วิิทยาลััยสงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิมิ พระเกียี รติฯิ | 9
(ภาพจาก หอภาพถา่ ยลา้ นนา มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม)่
ภาพถา่ ยประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๘
ภาพจากคุ้มเจ้าอตุ รการโกศล (มหาไชย มหายศนน้ ท)์ อ.เมอื ง จ.นา่ น
ภาพเจ้าอุตรการโกศล (มหาไชย มหายศน้นท์ / ต้นตระกลู มหายศนันท)์ พร้อมครอบคร้ว
ถา่ ยทบ่ี รเิ วณคุม้ เจา้ อุตรการโกศล
เจา้ อุตรการโกศลสืบเช้ือสายมาจากเจ้ามหายศ ซึง่ เปน็ โอรสในเจา้ ฟ้าอตั ถวรปัญโญ (เจา้ ผู้ครอง
นครน่านชว่ งปี พ.ศ.๒๓๒๙ ถึง พ.ศ.๒๓๕๙)
เคยด�ำ รงตำ�าแหน่งเปน็ ผ้พู พิ ากษาในชว่ งสมัยพระเจา้ สุรยิ พงศผ์ รติ เดชฯ ครองเมอื งนา่ น
การแต่งกายได้รบั อิทธิพลจากกรุงเทพ คือ เจ้าอุตรการโกศล พรอ้ มบุตรชายใส่เสื้อราชปะแตน
และนุ่งโจงกระเบน ส่วนฝา่ ยหญิงแต่งกายแบบดั้งเดิม โดยหญงิ ทีน่ ั่งท่สี องจากขวาสวมซิน่ ป้อง หญิงนั่ง
ท่ีสองจากซา้ ยสวมซิน่ เชียงแสน ชิน้ ป้องและซนิ่ เชียงแสนเป็นซ่นิ รูปแบบพเิ ศษท่ีพบเฉพาะในเมืองน่าน
เทา่ นนั้ ส่วนหญิงและเดก็ หญิงท่เี หลอื ทั้งหมดล้วนสวมซ่นิ ต๋าทีใ่ ชก้ นั ท่วั ไปทั้งลา้ นนา
9 | ศูนนย์กการเรียยนรู้ผผ้� าาทอ : โรงเรียยนช่าางทอผ้าาน่าาน
ภาพ : แม่เจ้าศรีโสภา ณ น่าน จ.จ. ชายาใน เจา้ มหาพรหมสุรธาดาฯ
เจา้ ผูค้ รองนครน่าน สวมซนิ่ ไหมค�ำ
(โดย พระชยานันทมนุ ี ณ น่าน )
ซนิ่ ไหมค�ำ ซ่ินคำ�เดิบ ราชนิ ซี ิน่ แห่งเมืองนา่ น ในบรรดาซนิ่ เมืองน่าน
ซ่งึ มอี ยู่อยา่ งหลากหลายรูปแบบ เช่น ซนิ่ ปอ้ ง ซิน่ ม่าน ซิน่ มัดกอ่ น ซ่ินลายน�ำ ้
ไหล ฯลฯ เป็นผา้ ซ่นิ ที่ถูกจัดอันดับสงู สดุ ในเร่อื งความปราณีต งดงาม เทคนคิ
การถักทอ และวสั ดทุ ี่ใชใ้ หก้ ารสรา้ งสรรข้นึ นนั้ คอื “ซน่ิ ไหมค�ำ ”
วิิทยาลัยั สงฆ์์นครน่า่ น เฉลิิมพระเกียี รติิฯ | 9
(ภาพและข้อมูลจาก หอภาพถา่ ยล้านนา มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม)่
ภาพเจา้ มหาพรหมสรุ ธาดา (นง่ั กลาง) และครอบครวั ถา่ ยทปี่ จั จบุ นั คอื บรเิ วณคมุ้ เจา้ ราชบตุ ร
(หมอกฟา้ ณ นา่ น) การแตง่ กายจะเปน็ การไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากทางกรงุ เทพในสมยั รชั กาลท่ี ๕ คอื ชายจะ
นงุ่ ผา้ โจงกระเบน สวมเสอ้ื คอตง้ั ทเ่ี รยี กวา่ เสอื้ ราชปะแตน สว่ นหญงิ จะใสเ่ สอ้ื คอตง้ั หม่ สไบ สวมผา้ ถงุ ทมี่ ี
