The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการฝึกงาน วิชา POL4324 การฝึกงานด้านการบริหารรัฐกิจ
กลุ่มวิชาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Teerasak Somsoam, 2020-11-10 22:15:37

รายงานการฝึกงาน

รายงานการฝึกงาน วิชา POL4324 การฝึกงานด้านการบริหารรัฐกิจ
กลุ่มวิชาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

Keywords: รายงานการฝึกงาน

รายงานการฝึกงาน
วิชา POL 4324 การฝกึ งานด้านการบรหิ ารรฐั กจิ

สถานที่ฝึกงาน เทศบาลนครแหลมฉบงั

จดั ทาโดย
นายธรี ศักดิ์ สมโสม
รหัสนกั ศึกษา 6006012022

เสนอ
รองศาสตราจารย์ ดร.วรชั ยา ศิรวิ ัฒน์

อาจารย์ ดร.ธรี ะพล เกรียงพนั ธุ์
อาจารย์ ดร.ศกลรตั น์ จริ รุง่ เรอื งวงศ์

ภาค 1 ปีการศกึ ษา 2563
กลุม่ วชิ าบรหิ ารรัฐกิจ คณะรฐั ศาสตร์

มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง

กติ ตกิ รรมประกาศ

การที่ข้าพเจ้าได้มาฝึกงาน ณ เทศบาลนครแหลมฉบัง งานทะเบียนราษฎรและบัตร ฝ่าย
ปกครอง สานกั ปลดั เทศบาล ตัง้ แตว่ ันท่ี 1 กนั ยายน พ.ศ.2563 ถงึ วนั ท่ี 31 ตลุ าคม พ.ศ.2563 ส่งผล
ให้ข้าพเจ้าได้รับความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ท่ีมีค่ามากมาย สาหรับการฝึกงานและการเขียน
รายงานการฝึกงานเล่มน้ีสาเร็จลงได้ดว้ ยดจี ากความร่วมมอื และสนับสนนุ จากหลายฝ่าย ข้าพเจ้าจงึ ขอ
โอกาสขอบคุณผทู้ ม่ี สี ว่ นเก่ียวขอ้ งดงั นี้

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.วรัชยา ศิริวัฒน์ อาจารย์ ดร.ธีระพล เกรียงพันธุ์
และอาจารย์ ดร.ศกลรัตน์ จิรรุ่งเรืองวงศ์ ท่ีเปิดวิชา POL 4324 การฝึกงานด้านการบริหารรฐั กิจ ให้
ข้าพเจ้าได้ลงทะเบียนเรียน และช่วยให้การแนะนาเก่ียวกับฝึกงานของข้าพเจ้าจนสาเร็จลงไปด้วยดี
ตามจดุ ประสงคข์ องการฝึกงาน

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง ท่ีเห็นความ
สาคัญของระบบการศกึ ษา และได้ใหโ้ อกาสทมี่ ีคุณคา่ ยงิ่ แก่ข้าพเจา้

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัว ที่เห็นคอยให้กาลังใจและสนับสนุน
ค่าใช้จ่ายตา่ ง ๆ ใหข้ า้ พเจ้าตลอดระยะเวลาการฝึกงาน

ข้าพเจ้าขอขอบคุณ นางสาวณัฐวลัญช์ อนนั ตเจริญกุล หัวหนา้ งานทะเบยี นราษฎรและบัตร
ทเี่ ป็นผู้ดูควบคุมการฝึกงานและสอนการปฏบิ ัติงานใหแ้ ก่ขา้ พเจา้

ข้าพเจ้าขอขอบคุณ พี่ ๆ เจ้าหน้าท่ีงานทะเบียนราษฎรและบัตรทุกท่าน ท่ีเสียสละเวลามา
สอนการปฏิบัติงาน คอยติชมและให้กาลังใจ ให้คาแนะนาต่าง ๆ เกี่ยวกับการฝึกงานร่วมถึงให้
คาแนะนาเก่ียวกบั การประกอบอาชีพ และช่วยเหลือขา้ พเจา้ ในการจัดทารายงานเล่มน้ี

ข้าพเจ้าใคร่ขอขอบพระคุณผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องและบคุ คลท่านอื่น ๆ ที่ไมไ่ ด้กล่าวนามทุกท่าน
ท่ีได้ให้คาแนะนาต่าง ๆ ในการฝึกงานและมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล เป็นที่ปรึกษาในการทารายงาน
เลม่ นี้จนเสร็จสมบูรณ์ ตลอดจนใหก้ ารดูแลและให้ความเข้าใจเกี่ยวกบั ชีวิตการทางานจริง ผลจากการ
ฝึกงานในคร้ังนี้ ข้าพเจ้าจะได้นาประโยชน์ท่ีได้จากการฝึกงานมาใช้ในชีวิตประจาวันและใช้ในการ
ประกอบอาชีพในอนาคตให้มากที่สุด

ข้าพเจา้ ขอขอบพระคณุ ไว้ ณ ท่นี ี้

นายธรี ศกั ดิ์ สมโสม
ผจู้ ัดทา

9 พฤศจิกายน 2563



คานา

รายงานการฝึกงานเล่มน้ีเป็นส่วนหนึ่งของวิชา POL 4324 การฝึกงานด้านการบริหารรัฐกิจ
ของนกั ศึกษากลมุ่ วิชาบริหารรัฐกิจ คณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั รามคาแหง ภาค 1 ปีการศึกษา 2563
เข้าฝึกงานที่เทศบาลนครแหลมฉบัง งานทะเบียนราษฎรและบัตร ฝ่ายปกครอง สานักปลัดเทศบาล
ต้ังแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2563 ถึง วันท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ.2563 การฝึกงานเป็นการเตรียมความ
พ ร้ อ ม ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ก่ อ น ท่ี จ ะ ส า เ ร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า เ พื่ อ ที่ จ ะ อ อ ก สู่ ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น จ ริ ง ห รื อ อ อ ก สู่
ตลาดแรงงาน การฝึกการทาให้เกิดการเรียนรู้หรือประสบการณ์นอกเหนือจากท่ีเรียนในหลกั สูตรวิชา
ฝกึ ให้รู้จักการนาวิชาความรทู้ ่ไี ด้เรยี นไปประยุกตใ์ ชก้ ับการปฏิบตั ิงานในหนว่ ยงานหรอื องค์การ ซง่ึ การ
ฝึกคร้ังน้ีทาให้ได้รับความรู้ในเรื่องของการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการมากข้ึน อีกท้ังเป็นการทา
ให้เกิดการเรียนรู้ถึงกระบวนการต่าง ๆ ของงานราชการ ตามกิจกรรมหรือการบันทึกการปฏิบัติงาน
ตามรายละเอียดในรายงานเล่มน้ี เป็นการมุ่งหวังให้ตัวนักศึกษาได้เรียนรู้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
การสร้างมนุษยสัมพันธ์ในหน่วยงานหรือองค์การ และการนาความรู้ท่ีได้เรียนไปใช้กับการปฏิบัติงาน
อันจะทาใหม้ คี วามรทู้ ่ีเพิ่มมากข้ึนและนาไปใช้อยา่ งเปน็ รูปธรรมในการปฏิบัติงานในหน่วยงานตอ่ ไป

ผจู้ ัดทาขอขอบพระคุณอาจารย์ประจาวิชา POL 4324 การฝึกงานด้านการบริหารรัฐกิจ ทุก
ท่าน ที่ได้กรุณาแนะนาวิธีการปฏิบัติงานและวิธีการทารายงานการฝึกงานให้แก่นักศึกษาที่ออกไป
ฝึกงาน และขอขอบคณุ เทศบาลนครแหลมฉบังท่ีได้เอ้ืออานวยสถานทใ่ี นการฝึกงานในคร้ังนี้ ตลอดจน
การสอนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่จะเป็นการเพ่ิมพูนความรู้ให้กับผู้ฝึกประสบการณ์ จนกระทั่งการ
ฝึกงานในคร้ังน้ีสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และผู้ฝึกประสบการณ์จะนาความรู้ท่ีได้นั้นไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่ารายงานการฝึกงานเล่มน้ีจะสามารถนาไปเป็นแนวทาง
ปฏบิ ัตงิ านจริงไดไ้ มม่ ากกน็ ้อย และหากผิดพลาดประการใดต้องขออภยั มา ณ ทน่ี ี้ดว้ ย

นายธีรศกั ด์ิ สมโสม
ผู้จดั ทา

9 พฤศจิกายน 2563



สารบญั

หน้า

กติ ตกิ รรมประกาศ ก

คานา ข

สารบญั ค

สารบญั ตาราง จ

สารบัญภาพประกอบ ฉ

บทท่ี 1 บทนำ 1

1.1 วัตถปุ ระสงค์ของกำรฝึกงำน 1

1.2 ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะได้รับ 1

1.3 สถำนท่ีฝกึ งำน 1

1.4 ช่วงเวลำในกำรฝึกงำน 2

1.5 ผ้คู วบคุมกำรฝกึ งำน 2

บทที่ 2 ขอ้ มลู ทว่ั ไปเทศบำลนครแหลมฉบงั 3

2.1 ประวัติควำมเปน็ มำ 3

2.1.1 กำรจดั ต้งั เทศบำลตำบลแหลมฉบงั 3

2.1.2 เหตผุ ลกำรจัดต้งั เทศบำลตำบลแหลมฉบงั 4

2.1.3 กำรควบคุมดูแล 4

2.1.4 หน้ำท่ีของเทศบำล 5

2.1.5 เปล่ียนแปลงฐำนะเทศบำลตำบลแหลมฉบงั เป็นเทศบำลนครแหลมฉบัง 6

2.2 ตรำสญั ลกั ษณ์ของเทศบำลนครแหลมฉบงั 6

2.3 คำขวญั เทศบำลนครแหลมฉบงั 7

2.4 วิสัยทศั น์เทศบำลนครแหลมฉบัง 7

2.5 จุดมุ่งหมำยเพอ่ื กำรพัฒนำ 7

2.6 ยุทธศำสตรแ์ ละแนวทำงพฒั นำ 8

2.7 โครงสร้ำงกำรบรหิ ำรงำน 11

2.8 อำนำจหน้ำท่ีของเทศบำลนครแหลมฉบัง 11

2.9 คณะผ้บู รหิ ำร 14

2.10 พืน้ ท่ีของเทศบำลนครแหลมฉบัง 16

2.11 ประชำกร 17

2.12 ส่วนรำชกำร 17

2.13 สภำพเศรษฐกจิ 21

2.14 หน้ำทีข่ องงำนทะเบียนรำษฎรและบตั ร ฝ่ำยปกครอง สำนักปลดั เทศบำล 21



สารบัญ (ตอ่ )

หนา้

บทท่ี 3 รำยละเอียดของกำรฝกึ งำน 25
3.1 หนว่ ยงำนทฝ่ี กึ งำน 25
3.2 ระยะเวลำกำรฝึกงำน 25
3.3 หนำ้ ท่ที ี่ไดร้ ับมอบหมำย 25
3.4 รำยละเอยี ดของงำนทีป่ ฏิบัติ 25
33
บทท่ี 4 กำรประยกุ ต์ใชค้ วำมรใู้ นงำนที่ปฏิบัติ แนวคิดและทฤษฎีทเ่ี ก่ียวข้อง 33
4.1 กำรประยุกต์ใชค้ วำมรู้ในงำนทปี่ ฏิบัติ 33
4.2 แนวคดิ และทฤษฎที ีเ่ ก่ียวขอ้ งกับสงิ่ ทสี่ งั เกตได้ในกำรฝึกงำน 34
4.2.1 ทฤษฎีระบบรำชกำร (Max Weber) 35
4.2.2 กำรจดั กำรแบบวิทยำศำสตร์ (Scientific Management) 37
4.2.3 ทฤษฎีกำรบรหิ ำร 40
4.2.4 กำรทดลองท่ีฮอรท์ อร์น (Hawthorne Experiment) 40
4.2.5 สมมตุ ิฐำนเก่ยี วกับธรรมชำติของมนษุ ย์ของ Douglas M. McGregor 41
4.2.6 ทฤษฎกี ำรจงู ใจ ของ Frederick Herzberg 42
4.2.7 ทฤษฎีลำดบั ขั้นควำมต้องกำร ของ Abraham H. Maslow 42
4.2.8 รูปแบบวฒั นธรรมองค์กำร ของ Gordon 43
4.2.9 ลักษณะวัฒนธรรมองค์กำรไทยของ นงลักษณ์ ศรีอัษฎำพร 43
4.3 สิ่งทสี่ งั เกตได้จำกกำรฝกึ งำนทม่ี ีควำมสอดคล้องกบั แนวคดิ และทฤษฎี 47
4.4 ปญั หำทีส่ ังเกตได้ในกำรฝึกงำนทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับแนวคิดและทฤษฎี 49
49
บทที่ 5 สรปุ ผลกำรฝกึ งำน 49
5.1 ระยะเวลำทัง้ หมดท่ฝี ึกงำน 53
5.2 สรปุ ผลกำรปฏิบัตงิ ำนประจำสัปดำห์ 54
5.3 สรุปผลกำรฝกึ งำน 54
5.4 สิ่งท่ีไดร้ ับจำกกำรฝกึ งำน 55
5.5 ขอ้ เสนอแนะ 87
88
ภำคผนวก
เอกสำรอ้ำงอิง
ประวัตผิ จู้ ดั ทำ



สารบัญตาราง หน้า

ตำรำงที่ 1 : รำยนำมนำยกเทศมนตรีเทศบำลนครแหลมฉบัง 14
ตำรำงท่ี 2 : แบบบันทกึ กำรปฏิบัติงำนประจำเดือนกนั ยำยน 29
ตำรำงท่ี 3 : แบบบนั ทึกกำรปฏิบตั งิ ำนประจำเดือนตลุ ำคม 31
ตำรำงที่ 4 : ปญั หำทส่ี งั เกตได้ในกำรฝกึ งำนท่เี กย่ี วข้องกับแนวคิดและทฤษฎี 47



สารบัญภาพประกอบ

หนา้

รูปภำพท่ี 1 : ตรำสัญลักษณ์ของเทศบำลนครแหลมฉบัง 6

รปู ภำพท่ี 2 : โครงสร้ำงกำรบริหำรงำนเทศบำลนครแหลมฉบงั 11

รปู ภำพท่ี 3 : สำนกั งำนเทศบำลนครแหลมฉบงั 13

รูปภำพที่ 4 : คณะผู้บรหิ ำรเทศบำลนครแหลมฉบัง 15

รูปภำพท่ี 5 : แผนท่ีแสดงพืน้ ท่รี ับผดิ ชอบและแบง่ เขตกำรเลือกต้ัง แบบท่ี 2

รปู ภำพท่ี 5 : ของเทศบำลนครแหลมฉบงั 16

รูปภำพที่ 6 : แผนท่ีสถำนทีต่ ั้งสำนกั งำนเทศบำลนครแหลมฉบัง 17

รูปภำพที่ 7 : อตั รำกำลงั พนักงำนเทศบำล 20

รูปภำพที่ 8 : ทำ่ เรอื แหลมฉบัง 21

รปู ภำพที่ 9 : ห้องงำนทะเบยี นรำษฎรและบตั รเทศบำลนครแหลมฉบงั 22

รปู ภำพที่ 10 : ประชำชนมำติดต่องำนทะเบยี นรำษฎรเทศบำลนครแหลมฉบัง 22

รูปภำพที่ 11 : ประชำชนมำทำบตั รประจำตัวประชำชนทห่ี ้องคนในเขตเทศบำลนครแหลมฉบงั 23

รปู ภำพที่ 12 : ห้องทำบตั รประจำตวั ประชำชนคนนอกเขตเทศบำลนครแหลมฉบัง 23

รปู ภำพที่ 13 : ประชำชนมำทำบัตรประจำตวั ประชำชนทหี่ ้องคนนอกเขตเทศบำลนครแหลมฉบัง 23

