้ ถงึ สทิ ธิ มโี อกาสไดร้ บั การฟน้ื ฟู
สมรรถภาพเพอื่ ทำ� งานได้/มีงานทำ� จำ� นวน 398 คน คดิ เป็นร้อยละ 97.55 ของคนพิการฯ ที่เขา้ ร่วมโครงการ
ทงั้ หมด 408 คน แบง่ เปน็ ไมไ่ ดท้ ำ� งานทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ รายไดแ้ ตส่ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองในชวี ติ ประจาํ วนั ได/้ สามารถ
ท�ำกิจกรรมงานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ จ�ำนวน 231 คน คิดเป็นร้อยละ 56.61 และมีงานท�ำ
มรี ายได้ จำ� นวน 167 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 40.93 (ไดร้ บั การจา้ งงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชีวิต
คนพิการ ตามมาตรา 33 จ�ำนวน 52 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 31.13 ตามมาตรา 35 จ�ำนวน 59 คน คิดเป็นร้อยละ
35.32 ได้รับการจ้างงานตามปกติ จำ� นวน 53 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 31.73 ประกอบอาชพี อิสระ จำ� นวน 3 คน
คิดเป็นรอ้ ยละ 1.79 ของคนพิการที่มีงานท�ำ)

4. มรี ปู แบบและระบบการฟน้ื ฟสู มรรถภาพสกู่ ารมงี านทำ�
ของคนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรมท่ีเป็นมาตรฐานในการ
สง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ติ คนพกิ ารของเครอื ขา่ ยคนพกิ ารทางจติ ใจหรอื
พฤติกรรม โดยมีทีมบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแลหลัก
(Job Coach )

76 ปรางี ยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสุขภาพจติ

8. โครงการเพมิ่ การเข้าถงึ บริการของผ้ทู ำ� ร้ายตนเอง และเฝ้าระวงั ป้องกนั การกลบั มาทำ� รา้ ย
ตนเองซ้ำ�

หลักการและเหตผุ ล
การฆา่ ตวั ตาย เปน็ ปญั หาสาธารณสขุ ทสี่ ำ� คญั ปี พ.ศ.2561 ประเทศไทยมผี ทู้ ฆ่ี า่ ตวั ตายมากถงึ 4,137 คน
หรือ เท่ากบั 6.32 ตอ่ ประชากรแสนคน ในขณะท่ี ปีงบประมาณ 2562 จากฐานข้อมลู HDC ประเทศ (ขอ้ มูล
9 เดือน) มีผู้ท�ำร้ายตนเองที่เข้าถึงบริการเพียง 25,700 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าประมาณความชุกท่ีก�ำหนดไว้
เท่ากบั ว่า มีเพียงร้อยละ 47.80 ของผทู้ ำ� ร้ายตนเองท่คี วรเข้าถึงบรกิ าร ปัจจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั สาเหตกุ ารฆ่าตัวตาย
ส�ำเร็จ จะมีปัจจยั มากกว่า 1 สาเหตุ อาทิเช่น ร้อยละ 30 ของผู้ทีเ่ สยี ชวี ติ มโี รคประจ�ำตัว รอ้ ยละ 12 ปว่ ยเป็น
โรคจติ และ ร้อยละ 10 ปว่ ยด้วยโรคซมึ เศรา้ ร้อยละ 11 เปน็ ผู้มีประวตั ิการกลับมาท�ำร้ายตนเองซ�ำ้ จนเสียชวี ิต
ร้อยละ 27 มีปญั หาการดื่มสรุ า รอ้ ยละ 11 มีปญั หาสารเสพติด และ รอ้ ยละ 20 ระบุวา่ กำ� ลงั มปี ญั หาเศรษฐกิจ
โครงการเพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้ท�ำร้ายตนเองและเฝ้าระวังป้องกันการกลับมาท�ำท�ำร้ายตนเองซ�้ำ
มีวัตถุประสงค์ให้ ระบบบริการสาธารณสุขมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความพร้อมด้านความรู้
ความสามารถ และทกั ษะการใหบ้ รกิ ารผทู้ เี่ สยี่ งตอ่ การฆา่ ตวั ตาย บรู ณาการองคค์ วามรทู้ างคลนิ กิ จากการใชร้ ะบบ
ฐานข้อมูลทางคลนิ กิ มาใช้เป็นฐานในการพัฒนาเทคโนโลยี
และรูปแบบบริการท่ีมีคุณภาพอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ส่งผลให้ผู้ท�ำร้ายตนเองจะยังได้รับการดูแลติดตามเฝ้าระวัง
จนปลอดภยั ไมท่ ำ� รา้ ยตนเองซำ�้ กลบั มาฟน้ื ฟจู ติ ใจทเ่ี ขม้ แขง็
เผชิญหน้าและปรบั ตัวไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งกลมกลนื

ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่ไดจ้ ากการด�ำเนินงาน
ผลผลิต
จากกรณีที่เกิดสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้มีการ
ปรบั เปลยี่ นกจิ กรรมภายในโครงการจากเดมิ จำ� นวน 7 กจิ กรรมย่อย ปรับเปน็ 9 กจิ กรรมย่อย รวมไปถงึ กล่มุ
เป้าหมาย จ�ำนวนครั้ง และสถานที่การด�ำเนินกิจกรรม เพ่ือให้สอดคล้องกับสถานการณ์และการรับมือกับการ
แพรร่ ะบาดฯ โดยยงั คงใชง้ บประมาณภายใตท้ ไี่ ดร้ บั จดั สรรและระยะเวลาทก่ี ำ� หนด ผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ากการดำ� เนนิ งาน
1. รอ้ ยละ 90.2 ของผผู้ า่ นการอบรม มคี วามรู้ ความมนั่ ใจเพมิ่ มากขนึ้ ตอ่ รปู แบบการดแู ลจติ ใจประชาชน
ภายใต้สถานการณก์ ารระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
2. ร้อยละ 85 ของบคุ ลากรในทีมหมอครอบครัวท่ีเข้าร่วมในโครงการ มีความมนั่ ใจในความรู้และทกั ษะ
ด้านการบำ� บดั ดว้ ยโปรแกรมบำ� บดั โดยการแกไ้ ขปญั หาได้
3. ร้อยละ 80 ของหน่วยบริการในสังกัดกรมสุขภาพจิตท่ีได้รับการสนับสนุนงบประมาณ มีการ
ด�ำเนินงานตามแผนกิจกรรมเพ่ือการขับเคล่ือนการด�ำเนินงานเพ่ือป้องกันแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายในพื้นท่ี
ตามเปา้ หมายท่กี �ำหนด
4. ฐานขอ้ มลู ตดิ ตามเฝา้ ระวงั การฆา่ ตวั ตายภายหลงั สถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา
2019 (COVID-19) ระบบ online (รง 506 S version 10)

77

ผลลัพธ์
1. รอ้ ยละ 96.76 ของผู้พยายามฆ่าตัวตายไม่กลับมา
ท�ำรา้ ยตัวเองซ้ำ� ในระยะเวลา 1 ปี ณ วันที่ 7 กันยายน 2563
2. ร้อยละของผู้พยายามฆ่าตัวตาย (15 ปี ขึ้นไป)
เข้าถึงบริการ ผลงานจ�ำนวน 32,208 คน (ค่าเป้าหมายจาก
ความชกุ 48,990 คน) คิดเป็นรอ้ ยละ 60.03 ณ วันท่ี 7 กันยายน
2563

