The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.2 หนังสือเรียน Action ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-11-06 00:12:06

Action 2

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.2 หนังสือเรียน Action ภาคเรียนที่ 2

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 293 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ใน ห นั งสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Connected Statement ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint “Look at the picture and tell me what you see in these pictures” Musical Instrument


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 294 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยครูรับคำตอบทุกคำ 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า clarinet, guitar, trumpet, saxophone, violin, drums, cello, piano, keyboard, etc. 1.4 นักเรียนดูประโยคคำถาม ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามบนกระดาน “Do you play a musical instrument? If yes, which one? If not, which would you like them? 1.5 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Jamie’s Picks of the Week ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 102 1.6 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Jamie’s Picks of the Week ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 102 1.7 นักเรียนทำกิจกรรม Read the texts and mark the sentences T (true) or F (false). ใน หนังสือเรียน Action 2 หน้า 102 1.8 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Jack Hanna’s Animal Adventure ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 104 1.9 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Jack Hanna’s Animal Adventure ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 104 1.10 นักเรียนทำกิจกรรม Answer the questions. Explain the words in bold. ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 104 1.11 นักเรียนดูรูปภาพคำศัพท์เกี่ยวกับรายการ TV (Types of TV program) คำคุณศัพท์เกี่ยวกับ ความรู้สึก (Feeling Adjectives) และตัวอย่างประโยคบน PowerPoint • I watch “Crime and the City”. It’s a police drama. It’s very interesting. 1.12 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน โดยช่วยกันเขียนประโยคตามตัวอย่างบน PowerPoint กลุ่มละ 5 ประโยค และนักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน ออกไปพูดและเขียนประโยคของกลุ่มตนเองบนกระดาน 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 108 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 108 กิจกรรม Read the dialogue and answer the question. 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 108 กิจกรรม Read the dialogue and answer the question. หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้ นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 295 ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น เรื่องที่ 2 เรื่อง Connected Statement จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีสอน (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : GPAS 5 Steps และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ Modal Verbs โดยให้นักเรียนทุกกคนยืนขึ้นและยกตัวอย่าง ประโยคที่มี Modal Verbs ใครยกตัวอย่างได้ถูกต้องได้นั่งลง 1.2 นักเรียนดูประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน • Peter is a doctor. Bill is a doctor. • Peter is a doctor and Bill is too. • Peter is a doctor and so is Bill. • Peter likes coffee. Bill likes coffee. • Peter likes coffee and Bill does too. • Peter likes coffee and so does Bill. 1.3 นักเรียนสังเกตประโยคเหล่านั้นบนกระดาน และช่วยกันวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประโยคที่นักเรียนเห็นบนกระดาน 1.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการใช้ So และ Too ในประโยคของ Connected Statement บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 296 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement; So and too บนกระดาน โดย ช่วยกันแยกประโยคหรือเปลี่ยนประโยคจากการใช้ too และ so ให้เป็นประโยคปกติ • Lily likes ice-cream. Clara does too. Or So does Clara. • Her sister can swim. My sister can too. Or So can my sister. • Jason is very polite. Fred is too. Or So is Fred. • Albert has a problem. Peter has too. Or So has Peter. จากประโยค Lily likes ice-cream. Clara does too. Or So does Clara. นักเรียนสามารถแยก ประโยคออกได้เป็น • Lily likes ice-cream. Clara likes ice-cream. • Lily likes ice-cream and Clara does too. • Lily likes ice-cream and so does Clara. 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Connected Statement; So and too โดยนักเรียนสามารถสรุปได้ว่า คำว่า “too” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเสมอ ในขณะที่ คำว่า “so” จะวางไว้หน้าประโยค หลังกริยาช่วย เสมอ เพื่อนๆควรจำวิธีการใช้กริยาช่วยให้ถูกต้องเมื่อจะใช้คำว่า “too” กับ “so” ถ้าผู้พูดใช้กริยาพิเศษในประโยค แต่แรก เวลาตอบก็ต้องใช้กริยาพิเศษตัวนั้นตอบ อย่างเช่น Verb to be (is, am, are, was, were) และรวมถึง กริยาแสดงอาการด้วย และต้องมั่นใจว่าเลือกใช้กริยานั้น ๆ ได้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ด้วย และการเรียงลำดับคำ คำว่า “too” จะวางไว้ท้ายประโยคและ “so” จะวางไว้หน้าประโยค 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; So and too บน PowerPoint 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่อง Connected Statement; So and too โดยช่วยกัน ยกตัวอย่างประโยคและออกมาเขียนบนกระดาน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ตรวจสอบประโยคที่นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างมานั้นมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ช่วยกันแก้ไข โดยครูคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Connected Statement; So and too คนละ 2 ประโยคลงในกระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อนๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; So and too บน PowerPoint 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้Connected Statement; So and too เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 297 ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement; So and too โดยนักเรียนนั่ง เป็นกลุ่มและช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ประโยค A : He is happy. B : I’m happy too. A : He is not happy. B : I’m not happy either. A : My mother has got a key. B : I have got a key too. A : My mother hasn’t got a key. B : Neither have I. (I haven’t either). 1.3 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการใช้ Neither และ Either ในประโยคของ Connected Statement บน PowerPoint 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement; Neither and either บนกระดาน โดยช่วยกันนำประโยคปฏิเสธ 2 ประโยคจำนวน 5 ข้อ นำมารวมกันโดยใช้neither และ either • They don’t like waking up early. I don’t like waking up early. • Mrs. Davis won’t attend the meeting. Mr. Johnson won’t attend the meeting. • Ann can’t cook. I can’t cook. • She hasn’t finished the test. I haven’t finished the test. • I never go to the cinema. My brother never go to the cinema. จากประโยคทั้ง 5 ข้อ นักเรียนสามารถนำมารวมกันโดยใช้ neither และ either ได้ดังนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 298 • They don’t like waking up early. Neither do I. / I don’t either. • Mrs. Davis won’t attend the meeting. Neither would Mr. Johnson. / Mr. Johnson won’t either. • Ann can’t cook. Neither can I. / I can’t either. • She hasn’t finished the test. Neither have I. / I haven’t either. • I never go to the cinema. Neither does my brother. / My brother doesn’t either. 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Connected Statement; Neither and either โดยนักเรียนสามารถ สรุปได้ว่าคำว่า “either” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเชิงปฏิเสธ ในขณะที่ “neither” จะวางไว้หน้า ประโยค ก่อนกริยาช่วยที่เป็นเชิงบอกเล่า (เพราะ neither ให้ความหมายในเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว) ส่วนคำว่า “either” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเชิงปฏิเสธ คือ คำว่า “don’t, won’t, can’t, haven’t” และ “doesn’t” ในขณะที่ ส่วนคำว่า “neither” จะวางไว้หน้าประโยค ก่อนกริยาช่วย คือ คำว่า “do, will, can, has” และ “does” ให้สังเกตว่ากริยาช่วยนั้นจะไม่อยู่ในรูปปฏิเสธ 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายและสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ Connected Statement; Neither and either การจะใช้ and และ either, neither เพื่อแสดงความสอดคล้องในประโยคปฏิเสธ รูปแบบนี้ต้องใช้ คำกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ในการสร้างประโยค ซึ่งการเลือกใช้กริยาช่วยให้ถูกต้องนั้น ให้ดูที่ประโยคด้านหน้า ว่าเป็น Tense อะไรและ Tense นั้นใช้กริยาช่วยตัวไหน เช่น - ประโยคข้างหน้าเป็น Simple Present (Subject + Verb 1) ใช้ do, does - ประโยคข้างหน้ามี Verb to be (is, am, are, was, were) ใช้ Verb to be - ประโยคข้างหน้าเป็น Present Perfect (Subject + have / has + Verb 3) ใช้ have, has - ประโยคข้างหน้าเป็น Simple Past (Subject + Verb 2) ใช้ did - ประข้างหน้าเป็นกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เช่น will, can, would ก็ใช้กริยาช่วยตัวนั้นเลย เมื่อเลือก กริยาช่วยได้แล้วให้ผันตามประธานของประโยคที่อยู่หลัง and 1. Either : การใช้ either จะคล้ายกับ too คือวางไว้ท้ายประโยค แต่จะเป็นประโยคปฏิเสธที่มี “not” อยู่ในประโยคด้วย ความหมายประมาณว่า “เช่นกัน, อีกด้วย” โครงสร้าง : Subject + auxiliary verb + either • Jenny doesn’t own a car, and Susan doesn't either. เจนนี่ไม่ได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง และซูซานก็ไม่มีเช่นกัน) • Laura didn’t hand in her report yesterday, and I didn't either. ลอร่าไม่ได้ส่งรายงานเมื่อวานนี้, และฉันก็ไม่ได้ส่งเหมือนกัน 2. Neither : การใช้ neither จะเป็นประโยคปฏิเสธคล้ายกับ neither ไม่ต้องมี “not” อยู่ใน ประโยคด้วย เพราะคำนี้จะแปลว่า “ไม่เช่นกัน, ไม่อีกด้วย” neither จะใช้นำหน้าประโยค และสลับกับระหว่าง ประธานกับกริยา ซึ่งคล้ายกับ so ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงความสอดคล้องในประโยคปฏิเสธก็ตาม เพราะ neither แปลว่าไม่อยู่แล้ว และจะไม่ใช่คำว่า “ไม่” ซ้ำกัน โครงสร้าง : neither + auxiliary verb + Subject • Jennifer isn't a physician, and neither am I. เจนนิเฟอร์ไม่ใช่หมอ และฉันก็ไม่ใช่เหมือนกัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 299 • My neighbors don’t have any pets, and neither do I. เพื่อนบ้านของฉันไม่มีสัตว์เลี้ยงเลย และฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ** การใช้กริยาช่วยในประโยค either ต้องเป็นรูปปฏิเสธ ** การใช้กริยาช่วยในประโยค neither ต้องเป็นรูปบอกเล่า 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; Neither and either บน PowerPoint Instructions : Complete the following sentences with the correct form of connected statement; neither and either. Example : A cat can’t swim and a cow……………………………. . A cat can’t swim and…………………………….a cow. Part I : 1 - 5 Using either 1. My brother won’t be home tonight and my sister……………………………. . 2. Joe has never been to Japan and William……………………………. . 3.The food is yummy and it…………………………….expensive……………………………. . 4. I couldn’t talk to the director yesterday and My colleague……………………………. . 5.Students were not tired at the end of the day and the teachers……………………………. . Part I : 6 - 10 Using neither 6. The Smiths won’t go to Hawaii this summer and…………………………….my family. 7. My friends haven’t seen that movie yet and…………………………….I. 8. Claire is not a good dancer and…………………………….Alice. 9.They wouldn't understand me and…………………………….you. 10. He hasn’t helped me clean the floor and…………………………….he helped dad clean the car. Answer Key Part I : 1 - 5 Using either 1. won’t either 2. hasn’t either 3. is not / either 4. couldn’t either 5. weren’t either. Part I : 6 - 10 Using neither 6. neither will 7. neither have 8. neither is 9. neither would 10. neither has 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่อง Connected Statement; Neither and either โดย ช่วยกันยกตัวอย่างประโยคและออกมาเขียนบนกระดาน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ตรวจสอบประโยคที่นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างมานั้นมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ช่วยกันแก้ไข โดยครูคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ can’t either neither can