รูปภำพท่ี 14 : บุคลำกรงำนทะเบยี นรำษฎรและบตั ร ฝำ่ ยปกครอง สำนกั ปลัดเทศบำล 24

รปู ภำพท่ี 15 : จัดเรยี งทะเบยี นบำ้ น (ท.ร.14) เข้ำตูเ้ กบ็ เอกสำร 28

รูปภำพท่ี 16 : จดั เรียงแฟ้มเอกสำร ทำสนั แฟ้มและดชั นตี ดิ หนำ้ ตเู้ อกสำร 28

รปู ภำพท่ี 17 : ตรวจสอบเอกสำรเบอ้ื งต้นในกำรทำบตั รประจำตวั ประชำชน 28

รปู ภำพท่ี 18 : จดั เกบ็ ลำยนิ้วมือ พร้อมสง่ มอบบัตรประจำตวั ประชำชนเขยี นคำขอมีบัตร

รูปภำพท่ี 18 : มีบตั รใหม่ หรือเปล่ยี นบัตรประจำตวั ประชำชน (บ.ป.1) 29



บทท่ี 1
บทนำ

วิชา POL4324 การฝึกงานด้านการบริหารรัฐกจิ เป็นวิชาเลอื กของนักศกึ ษากลุม่ วิชาบริหาร
รัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง ตามหลักสูตรรัฐศาสตร์บัณฑิต เพ่ือเปิดโอกาสให้
นักศึกษาที่มีความสนใจและมีความประสงค์ที่จะฝึกงานมาลงทะเบียนเรียน เพ่ือนาความรู้ที่ได้ศึกษา
มาแล้วในรายวิชาตา่ ง ๆ ไปประยุกต์ใช้ในการฝกึ งาน และเพ่ือเป็นการฝึกประสบการณใ์ ห้กบั นักศกึ ษา
เมอื่ จบการศึกษาจะได้มคี วามพรอ้ มและเขา้ ใจสภาพแวดล้อมในการปฏบิ ัตงิ านจริง

1.1 วัตถุประสงคข์ องกำรฝกึ งำน

1. เพื่อศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมที่นอกเหนอื จากเน้ือหาในตาราวชิ าเรยี น
2. เพ่อื ใหม้ ีการประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ทไี่ ด้ศึกษามาใช้ในการฝกึ งาน
3. เพ่ือเก็บเก่ยี วประสบการณ์การทางานจากสถานที่จริงและนามาประยกุ ต์ใช้ในการ
3. ปฏิบตั งิ านจรงิ เมื่อจบการศึกษาแล้ว
4. เพอ่ื ฝกึ ประสบการณ์ในการเรียนรู้วธิ กี ารปฏิบัติงานและสามารถแก้ไขปัญหาทเ่ี กิดขึ้นใน
4. การปฏิบัติงาน

1.2 ประโยชน์ท่คี ำดวำ่ จะไดร้ บั

1. ไดศ้ กึ ษาความรเู้ พิม่ เติมจากการปฏบิ ตั ิงาน
2. สามารถนาความร้ทู ี่ไดจ้ ากการศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั ไปประยุกต์ใชใ้ นการปฏิบตั ิงาน
3. สามารถนาความรู้ที่ไดศ้ ึกษามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ทเ่ี กิดขึ้นในขณะการปฏบิ ตั ิงาน
4. ได้เรียนรถู้ ึงสภาพการทางาน สังคม และวัฒนาธรรมจากสถานท่ีจริง
5. มีความรับผดิ ชอบในหน้าที่ทไี่ ดร้ บั มอบหมายให้ปฏิบตั ิ

1.3 สถำนที่ฝกึ งำน

เทศบาลนครแหลมฉบงั เลขท่ี 99 หมู่ 10 ต.ท่งุ สขุ ลา อ.ศรรี าชา จ.ชลบรุ ี 20230

1.4 ช่วงเวลำในกำรฝกึ งำน

เรมิ่ ฝึกงานวนั ที่ 1 กนั ยายน พ.ศ.2563 ถงึ วนั ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2563

1.5 ผ้คู วบคมุ กำรฝึกงำน

นางสาวณัฐวลัญช์ อนันตเจริญกลุ
ตาแหน่ง นกั จดั การงานทะเบียนและบัตรชานาญการ หัวหน้างานทะเบยี นราษฎรและบัตร

2

บทที่ 2

ขอ้ มลู ทัว่ ไปเทศบำลนครแหลมฉบงั

2.1 ประวัตคิ วำมเป็นมำ

การพัฒนาพื้นท่ีแหลมฉบัง เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตั้งแต่ปีพ.ศ.2524 ตามแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 (พ.ศ.2525-2529) และฉบับที่ 6 (2530-2534) ซ่ึงได้กาหนด
พื้นที่แหลมฉบังเป็นพ้ืนท่ีเป้าหมายในการพัฒนาดาเนินการก่อ สร้างและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่
เพื่อพัฒนาเป็นชุมชนเมืองใหม่ด้วยการก่อสร้างและพัฒนาระบบโครงสร้างพ้ืนฐาน ระบบ
สาธารณูปโภคและสาธารณูปการให้สามารถรองรับการขยายตัวของชมุ ชนที่เป็นผล มาจากการพัฒนา
ทางด้านอุตสาหกรรมโดยดาเนินการก่อสร้างท่าเรือน้าลึกระหว่างประเทศ นิคมอุตสาหกรรมเพ่ือการ
ส่งออก ก่อสร้างทางรถไฟสายท่าเรือแหลมฉบังเพ่ือเช่ือมต่อกับทางรถไฟ สายกรุงเทพฯ-สัตหีบ และ
ก่อสร้างอาคารเคหะชุมชนแหลมฉบังเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ในพื้นท่ีบริเวณชายฝ่ัง ทะเลตะวันออก
และมีการตั้งองค์การขึ้นมารับผิดชอบทาหน้าท่ีพัฒนาหรือสร้างชุมชนเมืองและบริการสาธารณะใน
เมือง ซงึ่ ดาเนินการในลกั ษณะของหนว่ ยการปกครองท้องถิน่ คือเทศบาล

2.1.1 กำรจัดตัง้ เทศบำลตำบลแหลมฉบัง

วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการ
พัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ได้มีคาสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารการ
พัฒนาชุมชน สังคมและส่ิงแวดล้อมในพ้ืนที่บริเวณชายฝ่ังทะเลตะวันออก (อบพ.) โดยมี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานและอธิบดีกรมการปกครองเป็นอนุกรรมการและ
เลขานุการมีอานาจหน้าที่ในการเสนอนโยบายและแผนงาน แผนการเงินและมาตรการต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองท้ังทางด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อมในพื้นที่บริเวณ
ชายฝ่ังทะเลตะวันออก ตลอดจนประสานการบริการกากับดูแลติดตามประเมินผลการปฏิบตั ิงานของ
หน่วยงานที่ รับผิดชอบโครงการพัฒนาในเขตพ้ืนท่ีแหลมฉบัง และมาบตาพุดให้เป็นไปตามนโยบาย
ของคณะกรรมการพฒั นาพ้ืนทบ่ี รเิ วณชายฝงั่ ทะเลตะวันออก (กพอ.)

- วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2533 คณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาชุมชนสังคมและ
สิ่งแวดล้อมในพ้ืนที่บริเวณชายฝ่ังทะเลตะวันออก (อบพ.) ได้มีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้งเทศบาล
ตาบลแหลมฉบังพร้อมก่อสร้างศูนย์ราชการฯ เพื่อให้สามารถเปิดบริการประชาชนได้ภายในเดือน
มกราคม พ.ศ.2535

- วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2534 คณะรัฐมนตรีมมี ติเหน็ ชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจดั ต้ังเทศบาล
ตาบลแหลมฉบัง อาเภอศรรี าชาและอาเภอบางละมุง จงั หวัดชลบรุ ี พ.ศ.2534

- วันท่ี 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2534 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราช
กฤษฎกี าจดั ต้ังเทศบาลตาบลแหลมฉบงั อาเภอศรรี าชาและอาเภอบางละมุง จงั หวดั ชลบรุ ี พ.ศ.2534

- วันท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ.2534 พระราชกฤษฎีกาจัดต้ังเทศบาลตาบลแหลมฉบัง ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 108 ตอนท่ี 211 และให้มีผลบังคับใช้เม่ือพ้นกาหนดสามสิบวันนับแต่วัน
ประการในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป

- วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2535 เทศบาลตาบลแหลมฉบงั มีผลบังคับใช้ครบกาหนดสามสิบวัน
นับแต่วันท่ีประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ตามท่ีพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังเทศบาลตาบลแหลมฉบัง
อาเภอศรรี าชาและอาเภอบางละมุง จังหวัดชลบรุ ี พ.ศ.2534

2.1.2 เหตผุ ลกำรจดั ตง้ั เทศบำลตำบลแหลมฉบัง

จากบนั ทึกหลักการและเหตุผล ประกอบร่างพระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั เทศบาลตาบลแหลมฉบัง
อาเภอศรีราชาและอาเภอบางละมุง จงั หวัดชลบุรี พ.ศ.2534 ให้เหตุผลวา่ "เน่ืองจากพื้นทีใ่ นตาบลทุ่ง
สุขลาและพื้นที่บางส่วนของตาบลสุรศักด์ิ ตาบลหนองขาม ตาบลบึง อาเภอศรีราชา และอาเภอบาง
ละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นพ้ืนที่ที่เป็นที่ต้ังของท่าเรือน้าลึกอันเป็นท่าเรือพาณิชย์หลักของประเทศ
ตลอดจนเป็นเขตพัฒนาอุตสาหกรรมและศูนย์พาณิชยกรรมเพื่อการส่งออกตามโครงการพัฒนาพื้นท่ี
บรเิ วณชายฝั่งทะเลตะวนั ออกตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ สมควรจัดต้งั ทอ้ งถนิ่ ในเขต
พื้นท่ีดังกล่าวเป็นเทศบาลตาบลแหลมฉบัง อาเภอศรีราชาและอาเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพ่ือให้
เปน็ องค์กรการปกครองท้องถิ่นทาหนา้ ทีค่ วบคมุ และบังคับใชแ้ ผนพฒั นาเมือง ตลอดจนเปน็ หน่วยงาน
ท่ีจะให้บริการสังคมแก่ชุมชนและการดาเนินกิจการของอุตสาหกรรมต่าง ๆ กับให้ประชาชนได้
ปกครองดูแลและทานบุ ารงุ ทอ้ งถ่นิ ของตนตามระบบเทศบาล

2.1.3 กำรควบคุมดูแล

ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังเทศบาลตาบลแหลมฉบัง อาเภอศรีราชาและ
อาเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2534 กาหนดให้เทศบาลตาบลแหลมฉบังอยู่ในความดูแลของ
กระทรวงมหาดไทย ซ่ึงทาให้บรรดาอานาจหน้าท่ีของนายอาเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดอันเก่ียวกับ
เทศบาลดังกล่าว เป็นอานาจหน้าท่ีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้ท่ีรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทยมอบหมาย

กระทรวงมหาดไทยมีคาสั่ง 958/2534 ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ .ศ.2534 โดย
กระทรวงมหาดไทยมอบหมายการควบคุมดูแลดังกล่าวข้างต้นให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเป็นผู้
ควบคมุ ดแู ลแทนตามมาตรา 76 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496

4

2.1.4 หนำ้ ที่ของเทศบำล

เทศบาลตาบลแหลมฉบัง มีหน้าที่ท่ีจะต้องปฏิบัติ ถือเป็นหน้าที่บังคับตามมาตรา 50
พระราชบัญญตั ิเทศบาล พ.ศ.2496 ดงั น้ี

1. รกั ษาความสงบเรยี บร้อยของประชาชน
2. ให้มแี ละบารุงทางบกและทางน้า
3. รกั ษาความสะอาดของถนน หรือทางเดนิ และทีส่ าธารณะ รวมทงั้ การกาจดั ขยะมูลฝอย
3. และสง่ิ ปฏกิ ลู
4. ปอ้ งกันและระงับโรคติดต่อ
5. ใหม้ ีเคร่ืองใชใ้ นการดับเพลิง
6. ให้ราษฎรไดร้ บั การศึกษาอบรม
7. สง่ เสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผสู้ งู อายุ และผู้พิการ
8. บารงุ ศลิ ปะ จารตี ประเพณี ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ และวัฒนธรรมอันดีของท้องถ่นิ
9. หนา้ ท่ีอ่นื ตามที่กฎหมายบัญญตั ใิ ห้เปน็ หนา้ ท่ีของเทศบาล

ต่อมาได้มีคาสัง่ กระทรวงมหาดไทย ที่ 236/2535 ลงวนั ท่ี 27 มนี าคม พ.ศ.2535 กาหนดให้
เทศบาลตาบลแหลมฉบงั มหี นา้ ทเี่ พิ่มเติมดังน้ี

1. ส่งเสรมิ รักษาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ
2. การจดั การเก่ยี วกับท่ีอยอู่ าศยั และปรับปรุงแหล่งเส่ือมโทรม
3. ควบคมุ ความปลอดภัย ความสะอาดเป็นระเบยี บเรียบร้อยและอนามยั ของโรงมหรสพ
3. ร้านอาหารสถานบรกิ ารและสถานที่สาธารณะตา่ ง ๆ
4. จัดใหม้ แี ละบารงุ สถานที่พักผ่อนหยอ่ นใจ
5. ส่งเสรมิ การสงั คมสงเคราะห์
6. ส่งเสรมิ การกฬี า

นอกจากนี้ เทศบาลตาบลแหลมฉบงั ยงั อาจทากิจการบางกจิ กรรมที่กาหนดไว้ใน มาตรา 51
แหง่ พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 ได้อีก คือ

1. จดั ให้มีน้าสะอาดหรอื น้าประปา
2. จดั ให้มีโรงฆ่าสัตว์
3. จดั ให้มตี ลาด ท่าเทียบเรือและท่าข้าม
4. จัดใหม้ ีสสุ านและฌาปนสถาน
5. บารุงและสง่ เสรมิ การทามาหากินของราษฎร
6. จัดใหม้ แี ละบารงุ สถานท่ที าการพิทักษร์ ักษาคนไข้
7. จัดให้มแี ละบารงุ รักษาการไฟฟา้ หรือแสงสว่าง

5

8. จัดใหม้ ีและบารงุ รักษาการระบายนา้
9. ประกอบการเทศพาณชิ ย์
2.1.5 เปลี่ยนแปลงฐำนะเทศบำลตำบลแหลมฉบงั เปน็ เทศบำลนครแหลมฉบัง
เม่ือวันท่ี 24 พฤษภาคม พ.ศ.2553 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเปล่ียนแปลงฐานะ
เทศบาลตาบลแหลมฉบัง อาเภอศรีราชาและอาเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นเทศบาลนครแหลม
ฉบัง โดยให้เหตุผลว่า เทศบาลมีราษฎรต้ังแต่ห้าหมื่นคนข้ึนไป ทั้งมีรายได้พอควรแก่การท่ีจะปฏิบัติ
หน้าทอ่ี ันต้องทาตามท่ไี ดก้ าหนดไวใ้ นพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496

2.2 ตรำสัญลักษณข์ องเทศบำลนครแหลมฉบัง

รูปภาพท่ี 1 : ตราสัญลักษณ์ของเทศบาลนครแหลมฉบงั

เรอื หมายถึง เปน็ เมอื งทา่ เรือพาณิชยร์ ะหว่างประเทศ
ปลอ่ งไฟ หมายถงึ เป็นเมืองอุตสาหกรรม
ภูเขำ หมายถึง ท่ตี งั้ ของเทศบาล
ดวงอำทติ ย์ หมายถงึ ความรงุ่ โรจน์

