The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1. ข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น 2560 มหาวิทยาลัยบูรพา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Putsakit Susane, 2021-08-12 12:34:42

แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น 2560 มหาวิทยาลัยบูรพา

1. ข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น 2560 มหาวิทยาลัยบูรพา

70

พระรำชบญั ญตั ิเทศบำล พ.ศ. 2496 และแก้ไขเพ่ิมเตมิ ฉบับท่ี 13 พ.ศ. 2552 (ออก 3 ข้อ)
-ใหเ้ ทศบำลเป็นทบวงกำรเมือง มอี ำนำจหน้ำทต่ี ำมพระรำชบญั ญัติและกฎหมำยน้ี
-เม่ือมีกำรจดั ต้งั เทศบำลตำมพระรำชบญั ญตั นิ ้ี หรือกฎหมำยวำ่ ด้วยสภำตำบลและองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล ให้
เลือกต้งั สมำชิกสภำเทศบำลและนำยกเทศมนตรีตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเลือกตัง้ สมำชิกสภำทอ้ งถนิ่ หรือผู้บริหำร
ท้องถ่ินภำยใน 45 นบั แตว่ ันท่ไี ด้จัดต้ังเปน็ เทศบำล
-เทศบำลตำบล ได้แก่ ทอ้ งถิ่นซง่ึ มีประกำศกระทรวงมหำดไทยยกฐำนะ ขน้ึ เป็นเทศบำลตำบล
-เทศบำลเมอื ง ไดแ้ ก่ ทอ้ งถิ่นอันเปน็ ทีต่ ้งั ศำลำกลำงจงั หวัด หรือ ท้องถิน่ ชมุ ชนทีม่ ีรำษฎรตง้ั แต่ 10,000 คนข้นึ ไป
ทั้งมีรำยไดพ้ อควรแก่กำรทจี่ ะปฏบิ ัตหิ น้ำทอ่ี นั ตอ้ งทำตำมพระรำชบัญญตั ิน้ี
-เทศบำลนคร ไดแ้ ก่ ท้องถน่ิ ชมุ ชนท่มี ีรำษฎรตัง้ แต่ 50,000 คนขน้ึ ไป ท้งั มีรำยไดพ้ อควรแก่กำรทจ่ี ะปฏิบัติหนำ้ ที่อนั
ต้องทำตำมพระรำชบัญญตั นิ ี้
-กำรเปลยี่ นช่ือ กำรเปลยี่ นแปลงเขต ให้ทำเป็น ประกำศกระทรวงมหำดไทย
-องค์กำรเทศบำล ประกอบดว้ ย สภำเทศบำล และนำยกเทศมนตรี
-สภำเทศบำลประกอบด้วย

-สภำเทศบำลตำบล ประกอบด้วยสมำชิกจำนวน 12 คน
-สภำเทศบำลเมือง ประกอบด้วยสมำชกิ จำนวน 18 คน
-สภำเทศบำลนคร ประกอบด้วยสมำชกิ จำนวน 24 คน
-สมำชกิ สภำเทศบำลใหอ้ ยู่ในตำแหน่งได้ครำวละ 4 ปี นบั แตว่ ันเลอื กตง้ั
-สมำชกิ สภำเทศบำลวำ่ งลงเพรำะเหตุอ่นื นอกจำกถึงครำวออกตำมวำระหรือมีกำรยบุ สภำ ใหเ้ ลือกต้งั สมำชกิ สภำ
เทศบำลข้นึ แทนตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเลือกต้งั สมำชิกสภำทอ้ งถ่นิ หรือผบู้ รหิ ำรทอ้ งถน่ิ
-ให้ 1 ปี ใหม้ ีสมยั ประชมุ สำมญั 4 สมัย สมยั ประชมุ สำมัญครง้ั แรกและวนั เรม่ิ ประชมุ สมัยสำมัญประจำปีใหส้ ภำ
เทศบำลกำหนด
-ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวดั ตอ้ งกำหนดให้สมำชิกสภำเทศบำลได้มำประชมุ สภำเทศบำลครั้งแรกภำยใน 15 วันนบั แต่วัน
ประกำศผลกำรเลือกตั้งสมำชิกสภำครบตำมจำนวนแลว้
-สมัยประชุมสำมญั สมยั หนงึ่ ใหม้ กี ำหนดไมเ่ กิน 30 วัน แต่ถ้ำจะขยำยเวลำออกไปอีก จะต้องไดร้ ับอนญุ ำตจำกผู้วำ่
รำชกำรจังหวัด
-สมัยประชุมวิสำมัญ ให้มกี ำหนดไม่เกิน 15 วัน แต่ถ้ำจะขยำยเวลำออกไปอกี จะตอ้ งได้รับอนญุ ำตจำกผวู้ ่ำรำชกำร
จังหวดั
นำยกเทศมนตรี
บคุ คลผมู้ ีสทิ ธสิ มัครรบั เลอื กตั้งเปน็ นำยกเทศมนตรตี อ้ งมี
คุณสมบัติและไม่มีลกั ษณะตอ้ งหำ้ มตำมกฎหมำยว่ำด้วยเลือกตั้งสมำชิกสภำท้องถ่ินหรือผบู้ ริหำร
ท้องถิน่ และต้องมคี ณุ สมบัติและไม่มลี กั ษณะตอ้ งห้ำม ดงั ตอ่ ไปน้ี ด้วย
(๑) มอี ำยุไมต่ ่ำกวำ่ 30 ปีบริบูรณ์ในวนั เลอื กตั้ง
(๒) สำเร็จกำรศึกษำไม่ต่ำกวำ่ ปรญิ ญำตรีหรือเทยี บเท่ำ หรือเคยเปน็ สมำชกิ สภำท้องถิน่ ผู้บริหำรท้องถ่ิน
หรอื สมำชิกรฐั สภำ

71

(๓) ไมเ่ ปน็ ผู้ท่พี ้นจำกตำแหน่งสมำชกิ สภำทอ้ งถนิ่ คณะผู้บริหำรทอ้ งถน่ิ หรือผู้บรหิ ำรท้องถิ่น รองผบู้ รหิ ำรทอ้ งถิ่น
หรือท่ปี รึกษำหรือเลขำนกุ ำรของผ้บู ริหำรท้องถน่ิ เพรำะเหตุมสี ว่ นได้เสียไม่ว่ำทำงตรงหรือทำงออ้ มในสัญญำท่ีกระทำ
กบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ยังไมถ่ งึ 5 ปี นบั ถึงวนั รับสมัครเลอื กตัง้
(๔) เคยเป็นสมำชิกสภำทอ้ งถนิ่ หรอื ผ้บู รหิ ำรท้องถ่ิน ซ่ึงถูกใหพ้ น้ จำกตำแหน่งเนื่องจำกกระทำกำรทจุ รติ หรือประพฤติ
มชิ อบ
-ให้นำยกเทศมนตรีดำรงตำแหนง่ นับตงั้ แต่วันเลือกตั้ง และมีระยะกำรดำรงตำแหนง่ ครำวละ 4 ปี นับแตว่ นั เลอื กตงั้
-เทศบำลตำบล ให้แตง่ ตั้งรองนำยกเทศมนตรไี ด้ไมเ่ กนิ 2 คน แตง่ ต้งั ทีป่ รึกษำและเลขำนกุ ำร ไดร้ วมกนั ไมเ่ กนิ 2 คน
-เทศบำลเมอื ง ใหแ้ ตง่ ต้ังรองนำยกเทศมนตรีไดไ้ ม่เกิน 3 คน แต่งตัง้ ทีป่ รกึ ษำและเลขำนุกำร ได้รวมกันไมเ่ กนิ 3 คน
-เทศบำลนคร ให้แต่งตงั้ รองนำยกเทศมนตรไี ด้ไมเ่ กิน 4 คน แต่งต้ังท่ีปรกึ ษำและเลขำนุกำร ไดร้ วมกนั ไม่เกนิ 5 คน
หมำยเหตุ คณุ สมบัตินี้ ใช้กบั รองนำยกเทศมนตรีดว้ ย

หนำ้ ท่ีของเทศบำล
-เทศบำลตำบล มหี นำ้ ที่ต้องทำในเขตเทศบำล ดังนี้

-รักษำควำมสงบเรยี บรอ้ ยของประชำชน -ใหม้ แี ละบำรุงทำงบกและทำงนำ้
-รกั ษำควำมสะอำดของถนน หรอื ทำงเดนิ และทสี่ ำธำรณะ รวมท้งั กำรกำจดั มูลฝอยและสิง่ ปฏิกลู
-ปอ้ งกันและระงับโรคติดตอ่ -ให้มีเคร่อื งใช้ในกำรดบั เพลงิ -ใหร้ ำษฎรได้รบั กำรศึกษำอบรม
-ส่งเสริมกำรพฒั นำสตรี เด็ก เยำวชน ผู้สงู อำยุ และผูพ้ กิ ำร -บำรุงศลิ ปะ จำรตี ประเพณี ภูมิปญั ญำทอ้ งถ่ิน
และวฒั นธรรมท้องถน่ิ
-เทศบำลตำบล อำจทำกจิ กำรใด ๆ ในเขตเทศบำล ดังน้ี
-ให้มนี ้ำสะอำดหรอื กำรประปำ -ให้มโี รงฆ่ำสตั ว์ -ใหม้ ีตลำด ท่ำเทยี บเรอื และทำ่ ข้ำม
-ใหม้ สี ุสำนและฌำปนสถำน -บำรงุ และสง่ เสรมิ กำรทำมำหำกินของรำษฎร
-ใหม้ แี ละบำรงุ สถำนท่ี ทำกำรพิทักษ์รักษำคนเจ็บไข้ -ใหม้ แี ละบำรุงกำรไฟฟ้ำหรือแสงสวำ่ งโดยวธิ อี น่ื
-ให้มีและบำรุงทำงระบำยนำ้ -เทศพำณชิ ย์
-เทศบำลเมอื ง มหี น้ำที่ตอ้ งทำในเขตเทศบำล ดังนี้
-เหมือนเทศบำลตำบล บวก ให้มกี ำรดำเนนิ กจิ กรรมโรงรบั จำนำหรอื สถำนสนิ เช่อื ทอ้ งถิ่น
-เทศบำลนคร มหี นำ้ ที่ต้องทำในเขตเทศบำล ดังน้ี
-เหมอื นเทศบำลตำบล บวก เมือง บวก –ให้มีและบำรงุ กำรสงเครำะหม์ ำรดำและเดก็
-กำรควบคมุ สุขลักษณะและอนำมัยในร้ำนจำหน่ำยอำหำร โรงมหรสพ และสถำนบรกิ ำรอนื่
-จัดกำรเก่ียวกบั ทีอ่ ยอู่ ำศยั และกำรปรับปรงุ แหลง่ เสื่อมโทรม
เทศบำลอำจทำกิจกำรนอกเขต เมอ่ื
-กำรน้ันจำเปน็ ต้องทำและเปน็ กำรท่ีเกีย่ วเนื่องกบั กจิ กำรทีด่ ำเนินตำมอำนำจหนำ้ ทอี่ ยภู่ ำยในเขตของตน
-ไดร้ บั ควำมยนิ ยอมจำกสภำเทศบำล คณะกรรมกำรสขุ ำภบิ ำล สภำจังหวัด หรือสภำตำบล
-ไดร้ บั อนมุ ัตจิ ำกรฐั มนตรวี ำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

72

เทศบำลอำจทำกำรร่วมกับบุคคลอน่ื โดยกอ่ ตั้งบริษัทจำกัด หรือ ถอื หุ้นในบรษิ ัทจำกดั เมอื่
-บริษทั จำกัดนั้น มวี ัตถปุ ระสงคเ์ ฉพำะเพื่อกจิ กำรคำ้ ขำยอนั เป็นสำธำรณปู โภค
-เทศบำลต้องถอื หนุ้ เป็นมูลค่ำเกินกว่ำรอ้ ยละ 50 ของทนุ ทีบ่ รษิ ทั น้ันจดทะเบียนไว้
-ได้รับอนุมัติจำกรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
-เทศบำลมีอำนำจตรำเทศบัญญตั โิ ดยไมข่ ัดหรือแย้งต่อบทกฎหมำย ในเทศบัญญตั ินัน้ จะกำหนดโทษปรบั

ผ้ลู ะเมิดเทศบัญญตั ิไว้ด้วยก็ได้ แตห่ ้ำมมใิ ห้กำหนดเกินกวำ่ 1,000 บำท
ถ้ำมกี จิ กำรใดอนั อยภู่ ำยใต้อำนำจหน้ำทขี่ องเทศบำล ต้งั แต่สองแห่งขึน้ ไป ใหจ้ ดั ตั้งเปน็ สหกำร
กำรจดั ตัง้ สหกำร ให้ตรำเปน็ พระรำชกฤษฎกี ำ (รวมถึงกำรกำหนดอำนำจหน้ำที่ กำรวำงระเบยี บ กำรยบุ )

-ร่ำงเทศบญั ญตั ิจะเสนอไดก้ ็แต่โดย -นำยกเทศมนตรี -สมำชกิ สภำเทศบำล -รำษฎรผ้มู สี ิทธิเลือกต้งั ใน
เขตเทศบำลตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเข้ำชอื่ เสนอขอ้ บัญญัตทิ อ้ งถน่ิ

-ภำยใน 7 วันนบั แต่วนั ท่สี ภำเทศบำลไดม้ มี ติเห็นชอบ ให้ส่งร่ำงฯ ไปยังนำยอำเภอ (เทศบำลตำบล) เพือ่ สง่
ตอ่ ไปยังผวู้ ่ำง (กรณีเทศบำลเมืองและนคร ไปยังผูว้ ่ำฯ โดยตรง) ผู้วำ่ ฯ ต้องพิจำรณำร่ำงฯ ใหเ้ สร็จและส่งคนื
ประธำนสภำเทศบำลภำยใน 15 วันแต่นับวนั ทไ่ี ด้รบั ร่ำงฯ ถ้ำผู้วำ่ รำชกำรจงั หวดั ไม่พิจำรณำใหแ้ ล้วเสรจ็ ภำยใน
ระยะเวลำทีก่ ำหนด ใหถ้ อื ว่ำผูว้ ่ำฯ เห็นชอบด้วยกับร่ำงฯ ถำ้ ผ้วู ่ำไม่เหน็ ชอบ และสง่ ร่ำงฯ คืน สภำเทศบำลฯ ต้อง
พจิ ำณำใหมภ่ ำยใน 30 วันนับแต่ได้รับร่ำงคืน ถ้ำสภำเทศบำล ยนื ยนั ตำมร่ำงฯ เดมิ ด้วยคะแนนเสียงไม่นอ้ ยกวำ่ 2
ใน 3 ของสมำชิกสภำ ให้ประธำนสภำสง่ รำ่ งเทศบัญญัตนิ ั้นให้นำยกเทศมนตรลี งนำมใช้บงั คบั เป็นเทศบญั ญตั ิ และ
แจ้งให้ผู้ว่ำทรำบ แต่ถ้ำสภำฯ ไม่ยืนยนั ภำยใน 30 วันนับแตว่ ันทไ่ี ดร้ ับรำ่ งคนื หรือยืนยนั ดว้ ยคะแนนเสยี งน้อยกวำ่ 2
ใน 3 ให้รำ่ งเทศบัญญัตนิ นั้ เปน็ อันตกไป

-ในกรณีที่สภำเทศบำลไม่รบั หลักกำรแหง่ รำ่ งเทศบัญญัติงบประมำณรำยจำ่ ยประจำปี หรอื เทศบญั ญัติ
งบประมำณรำยจำ่ ยเพมิ่ เติม ให้ผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวัดต้ังคณะกรรมกำรคณะหนง่ึ ประกอบด้วย กรรมกำรจำนวน 15 คน
เพ่อื พจิ ำรณำหำข้อยตุ ิควำมขดั แยง้ โดยแก้ไข ปรบั ปรงุ หรือยนั ยนื สำระสำคญั ในรำ่ งเทศบญั ญตั ิ

-คณะกรรมกำร ให้ประกอบด้วย -สมำชิกสภำฯเสนอโดยสภำฯ จำนวน 7 คน -บุคคลซงึ่ ไม่เปน็ สมำชิกสภำ
ฯเสนอโดยนำยก 7 คน และให้กรรมกำร 14 คน เสนอชอ่ื คนที่ไม่เปน็ นำยก รอง เลขำฯ ท่ปี รกึ ษำ และสมำชิก
สภำ ทำหน้ำท่ี ประธำน

-ให้คณะกรรมกำร พิจำรณำรำ่ งเทศบญั ญตั ใิ หแ้ ลว้ เสร็จภำยใน 15 วันนับแต่วนั ที่ได้แต่งตั้งประธำน
-เทศบำลอำจมีรำยได้ ดังต่อไปนี้

(๑) ภำษีอำกรตำมแตจ่ ะมีกฎหมำยกำหนดไว้
(๒) คำ่ ธรรมเนยี ม ค่ำใบอนญุ ำต และค่ำปรับ ตำมแตจ่ ะมกี ฎหมำยกำหนดไว้
(๓) รำยไดจ้ ำกทรพั ยส์ นิ ของเทศบำล
(๔) รำยไดจ้ ำกกำรสำธำรณปู โภคและเทศพำณิชย์
(๕) พนั ธบตั ร หรือเงินกู้ ตำมแตจ่ ะมกี ฎหมำยกำหนดไว้
(๖) เงนิ กูจ้ ำกกระทรวง ทบวง กรม องค์กำร หรือนติ บิ ุคคลตำ่ ง ๆ
(๗) เงินอุดหนนุ จำกรัฐบำลหรือองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจงั หวดั
(๘) เงินและทรัพยส์ นิ อย่ำงอน่ื ทมี่ ีผ้อู ทุ ศิ ให้
(๙) รำยไดอ้ ื่นใดตำมแตจ่ ะมีกฎหมำยกำหนดไว้

73

-คณะกรรมกำรที่ปรกึ ษำกำรเทศบำล ประกอบด้วย
-ปลัดกระทรวงมหำดไทย เป็นประธำน
-อธบิ ดีกรมส่งเสรมิ กำรปกครองท้องถิน่ อธบิ ดกี รมโยธำธิกำรและผงั เมอื ง อธิบดกี รมตำรวจ อธบิ ดีกรม

สำมญั ศึกษำ อธิบดกี รมวสิ ำมัญศึกษำ อธบิ ดีกรมกำรแพทย์ อธบิ ดีกรมอนำมยั ผอู้ ำนวยกำรสำนักงบประมำณ
ผูอ้ ำนวยกำรส่วนกำรปกครองท้องถ่ิน กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถน่ิ เป็นกรรมกำรโดยตำแหน่ง

-กรรมกำรอ่นื ซง่ึ รฐั มนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทยแตง่ ตัง้ อกี ไมเ่ กิน 5 คน
-ให้ผ้อู ำนวยกำรส่วนกำรปกครองท้องถน่ิ กรมสง่ เสริมกำรปกครองท้องถนิ่ เปน็ เลขำนุกำร
ใหค้ ณะกรรมกำรที่ปรึกษำกำรเทศบำล มีหน้ำทใี่ หค้ ำปรึกษำและเสนอข้อแนะนำแก่รัฐมนตรวี ่ำกำร
กระทรวงมหำดไทยเกยี่ วกบั กจิ กำรเทศบำลโดยทั่วไป
-กรรมกำรทปี่ รึกษำกำรเทศบำล ซึง่ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยแต่งต้ังอยู่ในตำแหน่งครำวละ 4 ปี
กรรมกำรท่ีปรึกษำเทศบำล ซ่งึ พน้ จำกตำแหนง่ อำจได้รบั แตง่ ต้ังอีกได้
-ผู้ว่ำรำชกำรจังหวดั มอี ำนำจหน้ำทีก่ ำกับดูแลกำรปฏิบตั ริ ำชกำรของเทศบำล

แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และแก้ไขเพิ่มเตมิ ฉบบั ที่ 13 พ.ศ. 2552

1. องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลสำมำรถจัดตง้ั เป็นเทศบำลได้ โดยทำเปน็ กฎหมำยใด

ก. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ข. พระรำชกฤษฎกี ำ

ค. กฎกระทรวง ง. ขอ้ บัญญัติ

2. เทศบำลเมอื ง เป็นทตี่ ้ังของของศำลำกลำงจงั หวดั ทม่ี ีรำษฎรตั้งแตก่ คี่ นขนึ้ ไป

ก. 7,000 คน ข. 10,000 คน

ค. 50,000 คน ง. 100,000 คน

3. เทศบำลนคร เป็นทอ้ งถ่ินชุมนุมทมี่ รี ำษฎรตงั้ แตก่ ี่คนขน้ึ ไป

ก. 7,000 คน ข. 10,000 คน

ค. 50,000 คน ง. 100,000 คน

4. เทศบำลตำบลเมืองและนคร มสี มำชิกสภำเทศบำลอยำ่ งละเท่ำไหร่

ก. 12 , 18 ข. 18 , 24

ค. 12 , 24 ง. 18, , 30

5. ผู้มีสทิ ธเิ ลือกต้งั สมำชิกสภำเทศบำล ต้องมีอำยไุ ม่ต่ำกวำ่ ปีบรบิ ูรณ์
ก. ไมต่ ำ่ กวำ่ 18 ปบี ริบรู ณ์ในวนั ทมี่ กี ำรเลอื กตง้ั

ข. ไม่ต่ำกวำ่ 18 ปบี รบิ รู ณใ์ นวนั ทมี่ กี ำรรบั สมัครเลอื กต้ัง

ค. ไม่ต่ำกว่ำ 18 ปีบริบรู ณใ์ นวนั ท่ี 1 มกรำคม ของปกี อ่ นทจ่ี ะมกี ำรเลอื กต้งั

ง. ไม่ตำ่ กวำ่ 18 ปีบรบิ รู ณ์ในวันท่ี 1 มกรำคม ของปีทีม่ กี ำรเลือกตง้ั

6. ผสู้ ทิ ธิเลือกต้ังสมำชกิ สภำเทศบำลตอ้ งมีสัญชำติไทย แต่หำกแปลงสัญชำติ ไดแ้ ปลงมำไม่น้อยกวำ่ ก่ปี ี

ก. 1 ปี ข. 2 ปี

ค. 3 ปี ง. 5 ปี

74

7. ผ้สู ิทธิเลือกตั้งสมำชกิ สภำเทศบำล และมีช่อื อยใู่ นทะเบยี นเปน็ เวลำติดตอ่ กนั ไมน่ อ้ ยกวำ่ ก่ีปี

ก. 1 ปี ข. 2 ปี

ค. 3 ปี ง. 5 ปี

8. ใน 1 ปีให้มกี ำรประชุมสภำก่ีสมยั และประชมุ สมัยหนงึ่ ๆ ไม่เกินกว่ี นั

ก. 1 สมยั หรอื หลำยสมัย แต่ไม่เกนิ 4 สมยั ข. 2 สมยั แต่ไมเกิน 3 สมัย

ค. 4 สมัย ง. 2 สมยั หรือหลำยสมยั แต่ไมเ่ กนิ 4 สมยั

9. ร่ำงเทศบญั ญัติท่เี ก่ียวกบั กำรเงนิ สมำชิกสภำเทศบำลเสนอได้แต่ต้องมีคำรบั รองจำกใคร

