คำนำ
กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการ การรับรองบุคคลของสถานศึกษา ว่าเป็นคน
พิการ ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้คนพิการมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก ส่ือ
บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เหมาะสมย่ิงขึ้น โดยได้ออกประกาศ
คณะกรรมการพิจารณาให้คนพิการได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ
การรับรองบุคคลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพกิ าร และให้มีผลบังคบั ใช้ตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เป็นต้นไป โดยสาระของประกาศ คือ คนพิการท่ีจะได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษาต้องได้รับการคัดกรอง
ตามแบบทก่ี ำหนด ผูด้ ำเนินการคัดกรองต้องได้รับการอบรมวธิ ีการใชแ้ บบคัดกรองคนพิการทางการศึกษาก่อน
ปฏิบัติหน้าท่ี ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกำหนดให้มีการอบรมตามหลักสูตร
“ผู้ดำเนินการคัดกรองคนพิการทางการศึกษา” เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ และมีทักษะใน
การใช้แบบคัดกรองคนพิการทางการศึกษาตามแบบที่แนบท้ายประกาศดังกล่าวขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลที่
สถานศกึ ษารบั รองว่าเป็นคนพกิ ารตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการวา่ ดว้ ยการกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์
ของคนพิการทางการศึกษาได้รบั สิทธชิ ่วยเหลอื ทางการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒ จึงได้รวบรวมเอกสาร การ
อบรม ตามหลกั สตู รการอบรม “ผดู้ ำเนนิ การคัดกรองทางการศึกษา” ของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นคู่มือในการดำเนินการคัดกรองนักเรียนในสังกัด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารนี้จะ
เปน็ ประโยชนต์ ่อการนำไปใช้ตามวัตถปุ ระสงค์ขา้ งตน้ ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ
ศนู ย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกลุ่มการศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
สารบญั
เร่ือง หน้า
หน่วยท่ี ๑ สิทธคิ นพิการและกฎหมายทเี่ กยี่ วข้อง ๑
หน่วยท่ี ๒ ประเภทคนพิการทางการศกึ ษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ๑๑
หน่วยที่ ๓ หน่วยที่ ๓ การใชแ้ บบคดั กรองคนพิการทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ ๑๕
พจิ ารณาให้คนพิการไดร้ ับสทิ ธชิ ่วยเหลือทางการศึกษาเรื่อง กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการการ
รับรองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยย่อยท่ี ๓.๑ การใชแ้ บบคัดกรองบุคคลทมี่ ีความบกพร่องทางการเห็น ๑๕
หน่วยยอ่ ยที่ ๓.๒ การใชแ้ บบคดั กรองบคุ คลทม่ี ีบกพร่องทางการได้ยิน ๒๑
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓.๓ การใชแ้ บบคัดกรองบุคคลทมี่ ีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา ๒๖
หน่วยยอ่ ยท่ี ๓.๔ การใชแ้ บบคดั กรองบคุ คลทีม่ ีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลอ่ื นไหว ๓๔
หรอื สุขภาพ
หนว่ ยย่อยท่ี ๓.๕ การใช้แบบคัดกรองบคุ คลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ๔๐
หน่วยยอ่ ยท่ี ๓.๖ การใช้แบบคดั กรองบุคคลที่มีความบกพร่องทางการพดู และภาษา ๕๙
หน่วยยอ่ ยท่ี ๓.๗ การใช้แบบคดั กรองบคุ คลที่มีความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ ๖๕
หนว่ ยย่อยที่ ๓.๘ การใช้แบบคัดกรองบุคคลออทสิ ตกิ ๗๐
หนว่ ยท่ี ๔ เทคนคิ การให้คำปรกึ ษาและการประสานกับผปู้ กครองและผ้ทู เ่ี ก่ียวข้อง ๗๕
หนว่ ยท่ี ๕ การวางแผนการจัดการศึกษาทเี่ หมาะสมกบั ความพิการแต่ละประเภท ๖๘
ภาคผนวก ๘๘
ศูนย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลุม่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
เอกสารประกอบการจดั อบรม
หนว่ ยที่ ๑ สิทธคิ นพิการและกฎหมายทเ่ี ก่ยี วข้อง
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการเพื่อให้รู้เกี่ยวกับสิทธิ และโอกาสทางการศึกษาของคนพิการตาม
กฎหมายมขี อบข่าย ดงั นี้
๑. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐
๒. พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓
๓. พระราชบัญญตั ิการจัดการศกึ ษาสำหรบั คนพิการ พ.ศ.๒๕๕๑ และ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖
๔. พระราชบญั ญัติสง่ เสริมและพัฒนาคุณภาพชวี ติ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖
๕. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอ่ื ง หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารจดั ทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลระดบั
การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๒
๖. ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรบั คนพกิ าร เรื่อง หลกั เกณฑ์การให้ครูการศึกษาพิเศษ
ครู และคณาจารย์ ไดร้ บั การส่งเสรมิ และพัฒนาศกั ยภาพในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๒
๗. นโยบายและจุดเน้นสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
๘. ประกาศคณะกรรมการพิจารณาให้คนพกิ ารไดร้ ับสทิ ธชิ ่วยเหลือทางการศึกษา เร่ืองกำหนด หลกั เกณฑแ์ ละ
วิธีการ การรบั รองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
มีประเดน็ สำคญั พอสรปุ ได้ดังนี้
๑. รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐
เจตนารมณ์
ผูพ้ ิการหรอื ทุพลภาพ ยอ่ มมสี ทิ ธิเสมอกันในการรบั การศกึ ษาไมน่ ้อยกว่า ๑๒ ปี อยา่ งทว่ั ถึงและมีคุณภาพ
การเลือกปฏบิ ัตจิ ะกระทำไมไ่ ด้
มาตรา ๔ ศักดิศ์ รคี วามเปน็ มนุษย์ สทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รบั ความคุ้มครอง
มาตรา ๕ ประชาชนชาวไทยไม่วา่ เหล่ากำเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยใู่ นความค้มุ ครองแหง่ รัฐธรรมนูญนีเ้ สมอกัน
มาตรา ๒๙ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็นและจะกระทบกระเทือน
สาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้ กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมาย
ให้ใชบ้ ังคับแกก่ รณีใดกรณหี นง่ึ หรือแก่บุคคลใดบุคคลหน่งึ เป็นการเจาะจง ทง้ั ต้องระบบุ ทบัญญัตแิ ห่งรัฐธรรมนูญที่
ให้อำนาจในการตรากฎหมายนัน้ ด้วยบทบญั ญตั ิในวรรคหนึ่งและวรรคสองใหน้ ำมาใช้บังคับกับกฎที่ออกโดยอาศยั
อำนาจตามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมายดว้ ยโดยอนโุ ลม
มาตรา ๓๐ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รบั ความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันชายและหญิงมสี ทิ ธิ
เท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ
ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกจิ หรือสังคม ความเชอ่ื
ทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้
มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น
ยอ่ มไม่ถอื เป็นการเลอื กปฏบิ ตั ิโดยไม่เป็นธรรม ตามวรรคสามสิทธิและเสรีภาพในการศึกษา
มาตรา ๔๙ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมี
คุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิตาม
วรรคหนง่ึ และการสนบั สนุนจากรัฐเพือ่ ใหไ้ ด้รบั การศกึ ษาโดยทัดเทยี มกบั บคุ คลอนื่
ศนู ย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒
มาตรา ๕๐บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่
งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชนสทิ ธิในการไดร้ ับบรกิ ารสาธารณสขุ และสวสั ดกิ ารจากรัฐ
มาตรา ๕๒ เด็กและเยาวชน มีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจและสติปัญญา
ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเปน็ สำคัญ
มาตรา ๕๔ บุคคลซึ่งพิการหรือทุพพลภาพ มีสิทธิเข้าถึงและใชป้ ระโยชน์จากสวัสดิการสิ่งอำนวยความสะดวกอนั
เป็นสาธารณะ และความช่วยเหลอื ทีเ่ หมาะสมจากรฐั
มาตรา ๘๐ ระบุว่า รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม การสาธารณสุข การศึกษา และวัฒนธรรม
ดงั ตอ่ ไปน้ี...
(๑) คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน สนับสนุนการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาปฐมวัยส่งเสริม
ความเสมอภาคของหญิงและชายเสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบันครอบครัวและชุมชน รวมท้ัง
ต้องสงเคราะหแ์ ละจัดสวัสดิการใหแ้ กผ่ ู้สูงอายุ ผยู้ ากไร้ ผพู้ ิการหรอื ทุพพลภาพ และผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ใหม้ ี
คุณภาพชีวิตท่ดี ีข้นึ และพ่ึงพาตนเองได้...
กฎหมายรฐั ธรรมนญู นำไปสู่การออกพระราชบัญญัติที่เก่ียวกบั ขอ้ งต่างๆ
๒. พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ แก้ไขเพ่ิมเติม
(ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓
เจตนารมณ์
ผู้พิการหรือทุพลภาพย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษา ไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่าง
ทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยต้องจัดให้เป็นพิเศษตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและให้มีสิทธิ
ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี
กำหนดในกฎกระทรวงโดยมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซ่ึง
มาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญตั ขิ ึ้นไวโ้ ดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา
มาตรา ๑๐ ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่
น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายการจัดการศึกษา สำหรับบุคคลซึ่งมี
ความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือ
ทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพงึ่ ตนเองได้หรือไม่มีผู้ปกครองหรือด้อยโอกาส ต้องจดั ให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิ
และโอกาสได้รับการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานเป็นพิเศษ การศึกษาสำหรบั คนพกิ ารในวรรคสอง ให้จดั ตั้งแต่แรกเกิดหรอื พบ
ความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความ
ช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศกึ ษา ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่ีกำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๑ บิดา มารดา หรอื ผ้ปู กครองมีหน้าทีจ่ ดั ให้บุตรหรอื บคุ คลซ่งึ อยู่ในความดูแลไดร้ ับการศึกษาภาคบังคับ
ตามมาตรา ๑๗ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนให้ได้รับการศึกษานอกเหนือจากการศึกษาภาคบงั คับ ตาม
ความพรอ้ มของครอบครัว
มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การ
สังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความ
เหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษาใหส้ ถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเขา้
ศกึ ษาตอ่ และให้นำผลการประเมนิ ผ้เู รยี นตามวรรคหนึ่งมาใช้ประกอบการพจิ ารณาดว้ ย
ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลุม่ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๓
มาตรา ๒๘ หลักสูตรการศึกษาระดับต่างๆ รวมทั้งหลักสูตรการศึกษาสำหรับบุคคลตามมาตรา ๑๐ วรรค
สอง วรรคสาม และวรรคสี่ ต้องมีลกั ษณะหลากหลาย ทง้ั น้ี ใหจ้ ัดตามความเหมาะสมของแตล่ ะระดับโดยมุ่งพัฒนา
คุณภาพชีวิตของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัยและศักยภาพ สาระของหลักสูตรทั้งที่เป็นวิชาการ และวิชาชีพ ต้องมุ่ง
พัฒนาคนให้มีความสมดุล ทงั้ ดา้ นความรู้ ความคดิ ความสามารถความดงี าม และความรับผิดชอบตอ่ สังคม
๓. พระราชบัญญัติการจดั การศึกษาสำหรับคนพกิ าร พ.ศ.๒๕๕๑ และ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๕๖
เจตนารมณ์
การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลทั่วไป
จึงจำเป็นต้องจัดให้คนพิการมีสิทธิและโอกาสได้รับการบริการและความช่วยเหลือทางการศึกษาเป็นพิเศษตั้งแต่
แรกเกิดหรือพบความพิการ ดังนั้น เพ่ือให้การบริการและการให้ความช่วยเหลือแก่คนพิการในด้านการศึกษา
เป็นไปอย่างทัว่ ถึงทุกระบบและทุกระดบั การศึกษา
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตนิ ี้
“คนพิการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือเข้าไปมีส่วน
ร่วมทางสังคม เนื่องจากมีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร จิตใจ อารมณ์
พฤตกิ รรม สติปญั ญา การเรยี นรู้ หรอื ความบกพร่องอื่นใดประกอบกบั มีอปุ สรรคในด้านต่างๆ และมีความต้องการ
จำเป็นพิเศษทางการศึกษาที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านหนึ่งด้านใด เพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมใน
ชีวิตประจำวันหรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไปทั้งนี้ ตามประเภทและหลักเกณฑ์ที่
รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธกิ ารประกาศกำหนด
“ผปู้ กครองคนพกิ าร” หมายความว่า บดิ า มารดา ผูป้ กครอง บตุ ร สามี ภรรยา ญาติ พน่ี ้องหรอื บคุ คลอ่ืน
ใดท่ีรบั ดูแลหรือรับอุปการะคนพกิ าร
“แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล” หมายความว่า แผนซึ่งกำหนด แนว ทางการจัดการศึกษา
ที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการ ตลอดจนกำหนดเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ
บรกิ าร และความช่วยเหลอื อ่นื ใดทางการศึกษาเฉพาะบุคคล
“เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก” หมายความว่า เครื่องมือ อุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์หรือบริการ
ทใ่ี ช้สำหรับคนพิการโดยเฉพาะ หรอื ทมี่ กี ารดดั แปลงหรือปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการ
แต่ละบุคคล เพื่อเพิ่ม รักษา คงไว้ หรือพัฒนาความสามารถและศักยภาพที่จะเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร การสื่อสาร
รวมถงึ กิจกรรมอ่ืนใดในชวี ติ ประจำวนั เพ่อื การดำรงชีวิตอิสระ
“ครูการศึกษาพิเศษ” หมายความว่า ครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษสูงกว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไปและ
ปฏบิ ัติหน้าทีใ่ นสถานศกึ ษาทัง้ ของรัฐและเอกชน
“การเรียนร่วม” หมายความว่า การจัดให้คนพิการได้เข้าศึกษาในระบบการศึกษาทั่วไปทุกระดับและ
หลากหลายรปู แบบรวมถงึ การจดั การศึกษาให้สามารถรองรับการเรยี นการสอนสำหรับคนทุกกล่มุ รวมทั้งคนพกิ าร
“สถานศึกษาเฉพาะความพิการ” หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐหรือเอกชนที่จัดการศึกษาสำหรับคน
พิการโดยเฉพาะท้ังในลกั ษณะอยู่ประจำไป - กลบั และรับบรกิ ารทบ่ี ้าน
“ศูนย์การศกึ ษาพิเศษ” หมายความวา่ สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษานอกระบบ หรือตามอัธยาศยั แก่
คนพิการ ตั้งแต่แรกเกิดหรือแรกพบความพิการจนตลอดชีวิต และจัดการศึกษาอบรมแก่ผู้ปกครองคนพิการ
ครู บุคลากรและชุมชน รวมทั้งการจัดสื่อ เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก บริการและความช่วยเหลืออื่นใด
ตลอดจนปฏิบัตหิ น้าที่อ่ืนตามทีก่ ำหนดในประกาศกระทรวง
ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๔
มาตรา ๕ คนพิการมสี ิทธิทางการศึกษาดงั นี้
(๑) ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการจนตลอดชีวิตพร้อมทั้งได้รับ
เทคโนโลยี สงิ่ อำนวยความสะดวก สอื่ บริการและความช่วยเหลอื อนื่ ใดทางการศกึ ษา
(๒) เลือกบริการทางการศึกษาสถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษา โดยคำนึงถึงความสามารถ
ความสนใจความถนัดและความต้องการจำเป็นพเิ ศษของบุคคลนน้ั
(๓) ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการจัดหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้
การทดสอบทางการศึกษา ท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษของคนพกิ ารแต่ละประเภทและบุคคล
มาตรา ๖ ให้ครูการศึกษาพิเศษในทุกสังกัดมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดให้ครู
การศกึ ษาพิเศษ ครู และคณาจารย์ได้รบั การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ องคค์ วามรู้การศึกษาต่อเนื่องและทักษะ
ในการจัดการศึกษาสำหรบั คนพกิ าร ทงั้ น้ี ตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๘ ให้สถานศึกษาในทุกสังกัดจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล โดยให้สอดคล้องกับความต้องการ
จำเป็นพิเศษของคนพิการ และต้องมีการปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลอย่างน้อยปีละหนึ่งคร้ัง
ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารทีก่ ำหนดในประกาศกระทรวง
ให้สถานศึกษาในทุกสังกัด และศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการอาจจัดการศึกษาสำหรับ คนพิการท้ัง
ในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ในรูปแบบทห่ี ลากหลายท้ังการเรยี นร่วม การจดั การศกึ ษาเฉพาะความพิการ
รวมถึงการใหบ้ ริการฟื้นฟูสมรรถภาพ การพัฒนาศักยภาพในการดำรงชีวิตอิสระการพัฒนาทักษะพื้นฐานท่จี ำเป็น
การฝกึ อาชีพ หรอื การบริการอื่นใดให้สถานศึกษาในทุกสังกดั จัดสภาพแวดล้อม ระบบสนบั สนุนการเรียนการสอน
ตลอดจนบริการเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความชว่ ยเหลืออื่นใดทางการศึกษา ที่คนพิการ
สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชนไ์ ด้ สถานศึกษาใดปฏิเสธไมร่ ับคนพิการเข้าศึกษา ให้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่
เป็นธรรมตามกฎหมายให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนผู้ปกครองคนพิการและประสานความ
รว่ มมอื จากชุมชนหรือนักวิชาชีพเพ่ือให้คนพิการได้รับการศึกษาทุกระดับหรือบริการทางการศึกษาที่สอดคล้องกับ
ความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพกิ ารเก่ียวกบั ท้องถิ่น
มาตรา ๑๐ เพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการให้ราชการส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติ
เทศบญั ญตั ิ ข้อกำหนด ระเบยี บหรือประกาศ แล้วแตก่ รณี ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้
มาตรา ๑๙ ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีหน้าที่ดำเนินการจัดการศึกษาโดยเฉพาะการจัดการเรียนร่วม
การนิเทศ กำกับ ติดตาม เพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้
การดำเนินการบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ตามวรรคหนึ่ง ให้สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษา ขน้ั พื้นฐานให้การสนับสนุน
ทรพั ยากร องคค์ วามรู้และบุคลากรท่ีมคี วามเชยี่ วชาญเฉพาะด้านแกส่ ำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา
๔. พระราชบญั ญัติสง่ เสริมและพฒั นาคุณภาพชวี ติ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๐ และ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ เจตนารมณ์
เพื่อมิให้มีการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เปน็ ธรรมเพราะเหตุสภาพทางกายหรือสขุ ภาพ รวมทั้งใหค้ นพิการมสี ทิ ธิ
ไดร้ ับสงิ่ อำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะและความชว่ ยเหลืออนื่ จากรัฐ ตลอดจนให้รฐั ตอ้ งสงเคราะห์คนพิการ
ใหม้ คี ุณภาพชีวติ ทดี่ แี ละพึ่งตนเองได้ ตามพระราชบญั ญัติ
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ี้
“คนพิการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือเข้าไปมีส่วน
ร่วมทางสังคม เนื่องจากมีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร จิตใจ อารมณ์
พฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้ หรือความบกพร่องอื่นใด ประกอบกับมีอุปสรรคในดา้ นต่างๆ และมีความจำเป็น
เป็นพิเศษทจี่ ะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านหน่ึงด้านใด เพือ่ ให้สามารถปฏบิ ัติกิจกรรมในชวี ิตประจำวันหรือเข้าไป
มีส่วนร่วมทางสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ ตามประเภทและหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนา
ศนู ย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๕
สงั คมและความม่ันคงของมนุษย์ประกาศกำหนดตามประกาศกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์
เรือ่ ง ประเภทและหลกั เกณฑ์ความพกิ าร(ฉบบั ท่ี ๒)พ.ศ.๒๕๕๕ “ขอ้ ๓ ใหก้ าํ หนดประเภทความพกิ ารดงั นี้
(๑) ความพิการทางการเห็น
(๒) ความพิการทางการไดย้ ินหรือสอื่ ความหมาย
(๓) ความพกิ ารทางการเคลือ่ นไหวหรอื ทางรา่ งกาย
(๔) ความพกิ ารทางจติ ใจหรอื พฤติกรรม
(๕) ความพกิ ารทางสตปิ ญั ญา
(๖) ความพิการทางการเรียนรู้
(๗) ความพกิ ารทางออทิสติก”
ใหผ้ ู้ประกอบวชิ าชีพเวชกรรมเปน็ ผู้ตรวจวินิจฉัยและออกใบรับรองความพิการ เพ่อื ประกอบ คำขอมีบัตร
ประจำตัวคนพิการ เว้นแต่นายทะเบียนเห็นว่าเป็นความพิการที่มองเห็นได้โดยประจักษ์ไม่ต้องให้มีการตรวจ
วินจิ ฉัยก็ได้
“การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ” หมายความว่า การเสริมสร้างสมรรถภาพหรือความสามารถของคน
พิการให้มสี ภาพทด่ี ีข้นึ หรอื ดำรงสมรรถภาพหรือความสามารถท่ีมีอยู่เดิมไว้ โดยอาศัยกระบวนการทางการแพทย์
การศาสนา การศึกษา สังคม อาชีพ หรือกระบวนการอื่นใด เพื่อให้คนพิการได้มีโอกาสทำงานหรือดำรงชีวิตใน
สงั คมอย่างเตม็ ศักยภาพ...
