การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
ขปอระงววัติชิแาลชะีพคทวันาตมเแปพ็นทมยา์
1
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ประวัติและความเป็นมา
ของวิชาชีพทันตแพทย์
ผเู้ ขยี น / จดั พมิ พโ์ ดย
ทพ.อนชุ า ศรพี ดั
งานบรรณาธกิ าร
ออกแบบและควบคมุ การผลติ art4d WORKS
ออกแบบ / ภาพประกอบ
ชตญิ า มนะอษุ ย์
ผจู้ ดั การงานผลติ
อารวี รรณ สวุ รรณมณี
พมิ พ์
SบUรPษิ Eทั RซPปุIXเEปLอรพ์ กิ เซล จำ� กดั
พตลุมิ าพคค์ มรง้ั2ท5หี่65นงึ่
Copyright © 2022 Anucha Sriphat. All rights reserved.
ขอ้ มลู ทางบรรณานกุ รมของหอสมดุ แหง่ ชาติ
อนปชุ ราะศวรตั พีแิ ลดั ะ. ความเปน็ มาของวชิ าชพี ทนั ตแพทย.์ --
กรงุ เทพฯ : ซปุ เปอรพ์ กิ เซล, 2565. 64 หนา้ .
1. ทนั ตแพทย.์ I. ชตญิ า มนะอษุ ย,์ ผวู้ าดภาพ
ประกอบ. I. ชอื่ เรอ่ื ง.
I6S1B7N.6978-616-594-108-2
2
คำ�นำ� การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
บทความในเอกสารนี้ผู้เขียนได้แปลและรวบรวม
จากวทิ ยานพิ นธ์ ทจ่ี ดั ทำ� ขน้ึ สมยั เรยี นหลกั สตู ร
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต ของบัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล เมอ่ื ปี พ.ศ.2543 โดยเขยี น
เปน็ ภาษาองั กฤษ ชอื่ เรอ่ื ง ‘An Analytical Study
of the Ethical Principle in the Thai Dental
Profession’ มาเปน็ บางสว่ นและไดจ้ ดั เกบ็ ขอ้ มลู
เพิ่มขึ้น
ขอขอบคณุ คณาจารยท์ กุ ทา่ นในคณะสงั คมศาสตร์
และมนุษยศาสตร์ มหิดล อาจารย์ทันตแพทย์
หลายทา่ น ทไี่ ดใ้ หค้ ำ� แนะนำ� ในการศกึ ษา คน้ ควา้
เป็นอย่าง ดียิ่ง
อนุชา ศรีพัด
3
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
4
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
สารบัญ 1 8
กแลาะรทแพันตทยก์รรมในอดีต
24
2
ขกอารงเวริชิ่มาตช้นีพทันตกรรม 34
3 44
ขปในอรปะงรววะัติชเทาิคชศวีพไาทมทยเันปต็นแมพาทย์
52
4
ศาสตร์และศิลปะ 58
แห่งวิชาชีพทันตแพทย์ 61
63
5
ผลกระทบของ 5
ใคนวสาังมคเปมลตี่ยน่อแวปิชลาชงีพฯ
เอกสารประกอบการค้นคว้า
ภาคผนวก
เอกสารประกอบการศึกษา
ประวัติผู้เขียน
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
อเมรกิ า
1
แกลาะรทแพันตทยก์รรมในอดีต
6
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
ยุโรป บาบโิ ลเนีย จีน
อังกฤษ เมโสโปเตเมีย
กรีซ
โรมัน เอเชีย
อาหรับ
อียิปต์
7
จากการศึกษาค้นคว้าหลักฐานเก่าแก่ที่สุด
เมื่อราว 5,000 ปีมาแล้วปรากฎว่าได้มีการ
ใ ห ้ ก า ร รั ก ษ า โ ร ค ม า ตั้ ง แ ต ่ ส มั ย อี ยิ ป ต ์ แ ล ะ
เมโสโปเตเมีย ในช่วงเวลานั้น การรักษาโรค
ถือเป็นศาสตร์ท่ีมีอิทธิพลของศาสนาเข้ามา
เกี่ยวข้องเสียครึ่งหนึ่งซึ่งกระท�ำได้ด้วยการ
ท่องมนตร์ การไล่ผีสวดอ้อนวอนพระเจ้า และ
สวดบทเฉพาะส�ำหรับการรักษาโรคต่างๆ หมอ
ปรุงยาที่รักษาเฉพาะด้านพ่อมดหมอผี รวมถึง
พระในยคุ หลงั ๆ คอื ผทู้ ำ� การรกั ษาโรค ชาวอยี ปิ ต์
ไดร้ ับการยกยอ่ งในเรือ่ งการใช้ยาจำ� พวกฝน่ิ และ
น�้ำมันละหุ่ง ชาวเมโสโปเตเมียเชื่อว่าโรคมีความ
เกย่ี วพนั กบั ดวงดาว โหราศาสตรส์ มยั ใหมก่ พ็ ฒั นา
มาจากความเชอ่ื และประสบการณใ์ นเรอื่ งเหลา่ น้ี
น่ันเอง
8
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
ในช่วงยุคสมัยเดียวกัน ชาวจีนโบราณได้ใช้ทฤษฎีความสมดุล
ของหยินและหยางเป็นพ้ืนฐานในการรักษาโรค ตามทฤษฎี
ดงั ลา่ ว ในธรรมชาตมิ พี ลงั ทอี่ ยเู่ ปน็ คกู่ นั เสมอ (เชน่ เยน็ กบั รอ้ น
ความตายกับการอยู่รอด เป็นต้น) คนจะเกิดการเจ็บป่วยข้ึน
เมอื่ พลงั แตล่ ะคขู่ าดความสมดลุ เราสามารถทำ� ใหค้ วามสมดลุ
กลับคืนมาได้โดยการเติมหยินหรือหยางส่วนที่ขาดหายไป
ของบุคคลนั้น และอาการเจ็บป่วยก็จะหายไป
9
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ทฤษฎีของเหลวได้รับการคิดค้นโดยชาวกรีก
โบราณ (Gothrie, 1946:35) ทฤษฎีดังกล่าว
ระบุว่า ในร่างกายคนประกอบไปด้วยของเหลว
ส่ีชนิด ได้แก่ เลือด เสมหะ น้�ำเหลือง และเมือก
สีด�ำ ส่วนท่ีสองของทฤษฎีบอกว่า ทุกสรรพส่ิง
ล้วนถูกควบคุมด้วย ดิน อากาศ ไฟ และ น�้ำ
ชาวกรีกมีอิทธิพลเด่นชัดมากทางการแพทย์
ในสมัยของ Hippocrates (460-377 B.C.) ผู้ซ่ึง
ได้พัฒนาวิธีการรักษาโรคหลายๆ วิธี เขาเป็นผู้
วางรากฐานการแพทยส์ มยั ใหมด่ ว้ ยการตง้ั ทฤษฎี
ว่าความเจ็บป่วยคือปรากฏการณ์ทางชีววิทยา
ของร่างกายอย่างหน่ึง และเมื่อเราให้เวลากับ
รา่ งกาย มนั กจ็ ะทำ� การรกั ษาตวั เองโดยธรรมชาติ
ค�ำปฎิญาณตัวของแพทย์ (Hippocratic Oath)
ได้ถือก�ำเนิดมาจาก Hippocrates และบุคคล
อื่นๆ ร่วมสมัยของเขา ค�ำปฎิญาณดังกล่าว
เป็นเสมือนแนวทางในการด�ำเนินความสัมพันธ์
ระหว่างแพทย์ต่อผู้ป่วย และเป็นพื้นฐานทาง
จริยธรรมส�ำหรับการปฏิบัติของแพทย์เร่ือยมา
จนสมัยปัจจุบัน
10
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
ห ลั ก ก า ร เ รี ย น รู ้ โ ด ย ก า ร ท ด ล อ ง ก็ มี วิ วั ฒ น า ก า ร
มาจากปรัชญาของ Hippocrates หลักการน้ีมิได้ยึดถือ
เหตุการณ์หรือสิ่งท่ีเราไม่เห็นหรือไม่รู้แต่อาศัยการ
สงั เกตผปู้ ว่ ย โดยแพทยเ์ รม่ิ สงั เกตอาการปว่ ยอยา่ งใกลช้ ดิ
ข ณ ะ ท่ี ร อ ใ ห ้ โ ร ค ด� ำ เ นิ น ไ ป ต า ม ธ ร ร ม ช า ติ ซึ่ ง จ ะ มี
การรักษาตามอาการ ทว่าโชคไม่ดีเม่ือแพทย์ชาวกรีก
Clarissmus Galenus (ค.ศ.130-200) หรือที่รู้กันในนาม
‘Galen’ กลบั หนั มายอมรบั ทฤษฎขี องเหลวแทนทฤษฎขี อง
Hippocrates Galen ได้เขียนแสดงทัศนะไว้จ�ำนวนมาก
ในหนังสือหลายเล่มและในทฤษฎีหลายๆ ทฤษฎี ซึ่ง
กลายมาเป็นหลักการพ้ืนฐานท่ีแพทย์ยึดปฏิบัติ ผลจาก
สิ่งดังกล่าวก็คือ วงการแพทย์พัฒนาไปน้อยมากในช่วง
เวลาเกือบ 1,000 ปีนับจากการตายของ Galen
คริสต์ศาสนาน�ำมาซึ่งความเช่ือในเร่ืองการบ�ำบัดทาง
จิตวิญญาณและทางกาย ซึ่งขัดแย้งกับทางการแพทย์