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 300 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Connected Statement; Neither and either คนละ 2 ประโยคลงใน กระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อนๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; Neither and either บน PowerPoint 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้Connected Statement; Neither and either เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ชั่วโมงที่ 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและ ช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง So - Too - English grammar lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=e29CCCnNvas&t=185s 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Neither - Either จาก https://www.youtube.com/watch? v=mcsmHYilD4A 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง How to use So & Neither in English: “So do I”, “Neither am I”... จาก https://www.youtube.com/watch?v=kbd_CajdXaw


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 301 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง การใช้ either too so neither ฉบับครบจบในคลิปเดียว - เรียน ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง จาก https://www.youtube.com/watch?v=tFTw3YIL_0E 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Connected Statement เพิ่มเติม การใช้ Connected Statement : So, Too, Either, และ Neither ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างการใช้คำว่า “so” กับ “too” และ “either” กับ “neither” นั่นก็ คือ “so” กับ “too” จะใช้ในประโยคบอกเล่า ในขณะที่ “either” กับ “neither” จะใช้กับประโยคปฏิเสธ 1. การใช้ so การใช้ so จะใช้ในประโยคบอกเล่า และจะใช้ในรูปของ inversion หรือการสลับตำแหน่ง ระหว่างประธานกับกริยานั่นเอง และจะใช้ so ขึ้นต้นประโยค โครงสร้างของประโยค คือ So + กริยาช่วย, verb to be + ประธานของประโยค • A : I am happy. ฉันมีความสุข B : So am I. ฉันก็เหมือนกัน am = verb to be • A : Jenny is a student. เจนนี่เป็นนักเรียน B : So is Sam. แซมก็เช่นกัน is = verb to be • A : I love cats. ฉันชอบแมว B : So do I. ผมก็เหมือนกัน do = กริยาช่วย • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : So can a snake. งูก็เช่นกัน can = กริยาช่วย 2. การใช้ too การใช้ too จะคล้ายกับ so แต่คำว่า too ซึ่งปกติจะวางไว้ท้ายประโยค • A : Nice to see you. ยินดีที่ได้รู้จัก B : Nice to see you too. ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 302 • A : Jenny is a student. เจนนี่เป็นนักเรียน B : I am a student too. ฉันก็เช่นกัน • A : I love you. ฉันชอบคุณ B : I love you too. ผมก็เหมือนกัน • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ • B : A snake can swim too. งูก็เช่นกัน หรือจะเอา too ตามหลังประธานของประโยคก็ได้ • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : A snake too can swim. งูก็เช่นกัน 3. การใช้ either การใช้ either จะคล้ายกับ too คือวางไว้ท้ายประโยค แต่จะเป็นประโยคปฏิเสธที่มี “not” อยู่ใน ประโยคด้วย ความหมายประมาณว่า “เช่นกัน, อีกด้วย” • A : A cat can’t swim. แมวไม่สามารถว่ายน้ำได้ B : A cow can’t either. วัวก็ไม่เช่นกัน • A : I’ve never been to Japan. ฉันไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย B : I haven’t either. ฉันไม่เคยเหมือนกัน • A : I don’t like cats. ฉันไม่ชอบแมว B : I don’t either. ฉันก็ไม่เช่นกัน • I don’t like cats and I don’t dogs either. ฉันไม่ชอบแมว และฉันไม่ชอบหมาอีกด้วย • The food is yummy and it’s not expensive either. อาหารอร่อย และราคาไม่แพงอีกด้วย