9. โครงการเพิม่ ประสทิ ธิภาพการดูแลผูป้ ่วยโรคซมึ เศร้า
หลักการและเหตุผล
ตามแผนยุทธศาสตร์กรมสุขภาพจิต ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 12
(พ.ศ.2560-2564) ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาคุณภาพระบบบริการและวิชาการสุขภาพจิตและจิตเวช
โดยก�ำหนดค่าเป้าหมาย ในปี พ.ศ. 2564 ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเข้าถึงบริการได้ร้อยละ 71 โดยโรงพยาบาล
พระศรีมหาโพธ์ิเป็นหน่วยงานในกรมสุขภาพจิตที่รับผิดชอบบริหารติดตามผลร่วมกับกองบริหารระบบบริการ
สุขภาพจิต ซึ่งมีบทบาทหน้าท่ีรับผิดชอบวางแผนและก�ำหนดแนวทางการด�ำเนินงานที่จะเป็นการตอบสนอง
ตัวชี้วัดในภาพรวมทั้งประเทศ อ�ำนวยการและประสานงานให้เกิดการด�ำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เก่ียวข้อง
ทั้งในและนอกกรมสุขภาพจิต มีการสนับสนุนด้านวิชาการ สร้างแรงจูงใจ และก�ำกับติดตามการดูแลเฝ้าระวัง
โรคซึมเศรา้ ในกล่มุ เส่ยี งแก่สถานบริการสาธารณสขุ ด�ำเนนิ การร่วมกบั โรงพยาบาลจติ เวชในแตล่ ะพ้นื ที่ ติดตาม
กำ� กบั รวบรวมรายงานความกา้ วหนา้ จดั ทำ� และสง่ ผลการดำ� เนนิ งานตามรอบระยะเวลาการรายงานตามเนอื้ หา
ของตัวชี้วัดในภาพรวม ซ่ึงจากการด�ำเนินงานท่ีผ่านมาพบว่า อัตราการเข้าถึงบริการผู้ป่วยโรคซึมเศร้าระดับ
ประเทศ ร้อยละ 68 (ขอ้ มูล ณ วันท่ี 25 กนั ยายน 2562) น้ัน 1. บางพน้ื ท่ียังมีปัญหาการเขา้ ถงึ บรกิ ารไม่ถงึ
ร้อยละ 68 (เปา้ หมายปี 63 เม่ือส้ินสดุ แผนพัฒนาศก.ฉบบั ที่ 12) ข้อมลู ใน 13 เขต มีพื้นทีเ่ ขา้ ถงึ บริการบรรลุ
เป้าหมาย จำ� นวน 36 จงั หวดั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 46.75 พื้นที่ท่ียงั ไมบ่ รรลุเปา้ หมาย จำ� นวน 41 จงั หวดั คดิ เป็น
รอ้ ยละ 53.25 2. แพทย์ยังไมม่ ่นั ใจในการวนิ จิ ฉยั 3. ประชาชนยังไม่ตระหนกั คะแนน 9Q มาก แตไ่ ม่ยอม
มารับบริการ และ 4. การบันทึกข้อมูลในโปรแกรมการคัดกรองผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ไม่สามารถบอกคะแนนหรือ
อาการ บอกได้แคว่ า่ ไดร้ บั การคัดกรอง

ผลผลิต/ผลลัพธท์ ไี่ ด้จากการดำ� เนนิ งาน
- บุคลากรผู้เกี่ยวข้องในสังกัดกรมสุขภาพจิต ทราบแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการด�ำเนินงาน
ด้านโรคซึมเศร้าของปีงบประมาณ 2563 และได้ร่วมวางแผนและก�ำหนดแนวทางการด�ำเนินงานเพ่ือเพ่ิมการ
เข้าถึงบรกิ ารของผูป้ ่วยโรคซึมเศรา้ ในพื้นท่ีทรี่ ับผิดชอบได้

78 ปรางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5กี63รมสุขภาพจิต

- บุคลากรผู้เก่ียวข้องในสังกัดกรมสุขภาพจิตและ
ในเครือข่ายท่ีเกี่ยวข้อง มีความรู้ ทักษะและเทคนิคในการ
เป็นวิทยากรการบ�ำบัดทางความคิดและพฤติกรรมแบบกลุ่ม
(Cognitive Behavioral Therapy Group) สามารถน�ำไป
ถา่ ยทอดแกบ่ คุ ลากรสาธารณสขุ ทใี่ หก้ ารดแู ล และบำ� บดั วยั รนุ่
ท่มี ีภาวะซึมเศรา้ ได้
- ไดส้ ง่ เสรมิ ใหอ้ าสาสมคั รสาธารณสขุ ประจำ� หมบู่ า้ น
(อสม.) มีความรคู้ วามเข้าใจในการใช้เทคโนโลยคี ดั กรองภาวะ
ซมึ เศรา้ ของประชาชนในชมุ ชน รวมทง้ั พฒั นาศกั ยภาพในการ
ใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี ปน็ ประโยชน์ ในการสง่ เสรมิ เฝา้ ระวงั คดั กรอง
ภาวะซึมเศร้าของประชาชนในชุมชนและได้ฝึกปฏิบัติได้จริง
สามารถท่ีจะน�ำไปสอนเผยแพร่ สาธิตการใช้งานให้กับกลุ่ม
ประชาชนได้
- ไดโ้ ครงขา่ ยการเขา้ ถงึ บรกิ ารและการสง่ ตอ่ รวมทง้ั ระบบเชอื่ มโยงการปรกึ ษา การสง ตอ่ สำ� หรบั ผปู้ ว่ ย
โรคซมึ เศรา้ ในชมุ ชน
- ไดโ้ ปรแกรมการบำ� บดั ดว้ ยการเจรญิ สตติ ระหนกั รคู้ วามคดิ สำ� หรบั โรคซมึ เศรา้ และหลกั สตู รการบำ� บดั
ดว้ ยการเจรญิ สติตระหนักรู้ความคิดส�ำหรับโรคซมึ เศรา้

10. โครงการพัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพจติ และจิตเวชเด็กและวัยรุ่นในเขตสขุ ภาพ
หลกั การและเหตผุ ล
ปญั หาสขุ ภาพจติ และจติ เวชในเดก็ และวยั รนุ่ เปน็ ปญั หาสำ� คญั ทางสาธารณสขุ ทท่ี วั่ โลกเรมิ่ ใหค้ วามสำ� คญั
มากขึ้น เนื่องจากภาวะดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบต่อตัวเด็ก ครอบครัว และสังคม จากสถิติการ
เข้าถงึ บรกิ ารของกลุ่มโรคทางจติ เวชเด็กและวยั รนุ่ ท่พี บบอ่ ย 2 โรค ได้แก่ ออทซิ ึมและสมาธิสัน้ พบวา่ มอี ัตราการ
เข้าถึงบริการค่อนข้างต�่ำ จึงมีความจ�ำเป็นท่ีจะต้องพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชเด็กและวัยรุ่น
เพื่อค้นหาคัดกรองวินิจฉัยและบ�ำบัดรักษาเด็กและวัยรุ่นกลุ่มเส่ียง เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการในเขตสุขภาพ
ท่ีตนเองอาศัยอยู่มีความต่อเน่ืองในการบ�ำบัดรักษา ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรฐานอย่างเหมาะสมจาก
หนว่ ยบรกิ ารทกุ สถานบรกิ ารของประเทศไทย ซงึ่ จะสง่ ผลดตี อ่ การบำ� บดั รกั ษาและพฒั นาการทางสตปิ ญั ญา สงั คม
อารมณ์ จิตใจของเด็กต่อไป

