The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมเล่มPLC เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ป.3 ฉบับจริง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arunrat5292, 2022-09-17 11:15:34

รวมเล่มPLC เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ป.3 ฉบับจริง

รวมเล่มPLC เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ป.3 ฉบับจริง

รายงาน

ผลการดาเนินงานชมุ ชนการเรยี นรทู ้ างวชิ าชพี

PLC (Professional Learning Community)
ภาคเรยี นที่ 1 ปี การศกึ ษา 2565

นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์

ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการ

โรงเรยี นวัดควนชะลกิ

สังกัดสำนกั งำนเขตพื้นที่กำรศกึ ษำประถมศกึ ษำนครศรีธรรมรำช เขต 3
สงั กัดสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้ืนฐำน
กระทรวงศึกษำธกิ ำร



คำนำ

รายงานผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional
Learning Community : PLC) จัดทาข้ึนเพื่อนาเสนอแนวทางในการดาเนินงาน เพ่ือแก้ไขปัญหาในวิชา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง “อากาศและชีวิตของสัตว์” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3
จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพ่ือแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการจัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหา
ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง อากาศและชีวิตของสัตว์ระดับช้ันประถมศึกษา
ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2564 นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เน่ืองจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็น
วิชาท่ียาก นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งไม่สามารถนาความรู้ที่เรียนไปแล้วไป
ประยุกต์ใช้ได้ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ากว่าเกณฑ์ที่กาหนดจึงเกิดกลุ่มการแลกเปล่ียน
เรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อดาเนินช่วยเหลือ ให้คาปรึกษา ติดตามและประเมินผลในการดาเนินงาน ทาให้
ผสู้ อนบรรลุตามวตั ถปุ ระสงคท์ วี่ างไว้

ขอขอบคุณ นางสุทธิรา สมเนียม ผู้อานวยการโรงเรียนวัดควนชะลิก ที่เป็นที่ปรึกษาในการ
ดาเนินงาน และขอขอบคณุ คณะครูทุกท่านที่มสี ว่ นร่วมในชุมชนแห่งการเรยี นรู้ทางวชิ าชีพครัง้ น้ี ผู้จดั ทาหวังว่า
รายงานผลการดาเนินงานฉบับนี้จะเกดิ ประโยชนต์ อ่ ครผู ้สู อนท่ีสนใจได้เปน็ อยา่ งดี

พจนารถ อรุณรัตน์

สำรบัญ ข

เร่ือง หน้ำ

คานา ก
สารบัญ ข
แผนการดาเนินกิจกรรม 1
ทีมแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชพี (PLC) 2
บันทึกกจิ กรรมชมุ ชนแหง่ การเรียนร้ทู างวิชาชีพ คร้งั ท่ี 1 3
บันทกึ กจิ กรรมชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชีพ คร้งั ที่ 2 6
บันทกึ กจิ กรรมชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชีพ ครั้งท่ี 3 9
บนั ทึกกิจกรรมชุมชนแหง่ การเรยี นร้ทู างวิชาชีพ ครง้ั ท่ี 4 12
บันทกึ กิจกรรมชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวชิ าชีพ ครง้ั ท่ี 5 15
บนั ทึกกจิ กรรมชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชพี ครั้งที่ 6 19
ภาคผนวก 22

1

แผนปฏบิ ัตกิ ารชุมชนแหง่ การเรยี นรูท้ างวชิ าชีพ (PLC Action Plan)
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

แผนการดาเนนิ กจิ กรรม

ลาดับ กิจกรรม P วัน เดอื น ปี จานวน
L 31 พ.ค. 2565 ช่วั โมง
1 รวมกล่มุ ประชุมช้ีแจง สร้างความรู้ ความเข้าใจกบั กลมุ่ A
เพื่อวางแผนการดาเนนิ งานในกล่มุ จดั ต้งั กลุ่ม PLC N 1 ม.ิ ย. 2565 1
(ประชมุ กลุ่ม)
D 6-17 ม.ิ ย. 2565 1
2 เสนอปัญหาการเรยี นรู้ของนักเรียน และแนวทางการ O
แกป้ ญั หา (ประชุมกลมุ่ ) S 20 มิ.ย. 2565 1
E
3 ศกึ ษาเอกสารความร้ตู ่างๆ จัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ E 21 – 24 ม.ิ ย. 2565 8
สรา้ งนวัตกรรมเพ่ือแกป้ ญั หาให้กบั ผู้เรยี น 1
11 ก.ค.- 29 ส.ค. 2565 1
4 วพิ ากษ์แผนการจดั การเรียนรูแ้ ละนวตั กรรม 15 ส.ค. 2565
(ประชมุ กลุ่ม) 22 ส.ค 2565
29 ส.ค. 2565
5 แกไ้ ข ปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ และนวตั กรรมตาม
คาแนะนา

6 ปฏบิ ัตกิ ารจัดการเรยี นรู้
7 สงั เกตชนั้ เรยี น (ประชมุ กลุ่ม)
8 สะท้อนผลการสังเกตชน้ั เรียน (ประชมุ กลุ่ม)
9 รายงานสรุปผลการดาเนนิ งาน

2

ทีมแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชพี (Professional Learning Team)
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

ทมี ช่ือทีม การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา โรงเรยี น : วัดควนชะลกิ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึกทักษะ

วิทยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและชีวิตของสัตว์ ของ

นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3

ลาดบั ชื่อ-สกลุ บทบาทในทีม วทิ ยฐานะ กลุ่มสาระ/วิชา
คศ.2
1 นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์ Model teacher วิทยาศาสตร์และ
คศ.3 เทคโนโลยี
2 นางสาวฉันทพิชญา รัตนบุตร Buddy teacher
คศ.3 วิทยาศาสตรแ์ ละ
3 นายอาทร แกว้ ยวน Buddy teacher คศ.3 เทคโนโลยี
4 นางสดุ า นุน่ ชคู ัน Mentor คศ.3
5 นางสทุ ธิรา สมเนยี ม คอมพิวเตอร์
Administrators ภาษาไทย

สถานทป่ี ระชุมทีม : หอ้ งประชมุ โรงเรยี นวัดควนชะลิก
ความเห็น/ข้อเสนอแนะ : เหน็ ควรให้ทีมแหง่ การเรยี นรูท้ างวชิ าชพี (PLC) โรงเรียนวัดควนชะลิกดาเนินการ

ตามแผนปฏิบัติการชมุ ชนทางการเรยี นรู้แห่งวิชาชีพ (PLC)

ลงชอ่ื
(นางสทุ ธริ า สมเนยี ม)

ผูอ้ านวยการโรงเรียนวดั ควนชะลิก
วนั ท่ี 31 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2565

3

บนั ทึกกจิ กรรมชมุ ชนแห่งการเรียนรูท้ างวชิ าชพี (Professional Learning Community)
โรงเรยี นวดั ควนชะลกิ สังกดั สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 3

ชอื่ กลุ่มกจิ กรรม

การแก้ปญั หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึกทกั ษะวทิ ยาศาสตร์

เรอ่ื ง อากาศและชีวติ ของสตั ว์ ของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 3

คร้งั ที่ : 1 วัน เดือน ปี ท่ีจดั กจิ กรรม : วนั องั คารที่ 31 พฤษภาคม 2565 สถานท่ี : โรงเรยี นวดั ควนชะลิก

ภาคเรยี นที่ : 1 ปกี ารศึกษา : 2565 จานวนเวลา : 1 ชัว่ โมง ( 15.30 น.-16.30 น.)

บทบาท

 ครผู สู้ อน (Model Teacher)  ครรู ว่ มเรียนรู้ (Buddy Teacher)

 ผ้เู ช่ียวชาญ (Expert)  ฝา่ ยวิชาการ/หัวหน้ากล่มุ สาระฯ (Mentor)

จานวนสมาชิกทเี่ ข้าร่วมกจิ กรรมคร้งั นี้ 5 คน ผนู้ า PLC นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์

1.นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์ 4.นางสุดา นุ่นชคู ัน

2.นางสาวฉนั ทพิชญา รตั นบุตร 5.นางสุทธริ า สมเนียม ผู้เชีย่ วชาญ/ผอู้ านวยการ/ผู้รบั มอบหมาย

3.นายอาทร แกว้ ยวน นางสุทธริ า สมเนียม

ประเดน็ ปัญหาทจี่ ะพัฒนา การแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึก

(เนน้ คุณภาพผู้เรยี น) ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อากาศและชีวติ ของสตั ว์ ของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3

จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการ

จัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหาผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาเหตขุ องปญั หา เร่ือง อากาศและชวี ิตของสัตว์ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ปกี ารศึกษา 2564 นกั เรียน
มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เน่ืองจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก

นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังไม่สามารถนาความรู้ที่เรียนไป

แลว้ ไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้ สง่ ผลให้นักเรียนมีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑท์ ี่กาหนด

PLC (Professional Learning Community) : ชุ ม ช น แ ห่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ท า ง

วิชาชีพ หมายถึง การรวมตัว รวมใจ ร่วมพลัง ร่วมทา และร่วมเรียนรู้ร่วมกันของครู

ผู้บริหาร และนักการศึกษา บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร ท่ีมี

ความรู้/หลักการทนี่ ามาใช้ วิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมายและภารกิจร่วมกัน โดยทางานร่วมกันแบบทีม เรียนรู้ท่ีครู
เป็นผู้นาร่วมกัน และผู้บริหารแบบดูแลสนับสนุนสู่การเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพ

เปล่ียนแปลงคุณภาพตนเอง สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นความสาเร็จหรือ

ประสิทธิผลของผู้เรียนเป็นสาคัญ และความสุขของการทางานร่วมกันของสมาชิกใน

ชุมชน และโดยเฉพาะอย่างย่ิง กระบวนการ PLC ถือเป็นการพัฒนาบุคลากรโดยเริ่ม

จากล่างขนึ้ บน (Bottom Up) อย่างแท้จริง

ประชมุ เพื่อสร้างทีม กลุ่ม PLC เพอ่ื เสนอแนวทาง ระดมความคดิ แลกเปลี่ยน

แนวทางการแกป้ ญั หา ขอ้ คิดเหน็ และเพื่อแก้ปัญหาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
โดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะวทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง อากาศและชวี ติ ของสัตว์ ของนกั เรยี นชัน้

ประถมศกึ ษาปีที่ 3

4

การออกแบบกิจกรรม/เคร่อื งมือ/ กจิ กรรมกล่มุ PLC

วธิ ีการเพือ่ แกป้ ัญหา

- ประชุมสมาชิกและดาเนินการจัดตั้งกลุ่ม PLC การแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน

กิจกรรมทีท่ า วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและ
ชวี ิตของสตั ว์ ของนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3

ผลท่ไี ด้จากกิจกรรม - เกิดกลุ่ม PLC ชื่อว่ากลุ่ม “การแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและชีวิตของสัตว์ ของ
นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3”

การนาผลท่ไี ด้ไปใช้ - เพื่อเป็นกลุ่มที่ใช้ในการประชุม ปรึกษาหารือ ผ่านกระบวนการ PLC เก่ียวกับการ
แก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเรื่อง อากาศและชีวิตของสัตว์ ของนักเรียนชั้น

ประถมศึกษาปที ่ี 3

- ครทู กุ คนไดม้ บี ทบาทในการประชุมกลุ่มแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ดงั น้ี

ผลสรปุ และข้อเสนอแนะอนื่ ๆ นางสาวพจนารถ อรุณรตั น์ (Model Teacher)
จากการประชุม PLC นางสาวฉันทพชิ ญา รัตนบตุ ร (Buddy Teacher)
นายอาทร แก้วยวน (Buddy Teacher)
นางสุดา นนุ่ ชูคัน (Mentor)
นางสุทธิรา สมเนียม (Administrator)

ภาพ/รอ่ งรอย/หลักฐาน
ประกอบการ PLC

ชอื่ -สกลุ บทบาท 5
1.นางสาวพจนารถ อรุณรตั น์ ครผู ู้สอน ลายมือชอ่ื

ผรู้ ่วมประชุม 2.นางสาวฉนั ทพิชญา รัตนบุตร ครรู ่วมเรียนรู้

3.นายอาทร แก้วยวน ครรู ว่ มเรียนรู้

4.นางสุดา นุ่นชคู นั หวั หนา้ กลมุ่ สาระ/ฝ่ายวิชาการ

5.นางสทุ ธิรา สมเนียม ผูบ้ ริหาร

ลงชอ่ื ...............................................ผบู้ นั ทกึ ลงชื่อ.............................................ผู้รบั รอง
(นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์) (นางสุทธิรา สมเนยี ม)

ครูโรงเรียนวดั ควนชะลิก ผู้อานวยการโรงเรยี นวัดควนชะลกิ

6

บันทึกกิจกรรมชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชพี (Professional Learning Community)
โรงเรียนวัดควนชะลิก สังกัดสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 3

ชอื่ กลุ่มกจิ กรรม

การแกป้ ัญหาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใชแ้ บบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์

เรื่อง อากาศและชีวิตของสตั ว์ ของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3

ครั้งท่ี : 2 วนั เดอื น ปี ทจ่ี ัดกจิ กรรม : วันพุธ ท่ี 1 มิถุนายน 2565 สถานที่ : โรงเรียนวัดควนชะลกิ

ภาคเรยี นที่ : 1 ปกี ารศกึ ษา : 2565 จานวนเวลา : 1 ชั่วโมง ( 15.30 น. – 16.30 น.)

บทบาท

 ครูผ้สู อน (Model Teacher)  ครูร่วมเรยี นรู้ (Buddy Teacher)

 ผู้เชย่ี วชาญ (Expert)  ฝ่ายวชิ าการ/หัวหน้ากลมุ่ สาระฯ (Mentor)

จานวนสมาชกิ ทีเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรมครงั้ น้ี 5 คน ผนู้ า PLC นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์

1.นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์ 4.นางจนิ ตนา จนั ทรคาธ

2.นางสาวฉันทพชิ ญา รัตนบุตร 5.นางสุดา นนุ่ ชูคัน ผู้เชี่ยวชาญ/ผูอ้ านวยการ/ผู้รับมอบหมาย

3.นายอาทร แกว้ ยวน นางสทุ ธิรา สมเนยี ม

ประเด็นปญั หาท่จี ะพัฒนา การแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึก

(เน้นคุณภาพผเู้ รยี น) ทกั ษะวิทยาศาสตร์ เรือ่ ง อากาศและชีวติ ของสตั ว์ ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3

จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการ

จัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหาผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาเหตุของปัญหา เร่ือง อากาศและชีวิตของสตั วร์ ะดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2564 นักเรียน
มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เนื่องจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก

นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งไม่สามารถนาความรู้ท่ีเรียนไป

แลว้ ไปประยกุ ต์ใช้ได้ ส่งผลให้นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนด

แบบฝึกพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ จัดทาข้ึนเพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการ

สอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนช้นั ประถมศึกษา

ปีที่ 3 เร่ืองอากาศและชีวิตของสัตว์ ที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์โดยใช้

แบบฝึก ครูผู้สอนศึกษาค้นคว้าเอกสารและตาราตา่ งๆที่เก่ียวข้องกับการจดั ทาแบบฝกึ

ความรู้/หลกั การท่ีนามาใช้ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์เพ่ือให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชา ประกอบด้วย
คาช้แี จงการใชแ้ บบฝึก แบบทดสอบก่อนเรยี น เนอื้ หา กจิ กรรม แบบทดสอบหลังเรียน

เฉลยคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น เฉลยคาตอบของกิจกรรม

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5 E’s of Inquiry-Based

Learning) เป็นรูปแบบของการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง ที่เน้นให้นักเรียนมีประสบการณ์

ตรงในการเรียนรู้ โดยการแสวงหาและศึกษาค้นคว้า เพ่ือสร้างองค์ความรู้ของตนเอง

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึง่ มีครูผูส้ อนคอยอานวยการและสนบั สนนุ ทาให้

7

ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาได้ตัวเอง และสามารถนามาใช้ใน

ชีวิตประจาวัน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นาความรู้ หลักการ

แนวคิดหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ไปเช่ือมโยงกับประเด็นปัญหาท่ีผู้เรียนสนใจศึกษา

ค้นคว้า และลงมือปฏบิ ัติ ดว้ ยตนเอง ตามความสามารถและความถนดั ของตนเองอย่าง

เป็นอิสระ ทาให้ การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนนี้ นับได้ว่าเป็นรูปแบบ

หน่ึงของการเรยี นร้ทู ่ีเนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้นั้น เป็นรูปแบบการเรียนที่พานักเรียนไปสู่การ

พิจารณาข้อโต้แย้งและข้อสงสัยต่างๆ ซ่ึงจะก่อให้เกิดประเด็นคาถามท่ีต้องการสารวจ

ตรวจสอบ และจะเป็นกระบวนการเช่นน้ีต่อเน่ืองกันไปเรื่อย ๆ จนเรียกได้ว่าเป็น

วัฏจักรการสืบเสาะ (Inquiry cycle) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะ

ในการหาความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ซ่ึงการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ทั้ง 5

ขัน้ ตอนนนั้ มีขนั้ ตอนในการดาเนนิ การดังน้ี

1. การสร้างความสนใจ (Engagement)

2. การสารวจและคน้ หา (Exploration)

3. การอธิบาย (Explanation)

4. การขยายความร้(ู Elaboration)

5. การประเมนิ ผล (Evaluation)

กิจกรรมท่ีใช้ในการจัดการเรียนรู้จะเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยใช้แบบฝึกทักษะ

การออกแบบกิจกรรม/เคร่ืองมือ/ วิทยาศาสตร์ เรื่อง อากาศและชีวิตของสัตว์ โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบสืบเสาะหา

วิธีการเพ่อื แก้ปญั หา ค ว า ม รู้ 5 ขั้ น ต อ น ( The 5 Es of Inquiry-Based Learning) ข อ ง นั ก เ รี ย นชั้ น

ประถมศกึ ษาปที ี่ 3

1. นกั เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (Pre-test)

2. นกั เรยี นเรียนรตู้ ามแผนการสอนทก่ี าหนดไวใ้ นแตล่ ะชว่ั โมง ดังน้ี

2.1 นักเรียนควรฟังคาแนะนาวิธีการใช้แบบฝึก เกณฑ์การวัดและประเมินผลจาก

ครูผ้สู อนให้เข้าใจ

2.2 นกั เรียนควรอา่ นและทาแบบทดสอบก่อนเรียนตามท่ีกาหนดไว้ในแบบฝึกเสริม

ทกั ษะให้ครบทุกกิจกรรม

2.3 นักเรียนควรต้ังใจศึกษาและทาความเข้าใจคาชี้แจง และคาสั่งก่อนท่ีจะลงมือ

กจิ กรรมที่ทา ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในแบบฝกึ เสริมทกั ษะตา่ งๆ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นแบบฝกึ เสรมิ ทักษะ
2.4 นักเรยี นควรอ่านทบทวนแบบฝึกเสริมทกั ษะแตล่ ะแบบฝึกท่ที าทุกคร้ังก่อน

สง่ ครู เพ่ือตรวจทานความถกู ต้อง

2.5 นักเรียนควรสารวจตนเองว่าทาคะแนนในแบบฝึกเสริมทักษะในแต่ละแบบฝึก

และแบบประเมินต่างๆผ่านเกณฑ์อยู่ในระดับใด เพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนา

ตนเองใหม้ คี วามสามารถมากขึ้น

2.6 ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนโดยการใช้แบบฝกึ เสริมทักษะ

เร่ืองอากาศและชีวิตของสัตว์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควร

สอบถามจากครูผู้สอนใหเ้ ข้าใจ

8

2.7 นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เพื่อวัดความรคู้ วามเขา้ ใจในเร่ืองทีเ่ รียน
มาแล้ว

2.8 นาคะแนนจากการทาแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบหลังเรยี น เพอ่ื
เปรยี บเทยี บความกา้ วหน้าของการเรียนรู้

ผลทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ได้เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์ เรื่อง
การนาผลท่ีได้ไปใช้ อากาศและชีวิตของสัตว์ โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
(The 5Es of Inquiry-Based Learning)

- นาผลทไี่ ด้จากการเรียนรู้มาพฒั นากิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ในเร่ืองอ่นื ๆ ต่อไป

ผลสรุปและข้อเสนอแนะอื่นๆ - การแก้ปญั หาเร่ือง นักเรียนขาดความรู้ กระบวนการของการเรียนรูผ้ ่านการ
จากการประชุม PLC แกป้ ัญหาเป็นขัน้ ตอนสาคญั เนื้อหาเรื่อง อากาศและชีวติ ของสัตว์ โดยสร้างแบบฝกึ
ทักษะวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและชีวติ ของสตั ว์ มีเน้ือหาสอดคล้องกับมาตรฐาน
และตวั ชว้ี ดั ในชัน้ เรยี น

ภาพ/รอ่ งรอย/หลกั ฐาน
ประกอบการ PLC

ชอ่ื -สกลุ บทบาท ลายมือชอ่ื
1.นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์ ครูผ้สู อน
ผูร้ ว่ มประชุม 2.นางสาวฉนั ทพชิ ญา รตั นบุตร ครรู ว่ มเรียนรู้

3.นายอาทร แกว้ ยวน ครรู ่วมเรียนรู้

4.นางจินตนา จันทรคาธ ครูร่วมเรียนรู้

5.นางสุดา น่นุ ชูคนั หัวหน้ากลมุ่ สาระ/
ฝ่ายวชิ าการ

ลงชอื่ ...............................................ผบู้ นั ทกึ ลงชื่อ.............................................ผ้รู บั รอง
(นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์) (นางสุทธิรา สมเนียม)
ครโู รงเรยี นวดั ควนชะลิก
ผ้อู านวยการโรงเรียนวัดควนชะลกิ

9

บันทึกกิจกรรมชมุ ชนแหง่ การเรยี นร้ทู างวิชาชพี (Professional Learning Community)
โรงเรียนวดั ควนชะลิก สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 3

ชอ่ื กลุ่มกจิ กรรม

การแกป้ ัญหาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝกึ ทักษะวิทยาศาสตร์

เรอ่ื ง อากาศและชีวติ ของสตั ว์ ของนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3

คร้งั ที่ : 3 วนั เดอื น ปี ท่จี ดั กจิ กรรม : วนั จันทร์ท่ี 20 มถิ นุ ายน 2565 สถานที่ : โรงเรยี นวดั ควนชะลกิ

ภาคเรียนที่ : 1 ปีการศกึ ษา : 2565 จานวนเวลา : 2 ชวั่ โมง ( 15.30 น. – 17.30 น.)

บทบาท

 ครูผ้สู อน (Model Teacher)  ครรู ว่ มเรยี นรู้ (Buddy Teacher)

 ผู้เชี่ยวชาญ (Expert)  ฝ่ายวิชาการ/หัวหน้ากลมุ่ สาระฯ (Mentor)

จานวนสมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมครง้ั นี้ 5 คน ผ้นู า PLC นางสาวพจนารถ อรุณรตั น์

1. นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์ 4. นางสุดา นนุ่ ชคู นั

2. นางสาวฉนั ทพชิ ญา รตั นบุตร 5. นางสุทธิรา สมเนียม ผูเ้ ชี่ยวชาญ/ผ้อู านวยการ/ผู้รับมอบหมาย

3. นายอาทร แก้วยวน นางสทุ ธริ า สมเนยี ม

ประเด็นปญั หาที่จะพฒั นา การแกป้ ัญหาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝกึ

(เน้นคณุ ภาพผู้เรียน) ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อากาศและชวี ิตของสตั ว์ ของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3

จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพ่ือแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการ

จัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหาผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาเหตุของปัญหา เรอื่ ง อากาศและชีวติ ของสัตว์ระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 ปกี ารศกึ ษา 2564 นกั เรียน
มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เนื่องจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก

นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังไม่สามารถนาความรู้ที่เรียนไป

แลว้ ไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้ สง่ ผลใหน้ ักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ากวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนด

การวางแผนการสอนเป็นการเตรียมพรอ้ มเก่ียวกับการเรียนการสอนอย่างละเอยี ด

เพอื่ จะได้ดาเนนิ การเรยี นการสอนได้อย่างถูกต้องและตรงตามจุดประสงค์

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ด่ี นี ั้น ผูส้ อนจะตอ้ งเตรียมการล่วงหนา้ โดยตอ้ งคานึงถึง

สงิ่ ต่างๆ ดังต่อไปน้ี

ความรู้/หลักการท่นี ามาใช้ 1. การศึกษาหลกั สูตร คู่มือครู หรอื เอกสารอืน่ ๆ ที่เกีย่ วข้อง ผ้สู อนจะตอ้ งศึกษา
จุดมุง่ หมายของหลักสูตรให้เข้าใจ ตลอดจนศึกษารายละเอียดของเนื้อหาทหี่ ลักสตู ร

กาหนดก่อนที่จะลงมือทาแผนการสอน

2. ความมงุ่ หมายของสาระทสี่ อน ต้องให้ครอบคลุมความมงุ่ หมายของการศึกษา

ทงั้ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ ดา้ นเจตคตแิ ละด้านทักษะ ผ้สู อนจะต้องทาความเข้าใจ

กับความมุ่งหมายเหล่านใี้ หช้ ดั เจน สามารถกาหนดผลท่ีคาดว่าจะไดร้ ับเม่ือมีการเรยี น

การสอนเกิดขนึ้

10

กจิ กรรมที่ใชใ้ นการจัดการเรียนรู้จะเน้นผู้เรียนเปน็ สาคญั โดยใช้แบบฝกึ ทักษะ

การออกแบบกิจกรรม/เคร่ืองมือ/ วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและชวี ิตของสัตว์ โดยใชร้ ูปแบบการเรยี นแบบสืบเสาะหา

วธิ ีการเพอ่ื แกป้ ญั หา ความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5Es of Inquiry-Based Learning) ของนักเรยี น

ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3

1. สร้างแบบฝกึ ทกั ษะวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง อากาศและชวี ิตของสัตว์

กิจกรรมท่ที า 2. จดั ทาแผนการจดั การเรียนรปู้ ระกอบการใช้แบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์
3. สร้างแบบประเมนิ ความพึงพอใจของนกั เรียนที่มตี ่อการใชแ้ บบฝกึ ทักษะ

วทิ ยาศาสตร์เรอื่ งอากาศและชวี ิตของสัตว์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3

1. ได้แบบฝึกทักษะวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและชีวติ ของสัตว์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3

ผลทไี่ ดจ้ ากกจิ กรรม 2. ไดแ้ ผนการจัดการเรยี นรูป้ ระกอบการใชแ้ บบฝึกทกั ษะวทิ ยาศาสตร์

3. มแี บบประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรยี นที่มีตอ่ การใช้แบบฝกึ ทักษะวิทยาศาสตร์

เร่ืองอากาศและชวี ิตของสัตว์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3

การนาผลที่ไดไ้ ปใช้ - นาผลทไี่ ดจ้ ากการเรียนรู้มาพัฒนากจิ กรรมการจัดการเรยี นรูใ้ นเรือ่ งอ่นื ๆ ตอ่ ไป

ผลสรุปและข้อเสนอแนะอน่ื ๆ - แผนการจัดการเรียนรู้เร่ือง อากาศและชีวิตของสัตว์ โดยใช้รูปแบบการเรยี นแบบสบื
จากการประชมุ PLC เสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5Es of Inquiry-Based Learning) ควรปรับแก้
ข้อความข้างบนแผนการจัดการเรียนรู้ โดยระบุให้ครบ ว่าเรื่องท่ีเรียนอยู่ในหน่วยท่ี
เทา่ ใด เรื่องอะไร เวลาในการสอน และวนั ท่ีในการสอนใหช้ ดั เจน

ภาพ/รอ่ งรอย/หลกั ฐาน
ประกอบการ PLC

ชื่อ-สกลุ บทบาท 11
1.นางสาวพจนารถ อรณุ รตั น์ ครูผูส้ อน ลายมือช่อื
2.นางสาวฉนั ทพิชญา รตั นบุตร ครรู ่วมเรยี นรู้
ผรู้ ว่ มประชุม
3.นายอาทร แก้วยวน ครูร่วมเรยี นรู้

4.นางสุดา นนุ่ ชูคนั หัวหนา้ กลุ่มสาระ/
ฝา่ ยวชิ าการ

5.นางสุทธริ า สมเนียม ผ้บู รหิ าร

ลงช่ือ...............................................ผู้บนั ทึก ลงชื่อ.............................................ผู้รบั รอง
(นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์) (นางสุทธิรา สมเนยี ม)
ครูโรงเรียนวดั ควนชะลกิ
ผูอ้ านวยการโรงเรยี นวดั ควนชะลกิ

12

บันทกึ กิจกรรมชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ (Professional Learning Community)
โรงเรยี นวัดควนชะลิก สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 3

ชื่อกลุ่มกิจกรรม

การแก้ปญั หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึกทักษะวทิ ยาศาสตร์

เรอ่ื ง อากาศและชีวิตของสัตว์ ของนักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3

ครง้ั ที่ : 4 วนั เดอื น ปี ทจ่ี ดั กจิ กรรม : วนั ที่ 11 ก.ค.- 12 ก.ย. 2565 สถานท่ี : โรงเรยี นวัดควนชะลิก

ภาคเรยี นท่ี : 1 ปีการศกึ ษา : 2565 จานวนเวลา : 1 ช่วั โมง ( 15.30 น. – 16.30 น.)

บทบาท

 ครูผูส้ อน (Model Teacher)  ครูร่วมเรยี นรู้ (Buddy Teacher)

 ผเู้ ชีย่ วชาญ (Expert)  ฝา่ ยวิชาการ/หวั หนา้ กล่มุ สาระฯ (Mentor)

จานวนสมาชิกทเ่ี ขา้ ร่วมกจิ กรรมคร้งั น้ี 5 คน ผู้นา PLC นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์

1.นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์ 4.นางสุดา นุ่นชูคัน

2.นางสาวฉนั ทพชิ ญา รัตนบุตร 5.นางสุทธิรา สมเนียม ผ้เู ช่ียวชาญ/ผ้อู านวยการ/ผู้รับมอบหมาย

3.นายอาทร แก้วยวน นางสุทธริ า สมเนยี ม

ประเด็นปญั หาทจี่ ะพฒั นา การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึก

(เน้นคณุ ภาพผเู้ รยี น) ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อากาศและชวี ิตของสัตว์ ของนกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3

จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพ่ือแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการ

จัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหาผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาเหตขุ องปญั หา เรอ่ื ง อากาศและชีวิตของสตั ว์ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 ปกี ารศกึ ษา 2564 นักเรียน
มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เนื่องจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก

นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังไม่สามารถนาความรู้ที่เรียนไป

แล้วไปประยกุ ตใ์ ช้ได้ ส่งผลใหน้ ักเรยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นต่ากว่าเกณฑ์ที่กาหนด

แบบฝึกพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ จัดทาขึ้นเพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการ

สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 3 เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ท่ีมีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์โดยใช้

แบบฝึก ครูผู้สอนศึกษาค้นคว้าเอกสารและตาราต่างๆท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดทาแบบฝกึ

พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์เพ่ือให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชา ประกอบด้วย

ความรู้/หลกั การทีน่ ามาใช้ คาชแ้ี จงการใช้แบบฝึก แบบทดสอบก่อนเรียน เนอื้ หา กิจกรรม แบบทดสอบหลงั เรียน
เฉลยคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น เฉลยคาตอบของกจิ กรรม

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้ันตอน (The 5 E’s of Inquiry-Based

Learning) เป็นรูปแบบของการเรียนรู้รูปแบบหน่ึง ที่เน้นให้นักเรียนมีประสบการณ์

ตรงในการเรียนรู้ โดยการแสวงหาและศึกษาค้นคว้า เพ่ือสร้างองค์ความรู้ของตนเอง

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึง่ มีครผู ู้สอนคอยอานวยการและสนบั สนุน ทาให้

ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาได้ตัวเอง และสามารถนามาใช้ใน

ชีวิตประจาวัน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นาความรู้ หลักการ

13

แนวคิดหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ไปเช่ือมโยงกับประเด็นปัญหาท่ีผู้เรียนสนใจศึกษา

ค้นคว้า และลงมอื ปฏิบัติ ด้วยตนเอง ตามความสามารถและความถนดั ของตนเองอย่าง

เป็นอิสระ ทาให้ การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนนี้ นับได้ว่าเป็นรูปแบบ

หนง่ึ ของการเรียนรทู้ ีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้น้ัน เป็นรูปแบบการเรียนที่พานักเรียนไปสู่การ

พิจารณาข้อโต้แย้งและข้อสงสัยต่างๆ ซ่ึงจะก่อให้เกิดประเด็นคาถามท่ีต้องการสารวจ

ตรวจสอบ และจะเป็นกระบวนการเช่นนี้ต่อเน่ืองกันไปเรื่อย ๆ จนเรียกได้ว่าเป็น

วัฏจักรการสืบเสาะ (Inquiry cycle) ซ่ึงจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะ

ในการหาความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ซ่ึงการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ท้ัง 5

ขน้ั ตอนนั้น มีขน้ั ตอนในการดาเนินการดังน้ี

1. การสรา้ งความสนใจ (Engagement)

2. การสารวจและค้นหา (Exploration)

3. การอธิบาย (Explanation)

4. การขยายความรู้(Elaboration)

5. การประเมนิ ผล (Evaluation)

กิจกรรมที่ใชใ้ นการจัดการเรียนรูจ้ ะเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ โดยใช้แบบฝึกทักษะ

การออกแบบกิจกรรม/เคร่อื งมือ/ วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง อากาศและชวี ติ ของสตั ว์ โดยใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบสบื เสาะหา

วธิ กี ารเพือ่ แก้ปัญหา ความรู้ 5 ข้นั ตอน (The 5Es of Inquiry-Based Learning) ของนักเรยี น

ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3

1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน

2. นักเรยี นเรยี นรู้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ที่กาหนดไว้ในแตล่ ะช่ัวโมง ดงั นี้

กิจกรรมทีท่ า 2.1 นักเรียนศึกษาใบความรู้
2.2 นกั เรียนทาใบงานท่ีกาหนด

2.3 นักเรียนนาเสนอผลงานของตนเอง

2.4 นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น

ผลท่ไี ด้จากกจิ กรรม นักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 ไดเ้ รียนรู้ เรอ่ื ง อากาศและชีวติ ของสัตว์ โดยใช้แบบฝึก

ทักษะวิทยาศาสตร์ เร่อื ง อากาศและชีวิตของสตั ว์

การนาผลทไ่ี ดไ้ ปใช้ - นาผลทไ่ี ด้จากการเรยี นรู้มาพฒั นากิจกรรมการจัดการเรยี นร้ใู นเร่ืองอ่ืน ๆ ต่อไป

ผลสรุปและข้อเสนอแนะอ่ืนๆ -
จากการประชุม PLC

14

ภาพ/ร่องรอย/หลักฐาน
ประกอบการ PLC

ชือ่ -สกลุ บทบาท ลายมือช่อื
1.นางสาวพจนารถ อรุณรตั น์ ครูผู้สอน
ผูร้ ่วมประชุม
2.นางสาวฉันทพิชญา รัตนบุตร ครรู ว่ มเรยี นรู้
3.นายอาทร แก้วยวน
ครรู ่วมเรียนรู้
4.นางสดุ า นุน่ ชูคัน
หัวหนา้ กลุ่มสาระ/
ฝ่ายวิชาการ

5.นางสทุ ธริ า สมเนยี ม ผ้บู ริหาร

ลงช่อื ...............................................ผู้บนั ทึก ลงช่อื .............................................ผ้รู ับรอง
(นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์) (นางสทุ ธริ า สมเนียม)

ครโู รงเรียนวัดควนชะลกิ ผ้อู านวยการโรงเรยี นวัดควนชะลิก

15

บนั ทึกกิจกรรมชมุ ชนแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชีพ (Professional Learning Community)
โรงเรยี นวัดควนชะลิก สงั กัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 3

ช่อื กลุ่มกจิ กรรม

การแกป้ ญั หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะวทิ ยาศาสตร์

เรอื่ ง อากาศและชีวิตของสัตว์ ของนกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3

ครงั้ ท่ี : 5 วนั เดอื น ปี ที่จัดกจิ กรรม : วันจนั ทร์ท่ี 15 สิงหาคม 2565 สถานท่ี : โรงเรียนวัดควนชะลิก

ภาคเรียนท่ี : 1 ปกี ารศึกษา : 2565 จานวนเวลา : 1 ชว่ั โมง ( 15.30 น. – 16.30 น.)

บทบาท

 ครผู ู้สอน (Model Teacher)  ครรู ว่ มเรียนรู้ (Buddy Teacher)

 ผูเ้ ช่ยี วชาญ (Expert)  ฝ่ายวิชาการ/หัวหนา้ กล่มุ สาระฯ (Mentor)

จานวนสมาชกิ ที่เข้าร่วมกจิ กรรมคร้ังนี้ 5 คน ผูน้ า PLC นางสาวพจนารถ อรณุ รตั น์

1.นางสาวพจนารถ อรุณรัตน์ 4.นางสุดา นุน่ ชูคัน

2.นางสาวฉันทพิชญา รัตนบุตร 5.นางสทุ ธิรา สมเนยี ม ผ้เู ชยี่ วชาญ/ผู้อานวยการ/ผู้รบั มอบหมาย

3.นายอาทร แก้วยวน นางสุทธริ า สมเนียม

ประเด็นปญั หาทจี่ ะพฒั นา การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึก

(เน้นคณุ ภาพผู้เรยี น) ทักษะวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อากาศและชวี ิตของสัตว์ ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3

จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการ

จัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหาผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาเหตขุ องปญั หา เร่ือง อากาศและชวี ติ ของสัตว์ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 ปกี ารศกึ ษา 2564 นกั เรยี น
มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เน่ืองจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก

นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังไม่สามารถนาความรู้ที่เรียนไป

แล้วไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ ส่งผลใหน้ กั เรยี นมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑท์ ก่ี าหนด

แบบฝกึ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ จัดทาข้นึ เพอ่ื แก้ปัญหาและพฒั นาการเรียนการ

สอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนช้นั ประถมศึกษา

ปีท่ี 3 เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ท่ีมีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์โดยใช้

แบบฝึก ครูผู้สอนศึกษาค้นคว้าเอกสารและตาราตา่ งๆท่ีเก่ียวข้องกับการจัดทาแบบฝึก

พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์เพื่อให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชา ประกอบด้วย

ความร/ู้ หลกั การที่นามาใช้ คาชีแ้ จงการใช้แบบฝึก แบบทดสอบก่อนเรยี น เน้อื หา กจิ กรรม แบบทดสอบหลังเรียน
เฉลยคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน เฉลยคาตอบของกจิ กรรม

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5 E’s of Inquiry-Based

Learning) เป็นรูปแบบของการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง ที่เน้นให้นักเรียนมีประสบการณ์

ตรงในการเรียนรู้ โดยการแสวงหาและศึกษาค้นคว้า เพ่ือสร้างองค์ความรู้ของตนเอง

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซงึ่ มีครผู สู้ อนคอยอานวยการและสนบั สนุน ทาให้

ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาได้ตัวเอง และสามารถนามาใช้ใน

ชีวิตประจาวัน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นาความรู้ หลักการ

16

แนวคิดหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ไปเชื่อมโยงกับประเด็นปัญหาที่ผู้เรียนสนใจศึกษา

ค้นควา้ และลงมือปฏบิ ตั ิ ดว้ ยตนเอง ตามความสามารถและความถนดั ของตนเองอย่าง

เป็นอิสระ ทาให้ การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนน้ี นับได้ว่าเป็นรูปแบบ

หน่ึงของการเรียนรทู้ ่ีเน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้น้ัน เป็นรูปแบบการเรียนที่พานักเรียนไปสู่การ

พิจารณาข้อโต้แย้งและข้อสงสัยต่างๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดประเด็นคาถามท่ีต้องการสารวจ

ตรวจสอบ และจะเป็นกระบวนการเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จนเรียกได้ว่าเป็น

วัฏจักรการสืบเสาะ (Inquiry cycle) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะ

ในการหาความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ท้ัง 5

ข้ันตอนน้ัน มีขั้นตอนในการดาเนนิ การดงั น้ี

1. การสรา้ งความสนใจ (Engagement)

2. การสารวจและค้นหา (Exploration)

3. การอธบิ าย (Explanation)

4. การขยายความร(ู้ Elaboration)

5. การประเมนิ ผล (Evaluation)

กจิ กรรมท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้จะเนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั โดยใช้แบบฝึกทักษะ

การออกแบบกิจกรรม/เครือ่ งมือ/ วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง อากาศและชวี ติ ของสตั ว์ โดยใช้รูปแบบการเรยี นแบบสืบเสาะหา

วิธีการเพอ่ื แก้ปัญหา ความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5Es of Inquiry-Based Learning) ของนักเรียนชั้น

ประถมศกึ ษาปีที่ 3

1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน

2. นักเรยี นเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ที่กาหนดไว้ในแต่ละชั่วโมง ดงั น้ี

กจิ กรรมทที่ า 2.1 นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เรือ่ ง อากาศและชวี ติ ของสตั ว์
2.2 นกั เรียนทาใบงานที่กาหนด

2.3 นกั เรยี นนาเสนอผลงานของตนเอง

2.4 ทดสอบหลังเรยี น

ผลที่ไดจ้ ากกจิ กรรม นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ได้เรยี นรู้ เรอื่ ง อากาศและชีวิตของสัตว์ โดยใชแ้ บบฝึก

ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ “เร่ือง อากาศและชวี ิตของสัตว์”

การนาผลทไี่ ดไ้ ปใช้ - นาผลท่ไี ด้จากการเรียนรู้มาพัฒนากิจกรรมการจดั การเรยี นร้ใู นเร่ืองอื่น ๆ ตอ่ ไป

ผลสรุปและข้อเสนอแนะอนื่ ๆ - มกี ารจัดบรรยากาศเอื้อต่อการเรยี นรู้ ใชส้ อ่ื เทคโนโลยีประกอบการจดั การเรียนการ
จากการประชมุ PLC สอน นกั เรียนมสี ว่ นร่วมใหค้ วามร่วมมอื ในการจัดการเรียนการสอนดี

17

ภาพ/รอ่ งรอย/หลักฐาน
ประกอบการ PLC

ชอ่ื -สกลุ บทบาท 18
1.นางสาวพจนารถ อรณุ รัตน์ ครผู สู้ อน ลายมือช่อื

ผ้รู ว่ มประชุม 2.นางสาวฉันทพิชญา รตั นบุตร ครรู ่วมเรยี นรู้

3.นายอาทร แก้วยวน ครูรว่ มเรียนรู้

4.นางสุดา นนุ่ ชูคัน หวั หน้ากล่มุ สาระ/
ฝ่ายวิชาการ

5.นางสุทธิรา สมเนียม ผบู้ ริหาร

ลงชอ่ื ...............................................ผบู้ ันทึก ลงชอ่ื .............................................ผู้รับรอง
(นางสาวพจนารถ อรณุ รตั น์) (นางสทุ ธริ า สมเนียม)
ครโู รงเรยี นวดั ควนชะลกิ
ผอู้ านวยการโรงเรียนวัดควนชะลกิ

19

บันทกึ กจิ กรรมชมุ ชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชพี (Professional Learning Community)
โรงเรยี นวดั ควนชะลกิ สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3

ช่อื กลุ่มกิจกรรม

การแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โดยใช้แบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์

เรื่อง อากาศและชีวิตของสัตว์ ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3

คร้ังที่ : 6 วนั เดอื น ปี ทจ่ี ดั กิจกรรม : วันจนั ทร์ท่ี 22 สงิ หาคม 2565 สถานท่ี : โรงเรียนวดั ควนชะลิก

ภาคเรยี นที่ : 1 ปกี ารศึกษา : 2565 จานวนเวลา : 1 ช่วั โมง ( 15.30 น. – 16.30 น.)

บทบาท

 ครผู สู้ อน (Model Teacher)  ครรู ่วมเรียนรู้ (Buddy Teacher)

 ผู้เชย่ี วชาญ (Expert)  ฝ่ายวิชาการ/หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ (Mentor)

จานวนสมาชิกท่ีเขา้ ร่วมกิจกรรมคร้ังนี้ 5 คน ผูน้ า PLC นางสาวพจนารถ อรณุ รตั น์

1.นางสาวพจนารถ อรณุ รตั น์ 4.นางสดุ า นนุ่ ชคู ัน

2.นางสาวฉนั ทพิชญา รตั นบุตร 5.นางสุทธริ า สมเนยี ม ผเู้ ชีย่ วชาญ/ผู้อานวยการ/ผู้รบั มอบหมาย

3.นายอาทร แก้วยวน นางสุทธิรา สมเนียม

ประเด็นปัญหาทจ่ี ะพฒั นา การแก้ปัญหาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โดยใชแ้ บบฝึก

(เนน้ คุณภาพผูเ้ รยี น) ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อากาศและชวี ติ ของสตั ว์ ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3

จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการ

จัดการเรียนรู้ พบว่าปัญหาผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาเหตขุ องปญั หา เรอื่ ง อากาศและชวี ิตของสตั วร์ ะดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ปกี ารศึกษา 2564 นกั เรยี น
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่า เนื่องจากนักเรียนมองว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาท่ียาก

นักเรียนหลายคนขาดทักษะทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังไม่สามารถนาความรู้ท่ีเรียนไป

แล้วไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้ สง่ ผลใหน้ ักเรยี นมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตา่ กว่าเกณฑ์ทีก่ าหนด

แบบฝกึ พัฒนาทกั ษะวิทยาศาสตร์ จัดทาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการ

สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรยี นช้นั ประถมศึกษา

ปีที่ 3 เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ท่ีมีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์โดยใช้

แบบฝึก ครูผู้สอนศึกษาค้นคว้าเอกสารและตาราตา่ งๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดทาแบบฝกึ

พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์เพ่ือให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชา ประกอบด้วย

ความรู้/หลกั การทีน่ ามาใช้ คาชีแ้ จงการใชแ้ บบฝึก แบบทดสอบก่อนเรียน เนอ้ื หา กิจกรรม แบบทดสอบหลังเรียน
เฉลยคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เฉลยคาตอบของกจิ กรรม

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5 E’s of Inquiry-Based

Learning) เป็นรูปแบบของการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง ท่ีเน้นให้นักเรียนมีประสบการณ์

ตรงในการเรียนรู้ โดยการแสวงหาและศึกษาค้นคว้า เพื่อสร้างองค์ความรู้ของตนเอง

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมคี รผู ู้สอนคอยอานวยการและสนับสนนุ ทาให้

ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาได้ตัวเอง และสามารถนามาใช้ใน

ชีวิตประจาวัน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นาความรู้ หลักการ

20

แนวคิดหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ไปเชื่อมโยงกับประเด็นปัญหาที่ผู้เรียนสนใจศึกษา

คน้ ควา้ และลงมือปฏิบตั ิ ดว้ ยตนเอง ตามความสามารถและความถนดั ของตนเองอย่าง

เป็นอิสระ ทาให้ การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนน้ี นับได้ว่าเป็นรูปแบบ

หน่ึงของการเรยี นรู้ท่เี น้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ

การเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้น้ัน เป็นรูปแบบการเรียนที่พานักเรียนไปสู่การ

พิจารณาข้อโต้แย้งและข้อสงสัยต่างๆ ซ่ึงจะก่อให้เกิดประเด็นคาถามที่ต้องการสารวจ

ตรวจสอบ และจะเป็นกระบวนการเช่นน้ีต่อเน่ืองกันไปเรื่อย ๆ จนเรียกได้ว่าเป็น

วัฏจักรการสืบเสาะ (Inquiry cycle) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะ

ในการหาความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ซ่ึงการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ทั้ง 5

ขน้ั ตอนน้ัน มขี น้ั ตอนในการดาเนินการดงั น้ี

1. การสรา้ งความสนใจ (Engagement)

2. การสารวจและคน้ หา (Exploration)

3. การอธบิ าย (Explanation)

4. การขยายความร(ู้ Elaboration)

5. การประเมินผล (Evaluation)

กิจกรรมท่ีใช้ในการจดั การเรียนรจู้ ะเน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ โดยใช้แบบฝกึ ทักษะ

การออกแบบกิจกรรม/เคร่อื งมือ/ วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง อากาศและชีวิตของสตั ว์ โดยใชร้ ูปแบบการเรียนแบบสบื เสาะหา

วธิ กี ารเพ่อื แกป้ ัญหา ความรู้ 5 ข้นั ตอน (The 5Es of Inquiry-Based Learning) ของนักเรยี นชน้ั

ประถมศึกษาปที ี่ 3

1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น

2. นักเรียนเรียนรูต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีกาหนดไวใ้ นแต่ละชัว่ โมง ดังน้ี

กจิ กรรมที่ทา 2.1 นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เร่อื ง อากาศและชวี ติ ของสตั ว์
2.2 นกั เรยี นทาใบงานท่ีกาหนด

2.3 นักเรยี นนาเสนอผลงานของตนเอง

2.4 ทดสอบหลงั เรยี น

ผลที่ไดจ้ ากกจิ กรรม นักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 ไดเ้ รียนรู้ เรือ่ ง อากาศและชีวิตของสัตว์ โดยใช้แบบฝึก

ทักษะวิทยาศาสตร์ “เรือ่ ง อากาศและชวี ิตของสัตว์”

การนาผลทไ่ี ด้ไปใช้ - นาผลทไี่ ด้จากการเรยี นรู้มาพฒั นากิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ในเรอ่ื งอื่น ๆ ตอ่ ไป

ผลสรปุ และข้อเสนอแนะอื่นๆ - จัดทารปู เลม่ สรุปผลการการจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้นวัตกรรมฉบบั สมบูรณ์และรายงาน
จากการประชุม PLC ผบู้ ริหารสถานศึกษา

21

ภาพ/รอ่ งรอย/หลักฐาน
ประกอบการ PLC

ชือ่ -สกลุ บทบาท ลายมือช่อื
1.นางสาวพจนารถ อรุณรตั น์ ครูผู้สอน
ผรู้ ่วมประชุม
2.นางสาวฉันทพิชญา รัตนบุตร ครูร่วมเรยี นรู้

3.นายอาทร แกว้ ยวน ครูรว่ มเรียนรู้
4.นางสดุ า นุน่ ชคู นั
หวั หน้ากลมุ่ สาระ/
ฝา่ ยวิชาการ

5.นางสุทธริ า สมเนียม ผู้บรหิ าร

ลงชื่อ...............................................ผู้บนั ทึก ลงชื่อ.............................................ผ้รู ับรอง
(นางสาวพจนารถ อรุณรตั น์) (นางสุทธริ า สมเนียม)
ครูโรงเรยี นวดั ควนชะลิก
ผู้อานวยการโรงเรยี นวดั ควนชะลิก

22

ภาคผนวก

ป.3

แบบฝึ กทกั ษะวิทยำศำสตร์
เร่ืองอำกำศและชีวิตของสตั ว์

นำงสำวพจนำรถ อรณุ รตั น์

ตำแหน่งครู วทิ ยฐำนะครชู ำนำญกำร โรงเรียนวดั ควนชะลิก

สำนักงำนเขตพนื้ ที่กำรศึกษำประถมศึกษำนครศรธี รรมรำช เขต 3
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พนื้ ฐำน
กระทรวงศึกษำธิกำร



คำนำ

แบบฝึกพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ จัดทาข้ึนเพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนกลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เรื่องอากาศและชีวิตของสัตว์ ท่ีมี
ปัญหาทางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบฝึก ผู้จัดทาได้พยายามศึกษาค้นคว้าเอกสารและตาราต่างๆ ที่
เกย่ี วข้องกับการจดั ทาแบบฝึกพฒั นาทักษะวทิ ยาศาสตร์เพอ่ื ให้เกิดความชดั เจน ถูกต้องตามหลักวิชา ดงั นี้

ส่วนประกอบของแตล่ ะเลม่ ประกอบด้วย
คานา
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
คาชี้แจงการใช้แบบฝกึ
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เนอ้ื หา
กจิ กรรม
แบบทดสอบหลงั เรียน
เฉลยคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น
เฉลยคาตอบของกจิ กรรม
แบบฝึกพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ทุกเล่มดังกล่าว ได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและนาไปใช้

ทดลองหาประสิทธิภาพแล้ว จึงสามารถนามาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาการเรียน การสอนได้เป็นอย่างดี ผู้จัดทาจึง
หวังเป็นอย่างย่ิงว่าแบบฝึกพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ เล่มนี้สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จริง และสามารถเป็น
ตวั อยา่ งแก่ผู้สนใจได้ตอ่ ไป

พจนารถ อรุณรตั น์
ผู้จดั ทา

สารบญั ข

เรือ่ ง หน้า
คำนำ ก
สำรบัญ ข
คำแนะนำสำหรบั ครกู ำรใชแ้ บบฝึกเสริมทักษะวิทยำศำสตร์ 1
คำแนะนำสำหรบั นักเรยี นกำรใช้แบบฝึกเสริมทักษะวิทยำศำสตร์ 2
ตัวชว้ี ัดและสำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง 3
แบบทดสอบก่อนเรียน 5
ใบควำมรู้ 7
ใบงำนท่ี 1 16
ใบงำนที่ 2 18
ใบงำนท่ี 3 20
ใบงำนท่ี 4 22
ใบงำนท่ี 5 24
ใบงำนท่ี 6 26
ใบงำนที่ 7 28
ใบงำนท่ี 8 30
แบบทดสอบหลงั เรยี น 33
แบบบนั ทึกคะแนน 35
บรรณำนุกรม 36

1

คำแนะนำสำหรบั ครกู ำรใชแ้ บบฝึกเสรมิ ทกั ษะวทิ ยำศำสตร์

การนาแบบฝกึ ทักษะวทิ ยาศาสตร์ฉบบั น้ี ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ครูควรใหค้ าแนะนาในการ
เรียนรู้พรอ้ มทาข้อตกลงในการเรียน และปฏิบตั ดิ งั น้ี

1. ครูผู้สอนควรให้คาแนะนาข้ันตอนการใช้แบบฝกึ เสรมิ ทักษะวิทยาศาสตร์ เร่ืองอากาศและชีวิตของ

สตั ว์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแกน่ กั เรียนอยา่ งละเอียด เพ่ือใหน้ ักเรยี นแต่ละคนเขา้ ใจ
ตรงกนั รวมท้งั การใหค้ ะแนนท้งั การทดสอบก่อนเรียนหลังเรยี น และคะแนนจากแบบฝกึ เสรมิ ทักษะแต่ละ

กจิ กรรม
2. แบบฝึกเสริมทักษะฉบับนี้ นอกจากการใชส้ อนตามแผนการจดั การเรยี นร้แู ล้ว ยงั สามารถนาใช้สอน

เสรมิ นอกเวลาเรยี นปกติ หรอื ตามความเหมาะสม

3. ครูผูส้ อนตอ้ งอธิบายขน้ั ตอนการใชแ้ บบฝกึ เสรมิ ทักษะนีก้ ับนักเรียนทีละขั้นตอน โดยให้นักเรียนทา
แบบทดสอบกอ่ นศึกษาเนื้อหาและทาแบบฝึกเสริมทกั ษะครจู ะตอ้ งบนั ทกึ คะแนนทุกครง้ั ไวด้ ้วย

4. ครูผูส้ อนจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนตามความเหมาะสม โดยใชแ้ บบฝึกเสริมทักษะ กลุม่ สาระการ
เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นสอ่ื ในการจัดการเรยี นรู้

5. ครูผู้สอนให้นักเรียนศึกษาองค์ความรู้ ที่อยู่ในแบบฝึกเสริมทักษะโดยศึกษา ทาความเข้าใจอธิบาย

ซักถาม ประกอบแลว้ จงึ ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ เสริมทักษะในแต่ละกจิ กรรม
6. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะต้งั แตต่ ้นจนจบตามลาดับในแผนการจัดการ

เรียนรู้ทส่ี รา้ งข้นึ
7. ครูผู้สอนตรวจแบบฝึกเสริมทักษะที่นักเรียนได้ทาใบกิจกรรมพร้อมบันทึกคะแนนทุกครั้งให้

เรียบรอ้ ยให้ทาแบบทดสอบหลังเรยี น

8. ครูดาเนินการตรวจแบบฝึกทกั ษะ แบบทดสอบ และสงั เกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของนักเรียน
บันทึกคะแนน และแจง้ ผลแกน่ กั เรยี น

2

คำแนะนำสำหรบั นกั เรยี นกำรใชแ้ บบฝึกเสรมิ ทกั ษะวทิ ยำศำสตร์

แบบฝึกเสรมิ ทักษะวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฉบับนี้ จัดทาข้นึ เป็น
นวัตกรรมสาหรับจัดการเรียนรใู้ ห้กับนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องอากาศ
และชวี ติ ของสัตว์ ซ่ึงจะชว่ ยให้นกั เรยี นใชไ้ ดถ้ กู ต้อง ดังน้ันเพอ่ื ใหเ้ กิดประสิทธิภาพในการจัดการเรยี นรู้ ให้ปฏบิ ัติ
ตามคาแนะนาดงั ต่อไปน้ี
1. นักเรียนควรฟังคาแนะนาวธิ ีการใช้แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ เกณฑก์ ารวัดผลและประเมนิ ผลจากครูผู้สอนให้เข้าใจ
2. นักเรียนควรอ่านและทาแบบทดสอบก่อนเรียนตามท่ีกาหนดไว้ในแบบฝึกเสริมทักษะให้ครบทุกกิจกรรม
3. นักเรียนควรตั้งใจศึกษาและทาความเขา้ ใจคาชี้แจง และคาสั่งก่อนที่จะลงมือปฏิบัติกิจกรรมในแบบฝึกเสรมิ
ทกั ษะตา่ งๆ ตามทก่ี าหนดไว้ในแบบฝึกเสรมิ ทักษะ
4. นักเรยี นควรอ่านทบทวนแบบฝึกเสริมทักษะแต่ละแบบฝกึ ที่ทาทุกครั้งกอ่ นสง่ ครู เพ่อื ตรวจทานความถูกต้อง
5. นักเรียนควรสารวจตนเองว่าทาคะแนนในแบบฝึกเสริมทักษะในแต่ละแบบฝึกและแบบประเมินต่างๆ ผ่าน
เกณฑ์อยู่ในระดับใด เพอ่ื แก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาตนเองใหม้ ีความสามารถมากขึน้
6. ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยเก่ียวกับการเรียนการสอนโดยการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เร่ืองอากาศและชีวิตของสัตว์
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ฉบับน้ี ควรสอบถามจากครูผูส้ อนใหเ้ ข้าใจ
7. นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่อื วดั ความรู้ความเขา้ ใจในเรอื่ งทเี่ รียนมาแลว้

3

1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวช้ีวดั

ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผวิ
โลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดลอ้ ม
ป.3/1 ระบุส่วนประกอบของอากาศ บรรยายความสาคัญของอากาศและผลกระทบของมลพิษทาง
อากาศตอ่ สงิ่ มีชีวติ จากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้
ป.3/2 ตระหนักถงึ ความสาคัญของอากาศ โดยนาเสนอแนวทางการปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษ
ทางอากาศ
ป.3/3 อธิบายการเกดิ ลมจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
ป.3/4 บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลม จากขอ้ มูลที่รวบรวมได้

2. สำระกำรเรียนรู้

สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง
1) สว่ นประกอบและความสาคญั ของอากาศ
2) มลพิษทางอากาศต่อสิง่ มีชีวิต
3) การเกดิ ลม
4) ประโยชน์และโทษของลม

3. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด

อากาศโดยท่ัวไปไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
แก๊สอื่น ๆ รวมท้ังไอน้าและฝุ่นละออง อากาศมีความสาคัญต่อส่ิงมีชีวติ หากส่วนประกอบของอากาศไม่เหมาะสม
เน่ืองจากมีแก๊สบางชนิดหรือฝุ่นละอองในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายต่อส่ิงมีชีวติ ชนดิ ต่าง ๆ จัดเป็นมลพิษทาง
อากาศ แนวทางการปฏิบัตติ นเพ่ือลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น ใช้พาหนะร่วมกันหรือเลือกใช้เทคโนโลยีท่ี
ลดมลพษิ ทางอากาศ

ลม คือ อากาศท่ีเคลื่อนที่ เกดิ จากความแตกต่างกนั ของอุณหภูมอิ ากาศบริเวณท่อี ยใู่ กล้กัน โดยอากาศบริเวณ
ที่มอี ณุ หภมู สิ ูงจะลอยตวั สงู ขนึ้ และอากาศบริเวณทมี่ อี ุณหภูมิต่ากวา่ จะเคล่ือนเข้าไปแทนท่ีลมสามารถนามาใช้เป็น
แหลง่ พลังงานทดแทนในการผลติ ไฟฟา้ และนาไปใชป้ ระโยชน์

4

5

แบบทดสอบก่อนเรยี น

ช่อื ช้นั เลขที่

คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งทีส่ ุดเพียงข้อเดยี ว

1. ขอ้ ใดไม่ใช่สมบัตขิ องอากาศ 6. ใครปฏิบตั ิตนเพ่อื ลดมลพษิ ในอากาศ

ก. อากาศไมม่ ีสี ไมม่ ีกลิน่ ก. นิกเปดิ เครอื่ งปรับอากาศเมื่ออยู่กนั หลายคน

ข. อากาศมีสถานะเป็นแก๊ส ข. กบใส่หน้ากากอนามยั ในวนั ท่ีฝ่นุ เยอะ

ค. อากาศมมี วลแต่สัมผัสไมไ่ ด้ ค. ฟวิ ใช้กลอ่ งโฟมบรรจุอาหาร

ง. อากาศมรี ปู ร่างไมแ่ นน่ อน ง. เจมส์ปั่นจักรยานไปโรงเรยี น

2. ขอ้ ใดคอื สว่ นประกอบของอากาศทีม่ ีมากที่สดุ และท่ีมี 7. ข้อใดไม่เกีย่ วขอ้ งกับการเกิดลม

นอ้ ยท่ีสดุ ตามลาดบั ก. ปริมาณการใชอ้ ากาศ

ก. แก๊สออกซิเจนและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ข. ความกดอากาศ

ข. แก๊สออกซเิ จนและแก๊สอ่นื ๆ ค. อณุ หภมู ิของอากาศ

ค. แก๊สไนโตรเจนและแกส๊ อ่นื ๆ ง. การเคล่อื นทข่ี องอากาศ

ง. แกส๊ ไนโตรเจนและแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ 8. การเคลอื่ นที่ของลมเป็นแบบใด

3. ข้อใดไม่ใช่ผลกระทบท่ีเกดิ จากการไมม่ อี ากาศ ก. เคล่อื นท่ีตามแนวดิง่

ก. สิ่งมชี ีวติ รบั เสียงตา่ งๆ ได้ดังขน้ึ ข. เคลื่อนทีต่ ามแนวตงั้

ข. รังสคี วามร้อนจากดวงอาทิตย์เข้าสูโ่ ลกมากขนึ้ ค. เคล่ือนทต่ี ามแนวราบ

ค. สิง่ มชี ีวิตขาดอากาศหายใจ ง. ถกู ทั้งขอ้ ก. และ ข.

ง. พชื ไมส่ ามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ 9. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชน์ของลม

4. การกระทาใดก่อใหเ้ กิดมลพษิ ทางอากาศ ก. ใช้ในการแข่งเรือใบ

ก. การใช้แกส๊ บม่ ผลไม้ ข. ใช้ในการเลน่ เจ็ตสกี

ข. การเผาหญา้ และใบไม้ ค. ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟา้

ค. การทาไรท่ าสวน ง. ใช้ในการขยายพันธุพ์ ชื

ง. การเลยี้ งสัตวใ์ นระบบปิด 10. เหตกุ ารณ์ใดเปน็ ความเสยี หายที่เกดิ จากลม โดยตรง

5. บ้านของรวิ อยู่ทางภาคเหนอื ซ่ึงมีปัญหาเร่ือง ฝ่นุ ควันทกุ ปี ก. ต้นไมห้ ักโค่น

นกั เรยี นคิดว่าริวมโี อกาสเปน็ โรคใด ข. สะพานขาด

ก. โรคหวัด ค. นา้ ท่วม

ข. โรคต้อหิน ง. ตกึ ถลม่

ค. โรคระบบทางเดนิ หายใจ

ง. โรคระบบทางเดินอาหาร

เฉลย
1. ค 2. ง 3. ก 4. ข 5. ค 6. ง 7. ก 8. ค 9. ข 10. ก

6

กระดำษคำตอบ

เร่ืองอำกำศและชีวติ ของสัตว์

ช่ือ...............................................................................เลขท่ี........................

ทดสอบกอ่ นเรียน
ขอ้ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

คะแนนที่ได้__________คะแนน
คะแนนเต็ม 10 คะแนน

7

 ใบควำมรู้ 

ปจั จัยทจี่ ำเป็นตอ่ กำรดำรงชีวิตและกำรเจริญเติบโตของสตั ว์

สตั ว์เปน็ สง่ิ มีชวี ติ ทตี่ อ้ งการอากาศ อาหาร และนา้ เพื่อใช้ในการดารงชีวิตเช่นเดยี วกบั มนษุ ย์

1. อากาศ สตั วบ์ กจะหายใจโดยใช้อากาศที่อยู่รอบตัว ส่วนสตั ว์นา้ จะได้รับออกซิเจนจากอากาศท่อี ย่ใู นน้า

2. นา้ สตั วท์ กุ ชนดิ ต้องการนา้ ในการดารงชีวิต

3. อาหาร สตั วต์ า่ งๆ ตอ้ งการอาหารเพ่ือให้พลังงานแก่ร่างกาย เพือ่ ให้รา่ งกายเจรญิ เตบิ โตและดารงชีวติ ตอ่ ไปได้

อำกำศกบั ส่ิงมีชวี ิต

อากาศเป็นสสารชนิดหนึ่ง มีตัวตน มีน้าหนัก ต้องการที่อยู่และสัมผัสได้ โลกของเรามีอากาศห่อหุ้มอยู่ เรา
เรียกอากาศท่ีอย่รู อบตัวเราและหอ่ ห้มุ โลกของเราว่า บรรยากาศ

ส่วนประกอบของอำกำศ

อากาศประกอบดว้ ยแก๊สหลายชนดิ สว่ นประกอบของแก๊สทส่ี าคัญในอากาศโดยปริมาตร ไดแ้ ก่

 ไนโตรเจน ร้อยละ 78
 ออกซิเจน รอ้ ยละ 21
 อารก์ อน ร้อยละ 0.93
 คาร์บอนไดออกไซด์ ร้อยละ 0.03
 ก๊าซอนื่ ๆ ฝนุ่ ละอองและไอนา้ รอ้ ยละ 0.04

อากาศทีไ่ มม่ ีไอน้าเรยี กวา่ อากาศแห้ง ส่วนอากาศทมี่ ีไอนา้ ปนอยดู่ ว้ ย เรียกวา่ อากาศช้ืน ไอนา้ ทม่ี อี ย่ใู นอากาศ
มอี ยู่ระหว่างร้อยละ 0-4 ของอากาศทัง้ หมด ไอนา้ เป็นส่วนผสมท่สี าคญั ของอากาศ และไอนา้ กเ็ ป็นสาเหตขุ องการเกิด
ปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ลม พายุ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง รงุ้ กนิ น้า เป็นต้น

สมบตั ิของอำกำศ

1. อากาศมีตัวตนและสมั ผัสได้
2. อากาศมีนา้ หนัก
3. อากาศตอ้ งการที่อยู่
4. อากาศเคลื่อนทไ่ี ด้ และเม่อื อากาศไดร้ ับความร้อนจะขยายตัว ลอยตัวสูงขึน้ ทาใหค้ วามหนาแนน่ ของอากาศ

บริเวณนี้ลดลง อากาศบริเวณใกล้เคียงท่ีมีอุณหภูมิต่ากว่าความหนาแน่นมากกวา่ จะเข้ามาแทนท่ี ซ่ึงเรียกว่า
การเคลื่อนทีข่ องอากาศหรอื ลม

อากาศ จะเกิดการเคลื่อนที่อยู่เสมอ บางเวลาเคลื่อนท่ีน้อย แต่บางเวลาเคล่ือนที่มาก ทาให้เกิดการ
เปลยี่ นแปลงอากาศขนึ้ ซึ่งเราสามารถสงั เกตไดง้ า่ ยๆ เชน่ มลี มพัด มเี มฆ มฝี นตก เป็นตน้

ถ้าอณุ หภมู สิ องบริเวณมีความแตกต่างกนั มาก จะทาใหค้ วามหนาแน่นของอากาศสองบรเิ วณนน้ั ทาให้เกิดลม
ท่ีมีกระแสลมพัดมีความเร็วสูง เรียกว่า พายุ ช่ือพายุนั้นจะเรียกแตกต่างไปตามแหล่งทวีปโลก และตามความรุนแรง

8

ของพายุท่ีเกิดข้ึน ถ้ารุนแรงมากอาจทาให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เช่น เกิดน้าท่วมอย่างรุนแรง บ้านเรือนพังทลาย
ประชากรเสยี ชวี ติ เป็นจานวนมาก

อณุ หภูมิ คือ ระดับความร้อนหนาวของอากาศ ถ้าอากาศหนาวอณุ หภูมจิ ะลดต่าลง ถ้าอากาศร้อนอุณหภูมิจะ
สงู ขึน้ เครอื่ งมอื ที่ใช้วัดอุณหภมู หิ รือระดับความรอ้ นหนาวของสงิ่ ต่างๆ คือ เทอร์โมมเิ ตอร์ หน่วยของอุณหภูมใิ ช้หนว่ ย
เปน็ องศาเซลเซียส และองศาฟาเรนไฮต์

เทอรโ์ มมเิ ตอร์ มลี ักษณะคล้ายหลอดแก้ว หัวท้ายปดิ มกี ระเปาะเลก็ ๆ อยู่ปลายดา้ นหนึ่งภายในกระเปาะบรรจุ
ของเหลว เมอื่ อากาศร้อนของเหลวจะขยายตวั ทาให้ระดับของเหลวสูงข้นึ เราเรียกวา่ อณุ หภูมิสงู แตถ่ า้ อากาศหนาว
ของเหลวจะหดตวั ระดับของเหลวจะลดลง เรยี กวา่ อุณหภมู ิตา่

วิธีใชเ้ ทอร์โมมเิ ตอร์

1. จบั เทอรโ์ มมเิ ตอรค์ อ่ นไปทางปลายของเทอรโ์ มมเิ ตอร์ หา้ มจับตรงกระเปาะ
2. หันตวั เลขเข้าหาตวั เพ่ืออา่ นค่าไดง้ า่ ย
3. เมือ่ วดั สิ่งของใด ต้องให้ก้านเทอร์โมมิเตอร์ต้ังในแนวดิ่งเสมอ และอยู่ในระดบั สายตา เพือ่ อา่ นค่าถกู ตอ้ งและ

แม่นยา
4. ใหก้ ระเปาะเทอรโ์ มมิเตอร์สัมผัสกับส่งิ ทีจ่ ะวดั เท่านนั้
5. ไม่ควรนาเทอร์โมมิเตอร์คนสารต่างๆ และห้ามนาเทอร์โมมิเตอร์ไปวัดอุณหภูมิของเปลวไฟ เพราะจะทาให้

เทอรโ์ มมิเตอร์แตกได้ และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้

ประโยชน์ของอำกำศ

1. อากาศเปน็ ส่ิงที่จาเปน็ ตอ่ การหายใจของสิ่งมชี วี ติ ถ้าขาดอากาศ สิ่งมชี ีวติ จะไมส่ ามารถดารงชวี ิตอยู่ได้
2. อากาศชว่ ยปรับอุณหภมู ิของโลกให้พอเหมาะ โดยทาหน้าที่คลา้ ยเคร่ืองปรับอุณหภมู ไิ มใ่ หร้ อ้ นหรือเยน็ เกินไป

นอกจากนั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกยังทาหน้าที่กรองและดูดรังสีอุลตราไวโอเลตหรือแสงเหนือม่วงไว้ ไม่ให้
ผา่ นเขา้ สู่โลกช้นั ในมากจนเป็นอันตรายตอ่ สงิ่ มีชีวติ
3. ช่วยป้องกันอันตรายจากสิง่ ที่มาจากภายนอกโลก เช่น อุกกาบาต ขยะอวกาศ
4. ทาให้เกดิ เมฆฝน ซึง่ เปน็ ส่งิ สาคญั ในการทาเกษตรกรรมในประเทศ

ประโยชน์ทส่ี าคัญทีส่ ุดของอากาศ คือ ใช้หายใจ ถา้ ไม่มอี ากาศสิง่ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ กไ็ มส่ ามารถดารงชีวิตอยู่ได้ แต่
ปัจจบุ ันเรากาลงั ประสบปญั หาเก่ียวกับอากาศเสยี ซ่ึงสาเหตมุ าจากส่ิงตอ่ ไปนี้

สำเหตขุ องกำรเกดิ อำกำศเสยี หรอื เกดิ มลพษิ ทำงอำกำศ มดี งั นี้

1. เกดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ เชน่ ไฟป่า ภูเขาไฟระเบดิ ทาให้เกิดกลุ่มควนั ไฟ ฝุน่ ละออง และก๊าซตา่ งๆ การเน่า
เปือ่ ยของซากพืชซากสัตว์ ทาใหเ้ กดิ ก๊าซต่างๆ ปะปนในอากาศ

2. การเผาไหมเ้ ชอ้ื เพลิงในเครือ่ งยนต์และควันจากท่อไอเสีย จะปลอ่ ยก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ และก๊าซคาร์บอน
มอนนอกไซด์ ออกมา

3. โรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งน้ัน จะปล่อยควันของสารพิษ ฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ และกา๊ ซคารบ์ อนมอนนอกไซด์ กา๊ ซอืน่ ๆ อกี หลายชนดิ ออกมา

4. โรงไฟฟ้า ใช้เช้ือเพลิงไปเผาไหม้ เช่น น้ามันเตา ถ่านหิน ลิกไนต์ หรือเช้ือเพลิงอ่ืนๆ ไปผลิตกระแสไฟฟา้ ทา
ใหเ้ กดิ ก๊าซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ ก๊าซอนื่ ๆทีเ่ ป็นอนั ตราย

9

5. การเผาไหมข้ องเชอ้ื เพลิงในบา้ น เชน่ การเผาฟนื ถ่าน ในการหุงตม้ ล้วนทาใหเ้ กดิ กา๊ ซคาร์บอนมอนนอกไซด์
และกา๊ ซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์

6. แหล่งน้าเสยี ทาใหเ้ กดิ กา๊ ซไฮโดรเจนซัลไฟด์ และกา๊ ซไฮโดรคาร์บอน
7. การระเหยของสารเคมีต่างๆ เช่น น้ามัน กรด สี เปน็ ต้น
ผลกระทบจำกส่ิงเจือปนในอำกำศ

ผลกระทบจากส่ิงเจือปนในอากาศทาให้เกิดความเสียหายเป็นอันตรายต่อสุขภาพส่ิงมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น
มนุษย์ พืช สัตว์ เปน็ ต้น
แนวทำงในกำรป้องกนั มลพิษในอำกำศ

1. ช่วยกันปลูกต้นไม้ เพราะต้นไม้จะช่วยดูดแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ และคายแก๊สออกซิเจนที่ใช้ในการหายใจ
ออกมา

2. ลดการใช้ผลภิ ณั ฑท์ ีท่ ามาจากโฟมและพลาสติก
3. ไมเ่ ผาขยะทท่ี าให้เกิดควันพษิ แต่ใช้วธิ ีกาจดั โดยการฝงั
4. ช่วยกันจัดระเบียบของบ้านเมอื ง เช่น ปรับปรงุ ชมุ ชนแออดั กวดขันรถทป่ี ลอ่ ยควันเสยี
จำกกำรศึกษำเรอ่ื งอำกำศ สรปุ ได้ว่ำ

โลกของเรามีอากาศและน้าเป็นปัจจัยสาคัญในการดารงชีวิตของมนุษย์ สัตว์ และพืช น้า อากาศเป็นสสาร
ชนิดหน่ึง มีตัวตน มีน้าหนัก ต้องการท่ีอยอู่ าศัย และสัมผัสได้ อากาศประกอบด้วย ไนโตรเจน ร้อยละ 78 ออกซิเจน
ร้อยละ 21 อาร์กอน ร้อยละ 0.93 คาร์บอนไดออกไซด์ ร้อยละ 0.03 ก๊าซอ่ืนๆ ฝุ่นละอองและไอน้า ร้อยละ 0.04
ไอนา้ เป็นสาเหตขุ องการเกดิ ปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ลม พายุ ฟ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง เป็นต้น อากาศเคล่ือนท่ีจากบริเวณท่ีมี
ความหนาแน่นสูงไปยังบริเวณท่ีมีความหนาแน่นต่า อุณหภูมิ คือ ระดับความร้อนหนาวของอากาศ ถ้าอากาศร้อน
อุณหภูมิสูง ถ้าอากาศหนาวอุณหภูมิต่า อากาศช่วยให้สิ่งมีชีวิตดารงอยู่ได้ และปรับอุณหภูมิของโลกให้พอเหมาะ
สาเหตุของอากาศเสีย คือ เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ การเผาไหม้เชอ้ื เพลงิ ในเครอื่ งยนต์ ในโรงงานอุตสาหกรรม
สว่ นประกอบของอำกำศแห้ง

ในอากาศแห้งส่วนใหญ่ จะประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจนประมาณ ร้อยละ 78 แก๊สออกซิเจน ประมาณ
รอ้ ยละ 21 และแกส๊ อน่ื ๆ อกี ประมาณ รอ้ ยละ 1 ไดแ้ ก่ แกส๊ อารก์ อนประมาณ รอ้ ยละ 0.93 แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
ประมาณ ร้อยละ 0.03 นอกจากน้ัน อีกประมาณร้อยละ 0.04 เป็นแก๊สนีออน ฮีเลียม คริปตอน ซีนอน ไฮโดรเจน

10
มีเทน ไนตรัสออกไซด์ และเรดอน ตามปกติแล้ว จะไม่มีอากาศแห้ง เน่ืองจากอากาศท่ัวๆ ไปเป็นอากาศช้ืน0ท่ีมไี อน้า

และแก๊สอ่ืนๆ ปนอย่ดู ้วย
ส่วนประกอบของอำกำศชน้ื

อากาศช้ืน เป็นอากาศที่มีไอน้าปนอยู่ด้วยประมาณ ร้อยละ 0-4 โดยมวลหมายความว่า ถ้าอากาศชื้นมีมวล
1 กิโลกรัม (1,000 กรัม) จะมไี อนา้ อยู่มากทสี่ ดุ 40 กรัม ปริมาณไอน้าในอากาศทาให้ปริมาณแก๊สไนโตรเจนซ่งึ มีอยู่ใน
อากาศแห้งประมาณ ร้อยละ 78 และปริมาณแก๊สออกซิเจนในอากาศแห้งประมาณ ร้อยละ 21 เปลี่ยนแปลงไปจาก
เดิมเลก็ นอ้ ย

11
1

สำเหตุและผลกระทบของมลพิษทำงอำกำศ
สำเหตุของมลพษิ ทำงอำกำศ
สาเหตขุ องการเกดิ มลพิษทางอากาศที่สาคัญ มีดงั นี้

1. ยานพาหนะท่ีใช้เครือ่ งยนต์ รถยนต์เป็นแหลง่ ก่อปญั หาอากาศเสยี มากทส่ี ุด สารที่ออกจาก รถยนต์ท่สี าคัญ
ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ออกไซด์ของไนโตรเจน และของกามะถัน สารพวกไฮโดรคาร์บอนน้ัน
ประมาณ 55 % ออกมาจากทอไอเสีย 25 % ออกมาจากห้องเพลา ข้อเหวี่ยง และอีก 20 % เกิดจากการระเหยใน
คารบ์ ูเรเตอร์ และถงั เช้อื เพลิง ออกไซดข์ องไนโตรเจนคือ ไนตรกิ ออกไซด์ (NO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และไน
ตรสั ออกไซด์ (N2O) เกือบทั้งหมดออกมาจากทอ่ ไอเสยี เป็นพิษต่อมนษุ ยโ์ ดยตรง นอกจากน้ีสารตะก่ัวในนา้ มนั เบนซนิ
ชนดิ ซปุ เปอร์ยังเพ่มิ ปริมาณตะก่ัวในอากาศอีกดว้ ย

2. ควนั ไฟ และก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
- จากโรงงานผลิตสารเคมี ได้แก่ โรงกลั่นน้ามัน โรงผลิตไฟฟ้า โรงงานทาเบียร์ โรงงาน สุรา โรงงานน้าตาล โรงงาน
กระดาษ โรงงานถลุงแร่ โรงงานยอ้ มผ้า โรงงานทาแก้ว โรงงานผลิตหลอดไฟ โรงงานผลิตปุ๋ย และโรงงานผลิตกรด
- พลงั งานที่เกิดจากสารเผาไหม้เช้ือเพลงิ เช่น ถ่านหิน น้ามัน ก๊าซธรรมชาติ ทาใหเ้ พิ่มสาร ต่าง ๆ ในอากาศ อาทิ สาร
ไฮโดรคารบ์ อนตา่ ง ๆ ออกไซดข์ องไนโตรเจน และ กามะถนั ในบรรยากาศ

12
3. แหล่งกาเนิดฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้แก่ บริเวณท่ีกาลังก่อสร้าง โรงงานทาปูนซีเมนต์ โรงงาน โม่หิน2โรงงาน

ทอผา้ โรงงานผลติ โซดาไฟ เหมืองแร่ เตาเผาถ่าน โรงค้าถา่ น เมรเุ ผาศพ

4. แหลง่ หมกั หมมของสิง่ ปฏกิ ูล ไดแ้ ก่ เศษอาหาร และขยะมลู ฝอย

5. ควนั ไฟจากการเผาปา่ เผาไร่นา และจากบุหรี่

6. การทดลองอาวุธนวิ เคลยี ร์ ก่อให้เกิดละอองกัมมนั ตรังสี

7. การตรวจและรักษาทางรังสีวิทยา การใช้เรดิโอไอโซโทป ท่ีขาดมาตรการท่ีถูกต้องในการ ป้องกันสภาวะ
อากาศเสยี

8. อากาศเสียทเ่ี กิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ภเู ขาไฟระเบิด แผ่นดนิ ไหว ไฟป่า กมั มันตรังสีท่ีเกิด
ตามธรรมชาติ กา๊ ซธรรมชาติ เป็นตน้ ความเปน็ พิษเนื่องจากสาเหตุขอ้ น้ีค่อนขา้ งน้อยมาก เนื่องจากต้นกาเนิดอยู่ไกล
จึงเขา้ สูส่ ภาวะแวดล้อมของมนุษย์และสัตวไ์ ด้นอ้ ย

ผลกระทบของมลพษิ ทำงอำกำศ

1. ทาลายสขุ ภาพ อากาศเสยี ทาให้เกิดโรค แพอ้ ากาศ โรคเกย่ี วกับทางเดนิ หายใจ โรค เกีย่ วกบั การไหลเวียน
ของโลหิต ผลทเี่ กดิ ในระยะยาวอาจทาใหถ้ งึ ตายได้

2. ทาลายส่ิงก่อสร้างและเครื่องใช้โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างที่ทาด้วยโลหะทาให้เกิดการสึกกร่อน ทาให้หนังสือ
และศลิ ปกรรมต่าง ๆ เสยี หาย

3. ทาให้ทัศนวิสัยเลวลง และมีผลทาให้อุณหภูมิอากาศลดต่าลงกว่าปกติได้ ทัศนวิสัยเลวลง ก่อให้เกิด
อุบัตเิ หตทุ ั้งในอากาศ ท้องถนน และทอ้ งน้า

กำรเกดิ ลม

ลม คือ อากาศท่ีเคล่ือนที่ การเคล่ือนท่ีของอากาศ เป็นผล เน่ือง จากความแตกต่างของอุณหภูมิสองแห่ง
หรือความ แตกต่างของความกดอากาศสองแห่ง โดยลม จะพัดจากบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูง เข้าสู่บริเวณที่มี
ความกดอากาศตา่ โดยกระแสการไหลของลมจะหยุด หรือความดนั ของสองจดุ มีค่าเท่ากนั อยา่ งไรกต็ ามการ ไหลของ
ลมจะเปลยี่ นแปลงได้ เน่ืองจากปรากฏการณ์ โคริโอลิส

13
3

กระบวนกำรเกดิ ลม
1. เนื่องจากความแตกต่าง ของอุณหภูมิสอง แห่ง อากาศเม่ือได้ความร้อนจะขยายตัว อากาศร้อนจึงลอยตัว

สูงข้ึน อากาศที่อุณหภูมิ ต่ากว่าบริเวณข้างเคียง จะเคลื่อนที่เข้าแทนท่ี การเคลื่อนที่ของอากาศ สองแห่งมี อุณหภูมิ
ตา่ งกนั ทาใหเ้ กิดลม

2. เนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ อากาศเมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัว ทา ใหม้ คี วามหนาแน่น
ลดลง และเป็นผลใหค้ วาม กดอากาศนอ้ ยลงดว้ ย อากาศเย็นบริเวณใกล้ เคยี ง ซึง่ มคี วามหนาแน่นมากกวา่ จะเกดิ การ
เคล่ือนท่ีเข้ามาบริเวณ ท่ีมีความกดอากาศต่า กว่า การเคล่ือนท่ีของอากาศ เน่ืองจากสอง แห่งมี ความ กดอากาศ
ต่างกัน ทาให้เกิดลม
ประโยชนข์ องลม

อากาศท่ีเคลื่อนท่ีย่อมเกิดพลัง เราใช้ประโยชน์จาก พลังของลมได้หลายทางเช่น ใช้หมุนกังหัน ลม เพ่ือช่วย
บดข้าวโพด ให้เปน็ แปง้ หรอื เพ่ือการผลิต กระแสไฟฟา้ ใชห้ มุนกังหนั วดิ น้า และใชส้ าหรับ การแลน่ เรือใบเป็นตน้

บตั รภำพ 14
4

15
5

ใบงำนที่ 1 อำกำศรอบตัวเรำ 16
6
ชือ่ ช้ัน
คำชแี้ จง : ให้นักเรียนเติม  ในหนา้ ข้อทีถ่ กู และเตมิ  ในหน้าข้อทผี่ ดิ เลขที่