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 303 4. การใช้ neither การใช้ neither จะเป็นประโยคปฏิเสธคล้ายกับ neither ไม่ต้องมี “not” อยู่ในประโยคด้วย เพราะคำนี้จะแปลว่า “ไม่เช่นกัน, ไม่อีกด้วย” neither จะใช้นำหน้าประโยค และสลับกับระหว่างประธานกับกริยา ซึ่งคล้ายกับ so • A : A cat can’t swim. แมวไม่สามารถว่ายน้ำได้ B : Neither can a cow. วัวก็ไม่เช่นกัน • A : I’ve never been to Japan. ฉันไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย B : Neither have I. ฉันไม่เคยเหมือนกัน • A : I don’t like cats. ฉันไม่ชอบแมว B : Neither do I. ฉันก็ไม่เช่นกัน • He hasn’t helped me clean the floor, neither has he helped dad clean the car. • เขาไม่ช่วยทำความสะอาดพื้น และเขาไม่ช่วยพ่อล้างรถอีกด้วย สรุปการใช้too / either, so am I / Neither do I 1. too และ either ใช้too และ either ท้ายประโยค ใช้too หลังคำกริยาบอกเล่า A : I’m happy. B : I’m happy too. A : I enjoyed the film. B : I enjoyed it too. Mary is a doctor. Her husband is a doctor too. …สามีของเธอก็เป็นหมอด้วย ใช้either หลังคำกริยาปฏิเสธ A : I’m not happy B : I’m not happy either. (ไม่ใช่“I’m not … too.”) A : I can’t cook. B : I can’t either. (ไม่ใช่ ‘I can’t too’) Bill doesn’t watch TV. He doesn’t read newspaper either. …เขาก็ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ด้วย 2. so am I / neither do I So am / is / are…, was / were…, do / does…, did… Neither have / has…, can…, will…, would… So am I = I am too So have I = I have too Neither am I = I’m not either Neither can I = I can’t either


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 304 A : I’m working. B : So am I.(= I’m working too) A : I was late for work today. B : So was John.(John was late too) A : I work in bank. B : So do I A : We went to the cinema last night. B : Did you? So did we. A : I’d like to go to Australia. B : So would I. A : I haven’t got a key. B : Neither have I.(= I haven’t either) A : Ann can’t cook. B : Neither an Tom. (= Tom can’t either) A : I won’t (= will not) be here tomorrow. B : Neither will I. A : I never go to the cinema. B : Neither do I. หรือจะใช้Nor …(= Neither …) ก็ได้ A : I’m not married. B : Nor am I. หรือ Neither am I. สังเกตว่าเราใช้So am I (ไม่ใช่“So am I”) และ Neither have I (ไม่ใช่“Neither I have”) 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Question tag โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Connected Statement บน PowerPoint 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement บน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดง ความคิดและตอบคำถามแบบฝึกหัดจำนวน 20 ข้อ Part I : 1 - 10 Using Too and Either Instruction : Complete the sentences with an auxiliary + too or either. 1. I can’t play the piano, and my roommate……………………………. . 2. I like listening to music, and my wife ……………………………. . 3. I don’t like sour food, and my wife……………………………. . 4. Sugar is sweet, and honey……………………………. . 5. Talya wasn’t in class yesterday, and Susan……………………………. . 6. Annie didn’t know the answer to the question, and Tina……………………………. . 7. I couldn’t understand the teacher, and Mayumi……………………………. . 8. Everyone in the room laughed at the joke, and I……………………………. . 9. Fish can’t walk, and snakes……………………………. . 10. I’d rather stay home tonight, and my husband……………………………. .


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 305 Part II : 11 - 20 Using So and Neither Instruction : Complete the sentences with so or neither + an auxiliary. 11. Pasta is a famous Italian food and…………………………….pizza. 12. Anteaters don’t have teeth and…………………………….most birds. 13. I didn’t go to the library and…………………………….my brother. 14. Turtles are reptiles and…………………………….snakes. 15. My older sister has dark hair and…………………………….I. 16. I’m studying English and…………………………….Stacey. 17. I’m not a native speaker of English and…………………………….Scott. 18. Wood burns and…………………………….paper. 19. Skydiving is dangerous and…………………………….auto racing. 20. I’ve never seen a giraffe in a wild and…………………………….my children. Answer Key : Part I : 1. can’t either 2. does too 3. doesn’t either 4. is too 5. wasn’t either 6. didn’t either 7. couldn’t either 8. did too 9. can’t either 10. would too Part II : 11. so is 12. neither do 13. neither did 14. so are 15. so do 16. so is 17. neither is 18. so does 19. so is 20. neither have 4.3 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการเรียน 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น เรื่องที่ 3 เรื่อง Connected Statement (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 306 ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน โดยสมาชิกจะต้องไม่ซ้ำกับสมาชิกเดิมในกลุ่มที่แล้ว 1.2 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement ใช้รูปแบบกิจกรรม Quiz show จาก https://wordwall.net/th/resource/1684289/too-either-so-neither โดยนักเรียนดูภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันเลือกคำตอบภายในเวลาที่กำหนด จำนวน 10 ข้อ ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูภาพประโยค Connected Statement บน PowerPoint • I likes playing guitar and so does Ethan. • Snow White was beautiful and The Queen was too. • Sebastian can not sing a song and Hannah can not either. • Irene is not doing his homework and neither is Nathan. 2.2 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยคที่ขีดเส้นใต้ให้อยู่ในรูปประโยคปกติ 2.3 นักเรียนสามารถเปลี่ยนประโยคได้เป็น • I likes playing guitar. Ethan also likes playing guitar. • Snow White was beautiful. The Queen was beautiful • Sebastian can not sing a song. Hannah can not sing a song • Irene is not doing his homework now. Nathan is also not doing his homework. 2.4 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement บน PowerPoint ว่าประโยคที่ นักเรียนเห็นนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร และถ้านักเรียนคิดว่าไม่ถูกต้อง จะแก้ไขประโยคให้ถูกต้อง อย่างไร A : I don’t play football. B : I don’t neither. 2.5 นักเรียนสามารถวิเคราะห์ประโยค Connected Statement บน PowerPoint ได้ว่า เป็น ประโยคที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตามหลักการใช้ neither ในประโยค Connected Statement นั้น Neither จะไม่วางไว้ ตำแหน่งหลังสุด และการใช้ Neither จะไม่มีการใช้ helping verb ที่เป็นปฏิเสธ ดังนั้นแล้วประโยคจะต้องแก้ไข เป็น Neither do I. หรือสามารถตัดคำว่า neither ออกและเป็นเป็น either แทนได้ เพราะ either สามารถวางไว้ ตำแหน่งสุดท้ายและต้องตามด้วย helping verb ที่เป็นปฏิเสธ ซึ่งสามารถแก้เป็น I don’t either.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 307 2.6 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Connected Statement จาก เว็บไซต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต โดยครูตั้งกติกาว่าจะต้องศึกษาอย่างน้อย 2 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 10 คนเพื่อรับบัตรประโยคและบัตรประโยค Connected Statement 3.2 นักเรียนที่ได้รับบัตรประโยคและบัตรประโยค Connected Statement แสดงบัตรคำพร้อม ออกเสียงประโยคให้เพื่อนฟังด้วยความมั่นใจ 3.3 นักเรียนที่มีบัตรประโยค Connected Statement เดินค้นหาเพื่อนที่มีบัตรประโยคที่สามารถ เชื่อมต่อกันและมีความหมายถูกต้อง 3.4 เมื่อนักเรียนเจอคู่ของตัวเองแล้ว เช่น บัตรประโยค Dogs cannot fly and………………………. . คู่กับบัตรประโยค Connected Statement Cats can’t either. ให้นักเรียนพูดออกเสียงประโยคและประโยค Connected Statement นั้น ๆ ทีละคู่ แล้วนำ บัตรประโยคและบัตร Connected Statement ติดที่กระดาน 3.5 เมื่อนักเรียนติดบัตรคำครบทุกคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้องของประโยคจากบัตรคำประโยคและบัตรคำเชื่อมที่นักเรียนติดบนกระดาน 3.6 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคบนกระดานพร้อมจดบันทึกลงในสมุด ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ละเท่า ๆ กัน โดยแต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยสมาชิก นักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน ให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Connected Statement บน PowerPoint 4.3 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Connected Statement จากเอกสารประกอบการ เรียน 4.4 นักเรียนสลับกันนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษา โดยพูดสรุปตามความเข้าใจ 4.5 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Connected Statement ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และเลือกคำตอบบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ โดยนักเรียนอ่าน ประโยคและช่วยกันวิเคราะห์และนำตัวเลือกประโยค Connected Statement มาใส่ด้านหน้าประโยค