แบบกรกี ในความเชอื่ แบบนี้ ผคู้ นทมี่ คี วามเชอ่ื ในศาสนา
ยดึ มน่ั ในเรอ่ื งศาสนาและปาฎหิ ารย์ แพทยใ์ นยคุ สมยั แรกๆ
อาจถูกลงโทษเม่ือเกิดความผิดพลาดขึ้นในการรักษา
คนไข้ ค�ำสอนยุคแรกๆ ของศาสนาคริสต์แสดงตัวอย่าง
ให้ดูโดยการท�ำร้ายร่างกายคนป่วย เช่นที่ปรากฏใน
พระคัมภีร์ฉบับเก่าโดยมีผู้ตีความว่าความเจ็บป่วยหรือ
โรคภัยเป็นการลงโทษส�ำหรับบาปที่ได้ก่อ
11
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ในยุคสมัยกลาง ศาสนจักรมีอ�ำนาจควบคุม
การรักษาโรคในแถบยุโรปมากพอสมควร
หลายประเทศไดค้ น้ พบสง่ิ ทเ่ี ปน็ คณุ ตอ่ วงการแพทย์
การแพทย์ของพวกอาหรับยึดถือเอาตามหลัก
ค�ำสอนของ Hippocrates และGelen หลัก
ปรัชญาแนวอาหรับน้ีแพร่ขยายไปถึง Salerno
(เมอื งเลก็ ๆ ในซซิ ลิ )ี ท่ี Salerno นเี้ องทกี่ ารแพทย์
เรม่ิ กา้ วยา่ งตอ่ ไปในทศิ ทางใหม่ (Stanfield, 1990:5)
ส�ำหรับผู้ที่ปรารถนาจะเป็นแพทย์ท่ีซิซิลีในสมัย
ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 13 แลว้ จะตอ้ งศกึ ษาวชิ าแพทย์
เป็นเวลาหลายปีท่ี Salerno และผ่านการสอบ
เสยี กอ่ น ระบบการเรยี นการสอนในโรงเรยี นแพทย์
ค่อยๆ แพร่ขยายไปในยุโรปจนในหลายๆ เมือง
กม็ โี รงเรยี นแพทยเ์ ปน็ ของตนเอง ในปี ค.ศ.1518
แพทย์ในประเทศอังกฤษจะต้องได้รับใบอนุญาต
เสียก่อนจึงจะท�ำการรักษาคนไข้ได้ อย่างไรก็ดี
กว่าท่ีความคิดของ Galen หลายๆ อย่างเก่ียวกับ
การบ�ำบัดรักษาโรคจะถูกพิสูจน์ว่าผิดเวลา
ก็ล่วงเลยมาจนถึงศตวรรษท่ี 17
12
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
จากการศึกษาอารยธรรมของโลก การศึกษาประวัติศาสตร์
น�ำไปสู่การค้นพบวัสดุและเครื่องมือเก่ียวกับฟันท่ีใช้กัน
ในวัฒนธรรมโบราณหลายๆ แห่ง ชาวจีนโบราณได้รับการ
ยกยอ่ งวา่ เปน็ พวกแรกทใ่ี ชแ้ ทง่ ไมส้ ำ� หรบั เคยี้ ว (ทพี่ ฒั นาตอ่ มา
เป็นแปรงสีฟัน) คัมภีร์โอสถ (The Canon of Medicine,
2700 B.C.) ซ่ึงเขียนโดยห้วงตี่ ผู้มีสมญานามกษัตริย์เหลือง
เป็นหน่ึงในบรรดาต�ำราแพทย์ท่ีเก่าแก่ท่ีสุดที่รู้จักกัน ต�ำรา
ดังกล่าวได้เขียนถึงเรื่องทันตกรรมไว้ 2 บท ในเรื่องเก่ียวกับ
โรคของฟันและเหงือก โดยได้กล่าวถึงวิธีการบ�ำบัดรักษาโรค
ด้วยการฝังเข็มรวมถึง 388 จุด ในจ�ำนวนน้ี 26 จุดใช้เป็น
การรักษาอาการปวดฟัน และอีก 6 จุด ใช้รักษาอาการปวด
ในเหงือก
**¤¤ÑÑÁÁÀÀÕ ÃÕ Ã â âÍÍÊʶ¶**
13
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ความรู้เรื่องทันตกรรมได้มาจากอีกฟากฝั่งหนึ่งของเอเชีย
ได้มาจากชาวบาบิโลเนีย ในประมวลกฎมายฮัมมูราบี (The
Code of Hammurabi, 1900 B.C.) ได้กล่าวถึงแนวคิดเรื่อง
ความรบั ผดิ ชอบทงั้ ทางแพง่ และทางอาญาของแพทยเ์ ปน็ ครง้ั แรก
ในจดหมายฉบับหนึ่งที่แพทย์ประจ�ำส�ำนักมีถึงองค์กษัตริย์
โดยจดหมายดังกล่าวเป็นหน่ึงในชุดแผ่นจารึกดินเหนียว
(722-609 B.C.) ไดม้ กี ารอา้ งองิ ถงึ การถอนฟนั เพอื่ บำ� บดั โรค
เป็นครั้งแรก แพทย์ชาวอัสซีเรียในบาบิโลเนียเชื่อว่ามีความ
เก่ียวโยงกันระหว่างโรคในช่องปากกับอาการเจ็บป่วยของ
ร่างกาย และได้แนะน�ำให้ท�ำการถอนฟันออกเสีย แนวคิด
เร่ืองการท�ำฟันปลอมได้มีขึ้นมาในอียิปต์โบราณ
14
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
สำ� หรบั ในทวปี ยโุ รป อาณาจกั รกรกี และโรมนั โบราณ ประวตั -ิ
ศาสตร์ที่แท้จริงของทันตกรรมเร่ิมต้นมาจากงานเขียน
ของ Hippocrates (460-377 B.C.) ข้อความจ�ำนวนมากที่มี
กระจัดกระจายอยู่ท่ัวงานเขียนของเขาได้สะท้อนให้เห็นถึง
ความส�ำคัญท่ี Hippocrates ให้กับฟันและโรคฟัน หัวข้อ
ข้างล่างน้ีเป็นเรื่องการบ�ำบัดโรคฟันท่ีมีการกล่าวถึงในงาน
เขียนของ Hippocrates (Koeh, 1981:3) ได้แก่
• การก่อรูปร่างของฟัน
• ความสัมพันธ์ระหว่างฟันกับการพูด
• การกร่อนและผุของฟัน
• การปวดฟันและการถอนฟันโดยใช้เคร่ืองมือ
• น้�ำยาบ้วนปาก และ ยาสีฟัน
• ลักษณะผิดปกติของกระโหลก, เพดานปาก
และความผิดปกติของฟัน
• อิทธิพลของสภาวะแวดล้อมกับการเกิดโรคในช่องปาก
• อาการของฟันและเหงือกเมื่อเป็นโรคต่างๆ
• การแตกของกะโหลกและขากรรไกร
Hippocrates
15
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ค�ำแนะน�ำจาก Hippocrates ท่ีเป็นท่ีเชื่อถือ
มาเปน็ เวลาหลายศตวรรษนนั้ กค็ อื ทกุ คนสามารถ
รักษาฟันของตนได้ด้วยการรักษาความสะอาด
และควรถอนเฉพาะฟันที่ใกล้จะหลุดแล้ว
เท่านั้นออก การน�ำเสนอข้อมูลเร่ืองระบบฟัน
ของสัตว์ตระกูลต่างๆ ของ Hippocrates
ยังถือว่าเป็นข้อมูลท่ีมีค่ายิ่ง ในงานเขียนของ
Aristotle ที่ช่ือ บันทึกสัตว์โลก (History of
Aninal, 384-322 B.C.) เขาได้แสดงทัศนะที่
น่าสนใจหลายๆ ประการซึ่งเป็นที่เชื่อถือสืบกัน
ต่อมาเป็นเวลาหลายศตวรรษโดยผู้คนรุ่นหลัง
อาทิ ผชู้ ายมฟี นั มากกวา่ ผหู้ ญงิ ฟนั จะมคี วามยาว
เพ่ิมขึ้นเร่ือยๆ ตามอายุ และฟันถูกสร้างข้ึน
ภายหลังจากท่ีร่างกายก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
สมบูรณ์แล้ว ความเช่ือเหล่าน้ีไม่จริงทั้งสิ้น
เนอ่ื งจากเวลาวา่ งทม่ี มี ากขน้ึ ของชาวโรมนั กระตนุ้
ให้เกิดการมีส่วนร่วมในเร่ืองการเมืองปรัชญา
และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เวลาว่างที่เพิ่มขึ้นมา
ยังท�ำให้ชาวโรมันให้ความสนใจกับรูปลักษณ์
ภายนอกของตนด้วย ชนช้ันสูงในยุคจักรวรรดิ
โรมันมักมีทาสพิเศษที่เรียกว่า “Matische”
(Motley, 1975) ค�ำนี้มีท่ีมาจากแท่งไม้ mastic
ทใ่ี ชส้ ำ� หรบั สแี ละขดั ฟนั ของผเู้ ปน็ นาย Pliny the
Elder (ค.ศ.23-79) นักธรรมชาติวิทยาชาวโรมัน
ผู้หน่ึงได้กล่าวถึงสุขอนามัยของปากและความ
16
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
สวยงามของฟันไว้ เขาแนะน�ำให้ใช้ยาสีฟันชนิด
ต่างๆ ในการแปรงฟันและขัดฟัน และยังแนะน�ำ
ให้ใช้เกลือผสมน�้ำมาใช้เป็นน้�ำยาบ้วนปาก
Marco Polo (ค.ศ.1254-1372) เป็นชาวยุโรป
