หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 43 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Present Continuous Tense โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Present Continuous Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Present Continuous Tense 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Present Continuous Tense 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Present Continuous Tense (Revision) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Present Continuous Tense (Revision) 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Present Continuous Tense (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 44 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 45 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Glory days รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 17 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้/ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs บรรยาย เกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การรับประทานอาหาร การ เรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 46 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การรับประทาน อาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การ ค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Glory days 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Glory days 3. การใช้ Modal Verbs ในรูปแบบต่าง ๆ 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 47 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….………………………… 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องVocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : May / Might - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to - ใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่องVocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. ตรวจใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 4. ตรวจใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 5. ตรวจใบงานเรื่อง Modal Verbs : May / Might 6. ตรวจใบงานเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t 7. ตรวจใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to 8. ตรวจใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 48 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่องVocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 3. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 4. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 5. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : May / Might 6. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t 7. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to 8. ใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision) 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานและแบบฝึกหัดร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 5 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 49 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม (ต่อ) ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 6 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : May / Might ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 7 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 8 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 9 ใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพอาชีพบน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 50 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและ อ่อน 1.3 นักเรียนช่วยกันระดมความคิดเขียนคำศัพท์เกี่ยวกับอาชีพและส่งตัวแทนออกมาเขียนคำศัพท์บน กระดาน กลุ่มใดเขียนได้ถูกต้อง รวดเร็วและได้มากกว่าก็จะเป็นกลุ่มที่ชนะ 1.4 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Hall of fame ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 68 และ 69 1.5 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Hall of fame ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 68 และ 69 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Myths & legends ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 1.7 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Myths & legends ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 1.8 นักเรียนทำกิจกรรม Read the text. Are the sentences true or false ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 1.10 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Read the text. Are the sentences true or false ใน หนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียน ฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Stars ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องReading : Stars ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถามเกี่ยวกับ Antonio Banderas และ Ricky Martin ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมตอบคำถามเกี่ยวกับ Antonio Banderas และ Ricky Martin ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้ นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.5 นักเรียนแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและ อ่อน โดยสมาชิกจะต้องไม่ซ้ำกับสมาชิกเดิม 2.6 นักเรียนแต่ละทำกิจกรรม Reading : Famous British People ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 73 โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นดังนี้ กลุ่มที่ 1 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Winston Churchill กลุ่มที่ 2 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Diana, Princess of Wales กลุ่มที่ 3 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง William Shakespeare กลุ่มที่ 4 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Queen Elizabeth I กลุ่มที่ 5 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง John Lennon กลุ่มที่ 6 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Agatha Christie 2.7 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอข้อมูลจากการสรุปของแต่ละกลุ่มบริเวณหน้าชั้นเรียน 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนฟังบทสนทนาเรื่อง It was great! ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 74 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนาเรื่อง It was great! ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 74 3.3 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : History, The Incas ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 51 3.4 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องReading : History, The Incas ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 3.5 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถาม How much do you know about the Incas? Mark the sentences T (true) or F (false) ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 3.6 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมตอบคำถาม How much do you know about the Incas? Mark the sentences T (true) or F (false) ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 3.7 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.8 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน 3.9 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.10 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.11 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 2 ประโยค 3.12 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน 3.13 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ In all weathers เพิ่มเติม 3.14 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของ นักเรียนจากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ เรื่องที่ 2 เรื่อง Modal Verbs : Will / Shall จำนวนเวลาเรียน 3 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์ Will และ Shall บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Will และ Shall 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น • Emma will come on Sunday. Or Emma shall come on Sunday. • Shall I cut the ribbon? Or Will you cut the ribbon? • Will you complete the project for me? Or Shall I complete the project for you? What am I going to use, “will” or “shall”?