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 308 Instructions : Choose the best answer for each of the following sentences Answer Key เมื่อตอบจนครบทุกข้อแล้วนักเรียนช่วยกันตรวจสอบคำตอบอีกครั้งก่อนที่ครุจะกดเฉลย 5.2 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 2 ข้อ 5.3 นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ ในกิจกรรมที่ 2 (Grammar » A2 Grammar lessons and exercises » so, neither – so am I, neither do I, etc. » Page 2) จาก https://test-english.com/grammar-points/a2/so-neither/2/ โดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครู เตรียมให้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 309 Instructions : Choose the correct forms with so, neither, too, either to complete the sentences below. 1. A : I can’t go to the presentation. B : ……………………………………. . a) Neither can’t I b) Neither can I c) So can I 2. Choose TWO correct answers A : I’m not going out tonight. B : ……………………………………. . a) Neither I am b) Neither am I c) I am either d) I’m not going out either 3. A : I haven’t got time. B : Neither……………………………………. . a) have I b) I have c) do I 4. Choose TWO correct answers A : I went for a run this morning. B : ……………………………………. . a) So did I b) So am I c) So was I d) I went for a run too 5. A : I never go to the cinema. B : ……………………………………. . a) Neither do I b) Neither am I c) So am I 5.4 เมื่อนักเรียนแต่ละคู่ตอบจครบ 5 ข้อเรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบ โดย นักเรียนช่วยกันตอบว่าเลือกคำตอบใดบ้างพร้อมอธิบายเหตุผล หลังจากนั้นครูคลิกเฉลยและคำอธิบายทีละข้อ 5.5 นักเรียนเรียนร่วมกันอธิบายคำเฉลยและร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำอธิบายโดยช่วยกัน แปลความหมายเป็นภาษาไทย โดยมีคำตอบและคำอธิบายดังนี้ ข้อ 1 ตอบ b) ➪ We use so + auxiliary verb + subject in affirmative sentences and neither + auxiliary verb + subject in negative sentences. ➪ Neither / nor is a negative word, like not. For this reason, the auxiliary verb after neither should be affirmative. ข้อ 2 ตอบ b) และ d) ➪ We say neither + affirmative auxiliary verb + subject. And we use either at the end of a sentence with a negative verb. ข้อ 3 ตอบ a) ➪ The verb have is an auxiliary verb in the form have got.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 310 ➪ After neither we have to use an affirmative auxiliary verb because neither is a negative word, like not. ข้อ 4 ตอบ a) และ d) ➪ We don’t have an auxiliary verb in the first sentence, and when there isn’t an auxiliary or modal verb in the first sentence, we use do / does for present and did for past. ➪ We can also use too at the end of affirmative sentences to mean the same. ข้อ 5 ตอบ a) ➪ We use neither because the sentence “I never go to the cinema” is negative: never = not. ➪ After neither we use do because there is no auxiliary verb in the first sentence, and when there isn’t an auxiliary or modal verb in the first sentence, we use do / does for present and did for past. 5.6 นักเรียนซักถามครูเพิ่มเติมแต่ละข้อเมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ โดยครูอธิบายโจทย์และตัวเลือกอย่าง ชัดเจน 5.7 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.8 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลที่แต่ละกลุ่มได้สรุปจนครบทุกกลุ่ม 6.2 นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลการสรุปเรื่อง Connected Statement จากกลุ่มอื่นนำมารวบรวมเข้ากับข้อมูลของกลุ่มตนเอง 6.3 ตัวแทนกลุ่มรับกระดาษและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหา Connected Statement ที่นักเรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลเรื่อง Connected Statement ของกลุ่มตนเองหน้า ชั้นเรียน ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Connected Statement ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Connected Statement ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุป ร่วมกันทั้งห้องแล้วบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 311 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง Entertainment แผนการจัดการเรียนรู้ที่18 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Vocabulary 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา ได้ถูกต้อง - นักเรียนสามารถใช้Vocabulary ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบาย การพูดและเขียน เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ ในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 312 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ Vocabulary ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ มีทักษะในการ เลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ Vocabulary ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 10 : Entertainment 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 10 :Entertainment 3. การใช้ Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 313 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องVocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ชิ้นงาน - 9. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint “Look at the picture and tell me what you see in these pictures” 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยครูรับคำตอบทุกคำ 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า clarinet, guitar, trumpet, saxophone, violin, drums, cello, piano, keyboard, etc. 1.4 นักเรียนดูประโยคคำถาม ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามบนกระดาน “Do you play a musical instrument? If yes, which one? If not, which would you like them? Musical Instrument