ก. นำยกเทศมนตรี ข. นำยอำเภอ

ค. ผวู้ ่ำรำชกำรจังหวดั ง. ประธำนสภำเทศบำล

10. กรณสี งสยั ว่ำรำ่ งเทศบญั ญตั ิไหนเกีย่ วกบั กำรเงนิ หรอื ไม่ ใหใ้ ครเปน็ ผ้วู นิ จิ ฉยั

ก. นำยกเทศมนตรี ข. นำยอำเภอ

ค. ผวู้ ่ำรำชกำรจงั หวัด ง. ประธำนสภำเทศบำล

11. ใครเป็นผ้กู ำหนดวันประชมุ สภำเทศบำลครงั้ แรก

ก. นำยกเทศมนตรี ข. นำยอำเภอ

ค. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวดั ง. ประธำนสภำเทศบำล

12. หำกเทศบำลตอ้ งกำรกู้เงนิ จำกระทรวง ทบวง กรม องค์กำร นิติบุคคลต่ำง ๆ ต้องไดร้ บั อนุญำตจำกใคร

และใครอนุมัติ
ก. อนุญำตจำกสภำเทศบำล และอนุมัติจำกรัฐมนตรวี ่ำกำรกระทรวงมหำดไทย

ข. อนญุ ำตจำกนำยกเทศมนตรี และอนุมตั จิ ำกสภำเทศบำล

ค. อนุญำตจำกนำยอำเภอ และอนุมตั จิ ำกผวู้ ่ำรำชกำรจงั หวดั

ง. อนุญำตจำกประธำนสภำเทศบำล และอนุมัติจำกนำยอำเภอ

13. หำกจะจำ่ ยเงินอดุ หนุนเพือ่ กำรลงทนุ ให้กบั หน่วยงำนอื่น ๆ ได้รับควำมเห็นชอบองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจังหวดั
จำกใคร ใครอนมุ ตั ิ

ก. ควำมเหน็ ชอบจำกสภำเทศบำล และอนุมัติจำกผู้ว่ำรำชกำรจังหวดั

ข. ควำมเห็นชอบจำกนำยกเทศมนตรี และอนุมัติจำกสภำเทศบำล

ค. อนุญำตจำกนำยอำเภอ และอนุมตั จิ ำกผวู้ ำ่ รำชกำรจังหวัด

ง. อนญุ ำตจำกประธำนสภำเทศบำล และอนุมตั ิจำกนำยอำเภอ

14. กิจกำรใดท่ีเทศบำลอันอยใู่ นอำนำจหน้ำที่ของเทศบำลต้งั แต่ 2 แห่งขึ้นไป

ก. สหกำร ข. ทบวงกำรเมอื ง

ค. รำชกำรส่วนท้องถิ่น ง. องค์กำรเทศบำล

15. สหกำรตอ้ งตรำเปน็ กฎหมำยใด
ก. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ข. เทศบญั ญตั ิ

ค. พระรำชกำหนด ง. พระรำชกฤษฎีกำ

75

16. ใครเป็นผูม้ ีหน้ำที่ควบคมุ กำกบั ดแู ลเทศบำลในเขตจงั หวดั น้ัน

ก. ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวดั ข. นำยอำเภอ

ค. รัฐมนตรวี ่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ง. นำยกองค์กำรบรหิ ำรส่วนจงั หวดั

17. ในเม่อื เห็นจำเปน็ ที่จะให้เทศบำลใดอยู่ในควำมดูแลของ กระทรวงมหำดไทยโดยตรงทำเปน็ กฎหมำยใด

ก. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ข. เทศบัญญตั ิ

ค. พระรำชกำหนด ง. พระรำชกฤษฎกี ำ

พระรำชบัญญัตริ ะเบยี บบริหำรรำชกำรเมอื งพัทยำ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิม่ เติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2552(ออก 3 ขอ้ )
-เมอื งพัทยำ มฐี ำนะเป็นนิติบุคคล
กำรแกไ้ ข เปลี่ยนแปลง เขตเมืองพัทยำให้ตรำเปน็ พระรำชกฤษฎีกำ
กำรบรหิ ำรเมืองพัทยำ ประกอบดว้ ย -สภำเมอื งพัทยำ -นำยกเมอื งพัทยำ
สภำเมอื งพทั ยำ ประกอบด้วยสมำชกิ จำนวน 24 คน
บคุ คลผมู้ ีคณุ สมบัติ เป็นผู้สิทธเิ ลอื กตงั้ สมำชกิ เมอื งพทั ยำ
-มีสญั ชำติไทย แต่บุคคลผูม้ ีสัญชำตไิ ทยโดยกำรแปลงสัญชำติไดส้ ญั ชำตไิ ทยมำแล้วไมน่ อ้ ยกวำ่ 5 ปี
-มอี ำยไุ มต่ ำ่ กว่ำ 18 ปีบรบิ ูรณใ์ นวนั ที่ 1 มกรำคมของปีท่มี ีกำรเลอื กต้งั
-มีชื่ออยู่ในทะเบยี นบำ้ นในเขตเมอื งพัทยำ เป็นเวลำตดิ ต่อกนั ไม่นอ้ ยกว่ำ 180 วนั นับถึงวันเลอื กต้งั
บุคคลผมู้ ีคณุ สมบตั ิ เปน็ ผมู้ สี ิทธสิ มัครรับเลือกตัง้ เป็นสมำชกิ
-มีสญั ชำตไิ ทยโดยกำรเกิด
-มีอำยุไมต่ ำ่ กว่ำ 25 ปีบรบิ ูรณใ์ นวันเลอื กต้งั
-มชี ือ่ อยใู่ นทะเบียนบ้ำนในเขตเมอื งพัทยำเป็นเวลำติดต่อกนั ไมน่ อ้ ยกว่ำ 1 ปีนับถึงวันสมัครรับเลอื กตง้ั
และไดเ้ สยี ภำษีตำมกฎหมำยภำษโี รงเรอื นและที่ดิน หรือกฎหมำยว่ำด้วยภำษีบำรงุ ท้องที่ ให้เมืองพทั ยำในปที ่ีสมัคร
หรือในปกี ่อนปที ่สี มัคร 1 ปี
-อำยุของสภำเมอื งพทั ยำ มกี ำหนดละ 4 ปีนบั แต่วนั เลือกตัง้
-สภำเมอื งพทั ยำ เลอื กตั้งเป็นประธำนสภำเมอื งพัทยำ 1 คน หรือ รองประธำนสภำเมอื งพทั ยำ จำนวน 2 คน
-ประธำนสภำ แตง่ ตั้งเลขำนกุ ำรประธำนสภำ และผ้ชู ว่ ยเลขำนุกำรประธำนสภำไมเ่ กนิ จำนวน รองประธำนสภำ
-ในกรณที ี่มตี ำแหน่ง ประธำนสภำเมอื งพัทยำ หรือรองประธำนสภำวำ่ งลง ใหเ้ ลือกสมำชิกข้ึนเพอ่ื ดำรงตำแหน่งที่วำ่ ง
แทนภำยใน 15 วันแตว่ นั ที่ตำแหนง่ วำ่ งลง
-ภำยใน 15 วนั นบั แต่วันเลือกตัง้ สมำชิกอันเป็นกำรเลอื กต้งั ทั่วไปให้ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวดั เรยี กประชุมสภำเมอื งพัทยำ
ครั้งแรก
-ใน 1 ปี ให้มีสมัยประชุมสำมัญของสภำเมอื งพัทยำไมน่ ้อยกวำ่ 2 สมยั แต่ตอ้ งไมเ่ กนิ 4 สมยั
สมัยประชุมสำมัญให้มกี ำหนด 30 วัน แตถ่ ้ำมกี รณจี ำเปน็ สภำเมอื งพัทยำ จะมมี ตขิ ยำยสมยั ประชุมสำมัญออกไปอกี ก็
ไดแ้ ต่ต้องไม่เกนิ 30 วนั

76

-เมื่อมีกรณจี ำเป็นเพือ่ ประโยชนแ์ หง่ เมอื งพทั ยำ นำยกเมืองพัทยำหรอื สมำชิกไมน่ ้อยกว่ำ 1 ปี 3 ของจำนวนสมำชิก

เทำ่ ทม่ี ีอยู่ อำจยืน่ คำรอ้ งต่อประธำนสภำเมอื งพัทยำขอให้เปิดประชุมสมยั วิสำมญั ได้ และให้ประธำนสภำเมืองพัทยำ

เรยี กประชมุ สมยั วิสำมญั โดยกำหนดวันประชมุ ภำยใน 7 วนั นับแตว่ นั ทไี่ ด้รับคำรอ้ ง

-สมัยประชมุ วิสำมญั ใหม้ ีกำหนด 15 วนั

นำยกเมืองพัทยำ

-สญั ชำติไทยโดยกำรเกิด

-มีอำยุไมต่ ่ำกวำ่ 30 ปีบริบูรณ์ในวนั เลือกตงั้

-สำเร็จกำรศึกษำไมต่ ่ำกวำ่ ปริญญำตรี

-มชี ่ืออยู่ในทะเบียนบ้ำนในเขตเมืองพทั ยำ เปน็ เวลำตดิ ตอ่ ไม่น้อยกว่ำ 1 ปีนบั ถึงวันสมคั รรับเลอื กตั้ง หรอื เป็นผู้มีช่ือ

อยูใ่ นทะเบียนบำ้ นในเขตเมืองพทั ยำ ในวนั สมคั รรับเลอื กตง้ั และได้เสียภำษตี ำมกฎหมำยวำ่ ด้วยภำษีโรงเรือนและท่ีดนิ

หรือกฎหมำยว่ำด้วยภำษบี ำรุงทอ้ งที่ ให้เมืองพทั ยำ ในปที ี่สมคั ร หรอื ในปี ก่อนปีทีส่ มคั ร 1 ปี

-นำยกเมอื งพัทยำ มีวำระอยใู่ นตำแหน่งครำวละ 4 ปนี บั แต่วนั เลือกตั้ง***แก้ไข (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2552

-เมื่อนำยกเมอื งพทั ยำพ้นจำกตำแหน่ง ใหจ้ ัดใหม้ ีกำรเลอื กต้ังขน้ึ ใหมภ่ ำยใน 45 วันนบั แต่วันท่ีพ้นจำกตำแหน่ง

-นำยกเมืองพัทยำอำจแต่งต้ังรองนำยกเมอื งพัทยำ จำนวนไม่เกนิ 4 คน ซ่ึงมิใช่สมำชิกเป็นผู้ชว่ ยเหลือในกำรบรหิ ำร

รำชกำรของเมอื งพัทยำตำมทีน่ ำยกเมืองพัทยำมอบหมำย

หมำยเหตุ คุณสมบตั ินี้ ใชก้ บั รองนำยกเมืองพทั ยำด้วย

-นำยกเมืองพทั ยำ มีอำนำจหนำ้ ที่

(๑) กำหนดนโยบำยและรับผดิ ชอบในกำรบรหิ ำรรำชกำรของเมืองพทั ยำใหเ้ ปน็ ไปตำมกฎหมำย ขอ้ บัญญตั ิ และ
นโยบำย
(๒) สั่ง อนญุ ำต และอนุมตั ิเก่ียวกับรำชกำรของเมืองพัทยำ
(๓) แต่งตง้ั และถอดถอนรองนำยกเมอื งพัทยำ เลขำนกุ ำรนำยกเมืองพัทยำผ้ชู ่วยเลขำนุกำรนำยกเมืองพัทยำ ประธำน
ทปี่ รกึ ษำ ที่ปรึกษำหรือคณะท่ีปรกึ ษำ
(๔) วำงระเบียบเพอ่ื ใหง้ ำนของเมืองพทั ยำเป็นไปด้วยควำมเรยี บรอ้ ย
(๕) ปฏบิ ัติหนำ้ ทีอ่ ่ืนตำมท่ีคณะรัฐมนตรี นำยกรัฐมนตรี รฐั มนตรี หรือผ้วู ่ำรำชกำรจังหวัดมอบหมำย หรือตำมท่ี
กฎหมำยกำหนดใหเ้ ปน็ อำนำจหนำ้ ท่ขี องนำยกเมืองพทั ยำหรอื
-ภำยใตบ้ ังคับแหง่ บทบญั ญัตขิ องกฎหมำย เมืองพทั ยำมอี ำนำจหนำ้ ที่
ดำเนนิ กำรในเขตเมอื งพัทยำในเร่ืองดังตอ่ ไปนี้
(๑) กำรรักษำควำมสงบเรยี บรอ้ ย
(๒) กำรส่งเสรมิ และรกั ษำคณุ ภำพสง่ิ แวดลอ้ มและทรัพยำกรธรรมชำติ
(๓) กำรคุม้ ครองและดแู ลรกั ษำทรัพย์สินอนั เป็นสำธำรณสมบัตขิ องแผน่ ดนิ
(๔) กำรวำงผงั เมอื งและกำรควบคมุ กำรกอ่ สรำ้ ง
(๕) กำรจัดกำรเกย่ี วกบั ที่อยูอ่ ำศัยและกำรปรับปรุงแหล่งเสอื่ มโทรม

(๖) กำรจัดกำรจรำจร
(๗) กำรรักษำควำมสะอำดและควำมเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ยของบำ้ นเมอื ง
(๘) กำรกำจัดมูลฝอยและส่งิ ปฏกิ ลู และกำรบำบดั น้ำเสีย
(๙) กำรจดั ให้มนี ้ำสะอำดหรือกำรประปำ

77

(๑๐) กำรจัดให้มกี ำรควบคุมตลำด ท่ำเทยี บเรือ และทีจ่ อดรถ
(๑๑) กำรควบคุมอนำมัยและควำมปลอดภัยในรำ้ นจำหน่ำยอำหำร โรงมหรสพและ
สถำนบริกำรอน่ื
(๑๒) กำรควบคมุ และสง่ เสริมกจิ กำรทอ่ งเทยี่ ว
(๑๓) กำรบำรุงรักษำศลิ ปะ จำรีตประเพณี ภมู ปิ ัญญำท้องถ่ิน และวฒั นธรรมอนั ดขี องท้องถ่นิ
(๑๔) อำนำจหนำ้ ท่ีอื่นตำมท่ีกฎหมำยกำหนดให้เป็นของเทศบำลนครหรอื ของเมืองพทั ยำ

-เมืองพัทยำมีอำนำจตรำขอ้ บัญญตั โิ ดยไม่ขัดหรือแยง้ ต่อกฎหมำยในกรณี
ดังต่อไปนี้
(๑) กำรปฏบิ ตั ิให้เป็นไปตำมอำนำจหนำ้ ที่ของเมืองพัทยำ
(๒) เมือ่ มีกฎหมำยบญั ญตั ิใหเ้ มอื งพทั ยำมอี ำนำจตรำขอ้ บญั ญัติได้
(๓) กำรใหบ้ ริกำรโดยมีคำ่ ตอบแทนตำมมำตรำ ๖๔ วรรคหนึ่ง

(๔) กำรพำณชิ ย์ตำมมำตรำ 64 วรรคสอง

(๕) กำรคลงั กำรงบประมำณ กำรเงิน ทรัพยส์ นิ กำรจดั หำผลประโยชนจ์ ำกทรัพย์สิน
กำรจ้ำง และกำรพสั ดุ
-ในขอ้ บญั ญัตติ ำมวรรคหน่งึ จะกำหนดโทษจำคุกหรอื โทษปรับหรือทั้งจำและปรับผู้ละเมดิ

ข้อบญั ญตั ิไวด้ ้วยได้ แต่จะกำหนดโทษจำคุกเกนิ 6 เดอื นและโทษปรบั เกิน 10,000 บำทไมไ่ ด้

-ร่ำงขอ้ บญั ญตั ิงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีและร่ำงขอ้ บญั ญตั ิงบประมำณรำยจำ่ ยเพ่มิ เติม สภำเมอื งพัทยำจะต้อง
พจิ ำรณำให้เสรจ็ ภำยใน 45 วนั นับแต่วันทีส่ ภำเมืองพัทยำได้รับร่ำงข้อบญั ญัตงิ บประมำณรำยจ่ำยนน้ั
-ในกรณีท่ีสภำเมืองพัทยำไมเ่ ห็นชอบด้วยกับร่ำงข้อบญั ญตั งิ บประมำณรำยจำ่ ยประจำปีหรอื รำ่ งขอ้ บัญญตั ิงบประมำณ
รำยจำ่ ยเพิ่มเตมิ ให้สภำเมืองพทั ยำตง้ั คณะกรรมกำรคณะหน่ึงประกอบดว้ ยกรรมกำรจำนวน 5 คน เพ่ือพิจำรณำหำ
ข้อยตุ ิควำมขัดแยง้ ในสำระสำคญั ท่ีบัญญตั ไิ วใ้ นรำ่ งขอ้ บญั ญัตงิ บประมำณรำยจ่ำยนัน้
-ผู้วำ่ รำชกำรจงั หวดั ชลบรุ มี อี ำนำจหน้ำทกี่ ำกบั ดแู ลกำรปฏบิ ัติรำชกำรของเมอื งพัทยำ เพ่ือกำรนี้ ผวู้ ่ำรำชกำรจงั หวัด
ชลบุรีมีอำนำจสงั่ สอบสวนข้อเทจ็ จรงิ หรอื สั่งให้นำยกเมอื งพัทยำช้แี จงแสดงควำมคิดเหน็ เกย่ี วกับกำรปฏบิ ัติรำชกำร
ของเมืองพัทยำได้

แนวข้อสอบพระราชบัญญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการเมอื งพัทยา พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพ่ิมเติม

1. ใครเปน็ ผรู้ กั ษำกำรตำมพระรำชบัญญัติระเบยี บรำชกำรเมืองพัทยำ

ก. รฐั มนตรวี ่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ข. ปลัดกระทรวงมหำดไทย

ค. อธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ กำรปกครองทอ้ งถน่ิ ง. ปลัดสำนักนำยกรฐั มนตรี

2. กำรแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตเมอื งพทั ยำใหต้ รำเปน็ กฎหมำยใด

ก. พระรำชกฤษฎีกำ ข. พระรำชกำหนด

ค. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ง. กฎกระทรวง

78

3. กำรบริหำรเมอื งพทั ยำ ประกอบดว้ ย สภำเมืองพัทยำ และ

ก. รำษฎรในเขตเมืองพัทยำ ข. นำยกเมืองพัทยำ

ค. ผวู้ ่ำรำชกำรจังหวัดชลบรุ ี ง. เทศบำลในเขตจังหวัดชลบรุ ี

4. สภำเมอื งพัทยำ ประกอบด้วยสมำชิกกี่คน

ก. 12 คน ข.18 คน

ค. 24 คน ง. 36 คน

5. ผูม้ สี ิทธเิ ลือกตง้ั สมำชิกสภำเมืองพทั ยำตอ้ งมชี ่ือในทะเบียนบ้ำนในเขตเมืองพทั ยำเป็นเวลำตดิ ต่อกันไม่น้อย

กวำ่ กว่ี นั นบั ถงึ วนั เลือกต้ัง

ก. 90 วนั ข. 120 วัน

ค. 180 วนั ง. 1 ปี

6. บุคคลทมี่ สี ิทธริ ับสมัครเลือกตั้งสมำชกิ สภำเมืองพทั ยำ ตอ้ งมชี ื่อในทะเบยี นบ้ำนในเขตเมอื งพทั ยำไม่น้อยกวำ่

ก่ปี ีหรือ เปน็ ผ้มู ีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้ำนในเขตเมืองพทั ยำ ในวนั สมัครรบั เลือกตงั้ และได้เสยี ภำษีตำม

กฎหมำยวำ่ ดว้ ยภำษโี รงเรือนและที่ดิน หรือภำษีบำรงุ ท้องทใ่ี หเ้ มืองพัทยำในปีที่สมคั รหรอื ในปีกอ่ นท่สี มคั ร

ก. 1 ปี ข. 2 ปี

ค. 3 ปี ง. 4 ปี

7. สมำชกิ สภำเมอื งพทั ยำหำกจะลำออกจะยื่นหนังสือลำออกต่อใคร

ก. นำยอำเภอบำงละมงุ ข. ผวู้ ่ำรำชกำรจงั หวดั ชลบรุ ี

ค. ประธำนสภำเมอื งพทั ยำ ง. รฐั มนตรวี ำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

8. เม่ือตำแหน่งสมำชกิ เมอื งพัทยำวำ่ งลง ให้มกี ำรเลือกตั้งแทนตำแหน่งทวี่ ำ่ งภำยในกวี่ นั เวน้ แตอ่ ำยสุ ภำ
เหลอื อยู่ไมถ่ ึงหน่ึงรอ้ ยแปดสิบวนั

ก. 15 วัน ข. 30 วนั

ค. 45 วัน ง. 60 วนั

9. กรณสี มำชิกสภำเมอื งพัทยำวำ่ งลงเกนิ กึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมำชกิ ผวู้ ่ำรำชกำรจังหวดั รำยงำนใคร เพ่อื ส่ังยบุ
สภำเมืองพทั ยำ

ก. นำยอำเภอบำงละมงุ ข. ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวดั ชลบุรี

ค. ประธำนสภำเมืองพัทยำ ง. รฐั มนตรวี ำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

10. สภำเมืองพทั ยำเลอื กสมำชิกเป็นประธำนจำนวนกคี่ น และรองประธำนจำนวนกีค่ น

ก. 1 , 1 ข. 1 , 2

ค. 1 , ไมเ่ กินจำนวนรองนำยกเมืองพัทยำ ง. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก

11. ประธำนสภำเมืองพทั ยำ และรองประธำน ฯ ลำออกจะต้องย่ืนหนงั สอื ลำออกตอ่ ใคร

ก. นำยอำเภอบำงละมงุ ข. ผู้ว่ำรำชกำรจงั หวดั ชลบรุ ี

ค. ประธำนสภำเมืองพทั ยำ ง. รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

12. ใครเป็นผแู้ ตง่ ตัง้ เลขำนุกำรประธำนสภำเมอื งพัทยำ และผู้ช่วยเลขำนุกำรประธำน ไม่เกนิ จำนวนรอง

ประธำน ข. ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวัดชลบุรี
ก. นำยอำเภอบำงละมงุ

ค. ประธำนสภำเมอื งพัทยำ ง. รัฐมนตรวี ำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

79

13. ใครเปน็ ผู้ทำหนำ้ ที่เลขำนุกำรสภำเมืองพทั ยำ

ก. นำยอำเภอบำงละมุง ข. ผ้วู ่ำรำชกำรจังหวัดชลบุรี

ค. ปลัดเมืองพัทยำ ง. ขำ้ รำชกำรตำมทร่ี ับมอบหมำย

14. สภำเมืองพทั ยำ ใน 1 ปีให้มกี ำรประชมุ ไมน่ ้อยกวำ่ กสี่ มัย
ก. 1 สมยั หรือหลำยสมยั แตไ่ ม่เกิน 4 สมยั ข. ไมน่ อ้ ยกวำ่ 2 สมยั แต่ไมเ่ กนิ 4 สมัย