6

2.3 คำขวัญเทศบำลนครแหลมฉบัง

แหลมฉบัง ถิน่ โรงงาน ย่านทา่ เรอื มากเหลอื โรงกลัน่

2.4 วสิ ัยทัศนเ์ ทศบำลนครแหลมฉบัง

อุตสาหกรรมไรม้ ลพษิ เศรษฐกจิ ร่งุ เร่ือง เมอื งน่าอยู่ คู่คุณธรรม

2.5 จดุ มงุ่ หมำยเพือ่ กำรพฒั นำ

1. เพ่อื พัฒนาเสน้ ทางคมนาคม เครือ่ งหมายจราจร สะพาน ระบบระบายน้า ขยายพน้ื ทีก่ าร
1. ใหบ้ รกิ ารดา้ นประปา ติดต้ังและขยายเขตไฟฟา้ สาธารณะใหเ้ พียงพอต่อความต้องการของ
1. ประชาชน
2. เพอ่ื พฒั นาบา้ นเมืองให้สะอาดสวยงาม คุณภาพชวี ิตของประชาชนในเขตเทศบาลฯ มี
2. ความเปน็ อยดู่ ีขึน้
3. เพอ่ื พัฒนาการใชท้ รัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งค้มุ คา่ และรักษาส่งิ แวดลอ้ ม
4. เพอื่ ปรับภมู ิทัศน์เมืองให้สวยงาม
5. เพอ่ื ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ให้ประชาชนมอี าชีพและรายไดเ้ พียงพอต่อการดารงชวี ิต
6. เพอ่ื บรกิ ารด้านการศกึ ษา กีฬาและเทคโนโลยีให้มีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการ
6. ของประชาชน
7. เพื่อการอนรุ ักษเ์ ผยแพรแ่ ละปลูกฝงั ศลิ ปวฒั นธรรม ศาสนา และภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น
8. เพ่ือเพิ่มประสทิ ธิภาพการดูแลผดู้ ้อยโอกาส เดก็ เยาวชน สตรี ผสู้ งู อายุ ผูพ้ กิ าร และผูป้ ว่ ย
8. เอดส์
9. เพื่อสรา้ งความเขม้ แข็งใหช้ ุมชน
10. เพอื่ ยกระดบั คุณภาพชวี ิตของประชาชนในท้องถ่ิน
11. เพ่ือให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรว่ มในกิจกรรมตา่ งๆ และตรวจสอบในการบรหิ ารท้องถ่ิน
12. เพอ่ื พฒั นาบคุ ลากรของท้องถน่ิ อย่างต่อเน่ือง และมีรูปแบบการบริหารจดั การท่ีมี
12. ประสทิ ธภิ าพ
13. เพื่อเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารจดั การที่ดี
14. เพือ่ เสริมสร้างความปลอดภัยในชวี ติ และทรัพยส์ นิ ของประชาชน

7

2.6 ยทุ ธศำสตร์และแนวทำงพัฒนำ

1. ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาด้านโครงสรา้ งพน้ื ฐานและสาธารณูปโภค

1.1 ก่อสรา้ งปรบั ปรุง บารุงรักษาถนน สะพาน ทางเดินเท้า ทอ่ ระบายน้า ท่าเทียบ
1.1 เรือ ฯลฯ
1.2 ติดตงั้ ขยายไฟฟา้ สาธารณะ
1.3 ขยายเขตวางท่อประปา
1.4 พฒั นาระบบจราจร

2. ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาด้านการจัดการสง่ิ แวดล้อมและการจดั การชายฝ่งั แบบบรู ณาการ

2.1 การบริหารจัดการและพัฒนาศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพ
2.1 สิ่งแวดล้อม โดยการมสี ่วนรว่ มและบูรณาการในทุกระดับ
2.2 เพ่ิมประสทิ ธิภาพการจดั การมูลฝอย และสิง่ ปฏิกลู อยา่ งครบวงจร ตลอดจนการ
2.2 ลดมลภาวะ การจดั การของเสียทเ่ี กดิ ขนึ้ บนบกและในทะเล โดยสง่ เสริมการมี
2.2 สว่ นรว่ มของภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคประชาชนและสามารถนาผลพลอยได้จาก
2.2 การดาเนินงานมาใช้ประโยชน์
2.3 เพ่มิ ประสิทธภิ าพในการบริหารจดั การ การป้องกนั และควบคุมมลพิษจากขยะ
2.3 นา้ เสยี ฝุน่ ละออง ก๊าซ และเสียง ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
2.4 การอนุรักษ์ การปกปอ้ ง ฟ้นื ฟู และจดั การความหลากหลายทางชีวภาพ ที่อยู่
2.4 อาศัยของสตั ว์ รวมถงึ การจดั การทรัพยากรนา้ และทรัพยากรธรรมชาติ ให้
2.4 เปน็ ไปอยา่ งสมดุล และสอดคล้องกบั แนวทางการพัฒนาที่ย่งั ยืน โดยเนน้ การมี
2.4 สว่ นรว่ มของทกุ ภาคสว่ น
2.5 นาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกตใ์ ชใ้ นการปฏิบตั ิงานดา้ นการบริหาร
2.5 จัดการ และการควบคมุ คุณภาพสง่ิ แวดล้อม รวมทงั้ เพิ่มความสะดวก รวดเร็วใน
2.5 การบริการประชาชน
2.6 ป้องกันผลกระทบต่อสิง่ แวดล้อมจากการประกอบการฆ่าสตั ว์
2.7 จัดระบบการประมง สรา้ งความม่ันคงดา้ นอาหาร และส่งเสรมิ การดารงชีวติ ของ
2.7 ประชากร
2.8 การปอ้ งกนั และจดั การอันตรายทีเ่ กิดข้ึนจากธรรมชาติและมนษุ ยส์ รา้ งขนึ้
2.9 ปรบั ปรงุ ภมู ิทัศนโ์ ดยรอบเขตเทศบาลฯ

3. ยุทธศาสตร์การพฒั นาด้านเศรษฐกจิ

3.1 ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การสร้างอาชีพและเพ่ิมรายไดใ้ ห้แก่ประชาชน
3.2 จัดตง้ั ศนู ยแ์ สดงสินค้า รา้ นค้าชุมชน

8

3.3 อานวยความสะดวกนักลงทนุ ที่จะมาลงทุนในเขตเทศบาลฯ โดยมอบ
3.3 ปจั จัยพ้ืนฐานในการพฒั นาใหก้ บั นกั ลงทนุ
3.4 พัฒนาสง่ เสริมคุณภาพและสุขาภบิ าลของอาหารและสถานประกอบการของ
3.4 ผ้ปู ระกอบการรา้ นอาหารและแผงลอยให้ถกู สุขลกั ษณะ สะอาด และปลอดภัย
3.5 จัดต้ังศูนย์ข้อมูลเพ่ือการพฒั นาเศรษฐกจิ

4. ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาด้านสงั คม

4.1 ส่งเสริมการศึกษา บคุ ลากร และกระบวนการเรยี นการสอนทุกรูปแบบ ทัง้ ใน
4.1 และนอกระบบที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญ ตลอดจนสนับสนนุ การเรยี นรูต้ ลอดชีวติ
4.1 ทส่ี อดคล้องกบั วิถชี วี ติ ในทอ้ งถิน่ กบั วถิ ีชีวติ ในท้องถิน่
4.2 สรา้ งสภาพแวดล้อมแหล่งเรียนรกู้ ารศึกษาวจิ ัยและนวัตกรรมใหม่ที่เอ้ือต่อการ
4.2 เรยี นรู้แบบบูรณาการทงั้ ในและนอกระบบ โดยสง่ เสริมนสิ ัยรกั การอ่านตง้ั แต่
4.2 เดก็ จนตลอดชีวิต และสร้างแหลง่ บริการองค์ความรู้อย่างสอดคล้องกบั
4.2 ลกั ษณะเฉพาะของเทศบาลฯ รวมทัง้ กิจกรรมทางด้านสงั คม ศาสนา วฒั นธรรม
4.2 และการกีฬา

4.2.1 พัฒนาแหลง่ เรียนรู้ เพื่อสง่ เสริมคุณภาพการศึกษา
4.2.2 จัดทาเอกสารทางวชิ าการเพ่ือส่งเสริมการจดั การเรยี นรู้และ
4.2.2 ประเมนิ ผลการจดั การศึกษา
4.2.3 ส่งเสรมิ การกีฬา และนันทนาการแก่ประชาชน เยาวชน ในท้องถิน่
4.3 จัดกิจกรรมเสริมสร้างเด็กเพื่อให้เกดิ กระบวนการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต โดยการ
4.3 พัฒนาให้มีความรคู้ ่คู ุณธรรมและจรยิ ธรรมตัง้ แต่เดก็ แรกเกิดและ ใหค้ วาม
4.3 สาคญั แก่การสรา้ งสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมครอบครัวอบอ่นุ ปลกู ฝงั ความรูใ้ ห้
4.3 ทันตอ่ การเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกจิ สังคมและเทคโนโลยี
4.4 เพม่ิ ประสิทธิภาพในการให้ความชว่ ยเหลือด้านสังคมสงเคราะหแ์ ละจดั การด้าน
4.4 สวสั ดกิ ารให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของผูด้ ้อยโอกาส เดก็ เยาวชน สตรี
4.4 ผ้สู งู อายุ คนพิการ และผู้ป่วยเอดส์
4.5 สง่ เสริมการสรา้ งชุมชนเข้มแขง็ ครอบครัวอบอุ่นมคี วามเออ้ื อาทรในชมุ ชนเพ่ือ
4.5 ปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติด
4.6 สง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้เยาวชนและประชาชนมีความรู้ดา้ นเทคโนโลยีและ
4.6 สารสนเทศ

5. ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาด้านสาธารณสุข

5.1 พฒั นาระบบบริการและการประกันสุขภาพใหม้ ีคุณภาพทวั่ ถึงและเป็นธรรม

9

5.2 เสรมิ สร้างการมีสว่ นรว่ มในการสรา้ งสุขภาพและการพัฒนาระบบบรกิ ารสุขภาพ
5.3 ในชมุ ชน
5.3 เสริมสรา้ งศกั ยภาพ ดูแล และสนบั สนุนการมีสว่ นร่วมของเครือขา่ ยคุ้มครอง
5.3 ผ้บู รโิ ภค
5.4 พัฒนาระบบบริการดา้ นสาธารณสขุ โดยมุง่ เนน้ ผลสัมฤทธ์ิใหม้ ีคุณภาพได้
5.4 มาตรฐาน
5.5 สง่ เสริมสขุ ภาพและควบคมุ ปอ้ งกันโรค โดยการมสี ่วนร่วมของทุกภาคสว่ น
6. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเมืองการบรหิ าร
6.1 สนับสนุนกลมุ่ ตา่ ง ๆ ในชมุ ชนให้เขา้ มามีส่วนร่วมในการดาเนินกิจกรรมตา่ งๆ
6.1 เพื่อกระตนุ้ ประชาชนให้มสี ว่ นร่วมในการพัฒนา
6.2 พัฒนาจดั ต้ังและสนับสนนุ ให้มีทีท่ าการชุมชนหรอื ศาลาเอนกประสงค์
6.3 พฒั นาปรับปรุงระบบการบริหาร การบริการ และขอ้ มูลสารสนเทศ เพมิ่
6.3 ประสิทธิภาพสถานที่การให้บริการ
6.4 พฒั นาและเพ่ิมประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานและ พนักงานจ้าง
6.5 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มสี ถานท่ีอปุ กรณ์ เครื่องมอื เครือ่ งใช้ทท่ี ันสมยั
6.5 เหมาะสมและเพยี งพอต่อการปฏิบตั ิงาน
6.6 สรา้ งและพฒั นาเครอื ข่ายการดแู ลและป้องกนั อุบัตภิ ัยและความปลอดภัยใน
6.6 ชวี ิตและทรพั ย์สิน
6.7 เผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธ์ข้อมลู ข่าวสารและการปฏบิ ตั ิงานของทางราชการอย่าง
6.7 ตอ่ เน่อื ง
6.8 เสริมสรา้ งจิตสานึกและความตระหนักในระบอบประชาธปิ ไตย
6.9 เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการจัดเกบ็ รายได้ของเทศบาลฯ
6.10 ประเมนิ ประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล และความพงึ พอใจของประชาชนต่อการ
6.10 ดาเนินงานของเทศบาลฯ
6.11 สง่ เสริมความรู้ กฎระเบียบ กฎหมายแก่ประชาชน รวมทงั้ รวบรวมข้อมูล
6.11 ตา่ ง ๆ เพ่ือเปน็ แหลง่ ค้นคว้าเสรมิ สรา้ งความรู้สูป่ ระชาชน

10

2.7 โครงสรำ้ งกำรบริหำรงำน

รูปภาพที่ 2 : โครงสรา้ งการบริหารงานเทศบาลนครแหลมฉบัง

2.8 อำนำจหน้ำท่ขี องเทศบำลนครแหลมฉบัง

อานาจหน้าทขี่ อง เทศบาลนคร ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มดี งั น้ี
1. รกั ษาความสงบเรยี บร้อยของประชาชน
2. ให้มีและบารุงทางบกและทางน้า
3. รักษาความสะอาดของถนนหรอื ทางเดนิ และที่สาธารณะ รวมทัง้ การจัดการกาจดั มูลฝอย
3. และสิง่ ปฏิกูล
4. ปอ้ งกนั และระงับโรคตดิ ต่อ
5. ให้มเี ครื่องใช้ในการดับเพลิง
6. ให้ราษฎรไดร้ ับการศึกษาอบรม
7. ส่งเสรมิ การพฒั นาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สงู อายุ และผูพ้ ิการ
8. บารุงศลิ ปะ จารีตประเพณี ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ และวัฒนธรรมอนั ดีของท้องถ่ิน
9. ให้มีน้าสะอาดหรือการประปา
10. ให้มโี รงฆา่ สัตว์
11. ให้มแี ละบารุงสถานที่ทาการพทิ ักษ์และรักษาคนเจบ็ ไข้
12. ใหม้ แี ละบารุงทางระบายน้า
13. ให้มีและบารุงสว้ มสาธารณะ
14. ใหม้ แี ละบารุงการไฟฟ้าหรอื แสงสว่างโดยวธิ อี ื่น

11

15. ใหม้ กี ารดาเนนิ กจิ การโรงรบั จานาหรอื สถานสนิ เชอ่ื ทอ้ งถนิ่
16. ใหม้ แี ละบารุงการสงเคราะห์มารดา และเด็ก
17. กจิ การอย่างอื่นซึ่งจาเป็นเพอื่ การสาธารณสุข
18. การควบคมุ สุขลกั ษณะและอนามัยในรา้ นจาหนา่ ยอาหาร โรงมหรสพและสถาน
18. บริการอืน่
19. จัดการเก่ยี วกับที่อยู่อาศยั และการปรบั ปรุงแหล่งเส่ือมโทรม
20. จดั ใหม้ แี ละควบคุมตลาด ทา่ เทยี บเรือ ท่าข้ามและทจ่ี อดรถ
21. การวางผังเมืองและการควบคุมการก่อสร้าง
22. การสง่ เสริมกิจการการท่องเท่ียว
23. หน้าทอี่ ื่นตามท่ีกฎหมายบัญญตั ใิ หเ้ ปน็ หน้าท่ีของเทศบาล

อานาจหน้าที่ของ เทศบาลนคร ตามพระราชบัญญัติกาหนดแผนและขั้นตอนการกระจาย
อานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พ.ศ.2542 ให้เทศบาล เมืองพัทยา และองค์การบริหารส่วน
ตาบลมดี ังนี้

1. การจัดทาแผนพัฒนาทอ้ งถิ่นของตนเอง
2. การจดั ให้มีและบารุงรักษาทางบก ทางนา้ และทางระบายนา้
3. การจดั ให้มีและควบคมุ ตลาด ท่าเทยี บเรือ ทา่ ข้าม และทจ่ี อดรถ
4. การสาธารณูปโภคและการก่อสร้างอนื่ ๆ
5. การสาธารณูปการ
6. การสง่ เสรมิ การฝึก และประกอบอาชีพ
7. การพาณชิ ย์ และการส่งเสรมิ การลงทุน
8. การสง่ เสรมิ การท่องเท่ียว
9. การจัดการศึกษา
10. การสังคมสงเคราะห์ และการพฒั นาคุณภาพชวี ติ เด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส
11. การบารุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิน่
12. การปรบั ปรงุ แหลง่ ชมุ ชนแออัดและการจัดการเกี่ยวกบั ทีอ่ ยู่อาศยั
13. การจดั ใหม้ แี ละบารงุ รักษาสถานที่พักผอ่ นหย่อนใจ
14. การสง่ เสริมกีฬา
15. การสง่ เสริมประชาธปิ ไตย ความเสมอภาค และสทิ ธิเสรภี าพของประชาชน
16. ส่งเสริมการมสี ่วนรว่ มของราษฎรในการพฒั นาท้องถน่ิ
17. การรักษาความสะอาดและความเปน็ ระเบียบเรียบร้อยของบา้ นเมอื ง
18. การกาจัดมลู ฝอย สงิ่ ปฏกิ ูล และนา้ เสยี
19. การสาธารณสขุ การอนามัยครอบครัว และการรักษาพยาบาล