ทง้ั ซ่นิ ต๋าท่นี ยิ มใส่ทั่วไปท้ังล้านนาและซ่นิ ป้องทเี่ ป็นซิ่นอันเปน็ เอกลกั ษณอ์ ยา่ งหน่ึงของเมืองน่าน
9 | ศูนนย์กการเรียยนรู้ผผ้� าาทอ : โรงเรียยนช่าางทอผ้าาน่าาน
(ภาพและข้อมูลจาก หอภาพถา่ ยลา้ นนา มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่)
ถ่ายท่ีคุม้ เจ้าราชบตุ ร (หมอกฟ้า ณ นา่ น)
เจา้ ราชบุตร(หมอกฟา้ ณ นา่ น) (ยืนกลาง) และเจา้ บญุ โสม ณ น่าน พร้อมธิดา
การแต่งกายได้รบั อิทธพิ ลจากกรงุ เทพ คอื เจ้าราชบตุ ร ใสเ่ สอ้ื ราชปะแตน และนุ่งโจงกระเบน
ส่วนฝ่ายหญงิ แตง่ กายใส่เสื้อแบบฝรงั่ และนุ่งซน่ิ ตีนจก ในรปู แบบทม่ี ลี วดลายเฉพาะของเมืองน่าน
วิิทยาลััยสงฆ์์นครน่า่ น เฉลิิมพระเกีียรติฯิ | 9
(ภาพและขอ้ มลู จาก หอภาพถ่ายล้านนา มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่)
ถา่ ยทีค่ มุ้ เจา้ ราชวงศ์ (สุทธสิ าร ณ น่าน)
ภาพถา่ ยครอบครัวของเจา้ ราชวงศ์ (สุทธสิ าร ณ น่าน) จากซ้ายไปขวา แมเ่ จ้ายงคมโณรา
ณ นา่ น, เจา้ เมฆวดี ณ น่าน, แม่เจา้ บวั เขียว ณ น่าน, เจา้ บญตม้ ณ น่าน และเจา้ ราชวงศ ์
(สทุ ธิสาร ณ น่าน) การแตง่ กายไดร้ ับอทิ ธิพลจากกรุงเทพ คอื เจ้าราชวงศ์ (สุทธสิ าร ณ นา่ น)
ใสเ่ สื้อราชปะแตนและนุ่งโจงกระเบน สว่ นฝา่ ยหญงิ แต่งกายใสเ่ ส้ือแบบฝรง่ั และนงุ่ ซ่ินตีนจก
ในรปู แบบทมี่ ีลวดลายเฉพาะของเมอื งนา่ น
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้า� ททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
(ภาพและข้อมูลจาก หอภาพถา่ ยล้านนา มหาวิทยาลยั เชียงใหม่)
ภาพเจา้ แมโ่ คมทอง ณ นา่ น (ขวามอื ของภาพถา่ ย) และ เจา้ สมปรารถณา
ณ น่าน (ซา้ ยมอื ของภาพถา่ ย) ณ บรเิ วณหนา้ คมุ้ เจ้าราชบตุ ร (หมอกฟา้ ณ น่าน)
เจ้าแมโ่ คมทองสวมผ้าซนิ่ ค�ำ เคบิ้ เปน็ ผา้ ซิ่นรูปแบบพเิ ศษท่พี บเฉพาะในเมอื งน่าน
เทา่ นน้ั โดยเฉพาะผ้าซน่ิ คำ�เคิบผืนนี้ มลี กั ษณะพเิ ศษท่ีมีลวดลายเกาะทเ่ี กิดจาก
กรรมวิธีท่ีทอแบบลว้ งอยใู่ นแนวเส้นขวางล�ำ ตวั ดว้ ย
วิทิ ยาลััยสงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิิมพระเกีียรติฯิ | 1
แม่หญงิ เมอื งน่าน
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนังวดั หนองบวั อำ�เภอทา่ วังผา จงั หวัดน่าน