79

ผลผลิต/ผลลัพธท์ ่ีได้จากการด�ำเนนิ งาน
มีการอบรมให้ความรู้และการฝึกทักษะแก่บุคลากร
สหวิชาชีพจากโรงพยาบาลเครือข่ายหลักสูตรทักษะการสอน
ภาษาและการพดู เบอ้ื งตน้ ในเดก็ ทมี่ พี ฒั นาการทางภาษาและ
การพูดล่าช้าและการฝึกพูดเบ้ืองต้นและการปรับพฤติกรรม
ผปู้ ว่ ยออทสิ ติก การประชุมผู้รับผดิ ชอบงานพัฒนาระบบการ
จัดบรกิ ารสุขภาพจติ เด็กและวยั รุ่น จากสถาบนั /โรงพยาบาล
สังกัดกรมสุขภาพจิตเพื่อสรุปผลการด�ำเนินงาน วิเคราะห์
ปัญหาและอุปสรรค การรณรงค์วันออทิสติกโลก
จากสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019
(COVID -19) มีการปรับแผนการด�ำเนินงานผลิตส่ือคู่มือ
ส�ำหรับผู้ปกครองและบุคลากรสาธารณสุข เรื่องการแก้ไข
การพูด การนิเทศติดตามเร่ืองปัญหาอุปสรรคและการแก้ไข
เรื่องการลงข้อมูลค่าเข้าถึงบริการโรคออทิซึม มีผลลัพธ์
การด�ำเนนิ งาน ดงั น้ี
- รอ้ ยละ 45 ของเดก็ ออทสิ ตกิ เขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพจติ
ทไี่ ด้มาตรฐาน ผลการด�ำเนินงานรอ้ ยละ 101.33
- รอ้ ยละของจงั หวดั ทีผ่ ู้ปว่ ยออทิสตกิ (ASD) เขา้ ถึง
บรกิ ารสขุ ภาพจติ ไดต้ ามเปา้ หมายรอ้ ยละ 45 ผลการดำ� เนนิ งาน
ร้อยละ 89.61

80 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5กี63รมสขุ ภาพจติ

11. โครงการทศวรรษแห่งการดูแลเดก็ สมาธิสนั้
หลกั การและเหตุผล
โรคสมาธิสั้นเป็นโรคท่ีพบบ่อยในเด็กที่มีปัญหาการเรียน เด็กท่ีเป็นโรคน้ีอาจพบแอลดีร่วมด้วย และมี
โอกาสที่จะเกิดปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ที่ผิดปกติจนสร้างปัญหาให้กับครอบครัว ชุมชน สังคมและ
ประเทศชาตไิ ด้ โรคสมาธสิ นั้ สมั พนั ธก์ บั การมพี ฤตกิ รรมเกเรในวยั รนุ่ ซง่ึ นำ� ไปสปู่ ญั หาสารเสพตดิ ตง้ั ครรภไ์ มพ่ รอ้ ม
พฤติกรรมกา้ วร้าวรนุ แรง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในรายท่ีไมไ่ ด้รับการรักษา แม้จะเป็นโรคทม่ี ผี ลกระทบทางสงั คมสงู
แต่อตั ราการเข้าถึงบริการของโรคสมาธสิ นั้ ยงั อยใู่ นระดบั ตำ�่ เน่อื งจากการขาดแคลนบคุ ลากรด้านจิตเวชเด็กและ
วัยรุ่น ยาเพิ่มสมาธิที่ต้องมีการควบคุมการจ่ายยา ตราบาปและความเข้าใจคลาดเคล่ือนจากผู้ปกครองว่าเป็น
ลักษณะนิสัยของเด็กเอง ระบบบริการท่ีมีข้ันตอนยุ่งยากต้องมารับบริการหลายครั้งก่อนจะได้รับการวินิจฉัย
เหล่าน้เี ปน็ ปัญหาอุปสรรคทีก่ รมสุขภาพจิตไดแ้ ก้ไขมาโดยตลอด

เพื่อให้เด็กโรคสมาธิสั้นเข้าถึงบริการ ได้รับการดูแลช่วยเหลือท่ีถูกต้องเหมาะสม ซ่ึงจะช่วยให้เด็กมีผล
สัมฤทธ์ิทางการเรียนและคุณภาพชีวิตดีข้ึน มีระดับสติปัญญาเพิ่มขึ้น ท�ำให้เด็กไทยมีค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญา
สูงข้ึน กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดท�ำแผนทศวรรษแห่งการดูแลเด็กสมาธิสั้น เพ่ือพัฒนา
ระบบงานส่งเสริมป้องกันและดูแลรักษาเด็กสมาธิส้ันให้มีประสิทธิภาพ ลดความเหล่ือมล้�ำในการเข้าถึงบริการ
สรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาเดก็ ทงั้ ภาครฐั และประชาชนใหเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั และ
มสี ว่ นร่วมในการดแู ลชว่ ยเหลอื เดก็ สมาธิส้นั เพ่ือใหเ้ ดก็ ไทยมีศักยภาพและเติบโตเปน็ ทรพั ยากรบุคคลทม่ี คี ุณค่า
ของประเทศ มคี วามพร้อมทจ่ี ะเป็นประชากรท่มี ีคุณภาพต่อไป

ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่ไดจ้ ากการดำ� เนนิ งาน
1. รอ้ ยละของผปู้ ว่ ยสมาธสิ น้ั (ADHD) ของ 13
เขตสุขภาพ เข้าถึงบริการสุขภาพจิตเพิ่มข้ึนมากกว่า
รอ้ ยละ 3 (ผา่ นเกณฑ์)

2. มีอ�ำเภอน�ำร่องของเครือข่ายบริการผู้ป่วย
โรคสมาธสิ น้ั ใน 13 เขตสขุ ภาพ ทสี่ ามารถเชอ่ื มโยงระบบ
ส่งต่อ (ส่ือสารระหว่าง รร.-รพ. ผ่านแอพพลิเคช่ัน
School Health Hero) สนับสนนุ การวนิ ิจฉยั โรคในอำ� เภอตน้ แบบ (จิตแพทยพ์ เี่ ล้ยี งหรอื คาราวานจติ เวชเด็ก)
และสามารถเปน็ Model ต้นแบบเพ่อื เตรียมขยายผลในอ�ำเภออน่ื ๆ ได้

เขตสขุ ภาพที่ จงั หวดั อำ� เภอ เขตสขุ ภาพที่ จงั หวดั อ�ำเภอ
1 แม่ฮอ่ งสอน เมือง 8 สกลนคร สว่างแดนดิน
2 เพชรบูรณ์ หลม่ สัก 9 ชยั ภูมิ หนองบวั แดง
3 อทุ ัยธาน ี บ้านไร่ 10 ศรสี ะเกษ
4 นครนายก บา้ นนา 11 พังงา ขนุ หาญ
5 สุพรรณบุร ี เมือง 12 นราธิวาส ตะก่ัวท่งุ
6 วังจันทร์ 13 กรงุ เทพมหานคร ระแงะ
7 ระยอง อาจสามารถ บางซื่อ
ร้อยเอ็ด

81

12. โครงการขับเคล่ือนนโยบายกญั ชาทางการแพทย์ กรมสขุ ภาพจิต
หลกั การและเหตผุ ล
ตามมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายส�ำคัญของรัฐบาล กรมสุขภาพจิตร่วมขับเคลื่อนนโยบายในการน�ำ
กัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ภายใต้แนวคิด “การใช้กัญชาทางการแพทย์ให้ปลอดภัย และไม่ป่วยจิต”
โดยมอบหมายใหก้ องบรหิ ารระบบบรกิ ารสขุ ภาพจติ เปน็ หนว่ ยงานหลกั ในประสานและดำ� เนนิ งานกจิ กรรมสำ� คญั
ต่าง ๆ ได้แก่ 1) คณะกรรมการการใช้กัญชาทางการแพทย์ กรมสุขภาพจิต 2) คณะกรรมการขับเคลื่อน
ประชาสมั พนั ธก์ ารใชก้ ญั ชาเพอ่ื การแพทย์ 3) สนบั สนนุ การพฒั นาระบบบรกิ ารคลนิ กิ กญั ชาทางการแพทย์ ไดแ้ ก่
คลินิกให้ค�ำปรึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์ คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย และคลินิกกัญชาทาง
การแพทยแ์ บบผสมผสาน โดยมหี ลกั ฐานทางวชิ าการระบวุ า่ สารสกดั จากกญั ชาอาจจะสามารถรกั ษาโรคทางจติ เวช
จึงเป็นทม่ี าของการขยายโอกาสการเขา้ ถงึ บรกิ ารกัญชาทางการแพทย์ เพอ่ื ให้เปน็ อกี ทางเลอื กหนึง่ ในการบ�ำบดั
รกั ษาประชาชนทีม่ ปี ัญหาสขุ ภาพจติ และ 4) การวจิ ยั กญั ชาทางการแพทย์