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 314 1.5 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Jamie’s Picks of the Week ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 102 1.6 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Jamie’s Picks of the Week ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 102 1.7 นักเรียนทำกิจกรรม Read the texts and mark the sentences T (true) or F (false). ใน หนังสือเรียน Action 2 หน้า 102 1.8 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Jack Hanna’s Animal Adventure ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 104 1.9 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Jack Hanna’s Animal Adventure ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 104 1.10 นักเรียนทำกิจกรรม Answer the questions. Explain the words in bold. ในหนังสือเรียน Action 2 หน้า 104 1.11 นักเรียนดูรูปภาพคำศัพท์เกี่ยวกับรายการ TV (Types of TV program) คำคุณศัพท์เกี่ยวกับ ความรู้สึก (Feeling Adjectives) และตัวอย่างประโยคบน PowerPoint • I watch “Crime and the City”. It’s a police drama. It’s very interesting. 1.12 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน โดยช่วยกันเขียนประโยคตามตัวอย่างบน PowerPoint กลุ่มละ 5 ประโยค และนักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน ออกไปพูดและเขียนประโยคของกลุ่มตนเองบนกระดาน 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 108 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 108 กิจกรรม Read the dialogue and answer the question. 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 108 กิจกรรม Read the dialogue and answer the question. หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้ นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการสอน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 315 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการสอนในเอกสาร ประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียน มีความเข้าใจมากขึ้น 10. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 10.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary 4. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 10.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 11. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบ บ ฝึ ก หั ด เรื่อ ง Reading and conversation ใน ห นั งสื อ เรี ย น รายวิช าพื้ น ฐาน ภ าษ าอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 12. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 316 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................. ..................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 317 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง Entertainment แผนการจัดการเรียนรู้ที่19 เรื่อง Connected Statement รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Connected Statement 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถใช้ประโยค Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และ คำอธิบาย การพูดและเขียนเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ ในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 318 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายใน สถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความ สนใจ มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายใน สถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความ สนใจได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 10 : Entertainment 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 10 : Entertainment 3. การใช้โครงสร้าง Connected Statement ในรูปแบบต่าง ๆ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 319 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Connected Statement 2. ชิ้นงาน - 9. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Connected Statement วิธีสอน (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : GPAS 5 Steps และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ Modal Verbs โดยให้นักเรียนทุกกคนยืนขึ้นและยกตัวอย่าง ประโยคที่มี Modal Verbs ใครยกตัวอย่างได้ถูกต้องได้นั่งลง 1.2 นักเรียนดูประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน • Peter is a doctor. Bill is a doctor. • Peter is a doctor and Bill is too. • Peter is a doctor and so is Bill. • Peter likes coffee. Bill likes coffee. • Peter likes coffee and Bill does too. • Peter likes coffee and so does Bill. 1.3 นักเรียนสังเกตประโยคเหล่านั้นบนกระดาน และช่วยกันวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประโยคที่นักเรียนเห็นบนกระดาน 1.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการใช้ So และ Too ในประโยคของ Connected Statement บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 320 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement; So and too บนกระดาน โดย ช่วยกันแยกประโยคหรือเปลี่ยนประโยคจากการใช้ too และ so ให้เป็นประโยคปกติ • Lily likes ice-cream. Clara does too. Or So does Clara. • Her sister can swim. My sister can too. Or So can my sister. • Jason is very polite. Fred is too. Or So is Fred. • Albert has a problem. Peter has too. Or So has Peter. จากประโยค Lily likes ice-cream. Clara does too. Or So does Clara. นักเรียนสามารถแยก ประโยคออกได้เป็น • Lily likes ice-cream. Clara likes ice-cream. • Lily likes ice-cream and Clara does too. • Lily likes ice-cream and so does Clara. 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Connected Statement; So and too โดยนักเรียนสามารถสรุปได้ว่า คำว่า “too” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเสมอ ในขณะที่ คำว่า “so” จะวางไว้หน้าประโยค หลังกริยาช่วย เสมอ เพื่อนๆควรจำวิธีการใช้กริยาช่วยให้ถูกต้องเมื่อจะใช้คำว่า “too” กับ “so” ถ้าผู้พูดใช้กริยาพิเศษในประโยค แต่แรก เวลาตอบก็ต้องใช้กริยาพิเศษตัวนั้นตอบ อย่างเช่น Verb to be (is, am, are, was, were) และรวมถึง กริยาแสดงอาการด้วย และต้องมั่นใจว่าเลือกใช้กริยานั้น ๆ ได้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ด้วย และการเรียงลำดับคำ คำว่า “too” จะวางไว้ท้ายประโยคและ “so” จะวางไว้หน้าประโยค 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; So and too บน PowerPoint 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่อง Connected Statement; So and too โดยช่วยกัน ยกตัวอย่างประโยคและออกมาเขียนบนกระดาน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ตรวจสอบประโยคที่นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างมานั้นมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ช่วยกันแก้ไข โดยครูคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 321 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Connected Statement; So and too คนละ 2 ประโยคลงในกระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อนๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; So and too บน PowerPoint 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้Connected Statement; So and too เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement; So and too โดยนักเรียนนั่ง เป็นกลุ่มและช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ประโยค A : He is happy. B : I’m happy too. A : He is not happy. B : I’m not happy either.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 322 A : My mother has got a key. B : I have got a key too. A : My mother hasn’t got a key. B : Neither have I. (I haven’t either). 1.3 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการใช้ Neither และ Either ในประโยคของ Connected Statement บน PowerPoint 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement; Neither and either บนกระดาน โดยช่วยกันนำประโยคปฏิเสธ 2 ประโยคจำนวน 5 ข้อ นำมารวมกันโดยใช้ neither และ either • They don’t like waking up early. I don’t like waking up early. • Mrs. Davis won’t attend the meeting. Mr. Johnson won’t attend the meeting. • Ann can’t cook. I can’t cook. • She hasn’t finished the test. I haven’t finished the test. • I never go to the cinema. My brother never go to the cinema. จากประโยคทั้ง 5 ข้อ นักเรียนสามารถนำมารวมกันโดยใช้ neither และ either ได้ดังนี้ • They don’t like waking up early. Neither do I. / I don’t either. • Mrs. Davis won’t attend the meeting. Neither would Mr. Johnson. / Mr. Johnson won’t either. • Ann can’t cook. Neither can I. / I can’t either. • She hasn’t finished the test. Neither have I. / I haven’t either. • I never go to the cinema. Neither does my brother. / My brother doesn’t either. 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Connected Statement; Neither and either โดยนักเรียนสามารถ สรุปได้ว่าคำว่า “either” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเชิงปฏิเสธ ในขณะที่ “neither” จะวางไว้หน้า ประโยค ก่อนกริยาช่วยที่เป็นเชิงบอกเล่า (เพราะ neither ให้ความหมายในเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว) ส่วนคำว่า “either” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเชิงปฏิเสธ คือ คำว่า “don’t, won’t, can’t, haven’t” และ “doesn’t” ในขณะที่ ส่วนคำว่า “neither” จะวางไว้หน้าประโยค ก่อนกริยาช่วย คือ คำว่า “do, will, can, has” และ “does” ให้สังเกตว่ากริยาช่วยนั้นจะไม่อยู่ในรูปปฏิเสธ 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายและสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ Connected Statement; Neither and either การจะใช้ and และ either, neither เพื่อแสดงความสอดคล้องในประโยคปฏิเสธ รูปแบบนี้ต้องใช้ คำกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ในการสร้างประโยค ซึ่งการเลือกใช้กริยาช่วยให้ถูกต้องนั้น ให้ดูที่ประโยคด้านหน้า ว่าเป็น Tense อะไรและ Tense นั้นใช้กริยาช่วยตัวไหน เช่น - ประโยคข้างหน้าเป็น Simple Present (Subject + Verb 1) ใช้ do, does - ประโยคข้างหน้ามี Verb to be (is, am, are, was, were) ใช้ Verb to be - ประโยคข้างหน้าเป็น Present Perfect (Subject + have / has + Verb 3) ใช้ have, has - ประโยคข้างหน้าเป็น Simple Past (Subject + Verb 2) ใช้ did