มาตรา ๑๕ การกำหนดนโยบาย กฎ ระเบยี บ มาตรการโครงการหรือวิธีปฏิบตั ิของหนว่ ยงานของรัฐ องค์กรเอกชน
หรือบุคคลใดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการจะกระทำมิได้ การกระทำในลักษณะที่
เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึงการกระทำหรืองดเว้นกระทำ
การที่แม้จะมิได้มุ่งหมายให้เป็นการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการโดยตรง แต่ผลของการกระทำนั้นทำให้คนพิการต้อง
เสยี สิทธปิ ระโยชนท์ ี่ควรจะได้รับเพราะเหตุแห่งความพิการด้วย
การเลือกปฏิบัติที่มีเหตผุ ลทางวิชาการ จารีตประเพณีหรือประโยชน์สาธารณะสนับสนุนให้กระทำได้ตาม
ความจำเป็นและสมควรแก่กรณี ไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง แต่
ผู้กระทำการนั้นจะต้องจัดให้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาหรือรักษาซึ่งสิทธิหรือประโยชน์แก่คนพิการตามความ
จำเปน็ เท่าที่จะกระทำได้
มาตรา๑๙ เพื่อประโยชน์ในการได้รับสิทธิตามมาตรา ๒๐ คนพิการอาจยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนพิการต่อนาย
ทะเบยี นกลางหรือนายทะเบยี นจังหวัด ณ สำนกั งานทะเบียนกลาง สำนักงานทะเบียนจังหวัด หรอื สถานที่อื่นตาม
ระเบยี บท่คี ณะกรรมการกำหนดกรณีที่คนพิการเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถหรือคนไร้ความสามารถหรือ
ในกรณที ค่ี นพกิ ารมีสภาพความพิการถึงข้นั ไมส่ ามารถไปยื่นคำขอดว้ ยตนเองได้ ผปู้ กครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาลหรือ
ผปู้ กครองคนพิการ แลว้ แต่กรณี จะยนื่ คำขอแทนก็ได้ แตต่ อ้ งนำหลักฐานว่าเปน็ คนพิการไปแสดงต่อนายทะเบียน
กลางหรือนายทะเบียนจังหวัด แล้วแต่กรณีด้วยการยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนพิการและการออกบัตร การ
กำหนดสิทธิหรือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ การขอสละสิทธิของคนพิการ และอายุบัตรประจำ ตัวคนพิการให้เป็นไป
ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่อื นไขท่ีคณะกรรมการกำหนดในระเบียบ (บัตรประจำตัวคนพกิ ารมอี ายุ ๖ ป)ี
มาตรา ๒๐ คนพิการมีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะตลอดจน
สวัสดิการและความช่วยเหลืออื่นจากรัฐ ดังต่อไปนี้ (๑) ...........(๒) การศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษา
แห่งชาติหรือแผนการศึกษาแห่งชาติตามความเหมาะสมในสถานศึกษาเฉพาะหรือในสถานศึกษาทั่วไป หรือ
การศึกษาทางเลือก หรือการศึกษานอกระบบโดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกส่ือ
บริการ และความช่วยเหลอื อ่นื ใดทางการศกึ ษาสำหรบั คนพิการให้การสนับสนุนตามความเหมาะสม
ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๖
๕. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลระดับ
การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๒
เจตนารมณ์
เพื่อให้คนพิการได้รับบริการทางการศึกษาโดยการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ( IEP)
สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของแต่ละบุคคล และได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความ
ช่วยเหลอื อนื่ ใดทางการศึกษา สำหรับคนพิการ ต้องประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบและกระบวนการในการจดั ทำ
ข้อ ๓ คนพิการที่ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนทางการศึกษา ขอยืมสิ่งอำนวยความสะดวกและสื่อทางการศึกษา
และขอยืมเงินเพื่อจัดซื้อและขอรับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา
จะตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) มถี ่นิ ทีอ่ ยใู่ นประเทศไทย
(๒) มีความต้องการจำเปน็ พิเศษทางการศึกษา ตามท่กี ำหนดไว้ในแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล
(๓) ลงทะเบียนและเข้าศกึ ษาในสถานศึกษา
ขอ้ ๔ กระบวนการจัดทําแผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบุคคล อย่างนอ้ ยต้องประกอบดว้ ย
(๑) จัดประเมนิ ระดบั ความสามารถและความตอ้ งการจําเปน็ พิเศษของผู้เรยี นเปน็ รายบคุ คล
(๒) กาํ หนดเป้าหมายระยะยาว ๑ ปี เปา้ หมายระยะสั้นหรือจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
๖. ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ครูการศึกษาพิเศษ
ครูและคณาจารย์ ไดร้ ับการสง่ เสรมิ และพัฒนาศกั ยภาพในการจดั การศกึ ษา สำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๒
เจตนารมณ์
การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ครูการศึกษาพิเศษ ครูและคณาจารย์ เป็นผู้ที่มีความสำคัญและ
มีความเสียสละ สมควรไดร้ บั การส่งเสริมและพัฒนาศกั ยภาพในการจดั การศึกษาสำหรบั คนพิการ
ขอ้ ๓ ในประกาศนี้
“ครู” หมายความว่า บุคลากรซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้
ของผเู้ รียนดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ ในสถานศึกษาทจี่ ดั การศกึ ษาระดับตำ่ กวา่ ปรญิ ญา
“ครูการศึกษาพิเศษ” หมายความว่า ครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษสูงกว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไปและ
ปฏิบตั ิหนา้ ที่ในสถานศึกษาท้ังของรัฐและเอกชน
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในทุกระดับหรือหน่วยงานการศึกษาอื่นทั้งของ
รฐั และเอกชนทมี่ คี นพิการเข้าเรยี นหรอื ทพี่ ัฒนาบุคลากรทางการศกึ ษาสำหรับคนพกิ าร
ข้อ ๔ ให้ครูการศกึ ษาพิเศษ ครูและคณาจารย์ได้รบั การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพองค์ความรู้การศึกษาต่อเนือ่ ง
และทกั ษะในการจดั การศกึ ษาสำหรบั คนพิการ ดังต่อไปน้ี
(๑) ไดร้ ับการฝกึ อบรมหรือพฒั นาให้มีทักษะเฉพาะในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการแต่ละประเภทอย่าง
น้อยปลี ะหนึ่งครั้ง
(๒) ได้รบั การพฒั นาศักยภาพตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวชิ าชีพอย่างน้อยสามปตี ่อครงั้
(๓) ส่งเสริมและสนับสนุน ให้ได้รับการศึกษาต่อเนื่องทางด้านการศึกษาพิเศษหรือพัฒนาองค์ความรู้ทาง
การศึกษาพเิ ศษท่ีสูงกว่าระดบั ปรญิ ญาตรี
(๔) สง่ เสริมและพัฒนาด้านอ่นื ๆ ตามความเหมาะสมและความจำเปน็ ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ
ขอ้ ๕ เพ่ือประโยชน์ในการจัดการศึกษาสำหรบั คนพิการ การดำเนินการตามข้อ ๔ ให้มีหลกั เกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑) การฝึกอบรมหรือพัฒนาให้มีทักษะเฉพาะในการจัดการศึกษาตาม (๑) ของข้อ ๔ ต้องเป็นหลักสูตร
กลางที่คณะกรรมการได้กำหนดไว้ตามความเหมาะสมและมีลักษณะเฉพาะเพื่อคนพิการแต่ละประเภทและ
ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๗
สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำหลักสตู รกลางดังกล่าวไปใช้การฝึกอบรมหรือพัฒนานั้น ในการนี้ หาก
คณะกรรมการเห็นว่าสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดได้กำหนดหลักสูตรขึ้นเองมีความเหมาะสม
คณะกรรมการก็สามารถให้ความเห็นชอบและถือเปน็ หลักสูตรท่ใี ชฝ้ กึ อบรมหรือพัฒนานั้นได้
(๒) การพัฒนาศักยภาพตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพตาม (๒) ของข้อ ๔ ต้องเป็นหลักสูตรซึ่ง
หน่วยงานที่รับผิดชอบได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการฝึกอบรมเป็นการเฉพาะ โดยหลักสูตรนั้นจะต้องมีลักษณะตาม
มาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชพี การศึกษาพิเศษ ซึ่งมจี ุดมุ่งหมายและวัตถปุ ระสงคร์ วมทั้งโครงสร้างหลกั สูตรการ
ฝกึ อบรมทปี่ ระกอบดว้ ยภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัตติ ลอดจนมกี ารวดั และประเมนิ ผลตามหลกั สตู รนั้น
๗. นโยบายและจุดเนน้ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เกย่ี วกบั การศึกษาคนพกิ าร
เจตนารมณ์
นกั เรยี นในโรงเรยี นเฉพาะความพิการ นักเรยี น ในโรงเรียนศกึ ษาสงเคราะห์และนกั เรยี นพิการในโรงเรียน
เรียนร่วม ได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์พันธกิจ เป้าประสงค์ผลผลิต
จดุ ม่งุ หมาย จดุ เนน้ การดำเนินงานกลยทุ ธ์ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
วสิ ัยทัศน์
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน เปน็ องค์กร หลักขับเคลอ่ื นการจดั การศึกษาขั้นพื้นฐานของ
ประเทศไทย สู่มาตรฐานสากล พร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียนบนพ้ืนฐานของความเปน็ ไทย
พนั ธกจิ
พัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาให้ประชากรวยั เรยี นทุกคน ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ
โดยเน้นการพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความเป็นไทยและห่างไกลยา
เสพติด มีความสามารถตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและพัฒนาสู่คุณภาพ ระดับมาตรฐานสากลด้วยการ
บริหารจัดการแบบมสี ่วนร่วมและกระจายอำนาจตามหลกั ธรรมาภิบาล
เปา้ ประสงค์
๑. ผู้เรียนทกุ คนมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานและพฒั นาสู่ความเป็นเลิศ
๒. ประชากรวัยเรียนทกุ คนได้รับโอกาสในการศึกษาขัน้ พื้นฐาน ตั้งแต่อนุบาลจนจบการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
อยา่ งมีคณุ ภาพทั่วถึงและเสมอภาค
๓. ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาสามารถปฏิบตั งิ าน ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพเต็มตามศักยภาพ
๔. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา มีความเข้มแข็งตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นกลไก
ขับเคลื่อนการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานสคู่ ณุ ภาพระดับมาตรฐานสากล
๕. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ส่วนกลางลดบทบาทและกระจายอำนาจสู่สำนักงานเขต
พน้ื ท่กี ารศกึ ษาและสถานศึกษา รวมทงั้ บูรณาการการทำงานภายในสำนกั ตา่ งๆ
๖. เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรมีความ
ปลอดภัยและมน่ั คง
จดุ มุง่ หมาย
เพื่อมุง่ สวู่ สิ ยั ทัศน์ดงั กลา่ ว สำนกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน จึงกำหนดจดุ ม่งุ หมาย ๕
ประการ คือ
๑. การยกระดับคุณภาพการศึกษาสมู่ าตรฐานสากล
๒. การลดความเหลอ่ื มล้ำและเพมิ่ โอกาสทางการศกึ ษา
๓. ผู้บริหารโรงเรียนและครูมศี ักยภาพอย่างสงู ด้าน การจดั การเรียนรู้
๔. สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาและสถานศึกษาปฏบิ ัติงาน ตามบทบาทหน้าที่อยา่ งเข้มแขง็
ศนู ยพ์ ัฒนาคุณภาพวิชาการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๘
๕. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในส่วนกลาง ลดบทบาทและกระจายอำนาจการบริหาร
จดั การ รวมท้งั บูรณาการการทำงาน
การลดความเหล่อื มลำ้ และเพิ่มโอกาสทางการศกึ ษา
๑. ............
๒. ............
๓. นักเรียนในโรงเรียนเฉพาะความพิการ นักเรียน ในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ และนักเรียนพิการ
ในโรงเรยี น เรยี นร่วม ได้รบั การพัฒนาอยา่ งทว่ั ถึงและมีคุณภาพ
ผู้บริหารโรงเรียนและครมู ศี ักยภาพอย่างสงู ดา้ นการจัดการเรยี นรู้
โดยมุ่งเน้นพัฒนาผู้บริหารโรงเรียนและครูให้ยดึ มั่น ในจรรยาบรรณ มีศักยภาพสูง ด้านการจัดการเรียนรู้
ให้ประสบผลสำเร็จโดยเน้นการจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษา รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรจาก
องค์กรต่างๆ เพอ่ื พฒั นาครูและผูบ้ ริหารตามความต้องการจำเป็นในระหว่างวันหยุดหรือปิดภาคเรยี น
ผลผลติ
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ยังคงผลผลติ เดิมจำนวน ๖ ผลผลิต ไดแ้ ก่
๑) ผู้จบการศึกษาก่อนประถมศึกษา
๒) ผู้จบการศึกษาภาคบงั คบั
๓) ผู้จบการศกึ ษามธั ยมศึกษาตอนปลาย
๔) เดก็ พกิ ารได้รับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานและพฒั นา สมรรถภาพ
๕) เดก็ ด้อยโอกาสไดร้ บั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน
๖) ผูท้ ม่ี ีความสามารถพิเศษได้รับการพัฒนาศกั ยภาพโดยมีหนว่ ยกำกบั ประสานสง่ เสริมการจัดการศึกษา
คอื สำนกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษา จำนวน ๑๘๓ เขตสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา จำนวน
๔๒ เขต และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษซึ่งมีสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหน่วยปฏิบัติการการจัดการศึกษา
เพื่อให้ภารกิจดังกล่าวสามารถตอบสนองสภาพปัญหาและรองรับการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการและ
นโยบายรัฐบาล
ปจั จยั สคู่ วามสำเรจ็
ข้อ ๔. การกระจายโอกาสทางการศึกษา โดยคำนึงถึง การสร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมแก่
ประชาชนทุกกลุ่ม
8. ประกาศคณะกรรมการพิจารณาให้คนพิการได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษา เรื่องกำหนด หลักเกณฑ์
และวธิ ีการ การรับรองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖
เจตนารมณ์
เพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิโอกาสทางการศกึ ษา ในสถานศึกษาตามสภาพความพิการและศักยภาพโดยเร็ว
และใหม้ โี อกาสได้รับการวินจิ ฉัยจากแพทย์เพ่ือใหส้ ามารถรับการศึกษาอยา่ งเหมาะสมต่อไป
ประกอบด้วย
-ประกาศคณะกรรมการพิจารณาให้คนพิการได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษา เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์
และวธิ ีการ การรับรองบุคคล ของสถานศึกษาว่าเปน็ คนพกิ าร
- แบบคัดกรองคนพิการทางการศึกษา เอกสารแก้ไขแบบฯพฤติกรรมและอารมณ์
- หลกั สตู รการอบรมผู้ดาํ เนนิ การคดั กรอง และเอกสารเพิม่ เติม
ศูนยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๙
ใบงาน
หนว่ ยที่ ๑ สิทธคิ นพิการและกฎหมายที่เก่ยี วข้อง
ชื่อ - สกลุ (ผเู้ ข้ารบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำช้ีแจง จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้
๑. บอกชื่อกฎหมายที่ตราขึ้นมาเพื่อรองรับเกี่ยวกับการศึกษาสำหรับคนพิการตามรัฐธรรมนูญ อย่างน้อย ๒ ชื่อ
(๑๐ คะแนน)
....................................................................................................................................................................................