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพพระนางเทวธิสงั กา แตง่ กายแบบหญงิ ในราชบสำ�นักล้านนา เปลือยอก ใสส่ ร้อยสังวาลย์
ทองค�ำ ฝงั ทับทิมไขว้ท่อี กห้อยชายสังวาลย์ไปดา้ นหลงั สวมก�ำ ไล - ทองค�ำ ฝงั ทบั ทิมทงั้ สองแขน
นงุ่ ชนิ่ ตนี จกค�ำ คอื ซนิ่ ทตี่ อ่ ดว้ ยตนี จกทที่ อดว้ ยดนิ้ ทอง หรอื ดนิ้ เงนิ ทสี่ ว่ นมากนยิ มิ ใชใ้ นหมเู่ จา้
นายฝา่ ยหญงิ ของลา้ นนา สว่ นทอ้ งซน่ิ กเ็ ปน็ รปู แบบเฉพาะทพ่ี บไดแ้ ตใ่ นเมอื งนา่ นเทา่ นน้ั นบั เปน็ เอกลกั ษณ์
อยา่ งหน่ึงของผา้ ซน่ิ ในเมอื งน่าน
ไวผ้ มมนุ่ มวยไวก้ ลางศรี ษะแบบทเี่ รยี กวา่ เกลา้ แบบ “วดิ วอั ง” มดั มวยดว้ ยสรอ้ ยค�ำ หรอื สรอ้ ยทอง
เจาะหใู ส่ “ลานห”ู มลี กั ษณะเปน็ แผ่นใบลาน เแผ่นเงิน หรอื ทองค�ำ น�ำ มาม้วนแล้วใสเ่ ขา้ ไป
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้�าททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แม่หญงิ เมืองน่าน
ภาพจิตรกรรมบนฝาผนังวดั หนองบวั อำ�เภอทา่ วงั ผา จงั หวัดน่าน
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพพระนางเทวธสิ ังกา แตง่ กายแบบหญงิ ในล้านนา คือน�ำ ผ้าแถบสีเรียบมาหม่ เฉยี งแบบสไบ
หรอื คลอ้ งทง้ิ ชายไปดา้ นหลังเรียกวา่ “สะหว้ายแหลง้ ” หรือ “เบี่ยงบา้ ย”
นงุ่ ซน่ิ ตนี จกคอื ซน่ิ ทตี่ อ่ ดว้ ยตนี จก ทน่ี ยิ มใชใ้ นหญงิ ไทยวนของลา้ นนา สว่ นทอ้ งซนิ่ กเ็ ปน็ รปู แบบ
เฉพาะทีพ่ บไดแ้ ตใ่ นเมืองน่านเทา่ นน้ั นับเป็นเอกลักษณอ์ ย่างหนง่ึ ของผ้าซนิ่ ตีนจกในเมืองน่าน
ไวผ้ มมนุ่ มวยเรยี กวา่ เกลา้ แบบ “วิดวอ้ ง” ไว้กลางศรีษะมัดมวยด้วยสร้อยคำ� หรอื สร้อยทอง
เจาะหูใส่ “ลานหู” มีลกั ษณะเป็นแผ่นใบลาน แผ่นเงนิ หรือทองคำ� น�ำ มามว้ นแล้วใส่เข้าไป และไม่สวม
รองเท้า
วิิทยาลัยั สงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิิมพระเกียี รติฯิ | 1
แมห่ ญงิ เมืองนา่ น
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนงั วัดหนองบวั อ�ำ เภอท่าวังผา จังหวดั นา่ น
อา้ งองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพพระนางเทวธสิ ังกา แตง่ กายแบบหญงิ ในลา้ นนา คอื เปลือยอก น�ำ ผ้าแถบสเี รยี บมาคล้อง
ไหลห่ อ้ ยชายไปด้านหลัง
นงุ่ ชนิ่ ตนี จกคอื ซน่ิ ทตี่ อ่ ดว้ ยตนี จก ทน่ี ยิ มใชใ้ นหญงิ ไทยวนของลา้ นนา สว่ นทอ้ งซนิ่ กเ็ ปน็ รปู แบบ