12

20. การจัดใหม้ แี ละควบคุมสุสานและฌาปนสถาน
21. การควบคุมการเล้ียงสัตว์
22. การจัดใหม้ ีและควบคุมการฆา่ สัตว์
23. การรักษาความปลอดภยั ความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย และการอนามยั โรงมหรสพ และ
23. การสาธารณสถาน อืน่ ๆ
24. การจดั การ การบารงุ รักษา และการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ ทดี่ ินทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ
24. ส่งิ แวดล้อม
25. การผงั เมอื ง
26. การขนส่งและการวศิ วกรรมจราจร
27. การดแู ลรกั ษาที่สาธารณะ
28. การควบคุมอาคาร
29. การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย
30. การรักษาความสงบเรียบรอ้ ย การสง่ เสริมและสนบั สนนุ การปอ้ งกันและรักษาความ
30. ปลอดภัยในชวี ติ และ ทรัพยส์ นิ
31. กจิ การอ่ืนใดทเ่ี ปน็ ผลประโยชนข์ องประชาชนในท้องถน่ิ ตามท่คี ณะกรรมการประกาศ
31. กาหนด

รูปภาพท่ี 3 : สานักงานเทศบาลนครแหลมฉบงั

13

2.9 คณะผบู้ รหิ ำร

ตารางที่ 1 : รายนามนายกเทศมนตรเี ทศบาลนครแหลมฉบัง

รำยนำมนำยกเทศมนตรเี ทศบำลนครแหลมฉบงั

ลำดบั รำยนำม วำระกำรดำรงตำแหนง่ หมำยเหตุ

1 นายบุญเลิศ นอ้ มศิลป์ 3 ม.ค. 2535 - 13 พ.ค. 2553 นายกเทศมนตรตี าบล
แหลมฉบงั

ปลดั เทศบาล ปฏิบตั ิ

รักษาการ นายชมุ พจน์ มีวฒุ ิสม 14 พ.ค. 2553 - 23 พ.ค.2553 หนา้ ที่นายกเทศมนตรี
ตาบลแหลมฉบัง

(เนอื่ งจากหมดวาระ)

ปลัดเทศบาล ปฏิบตั ิ

หน้าที่นายกเทศมนตรี

รกั ษาการ นายชุมพจน์ มวี ฒุ สิ ม 24 พ.ค. 2553 - 30 ก.ย. 2553 นครแหลมฉบัง

(เนอ่ื งจากยกฐานะเปน็

เทศบาลนคร)

รองปลดั เทศบาล รกั ษา

ราชการแทน

ปลดั เทศบาล ปฏบิ ตั ิ

รกั ษาการ นายภษู ติ แจม่ ศรี 1 ต.ค. 2553 - 8 ธ.ค. 2553 หน้าท่ีนายกเทศมนตรี

นครแหลมฉบงั

(เนื่องจากปลดั เทศบาล

เกษียณอายุราชการ)

ปลัดเทศบาล ปฏบิ ัติ

2 นายภษู ติ แจ่มศรี 9 ธ.ค. 2553 - 13 พ.ย. 2557 หน้าทนี่ ายกเทศมนตรี
นครแหลมฉบงั (ตาม

คาสงั่ คสช.)

3 นางจินดา ถนอมรอด 14 พ.ย. 2557 - 9 ก.พ, 2558 นายกเทศมนตรีนคร
แหลมฉบัง

นายกเทศมนตรนี คร

3 นางจินดา ถนอมรอด 10 ก.พ. 2558 - ปจั จบุ นั แหลมฉบงั (ตามคาส่ัง

จังหวัดชลบุรี)

14

นางจินดา ถนอมรอด
นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง

นางสาวน้าทพิ ย์ สิงหต์ าก้อง
ปลดั เทศบาลนครแหลมฉบงั

นายสนั ติ ศริ ิตันหยง นายธานี เกยี รตพิ ิพฒั นกลุ
รองนายกเทศมนตรนี ครแหลมฉบัง รองนายกเทศมนตรนี ครแหลมฉบงั

นายสขุ มุ อินแดง นายสายชล เชาวไ์ ทย
รองนายกเทศมนตรนี ครแหลมฉบัง รองนายกเทศมนตรนี ครแหลมฉบัง

รูปภาพท่ี 4 : คณะผู้บริหารเทศบาลนครแหลมฉบัง

15

2.10 พื้นท่ีของเทศบำลนครแหลมฉบัง

เทศบาลนครแหลมฉบังมีพน้ื ที่รับผดิ ชอบทั้งหมด 109.65 ตารางกิโลเมตร แยกเปน็
1. พ้นื ทีบ่ างส่วนของสุขาภิบาลอา่ วอุดม (เดมิ ) อาเภอศรรี าชา จงั หวดั ชลบุรี มีพ้ืนที่จานวน
1. 72.56 ตารางกิโลเมตร หรือ 45,350 ไร่
2. พนื้ ที่บางส่วนของสขุ าภิบาลบางละมุง (เดิม) อาเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีพนื้ ท่ีจานวน
2. 16.03 ตารางกิโลเมตร หรือ 10,018.75 ไร่
3. พ้ืนนา้ (ทะเล) มีพน้ื ท่ีจานวน 21.06 ตารางกิโลเมตร ทางดา้ นตะวันตกของเขตเทศบาล

โดยเทศบาลนครแหลมฉบังมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

ทศิ เหนือ ติดตอ่ กับตาบลสรุ ศักด์ิ อาเภอศรีราชา
ทศิ ใต้ ติดตอ่ กับตาบลบางละมงุ (เทศบาลตาบลบางละมงุ ) และตาบลตะเคยี นเต้ยี
อาเภอบางละมงุ
ทิศตะวนั ออก ติดตอ่ กับตาบลหนองขามและตาบลบงึ อาเภอศรรี าชา
ทศิ ตะวันตก จรดอา่ วไทย

รูปภาพท่ี 5 : แผนท่ีแสดงพน้ื ท่ีรับผดิ ชอบและแบง่ เขตการเลือกต้ัง
แบบท่ี 2 ของเทศบาลนครแหลมฉบัง

16

2.11 ประชำกร

ปัจจุบันคาดว่ามีประชากรในเขตเทศบาลนครแหลมฉบังเป็นจานวนไม่ต่ากว่า 100,000 คน
ในแต่ละวัน ในขณะที่สถิติของสานักงานทะเบียนราษฎรท้องถ่ินเทศบาลนครแหลมฉบัง มีจานวน
88,271 คน (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2562) ซึ่งสว่ นมากจะเปน็ ประชากรแฝงประมาณ 40,000
คนท่ีเข้ามาทางานในเขตนิคมอตุ สาหกรรม ทา่ เรือแหลมฉบัง และเครอื สหพฒั น์ฯ และที่อื่น ๆ โดยท่ี
ไม่มีการย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่แต่อย่างใด โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย รับจ้างทั่วไป และ
บางส่วนประกอบอาชีพเกษตรและประมง

รปู ภาพท่ี 6 : แผนท่สี ถานที่ตั้งสานกั งานเทศบาลนครแหลมฉบัง

2.12 สว่ นรำชกำร

สำนักปลัดเทศบำล
มหี น้าทรี่ ับผิดชอบเกีย่ วกบั ราชการทัว่ ไปของเทศบาล และราชการทมี่ ิไดก้ าหนดให้เป็นหนา้ ที่
ของกอง หรือสว่ นราชการใดในเทศบาลโดยเฉพาะ รวมทั้งกากับและเร่งรดั การปฏบิ ัตริ าชการของส่วน
ราชการในเทศบาลใหเ้ ป็นไปตามนโยบายแนวทางและแผนการปฏบิ ตั ริ าชการของเทศบาล
สำนกั กำรชำ่ ง
มหี น้าที่รับผิดชอบเก่ียวกับการออกแบบ การจัดทาข้อมูลทางด้านวิศวกรรม การจัดเก็บและ
ทดสอบคุณภาพวัสดุ งานออกแบบและเขียนแบบ การตรวจสอบการก่อสร้าง งานการควบคุมอาคาร
ตามระเบียบกฎหมาย งานแผนการปฏิบัตงิ านการก่อสร้างและซอ่ มบารงุ การควบคุมการกอ่ สรา้ งและ
ซอ่ มบารงุ งานแผนงานด้านวิศวกรรมเคร่ืองจักรกล การรวบรวมปฏิบตั ิติดตามควบคุมการปฏิบัตงิ าน
เคร่ืองจักรกล การควบคุมการบารุงรักษาเครื่องจกั รกลและยานพาหนะ งานเกี่ยวกับแผนงานควบคุม
เก็บรักษา การเบิกจา่ ยวัสดุ อปุ กรณอ์ ะไหล่ นา้ มันเชื้อเพลิงและงานอื่น ๆ ที่เก่ียวข้องและตามที่ได้รับ
มอบหมาย

17

สำนกั กำรคลงั

มอี านาจและหน้าที่ความรบั ผิดชอบเกี่ยวกบั การดาเนินการหลกั คือ
1. ดา้ นการจัดเก็บหรือจดั หารายไดเ้ พื่อเปน็ คา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ การตามยุทธศาสตรต์ า่ งๆ
1. ท่แี ตล่ ะส่วนราชการในสงั กัดเทศบาลนครแหลมฉบงั ได้กาหนดข้ึนเพ่ือใหบ้ รรลุตามวิสัย
1. ทศั น์ขององค์กร
2. ดา้ นการพัสดแุ ละทรัพย์สนิ เพื่อให้ไดม้ าซงึ่ พัสดุตา่ ง ๆ รวมท้ังการบรหิ ารพัสดุให้มสี ภาพท่ี
2. พร้อมใช้งานและมีอายุการใช้งานทีย่ าวนาน
3. ด้านการเบิกจา่ ยเงินงบประมาณ ซ่ึงจะรวมทัง้ งบประมาณรายจ่ายประจา ของหน่วยงาน
3. งบประมาณรายจ่ายเพ่ือการลงทนุ รายจา่ ยงบกลาง และเงินนอกงบประมาณ

สำนกั กำรสำธำรณสุขและสิง่ แวดลอ้ ม

มีอานาจแล ะหน้าท่ีความรับผิ ดชอบเกี่ยว กับการดาเนินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของ
กฎหมาย ที่ว่าด้วยการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ศึกษา พัฒนา
องค์ความรู้ ปรับปรุงรูปแบบการจัดระบบการให้บริการด้านสาธารณสุขและส่ิงแวดล้อม การอาชีวอ
นามัย การสัตวแพทย์อย่างทั่วถึง กาหนดมาตรฐานทางด้านการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกัน
โรคติดต่อและไม่ติดต่อ การพัฒนาพฤติกรรมอนามัย การสุขาภิบาลและอนามัย ส่ิงแวดล้อม เพ่ือ
ความสมบรู ณ์ของร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และสังคม พรอ้ มท้ังจดั สรรสวัสดกิ ารด้านการรักษาพยาบาล
ในกลุ่มเปา้ หมายตา่ ง ๆ อย่างทั่วถึง จัดใหบ้ ริการด้านเผยแพร่ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการ
สง่ เสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมส่ิงแวดล้อมและพฤติกรรมอนามัย ตลอดจนการคุ้มครอง
ผ้บู ริโภคให้แก่ประชาชน รวมท้ังหน่วยงานในสังกดั และหนว่ ยงานท่เี กีย่ วขอ้ ง ส่งเสริมดารงรักษาไว้ซ่ึง
คุณภาพสิ่งแวดล้อม บริการงานจัดการคุณภาพด้านสาธารณสุขและส่ิงแวดล้อม มุ่งเน้นการควบคุม
ปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากภาวะมลพิษ ประสานการบรหิ ารจัดการ การ
บารุงรกั ษาและใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มของท้องถิ่น จดั บรกิ ารรักษาความ
สะอาด การจัดการมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล รวมท้ังวิเคราะห์ผลกระทบทางส่ิงแวดล้อม กาหนดนโยบาย
แนวทางปฏิบัติงาน ตลอดจนประสานแผนการให้บริการด้านสาธารณสุขและส่ิงแวดล้อม ให้เป็นไป
ตามนโยบายหลักของผู้บริหารท้องถ่ิน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดและ
สว่ นกลาง สง่ เสริมการประสานงานกบั องค์กรทงั้ ภาครฐั และเอกชน ในการเผยแพรข่ ้อมลู ข่าวสาร และ
เสริมศักยภาพในการดาเนินกิจกรรม โดยมุ่งเน้นการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ
บรหิ ารจัดการ อันจะนาไปสู่การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตและส่งิ แวดล้อมของเทศบาลตาบลแหลมฉบัง

กองกำรศึกษำ

มีหน้าทีค่ วามรับผิดชอบเกี่ยวกับ การบริหารการศึกษา และพัฒนาการศึกษาท้ังการศึกษาใน
ระบบ, นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เช่น การจัดการศึกษาปฐมวัย อนุบาลศึกษา
ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษา โดยให้มีงานธรุ การ งานแผนและโครงการ งานงบประมาณและเงนิ อุดหนุน
งานการเจ้าหน้าที่ งานโรงเรียน งานนิเทศการศึกษา งานการศึกษาปฐมวัย งานการศึกษานอกระบบ

18

และตามอัธยาศัย งานกีฬาและนันทนาการ งานส่งเสริมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม งานกิจกรรม
เดก็ และเยาวชน และ งานอน่ื ๆ ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย

กองวชิ ำกำรและแผนงำน

มีหน้าท่ีเก่ียวกับการวิเคราะห์นโยบายและแผน ซึ่งมีลักษณะเพื่อประกอบการกาหนด
นโยบายจัดทาแผนหรือโครงการติดตามประเมินผลการดาเนินงานตามแผนและโครงการต่าง ๆ ซึ่ง
อาจเป็นนโยบายแผนงานและโครงการทางเศรษฐกิจสังคมการเมือง การบริหารหรือความมั่นคงของ
ประเทศ ท้ังนี้ อาจเป็นนโยบายแผนงานของเทศบาล และโครงการระดับชาติ ระดับกระทรวง ระดับ
กรม หรือระดับจังหวัดแล้วแต่กรณี รวมท้งั การจัดทาข้อเสนอนโยบาย แผนแม่บทและแผนปฏบิ ัตกิ าร
เทคโนโลยีสารสนเทศของเทศบาลให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสารของประเทศไทย การศึกษาและวิเคราะห์เพ่ือพัฒนาระบบสารสนเทศและระบบงาน
คอมพิวเตอร์ของเทศบาล ส่งเสริมการวจิ ัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารและปฏบิ ัติ
หนา้ ท่ีอนื่ ท่เี กี่ยวข้อง

กองสวสั ดกิ ำรสังคม

มีหน้าที่ความรับผิดชอบเก่ียวกับการการสังคมสงเคราะห์ การส่งเสริมสวัสดิภาพเด็กและ
เยาวชน การพัฒนาชุมชน การจัดระเบียบชุมชนหนาแน่นและชุมชนแออัด การจัดให้มีการสนับสนุน
กิจกรรมศูนย์เยาวชน การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การให้คาปรึกษาแนะนาหรือตรวจสอบเก่ียวกับ
งานสวสั ดกิ ารสังคมและปฏบิ ัติงานอ่นื ทเี่ ก่ียวขอ้ ง