ยุคแรกที่เดินทางไปถึงประเทศจีนโดยทางบก
ได้กล่าวถึงธรรมเนียมน่าสนใจประการหน่ึงของ
ชาวจนี กลา่ วคอื มกี ารตกแตง่ ฟนั โดยแผน่ ทองคำ�
ตามค�ำบอกเล่าของเขา แผ่นทองค�ำดังกล่าวจะ
ได้รับการตัดแต่งให้พอดีกับฟันและสวมใส่ไว้
ตลอดเวลา แผ่นทองค�ำดังกล่าวจะถูกเลี่ยมไว้
ทฟี่ นั เพอ่ื ทจ่ี ะคงความงามของฟนั ไว้ ชาวจนี ดจู ะ
มีการรักษาสุขอนามัยของช่องปากเป็นอย่างดี
พวกเขาทำ� ความสะอาดฟนั ทกุ วนั มใิ ชเ่ พอ่ื หวงั ผล
ด้านสุขภาพ แต่เน่ืองจากความเชื่อทางศาสนา
ในเร่ืองความสะอาดของร่างกายและจิตใจ
17
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ในช่วงแรกเร่ิมของยุคกลาง (ค.ศ.476-1453) ความรู้ทาง
การแพทย์และทันตกรรมยังมีอยู่แต่ในเฉพาะกลุ่มบาทหลวง
เท่าน้ัน เน่ืองจากพระเหลา่ น้ีเป็นคนกลมุ่ เดยี วท่ีสามารถอา่ น
ต�ำรับต�ำราเก่าๆ และพระคัมภีร์ไบเบิลที่มีการคัดลอกไว้ได้
ในบางครั้ง บาทหลวงเหล่านี้จะท�ำหน้าที่เป็นแพทย์ถอนฟัน
โดยมีช่างตัดผมคอยช่วย ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด
ที่สอง องค์สันตะปาปาได้ออกกฎว่าการผ่าตัดใดๆ ก็ตามที่มี
เลอื ดออกไมเ่ หมาะสมอยา่ งยง่ิ ทพ่ี ระจะเปน็ ผลู้ งมอื ในตอนนน้ั
ชา่ งตดั ผมพอจะมคี วามรถู้ งึ ขนั้ ตอนบางอยา่ งของการถอนฟนั
บ้างแล้ว ช่างตัดผมจึงกลายมาเป็นผู้ท�ำหน้าท่ีถอนฟันแทน
แพทย์ซ่ึงแต่ก่อนต้องท�ำหน้าท่ีถอนฟันด้วย หมอ ต่างก็โล่ง
และเต็มใจยกหน้าที่อันไม่ค่อยน่าอภิรมย์น้ีให้ช่างตัดผมไป
ครั้นถึงปี ค.ศ.1308 องค์กษัตริย์ทรงมีกระแสรับสั่งให้
ช่างตัดผมท้ังหลายรวมตัวกันขึ้นเป็นสหภาพ ช่างตัดผม
มีคู่แข่งอยู่บ้าง ได้แก่ พวกคนเร่ร่อนที่เรียกว่า ‘ช่างถอนฟัน’
ท่ีมีแหล่งหากินอยู่ตามหัวมุมถนนหรือตามงานออกร้าน
ประจ�ำท้องถ่ิน น่ันเอง
ในสมยั ยคุ กลางน้ี รา่ งกายและการดแู ลรกั ษารา่ งกายมใิ ชส่ งิ่ ท่ี
ชาวบ้านท่ัวไปให้ความสนใจนักนั่นก็เพราะคริสต์ศาสนา
สอนว่า การหลงมัวเมาในร่างกายนั้นเป็นบาป การจ้องมอง
ดูร่างกายของผู้อื่นหรือแม้แต่ของตนเองถือเป็นสิ่งผิด แต่
กระน้ันก็ยังมีผู้คนบางกลุ่มที่ปรารถนาความสะดวกสบาย
ทางกายอยู่ดี ในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษท่ี 15 สุขภาพฟัน
18
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
เป็นหัวข้อเร่ืองท่ีนักเขียนหลายคนกล่าวถึง Giovanni แห่ง
Arcoli (ค.ศ.1400) ได้เขียนสุขบัญญัติเพ่ือการรักษาฟันไว้
อย่างละเอียด เขาแนะน�ำว่าคนไข้ควรจะหลีกเล่ียงมิให้เกิด
อาการอาหารไม่ย่อย และการเคล่ือนไหวมากๆ หลังอาหาร
จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย (เช่น ท�ำให้เกิดการอาเจียน)
เขายังแนะน�ำว่า ขนมหวานและอาหารเหนียวๆ เป็นส่ิงท่ี
ไม่ควรกิน และความร้อนก็เป็นอันตรายต่อฟัน รวมท้ัง
แนะน�ำว่าหลังอาหารแต่ละม้ือควรจะมีการท�ำความสะอาด
และถูฟันด้วยยาสีฟันท่ีเหมาะสม
19
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ยาสีฟันและน้�ำยาบ้วนปากในยุคแรกๆ มิได้ผสม
จากสมุนไพรท่ีมีคุณสมบัติเหมาะสมแต่อย่างใด
ส่วนผสมของสารท�ำความสะอาดปากได้รับ
การผสมขึ้นตามความเชื่อถือโชคลางที่มีมาแต่
โบราณ หรือ มิฉะน้ันก็ผสมเอาตามอ�ำเภอใจ
ของแพทย์หรือพระ ดูเหมือนว่ายิ่งใช้ส่วนผสม
มากเท่าใดส่วนผสมน้ันก็จะย่ิงมีประสิทธิภาพ
มากขนึ้ เทา่ นนั้ สมนุ ไพรมคี วามสำ� คญั ในแงเ่ ปน็ ยา
หรือ เป็นสิ่งปรุงแต่งรสชาติ และมักจะใช้กัน
ในเฉพาะบางแหล่งบางพ้ืนท่ี ทว่าการใช้ช้ินส่วน
ของสัตว์มาป่นหรือน�้ำปัสสาวะของคนถือว่าเป็น
การกระท�ำไม่มีหลักการและไม่เป็นที่ยอมรับ
การขาดความเข้าใจในเรื่องการท�ำปฏิกริยาของ
ส่วนผสมต่างๆ ไม่ท�ำให้เกิดผลเสียมากนักก็จริง
แต่ก็ไม่ได้ท�ำให้สภาวะฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ
หรือโรคฟันอ่ืนๆ เกิดข้ึนน้อยลงด้วยเช่นกัน
ความมปี ระสทิ ธภิ าพของสารผสมเหลา่ นี้ เชอื่ กนั วา่
ขนึ้ อยกู่ บั ขน้ั ตอนในการหาและเตรยี มสว่ นผสมดว้ ย
ส่วนผสมบางอย่างหาได้เฉพาะเมื่อเวลากลางคืน
ทมี่ แี สงจนั ทรส์ กุ สวา่ ง และบางอยา่ งกพ็ บไดเ้ ฉพาะ
เมื่อเป็นคืนเดือนมืด
20
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
Avicenna (ค.ศ. 980-1037) ได้กล่าวว่า
การป้องกันโรค การรักษาฟันและเหงือกเป็น
สิ่งส�ำคัญ เขายังเตือนผู้อ่านว่ายาสีฟันที่มีฤทธ์ิ
กัดกร่อนจะท�ำให้ฟันเสียหายได้ Abulcsasis
(ประมาณ ค.ศ. 1000) ผเู้ ปน็ บดิ าแหง่ โรคปรทิ นต์
แนะน�ำให้ใช้น้�ำเกลือเป็นน้�ำยาบ้วนปาก และให้
ตรวจดูคราบหินปูนและคอยขูดหินปูนออก เขา
แนะน�ำให้ใช้ไม้ขูดรูปร่างต่างๆ กันถึง 14 แบบ
ส�ำหรับการน้ีโดยเฉพาะ และควรท�ำโดยการ
วางศีรษะของคนไขล้ งบนเข่า วธิ กี ารเช่นนีจ้ ะถูก
ท�ำซ้�ำทุกวันจนกว่าฟันจะขาวสะอาด ไม้จิ้มฟัน
แท่งไม้ส�ำหรับเคี้ยว และเศษผ้าท่ีพันน้ิวคือส่วน
หนึ่งของอุปกรณ์ท�ำความสะอาดฟันท่ีใช้กันใน
ยุคแรกๆ ในตอนแรกไม้แหลมใดๆ ก็สามารถ
ใช้เป็นไม้จิ้มฟันได้ทั้งส้ิน แต่ครั้นช่วงประมาณ
1300 ปีก่อนคริสตกาล ก็มีการท�ำไม้จิ้มฟัน
เป็นรูปร่างต่างๆ กัน ตกแต่งด้วยโลหะและ
เพชรพลอยตา่ งๆ บางแบบกย็ งั มปี ลายอกี ขา้ งหนง่ึ
เป็นไม้แคะหูหรือแคะเล็บได้อีกด้วย กล่องบรรจุ
ไมจ้ มิ้ ฟนั กถ็ อื วา่ เปน็ เครอ่ื งประดบั มรี าคาสงู เชน่ กนั
และไม้จ้ิมฟันที่ตกแต่งสวยงามถูกน�ำมาใช้สวม
รอบคอหรอื ทเ่ี ขม็ ขดั จนถงึ ศตวรรษที่ 17 คนขาย
ไม้จ้ิมฟันตามถนนถือว่าเป็นภาพท่ีพบได้บ่อยๆ
ตามเมืองต่างๆ ในยุโรปและอเมริกา
21
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
2
ขกอารงเวริชิ่มาตช้นีพทันตแพทย์
22
ในยุคฟื้นฟูศิลปะและวิทยาการท่ีมีพัฒนางานเขียน ต�ำราต่างๆ ของชาว
กรีกและโรมัน ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกคร้ัง มีผู้เขียนเร่ืองเก่ียวกับฟัน
และการดูแลรักษาฟันไว้อย่างมากมาย นักวิจัยยุคแรกๆ ท่ีศึกษาเร่ือง