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 52 1.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม Do you know the difference between shall and will? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป The Difference Between “Shall” and “Will” in the Future Tense จาก https://www.youtube.com/watch?v=pQQVW6FMrbQ 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป “Will I/we” OR “Shall I/we” in questions (Future) - Which one is correct? English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=cYx5Vo3n9lE 2.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 2 คลิป 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบาย Modal Verbs : Will / Shall Modal Verbs; Will และ Shall เป็นกริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง นอกจากจะใช้ใน ความหมายว่า “จะ” แล้วยังมีการใช้งานแบบอื่น ๆ ที่หลากหลาย โดยทั่วไป เราจะใช้ ‘will’ ในประโยคบอกเล่า และประโยคปฏิเสธที่เกี่ยวกับเรื่องในอนาคต รวมทั้งการร้องขอ หากต้องการเสนอหรือแนะนำเป็นประโยคคำถาม ส่วนการใช้ “shall” ใช้ในโอกาสที่ต้องการความสุภาพ โดยเฉพาะเวลาพูดถึงเรื่องข้อห้าม ให้ใช้ “shall” 1. การใช้ Will Will เขียนแบบย่อได้เป็น -’ll เช่น I’ll = I will / we’ll = we will รูปปฏิเสธของ will คือ will not เขียนแบบย่อได้เป็น won’t 1.1 ใช้ will เพื่อบอกสิ่งที่เราเชื่อว่าหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ตัวอย่างประโยคเช่น • Tanggwa will be in her office. (ปัจจุบันจนถึงอนาคต) แตงกวาจะยังคงอยู่ในสำนักงานของเธอ • We’ll be late. (อนาคต) เราอาจจะสาย • We will have to take the train. (อนาคต) เราจะต้องขึ้นรถไฟ • I will visit Sydney next month. (อนาคต) ฉันจะไปที่ซิดนีย์ในอาทิตย์หน้า 1.2 ใช้ will เพื่อพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการหรืออยากจะทำหรือเต็มใจจะทำ ตัวอย่างประโยคเช่น • We’ll see you tomorrow. พวกเราจะไปหาเธอวันพรุ่งนี้ • Perhaps Dad will lend me the car. บางทีพ่ออาจจะให้ฉันยืมรถก็ได้ • We’ll get up early every morning and have a quick breakfast then we’ll go across the road to the beach. เราจะตื่นกันแต่เช้าทุกวันแล้วทานอาหารเช้ากันเร็วๆ จากนั้นก็จะข้ามถนนไปชายหาดกัน 1.3 ใช้ will เพื่อขอร้อง หรือร้องขอบางสิ่ง ตัวอย่างประโยคเช่น • Will you carry this for me, please? คุณจะช่วยถือมันให้ฉันได้ไหม? • Will you please be quiet? คุณจะเงียบหน่อยได้มั๊ย?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 53 1.4 ใช้ will เพื่อให้คำมั่นสัญญา, ให้ข้อเสนอ ตัวอย่างประโยคเช่น • I’ll give you a lift home after the party. ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านหลังงานเลี้ยงนะ (give you a lift home หมายถึงส่งเธอกลับบ้าน นะคะ) • We’ll come and see you next week. เราจะมาและพบคุณสัปดาห์หน้านะ 1.5 ใช้ will กับประโยคแบบมีเงื่อนไข (if clause) ตัวอย่างประโยคเช่น • I’ll give her a call if I can find her number. ฉันจะโทรหาเธอถ้าฉันหาเบอร์ของเธอเจอ • You won’t get in unless you have a ticket. คุณจะเข้าไปข้างในไม่ได้เว้นแต่จะมีตั๋ว 2. การใช้ Shall Shall สามารถนำมาใช้ในความหมายทั่ว ๆ ไปได้เหมือนกับ will คือ “จะ” แต่ในปัจจุบันไม่เป็นที่ นิยมใช้กัน แต่ก็อาจจะยังเห็นได้บ้างในการใช้แบบที่เป็นทางการมาก ๆ เช่นการกล่าวสุนทรพจน์, การใช้ในเอกสาร ทางกฎหมายบางอย่าง รูปปฏิเสธของ shall คือ shall not เขียนแบบย่อได้เป็น shan’t รูปปฏิเสธของ should คือ should not เขียนแบบย่อได้เป็น shouldn’t 2.1 Shall – ใช้เสนอความเห็น, ชี้แนะ ตัวอย่างประโยคเช่น • Shall we dance? เราควรจะออกไปเต้นกันมั๊ย? • Shall we go now? เราควรจะไปกันได้หรือยัง? 2.2 Shall – ใช้กับข้อผูกพันที่จะต้องทำในสถานการณ์ที่เป็นทางการมาก ตัวอย่างประโยคเช่น • You shall obey the rules. คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎ • Students shall not enter here. นักเรียนจะต้องไม่เข้ามาที่นี่ • There shall be no food and drink on the premises. จะต้องไม่นำอาหารและเครื่องดื่มมาในสถานที่ จะเห็นได้ว่า shall มีความหมายว่า “จะ อย่างแน่นอน” ซึ่ง shall มีความหนักแน่นมากกว่า will ที่ หมายความว่า “จะ แต่อาจเปลี่ยนใจทีหลังก็ได้” • I will not stop you. ฉันจะไม่หยุดเธอ (แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเปลี่ยนใจทีหลังก็ได้) • I shall not stop you. ฉันจะไม่หยุดเธอ (ยังไงก็ไม่หยุดเธอแน่นอน ไม่มีทาง) ข้อควรระวัง: อย่าใช้ shall กับ he / she / it / you / they (ยกเว้นการใช้กับ you ในความหมายว่า จะต้อง)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 54 ชั่วโมงที่ 3 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Modal Verbs : Will / Shall โดยไม่ซ้ำกัน 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Modal Verbs : Will / Shall เรื่องที่ 3 เรื่อง Modal Verbs : Can / Could จำนวนเวลาเรียน 3 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์ can และ can’t บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ can และ can’t 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น • I can’t dance rumba now (present ability), but I could when I was younger (past ability). • I could read when I was four. 1.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม Do you know the difference between can and could? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Modal Verbs can / could จาก https://www.youtube.com/watch?v=- yVx2xsimpg 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป CAN or COULD | The Difference Between CAN and COULD | Modal Verbs in English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=Cfhi9s7Uouo
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 55 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป CAN or COULD | The Difference Between CAN and COULD | Modal Verbs in English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=BBq0hWsrC6o 2.4 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Modal Verbs : Can / Could Can และ Could มีความหมายเหมือนกัน คือ ความสามารถ แต่ที่ต่างกันในเรื่องของแกรมม่าคือ Can นั้นใช้บอกความสามารถที่ทำได้อยู่หรือความสามารถทั่ว ๆ ไป แต่ Could ใช้สำหรับบอกความสามารถที่ทำได้ ตั้งแต่อดีต การใช้ Can และ Could 1. การใช้ Can เพื่อบอกความสามารถว่าใครสามารถทำอะไรได้บ้าง รูปแบบประโยค: ประธาน + can + bare infinitive + … • They can swim. = พวกเขาสามารถว่ายน้ำได้ ถ้าจะบอกว่าทำไม่ได้ ให้เปลี่ยนจาก Can เป็น Cannot หรือ Can’t แทน • I can’t swim. = ฉันว่ายน้ำไม่ได้ 2. การใช้ could เพื่อบอกความสามารถที่ทำได้ตั้งแต่ในอดีต รูปแบบประโยค: ประธาน + could + bare infinitive + … • I could sing very well. = ฉันเคยร้องเพลงดีมาก 3. การใช้ can และ could เพื่อขอความช่วยเหลือ ขอร้องให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และขออนุญาตจริง ๆ แล้ว ในภาษาอังกฤษสามารถใช้ได้ทั้ง Can และ could ในการขอความช่วยเหลือ หรือขอร้อง แต่ถ้าจะพูดให้สุภาพ โชว์ความเก่งภาษาอังกฤษ ผู้พูดควรใช้ Could ถึงจะดูสุภาพกว่า แต่ทั้งนี้ต้องมีการเติม Please ต่อท้ายประโยคด้วย รูปแบบประโยค: Can หรือ Could + ประธาน + bare infinitive + … +please? • Could you open the window please? = คุณช่วยเปิดหน้าต่างให้หน่อยได้มั้ย? ชั่วโมงที่ 3 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Modal Verbs : Can / Could โดยไม่ซ้ำกัน เช่น • I can swim. ฉันสามารถว่ายน้ำได้ • He can drive a car. เขาสามารถขับรถได้ • I can join your party tonight. วันนี้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงของคุณได้ • He can speak English fluently. เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว • I can’t sleep. ฉันนอนไม่หลับ • I could not join your party yesterday. เมื่อวานฉันไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงของคุณได้ • She could swim. (เธอเคยว่ายน้ำได้) *ปัจจุบันว่ายน้ำไม่ได้แล้ว • Can you tell me how to get to the mall? Could you tell me how to get to the mall? คุณช่วยบอกได้ไหมว่าไปที่ห้างได้อย่างไร • Can you help me? Could you help me?