กองชำ่ งสุขำภบิ ำล

มีหน้าที่และความรับผิดชอบคือ ควบคุมและปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกแบบ ก่อสร้าง การ
วางโครงการ การรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูล การวางระบบการจัดการด้านวิศวกรรมหรือช่างสุขาภิบาล
ตลอดจนการดาเนินงานควบคุมรายการก่อสร้าง การประมาณราคา จัดพิมพ์แบบรูปรายการต่างๆ
ควบคุมการกอ่ สร้าง และตรวจรับงานงวดเพื่อเบิกจ่ายเงิน พิจารณาข้อขัดแย้งในระบบช่างสุขาภิบาล
ติดตามผลค้นคว้า วิจัย วิเคราะห์ ทดสอบและให้คาปรึกษาในงานวิศวกรรมสุขาภิบาลหรือช่าง
สุขาภิบาล เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศ เช่น กิจการประปา ระบบการกาจัดส่ิงปฏิกูลท่ี
เป็นของแข็งหรือของเหลว สาหรับบริเวณท่ีพักอาศัยหรือชุมชนหนาแน่น ระบบการกาจัดสิ่งปฏิกูลที่
เปน็ ของแข็ง ของเหลว กา๊ ซ ไอ เขม่า ควัน รังสี หรือ ฝุ่น สาหรับโรงงานอุตสาหกรรม ทีเ่ ป็นสาเหตใุ ห้
เกิดอันตรายแก่สุขภาพและอนามัยของคนในเขตเทศบาลโดยตรง หรือเป็นทางอ้อม หรือเป็นสาเหตุ
ให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน หรือเหตุราคาญในชุมชน และสารวจออกแบบ วิเคราะห์ข้อมูลทาง
วิศวกรรมสุขาภิบาลที่เก่ียวข้องกับการประปา ระบบระบายน้าโสโครก ระบบน้าทิ้ง ระบบน้าร้อน
หรือระบบการใช้น้าหมุนเวียนสาหรับอาคารชุด อาคารพาณิชย์ สถานบรกิ ารหรอื โรงงานอุตสาหกรรม
ฝกึ อบรมและให้คาปรึกษาแนะนาในการปฏบิ ัติงานแก่เจ้าหน้าท่รี ะดบั รองลงมา ตอบปญั หาและช้แี จง
เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับงานในหน้าที่ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการต่างๆ ตามที่ได้รับแต่งต้ัง เข้าร่วม

19

ประชุมในการกาหนดนโยบาย การปฏิบัติงานพิจารณาวางอัตรากาลังเจ้าหน้าท่ีและงบประมาณของ
หน่วยงานท่รี ับผดิ ชอบ

หน่วยงำนตรวจสอบ
มีหนา้ ที่เก่ยี วกับ
1. งานตรวจสอบบญั ชี ทะเบียนและเอกสารทเ่ี กีย่ วข้อง
2. งานตรวจสอบเอกสารการเบกิ จ่ายเงนิ
3. งานตรวจสอบเอกสารการรับเงินทุกประเภท
4. งานตรวจสอบภาษีทงั้ ภายนอกและภายใน
5. งานตรวจสอบการเก็บรักษาหลักฐานการเงนิ การบัญชี การจัดเก็บรายได้
6. งานตรวจสอบพสั ดุและการเกบ็ รกั ษา
7. งานตรวจสอบทรพั ย์สินของเทศบาล
8. งานตรวจสอบการทาประโยชนท์ รพั ยส์ ินของเทศบาล
9. งานอนื่ ทเี่ ก่ียวขอ้ งหรือตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

รูปภาพท่ี 7 : อัตรากาลังพนักงานเทศบาล
20

2.13 สภำพเศรษฐกิจ

สภาพทางเศรษฐกิจภายในเขตเทศบาลแหลมฉบัง ส่วนใหญ่ข้ึนอยู่กับอุตสาหกรรมเป็นหลัก
มีอัตราการขยายตัวของการลงทุนด้านอุตสาหกรรมท่ีสูงมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่เป้าหมายในเขต
เศรษฐกิจใหม่ของการพัฒนาพื้นท่ีบริเวณชายฝ่ังทะเลตะวันออก ซ่ึงมีภารกิจหลักท่ีจะต้องพัฒนา คือ
ท่าเรือพาณิชย์หลักระหว่างประเทศ นิคมอุตสาหกรรม และชุมชนเมืองใหม่ ด้านการพัฒนาระบบ
โครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคและสาธารณูปการอย่างครบวงจร ทาให้เหมาะแก่การจัดตั้งโรงงาน
อุตสาหกรรมแหลมฉบังและในเขตสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ฯ กลุ่มอุตสาหกรรมภายในเขต
เทศบาลนครแหลมฉบังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสาคัญต่อจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก
เป็นอย่างย่ิง เนื่องจากมีมลู ค่าการลงทุนสูงสดุ ของจังหวัดชลบรุ ีประมาณไม่ต่ากว่า 1 แสนลา้ นบาท มี
ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 154 บริษัท และมีการจ้างงานเป็นจานวนมากที่สุดของจังหวัดชลบุรี
ประมาณ 5 หมื่นคน มมี ลู ค่าผลิตภณั ฑ์มวลรวมสงู ท่สี ุดในสาขาการผลติ ของจังหวัด

รูปภาพที่ 8 : ท่าเรือแหลมฉบัง

2.14 หน้ำท่ีของงำนทะเบียนรำษฎรและบัตร ฝำ่ ยปกครอง สำนกั ปลดั เทศบำล

สำนักปลัดเทศบำล
มหี น้าท่ีรับผิดชอบเกีย่ วกับราชการทัว่ ไปของเทศบาล และราชการที่มไิ ด้กาหนดใหเ้ ป็นหน้าที่
ของกอง หรือส่วนราชการใดในเทศบาลโดยเฉพาะ รวมทง้ั กากบั และเร่งรดั การปฏิบัติราชการของสว่ น
ราชการในเทศบาลใหเ้ ป็นไปตามนโยบายแนวทางและแผนการปฏิบตั ริ าชการของเทศบาล
ฝำ่ ยปกครอง
มหี นา้ ทีค่ วบคุมดแู ลและรบั ผดิ ชอบการปฏิบัติงานในหน้าทข่ี องงานรัฐพิธี งานรกั ษาความสงบ
เรียบร้อยและความมัน่ คง งานทะเบยี นราษฎรและบตั ร และงานควบคุมเทศพาณชิ ย์

21

งำนทะเบยี นรำษฎรและบัตร
มหี น้าทีเ่ กี่ยวกบั
1. งานตามพระราชบญั ญตั ิทะเบยี นราษฎร (แจง้ เกดิ แจ้งตาย ยา้ ยทอ่ี ยู่)
2. จัดเตรียมการเลอื กตง้ั และดาเนนิ การเลือกต้ัง
3. จดั ทาบตั รประจาตวั ประชาชน
4. งานอ่นื ท่เี กี่ยวขอ้ งหรือตามท่ไี ด้รบั มอบหมาย

รปู ภาพที่ 9 : ห้องงานทะเบยี นราษฎรและบัตรเทศบาลนครแหลมฉบัง

รปู ภาพที่ 10 : ประชาชนมาตดิ ต่องานทะเบยี นราษฎรเทศบาลนครแหลมฉบงั
22

รปู ภาพที่ 11 : ประชาชนมาทาบตั รประจาตัวประชาชนทีห่ ้องคนในเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง

รูปภาพที่ 12 : ห้องทาบัตรประจาตัวประชาชนคนนอกเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง

รูปภาพท่ี 13 : ประชาชนมาทาบัตรประจาตวั ประชาชนทห่ี ้องคนนอกเขตเทศบาลนครแหลมฉบงั
23

นายประยงค์ จันทร์ไชย

นกั บริหารงานทวั่ ไป ระดบั กลาง

นายสพุ จน์ หัสติ หัวหนา้ สานกั ปลดั เทศบาล นางสาวณัฐวลัญช์ อนันตเจรญิ กุล

นักบริหารงานทัว่ ไป ระดบั ต้น นักจัดการงานทะเบียนและบัตรชานาญการ

หัวหนา้ ฝ่ายปกครอง หวั หนา้ งานทะเบยี นราษฎรและบตั ร

พ.จ.อ.คารณ ศรีสรุ กั ษ์ นายเวนิส ยนื ยาว น.ส.สริ วิ รรณ ละพมิ าย
นักจัดการงานทะเบยี น นักจดั การงานทะเบียน นกั จัดการงานทะเบยี น
และบัตรชานาญการ และบตั รชานาญการ และบตั รชานาญการ

นายเกตแุ ก้ว บรหิ าร สิบเอกจติ ิวัฒนา พามี น.ส.วารุณี พบความสุขนกั
นกั จัดการงานทะเบียน นักจดั การงานทะเบียน จัดการงานท่วั ไปปฏิบตั ิการ
และบัตรชานาญการ และบัตรชานาญการ

น.ส.จอมธดิ า แดงสมสุขเจริญ น.ส.รชั นพี ร มหี ิริ นางสาวปยิ ะลักษณ์ จเู ขยี ว

เจ้าพนักงานทะเบยี นปฏิบัติงาน เจา้ พนกั งานทะเบียนชานาญงาน เจา้ พนกั งานธรุ การปฏิบัตงิ าน

รูปภาพที่ 14 : บคุ ลากรงานทะเบียนราษฎรและบตั ร ฝ่ายปกครอง สานักปลดั เทศบาล

24

บทท่ี 3
รำยละเอียดของกำรฝกึ งำน

3.1 หนว่ ยงำนท่ฝี กึ งำน

หนว่ ยงำน : เทศบาลนครแหลมฉบัง
แผนก/กอง : งานทะเบียนราษฎรและบัตร ฝา่ ยปกครอง สานกั ปลัดเทศบาล

3.2 ระยะเวลำกำรฝึกงำน

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2563 ถงึ วันที่ 31 ตลุ าคม พ.ศ.2563 โดยฝกึ งานในวนั จันทร์ถงึ วนั ศกุ ร์
ต้งั แตเ่ วลา 08.30 น. ถงึ 16.30 น.

3.3 หน้ำทีท่ ไี่ ด้รบั มอบหมำย

1. จดั เรียงทะเบียนบา้ น (ท.ร.14) และทาสันแฟม้ เอกสาร
2. ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบัตรประจาตัวประชาชน จดั เกบ็ ลายน้ิวมอื พร้อมส่ง
2. มอบบัตรประจาตวั ประชาชน
3. เขยี นคาขอมบี ัตร มีบัตรใหม่ หรือเปล่ียนบัตรประจาตวั ประชาชน (บ.ป.1)
4. อื่น ๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย

3.4 รำยละเอยี ดของงำนท่ีปฏิบตั ิ

1. จัดเรียงทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) และทาสันแฟ้มเอกสาร คือ นาทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ท่ี
เจา้ หน้าท่ีตรวจสอบให้ประชาชนทมี่ าใช้บริการงานทะเบียนเรยี บร้อยแลว้ มาเก็บเข้าตเู้ ก็บเอกสาร โดย
เรียงลาดับตามบ้านเลขท่ีและหมู่จากน้อยไปมาก รวมถึงจัดเรียงทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ท่ีอยู่ในตู้ให้
เรื่องตามลาดับด้วย เมอื่ จัดเรียงเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จัดทาดัชนีตดิ หน้าตู้เก็บเอกสารทุกตู้ เพ่ือสะดวก
ตอ่ การค้นหา

2. ตรวจสอบเอกสารเบ้ืองต้นในการทาบัตรประจาตัวประชาชน จัดเก็บลายนิ้วมือ พร้อมส่ง
มอบบตั รประจาตวั ประชาชน คอื เมือ่ ประชาชนมาใชบ้ รกิ ารทาบัตรประจาตวั ประชาชน ต้องแจกบตั ร
ควิ สอบถามว่ามาทาบัตรประจาตัวประชาชนในกรณีอะไรและต้องใชเ้ อกสารดังต่อไปนี้

กำรขอมีบัตรครั้งแรก ผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ ต้องขอมีบัตรประจาตัว
ประชาชนภายใน 60 วนั หากพ้นกาหนดจะเสียคา่ ปรบั ไม่เกนิ 500 บาท

หลกั ฐานที่ตอ้ งนาไปแสดง
1. สาเนาทะเบียนบา้ น
2. สูติบัตร หรือวุฒกิ ารศกึ ษา ฉบบั จรงิ
3. หากไม่มหี ลักฐานตามข้อ 2 หรอื เกนิ กาหนดใหน้ าเจา้ บา้ นหรอื บุคคลนา่ เชื่อถือไป
3. รบั รอง (บดิ า มารดา)
4. กรณีบดิ า มารดาเป็นคนตา่ งด้าว ให้นาใบสาคัญประจาตัวบคุ คลตา่ งด้าวของบิดา
4. มารดา มาแสดง ด้วย
*กรณีการขอมบี ตั รครั้งแรกไม่เสียค่าธรรมเนยี ม

บัตรหำยหรอื บัตรถกู ทำลำย เมือ่ บัตรหายหรือบัตรถูกทาลายให้แจ้งตอ่ พนักงานเจา้ หนา้ ที่ ท่ี
สานักทะเบียนท่ีประสงค์จะทาบัตร เพื่อทาบัตรใหม่ภายใน 60 วัน หากพ้นกาหนดจะเสียค่าปรับไม่
เกิน 200 บาท

หลกั ฐานทีต่ อ้ งนาไปแสดง
1. สาเนาทะเบยี นบ้าน
2. หลกั ฐานอน่ื ทมี่ รี ูปถ่ายท่ีทางราชการออกให้ (ตัวจริง) เชน่

2.1 ใบอนญุ าตขับขร่ี ถยนต์ / รถจกั รยานยนต์ (ตวั จริง) ถา้ มี
2.2 หนงั สอื เดนิ ทางไปตา่ งประเทศ (ตัวจริง) พาสปอรต์ ถา้ มี
2.3 วุฒกิ ารศกึ ษาท่ีมรี ูปถา่ ยติด (ตัวจรงิ ) ถา้ มี
2.4 หลักฐานทางทหาร สด.8,สด.9,สด.43, (ตัวจรงิ ) ถ้ามี
3. หากไม่มีเอกสารตามข้อ 2 ให้นาขา้ ราชการ เจ้าบา้ นหรือบุคคลนา่ เช่ือถอื ไป
3. รับรอง (พร้อมบัตรขา้ ราชการ หรอื บตั รประจาตวั ประชาชนผูร้ บั รอง) บคุ คลที่
3. น่าเชื่อถอื เชน่ กานัน ผูใ้ หญ่บ้าน หรือ บคุ คลใดๆ ซึง่ มีภูมลิ าเนาที่ อยู่แนน่ อน มี
3. อาชพี มัน่ คง และมีความรจู้ ักคุ้นเคยกบั ผู้ขอมีบตั รเป็นอย่างดี
*กรณีบัตรหายหรือบตั รถูกทาลายเสียคา่ ธรรมเนยี ม 20 บาท

บัตรเดิมหมดอำยุ บัตรหมดอายุให้ทาบัตรใหม่ภายใน 60 วัน หากพ้นกาหนดจะเสียค่าปรับ
ไม่เกิน 200 บาท แต่หากผู้ถือบัตรมีความประสงค์จะทาบัตรก่อนหมดอายุ หรือหลังหมดอายุได้
ภายใน 60 วัน (การนบั วนั บตั รหมดอายุ ใหถ้ อื เอาวันครบรอบวันเกดิ เป็นเกณฑ)์

หลักฐานท่ตี ้องนาไปแสดง
1. สาเนาทะเบียนบา้ น
2. บัตรประจาตวั ประชาชนเดิมท่หี มดอายุ

26

3. กรณีบัตรหมดอายเุ ปน็ เวลานานแล้วให้ดาเนินการเพม่ิ เติม ดังนี้
3.1 ใหน้ าเอกสารทางราชการท่ีมีรปู ถา่ ย (ตัวจรงิ ) มาแสดงและถ่ายเอกสาร
3.1 มาประกอบเร่ือง 1 ชดุ
3.2 ถ้าไม่มเี อกสารตามขอ้ 3.1 ให้นาเจ้าบ้านหรือบุคคลน่าเช่อื ถือมาใหก้ าร
3.2 รบั รอง

ทงั้ น้ใี ห้นาบตั รประจาตวั ประชาชน (ตวั จริง) มาแสดงด้วย
*กรณบี ตั รเดิมหมดอายุไม่เสยี คา่ ธรรมเนียม