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 323 - ประข้างหน้าเป็นกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เช่น will, can, would ก็ใช้กริยาช่วยตัวนั้นเลย เมื่อเลือก กริยาช่วยได้แล้วให้ผันตามประธานของประโยคที่อยู่หลัง and 1. Either : การใช้ either จะคล้ายกับ too คือวางไว้ท้ายประโยค แต่จะเป็นประโยคปฏิเสธที่มี “not” อยู่ในประโยคด้วย ความหมายประมาณว่า “เช่นกัน, อีกด้วย” โครงสร้าง : Subject + auxiliary verb + either • Jenny doesn’t own a car, and Susan doesn't either. เจนนี่ไม่ได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง และซูซานก็ไม่มีเช่นกัน) • Laura didn’t hand in her report yesterday, and I didn't either. ลอร่าไม่ได้ส่งรายงานเมื่อวานนี้, และฉันก็ไม่ได้ส่งเหมือนกัน 2. Neither : การใช้ neither จะเป็นประโยคปฏิเสธคล้ายกับ neither ไม่ต้องมี “not” อยู่ใน ประโยคด้วย เพราะคำนี้จะแปลว่า “ไม่เช่นกัน, ไม่อีกด้วย” neither จะใช้นำหน้าประโยค และสลับกับระหว่าง ประธานกับกริยา ซึ่งคล้ายกับ so ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงความสอดคล้องในประโยคปฏิเสธก็ตาม เพราะ neither แปลว่าไม่อยู่แล้ว และจะไม่ใช่คำว่า “ไม่” ซ้ำกัน โครงสร้าง : neither + auxiliary verb + Subject • Jennifer isn't a physician, and neither am I. เจนนิเฟอร์ไม่ใช่หมอ และฉันก็ไม่ใช่เหมือนกัน • My neighbors don’t have any pets, and neither do I. เพื่อนบ้านของฉันไม่มีสัตว์เลี้ยงเลย และฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ** การใช้กริยาช่วยในประโยค either ต้องเป็นรูปปฏิเสธ ** การใช้กริยาช่วยในประโยค neither ต้องเป็นรูปบอกเล่า 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; Neither and either บน PowerPoint Instructions : Complete the following sentences with the correct form of connected statement; neither and either. Example : A cat can’t swim and a cow……………………………. . A cat can’t swim and…………………………….a cow. Part I : 1 - 5 Using either 1. My brother won’t be home tonight and my sister……………………………. . 2. Joe has never been to Japan and William……………………………. . 3.The food is yummy and it…………………………….expensive……………………………. . 4. I couldn’t talk to the director yesterday and My colleague……………………………. . 5.Students were not tired at the end of the day and the teachers……………………………. . can’t either neither can


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 324 Part I : 6 - 10 Using neither 6. The Smiths won’t go to Hawaii this summer and…………………………….my family. 7. My friends haven’t seen that movie yet and…………………………….I. 8. Claire is not a good dancer and…………………………….Alice. 9.They wouldn't understand me and…………………………….you. 10. He hasn’t helped me clean the floor and…………………………….he helped dad clean the car. Answer Key Part I : 1 - 5 Using either 1. won’t either 2. hasn’t either 3. is not / either 4. couldn’t either 5. weren’t either. Part I : 6 - 10 Using neither 6. neither will 7. neither have 8. neither is 9. neither would 10. neither has 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่อง Connected Statement; Neither and either โดย ช่วยกันยกตัวอย่างประโยคและออกมาเขียนบนกระดาน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ตรวจสอบประโยคที่นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างมานั้นมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ช่วยกันแก้ไข โดยครูคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Connected Statement; Neither and either คนละ 2 ประโยคลงใน กระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อนๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; Neither and either บน PowerPoint 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้Connected Statement; Neither and either เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 325 ชั่วโมงที่ 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและ ช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง So - Too - English grammar lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=e29CCCnNvas&t=185s 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Neither - Either จาก https://www.youtube.com/watch? v=mcsmHYilD4A 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง How to use So & Neither in English: “So do I”, “Neither am I”... จาก https://www.youtube.com/watch?v=kbd_CajdXaw 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง การใช้ either too so neither ฉบับครบจบในคลิปเดียว - เรียน ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง จาก https://www.youtube.com/watch?v=tFTw3YIL_0E 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Connected Statement เพิ่มเติม การใช้ Connected Statement : So, Too, Either, และ Neither ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างการใช้คำว่า “so” กับ “too” และ “either” กับ “neither” นั่นก็ คือ “so” กับ “too” จะใช้ในประโยคบอกเล่า ในขณะที่ “either” กับ “neither” จะใช้กับประโยคปฏิเสธ 1. การใช้ so การใช้ so จะใช้ในประโยคบอกเล่า และจะใช้ในรูปของ inversion หรือการสลับตำแหน่ง ระหว่างประธานกับกริยานั่นเอง และจะใช้ so ขึ้นต้นประโยค โครงสร้างของประโยค คือ So + กริยาช่วย, verb to be + ประธานของประโยค