............................................................................ ............................................................................................
๒. บอกสิทธิของคนพิการทางการศึกษา ตามกฎหมายใดก็ได้ โดยบอกชื่อกฎหมายและยกตัวอย่างสิทธิตาม
กฎหมายน้ัน (๒๐ คะแนน)
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
๓. ชีแ้ จงบทบาทหน้าที่ของตัวทา่ นและผู้เกยี่ วขอ้ งในการจัดการศึกษาสำหรับคนพกิ ารในหน่วยงานของตัวท่านตาม
กฎหมาย
๓.๑ ตัวทา่ น (๑๐ คะแนน)
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
................................................. ......................................................................................... ..........................................
๓.๒ ผเู้ กย่ี วข้อง (๑๐ คะแนน)
.................................................................................................................................................................. ..................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ศูนยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๐
แบบสรปุ องค์ความรู้
หน่วยที่ ๑ สิทธิคนพกิ ารและกฎหมายทเ่ี ก่ียวข้อง
ช่อื - สกุล (ผู้เขา้ รบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.ี่ ....................
คำชีแ้ จง ใหท้ า่ นสรุปองค์ความรู้ หนว่ ยที่ ๑ ในลกั ษณะของการเขยี นแผนท่คี วามคิด (Mind Map) หรอื แผนภมู ิ
ตาราง ฯลฯ
ศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๑
เอกสารประกอบการอบรม
หน่วยท่ี ๒ ประเภทคนพิการทางการศกึ ษาตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดอ้ อกประกาศกำหนดประเภทและหลกั เกณฑ์ของคนพกิ ารทางการศึกษาไว้ดงั ตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคน
พกิ ารทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๒”
ข้อ ๒ ประเภทของคนพิการ มีดังตอ่ ไปน้ี
(๑) บคุ คลที่มีความบกพร่องทางการเห็น
(๒) บคุ คลท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางการได้ยิน
(๓) บุคคลที่มีความบกพรอ่ งทางสติปญั ญา
(๔) บุคคลท่มี ีความบกพรอ่ งทางร่างกาย หรือการเคลอ่ื นไหว หรือสุขภาพ
(๕) บุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการเรยี นรู้
(๖) บุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการพดู และภาษา
(๗) บุคคลทีม่ ีความบกพรอ่ งทางพฤติกรรม หรอื อารมณ์
(๘) บคุ คลออทิสตกิ
(๙) บคุ คลพิการซอ้ น
ข้อ ๓ การพิจารณาบุคคลท่ีมีความบกพร่องเพ่ือจดั ประเภทของคนพิการ ใหม้ หี ลักเกณฑด์ งั ตอ่ ไปน้ี
(๑) บุคคลที่มีความบกพรอ่ งทางการเหน็ ได้แก่ บุคคลที่สูญเสียการเห็นตั้งแต่ระดบั เล็กนอ้ ยจนถึงตาบอด
สนิท ซง่ึ แบง่ เปน็ ๒ ประเภทดงั น้ี
(๑.๑) คนตาบอด หมายถึง บคุ คลท่สี ญู เสียการเหน็ มาก จนตอ้ งใชส้ ่ือสัมผสั และส่ือเสียงหากตรวจวัด
ความชัดของสายตาข้างดีเม่ือแก้ไขแล้ว อยู่ในระดบั ๖ ส่วน ๖๐ (๖/๖๐) หรอื ๒๐ ส่วน ๒๐๐(๒๐/๒๐๐) จนถึงไม่
สามารถรับรู้เร่อื งแสง
(๑.๒) คนเหน็ เลอื นราง หมายถึง บุคคลทีส่ ญู เสยี การเห็น แตย่ งั สามารถอา่ นอักษรตวั พิมพ์ขยายใหญ่
ดว้ ยอปุ กรณ์เครือ่ งชว่ ยความพิการ หรอื เทคโนโลยสี ่ิงอำนวยความสะดวก หากวัดความชดั เจนของสายตาข้างดีเมื่อ
แกไ้ ขแลว้ อยใู่ นระดบั ๖ สว่ น ๑๘ (๖/๑๘) หรือ ๒๐ ส่วน ๗๐(๒๐/๗๐)
(๒) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้แก่ บุคคลที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับหูตึงน้อยจนถึง
หูหนวก ซงึ่ แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ดงั นี้
(๒.๑) คนหูหนวก หมายถึง บุคคลที่สูญเสียการได้ยินมากจนไม่สามารถเข้าใจการพูดผ่านทางการได้ยิน
ไม่ว่าจะใส่หรอื ไม่ใสเ่ ครื่องชว่ ยฟงั ซ่งึ โดยทวั่ ไปหากตรวจการได้ยินจะมีการสญู เสยี การไดย้ ิน ๙๐ เดซเิ บลขนึ้ ไป
(๒.๒) คนหูตึง หมายถงึ บุคคลท่มี กี ารไดย้ นิ เหลอื อยูเ่ พียงพอท่ีจะได้ยินการพูดผา่ นทางการไดย้ ิน โดยท่ัวไป
จะใสเ่ คร่ืองช่วยฟัง ซึ่งหากตรวจวัดการไดย้ ินจะมีการสูญเสียการไดย้ ินน้อยกวา่ ๙๐ เดซเิ บลลงมาถึง ๒๖ เดซเิ บล
(๓) บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ได้แก่ บุคคลที่มีความจำกัดอย่างชัดเจนในการปฏิบัติตน
(Functioning) ในปัจจบุ ัน ซึ่งมลี ักษณะเฉพาะ คือ ความสามารถทางสตปิ ัญญาตำ่ กว่าเกณฑ์
เฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญร่วมกับความจำกัดของทักษะการปรับตัวอีกอย่างน้อย ๒ ทักษะจาก ๑๐ ทักษะ ได้แก่ การ
สื่อความหมาย การดูแลตนเอง การดำรงชีวิตภายในบ้านทักษะทางสังคม/การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การรู้จักใช้
ทรัพยากรในชุมชน การรู้จักดูแลควบคุมตนเอง การนำ ความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวัน การทำงาน การใช้เวลาว่าง
การรักษาสขุ ภาพอนามยั และความปลอดภยั ทั้งนี้ไดแ้ สดงอาการดงั กลา่ วก่อนอายุ ๑๘ ปี
ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๒
(๔) บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หรือการเคล่ือนไหว หรอื สุขภาพ ซึง่ แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี
(๔.๑) บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว ได้แก่ บุคคลที่มีอวัยวะไม่สมส่วนหรือขาด
หายไป กระดูกหรอื กล้ามเน้อื ผดิ ปกติ มอี ุปสรรคในการเคลอื่ นไหวความบกพรอ่ งดังกล่าวอาจเกดิ จากโรคทางระบบประสาท
โรคของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกการไมส่ มประกอบมาแตก่ ำเนดิ อบุ ัติเหตุและโรคติดตอ่
(๔.๒) บุคคลที่มีความบกพร่องทางสุขภาพ ได้แก่ บุคคลที่มีความเจ็บป่วยเรื้อรังหรือมีโรคประจำตัว
ซึ่งจำเปน็ ต้องได้รับการรกั ษาอย่างต่อเนื่อง และเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ซึ่งมีผลทำใหเ้ กิดความจำเปน็ ต้องได้รับ
การศกึ ษาพเิ ศษ
(๕) บคุ คลทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ บุคคลทม่ี ีความผดิ ปกติในการทำงานของสมองบางส่วนที่แสดงถึง
ความบกพร่องในกระบวนการเรียนรู้ที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะความสามารถด้านใดด้านหนึง่ หรือหลายดา้ น คือ การอ่าน การเขียน
การคดิ คำนวณ ซ่ึงไม่สามารถเรยี นร้ใู นด้านทบ่ี กพรอ่ งได้ ท้งั ท่มี รี ะดับสตปิ ญั ญาปกติ
(๖) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา ได้แก่ บุคคลที่มีความบกพร่องในการเปล่งเสียงพูด เช่น เสียง
ผดิ ปกติ อตั ราความเร็วและจังหวะการพูดผิดปกติ หรอื บคุ คลท่ีมีความบกพร่อง ในเรอ่ื งความเขา้ ใจหรือการใช้ภาษาพูด การ
เขยี นหรือระบบสญั ลักษณ์อ่ืนทใี่ ชใ้ นการติดต่อส่ือสาร ซึ่งอาจเกย่ี วกบั รูปแบบ เนอ้ื หาและหน้าทข่ี องภาษา
(๗) บุคคลที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม หรืออารมณ์ ได้แก่ บุคคลที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากปกติ
เป็นอย่างมาก และปัญหาทางพฤติกรรมนั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากความบกพร่องหรือความผิดปกติ
ทางจิตใจหรือสมองในสว่ นของการรับรู้ อารมณ์หรอื ความคดิ เชน่ โรคจติ เภท โรคซมึ เศร้า โรคสมองเสื่อม เปน็ ตน้
(๘) บุคคลออทิสติก ได้แก่ บุคคลที่มีความผิดปกติของระบบการทำงานของสมองบางส่วนซึ่งส่งผลต่อ
ความบกพร่องทางพัฒนาการด้านภาษา ด้านสังคมและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และมีข้อจำกัดด้านพฤติกรรม
หรือมีความสนใจจำกดั เฉพาะเรอ่ื งใดเรื่องหน่งึ โดยความผดิ ปกตินัน้ ค้นพบไดก้ ่อนอายุ ๓๐ เดือน
(๙) บุคคลพิการซ้อน ได้แก่ บุคคลที่มีสภาพความบกพร่องหรือความพิการมากกว่าหนึ่งประเภทในบุคคล
เดยี วกนั
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
จุรินทร์ ลกั ษณวิศษิ ฏ์
รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๓
ใบงาน
หน่วยที่ ๒ ประเภทคนพิการทางการศกึ ษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร
ช่อื - สกลุ (ผู้เข้ารบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.ี่ ....................
คำชแี้ จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี
๑. ลักษณะเดน่ ของเด็กทมี่ คี วามบกพร่องทางการไดย้ ิน : เด็กหูตึง มอี ะไรบา้ ง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................. ...................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
๒. ท่านคดิ วา่ เดก็ ทมี่ คี วามบกพรอ่ งทางสติปัญญากับเดก็ ท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้แตกต่างกันอยา่ งไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................... ...........................
....................................................................................................................................................................................
๓. ลกั ษณะเด่นของเด็กออทสิ ตกิ มีอะไรบา้ ง
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวิชาการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๑๔
แบบสรุปองคค์ วามรู้
หน่วยท่ี ๒ ประเภทคนพิการทางการศึกษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อ - สกุล (ผูเ้ ขา้ รบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.ี่ ....................
คำชี้แจง ใหท้ า่ นสรปุ องคค์ วามรู้ หนว่ ยท่ี ๒ โดยเขียนเปน็ แผนทคี่ วามคิด (Mind Map)
ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๕
เอกสารประกอบการอบรม
หนว่ ยที่ ๓ การใช้แบบคัดกรองคนพกิ ารทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาให้คนพิการได้รับสทิ ธิช่วยเหลือทางการศึกษาเรอ่ื ง กำหนดหลักเกณฑ์และวธิ กี าร
การรับรองบคุ คลของสถานศกึ ษาวา่ เป็นคนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓.๑ การใช้แบบคดั กรองบคุ คลที่มคี วามบกพร่องทางการเหน็
เอกสารความรู้
บคุ คลทม่ี ีความบกพร่องทางการเห็น
ความหมายของบุคคลท่มี คี วามบกพร่องทางการเห็น
หมายถงึ บคุ คลที่สูญเสียการเห็นตัง้ แตร่ ะดบั เล็กน้อยจนถึงตาบอดสนทิ ซงึ่ แบง่ เปน็ ๒ ประเภทดงั น้ี
(๑.๑) คนตาบอด หมายถึง บุคคลที่สูญเสียการเห็นมาก จนต้องใช้สื่อสัมผัสและสื่อเสียง หากตรวจวัด
ความชัดของสายตาข้างดีเมื่อแก้ไขแล้ว อยู่ในระดับ ๖ ส่วน ๖๐ (๖/๖๐) หรือ ๒๐ ส่วน ๒๐๐ (๒๐/๒๐๐)
จนถึงไม่สามารถรบั รเู้ ร่ืองแสง
(๑.๒) คนเหน็ เลือนราง หมายถึง บุคคลทส่ี ูญเสยี การเหน็ แตย่ ังสามารถอา่ นอกั ษร ตัวพิมพ์
ขยายใหญ่ด้วยอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ หรือเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก หากวัดความชัดเจนของ
สายตาขา้ งดีเม่ือแกไ้ ขแล้วอยใู่ นระดบั ๖ สว่ น ๑๘ (๖/๑๘) หรือ ๒๐ สว่ น ๗๐ (๒๐/๗๐)
(ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการกำหนดประเภทและหลกั เกณฑ์ของคนพิการทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๒)
ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๖
แบบสรุปองค์ความรู้
หนว่ ยท่ี ๓ การใช้แบบคดั กรองคนพิการทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาใหค้ นพกิ ารได้รบั สทิ ธชิ ่วยเหลอื ทางการศกึ ษาเรอ่ื ง กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการ
การรบั รองบคุ คลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยย่อยที่ ๓.๑ การใชแ้ บบคดั กรองบุคคลท่ีมคี วามบกพร่องทางการเห็น
ชอ่ื - สกุล (ผเู้ ข้ารับการอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๑ ในลักษณะของการเขียนแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือ
แผนภมู ิ ตาราง ฯลฯ
ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๑๗
ใบงาน : กรณศี ึกษา
กิจกรรมที่ปฏิบัติ : ให้ท่านศึกษาพฤติกรรมของเด็กต่อไปนี้ แล้วคัดกรองเด็ก โดยเลือกใช้แบบคัดกรองที่ตรงกับ
พฤติกรรม พรอ้ มระบุว่า เด็กหญิงรำนำ สดี า มคี วามบกพร่องประเภทใด
เด็กหญิงรำนำ สีดา เกิดวันท่ี ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ พบว่ามีเป็นเด็กที่ไม่ชอบสบตา ไม่ค่อยพูดและมักก้ม
ศีรษะ มองสิ่งของ หนังสือ รูปภาพหรือนำเข้ามาดูใกล้ๆ ตา ขณะอ่านหนังสือมักจะอ่านซ้ำบรรทัดหรืออ่านข้าม
บรรทัด มักใช้มือเพื่อสำรวจ/หาสง่ิ ของ ควบคู่กบั การใช้สายตา หรต่ี า กระพรบิ ตา ขย้ีตา กดตา เมื่อใชส้ ายตามากๆ
มกั มอี าการ ปวดตา คันตา บ่อยๆ มองเห็นสิง่ ของเคลือ่ นไหวไปมา
นอกจากนี้ในระหว่างเรียน ยังพบพฤติกรรมที่แสดงออกดังนี้ บอกสีเขียวกับสีฟ้าว่าเป็นสีเดียวกัน หรือสี
แดงกับสีส้มเป็นสเี ดียวกัน เม่อื ดูป้ายขอ้ ความ รูปภาพ วัตถสุ ง่ิ ของต่างๆ ตามป้ายประกาศของโรงเรียนต้องเข้าไปดู
ใกลๆ้ ติดตา
…………………......………………………………
ตวั อยา่ งการคำนวณอายุ
ปี เดอื น วนั
๑ ๑
วันทป่ี ระเมนิ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ = ๒๕๕๗ ๓๐
๐ ๓๑
ยมื ๑ เดือน มา ๓๐ วัน ๑๒ ๓๑
๑๒ ๓๑
๒๕๕๗ ๑ ๒
๑๑ ๒๙
ยมื ๑ ปี มา ๑๒ เดอื น ๒๕๕๖ ๑๑ (๒๙) ใสว่ งเล็บ
๑๑
๒๕๕๖ - ไม่ใส่วัน
ปดั เศษขึ้น
วันเกิด ๒ มกราคม ๒๕๔๙ = ๒๕๔๙
อายทุ ี่ได้ =๗
การกรอกข้อมูล แบบ ๑ =๗
หรอื แบบ ๒ =๗
หรือ แบบ ๓ =๘
เพ่อื ประโยชนข์ องผู้เรียนสามารถเลือกกรอก ได้ ๓ แบบ
ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
ประเมินครั้งท่ี ............................ ๑๘
แบบคดั กรองบคุ คลที่มีความบกพรอ่ งทางการเหน็
ช่อื - นามสกลุ (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว).....................................................................................................
วัน เดอื น ปี เกิด...........................................................................อายุ ............................ ปี ........................เดือน
ระดบั ชนั้ ..............................................................วัน เดอื น ปี ที่ประเมิน...............................................................
คำช้ีแจง
๑. แบบคดั กรองฉบับนีเ้ ป็นแบบคดั กรองเพอ่ื ประโยชนใ์ นทางการจดั การศกึ ษาเทา่ นนั้
๒. วิเคราะหล์ ักษณะ/พฤติกรรม ของเดก็ ซ่ึงเปน็ ลักษณะหรอื พฤติกรรม ที่เดก็ แสดงออกบ่อยๆ โดยให้ทำ
เครือ่ งหมาย /ลงในชอ่ ง “ ใช่ ” หรือ “ไมใ่ ช่ ” ทีต่ รงกบั ลกั ษณะหรือพฤติกรรมนั้นๆ ของเดก็
๓. ผทู้ ำการคดั กรองเบื้องต้นต้องผา่ นการอบรมวธิ ีการใช้และการประเมิน ตามแบบคัดกรองน้แี ละควรสอบถาม
ขอ้ มูลเพ่ิมเติมจากผ้ทู ี่อยู่ใกล้ชิดเดก็ มากทีส่ ดุ เช่น ผปู้ กครองหรือครู เพอ่ื ใหเ้ กิดความชัดเจน ถกู ต้อง
๔. ผคู้ ัดกรองควรจะมอี ยา่ งนอ้ ย ๒ คนขึ้นไป
ท่ี ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่
๑ มกั ก้มศีรษะมองสิ่งของ หนงั สือ รูปภาพหรอื นำเขา้ มาดูใกล้ๆ ตา
๒ เม่อื ดปู า้ ยขอ้ ความ รูปภาพ วตั ถสุ ง่ิ ของตา่ งๆ ตามสาธารณะ ตอ้ งเข้าไปดูใกลๆ้
๓ ขณะอา่ นหนงั สือ มกั จะอ่านซ้ำบรรทดั เดมิ หรอื อา่ นขา้ มบรรทัด
๔ มกั ใชป้ ระสาทสมั ผัสสว่ นอื่น เพือ่ สำรวจ / หาส่งิ ของ ควบค่กู ับ การใชส้ ายตา
๕ บอกรายละเอียดของภาพหรือสิง่ ของไมไ่ ด้
๖ เดนิ ดว้ ยความระมัดระวงั กว่าปกติ เดนิ ไม่คลอ่ งตัว มกั ชนและสะดุดวัตถุ
๗ หรีต่ า กระพรบิ ตา ขยี้ตา กดตา เม่อื ใชส้ ายตามากๆ
๘ เคลอ่ื นศรี ษะไปมา เพื่อหาจุดท่มี องเห็นชัดที่สดุ
๙ มักมอี าการปวดศรี ษะ ปวดตา ตาลาย คนั ตา มองเห็นส่งิ ของเคลอ่ื นไหวไปมา
๑๐ บอกความแตกต่างของสที ่ีใกล้เคียงกัน หรอื สีที่ไมต่ ัดกนั ไม่ได้ เชน่ สีเขียว
กับสฟี ้า สีแดงกบั สีสม้
เกณฑก์ ารพิจารณา
ถ้าตอบว่าใช่ ๕ ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็นควรให้การ
ชว่ ยเหลือตามความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศกึ ษาของผเู้ รียนและสง่ ต่อให้จักษุแพทยต์ รวจวนิ ิจฉัยต่อไป
ผลการคดั กรอง
พบความบกพร่อง ไมพ่ บความบกพร่อง
ความคิดเห็นเพิ่มเติม
.................................................................................................................................................... ................................
................................................................................................... .....................................................................
ลงช่ือ ................................................. ใบวฒุ ิบตั ร เลขท.่ี .................................(ผูค้ ดั กรอง)
(....................................................)
ลงช่ือ ................................................. ใบวุฒิบตั ร เลขท.่ี .................................(ผ้คู ดั กรอง)
(....................................................)
ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพิเศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๑๙
คำยนิ ยอมของผปู้ กครอง
ข้าพเจ้า (นาย / นาง / นางสาว)...................................................................................... เป็นผู้ปกครอง
ของ (ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว)................................................................................. ยินยอม ไม่ยนิ ยอม
ให้ดำเนินการคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / นางสาว).............................................................................................
ตามแบบคัดกรองน้ี เมือ่ พบวา่ มีแนวโนม้ เปน็ ผทู้ ีม่ ีความบกพร่องตามแบบคดั กรองขา้ งตน้ ยนิ ดี ไม่ยินดี
ใหจ้ ดั บริการช่วยเหลือทางการศึกษาพิเศษต่อไป
ลงช่ือ ................................................. ผู้ปกครอง
(....................................................)
ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลุม่ การศึกษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒๐
ลำดับ การพจิ ารณาใช้แบบคัดกรอง
๑. ครูสงั เกตเหน็ ปญั หาของนักเรยี นท่ีควรไดร้ บั การช่วยเหลือใหเ้ ขา้ ถงึ การศึกษาเป็นพิเศษ
๒. นำเสนอผู้บริหาร เพื่อพจิ ารณาดำเนินการใช้แบบคัดกรอง
๓. ผู้บรหิ ารหรือผู้ไดร้ ับมอบหมายพจิ ารณา วา่ ควรได้รับการคัดกรอง
๔. ขอความรว่ มมือกับครูผู้ผ่านการอบรมการคัดกรองเพ่ือดำเนินการคัดกรอง
๕. ทำความเข้าใจกบั ผ้ปู กครองและรว่ มมือกับผ้ปู กครองเพ่ือช่วยเหลือนกั เรียน
๖. ขออนุญาตทำการคัดกรองจากผู้ปกครอง โดยผปู้ กครองลงนามยินยอมใหค้ ดั กรอง ในแบบคัดกรอง รวมทง้ั
ยินดีให้ สถานศึกษาจัดบริการช่วยเหลือทางการศึกษาพิเศษเมื่อพบว่ามีแนวโน้มเป็นผู้ที่มีความบกพร่องตาม
แบบคดั กรอง
๗. เตรยี มการคัดกรอง
๘. ดำเนินการคัดกรอง ควรมีผดู้ ำเนินการคดั กรอง ๒ คน
๙. สรุปผลการคัดกรองตามเกณฑ์
๑๐. รายงานผลผ้บู ริหารและผปู้ กครองทราบผลการคัดกรอง
๑๑. - กรณไี มพ่ บความบกพร่อง ใหจ้ ัดการเรียนการสอนโดยหาสาเหตุอนื่ ๆ เพิ่มเตมิ
- กรณีพบความบกพร่อง มีแนวโน้มเป็นคนพิการและผู้ปกครองยินยอมให้บริการจัดการศึกษาพิเศษ
ควรสง่ แพทย์ตรวจวนิ ิจฉยั ออกใบรับรองความพิการหรือใบรับรองแพทยว์ นิ ิจฉัยวา่ เป็นคนพิการ
- กรณพี บความบกพรอ่ ง และผ้ปู กครองไมย่ ินยอมใหจ้ ัดบริการทางการศึกษาพิเศษ
สถานศกึ ษาควรพจิ ารณารว่ มกับผปู้ กครองเพื่อหาแนวทางการจดั การศกึ ษาตอ่ ไป
๑๒. เมอื่ แพทยว์ ินิจฉยั และออกใบรบั รอง สถานศึกษาต้องนำใบรบั รองและข้อมลู จากการคัดกรองมาประกอบ
การพิจารณาจดั ทำแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล และตดิ ตามผลการจดั การเรยี นการสอนตามแผน
๑๓. กรณใี ช้แบบคดั กรองมากกว่า ๑ ประเภทและพบวา่ มีแนวโนม้ มีความบกพร่อง ๒ ประเภทขึน้ ไป ให้สรุป
เปน็ บนั ทึกข้อความว่า มคี วามบกพร่องในลกั ษณะพิการซ้อน
การเตรยี มการคดั กรอง
๑. แบบคัดกรอง เลือกใชแ้ บบคดั กรองใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพปญั หาศึกษาทบทวนเนอ้ื หา
๒. เตรียมสอ่ื อุปกรณ์ ไดแ้ ก่ หนงั สือเรยี น รปู ภาพ แผน่ ภาพสี แบบทดสอบ ฯลฯ
๓. การสอบถามหรือการสัมภาษณ์ ข้อมลู จากผเู้ กี่ยวข้อง ได้แก่
- ผู้ปกครอง
- ครปู ระจำวิชา ครูประจำชนั้ พยาบาลประจำโรงเรียน ข้อมูลสุขภาพ
- เพ่อื นนกั เรยี น
๔. การเตรยี มสถานการณ์ เช่นขอ้ คำถามให้แสดงพฤติกรรม คำสั่งใหป้ ฏบิ ัติ
๕. การเตรยี มสถานที่ เปน็ การกำหนดสถานทเ่ี พื่อสงั เกตพฤตกิ รรม
ศูนย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกลุม่ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒๑
เอกสารประกอบการอบรม
หนว่ ยที่ ๓ การใชแ้ บบคัดกรองคนพกิ ารทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาใหค้ นพิการได้รบั สทิ ธชิ ว่ ยเหลือทางการศึกษาเร่อื ง กำหนดหลกั เกณฑ์และวิธีการ
การรบั รองบคุ คลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยย่อยที่ ๓.๒ การใชแ้ บบคดั กรองบคุ คลที่มบี กพร่องทางการได้ยิน
เอกสารความรู้
บคุ คลทม่ี ีความบกพร่องทางการไดย้ ิน
ความหมายของบคุ คลทม่ี ีบกพร่องทางการไดย้ ิน
หมายถึง บคุ คลทสี่ ญู เสียการไดย้ นิ ตงั้ แต่ระดบั หตู ึงน้อยจนถงึ หูหนวก ซงึ่ แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี
(๒.๑) คนหูหนวก หมายถึง บุคคลที่สูญเสียการได้ยินมากจนไม่สามารถเข้าใจการพูดผ่านทางการได้ยิน
ไมว่ ่าจะใส่หรือไมใ่ สเ่ คร่อื งชว่ ยฟงั ซ่ึงโดยท่ัวไปหากตรวจการไดย้ ินจะมกี ารสูญเสียการไดย้ ิน ๙๐ เดซิเบล ขึน้ ไป
(๒.๒) คนหูตึง หมายถึง บุคคลที่มีการได้ยินเหลืออยู่เพียงพอที่จะได้ยินการพูดผ่านทา งการได้ยิน
โดยทั่วไปจะใส่เครื่องช่วยฟัง ซึ่งหากตรวจวัดการได้ยินจะมีการสูญเสียการได้ยินน้อยกว่า ๙๐ เดซิเบล ลงมาถึง
๒๖ เดซิเบล
(ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ.
๒๕๕๒)
ศูนยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒๒
แบบสรปุ องค์ความรู้
หน่วยที่ ๓ การใช้แบบคดั กรองคนพิการทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาให้คนพกิ ารไดร้ ับสทิ ธิชว่ ยเหลอื ทางการศกึ ษาเรื่อง กำหนดหลักเกณฑแ์ ละวิธีการ
การรับรองบคุ คลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยย่อยท่ี ๓.๒ การใชแ้ บบคัดกรองบุคคลที่มคี วามบกพรอ่ งทางการได้ยนิ
ชอ่ื - สกลุ (ผู้เข้ารับการอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๒ ในลักษณะของการเขียนแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือ
แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ
ศนู ยพ์ ัฒนาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒๓
ใบงาน : กรณีศึกษา
กิจกรรมที่ปฏิบัติ : ให้ท่านศึกษาพฤติกรรมของเด็กต่อไปนี้ แล้วคัดกรองเด็ก โดยเลือกใช้แบบคัดกรองที่ตรงกับ
พฤติกรรม พรอ้ มระบุวา่ เดก็ ชายบนั ลือ กวา้ งไกล มีความบกพร่องประเภทใด
เด็กชายบันลือ กว้างไกล เกิดวันที่ ๑๓ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พบว่ามีพฤติกรรมส่งเสียงดังมากกวา่
ปกติในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินลงส้นเท้า การรับประทานอาหารโดยช้อนกระทบจาน ไม่ตอบสนองหรือ
หันไปมองที่มาของเสียงซ่ึงเกิดอยู่ริบๆ ห้อง ไม่หันศีรษะไปมองเมื่อมีคนเรียกชือ่ ทางข้างหลงั จะใช้ท่าทางในการส่ือ
ความหมายกับผู้อนื่ ไมใ่ ช้ภาษาพูด พูดตามหรอื เลยี นเสยี งพดู ไมไ่ ด้ ตอบไม่ตรงคำถามหรือไม่ตอบคำถาม ในการสนทนาจะ
มองปากหรือจอ้ งหนา้ จอ้ งตาผูพ้ ุดตลอดเวลา ออกเสียงในระดับเดียวกันแต่ไม่เปน็ คำ
ศนู ย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
ประเมินครั้งที่ ............................ ๒๔
แบบคดั กรองบุคคลที่มีความบกพรอ่ งทางการได้ยิน
(เนือ่ งจากไม่มใี บรบั รองความพิการ/สมดุ ประจำตวั คนพิการ/ใบรับรองแพทย)์
ชือ่ -นามสกลุ (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)........................................................................................................
วนั เดือน ปี เกิด.....................................................................อายุ ................................ ปี ..........................เดอื น
ระดบั ช้ัน................................................................ วนั เดอื น ปี ที่ประเมนิ ...........................................................
คำชี้แจง
๑. แบบคัดกรองฉบับนี้เปน็ แบบคัดกรองเพอ่ื ประโยชน์ในทางการจดั การศกึ ษาเทา่ น้นั
๒. วิเคราะห์ลักษณะ/พฤติกรรม ของเด็กซึ่งเป็นลักษณะหรือพฤติกรรม ที่เด็กแสดงออกบ่อยๆ โดยให้ทำ
เครอื่ งหมาย /ลงในช่อง “ ใช่ ” หรอื “ไม่ใช่ ” ทต่ี รงกับลกั ษณะหรือพฤติกรรมน้ันๆ ของเด็ก
๓. ผู้ทำการคดั กรองเบื้องต้นต้องผ่านการอบรมวิธกี ารใช้ และการประเมิน ตามแบบคดั กรองนี้ และควรสอบถามขอ้ มูล
เพ่มิ เตมิ จากผทู้ ่อี ย่ใู กล้ชดิ เดก็ มากทีส่ ดุ เช่น ผปู้ กครองหรือครู เพือ่ ใหเ้ กดิ ความชดั เจน ถูกตอ้ ง
๔. ผู้คัดกรองควรจะมอี ย่างนอ้ ย ๒ คนข้นึ ไป
ท่ี ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไม่ใช่
๑ ไมห่ นั ศรี ษะหาเสยี งเม่ือเรียกชอื่ จากข้างหลงั
๒ ไม่ตอบสนองหรือหันไปมองที่มาของเสยี งซ่ึงเกดิ อยู่รอบๆ ห้อง
๓ มกั ใชท้ า่ ทางในการส่ือความหมายกบั ผู้อืน่ ไม่ใช้ภาษาพดู
๔ ออกเสียงในระดบั เดียวกันแต่ไม่เปน็ คำ
๕ ในการสนทนาจะมองปากหรือจ้องหน้าจ้องตาผู้พดู ตลอดเวลา
๖ ตอบไม่ตรงคำถามหรือไม่ตอบคำถาม
๗ พดู ตามหรือเลยี นเสียงพูดไม่ได้
๘ เป็นหรอื เคยเปน็ โรคหนู ำ้ หนวก
๙ การแสดงออกทางพฤติกรรมในชีวติ ประจำวนั ท่สี ่งเสียงดังมากกว่าปกติ เช่น
การเดนิ ลงส้นเท้า การรับประทานอาหารโดยช้อนกระทบจาน เป็นต้น
เกณฑ์การพิจารณา
ถ้าตอบว่าใช่ ๓ ข้อ ขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินควรให้การ
ชว่ ยเหลอื ตามความต้องการจำเปน็ พิเศษทางการศกึ ษาของผู้เรียน และสง่ ตอ่ ให้แพทยต์ รวจวินจิ ฉยั ต่อไป
ผลการคัดกรอง
พบความบกพร่อง ไม่พบความบกพรอ่ ง
ความคิดเหน็ เพ่ิมเติม
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................
ลงชื่อ ................................................. ใบวฒุ บิ ัตร เลขท.่ี .................................(ผูค้ ัดกรอง)
(....................................................)
ลงชื่อ ................................................. ใบวฒุ บิ ัตร เลขที่..................................(ผู้คัดกรอง)
(....................................................)
ศนู ย์พัฒนาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๒๕
คำยนิ ยอมของผ้ปู กครอง
ข้าพเจ้า (นาย / นาง / นางสาว)................................................................................ ..เป็นผู้ปกครองของ
(ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว)........................................................................... ยนิ ยอม ไมย่ ินยอม
ให้ดำเนินการคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / น.ส.)........................................................................................ตามแบบ
คดั กรองน้ี เมอื่ พบว่ามีแนวโน้มเปน็ ผ้ทู ่ีมคี วามบกพร่องตามแบบคัดกรองข้างตน้ ยินดี ไม่ยนิ ดี
ให้จดั บรกิ ารชว่ ยเหลอื ทางการศึกษาพเิ ศษต่อไป
ลงช่อื ................................................. ผู้ปกครอง
(....................................................)
ศูนยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๒๖
เอกสารประกอบการอบรม
หน่วยที่ ๓ การใช้แบบคัดกรองคนพกิ ารทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาใหค้ นพิการไดร้ ับสิทธชิ ว่ ยเหลือทางการศึกษาเรือ่ ง กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี าร
การรับรองบคุ คลของสถานศกึ ษาว่าเป็นคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยยอ่ ยท่ี ๓.๓ การใชแ้ บบคัดกรองบุคคลที่มคี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญา
เอกสารความรู้
บคุ คลที่มคี วามบกพร่องทางสติปัญญา
๑. ความหมายของบุคคลบกพรอ่ งทางสติปัญญา
บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องกำหนดประเภทและ
หลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้กำหนดหลักเกณฑ์บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
ดังนี้ ได้แก่บุคคลที่ข้อจำกัดอย่างชัดเจนในการปฏิบัติตน (Functioning) ในปัจจุบัน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ คือ
ความสามารถทางสติปัญญาต่ำเกณฑ์เฉลีย่ อย่างมีนยั สำคัญ รว่ มกบั ความจำกัดของทักษะการปรับตัวอีกอย่างน้อย
๒ ทักษะ จาก ๑๐ ทักษะ ได้แก่ การสื่อความหมาย การดูแลตนเอง การดำรงชีวิตในบ้าน ทักษะทางสังคม/การมี
ปฏสิ มั พันธ์กับผอู้ ืน่ การรจู้ ักใชท้ รัพยากรในชมุ ชน การรจู้ กั ควบคมุ ดูแลตนเอง การนำความรมู้ าใชใ้ นชีวิตประจำวัน
การทำงาน การใชเ้ วลาว่าง การรกั ษาสขุ ภาพอนามัยและความปลอดภัย ทั้งนไี้ ด้แสดงอาการดังกลา่ วก่อนอายุ ๑๘ ปี
๒. ลักษณะบุคคลท่มี ีภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา
๒.๑ ความสามารถทางสติปัญญาตำ่ เกณฑ์เฉล่ียอยา่ งมนี ัยสำคัญ
๒.๒ รว่ มกับความจำกดั ของทักษะการปรบั ตวั อกี อยา่ งน้อย ๒ ทักษะ จาก ๑๐ ทกั ษะ ดังนี้
๒.๒.๑ ทักษะการสอื่ สาร
๑) ใชภ้ าษาไมส่ มวัย
๒) ไม่เข้าใจคำสงั่ ไม่สามารถทำตามคำส่ังได้
๒.๒.๒ ทักษะการดูแลตนเอง
๑) ไม่สามารถหรือสามารถดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันได้น้อย ในการรับประทาอาหารการ
อาบน้ำ/แปรงฟัน/การแต่งกาย
๒) ไม่สามารถทำความสะอาดหลงั การขับถา่ ย
๒.๒.๓ ทักษะการดำรงชวี ติ ภายในบา้ น
๑) ต้องกระตนุ้ ในการปฏิบัตกิ ิจวัตรประจำวนั อยู่เสมอ
๒) ช่วยเหลอื ตนเองในชีวิตประจำวนั ได้ตำ่ กวา่ วยั
๒.๒.๔ ทกั ษะทางสงั คม/การปฏสิ ัมพนั ธ์กับผ้อู น่ื
๑) ชอบเล่นกบั เดก็ ทม่ี อี ายนุ อ้ ยกวา่ หรือไม่สามารถเลน่ กบั เพื่อนตามวยั
๒) เลน่ เลียนแบบผู้อนื่ อย่างไมเ่ หมาะสมกบั วัย
๒.๒.๕ ทกั ษะการรจู้ ักใช้ทรัพยากรในชุมชน
๑) มีปัญหาด้านพฤติกรรมในการใช้ส่งิ ของสาธารณะประโยชน์ เชน่ ชอบทำลายหรอื ใช้อยา่ งไมร่ ะมดั ระวัง
๒) ไมร่ จู้ กั วธิ ีการใช้ การจดั เกบ็ และการดแู ลรักษา ของสว่ นรวม
๒.๒.๖ ทกั ษะการรู้จกั ดแู ลควบคุมตนเอง
๑) เอาแตใ่ จตนเอง มอี ารมณ์โกรธ ฉนุ เฉียวบ่อย ๆ
๒) ไมส่ ามารถควบคมุ ตนเองทำตามสง่ิ ทตี่ ้องทำ
ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒๗
๒.๒.๗ ทกั ษะการนำความร้มู าใช้ในชวี ิตประจำวนั
๑) ลืมง่าย/จำในสงิ่ ที่เรียนมาแลว้ ไมไ่ ด้
๒) ไมส่ ามารถนำทกั ษะที่เรยี นร้ไู ปแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าได้
๒.๒.๘ ทักษะการทำงาน
๑) ช่วงความสนใจสั้น ไม่สามารถรับผิดชอบงานทีต่ อ้ งทำ
๒) ทำตามคำส่ังตอ่ เน่ือง ๒ คำส่ังขน้ึ ไปได้ยาก สับสนงา่ ย
๒.๒.๙ ทักษะการใชเ้ วลาว่าง
๑) สนใจสงิ่ รอบตวั น้อย
๒) ใชเ้ วลาวา่ งแสดงพฤติกรรมท่ีไมเ่ หมาะสม
๒.๒.๑๐ ทักษะการรักษาสขุ ภาพอนามัยและความปลอดภยั
๑) ดูแลสุขภาพตนเองได้นอ้ ย เชน่ ล้างมือไมเ่ ปน็ ไมร่ ูจ้ ักรับประทานอาหารทเ่ี ปน็ ประโยชน์
๒) มคี วามระมัดระวังเร่ืองความปลอดภยั ตนเองน้อย
๓. การจำแนกระดับเชาวนป์ ญั ญาของคนท่ัวไป
ศ.นพ.จำลอง ดิษยวณิชและ ศ.ดร.พรมิ้ เพรา ดิษยวณชิ ได้นำเสนอในเวปไซด์ http://www.chamlongclinic-
psych.com/document/intelligence/ เก่ียวกับความสามารถทางสติปญั ญา (IQ) ดงั นี้
การจำแนก IQ และแปลความหมาย.โดยใช้ลักษณะของโค้งปกติรูปทรงกระดิ่ง เพื่อการจำแนกแจกแจง
(bell-shaped normal distribution curve)
จากรปู IQ. ๑๐๐ เปน็ ค่าของ IQ. ปกติของคนทั่วไปอยทู่ ่ีกงึ่ กลางของรูปทรงกระด่งิ
David Wechsler ได้ทำการจำแนกเชาวน์ปญั ญาคนทวั่ ไป ดงั นี้
ศนู ยพ์ ัฒนาคุณภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๒๘
INTELLIGENCE CLASSIFICATIONS
IQ. Classifications % Included
๑๓๐ and + Very Superior ๒.๒
๑๒๐ – ๑๒๙ ๖.๗
๑๑๐ – ๑๑๙ Superior ๑๖.๑
๙๐ – ๑๐๙ Bright Normal ๕๐.๐
๘๐ – ๘๙ ๑๖.๑
๗๐ – ๗๙ Average ๖.๗
๖๙ and - Dull Normal ๒.๒
Borderline
Mental Defective
๔. ระดับความรนุ แรงของภาวะบกพร่องทางสติปัญญา (กลุ ยา กอ่ สวรรณ. ๒๕๕๓ : ๖)
๔.๑ ความบกพร่องทางสติปัญญาระดบั เล็กน้อย (Mild Intellectual Disability)
หมายถงึ สตปิ ญั ญาระดับ ๕๐-๗๐
๔.๒ ความบกพร่องทางสตปิ ัญญาระดบั เล็กปานกลาง (Moderate Intellectual Disability)
หมายถึง สติปญั ญาระดับ ๓๕-๔๙
๔.๓ ความบกพรอ่ งทางสติปัญญาระดับรุนแรง (Severe Intellectual Disability)
หมายถงึ สตปิ ญั ญาระดับ ๒๐-๓๔
๔.๔ ความบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญาระดบั รุนแรงมาก (Profound Intellectual Disability)
หมายถงึ สติปญั ญาต่ำกวา่ ๒๐
ตารางจำแนกเชาวนป์ ัญญา
ไอควิ ระดับเชาวน์ปัญญา
๑๓๐ ขึ้นไป อจั ฉริยะ (Very Superior)
๑๒๐ – ๑๒๙ ฉลาดมาก (Superior)
๑๑๐ – ๑๑๙ คอ่ นขา้ งฉลาด (Bright Normal)
๙๐ – ๑๐๙ ปานกลาง(Average)
๘๐ – ๘๙ ปัญญาทึบ (Dull Normal)
๗๐ – ๗๙ คาบเส้นปัญญาออ่ น (Borderline)
ต่ำกวา่ ๗๐ ปัญญาอ่อน (Mental Retardation)
๕๐ – ๖๙ ปญั ญาอ่อนระดับนอ้ ย (Mild mental retardation)
๓๕ – ๔๙ ปัญญาระดบั ปานกลาง (Moderate mental retardation)
๒๐ – ๓๔ ปญั ญาอ่อนระดบั รนุ แรง (Severe mental retardation)
ต่ำกวา่ ๒๐ ปัญญาอ่อนระดบั รนุ แรงมาก (Profound mental retardation)
ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๒๙
เอกสารอ้างองิ
กลุ ยา กอ่ สวุ รรณ. (๒๕๕๓). การสอนเด็กทม่ี คี วามบกพร่องระดบั เล็กน้อย. ศูนย์พฒั นาศกั ยภาพเด็ก
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรงุ เทพมหานคร: สหมิตรพร้นิ ติ้งแอนพับลิชชิง่ .
จำลอง ดิษยวณชิ และพรม้ิ เพรา ดษิ ยวณชิ . คน้ เมอ่ื วันท่ี ๒ เมษายน ๒๕๕๖
จาก http://www.chamlongclinic-psych.com/document/intelligence
ศนู ย์พฒั นาคุณภาพวชิ าการกล่มุ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๓๐
แบบสรปุ องค์ความรู้
หนว่ ยที่ ๓ การใช้แบบคดั กรองคนพกิ ารทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาใหค้ นพกิ ารไดร้ บั สทิ ธิช่วยเหลอื ทางการศึกษาเรือ่ ง กำหนดหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการ
การรับรองบคุ คลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยที่ ๓.๓ บุคคลทีม่ ีความบกพร่องทางสติปัญญา
ชื่อ - สกลุ (ผ้เู ขา้ รบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.ี่ ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๓ ในลักษณะของการเขียนแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือ
แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ
ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวิชาการกล่มุ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๓๑
ใบงาน : กรณศี ึกษา
คำชี้แจง : ให้ท่านศึกษาพฤติกรรมของเดก็ ต่อไปนี้ แล้วคัดกรองเด็ก โดยเลือกใช้แบบคัดกรองที่ตรงกับพฤติกรรม
พรอ้ มระบวุ ่า เดก็ ชายอำพน คนนยิ ม มีความบกพรอ่ งประเภทใด
เด็กชายอำพน คนนิยม เกิดวันที่ ๒๒ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖ พบพฤติกรรมดังนี้ ใช้ภาษาไม่สมวยั
ลืมง่าย/จำในสิ่งที่เรียนไมไ่ ด้ เรียนรู้บทเรียนไดช้ ้าต้องเรยี นซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น การคิดคำนวณ การเขียน เลียนแบบ
ผู้อื่นโดยไม่ใช้ความคิดของตนเอง ไม่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน ตอบสนองสิ่งต่ างๆ
ในลกั ษณะท่ีไมเ่ หมาะสม มีปญั หาการประสานสัมพันธร์ ะหว่างมือกับสายตาขณะปฏิบัติกจิ กรรรม มีความสามารถ
ในการเคลื่อนไหวช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ไม่พูดหรือพูดได้แต่ไม่ชัด ชอบทำอะไรซ้ำๆ ในลักษณะเดิมเลียนแบบ
ผูอ้ ืน่ โดยไม่ใชค้ วามคดิ ของตนเอง นำทกั ษะที่เคยเรียนรู้แล้วนำไปใชส้ ถานการณ์อ่ืนได้น้อย มอี ารมณโ์ กรธ ฉุนเฉียว
บ่อยๆ มักทำตามคำสั่งไม่ได้ จิตใจวอกแวกง่าย สรุปความไมค่ ่อยได้ เขยี นประโยคไมถ่ กู ต้อง ชอบลอกเลียนแบบไม่
ใช้ความคิดของตนเอง ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลตลอดเวลา ไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบตัว ไม่สามารถนำความรู้ไป
ประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน หรือสามารถดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันได้น้อย ในการรับประทานอาหาร/การ
อาบน้ำ/การแปรงฟัน/การแต่งกายไม่สามารถทำความสะอาดหลังการขับถ่าย ต้องกระตุ้นในการปฏิบัติกจิ วัตรอยู่
เสมอ ชว่ ยเหลือตนเองในชวี ิตประจำวันได้ต่ำกวา่ วัย ชอบเลน่ กับเด็กท่ีมีอายุน้อยกว่า หรอื ไม่สามารถเล่นกับเพื่อน
ตามวัย เล่นเลียนแบบผู้อ่นื อยา่ งไม่เหมาะสมกับวยั มีปัญหาดา้ นพฤติกรรมในการใช้ส่ิงของสาธารณประโยชน์ เช่น
ชอบทำลายหรือใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ไมร่ ูจ้ ักวธิ กี ารใช้ การจัดเก็บและการดูแลรักษาของสว่ นรวม เอาแต่ใจตนเอง
มีอารมณโ์ กรธ ฉุนเฉียวบ่อยๆ ไม่สามารถควบคุมตนเองทำตามสงิ่ ท่ีต้องทำ ลืมง่าย/จำในส่ิงทเี่ รียนมาแล้วไม่ได้ ไม่
สามารถนำทักษะที่เรียนรู้ไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ดูแลสุขภาพตนเองได้น้อย เช่น ล้างมือไม่เป็น หรือไม่รู้จัก
รบั ประทานอาหารทเี่ ป็นประโยชนแ์ ละมคี วามระมดั ระวงั เรื่องความปลอดภัยตนเองนอ้ ย
ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
ประเมนิ คร้ังที่.............. ๓๒
แบบคดั กรองบคุ คลที่มีความบกพรอ่ งทางสติปัญญา
(เน่อื งจากไม่มใี บรับรองความพิการ/สมดุ ประจำตวั คนพิการ/ใบรบั รองแพทย์)
ช่อื - นามสกุล (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)..........................................................................................
วนั เดือน ปี เกดิ ..................................................................อายุ ............................... ปี ...................เดือน
ระดบั ช้นั ............................................................ วัน เดือน ปี ทป่ี ระเมิน...................................................