กายวิภาคศาสตร์ของฟัน (ค.ศ. 1400-1600) ได้แก่ Leonardo da vinci,
Andreas Vesalius และ Falopius ซงึ่ ทงั้ สามคนตา่ งกบ็ นั ทกึ สง่ิ ทเี่ ขาคน้ พบ
ไวอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง Leonado da Vinci ไดท้ ำ� การศกึ ษาในแงช่ วี วทิ ยาในเรอื่ ง
กลา้ มเนอ้ื ทใี่ ชบ้ ดเคยี้ วอาหาร, ปลายประสาททม่ี าเลย้ี งฟนั กายวภิ าคศาสตร์
ของฟันและการสบฟัน, การวาดภาพ เขาได้อธิบายลักษณะของฟันและ
ความสัมพันธ์ของมันไว้ ค�ำอธิบายโดยละเอียดในเรื่องกายวิภาคท่ัวไป
ของร่างกายมนุษย์โดย Andreas Vesalius ถือว่าเป็นผลงานช้ันยอด
ผคู้ นรจู้ กั เขาในนามของผกู้ อ่ ตง้ั แขนงวชิ ากายวภิ าคศาสตร์ เขาไดอ้ ธบิ ายถงึ
ระบบฟนั ทมี่ กี ารผลดั ชดุ และการเชอ่ื มตอ่ กนั ของฟนั งานของเขาในเรอื่ งฟนั
ใกล้เคียงกับท่ี Da Vinci ได้แสดงไว้ Fallopius ได้ศึกษาเรื่องพัฒนาการ
ของฟนั อนั เปน็ ผลงานทถ่ี กู ตอ้ งแมน่ ยำ� และเขายงั คน้ พบวา่ หนอ่ ฟนั แตล่ ะซ่ี
จะถูกหุ้มอยู่ในถุงหุ้ม (follicle)
ภายหลังจากศตวรรษที่ 16 Galileo และนักปรัชญาอีกหลายคนก็ได้เสนอ
แนวคิดใหม่ในเร่ืองความสัมพันธ์ของโลกกับระบบสุริยะแม้ว่าศาสนจักร
จะไม่ยอมรับแนวคิดน้ี นอกจากน้ันนักธรรมชาติวิทยาชาวดัทช์ Anton
Van Leewenhoek ได้ใช้กล้องจุลทรรศน์เปิดช่องทางส�ำหรับการค้นพบ
ทางการแพทย์และทันตกรรมใหม่ๆ มากมาย ความเชื่อของผู้คนท่ีมีการ
เปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาท�ำให้นักกายวิภาคศาสตร์และนักสรีรวิทยา
สามารถท�ำการผ่าส�ำรวจร่างกายมนุษย์ อันท�ำให้ได้ข้อมูลท่ีแน่นอนมาใช้
แทนข้อมูลท่ีมาจากการคาดคะเนเหมือนดังแต่ก่อนได้ ในปี ค.ศ.1530
หนงั สอื เลม่ แรกเกย่ี วกบั การศกึ ษาทางทนั ตกรรมโดยเฉพาะกถ็ กู พมิ พข์ น้ึ มา
แต่งานทันตกรรมก็ถือเป็นแขนงหนึ่งของการแพทย์
23
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ทันตแพทย์ในสมัยแรกๆ เรียกกันว่า ‘toother’ ต่อมา Guy de chauliac
ได้ใช้ค�ำว่า ‘dentist|’ ในความหมายถึงผู้ให้บริการทันตกรรมในหนังสือ
ของเขาเมื่อปี ค.ศ.1363 ต่อมา Pierre Fauchard เป็นบุคคลแรกที่ใช้
ค�ำศัพท์ว่า ‘dentist’ ในฐานะเป็นผู้ประกอบอาชีพทันตแพทย์ในปี
ค.ศ.1728 Taveau ผู้อาศัยอยู่ในเมืองปารีส ได้รับการยกย่องว่าเป็น
บุคคลแรกท่ีใช้โลหะผสมปรอทในการอุดฟัน ในปี ค.ศ.1826 เขาพัฒนา
สารผสมเงินซึ่งประกอบด้วยโลหะผสมของเงินบริสุทธิ์และปรอทได้ส�ำเร็จ
ปรากฏว่าในปี ค.ศ.1830 มีผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมในอเมริกาแล้ว
ประมาณ 300 คน มีการก่อต้ังโรงเรียนเพื่อให้การศึกษาด้านการท�ำฟัน
โดยเฉพาะ รวมทั้งมีการก่อต้ังสมาคม และออกกฎหมายเกี่ยวกับสมาชิก
ผู้ประกอบวิชาชีพนี้ อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ก็มีจ�ำนวนมากข้ึนและ
คุณภาพดีข้ึน และก็เร่ิมมีการให้ความรู้แก่สาธารณชนในเรื่องการดูแล
รักษาฟัน แพทย์เริ่มส่งคนไข้ไปให้ทันตแพทย์แทนที่จะเป็นผู้ให้บริการ
ทนั ตกรรมดว้ ยตนเอง อาชพี ทนั ตแพทยก์ เ็ ตบิ โตขนึ้ ในฐานะเปน็ วชิ าชพี หนง่ึ
มีการช�ำระงานเขียนเชิงวิชาการเก่ียวกับการบ�ำบัดโรคในช่องปากเพื่อท่ีจะ
แก้ไขหลักวิธกี ารต่างๆ ทีใ่ ช้กันอย่ใู นการใหบ้ รกิ ารทันตกรรมอย่างถกู ต้อง
การใหก้ ารรกั ษาทางทนั ตกรรมจงึ ไดก้ อ่ กำ� เนดิ ขน้ึ เปน็ วชิ าชพี อยา่ งสมบรู ณ์
มผี ู้ประกอบวิชาชพี นอี้ ยา่ งถาวรตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะคุณลกั ษณะ
4 ประการ ซึ่งถือได้ว่าเป็นลักษณะส�ำคัญของอาชีพท่ีได้พัฒนาเป็น
วิชาชีพ ได้แก่ ความช�ำนาญเฉพาะที่ผู้อื่นไม่มี มีองค์กรที่เป็นโครงสร้าง
ภายในและภายนอก เป็นการปฏิบัติงานท่ีต้องควบคุมตนเอง และหน้าที่
ต่อสังคมหรือจรรยาบรรณของวิชาชีพน้ัน ( Weinstein 1993:10-12)
24
การเริ่มต้นของวิชาชีพทันตแพทย์ 2
คลวักาษมณเปะ็นขวอิชงาชีพ
1. ความช�ำนาญเฉพาะที่ผู้อ่ืนไม่มี
การท่ีอาชีพใดๆ จะถือว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูงนั้น
มีหลักอยู่ว่าอาชีพนั้นได้ให้ผู้รับบริการในสิ่งท่ี
สงั คมสว่ นใหญถ่ อื วา่ เปน็ สง่ิ มคี า่ เนอ่ื งจากสงิ่ นนั้
มคี ณุ คา่ ในตวั เองสงู หรอื สง่ิ นน้ั เปน็ สง่ิ ทที่ ำ� ให้
ไดม้ าซงึ่ อะไรบางอยา่ งทที่ กุ คนถอื วา่ เปน็ สง่ิ มคี า่
สุขภาพที่ดีและการรักษาชีวิตคือเป้าหมาย
ท่ีเห็นได้เด่นชัดของวิชาชีพทางการแพทย์
ความช�ำนาญเฉพาะด้านทันตกรรมท่ีผู้อื่น
ไม่มีน้ี ย่อมเป็นสิ่งท่ีมีความละเอียดอ่อนและ
ซบั ซ้อน จนท�ำใหผ้ ้ทู ีผ่ า่ นการศกึ ษามาทงั้ ภาค
ทฤษฎแี ละปฏบิ ตั ใิ นดา้ นนเ้ี ทา่ นนั้ จงึ จะสามารถ
บอกไดว้ า่ ในสถานการณห์ นงึ่ ๆ จะตอ้ งใชค้ วาม
ช�ำนาญดังกล่าวหรือไม่ และผู้ท่ีรับการศึกษา
ในด้านนี้อย่างเหมาะสมเท่านั้นจึงจะได้รับ
ความไว้วางใจให้เป็นผู้ตัดสินใจว่าผู้รับบริการ
จ�ำเป็นต้องได้รับอย่างไร ในท�ำนองเดียวกัน
เฉพาะผทู้ ไี่ ดร้ บั การศกึ ษาดา้ นนอ้ี ยา่ งเพยี งพอ
จึงจะเป็นที่ไว้วางใจให้ถ่ายทอดความรู้นั้น
โดยเฉพาะอย่างย่ิงในภาคปฏิบัติท่ีเป็นการ
ใช้ความช�ำนาญเฉพาะ ด้วยเหตุนี้จึงถือว่า
ความช�ำนาญเฉพาะของวิชาชีพเป็นส่ิงที่
บุคคลอ่ืนไม่มี
25
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
2. โครงสร้างภายในและภายนอก
คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ป ร ะ ก า ร ท่ี ส อ ง เ ก่ี ย ว กั บ
โครงสร้างภายในและภายนอกของวิชาชีพ
ในฐานะเป็นอาชีพที่มีความเฉพาะเน่ืองจาก
มีความช�ำนาญท่ีผู้อื่นไม่มี วิชาชีพน้ันยังอาจ
แสดงเอกลักษณ์ของมันให้ปรากฎด้วยความ
สัมพันธ์ภายในวิชาชีพนั้น ซ่ึงความสัมพันธ์ท่ี
สำ� คญั ทสี่ ดุ ไดแ้ กก่ ารทส่ี มาชกิ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี
ยอมรบั กนั และกนั วา่ ตา่ งมคี วามชำ� นาญเฉพาะ
ทผ่ี อู้ น่ื ไมม่ ี ความสมั พนั ธภ์ ายในนอ้ี าจเปน็ แบบ
ไม่เป็นทางการหรือค่อนข้างเป็นทางการก็ได้