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 56 • Could you tell me your name, please? รบกวนบอกชื่อคุณหน่อยได้ไหม *สุภาพกว่า can* 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Modal Verbs : Can / Could โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • Lucien and Odin can do their homework. ลูเซี่ยนและโอดินสามารถทำการบ้านของ พวกเขาได้ • They cannot speak English. พวกเขาไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ • I could speak English when I was 7.ฉันสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เมื่อตอนฉันอายุ 7 ปี • What could we go this afternoon? บ่ายนี้เราจะไปไหนกันดีล่ะ • I am so hungry, I could eat all food in the restaurant. ฉันหิวมาก ฉันสามารถที่จะกิน อาหารได้ทั้งร้านเลย **ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตัวผู้พูดไม่สามารถกินได้จริง ๆ • Can I use your computer? ฉันขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ไหม? • Could you explain that topic for me, please? คุณช่วยอธิบายหัวข้อนั้นให้ฉันทีได้ไหม? 4.2 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Modal Verbs : Can / Could ในเอกสารประกอบการเรียน 4.3 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนเปรียบเทียบประโยคระหว่าง can และ could พร้อมทั้งช่วยกันอธิบาย • I can sleep for few hours because I am so tried. ฉันสามารถหลับได้สองสามชั่วโมงเพราะว่าฉันเหนื่อย) **กรณีนี้เป็นไปได้ • I already drink coffee. I could work without sleeping for few days. ฉันได้ดื่มกาแฟมาแล้ว ฉันสามารทำงานโดยไม่นอนได้สองสามวัน) **กรณีนี้เป็นไปไม่ได้ 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Modal Verbs : Can / Could เรื่องที่ 4 เรื่อง Modal Verbs : May / Might จำนวนเวลาเรียน 3 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์ may และ might บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ may และ might
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 57 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น • I may go to Disney World. I might have gone to Disney World. • I may take a nap. I might have taken a nap. • Why isn’t John at work yet? I don’t know, he might have missed the train. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป May and Might | Learn English Grammar for kids | English Learning จาก https://www.youtube.com/watch?v=nmI1LdM7jHI 2.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบาย Modal Verbs : May / Might May และ might เป็นคำที่หลายๆคนมักจะสับสนกัน กรณีไหนเราควรใช้ may กรณีไหนเราควรใช้ might ความต่างของ may กับ might 1. การใช้บอกความเป็นไปได้ May กับ might มีความหมายเหมือนกันว่า “อาจจะ” แต่ may จะแสดงถึงความเป็นไปได้ที่ มากกว่า ส่วน might จะแสดงถึงความเป็นไปได้ที่น้อยกว่า ตัวอย่างเช่น • It may rain. (ฝนอาจจะตก คิดว่ามีโอกาสมาก) • It might rain. (ฝนอาจจะตก แต่คิดว่ามีโอกาสน้อย) อย่างไรก็ตาม การใช้ may กับ might ในกรณีนี้ จริง ๆ แล้วความหมายก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าใด นัก เจ้าของภาษาบางคนก็ให้ความเห็นว่า ความหมายที่ได้นั้นไม่ต่างกัน 2. การใช้รูปปฏิเสธ รูปปฏิเสธของ may คือ may not ส่วนของ might คือ might not ทั้งสองคำมีความหมายว่า “อาจจะไม่” แต่ may not จะมีอีกความหมายหนึ่งด้วย ซึ่งก็คือ “ไม่ได้รับอนุญาติ” อย่างเช่น ในป้ายห้ามจอดรถ อาจมีข้อความ You may not park here. แปลว่า คุณไม่ได้รับอนุญาตให้จอดรถตรงนี้ด้วยเหตุนี้ การใช้ may not เลยมีความกำกวม เพราะแปลได้ 2 แบบ • I may not go to Japan with you this summer. จะแปลได้ทั้ง ฉันอาจจะไม่ได้ไปญี่ปุ่นกับคุณช่วงซัมเมอร์นี้ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ไปญี่ปุ่นกับคุณช่วงซัมเมอร์นี้ การใช้ may not เพื่อสื่อว่า “อาจจะไม่” จึงเป็นสิ่งที่ควรเลี่ยง ทางที่ดีเราควรใช้คำว่า might not แทน • I might not go to Japan with you this summer. ฉันอาจจะไม่ได้ไปญี่ปุ่นกับคุณช่วงซัมเมอร์นี้ 3. การขออนุญาต • May I sit with you? ฉันขอนั่งกับคุณได้มั้ย
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 58 • Might I sit with you? ฉันขอนั่งกับคุณได้มั้ย ในการขออนุญาต เราจะนิยมใช้ may มากกว่า แม้ว่าถ้าเทียบกันแล้ว การใช้ might จะแสดงถึง ความสุภาพมากกว่า may แต่ก็ถือว่าแปลกและดูล้าสมัย 4. การใช้รูปอดีต นอกจากที่กล่าวมาแล้ว might ยังสามารถถูกใช้เป็นรูปอดีต (past tense) ของ may ได้อีกด้วย พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ ถ้าประโยคเป็นรูปอดีต เราจะต้องใช้ might • I thought you might be tired. (ไม่ใช่ I thought you may be tired.) ฉันคิดว่าคุณอาจจะเหนื่อย • Anne might have come earlier, but I was not home. (ไม่ใช่ Anne may have come earlier, …) แอนอาจจะมาก่อนหน้านี้ แต่ฉันไม่ได้อยู่บ้าน • He said he might bring some friends to the party. (ไม่ใช่ He said he may bring…) เค้าบอกว่าเค้าอาจจะพาเพื่อนบางคนไปงานปาร์ตี้ด้วย 5. การใช้ในเชิงวิชาการ การใช้กับข้อเท็จจริงต่าง ๆ โดยเฉพาะในเชิงวิชาการ ว่าสิ่งหนึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น เราจะนิยมใช้ may • Omega-3 may help prevent heart disease. โอเมก้า 3 อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจ • People who live alone may be at risk of social isolation. ผู้คนที่อาศัยอยู่คนเดียวอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม 6. การอวยพร การอวยพรเราจะใช้ may • May you and your children live a happy life together. ขอให้คุณและลูกๆของคุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข • May the force be with you. ขอให้พลังสถิตย์อยู่กับคุณ • May the Christmas bring you joy and happiness. ขอให้คริสมาสต์นำพาความสนุกและความสุขมาสู่คุณ 2.5 นักเรียนช่วยกันสรุปโครงสร้าง Modal Verbs : May / Might Usage Structure Affirmative Subject + may + Verb 1 + Object. Subject + might + Verb 1 + Object. Negative Subject + may + not + Verb 1 + Object. Subject + might + not + Verb 1 + Object.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 59 ชั่วโมงที่ 3 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Modal Verbs : May / Might 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Modal Verbs : May / Might โดยไม่ซ้ำกัน เช่น • She may come tomorrow. หล่อนอาจจะมาพรุ่งนี้ • It may rain tomorrow. ฝนอาจจะตกวันพรุ่งนี้ • May it rain tomorrow? ฝนน่าจะตกไหมพรุ่งนี้ • It may not rain tomorrow. It may rain next week. ฝนไม่น่าจะตกพรุ่งนี้ ฝนอาจจะตก อาทิตย์หน้า • She may go shopping tomorrow. หล่อนอาจจะไปชอปปิ้งพรุ่งนี้ • Sam may finish his work tonight. แซมอาจจะทำงานให้เสร็จคืนนี้ • May I come in? ขอผมเข้าไปได้ไหม • May I go out? ขอผมออกไปข้างนอกได้ไหม • May I help you? ขอผมช่วยคุณนะ (มีอะไรให้ช่วยไหม) • May I use your computer? ขอฉันใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ไหม • May we play football in here? ขอพวกเราเล่นบอลในนี้ได้ไหม • That’s all for today. You may go now. วันนี้พอแค่นี้แหละ พวกเธอไปได้แล้วตอนนี้ • Make yourself at home. You may do anything here. ตามสบายนะ จะทำอะไรก็เอา เลย • You may use my bike. คุณจะใช้จักรยานผมก็ได้นะ • Students may use mobile phones in the classroom. นักเรียนสามารถใช้มือถือใน ห้องเรียนได้ • You may play football in here? พวกเธอสามารถเล่นบอลในนี้ได้ 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Modal Verbs : May / Might โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • She may go shopping tomorrow. หล่อนอาจจะไปชอปปิ้งพรุ่งนี้ She might go shopping tomorrow. หล่อนอาจจะไปชอปปิ้งพรุ่ง • He may get a job soon. เขาน่าจะได้งานเร็ว ๆ นี้ He might get a job soon. เขาน่าจะได้งานเร็ว ๆนี้ Usage Structure Question May + Subject + Verb 1 + Object ? Wh-question + may + Subject + Verb 1 + ... ? Might + Subject + Verb 1 + … ?