เฉพาะทพ่ี บได้แตใ่ นเมอื งน่านเท่านัน้ นับเปน็ เอกลกั ษณอ์ ยา่ งหนง่ึ ของผา้ ซนิ่ ตนี จกในเมอื งน่าน
มุ่นมวยเรยี กว่าเกลา้ แบบ “วดิ ว้อง” ไว้กลางศรีษะมดั มวยดว้ ยสรอ้ ยคำ� หรือสร้อยทอง เจาะหู
ใส่ “ลานหู” มลี ักษณะเปน็ แผน่ ใบลาน เแผน่ เงิน หรอื ทองค�ำ น�ำ มามว้ นแลว้ ใสเ่ ขา้ ไป
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้�าททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แม่หญิงเมืองนา่ น
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนงั วัดหนองบวั อำ�เภอทา่ วังผา จังหวัดน่าน
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพนางเทวธิสังกา ในสว่ นน้ชี า่ งเขียน เขยี นเร่อื งราวของนางเทวธสิ งั กาใน ๒ เหตุการณ์ คือ
นางเทวธิสงั กาฝง่ั ขวามือ เหตุการณ์ตอนทพ่ี ระนางเทวธสิ งั กาหนีไปบวชชี (กัณฑ์ท่ี ๖ พรหมจารึกภณั ฑ์)
ทรงครองผา้ ขาวแบบนักบวชและโกนศรีษะ มือถือลูกประค�ำ
สว่ นอกี เหตกุ ารณฝ์ ง่ั ซา้ ยมอื เขยี นเหตกุ ารณต์ อนหนง่ึ ในกณั ฑท์ ่ี ๑๒ (เทธสงั กาปรเิ ยสนกณั ฑ)์ เหตกุ ารณ์
ตอนทพี่ ระนางเทวธสิ งั กาทราบขา่ วการมาของเจา้ จนั ฑคาธ จงึ ลาสกิ ขาจากการเปน็ ชี และในบรเิ วณนม้ี อี กั ษร
ลา้ นนากำ�กับไว้ ความวา่ “นางเทวธสิ งั กาไพบวชเป็นผา้ ขาว รู้ว่าเจ้าจนั ฑคาธมาลวดสึกมา
นางเทวธสิ งั กาทรงเคร่อื งแบบหญิงท่ัวไปในลา้ นนา คือ นำ�ผา้ แถบสเี รียบมาห่มเฉยี งแบบสไบหรือ
คลอ้ งทง้ิ ชายไปด้านหลัง เรยี กวา่ “สะหว้ายแหลง้ ” หรอื “เบี่ยงบา้ ย” อีกทงั้ ยงั นำ�ผา้ แถบสเี รียบมาปิดศรษี ะ
เพอื่ บดบงั ศรษี ะท่ีโกนมา นุ่งซิน่ ตนี จก คอื ซน่ิ ทต่ี ่อด้วยตีนจก ทนี่ ิยมใชใ้ นหญิงไทยวนของล้านนา ส่วนทอ้ ง
ซ่นิ ก็เปน็ รูปแบบเฉพาะทีพ่ บได้แต่ในเมืองน่านเทา่ น้ัน พระเกษามนุ่ มวย เรยี กว่า เกลา้ แบบ “ต้ังเกล้า”
ไว้กลางศรีษะมัดมวยด้วยสร้อยค�ำ หรอื สรอ้ ยทอง เจาะหใู ส่ “ลานห”ู มีลักษณะเปน็ แผน่ ใบลาน แผ่นเงิน
หรอื ทองค�ำ นำ�มามว้ นแลว้ ใสเ่ ขา้ ไป และไม่สวมรองพระบาท
วิทิ ยาลัยั สงฆ์์นครน่า่ น เฉลิมิ พระเกียี รติิฯ | 1
แมห่ ญิงเมอื งนา่ น
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนังวัดหนองบัว อ�ำ เภอทา่ วงั ผา จงั หวดั น่าน
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพการแตง่ กายของพระนางอตตมธานี แต่งกายแบบหญิงในราชส�ำ นกั ลา้ นนา เปลือยอกใสส่ ร้อย