เมอ่ื เรากลา่ วถงึ วชิ าชพี ใดวชิ าชพี หนง่ึ เรามกั จะ
นึกถึงภาพกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพนั้นซ่ึง
ต่างยอมรับความช�ำนาญของผู้ร่วมอาชีพ
ตนเอง และยงั นกึ ถงึ การทำ� ใหค้ วามสมั พนั ธน์ ้ี
มีความเป็นรูปธรรมขึ้นมาในลักษณะของ
องคก์ รอยา่ งเปน็ ทางการอกี ดว้ ย การกลา่ วถงึ
ทนั ตแพทยย์ อ่ มหมายถงึ บคุ คลใดๆ ทมี่ คี วาม
เชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานด้านการรักษา
ในศาสตร์ทันตกรรมนั่นเอง
อกี แงม่ มุ ของคณุ ลกั ษณะประการนขี้ องวชิ าชพี
ก็คือ การยอมรับจากสังคมว่ามีเพียงเฉพาะ
ผู้มีความช�ำนาญทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติของ
26
การเริ่มต้นของวิชาชีพทันตแพทย์ 2
ศาสตร์แขนงน้ันๆ จึงจะมีความสามารถใน
การตัดสินใจว่าเม่ือใดจึงมีผู้ต้องการได้รับ
บรกิ ารจากวชิ าชพี นนั้ และตอ้ งการรบั บรกิ าร
ในลักษณะใด ดังน้ันแล้วผู้ประกอบวิชาชีพ
ดังกล่าวจึงเป็นบุคคลเพียงกลุ่มเดียวท่ีผู้คน
ยอมรับว่าสามารถมอบประโยชน์อันเกิดจาก
ความช�ำนาญเฉพาะให้แก่ผู้รับบริการได้
นั่นก็คือไม่เพียงแต่ความช�ำนาญเฉพาะนั้น
จะเปน็ ทย่ี อมรบั โดยบคุ คลผปู้ ระกอบวชิ าชพี นนั้
เท่าน้ัน แต่เป็นท่ียอมรับของสมาชิกอื่นๆ ใน
สังคมด้วย เนื่องด้วยความช�ำนาญนี้เป็นสิ่งท่ี
ผู้อื่นไม่มี และเป็นส่ิงส�ำคัญต่อสังคมท่ีต้อง
นำ� ไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม การยอมรบั จากสงั คม
ต่อวิชาชีพใดวิชาชีพหน่ึงมักจะแสดงออกมา
ในรูปของการกระท�ำอย่างเป็นทางการโดย
สังคมน้ัน เช่น การออกประกาศนียบัตร
การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ฯลฯ
ยง่ิ ไปกวา่ นนั้ ผทู้ มี่ งุ่ หวงั จะประกอบวชิ าชพี ใดๆ
จะต้องผ่านการศึกษาเป็นเวลานานและได้รับ
การฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อให้เกิดความช�ำนาญ
สังคมภายนอกจึงจะต้องแสดงการยอมรับ
วิชาชีพนั้นโดยให้อ�ำนาจสิทธิ แก่ผู้ประกอบ
วชิ าชพี ดงั กลา่ วในการเปน็ ผฝู้ กึ ฝนและรบั รอง
ผู้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของวิชาชีพน้ันด้วย
27
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ตารางท่ี 2.1
องค์กรเก่ียวกับวิชาชีพทันตแพทย์ใน 5 ประเทศ (D.A.T., 1999)
ประเทศ องค์กร
ออสเตรเลีย สมาคมทันตแพทย์ออสเตรเลียเป็นองค์กรแห่ง
ทันตแพทย์ที่มีจุดประสงค์เพ่ือส่งเสริมอนามัย
ฮ่องกง ของประชาชน และสนับสนุนศาสตร์และศิลป์
ของการใหบ้ รกิ ารทนั ตกรรม สมาคมนม้ี สี าขาอยใู่ น
มาเลเซีย ทุกรัฐ สมาชิกภาพยึดหลักเป็นไปโดยสมัครใจ
กวา่ 90% ของทนั ตแพทยใ์ นออสเตรเลยี เปน็ สมาชกิ
ในสมาคมนี้
สมาคมทันตแพทย์ฮ่องกงได้ท�ำหน้าท่ีเป็นสมาคม
ทันตแพทย์แห่งชาติของฮ่องกงนับตั้งแต่ได้รับการ
ก่อต้ังข้ึนเม่ือปี ค.ศ.1950 สมาคมจะคงบทบาท
เช่นนี้ต่อไปอีกจนถึงปี ค.ศ.2047 เมื่อฮ่องกง
กลายเป็นเขตปกครองตนเองพิเศษ (SAR) ของ
สาธารณรัฐประชาชนจีน ซ่ึงจะถูกปกครองโดย
กฎหมายทั่วไปของเขตปกครองตนเองฮ่องกง
สมาคมทนั ตแพทยม์ าเลเซยี ประกอบดว้ ย 3 สว่ นยอ่ ย
คอื สมาคมทนั ตกรรมรกั ษารากฟนั สมาคมทนั ตแพทย์
เอกชนแหง่ มาเลเซยี และสมาคมทนั ตกรรมจดั ฟนั
ส ม า ชิ ก ท่ั ว ไ ป ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย ทั น ต แ พ ท ย ์ ท่ี ขึ้ น
ทะเบียนตามกฎหมายที่ระบุไว้ตามรัฐบัญญัติ
28
การเริ่มต้นของวิชาชีพทันตแพทย์ 2
ประเทศ องค์กร
ทันตแพทย์ ค.ศ.1971 โดยบุคคลดังกล่าวต้องมี
ถิ่นพ�ำนักอาศัยอยู่ในมาเลเซีย
สหราช สมาคมทันตแพทย์อังกฤษเป็นหน่ึงในสมาคม
อาณาจักร ทันตแพทย์ที่ใหญ่ท่ีสุดในยุโรป สมาคมนี้เป็นท้ัง
สหภาพและสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพ ท�ำหน้าท่ี
เปน็ ตวั แทนของทนั ตแพทย์ 18,000 รายไดส้ หราช-
อาณาจกั ร สมาชกิ สว่ นใหญข่ องสมาคมเปน็ ทนั ตแพทย์
ผปู้ ระกอบอาชพี ทงั้ กบั NHS และสว่ นตวั สมาคม
ยงั เปน็ ตวั แทนของทนั ตแพทยท์ ใ่ี หบ้ รกิ ารทนั ตกรรม
ประจำ� โรงพยาบาล, ประจำ� ชมุ ชน, ในมหาวทิ ยาลยั ,
ในกองทัพ และในภาคอุตสาหกรรม
สหรัฐอเมริกา สมาคมทันตแพทย์อเมริกัน มุ่งหวังให้ทันตแพทย์
ของตนรักษามาตรฐานจรรยาบรรณ ซึ่งยึดถือ
ผลประโยชนข์ องคนไขเ้ ปน็ หลกั การศกึ ษาและฝกึ ฝน
ของทันตแพทย์รวมทั้งสิทธิอ�ำนาจในการปกครอง
กันเองของวิชาชีพ
29
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
3. ความมีประสิทธิภาพของงานท่ีต้อง
ควบคุมตนเอง
คุณลักษณะประการที่สามของวิชาชีพนั้น
เก่ียวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพกับเสรีภาพ
ในการตัดสินใจและควบคุมตนเองท่ีบุคคล
เหล่าน้ีมีในการประกอบวิชาชีพดังกล่าว
เนอ่ื งจากการใหบ้ รกิ ารของวชิ าชพี ใดๆ เปน็ สงิ่ ที่
ผู้รับบริการเห็นคุณค่า การให้บริการอย่าง
เหมาะสมและการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
ขึ้นอยู่กับความช�ำนาญเฉพาะท่ีมีแต่ในเฉพาะ
บคุ คลทป่ี ระกอบวชิ าชพี ดงั กลา่ ว อนั ไมใ่ ชส่ ง่ิ ที่
บุคคลอื่นๆ ทั่วไปจะมีได้ ผู้ท่ีแสวงหาบริการ
จากวชิ าชพี ดงั กลา่ วจงึ มกั จะใหเ้ สรภี าพในการ
ตดั สนิ ใจในเรอ่ื งการใหบ้ รกิ ารนนั้ ๆ แกผ่ ปู้ ระกอบ
วิชาชีพนั้นเสมอ กล่าวคือผู้รับบริการถือว่า
การตดั สนิ ใจของบคุ คลผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดงั กลา่ ว
ในเรื่องใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายในขอบเขตของ
วิชาชีพอันเป็นที่เชื่อถือได้
30
การเริ่มต้นของวิชาชีพทันตแพทย์ 2
4. หน้าที่ต่อสังคม
คุณลักษณะประการท่ีสี่ของวิชาชีพชั้นสูง
เป็นข้อที่ส�ำคัญท่ีสุด มันคือลักษณะเด่นแห่ง
สถาบันวิชาชีพที่ผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าว
ยอมรับมาใช้เป็นข้อปฏิบัติในการประกอบ
วิชาชีพ ถึงแม้วิชาชีพจะมีความแตกต่างกับ
ค�ำว่าอาชีพ เราก็ควรระลึกเสมอว่า อาชีพ