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 326 • A : I am happy. ฉันมีความสุข B : So am I. ฉันก็เหมือนกัน am = verb to be • A : Jenny is a student. เจนนี่เป็นนักเรียน B : So is Sam. แซมก็เช่นกัน is = verb to be • A : I love cats. ฉันชอบแมว B : So do I. ผมก็เหมือนกัน do = กริยาช่วย • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : So can a snake. งูก็เช่นกัน can = กริยาช่วย 2. การใช้ too การใช้ too จะคล้ายกับ so แต่คำว่า too ซึ่งปกติจะวางไว้ท้ายประโยค • A : Nice to see you. ยินดีที่ได้รู้จัก B : Nice to see you too. ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน • A : Jenny is a student. เจนนี่เป็นนักเรียน B : I am a student too. ฉันก็เช่นกัน • A : I love you. ฉันชอบคุณ B : I love you too. ผมก็เหมือนกัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 327 • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ • B : A snake can swim too. งูก็เช่นกัน หรือจะเอา too ตามหลังประธานของประโยคก็ได้ • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : A snake too can swim. งูก็เช่นกัน 3. การใช้ either การใช้ either จะคล้ายกับ too คือวางไว้ท้ายประโยค แต่จะเป็นประโยคปฏิเสธที่มี “not” อยู่ใน ประโยคด้วย ความหมายประมาณว่า “เช่นกัน, อีกด้วย” • A : A cat can’t swim. แมวไม่สามารถว่ายน้ำได้ B : A cow can’t either. วัวก็ไม่เช่นกัน • A : I’ve never been to Japan. ฉันไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย B : I haven’t either. ฉันไม่เคยเหมือนกัน • A : I don’t like cats. ฉันไม่ชอบแมว B : I don’t either. ฉันก็ไม่เช่นกัน • I don’t like cats and I don’t dogs either. ฉันไม่ชอบแมว และฉันไม่ชอบหมาอีกด้วย • The food is yummy and it’s not expensive either. อาหารอร่อย และราคาไม่แพงอีกด้วย 4. การใช้ neither การใช้ neither จะเป็นประโยคปฏิเสธคล้ายกับ neither ไม่ต้องมี “not” อยู่ในประโยคด้วย เพราะคำนี้จะแปลว่า “ไม่เช่นกัน, ไม่อีกด้วย” neither จะใช้นำหน้าประโยค และสลับกับระหว่างประธานกับกริยา ซึ่งคล้ายกับ so • A : A cat can’t swim. แมวไม่สามารถว่ายน้ำได้ B : Neither can a cow. วัวก็ไม่เช่นกัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 328 • A : I’ve never been to Japan. ฉันไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย B : Neither have I. ฉันไม่เคยเหมือนกัน • A : I don’t like cats. ฉันไม่ชอบแมว B : Neither do I. ฉันก็ไม่เช่นกัน • He hasn’t helped me clean the floor, neither has he helped dad clean the car. • เขาไม่ช่วยทำความสะอาดพื้น และเขาไม่ช่วยพ่อล้างรถอีกด้วย สรุปการใช้too / either, so am I / Neither do I 1. too และ either ใช้too และ either ท้ายประโยค ใช้too หลังคำกริยาบอกเล่า A : I’m happy. B : I’m happy too. A : I enjoyed the film. B : I enjoyed it too. Mary is a doctor. Her husband is a doctor too. …สามีของเธอก็เป็นหมอด้วย ใช้either หลังคำกริยาปฏิเสธ A : I’m not happy B : I’m not happy either. (ไม่ใช่“I’m not … too.”) A : I can’t cook. B : I can’t either. (ไม่ใช่ ‘I can’t too’) Bill doesn’t watch TV. He doesn’t read newspaper either. …เขาก็ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ด้วย 2. so am I / neither do I So am / is / are…, was / were…, do / does…, did… Neither have / has…, can…, will…, would… So am I = I am too So have I = I have too Neither am I = I’m not either Neither can I = I can’t either A : I’m working. B : So am I.(= I’m working too) A : I was late for work today. B : So was John.(John was late too) A : I work in bank. B : So do I A : We went to the cinema last night. B : Did you? So did we. A : I’d like to go to Australia. B : So would I. A : I haven’t got a key. B : Neither have I.(= I haven’t either) A : Ann can’t cook. B : Neither an Tom. (= Tom can’t either) A : I won’t (= will not) be here tomorrow. B : Neither will I. A : I never go to the cinema. B : Neither do I. หรือจะใช้Nor …(= Neither …) ก็ได้ A : I’m not married. B : Nor am I. หรือ Neither am I.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 329 สังเกตว่าเราใช้So am I (ไม่ใช่“So am I”) และ Neither have I (ไม่ใช่“Neither I have”) 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Question tag โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Connected Statement บน PowerPoint 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement บน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดง ความคิดและตอบคำถามแบบฝึกหัดจำนวน 20 ข้อ Part I : 1 - 10 Using Too and Either Instruction : Complete the sentences with an auxiliary + too or either. 1. I can’t play the piano, and my roommate……………………………. . 2. I like listening to music, and my wife ……………………………. . 3. I don’t like sour food, and my wife……………………………. . 4. Sugar is sweet, and honey……………………………. . 5. Talya wasn’t in class yesterday, and Susan……………………………. . 6. Annie didn’t know the answer to the question, and Tina……………………………. . 7. I couldn’t understand the teacher, and Mayumi……………………………. . 8. Everyone in the room laughed at the joke, and I……………………………. . 9. Fish can’t walk, and snakes……………………………. . 10. I’d rather stay home tonight, and my husband……………………………. . Part II : 11 - 20 Using So and Neither Instruction : Complete the sentences with so or neither + an auxiliary. 11. Pasta is a famous Italian food and…………………………….pizza. 12. Anteaters don’t have teeth and…………………………….most birds. 13. I didn’t go to the library and…………………………….my brother. 14. Turtles are reptiles and…………………………….snakes. 15. My older sister has dark hair and…………………………….I. 16. I’m studying English and…………………………….Stacey. 17. I’m not a native speaker of English and…………………………….Scott. 18. Wood burns and…………………………….paper.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 330 19. Skydiving is dangerous and…………………………….auto racing. 20. I’ve never seen a giraffe in a wild and…………………………….my children. Answer Key : Part I : 1. can’t either 2. does too 3. doesn’t either 4. is too 5. wasn’t either 6. didn’t either 7. couldn’t either 8. did too 9. can’t either 10. would too Part II : 11. so is 12. neither do 13. neither did 14. so are 15. so do 16. so is 17. neither is 18. so does 19. so is 20. neither have 4.3 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการเรียน 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น 10. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 10.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Connected Statement 10.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Connected Statement 11. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Connected Statement ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 331 12. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 332 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง Entertainment แผนการจัดการเรียนรู้ที่20 เรื่อง Connected Statement (Revision) รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Connected Statement 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถใช้ประโยค Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และ คำอธิบาย การพูดและเขียนเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ ในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 333 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายใน สถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความ สนใจ มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายใน สถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความ สนใจได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 10 : Entertainment 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 10 : Entertainment 3. การใช้โครงสร้าง Connected Statement ในรูปแบบต่าง ๆ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 334 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Connected Statement (Revision) วิธีสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน โดยสมาชิกจะต้องไม่ซ้ำกับสมาชิกเดิมในกลุ่มที่แล้ว 1.2 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement ใช้รูปแบบกิจกรรม Quiz show จาก https://wordwall.net/th/resource/1684289/too-either-so-neither โดยนักเรียนดูภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันเลือกคำตอบภายในเวลาที่กำหนด จำนวน 10 ข้อ ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูภาพประโยค Connected Statement บน PowerPoint • I likes playing guitar and so does Ethan. • Snow White was beautiful and The Queen was too. • Sebastian can not sing a song and Hannah can not either.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 335 • Irene is not doing his homework and neither is Nathan. 2.2 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยคที่ขีดเส้นใต้ให้อยู่ในรูปประโยคปกติ 2.3 นักเรียนสามารถเปลี่ยนประโยคได้เป็น • I likes playing guitar. Ethan also likes playing guitar. • Snow White was beautiful. The Queen was beautiful • Sebastian can not sing a song. Hannah can not sing a song • Irene is not doing his homework now. Nathan is also not doing his homework. 2.4 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement บน PowerPoint ว่าประโยคที่ นักเรียนเห็นนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร และถ้านักเรียนคิดว่าไม่ถูกต้อง จะแก้ไขประโยคให้ถูกต้อง อย่างไร A : I don’t play football. B : I don’t neither. 2.5 นักเรียนสามารถวิเคราะห์ประโยค Connected Statement บน PowerPoint ได้ว่า เป็น ประโยคที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตามหลักการใช้ neither ในประโยค Connected Statement นั้น Neither จะไม่วางไว้ ตำแหน่งหลังสุด และการใช้ Neither จะไม่มีการใช้ helping verb ที่เป็นปฏิเสธ ดังนั้นแล้วประโยคจะต้องแก้ไข เป็น Neither do I. หรือสามารถตัดคำว่า neither ออกและเป็นเป็น either แทนได้ เพราะ either สามารถวางไว้ ตำแหน่งสุดท้ายและต้องตามด้วย helping verb ที่เป็นปฏิเสธ ซึ่งสามารถแก้เป็น I don’t either. 2.6 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Connected Statement จาก เว็บไซต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต โดยครูตั้งกติกาว่าจะต้องศึกษาอย่างน้อย 2 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 10 คนเพื่อรับบัตรประโยคและบัตรประโยค Connected Statement 3.2 นักเรียนที่ได้รับบัตรประโยคและบัตรประโยค Connected Statement แสดงบัตรคำพร้อม ออกเสียงประโยคให้เพื่อนฟังด้วยความมั่นใจ 3.3 นักเรียนที่มีบัตรประโยค Connected Statement เดินค้นหาเพื่อนที่มีบัตรประโยคที่สามารถ เชื่อมต่อกันและมีความหมายถูกต้อง 3.4 เมื่อนักเรียนเจอคู่ของตัวเองแล้ว เช่น บัตรประโยค Dogs cannot fly and………………………. . คู่กับบัตรประโยค Connected Statement Cats can’t either. ให้นักเรียนพูดออกเสียงประโยคและประโยค Connected Statement นั้น ๆ ทีละคู่แล้วนำ บัตรประโยคและบัตร Connected Statement ติดที่กระดาน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 336 3.5 เมื่อนักเรียนติดบัตรคำครบทุกคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้องของประโยคจากบัตรคำประโยคและบัตรคำเชื่อมที่นักเรียนติดบนกระดาน 3.6 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคบนกระดานพร้อมจดบันทึกลงในสมุด ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ละเท่า ๆ กัน โดยแต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยสมาชิก นักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน ให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Connected Statement บน PowerPoint 4.3 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Connected Statement จากเอกสารประกอบการ เรียน 4.4 นักเรียนสลับกันนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษา โดยพูดสรุปตามความเข้าใจ 4.5 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Connected Statement ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และเลือกคำตอบบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ โดยนักเรียนอ่าน ประโยคและช่วยกันวิเคราะห์และนำตัวเลือกประโยค Connected Statement มาใส่ด้านหน้าประโยค Instructions : Choose the best answer for each of the following sentences Answer Key เมื่อตอบจนครบทุกข้อแล้วนักเรียนช่วยกันตรวจสอบคำตอบอีกครั้งก่อนที่ครุจะกดเฉลย 5.2 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 2 ข้อ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 337 5.3 นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ ในกิจกรรมที่ 2 (Grammar » A2 Grammar lessons and exercises » so, neither – so am I, neither do I, etc. » Page 2) จาก https://test-english.com/grammar-points/a2/so-neither/2/ โดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครู เตรียมให้ Instructions : Choose the correct forms with so, neither, too, either to complete the sentences below. 1. A : I can’t go to the presentation. B : ……………………………………. . a) Neither can’t I b) Neither can I c) So can I 2. Choose TWO correct answers A : I’m not going out tonight. B : ……………………………………. . a) Neither I am b) Neither am I c) I am either d) I’m not going out either 3. A : I haven’t got time. B : Neither……………………………………. . a) have I b) I have c) do I 4. Choose TWO correct answers A : I went for a run this morning. B : ……………………………………. . a) So did I b) So am I c) So was I d) I went for a run too 5. A : I never go to the cinema. B : ……………………………………. . a) Neither do I b) Neither am I c) So am I