ค. 4 สมัย ง. 2 สมัยหรอื หลำยสมยั แตไ่ ม่เกิน 4 สมยั

15. สมยั ประชมุ สำมญั ของสภำเมอื งพทั ยำให้มีกำหนดกวี่ นั

ก. 15 วัน ข. 30 วนั

ค. 45 วนั ง. 60 วัน

16. นำยกเมอื งพัทยำ หรือ สมำชกิ ไม่น้อยกวำ่ เท่ำใดของจำนวนสมำชกิ เท่ำทมี อี ยู่อำจย่นื คำรอ้ งตอ่ ประธำนสภำ
เมืองพัทยำขอให้เปิดประชุมสภำสมัยวสิ ำมัญได้

ก. หนงึ่ ในสี่ ข. หนึง่ ในสำม

ค. สองในสำม ง. สำมในสี่

17. ใครเป็นผู้เรียกประชมุ สภำเมอื งพทั ยำสมยั วิสำมัญโดยกำหนดประชุมภำยใน 7 วันนับแต่วันท่ีได้ รับคำ

ร้อง

ก. นำยอำเภอบำงละมุง ข. ประธำนสภำเมืองพัทยำ

ค. ผู้ว่ำรำชกำรจงั หวดั ชลบรุ ี ง. ปลัดเมืองพัทยำ

18. หำกประธำนสภำเมืองพัทยำไมเ่ รียกประชมุ ตำมสมยั ประชมุ ใครเป็นผสู้ ำมำรถเรยี กประชุมได้

ก. นำยอำเภอบำงละมุง ข. ประธำนสภำเมืองพัทยำ

ค. ผู้ว่ำรำชกำรจงั หวดั ชลบุรี ง. ปลดั เมอื งพัทยำ

19. ถ้ำนำยกเมืองพทั ยำหรอื จำนวนสมำชกิ ไม่น้อยกวำ่ เท่ำใดของจำนวนสมำชิกเทำ่ ทม่ี ีอยรู่ ้องขอให้ประชมุ ก็ให้
ประชุมลับได้

ก. หนงึ่ ในสี่ ข. หน่งึ ในสำม

ค. สองในสำม ง. สำมในส่ี

20. เงินประจำตำแหนง่ เงินคำ่ เบี้ยประชุม และประโยชนต์ อบแทนอ่นื ของประธำนสภำเมอื งพัทยำ รอง

ประธำน ฯ สมำชกิ เลขำนกุ ำรสภำประธำนสภำเมอื งพทั ยำ ผู้ชว่ ยเลขำนกุ ำรเมอื งพทั ยำ กรรมกำรสำมญั หรอื

กรรมกำรวสิ ำมญั ที่สภำเมืองพทั ยำ ต้ังข้นึ หรือคณะอนุกรรมกำรท่คี ณะกรรมกำรต้งั ข้นึ ให้เป็นไปตำมท่ีกำหนดใน

กฎหมำยใด

ก. พระรำชกฤษฎกี ำ ข. พระรำชกำหนด

ค. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ง. กฎกระทรวง

21. หำกนำยกเมืองพทั ยำ พน้ ตำแหนง่ ใหจ้ ัดให้มีกำรเลอื กต้ังขนึ้ ใหม่ภำยในก่วี ัน

ก. 15 วนั ข. 30 วนั

ค. 45 วนั ง. 60 วัน

80

22. นำยกเมืองพัทยำอำจแตง่ ตงั้ รองนำยกได้ไม่เกนิ กค่ี นคน ซง่ึ มใิ ชส่ มำชกิ เป็นผู้ชว่ ยเหลอื

ก. 2 คน ข. 3 คน

ค. 4 คน ง. 5 คน

23. ใครเปน็ ผูพ้ ิจำรณำสอบสวนและส่ังใหน้ ำยกเมอื งพัทยำออกจำกตำแหนง่ เพรำะมคี วำมประพฤติในทำงทีจ่ ะ
นำมำซ่งึ ควำมเสื่อมเสียหรอื กอ่ ควำมไม่สงบเรยี บรอ้ ยแกเ่ มืองพทั ยำ หรือปฏิบัติกำรหรอื ละเลยไม่ปฏิบตั กิ ำร

อนั ควรปฏิบตั ิในลกั ษณะทจี่ ะเป็นเหตใุ ห้เสยี หำยอยำ่ งรำ้ ยแรงแกเ่ มืองพทั ยำ หรือ แกร่ ำชกำรโดยส่วนรวม
หรอื แก่ควำมสงบเรียบร้อยหรอื สวัสดิภำพของประชำชน

ก. นำยอำเภอบำงละมุง ข. ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวดั ชลบุรี

ค. ประธำนสภำเมอื งพทั ยำ ง. รัฐมนตรวี ่ำกำรกระทรวงมหำดไทย

24. นำยกเมอื งพทั ยำอำจแต่งตั้งผทู้ รงคุณวฒุ เิ ป็นประธำนที่ปรกึ ษำและทป่ี รึกษำไดจ้ ำนวนรวมไมเ่ กนิ กคี่ น

ก. 2 คน ข. 3 คน

ค. 4 คน ง. 5 คน

25. ในกรณที ่ีองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ใดดำเนนิ กิจกำรใดท่อี ยู่นอกเขตเมอื งพทั ยำ อนั มลี ักษณะท่ีจะมี

ผลกระทบกระเทอื นตอ่ ควำมสงบเรยี บร้อยหรือควำมปลอดภยั ของประชำชนในเขตเมืองพทั ยำ ให้นำยก

เมอื งพทั ยำเสนอใคร เพอ่ื แตง่ ตง้ั คณะกรรมกำรขึน้ เพอื่ พจิ ำรณำปญั หำดังกลำ่ วรว่ มกนั

ก. นำยอำเภอบำงละมงุ ข. ผู้วำ่ รำชกำรจังหวัดชลบรุ ี

ค. ประธำนสภำเมืองพทั ยำ ง. รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

26. เมืองพทั ยำอำจรว่ มกับ หนว่ ยงำนรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ รฐั วิสำหกจิ หรอื องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน

จัดตั้งองค์กำรขน้ึ เรยี กว่ำสหกำรมีฐำนะเปน็ นิติบคุ คล โดยตรำเป็นกฎหมำยใด

ก. พระรำชกฤษฎกี ำ ข. พระรำชกำหนด

ค. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ง. กฎกระทรวง

27. ในข้อบัญญัติเมืองพทั ยำจะกำหนดโทษตำมขอ้ ใดไมไ่ ด้

ก. ปรบั ไม่เกนิ 1,000 บำท ข. ปรบั ไมเ่ กนิ 5,000 บำท

ค. จำคกุ เกิน 6 เดอื น และหรอื ปรับไม่เกิน 10,000 บำท

ง. จำคุกเกิน 6 เดือน และหรือปรับไมเ่ กิน 50,000 บำท

83. ร่ำงขอ้ บัญญัติงบประมำณรำยจำ่ ยประจำปีและร่ำงเพิ่มเติม สภำเมืองพัทยำตอ้ งพจิ ำรณำให้แล้วเสร็จ

ก. 15 วนั ข. 30 วัน

ค. 45 วัน ง. 60 วนั

28. รำยได้จำกกำรจำหน่ำยพันธบัตรของเมอื งพทั ยำต้องไดร้ ับควำมเห็นชอบองค์กำรบรหิ ำรส่วนจงั หวัดจำกใคร

และต้องตรำเปน็ ขอ้ บญั ญตั ิ

ก. กระทรวงมหำดไทย ข. กระทรวงกำรคลัง

ค. สภำเมอื งพทั ยำ ง. ถูกทัง้ ก และ ข

29. ใครเป็นผูต้ รวจสอบกำรรับเงิน กำรจำ่ ยเงิน กำรบญั ชี กำรเงิน และทรัพย์สินอืน่ ๆของเมอื งพัทยำ

ก. สำนักงำนตรวจเงนิ แผ่นดิน ข. สำนักปลัดกระทรวงมหำดไทย

ค. กรมส่งเสริมกำรปกครองทอ้ งถิ่น ง. สำนักงำนรฐั มนตรีกระทรวงมหำดไทย

81

30. เพ่ือคุม้ ครองประโยชน์ของประชำชนในเขตเมืองพัทยำหรอื ประเทศเป็นส่วนรวม ผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั อำจ

รำยงำนเสนอควำมเห็นต่อใครเพอื่ พจิ ำรณำสั่งยบุ สภำได้

ก. นำยอำเภอบำงละมงุ ข. ผูว้ ำ่ รำชกำรจังหวดั ชลบรุ ี

ค. ประธำนสภำเมอื งพทั ยำ ง. รฐั มนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

พระรำชบัญญตั ิสภำตำบลและองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และแกไ้ ขเพมิ่ เติม ฉบับท่ี 6 พ.ศ. 2552
(ออก 3 ขอ้ )
-สภำตำบลทีม่ ีรำยไดโ้ ดยไมร่ วมเงนิ อุดหนนุ ในปีงบประมำณที่ลว่ งมำติดตอ่ กันสำมปีเฉล่ยี ไมต่ ่ำกว่ำปีละ150,000 บำท
หรือตำมเกณฑ์รำยได้เฉลี่ยในวรรคสองอำจจัดตั้งเป็นองค์กำรบริหำรส่วนตำบลได้ โดยทำเป็นประกำศของ
กระทรวงมหำดไทยและให้ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ ในประกำศน้ันให้ระบุชื่อและเขตขององค์กำรบริหำรส่วน
ตำบลไว้ด้วย

กำรเปลย่ี นแปลงเกณฑ์รำยไดเ้ ฉล่ียของสภำตำบลตำมวรรคหนงึ่ ให้ทำเปน็ ประกำศของกระทรวงมหำดไทย
และให้ประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำ

-ใหก้ ระทรวงมหำดไทยดำเนินกำรประกำศยบุ สภำตำบลทง้ั หมดและองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลใดท่ีมีจำนวนประชำกร
ไมถ่ งึ 2,000 คน โดยใหร้ วมพืน้ ที่เข้ำกับองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลอ่ืนหรอื หน่วยกำรบรหิ ำรรำชกำรส่วนทอ้ งถ่นิ ทีม่ ี
เขตตดิ ต่อกนั ภำยในเขตอำเภอเดยี วกันภำยใน 90 วนั นบั แตว่ ันทม่ี เี หตุดังกล่ำว
องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลใดมจี ำนวนประชำกรไมถ่ งึ สองพนั คนแตม่ ีสภำพพื้นที่เป็นเกำะหรือโดยสภำพทำงภมู ศิ ำสตร์
ไม่สำมำรถตดิ ต่อกับองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลหรือหน่วยกำรบรหิ ำรรำชกำรสว่ นท้องถิ่นทจี่ ะไปรวมไดโ้ ดยสะดวก
กระทรวงมหำดไทยจะไม่ดำเนินกำรตำมวรรคหนง่ึ กบั องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลนัน้ กไ็ ด้
-ภำยใต้บังคับแหง่ กฎหมำยว่ำดว้ ยกำรเทศบำล อำจจัดตง้ั องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลข้ึนเปน็ เทศบำลได้โดยทำเป็นประกำศ
ของกระทรวงมหำดไทย

องค์กำรบริหำรส่วนตำบลท่ีได้จัดตั้งเป็นเทศบำลตำมวรรคหนึ่ง ให้พ้นจำกสภำพแห่งองค์กำรบริหำรส่วน
ตำบล รวมท้ังให้สมำชิกภำพของสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลสิ้นสุดลง และนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
พ้นจำกตำแหน่งนบั แต่วันทีไ่ ดม้ ปี ระกำศกระทรวงมหำดไทยจดั ต้ังขนึ้ เปน็ เทศบำลเปน็ ตน้ ไป

-องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลมีฐำนะเปน็ นติ ิบุคคลและเป็นรำชกำรบริหำรสว่ นท้องถนิ่

-องค์กำรบริหำรส่วนตำบลประกอบดว้ ยสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลและนำยก องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบล

-สภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลประกอบด้วยสมำชิกสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล จำนวนหม่บู ้ำนละ 2 คน ซ่ึงเลอื ก
ต้งั ขนึ้ โดยรำษฎรผู้มีสทิ ธิเลือกตงั้ ในแต่ละหมูบ่ ำ้ นในเขตองค์กำรบริหำรส่วนตำบลนัน้

ในกรณีทเ่ี ขตองค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบลใดมีเพียงหน่ึงหมู่บ้ำนให้สภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลนนั้ ประกอบด้วยสมำชิก
สภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลจำนวน 6 คน และในกรณที ีเ่ ขตองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลใดมเี พียงสองหม่บู ้ำนให้สภำ
องคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลนน้ั ประกอบดว้ ยสมำชิกสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลจำนวนหมู่บ้ำนละ 3 คน

82

สภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลมีอำนำจหนำ้ ท่ีดงั ตอ่ ไปนี้

(๑) ให้ควำมเห็นชอบแผนพัฒนำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล เพ่ือเป็นแนวทำงในกำรบริหำรกิจกำรของ
องคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล

(๒) พิจำรณำและให้ควำมเห็นชอบร่ำงข้อบัญญัติองค์กำรบริหำรส่วนตำบล ร่ำงข้อบัญญัติ งบประมำณ
รำยจำ่ ยประจำปี และรำ่ งขอ้ บัญญตั งิ บประมำณรำยจำ่ ยเพ่ิมเตมิ

(๓) ควบคุมกำรปฏิบัติงำนของนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลให้เป็นไปตำมกฎหมำย นโยบำย
แผนพัฒนำองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล ขอ้ บญั ญตั ิ ระเบยี บ และขอ้ บังคบั ของทำงรำชกำร

ผมู้ ีสิทธิสมคั รรับเลอื กตั้งเป็นสมำชิกสภำองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลต้องมีคณุ สมบัตแิ ละไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งห้ำม
ดงั ต่อไปนี้

(๑) มชี ่อื ในทะเบยี นบ้ำนตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยกำรทะเบียนรำษฎรในหมู่บ้ำนของตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง
เป็นเวลำตดิ ตอ่ กนั ไม่นอ้ ยกว่ำหน่ึงปจี นถงึ วนั รบั สมัครเลือกตั้ง

(๒) ไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทำงทุจริตหรือพ้นจำกตำแหน่งสมำชิกสภำตำบล สมำชิกสภำ ท้องถิ่น คณะ
ผู้บริหำรท้องถิ่นหรือผู้บริหำรท้องถิ่น รองผู้บริหำรท้องถิ่น หรือที่ปรึกษำ หรือเลขำนุกำรของผู้บริหำรท้องถิ่นเพรำะ
เหตมุ สี ว่ นไดเ้ สียไมว่ ่ำทำงตรงหรอื ทำงอ้อมในสัญญำหรือกิจกำรท่กี ระทำกับสภำตำบลหรอื องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
ยังไมถ่ ึงห้ำปนี ับถงึ วันรับสมัครเลือกตงั้

(๓) มคี ณุ สมบตั ิและไม่มีลักษณะต้องห้ำมประกำรอื่นตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเลอื กตงั้ สมำชกิ สภำท้องถิ่น
หรือผูบ้ ริหำรทอ้ งถิน่
สมำชกิ ภำพของสมำชิกสภำองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลสน้ิ สุดลงเมอ่ื

(๑) ถึงครำวออกตำมอำยุของสภำองค์กำรบริหำรสว่ นตำบล หรอื มกี ำรยบุ สภำองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล
(๒) ตำย
(๓) ลำออก โดยย่ืนหนงั สอื ลำออกตอ่ นำยอำเภอ
(๔) ขำดประชุมสภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล 3 ครั้งติดตอ่ กนั โดยไม่มีเหตุอนั สมควร
(๕) มไิ ดอ้ ยปู่ ระจำในหมู่บ้ำนท่ไี ด้รับเลือกตง้ั เป็นระยะเวลำติดต่อกนั เกนิ 6 เดือน
(๖) เป็นผู้มสี ว่ นไดเ้ สียไม่วำ่ โดยทำงตรงหรอื ทำงออ้ มในสัญญำทอี่ งค์กำรบริหำรส่วนตำบลนัน้ เป็นคู่สัญญำ
หรอื ในกิจกำรที่กระทำใหแ้ ก่องค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบลนัน้ หรือทอ่ี งค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบลน้นั จะกระทำ
(๗) ขำดคณุ สมบัติหรอื มีลกั ษณะต้องห้ำมตำมมำตรำ ๔๗ ทวิ
(๘) สภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลมีมตใิ ห้พ้นจำกตำแหนง่ โดยเห็นวำ่ มีควำมประพฤติในทำงทจ่ี ะนำมำซึง่
ควำมเสื่อมเสียหรือก่อควำมไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์กำรบริหำรส่วนตำบลหรอื กระทำกำรอนั เส่ือมเสียประโยชน์ของ
สภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล โดยมีสมำชิกสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลจำนวนไมน่ ้อยกว่ำหนง่ึ ในสำมของจำนวน
สมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลทั้งหมดเท่ำท่ีมอี ยเู่ ข้ำช่ือเสนอให้สภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลพจิ ำรณำ และมี
มติดังกล่ำวตอ้ งมีคะแนนเสียงไมน่ ้อยกว่ำสำมในสี่ของจำนวนสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลทัง้ หมดเท่ำท่มี ีอยู่
ท้งั น้ี ถ้ำสมำชกิ สภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลผนู้ ้ันมิไดอ้ ทุ ธรณ์หรือโตแ้ ย้งมติของสภำองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลภำยใน
กำหนดเวลำอทุ ธรณห์ รือโตแ้ ยง้ ให้สมำชิกภำพสิน้ สุดลงนับแต่วันทค่ี รบระยะเวลำอุทธรณ์หรอื โต้แยง้ ดงั กลำ่ ว

83

ในกรณที สี่ มำชิกภำพของสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลผู้ใดส้ินสุดลงตำม (๘) ผู้น้นั อำจอทุ ธรณ์หรือ
โต้แย้งมติของสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลไปยังนำยอำเภอได้ภำยในสิบห้ำวันนับแต่วันท่ีรับทรำบมติของสภำ
องค์กำรบริหำรส่วนตำบล โดยระบุขอ้ อุทธรณ์หรือข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมำยประกอบด้วย และให้
นำยอำเภอสอบสวนและวินิจฉัยให้เสร็จส้ินภำยในสำมสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ คำอุทธรณ์หรือโต้แย้ง คำวินิจฉัยของ
นำยอำเภอใหเ้ ปน็ ท่สี ุด

(๙) รำษฎรผ้มู ีสทิ ธิเลือกตั้งในเขตองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลใดมีจำนวนไม่น้อยกว่ำสำมในสข่ี องจำนวนผู้มี
สิทธิเลือกต้ังที่มำลงคะแนนเสียง เห็นว่ำสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลผู้ใดไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไปตำม
กฎหมำยวำ่ ด้วยกำรลงคะแนนเสียงเพ่อื ถอดถอนสมำชกิ สภำทอ้ งถน่ิ หรอื ผู้บริหำรท้องถิ่น

สภำองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลมีประธำนสภำและรองประธำนสภำคนหน่งึ ซงึ่ เลือกจำกสมำชกิ สภำองค์กำร
บริหำรส่วนตำบล ให้นำยอำเภอแต่งตั้งประธำนและรองประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลตำมมติของสภำ
องค์กำรบริหำรสว่ นตำบล

เมื่อตำแหน่งประธำนหรือรองประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลว่ำงลง เพรำะเหตุอ่ืนใดนอกจำกครบ
วำระ ใหม้ ีกำรเลือกประธำนหรือรองประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลแทนตำแหนง่ ท่วี ่ำงภำยใน 15 วันนบั แต่วันที่
ตำแหนง่ น้ันว่ำงลง และใหผ้ ู้ซึ่งได้รับเลือกแทนนัน้ อยูใ่ นตำแหนง่ ได้เพียงเท่ำวำระที่เหลืออยู่ของผู้ซ่ึงตนแทน

ในปหี นึง่ ใหม้ ีสมยั ประชมุ สำมัญสองสมัยหรอื หลำยสมัยแล้วแต่สภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลจะกำหนด แต่
ต้องไม่เกิน 4 สมัย วันเริ่มสมยั ประชมุ สำมัญประจำปีใหส้ ภำองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลกำหนด

นำยอำเภอต้องกำหนดให้สมำชิกสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลดำเนินกำรประชมุ สภำองค์กำรบริหำรสว่ น
ตำบลคร้ังแรกภำยใน 15 วนั นับแต่วนั ประกำศผลกำรเลอื กต้ังสมำชิกสภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล และให้ทป่ี ระชุม
เลอื กประธำนสภำองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลและรองประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล

กรณที ่ีสภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลไมอ่ ำจจดั ให้มีกำรประชุมครั้งแรกได้ตำมกำหนดเวลำในวรรคสอง หรอื
มีกำรประชุมแต่ไม่อำจเลือกประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลได้ นำยอำเภออำจเสนอผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดให้มี
คำส่งั ยุบสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล

สมยั ประชมุ สำมัญสมัยหน่งึ ๆ ให้มกี ำหนดไมเ่ กิน 15 วัน แตถ่ ำ้ จะขยำยเวลำออกไปอีกจะต้องได้รบั อนญุ ำต
จำกนำยอำเภอ

นอกจำกสมัยประชุมสำมัญแล้ว เมื่อเห็นว่ำเป็นกำรจำเป็นเพ่ือประโยชน์ขององค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล นำยกองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล หรือสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลมี
จำนวนไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจำนวนสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ อำจทำคำร้องย่ืนต่อ
นำยอำเภอขอเปิดประชมุ วสิ ำมัญ ถำ้ เห็นสมควรให้นำยอำเภอเรียกประชมุ วสิ ำมญั ได้

สมัยประชุมวิสำมัญให้กำหนดไม่เกิน 15 วัน แต่ถ้ำจะขยำยเวลำออกไปอีกจะต้องได้รับอนุญำตจำก
นำยอำเภอ

84

บุคคลผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำมตำม
กฎหมำยว่ำด้วยกำรเลือกตั้งสมำชิกสภำท้องถ่ินหรือผู้บริหำรท้องถิ่น และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำม
ดังต่อไปน้ีดว้ ย

(๑) มีอำยไุ ม่ตำ่ กว่ำ 30 ปบี รบิ รู ณ์ในวันเลือกตั้ง
(๒) สำเรจ็ กำรศึกษำไมต่ ่ำกว่ำมธั ยมศกึ ษำตอนปลำยหรอื เทยี บเท่ำ หรือเคยเปน็ สมำชกิ สภำตำบล สมำชิก
สภำท้องถิ่น ผบู้ รหิ ำรท้องถ่นิ หรือสมำชิกรัฐสภำ
(๓) ไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทำงทุจริตหรือพ้นจำกตำแหน่งสมำชิกสภำตำบล สมำชิกสภำท้องถ่ิน คณะ
ผู้บริหำรท้องถิ่น หรือผู้บริหำรท้องถิ่น รองผู้บริหำรท้องถ่ินหรือเลขำนุกำร หรือท่ีปรึกษำของผู้บริหำรท้องถิ่นเพรำะ
เหตุทม่ี สี ว่ นได้เสยี ไม่ว่ำโดยทำงตรงหรือทำงออ้ มในสัญญำหรือกิจกำรทกี่ ระทำกับองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นยังไม่ถึง
5 ปนี บั ถึงวนั รับสมัครเลือกต้งั
ให้นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลดำรงตำแหน่งนับแต่วันเลือกต้ังและมีระยะกำรดำรงตำแหน่งครำวละ
4 ปีนบั แต่วนั เลือกตง้ั

นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลอำจแต่งต้ังรองนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลซ่ึงมิใช่สมำชิกองค์กำร
บริหำรส่วนตำบลเป็นผู้ช่วยเหลอื ในกำรบริหำรรำชกำรขององคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลตำมทีน่ ำยกองคก์ ำรบริหำรส่วน
ตำบลมอบหมำยไดไ้ ม่เกนิ 2 คน และอำจแต่งตงั้ เลขำนกุ ำรนำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลคนหนงึ่ ซ่งึ มไิ ด้เปน็ สมำชกิ
สภำองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลหรอื เจ้ำหนำ้ ที่ของรฐั ได้

หมำยเหตุ คณุ สมบตั ินี้ ใช้กบั รองนำยก อบต. ด้วย
ก่อนนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเข้ำรับหน้ำที่ ให้ประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเรียกประชุม

สภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเพื่อให้นำยกองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลแถลงนโยบำยต่อสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล
โดยไม่มกี ำรลงมติ ทั้งนีภ้ ำยใน 30 วันนบั แตว่ ันประกำศผลกำรเลือกต้ังนำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล

กรณที ่ีไมม่ ผี ู้ดำรงตำแหน่งประธำนสภำองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลและรองประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วน
ตำบลหรอื สภำองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลถูกยุบตำมมำตรำ ๕๓ หำกมีกรณีท่ีสำคญั และจำเปน็ เร่งด่วนซ่งึ ปลอ่ ยให้เน่ิน
ชำ้ ไปจะกระทบตอ่ ประโยชน์สำคญั ของรำชกำรหรอื รำษฎร นำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลจะดำเนินกำรไปพลำงกอ่ น
เท่ำท่ีจำเป็นก็ได้ เม่ือได้มีกำรเลือกประธำนสภำองค์กำรบริหำร ส่วนตำบลแล้ว ให้ประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วน
ตำบลเรียกประชุมสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเพื่อให้นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลแถลงนโยบำยโดยไม่มีกำรลง
มติภำยใน 15 วันนับแต่วันทีม่ กี ำรเลอื กประธำนสภำองค์กำรบริหำรสว่ นตำบล

กำรประชุมเพื่อแถลงนโยบำยของนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลให้กระทำโดยเปิดเผย โดย นำยกองค์
บริหำรส่วนตำบลต้องจัดทำนโยบำยเป็นลำยลักษณ์อักษรแจกให้สมำชิกสภำองค์กำรบริหำร ส่วนตำบลทุกคนที่มำ
ประชมุ ดว้ ย

หำกนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลไม่สำมำรถแถลงนโยบำยต่อสภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลได้ ใหน้ ำยอำเภอ
แจ้งให้นำยกองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลจัดทำนโยบำยแจ้งเป็นหนงั สือส่งให้สมำชิกสภำ องค์กำรบริหำรส่วนตำบลทุก
คนภำยใน 7 วัน โดยให้นำวิธีกำรแจ้งคำสั่งทำงปกครองเปน็ หนังสือตำมกฎหมำยวำ่ ดว้ ยวิธีปฏิบตั ริ ำชกำรทำงปกครอง

85

มำใช้บังคับโดยอนโุ ลม ในกรณีเช่นนีใ้ ห้ถือว่ำนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลได้แถลงนโยบำยต่อสภำองค์กำรบรหิ ำร
สว่ นตำบลแลว้

สมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลจำนวนไม่น้อยกว่ำ 1 ใน 3 ของจำนวนสมำชิกสภำองค์กำรบริหำร
ส่วนตำบลท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ มีสิทธิเข้ำช่ือเสนอญัตติขอเปิดอภิปรำยท่ัวไปในท่ีประชุมสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
เพื่อให้นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมคิดเห็นในปัญหำเกี่ยวกับกำรบริหำรองค์กำร
บรหิ ำรสว่ นตำบลโดยไม่มกี ำรลงมติ

ญัตติตำมวรรคหนึ่ง ให้ยื่นต่อประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลและให้ประธำนสภำองค์กำรบริหำร
ส่วนตำบลกำหนดวันสำหรับกำรอภิปรำยทั่วไปซึ่งต้องไม่เร็วกว่ำ 5 วันและไม่ช้ำกว่ำ15 วันนับแต่วันท่ีได้รับญตั ติ
แลว้ แจง้ ใหน้ ำยกองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลทรำบ

นำยกองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลมอี ำนำจหน้ำท่ีดงั ต่อไปน้ี

(๑) กำหนดนโยบำยโดยไม่ขัดต่อกฎหมำย และรับผิดชอบในกำรบริหำรรำชกำรขององค์กำรบริหำรส่วน
ตำบลให้เป็นไปตำมกฎหมำย นโยบำย แผนพัฒนำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล ข้อบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับของทำง
รำชกำร

(๒) สั่ง อนญุ ำต และอนุมตั เิ ก่ียวกับรำชกำรขององคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล
(๓) แต่งต้ังและถอดถอนรองนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลและเลขำนุกำรนำยกองค์กำรบริหำรส่วน
ตำบล
(๔) วำงระเบยี บเพือ่ ให้งำนขององค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบลเป็นไปด้วยควำมเรียบรอ้ ย
(๕) รักษำกำรให้เปน็ ไปตำมขอ้ บญั ญัติองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล
(๖) ปฏบิ ัตหิ นำ้ ทอ่ี นื่ ตำมทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นพระรำชบญั ญัติน้ีและกฎหมำยอน่ื

องค์กำรบริหำรส่วนตำบลมอี ำนำจหน้ำที่ในกำรพัฒนำตำบลทงั้ ในดำ้ นเศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม

ภำยใต้บังคับแห่งกฎหมำย องค์กำรบริหำรส่วนตำบล มีหน้ำท่ีต้องทำในเขตองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ดังตอ่ ไปนี้

(๑) จัดให้มแี ละบำรุงรักษำทำงนำ้ และทำงบก
(๒) รกั ษำควำมสะอำดของถนน ทำงนำ้ ทำงเดนิ และท่สี ำธำรณะ รวมทัง้ กำจดั มูลฝอยและสง่ิ ปฏกิ ลู
(๓) ป้องกนั โรคและระงบั โรคตดิ ตอ่
(๔) ป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย
(๕) ส่งเสริมกำรศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม
(๖) สง่ เสรมิ กำรพัฒนำสตรี เดก็ เยำวชน ผสู้ งู อำยุ และผู้พิกำร
(๗) ค้มุ ครอง ดูแล และบำรุงรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ ม
(๘) บำรงุ รักษำศลิ ปะ จำรตี ประเพณี ภูมปิ ัญญำท้องถิน่ และวัฒนธรรมอนั ดีของท้องถิน่
(๙) ปฏบิ ัติหน้ำทีอ่ น่ื ตำมท่ีทำงรำชกำรมอบหมำยโดยจัดสรรงบประมำณหรือบุคลำกรใหต้ ำมควำมจำเป็น
และสมควร

86

องค์กำรบริหำรส่วนตำบลอำจออกข้อบัญญัติองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเพอื่ ใช้บังคับในเขตองค์กำรบริหำร
ส่วนตำบลได้เท่ำทไ่ี ม่ขัดหรือแยง้ ต่อกฎหมำยเพ่ือปฏิบัตกิ ำรให้เป็นไปตำมอำนำจหน้ำทข่ี ององคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล
หรือเม่ือมีกฎหมำยบัญญัติให้องค์กำรบริหำรส่วนตำบลออกข้อบัญญัติหรือให้มีอำนำจออกข้อบัญญัติ ในกำรนี้จะ
กำหนดค่ำธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บและกำหนดโทษปรับผู้ฝ่ำฝืนด้วยก็ได้ แต่มิให้กำหนดโทษปรับเกิน 1,000 บำท
เว้นแต่จะมีกฎหมำยบญั ญตั ไิ ว้เปน็ อย่ำงอ่นื

อบต. อำจข้อบัญญัติเพ่ือเก็บภำษีอำกรและค่ำธรรมเนียมเพ่ิมขึ้นไม่เกินร้อยละ 10 ของภำษีธุรกิจเฉพำะ สุรำ กำร
พนนั

งบประมำณรำยจ่ำยประจำปีและงบประมำณรำยจ่ำยเพ่ิมเติมขององค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล ให้จัดทำเป็น
ข้อบัญญตั อิ งคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลและจะเสนอได้ก็แต่โดยนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลตำมระเบียบและวิธีกำรที่
กระทรวงมหำดไทยกำหนด

ถ้ำในระหว่ำงปีงบประมำณใดรำยจ่ำยซ่ึงกำหนดไว้ในงบประมำณไม่พอใช้จ่ำยประจำปีน้ันหรือมีควำม
จำเปน็ ตอ้ งตง้ั รำยจำ่ ยขึ้นใหม่ระหวำ่ งปีงบประมำณ ใหจ้ ัดทำข้อบัญญัตงิ บประมำณรำยจ่ำยเพิ่มเติม

เม่ือสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเห็นชอบด้วยกับร่ำงข้อบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีหรือร่ำง
ข้อบญั ญตั งิ บประมำณรำยจ่ำยเพ่ิมเตมิ แลว้ ใหเ้ สนอนำยอำเภอเพอ่ื ขออนุมัติ และให้นำยอำเภอพิจำรณำให้แลว้ เสร็จ
ภำยใน 15 วันนบั แต่วันทไี่ ด้รบั รำ่ งข้อบญั ญัติดงั กลำ่ ว

ถ้ำนำยอำเภอไม่อนุมัตติ ้องแจ้งเหตุผลและส่งคืนให้สภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล เพอ่ื พิจำรณำทบทวนร่ำง
ข้อบัญญัติน้ันใหม่ หำกพ้นกำหนดเวลำดังกล่ำวแล้วนำยอำเภอพิจำรณำไม่แล้วเสร็จ ให้ถือว่ำนำยอำเภออนุมัติร่ำง
ขอ้ บัญญัติดงั กล่ำว

ในกรณีที่สภำองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลมมี ติยืนยันตำมร่ำงขอ้ บัญญัตงิ บประมำณรำยจ่ำยประจำปีหรือร่ำง
ข้อบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยเพิ่มเติม ให้นำยอำเภอส่งร่ำงข้อบัญญัตินั้นไปยังผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดภำยใน
กำหนดเวลำ 15 วันนับแต่วันท่ีสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลแจ้งมติยืนยันเพื่อให้ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดพิจำรณำ
ภำยใน 15 วัน ถำ้ ผู้ว่ำรำชกำรจังหวดั เหน็ ชอบด้วยกับร่ำงขอ้ บญั ญัตนิ ้นั ใหผ้ วู้ ่ำรำชกำรจงั หวัดส่งไปยงั นำยอำเภอเพ่ือ
ลงชื่ออนุมัติ ถ้ำผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดไม่เห็นชอบด้วยกับร่ำงข้อบัญญัตินั้นให้ร่ำงข้อบัญญัติน้ันเป็นอันตกไป หำกพ้น
กำหนดเวลำดงั กลำ่ วแล้วยงั พิจำรณำไมแ่ ล้วเสร็จ ใหถ้ อื ว่ำผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวัดเหน็ ชอบดว้ ยกบั รำ่ งขอ้ บญั ญัตนิ ้ัน

ในกำรพิจำรณำร่ำงข้อบัญญตั ิงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีหรอื ร่ำงข้อบัญญตั ิงบประมำณรำยจ่ำยเพิม่ เตมิ
สภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลต้องพิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับร่ำงข้อบัญญัติน้ัน เมื่อพ้น
กำหนดเวลำดังกล่ำวแล้ว ถ้ำสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลพิจำรณำไม่แล้วเสร็จ ให้ถือว่ำสภำองค์กำรบริหำรส่วน
ตำบลใหค้ วำมเห็นชอบตำมทีน่ ำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลเสนอและใหด้ ำเนินกำรตำมวรรคสำมต่อไป

ถ้ำข้อบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีออกไม่ทันปีงบประมำณใหม่ ให้ใช้ข้อบัญญัติ งบประมำณ
รำยจ่ำยประจำปีในปงี บประมำณท่ีแล้วไปพลำงกอ่ น

ในกำรพิจำรณำรำ่ งข้อบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยประจำปีหรอื ร่ำงข้อบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยเพ่มิ เตมิ
สมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลจะแปรญัตติเพ่ิมเติมรำยกำรหรือจำนวนในรำยกำรไม่ได้ แต่อำจแปรญัตติได้
ในทำงลดหรือตัดทอนรำยจ่ำย ซ่ึงมิได้เป็นรำยจ่ำยท่ีเป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ หรือเงินที่กำหนดให้จ่ำยตำมกฎหมำย

87

และในกำรพิจำรณำของสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล กำรเสนอ กำรแปรญัตติ หรอื กำรกระทำด้วยประกำรใดๆ ที่
มีผลให้สมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลมีส่วนไม่ว่ำโดยทำงตรงหรือโดยอ้อมในกำรใช้งบประมำณรำยจ่ำยจะ
กระทำมไิ ด้

ในกรณีท่ีสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลไม่รับหลักกำรแห่งร่ำงข้อบัญญัติ งบประมำณรำยจ่ำยประจำปีหรือร่ำง
ขอ้ บัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยเพิ่มเติมให้นำยอำเภอตั้งคณะกรรมกำรคณะหนึง่ ประกอบด้วยกรรมกำรจำนวน 7 คน
เพอ่ื พจิ ำรณำหำข้อยุติควำมขัดแย้งโดยแกไ้ ข ปรบั ปรุง หรือยืนยนั สำระสำคญั ที่บญั ญัติไวใ้ นร่ำงขอ้ บัญญัตินนั้ ท้ังน้ี ให้
ยดึ ถือหลกั เกณฑต์ ำมกฎหมำยและระเบยี บทเ่ี กยี่ วข้อง ตลอดจนประโยชน์ของทอ้ งถิน่ และประชำชนเปน็ สำคญั

คณะกรรมกำรตำมวรรคหนึ่งให้ประกอบด้วยสมำชิกสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลซึ่งสภำองค์กำรบรหิ ำร
ส่วนตำบลเสนอจำนวน 3 คน และบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลซ่ึงนำยกองค์กำร
บริหำรส่วนตำบลเสนอจำนวน 3 คน โดยให้ต้ังภำยใน 7 วันนับแต่วันท่ีสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลมีมติไม่รับ
หลักกำร และให้กรรมกำรทั้งหกคนร่วมกันปรึกษำและเสนอบุคคลซ่ึงมิได้เป็นนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล รอง
นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล เลขำนุกำรนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล และมิได้เป็นสมำชิกสภำองค์กำรบริหำร
สว่ นตำบลคนหนึ่งทำหน้ำที่เปน็ ประธำนกรรมกำรดงั กล่ำวภำยใน 7 วนั นับแตว่ ันท่ีกรรมกำรครบจำนวนหกคน

ในกรณีที่ไม่สำมำรถเสนอบุคคลท่ีจะทำหน้ำท่ีเป็นกรรมกำรหรือประธำนกรรมกำรได้ภำยในกำหนดเวลำ
ตำมวรรคสอง หรือคณะกรรมกำรหรอื ประธำนกรรมกำรไม่ปฏิบัติหรอื ไมอ่ ำจปฏิบัติหน้ำท่ีได้ ให้นำยอำเภอต้ังบุคคล
ซงึ่ มไิ ด้เป็นนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล รองนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล เลขำนุกำรนำยกองค์กำรบริหำรส่วน
ตำบล และมิได้เป็นสมำชิกสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลทำหน้ำท่ีกรรมกำรหรือประธำนกรรมกำรดังกล่ำวให้ครบ
ตำมจำนวน

ให้คณะกรรมกำรตำมวรรคหนึ่งพิจำรณำรำ่ งข้อบัญญัติให้แล้วเสรจ็ ภำยใน 15 วันนับต้ังแต่วนั ท่ีได้แตง่ ต้งั
ประธำนกรรมกำรในครำวแรกแล้วรำยงำนต่อนำยอำเภอ ในกรณีท่ีคณะกรรมกำรไม่สำมำรถพิจำรณำให้แล้วเสร็จ
ภำยในระยะเวลำท่ีกำหนด ให้ประธำนกรรมกำรรวบรวมผลกำรพิจำรณำแล้ววินิจฉัยช้ีขำดโดยเร็วแล้วรำยงำนต่อ
นำยอำเภอ

ให้นำยอำเภอส่งร่ำงข้อบัญญัติท่ีผ่ำนกำรพิจำรณำของคณะกรรมกำรหรือประธำนกรรมกำร ในวรรคสี่ให้
นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลโดยเร็ว แล้วให้นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบลเสนอร่ำงข้อบัญญัติดังกล่ำวต่อสภำ
องค์กำรบริหำรส่วนตำบลตำมมำตรำ ๘๗ ภำยใน 7 วันนับแต่วันท่ีได้รับร่ำงข้อบัญญัติจำกนำยอำเภอ หำกนำยก
องค์กำรบริหำรส่วนตำบลไมเ่ สนอรำ่ งข้อบัญญตั ินน้ั ต่อสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลในเวลำท่ีกำหนด ให้นำยอำเภอ
รำยงำนต่อผู้วำ่ รำชกำรจงั หวดั เพอ่ื สง่ั ให้นำยกองค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบลพน้ จำกตำแหนง่

ใหส้ ภำองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลพิจำรณำรำ่ งข้อบญั ญัติงบประมำณรำยจ่ำยตำมมำตรำ ๘๗/๑ วรรคหำ้ ให้
แล้วเสร็จภำยใน 30 วนั นับแต่วนั ทีไ่ ด้รับรำ่ งข้อบัญญตั ิจำกนำยก องคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล หำกสภำองค์กำรบริหำร
ส่วนตำบลพิจำรณำไม่แล้วเสร็จภำยในกำหนด หรือมีมติไม่เห็นชอบให้ตรำข้อบัญญัตินั้น ให้ร่ำงข้อบัญญัติน้ันตกไป

88

และใหใ้ ช้ข้อบัญญตั ิงบประมำณรำยจำ่ ยในปีงบประมำณปีที่แลว้ ไปพลำงก่อน ในกรณีเช่นว่ำนี้ให้นำยอำเภอเสนอผู้ว่ำ

รำชกำรจังหวัดใหม้ ีคำสง่ั ยุบสภำองค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบล

ให้นำยอำเภอมีอำนำจกำกับดูแลกำรปฏิบตั ิหน้ำท่ีขององค์กำรบริหำรส่วนตำบลให้เป็นไปตำมกฎหมำยและ

ระเบยี บขอ้ บงั คบั ของทำงรำชกำร

แนวข้อสอบพระราชบัญญตั ิสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล พ.ศ. 2537 และแกไ้ ขเพม่ิ เติม

1. ใครเปน็ ประธำนสภำตำบล ข. กำนัน
ก. นำยอำเภอ

ค. ผูว้ ่ำรำชกำรจังหวัด ง. ข้ำรำชกำรทีน่ ำยอำเภอแตง่ ต้ัง

2. สภำตำบลประกอบด้วยสมำชิกทีม่ ำจำกเลอื กตั้งหมบู่ ำ้ นละก่คี น

ก. 1 คน ข. 3 คน

ค. 2 คน ง. 4 คน

3. “หนว่ ยกำรบรหิ ำรรำชกำรส่วนทอ้ งถิ่น” ตำมพระรำชบัญญัติสภำตำบลและ องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบล พ.ศ.
2537 (แก้ไขเพ่มิ เตมิ ถงึ ฉบบั ท่ี 6) 2552 ประกอบด้วย (เทศบำล , สุขำภิบำล , รำชกำรสว่ นอ่ืนท่ีกฎหมำย

จดั ตง้ั ขึ้น แต่ไม่รวม

ก. อำเภอ ข. จังหวัด

ค. องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจังหวัด ง. กรุงเทพมหำนคร

4. กำรประชมุ สภำตำบลประชุมเดอื นละกี่คร้ัง

ก. 1 ครงั้ ข. 2 ครัง้

ค. 3 ครงั้ ง. 4 ครั้ง

5. รองประธำนสภำตำบลใครเปน็ ผู้แตง่ ต้ัง

ก. นำยอำเภอ ข. ประธำนสภำตำบล

ค. กำนัน ง. ผ้วู ำ่ รำชกำรจงั หวัด

6. รำยได้ของสภำตำบลใหไ้ ด้รบั กำรยกเวน้ ไมต่ อ้ งเสียภำษี ให้ตรำเป็นกฎหมำยใด
ก. ประกำศกระทรวงมหำดไทย ข. พระรำชกฤษฎกี ำ

ค. กฎกระทรวง ง. ขอ้ บัญญตั ิ

7. สภำตำบลสำมำรถจัดตงั้ เป็น “องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล” โดยตรำเป็นกฎหมำยใด สภำตำบลมรี ำยได้ไม่
รวมเงนิ อุดหนุนในปงี บประมำณล่วงมำตดิ ตอ่ กนั 3 ปเี ฉล่ียเกิน กีบ่ ำท จึงจัดตง้ั เป็น องค์กำรบริหำรสว่ น

ตำบลได้ ค. 200,000 บำท
ก. 100,000 บำท

ข. 150,000 บำท ง. 300,000 บำท

8. องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลประกอบด้วย

ก. สภำองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล และนำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล

ข. สภำองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล และคณะผู้บริหำร

ค. สภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล และพนักงำนส่วนท้องถนิ่

ง. สภำองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล และ กำนัน-ผ้ใู หญบ่ ำ้ น

89

9. ประธำนสภำองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลและรองประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบลดำรงตำแหนง่ กป่ี ี

ก. ครบตำมอำยุของสภำ ข. 2 ปี

ค. 3 ปี ง. ไม่มีข้อใดถกู

10. ใน 1 ปีใหม้ ีกำรประชมุ สภำกี่สมยั และประชุมสมัยหน่งึ ๆ ไม่เกนิ กว่ี ัน
ก. 1 สมัยหรือหลำยสมยั แตไ่ มเ่ กนิ 4 สมัย ข. 2 สมัย แตไ่ มเกิน 3 สมัย

ค. 4 สมัย ง. 2 สมัยหรอื หลำยสมัย แต่ไม่เกิน 4 สมยั

11. กรประชมุ สภำ องค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลสมัยสำมญั หนึ่งไม่เกนิ กวี่ ัน

ก. 15 วัน ข. 30 วัน

ค. 45 วัน ง. ตำมท่ีสภำกำหนด

11. หำกต้องกำรเปดิ ประชมุ วิสำมญั ใครสำมำรถยื่นคำร้องขอเปิดประชมุ

ก. ประธำนสภำ ข. นำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล

ค. สมำชกิ สภำไมต่ ่ำกวำ่ ก่งึ หน่งึ ของจำนวนสมำชิกเท่ำที่อยู่ในตำแหนง่

ง. ถูกทกุ ข้อ

12. กำรประชมุ สภำ องค์กำรบริหำรสว่ นตำบล มีสมำชิกมำประชมุ ไม่น้อยกวำ่ ของจำนวนสมำชกิ องคก์ ำรบรหิ ำร
ส่วนตำบลท้งั หมดเทำ่ ทม่ี อี ยู่

ก. ไมน่ ้อยกวำ่ หน่ึงในสำมของจำนวนสมำชิก องคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลทง้ั หมดเทำ่ มีอยู่

ข. ไมน่ อ้ ยกวำ่ สำมในสข่ี องจำนวนสมำชิก องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลทง้ั หมดเท่ำท่ีมอี ยู่

ค. ไม่นอ้ ยกวำ่ กึง่ หน่ึงของจำนวนสมำชิกองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลทัง้ หมดเท่ำทม่ี ีอยู่

ง. ไมน่ อ้ ยกวำ่ สองในสำมของจำนวนสมำชิก องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลทั้งหมดเท่ำทีม่ ีอยู่

13. รำ่ งข้อบญั ญตั ิองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล ใครเปน็ ผู้เสนอ และสำมำรถกำหนดโทษปรับไม่เกนิ กีบ่ ำท
ก. นำยกองค์กำรบริหำรสว่ นตำบล /ไม่เกิน 1,000 บำท

ข. สมำชกิ สภำองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล/ไม่เกิน 1,000 บำท.