สังวาลยท์ องค�ำ ฝงั ทับทมิ ไขวท้ ่อี กห้อยชายสงั วาลย์ไปดา้ นหลงั สวมก�ำ ไลทองค�ำ ฝังทับทมิ ทั้งสองแขน นุ่งซิ่น
ตนี จกค�ำ คอื ซน่ิ ทต่ี อ่ ดว้ ยตนี จกทท่ี อดว้ ยดน้ิ ทองหรอื ดน้ิ เงนิ ทส่ี ว่ นมากนยิ มใชใ้ นหมเู่ จา้ นายฝา่ ยหญงิ ของลา้ น
นา สว่ นทอ้ งซนิ่ ก็เปน็ รูปแบบเฉพาะที่พบไดแ้ ต่ในเมอื งน่านเทา่ นน้ั นบั เป็นเอกลกั ษณอ์ ย่างหน่ึงของผา้ ซ่นิ ใน
เมืองน่าน ไวผ้ มมน่ มวยไว้กลางศรษี ะแบบที่เรยี กว่าเกลา้ แบบ “วิดว้อง” มดั มวยด้วยสร้อยค�ำ หรือสรอ้ ยทอง
เจาะหูใส่ “ลานหู” มีลกั ษณะเป็นแผ่นใบลาน แผ่นเงนิ หรอื ทองคำ� นำ�มาม้วนแลว้ ใส่เข้าไป
สว่ นเหลา่ นางก�ำ นลั ทเ่ี ดนิ ตามดา้ นหลงั และหญงิ ชาววงั หรอื ชาวบา้ นทนี่ ง่ั อยซู่ า้ ยมอื ในภาพ มกี ารแตง่
กาย คอื เปลอื ยอกน�ำ ผา้ แถบสเี รยี บมาคลอ้ งไหลห่ อ้ ยชายไปดา้ นหลงั นงุ่ ซน่ิ ตนี จกคอื ซน่ิ ทต่ี อ่ ดว้ ยตนี จก ทนี่ ยิ ม
ใชใ้ นหญงิ ไทยวนของลา้ นนา สว่ นทอ้ งซนิ่ กเ็ ปน็ รปู แบบเฉพาะทพี่ บไดแ้ ตใ่ นเมอื งนา่ นเทา่ นนั้ แตห่ ญงิ คนทนี่ ง่ั
ฝงั่ ซา้ ยมอื หนา้ สดุ นา่ จะสวมซนิ่ ปอ้ ง ถอื เปน็ ผา้ ซนิ่ อกี รปู แบบทพี่ บไดแ้ ตใ่ นเมอื งนา่ นเทา่ นนั้ นบั เปน็ เอกลกั ษณ์
อย่างหน่ึงของผา้ ซ่นิ ตนี จกในเมอื งนา่ น ม่นุ มวยเรียกวา่ เกล้าแบบ “วดิ วอ้ ง” และ “ตง้ั เกลา้ ” ไว้กลางศรีษะ
มัดมวยดว้ ยสร้อยค�ำ หรอื สร้อยทองและบางคนกไ็ ม่ได้ใส่ เจาะหใู ส่ “ลานหู” มลี ักษณะเปน็ แผ่นใบลาน
แผน่ เงนิ หรอื ทองค�ำ น�ำ มามว้ นแล้วใสเ่ ขา้ ไป และไมส่ วมรองเทา้
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้�าททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แมห่ ญงิ เมอื งน่าน
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนังวดั หนองบัว อำ�เภอทา่ วังผา จงั หวัดนา่ น
อ้างอิงจาก Chiang Mai House of Photography
ภาพแต่งกายแบบหญิงในลา้ นนา คอื น�ำ ผ้าแถบสเี รยี บมาห่มเฉยี ง ๆ แบบสไบ หรอื คล้อง
ทิง้ ชายไปด้านหลงั เรยี กว่า “สะหวา้ ยแหลง้ ” หรือ “เบยี่ งบ้าย” นุ่ง “ซนิ่ ปอ้ ง” เป็นรูปแบบเฉพาะ
ท่ีพบไดแ้ ต่ในเมืองน่านเท่านัน้ ไว้ผมมุ่นมวยเรยี กวา่ เกลา้ แบบ “ตง้ั เกลา้ ” หรอื “วิดว้อง” ไวก้ ลาง