ผลผลติ /ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากการดำ� เนินงาน
1. ประชุมคณะกรรมการการใช้กัญชาทางการแพทย์
กรมสุขภาพจิต เพ่ือติดตามความก้าวหน้าของการด�ำเนินงาน
จำ� นวน 5 คร้ัง
2. ประชุมคณะกรรมการขับเคล่ือนประชาสัมพันธ์
การใชก้ ัญชาเพ่ือการแพทย์ จำ� นวน 13 คร้ัง
3. สนับสนุนการพัฒนาระบบบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ มีการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและ
สนับสนุนให้เกิดการจัดบรกิ ารคลนิ กิ กญั ชาทางการแพทย์ โดยมีกจิ กรรม/โครงการสำ� คัญ ดงั น้ี
- โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาแนวทางการจัดตั้งคลินิกให้ค�ำปรึกษาการใช้กัญชา
ทางการแพทย์ในสถาบนั /โรงพยาบาลจติ เวชสังกัดกรมสขุ ภาพจติ วันท่ี 9–10 มกราคม 2563 ณ โรงแรมไมด้า
งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบรุ ี
- จดั ท�ำคูม่ ือแนวทางการจัดตง้ั คลนิ กิ ใหค้ ำ� ปรึกษาการใช้กญั ชาทางการแพทยโ์ รงพยาบาลจติ เวช
สงั กัดกรมสุขภาพจติ
- โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการใช้ต�ำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ เพ่ือการ
วิจัยในคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย กรมสุขภาพจิต และศึกษาดูงานคลินิกกัญชาทางการแพทย์และ
การแพทยพ์ นื้ บา้ นไทย วนั ที่ 2 มนี าคม 2563 ณ หอ้ งประชมุ ศาสตราจารยน์ ายแพทยฝ์ น แสงสงิ แกว้ กรมสขุ ภาพจติ
และอาคารพิพธิ ภัณฑ์การสาธารณสุขและการแพทยไ์ ทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก
- พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการปลูกกัญชาเพ่ือใช้ประโยชน์ทาง
การแพทย์แผนไทยและสนับสนุนงานวิจัยด้านสุขภาพจิตและจิตเวช วันที่ 10 มีนาคม 2563 ณ ห้องประชุม
ศาสตราจารย์นายแพทยฝ์ น แสงสิงแกว้ ชน้ั 1 อาคาร 1 กรมสขุ ภาพจิต

82 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสขุ ภาพจติ

- การด�ำเนินงานตามคำ� รับรองการปฏบิ ตั ริ าชการ (PA อธิบดกี รมสุขภาพจติ ) และตามมาตรการ
ปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั ริ าชการ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ.2563 ตวั ชวี้ ดั ลำ� ดบั ท่ี 5 รอ้ ยละของสถาบนั /
โรงพยาบาลจิตเวชในสังกัดกรมสุขภาพจิตมีการจัดต้ังคลินิกให้ค�ำปรึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์ (เป้าหมาย
ร้อยละ 80) ผลการด�ำเนนิ งานมกี ารจัดตั้งคลนิ กิ ให้คำ� ปรึกษาฯ 14 แหง่ คิดเป็นรอ้ ยละ 100
- ผลการดำ� เนินงานการจดั บริการคลนิ กิ กัญชาทางการแพทย์ กรมสุขภาพจิต ดังนี้
1) คลินิกการให้ค�ำปรึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลจิตเวช สังกัด
กรมสุขภาพจิต จ�ำนวน 14 แห่ง มผี ูร้ ับบรกิ ารทัง้ สน้ิ 1,108 คน ส่วนใหญข่ อคำ� ปรกึ ษาในเร่อื งผลติ ภณั ฑ์กญั ชา
ทางการแพทย์
2) คลนิ กิ กญั ชาทางการแพทยแ์ ผนไทย มหี นว่ ยงานนำ� รอ่ ง 10 แหง่ มผี ผู้ า่ นการคดั กรองทง้ั หมด
307 คน มผี ไู้ ดร้ บั ยาศุขไสยาศน์ จ�ำนวน 158 คน ทำ� ลายพระสเุ มรุ จ�ำนวน 24 คน และน้�ำมนั กัญชาสตู รอาจารย์
เดชา จ�ำนวน 101 คน

13. การดำ� เนนิ งาน MCATT ภายใตส้ ถานการณ์ COVID-19
ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) ทมี ชว่ ยเหลอื เยยี วยาจติ ใจผปู้ ระสบภาวะวกิ ฤต หรอื ทมี MCATT
มีบทบาทเป็นทีมด่านหน้าท่ีปฏิบัติงานช่วยเหลือทางด้านจิตใจแก่ประชาชน
ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019
(COVID-19) โดยมกี ารดำ� เนนิ การครอบคลมุ ทง้ั มติ สิ ง่ เสรมิ ปอ้ งกนั บำ� บดั รกั ษา
และฟื้นฟูจิตใจ ในกลุ่มเส่ียงต่างๆ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) และสมาชิกในครอบครัว ผู้ถูกกักตัว (Quarantine) ผู้เปราะบาง
ทางสังคม และบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข โดย
1. พัฒนาแนวทาง/คู่มือในการปฏิบัติงานเพื่อใช้เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพจิตประชาชน เช่น คู่มือ
การปฏิบตั งิ านทมี ช่วยเหลอื เยยี วยาจิตใจทกุ ระดับ (MCATT COVID-19) แนวทางการฟ้ืนฟูจิตใจในสถานการณ์
การระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019
(COVID-19) (Combat 4th Wave of
COVID-19 : C4) แนวทางการดูแลด้าน
สังคมจิตใจในสถานพยาบาลและชุมชน
แนวทางการปฏบิ ตั งิ านของกรมสขุ ภาพจติ
ในการดูแลจิตใจใน State Quarantine

83

2. เฝา้ ระวงั คน้ หาประเมนิ คดั กรองปญั หาสขุ ภาพจติ และตดิ ตามกลมุ่ เสย่ี ง โดยการประเมนิ สขุ ภาพจติ
เชิงรุก (Active Screening) กลมุ่ เส่ยี ง ได้แก่ ผปู้ ่วยโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) และสมาชกิ ใน
ครอบครัว ผู้ถูกกักตัว (Quarantine) ผู้เปราะบางทางสังคม และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขใน
4 ประเดน็ ปัญหา ไดแ้ ก่ ภาวะเครยี ด (stress) ภาวะเหน่ือยลา้ หมดไฟ (Burnout) ความเส่ยี งตอ่ การฆา่ ตัวตาย
(suicide) และภาวะซึมเศร้า (depress) ทง้ั ผ่านทางระบบออนไลน์ โทรศัพท์ หรอื ผา่ น Application ต่างๆ และ
ระบบปกติ เพื่อให้ประชาชนและผู้มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตสามารถประเมินตนเองและเข้าถึงบริการได้
อยา่ งรวดเร็ว ได้รับความชว่ ยเหลอื ทางสังคม จิตใจ เชน่ การปฐมพยาบาลทางใจ การให้สุขภาพจิตศกึ ษา การให้
คำ� ปรกึ ษารายบคุ คล กลมุ่ ครอบครวั เปน็ ตน้ และไดร้ บั การตดิ ตามตอ่ เนอ่ื งจนหมดความเสย่ี งตอ่ ปญั หาสขุ ภาพจติ
l MCATT กบั การดแู ลสขุ ภาพจติ ในสถานทกี่ กั กนั โรคแหง่ รฐั หรอื สถานทก่ี กั กนั โรคซง่ึ ทางราชการ
ก�ำหนด (Quarantine) ในปี 2563 มกี ารด�ำเนินงานดังนี้
พน้ื ทกี่ กั กนั โรคแหง่ รฐั (State Quarantine) โดยความรว่ มมอื ระหวา่ งกระทรวงกลาโหม กระทรวง
การตา่ งประเทศ และกระทรวงสาธารณสขุ State Quarantine แหง่ แรกในประเทศไทย เกดิ ขนึ้ เมอื่ รฐั บาลตดั สนิ ใจ
เริ่มต้นภารกิจ “บินไปรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่นกลับบ้าน” มาพัก ณ อาคารรับรองทหารเรือสัตหีบ และมีทีม
MCATT จากสถาบนั จติ เวชศาสตรส์ มเด็จเจ้าพระยาและทมี
MCATT โรงพยาบาลอาภากรเกียรตวิ งศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ
ร่วมดูแลสุขภาพจิตผู้เข้าพัก ผลการด�ำเนินการมีผู้เข้าพัก
ทง้ั ส้ิน 4 รุน่ จำ� นวน 417 คน พบผูเ้ ข้าพัก มคี วามเครียด
และเสย่ี งตอ่ ภาวะซมึ เศรา้ จำ� นวน 27 คน สง่ พบจติ แพทย์
จ�ำนวน 7 คน
จากนนั้ รฐั บาลไทยมนี โยบายในการจดั ตง้ั พนื้ ทก่ี กั กนั
โรคแห่งรัฐระดับจังหวัด (Local Quarantine) ส�ำหรับ
ผู้เดินทางขา้ มจังหวัด
โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จัดเป็น Local Quarantine ในต่างจังหวัด
ภายใตค้ ณะกรรมการโรคตดิ ตอ่ ระดบั จงั หวดั ทมี่ ผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ ประธาน และจดั ใหม้ ี State Quarantine
เพื่อสังเกตอาการของผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นท่ี
เขตสุขภาพท่ี 6 และกรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้กรมสุขภาพจิต เข้าร่วมดูแล
ด้านจิตใจแก่ผู้กักกันตัวใน State Quarantine ซึ่งได้เข้าร่วมปฏิบัติงานดูแลจิตใจแก่ผู้กักกันตัวตั้งแต่