ทกุ อาชพี มสี ว่ นทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั ทสี่ ามารถนำ� มา
จัดเรียงกันใหเ้ ห็นความต่อเนอ่ื งได้ โดยอาศัย
คุณลักษณะท่ีท�ำให้วิชาชีพแตกต่างจากอาชีพ
เราอาจนิยามค�ำว่าวิชาชีพได้ว่า เป็นอาชีพ
อนั ทรงเกยี รตทิ สี่ มาชกิ ผปู้ ระกอบอาชพี ดงั กลา่ ว
ต้องมีการยอมรับกันและกัน ท้ังยังต้องผ่าน
ก า ร ศึ ก ษ า อ ย ่ า ง เ ข ้ ม ข ้ น เ ป ็ น ร ะ ย ะ เ ว ล า
ยาวนาน โดยหลักสูตรท่ีมีพื้นฐานทางทฤษฎี
ซงึ่ ตอ้ งอาศยั สตปิ ญั ญาและความมวี นิ ยั ในตนเอง
อยา่ งสงู และเมอ่ื สำ� เรจ็ แลว้ กใ็ หบ้ รกิ ารแกส่ งั คม
มากกว่าท่ีจะสนองความต้องการของตน
แพทย์ ทนายความ นักบวช และอาจารย์
ในระดับอุดมศึกษาได้รับการยอมรับว่าเป็น
วิชาชีพช้ันสูงมาต้ังแต่ศตวรรษท่ี 18 ส่วน
ทันตแพทย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิชาชีพ
ในศตวรรษที่ 19 (Koeh,1981:10)
31
แม่ฟา้ หลวง ขอนแกน่
เชียงราย พะเยา ขอนแก่น
พะเยา นเรศวร
พษิ ณโุ ลก
เชียงใหม่
เชียงใหม่
3
ปขในอรปะงรววะัติชเทาิคชศวีพไาทมทยเันปต็นแมพาทย์
32
รังสิต
ธรรมศาสตร์
ปทมุ ธานี
กรงุ เทพฯ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหดิ ล สงขลา
ศรีนครนิ ทรวโิ รจน์ สงขลา
33
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ราชอาณาจักรสยาม อนั เปน็ ชื่อเกา่ ของดินแดน
ท่ีเป็นประเทศไทยปัจจุบัน ในสายตาของชาว
ต่างชาติเป็นประเทศที่มีความเป็นเอกลักษณ์
ในแง่ของวัฒนธรรมและศาสนา การหล่ังไหล
เข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติมีมาจากท้ังทาง
ตะวันออกและตะวันตก เช่นเดียวกับผู้คน
ในประเทศอ่ืนๆ ชาวไทยได้ศึกษาและท�ำความ
เข้าใจวัฒนธรรมอันหลากหลายเหล่านี้เพ่ือที่จะ
ช่วยให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และ
เทคโนโลยี ในปัจจุบันประเทศไทยเป็นดินแดน
ท่ีน่าท่ึงเนื่องจากความผสมกลมกลืนกันของ
วัฒนธรรมอันหลากหลายที่มีอยู่ในดินแดนนี้
ประวัติของวิชาชีพทันตแพทย์เร่ิมต้นด้วยเมื่อ
มีการท�ำฟันปลอมขึ้นโดยใช้งาช้างและกะลา
มะพร้าว ชาวไทยในอดีตนิยมรับประทานผลไม้
และส่วนใหญ่ก็เคี้ยวหมากในยามที่ปากว่าง
ในลักษณะเดียวกับการเค้ียวหมากฝรั่ง เป็นท่ี
ทราบกันว่าหมากท�ำให้ฟันแข็งแรงทนทานและ
เปน็ สดี ำ� สวยงาม ในยคุ นนั้ ฟนั ดำ� เนอื่ งจากกนิ หมาก
เป็นส่ิงท่ีพบเห็นได้ทั่วไปในทั่วทุกภูมิภาคของ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเหตุน้ีการใช้กะลา
มะพร้าวมาท�ำฟันปลอมนับว่าเป็นแนวคิดท่ี
สะดวกและเป็นที่นิยมแต่โบราณ
34
ประวัติความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์ในประเทศไทย 3
23พ.8ศ.0
ในปี พ.ศ.2380 อันอยู่ในรัชสมัย ดร. จอร์จ บี. แม็คฟาร์แลนด์ เป็น
ของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า บุคคลแรกที่ได้เปิดคลินิคท�ำฟัน
เจ้าอยู่หัว ก็มีหมอฟันช่าวต่างชาติ ส่วนตัวแผนใหม่ในกรุงเทพเม่ือปี
ท�ำมาหากินอยู่ในกรุงเทพแล้ว พ.ศ.2424 (ยลสลวย วาริทสวัสด์ิ
ทันตแทพย์เหล่าน้ีมาจากอินเดีย และคณะ, 2525) ดร.แมค็ ฟารแ์ ลนด์
ศรีลังกา จีน และญ่ีปุ่น ในเอกสาร เป็นชาวอเมริกันผู้ซึ่งถือก�ำเนิดใน
บางส่วนท่ีได้มีการบันทึกไว้กล่าวว่า กรุงเทพฯ และไปส�ำเร็จการศึกษา
เจ้าพระยาพระคลัง ผู้เป็นขุนนาง แพทย์ศาสตร์และทันตแพทย์จาก
ชน้ั สงู ชาวสยาม ไดเ้ รยี กตวั ทนั ตแพทย์ สหรัฐอเมริกา เขาได้มารับต�ำแหน่ง
ชาวศรีลังกามาถอนฟันให้ท่าน เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงพยาบาล
ศิริราช ในหนังสือของเขาท่ีชื่อ Re-
miniscences of Twelve Decades
of Service to Siam (ร้อยย่ีสิบปี
ศโตริรึกงริ เพสาชยาวาถบาาคล ย์ ในการท�ำงานให้อาณาจักรสยาม)
เขาได้เขียนถึงวิชาชีพทันตแพทย์
ในประเทศไทยในช่วงก่อนหน้าท่ีเขา
จะกลบั มาวา่ มชี าวตา่ งชาติ (อนิ เดยี ,
จีน, ญ่ีปุ่น และยุโรป) เปิดคลินิก
สว่ นตวั ซงึ่ ในจำ� นวนนนั้ หลายๆ คน
ได้ศึกษาเรื่องการท�ำฟันมาจาก
ครอบครัวของตน หรือจากผู้ที่ท�ำ
อาชีพนี้อยู่ก่อน
35
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์ 24พ.7ศ.1
24พ.6ศ.0
ในปี พ.ศ.2460 มกี ารกอ่ ตง้ั โรงเรยี น ทันตแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่ง
แพทยเ์ สนารกั ษข์ นึ้ โดยมกี องทพั บก เพนซลิ วาเนยี และกลบั มาเมอื งไทยเมอ่ื
เป็นผู้บริหารการตั้งหลักสูตรข้ึน 3 ปี พ.ศ.2471 เขาเปน็ ทนั ตแพทยไ์ ทย
หลักสูตรเพื่อผลิตบุคคลากรทาง คนแรกผจู้ บการศกึ ษาจากตา่ งประเทศ
แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร โดยทุนของรัฐบาลซ่ึงต่อมาเขาได้
ให้กองทัพมีทันตแพทย์ส�ำเร็จ ก่อตั้งคณะทันตแพทยศาสตร์ขึ้น
การศกึ ษาเพยี ง 10 คน แลว้ โรงเรยี น ท่ีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเม่ือ
ก็ถูกปิดลง จนกระท่ังรัชสมัยของ ปี พ.ศ.2483 ในปี พ.ศ.2487
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า นิสิตทันตแพทย์ 6 คน ได้ส�ำเร็จ
เจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปรารภ การศกึ ษาจากคณะทนั ตแพทยศาสตร์
เรื่องการขาดแคลนทันตแพทย์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ซง่ึ นบั เปน็
ท่ีโรงพยาบาลศิริราช ในตอนนั้น ค รั้ ง แ ร ก ที่ โ ร ง เ รี ย น แ พ ท ย ์ ใ น
นายแพทย์วาด แย้มประยูร ประเทศไทยได้ประสาทปริญญา
นักเรียนทุนชาวไทยได้ส�ำเร็จ ทางทันตแพทย์ศาสตร์ นิสิตผู้
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางด้าน ส�ำเร็จการศึกษาเหล่าน้ีได้แก่
แพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซีรา ทพ.ถวิล ตัณฑิกุล, ทพ.ทัศนัย
ควิ สใ์ นสหรฐั อเมรกิ า ทางรฐั บาลไทย พรอ้ มโชตกิ ลุ , ทพ.ประสทิ ธิ์ ปณั ฑ
ได้แนะน�ำให้เขาศึกษาต่อทางด้าน รางกูร, ทพ.อิสระ ยุกตะนันท์,
ทันตแพทยศาสตร์ นายแพทย์วาด ทพ.ดุดม ศรีหทัย และ ทพ. มรว.