ค. รำษฎรผ้มู ีสิทธเิ ลอื กต้ังตำมกฎหมำย/ไมเ่ กิน 1,000 บำท

ง. ถูกทกุ ขอ้

14. องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลมีอำนำจออกขอ้ บญั ญตั ิ เพ่ือเก็บภำษีอำกรและค่ำธรรมเนียมเพ่มิ ขนึ้ ไมเ่ กนิ กีร่ ้อย

ละเทำ่ ใด ข. ร้อยละ 7
ก. รอ้ ยละ 5

ค. ร้อยละ 10 ง. ร้อยละ 15

15. ใหก้ ระทรวงมหำดไทยดำเนนิ กำรบสภำตำบลและองค์กำรบริหำรส่วนตำบลที่มีจำนวนไม่ถึงกค่ี น โดยใหร้ วมเขำ้

กับ องค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล อ่นื ทีมเี ขตตดิ ตอ่ กนั ในอำเภอ

ก. 500 คน ข. 1,000 คน

ค. 1,500 คน ง. 2,000 คน

90

16. ผู้มีสิทธิสมัครรบั เลือกตง้ั เป็นสมำชกิ สภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลต้องมีอำยไุ ม่ตำ่ กว่ำกปี่ ี ในวันเลอื กต้งั

ก. 18 ปี ข. 20 ปี

ค. 25 ปี ง. 30 ปี

15. ผู้มีสิทธิสมคั รรับเลือกตั้ง เป็นนำยกองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลต้องมีอำยไุ ม่ต่ำกว่ำกปี่ ใี นวนั เลือกตง้ั

ก. 18 ปี ข. 20 ปี

ค. 25 ปี ง. 30 ปี

16. รองนำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล และเลขำนุกำรนำยกองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล ถำ้ จะลำออก ต้องยน่ื
หนังสือลำออกกบั ใคร

ก. นำยอำเภอ ข. ประธำนสภำองค์กำรบริหำรส่วนตำบล

ค. นำยกองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล ง. ผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวัด

17. สมำชกิ สภำ องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล ขำดกำรประชมุ เกนิ สำมครง้ั ตดิ ต่อกัน สำมำรถพน้ จำกกำรสมำชกิ ภำพ
ได้ และใครเป็นผู้สอบสวน

ก. นำยอำเภอ ข. ประธำนสภำองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล

ค. นำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล ง. ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด

18. ถำ้ นำยกองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบล มอบอำนำจให้ปลดั องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล หรือ รองปลดั เป็นผู้ปฏบิ ตั ิ

รำชกำรแทน ตอ้ งทำเป็นหนังสอื ประเภทใด

ก. ระเบยี บ ข. คำสั่งและประกำศให้ประชำชนทรำบ

ค. แถลงกำรณ์ ง. ขำ่ ว

19. ใครคือเจ้ำหนำ้ ที่งบประมำณ ข. ปลัดองค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ก. ผอู้ ำนวยกำรกองคลัง

ค. นำยกองคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล ง. นักวชิ ำกำรคลงั

20. ในกำรประชมุ สภำ องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลคร้งั แรกใครเปน็ ผู้เรยี กประชุมสภำ และประชมุ ภำยในก่ีวันนบั
จำกประกำศผลรับรองกำรเลอื กตั้ง

ก. นำยอำเภอ ข. ประธำนสภำองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบล

ค. นำยกองคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล ง. ผวู้ ่ำรำชกำรจังหวดั

91

พระราชบญั ญัตกิ าหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ. 2542 และ

แก้ไขเพิ่มเตมิ (ออก 3 ขอ้ )

องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น หมำยควำมว่ำ องค์กำรบรหิ ำรสว่ นจงั หวัด เทศบำล องค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบล

กรุงเทพมหำนคร เมอื งพทั ยำ และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ อนื่ ทมี่ กี ฎหมำยจดั ต้ัง (รวม 6 )

ให้ นำยกรัฐมนตรี รัฐมนตรวี ่ำกำรกระทรวงกำรคลงั รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย รกั ษำกำร ตำม พรบ.น้ี

คณะกรรมกำรกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ประกอบด้วย (มที ้งั หมด 36 คน 12-12-12)

นำยกรัฐมนตรี หรอื รองนำยกรัฐมนตรที ไ่ี ดร้ บั มอบหมำย เปน็ ประธำนกรรมกำร (ข้ำรำชกำรอนื่ 11 คน)

ให้หวั หน้ำสำนกั งำนคณะกรรมกำรกระจำยอำนำจให้แก่องคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ เปน็ เลขำนกุ ำร มีผูแ้ ทนจำก

องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหำร อบจ. 2 คน ผู้บริหำร เทศบำล 3 คน ผ้บู รหิ ำร อบต. 5 คน

และ กทม. พทั ยำ และ อปท. อ่ืน อีก 2 คน (จำนวน 12 คน )

ผทู้ รงคณุ วุฒิ จำนวน 12 คน

กรรมกำรผูท้ รงคุณวฒุ ิ 1. สัญชำตไิ ทย 2. อำยไุ มต่ ำ่ กวำ่ 35 ปบี ริบรู ณ์ มวี ำระดำรงตำแหน่ง 4 ปี

แต่ไม่เกนิ 2 วำระ

ให้คณะกรรมกำรมอี ำนำจและหน้ำท่ีดังตอ่ ไปน้ี
(๑) จัดทำแผนกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ และแผนปฏบิ ัตกิ ำร
เพอ่ื ขอควำมเห็นชอบจำกคณะรฐั มนตรแี ละรำยงำนต่อรัฐสภำ
(๒) กำหนดกำรจดั ระบบกำรบรกิ ำรสำธำรณะตำมอำนำจและหน้ำที่ระหวำ่ งรฐั กบั องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถน่ิ และระหวำ่ งองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ดว้ ยกนั เอง
(๓) ปรบั ปรงุ สัดสว่ นภำษแี ละอำกร และรำยได้ระหวำ่ งรัฐกับองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ
และระหวำ่ งองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินด้วยกันเอง โดยคำนงึ ถงึ ภำระหนำ้ ทข่ี องรฐั กับองคก์ รปกครองสว่ น
ท้องถน่ิ และระหวำ่ งองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นดว้ ยกนั เองเป็นสำคญั
(๔) กำหนดหลักเกณฑแ์ ละขน้ั ตอนกำรถำ่ ยโอนภำรกจิ จำกรำชกำรส่วนกลำงและรำชกำร
ส่วนภมู ภิ ำคให้แกอ่ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน
(๕) ประสำนกำรถำ่ ยโอนข้ำรำชกำร ข้ำรำชกำรส่วนท้องถ่นิ และพนักงำนรัฐวิสำหกิจ
ระหว่ำงส่วนรำชกำร รฐั วิสำหกจิ และองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นกับคณะกรรมกำรพนกั งำนส่วนทอ้ งถิน่
หรือหนว่ ยงำนทเ่ี กยี่ วข้อง เพ่อื ใหส้ อดคล้องกบั กำรกำหนดอำนำจและหน้ำท่ีกำรจัดสรรภำษแี ละอำกร เงิน
อดุ หนุน เงนิ งบประมำณทร่ี ำชกำรส่วนกลำงโอนใหแ้ กอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ และกำรถำ่ ยโอนภำรกจิ
ตำม (๒) (๓) และ (๔) (๖) เสนอแนะต่อคณะรฐั มนตรใี หม้ ีกำรกระจำยอำนำจกำรอนมุ ัตหิ รือกำรอนญุ ำตตำมท่ี
มกี ฎหมำยบัญญตั ิใหต้ อ้ งขออนุมัติหรอื ขออนุญำตไปให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ โดยคำนงึ ถึงควำม
สะดวก รวดเร็วในกำรใหบ้ ริกำรประชำชน และกำรกำกับดแู ลให้เป็นไปตำมกฎหมำยนนั้ ๆ เป็นสำคัญ
(๗) เสนอแนะมำตรกำรดำ้ นกำรเงิน กำรคลัง กำรภำษีอำกร กำรงบประมำณและกำร
รักษำวนิ ยั ทำงกำรเงิน กำรคลงั ขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ
(๘) เสนอแนะกำรตรำพระรำชบัญญตั ิพระรำชกฤษฎีกำ ออกกฎกระทรวงประกำศ
ขอ้ บงั คบั ระเบยี บ และคำสงั่ ทีจ่ ำเป็นเพ่อื ดำเนินกำรใหเ้ ปน็ ไปตำมแผนกำรกระจำยอำนำจให้แก่องค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ต่อคณะรัฐมนตรี
(๙) เรง่ รดั ให้มีกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำ ออกกฎกระทรวง ประกำศ ขอ้ บงั คบั ระเบียบ
และคำสัง่ ท่ีจำเป็นเพ่อื ดำเนินกำรให้เปน็ ไปตำมแผนกำรกระจำยอำนำจให้แก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น

92

(๑๐) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรใี นกำรจัดสรรเงนิ งบประมำณท่ีจดั สรรเพ่มิ ขน้ึ ใหแ้ ก่
องคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ เนอ่ื งจำกกำรถ่ำยโอนภำรกจิ จำกส่วนกลำง
(๑๑) พิจำรณำหลักเกณฑ์กำรจัดสรรเงินอุดหนนุ ให้แกอ่ งคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ตำมควำมจำเปน็
(๑๒) เสนอแนะและจัดระบบตรวจสอบและกำรมีสว่ นร่วมของประชำชนในท้องถ่ิน
(๑๓) เสนอควำมเห็นตอ่ นำยกรัฐมนตรเี พอื่ พิจำรณำสงั่ กำรในกรณีทป่ี รำกฏวำ่ ส่วน
รำชกำรหรอื รฐั วิสำหกจิ ไมด่ ำเนินกำรตำมแผนกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ
(๑๔) เสนอรำยงำนเก่ียวกบั กำรกระจำยอำนำจให้แกอ่ งค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นตอ่
คณะรัฐมนตรอี ย่ำงนอ้ ยปีละ 1 ครงั้

ใหม้ สี ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินใน
สำนกั งำนปลดั สำนักนำยกรฐั มนตรีโดยมอี ำนำจและหน้ำท่ีดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) รับผิดชอบงำนธุรกำรของคณะกรรมกำร
(๒) รวบรวมข้อมลู ศกึ ษำ และวเิ ครำะห์เกยี่ วกับกำรกระจำยอำนำจใหแ้ กอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ และข้อมลู ตำ่ ง
ๆ เกี่ยวกับงำนของคณะกรรมกำร
(๓) รว่ มมือและประสำนงำนกับรำชกำรสว่ นกลำง รำชกำรส่วนภูมิภำค องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ และรฐั วสิ ำหกิจ
เพอ่ื ดำเนินกำรให้เป็นไปตำมพระรำชบญั ญตั ิน้ี
(๔) ตดิ ตำมและประเมนิ ผลกำรปฏิบตั ิตำมแผนตำมทคี่ ณะกรรมกำรมอบหมำย
(๕) ปฏิบตั ิหนำ้ ท่อี ่นื ตำมท่กี ฎหมำยกำหนดให้เป็นหนำ้ ท่ีของสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องคก์ ร
ปกครองส่วนท้องถิน่ หรอื ตำมทีค่ ณะกรรมกำรมอบหมำย
กำรกำหนดอำนำจและหนำ้ ที่ในกำรจัดระบบบริกำรสำธำรณะ
ให้ เทศบำล เมอื งพัทยำ และองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล มหี นำ้ ที่ในกำรจัดระบบกำรบริกำรสำธำรณะ ดงั น้ี
1.กำรจดั ทำแผนพฒั นำท้องถิน่ ของตนเอง 2.กำรจัดใหม้ แี ละบำรงุ รักษำทำงบก ทำงนำ้ และทำงระบำยน้ำ
3.กำรจดั ให้มแี ละควบคมุ ตลำด ท่ำเทยี บเรือ ทำ่ ข้ำม และท่ีจอดรถ 4.กำรสำธำรณูปโภคและกำรกอ่ สรำ้ งอนื่ ๆ
5.กำรสำธำรณปู กำร 6.กำรส่งเสรมิ กำรฝกึ และประกอบอำชพี 7.กำรพำณชิ ย์ และกำรสง่ เสรมิ กำรลงทนุ
8.กำรสง่ เสริมกำรท่องเทยี่ ว 9.กำรจัดกำรศกึ ษำ 10.กำรสังคมสงเครำะห์ และกำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิต
11.กำบำรุงรักษำศิลปะ จำรตี ประเพณี ภมู ิปัญญำท้องถิน่ และวฒั นธรรม
12.กำรปรับปรงุ แหล่งชมุ ชนแออดั และกำรจดั กำรเกีย่ วกับที่อยูอ่ ำศยั
13.กำรจดั ให้มแี ละกำรบำรุงรักษำสถำนทีพ่ กั ผ่อนหย่อนใจ 14.กำรส่งเสริมกฬี ำ
15.กำรสง่ เสรมิ ประชำธปิ ไตย ควำมเสมอภำค และสิทธเิ สรภี ำพของประชำชน
16.สง่ เสริมกำรมีส่วนรว่ มของรำษฎรในกำรพฒั นำท้องถิน่ 17.กำรรกั ษำควำมสะอำดและควำมเปน็ ระเบยี บร้อย
18.กำรกำจัดมลู ฝอย ส่งิ ปฏกิ ลู และนำ้ เสยี 19.กำรสำธำรณสขุ กำรอนำมัยครอบครวั และกำรรักษำพยำบำล
20.กำรจดั ให้มแี ละกำรควบคมุ สุสำนและณำปนสถำน 21.กำรควบคุมกำรเล้ยี งสตั ว์
22.กำรจดั ให้มีและกำรควบคุมกำรฆำ่ สัตว์ 23.กำรรกั ษำควำมปลอดภยั ควำมเปน็ เรียบรอ้ ย และกำรอนำมัยโรง
มหรสพ และสำธำรณสถำนอืน่ ๆ
24.กำรจดั กำร กำรบำรุงรักษำ และกำรใช้ประโยชนจ์ ำกปำ่ ไม้ ทดี่ นิ และทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
25.กำรผังเมอื ง 26.กำรขนสง่ และกำรวศิ วกรรมจรำจร 27.กำรดแู ลรกั ษำท่ีสำธำรณะ 28.กำรควบคมุ อำคำร
29.กำรปอ้ งกันและบรรเทำสำธำรณภยั 30.กำรรักษำควำมสงบเรียบร้อย กำรสง่ เสรมิ และสนับสนุนกำรป้องกันและ
รกั ษำควำมปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพย์สิน

93

ให้ องค์กำรบริหำส่วนจงั หวัด มีอำนำจและหนำ้ ท่ีในกำรจัดระบบบริกำรสำธำรณะ ดงั นี้
1.กำรจัดทำแผนพฒั นำทอ้ งถิ่นของตนเอง และประสำนกำรจดั ทำแผนพัฒนำจังหวัดตำมระเบยี บที่คณะรฐั มนตรี
กำหนด
2.กำรสนบั สนนุ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ อน่ื ในกำรพัฒนำท้องถิ่น
3.กำรประสำนและใหค้ วำมรว่ มมือในกำรปฏิบัตหิ น้ำที่ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ อน่ื
4.กำรแบง่ สรรเงนิ ซงึ่ ตำมกฎหมำย จะตอ้ งแบ่งให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นอน่ื
5.กำรคุ้มครอง ดแู ล บำรุงรักษำป่ำไม้ และทรัพยำกรธรรมชำติและสิง่ แวดลอ้ ม
ทเ่ี หลือคลำ้ ยกับ เทศบำล อบต. เมอื งพัทยำ
เพ่ิม 6.กำรกำจดั มลู ฝอยและสง่ิ ปฏิกลู รวม 7.กำรจดั ให้มพี พิ ธิ ภัณฑ์และหอจอหมำยเหตุ 8.กำรจัดให้มโี รงพยำบำล
กำรรกั ษำพยำบำล กำรปอ้ งกนั และควบคมุ โรคติดตอ่
บรรดำอำนำจและหน้ำท่ี ทีอ่ ยู่ในควำมรับผิดชอบของรฐั ตำมกฎหมำย รัฐอำจมอบอำนำจและหน้ำทใ่ี หอ้ งค์กร
ปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ดำเนนิ กำรแทนได้
องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ อำจมอบให้เอกชนดำเนนิ กำร ตำมอำนำจและหนำ้ ที่แทนได้ ตำมหลกั เกณฑ์ วธิ กี ำร และ
เงอ่ื นไขทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง
กำรจดั สรรสดั สว่ นภำษแี ละอำกร
เทศบำล เมอื งพทั ยำ และองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล อำจมรี ำยไดจ้ ำกภำษีอำกร ค่ำธรรมเนยี ม และเงินรำยได้ ดังนี้
(๑) ภำษโี รงเรอื นและทด่ี ินตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยภำษโี รงเรือนและที่ดิน
(๒) ภำษีบำรงุ ท้องที่ตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยภำษีบำรุงท้องท่ี
(๓) ภำษปี ำ้ ยตำมกฎหมำยว่ำด้วยภำษีปำ้ ย
(๔) ภำษีมูลคำ่ เพิ่มตำมประมวลรัษฎำกรท่ไี ด้รบั กำรจดั สรรในอตั รำซงึ่ เม่ือรวมกับกำร
จัดสรรตำมมำตรำ ๒๔ (๓) และมำตรำ ๒๕ (๖) แล้วไมเ่ กินร้อยละ 30 ของภำษีมลู ค่ำเพิ่มทจ่ี ดั เก็บได้
หกั สว่ นทตี่ อ้ งจ่ำยคนื แลว้ โดยเปน็ หน้ำท่ขี องกรมสรรพำกรทจ่ี ะจดั เก็บ
(๕) ภำษีธุรกิจเฉพำะตำมประมวลรัษฎำกร โดยออกข้อบัญญตั จิ ัดเก็บเพิม่ ขน้ึ ในอัตรำซึ่ง
เม่ือรวมกับอตั รำตำมมำตรำ ๒๔ (๔) แล้วไม่เกนิ รอ้ ยละ 30 ของอัตรำภำษีที่จดั เก็บตำมประมวล
รษั ฎำกร โดยเปน็ หน้ำทีข่ องกรมสรรพำกรท่ีจะจัดเกบ็
(๖) ภำษีสรรพสำมิตตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยภำษีสรรพสำมติ ภำษีสรุ ำตำมกฎหมำยวำ่ ดว้ ย
สุรำ และค่ำแสตมปย์ ำสูบตำมกฎหมำยวำ่ ดว้ ยยำสูบ ซงึ่ เก็บจำกกำรค้ำในเขตเทศบำลเมอื งพัทยำ และ
องค์กำรบริหำรส่วนตำบล โดยออกขอ้ บัญญัตจิ ดั เก็บเพม่ิ ข้นึ ในอัตรำไมเ่ กินรอ้ ยละ 30 ของอตั รำภำษที ี่
กรมสรรพสำมติ จดั เก็บ และให้ถือเปน็ ภำษแี ละค่ำแสตมป์ตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยกำรนนั้ โดยเปน็ หนำ้ ท่ขี อง
กรมสรรพสำมติ ที่จะจดั เก็บ
(๗) ภำษแี ละคำ่ ธรรมเนียมรถยนต์รวมทงั้ เงนิ เพ่ิมตำมกฎหมำยว่ำด้วยรถยนตภ์ ำษรี ถ
ตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยกำรขนสง่ ทำงบก และค่ำธรรมเนียมลอ้ เลื่อนตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยล้อเลือ่ น

๘) ภำษกี ำรพนนั ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรพนัน
(๙) ภำษีเพ่ือกำรศกึ ษำตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยกำรศึกษำแห่งชำติ
(๑๐) อำกรกำรฆำ่ สตั ว์และผลประโยชน์อืน่ อันเกิดจำกกำรฆ่ำสัตว์ตำมกฎหมำยว่ำดว้ ย
กำรควบคมุ กำรฆำ่ สตั วแ์ ละจำหนำ่ ยเนื้อสัตว์
(๑๑) อำกรรังนกอแี อ่นตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยอำกรรังนกอีแอน่
(๑๒) คำ่ ภำคหลวงแร่ตำมกฎหมำยว่ำด้วยแร่หลังจำกหกั ส่งเปน็ รำยไดข้ องรฐั ในอตั รำรอ้ ยละ 40 แลว้ ดังต่อไปน้ี