ศรษี ะ หรอื ปลอ่ ยผมทหี่ ใู ส่ “ลานห”ู มลี กั ษณะเปน็ แผน่ ใบลาน แผน่ เงนิ หรอื ทองค�ำ น�ำ มามว้ นแลว้
ใสเ่ ข้าไป และไมส่ วมรองเท้า
วิทิ ยาลััยสงฆ์์นครน่า่ น เฉลิิมพระเกียี รติิฯ | 1
แมห่ ญิงเมอื งน่าน
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนงั วัดหนองบัว อ�ำ เภอทา่ วงั ผา จังหวดั นา่ น
อา้ งอิงจาก Chiang Mai House of Photography
ภาพเหตกุ ารณ์ตอนทีธ่ ดิ าเศรษฐที ง้ั ๓ คน คอื นางทิพโสดา นางประทุมบุปผาและนางสุคนั ธเกศี
ก�ำ ลงั เดินมาถึงแมน่ �ำ แ้ หง่ หนึง่ เพอ่ื เล่นน�ำ ้ บรเิ วณนี้มภี าษาลา้ นนาเขยี นก�ำ กับอยู่ อา่ นไดค้ วามว่า “ลกู เสดถี
สามคนพากันมาอาบน�ำ ห้ นีแล”
ในสว่ นของการแตง่ กายของธิดาเศรษฐีท้ัง ๓ แตง่ กายแบบหญงิ ล้านนา คือ น�ำ ผา้ แถบสีเรยี บมาหม่
เฉียงแบบสไบ หรอื คล้องทง้ิ ชายไปด้านหลังเรยี กว่า “สะหวา้ ยแหลง้ ” หรอื “เบีย่ งบา้ ย” นงุ่ ซน่ิ ตนี จกคือ
ซน่ิ ทต่ี ่อด้วยตีนจก ทน่ี ยิ มใชใ้ นหญิงไทยของล้านนา สว่ นทอ้ งซิ่นก็เป็นรูปแบบเฉพาะทพี่ บได้แตใ่ นเมืองนา่ น
เทา่ น้นั นับเป็นเอกลักษณ์อยา่ งหนึง่ ของผา้ ซ่นิ ตนี จกในเมอื งนา่ น ไวผ้ มมนุ่ มวย เรยี กวา่ เกล้าแบบ “วดิ วอ้ ง”
ไว้กลางศรีษะมัดมวยดว้ ยสรอ้ ยเงิน เจาะหใู ส่ “ลานห”ู มลี กั ษณะเปน็ แผ่นใบลาน แผ่นเงิน หรือทองค�ำ
น�ำ มามว้ นแลว้ ใสเ่ ขา้ ไป และไม่สวมรองเทา้
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้า� ททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แม่หญงิ เมอื งน่าน
ภาพจิตรกรรมบนฝาผนงั วัดหนองบัว อำ�เภอท่าวงั ผา จงั หวดั น่าน
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพการแต่งกายของเจา้ จนั ฑคาธ ทรงเคร่ืองแบบชาวบางกอก คือ สวมเส้อื คอตัง้ แขนยาว นงุ่ โจง
กระเบน มผี ้าคาดเอว ไวผ้ มทรงมหาดไทย และไม่สวมรองเทา้
สว่ นธดิ าเศรษฐที ง้ั ๓ แตง่ กายแบบหญงิ ลา้ นนา คอื น�ำ ผา้ แถบสเี รยี บมาหม่ เฉยี งแบบสไบ หรอื คลอ้ ง
ทงิ้ ชายไปดา้ นหลงั เรยี กวา่ “สะหวา้ ยแหลง้ ” หรอื “เบย่ี งบา้ ย” นงุ่ ซน่ิ ตนี จกคอื ซนิ่ ทต่ี อ่ ดว้ ยตนี จก (คอื ซน่ิ ทต่ี อ่
ดว้ ยตนี จก ทนี่ ิยมใช้ในหญงิ ไทยของลา้ นนา ส่วนทอ้ งซนิ่ ก็เป็นรปู แบบเฉพาะทีพ่ บได้แตใ่ นเมืองนา่ นเทา่ น้ัน)
ไวผ้ มมนุ่ มวย เรยี กวา่ เกลา้ แบบ “วดิ วอ้ ง” ไวก้ ลางศรษี ะมดั มวยดว้ ยสรอ้ ยเงนิ เจาะหใู ส่ “ลานห”ู มลี กั ษณะ