แยม้ ประยรู จงึ ทำ� การศกึ ษาตอ่ ดา้ น อ๊อด กฤษดากร
36
24พ.8ศ.9 ประวัติความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์ในประเทศไทย 3
25พ.1ศ.9
ในวันท่ี 4 มกราคม 2489 สมาคม ในปี พ.ศ.2512 ได้มีการก่อต้ัง
ทันตแพทย์ไทยได้รับการก่อตั้งข้ึน ค ณ ะ ทั น ต แ พ ท ย ศ า ส ต ร ์ แ ห ่ ง
โดยเหลา่ ทนั ตแพทยก์ ลมุ่ แรกของไทย ม ห า วิ ท ย า ลั ย ม หิ ด ล ข้ึ น เ ป ็ น
โดยมี นพ.วาด แย้มประยูร ได้รับ โรงเรียนทันตแพทย์แห่งท่ีสองใน
การเลอื กใหเ้ ปน็ นายกสมาคม ชอื่ เตม็ กรุงเทพฯ นาม ‘มหิดล’ มาจาก
ของสมาคมคือ ‘ทันตแพทยสมาคม พระนามสมเด็จพระบรมราชชนก
แหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ’์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ปัจจุบันทันตแพทยสมาคมแห่ง ภมู พิ ลอดลุ ยเดช คอื สมเดจ็ เจา้ ฟา้
ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมหลวงสงขลานครินทร์ ซ่ึง
ได้ท�ำหน้าที่เป็นสมาคมเพื่อการ พระองคท์ า่ นเปน็ ผกู้ อ่ ตง้ั โรงพยาบาล
ดำ� เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ของทนั ตแพทย์ ศิริราช และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน
ในประเทศไทย ในปี พ.ศ.2536 การแพทย์แผนใหม่จากมูลนิธิ
จ�ำนวนสมาชิกของสมาคมเพิ่มข้ึน ร็อคก้ีเฟลเลอร์มาท�ำงานในไทย
เป็น 4,026 ราย โดยกระจายอยู่ เม่ือปี พ.ศ.2431
ทั่วทุกภาคของไทย (ท.ส.ท., 2536:
129)
โมครณหงพาะวทยิทันายบตาาแลลพัยทมทันยหต์ศิดกาลรสรตมร์
37
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
25พ.0ศ.4
เม่ือการพัฒนาประเทศและงาน
สาธารณสขุ สมัยใหม่ในประเทศไทย
เร่ิมขึ้น ในปี พ.ศ.2504 โดยแผน
พัฒนาของรัฐบาล มีการกระจาย
ความเจริญไปยังเมืองใหญ่ๆ ในท่ัว
ทกุ ภาคของไทย ไมว่ า่ จะเปน็ ภาคเหนอื
ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก
และภาคอีสาน ภายหลังจากการ
ก่อตั้งโรงเรียนทันตแพทย์แห่งแรก
ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ก็
มีการก่อต้ังโรงเรียนทันตแพทย์ข้ึน
อีกหลายแห่งในภาคต่างๆ ของไทย
ตามที่ก�ำหนดไว้ในแผนพัฒนาของ
รฐั บาล ดงั แสดงใหเ้ หน็ ในตารางที่ 2
ตมกึ จหทุฬาันวาติทลงกยกรารรลณมัย์
38
ประวัติความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์ในประเทศไทย 3
ตารางท่ี 2 คณะทันตแพทยศาสตร์ในประเทศไทย
ล�ำดับ มหาวิทยาลัย ปีท่ีก่อตั้ง สถานท่ีต้ัง จ�ำนวน
คณะทันตฯ นักศึกษา
ในแต่ละปี
1 จุฬาลงกรณ์ 2483 กรุงเทพฯ 100
มหาวิทยาลัย
2 เชียงใหม่ 2508 เชียงใหม่ 60
กรุงเทพฯ 60
3 มหิดล 2512 ขอนแก่น 30
สงขลา 30
4 ขอนแก่น 2522 กรุงเทพฯ 30
ปทุมธานี 30
5 สงขลานครินทร์ 2524 พิษณุโลก 30
ปทุมธานี 30
6 ศรนี ครนิ ทรวโิ รจน์ 2535 พะเยา 30
เชียงราย 30
7 ธรรมศาสตร์ 2538
8 นเรศวร 2541
9 รังสิต 2547
10 พะเยา 2555
11 แม่ฟ้าหลวง 2555
( ข้อมูลนักศึกษาอาจเปลี่ยนแปลง ได้ )
39
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
25พ.3ศ.7
ในปี พ.ศ.2537 รา่ งพระราชบญั ญตั ิ การใส่พลาสติกเคลือบฟันเพ่ือ
เกี่ยวกับทันตแพทย์ฉบับแรกได้รับ ป้องกันฟันผุให้เด็ก การอุดฟันที่ผุ
การเสนอเข้าสู่รัฐสภา และผ่านมติ การซอ่ มแซมฟนั ทแ่ี ตก และการรกั ษา
เห็นชอบให้ออกมาบังคับใช้ มีการ โรคเหงือก ทันตแพทย์จะท�ำการ
ก่อตั้งสภาทันตแพทย์ไทยขึ้นตาม ถอนฟันออกต่อเม่ือจ�ำเป็นเท่าน้ัน
กฎหมายดงั กลา่ ว โดยมกี ารจดั องคก์ ร และมักจะใส่ฟันปลอมให้ฟันท่ีถูก
และการควบคุมเร่ืองจรรยาบรรณ ถอนออกไป นอกจากน้ี ทนั ตแพทย์
ของผู้ประกอบวิชาชีพทันตแพทย์ ยังท�ำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขกระดูก
หน้าท่ีหลักของทันตแพทยสภาคือ ขากรรไกรและเหงือก และแนะน�ำ
ส่งเสริมการให้บริการทันตกรรม วธิ กี ารปอ้ งกนั ฝนั ผดุ ว้ ย ในประเทศไทย
กับชุมชน ขยายระยะเวลาท่ีใช้ มที นั ตแพทยผ์ เู้ ชย่ี วชาญเฉพาะสาขา
ในการฝึกฝนเพิ่มความช�ำนาญ อยู่หลายสาขา เช่นเดียวกับที่มีใน
และรับผิดชอบในเร่ืองวินัยของ ประเทศท่ีพัฒนาแล้ว ทันตแพทย์
ผู้ประกอบวิชาชีพ ในปัจจุบัน เฉพาะทางดงั กลา่ วไดแ้ ก่ วทิ ยาเอน็ โด
ทันตแพทย์ไม่เพียงแต่มีหน้าท่ีดูแล ดอนทคิ ส์ ซงึ่ ไดแ้ ก่ การรกั ษารากฟนั
รกั ษาฟนั และเหงอื กของคนไขเ้ ทา่ นน้ั พยาธวิ ทิ ยาชอ่ งปาก เปน็ การรกั ษา
แต่ยังให้ความส�ำคัญกับสุขภาพ โรคของชอ่ งปาก ศลั ยกรรมชอ่ งปาก
โดยรวมของคนไข้ด้วย และเพ่ือ เปน็ การรกั ษากระดกู ขากรรไกรทแ่ี ตก
ท่ีจะท�ำหน้าท่ีเหล่าน้ีให้ครบถ้วน และการถอนฟัน ทันตกรรมจัดฟัน
การประกอบวิชาชีพทันตแพทย์ เป็นการจัดฟันและแก้ไขต�ำแหน่ง
จึงต้องผ่านการเรียนรู้ในเรื่องการ ของฟัน ทันตกรรมส�ำหรับเด็ก
วินิจฉัยโรค การวิเคราะห์ทางรังสี เกย่ี วขอ้ งกบั ทนั ตกรรมในเดก็ ปรทิ นั ต
40
ประวัติความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์ในประเทศไทย 3
วทิ ยา เนน้ การรกั ษาโรคเหงอื กและ
เนอื้ เยอ่ื รอบๆ ฟนั ทนั ตกรรมหตั ถการ
ศกึ ษาเรอ่ื งกายวภิ าคศาสตรข์ องฟนั
และการอดุ ฟนั ทนั ตกรรมประดษิ ฐ์
ศึกษาการท�ำฟันปลอม และ ทันต
สาธารสขุ อนั เกยี่ วขอ้ งกบั การปอ้ งกนั
และการควบคุมโรคฟันก็เป็นอีก
แขนงหน่ึง
41
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
4
แศหา่งสวติชรา์แชลีพะศทิัลนตปะแพทย์
42
การแพทย์และทันตกรรมในอดีต 1
ฟันเป็นอวัยวะส�ำคัญที่เอ้ือประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชีวิตมนุษย์
เพราะนอกจากจะใชบ้ ดเคย้ี วอาหารใหล้ ะเอยี ดงา่ ยในการยอ่ ย
เพ่ือที่จะไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายให้เจริญเติบโต
ฟันยังมีความส�ำคัญเก่ียวกับความสวยงามของใบหน้า และมี
ส่วนเก่ียวข้องกับการออกเสียงในการพูดอีกด้วย อย่างไรก็ดี
เม่ือกล่าวถึงฟันแล้ว สิ่งที่ควบคู่กันไปก็คือเหงือก เหงือกมี
ความสัมพันธ์อย่างความส�ำคัญและใกล้ชิดทั้งในแง่ต�ำแหน่ง
และหน้าท่ี สุขภาพของฟันและเหงือกจึงมีความสัมพันธ์ข้ึน
แก่กันและกันอย่างแยกไม่ออก และมีผลกระทบกระเทือน
ตอ่ สขุ ภาพโดยทวั่ ไปของรา่ งกายอยา่ งแนน่ อน เปรยี บเสมอื น
เป็นปราการส่วนหน้าของร่างกาย เป็นด่านแรกท่ีเชื้อโรค
จะสามารถผ่านสู่ร่างกายได้โดยตรง ด้วยมีทางติดต่อกับ
อวัยวะอื่นๆ ทั่วร่างกายทางกระแสโลหิตและน้�ำเหลือง
หากปล่อยให้เป็นโรคฟันและโรคเหงือกจนถึงข้ึนติดเชื้อ
การท่ีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและเจริญเติบโตท�ำให้เป็น
อันตรายต่อร่างกาย การติดเชื้ออาจเกิดข้ึนได้ที่ฟัน เหงือก
หรือกระดูกรอบๆ ฟัน และอาจแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ
ของร่างกายได้ เช้ือโรคจากในช่องปาก มีโอกาสจะลุกลาม
และแพร่กระจายไปท่ัวร่างกายได้เสมอ แต่ถ้าสุขภาพของฟัน
และชอ่ งปากสะอาดสมบรู ณด์ กี ย็ อ่ มเปน็ หลกั ประกนั อนั สำ� คญั
ประการหนึ่งที่จะป้องกันการเจ็บป่วยของร่างกายได้
การรกั ษาโรคฟนั และเหงอื กตามแผนปจั จบุ นั นนั้ ไมม่ หี ลกั ฐาน
ชัดเจนว่าเกิดข้ึนเม่ือใดแต่จากการบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า