คำชแี้ จง
๑. แบบคดั กรองฉบับนี้เปน็ แบบคดั กรองเพอื่ ประโยชนใ์ นทางการจัดการศกึ ษาเทา่ นน้ั
๒. วเิ คราะหล์ กั ษณะ/พฤตกิ รรม ของเดก็ ซงึ่ เปน็ ลกั ษณะหรอื พฤตกิ รรม ทเ่ี ด็กแสดงออกบ่อยๆ โดยให้ทำ
เคร่อื งหมาย /ลงในช่อง “ ใช่ ” หรอื “ ไมใ่ ช่ ” ทตี่ รงกบั ลักษณะหรือพฤติกรรมน้นั ๆ ของเดก็
๓. ผู้ทำการคัดกรองเบือ้ งต้นต้องผา่ นการอบรมวิธกี ารใช้ และการประเมนิ ตามแบบคดั กรองน้ี และควร
สอบถามขอ้ มลู เพม่ิ เติมจากผ้ทู ี่อยู่ใกลช้ ดิ เด็กมากทีส่ ุด เช่น ผูป้ กครองหรือครู เพ่อื ให้เกิดความชัดเจนถูกตอ้ ง
๔. ผคู้ ัดกรองควรจะมอี ยา่ งน้อย ๒ คนขน้ึ ไป
ที่ ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวิเคราะห์
ใช่ ไม่ใช่
ทกั ษะการส่ือสาร
๑ ใชภ้ าษาไมส่ มวยั
๒ ไม่เขา้ ใจคำสั่ง ไมส่ ามารถทำตามคำสงั่ ได้
ทกั ษะการดูแลตนเอง
๓ ไม่สามารถ หรือสามารถดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันได้น้อย ในการ
รบั ประทานอาหาร/การอาบนำ้ /แปรงฟัน/การแต่งกาย
๔ ไม่สามารถทำความสะอาดหลังการขับถา่ ย
ทักษะการดำรงชีวติ ภายในบ้าน
๕ ต้องกระตุ้นในการปฏิบตั กิ ิจวัตรประจำวนั อยเู่ สมอ
๖ ชว่ ยเหลือตนเองในชีวติ ประจำวันไดต้ ่ำกว่าวยั
ทกั ษะทางสังคม/การปฏิสัมพันธก์ บั ผูอ้ นื่
๗ ชอบเลน่ กับเดก็ ท่มี ีอายุนอ้ ยกว่า หรือไมส่ ามารถเล่นกบั เพอ่ื นตามวัย
๘ เล่นเลยี นแบบผูอ้ น่ื อยา่ งไมเ่ หมาะสมกับวยั
ทักษะการร้จู กั ใช้ทรัพยากรในชมุ ชน
๙ มปี ญั หาด้านพฤติกรรมในการใชส้ ง่ิ ของสาธารณะประโยชน์ เชน่ ชอบ
ทำลายหรือใช้อย่างไม่ระมัดระวงั
๑๐ ไม่ร้จู กั วิธีการใช้ การจัดเก็บ และการดแู ลรักษา ของส่วนรวม
ทกั ษะการร้จู ักดแู ลควบคมุ ตนเอง
๑๑ เอาแต่ใจตนเอง มีอารมณ์โกรธ ฉนุ เฉยี วบอ่ ย ๆ
๑๒ ไม่สามารถควบคุมตนเองทำตามสิง่ ทีต่ ้องทำ
ทักษะการนำความรู้มาใช้ในชวี ิตประจำวัน
๑๓ ลืมง่าย / จำในส่ิงที่เรยี นมาแล้วไม่ได้
๑๔ ไม่สามารถนำทักษะท่เี รียนรไู้ ปแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าได้
ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุม่ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๓๓
ที่ ลักษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่
ทักษะการทำงาน
๑๕ ช่วงความสนใจสน้ั ไม่สามารถรับผดิ ชอบงานทต่ี ้องทำ
๑๖ ทำตามคำสั่งตอ่ เน่ือง ๒ คำสง่ั ขึ้นไปได้ยาก สับสนง่าย
ทักษะการใชเ้ วลาว่าง
๑๗ สนใจสิง่ รอบตวั น้อย
๑๘ ใชเ้ วลาวา่ งแสดงพฤติกรรมท่ีไมเ่ หมาะสม
ทักษะการรักษาสุขภาพอนามัยและความปลอดภยั
๑๙ ดูแลสุขภาพตนเองได้น้อย เช่น ล้างมือไม่เป็น หรือไม่รู้จักรับประทาน
อาหารที่เปน็ ประโยชน์
๒๐ มคี วามระมดั ระวังเรื่องความปลอดภยั ตนเองน้อย
หมายเหตุ ทัง้ นี้พฤติกรรมดังกล่าวตอ้ งเทียบเคียงกบั พฒั นาการของเด็กท่วั ไป
เกณฑ์การพจิ ารณา
แตล่ ะทักษะถา้ พบว่ามีพฤติกรรม ใช่ ทั้ง ๒ ขอ้ แสดงวา่ ไม่ผา่ น ทกั ษะนนั้ และหากพบวา่ ทกั ษะการ
ปรบั ตวั ไม่ผ่านต้ังแต่ ๒ ทักษะขน้ึ ไป แสดงว่ามีแนวโน้มทจ่ี ะเป็นบคุ คลทม่ี ีความบกพร่องทางสติปัญญา ควรให้การ
ช่วยเหลอื ตามความต้องการจำเปน็ พิเศษทางการศึกษาของผู้เรียน และส่งตอ่ ให้แพทย์ตรวจวนิ จิ ฉัยตอ่ ไป
ผลการคัดกรอง
พบความบกพร่อง ไม่พบความบกพร่อง
ความคดิ เห็นเพ่มิ เติม
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................................................................
ลงช่ือ ................................................. ใบวฒุ ิบัตร เลขท่.ี .................................(ผคู้ ดั กรอง)
(....................................................)
ลงชอื่ ................................................. ใบวุฒบิ ัตร เลขท่ี..................................(ผ้คู ดั กรอง)
(....................................................)
คำยนิ ยอมของผู้ปกครอง
ขา้ พเจ้า(นาย / นาง / นางสาว)....................................................................................... เปน็ ผู้ปกครอง
ของ (ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว............................................................................ ยนิ ยอม ไมย่ นิ ยอม
ใหด้ ำเนนิ การคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / น.ส.)..................................................................................................
ตามแบบคัดกรองนี้ เมื่อพบวา่ มแี นวโน้มเป็นผูท้ ม่ี คี วามบกพร่องตามแบบคดั กรองขา้ งต้น ยนิ ดี ไมย่ ินดี
ใหจ้ ดั บรกิ ารชว่ ยเหลือทางการศึกษาพเิ ศษต่อไป
ลงช่ือ ................................................. ผปู้ กครอง
(....................................................)
ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๓๔
เอกสารประกอบการอบรม
หน่วยที่ ๓ การใช้แบบคดั กรองคนพกิ ารทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาให้คนพิการไดร้ ับสทิ ธิชว่ ยเหลอื ทางการศึกษาเรอื่ ง กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี าร
การรับรองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยย่อยท่ี ๓.๔ การใช้แบบคดั กรองบุคคลที่มีความบกพรอ่ งทางรา่ งกายหรือการเคลือ่ นไหวหรือสขุ ภาพ
เอกสารความรู้
บคุ คลบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลือ่ นไหวหรือสขุ ภาพ
ความหมายของบคุ คลบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลอื่ นไหวหรอื สุขภาพ
บคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางร่างกาย หรอื การเคลอ่ื นไหว หรอื สขุ ภาพ ซึ่งแบง่ เป็น ๒ ประเภท ดังนี้
(๔.๑) บคุ คลท่ีมีความบกพร่องทางรา่ งกาย หรอื การเคลอ่ื นไหว ไดแ้ ก่ บคุ คลท่ีมีอวยั วะไมส่ มส่วนหรือขาด
หายไป กระดูกหรือกล้ามเนื้อผิดปกติ มีอุปสรรคในการเคลื่อนไหว ความบกพร่องดังกล่าวอาจเกิดจากโรคทาง
ระบบประสาท โรคของระบบกลา้ มเนอ้ื และกระดูก การไมส่ มประกอบ มาแตก่ ำเนดิ อุบัติเหตุและโรคติดต่อ
(๔.๒) บุคคลที่มีความบกพร่องทางสุขภาพ ได้แก่ บุคคลที่มีความเจ็บป่วยเรื้อรังหรือมีโรคประจำตัวซึ่ง
จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ซึ่งมีผลทำให้เกิดความจำเป็นต้องได้รับ
การศึกษาพิเศษ
(ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรือ่ งการกำหนดประเภทและหลกั เกณฑ์ของคนพกิ ารทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒)
ศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพวิชาการกลุม่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๓๕
แบบสรุปองคค์ วามรู้
หนว่ ยที่ ๓ การใช้แบบคัดกรองคนพกิ ารทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาใหค้ นพิการไดร้ ับสทิ ธิช่วยเหลือทางการศึกษาเรอ่ื ง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธกี าร
การรับรองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เป็นคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยย่อยท่ี ๓.๔ การใช้แบบคดั กรองบคุ คลที่มคี วามบกพรอ่ งทางรา่ งกายหรอื การเคลอื่ นไหวหรือสขุ ภาพ
ชื่อ - สกลุ (ผเู้ ข้ารบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำชแี้ จง ใหท้ า่ นสรปุ องค์ความรู้ หน่วยยอ่ ยท่ี ๓.๔ ในลักษณะของการเขยี นแผนทค่ี วามคดิ (Mind Map) หรือ
แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ
ศนู ย์พัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๓๖
ใบงาน : กรณศี กึ ษา
กจิ กรรมที่ปฏบิ ัติ : ให้ท่านศึกษาพฤตกิ รรมของเด็กต่อไปน้ี แลว้ คัดกรองเดก็ โดยเลอื กใช้แบบคดั กรองที่ตรงกับ
พฤติกรรม พร้อมระบุวา่ เด็กหญงิ รตี มตี ังค์ มีความบกพร่องประเภทใด
เด็กหญิงรตี มีตังค์ เกิดวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ พบว่ามีอวัยวะช่วงขาสัน้ ยาว ไม่เท่ากัน หรือแขน
ขาลีบ กล้ามเนื้อมีอาการเกร็งและอ่อนแรง เท้ามีลักษณะผิดรูป ไม่มีนิ้วมือ เวลาเดินไปไหนมาไหน ไม่สามารถ
ควบคมุ กลา้ มเนอ้ื ได้และจังหวะการเคลื่อนไหว เช่น กระตุก เกร็ง ไมส่ ามารถนงั่ ลกุ ข้นึ ยืน ยืนทรงตวั เดินทรงตัวได้
ด้วยตนเอง และยังพบวา่ มคี วามเจ็บปว่ ยทตี่ ้องไดร้ ับการรกั ษาเป็นระยะเวลานาน คือเปน็ โรคไขกระดกู ฝ่อ
ศูนยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๓๗
ประเมินคร้ังท่.ี ..................
แบบคัดกรองบุคคลท่ีมบี ุคคลท่ีมคี วามบกพร่องทางรา่ งกาย หรอื การเคล่ือนไหว หรือสุขภาพ
(เนื่องจากไม่มีใบรับรองความพกิ าร/สมุดประจำตัวคนพิการ/ใบรับรองแพทย)์
ชือ่ -นามสกุล (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)........................................................................................................
วัน เดอื น ปี เกดิ ..........................................................................อายุ ............................ ปี .........................เดอื น
ระดับช้นั ............................................................. วัน เดอื น ปี ทปี่ ระเมนิ .............................................................
คำชี้แจง
๑. แบบคัดกรองฉบบั นี้เปน็ แบบคดั กรองเพ่อื ประโยชนใ์ นทางการจดั การศกึ ษาเท่านน้ั
๒. วิเคราะห์ลักษณะ/พฤติกรรม ของเด็กซึ่งเป็นลักษณะหรือพฤติกรรม ที่เด็กแสดงออกบ่อยๆ โดยให้ทำ
เครือ่ งหมาย /ลงในชอ่ ง “ ใช่ ” หรือ “ไมใ่ ช่ ” ทตี่ รงกับลกั ษณะหรือพฤตกิ รรมนัน้ ๆ ของเดก็
๓. ผู้ทำการคัดกรองเบื้องต้นต้องผ่านการอบรมวิธีการใช้ และการประเมิน ตามแบบคัดกรองนี้ และควรสอบถามข้อมูล
เพ่ิมเติมจากผู้ท่อี ยู่ใกล้ชดิ เด็กมากทีส่ ุด เชน่ ผู้ปกครองหรือครู เพ่อื ให้เกดิ ความชัดเจน ถกู ตอ้ ง
๔. ผ้คู ดั กรองควรจะมีอย่างนอ้ ย ๒ คนขึ้นไป
ที่ ลักษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่
ดา้ นร่างกาย
๑ มอี วยั วะไมส่ มสว่ น หรอื แขน ขา ลบี
๒ มอี วยั วะขาดหายไปและเปน็ อุปสรรคในการดำรงชวี ิต
๓ มีการผดิ รูปของกระดูกและข้อ
๔ มีลักษณะกล้ามเนอ้ื แขนขาเกร็ง
๕ มีลกั ษณะกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง
ด้านการเคลื่อนไหว
๖ มีการเคล่ือนไหวทผ่ี ดิ ปกติ ทศิ ทางการเคลื่อนไหว และจงั หวะการเคลื่อนไหว
เช่น กระตุก เกร็ง
๗ ไมส่ ามารถนง่ั ทรงตัวได้ด้วยตนเอง
๘ ไม่สามารถลกุ ข้ึนยืนไดด้ ้วยตนเอง
๙ ไมส่ ามารถยนื ทรงตวั ไดด้ ว้ ยตนเอง
๑๐ ไม่สามารถเดนิ ได้ด้วยตนเอง
ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกล่มุ การศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๓๘
ท่ี ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไม่ใช่
ดา้ นสขุ ภาพ
๑๑ มคี วามเจ็บปว่ ยท่ีต้องได้รบั การรักษาเปน็ ระยะเวลานานและเป็นอปุ สรรคตอ่
การศกึ ษา เช่น
๑๑.๑ ประสบอบุ ตั ิเหตุ ผ่าตดั เป็นต้น
๑๑.๒ เป็นโรคเรือ้ รังหรือมภี าวะผดิ ปกติของระบบตา่ งๆ ดังตอ่ ไปน้ี
ระบบโลหติ เช่น ภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก ธาลัสซีเมีย ไขกระดูกฝอ่
ระบบหัวใจและหลอดเลอื ด เช่น หัวใจพิการแต่กำเนดิ โรคหัวใจรูมาติก
ระบบไต เช่น โรคเนโฟรตกิ โรคไตเร้ือรงั
ระบบประสาท เชน่ อมั พาต สมองพกิ ารลมชกั
ระบบหายใจ เช่น หอบหืด โรคปอด
ระบบภูมิคุม้ กนั และภูมแิ พ้ เชน่ ข้ออักเสบ – รูมาตอยด์, SLE (เอสแอล อี)
ระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคเบาหวาน แคระ หรอื โตผดิ ปกติ
ระบบผวิ หนงั เช่น เดก็ ดกั แด้ เป็นตน้
เกณฑ์การพิจารณา
ดา้ นร่างกายและดา้ นการเคล่ือนไหว
ถ้าตอบว่าใชต่ ั้งแต่ ๑ ข้อ ขึ้นไป แสดงว่ามแี นวโนม้ ท่ีจะเป็นบคุ คลทีม่ ีความบกพร่องทางร่างกาย หรือการ
เคล่ือนไหว ควรใหก้ ารช่วยเหลือตามความต้องการจำเป็นพเิ ศษทางการศกึ ษาของผเู้ รียนและส่งต่อให้แพทย์ตรวจวิ
นจั ฉยั
ดา้ นสุขภาพ
ถ้าตอบว่าใช่ข้อใดข้อหนึ่ง แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลท่ีมีความบกพร่องทางสุขภาพ ควรให้การ
ช่วยเหลือตามความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษทางการศึกษาของผู้เรยี น และส่งต่อใหแ้ พทยต์ รวจวินิจฉัยตอ่ ไป
ผลการคัดกรอง ไมพ่ บความบกพร่อง
พบความบกพร่อง
ความคิดเหน็ เพิม่ เติม
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ ................................................. ใบวฒุ บิ ัตร เลขที่..................................(ผคู้ ัดกรอง)
(....................................................)
ลงชื่อ ................................................. ใบวฒุ บิ ัตร เลขท.่ี .................................(ผคู้ ดั กรอง)
(....................................................)
ศูนย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๓๙
คำยินยอมของผปู้ กครอง
ข้าพเจ้า (นาย / นาง / นางสาว)...................................................................................... เป็นผู้ปกครอง
ของ (ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว) ................................................................................ ยนิ ยอม ไม่ยนิ ยอม
ให้ดำเนินการคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / นางสาว)..........................................................................................
ตามแบบคัดกรองน้ีเม่อื พบวา่ มีแนวโน้มเป็นผูท้ ่มี ีความบกพรอ่ งตามแบบคดั กรองข้างต้น ยนิ ดี ไมย่ นิ ดี
ใหจ้ ดั บริการช่วยเหลอื ทางการศึกษาพิเศษต่อไป
ลงช่ือ ................................................. ผปู้ กครอง
(..................................................)
ศูนยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๔๐
เอกสารประกอบการอบรม
หน่วยที่ ๓ การใช้แบบคัดกรองคนพิการทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาใหค้ นพิการได้รับสทิ ธชิ ่วยเหลอื ทางการศึกษาเรอื่ ง กำหนดหลกั เกณฑ์และวิธกี าร
การรับรองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยย่อยท่ี ๓.๕ บคุ คลท่ีมีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้
เอกสารความรู้
บุคคลที่มคี วามบกพร่องทางการเรียนรู้
๑. ความหมายของบุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการเรียนรู้
บุคคลบกพร่องทางการเรียนรู้ หมายถึง บุคคลที่มคี วามผดิ ปกติในการทำงานของสมองบางสว่ นท่ีแสดงถึง
ความบกพร่องในกระบวนการเรียนรู้ที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะความสามารถดา้ นใดด้านหนง่ึ หรือหลายด้าน คือ การอ่าน
การเขียน การคิดคำนวณ ซ่งึ ไมส่ ามารถเรียนรู้ในด้านทบ่ี กพร่องได้ ทง้ั ที่ระดับสติปัญญาปกติ (พระราชบัญญัติการ
จดั การศึกษาสำหรบั คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๑)
๒. สาเหตขุ องความบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้
ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ก่อให้เกิดปัญหาการเรียนเนื่องมาจากเด็กไม่สามารถเรียนได้ดีเท่ากับ
เด็กปกติทั่วไป การค้นหาความบกพร่องของเดก็ ส่วนมากเปน็ หน้าที่ของบุคลากรทางสาธารณสขุ บุคลากรทางการ
ศึกษาอาจจำเป็นต้องรับรู้ไว้ เพื่อจะได้หาทางจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับกับปัญหาของเด็กต่อไป สาเหตุของ
ความบกพรอ่ งนี้อาจจำแนกได้ดังน้ี
๑. การได้รับบาดเจ็บทางสมอง บุคลากรทางการแพทย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
ในหลายประเทศ มีความเชื่อว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเหล่านี้ไม่สามารถเรียนได้ดีนั้น เนื่องมาจากการได้รับ
บาดเจ็บทางสมอง (Brain Damage) อาจจะเป็นการได้รับบาดเจ็บก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
ก็ได้ การบาดเจบ็ นที้ ำใหร้ ะบบประสาทส่วนกลางไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามการไดร้ บั บาดเจ็บอาจไม่
รุนแรงนัก (Minimal brain dysfunction) สมองและระบบประสาทส่วนกลางยังทำงานได้ดีเป็นส่วนมาก
มีบางส่วนเท่านั้นที่มีความบกพร่องไปบ้างทำให้เด็กมีปัญหาในการรับรู้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ของเด็กแต่
ปญั หานยี้ งั ไม่เปน็ ท่ียอมรบั ทั้งหมดเพราะเด็กบางคนอาจเป็นกรณียกเวน้ ได้
๒. กรรมพนั ธ์ุ งานวิจัยจำนวนมากระบุตรงกนั ว่า ความบกพร่องทางการเรียนรู้บางอย่างสามารถถ่ายทอด
ทางพนั ธุกรรมได้ ดงั นน้ั จะเห็นได้วา่ จากการศึกษาเปน็ รายกรณีพบวา่ เด็กท่มี ีปัญหาทางการเรียนรู้ บางคน อาจมีพี่
น้องเกิดจากท้องเดียวกัน มีปัญหาทางการเรียนรู้เช่นกันหรืออาจมีพ่อแม่ พี่ น้องหรือญาติใกล้ชิดมปี ัญหาทางการ
เรียนรูเ้ ชน่ กนั โดยเฉพาะอย่างยิง่ ปัญหาในการอา่ น การเขียน และการเข้าใจภาษา
มีรายงานการวิจัยที่น่าเชื่อถือได้ว่า เด็กฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดี่ยวกัน (Identical Twin) มีพบว่า ฝาแฝดคน
หนึ่งมีปัญหาในการอา่ น ฝาแฝดอีกคนมกั มีปัญหาในการอ่านเช่นเดียวกนั แต่ปัญหานี้ไม่พบบ่อยนักสำหรับฝาแฝดที่เกดิ
จากไข่คนละใบ (Fraternal Twin) จงึ อาจโดยสรุปได้ว่าปญั หาในการเรียนรูอ้ าจสบื ทอดทางพันธุกรรมได้
๓. สิ่งแวดล้อม สาเหตุทางสภาพสิ่งแวดล้อมนี้ หมายถึง สาเหตุอื่นๆ ที่มาใช่การได้รับบาดเจ็บทางสมอง
และกรรมพันธุ์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กภายหลังการคลอด เมื่อเด็กเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อม
ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น การที่เด็กมีพัฒนาการทางร่างกายล่าช้าด้วยสาเหตุบางประการ การที่ร่างกาย
ได้รับสารบางประการ อันเนื่องมาจากสภาพมลพิษในสิ่งแวดล้อม การขาดสารอาหารในวัยทารกและในวัยเด็ก
การสอนที่ไม่มีประสิทธิภาพของครู ตลอดจนการขาดโอกาสทางการศึกษา เป็นต้น แม้ว่าองค์ประกอบทาง
สภาพแวดล้อมเหล่านี้จะไม่ใช่สาเหตุที่ก่อให้เกิดความบกพร่องทางการเรียนรู้โดยตรง แต่องค์ประกอบเหล่าน้ีอาจ
ทำใหส้ ภาพการเรียนรขู้ องเด็กมีความบกพร่องมากขึ้น
ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๔๑
ปัญหาและความบกพร่องของเด็กกลุ่มนี้ จะเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนตอนเริ่มเข้าเรียน แต่ภาวะปัญหา
ทางการเรียนรู้ของเดก็ แต่ละคนจะแตกต่างกันไป บางคนก็เพียงแต่มีปัญหาเกี่ยวการเรียนรู้เพียงเล็กๆ น้อยๆ เชน่
เขียนตัวหนังสือโย้ไปเย้มา อ่านคำตกๆ หล่นๆ มีความสับสนระหว่าง“ภ กับ ถ”“ b กับ d”แต่บางคนก็มีปัญหา
มากมาย จนส่งผลให้เกิดความยุ่งยากลำบากต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและกระทบไปถึงผู้คนรอบข้างด้วย
นักจิตวิทยาและนักการศึกษาเชื่อวา่ ภาวะที่ความสามารถในการเรียนของบุคคลหรือเดก็ ที่มปี ัญหาทางการเรียนรู้
ตำ่ กวา่ ความสามารถตามอายุระดบั การศึกษาและระดับสตปิ ัญญา
๓. ลักษณะของบุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการเรียนรู้
๓.๑ ลกั ษณะความบกพรอ่ งด้านการอา่ น
ลักษณะของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอ่าน ศรียา นิยมธรรม (๒๕๔๑: ๗๙)
ผดุง อารยะวิญญู (๒๕๔๕: ๑๐-๑๒) สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๑: ๑๐๙)
ได้อธบิ ายลกั ษณะของบุคคลท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอา่ นท่สี อดคล้องกันไว้ ดงั น้ี
๑) อา่ นชา้ อ่านข้าม อา่ นไม่หมด
๒) จำคำศัพท์คำเดมิ ไม่ได้ ท้ังๆ ทเี่ คยผา่ นสายตามาแล้วหลายครั้ง
๓) อ่านเพิ่มคำ ซ้ำคำ อ่านผิดตำแหนง่
๔) อ่านสลับตวั อักษรหรือออกเสียงสลบั กนั เชน่ บก อ่านเปน็ กบ
๕) สับสนในพยัญชนะคลา้ ยกันเชน่ ก ภ ถ, ฦ ฎ ฏ, ด ต ค
๖) จำศัพท์ใหม่ไมค่ ่อยได้
๗) มปี ัญหาในการผสมคำ การอ่านออกเสียงคำ
๘) สบั สนคำท่คี ล้ายกนั เช่น บาน/ บ้าน
๙) อ่านคำทไ่ี ม่คนุ้ เคยไม่ได้
๑๐) อ่านคำในระดบั ชนั้ ของตนเองไม่ได้
๑๑) อา่ นอักษรนำไม่ได้
๑๒) อา่ นขา้ มบรรทัดอา่ นซ้ำบรรทัด
๑๓) อา่ นคำสมาส สนธิ ไม่ได้
๑๔) เปรียบเทยี บความหมายของคำไม่ได้
๑๕) ไม่รู้จกั หนา้ ที่ของคำในประโยค
๑๖) มปี ัญหาในการอ่านคำพ้องรปู พ้องเสียง
๑๗) อ่านราชาศัพท์ไม่ได้
๑๘) อา่ นบทร้อยกรองลำบาก
๑๙) อ่านคำยากประจำบทไม่ได้
๒๐) อา่ นจับใจความสำคัญของเรือ่ งไม่ได้
๒๑) อ่านหลงบรรทัด อ่านซำ้ คำ
๒๒) อา่ นตกหล่น อ่านเพิ่มคำ หาคำมาแทนทหี่ รืออา่ นกลบั คำ
๒๓) อ่านเรยี งลำดับผิด สบั สนตำแหน่ง ประธาน กรยิ า กรรม
๒๔) อ่านสับสนระหวา่ งอักษรหรอื คำที่คลา้ ยคลงึ กัน
๒๕) อ่านชา้ และตะกุกตะกัก
๒๖) อา่ นด้วยความลังเลไมแ่ น่ใจ
๒๗) บอกลำดบั เร่ืองราวไม่ได้
๒๘) จำประเดน็ สำคัญของเร่ืองราวไม่ได้
ศนู ย์พัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพิเศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๔๒
๒๙) แยกสระเสยี งสนั้ – ยาว ไม่ได้
๓๐) ขมวดค้ิว น่ิวหนา้ เวลาอา่ น
๓๑) อา่ นสลบั ตวั อกั ษร
๓๒) การอ่านถอยหลงั
๓๓) อ่านออกเสียงไมช่ ัด
๓๔) จำใจความสำคัญของเรอ่ื งไม่ได้
๓๕) เล่าเรอ่ื งที่อ่านไม่ได้
๓๖) จำข้อเทจ็ จรงิ พืน้ ฐานไม่ได้
๓๗) อ่านคำในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง
๓๘) จำตัวอกั ษรได้บา้ ง แต่อ่านเปน็ คำไม่ได้
๓๙) ความสามารถในการอา่ นต่ำกวา่ นกั เรยี นอ่ืนในช้นั เรียนเดยี วกนั
๔๐) อา่ นคำโดยสลับตวั อกั ษร เช่น กบ เปน็ บก, มอง เป็น ของ, ยอด เป็น ดอย
๓.๒ ลักษณะความบกพรอ่ งด้านการเขยี น
การเขียนเป็นทักษะสูงสุดในกระบวนการทางภาษา ซึ่งประกอบด้วยทักษะในการฟัง การอ่าน การพูด
และการเขยี น การเขียนเป็นการแสดงออก ซึง่ แนวความคดิ ของผเู้ ขยี นเด็กที่มีความบกพรอ่ งในการเขยี น อาจแสดง
พฤตกิ รรมในการเขียนดงั นี้
๑) ไม่ชอบและหลีกเล่ียงการเขยี นหรือการลอกคำ
๒) เขยี นไมส่ วยไมเ่ รียบรอ้ ย สกปรก ขีดท้ิง ลบทิ้ง
๓) เขียนตัวอกั ษรและคำท่ีคลา้ ยๆ กนั ผิด
๔) ลอกคำบนกระดานผิด (ลอกไมค่ รบตกหล่น)
๕) เขยี นหนงั สือไมเ่ ว้นวรรค ไมเ่ ว้นชอ่ งไฟ ตวั อักษรเบียดกันจนทำให้อา่ นยาก
๖) เขียนสลบั ตำแหน่งระหวา่ งพยญั ชนะ สระ เช่น ตโ
๗) เขียนตามคำบอกของคำในระดับชัน้ ตนเองไม่ได้
๘) เขยี นตัวอกั ษรหรอื ตวั เลขกลบั ด้าน คลา้ ยมองกระจกเงา เชน่ ,
๙) เขียนพยญั ชนะหรือตัวเลขที่มีลักษณะคล้ายกันสลบั กนั เชน่ ม-น, ด-ค, พ-ย, b-d, p-q, 6-9
๑๐) เรยี งลำดบั ตัวอกั ษรผดิ เช่น สถติ ิ เป็น สตถิ ิ
๑๑) ฟังคำบรรยายแลว้ จดโนต้ ย่อไม่ได้
๑๒) เขียนคำที่มีตัวการนั ต์ไม่ได้
๑๓) เขียนสรปุ ใจความสำคญั ไม่ได้
๑๔) เขียนบรรยายความรู้สึกนกึ คิดของตนเองไม่ได้
๑๕) เขยี นเรยี งความยาวๆ ไม่ได้
๑๖) เขยี นบรรยายภาพไม่ได้
๑๗) เขียนยอ่ ความไม่ได้
๑๘) เขยี นคำพ้องรูป – พอ้ งเสียงไม่ได้
๑๙) เขยี นคำยากประจำบทไม่ได้
๒๐) เขยี นตามคำบอกไมไ่ ด้
๒๑) ไมส่ ามารถลอกคำทคี่ รูเขยี นบนกระดานลงสมดุ ของนักเรียนได้อยา่ งถูกต้อง
๒๒) เขียนประโยคตามครไู ม่ได้
๒๓) ไมส่ ามารถแยกรปู ทรงเรขาคณิตได้
ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๔๓
๒๔) เขียนไมเ่ ปน็ คำ อาจเป็นลายเส้น แตอ่ ่านไม่ได้
๒๕) เขียนเป็นประโยคไม่ได้ เรียงคำไมถ่ กู ต้อง
ความบกพรอ่ งทางการเขยี นน้ี ไม่รวมไปถึงปญั หาของเดก็ ทเ่ี ขยี นคำยากไม่ได้ อันเนือ่ งมาจากการท่ีเดก็ ไม่
ตั้งใจเรยี น เดก็ ขาดเรียนบอ่ ย หรอื ขีเ้ กียจอา่ นหรือเขยี นหนังสือ การที่ไมส่ ง่ งานทีค่ รมู อบหมายให้ทำ เปน็ ตน้
๓.๓ ลกั ษณะความบกพร่องทางคณติ ศาสตร์
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ประกอบขึ้นด้วยสัญลักษณ์เช่นเดียวกันกับวิชาภาษาไทยเด็กที่มีความบกพร่องใน
การรับรู้เก่ยี วกบั สญั ลกั ษณ์อาจมปี ัญหาในการเรยี นคณิตศาสตร์แสดงพฤติกรรมดงั น้ี
๑) นับเลขเรยี งลำดบั นบั เพ่ิม นบั ลดไม่ได้
๒) ยากลำบากในการบวก ลบจำนวนจริง
๓) ยากลำบากในการใช้เทคนิคการนับจำนวนเพิ่มทีละ ๒, ๕, ๑๐, ๑๐๐
๔) ยากลำบากในการประมาณจำนวนคา่
๕) ยากลำบากในการเปรียบเทยี บ มากกวา่ น้อยกว่า
๖) แกโ้ จทยป์ ญั หางา่ ยๆ ไม่ได้
๗) สบั สนไม่เข้าใจเร่ืองเวลา ทิศทาง
๘) บอกความหมาย หรอื สญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ ไม่ได้ เชน่ +, -, ×, >, <, =
๙) เปรยี บเทยี บขนาด รปู ทรง ระยะทาง ตำแหนง่ ไม่ได้
๑๐) เขียนตวั เลขกลับ เชน่ ร-5, 5-s, 6-9, 9-6
๑๑) ไม่เขา้ ใจความหมายและสัญลักษณท์ างคณิตศาสตร์
๑๒) ไม่สามารถเขียนเศษส่วนในลกั ษณะทศนิยมและทศนิยมซำ้
๑๓) ไมเ่ ขา้ ใจและเขียนจำนวนตรรกยะ และอตรรกยะไม่ได้
๑๔) ไมเ่ ข้าใจและเขียนจำนวนในรปู อัตราสว่ น สัดส่วนและรอ้ ยละในการแกโ้ จทยป์ ัญหา
๑๕) ไมเ่ ขา้ ใจการเขยี นระบบจำนวนจรงิ
๑๖) ไมเ่ ขา้ ใจและเขียนคา่ สัมบูรณไ์ ม่ได้
๑๗) ไมเ่ ขา้ ใจการเขียนจำนวนจรงิ ในรูปเลขยกกำลงั ที่เป็นจำนวนตรรกยะ จำนวนจรงิ ทีอ่ ยใู่ นเกณฑ์
๑๘) ไมเ่ ข้าใจเรือ่ งการประมาณค่า
๑๙) ไม่เขา้ ใจเร่อื งจำนวนเต็มและเศษส่วน
๒๐) ไม่เข้าใจเกย่ี วกบั ระบบจำนวน
๒๑) ไมเ่ ขา้ ใจความหมายของจำนวน เด็กอาจนบั เลข ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖...ได้ แต่ถา้ ครูสงั่ ในหยิบกอ้ นหนิ มา
วางขา้ งหน้า ๕ ก้อน เด็กจะปฏิบัติไมไ่ ด้ การนบั ของเด็กเป็นการทอ่ งจำ ไม่ใช่ความเข้าใจ
๒๒) ไมเ่ หน็ ความสมั พันธร์ ะหว่างสง่ิ ที่ไดย้ นิ กับสง่ิ ท่ีมองเห็น เด็กอาจจะออกเสยี งนับเลข ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ...ได้
แตถ่ ้าใหน้ บั จำนวนนกในภาพบนกระดานดำเดก็ จะนับไมไ่ ด้
ศูนย์พฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๔๔
๒๓) มปี ัญหาในการจดั เรียงลำดับไมส่ ามารถจำแนกวสั ดุทีม่ ขี นาดตา่ งกันที่กองรวมกนั อย่ไู ด้
๒๔) ไมเ่ ข้าใจปริมาณเมอื่ ขนาดเปล่ยี นไป เช่น ธนบัตรใบละ ๒๐ บาท ๑ ใบ มีค่าเท่ากบั เหรยี ญ
๕ บาท จำนวน ๔ เหรียญ
๒๕) ทำเลขไม่ได้ไมว่ ่าจะเปน็ การบวก ลบ คณู หารเพียงอย่างเดยี วหรอื ทั้ง ๔ อยา่ ง
๒๖) ไม่เข้าใจความหมายของสญั ลักษณท์ างคณิตศาสตร์ เชน่ ไมเ่ ข้าใจว่าเครอ่ื งหมาย + แปลวา่
เพิ่มขึ้น มากข้ึน เครื่องหมาย - แปลว่า ลดลง นอ้ ยลง เครอื่ งหมาย × แปลวา่ ทวคี ูณ เป็นตน้
๒๗) ไม่เข้าใจความหมายของตัวเลขที่นำมาเรียงกันในทางคณิตศาสตร์ การเรียงตัวเลขต่างกัน
มีความหมายต่างกัน มีความหมายต่างกัน ดังนั้นเด็กประเภทนี้บางคนไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง
๑๐ กบั ๐๑๓๒ กบั ๒๓๕๑ กบั ๑๕ ทำใหเ้ ด็กไม่สามารถคำนวณเลขได้
๒๘) ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนในการคำนวณได้
๒๙) ไมเ่ ขา้ ใจความหมายการชัง่ การตวง การวดั
๓๐) มปี ญั หาในการอา่ นแผนที่และกราฟ ถา้ เดก็ คนท่ีมีปัญหาเช่นน้ี นงั่ รถไปต่างเมืองกบั เพอื่ น ๒ คน
เพอื่ นของเขาทำหนา้ ทขี่ ับรถ เพ่อื นบอกใหเ้ ขาชว่ ยอ่านแผนท่ี ทั้งสองคนนห้ี ลงทางแนน่ อน
๓๑) มปี ัญหาในการทำเลขโจทย์ปญั หา เพราะเดก็ ไม่เข้าใจความหมายของปญั หาที่เป็นโจทย์ จึงแปล
ความหมายไม่ไดว้ ่าเม่ือใดจะบวก จะลบ จะคูณ จะหาร
๓.๔ ลักษณะความบกพรอ่ งทางพฤติกรรม ลกั ษณะความบกพร่องทางพฤติกรรม มีดงั นี้
๑) ไม่ทำตามคำส่ัง ทำงานไมเ่ สรจ็
๒) มีความยากลำบากในการจัดระบบงาน
๓) ทำของหายบ่อยๆ เป็นประจำ เช่น ของเลน่ ดินสอ หนังสอื อุปกรณก์ ารเรยี น
๔) ลมื ทำกิจกรรมท่ีเปน็ กจิ วตั รประจำวนั
๕) สบั สนด้านซ้าย ขวา
๖) วางสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ไม่เป็นระเบยี บ
๗) เสียสมาธิงา่ ยมองไปยังทุกส่ิงท่ีเคลื่อนไหวผ่านสายตา
๘) มอี าการเครยี ดขณะอ่าน
๙) ใจไม่ค่อยจดจ่ออยู่กบั งาน มองโนน่ มองนีบ่ ่อยๆ
๑๐) หลกี เลย่ี ง ไม่ชอบหรือลงั เลใจทีจ่ ะทำงานหรอื การบา้ นทตี่ อ้ งมรี ะเบยี บและใส่ใจในงาน
๑๑) ลงั เลในความสามารถของตนเอง มักจะพึง่ โชคลางหรอื สง่ิ ภายนอกมากกวา่ การทำงานหนกั
๑๒) ไมท่ ำตามคำส่ัง ทำงานไม่เสร็จ
๑๓) มีความยากลำบากในการจดั ระบบงาน
๑๔) หลกี เลี่ยง ไม่ชอบหรือลังเลใจท่ีจะทำงานหรอื การบ้านท่ตี ้องมีระเบยี บและใสใ่ จในงาน
๑๕) หันเหความสนใจไปสภู่ ายนอกได้ง่าย
๑๖) ลืมทำกจิ กรรมท่ีเป็นกจิ วัตรประจำวนั
๑๗) สบั สนด้านซ้าย ขวา
๑๘) วางสิ่งของเครือ่ งใชไ้ ม่เป็นระเบยี บ
๑๙) ใจไม่ค่อยจดจ่ออยู่กับงาน มองโนน่ มองนบี่ ่อยๆ
๒๐) เสยี สมาธงิ ่ายมองไปยงั ทุกสง่ิ ที่เคลื่อนไหวผา่ นสายตา
ศนู ยพ์ ัฒนาคุณภาพวิชาการกลุ่มการศึกษาพิเศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๔๕
๓.๕ ความบกพร่องทางกระบวนการการคดิ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้จำนวนมาก มีความลำบากในการคิดกระบวนการใช้เหตุผลหรือแนว
ทางการกำหนดความคดิ รวบยอด เช่น คนปกตทิ วั่ ไปจะมองทภ่ี าพรวมของวัตถุก่อนจึงมองส่วนย่อย เดก็ ท่ีมปี ัญหา
ในการเรยี นรู้ อาจแสดงพฤติกรรมเกยี่ วกบั กระบวนการคิดการใช้เหตผุ ล ดงั น้ี
๑) ไม่สามารถบอกความแตกต่าง ของสิ่งที่มองเห็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวัตถุ ๒ อย่างหรือมากกว่า
มีขนาดลกั ษณะคล้ายคลงึ กัน
๒) ไม่สามารถบอกความแตกตา่ ง ของเสียงที่ได้ยินได้ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เสียงท่ีคลา้ ยคลึงกนั หรอื หาก
บอกได้ก็ไมแ่ น่นอน บางทีบอกได้ บางทีบอกไมไ่ ด้
๓) ไมเ่ หน็ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างส่วนย่อยกบั ส่วนใหญ่
๔) มคี วามจำไมด่ ี ไม่ว่าจะเป็นความจำระยะสนั้ หรือความจำระยะยาว จงึ ทำใหเ้ ด็กบางคนไดร้ บั การ
วนิ ิจฉยั วา่ เป็นเด็กปัญญาอ่อน ทั้ง ๆ ที่เขาควรได้รับการตัดสนิ วา่ เปน็ เดก็ ที่มปี ญั หาในการเรียนรู้
๕) ไมม่ คี วามมานะอดทนในการประกอบกจิ กรรมเลย หรอื หากมกี ม็ มี ากจนเกินไป จนบางครัง้ ทำให้
ยากแก่การทำให้เขาเลิกกิจกรรมทที่ ำอยู่
๖) จำสิง่ ทีม่ องเห็นได้ แตห่ ากนำสิ่งของน้นั ให้พน้ สายตาแลว้ เด็กจะจำส่ิงน้ันไมไ่ ด้เลย มพี ฤตกิ รรม
เหมือนไมเ่ คยพบเหน็ วตั ถุนั้นมาก่อน
๗) ไมช่ อบการเปลย่ี นแปลง ทนไม่ไดท้ ีจ่ ะมีการเปลีย่ นแปลงกจิ วตั รประจำวัน
๘) มีพฤตกิ รรมเหมือนคนถูกควบคุมโดยสิง่ อื่นทอ่ี ยภู่ ายนอก เดก็ บางคนจงึ ไม่สามารถควบคมุ ตนเองได้
เสยี สมาธงิ า่ ย เพราะสนใจส่งิ ท่อี ยูภ่ ายนอกห้องเรียนเสมอ
๙) ไม่สนใจส่งิ ที่อยู่รอบตวั หรือไม่กส็ นใจมากเกินไป จนยากท่ีจะดึงความสนใจของเด็กออกจากสิ่งของนน้ั
๑๐) มีการเคล่ือนท่ี เคลื่อนไหวอยู่เสมอ ไม่สามารถอยู่น่ิงเฉยได้นาน
๓.๖ ความบกพร่องด้านอืน่ ๆ
ความบกพร่องด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจจำแนกออกเป็น ๓ ด้าน คือ ความบกพร่องเกี่ยวกับสมาธิ
ความบกพร่องดา้ นการรับรู้ และความบกพรอ่ งดา้ นการเคลื่อนไหว นักจิตวิทยาหลายคน กลา่ ววา่ ความบกพร่องท้ัง
๓ ด้าน เป็นลักษณะหนึ่งที่มีปัญหาในการเรียนรู้ แต่นักวิจัยหลายคนไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามพฤติกรรมจะกล่าว
ดังตอ่ ไปน้ี มกั ปรากฏในเด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้เสมอมากบา้ งน้อยบ้างแตกต่างกันไป ความบกพร่องทั้ง ๓ ด้าน
ได้แก่ ความบกพร่องเกี่ยวกับสมาธิ เด็กที่มีความบกพร่องเกี่ยวกับสมาธิเรียกว่า เด็กสมาธิสั้น สมาคมจิตแพทย์
อเมรกิ นั มขี อ้ กำหนดเก่ียวกับเดก็ สมาธสิ ั้น ดงั น้ี
๓.๖.๑ ความบกพรอ่ งเกย่ี วกับสมาธิ
๑) มักทำงานไม่เสร็จ ทำงานหลายอยา่ งคา้ งไว้
๒) ไมฟ่ ังครู เวลาครูพูด
๓) เสยี สมาธิง่าย
๔) ไม่สามารถมใี จจดจ่ออยู่กับสิ่งทเ่ี รยี นอยู่ได้
๕)ไม่สามารถร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้นานความหุนหนั พลันแลน่ การอยู่ไมน่ ิ่ง
๖) วิ่งไปมาในห้องเรียน หรอื ปีนป่ายบ่อย ๆ
๗) น่ังนงิ่ ได้ไมน่ าน หรอื สะบดั มือไปมาตดิ ต่อกันนาน ๆ
๘) ลุกจากท่นี ั่งบ่อย ๆ
๙) เดินไปมาท่วั ห้องเรียน
๑๐) เคลือ่ นไหวอยู่เสมอ หยุดน่งิ ไม่ได้
ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวิชาการกลมุ่ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒
๔๖
๓.๖.๒ ความบกพร่องเกีย่ วกับการรับรู้ เดก็ อาจแสดงพฤติกรรมดงั น้ี
๑) มีปญั หาในการจำแนกสงิ่ ที่ไดย้ นิ
๒) ไมส่ ามารถจำส่งิ ทเ่ี คยได้ยิน พบเหน็ ได้
๓) ไม่มีความคิดรวบยอดเกยี่ วกบั เวลา
๔) ไมม่ ีความคิดรวบยอดเกย่ี วกบั พนื้ ผิว
๕) ไม่มีความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั ระยะทาง
๖) ไม่มีสามารถแยกวตั ถุออกจากฉากหลงั ได้
๗) ไมส่ ามารถจำแนกส่วนย่อยออกจากส่วนใหญ่ได้
๘) ไมเ่ ข้าใจความหมายของคำว่า ซา้ ย – ขวา หนา้ – หลัง
๙)การทำงานประสานกันระหวา่ งมือกับสายตาไมด่ ี
๓.๖.๓ ความบกพรอ่ งเกยี่ วกับการเคลอ่ื นไหว
ความบกพร่องเกี่ยวกับการเคล่ือนไหวที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องทางการ
เคลือ่ นไหวของเด็กที่ไดร้ ับบาดเจ็บทางสมอง (เด็กซีพี) ความบกพร่องทางการเคล่ือนไหวสว่ นใหญ่ ได้แก่ กล้ามมัด
ใหญม่ ัดเลก็ ไม่ดมี ีการเคลอ่ื นไหวไมค่ ล่องแคลว่ มพี ัฒนาการในการเคลือ่ นไหวล่าช้า
๔. สภาพปัญหาการเรยี นรใู้ นวัยต่างๆ
สภาพปัญหาหรือความลำบากในการเรียนรู้ของบุคคลมิได้มีอยู่เฉพาะในวัยเด็กเท่านั้นในบางรายปัญหา
อาจมีไปถึงวัยผู้ใหญ่ ในหลายรายหากได้รับความช่วยเหลืออย่างถูกต้องเหมาะสมและทันเวลาแล้ว ปัญหาต่างๆ
อาจลดลง บางปญั หาอาจหมดไป บางปญั หายงั อยู่บา้ งไม่มากกน็ ้อย สภาพปญั หา ลักษณะการประเมนิ ผลและการ
ให้ความช่วยเหลอื บุคคลทีม่ ปี ญั หาในการเรยี นรู้ ปญั หาการเรียนรู้ในวยั ตา่ งๆ อาจเป็นดังนี้
๔.๑ ระดับชนั้ วยั เด็กเล็ก
สภาพปัญหา ปัญหาที่พบบ่อยในวันเด็กเล็กได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการทางร่างกาย เช่น การ
คลาน การเดิน ปัญหาในการรับรู้ทางภาษา การแสดงออกทางภาษา การรับรู้ทางสายตา การรับรู้ทางการฟัง ช่วง
ความสนใจสั้น การอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ การกระตุ้นตัวเอง ทักษะทางสังคม เป็นต้น การประเมินผล การทดสอบและ
การประเมินผลเด็กในวัยนี้ ส่วนมากเป็นการทดสอบเพื่อค้นหาเด็กกลุ่มเสี่ยง เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือได้ การให้
ความช่วยเหลือ การช่วยเหลือส่วนใหญ่เน้นทักษะทางภาษา การจัดการเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กและการแนะ
แนวผ้ปู กครองในการเลย้ี งดแู ละการชว่ ยเหลือเด็ก
๔.๒ ระดบั อนบุ าล
สภาพปัญหา ปัญหาที่พบในเด็กระดับอนุบาลที่ส่อแววว่าจะเป็นเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
ในโอกาสต่อไปนี้ อาจได้แก่ ปัญหาด้านความพร้อม รวมทั้งความพร้อมทางด้านภาษาและคณิตศาสตร์ เช่น
การเขา้ ใจความหมายของจำนวน ทศิ ทาง เปน็ ตน้ การรบั รทู้ างภาษา การแสดงออกทางภาษา การรบั รู้ทางสายตา
และการรับรู้ทางการฟัง การให้เหตุผล พัฒนาการทางกล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ช่วงความสนใจ
การอยู่ไม่นิ่งเฉย ทักษะทางสังคม เป็นต้น การประเมินผล การทดสอบและการประเมนิ ผลมีลักษณะคล้ายคลงึ กบั
เด็กเลก็ น่นั คอื การทดสอบเพอื่ คน้ หาเดก็ กลมุ่ เส่ียง เพือ่ จะไดห้ าทางชว่ ยเหลอื ต่อไป
๔.๓ ระดบั ประถมศกึ ษา
สภาพปัญหา ปัญหาที่พบมากในระดับประถมศึกษา อาจได้แก่ ทักษะในการฟัง การพูด การอ่าน
การเขยี น การคำนวณ ทกั ษะในการเรียนหนังสือ การรบั รู้ทางภาษา การอยู่ไม่นิ่งเฉย ปญั หาทางสังคมและอารมณ์
ปญั หาในทางการใช้เหตุผล การประเมนิ ผล การทดสอบและการประเมินผลเด็กในวัยนี้ มงุ่ เพอ่ื จำแนกประเภทเด็ก
เพ่ือคน้ หาปญั หาทแี่ ทจ้ ริงของเด็ก จะไดห้ าทางช่วยเหลอื และการแกไ้ ขให้ดขี ึน้ การให้ความช่วยเหลอื สว่ นมากเป็น
ศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุม่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒
๔๗
การซ่อมเสริมและแก้ไขทักษะของเด็กที่ยังไมด่ ี ให้เด็กมีทักษะดีขึ้น ให้เด็กมีทักษะตามที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์
ของหลกั สตู รมกี ารชว่ ยเหลือทางพฤตกิ รรมของเด็ก เพือ่ ให้เดก็ ปรับตวั ได้ดีข้นึ รวมท้งั การใหก้ ารศึกษาแก่ผู้ปกครอง
เพอ่ื ให้เข้าใจเด็กและปฏบิ ัตติ อ่ เดก็ ไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม
๔.๔ ระดับมธั ยมศกึ ษา
สภาพปัญหา ปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ ในระดับมัธยมศึกษา อาจคล้ายคลึงกับปัญหาที่พบในระดับ
ประถมศึกษา เชน่ ทกั ษะในการอ่าน การคำนวณ การพดู การแสดงออกทางภาษา ทกั ษะการเสาะแสวงหาความรู้
พหุปัญหา และปัญหาทางพฤติกรรมซึ่งถ้าหากไม่ช่วยเหลอื แลว้ อาจทำให้เด็กกลายเป็นเดก็ เกเรได้การประเมินผล
การทดสอบและการประเมินผลในระดับนี้ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับระดับประถมศึกษา ทั้งนี้เพื่อคัดแยกเด็ก
เพื่อจำแนกปัญหา เพื่อได้หาทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้นต่อไป การให้ความช่วยเหลือ ส่วนมากเป็นการซ่อมเสริม
การแก้ไขดัดสันดาน ให้เด็กมีทักษะและพฤติกรรมที่ดีขึ้น รวมทั้งการหาทางเลือกให้แก่เด็ก เช่น การให้เด็กเลือก
เรียนวิชาท่ีเดก็ สนใจการให้เดก็ เลือกเรียนวชิ าชพี ทเ่ี ด็กตอ้ งการ เป็นตน้
เดก็ ที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ส่วนใหญ่กระจายอย่ชู ั้นเรียนทั่วๆไป แตผ่ ลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ตำ่ เม่ือเทียบกบั ระดับสตปิ ญั ญา มีปญั หาในการรับและการส่งข้อมูล มคี วามย่งุ ยากลำบากในการเรยี น หรือเรียกว่า
เด็กเรียนยากโดยทั่วไปมีสภาพร่างกาย อารมณ์ สังคม และจิตใจปกติ แต่เรียนหนังสือได้ไม่ค่อยดีนัก เ นื่องจาก
สมองด้อยความสามารถในการนำข้อมูลไปใช้หรือยุ่งยากเป็นบางเรื่องหรือเฉพาะเรื่อง เช่น การอ่าน การเขียน
การสะกดคำ หรือคณิตศาสตร์ การจัดการเรียนการสอนจำเป็นต้องมีการสอนเสริมตามลีลาการเรียนรู้ของเด็กแต่
ละคน ลดสิ่งรบกวนเพิ่มสมาธิและวิธีการเรียนรู้ให้กับเด็ก การช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้จะไม่มีอะไร
แตกตา่ งไปจากเด็กปกตมิ ากนัก ใหเ้ ดก็ ได้ทำงานท่สี อดคลอ้ งกับความสามารถของตวั เด็กเม่ือทำงานไดส้ ำเร็จจะเป็น
แรงจงู ใจใหเ้ ด็กเกดิ ความเช่ือม่นั ในตนเอง
เอกสารอา้ งอิง
เบญจพร ปญั ญายง. (๒๕๔๕). คู่มอื ช่วยเหลือเดก็ บกพร่องดา้ นการเรียนรู้. พิมพค์ รั้งที่ ๒ โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเท ศไทยจำกดั .
ผดุง อารยะวิญญู. (๒๕๔๒). เดก็ ท่มี ปี ญั หาทางการเรียนรู้. กรุงเทพฯ.
ศรียา นยิ มธรรม. (๒๕๔๒). LD เข้าใจและช่วยเหลอื . กรงุ เทพฯ.
ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. (๒๕๔๔). การจัดการศกึ ษาสำหรบั บุคคลท่ีมีปัญหาทางการเรียนรู้ ชดุ เอกสารศึกษาด้วย
ตนเอง เล่ม ๗.กรมสามัญศึกษา, พิมพ์คร้ังท่ี ๑. โรงพิมพศ์ าสนา.
ศึกษาธิการ, กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๐). เอกสารชุดแนวทางพัฒนาการเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่มีปัญหา
ทางการเรยี นรู้ เลม่ ๑. พมิ พค์ ร้ังท่ี ๑. โรงพมิ พ์ศาสนา.
ศนู ย์พัฒนาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