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 338 5.4 เมื่อนักเรียนแต่ละคู่ตอบจครบ 5 ข้อเรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบ โดย นักเรียนช่วยกันตอบว่าเลือกคำตอบใดบ้างพร้อมอธิบายเหตุผล หลังจากนั้นครูคลิกเฉลยและคำอธิบายทีละข้อ 5.5 นักเรียนเรียนร่วมกันอธิบายคำเฉลยและร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำอธิบายโดยช่วยกัน แปลความหมายเป็นภาษาไทย โดยมีคำตอบและคำอธิบายดังนี้ ข้อ 1 ตอบ b) ➪ We use so + auxiliary verb + subject in affirmative sentences and neither + auxiliary verb + subject in negative sentences. ➪ Neither / nor is a negative word, like not. For this reason, the auxiliary verb after neither should be affirmative. ข้อ 2 ตอบ b) และ d) ➪ We say neither + affirmative auxiliary verb + subject. And we use either at the end of a sentence with a negative verb. ข้อ 3 ตอบ a) ➪ The verb have is an auxiliary verb in the form have got. ➪ After neither we have to use an affirmative auxiliary verb because neither is a negative word, like not. ข้อ 4 ตอบ a) และ d) ➪ We don’t have an auxiliary verb in the first sentence, and when there isn’t an auxiliary or modal verb in the first sentence, we use do / does for present and did for past. ➪ We can also use too at the end of affirmative sentences to mean the same. ข้อ 5 ตอบ a) ➪ We use neither because the sentence “I never go to the cinema” is negative: never = not. ➪ After neither we use do because there is no auxiliary verb in the first sentence, and when there isn’t an auxiliary or modal verb in the first sentence, we use do / does for present and did for past. 5.6 นักเรียนซักถามครูเพิ่มเติมแต่ละข้อเมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ โดยครูอธิบายโจทย์และตัวเลือกอย่าง ชัดเจน 5.7 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.8 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลที่แต่ละกลุ่มได้สรุปจนครบทุกกลุ่ม 6.2 นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลการสรุปเรื่อง Connected Statement จากกลุ่มอื่นนำมารวบรวมเข้ากับข้อมูลของกลุ่มตนเอง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 339 6.3 ตัวแทนกลุ่มรับกระดาษและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหา Connected Statement ที่นักเรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลเรื่อง Connected Statement ของกลุ่มตนเองหน้า ชั้นเรียน ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Connected Statement ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Connected Statement ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุป ร่วมกันทั้งห้องแล้วบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก 10. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 10.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Connected Statement (Revision) 10.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) 11. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 12. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 340 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................. ..................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ........... .......


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 341 ภาคผนวก • เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน • แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ • แบบประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความ • แบบประเมินผลการใช้หน่วยการเรียนรู้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 342 เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน ประเด็น ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 5 4 3 2 1 การคิด วิเคราะห์ จับประเด็น สำคัญได้ ทั้งหมด ขยาย ความพร้อม ตัวอย่าง 3 ประโยคขึ้นไป เขียน เปรียบเทียบ และสรุป ความคิดรวบ ยอดได้ดี จับประเด็น สำคัญได้ ขยาย ความ พร้อม เขียนตัวอย่าง 3 ประโยค เปรียบเทียบ และสรุป ความคิดรวบ ยอดได้ดี จับประเด็น สำคัญได้ ขยาย ความ พร้อม เขียนตัวอย่าง 2 ประโยค เปรียบเทียบ และสรุป ความคิดรวบ ยอดได้ดี จับประเด็น สำคัญได้บ้าง ขยายความ พร้อมเขียน ตัวอย่าง 1 ประโยค เปรียบเทียบได้ จับประเด็น สำคัญไม่ได้ไม่ ขยายความ ไม่ มีตัวอย่าง ประโยค เปรียบเทียบไม่ ชัดเจน การเขียนสื่อ ความ เขียนสื่อความ ได้ถูกต้องตาม อักขรวิธี ตรง ประเด็น และ เข้าใจง่าย เขียนสื่อความ ได้บ้างตาม อักขรวิธี ตรง ประเด็น และ พอเข้าใจได้ เขียนสื่อความ ได้บ้าง ตรง ประเด็น และ เข้าใจยาก เขียนสื่อความ ไม่ชัดเจน ไม่ ค่อยตรง ประเด็น เข้าใจ ยาก เขียนสื่อความ ไม่ชัดเจน ไม่ ตรงประเด็น เข้าใจยาก เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 17 - 20 ดีมาก 13 - 16 ดี 9 - 12 พอใช้ 1 - 8 ปรับปรุง


Click to View FlipBook Version