84 รปาีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสุขภาพจิต

เดอื นเมษายน 2563 เปน็ ต้นมา การดำ� เนนิ งานที่ผ่านมาพบปัญหาสุขภาพจิต
ผู้กักกันตัว มีอาการนอนไม่หลับ ไม่ชอบอยู่ห้องแคบๆ ไม่ชอบอยู่คนเดียว
อีกท้ังไม่สามารถออกนอกห้องได้ เกิดความวิตกกังวล และความเครียด
บางรายมีประวตั โิ รคจิตเวชท่ีขาดการรกั ษา บางรายมปี ระวัตดิ ืม่ สรุ าและ
ใชส้ ารเสพติด และผตู้ ัง้ ครรภ์ทม่ี ีปญั หาสขุ ภาพ
ระหว่างการเข้าพัก หากพบว่าผู้กักกันตัวมีความเครียดมาก
เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย หรือมีประวัติป่วยทางจิตเวชเดิม
ขาดการรักษา เอะอะอาละวาด ควบคุมตนเองไมไ่ ด้ อาจเปน็ อันตราย
ต่อตนเองและผู้อ่ืน หรือมีประวัติดื่มสุรา/ใช้สารเสพติด Hazardous
drinker Harmful drinker ประสาทหลอน จะมรี ะบบการประสานและ
สง่ ตอ่ ใน State Quarantine โดยกำ� หนดโรงพยาบาลคปู่ ฏบิ ตั กิ ารประจำ�
โรงแรม

ขอ้ มลู การ Refer ใน State Quarantine เขตสขุ ภาพที่ 6 (ขอ้ มลู ณ วันที่ 27 ต.ค.63)

จ�ำนวน จ�ำนวน เพศ สถานที่ Refer
ผกู้ ักตัว การ ชาย หญงิ รพ. รพ. รพ. รพ. รพ. สถาบัน
Refer ชลบรุ ี บางละมุง บางบอ่ แหลม วดั ญาณ จิตเวชศาสตร์
ฉบงั สังวราราม สมเด็จเจ้าพระยา
35,479 44 คน 23 คน 21 คน 17 คน 14 คน 3 คน 1 คน 1 คน 8 คน
คน (0.16%) (52.27%) (47.72%) (38.63%) (31.81%) (6.81%) (2.27%) (2.27%) (18.18%)

จ�ำนวนผกู้ กั ตวั จำ� นวนการ Refer เพศ สถานท่ี Refer
ชาย หญิง สถาบนั จติ เวชศาสตร์ รพ.ศรธี ญั ญา
สมเดจ็ เจ้าพระยา
29,381 คน 26 คน 11 คน 15 คน 23 คน 3 คน
(0.09%) (42.31%) (57.69%) (88.46%) (11.53%)

85

และจากสถานการณ์ทหารอียิปต์ที่เข้ามาประเทศไทยและตรวจพบว่ามีเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ในเขต
อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดระยอง เมือ่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 นั้น เหตุการณด์ ังกล่าวส่งผลกระทบดา้ นสขุ ภาพจติ
กับประชาชนจังหวัดระยองให้เกิดความเครียด และสูญเสียทางเศรษฐกิจในพ้ืนที่ กรมสุขภาพจิตร่วมกับทีม
MCATT ในพ้ืนที่จังหวัดระยองในการลงพ้ืนท่ีเพ่ือด�ำเนินการส่งเสริมป้องกันและเยยี วยาจติ ใจประชาชนทไี่ ดร้ บั
ผลกระทบจากเหตกุ ารณด์ งั กลา่ วในระยะยาว อกี ทง้ั เปน็ การสรา้ งความเชอื่ มน่ั สง่ เสรมิ พฤตกิ รรมเชงิ บวก ลดพฤตกิ รรม
เชิงลบในเรื่องการเข้าใจและเห็นใจไม่รังเกียจกัน ลดการตีตราในสังคม (De-stigmatization) ณ Passione
Shopping Destination เซ็นทรัลระยอง ตลาดสดสตาร์ เกาะเสมด็ และโรงพยาบาลระยอง

ผลการประเมินสุขภาพจิต ยอดสะสม ระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคม 2563
(จ�ำนวนทงั้ หมด 954 ราย)

l การประเมนิ ความเครียด (ST-5) มคี วามเครยี ดอยูใ่ นระดับสูง 89 ราย (9.33%)
l ประเมินความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า (2Q) มคี วามเสีย่ งต่อภาวะซึมเศรา้ 307 ราย (32.18%)
l การประเมินภาวะซมึ เศรา้ (9Q) มีอาการซึมเศร้าทั้งหมด 164 ราย (17.19%)
มีภาวะซมึ เศรา้ ระดบั รนุ แรงท้งั หมด 8 ราย (4.88%)
l ประเมินภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย (8Q) มคี วามเสย่ี งตอ่ การฆา่ ตวั ตายทง้ั หมด 62 ราย (6.50%)
l ไม่มีภาวะเส่ยี งปัญหาสุขภาพจิต 332 ราย (34.80%)

86 รปางี ยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสุขภาพจติ

14. โครงการผลติ สื่อ และเผยแพรป่ ระชาสมั พันธ์ เพอ่ื ขบั เคลอื่ นแผนฟ้ืนฟจู ติ ใจ
ในสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
หลักการและเหตผล
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย
กรมสุขภาพจติ มีบทบาทภารกจิ ในการสรา้ งความเขม้ แข็งทางจิตใจของประชาชน สรา้ งภูมิคมุ้ กนั ทางใจส�ำหรับ
ครอบครัวและชุมชนให้ปลอดภัยจากผลกระทบด้านสุขภาพจิต โครงการผลิตสื่อและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
เปน็ โครงการภายใตย้ ุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบการสอ่ื สารความเสยี่ งด้านสุขภาพจิตและสรา้ งความรอบรู้ด้าน
สขุ ภาพจติ : Mental Health Risk Communication and Mental Health Literacy ซงึ่ เปน็ 1 ใน 6 ยทุ ธศาสตร์
ในการขับเคลื่อน “แผนฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ปี 2563 – 2564 (Combat 4th Wave of COVID-19 Plan : C4)”

