๔๕
๔๖
๔๗
๔๘
๔๙
๕๐
๕๑
๕๒
๕๓
๕๔
๕๕
๕๖
๕๗
๕๘
๕๙
๖๐
๖๑
๖๒
๖๓
๖๔
๖๕
๖๖
๖๗
๖๘
๖๙
๗๐
๗๑
๗๒
๗๓
๗๔
๗๕
๗๖
๗๗
๗๘
๗๙
๘๐
๘๑
๘๒
๘๓
๘๔
๘๕
๘๖
๘๗
๘๘
๘๙
การรบั วางทรัพย์
ของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี
ตามประมวลกฎหมายทีด่ นิ
ตามพระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองประชาชน
ในการทำสัญญาขายฝากทด่ี นิ
เพ่อื เกษตรกรรมหรือทีอ่ ยูอ่ าศัย
พ.ศ. ๒๕๖๒
๙๓
การวางทรัพย์อนั เป็นสนิ ไถ่
พระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่
อาศัย พ.ศ.๒๕๖๒ ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ และ
มผี ลบงั คับใช้เมื่อวนั ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ เปน็ ต้นไป
มาตรา ๒ “...เว้นแต่บทบัญญัติในมาตรา ๑๘ ในส่วนที่กำหนดให้วางทรัพย์อันเป็นสิน
ไถ่ต่อสำนกั งานท่ีดินจังหวัดหรือสำนกั งานที่ดินที่รับจดทะเบียนการขายฝาก ให้ใชบ้ ังคับเม่ือพ้นกำหนด
หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา” (มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๒)
มาตรา ๑๐ วรรคสอง “...แต่ในกรณีที่มีการวางทรัพย์ ผู้วางทรัพย์ต้องวางทรัพย์ตาม
จำนวนสินไถ่ ที่กำหนดไว้ในสัญญา...”
มาตรา ๑๘ “ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือ
ภายในเวลาที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ โดยอาจชำระสินไถ่ให้แก่ผู้ซือ้ ฝาก หรือวางทรัพย์อันเป็นสิน
ไถ่ต่อสำนักงานวางทรัพย์หรือสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินที่รับจดทะเบียนการขายฝาก
ทรพั ยส์ ินนนั้ โดยสละสทิ ธถิ อนทรัพย์ท่ีได้วางไว้
ในกรณีที่ผู้ขายฝากไม่อาจใช้สิทธิไถ่กับผู้ซื้อฝากได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดอันมิใช่เปน็
ความผิดของผู้ขายฝาก ให้ผู้ขายฝากมีสิทธิวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ต่อสำนักงานวางทรัพย์หรือ
สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินที่รบั จดทะเบยี นการขายฝากทรัพย์สินนัน้ ได้ภายในสามสิบวัน
นับแต่วันถึงกำหนดเวลาไถ่หรือนับแต่วันที่เหตุที่ทำให้ไม่อาจใช้สิทธิไถ่ดังกล่าวได้สิ้นสุดลง แล้วแต่กรณี
และให้ถือวา่ ผู้ขายฝากไดไ้ ถท่ รัพย์สินทีข่ ายฝากตามกำหนดเวลาไถแ่ ล้ว
ให้ทรัพยส์ นิ ทขี่ ายฝากตกเป็นกรรมสิทธ์ิของผูข้ ายฝากตง้ั แตเ่ วลาทผี่ ขู้ ายฝากได้
ชำระสนิ ไถห่ รอื วางทรัพย์อันเป็นสนิ ไถ่ แลว้ แตก่ รณี
ในกรณีที่ได้วางทรัพย์ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้เจ้าพนักงานของสำนักงาน
วางทรัพย์หรือสำนักงานที่ดิน แล้วแต่กรณี มีหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้
ผู้ซื้อฝากทราบถึงการวางทรัพย์โดยพลัน โดยผู้ขายฝากไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๓๓๓ วรรคสาม
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย”์
๙๔
โดยบทบัญญัติตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญา
ขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ.๒๕๖๒ ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงาน
ที่ดินที่รับจดทะเบียนขายฝากทรัพย์สินนั้นเป็นสถานที่วางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ มีสาระสำคัญ สรุปได้
ดงั นี้
๑. ในการวางทรัพย์ ผู้วางทรัพย์ต้องวางทรัพย์ตามจำนวนสินไถ่ที่กำหนดไว้ใน
สัญญา (มาตรา ๑๐ วรรคสอง)
๒. ในกรณีที่ผู้ขายฝากไม่อาจใช้สิทธิไถ่กับผู้ซื้อฝากได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดอันมิใช่เป็น
ความผิดของผู้ขายฝาก ผู้ขายฝากมีสิทธิวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงาน
ที่ดินที่รับจดทะเบียนการขายฝากทรัพย์สินนั้นได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันถึงกำหนดเวลาไถ่หรือ
นับแต่วันที่เหตุท่ีทำใหไ้ มอ่ าจใช้สทิ ธไิ ถ่ดังกลา่ วได้ส้นิ สดุ ลง แล้วแตก่ รณี (มาตรา ๑๘ วรรคสอง)
๓. กรณีที่วางทรัพย์ต่อสำนักงานที่ดิน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดิน
มีหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ผู้ซื้อฝากทราบถึงการวางทรัพย์โดยพลัน
(มาตรา ๑๘ วรรคส)่ี
ดังนั้น ระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ ณ สำนักงาน
ที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
หรือท่ีอยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๖๒
มโี ครงสรา้ งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
(๑) หมวด ๑ บททั่วไป
(๒) หมวด ๒ การรับคำขอวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ ณ สำนักงานที่ดินที่รับจด
ทะเบียนขายฝากไว้
(๓) หมวด ๓ การรับคำขอวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ ณ สำนักงานที่ดิน
จังหวัด และสำนกั งานท่ดี ินกรุงเทพมหานคร ทม่ี ิได้รบั จดทะเบยี นขายฝากไว้
(๔) หมวด ๔ การขอรบั สินไถ่
(๕) หมวด ๕ การรับเงิน การนำเงินฝากคลัง การเบิกเงิน การจ่ายเงินและโอน
ขายบลิ
ทั้งนี้ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น
ไป
และมีรูปแบบกระบวนงานปรากฏตามแผนภูมิ ๑ ถงึ ๓