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 60 • I think what we did may have made Sam angry. ผมคิดว่า สิ่งที่เราทำอาจทำให้แซม โกรธก็ได้นะ I think what we did might have made Sam angry ผมคิดว่า สิ่งที่เราทำอาจทำให้แซม โกรธก็ได้นะ แต่ถ้าเราคิดว่า เหตุการณ์นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ ให้เราใช้ might have เช่น แม่บอกว่าเจนไป โรงเรียนแล้ว แต่เราคิดว่าเจนยังอยู่ในบ้านนั่นแหละ ไม่ได้ไปโรงเรียนจริง ๆ หรอก เราก็พูดได้ว่า • Mrs. Brown told me that Jane had gone to school, but she might have been at her home. คุณนายบราวน์บอกฉันว่าเจนไปโรงเรียนแล้ว แต่หล่อนน่าจะยังอยู่ที่บ้านน 4.2 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Modal Verbs : May / Might ในเอกสารประกอบการเรียน 4.3 นักเรียนศึกษากฎการใช้และโครงสร้างประโยค Modal Verbs : May / Might จากตัวอย่างใน เอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนอภิปรายร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียนเรื่อง การใช้และโครงสร้างประโยค Modal Verbs : May / Might 4.5 นักเรียนเขียนประโยค 4 ประโยคให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองโดยใช้โครงสร้างประโยค May / Might จากนั้นอ่านข้อมูลของตนให้เพื่อนร่วมชั้นฟัง โดยร่วมกันอภิปรายข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4.6 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : May / Might ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : May / Might 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Modal Verbs : May / Might เรื่องที่ 5 เรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t จำนวนเวลาเรียน 3 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคที่บรรยายแต่ละภาพ บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับประโยคที่เห็น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 61 1.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม Do you know the difference between must and have to? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Must, have to จาก https://www.youtube.com/watch?v= MdUnlTFLh0Y 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Must, have to จากhttps://www.youtube.com/watch?v= bTg27MfZw9Y 2.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 2 คลิป 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบาย Modal Verbs : Must / Have to Modal Verbs; Must และ Have to ทั้ง must และ have to ใช้เพื่อแสดงความจำเป็นในการทำ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนกัน แต่มีวิธีการใช้เหมือนกันเล็กน้อยค่ะ แต่โครงสร้างประโยคในการใช้ must กับ have to เหมือนกันคือ ต้องตามด้วย verb infinitive หรือ กริยารูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม must + verb (infinitive) have to + verb (infinitive) • I must quit smoking. ฉันต้องเลิกสูบบุหรี่ • I have to quit smoking. ฉัน(จำเป็น)ต้องเลิกสูบบุหรี่ สองประโยคนี้แปลว่า ต้องเลิกสูบบุหรี่ เหมือนกัน แต่เราจะใช้ must ในกรณีที่เราคิดว่าสิ่งนั้น จำเป็นต้องทำ เป็นความเชื่อหรือเป็นความคิดของเราเองที่คิดว่ามันจำเป็นต้องทำ แต่ have to นั้นใช้ในกรณีที่ สถานการณ์เป็นตัวบังคับให้เราจำเป็นต้องทำ ซึ่งบางที่เราอาจจะไม่อยากทำ อาจจะเป็นกฎ หรือข้อบังคับให้ทำ เช่น • You have to stop eating salty food. คุณจำเป็นต้องเลิกกินอาหารรสเค็ม (อาจจะเป็นคำสั่งหมอที่ให้เลิกกินอาหารรสเค็ม) 1. must ใช้ในกรณีที่เราคิดเองว่าต้องทำ โครงสร้างคือ must + verb infinitive (กริยาช่อง1) เช่น • I must go to the hospital. ฉันต้องไปโรงพยาบาล : เป็นความคิดของเราเองที่ว่าต้องไป เพราะอาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อย สบายเลยต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล • I must stop smoking. ฉันต้องเลิกสูบบุหรี่ : ตัวเราต้องการเลิกเอง • I must finish this work today. (ฉันต้องทำงานนี้ให้เสร็จวันนี้ : ตัวเราคิดเองว่าจะทำให้เสร็จวันนี้ • I must go to supermarket today. Because cosmetic sale finishes today. ฉันต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ตวันนี้ เพราะเครื่องสำอางลดราคาวันนี้วันสุดท้ายแล้ว • That movie is very funny! You must watch it! หนังเรื่องนั้นสนุกมาก คุณต้องดูมันนะ 2. have to ใช้ในกรณีที่สถานการณ์เป็นตัวบังคับให้เราจำเป็นต้องทำ ซึ่งเราอาจจะไม่อยากทำ อาจเป็นกฎหรือข้อบังคับให้ทำ โครงสร้างคือ have to + verb infinitive (กริยาช่อง1) เช่น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 62 • I have to stop smoking. ฉันจำเป็นต้องเลิกสูบบุหรี่ : หมออาจจะสั่งให้เลิกสูบ • I have to go to supermarket today. Because my mom asked me to buy something. ฉันต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ตวันนี้ เพราะแม่บอกให้ซื้อของบางอย่าง • Doctors sometimes have to work on Sunday. บางครั้งบรรดาคุณหมอก็ต้องทำงานวันอาทิตย์ : เป็นกฎในอาชีพที่ต้องทำ • She has to go to the hospital. เธอต้องไปโรงพยาบาล ข้อสังเกต : ประธาน I, You, We, They และประธานพหูพจน์อื่น ๆ ใช้ have to ประธาน He, She, It และประธานเอกพจน์อื่น ๆ ใช้ has to รูปอดีตใช้ had to 2.5 นักเรียนดูตารางสรุปความแตกต่างของ Must กับ Have to โดยครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียน เข้าใจมากขึ้น Must Have to 1. ใช้ในกรณีที่เป็นความต้องการของเราเอง 1. ใช้ในกรณีที่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ อาจเป็นกฎหรือ ข้อบังคับ 2. โครงสร้าง must + verb infinitive (V.1) 2. โครงสร้าง have to + verb infinitive (V.1) • I must stop smoking. ฉันต้องเลิกสูบบุหรี่ : ตัวเราต้องการเลิกเอง • I have to stop smoking. ฉันจำเป็นต้องเลิกสูบบุหรี่ : หมออาจจะสั่งให้เลิก สูบ • I must buy a new mobile phone. ฉันต้องซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ : ต้องการซื้อเอง • I have to buy a new mobile phone. ฉันจำเป็นต้องซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ : อาจมีเหตุ จำเป็นหรือมีใครแนะนำให้ซื้อ • I must go to supermarket today. Because cosmetic sale finishes today. ฉันต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ตวันนี้ เพราะเครื่องสำอาง ลดราคาวันนี้วันสุดท้ายแล้ว • I have to go to supermarket today. Because my mom asked me to buy something. ฉันต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ตวันนี้ เพราะแม่บอกให้ซื้อ ของบางอย่าง 2.6 นักเรียนดูคำศัพท์ needn’t บนกระดาน และร่วมกันแสดงความคิดเห็น 2.7 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมว่า นอกจาก Must และ Have to แล้วยังมี Needn’t แต่ needn’t จะมี ความหมายตรงข้ามกับ must และ have to โดยมีความหมายว่า ไม่จำเป็นต้อง 2.8 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปปฏิเสธของ mustn’t มีความหมายว่า ต้องไม่, อย่า ซึ่งจะใช้ เหมือนกับคำว่า needn’t เช่น • You needn’t hurry: there is plenty of time. คุณไม่ต้องรีบก็ได้ ยังมีเวลาอีกเยอะ • You needn’t finish your meal if you don’t like it. คุณไม่จำเป็นต้องทานอาหารให้หมดหรอกถ้าคุณไม่ชอบมัน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 63 • You needn’t answer all the question. คุณไม่ต้องตอบคำถามทั้งหมดหรอก • You needn’t do your homework today: there is no school tomorrow. เธอไม่จำเป็นต้องทำการบ้านวันนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ไม่เปิดเรียน • You needn’t come with us if you don’t want to. คุณไม่ต้องไปกับเราก็ได้ถ้าไม่อยากไป • You mustn’t drive over 90 km/hr. It is forbidden. คุณต้องไม่ขับเร็วเกิน 90 กม/ชม เขาห้าม • You mustn’t park here. It is forbidden. • อย่าจอดรถที่นี่ เขาห้ามจอด • Isabella mustn’t eat so much: it make her fat. อิซาเบลล่าต้องไม่ทานอาหารมากไป มันทำให้เธออ้วน • You mustn’t smoke here. It is forbidden. อย่าสูบบุหรี่ ที่นี่เขาห้ามสูบ ชั่วโมงที่ 3 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t โดยไม่ซ้ำกัน 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น เช่น • I must go now. ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้ (มีความจำเป็นที่จะต้องไป) • They must come today. พวกเขาต้องมากันในวันนี้ (จำเป็นต้องมาในวันนี้) • Belinda must speak to my cousin. เบลินด้าต้องพูดกับลูกพี่ลูกน้องของฉัน • Doctors sometimes have to work on Sunday. บางครั้งหมอก็ต้องทำงานวันอาทิตย์ (เป็นกฎของโรงพยาบาล) • You have to drive slowly here. คุณต้องขับช้า ๆ ที่นี่ • Olivier has to phone his father. โอลิเวอร์ต้องโทรหาพ่อของเขา • You mustn’t smoke on buses. คุณต้องไม่สูบบุหรี่บนรถโดยสาร (เพราะผิดกฎหมาย)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 64 • In football you mustn’t touch the ball with your hands. ในเกมส์ฟุตบอลคุณต้องไม่ใช้มือแตะต้องลูกบอล (เพราะผิดกฎ) • The children mustn’t play in the park. เด็ก ๆ อย่าเล่นในสวน (ห้ามเด็ก ๆ เล่นในสวน) • You needn’t wear an overcoat today: it’s not cold. คุณไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อคลุมหรอก อากาศมันไม่หนาว • You needn’t drive so quickly because we have plenty of time. คุณไม่จำเป็นต้องขับเร็วมากหรอกเรายังมีเวลาอีกเยอะ 4.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Have to ในรูปปฏิเสธ ในการใช้รูปปฏิเสธของ have to นั้น จะใช้ verb ช่วย do และ does ตามด้วย not มาวางบริเวณด้านหน้า have to จะไม่ใช้ haven’t to และ hasn’t to ตัวอย่างประโยคการใช้ don’t have to • In Britain, people don’t have to carry a passport with them. ในสหราชอาณาจักร ประชาชนไม่จำเป็นต้องพกหนังสือเดินทางติดตัว • Lucy doesn’t have to stay at home. ลูซี่ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านก็ได้ • You don’t have to go now. คุณไม่จำเป็นต้องไปตอนนี้ก็ได้ 4.3 นักเรียนเปรียบเทียบตัวอย่างประโยคการใช้ mustn’t และ don’t have to โดยร่วมกันแสดง ความคิดเห็นว่ามีความหมายแตกต่างกันอย่างไร • They mustn’t come today. พวกเขาต้องไม่มาในวันนี้ (ห้ามพวกเขามาในวันนี้) • They don’t have to come today. วันนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ (จะมาก็ได้ไม่ได้ห้าม) • You mustn’t disturb other players, but you don’t have to be silent. คุณต้องไม่รบกวนผู้เล่นคนอื่น แต่คุณไม่จำเป็นต้องเงียบเสียทีเดียว 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Modal Verbs : Must / Have to / Needn’t
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 65 เรื่องที่ 6 เรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคที่บรรยายแต่ละภาพ บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับประโยคที่เห็น 1.2 นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของ should และ ought to 1.3 นักเรียนช่วยกันอธิบายถึงความแตกต่างของ should และ ought to ตามความเข้าใจของแต่ละคน 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปการใช้ should, ought to จาก https://www.youtube.com/watch?v =4ay3AQHkpAY 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อหาจากวิดีโอคลิปที่นักเรียนได้ดู 2.3 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ should และ ought to 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายการใช้ Modal Verbs : Should / Ought to โดย should กับ ought to เป็นกริยาช่วย (modal verbs) แปลว่า ควร, น่าที่ ที่เป็นคำแนะนำแกมบังคับทั้งคู่ แต่คำว่า should สามารถ แปลว่า น่าจะ ที่หมายถึง “ความเป็นไปได้” อีกหนึ่งความหมาย ดังนั้นถ้าแปลว่า ควรจะ สามารถใช้คำว่า ought to หรือ should แทนกันได้ซึ่งโดยปกติจะคุ้นเคยกับการใช้ should มากกว่า เพราะในปัจจุบันคำว่า ought to ไม่ ค่อยนิยมใช้ โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้ • should + verb • ought to + verb โดยความแตกต่างระหว่าง should กับ ought to จะสังเกตเห็นว่า ought จะต้องตามด้วย to เสมอ (ought to + verb) ส่วน should ไม่ต้องตามด้วย to (should + verb) 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Modal Verbs : Should / Ought to 1. Should โดยทั่วไป Should ใช้กับเรื่องทั่ว ๆ ไปเช่น ให้คำแนะนำ (advise) ให้ความเห็น (opinion) หรือ วิพากษ์วิจารณ์ (criticism) เช่น • You should buy the red one. คุณควรซื้ออันสีแดงนะ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 66 • You should try that new restaurant. คุณควรจะลองชิมร้านอาหารใหม่ • Everyone should come to visit Thailand. ทุกคนควรมาเที่ยวประเทศไทย • The government should raise more taxes on luxury goods. รัฐบาลควรขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยมากกว่านี้ • They should be more carefully on working. พวกเขาควรระมัดระวังในการทำงานมากกว่านี้ 2. Ought to มีความหมายเดียวกันกับ should อย่างชนิดว่าใช้แทนกันได้เลยค่ะ แต่คำนี้ไม่ค่อย นิยมใช้กันในปัจจุบันแล้ว และดูเป็นทางการ เช่น • You ought to relax and stop worrying about it. คุณควรจะปล่อยวางและหยุดกังวลเรื่องนี้ • You’ve got a good wife. You ought to take care of her. คุณมีภรรยาที่ดี คุณควรจะดูแลใส่ใจเธอนะ 3. การใช้ should กับ ought to สำหรับประโยคปฏิเสธ จะใช้ในรูป should not (หรือ shouldn’t) กับ ought not to (หรือ oughtn’t to) ตัวอย่างประโยคเช่น • You shouldn’t go to bed so late. เธอไม่ควรจะเข้านอนดึกเกิน • You oughtn’t to read while you eat. เธอไม่ควรอ่านหนังสือในขณะที่ทานอาหาร 4. การใช้ should กับ ought to สำหรับประโยคคำถาม เราจะใช้ Should หรือ Ought ขึ้นต้น ประโยคนะคะ ตัวอย่างประโยคเช่น • Should you spend all your money on clothes? คุณควรจะใช้เงินทั้งหมดไปกับเรื่องเสื้อผ้าหรือ? • Ought we to drive more carefully? เราควรจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากกว่านี้มั๊ย ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคโดยใช้ should และ ought to 3.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยค โดยใช้ should และ ought to เช่น • Bryant isn’t working hard enough. He ought to work harder. ไบรอันต์ยังขยันไม่พอ เขาควรที่จะขยันมากกว่านี้ • The teacher said to Katherine, “You should be more careful.” คุณครูบอกแคทเธอลีนว่าเธอควรจะรอบคอบกว่าเดิม • We ought to help our parents when they become old. เราควรจะช่วยพ่อแม่เมื่อท่านมีอายุมาก
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 67 • You should not spend all your money on clothes. คุณไม่ควรจะใช้เงินทั้งหมดไปกับเรื่องเสื้อผ้า • We ought to help the poor. เราควรจะช่วยเหลือคนจน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนห้องออกมาเขียนว่ามีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องนักเรียนจะแก้ไขประโยคอย่างไรให้มีความถูกต้อง 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ เพราะเหตุใดจึงเลือกตอบข้อนั่น ๆ 1. Which sentence is correct? 1) We should leaving soon. 2) We should leave soon. 3) We should to leave soon. 2. We……………………visit Eric when we are in London. 1) ought 2) should 3) didn’t ought 3. Which question is correct? 1) Should we call the police? 2) We should call the police? 3) Do we should call the police? 4. Which sentence is correct? 1) We ought to have a party to celebrate Kate’s birthday. 2) We ought have a party to celebrate Kate’s birthday. 3) We should to have a party to celebrate Kate’s birthday. 5. You……………………ride a motorbike without a helmet. 1) ought 2) shouldn’t 3) ought not 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 68 เรื่องที่ 7 เรื่อง Modal Verbs (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 ครูพูดกับนักเรียนคนหนึ่งว่า “Stand up.” แล้วหันไปสั่งนักเรียนอีกคนที่กำลังคุยกันว่า “You must stand up.” แล้วครูซักถามนักเรียนทั้งสองว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินครูสั่ง 1.2 นักเรียนดูรูปพวงกุญแจที่มีหางกระต่ายและโดยครูชี้ไปที่หางกระต่าย และถามนักเรียนว่า • What is it? Can you guess? • It might be a bag or it may be a tail of a rabbit? • Who carry this? • Why do some people carry this? 1.3 นักเรียนฝึกคาดเดาโดยใช้ประโยค I guess. It might be……………a (bag / rabbit tail). 1.4 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนข้อมูลที่เพื่อนบอกบนกระดานโดยครูอธิบายเพิ่มเติมว่า It is a tail of a rabbit. Some motorists carry them for good luck. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนฟังครูอธิบายว่าในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนได้เรียนเกี่ยวกับการใช้Modal Auxiliaries: can, could, may, might, must ตามด้วยกริยา โดยเขียนประโยคตัวอย่าง เช่น It might be a tail of a rabbit. และประโยค I wonder why…….. used to express a curiosity or a desire to know. ใช้เพื่อแสดงความสงสัย หรืออยากรู้ 2.2 ครูเปิดโปรแกรม Move it! 1 eText และให้นักเรียนดูเฉพาะภาพ (ไม่ต้อง ดูคำบรรยายใต้ภาพ) และให้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นในภาพเหล่านั้นโดยใช้Modal Auxiliaries 2.3 นักเรียนส่งตัวแทนและพูดเดาทีละภาพ หลังจากนั้นนักเรียนดูประโยคที่นักเรียนตอบว่าเหมือนกับ ข้อความที่เขียนไว้ใต้ภาพหรือไม่ ชั่วโมงที่ 2 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint โดยครูอธิบายสรุปว่า can’t, could, may / might, must + Verb be (without to) ใช้คาดเดาสถานการณ์ปัจจุบันหรืออนาคต หรือใช้ในการสรุปข้อมูลหรือหลักฐานที่มีอยู่ดังนี้ 1. can’t + be แสดงความเป็นไปไม่ได้ตามหลักเหตุผล เช่น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 69 • Mary has just had lunch. She can’t be hungry. • This restaurant is always empty. It can’t be very good. 2. could + be คาดเดาว่าบางสิ่งบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นขณะนี้หรือในอนาคต มีความหมายเหมือน may / might เช่น • Her story could be true, but I don’t think it is. 3. may / might + be แสดงความเป็นไปได้ในปัจจุบันและอนาคต เช่น • Janet has a lot of work to finish. She may / might be at the office. รูปปฏิเสธของ may / might + be คือ may/might not + be • The story may / might not be true. 4. must + be แสดงความมั่นใจตามหลักฐานที่มีอยู่ เช่น • John works 10 hours a day. He must be tired when he gets home. 3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมโดยครูแสดงประโยคด้วยโปรแกรม PowerPoint แล้วให้นักเรียนอภิปราย โครงสร้างและการสื่อความหมาย ตลอดจน อารมณ์ของผู้พูดและผู้ฟังประโยคดังกล่าว A) Call me on Friday B) You must call me on Friday. You may call me on Friday. You can call me on Friday. You should call me on Friday. 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคทั้ง 2 โดยประโยคทั้ง 2 ประโยค A และ B ล้วนเป็น การออกคำสั่ง • ประโยค A เรียกว่า Imperative โครงสร้าง : (You คือประธานถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ขึ้นต้นด้วย Bare Infinitive คือกริยาที่ ไม่ต้องผัน และอาจมีกรรมตามหรือไม่ก็ได้ การใช้ : 1) ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ 2) ถ้าจะให้สุภาพคือ กลายเป็นขอร้องให้ทำก็เติม please ไว้ต้นหรือท้ายประโยค • ประโยค B เป็นประโยคธรรมดา แต่เพิ่ม Modal Verbs ไว้ข้างหน้ากริยา ซึ่งทั้งนี้ Modal Verbs จะมีน้ำหนักในการสั่งไม่เท่ากัน Must : เป็นการสั่งเชิงบังคับ หลีกเลี่ยงไม่ได้ (Obligation) May : เป็นการบอก อนุญาตให้ทำ / ไม่ให้ทำ (Permission) Can : เป็นการอนุญาต ส่วนเราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ (Permission) หรือเป็นการระบุ ความสามารถ (Ability) Should : เป็นการแนะนำหรือชวนเชิญ เนื่องจากผู้พูดคิดว่าเป็นสิ่งที่เราควรทำ / ไม่ควรทำสิ่ง นั้น ๆ (แต่ can นั้นคือสิ่งที่ เป็นไปได้ ทำ / ไม่ทำก็ได้ ผู้พูดไม่ได้คิดในแง่ว่าเราควร / ไม่ควรทำสิ่งนั้น ๆ) โครงสร้าง : 1) Modal Verbs ไม่ต้องผันตามประธาน และกริยาหลักที่ต่อจาก Modal verbs ก็ไม่ต้องผัน คือใช้รูป Bare Infinitive 2) ต้องมีประธาน You หน้า Modal Verbs การใช้ : ใช้ Modal Verbs ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ ไม่ว่าจะในการพูดหรือเขียนก็ตาม
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 70 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อแข่งขันกันทำแบบฝึกหัดด้วย โปรแกรมออนไลน์ Quizlet ผ่านมือถือของ นักเรียนเอง โดยสลับกลุ่มไปเรื่อย ๆ 4.2 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติม จากเอกสารประกอบการเรียนและจาก Internet 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนฝึกพูดถามตอบเกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋านักเรียน โดยการใช้โครงสร้าง Modal verbs 5.2 นักเรียนจากการทำใบงานเรื่อง Modal verbs โดยครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนจากการทำ ใบงานเรื่อง Modal verbs 5.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงาน โดยครูอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมจากการทำ ใบงาน หากพบว่านักเรียนยังเข้าใจไม่ชัดเจนในหัวข้อใด ครูอธิบายและยกตัวอย่างให้นักเรียนเข้าใจให้มากขึ้นใน หัวข้อนั้น ๆ 5.4 นักเรียนฟังครูสรุปหลักการใช้Modal verbs แบบต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง และยกตัวอย่าง ประโยคให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 71 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Glory days แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 เรื่อง Vocabulary and Reading รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 72 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง ข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับ ตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัวโดยใช้ โดยเลือกใช้ Vocabulary ได้ถูกความหมายและ ตามโครงสร้างตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Vocabulary บรรยาย เกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การรับประทานอาหาร การ เรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ และมีทักษะในการ เลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยเลือกใช้ Vocabulary ได้ ถูกต้องตามความหมายและโครงสร้างตามหลักภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Glory days 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Glory days 3. การใช้ Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุป สร้างองค์ความรู้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 73 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องVocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพอาชีพบน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 74 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและ อ่อน 1.3 นักเรียนช่วยกันระดมความคิดเขียนคำศัพท์เกี่ยวกับอาชีพและส่งตัวแทนออกมาเขียนคำศัพท์บน กระดาน กลุ่มใดเขียนได้ถูกต้อง รวดเร็วและได้มากกว่าก็จะเป็นกลุ่มที่ชนะ 1.4 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Hall of fame ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 68 และ 69 1.5 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Hall of fame ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 68 และ 69 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Myths & legends ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 1.7 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Myths & legends ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 1.8 นักเรียนทำกิจกรรม Read the text. Are the sentences true or false ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 1.10 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Read the text. Are the sentences true or false ใน หนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 70 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียน ฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Stars ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องReading : Stars ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถามเกี่ยวกับ Antonio Banderas และ Ricky Martin ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมตอบคำถามเกี่ยวกับ Antonio Banderas และ Ricky Martin ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 72 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้ นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.5 นักเรียนแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและ อ่อน โดยสมาชิกจะต้องไม่ซ้ำกับสมาชิกเดิม 2.6 นักเรียนแต่ละทำกิจกรรม Reading : Famous British People ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 73 โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นดังนี้ กลุ่มที่ 1 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Winston Churchill กลุ่มที่ 2 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Diana, Princess of Wales กลุ่มที่ 3 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง William Shakespeare กลุ่มที่ 4 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Queen Elizabeth I กลุ่มที่ 5 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง John Lennon กลุ่มที่ 6 อ่านและช่วยกันสรุปเรื่อง Agatha Christie