ผลผลิต/ผลลัพทท์ ี่ไดจ้ ากการด�ำเนินงาน
1. สื่อวิดีโอแคมเปญ, อนิเมช่ัน, ส่ือเสียง, ป้ายภาพนิ่ง ฯลฯ เพื่อป้องกันปัญหาทางสุขภาพจิตและ
เจ็บป่วยด้วยโรคทางจิตเวช ท่ีเกิดจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้แก่
ภาวะเครียด,ภาวะเหน่ือยล้าหมดไฟ, ผู้มีความเส่ียงต่อการฆ่าตัวตาย และภาวะซึมเศร้า รวมท้ัง เพ่ือการฟื้นฟู
จติ ใจผทู้ มี่ ปี ญั หาดา้ นสขุ ภาพจติ ในระดบั บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน และเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ทางใจ (Resilience)
2. สอื่ และการเผยแพรส่ อ่ื ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพเขา้ ถงึ กลมุ่ เปา้ หมาย
สง่ ผลชว่ ยเสรมิ ความสำ� เรจ็ ของการ
ควบคุมอัตราการเสียชีวิตจากการ
ฆ่าตัวตายให้อยู่ในระดับต�่ำกว่าการ
คาดการณ์ และผลกระทบด้าน
สขุ ภาพจิตในระดับบุคคล ครอบครัว
และชมุ ชนลดลง

87

ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 สรา้ งความตระหนกั และความเขา้ ใจตอ่ ปญั หาสขุ ภาพจติ

1. โครงการเสรมิ สร้างความรอบรู้และพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพจิตท่ีพึงประสงค์แกป่ ระชาชน
ปี 2563

หลกั การและเหตุผล
การขับเคล่ือนแผนยุทธศาสตร์กรมสุขภาพจิต ในช่วงแผนฯ 12 ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 3 สร้างความ
ตระหนักและความเข้าใจต่อปัญหาสุขภาพจิต ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต เพ่ือให้เลือก
วิถีทางในการจัดการดูแลสุขภาพจิตและคงรักษาสุขภาพจิตที่ดีของตนเองรวมถึงช่วยเหลือดูแลสุขภาพจิตผู้อ่ืน
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ไดป้ รบั การดำ� เนนิ งานใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณก์ ารระบาดโควดิ -19 โดยสง่ เสรมิ ความรอบรู้
ด้านสุขภาพจิตในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการสุขภาพจิต
สามารถนำ� ความรทู้ ไี่ ดม้ าดแู ลสขุ ภาพจติ มพี ลงั สามารถปรบั ตวั เขา้ สชู่ วี ติ วถิ ใี หม่ (New Normal) ไดแ้ ก่ 1) พฒั นา
และสนบั สนนุ ใหเ้ กิดการส่งเสริมความรอบรดู้ ้านสุขภาพจติ และพฤตกิ รรมสขุ ภาพจิตทพ่ี งึ ประสงค์ในเขตสุขภาพ
2) พฒั นาเทคโนโลยเี พอ่ื สง่ เสรมิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพจติ ประชาชนในสถานการณ์ การระบาดโควดิ -19 3) พฒั นา
แหล่งความรู้ ข้อมูล และแหล่งบรกิ ารสขุ ภาพจิตเพื่อส่งเสริมความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพจิตของประชาชน

ผลผลิต/ผลลัพธ์ทไ่ี ด้จากการดำ� เนนิ งาน
1. ร้อยละของประชาชนท่ีมีความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (คะแนนอยใู่ นเกณฑป์ านกลางถึงมากที่สุด) คิดเป็นร้อยละ 96.55 (6,458 คน
จาก 6,689 คน) (เป้าหมายร้อยละ 80)
2. พ้ืนท่ีได้รับการส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพจิตในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ครอบคลุมทั้ง 77
จังหวดั /จำ� นวน 82 แห่ง
3. สื่อเสียงเพื่อส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพจิตประชาชนในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ได้แก่
1) ละครวิทยไุ ดอาร่ีนอ้ งพร จำ� นวน 15 ตอน 2) สารคดชี ดุ ใจพรอ้ มไมย่ อมปว่ ย จ�ำนวน 10 ตอน
4. ชดุ เทคโนโลยเี พอ่ื สง่ เสรมิ ความรอบรสู้ ขุ ภาพจติ ประชาชนในสถานการณก์ ารระบาดโควดิ -19 จำ� นวน
7,700 ชดุ
5. Web Site คลังสุขภาพจิต (mhllibrary.com) ส�ำหรับเก็บรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลความรู้
สุขภาพจิต ซ่ึงในปีงบประมาณ 2563 (เฟส1) ในประเด็นองค์ความรู้สุขภาพจิตท่ีส�ำคัญ 3 ประเด็น คือ
1) สขุ ภาพจติ ในสถานการณ์การระบาดโควดิ -19 2) ความเครยี ด 3) ความสุข
6. หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-book) ในประเดน็ สขุ ภาพจติ ในสถานการณก์ ารระบาดโควดิ -19 ความเครยี ด
ความสขุ จ�ำนวน 30 เรอื่ ง
7. แบบประเมินสุขภาพจิตออนไลน์ ตรวจเช็คสุขภาพใจ (MENTAL HEALTH CHECK IN) ส�ำหรับ
ประชาชนทวั่ ไปสามารถประเมนิ สขุ ภาพจติ เบอ้ื งตน้ ดว้ ยตนเอง พฒั นาโดยศนู ยส์ ขุ ภาพจติ ที่ 1 - 13 กรมสขุ ภาพจติ
เป็นเครื่องมือประเมินสุขภาพจิตเบ้ืองต้นและคัดกรองความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต เพื่อช่วยให้บุคลากร
สาธารณสุข/ อสม./ จิตอาสา ใช้ประเมนิ สขุ ภาพจติ ประชาชน เพื่อค้นหากลมุ่ เสีย่ งตอ่ ปัญหามาดูแลสขุ ภาพจิต

88 รปาีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5ีก63รมสขุ ภาพจติ

ตลอดจนประชาชนและผมู้ คี วามเสยี่ งตอ่ ปญั หาสขุ ภาพจติ สามารถประเมนิ ตนเอง และเขา้ ถงึ บรกิ ารไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
การประเมนิ ประกอบไปด้วย SBSD คือ S : Stress (เครยี ด) B : Burnout (ภาวะหมดไฟ) S : Suicide (เสยี่ ง
ฆา่ ตวั ตาย) D : Depression (ซมึ เศรา้ ) โดยทราบผลการประเมนิ ทนั ที มคี ำ� แนะนำ� ในการปฏบิ ตั ติ วั พรอ้ มมชี อ่ งทางการ
ขอรับการปรึกษาจากผ้เู ช่ยี วชาญทางออนไลน์ จ�ำนวนผู้เข้าใชร้ ะบบ 436,656 ราย เป็นเพศชาย รอ้ ยละ 38.6
เพศหญิง รอ้ ยละ 61.4 พบความเครยี ดสงู ร้อยละ 1.17 เส่ยี งซึมเศร้า ร้อยละ 5.05 ซึมเศรา้ รุนแรง ร้อยละ 1.74
เส่ียงฆา่ ตัวตาย ร้อยละ 0.55 มภี าวะหมดไฟ รอ้ ยละ 0.33

(หมายเหตุ :
ข้อมูล ณ วนั ที่ 30

ก.ย. 2563)

2. โครงการเสรมิ สร้างพลงั ใจผู้ไดร้ บั ผลกระทบทางจิตใจในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของ
โรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019