ประมาณปี พ.ศ.2380 เจ้าพระยาพระคลังได้ขอให้หมอ
สอนศาสนาน�ำเครื่องมือมาถอนฟันท่ีบ้านของท่าน (เบญจา
43
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
ยอดดำ� เนนิ และคณะ, 2529) จงึ เปน็ ทเี่ ชอ่ื กนั วา่ การปฏบิ ตั งิ าน
ทันตกรรมแผนปัจจุบันในประเทศไทยคงเริ่มจากพวกหมอ
สอนศาสนาชาวตา่ งประเทศนเ้ี อง ผปู้ ระกอบอาชพี รกั ษาโรคฟนั
ในสมัยก่อนนั้นไม่เคยได้รับการศึกษาทางทันตแพทยศาสตร์
แต่สามารถปฏิบัติงานทันตกรรมได้โดยการถ่ายทอดความรู้
สืบต่อกันมา
ปี พ.ศ.2434 จงึ ไดเ้ รม่ิ มผี จู้ บการศกึ ษาทางทนั ตแพทยศาสตร์
โดยเฉพาะ แต่เป็นการศึกษาจากต่างประเทศ ซึ่งเม่ือจบ
การศึกษาแล้วกลับมาปฏิบัติราชการในประเทศไทยโดย
เข้ารับราชการในหน่วยงานต่างๆ
วันท่ี 2 พฤศจิกายน 2466 รัฐบาลได้เริ่มมีการควบคุม
การประกอบโรคศลิ ปะขน้ึ โดยมกี ารประกาศใช้ พระราชบญั ญตั ิ
การแพทย์ พุทธศักราช 2466 ซ่ึงมีใจความส�ำคัญว่าผู้ใด
จะประกอบโรคศลิ ปะ อนั หมายถงึ การบำ� บดั โรคในสาขาตา่ งๆ
รวมท้ังการบ�ำบัดทางทันตกรรมด้วยจะต้องขึ้นทะเบียน
และไดใ้ บอนญุ าตเสยี กอ่ น และการประกอบโรคศลิ ปะจะตอ้ ง
ปฏบิ ตั ติ ามเงอ่ื นไข และมารยาทในวชิ าชพี ของตนตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็สามารถกระท�ำการฉีดยา ผ่าตัด ท�ำฟัน
และถอนฟัน รวมทั้งการปรุงยาได้อย่างเสรี แต่อย่างไรก็ดี
การขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตส�ำหรับการประกอบโรค
ศิลปะยังไม่ได้ท�ำกันจนถึงปี พ.ศ.2472 จึงได้มีการจัดท�ำ
44
ศาสตร์และศิลปะแห่งวิชาชีพทันตแพทย์ 4
การขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาต ได้มีการแก้ไขเพ่ิมเติม
พระราชบัญญัติน้ี 2 ครั้ง คือในปี พ.ศ.2472 และในปี
พ.ศ. 2476 ต่อมาเมื่อวันท่ี 1 ตุลาคม 2480 ก็ได้ยกเลิก
พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ.2466 นี้ แล้วประกาศใช้
พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ การประกอบโรคศลิ ปะ พ.ศ.2479 แทน
ตราบเท่าทุกวันนี้ โดยมีการแก้ไขเพ่ิมเติมรวม 7 คร้ัง คือ
ในปี พ.ศ. 2480, 2483, 2490, 2493, 2504, 2509 และ 2511
ตามลำ� ดบั ซงึ่ ในเรอื่ งกฎหมายเกย่ี วกบั การประกอบโรคศลิ ปะ
ขณะนั้นมีกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับทันตแพทย์อยู่ 2 ฉบับ คือ
พระราชบัญญัติประกอบโรคศิลปะ พุทธศักราช 2479 และ
พระราชบัญญัติควบคุมสถานพยาบาล พุทธศักราช 2504
แต่พระราชบัญญัติควบคุมสถานพยาบาลพุทธศักราช
2504 น้ี ยังไม่ค่อยจะเก่ียวข้องกับทันตแพทย์มากเท่าใดนัก
ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ทนั ตแพทยม์ ากกวา่ กค็ อื พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ
การประกอบโรคศิลปะ พุทธศักราช 2479
ในปพี ทุ ธศกั ราช 2537 จงึ ไดม้ กี ารตราพระราชบญั ญตั วิ ชิ าชพี
ทนั ตกรรมขนึ้ เปน็ การเฉพาะ เนอื่ งจากไดม้ จี ำ� นวนทนั ตแพทย์
เพม่ิ ขน้ึ มากแลว้ ในประเทศไทย (ปี พ.ศ.2538 มผี ขู้ น้ึ ทะเบยี น
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม 5,793 คน ) ซ่ึงตาม
พระราชบัญญัตินี้ท�ำให้มีการจัดตั้งทันตแพทยสภาข้ึนมา
ดแู ลกนั เองในหมขู่ องผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรม โดยมลี กั ษณะ
เชน่ เดยี วกบั แพทยสภา สภาการพยาบาล และสภาเภสชั กรรม
45
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์ SOCIAL
วลิชักาษชณีพะทขันอตงแพทย์ SERVICE
วิชาชีพทันตแพทย์ถือได้ว่า
เป็นวิชาชีพโดยสมบูรณ์ คือมี
องค์ประกอบของวิชาชีพ ครบ
6 ประการ ได้แก่
PROFESSIONAL
INSTITUTION
PROFESSIONAL PROFESSIONAL
ETHICS AUTOMOMY
46
ศาสตร์และศิลปะแห่งวิชาชีพทันตแพทย์ 4
1 2
Social Service Intellectual Method
วิชาชีพนั้นจะต้องมีบริการ สมาชิกของวิชาชีพ จะต้อง
ทีใ่ หแ้ ก่สงั คม ใช้วิธีการแห่งปัญหา
เน้นบริการต่อประชาชนมากกว่า ในการให้บริการ หมายความว่า
หาประโยชน์ จากผู้รับบริการ การวินิจฉัย การตัดสินใจในการ
ปฏิบัติต่อผู้รับบริการของวิชาชีพ
INTELLEINCTEULALELCTUAL จะต้องอาศัยความรู้ ความคิด
แ ล ะ ส ติ ป ั ญ ญ า เ ป ็ น พื้ น ฐ า น
METHOMDETHOD ส�ำคัญมากกว่าการใช้ทักษะ
(Skill) และความช�ำนาญการ
LONG PLEORNIOGDPERIOD แต่เพียงด้านเดียว
OF TRAOIFNTINRGAINING ในวิชาชีพทันตแพทย์การวินิจฉัย
การเลือกวิธีการบ�ำบัดรักษา
เป็นกิจกรรมท่ีต้องอาศัยความรู้
ความคดิ หลกั การและทฤษฎดี ว้ ย
จงึ จะทำ� ได้ วธิ กี ารอยา่ งนเ้ี รยี กวา่
วธิ กี ารแหง่ ปญั ญานน่ั กค็ อื จะตอ้ ง
ใช้สติปัญญาในการวินิจฉัยและ
ตัดสินใจให้บริการนอกเหนือ
ไ ป จ า ก ก า ร ใ ช ้ ค ว า ม ช� ำ น า ญ
เท่าน้ัน
47
ประวัติและความเป็นมาของวิชาชีพทันตแพทย์
3
Long Period Of Training
สมาชกิ ของวชิ าชพี จะตอ้ งไดร้ บั
การศึกษาอบรมให้มีความรู้
กว้างขวางลึกซ้ึง โดยใช้ระยะ
เวลายาวนานพอสมควร
ท้ังนี้เพื่อเป็นหลักประกันแก่
ผู ้ รั บ บ ริ ก า ร ว ่ า ผู ้ ใ ห ้ บ ริ ก า ร
สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ
ตามมาตรฐานวิชาชีพได้ เพราะ
มีการศึกษาอบรมมามากพอ
ผู้ที่จะเข้ามาสู่วิชาชีพทันตแพทย์
หรอื จะเปน็ บณั ฑติ ทนั ตแพทยไ์ ดน้ น้ั
จ ะ ต ้ อ ง ไ ด ้ รั บ ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม
หลกั สตู ร ผา่ นกระบวนการเรยี น
การสอนท้ังภาควิชาและภาค
ปฏิบัติในผู้ป่วย ตลอดจนผ่าน
การประเมินผล เป็นระยะเวลา
ไม่น้อยกว่า 6 ปี และเมื่ออยู่ใน
วิชาชีพทันตแพทย์แล้วจะต้อง
ให้บริการตามมาตรฐานแห่ง
วิชาชีพ
48
ศาสตร์และศิลปะแห่งวิชาชีพทันตแพทย์ 4
4 5
Professional Automomy Professional Ethics
ลักษณะของวิชาชีพต้องมี วิชาชีพ ต้องมีจริยธรรม
เสรีภาพในการใช้วิชาชีพน้ันๆ แห่งวิชาชีพ
ตามมาตรฐานของวิชาชีพ เพอื่ เปน็ เครอื่ งยดึ เหนย่ี วหรอื เปน็
หมายความว่าการวินิจฉัยในการ แนวทางในการปฏิบัติในการ
ให้บริการภายในขอบเขตของ ประกอบวิชาชีพ คือผู้ประกอบ
วิชาชีพสมาชิกของวิชาชีพควรจะ วชิ าชพี ชนั้ สงู ตอ้ งมคี วามประพฤติ
มีเสรีภาพในการให้บริการโดย ใ น ก า ร ป ร ะ ก อ บ วิ ช า ชี พ ที่ มี
ปราศจากการแทรกแซงจาก ลักษณะพิเศษแตกต่างจากผู้ท่ี
บุคคลภายนอก การใช้เสรีภาพ ไมม่ วี ชิ าชพี โดยมงุ่ ประกอบวชิ าชพี
ทางวิชาชีพเป็นความรับผิดชอบ เพื่อรับใช้สังคมเป็นท่ีต้ัง ย่อมมี
สำ� คญั อยา่ งไรกด็ กี ารใชเ้ สรภี าพ จิ ต ใ จ แ ล ะ ก า ร แ ส ด ง ใ น ค ว า ม
ทางวชิ าชพี จะมมี ากนอ้ ยเพยี งใด ประพฤติในการปฏิบัติวิชาชีพ
ข้ึนอยู่กับการยอมรับของสังคม ตา่ งกบั ผปู้ ระกอบธรุ กจิ อนื่ ๆ ผใู้ ด
และผู้รับบริการเป็นส�ำคัญ ละเมิดจริยธรรมแห่วงวิชาชีพ
จะต้องได้รับการลงโทษอาจจะ
วิชาชีพทันตแพทย์มีความเป็น โดยการพักใบอนุญาตประกอบ
อิสระในการให้บริการ เพราะ วิชาชีพ และในกรณีร้ายแรงอาจ
ผู้รับบริการ (คนไข้) ยอมรับว่า ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ
ทันตแพทย์เป็นผู้รู้ท่ีมีการศึกษา วิชาชีพได้
อบรมมากพอ และมีการควบคุม
ก า ร ป ฏิ บั ติ ใ น ก า ร ป ร ะ ก อ บ
วิชาชีพที่รัดกุมน่าเชื่อถือ
49