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 75 2.7 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอข้อมูลจากการสรุปของแต่ละกลุ่มบริเวณหน้าชั้นเรียน 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนฟังบทสนทนาเรื่อง It was great! ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 74 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนาเรื่อง It was great! ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 74 3.3 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : History, The Incas ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 3.4 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องReading : History, The Incas ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 3.5 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถาม How much do you know about the Incas? Mark the sentences T (true) or F (false) ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 3.6 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมตอบคำถาม How much do you know about the Incas? Mark the sentences T (true) or F (false) ในหนังสือเรียน Access 1 หน้าที่ 65 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 3.7 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.8 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน 3.9 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.10 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.11 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 2 ประโยค 3.12 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน 3.13 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Glory days เพิ่มเติม 3.14 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของ นักเรียนจากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary 4. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 76 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 1 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 77 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Glory days แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 เรื่อง Modal Verbs : Will / Shall รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 78 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Will / Shall ได้ถูกโครงสร้าง ตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Will / Shall บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การ รับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ และมีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Will / Shall บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การ รับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Glory days 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Glory days 3. การใช้โครงสร้าง Modal Verbs : Will / Shall ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 79 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Modal Verbs : Will / Shall วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์ Will และ Shall บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Will และ Shall
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 80 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น • Emma will come on Sunday. Or Emma shall come on Sunday. • Shall I cut the ribbon? Or Will you cut the ribbon? • Will you complete the project for me? Or Shall I complete the project for you? 1.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม Do you know the difference between shall and will? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป The Difference Between “Shall” and “Will” in the Future Tense จาก https://www.youtube.com/watch?v=pQQVW6FMrbQ 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป “Will I/we” OR “Shall I/we” in questions (Future) - Which one is correct? English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=cYx5Vo3n9lE 2.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 2 คลิป 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบาย Modal Verbs : Will / Shall Modal Verbs; Will และ Shall เป็นกริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง นอกจากจะใช้ใน ความหมายว่า “จะ” แล้วยังมีการใช้งานแบบอื่น ๆ ที่หลากหลาย โดยทั่วไป เราจะใช้ ‘will’ ในประโยคบอกเล่า และประโยคปฏิเสธที่เกี่ยวกับเรื่องในอนาคต รวมทั้งการร้องขอ หากต้องการเสนอหรือแนะนำเป็นประโยคคำถาม ส่วนการใช้ “shall” ใช้ในโอกาสที่ต้องการความสุภาพ โดยเฉพาะเวลาพูดถึงเรื่องข้อห้าม ให้ใช้ “shall” 1. การใช้ Will Will เขียนแบบย่อได้เป็น -’ll เช่น I’ll = I will / we’ll = we will รูปปฏิเสธของ will คือ will not เขียนแบบย่อได้เป็น won’t 1.1 ใช้ will เพื่อบอกสิ่งที่เราเชื่อว่าหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ตัวอย่างประโยคเช่น • Tanggwa will be in her office. (ปัจจุบันจนถึงอนาคต) แตงกวาจะยังคงอยู่ในสำนักงานของเธอ • We’ll be late. (อนาคต) เราอาจจะสาย • We will have to take the train. (อนาคต) เราจะต้องขึ้นรถไฟ • I will visit Sydney next month. (อนาคต) ฉันจะไปที่ซิดนีย์ในอาทิตย์หน้า What am I going to use, “will” or “shall”?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 81 1.2 ใช้ will เพื่อพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการหรืออยากจะทำหรือเต็มใจจะทำ ตัวอย่างประโยคเช่น • We’ll see you tomorrow. พวกเราจะไปหาเธอวันพรุ่งนี้ • Perhaps Dad will lend me the car. บางทีพ่ออาจจะให้ฉันยืมรถก็ได้ • We’ll get up early every morning and have a quick breakfast then we’ll go across the road to the beach. เราจะตื่นกันแต่เช้าทุกวันแล้วทานอาหารเช้ากันเร็วๆ จากนั้นก็จะข้ามถนนไปชายหาดกัน 1.3 ใช้ will เพื่อขอร้อง หรือร้องขอบางสิ่ง ตัวอย่างประโยคเช่น • Will you carry this for me, please? คุณจะช่วยถือมันให้ฉันได้ไหม? • Will you please be quiet? คุณจะเงียบหน่อยได้มั๊ย? 1.4 ใช้ will เพื่อให้คำมั่นสัญญา, ให้ข้อเสนอ ตัวอย่างประโยคเช่น • I’ll give you a lift home after the party. ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านหลังงานเลี้ยงนะ (give you a lift home หมายถึงส่งเธอกลับบ้าน นะคะ) • We’ll come and see you next week. เราจะมาและพบคุณสัปดาห์หน้านะ 1.5 ใช้ will กับประโยคแบบมีเงื่อนไข (if clause) ตัวอย่างประโยคเช่น • I’ll give her a call if I can find her number. ฉันจะโทรหาเธอถ้าฉันหาเบอร์ของเธอเจอ • You won’t get in unless you have a ticket. คุณจะเข้าไปข้างในไม่ได้เว้นแต่จะมีตั๋ว 2. การใช้ Shall Shall สามารถนำมาใช้ในความหมายทั่ว ๆ ไปได้เหมือนกับ will คือ “จะ” แต่ในปัจจุบันไม่เป็นที่ นิยมใช้กัน แต่ก็อาจจะยังเห็นได้บ้างในการใช้แบบที่เป็นทางการมาก ๆ เช่นการกล่าวสุนทรพจน์, การใช้ในเอกสาร ทางกฎหมายบางอย่าง รูปปฏิเสธของ shall คือ shall not เขียนแบบย่อได้เป็น shan’t รูปปฏิเสธของ should คือ should not เขียนแบบย่อได้เป็น shouldn’t 2.1 Shall – ใช้เสนอความเห็น, ชี้แนะ ตัวอย่างประโยคเช่น • Shall we dance? เราควรจะออกไปเต้นกันมั๊ย? • Shall we go now? เราควรจะไปกันได้หรือยัง? 2.2 Shall – ใช้กับข้อผูกพันที่จะต้องทำในสถานการณ์ที่เป็นทางการมาก ตัวอย่างประโยคเช่น • You shall obey the rules.