หลกั การและเหตุผล
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ีส่งผลให้ประชาชน
ได้รับผลกระทบต่อการด�ำเนินชีวิตทั้งของตนเอง ครอบครัว ชุมชน รวมทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนอย่างมาก
ซึ่งจากการวิเคราะหล์ ักษณะของการระบาดตาม Health Footprint of Covid-19 (ข้อมูลจาก Upwell Health
Collection, Home Health : Melbourne, Australia) การระบาดท่ีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อีกทั้งท�ำให้ประชาชนเกิดปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล
ภาวะหมดไฟ และเจบ็ ป่วยด้วยโรคทางจติ เวช เช่น โรคซึมเศรา้ และการฆา่ ตัวตาย ฯลฯ ไดม้ ากข้ึน นโยบายหนึ่ง
ของกรมสุขภาพจิตคือ การส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตระดับบุคคลในเชิงรุก ให้สามารถรับมือกับ
ผลกระทบในระยะคลื่นลูกที่ 4 (4th Wave) ดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้คณะท�ำงาน Resilience พัฒนา
ชุดความรู้เสริมสร้างพลังใจขึ้น เพื่อให้บุคลากรท้ังในและนอกสังกัดกรมสุขภาพจิตน�ำไปใช้ประโยชน์ในการดูแล
ทางสังคมจิตใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบฯ และ/หรือส่งเสริมให้เครือข่ายน�ำไปจัดกิจกรรม/บริการเพื่อดูแลจิตใจ
ประชาชนกลุม่ เส่ียงท่ีไดร้ ับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเหมาะสม
ผลผลิต/ผลลัพธท์ ีไ่ ดจ้ ากการด�ำเนินงาน
องค์ความรู้และส่ือความรู้ในการเสริมสร้างพลังใจและ
การดแู ลทางจิตสงั คมผไู้ ดร้ ับผลกระทบทางจติ ใจ ในสถานการณ์
การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 1) ชดุ ความรู้
เสริมสร้างพลังใจที่สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง อาทิ คู่มือส่ือสาร

89

ความรู้เสริมสร้างพลังใจ วิธีปฏิบัติเพื่อช่วยคลายเครียด
คู่มือการดูแลทางสังคมจิตใจส�ำหรับแพทย์ พยาบาล
เจ้าหน้าทส่ี าธารณสุข เปลี่ยนรา้ ยกลายเป็นดี 2) หลกั สูตร
เสริมสร้างพลังใจ อึด ฮึด สู้ 3) วิดีทัศน์ประกอบแผน
การสอน จำ� นวน 6 เรือ่ ง 4) MV เพลงพลังใจ อดึ ฮึด สู้
5) DVD หลกั สตู รเสริมสรา้ งพลังใจ อึด ฮดึ สู้
ผลจากการที่หน่วยงานท้ังภายในสังกัดกรมฯ และ
ภายนอกกระทรวงสาธารณสขุ รวม 24 แห่ง น�ำหลักสตู ร
เสรมิ สรา้ งพลงั ใจไปจัดกจิ กรรมกับกลุ่มเปา้ หมายทหี่ ลากหลาย เชน่ บคุ ลากรสาธารณสขุ ผู้ปกครอง ผนู้ �ำหมู่บา้ น
พนกั งานมหาวทิ ยาลยั อสม. พนกั งานบรษิ ัท เป็นต้น ในพน้ื ที่ 13 เขตสุขภาพ รวมทัง้ สิน้ จำ� นวน 556 คน พบว่า
กลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการอบรมส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ ด้วยเพราะเนื้อหามีความเข้าใจง่าย มีตัวอย่างท่ีมาจาก
ชวี ติ จรงิ ซงึ่ ทำ� ใหไ้ ดท้ บทวนตนเองและทำ� ใหม้ พี ลงั ใจเพม่ิ ขนึ้ ได้ นอกจากนผี้ ใู้ หก้ ารเรยี นรหู้ รอื ผใู้ ช้ (User) หลกั สตู ร
ยังมคี วามพงึ พอใจกับเน้ือหา เน่อื งจากเป็นเนือ้ หาทน่ี ่าสนใจ เขา้ ใจง่าย มีการร้อยเรียงดี และสามารถน�ำไปสอน
ไดง้ ่าย

90 รปางี ยบงปารนะมปารณะจำ�2ป5ีก63รมสขุ ภาพจิต

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 พฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและมธี รรมาภบิ าล

1. โครงการ “Creative Thinking with Scenario Planning and Blue Ocean Shift Strategy”
หลกั การและเหตุผล
ตามท่ีกรมสุขภาพจิตได้ก�ำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรหลัก
ดา้ นสขุ ภาพจติ เพอื่ ประชาชนสขุ ภาพจติ ดี มคี วามสขุ และกำ� หนดจดุ ยนื
ทางยุทธศาสตร์ในการเป็นผู้ช้ีน�ำทิศทางงานสุขภาพจิตของประเทศ
เป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้งานสุขภาพจิตในระดับภูมิภาคอาเซียน และ
เป็นองค์กรท่ีใช้ข้อมูลทางวิชาการและหลักฐานเชิงประจักษ์ โดย
กรมสุขภาพจิตได้สนับสนุนการเตรียมความพร้อมบุคลากรที่เป็นผู้น�ำ
คลนื่ ลกู ใหม่ ใหม้ คี ณุ ลกั ษณะและสมรรถนะ ทพ่ี งึ ประสงค์ สามารถขบั เคลอ่ื นงานสขุ ภาพจติ ใหบ้ รรลวุ สิ ยั ทศั นแ์ ละ
เปน็ ไปตามจดุ ยนื ทางยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ� หนดไว้ ซงึ่ ไดม้ กี ารจดั อบรมพฒั นาบคุ ลากรซงึ่ เปน็ คลน่ื ลกู ใหม่ (Blue Ocean
Ships: BOS) ในปีประมาณ 2561 และปีประมาณ 2562 มาอยา่ งต่อเน่อื ง รวมท้งั สน้ิ 2 รุ่น

ในปงี บประมาณ 2563 กรมสขุ ภาพจติ ไดต้ อ่ ยอดการพฒั นาบคุ ลากรทเี่ ปน็ ผนู้ ำ� คลน่ื ลกู ใหมภ่ ายใตโ้ ครงการ
“Creative Thinking with Scenario Planning and Blue Ocean Shift Strategy” โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ
ใหผ้ เู้ ขา้ ประชมุ จากรนุ่ 1 และ รนุ่ 2 รวมถงึ คลนื่ ลกู ใหมใ่ นปี 2563 ไดเ้ พมิ่ พนู ความรแู้ ละทกั ษะการใชก้ ระบวนการ
คิดวิเคราะห์และการคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตอย่างเป็นระบบ และร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์/บริการ
โดยใช้พนื้ ฐานจากตน้ ทุนที่มอี ยเู่ ดมิ และนำ� มาพัฒนาและปรับปรุงผลติ ภัณฑ/์ บริการนัน้ ๆ เพอ่ื นำ� กลับมาสกู่ าร
ดำ� เนนิ งานในระบบปกติ โดยระหวา่ งการประชมุ ไดม้ กี ารประยกุ ตใ์ ชศ้ าสตรก์ ารประชมุ แบบ Dialogue & Creative
discussion เพื่อให้ผูเ้ ขา้ ประชมุ มจี ติ ทพี่ ร้อมเรยี นรู้ การใช้สตสิ นทนา เพื่อท�ำใหก้ ารประชุมประสบความส�ำเรจ็
ในเวลาทีจ่ �ำกดั โดยมกี ารดำ� เนินการจดั ประชมุ เชิงปฏิบตั กิ ารดังกล่าว ไปเม่อื วันที่ 1-3 มนี าคม 2563 ณ โรงแรม
ไมด้า งามวงศ์วาน จงั หวดั นนทบุรี

ผลผลติ / ผลลพั ธท์ ่ีได้จากการด�ำเนนิ งาน
บุคลากรในสังกัดกรมสุขภาพจิต ซ่ึงประกอบด้วยผู้อ�ำนวยการหน่วยงาน
จิตแพทยแ์ ละสหวชิ าชีพ เขา้ ร่วมประชมุ จ�ำนวนรวม 30 คน จาก 20 หน่วยงาน
ท้ังนี้ จากการร่วมกันวิเคราะห์แนวทางการสร้างคุณค่า (Value Innovation) ในราคาและต้นทุนท่ี
เหมาะสมกับผลิตภัณฑ/์ บรกิ ารสุขภาพจิต ตามกระบวนการ Blue Ocean Shift ได้ผลผลิต ดงั นี้