เมื่อประชาชนท่ีมาทาบัตรประจาตัวประชาชนผ่านการตรวจสอบเอกสารเบ้ืองต้นในการทา
บัตรประจาตัวประชาชนเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องไปทาการตรวจสอบประวัติ ตรวจสอบลายนิ้วมือ
ถ่ายรูป เซ็นเอกสาร และเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าค่าปรับ ตามลาดับ เสร็จแล้วเจ้าหน้าท่ีก็จะทาการ
ผลิตบัตรประจาตัวประชาชนให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ เมื่อผลิตบัตรประจาตัวประชาชนเสร็จ
เจา้ หน้าทจี่ ะทาการเรียกช่ือเจ้าของบัตรประจาตัวประชาชนมารบั บัตร โดยก่อนท่ีจะรับบัตรประจาตัว
ประชาชน ต้องมีการจัดเก็บลายนิ้วมือของเจ้าของบัตรประจาตัวประชาชนอีกครั้ง ด้วยการวางน้ิวช้ี
ข้างขวาและน้ิวช้ีข้างซ้ายที่เครื่องจัดเก็บลายน้ิวมือตามลาดับ แล้วจึงจะส่งมอบบัตรประจาตัว
ประชาชนใหก้ ับเจา้ ของบตั รประจาตัวประชาชนใบนนั้

3. เขยี นคาขอมีบัตร มีบตั รใหม่ หรอื เปลยี่ นบัตรประจาตัวประชาชน (บ.ป.1) คือ เมื่อทาการ
ส่งมอบบัตรประจาตัวประชาชนเรียบร้อยแล้ว ก็จะทาการเขียนคาขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยน
บตั รประจาตัวประชาชน (บ.ป.1) ลงในสมดุ เพือ่ เก็บไว้เป็นหลกั ฐาน ซึ่งประกอบไปด้วย

3.1 เลขที่คาขอมีบตั ร มีบัตรใหม่ หรอื เปลย่ี นบตั รประจาตัวประชาชน (บ.ป.1)
3.2 ชอื่ และนามสกลุ ของเจา้ ของบตั รประจาตวั ประชาชน
3.3 เลขบตั รประจาตัวประชาชนของเจ้าของบัตร
3.4 ทีอ่ ยู่ตามบตั รประจาตวั ประชาชน
3.5 เลขหลงั บตั รประจาตวั ประชาชน
3.6 สาเหตขุ องการทาบัตรประจาตวั ประชาชน
3.7 วันหมดอายุของบัตรประจาตวั ประชาชน

4. อ่นื ๆ ตามท่ีได้รับมอบหมาย คือ งานตามท่ีหวั หน้าหรือพ่ๆี เจ้าหน้าที่มอบหมายใหท้ า เช่น
ถา่ ยเอกสาร ยกของ

27

รปู ภาพที่ 15 : จดั เรียงทะเบียนบา้ น (ท.ร.14) เขา้ ตูเ้ ก็บเอกสาร

รปู ภาพที่ 16 : จดั เรยี งแฟม้ เอกสาร ทาสันแฟ้มและดัชนีติดหน้าตเู้ อกสาร

รปู ภาพที่ 17 : ตรวจสอบเอกสารเบอื้ งต้นในการทาบตั รประจาตัวประชาชน
28

รปู ภาพที่ 18 : จัดเกบ็ ลายนว้ิ มือ พร้อมส่งมอบบตั รประจาตัวประชาชน
เขยี นคาขอมบี ัตร มบี ตั รใหม่ หรือเปลีย่ นบัตรประจาตวั ประชาชน (บ.ป.1)

ตารางที่ 2 : แบบบนั ทกึ การปฏบิ ัติงานประจาเดอื นกันยายน

วนั /เดือน/ปี รำยละเอยี ดงำน/กจิ กรรมทีไ่ ด้รบั มอบหมำย หมำยเหตุ

1 ก.ย. 63 - จดั เรียงทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตู้เก็บเอกสาร
2 ก.ย. 63
- จัดเรยี งทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เข้าตู้เกบ็ เอกสาร
3 ก.ย. 63 - ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบตั รประจาตัว
8 ก.ย. 63
ประชาชน

- จัดเก็บลายนิ้วมือช้ี พร้อมส่งมอบบตั รประจาตัว

ประชาชน

- เขยี นคาขอมีบัตร มบี ัตรใหม่ หรือเปล่ียนบตั ร

ประจาตัวประชาชน (บ.ป.1)

- จัดเรยี งทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตู้เกบ็ เอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบัตรประจาตวั

ประชาชน

- จัดเรยี งทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เข้าตเู้ ก็บเอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบัตรประจาตัว

ประชาชน

29

ตารางที่ 2 : แบบบันทกึ การปฏบิ ัตงิ านประจาเดือนกันยายน (ตอ่ )

วัน/เดือน/ปี รำยละเอยี ดงำน/กิจกรรมทีไ่ ดร้ บั มอบหมำย หมำยเหตุ

9 ก.ย. 63 - จัดเรยี งทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เข้าตู้เก็บเอกสาร
10 ก.ย. 63 - ตรวจสอบเอกสารเบ้ืองต้นในการทาบัตรประจาตวั
11 ก.ย. 63
14 ก.ย. 63 ประชาชน
15 ก.ย. 63
16 ก.ย. 63 - จดั เรียงทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ต้เู กบ็ เอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบ้ืองตน้ ในการทาบตั รประจาตัว
17 ก.ย. 63
18 ก.ย. 63 ประชาชน

- จัดเรยี งทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตเู้ กบ็ เอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบตั รประจาตวั

ประชาชน

- จดั เรยี งทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตเู้ กบ็ เอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบัตรประจาตวั

ประชาชน

- จดั เรียงทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เข้าตู้เก็บเอกสาร

- ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบัตรประจาตัว
ประชาชน

- จัดเรยี งทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตเู้ กบ็ เอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบตั รประจาตัว

ประชาชน
- ตรวจสอบเลขหมู่ทะเบียนบา้ น (ท.ร.14) เพื่อทา

ดัชนีตดิ หน้าต้เู ก็บเอกสาร

- ทาดชั นีตดิ หนา้ ต้เู กบ็ เอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบตั รประจาตวั

ประชาชน

- ติดดชั นีหนา้ ตเู้ ก็บเอกสาร
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบัตรประจาตวั

ประชาชน

30

ตารางท่ี 2 : แบบบนั ทกึ การปฏิบัตงิ านประจาเดือนกันยายน (ตอ่ )

วัน/เดือน/ปี รำยละเอยี ดงำน/กิจกรรมท่ีไดร้ บั มอบหมำย หมำยเหตุ

21 ก.ย. 63 - จัดเกบ็ ลายนว้ิ มือชี้ พร้อมส่งมอบบัตรประจาตวั หมำยเหตุ

22 ก.ย. 63 ประชาชน 31
23 ก.ย. 63
24 ก.ย. 63 - เขียนคาขอมบี ัตร มบี ตั รใหม่ หรอื เปลีย่ นบัตร

25 ก.ย. 63 ประจาตวั ประชาชน (บ.ป.1)

28 ก.ย. 63 - จัดเรียงทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เข้าตู้เก็บเอกสาร
29 ก.ย. 63
30 ก.ย. 63 - จดั เรียงทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตู้เกบ็ เอกสาร

- จดั เกบ็ ลายนิ้วมอื ช้ี พร้อมสง่ มอบบตั รประจาตวั

ประชาชน

- เขยี นคาขอมบี ัตร มบี ตั รใหม่ หรอื เปล่ยี นบัตร

ประจาตวั ประชาชน (บ.ป.1)

- จัดเกบ็ ลายนิว้ มือชี้ พร้อมสง่ มอบบตั รประจาตัว

ประชาชน
- เขียนคาขอมีบัตร มบี ตั รใหม่ หรอื เปลย่ี นบัตร

ประจาตัวประชาชน (บ.ป.1)

- จัดเรยี งทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตู้เกบ็ เอกสาร
- จดั เรียงทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตูเ้ กบ็ เอกสาร
- ถา่ ยเอกสารทะเบียนบา้ น (ท.ร.14) แบบย่อขนาด
- จดั เรียงทะเบยี นบ้าน (ท.ร.14) เขา้ ตู้เก็บเอกสาร

ตารางที่ 3 : แบบบนั ทึกการปฏบิ ตั ิงานประจาเดือนตลุ าคม

วนั /เดือน/ปี รำยละเอียดงำน/กิจกรรมท่ีไดร้ ับมอบหมำย

1 ต.ค. 63 - จดั เรยี งทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เข้าตเู้ กบ็ เอกสาร
2 ต.ค. 63
- ตรวจสอบเลขหมู่ทะเบยี นบา้ น (ท.ร.14) เพ่ือทา
5 ต.ค. 63
6 ต.ค. 63 ดชั นตี ดิ หน้าตู้เก็บเอกสาร

- ทาดชั นีติดหน้าตดู้ กบ็ เอกสาร
- ติดดชั นหี นา้ ตูเ้ ก็บเอกสาร
- เรยี งแฟ้มเอกสารเพื่อเตรียมทาสันแฟ้มเอกสาร
- เรยี งแฟ้มเอกสารเพ่ือเตรยี มทาสนั แฟ้มเอกสาร

ตารางที่ 3 : แบบบนั ทึกการปฏบิ ตั ิงานประจาเดือนตลุ าคม (ตอ่ )

วนั /เดอื น/ปี รำยละเอยี ดงำน/กจิ กรรมทีไ่ ด้รบั มอบหมำย หมำยเหตุ

7 ต.ค. 63 - เรยี งแฟม้ เอกสารเพื่อเตรยี มทาสนั แฟ้มเอกสาร
8 ต.ค. 63
- เรยี งแฟม้ เอกสารเพื่อเตรยี มทาสนั แฟ้มเอกสาร
9 ต.ค. 63 - ทาสันแฟม้ เอกสารและใส่สันแฟ้มเอกสาร
12 ต.ค. 63
- ทาสนั แฟ้มเอกสารและใส่สนั แฟ้มเอกสาร
14 ต.ค. 63
15 ต.ค. 63 - ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบตั รประจาตัว

16 ต.ค. 63 ประชาชน

19 ต.ค. 63 - ทาสนั แฟ้มเอกสารและใสส่ นั แฟม้ เอกสาร
20 ต.ค. 63 - ทาสนั แฟ้มเอกสาร
21 ต.ค. 63 - จดั เก็บลายนิว้ มือช้ี พร้อมส่งมอบบตั รประจาตัว
22 ต.ค. 63
ประชาชน
26 ต.ค. 63
- ทาสนั แฟม้ เอกสาร
27 ต.ค. 63 - ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบัตรประจาตวั
28 ต.ค. 63
ประชาชน
29 ต.ค. 63
- ทาสันแฟ้มเอกสารและใสส่ นั แฟม้ เอกสาร
30 ต.ค. 63
- ทาสันแฟ้มเอกสาร
- ทาสันแฟ้มเอกสารและใส่สนั แฟ้มเอกสาร
- ทาสันแฟ้มเอกสารและเรยี งเอกสารให้เปน็

หมวดหมู่
- ตรวจสอบเอกสารเบ้ืองตน้ ในการทาบัตรประจาตวั

ประชาชน

- เรยี งเอกสารใหเ้ ป็นหมวดหมู่
- ตรวจสอบเอกสารเบื้องตน้ ในการทาบตั รประจาตัว

ประชาชน

- ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นในการทาบตั รประจาตัว

ประชาชน

- ทาดัชนตี ิดหนา้ ตู้เกบ็ เอกสาร

32

บทที่ 4

กำรประยกุ ตใ์ ชค้ วำมรใู้ นงำนทีป่ ฏิบตั ิ แนวคิดและทฤษฎที ีเ่ ก่ียวขอ้ ง

4.1 กำรประยกุ ตใ์ ช้ควำมรู้ในงำนทป่ี ฏบิ ัติ

ตลอดระยะเวลาการฝึกงานที่เทศบาลนครแหลมฉบัง ได้มีการนาความรู้ท่ีได้ศึกษามาใน
รายวิชาต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนเรียนในระดับปริญญาตรี มาทาความความเข้าใจให้มากข้ึนเพ่ือสามารถ
นาไปใช้ประโยชน์ในการทางานในอนาคต และประยุกต์ใช้ความรทู้ ่ีได้ศึกษามาใช้ในการฝึกงานปฏิบัติ
หลายเร่ือง เช่น รูจ้ ักโครงสร้างของเทศบาล เขา้ ใจระบบและวิธีการปฏบิ ัติงานของระบบราชการทาให้
สามารถปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลได้ ความรู้ที่นามาประยุกต์ใช้ในการฝึกงานครั้งน้ี
ได้แก่

1.การบรหิ ารงานส่วนท้องถ่นิ
2.องค์การและการจดั การในภาครัฐ
3.การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ
4.การจดั การทรัพยากรมนษุ ย์
5.การเมืองและระบบราชการ

4.2 แนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กยี่ วข้องกับสง่ิ ทส่ี ังเกตไดใ้ นกำรฝึกงำน

เทศบาลนครแหลมฉบัง เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบการกระจายอานาจปกครอง
(Decentralization) ท่ีรัฐมอบอานาจบางอย่างในการจดั ทาบรกิ ารสาธารณะให้แก่ทอ้ งถิน่ หรือองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ไปดาเนินการด้วยงบประมาณและเจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นัน้ เอง โดยที่ราชการการบริหารส่วนกลางเพยี งแตด่ แู ลและควบคุมเท่าน้ัน ไมไ่ ดเ้ ขา้ ไปบงั คับบัญชาสั่ง
การ ซึ่งมลี ักษณะสาคญั ดังนี้

1. จัดตงั้ หนว่ ยงานเปน็ องค์การนิติบคุ คล
2. มกี ารเลอื กต้ังผูบ้ รหิ ารเทศบาล และสภาเทศบาล
3. มอี ิสระในตนเองทจี่ ะดาเนินการตามอานาจหนา้ ท่ี โดยไม่อยู่ใตบ้ ังคับบญั ชาของราชการ
3. บรหิ ารสว่ นกลาง

จากการสงั เกตระหว่างการฝึกงานทผ่ี ่านมา ทาให้เห็นวา่ รปู แบบของหน่ายงาน โครงสร้างการ
บริหารงาน วิธีการปฏิบัติงาน และปัญหาที่เกิดข้ึนในระหว่างปฏิบัติงาน มีความสอดคล้องกับทฤษฎีที่
ไดศ้ กึ ษามา

4.2.1 ทฤษฎรี ะบบรำชกำร (Max Weber)

คนทั่วไปมองระบบราชการว่าเป็นสิ่งท่ีเช่ืองช้าและขาดประสิทธิภาพ (Red Tape) เต็มไป
ด้วยอานาจและอิทธิพล ทาให้บุคคลภายนอกยากท่ีจะเข้าไปติดต่อด้วยได้ แต่ Max Weber มองว่า
ระบบราชการเป็นเคร่ืองมือในการบรหิ ารที่มปี ระสิทธิภาพอย่างหนึ่ง ระบบราชการสามมารถใช้เป็นท่ี
รวมขององค์กรท่ีซับซ้อน เช่น เป็นที่รวมองค์กรต่าง ๆ ของรัฐหรือเป็นท่ีรวมขององค์กรทางธุรกิจ
หลาย ๆ หน่วยงานขึ้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ รูปแบบของระบบราชการตามแนวความคิดของ Max
Weber ระบบราชการท่ดี ตี ้องประกอบไปด้วยปจั จยั สาคัญดังตอ่ ไปนี้

1. มีการแบง่ งานกนั ทา เพ่อื ใหเ้ กดิ การทางานเฉพาะดา้ น และใหม้ ีการบรรจบุ คุ คลเข้าทางาน
1. ตามความชานาญเฉพาะด้านน้ัน ๆ
2. มีการกาหนดสายการบงั คับบญั ชา และอานาจหน้าท่ขี องแต่ละสายการบังคบั บัญชา
3. มกี ารกาหนดสิทธหิ นา้ ท่ีของตาแหน่งต่าง ๆ ในแต่ละสายกสรบังคับบญั ชา
4. มขี บวนการในการแก้ไขบัญหาในการทางาน
5. มีระบบความสมั พันธ์ภายในทเ่ี ปน็ ทางการ เปน็ การตดิ ต่อตามสายการบงั คับบญั ชา
6. มรี ะบบการเล่ือนขั้นตาแหนง่ ท่ีตง้ั อยู่บนพ้ืนฐานของการแขง่ ขนั