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 82 คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎ • Students shall not enter here. นักเรียนจะต้องไม่เข้ามาที่นี่ • There shall be no food and drink on the premises. จะต้องไม่นำอาหารและเครื่องดื่มมาในสถานที่ จะเห็นได้ว่า shall มีความหมายว่า “จะ อย่างแน่นอน” ซึ่ง shall มีความหนักแน่นมากกว่า will ที่ หมายความว่า “จะ แต่อาจเปลี่ยนใจทีหลังก็ได้” • I will not stop you. ฉันจะไม่หยุดเธอ (แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเปลี่ยนใจทีหลังก็ได้) • I shall not stop you. ฉันจะไม่หยุดเธอ (ยังไงก็ไม่หยุดเธอแน่นอน ไม่มีทาง) ข้อควรระวัง: อย่าใช้ shall กับ he / she / it / you / they (ยกเว้นการใช้กับ you ในความหมายว่า จะต้อง) ชั่วโมงที่ 3 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Modal Verbs : Will / Shall โดยไม่ซ้ำกัน 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Modal Verbs : Will / Shall 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 83 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Will / Shall ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 84 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Glory days แผนการจัดการเรียนรู้ที่6 เรื่อง Modal Verbs : Can / Could รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 85 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Can / Could ได้ถูกโครงสร้าง ตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Can / Could บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การ รับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ และมีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Can / Could บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การ รับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Glory days 2. บทสนทนา ฃในเรื่อง Unit 7 : Glory days 3. การใช้โครงสร้าง Modal Verbs : Can / Could ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 86 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Modal Verbs : Can / Could วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์ can และ can’t บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ can และ can’t
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 87 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น • I can’t dance rumba now (present ability), but I could when I was younger (past ability). • I could read when I was four. 1.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม Do you know the difference between can and could? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Modal Verbs can / could จาก https://www.youtube.com/watch?v=- yVx2xsimpg 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป CAN or COULD | The Difference Between CAN and COULD | Modal Verbs in English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=Cfhi9s7Uouo 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป CAN or COULD | The Difference Between CAN and COULD | Modal Verbs in English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=BBq0hWsrC6o 2.4 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Modal Verbs : Can / Could Can และ Could มีความหมายเหมือนกัน คือ ความสามารถ แต่ที่ต่างกันในเรื่องของแกรมม่าคือ Can นั้นใช้บอกความสามารถที่ทำได้อยู่หรือความสามารถทั่ว ๆ ไป แต่ Could ใช้สำหรับบอกความสามารถที่ทำได้ ตั้งแต่อดีต การใช้ Can และ Could 1. การใช้ Can เพื่อบอกความสามารถว่าใครสามารถทำอะไรได้บ้าง รูปแบบประโยค: ประธาน + can + bare infinitive + … • They can swim. = พวกเขาสามารถว่ายน้ำได้ ถ้าจะบอกว่าทำไม่ได้ ให้เปลี่ยนจาก Can เป็น Cannot หรือ Can’t แทน • I can’t swim. = ฉันว่ายน้ำไม่ได้ 2. การใช้ could เพื่อบอกความสามารถที่ทำได้ตั้งแต่ในอดีต รูปแบบประโยค: ประธาน + could + bare infinitive + … • I could sing very well. = ฉันเคยร้องเพลงดีมาก 3. การใช้ can และ could เพื่อขอความช่วยเหลือ ขอร้องให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และขออนุญาตจริง ๆ แล้ว ในภาษาอังกฤษสามารถใช้ได้ทั้ง Can และ could ในการขอความช่วยเหลือ หรือขอร้อง แต่ถ้าจะพูดให้สุภาพ โชว์ความเก่งภาษาอังกฤษ ผู้พูดควรใช้ Could ถึงจะดูสุภาพกว่า แต่ทั้งนี้ต้องมีการเติม Please ต่อท้ายประโยคด้วย รูปแบบประโยค: Can หรือ Could + ประธาน + bare infinitive + … +please? • Could you open the window please? = คุณช่วยเปิดหน้าต่างให้หน่อยได้มั้ย?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 88 ชั่วโมงที่ 3 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Modal Verbs : Can / Could โดยไม่ซ้ำกัน เช่น • I can swim. ฉันสามารถว่ายน้ำได้ • He can drive a car. เขาสามารถขับรถได้ • I can join your party tonight. วันนี้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงของคุณได้ • He can speak English fluently. เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว • I can’t sleep. ฉันนอนไม่หลับ • I could not join your party yesterday. เมื่อวานฉันไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงของคุณได้ • She could swim. (เธอเคยว่ายน้ำได้) *ปัจจุบันว่ายน้ำไม่ได้แล้ว • Can you tell me how to get to the mall? Could you tell me how to get to the mall? คุณช่วยบอกได้ไหมว่าไปที่ห้างได้อย่างไร • Can you help me? Could you help me? • Could you tell me your name, please? รบกวนบอกชื่อคุณหน่อยได้ไหม *สุภาพกว่า can* 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Modal Verbs : Can / Could โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • Lucien and Odin can do their homework. ลูเซี่ยนและโอดินสามารถทำการบ้านของ พวกเขาได้ • They cannot speak English. พวกเขาไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ • I could speak English when I was 7.ฉันสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เมื่อตอนฉันอายุ 7 ปี • What could we go this afternoon? บ่ายนี้เราจะไปไหนกันดีล่ะ • I am so hungry, I could eat all food in the restaurant. ฉันหิวมาก ฉันสามารถที่จะกิน อาหารได้ทั้งร้านเลย **ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตัวผู้พูดไม่สามารถกินได้จริง ๆ • Can I use your computer? ฉันขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ไหม? • Could you explain that topic for me, please? คุณช่วยอธิบายหัวข้อนั้นให้ฉันทีได้ไหม? 4.2 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Modal Verbs : Can / Could ในเอกสารประกอบการเรียน 4.3 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนเปรียบเทียบประโยคระหว่าง can และ could พร้อมทั้งช่วยกันอธิบาย • I can sleep for few hours because I am so tried. ฉันสามารถหลับได้สองสามชั่วโมงเพราะว่าฉันเหนื่อย) **กรณีนี้เป็นไปได้ • I already drink coffee. I could work without sleeping for few days. ฉันได้ดื่มกาแฟมาแล้ว ฉันสามารทำงานโดยไม่นอนได้สองสามวัน) **กรณีนี้เป็นไปไม่ได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 89 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Modal Verbs : Can / Could 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Can / Could ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 90 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 91 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Glory days แผนการจัดการเรียนรู้ที่7 เรื่อง Modal Verbs : May / Might รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 92 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : May / Might ได้ถูกโครงสร้าง ตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : May / Might บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การ รับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ และมีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Can / Could บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การ รับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Glory days 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Glory days 3. การใช้โครงสร้าง Modal Verbs : May / Might ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก