The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือหลักสูตรอบรมคัดกรองคนพิการทางการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by admin, 2022-07-18 23:30:36

คู่มือหลักสูตรอบรมคัดกรองคนพิการทางการศึกษา สพม.กท 2

คู่มือหลักสูตรอบรมคัดกรองคนพิการทางการศึกษา

Keywords: คู่มือหลักสูตรอบรมคัดกรองคนพิการทางการศึกษา

๔๘

แบบสรปุ องค์ความรู้

หนว่ ยท่ี ๓ การใช้แบบคัดกรองคนพิการทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาให้คนพกิ ารได้รับสทิ ธชิ ่วยเหลอื ทางการศกึ ษาเรอ่ื ง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ
การรบั รองบคุ คลของสถานศึกษาว่าเป็นคนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยยอ่ ยที่ ๓.๕ การใชแ้ บบคัดกรองบคุ คลท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้

ชอ่ื - สกลุ (ผู้เขา้ รบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.ี่ ....................
คำช้ีแจง ใหท้ า่ นสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๕ ในลักษณะของการเขยี นแผนท่คี วามคดิ (Mind Map) หรือ

แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๔๙

ใบงาน : กรณตี วั อยา่ ง

กจิ กรรมท่ปี ฏบิ ัติ : ให้ท่านศึกษาพฤตกิ รรมของเด็กตอ่ ไปนี้ แล้วคดั กรองเดก็ โดยเลือกใชแ้ บบคดั กรองท่ีตรงกับ
พฤตกิ รรม พร้อมระบวุ า่ เดก็ หญิงเลอรักษ์ รับใช้ มีความบกพร่องประเภทใด

เด็กหญิงเลอรักษ์ รับใช้ เกิดวันที่ 13 กรกฎาคม 255๓ เป็นคนช่างพูดช่างเจรจา มนุษยสัมพันธ์ดี
ชอบเล่นกีฬาบาสเก็ตบอล แบตมินตัน มักเป็นผู้นำในการเล่นหรือทำกิจกรรม ชอบอาสาช่วยงานครูอยู่เสมอๆ
ในด้านการเรียนมีปัญหาด้านการอ่าน คือ เมื่อให้อ่านหนังสือ มักจะอ่านข้ามคำ ใช้เวลาในการอ่านค่อนข้างนาน
จนทำให้ไม่สามารถอ่านบทเรียนที่มอบหมายให้ได้สำเร็จ มักอ่านออกเสียงตัวอักษรสลับกัน มีความสับสนใน
พยัญชนะ มีปัญหาในการผสมคำและการจำคำศัพท์ อ่านคำศัพท์ที่คุ้นเคยง่ายๆและอยู่ในระดับชั้นตนเองไม่ได้
มีความสับสนในคำทีม่ คี วามคล้ายคลึงกนั เมื่อให้เขียนเลอรักษ์ไมช่ อบเขยี นและหลีกเล่ียนการเขียน สมุดมีลอยลบ
บ่อยครั้งจยทำใหส้ กปรก มักสบั สนในการเขียนตัวอักษรหรือเขียนตวั ท่ีคล้ายๆกนั ผิด เม่อื ให้ลอกคำบนกระดานมัก
เขียนตกหลน่ อยู่เสมอ ชอบเขียนตัวหนงั สือที่ติดกนั ไม่มีเว้นวรรคหรือเวน้ ช่องไฟทำให้อ่านยาก เขียนตัวอกั ษรสลับ
ตำแหนง่ ไปมา เช่น ตาลด ขนอม ตโนด เขียนตวั อักษรหรือตวั เลขกลับด้าน เช่น 6 – 9 , ร – Ϩ สามารถเขียนคำท่ี
มีตัวการนั ตไ์ ด้ ไม่เข้าใจจำนวนและตัวเลข เม่อื ใหค้ ิดคำนวณจำนวนทีเ่ พิม่ ขึน้ ไมส่ ามารถทำได้ มคี วามยากลำบากใน
การนับจำนวนที่เพิ่มขึ้นทีละเท่าๆ กัน เมื่อให้เปรียบเทียบจำนวนมากกว่าหรือน้อยกว่าไม่สามารถตอบได้ มีความ
สับสนเรื่องทิศทางและด้านซ้าย - ขวาต้องใช้สัญลักษณ์ในการจดจำ บอกความหมายของเครื่องหมายและ
สญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ไม่ได้ ลมื ทำกจิ กรรมที่เปน็ กิจวัตรประจำวัน ไม่ชอบทำตามคำสั่ง ทำงานท่ีครูมอบหมาย
ไม่เสร็จ วอกแวกและเสียสมาธิง่าย มองไปยังทุกสิ่งทีเ่ คลอ่ื นไหวผ่านสายตา

ศูนยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๕๐
ประเมนิ ครั้งท.่ี ...............

แบบคัดกรองบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรยี นรู้(ประถมศกึ ษา)
ชอ่ื -นามสกุล (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)....................................................................................................
วัน เดอื น ปี เกิด.................................................................................อายุ ......................... ปี .....................เดือน
ระดบั ชัน้ ......................................................................วนั เดอื น ปี ท่ีประเมิน.......................................................
คำชี้แจง

๑. แบบคดั กรองฉบับนี้เปน็ แบบคดั กรองเพ่ือประโยชน์ในทางการจดั การศึกษาเท่าน้นั
๒. วิเคราะห์ลกั ษณะ/พฤติกรรม ของเด็กซง่ึ เป็นลักษณะหรือพฤตกิ รรม ทีเ่ ดก็ แสดงออกบอ่ ยๆ โดย

ให้ทำเครื่องหมาย / ลงในช่อง “ ใช่ ” หรอื “ไมใ่ ช่ ” ทต่ี รงกับลักษณะหรือพฤตกิ รรมนัน้ ๆ ของ
เดก็ โดยเปรียบเทียบกับเดก็ ทั่วไปในชน้ั เรียน
๓. ผู้ทำการคัดกรองเบื้องต้นต้องผ่านการอบรมวิธีการใช้ และการประเมิน ตามแบบคัดกรองนี้ และควรสอบถาม
ขอ้ มลู เพิ่มเติมจากผูท้ ่อี ยใู่ กล้ชิดเด็กมากท่ีสุด เชน่ ครผู สู้ อน ครูประจำช้นั เพือ่ ให้เกิดความชัดเจน ถกู ต้อง
๔. ผคู้ ดั กรองควรจะมีอยา่ งน้อย ๒ คนขน้ึ ไป

สว่ นท่ี ๑ การวเิ คราะห์เบ้ืองต้น / ข้อมูลพน้ื ฐานของบุคคลทีม่ คี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้

ท่ี ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวิเคราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่

๑ ดูฉลาดหรอื ปกตใิ นดา้ นอ่ืนๆ นอกจากในดา้ นการเรียน

๒ ต้องมีปัญหาทางการเรียน ซึ่งอาจทำไม่ได้เลยหรือทำได้ต่ำกว่า ๒ ชั้น

เรยี น ในดา้ นใดด้านหนึง่ หรือมากกว่า ๑ ด้าน ตอ่ ไปนี้

๒.๑ ดา้ นการอ่าน

๒.๒ ดา้ นการเขยี น

๒.๓ ด้านการคำนวณ

๓ ไม่มีปัญหาทางด้านการเห็น การได้ยิน สติปัญญาหรือออทิสติกหรือจาก

การถูกละทง้ิ ละเลยหรือความดอ้ ยโอกาสอนื่ ๆ

เกณฑ์การพจิ ารณา
ถ้าตอบว่าใช่ ๓ ข้อ แสดงวา่ มีแนวโน้มที่จะเป็นบคุ คลทมี่ ีความบกพร่องทางการเรยี นรู้ควรสังเกตในส่วนที่ ๒ ต่อ

ผลการพิจารณาส่วนท่ี ๑

 พบ  ไมพ่ บ (ถา้ พบสังเกตในส่วนท่ี ๒ ต่อ)