แนวความคิดของ Max Weber ทาให้เกิดการศึกษาองค์ประกอบของระบบราชการหรือ
องค์ประกอบขององค์การขนาดใหญ่ เรียกการศึกษาดังกล่าวว่าเป็นทฤษฎีองค์การของ Max Weber
หรอื ทฤษฎีองคก์ ารรปู สามเหล่ียมพีระมดิ ซงึ่ จะต้องประกอบไปดว้ ย

1. สายการบงั คับบญั ชา (Hierarchy)
2. ตาแหนง่ และอานาจหนา้ ท่ี (Positions and Authority)
3. กฎ ระเบียบและข้อบังคบั ท่ีแนน่ อนในการปฏบิ ตั ิงาน (Rules, and Regulations)
4. การแบง่ งานตามความชานาญเฉพาะด้าน (Division of Works)
5. มีระบบของการคัดเลอื กและเล่ือนขน้ั โดยอาศยั การแข่งขันและความสามารถ
5. (Selection and Promotion base on competition and ability)
6. มรี ะบบการจูงใจโดยการกาหนดอัตราเงนิ เดือนตามอานาจหนา้ ท่แี ละระยะเวลาในการ
6. ทางาน
7. มีระบบความสมั พันธ์ภายในองค์การอย่างเปน็ ทางการ (Formal Relationship)
8. ใช้เหตุผลเปน็ เคร่ืองมือในการตัดสินปัญหา (Rationality)

ทฤษฎีระบบราชการตอ้ งการสร้างประสทิ ธิภาพสูงสุดให้กบั การบริหาร เช่อื ว่าการจัดรูปแบบ
องค์การและการบริหารดังกล่าวเป็นวิธีการท่ีจาทาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและยังเชื่อว่ามนุษย์ควร
จะทางานตามกฎเกณฑข์ ้อบังคบั ท่ไี ด้มีการจดั ตัง้ ขน้ึ

34

4.2.2 กำรจัดกำรแบบวทิ ยำศำสตร์ (Scientific Management)

การจัดการแบบวิทยาศาสตร์เป็นแนวความคิดของนักวิชาการกลุ่มหน่ึงที่จัดอยู่ในนักทฤษฎี
องค์การกลุ่มคลาสสิก จะศึกษารายละเอียดของการทางานในระดับของการปฏิบัติงาน พิจารณา
กระบวนการผลิตสินค้าและบริการ วิเคราะห์วิธีการทางาน จัดตั้งมาตรฐานของงาน กาหนด
กฎระเบียบ และวิธีในการปฏิบัติงาน ท้ังน้ีเพื่อให้การทางานดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพสูงสุด การ
ดาเนินการดังกล่าวจะเป็นไปภายใต้หลักเกณฑ์และแบบแผนท่ีเป็นวิทยาศาสตร์ โดยมีความเช่ือเกี่ยว
การจดั การแบบวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Management) ดังนี้

1. ประสทิ ธภิ าพของงานจะหามาได้โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรอื ใชห้ ลักของเหตุ
และผล เพ่ือค้นหาวิธกี ารทางานทีม่ ีประสิทธิภาพทีส่ ดุ (One Best way)

2. ความเชือ่ เกย่ี วกับมนุษย์ เชือ่ วา่ มนุษย์เปน็ สตั ว์เศรษฐกิจตอ้ งการผลตอบแทนในแง่รายได้
องค์การเป็นเคร่ืองมือของมนุษย์ท่ีจะชว่ ยให้เกิดรายได้ โดยธรรมชาตแิ ล้วมนษุ ยจ์ ะไมช่ อบทางาน
พยายามหลีกเลย่ี งงาน หากจะให้มนุษย์ทางานจะต้องใชป้ จั จยั ทางเศรษฐกจิ เชน่ เงนิ รางวลั มาล่อใจ
และใช้การบีบบังคับโดยอาศัยระเบยี บวนิ ัย

3. วิธีปฏบิ ัตงิ าน
3.1 จัดตง้ั มาตรฐานของงานขึ้น กาหนดคุณภาพและปริมาณของผลงานทตี่ ้องการ
3.1 โดยวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานกบั ผปู้ ฏิบัตงิ าน
3.2 ผู้ปฏบิ ตั ิงานจะต้องทางานโดยไมโ่ ต้แย้ง โดยอาศยั ระเบยี บวินัยและปจั จยั ทาง
3.2 เศรษฐกจิ เป็นเคร่ืองมือเพอื่ ตอบแทนความสามารถและความขยันของ
3.2 ผปู้ ฏิบตั ิงาน
3.3 ใชเ้ หตุผลและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์เปน็ เคร่ืองมือในการแก้ไขปญั หา

ความหมายของการจดั การแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) อาจพจิ ารณาได้ 2
แนวทาง คือ

1. ใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือในการค้นหาประสิทธิภาพให้กับการ
ปฏิบัติงาน ซึ่งจะต้องประกอบด้วยกระบวนการตั้งแต่การสังเกตและทดลอง การรวบรวมและจด
บนั ทกึ ขอ้ มูลต่าง ๆ การวเิ คราะห์และการแจกแจง การสรปุ และการประเมนิ ผลเพอ่ื นาเอาไปใช้

2. ใช้หลักของเหตุและผลโยไม่คานึงถึงข้ันตอนตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ แต่จะพิจารณาที่
ความน่าเช่อื ถอื และความสมเหตสุ มผล

แนวควำมคดิ ของ Frederick W. Taylor

Taylor เป็นวิศวกรเคร่ืองยนต์ซ่ึงทางานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก เป็นผู้ริเริ่ม
คดิ ค้นหาวิธกี ารเพม่ิ ประสิทธภิ าพให้กับการทางานในโรงงาน โดยมุ่งเนน้ ให้ผู้ปฏบิ ัติงานใช้แรงงานและ
ความสามารถท่ีมีอย่างเต็มที่ เช่ือว่ามนุษย์ชอบหลีกเลี่ยงงาน การใช้ระบบค่าจ้างงานต่อชิ้นจะเป็น

35

เคร่ืองมือช่วยกระตุ้นให้มนุษยท์ างานได้มากยิ่งข้ึนและเชื่อในหลักของการแบ่งแยกงานกนั ทา ว่าจะทา
ใหม้ นุษย์ได้ทางานตามความถนดั ของตนอนั จะเปน็ ผลทาให้งานน้ันมปี ระสิทธภิ าพสูงขึน้

การจัดการโดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ( Scientific Management) ตาม
แนวความคิดของ Taylor ประกอบด้วย

1. หลักการท่ัวไปท่ีคงท่ี ได้แก่ ความเช่ือเบื้องต้นหรือเรียกว่าสมมุติฐานเบื้องต้น ซึ่งจะมี
ลักษณะเป็นหลักการทั่วไปที่ไม่เปลี่ยนแปลง ผู้บริหารจะต้องค้นหาวิธีการทางานที่มีประสิทธิภาพ
สูงสุด

2. ปรัชญาที่แน่นอนที่สามารถนาไปปรับใช้ได้ในหลาย ๆ ทาง ได้แก่ วิธีการต่าง ๆ ท่ีจะ
นามาใช้ในการบริหาร Taylor เสนอให้มีการกาหนดมาตรฐานของงาน กาหนดวิธีการปฏิบัติงาน
วิธีการควบคุมงาน ตลอดจนระเบียบวนิ ัยในการทางาน

3. คาอธิบายถึงเหตุผลที่ว่า หลักการท่วั ไปและปรชั ญาท่แี น่นอนดังกล่าว เป็นวิธีการที่ถูกต้อง
เป็นไปตามหลักของประสิทธิภาพสูงสุด ต้องสามารถให้เหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าการกาหนด
มาตรฐานและวธิ กี ารปฏิบัตงิ านเปน็ วธิ ีทจ่ี ะกอ่ ให้เกิดประสทิ ธิภาพสงู สุด

ภายใต้แนวความคิดของ Taylor นั้น ความสัมพันธ์ของบุคคลภายในองค์การจะต้องเป็นไป
ตามระเบียบและข้อกาหนดขององค์การ ใช้หลักของเหตุผลเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหา โดยละเวน้ ที่จะ
ใชค้ วามคดิ เหน็ ส่วนตัว ผลประโยชน์ส่วนตวั ตลอดถงึ ผลประโยชน์ของกลุ่ม

ในการบริหารงานตามหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์นั้น Taylor เสนอหลัก 4 ประการ ที่ควร
นามาใช้คือ

1. พฒั นาความรู้ในทุก ๆ ดา้ นโดยใช้หลกั เกณฑ์ทางวทิ ยาศาสตร์
2. ใช้หลักเกณฑ์ทางวทิ ยาศาสตร์ในการคัดเลือกบุคคลเพือ่ ค้นหาความถนัด
3. ผู้บรหิ ารจะตอ้ งร่วมมืออย่างใกลช้ ิดกับผปู้ ฏิบัตงิ านเพ่ือให้งานดาเนนิ ไปตามมาตรฐาน
4. ผ้บู รหิ ารและผ้ปู ฏิบตั งิ านต่างตอ้ งรับผิดชอบในงานของตน ถ้าผู้ปฏบิ ตั ิงานทาพลาด
4. ผบู้ รหิ ารต้องร่วมรับผิดชอบดว้ ย

Taylor เชือ่ ว่ามนุษยช์ อบหลกี เลี่ยงงาน เปรียบการหลีกเล่ยี งงานของมนษุ ย์กับภาวะที่มนุษย์
ท้ังหลายชอบหนีการเป็นทหารทงั้ ๆ ที่เป็นหน้าที่ที่ต้องกระทา ในองค์การมนษุ ย์มีหน้าที่ท่ีต้องกระทา
เชน่ กัน แตใ่ นทางปฏิบตั มิ ักจะชอบหลกี เล่ียงงาน โดยแบ่งการหลีกเลย่ี งงานออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คอื

1. การหลีกเล่ียงงานโดยธรรมชาติ (Natural Soldiering) เช่ือว่าการหลีกเล่ียงงานเป็น
พฤติกรรมโดยธรรมชาติของมนุษย์ ทเ่ี ป็นเช่นน้ีเพราะมนุษยไ์ ม่ชอบทางาน ไมช่ อบให้ตัวเองต้องเหน็ด
เหน่ือยจากการทางาน

2. การหลีกเลี่ยงงานโดยอาศัยระบบ (Systematic Soldiering) ได้แก่ การใช้ระบบของงาน
ในองค์การเป็นเครื่องมือ เพ่ือปิดบังไม่ให้ผู้บังคับบัญชาล่วงรู้ถึงปริมาณงานแท้จริงท่ีตนเองทา

36

พยายามให้เห็นว่าตนเองมีงานล้นมืออยู่แล้ว ท้ังนี้เพราะกลัวว่าจะได้รับงานเพิ่มขึ้น ดังคาที่ว่า “ทาไม
ตนเองจะต้องทางานให้หนัก ในเม่ือคนอื่น ๆ ต่างขี้เกียจทางานไปกว่าตน ซ้ายังได้ค่าจ้างเท่ากับตน”
ความคิดเช่นนี้ทาให้มนุษย์ทางานเพียงเท่ากับมาตรฐานข้ันต่าของการทางาน และจึงทาให้เกิดระบบ
การใหค้ ่าจ้างตอ่ ชน้ิ (Piece Rate System) ข้ึนในเวลาต่อมา

แนวควำมคดิ ของ Henry L. Gantt

ต้องการให้ผู้ปฏิบัติงานในโรงงานทางานให้เป็นกิจวัตร เสนอให้ใช้ Gantt Chart แผนภูมิ
ควบคุมเวลาในการทางาน โดยทาตารางเวลากาหนดว่า งาน หรือกิจกรรมใดควรเร่ิมเวลาใด วันใด
สนิ้ สุดเมื่อใด ตารางอาจเปน็ ตารางรายชั่วโมง รายวนั รายสปั ดาห์ หรือรายเดือน

Gantt ยังศึกษาเรื่องความเบ่ือหน่ายในการทางาน และเสนอระบบจูงใจที่ช่ือ Task and
Bonus System โดยเสนอว่า ใครท่ีทางานได้ตามมาตรฐานของงานจะต้องได้รับโบนัส โดยใช้อัตรา
ค่าจ้างเดยี วกนั ท้ังหมด

แนวควำมคิดของ Frank และ Lillian Gilbreths

ศึกษาเรื่องวิเคราะห์หามาตรฐานของงานโยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง การ
เคลื่อนไหวของผู้ปฏบิ ัติงานและระยะเวลาท่ีใช้ (Motion and Time Study) เช่ือว่าเปน็ วิธที ่ีจะค้นหา
ประสิทธิภาพสูงสุดในการทางาน และกล่าวว่าการบริหารเป็นแขนงหนึ่งของมนุษย์ศาสตร์ (Human
Sciences) ทม่ี คี วามสมั พันธ์กับแขนงอน่ื ๆ เชน่ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา จิตวิทยา จิตแพทย์ ฯลฯ

4.2.3 ทฤษฎีกำรบรหิ ำร

แนวควำมคดิ ของ Henri Fayol

Fayol ศึกษาถึงหลักขององค์การและการจัดการ (Principles of Organization and
Management) และแบง่ กจิ กรรมหรือสว่ นประกอบของการบรหิ าร (Functions of Administration)
ไวเ้ ป็น 5 ข้นั คือ POCCC

P คือ การวางแผน (Planning) การวางแนวทางการดาเนนิ งานไว้สาหรับอนาคต โดย
คอื มุ่งในอันทบี่ รรลุวตั ถปุ ระสงคข์ ององค์การ

O คือ การจดั รูปแบบงาน (Organizing) การจัดโครงสรา้ งองค์การด้วยการกาหนด
คอื ตาแหน่งหน้าทีค่ วามรบั ผิดชอบ ตลอดจนสายการบังคับบญั ชาไว้อยา่ งชดั เจน

C คอื การส่งั การ (Commanding) การกาหนดภารกิจตา่ ง ๆ และสงั่ งานให้กับ
คอื ผูใ้ ต้บังคบั บญั ชา

C คือ การประสานงาน (Coordinating) การประสานงานกบั หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้
คอื เกดิ ผลลัพธ์ที่พงึ ประสงค์ในทางการบรหิ าร

37

C คือ การควบคุมบังคบั บญั ชา (Controlling) การตรวจสอบและควบคุมการทางาน
คอื ของผ้ใู ตบ้ ังคับบญั ชาให้เป็นไปตามนโยบายและคาสัง่ ที่ได้รับมอบหมาย

Fayol มองว่าหลักการบริหารทั้ง 5 ประการน้ี เป็นกระบวนการท่ีสามารถเรียนรู้กันได้และ
องค์การทุกแห่งต่างก็ต้องใช้หลักการดังกล่าวในการบริหารเหมือนกัน Fayol จึงได้คิดสร้างหลักการ
บริหารที่เรียกว่า “หลักการท่ัวไป” ของการบริหารขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารองค์การ
ประกอบด้วยหลัก 14 ขอ้ คอื

1. การแบง่ งานกนั ทา
2. อานาจหน้าที่และความรบั ผดิ ชอบ
3. เอกภาพในการส่ังการ
4. เอกภาพในการอานวยการ
5. การรวมอานาจ
6. สายการบังคับบัญชา
7. วินัย
8. ระเบียบข้อบังคบั
9. เนน้ ผลประโยชน์องคก์ าร
10. เนน้ ความเสมอภาค
11. ความม่ันคง
12. องค์การต้องสนบั สนุนการสร้างสรรค์ของบุคคล
13. ความร่วมแรงร่วมใจ
14. การจา่ ยคา่ ตอบแทนทีพ่ ึงพอใจ