94

(ก) องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบลหรือเทศบำลที่มีพนื้ ท่คี รอบคลมุ พืน้ ทีต่ ำมประทำนบตั รให้ไดร้ ับกำรจดั สรรในอัตรำร้อย
ละ 20 ของเงินคำ่ ภำคหลวงแร่ทจี่ ัดเก็บไดภ้ ำยในเขต
(ข) องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลและเทศบำลอน่ื ท่ีอย่ภู ำยในจงั หวดั ทีม่ ีพืน้ ทคี่ รอบคลุมพนื้ ที่ตำมประทำนบตั ร ใหไ้ ดร้ ับ
กำรจดั สรรในอตั รำรอ้ ยละ 10 ของเงนิ คำ่ ภำคหลวงแรท่ ่จี ดั เกบ็ ไดภ้ ำยในเขต
(ค) องค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบลและเทศบำลในจงั หวดั อืน่ ใหไ้ ด้รบั กำรจดั สรรในอตั รำรอ้ ยละ 10 ของเงินคำ่ ภำคหลวง
แร่ที่จดั เก็บได้ภำยในเขต
(๑๓) คำ่ ภำคหลวงปิโตรเลยี มตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยปิโตรเลยี มหลังจำกหักส่งเป็นรำยได้
ของรัฐในอตั รำรอ้ ยละส่สี ิบแลว้ ดงั ต่อไปนี้
(ก) องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลหรือเทศบำลท่ีมีพ้ืนที่ครอบคลมุ พ้นื ท่ตี ำมสมั ปทำน ใหไ้ ดร้ บั กำรจดั สรรในอัตรำรอ้ ยละ
20 ของเงนิ ค่ำภำคหลวงปโิ ตรเลยี มท่ีจัดเก็บไดภ้ ำยในเขต
(ข) องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลหรอื เทศบำลอน่ื ที่อยภู่ ำยในจงั หวัดทม่ี พี ื้นท่คี รอบคลุมพนื้ ทีต่ ำมสมั ปทำน ให้ไดร้ บั กำร
จัดสรรในอตั รำร้อยละ 10 ของเงนิ ค่ำภำคหลวงปโิ ตรเลยี มท่จี ัดเกบ็ ไดภ้ ำยในเขต
(ค) องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลและเทศบำลในจงั หวัดอ่ืน ใหไ้ ด้รบั กำรจดั สรรในอตั รำรอ้ ยละ 10 ของเงนิ ค่ำภำคหลวง
ปโิ ตรเลยี มท่ีจดั เก็บไดภ้ ำยในเขต
14. คำ่ ธรรมเนยี มกำรจดทะเบียนและนิตกิ รรมเก่ียวกบั อสังหำรมิ ทรพั ย์
15. ค่ำธรรมเนยี มสนำมบิน ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเดนิ อำกำศ
16.คำ่ ธรรมเนยี มดงั ตอ่ ไปน้ี โดยกำรออกขอ้ บญั ญตั จิ ัดเกบ็ เพ่ิมขนึ้ ในอัตรำไมเ่ กนิ ร้อยละ 10 ของคำ่ ธรรมเนยี มนนั้
ก. คำ่ ธรรมเนยี มใบอนญุ ำตขำยสรำ ข.ค่ำธรรมเนียมใบอนุญำตเลน่ กำรพนนั
17.ค่ำธรรมเนียม ค่ำใบอนญุ ำต และค่ำปรับในกิจกำรทก่ี ฎหมำยมอบหมำย
18.คำ่ ใช้นำ้ บำดำล
องค์กำรบริหำรสว่ นจังหวัด อำจมีรำยได้จำกภำษีอำกร คำ่ ธรรมเนยี ม และเงนิ รำยได้ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.ภำษีบำรุงองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจงั หวดั สำหรบั น้ำมันเบนซิน น้ำดเี ซล ก๊ำชปโิ ตรเลยี ม
โดยออกขอ้ บัญญัติ จดั เกบ็ เพ่มิ ได้ ไม่เกนิ ลิตรละ 10 สบิ สตำงค์
2.ภำษีบำรงุ องคก์ ำรบริหำรสว่ นจังหวดั สำหรบั ยำสบู จดั เก็บได้ไมเ่ กนิ มวลละ 10 สิบสตำงค์
3.ภำษมี ูลคำ่ เพ่มิ ตำมประมวลรษั ฎำกร แล้วไม่เกนิ ร้อยละ 30 ของภำษมี ลู ค่ำ
4.ภำษธี รุ กจิ เฉพำะตำมประมวลรัษฎำกร แลว้ ไม่เกินร้อยละ 30 ของภำษีธุรกิจ
5.ภำษีและค่ำธรรมเนียมรถยนต์ คำ่ ธรรมเนียมล้อเล่อื น
6.ภำษเี พอื่ กำรศกึ ษำ 7.อำกรังนกอแี อน่
8.ค่ำภำคหลวงแร่ ใหไ้ ดร้ ับกำรจัดสรรในอตั รำร้อยละ 20 ของค่ำภำคหลวงแรท่ ่จี ัดเกบ็ ได้ภำยในจงั หวดั
9.คำ่ ภำคหลวงปโิ ตรเลยี ม ให้ได้รบั กำรจัดสรรในอัตรำร้อยละ 20 ของคำ่ ภำคหลวงปโิ ตรเลยี มท่จี ัดเก็บได้ภำยใน
จงั หวัด
10.คำ่ ธรรมเนียมบำรุงองค์กำรบริหำรสว่ นจงั หวดั โดยออกข้อบญั ญัตเิ รยี กเกบ็ จำกผ้พู ักในโรงแรม
11.ค่ำธรรมเนียม ค่ำใบอนญุ ำต และค่ำปรับในกจิ กำรทกี่ ฎหมำยมอบหมำย
องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ อำจมีรำยรับ ดงั ต่อไปน้ี
1.รำยไดจ้ ำกทรัพย์สนิ ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน 2.รำยไดจ้ ำกสำธำรณปู โภค
3.รำยไดจ้ ำกพำณชิ ย์และกำรทำกจิ กำร 4.ภำษีอำกร ค่ำธรรมเนียม ฯ
5.ค่ำบริกำร 6. เงนิ อดุ หนุนจำกรัฐบำล 7.เงนิ ช่วยเหลือจำกต่ำงประเทศ 8.รำยได้จำกกำรจำหน่ำยพนั ธบตั ร
9.เงินกู้ 10.เงินกูจ้ ำกต่ำงประเทศ 11. เงนิ บรจิ ำค 12.รำยไดข้ องแผน่ ดิน

95

สำนักงำนคณะกรรมกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ สังกดั สำนักงำนปลดั สำนกั นำยกรฐั มนตรี
แผนกำรกระจำยอำนำจให้แก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ
มีแผนกำรกระจำยอำนำจมดี ังนี้
1.ให้ดำเนินกำรถ่ำยโอนภำรกจิ กำรให้บริกำรสำธำรณะ ดังนี้

1.1 ภำรกิจซ้ำซ้อนระหว่ำงรัฐและ อปท. ภำยใน 4 ปี
1.2 ภำรกิจที่รฐั ใหบ้ รกิ ำร และกระทบถงึ อปท. อื่น ภำยใน 4 ปี
1.3 ภำรกจิ ตำมนโยบำยรัฐบำล ภำยใน 4 ปี
2. กำหนดขอบเขตกำรใหบ้ ริกำรสำธำรณะ ของรัฐและ อปท. ภำยใน 10 ปี
**กำหนดจัดสรรภำษี เงินอดุ หนุน และรำยได้อืน่ ต้งั แต่ปีงบประมำณ พ.ศ.2550 เปน็ ต้นไป ไมน่ อ้ ยกว่ำรอ้ ยละ 25
และโดยมีจุดมุ่งหมำยท่ีจะใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมรี ำยได้เพม่ิ ขน้ึ ไม่นอ้ ยกว่ำรอ้ ยละ 35
และเงินอดุ หนุนทีจ่ ดั สรร จะต้องไมน่ ้อยกวำ่ ทจี่ ัดสรรให้ ในปงี บประมำณ พ.ศ. 2549

ให้คณะกรรมกำร ดำเนนิ กำรจดั ทำแผนปฏิบัตกิ ำร เพ่ือกำหนดขน้ั ตอนกำรกระจำยอำนำจตำมแผนกำรกระจำย
อำนำจใหแ้ กอ่ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน

ใหค้ ณะกรรมกำร พจิ ำรณำ ทบทวนกำรกำหนดอำนำจและหน้ำที่ และกำรจัดสรรรำยได้ขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถนิ่ ภำยหลังทไี่ ด้ดำเนินกำรตำมแผนกำรกระจำยอำนำจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินไปแลว้ โดยพิจำรณำ
ทบทวนใหมท่ ุกระยะเวลำไมเ่ กิน 5 นบั แตว่ นั ที่มกี ำรกำหนดอำนำจและหน้ำที่ หรือวนั ที่มกี ำรจัดสรรรำยได้ จะต้อง
พิจำรณำถึงควำมเหมำะสมของกำรกำหนดอำนำจและหน้ำที่ และกำรจัดสรรได้ เพ่ือกระจำยอำนำจเพิ่มขน้ึ ให้แก่
องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ

แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั กิ าหนดแผนและขน้ั ตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน
พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิม่ เติม

1. ใครเปน็ ผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญตั กิ ำหนดแผนและขน้ั ตอนกำรกระจำยอำนำจให้แกอ่ งคก์ รปกครองส่วน
ทอ้ งถิน่ พ.ศ.2542

ก. นำยกรฐั มนตรี รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย
ข. นำยรฐั มนตรี รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรคลงั
ค. นำยกรัฐมนตรี รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย รฐั มนตรวี ำ่ กำรกระทรวงกำรคลัง
ง. นำยกรัฐมนตรี

96

2. ใครเปน็ ประธำนคณะกรรมกำรกำรกระจำยอำนำจใหแ้ ก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ

ก. นายกรฐั มนตรหี รือรองนายกรัฐมนตรซี ึง่ นายกรฐั มนตรีมอบหมาย

ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย

ค. รัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

ง. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิตามที่ได้รับคัดเลือก

3. ใครเปน็ เลขานุการคณะกรรมการการกระจายอานาจให้แกอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่

ก. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย

ข. รัฐมนตรที ่ีนายกรฐั มนตรีมอบหมาย

ค. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลงั

ง. หัวหน้าสานกั งานคณะกรรมการการกระจายอานาจให้แกอ่ งคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่

4. ข้อใดไม่เป็นคณะกรรมการการกระจายอานาจใหแ้ กอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน โดยตาแหนง่

ก. ปลดั กระทรวง มหาดไทย ข. ปลัดกระทรวงการคลงั

ค. ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ง. อธิบดกี รมบญั ชีกลาง

5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่อานาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น

ก. กาหนดการจัดระบบการบรกิ ารสาธารณะตามอานาจและหนา้ ทีร่ ะหว่างรัฐกบั อปท และระหวา่ งอปท.

ด้วยกนั เอง

ข. เสนอแนะมาตรการด้านการเงนิ การคลงั การภาษอี ากร การงบประมาณ และการรักษาวนิ ัยทาง

การเงิน การคลังของอปท.

ค. เสนอแนะการตราพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎกี า ออกกฎกระทรวง ประกาศ ข้อบังคบั ระเบียบ

และคาส่ังที่จาเป็นเพ่ือการดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามแผนการกระจายอานาจใหแ้ กอ่ ปท. ต่อครม.

ง. เร่งรดั ให้มีตราพระราชบญั ญัติ และคาส่งั ท่ีจาเปน็ เพ่อื การดาเนนิ การให้เปน็ ไปตามแผนการกระจายอานาจ

ใหแ้ กอ่ ปท.

6. ใหม้ สี านักงานคณะกรรมการการกระจายอานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถนิ่ อยู่ในสังกดั หน่วยงานใด

ก. สานักปลัดสานกั นายกรัฐมนตรี

ข. สานักปลัดกระทรวงมหาดไทย

ค. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

ง. สานักงานงบประมาณ

7. ขอ้ ใดไม่เป็นอานาจและหนาที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพ่อื ประโยชนของประชาชนในทองถิน่ ของ

ตนเองของเทศบาล เมืองพทั ยา และองคการบริหารสวนตาบล

ก. การจดั ใหม้ ีและบารงุ รกั ษาทางบก ทางน้า และทางระบายนา้

ข. การจัดตงั้ ดแู ลตลาดกลาง

ค. การดูแลรักษาท่ีสาธารณะ

ง. การจัดให้มีและการควบคุมการฆา่ สัตว์

97

8. ขอใดเปน็ อานาจและหนาทขี่ ององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ในการจดั ระบบบรกิ ารสาธารณะเพื่อประโยชนของ

ประชาชนในทองถิน่ ของตนเอง

ก. การจดั ให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรอื ท่าขา้ ม และท่ีจอดรถ

ข. การบารุงรกั ษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น และวัฒนธรรมอนั ดขี องท้องถิ่น

ค. การจัดให้มีโรงพยาบาลจังหวัด การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคมุ โรคตดิ ต่อ

ง. การกาจดั ขยะมูลฝอย สงิ่ ปฏกิ ลู และนา้ เสยี

9. เทศบาล เมอื งพทั ยา และองคการบรหิ ารสวนตาบลอาจมรี ายไดจากภาษี อากร คาธรรมเนยี ม ตามขอ้ ใด

ก. ค่าภาคหลวงปโิ ตรเลยี มตาม กฎหมายปโิ ตรเลียม หลังจากที่หกั ส่งเป็นรายได้รัฐ อัตรารอ้ ยละ 40

ข. ภาษเี พื่อการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ

ค. ค่าภาคหลวงแร่ ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ หลังจากทหี่ กั ส่งเป็นรายได้ของรฐั อัตรารอ้ ยละ 40

ง. ถูกทกุ ขอ้

10. ให้ดาเนนิ การถ่ายโอนภารกจิ การใหบ้ ริการสาธารณะทีร่ ัฐดาเนนิ อยูใ่ นวันท่พี ระราชบญั ญัติกาหนดแผนและ

ขั้นตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ บงั คบั แก่ อปท. โดยภารกจิ ที่เป็นการดาเนนิ ซา้ ซ้อน

ระหว่างรฐั และอปท.หรอื ภารกิจรัฐจัดใหบ้ รกิ ารในเขต อปท. ภายในกาหนดเวลาก่ีปี

ก. 4 ปี ข. 5 ปี

ค. 7 ปี ง. 10 ปี

พระรำชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ำรงำนบุคคลส่วนทอ้ งถนิ่ พ.ศ. 2542 (ออก 3 ขอ้ )
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ หมำยควำมว่ำ องคก์ ำรบริหำรสว่ นจงั หวัด เทศบำล องค์กำรบริหำรสว่ นตำบล
กรุงเทพมหำนคร เมืองพทั ยำ และองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นอื่นที่มกี ฎหมำยจัดต้ัง (รวม 6 )
พนกั งำนสว่ นทอ้ งถนิ่ หมำยควำมวำ่ ขำ้ รำชกำรองค์กำรบรหิ ำรส่วนจังหวัด พนักงำนเทศบำล พนกั งำนส่วนตำบล
ขำ้ รำชกำรกรงุ เทพมหำนคร พนกั งำนเมืองพทั ยำ และขำ้ รำชกำรหรือพนักงำนขององคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ อน่ื ที่
มีกฎหมำยจดั ตั้ง
ให้ รฐั มนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย รักษำกำร ตำม พรบ.น้ี
การบรหิ ารงานบคุ คลในองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด
คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรองค์กำรบรหิ ำรสว่ นจังหวดั (ก.อบจ.) มีทงั้ หมด 12 คน
มผี ้วู ำ่ รำชกำรจังหวดั เปน็ ประธำน ปลดั องคก์ ำรบริหำรส่วนจังหวดั เปน็ เลขำนุกำร
ผ้วู ำ่ รำชกำรจังหวดั จัดให้มีกำรคัดเลอื กผูแ้ ทนข้ำรำชกำรองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจงั หวดั
กรรมกำรผูท้ รงคณุ วุฒิ 1.สญั ชำตไิ ทย 2. อำยุไม่ต่ำกว่ำ 40 ปบี ริบรู ณ์ 3.มชี อ่ื อยใู่ นทะเบยี นติดกนั ไมน่ อ้ ยกว่ำ 1 ปี
วำระดำรงตำแหน่งครำวละ 4 ปี และอำจได้รบั คัดเลอื กอีก
คณะกรรมกำรกลำงขำ้ รำชกำรองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจงั หวัด มที ้งั หมด 18 คน
มีรฐั มนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย หรอื รัฐมนตรีชว่ ยว่ำกำรกระทรวงฯท่ไี ดร้ ับมอบหมำย เปน็ ประธำน
วำระดำรงตำแหนง่ ครำวละ 4 ปี และอำจไดร้ บั คดั เลอื กอกี

98

การบริหารงานบุคคลในเทศบาล
คณะกรรมกำรพนกั งำนเทศบำล (ก.ท.จ.) มที ้ังหมด 18 คน
มีผูว้ ่ำรำชกำรจงั หวัดเปน็ ประธำน
ผวู้ ่ำรำชกำรจังหวดั จัดใหม้ กี ำรคดั เลอื กประธำนสภำ นำยกเทศมนตรี พนกั งำนเทศบำล
กรรมกำรผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 1.สญั ชำตไิ ทย 2. อำยุไมต่ ่ำกว่ำ 40 ปีบรบิ รู ณ์ 3.มีชื่ออยู่ในทะเบยี นติดกนั ไม่น้อยกวำ่ 1 ปี
วำระดำรงตำแหนง่ ครำวละ 4 ปี และอำจได้รับคัดเลือกอีก
คณะกรรมกำรกลำงพนักงำนเทศบำล มีท้งั หมด 18 คน
มีรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย หรอื รัฐมนตรีช่วยว่ำกำรกระทรวงฯทีไ่ ด้รับมอบหมำย เป็นประธำน
วำระดำรงตำแหน่งครำวละ 4 ปี และอำจได้รับคัดเลอื กอีก
การบรหิ ารงานบคุ คลในองค์การบรหิ ารส่วนตาบล
คณะกรรมกำรพนักงำนส่วนตำบล (ก.อบต.) มีทงั้ หมด 27 คน
มผี วู้ ่ำรำชกำรจงั หวดั หรอื รองผ้วู ่ำรำชกำรทไ่ี ด้รบั มอบหมำย เปน็ ประธำน
ผู้วำ่ รำชกำรจังหวดั จัดใหม้ ีกำรคัดเลอื กประธำนสภำ นำยก อบต. พนักงำนสว่ นตำบล
กรรมกำรผทู้ รงคุณวฒุ ิ 1.สญั ชำติไทย 2. อำยุไม่ต่ำกวำ่ 40 ปีบรบิ รู ณ์ 3.มชี ่อื อยใู่ นทะเบยี นติดกันไม่น้อยกว่ำ 1 ปี
วำระดำรงตำแหน่งครำวละ 4 ปี และอำจไดร้ ับคัดเลอื กอกี
คณะกรรมกำรกลำงพนักงำนสว่ นตำบล มที ้ังหมด 18 คน
มีรัฐมนตรวี ำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย หรือ รฐั มนตรีช่วยวำ่ กำรกระทรวงฯที่ได้รบั มอบหมำย เป็นประธำน
วำระดำรงตำแหนง่ ครำวละ 4 ปี และอำจได้รบั คดั เลือกอกี
การบรหิ ารงานบุคคลในกรุงเทพมหานคร ให้เป็นไปตามระเบยี บบรหิ ารของ กทม.
การบริหารงานบุคคลในเมืองพทั ยา
คณะกรรมกำรพนกั งำนเมอื งพทั ยำ มีท้ังหมด 12 คน
มีผูว้ ำ่ รำชกำรจังหวัดชลบุรี เปน็ ประธำน ปลดั เมืองพทั ยำเปน็ เลขำนกุ ำร
ผวู้ ่ำรำชกำรจังหวดั ชลบรุ จี ัดใหม้ กี ำรคัดเลอื กผู้แทนพนกั งำนเมืองพทั ยำ
กรรมกำรผูท้ รงคณุ วุฒิ 1.สัญชำตไิ ทย 2. อำยุไมต่ ่ำกวำ่ 40 ปบี รบิ รู ณ์ 3.มีชอ่ื อยใู่ นทะเบยี นติดกันไม่นอ้ ยกวำ่ 1 ปี
วำระดำรงตำแหน่งครำวละ 4 ปี และอำจไดร้ ับคัดเลือกอกี
คณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบรหิ ำรงำนบุคคลสว่ นท้องถิ่น ( ก.ถ.) มีทัง้ หมด 18 คน
ประธำน กรรมกำรโดยตำแหนง่ 6 คน กรรกำรผทู้ รงคุณวุฒิ 5 คน
ผู้แทนจำกคณะกรรมกำรกลำงแต่ละ อปท. 6 คน
มหี วั หนำ้ สำนกั งำนคณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบริหำรงำนบุคคลสว่ นท้องถนิ่ เปน็ เลขำนกุ ำร
กรรมกำรผู้ทรงคณุ วฒุ ิ 1.สญั ชำตไิ ทย 2. อำยไุ มต่ ่ำกว่ำ 40 ปบี รบิ ูรณ์ วำระดำรงตำแหนง่ 4 ปี และอำจได้รับ
คดั เลือกอีก ให้รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย จัดใหม้ กี ำรคัดเลือก ประธำนคณะกรรมกำรมำตรฐำนกำร
บริหำรงำนฯ ประธำน ดำรงตำแหน่งวำระ 6 ปี และเปน็ ไดว้ ำระเดียว
สำนกั งำนคณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบรหิ ำรงำนบคุ คลส่วนท้องถิ่น สังกัด สำนกั งำนปลัดกระทรวงมหำดไทย
กำรจำ่ ยเงิน ค่ำตอบแทน เงินคำ่ จ้ำง อปท. จะกำหนด ไม่เกนิ รอ้ ยละ 40 ของเงนิ งบประมำณรำยจ่ำยประจำปี

99

แนวข้อสอบพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิ่น พ.ศ. 2542

1. ใครเปน็ ผรู้ ักษาการตามพระราชบัญญตั ิ ระเบยี บบรหิ ารงานบุคคลสวนทองถิน่ พ.ศ. 2542

ก. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย

ข. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรปี ระจาสานกั นายกรฐั มนตรี

ค. นายกรัฐมนตรี

ง. ข้อ ก และ ค

2. ใครเป็นประธานคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั

ก. ผู้ว่าราชการจังหวดั ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย

ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ

3. ใครเป็นเลขานุการคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั

ก. รองผวู้ า่ ราชการจงั หวัด ข. หัวหน้าส่วนราชการในจงั หวดั

ค. ปลัดองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ง. ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ

4. คณะกรรมการพนกั งานเทศบาลจงั หวดั มีจานวนก่คี น

ก. 12 คน ข. 16 คน

ค. 18 คน ง. 27 คน

5. ใครเป็นประธานคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจงั หวัด

ก. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย

ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. ผู้ทรงคุณวฒุ ิ

6. ใครมีหนาท่ีดาเนนิ การจัดใหมกี ารเลือกผูแทนขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัด

ก. ผู้วา่ ราชการจงั หวัด ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. ผทู้ รงคุณวุฒิ

7. คณะกรรมการพนักงานสว่ นตาบลจังหวดั มจี านวนกค่ี น

ก. 18 คน ข. 24 คน

ค. 27 คน ง. 30 คน

8. กรรมการซ่ึงเปนผูแทนขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดและกรรมการผูทรงคณุ วฒุ ิ มวี าระอยูในตาแหนงค

ราวละกปี่ และอาจไดรับคัดเลอื กอีกได

ก. 2 ปี ข. 3 ปี

ค. 4 ปี ง. 5 ปี

9. กรรมการซึง่ เปนผูแทนขาราชการองคการบริหารสวนจงั หวัด พนจากตาแหนงกอนวาระ เมื่อลาออกโดยยนื่ หนงั สอื

ลาออกตอใคร

ก. ประธานกรรมการ ข. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ค. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ง. ถูกท้ัง ก และ ข

100

10. ใครเปน็ ประธานคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล

ก. ผ้วู ่าราชการจังหวดั

ข. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยหรอื รฐั มนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ง. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ

11. ข้อใดเป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาล

ก. กาหนดมาตรฐานท่ัวไปเกยี่ วกับหลกั เกณฑและเงอ่ื นไขการคดั เลอื กการบรรจแุ ละแตงต้งั การ ยายการโอน