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๕๑

สว่ นที่ ๒ การวเิ คราะห์ความบกพร่องทางการเรยี นรขู้ องเด็กในแต่ละดา้ น

ท่ี ลักษณะ / พฤติกรรม ผลการวิเคราะห์
ใช่ ไม่ใช่

๑. ดา้ นการอ่าน

๑ อ่านช้าอา่ นข้าม อ่านไม่หมด

๒ จำคำศัพท์คำเดิมไม่ได้ ทง้ั ๆ ที่เคยผา่ นสายตามาแลว้ หลายครั้ง

๓ อ่านเพ่ิมคำ ซำ้ คำ อ่านผดิ ตำแหนง่

๔ อา่ นสลับตวั อักษรหรือออกเสียงสลบั กนั เชน่ บก อา่ นเปน็ กบ

๕ สบั สนในพยัญชนะคลา้ ยกันเช่น ก ภ ถ, ฦ ฎ ฏ, ด ต ค

๖ จำศพั ท์ใหมไ่ ม่ค่อยได้

๗ มปี ัญหาในการผสมคำ การอ่านออกเสียงคำ

๘ สบั สนคำทีค่ ล้ายกนั เชน่ บาน/ บา้ น

๙ อ่านคำท่ีไม่คนุ้ เคยไม่ได้

๑๐ อา่ นคำในระดับช้นั ของตนเองไมไ่ ด้

๒. ดา้ นการเขยี น

๑ ไมช่ อบและหลกี เลยี่ งการเขยี นหรอื การลอกคำ

๒ เขียนไม่สวยไมเ่ รยี บร้อย สกปรก ขดี ท้งิ ลบทิ้ง

๓ เขยี นตัวอักษรและคำที่คลา้ ยๆ กันผดิ

๔ ลอกคำบนกระดานผิด (ลอกไมค่ รบตกหลน่ )

๕ เขยี นหนังสือไมเ่ ว้นวรรค ไมเ่ ว้นชอ่ งไฟ ตัวอกั ษรเบยี ดกันจนทำให้อ่านยาก

๖ เขียนสลับตำแหน่งระหวา่ งพยัญชนะ สระ เชน่ ตโ

๗ เขยี นตามคำบอกของคำในระดบั ช้ันตนเองไมไ่ ด้

๘ เขยี นตัวอักษรหรือตัวเลขกลบั ดา้ น คลา้ ยมองกระจกเงา เช่น ,

๙ เขียนพยัญชนะหรอื ตัวเลขที่มีลกั ษณะคลา้ ยกันสลบั กัน เช่น ม-น, ด-ค, พ-
ย, b-d, p-q, ๖-๙

๑๐ เรยี งลำดับตัวอกั ษรผิด เช่น สถติ ิ เป็น สติถิ

๓. ด้านการคำนวณ

๑ นับเลขเรียงลำดับ นบั เพ่ิม นบั ลดไมไ่ ด้

๒ ยากลำบากในการบวก,ลบ จำนวนจริง

๓ ยากลำบากในการใช้เทคนคิ การนบั จำนวนเพิ่มทีละ ๒, ๕, ๑๐, ๑๐๐

๔ ยากลำบากในการประมาณจำนวนคา่

๕ ยากลำบากในการเปรียบเทียบ มากกวา่ น้อยกวา่
๖ แก้โจทยป์ ัญหาง่ายๆ ไม่ได้
๗ สบั สนไมเ่ ขา้ ใจเรื่องเวลา ทศิ ทาง
๘ บอกความหมาย หรือสญั ลักษณท์ างคณติ ศาสตร์ ไม่ได้ เชน่ +, -, ×, >, <, =
๙ เปรียบเทียบขนาด รูปทรง ระยะทาง ตำแหนง่ ไม่ได้
๑๐ เขยี นตัวเลขกลบั เช่น 5 Ϩ s , 6 9

ศนู ย์พัฒนาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๕๒

ที่ ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไม่ใช่
๔. ดา้ นพฤติกรรมทว่ั ไป
๑ ไมท่ ำตามคำสง่ั ทำงานไมเ่ สร็จ
๒ มีความยากลำบากในการจดั ระบบงาน
๓ ทำของหายบ่อยๆ เป็นประจำ เช่น ของเลน่ ดินสอ หนังสือ อุปกรณ์การเรียน
๔ ลมื ทำกจิ กรรมทเี่ ปน็ กิจวัตรประจำวนั
๕ สับสนด้านซา้ ย ขวา
๖ วางสิ่งของเครื่องใชไ้ มเ่ ป็นระเบียบ
๗ เสียสมาธิงา่ ยมองไปยังทุกสง่ิ ที่เคลอื่ นไหวผ่านสายตา
๘ มอี าการเครียดขณะอ่าน
๙ ใจไม่ค่อยจดจ่ออยู่กับงาน มองโน่นมองน่บี ่อยๆ
๑๐ หลกี เลยี่ ง ไมช่ อบ หรือลงั เลใจทจี่ ะทำงานหรือการบา้ นทต่ี ้องมีระเบยี บและ

ใสใ่ จในงาน

เกณฑ์การพิจารณา
๑. ด้านการอ่าน ถ้าตอบว่าใช่ ๗ ข้อ ขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่องทางการ

เรยี นรดู้ า้ นการอา่ น
๒. ด้านการเขียน ถ้าตอบว่าใช่ ๗ ข้อ ขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่องทางการ