จากหลักท่ัวไปของการบริหารท้ัง 14 ข้อ ข้างต้นน้ัน มีอยู่หลักการหนึ่งท่ี Fayol ให้
ความสาคัญมากที่สุดก็คือเรื่องของเอกภาพในการบังคับบัญชา เพื่อที่จะสามารถสั่งการและความคุม
การปฏิบัติงานให้เกิดผลท่ีดี ซึ่งจากหลักการบริหารดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเน้นให้ความสาคัญกับหน้าท่ี
ของผ้บู งั คบั บัญชาชั้นสูงในองคก์ าร และยังคงให้ความสาคญั กบั องคก์ ารทมี่ ลี กั ษณะเป็นทางการ

หลักขององค์การและการจัดการของ Fayol เป็นหลักของทฤษฎีองค์การท่ีเป็นทางการที่มี
ความคล้ายคลึงกับทฤษฎีระบบราชการของ Weber มาก Fayol ยังเป็นผู้ริเร่ิมในการศึกษาถึง
กิจกรรมหรือส่วนประกอบของการบริหาร เป็นการศึกษาในเชิงกระบวนการ ทาให้เกิดการศึกษาใน
แนวน้ีสบื เน่อื งกนั มาถงึ ปจั จุบนั

แนวควำมคิดของ Luther H. Gulick และ Lyndall Urwick

หลักการบริหารของ Gulick และ Urwick กล่าวถึงหน้าที่ของหนักบริหารว่าจะต้องมีหน้าท่ี
อะไรบ้างในองค์การ และท้ังสองก็สรุปออกมาว่าหน้าท่ีของผู้บริหารคือ POSDCORB อันประกอบไป
ด้วย

38

P คอื การวางแผน (Planning) การกาหนดแนวทางของกิจกรรมทีต่ อ้ งการกระทาและ
คือ วธิ กี ารตา่ ง ๆ ในการทากิจกรรมนน้ั ให้บรรลผุ ลสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีกาหนด

O คอื การจัดองค์การ (Organizing) การกาหนดโครงสรา้ งแห่งอานาจหนา้ ทีห่ รือ
คือ โครงสรา้ งสายการบังคบั บัญชาหรอื โครงสร้างองคก์ าร ซง่ึ จะมีการจาแนกถึงฝ่าย
คอื ต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่ในองค์การ ตลอดจนจาแนกถงึ ตาแหน่งงานแต่ละระดบั ของ
คือ องค์การและของแต่ละฝา่ ยในองค์การ ซ่งึ โดยมากนยิ มจดั ทาไวใ้ นรูปแผนภาพ

S คือ การบริหารด้านบุคลากรและงานสนบั สนุน (Staffing) การบรหิ ารคนในองค์การ
คอื เพื่อใหป้ ฏิบัตงิ านในสว่ นต่าง ๆ ขององคก์ าร เพื่อใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพและ
คือ ประสิทธิผล ตลอดจนกาหนดและพฒั นาฝา่ ยสนบั สนนุ ในองค์การและรักษาไว้ซง่ึ
คอื สภาพการทางานทด่ี ี

D คอื การอานวยการ (Directing) การวนิ จิ ฉัยสงั่ การเพ่ือให้การปฏิบตั ิเป็นไปตาม
คือ นโยบายและแผนทไ่ี ดว้ างไว้ ตลอดจนกากบั ดแู ล ตรวจสอบการปฏิบตั งิ านให้
คอื เป็นไปตามมาตรฐานทก่ี าหนดไว้

CO คือ การประสานงาน (Coordinating) การประสานงานกับหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทั้ง
คือ ภายในและภายนอกองคก์ าร เพอ่ื ให้การปฏบิ ัติงานเปน็ ไปอยา่ งคล่องตวั สมั พันธ์
คอื กันและตอบสนองตอ่ วัตถุประสงคข์ ององค์การ

R คอื การรายงาน (Reporting) การรายงานผลการปฏิบตั ิงานในองค์การให้ทุกฝา่ ยท่ี
คอื เก่ียวข้องได้ทราบว่าผลการดาเนนิ การเปน็ อย่างไร ก้าวหนา้ มากน้อยเพยี งใด ซ่ึง
คอื โดยมากแล้วการรายงานที่เป็นทางการมกั เป็นแบบลายลกั ษณ์อักษร

B คอื การงบประมาณ (Budgeting) การวางแผนตรวจสอบและควบคมุ ทางการเงนิ
คือ เพ่ือให้ใช้งบประมาณในการดาเนนิ การอย่างประหยัดและได้รบั ผลงานที่คมุ้ ค่า
คอื กบั การลุงทุน

การศึกษาเก่ยี วกับลักษณะของของผูป้ ฏิบตั ิงานในองค์การ นักทฤษฎีการบริหารแบง่ ประเภท
ของผู้ปฏบิ ตั ิงานออกเป็น 2 ประเภท คอื

1. พนักงานปฏิบัติงาน (Line Officer) คือ พนักงานที่มีอานาจหน้าท่ีในการสั่งการบังคับ
บญั ชาและปฏิบัติหน้าท่ีตามวัตถุประสงคข์ ององคก์ าร นอกจากนพี้ นักงานปฏบิ ัติการจะต้องมีตาแหน่ง
อยู่ในสายการบังคับบัญชาขององค์การ และรับคาส่ังตามลาดับขั้นจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดไปยัง
ผู้ปฏิบตั ิงานระดับต่าสุด

2. พนักงานที่ปรึกษา (Staff Officer) คือพนักงานท่ีคอยช่วยเหลือพนักงานปฏิบัติการให้
ทางานได้มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน การมีพนักงานท่ีปรึกษาเป็นไปตามหลักแห่งการแบ่งแยกหน้าท่ี
การทางานตามความชานาญเฉพาะด้าน อย่างไรก็ตามเม่ือยึดหลักของเอกภาพในการบังคับบัญชา
พนักงานที่ปรึกษาจึงไม่มีอานาจหน้าท่ีในการส่ังการและตัดสินใจใด ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับวัตถุประสงค์ใน
การดาเนินงานขององค์การ พนักงานท่ีปรึกษาเป็นเพียงผู้ให้คาแนะนา ให้ข้อมูล และคอยช่วยเหลือ
พนักงานปฏิบตั ิการเท่านน้ั

39

4.2.4 กำรทดลองทฮ่ี อร์ทอรน์ (Hawthorne Experiment)

การศึกษาท่ีเรียกว่า ฮอร์ทอร์น (Hawthorne Study) มีขึ้นท่ีบริษัท Western Electric
Company ในเมืองฮอร์ทอร์นซ่ึงอยู่ในปริมณฑลของนครชิกคาโก ระหว่าง ค.ศ.1927-1932 ภายใต้
การควบคุมของ Elton Mayo

การศึ กษา ดังก ล่าว มีวัตถุ ประสงค์ เพ่ือ สาร วจคว ามสั มพัน ธ์ ระหว่าง สภา พแว ดล้อ มทา ง
กายภาพกับผลิตภาพในการทางาน สภาพแวดล้อมทางกายภาพในสถานท่ีทางานถูกกาหนดข้ึนโดย
ปจั จัยดงั ต่อไปน้ี

1. ความเข้มของแสงสวา่ ง
2. ระดับของอุณหภมู ิ
3. เงือ่ นไขทางกายภาพในการทางานอน่ื ๆ

ผทู้ าการทดลองได้พยายามหาผลลัพธ์ของการทางานภายใต้ปัจจัยหรือเงื่อนไขทางกายภาพท่ี
กาหนดขึ้นดังกล่าว ท้ังนี้เพ่ือพิสูจน์ความเชื่อที่ว่า “เม่ือเงื่อนไขในการทางานได้รับการปรับปรุงให้อยู่
ในสภาพท่ีสมบูรณ์จะเป็นผลทาให้องค์การมีผลิตภาพในการทางานเพิ่มข้ึน” ซึ่งได้ทาการทดลอง 3
ครั้ง อาจสรุปผลการทดลองได้ว่า “ปทัสถานทางสังคมของกลุ่ม เป็นกุญแจสาคัญในการตัดสิน
พฤติกรรมในการทางานของกลุ่ม การท่ีเราตัดปัจจัยเก่ียวกับปทัสถานทางสังคมของกลุ่มออกไปจาก
ระบบการบริหารองค์การตามความเช่อื ของพวกคลาสสิก จะเป็นผลทาให้เราไม่อาจบริหารองคก์ ารให้
เกดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ ได้”

การศึกษาที่ฮอร์ทอร์น (Hawthorne Study) มีอิทธิพลต่อแนวทางการศึกษาองค์การและ
การบริหารและยังเป็นท่ียอมรับของนักวิชาการทางการบริหารในยุคต่อ ๆ มาว่า ความต้องการของ
ปัจเจกบุคคลและพฤติกรรมของกลุ่ม มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดต่อผลิตภาพในการทางานของ
ปัจเจกบคุ คลและกลมุ่

4.2.5 สมมุติฐำนเกยี่ วกับธรรมชำตขิ องมนษุ ย์ ของ Douglas M. McGregor

McGregor ช้ใี ห้เห็นถึงลักษณะทางธรรมชาติของมนษุ ย์ในลักษณะทแ่ี ตกต่างกันอย่างชัดแจ้ง
เปน็ 2 รปู แบบ ซึ่งเขาแบง่ แยกเปน็

1. รปู แบบของทฤษฎี X (Theory X) คือ มองคนในแงล่ บ ขี้เกียจ ขาดความรับผิดชอบ
ต่อตา้ นการเปลี่ยนแปลง ขาดความกระตือรือรน้ ชอบเปน็ ผู้ตามมากกวา่ ผ้นู า

2. รูปแบบของทฤษฎี Y (Theory Y) คอื เป็นการมองคนในแง่บวก ขยัน มคี วามเป็นผนู้ า
ตอ้ งการพัฒนาตนเองเพอ่ื ปฏบิ ตั งิ านอยา่ งเต็มศักยภาพ

40

4.2.6 ทฤษฎกี ำรจงู ใจ ของ Frederick Herzberg
ทฤษฎีการจูงใจของ Herzberg หรือที่เรียกกันว่า Hygiene Theory จากผลการทดลองสรุป
ได้ว่า ระบบการทางานในองค์การน้ันมีปัจจัยอยู่ 2 จาพวกท่ีจะมีส่วนสร้างความพึงพอใจหรือไม่พึง
พอใจให้กับพนกั งาน อันได้แก่
1. ปัจจัยที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจ (Motivator Factors) หมายถึง ปัจจัยท่ีเมื่อพนักงานใน
องค์การได้รับการตอบสนองแล้ว จะสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานและเป็นผลทาให้เกิดแรงจูงใจ
ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ปัจจยั จาพวกนี้ได้แก่
1. ความสาเรจ็ ในหน้าทกี่ ารงาน
2. ความยอมรบั นบั ถอื จากผรู้ ่วมงาน
3. ลักษณะของงาน
4. ความรบั ผิดชอบ
5. ความก้าวหน้าในการงาน
อัตราความพึงพอใจเมื่อได้รับการตอบสนองในปัจจัยดังกล่าวจะเรียงลาดับจากปจั จัยท่ี 1 ลง
มาถงึ ปัจจยั ที่ 5 ตามลาดบั
2. ปจั จยั ท่ีกอ่ ใหเ้ กิดความไม่พงึ พอใจข้ึนได้ (Hygiene Factors) หรือบางทีเรียกว่าเป็นปัจจัย
ดา้ นสขุ ภาพ หมายถึง ปัจจัยท่ีเมื่อพนักงานในองค์การไม่ได้รบั การตอบสนองแล้วจะสรา้ งให้เกิดความ
ไม่พึงพอใจในการปฏิบัติงานข้ึนได้ ปัจจัยประเภทน้ีถ้าขาดหรือบกพร่องไปจะก่อให้เกิดความไม่พอใจ
ขึ้นได้ แต่ถ้าหากไม่ขาดไม่บกพร่องก็ไม่ได้สร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน แม้จะเพ่ิมปัจจัย
จาพวกนี้ก็ไม่เป็นผลทาให้พนักงานมีความพึงพอใจและกระตือรือร้นที่จะทางานอย่างมีประสิทธิภาพ
ในระยะยาวขนึ้ ได้ ปจั จยั จาพวกนไี้ ด้แก่
1. นโยบายและการบริหารงาน
2. เทคนิคและการควบคุมงาน
3. เงนิ เดอื น
4. ความสมั พนั ธภ์ ายในตอ่ ผบู้ ังคบั บัญชา
5. สภาพการทางาน
อัตราความไมพ่ งึ พอใจเมื่อได้รบั การบาบัดจะมมี ากและน้อยเป็นลาดับจากปจั จัยท่ี 1 ลงมาถึง
ปัจจัยที่ 5 ตามลาดับ

41

4.2.7 ทฤษฎีลำดับขัน้ ควำมตอ้ งกำร ของ Abraham H. Maslow

Maslow ได้ศึกษาถึงระดับของความต้องการของมนุษย์และแบง่ ระดบั ของความต้องการของ
มนษุ ย์ออกเป็น 5 ระดับ คอื

1. ความต้องการทางกายภาพ เป็นความต้องการขั้นต่าสุดของมนุษย์ ได้แก่ ความต้องการท่ี
เป็นพ้ืนฐานในการดารงชีวิต เช่น ความต้องการที่จะรับประทานอาหาร ความต้องการที่จะพักผ่อน
ความตอ้ งการอากาศทีจ่ ะหายใจ ความตอ้ งการทจี่ ะออกกาลังกาย

2. ความต้องการความปลอดภัยในชีวิต เข่น ความปลอดภัยในทรัพย์สิน ความปลอดภัยจาก
อบุ ัติเหตุ โจรผูร้ ้าย และภัยธรรมชาติ

3. ความต้องการท่ีจะเข้าร่วมในสงั คม เปน็ ความต้องการท่ีจะเข้าไปมีส่วนร่วม ตอ้ งการมีมิตร
สหาย และต้องการที่จะให้ตนเองเปน็ ทย่ี อมรบั ของผู้อน่ื

4. ความต้องการที่จะได้รับความสาเร็จในหน้าท่ีการงาน เป็นความต้องการที่จะให้ตนเอง
ได้รับความสาเร็จในหน้าที่การงาน ได้รับเกียรติ ช่ือเสียง มีสถานะภาพที่ม่ันคงในหน้าที่การงาน และ
เป็นทย่ี อมรบั นับถือของผูร้ ว่ มงาน

5. ความต้องการท่ีจะได้รับความสาเร็จในชีวิตตามอุดมการณ์ที่ตัวเองได้ต้ังไว้ ความต้องการ
ข้นั สงู สดุ ของมนุษยไ์ ดแ้ กค่ วามต้องการทีจ่ ะได้รับความสาเร็จในชีวิตตามอุดมการณ์ทตี่ ัวเองได้ต้งั เอาไว้
ซงึ่ ความต้องการดังกล่าวนี้จะแตกต่างกันออกไปตามบคุ ลกิ ภาพ จิตภาพ และทัศนคติของแต่ละบุคคล
และมนษุ ยอ์ าจไม่สามารถบรรลุซึ่งความต้องการขั้นสดุ ท้ายนีไ้ ด้ทกุ คน

ความต้องการทั้ง 5 ข้ันดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กัน และเกิดต่อเนื่องกันตลอดเวลา เมื่อ
ความต้องการในขั้นใดได้รับการบาบัด มนุษย์ก็จะเกิดความต้องการในขั้นถัดไป และความต้องการใน
ข้นั กอ่ นหน้านน้ั จะลดนอ้ ยลงไปตามลาดับ

4.2.8 รปู แบบวัฒนธรรมองค์กำร ของ Gordon

Gordon เห็นวา่ ควรให้ความสาคญั กับวฒั นธรรมองคก์ ารท่ีเกีย่ วกบั ความนา่ เช่ือถือ การให้
ความสาคัญกบั ลกู คา้ ความยืดหยุ่นและการนาเทคโนโลยีมาใชเ้ พอ่ื ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ซง่ึ
ทาใหเ้ กดิ วฒั นธรรมองค์การ 4 รูปแบบ ไดแ้ ก่

1. วฒั นธรรมแบบขบั เคลือ่ นด้วยกระบวนการ
2. วัฒนธรรมแบบเนน้ ผลลัพธด์ ้านเวลา
3. วัฒนธรรมแบบเครือขา่ ย
4. วฒั นธรรมแบบเนน้ บทบาทหน้าท่ี

42


Click to View FlipBook Version