การรบั โอน การเลือ่ นระดบั และการเลอื่ นข้นั เงินเดอื น

ข. กาหนดมาตรฐานท่ัวไปเกี่ยวกบั วินัยและการรกั ษาวนิ ยั และการดาเนินการทางวินัย

ค. กาหนดหลกั เกณฑและเงอื่ นไขในการคดั เลอื ก การบรรจแุ ละแตงต้ัง การยาย การโอน การรบั โอน การ

เลือ่ นระดบั การเล่ือนข้นั เงนิ เดอื น การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การใหออกจากราชการ การอุทธรณ และการร

องทุกข

ง. ถูกทั้ง ก และ ข

12. ข้อใดไมเ่ ป็นคณะกรรมการกลางพนกั งานสว่ นตาบล

ก. เลขาธิการคณะกรรมการขาราชการพลเรอื น ข. ผอู านายการสานักงบประมาณ

ค. ปลัดกระทรวงการคลัง ง. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน

13. คณะกรรมการพนักงานเมืองพทั ยา มีจานวนกี่คน

ก. 12 คน ข. 16 คน

ค. 17 คน ง. 20 คน

14. .ใครเปน็ เลขานุการคณะกรรมการพนักงานเมืองพทั ยา

ก. ปลัดเมืองพัทยา ข. ขา้ ราชการท่ีได้รบั มอบหมาย

ค. ผู้ทรงคุณวุฒิ ง. ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ชลบรุ ี

15. .ใครเปน็ ประธานคณะกรรมการพนักงานเมอื งพทั ยา

ก. ปลดั เมอื งพทั ยา ข. ข้าราชการทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ค. ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ง. ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ชลบรุ ี

101

พระรำชกฤษฎกี ำว่ำด้วยหลกั เกณฑ์และวิธกี ำรกำรบริหำรกจิ กำรบ้ำนเมืองทด่ี ีพ.ศ. 2546 (ออก 2 ข้อ)

พระรำชกฤษฎีกำ นี้ ประกำศวนั ที่ 6 ตลุ ำคม 2546

พระรำชกฤษฎกี ำ นี้ให้ใช้บังคบั นบั แตว่ นั ถดั วนั ประกำศในรำชกิจจำนเุ บกษำเป็นต้นไป
มำตรำ ๒ พระรำชกฤษฎกี ำนใี้ หใ้ ช้บงั คบั ต้งั แตว่ นั ถดั จำกวนั ประกำศในรำชกิจจำนเุ บกษำเป็นต้นไป
มำตรำ๓ กำรปฏบิ ตั ิตำมพระรำชกฤษฎกี ำนใี้ นเรอื่ งใดสมควรที่ส่วนรำชกำรใดจะปฏบิ ัตเิ มอื่ ใด และจะตอ้ งมเี ง่อื นไข
อย่ำงใด ให้เปน็ ไปตำมที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตำมขอ้ เสนอแนะของ ก.พ.ร.
มำตรำ๔ ในพระรำชกฤษฎีกำนี้

“ส่วนรำชกำร” หมำยควำมว่ำ ส่วนรำชกำรตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรมและ
หน่วยงำนอื่นของรัฐท่ีอยใู่ นกำกบั ของรำชกำรฝ่ำยบริหำรแต่ไมร่ วมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่

“รัฐวสิ ำหกิจ” หมำยควำมว่ำ รฐั วิสำหกิจที่จดั ตง้ั ข้ึนโดยพระรำชบญั ญัตหิ รอื พระรำชกฤษฎกี ำ
“ขำ้ รำชกำร” หมำยควำมรวมถงึ พนกั งำน ลกู จ้ำง หรอื ผู้ปฏบิ ตั ิงำนในสว่ นรำชกำร
มำตรำ๕ ใหน้ ำยกรฐั มนตรีรกั ษำกำรตำมพระรำชกฤษฎกี ำน้ี
มำตรำ๖ กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมอื งท่ดี ี ได้แก่ กำรบรหิ ำรรำชกำรเพอื่ บรรลเุ ป้ำหมำย ดังต่อไปนี้
(๑)เกิดผลประโยชน์สขุ ของประชำชน
(๒)เกดิ ผลสมั ฤทธิ์ต่อภำรกิจของรัฐ
(๓) มีประสทิ ธิภำพและเกิดควำมคุม้ ค่ำในเชิงภำรกจิ ของรัฐ
(๔)ไม่มขี ้นั ตอนในกำรปฏิบตั ิงำนเกินควำมจำเปน็
(๕)มีกำรปรับปรงุ ภำรกิจของสว่ นรำชกำรให้ทันต่อสถำนกำรณ์
(๖)ประชำชนไดร้ บั กำรอำนวยควำมสะดวกและได้รบั กำรตอบสนองควำมต้องกำร
(๗)มกี ำรประเมินผลกำรปฏบิ ตั ริ ำชกำรอย่ำงสมำ่ เสมอ
มำตรำ๗ กำรบริหำรรำชกำรเพ่อื ประโยชนส์ ขุ ของประชำชน หมำยถงึ กำรปฏิบตั ิรำชกำรท่มี เี ป้ำหมำยเพื่อให้เกิด
ควำมผำสุกและควำมเปน็ อย่ทู ีด่ ีของประชำชนควำมสงบและปลอดภัยของสังคมสว่ นรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสดุ
ของประเทศ
มำตรำ๘ ในกำรบริหำรรำชกำรเพือ่ ประโยชน์สขุ ของประชำชนส่วนรำชกำรจะต้องดำเนินกำรโดยถอื ว่ำประชำชนเปน็
ศูนย์กลำงทีจ่ ะไดร้ ับกำรบรกิ ำรจำกรฐั และจะตอ้ งมีแนวทำงกำรบรหิ ำรรำชกำรดงั ต่อไปน้ี
(๑) กำรกำหนดภำรกิจของรัฐและสว่ นรำชกำรตอ้ งเป็นไปเพอ่ื วัตถปุ ระสงคต์ ำมมำตรำ๗ และสอดคล้องกบั
แนวนโยบำยแห่งรัฐและนโยบำยของคณะรฐั มนตรที แ่ี ถลงต่อรฐั สภำ
(๒)กำรปฏบิ ัติภำรกิจของส่วนรำชกำรตอ้ งเป็นไปโดยซื่อสัตยส์ ุจรติ สำมำรถตรวจสอบได้ และมงุ่ ใหเ้ กดิ
ประโยชนส์ ขุ แก่ประชำชนท้ังในระดบั ประเทศและทอ้ งถิ่น
(๓)กอ่ นเริ่มดำเนินกำรส่วนรำชกำรต้องจดั ใหม้ ีกำรศกึ ษำวเิ ครำะห์ผลดีและผลเสียให้ครบถ้วนทกุ
ด้ำน กำหนดขั้นตอนกำรดำเนนิ กำรทีโ่ ปร่งใส มีกลไกตรวจสอบกำรดำเนินกำรในแตล่ ะ ขนั้ ตอน ในกรณีที่ภำรกจิ ใด
จะมีผลกระทบต่อประชำชน ส่วนรำชกำรตอ้ งดำเนินกำรรับฟงั ควำมคิดเหน็ ของประชำชนหรือช้แี จงทำควำมเขำ้ ใจ
เพื่อใหป้ ระชำชนได้ตระหนักถงึ ผลประโยชน์ท่สี ่วนรวมจะได้รับจำกภำรกิจนั้น
(๔)ให้เป็นหน้ำท่ีขอขำ้ รำชกำรที่จะตอ้ งคอยรบั ฟงั ควำมคิดเหน็ และควำมพึงพอใจของสงั คมโดยรวมและ
ประชำชนผรู้ ับบริกำร เพอื่ ปรบั ปรุงหรอื เสนอแนะต่อผบู้ งั คบั บญั ชำ เพอ่ื ให้มีกำรปรับปรุงวิธีปฏิบตั ริ ำชกำรให้
เหมำะสม
(๕)ในกรณีทเี่ กิดปญั หำและอุปสรรคจำกกำรดำเนินกำร ให้ส่วนรำชกำรดำเนนิ กำรแกไ้ ขปัญหำและ
อุปสรรคนั้นโดยเรว็ ในกรณที ีป่ ญั หำหรืออปุ สรรคนั้นเกิดข้ึนจำกส่วนรำชกำรอนื่ หรอื ระเบียบข้อบงั คบั ทีอ่ อกโดยส่วน

102

รำชกำรอืน่ ใหส้ ่วนรำชกำรแจง้ ใหส้ ว่ นรำชกำรที่เกย่ี วขอ้ งทรำบเพอ่ื ดำเนินกำรแกไ้ ขปรบั ปรุงโดยเรว็ ตอ่ ไป และให้
แจง้ ก.พ.ร. ทรำบด้วย
มำตรำ๙ กำรบริหำรรำชกำรเพื่อให้เกิดผลสมั ฤทธ์ิตอ่ ภำรกจิ ของรัฐให้สว่ นรำชกำรปฏิบตั ิดงั ตอ่ ไปนี้

(๑)กอ่ นจะดำเนนิ กำรตำมภำรกจิ ใดส่วนรำชกำรต้องจัดทำแผนปฏิบัติรำชกำรไวเ้ ป็นกำรลว่ งหน้ำ
(๒) กำรกำหนดแผนปฏบิ ัตริ ำชกำรของสว่ นรำชกำรตำม (๑) ต้องมีรำยละเอียดของขน้ั ตอนระยะเวลำ
และงบประมำณทจ่ี ะตอ้ งใชใ้ นกำรดำเนินกำรของแตล่ ะขน้ั ตอนเปำ้ หมำยของภำรกจิ ผลสมั ฤทธิ์ของภำรกิจ และ
ตวั ชวี้ ดั ควำมสำเร็จของภำรกิจ
(๓)ส่วนรำชกำรตอ้ งจัดให้มีกำรตดิ ตำมและประเมนิ ผลกำรปฏิบตั ิตำมแผนปฏิบัตริ ำชกำรตำมหลกั เกณฑ์
และวิธกี ำรทส่ี ว่ นรวมรำชกำรกำหนดข้ึน ซึ่งต้องสอดคลอ้ งกบั มำตรฐำนทก่ี .พ.ร.กำหนด
(๔)ในกรณีทก่ี ำรปฏบิ ัตภิ ำรกจิ หรอื กำรปฏบิ ัติตำมแผนปฏิบัตริ ำชกำรเกิดผลกระทบตอ่ ประชำชน ใหเ้ ปน็
หน้ำทขี่ องสว่ นรำชกำรท่ีจะตอ้ งดำเนินกำรแกไ้ ขหรือบรรเทำผลกระทบนน้ั หรอื เปล่ียนแผนปฏิบตั ิรำชกำรให้
เหมำะสม
มำตรำ๑๒ เพอื่ ประโยชน์ในกำรปฏบิ ัตริ ำชกำรให้เกดิ สมั ฤทธิ์ ก.พ.ร. อำจเสนอต่อคณะรฐั มนตรีเพ่อื กำหนดมำตรกำร
กำกับกำรปฏบิ ตั ิรำชกำร โดยวธิ ีกำรจดั ทำควำมตกลงเป็นลำยลักษณ์อักษรหรือโดยวธิ กี ำรอ่นื ใด เพื่อแสดงควำม
รบั ผิดชอบใหก้ ำรปฏิบัติรำชกำร
มำตรำ๑๓ ให้คณะรฐั มนตรีจัดให้มีแผนกำรบรหิ ำรรำชกำรแผน่ ดินตลอดระยะเวลำกำรบริหำรรำชกำรของ
คณะรฐั มนตรี
เมอื่ คณะรัฐมนตรไี ด้แถลงนโยบำยตอ่ รฐั สภำแล้ว ใหส้ ำนักเลขำธิกำรคณะรฐั มนตรี สำนกั เลขำธิกำร
นำยกรัฐมนตรี สำนกั งำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชำติ และสำนกั งบประมำณรว่ มกนั จัดทำ
แผนกำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดิน เสนอคณะรฐั มนตรีพจิ ำรณำภำยใน 90 นบั แต่วันท่ีคณะรฐั มนตรีแถลงนโยบำยตอ่
รฐั สภำ
มำตรำ๑๔ ในกำรจัดทำแผนกำรบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดินตำมมำตรำ ๑๓ ให้จดั ทำเป็นแผน 4 ปี โดยนำนโยบำยของ
รัฐบำลทแี่ ถลงต่อรฐั สภำมำพิจำรณำดำเนนิ กำรให้สอดคลอ้ งกับแนวนโยบำยพื้นฐำนแห่งรัฐตำมบทบญั ญตั ิของ
รฐั ธรรมนญู แหง่ รำชอำณำจกั รไทย และแผนพัฒนำประเทศด้ำนต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทง้ั นี้ อยำ่ งนอ้ ยจะต้องมี
สำระสำคญั เกีย่ วกับกำรกำหนดเป้ำหมำยและผลสัมฤทธิข์ องงำน ส่วนรำชกำรหรือบุคคลทีจ่ ะรบั ผิดชอบในแต่ละ
ภำรกิจ ประมำณกำรรำยไดแ้ ละรำยจำ่ ยและทรัพยำกรต่ำงๆ ทจี่ ะต้องใช้ระยะเวลำกำรดำเนนิ กำร และกำรตดิ ตำม
ประเมินผล
มำตรำ๑๕ เมื่อมกี ำรประกำศใช้บังคับแผนกำรบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดนิ แล้ว ใหส้ ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกี ำและ
สำนกั เลขำธิกำรนำยกรัฐมนตรีรว่ มกันพจิ ำรณำจดั ทำแผนนิตบิ ัญญัติ โดยมรี ำยละเอียดเก่ยี วกบั กฎหมำยทจี่ ะต้องจัด
ใหม้ ขี ้ึนใหม่หรือกฎหมำยที่ต้องมีกำรแกไ้ ขเพมิ่ เติมหรอื ยกเลกิ ให้สอดคล้องกับแผนกำรบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดนิ สว่ น
รำชกำรผรู้ บั ผิดชอบ และระยะเวลำท่ีตอ้ งดำเนินกำร
มำตรำ๓๘ เมอื่ สว่ นรำชกำรใดได้รับกำรตดิ ตอ่ สอบถำมเป็นหนังสือจำกประชำชนหรือจำกสว่ นรำชกำรดว้ ยกนั เกย่ี วกบั
งำนทอ่ี ยใู่ นอำนำจหนำ้ ท่ขี องส่วนรำชกำรนนั้ ใหเ้ ปน็ หนำ้ ที่ของส่วนรำชกำรน้นั ท่จี ะตอ้ งตอบคำถำมหรอื แจ้งกำร
ดำเนินกำรใหท้ รำบภำยใน 15 วนั

103

แนวขอ้ สอบพระราชกฤษฎกี าวา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ กี ารการบรหิ ารกิจการบา้ นเมอื งทด่ี ีพ.ศ. 2546

1. กำรบรหิ ำรรำชกำรเพอื่ ประโยชนส์ ุขของประชำชน หมำยถึงข้อใด

ก. กำรปฏบิ ัตริ ำชกำรทีม่ ีเปำ้ หมำยเพ่ือใหเ้ กิดควำมผำสุกและควำมเป็นอยทู่ ี่ดีของประชำชนควำมสงบและ

ปลอดภัยของสงั คมสว่ นรวม

ข. ในกำรบริหำรรำชกำรเพอื่ ประโยชนส์ ขุ ของประชำชนสว่ นรำชกำรจะต้องดำเนนิ กำรโดยถอื วำ่ ประชำชน

เป็นศนู ย์กลำงท่ีจะไดร้ บั กำรบรกิ ำรจำกรฐั

ค. ให้ส่วนรำชกำรกำหนดระยะเวลำแลว้ เสร็จของงำนแต่ละงำนและประกำศใหป้ ระชำชนและขำ้ รำชกำร

ทรำบเป็นกำรทัว่ ไป

ง. ถูกทง้ั ก และ ข

2. ใครเป็นผรู้ กั ษำกำรตำมพระรำชกฤษฎกี ำว่ำดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวิธีกำรกำรบรหิ ำรจัดกำรบ้ำนเมอื งทด่ี ี พ.ศ.2546

ก. รฐั มนตรีประจำสำนักนำยกรัฐมนตรี

ข. รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

ค. รฐั มนตรีว่ำกำรกระทรวงยุติธรรม

ง. นำยกรัฐมนตรี

3. ในกรณีท่ีเกิดปัญหำและอุปสรรคจำกกำรดำเนนิ กำร ใหส้ ่วนรำชกำรดำเนนิ กำรแกไ้ ขปัญหำและอปุ สรรคน้ัน

โดยเรว็ ในกรณีทป่ี ัญหำหรืออุปสรรคนนั้ เกิดข้ึนจำกสว่ นรำชกำรอนื่ หรอื ระเบียบข้อบังคบั ทีอ่ อกโดยสว่ นรำชกำร

อื่น ให้ส่วนรำชกำรแจง้ ให้ส่วนรำชกำรท่เี ก่ียวขอ้ งทรำบเพอื่ ดำเนินกำรแก้ไขปรบั ปรงุ โดยเร็วต่อไป และให้แจง้

หน่วยงำนใดทรำบดว้ ย

ก. สำนักนำยกรัฐมนตรี ข. กระทรวงมหำดไทย

ค. สำนักงบประมำณ ง. ก.พ.ร.

4. เมื่อคณะรัฐมนตรีไดแ้ ถลงนโยบำยตอ่ รฐั สภำแล้วใหห้ นว่ ยงำนใดรว่ มกันจดั ทำแผนกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน

ก. สำนักเลขำธกิ ำรคณะรัฐมนตรี
ข. สำนกั เลขำธกิ ำรนำยกรัฐมนตรี

ค. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ
ง. ถูกทุกข้อ

5. ให้สว่ นรำชกำรจดั ทำแผนปฏบิ ัติรำชกำรของส่วนรำชกำรนัน้ โดยจัดทำแผนก่ีปี ซึง่ จะต้องสอดคลอ้ งกับแผนกำร

บริหำรรำชกำรแผ่นดิน

ก. 3 ปี ข. 4 ปี

ค. 5 ปี ง. 7 ปี

6. กำรบรหิ ำรกิจกำรบ้ำนเมอื งที่ดี ไดแ้ ก่ กำรบริหำรรำชกำรเพ่อื บรรลเุ ป้ำหมำย ขอ้ ใดไม่ถูกต้อง

ก. เกดิ ผลประโยชน์สุขของประชำชน

ข. เกิดผลสมั ฤทธ์ติ อ่ ภำรกจิ ของรฐั
ค. มกี ำรปรบั ปรุงภำรกจิ ของสว่ นรำชกำรให้ทนั ต่อสถำนกำรณ์
ง. มกี ำรประเมินผลกำรปฏิบตั ิรำชกำรอยำ่ งนอ้ ยปีละ 2 ครัง้

104

7. หน่วยงำนใดมีหนำ้ ทใี่ นกำรร่วมกันพิจำรณำจัดทำแผนนติ ิบญั ญตั ิ โดยมรี ำยละเอยี ดเกยี่ วกับกฎหมำยทจี่ ะต้องจดั
ใหม้ ีขึ้นใหมห่ รือกฎหมำยที่ต้องมกี ำรแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ หรือยกเลิกให้สอดคล้องกับแผนกำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดิน ส่วน
รำชกำรผรู้ บั ผิดชอบ และระยะเวลำท่ีตอ้ งดำเนินกำร

ก. สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ และสำนักงำนเลขำธิกำรนำยกรฐั มนตรี
ข. สำนกั งำนคณะกรรมกำรกฤษฎกี ำ และสำนักงบประมำณ
ค. สำนกั งำนคณะกรรมกำรกฤษฎกี ำ และกรมบญั ชกี ลำง
ง. สำนกั งำนคณะกรรมกำรกฤษฎกี ำ และกระทรวงมหำดไทย
8. พระรำชกฤษฎกี ำว่ำดว้ ยหลักเกณฑ์ และวิธกี ำรบริหำรกจิ กำรบ้ำนเมอื งทด่ี เี ป็นเรอื่ งของกำรกำหนดขอบเขตแบบ
แผน วธิ ีปฏบิ ัตริ ำชกำรเพอื่ ใหบ้ รรลเุ ป้ำหมำยและวตั ถุประสงคใ์ นข้อใด
ก. เพ่อื ให้ประชำชนได้รับกำรอำนวยควำมสะดวกและไดร้ บั กำรตอบสนองควำมต้องกำร
ข. ควำมมีประสิทธภิ ำพและควำมคมุ้ ค่ำในเชิงภำรกจิ ของรฐั
ค. เพอื่ ใหม้ กี ำรประเมนิ ผลกำรปฏิบัติงำนอยำ่ งสมำ่ เสมอ
ง. ถกู ทุกข้อรวมกัน

พระรำชบัญญตั ิกำรอำนวยควำมสะดวกในกำรพจิ ำรณำอนญุ ำตของทำงรำชกำร พ.ศ. 2558 (ออก 2 ขอ้ )
พระรำชบญั ญตั ิน้ี ประกำศวนั ที่ 22 มกรำคม 2558
พระรำชบญั ญตั ินีใ้ หใ้ ช้บังคบั เมื่อพน้ กำหนด 180 วันนับแต่วันประกำศในรำชกิจจำนเุ บกษำเป็นต้นไป
มำตรำ ๕ พระรำชบญั ญตั ิน้ีมใิ ห้ใชบ้ งั คบั แก่
(๑) รฐั สภำและคณะรัฐมนตรี
(๒) กำรพจิ ำรณำพิพำกษำคดขี องศำลและกำรดำเนนิ งำนของเจำ้ หนำ้ ทใ่ี นกระบวนกำรพิจำรณำคดี
กำรบังคบั คดี และกำรวำงทรัพย์
(๓) กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรยุตธิ รรมทำงอำญำ
(๔) กำรอนญุ ำตตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
(๕) กำรอนญุ ำตท่ีเกยี่ วข้องกับกำรปฏบิ ตั ิกำรทำงทหำรด้ำนยทุ ธกำร รวมทัง้ ตำมกฎหมำยเกย่ี วกับ
กำรควบคุมยทุ ธภัณฑ์ และกฎหมำยวำ่ ด้วยโรงงำนผลติ อำวุธของเอกชน

ทกุ 5 ปีนับแตว่ ันที่พระรำชบัญญตั ินีใ้ ช้บังคับ ให้ผู้อนญุ ำตพจิ ำรณำกฎหมำย
ทีใ่ หอ้ ำนำจในกำรอนุญำตว่ำสมควรปรับปรงุ กฎหมำยน้ันเพอื่ ยกเลกิ กำรอนญุ ำตหรอื จดั ใหม้ ีมำตรกำรอนื่
แทนกำรอนญุ ำตหรอื ไม่ ท้งั นี้ ในกรณที ่ีมคี วำมจำเปน็ ผู้อนุญำตจะพจิ ำรณำปรับปรุงกฎหมำยหรอื จัดใหม้ ี
มำตรกำรอนื่ แทนในกำหนดระยะเวลำท่เี รว็ กว่ำนั้นกไ็ ด้