แนวทาง/กลยทุ ธ ์ งานสง่ เสรมิ ป้องกนั (พัฒนาการเดก็ ) การปรับเปลย่ี นพฤติกรรม (NCD)

1. มองไปยังอุตสาหกรรมทางเลือกอ่นื Fun Park Smart Kids ร้านยาใกล้ใจ MI ใกล้บา้ น

2. มองไปยังกลยุทธอ์ ่นื ในอุตสาหกรรมเดยี วกนั Motto: หมอดรู อบรู้การเตบิ โต บริการสง่ ย้ิม สนทนาพาสขุ

3. มองไปยงั สายโซ่หรอื กล่มุ ของผู้ซ้อื ป้ันอนาคตชาติดว้ ยมอื พอ่ แม่ MI เพือ่ นใจใกล้ตัว
(positive parenting)

4. มองไปยังผลิตภณั ฑ์และบรกิ ารเสริม สมวัย ใส่ใจ ใกลช้ ิด Inspiration MI

5. เปลี่ยนทิศทางอตุ สาหกรรม เล่นสนุก ลกู สมวยั ไปกรมสุขภาพจิต SMILE to SMART

6. มีส่วนรว่ มในการก�ำหนดแนวโน้ม Gen ใหม่ สมวัย ไร้รอยตอ่ Become Active Senior Citizen
ภายนอกในอนาคต

91

2. โครงการการพัฒนาไปสกู่ ารเป็น Smart Hospital ของหนว่ ยบรกิ ารจติ เวช
หลักการและเหตุผล
กรมสุขภาพจิตมีการด�ำเนินงานพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพจิตและจิตเวชให้มี
ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล สามารถดำ� เนนิ งานเชงิ บรู ณาการ ซง่ึ เปน็ สว่ นสำ� คญั ในการสนบั สนนุ การขบั เคลอื่ นงาน
ตามยุทธศาสตร์สุขภาพจิตและตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการใช้โมเดลการขับเคล่ือนประเทศด้วยนวัตกรรม
หรือ “ไทยแลนด์ 4.0” และให้สอดรับกับยุทธศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข
(2560-2569) ในการปฏิรปู การสาธารณสขุ ไทยให้กา้ วสู่ยุค Health 4.0
การพฒั นาไปสกู่ ารเป็น Smart Hospital ของหน่วยบรกิ ารจิตเวช สังกดั กรมสขุ ภาพจิต มีการประยกุ ต์
ใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ัล สนบั สนนุ การจดั บริการภายในหน่วยบรกิ าร ลดข้ันตอนและอ�ำนวยความสะดวก ทงั้ ตอ่ ผู้ให้
และผู้รบั บริการ

ผลผลิต / ผลลัพธท์ ี่ไดจ้ ากการด�ำเนินงาน
หน่วยบริการจิตเวชทั้ง 20 แห่ง สามารถพัฒนาไปสู่การเป็น Smart Hospital โดยมีการพัฒนาระบบ
ดังน้ ี
- การเช่อื มโยงขอ้ มูลจากบตั รประชาชนผ่านระบบ Smart Health ID และยกเลิกการใช้บัตรผปู้ ว่ ย
- ระบบ Appointment & Queue online และยกเลกิ การแจกบตั รควิ
- ระบบใบสง่ั ยาอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ e-Prescription และยกเลกิ การใชแ้ ละการพมิ พอ์ อกใบสง่ั ยาทเ่ี ปน็ กระดาษ
- ระบบการช�ำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Payment
- ระบบดิจทิ ัลเพอ่ื ตรวจสอบสทิ ธิสวัสดิการรกั ษาพยาบาลด้วยตนเอง
- เทคโนโลยีหุน่ ยนต์ ปัญญาประดษิ ฐ์ เทคโนโลยี AR VR หรือนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอน่ื ๆ
- การรักษาจติ เวชทางไกลดว้ ยระบบ Tele-psychiatry
- นัดหมายและจองควิ ผา่ นระบบกลางกรมสขุ ภาพจติ (Smile Connect)
- ระบบดจิ ทิ ลั เพือ่ ประเมนิ ความพึงพอใจของผรู้ ับบริการ

92 ปราีงยบงปารนะมปารณะจ�ำ2ป5กี63รมสุขภาพจติ

3. โครงการสง่ เสริมคุณธรรมจริยธรรมและใหค้ วามรู้กฎหมายท่ีเกยี่ วข้อง
เพ่ือการปฏบิ ัตหิ นา้ ทรี่ าชการทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ

หลกั การและเหตุผล
กลมุ่ คมุ้ ครองจรยิ ธรรมกรมสขุ ภาพจติ จดั โครงการเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของกลไกการปอ้ งกนั การทจุ รติ
และระบบบรหิ ารจดั การตามหลกั ธรรมาภบิ าลขน้ึ เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจในขอ้ กฎหมายและกฎระเบยี บ นโยบาย
และแนวปฏิบัติท่ีเก่ียวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สามารถใช้เป็นหลักในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตาม
รูปแบบข้ันตอนและวิธีการท่ีเป็นสาระส�ำคัญตามท่ีกฎหมายก�ำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเป็นการป้องกัน
ความเสีย่ งในการด�ำเนนิ งานของเจา้ หน้าท่ี ลดความผิดพลาดและข้อรอ้ งเรียนที่อาจเกดิ ข้ึนจากการปฏิบัตหิ นา้ ท่ี
ดังกล่าวได้ และสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของ
หนว่ ยงานภาครฐั (ITA) กรมสุขภาพจติ และสร้างทศั นคตทิ ด่ี ีตอ่ การบรหิ ารงานของกรมสุขภาพจิต มกี �ำหนดจดั
ทง้ั สนิ้ จ�ำนวน 4 คร้ัง โดยครัง้ ท่ี 1 ระหว่างวันท่ี 11-12 กุมภาพันธ์ 2563 ณ โรงแรมเชียงใหมฮ่ ิลล์ อ�ำเภอเมอื ง
จังหวดั เชยี งใหม่ ครงั้ ที่ 2 ระหว่างวนั ที่ 17 – 18 กุมภาพนั ธ์ 2563 ณ โรงแรมเจริญธานี อ�ำเภอเมือง จงั หวัด
ขอนแกน่ คร้ังที่ 3 ระหว่างวนั ท่ี 24 – 25 กุมภาพนั ธ์ 2563 ณ โรงพยาบาลศรีธัญญา อำ� เภอเมอื ง จังหวดั นนทบรุ ี
ครงั้ ท่ี 4 ระหวา่ งวันท่ี 2-3 เมษายน 2563 โดยการ Web Conference จากกรมสขุ ภาพจิต ไปยังหน่วยงานใน
ภาคใต้

ผลผลติ /ผลลัพธ์ท่ีได้จากการด�ำเนนิ งาน
1. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจในหลัก
กฎหมายในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทรี่ าชการเพม่ิ ขน้ึ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 82.61
2. ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ
การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของ
หน่วยงานภาครัฐ (ITA) กรมสุขภาพจิตเพ่ิมข้ึน ไม่น้อยกว่า
รอ้ ยละ 75.23
3. ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการ
ด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) กรมสุขภาพจิต
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในส่วนของแบบวัดการรับรขู้ องผมู้ ี
ส่วนได้ส่วนเสียภายใน ได้ 80.89 คะแนน จากเดิมในปี 2562
ได้ 78.51 คะแนน และแบบวดั การรบั รผู้ มู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ภายนอก
ได้ 89.59 คะแนน จากเดิมในปี 2562 ได้ 79.32 คะแนน
(ผลคะแนนจากส�ำนกั งาน ป.ป.ช.)
4. กรมสขุ ภาพจติ มผี ลคะแนนการประเมนิ คณุ ธรรมและ
ความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity
and Transparency Assessment – ITA) 91.14 คะแนน จากเดิมในปี 2562 86.91 คะแนน (ผลคะแนน
จากสำ� นักงาน ป.ป.ช.)


Click to View FlipBook Version