เป็นแผ่นใบลาน แผ่นเงิน หรือทองคำ� น�ำ มามว้ นแลว้ ใสเ่ ขา้ ไป และไม่สวมรองเทา้
วิิทยาลััยสงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิิมพระเกียี รติฯิ | 1
แม่หญิงเมอื งนา่ น
ภาพจิตรกรรมบนฝาผนังวัดหนองบัว อ�ำ เภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
อ้างอิงจาก Chiang Mai House of Photography
ภาพนางพรหมจารีแต่งกายแบบหญิงในราชสำ�นักล้านนา คอื น�ำ ผา้ แถบสเี รยี บมาหม่ เฉยี งแบบสไบ
หรอื คล้องทงิ้ ชายไปดา้ นหลงั เรียกว่า “สะหวา้ ยแหลง้ ” หรือ “เบี่ยงบ้าย” นุง่ ซ่ินตีนจกคอื ซน่ิ ท่ตี ก่ ด้วยตีนจก
ท่นี ิยมใชใ้ นหญงิ ไทยวนของล้านนา สว่ นทอ้ งซน่ิ กเ็ ป็นรปู แบบเฉพาะที่พบได้แตใ่ นเมืองนา่ นเท่าน้นั นับเป็น
เอกลกั ษณ์อย่างหนึ่งของผา้ ซ่นิ ตีนจกในเมืองนา่ น มุ่นมวยเรียกวา่ เกล้าแบบ “วิดว้อง” ไว้กลางศรีษะมัดมวย
ดว้ ยสรอ้ ยเงิน เจาะหูใส่ “ลานห”ู มีลกั ษณะเป็นแผน่ ใบลาน แผน่ เงนิ หรือทองค�ำ น�ำ มามว้ นแล้วใส่เข้าไป
และไม่สวมรองเท้า
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้�าททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แมห่ ญงิ เมอื งน่าน
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนังวัดหนองบวั อ�ำ เภอทา่ วังผา จงั หวัดน่าน
อา้ งอิงจาก Chiang Mai House of Photography
ภาพการแต่งกายของเจ้าจันฑคาธ ทรงเคร่อื งแบบการแตง่ กายแบบชาวบางกอกในยคุ นนั้
คือ สวมเส้ือคอตงั้ แขนยาว น่งุ โจงกระเบน มผี ้าคาดเอว ไวผ้ มทรงมหาดไทย และไมส่ วมรองเทา้
สว่ นนางพรหมจารแี ตง่ กายแบบหญงิ ในราชส�ำ นกั ลา้ นนา คอื น�ำ ผา้ แถบสเี รยี บมาหม่ เฉยี งแบบสไบ
หรอื คลอ้ งทงิ้ ชายไปด้านหลงั เรียกว่า “สะหวา้ ยแหลง้ ” หรือ “เบ่ียงบ้าย” นุ่งซิน่ ตนี จกคือซนิ่ ท่ตี ่อ
ดว้ ยตนี จก ที่นิยมใช้ในหญงิ ไทยวนของลา้ นนา ส่วนท้องซิน่ กเ็ ป็นรปู แบบเฉพาะทพี่ บไดแ้ ต่ในเมือง
น่านเท่านั้น นับเปน็ เอกลกั ษณอ์ ยา่ งหนง่ึ ของผ้าซนิ่ ตนี จกในเมอื งน่าน มุ่นมวย เรยี กว่า เกลา้ แบบ
“วดิ วอ้ ง” ไวก้ ลางศรีษะมดั มวยดว้ ยสรอ้ ยเงิน เจาะหใู ส่ “ลานห”ู มลี ักษณะเป็นแผน่ ใบลาน แผน่
เงนิ หรอื ทองค�ำ นำ�มามว้ นแลว้ ใสเ่ ข้าไป และไมส่ วมรองเท้า
วิทิ ยาลััยสงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิิมพระเกียี รติฯิ | 1
แมห่ ญิงเมืองนา่ น
ภาพจิตรกรรมบนฝาผนงั วัดหนองบวั อำ�เภอท่าวงั ผา จงั หวดั นา่ น
อา้ งองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพพระนางพรหมจารี และเหล้านางกษัตริย์ แต่งกายแบบหญงิ ในราชส�ำ นักล้านนา คอื
นำ�ผา้ แถบสีเรียบมาหม่ มดั อก นงุ่ ซน่ิ ตนี จกค�ำ คือซิน่ ท่ีต่อดว้ ยตีนจกที่ทอดว้ ยดน้ิ ทอง หรือ ด้นิ เงิน
ทนี่ ยิ มใชใ้ นหญิงไทยวนของล้านนา ส่วนท้องซน่ิ ก็เป็นรปู แบบเฉพาะที่พบได้แต่ในเมืองน่านเทา่ น้นั
นบั เปน็ เอกลกั ษณอ์ ย่างหนงึ่ ของผา้ ซ่นิ ตนี จกในเมอื งน่าน มนุ่ มวย เรียกวา่ เกล้าแบบ “วิดวอ้ ง”
ไวก้ ลางศรษี ะมดั มวยด้วยสรอ้ ยเงิน เจาะหูใส่ “ลานหู” มลี กั ษณะเปน็ แผ่นใบลาน แผน่ เงนิ หรือ
ทองคำ� น�ำ มาม้วนแล้วใสเ่ ขา้ ไป และไมส่ วมรองเท้า
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้�าททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แม่หญงิ เมอื งน่าน
ภาพจิตรกรรมบนฝาผนงั วัดภมู ินทร์ อ�ำ เภอเมือง จงั หวดั น่าน
อา้ งอิงจาก Chiang Mai House of Photography
เปน็ ภาพของกลมุ่ หญงิ ในเมอื งนา่ น ทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความหลากหลายของผา้ ซนิ่ ทน่ี �ำ มาใช้
ทีม่ ีตั้งแต่ ซ่ินตนี จก ซิน่ ป้อง และซ่นิ ม่าน
วิทิ ยาลััยสงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิมิ พระเกียี รติฯิ | 1
แมห่ ญิงเมอื งน่าน
ภาพจิตรกรรมบนฝาผนงั วดั ภมู นิ ทร์ อ�ำ เภอเมือง จงั หวดั น่าน
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพขณะที่แมก่ �ำ ลงั สอนให้ลกู สาวทอผา้ แสดงใหเ้ ห็นถึงความสำ�คัญของผ้าทอเมืองนา่ น
ท่ถี ึงตอ้ งบันทึกลงในจติ รกรรม
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้า� ททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
แมห่ ญงิ เมืองนา่ น
ภาพจติ รกรรมบนฝาผนงั วดั ภมู นิ ทร์ อ�ำ เภอเมอื ง จังหวัดนา่ น
อ้างองิ จาก Chiang Mai House of Photography
ภาพนางยกั ษส์ องตนท่นี ่งุ ซ่ินม่าน ที่น่าจะมกี ารตกแตง่ ดว้ ยการทอดว้ ย “มัดกา่ น”
หรอื มัดหม่”ี
วิทิ ยาลัยั สงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิมิ พระเกีียรติิฯ | 1
1 | ศูนยย์กาารเรียนนรู้ผ้้า� ททอ : โรงเรียนนช่างงทอผ้านน่านน
วิทิ ยาลัยั สงฆ์น์ ครน่า่ น เฉลิมิ พระเกีียรติิฯ | 1