ใหเ้ ป็นหน้ำท่ขี องคณะกรรมกำรพฒั นำระบบรำชกำรตรวจสอบข้ันตอนและระยะเวลำในกำร
พจิ ำรณำอนุญำตที่กำหนดตำมวรรคหนง่ึ วำ่ เป็นระยะเวลำท่เี หมำะสมตำมหลกั เกณฑ์และวิธีกำรบริหำร
กจิ กำรบ้ำนเมืองทดี่ หี รอื ไม่ ในกรณีทเี่ ห็นว่ำข้นั ตอนและระยะเวลำทีก่ ำหนดดังกลำ่ วลำ่ ช้ำเกินสมควร
ใหเ้ สนอคณะรฐั มนตรีเพ่อื พจิ ำรณำและสง่ั กำรให้ผู้อนุญำตดำเนินกำรแก้ไขใหเ้ หมำะสมโดยเรว็

105

ในกรณจี ำเปน็ และสมควรเพ่ือประโยชน์ในกำรอำนวยควำมสะดวกแกป่ ระชำชน
ให้คณะรฐั มนตรีมีมติจัดต้ังศนู ย์รับคำขออนุญำต เพื่อทำหน้ำที่เป็นศูนย์กลำงในกำรรบั คำขอตำมกฎหมำย
วำ่ ดว้ ยกำรอนุญำตขน้ึ
ใหศ้ ูนยร์ บั คำขออนญุ ำตตำมวรรคหน่ึงมีฐำนะเป็นส่วนรำชกำรตำมมำตรำ ๑๘ วรรคสี่
แห่งพระรำชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซงึ่ แก้ไขเพิม่ เตมิ โดยพระรำชบัญญตั ิ
ระเบียบบรหิ ำรรำชกำรแผน่ ดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยอยู่ในสงั กดั สำนักนำยกรัฐมนตรี และจะใหม้ ี
สำขำของศนู ยป์ ระจำกระทรวงหรือประจำจงั หวัดด้วยก็ได้
กำรจัดตงั้ ศนู ย์รบั คำขออนญุ ำตตำมวรรคหนึ่งให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎกี ำ ในพระรำชกฤษฎกี ำ
ดงั กล่ำวให้กำหนดรำยช่อื กฎหมำยวำ่ ด้วยกำรอนญุ ำตท่ีจะใหอ้ ยู่ภำยใตก้ ำรดำเนินกำรของศนู ยร์ ับคำขอ
อนญุ ำต
มำตรำ ๑๖ ใหศ้ ูนยร์ ับคำขออนญุ ำตมีหนำ้ ทดี่ ังต่อไปนี้
(๑) รับคำขอและคำ่ ธรรมเนียม รวมตลอดท้ังคำอุทธรณ์ ตำมกฎหมำยว่ำดว้ ยกำรอนุญำต
(๒) ให้ข้อมูล ช้ีแจง และแนะนำผู้ยื่นคำขอหรอื ประชำชนให้ทรำบถงึ หลักเกณฑ์ วิธกี ำร
และเง่อื นไขในกำรขออนญุ ำต รวมตลอดทงั้ ควำมจำเปน็ ในกำรยืน่ คำขออ่นื ใดที่จำเป็นต้องดำเนินกำร
ตำมกฎหมำยวำ่ ดว้ ยกำรอนุญำตทัง้ ปวง ในกำรประกอบกิจกำรหรอื ดำเนนิ กำรอย่ำงหนึง่ อย่ำงใด
(๓) ส่งคำขอ หรอื คำอุทธรณ์ ที่ได้รบั จำกผู้ยนื่ คำขอหรือผูย้ ื่นคำอทุ ธรณพ์ รอ้ มทงั้ เอกสำร
หรือหลกั ฐำนที่เก่ียวขอ้ งใหห้ นว่ ยงำนที่เกีย่ วขอ้ ง และคอยตดิ ตำมเรง่ รัดหน่วยงำนดังกลำ่ วเพอื่ ดำเนินกำร
ให้ถกู ตอ้ งภำยในระยะเวลำที่กำหนดตำมพระรำชบัญญัตนิ ี้ และคูม่ อื สำหรบั ประชำชนตำมมำตรำ ๗
หรอื ตำมกฎหมำยที่ใหส้ ิทธใิ นกำรอุทธรณ์
(๔) ในกรณที เี่ ห็นวำ่ หลักเกณฑ์หรือวธิ กี ำรในกำรยน่ื คำขอ มรี ำยละเอยี ดหรอื กำหนดให้ต้อง
ส่งเอกสำรที่ไม่จำเปน็ หรอื เปน็ ภำระเกินสมควรแกป่ ระชำชน ใหเ้ สนอแนะต่อคณะรฐั มนตรีเพ่อื สั่งกำรให้
หน่วยงำนทเ่ี กยี่ วขอ้ งดำเนินกำรปรับปรุงแกไ้ ขใหเ้ หมำะสมยิ่งข้นึ
(๕) รวบรวมปญั หำและอปุ สรรคจำกกำรอนญุ ำตและกำรดำเนินกำรของศูนยร์ ับคำขออนุญำต
เพอ่ื เสนอตอ่ คณะกรรมกำรพฒั นำระบบรำชกำรเพื่อรำยงำนตอ่ คณะรัฐมนตรีพจิ ำรณำสั่งกำรให้หน่วยงำน
ท่เี กยี่ วขอ้ งดำเนนิ กำรปรับปรุงแกไ้ ขให้เหมำะสมต่อไป
(๖) เสนอแนะในกำรพฒั นำหรอื ปรับปรงุ กระบวนกำร ขน้ั ตอน ระยะเวลำ เกย่ี วกบั กำรอนุญำตตำ่ ง ๆ
รวมถงึ ข้อเสนอในกำรออกกฎหมำย กฎ ระเบยี บ หรอื กำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับกำรอนญุ ำตเพื่อให้ประชำชนไดร้ บั
ควำมสะดวกมำกขึน้
-ใหผ้ ู้อนุญำตจัดทำคมู่ ือสำหรับประชำชนตำมมำตรำ 7 ใหเ้ สรจ็ สิ้นภำยใน 180 วันนบั แต่วันท่พี ระรำชบัญญัตนิ ้ี

ประกำศใชใ้ นรำชกิจจำนเุ บกษำ

106

แนวข้อสอบพระราชบญั ญัติการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทางราชการ พ.ศ. 2558

1. พระรำชบญั ญตั กิ ำรอำนวยควำมสะดวกในกำรพิจำรณำอนุญำตของทำงรำชกำรพ.ศ. 2558 มใิ ห้ใชบ้ งั คับตำมข้อ
ใด

ก. รัฐสภำและคณะรัฐมนตรี
ข. กำรอนุญำตตำมกฎหมำยวำ่ ดว้ ยทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดล้อม
ค. กำรดำเนนิ งำนตำมกระบวนกำรยุติธรรมทำงอำญำ
ง. ถูกทุกขอ้
2. ใหเ้ ป็นหนา้ ท่ขี องหน่วยงานใดตรวจสอบขั้นตอนและระยะเวลาในการพจิ ารณาอนุญาตท่ีกาหนดตามวรรคหน่งึ ว่า
เปน็ ระยะเวลาท่เี หมาะสมตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารบริหารกิจการบา้ นเมอื งท่ดี หี รือไม่
ก. คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. สานกั นายกรัฐมนตรี
ง. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
3. ในกรณีจาเปน็ และสมควรเพอ่ื ประโยชน์ในการอานวยความสะดวกแกป่ ระชาชนใหค้ ณะรฐั มนตรีมีมติจดั ตั้งศนู ย์
รับคาขออนญุ าต เพื่อทาหน้าที่เป็นศนู ยก์ ลางในการรับคาขอตามกฎหมายว่าดว้ ยการอนญุ าตข้ึนให้ศูนย์รับคาขอ
อนุญาตตามวรรคหนงึ่ มีฐานะเปน็ ส่วนราชการโดยอยู่ในสงั กดั หนว่ ยงานใด
ก. คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ข. คณะรฐั มนตรี
ค. สานกั นายกรัฐมนตรี
ง. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
4. ใหผ้ ูอ้ นญุ าตจัดทาคู่มอื สาหรบั ประชาชนให้เสร็จส้นิ ภายในกี่วันนับแต่วันทีพ่ ระราชบัญญตั ิกำรอำนวยควำมสะดวก
ในกำรพจิ ำรณำอนญุ ำตของทำงรำชกำรพ.ศ. 2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ก. 90 วัน
ข. 120 วนั
ค. 180 วนั
ง. 1 ปี
5. ใครเป็นผรู้ กั ษาตามพระราชบัญญตั ิกำรอำนวยควำมสะดวกในกำรพจิ ำรณำอนญุ ำตของทำงรำชกำรพ.ศ. 2558
ก. รัฐมนตรปี ระจำสำนกั นำยกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย
ค. นำยกรัฐมนตรี
ง. นำยกรฐั มนตรี และรัฐมนตรปี ระจำสำนักนำยกรัฐมนตรี

107

ระเบียบสำนกั นำยกรฐั มนตรีวำ่ ดว้ ยงำนสำรบรรณ พ.ศ. 2526 และท่ีแกไ้ ขเพิม่ เตมิ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2548 (ออก 2 ขอ้ )
หนงั สือรำชกำร คือ เอกสำรท่เี ปน็ หลักฐำนในรำชกำร ไดแ้ ก่
1.หนังสอื ทมี่ ีไปมำระหว่ำงสว่ นรำชกำร 2.หนังสอื ที่สว่ นรำชกำรมไี ปถึงบุคคลภำยนอก 3.หนงั สือที่บุคคลภำยนอกมไี ป
ถึง รำชกำร 4.เอกสำรทีร่ ำชกำรทำขนึ้ เป็นหลักฐำน 5.เอกสำรทเ่ี ป็นขอ้ ระเบียบ กฎหมำย ข้อบังคับ
6.ขอ้ มลู ข่ำวสำรหรือหนังสอื ท่ีไดร้ บั ทำงระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์

หนังสือรำชกำรมี 6 ชนดิ
1.ภำยนอก ใช้กระดำษตรำครุฑ
หนังสอื ตดิ ตอ่ รำชกำรที่เปน็ แบบพธิ ี โดยใชก้ ระดาษตราครุฑ เป็นหนงั สือตดิ ตอ่ ระหว่ำง
สว่ นรำชกำร หรือส่วนรำชกำรมถี ึงหน่วยงำนอนื่ ใดซ่งึ มิใช่สว่ นรำชกำร หรอื ท่ีมถี ึงบุคคลภำยนอก
2.ภำยใน ใชก้ ระดำษบนั ทกึ ข้อควำม
หนงั สอื ตดิ ต่อรำชกำรที่เปน็ แบบพิธนี ้อยกว่าหนังสอื ภำยนอก เปน็ หนังสอื ติดตอ่ ภำยใน
กระทรวง ทบวง กรม หรอื จงั หวัดเดียวกนั ใช้กระดาษบันทึกขอ้ ความ
3.ประทับตรำ ใชก้ ำรประทบั ตรำแทนกำรลงชอ่ื หัวหนำ้ สว่ นรำชกำรระดับกรมขนึ้ ไป โดยให้หัวหนำ้ กองลงชื่อกำกบั
ตรำ
4.ส่ังกำร มี 3 ชนิด ได้แก่ คำสั่ง ระเบยี บ ขอ้ บังคบั
คาสัง่ คอื บรรดำขอ้ ควำมที่ผู้บงั คับบัญชาส่ังการให้ปฏิบตั ิโดยชอบดว้ ยกฎหมำย ใช้กระดำษตรำครุฑ
ระเบียบ คือ บรรดำข้อควำมท่ีผมู้ ีอานาจหนา้ ท่ไี ด้วางไว้ โดยจะอำศยั อำนำจของกฎหมำยหรอื ไมก่ ไ็ ด้ เพือ่ ถอื
เป็นหลักปฏบิ ัตงิ ำนเป็นกำรประจำ ใชก้ ระดำษตรำครฑุ
ขอ้ บงั คับ คือ บรรดำขอ้ ควำมท่ีผ้มู อี านาจหน้าทีก่ าหนดใหใ้ ช้โดยอำศยั อำนำจของกฎหมำยที่บญั ญัติให้กระทำ
ได้ ใชก้ ระดำษตรำครฑุ
5.ประชำสมั พนั ธ์ มี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ประกำศ ข่ำว แถลงกำรณ์
ประกาศ คอื บรรดำข้อควำมทที่ ำงรำชกำรประกาศหรอื ชแี้ จงให้ทรำบ หรือแนะแนวทำงปฏิบัติ
ใชก้ ระดำษตรำครุฑ
แถลงการณ์ คือบรรดำข้อควำมท่ที ำงรำชกำรแถลงเพอื่ ทำควำมเขำ้ ใจในกิจกำรของทำงรำชกำร หรอื เหตกุ ำรณ์
หรือกรณีใด ๆ ให้ทรำบชัดเจนโดยท่ัวกัน ใชก้ ระดำษตรำครุฑ
ขา่ ว คอื บรรดำข้อควำมท่ีทำงรำชกำรเห็นสมควรเผยแพร่ให้ทรำบ
6.ทจ่ี ดั ทำขนึ้ ไว้เปน็ หลกั ฐำนในรำชกำร ไดแ้ ก่ 1. หนงั สือรับรอง 2. รำยงำนกำรประชมุ 3. บันทึก 4. หนงั สอื อ่ืน
หนงั สอื รบั รอง คอื หนังสอื ทสี่ ่วนรำชกำรออกให้เพอ่ื รับรองแก่ บุคคล นติ ิบคุ คล หรือหนว่ ยงาน
เพ่ือวัตถปุ ระสงคอ์ ยำ่ งหน่งึ อยำ่ งใดใหป้ รำกฏแก่บุคคลโดยทั่วไปไมจ่ ำเพำะเจำะจง ใชก้ ระดำษตรำครุฑ
รายงานการประชมุ คือ กำรบันทกึ ความคดิ เหน็ ของผูม้ ำประชุม ผเู้ ข้ำร่วมประชุม และมติของท่ีประชุมไว้
เป็นหลักฐำน
บนั ทกึ คือ ขอ้ ควำมซ่งึ ผู้ใต้บงั คบั บัญชำเสนอต่อผู้บงั คบั บัญชำ หรอื ผบู้ งั คบั บญั ชำ สั่งกำรแก่ผู้ใตบ้ งั คบั บัญชำ
หรอื ขอ้ ควำมท่เี จ้ำหน้ำที่ หรอื หนว่ ยงำนระดบั ต่ำกวำ่ สว่ นรำชกำรระดบั กรม ติดต่อกนั ในกำรปฏบิ ตั ิรำชกำร
หนงั สอื อนื่ คอื หนงั สอื หรอื เอกสารอน่ื ใดทเ่ี กิดข้ึนเน่อื งจำกกำรปฏบิ ัติงำนของ เจ้ำหนำ้ ที่เพ่อื เปน็ หลกั ฐำนใน
รำชกำร ซึ่งรวมถงึ ภำพถำ่ ย ฟิลม์ แถบบนั ทึกเสยี ง แถบบนั ทึกภำพ และ ส่อื กลำงบนั ทกึ ขอ้ มลู ดว้ ย หรือหนังสือของ

108

บุคคลภำยนอก ทย่ี น่ื ตอ่ เจ้ำหนำ้ ที่ และเจ้ำหน้ำทีไ่ ด้รบั เข้ำทะเบียน รับหนังสอื ของทำงรำชกำรแลว้ มีรูปแบบตำมท่ี
กระทรวง ทบวง กรม จะกำหนดขึ้นใชต้ ำมควำมเหมำะสม เว้นแต่มีแบบตำมกฎหมำยเฉพำะเร่ืองให้ทำตำมแบบ
เชน่ โฉนด แผนที่ แบบ แผนผัง สัญญำ หลกั ฐำน กำรสบื สวนและสอบสวน และคำรอ้ ง เปน็ ต้น

ชน้ั ควำมเรว็ มี 3 ช้ัน
ดว่ นที่สุด คือ ปฏิบัติทนั ทีท่ีได้รบั หนงั สือ
ดว่ นมำก คอื ปฏบิ ัตโิ ดยเร็ว
ด่วน คือ ปฏบิ ตั ิโดยเรว็ กวำ่ ปกติ เท่ำที่จะทำได้
กำรเกบ็ หนังสือแบง่ ออกเป็น 1.กำรเกบ็ ระหวำ่ งปฏบิ ัติ 2.กำรเกบ็ เม่อื ปฏิบตั ิเสรจ็ 3.กำรเกบ็ เพือ่ ไว้ใช้ในกำรตรวจสอบ
อำยกุ ำรเกบ็ หนงั สือ ปกตไิ มน่ อ้ ยกวำ่ 10 ปี เว้นดังตอ่ ไปน้ี
1. หนงั สือสงวนไวเ้ ปน็ ควำมลับ ให้ปฏิบัติตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยควำมลบั และควำมปลอดภยั
2. หนงั สืออรรถคดี สำนวนศำล ให้ปฏบิ ัติตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรน้ัน
3. หนงั สือทำงประวตั ิศำสตร์ ใหเ้ ก็บไว้ตลอดไป หรือ ตำมที่ สำนกั หอจดหมำยเหตแุ ห่งชำติ กรมศิลปำกร กำหนด
4.หนงั สอื ทีป่ ฏิบัติเสรจ็ แล้ว และเป็นคู่สำเนำ เกบ็ ไวไ้ มน่ ้อยกวำ่ 5 ปี
5.หนังสือสำมญั ธรรมดำทัว่ ไป เก็บไวไ้ มน่ อ้ ยกวำ่ 1 ปี
6.หนังสือเก่ยี วกบั กำรเงนิ ต่ำง ๆ เกบ็ ไว้ไมน่ ้อยกว่ำ 5 ปี (ถ้ำเป็นเร่ืองสำคญั 10 ปีหรือ 5 ปี แลว้ แตก่ รณี)
ครบ 20 ปี ใหท้ ำทะเบียนหนังสือ สง่ มอบให้สำนกั หอจดหมำยเหตุแหง่ ชำติ กรมศิลปำกร ภำยใน 31 มกรำคม
ของทุกปี
กำรยืมหนังสอื ระหว่ำงส่วนรำชกำร ใหห้ ัวหน้ำระดบั กอง เป็นผ้อู นญุ ำต
กำรยมื หนังสอื ส่วนรำชกำรเดียวกัน ใหห้ วั หนำ้ ส่วนระดับแผนก เปน็ ผู้อนุญำต
ภำยใน 60 วนั หลงั จำกสิ้นปีปฏทิ ิน ให้หัวหน้ำส่วนระดบั กรม แต่งต้ังคณะกรรมกำรทำลำยหนงั สอื
คณะกรรมกำรประกอบด้วย ประธำนกรรมกำรและกรรมกำรอยำ่ งนอ้ ย 2 คน แตง่ ตัง้ ขำ้ รำชกำรระดับ 3 ขึ้นไป
ขนำดครฑุ มี 2 ขนำด คอื 3 ซม. และ 1.5 ซม.
ตรำครุฑวงกลม เส้นรอบวงนอก 4.5 ซม. เส้นรอบวงใน 3.5 ซม.
ขนำดกระดำษ ปกตมิ ีน้ำหนกั 60 ปอนด์ มี 3 ขนำด คือ เอ 4 เอ5 และ เอ8
ขนำดซองมี 4 ขนำด คือ 1. ซี 4 บรรจุไม่ตอ้ งพบั กระดำษ 2. ซี 5 บรรจกุ ระดำษพับ 2
3. ซี 6 บรรจุกระดำษพับ 4 และ 4. ดแี อล บรรจกุ ระดำษพับ 3

แนวขอ้ สอบระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และท่ีแก้ไขเพมิ่ เติม

1. ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยงานสารบรรณ คาวา่ "งานสารบรรณ" หมายความตามข้อใด

ก. งานรับ-สง่ และเกบ็ รักษาหนังสอื ข. งานร่าง-เขียนและพมิ พ์หนงั สือ

ค. งานทเี่ กย่ี วกบั การบรหิ ารงานเอกสาร ง. งานท่ีเกยี่ วกบั งานทะเบียนเอกสาร

109

2. หนังสือราชการคืออะไร

ก. เอกสารทกุ ชนิดทพ่ี ิมพ์ถูกต้องตามกฎหมาย ข. เอกสารที่เป็นหลักฐานในทางราชการ

ค. เอกสารทมี่ ไี ปถงึ ผูด้ ารงตาแหนง่ ในราชการ ง. เอกสารทีท่ างราชการเป็นเจา้ ของ

3. หนังสือที่มีไปมา ระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการมีถึงบคุ คลภายนอก จัดเปน็ หนังสือประเภทใด

ก. หนงั สือภายนอก ข. หนงั สือภายใน

ค. หนงั สอื ประทับตรา ง. หนงั สอื ประชาสมั พันธ์

4. หนงั สอื ทีใช้ประทบั ตราใชใ้ นกรณีตามขอ้ ใด

ก. ขอทราบรายละเอียดเพ่ิมเติม ข. การเตือนเร่ืองทค่ี า้ ง

ค. ส่งสงิ่ ของ เอกสาร สาเนา ง. ถกู ทกุ ข้อ

5. หนงั สอื ประทับตราใช้กระดาษชนิดใด

ก. ใช้กระดาษตราครฑุ ข. ใชก้ ระดาษบันทึก

ค. ใชป้ ระดาษอดั สาเนา ง. ไม่มขี ้อกาหนดแน่นอน

6. หนงั สอื ราชการมกี ีช่ นดิ

ก. 3 ชนิด ข. 4 ชนดิ

ค. 5 ชนดิ ง. 6 ชนดิ

7. รายงานการประชมุ จัดเป็นหนงั สือชนดิ ใด

ก. หนังสือราชการภายนอก ข. หนังสือราชการภายใน

ค. หนังสอื ประชาสัมพนั ธ์ ง. หนังสอื ที่เจ้าหน้าท่ีทาขน้ึ หรอื รับไว้เปน็ หลักฐานในราชการ

8. เมือ่ มหี นงั สือเข้ามาในเทศบาลเจา้ หนา้ ทธี่ รุ การต้องทาสิ่งใดเป็นลาดบั แรก

ก. ประทบั ตรารบั หนังสือ ข. จัดลาดับความสาคัญและความเรง่ ดว่ น

ค. ลงทะเบยี นรับหนังสอื ในทะเบียนรบั

ง. จดั แยกหนงั สือทล่ี งทะเบยี นรับแล้วสง่ ให้สว่ นราชการทีเ่ กีย่ วข้อง

9. ครุฑ สาหรับแบบพมิ พ์ในหนังสือราชการมีทั้งหมดกี่แบบ

ก. 1 แบบ สงู 3 เซนตเิ มตร ข. 1 แบบ สูง 1.5 เซนติเมตร

ค. 2 แบบ สูง 1.5 และ 2 เซนตเิ มตร ง. 2 แบบ สูง 1.5 และ 3 เซนติเมตร

10. กำรยมื หนงั สือระหวำ่ งสว่ นรำชกำร ตอ้ งเป็นหวั หนำ้ สว่ นรำชกำรระดับใด

ก. ระดับฝำ่ ย

ข. ระดบั แผนก

ค. ระดับกอง

ง. ผบู้ ริหำรสูงสุด


Click to View FlipBook Version