_____1. ในอากาศมแี ก๊สออกซเิ จนมากท่ีสดุ
_____2. อากาศทไี่ ม่บริสุทธิ์ มีการปนเปอื้ นของฝุ่นละออง จะมผี ลกระทบต่อระบบหายใจของมนุษย์
_____3. อากาศมสี ถานะเป็นแก๊ส
_____4. คุณสมบตั ขิ องอากาศ คอื ไม่มสี ี ไมม่ ีกลิ่น ไม่มนี า้ หนกั และตอ้ งการที่อยู่
_____5. แกส๊ ออกซเิ จนเป็นแกส๊ ที่มีความสาคัญต่อพืช
_____6. อากาศเสีย คือ อากาศทม่ี แี กส๊ ออกซิเจนนอ้ ย
_____7. ตน้ ไม้ช่วยเพม่ิ ปริมาณแก๊สออกซิเจนในอากาศ
_____8. อากาศเสยี มผี ลกระทบตอ่ ระบบทางเดนิ อาหารมากที่สุด
_____9. แกส๊ ออกซเิ จนมีประโยชน์ต่อการหายใจของคน สัตว์ และพืช
_____10. เมื่อเราเป่าลกู โปง่ แลว้ ลกู โป่งพองโต แสดงวา่ มีอากาศเข้าไปในลกู โปง่

เฉลย ใบงำนท่ี 1 อำกำศรอบตัวเรำ 17
7
ช่ือ ชั้น
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติม  ในหน้าขอ้ ท่ีถกู และเติม  ในหน้าขอ้ ท่ผี ิด เลขที่

_____1. ในอากาศมแี กส๊ ออกซิเจนมากท่ีสุด
_____2. อากาศทไ่ี ม่บรสิ ุทธ์ิ มีการปนเป้อื นของฝุ่นละออง จะมผี ลกระทบต่อระบบหายใจของมนษุ ย์
_____3. อากาศมสี ถานะเปน็ แกส๊
_____4. คุณสมบตั ิของอากาศ คือ ไม่มีสี ไม่มกี ลิ่น ไมม่ นี า้ หนกั และต้องการทีอ่ ยู่
_____5. แก๊สออกซเิ จนเป็นแกส๊ ท่มี ีความสาคัญต่อพชื
_____6. อากาศเสีย คือ อากาศที่มีแก๊สออกซเิ จนนอ้ ย
_____7. ต้นไมช้ ว่ ยเพิ่มปรมิ าณแก๊สออกซเิ จนในอากาศ
_____8. อากาศเสยี มีผลกระทบตอ่ ระบบทางเดนิ อาหารมากทส่ี ุด
_____9. แก๊สออกซเิ จนมีประโยชน์ตอ่ การหายใจของคน สัตว์ และพืช
_____10. เมอื่ เราเปา่ ลกู โปง่ แลว้ ลกู โป่งพองโต แสดงว่ามีอากาศเขา้ ไปในลูกโปง่

ใบงำนท่ี 2 อำกำศบนโลก 18
8
ช่ือ ชั้น
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี เลขท่ี
1. นกั เรยี นคิดว่า มอี ะไรอยู่ในลูกโป่ง

2. นกั เรียนมองเห็นอากาศที่อยใู่ นลูกโป่งหรือไม่

3. ส่วนประกอบในอากาศจะมีสัดส่วนคงท่ตี ลอด ไม่สามารถเปล่ยี นแปลงได้ นกั เรยี นเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอะไร

4. อากาศมีส่วนประกอบอะไรบา้ ง

5. โบกสมดุ ไปมาใกล้ ๆ หนา้ ของตนเอง เราจะรสู้ ึกว่าหนา้ ของเราสมั ผสั กับสิง่ ใด

6. หากนักเรียนตอ้ งการศึกษาสมบัติของอากาศ นักเรียนจะศึกษาสมบัติใด ระหวา่ งอากาศมีมวลกับอากาศตอ้ งการ
ที่อยู่ เพราะอะไร

7. สิง่ ที่ตอ้ งการอากาศเป็นสง่ิ มีชีวติ หรือสงิ่ ไม่มีชีวติ

8. สงิ่ ที่ตอ้ งการอากาศใช้อากาศเพ่ืออะไร

9. “ส่ิงมชี วี ิตบนโลกส่วนใหญ่ไมไ่ ดใ้ ชแ้ กส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ในการดารงชีวติ ดังนั้นแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์จึงไมม่ ี
ความสาคัญกบั ส่งิ มชี ีวิต” นกั เรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะอะไร

เฉลย ใบงำนที่ 2 อำกำศบนโลก 19
9

ชอื่ ช้ัน เลขที่

คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี

1. นักเรียนคดิ วา่ มีอะไรอยใู่ นลูกโป่ง

อากาศ

2. นกั เรียนมองเห็นอากาศท่ีอยู่ในลูกโปง่ หรือไม่

มองไม่เหน็

3. ส่วนประกอบในอากาศจะมสี ัดสว่ นคงทตี่ ลอด ไมส่ ามารถเปลยี่ นแปลงได้ นักเรยี นเหน็ ด้วยหรอื ไม่ เพราะอะไร

ไม่เหน็ ดว้ ย เพราะสดั ส่วนของแก๊สในอากาศไม่คงทีต่ ลอดเวลา บางครงั้ อาจมีแก๊สบางชนดิ หรือมีฝุ่นละอองในอากาศ
มากเกนิ ไป ทาให้เกิดมลพษิ ทางอากาศ

4. อากาศมีส่วนประกอบอะไรบ้าง

แก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซเิ จน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ และแก๊สอนื่ ๆ

5. โบกสมดุ ไปมาใกล้ ๆ หนา้ ของตนเอง เราจะร้สู กึ ว่าหน้าของเราสมั ผสั กับสง่ิ ใด

อากาศ

6. หากนักเรียนตอ้ งการศึกษาสมบัตขิ องอากาศ นกั เรยี นจะศึกษาสมบัตใิ ด ระหว่างอากาศมีมวลกบั อากาศต้องการ
ที่อยู่ เพราะอะไร

ข้นึ อยู่กับคาตอบของนักเรยี น

7. สง่ิ ทตี่ อ้ งการอากาศเปน็ ส่งิ มชี ีวติ หรือส่งิ ไมม่ ีชีวติ

สิ่งมีชวี ติ

8. สงิ่ ทต่ี ้องการอากาศใช้อากาศเพอื่ อะไร

ใชอ้ ากาศในการหายใจ

9. “ส่งิ มีชวี ติ บนโลกส่วนใหญ่ไมไ่ ดใ้ ชแ้ ก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในการดารงชีวิต ดังนัน้ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดจ์ งึ ไม่มี
ความสาคัญกับส่ิงมชี วี ติ ” นักเรียนเห็นดว้ ยหรือไม่ เพราะอะไร

ไมเ่ ห็นดว้ ย เพราะส่ิงมีชีวติ อย่างพชื ใช้แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นกระบวนการสรา้ งอาหาร หากไมม่ แี กส๊
คาร์บอนไดออกไซดพ์ ชื จะไมเ่ จรญิ เตบิ โต ส่งผลกระทบต่อการดารงชีวิตของมนุษย์และสตั ว์อย่างแนน่ อน

20
ใบงำนที่ 3 อำกำศและชีวติ ของสตั ว์

ชื่อ ชัน้ เลขที่
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้
1) นักเรียนคิดว่า ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมกับบริเวณท่ีการจราจรติดขัด สถานที่ใดก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
มากกวา่ กนั เพราะอะไร
2) ผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศมีอะไรบา้ ง

3) ให้นกั เรยี นแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับการปฏบิ ัตติ น เพอ่ื ลดมลพิษทางอากาศ

4) ถา้ นักเรียนอยใู่ นบริเวณหนงึ่ นักเรยี นคิดวา่ ลมจะพัดเข้าหาบริเวณที่นักเรยี นอยหู่ รือพัดออกจากบริเวณที่นักเรียน
อยู่ เพราะอะไร

5) กงั หนั หมนุ ได้อยา่ งไร
6) นกั เรยี นคิดว่า กิจกรรมใดที่ใชป้ ระโยชน์จากลมระหวา่ งการเล่นวา่ วกับการหมนุ กังหันลมเพอ่ื สบู น้า เพราะอะไร

21

เฉลย ใบงำนท่ี 3 อำกำศและชีวติ ของสตั ว์

ชื่อ ชัน้ เลขที่
คำช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1) นักเรียนคิดว่า ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมกับบริเวณที่การจราจรติดขัด สถานท่ีใดก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
มากกว่ากนั เพราะอะไร
(แนวตอบ ขึน้ อยูก่ บั คาตอบของนักเรยี น)
2) ผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศมีอะไรบา้ ง
(แนวตอบ - ทาลายสุขภาพ อากาศเสยี ทาใหเ้ กดิ โรคแพอ้ ากาศ โรคเกย่ี วกับทางเดนิ หายใจ โรคเก่ียวกบั

การไหลเวียนของโลหิต ผลท่ีเกดิ ในระยะยาวอาจทาใหถ้ งึ ตายได้
- ทาลายสิ่งก่อสรา้ งและเครอื่ งใช้โดยเฉพาะส่ิงก่อสร้างทท่ี าด้วยโลหะทาใหเ้ กิดการสกึ กรอ่ น ทาใหห้ นังสือและ

ศลิ ปกรรมตา่ ง ๆ เสียหาย
- ทาให้ทศั นวิสยั ไมด่ ี และมีผลทาใหอ้ ณุ หภมู ิอากาศลดต่าลงกว่าปกตไิ ด้ ทศั นวสิ ยั เลวลง ก่อให้เกิดอุบัตเิ หตุ
ท้ังในอากาศ ทอ้ งถนน และท้องนา้ )
3) ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับการปฏิบตั ิตน เพ่ือลดมลพิษทางอากาศ
- ไมเ่ ผาขยะ
- ลดการใชผ้ ลติ ภัณฑ์ทที่ ามาจากพลาสตกิ
- ช่วยกันปลกู ต้นไม้
- ใชร้ ถจกั รยานหรอื การเดิน
- ใช้พลังงานจากแหล่งพลงั งานหมุนเวียน
4) ถา้ นกั เรยี นอย่ใู นบริเวณหน่ึง นกั เรยี นคดิ ว่า ลมจะพัดเข้าหาบริเวณทีน่ ักเรียนอยหู่ รือพัดออกจากบริเวณที่นกั เรียน
อยู่ เพราะอะไร
(แนวตอบ บริเวณท่เี ราอยนู่ ้นั อากาศเป็นอย่างไร หากบรเิ วณทอ่ี ย่เู ป็นบรเิ วณทีไ่ ด้รบั พลงั งานความร้อนจากดวงอาทิตย์
มากจะคายความร้อนให้แก่อากาศที่ปกคลุมบริเวณน้ัน อากาศจะร้อน มวลอากาศจึงขยายตัวและลอยสูงข้ึน ส่วน
บริเวณทไ่ี ด้รับพลังงานความรอ้ นจากดวงอาทิตย์นอ้ ย อากาศจะเย็น มวลอากาศจึงเคลือ่ นทเ่ี ข้ามาแทนที่อากาศร้อนท่ี
ลอยตัวข้ึน ทาให้บริเวณที่เราอยลู่ มจะพดั เข้าหา ในทางกลับกัน หากบริเวณที่เราอยู่เป็นบริเวณท่ีได้รบั พลังงานความ
ร้อนจากดวงอาทิตย์น้อย อากาศจะเย็น มวลอากาศจะเคล่ือนที่ออกไปแทนที่อากาศรอ้ นท่ีลอยตัวข้ึน ทาให้บริเวณท่ี
เราอยู่ลมจะพดั ออก)
5) กงั หนั หมนุ ไดอ้ ย่างไร
(แนวตอบ มลี มพัด)
6) นกั เรียนคิดว่า กจิ กรรมใดที่ใช้ประโยชน์จากลมระหว่างการเลน่ ว่าวกบั การหมนุ กังหนั ลมเพอื่ สบู น้า เพราะอะไร
(แนวตอบ ทั้ง 2 กิจกรรม ใช้ประโยชน์จากลม เพราะการเล่นว่าวจะต้องใช้แรงลมเพื่อให้วา่ วลอยขึ้นไปอยู่บนทอ้ งฟ้า
สว่ นการหมนุ กงั หันลมเพ่อื สบู นา้ กต็ ้องใช้แรงลมในการทาใหก้ ังหันลมหมนุ วดิ นา้ เข้าไปในพ้ืนที่ท่ีต้องการ)

22

ใบงำนท่ี 4 อำกำศและชวี ติ ของสตั ว์

ช่อื ชัน้ เลขท่ี


Click to View FlipBook Version