เรียนรู้ ดา้ นการเขียน
๓. ด้านการคำนวณ ถ้าตอบว่าใช่ ๖ ข้อ ขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่อง

ทางการเรยี นรู้ด้านการคำนวณ
๔. ด้านพฤติกรรมทั่วไป ถ้าตอบว่าใช่ ๔ ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่อง

ทางการเรยี นรู้ หากพบวา่ มแี นวโน้มทจี่ ะเป็นบุคคลท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรูด้ ้านใดด้านหน่ึงหรือหลายด้าน
ใหจ้ ดั บริการการชว่ ยเหลอื ตามความตอ้ งการจำเป็นพิเศษ และสง่ ตอ่ ให้แพทย์ตรวจวินจิ ฉยั ต่อไป

ผลการคดั กรอง
 พบความบกพร่อง O ด้านการอ่าน O ด้านการเขียน O ดา้ นการคำนวณ
 ไม่พบความบกพร่อง

ความคิดเหน็ เพ่ิมเตมิ
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ................................................. ใบวฒุ บิ ัตร เลขท.ี่ .................................(ผคู้ ัดกรอง)
(....................................................) ใบวฒุ บิ ตั ร เลขที่..................................(ผคู้ ดั กรอง)

ลงชื่อ .................................................
(....................................................)

ศนู ย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกลุม่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๕๓
คำยนิ ยอมของผู้ปกครอง

ข้าพเจ้า(นาย / นาง / นางสาว).........................................................................................เป็นผู้ปกครอง
ของ(ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว) ...........................................................................  ยินยอม  ไม่ยินยอม
ให้ดำเนินการคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / น.ส.)..................................................................................................
ตามแบบคัดกรองนี้ เมื่อพบว่ามีแนวโน้มเป็นผู้ที่มีความบกพร่องตามแบบคัดกรองข้างต้น  ยินดี  ไม่ยินดี
ให้จดั บรกิ ารช่วยเหลือทางการศกึ ษาพิเศษต่อไป

ลงช่ือ ................................................. ผ้ปู กครอง
(....................................................)

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๕๔

ใบงาน : กรณีตัวอย่าง

กจิ กรรมท่ีปฏบิ ตั ิ : ให้ท่านศกึ ษาพฤตกิ รรมของเด็กตอ่ ไปน้ี แล้วคัดกรองเดก็ โดยเลือกใช้แบบคัดกรองท่ตี รงกับ
พฤตกิ รรม พร้อมระบวุ ่า เด็กชายเวไนย ไผ่งาม มีความบกพร่องประเภทใด

เด็กชายเวไนย ไผง่ าม เกดิ วันท่ี 3 มีนาคม 255๐ เป็นคนฉลาดในเรื่องการเล่น การใชช้ วี ิตประจำวันและ
ด้านอื่นที่นอกเหนือจากการเรียน ในด้านการเรียนมีปัญหาในด้านการอ่าน คือ อ่านข้ามบรรทัด อ่านซ้ำบรรทัด
อ่านอักษรนำไม่ได้ อ่านคำสมาส สนธิไม่ได้ เปรียบเทียบความหมายของคำไม่ได้ ไม่รู้จักหน้าที่ของคำในประโยค
อ่านคำยากประจำบทไม่ได้ และอ่านจับใจความสำคัญของเร่ืองไม่ได้ ไม่สามารถเขียนคำทม่ี ีตวั การันต์ได้ เขยี นสรุป
ใจความสำคัญของเรอ่ื งไม่ได้ เขียนเรยี งความยาวๆหรอื เขียนบรรยายความรู้สกึ ของตนเองไม่ได้ เขียนย่อความไม่ได้
เขียนตามคำบอกไม่ได้ และเขียนคำพ้องรูป-พ้องเสียงไม่ได้ ไม่เข้าใจความหมายและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
เขียนเศษสว่ นในลักษณะทศนิยมซ้ำไม่ได้ ไม่เขา้ ใจการเขียนระบบจำนวนจรงิ เขยี นค่าสมั บรู ณ์ไม่ได้ มอี าการสับสน
ในด้านซ้าย-ขวา ลืมทำกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวัน หันเหความสนใจไปสู่ภายนอกได้ง่าย ไม่ทำตามคำส่ัง
ทำงานทคี่ รูมอบหมายไมเ่ สรจ็ และเสียสมาธงิ ่าย มองไปยงั ทกุ สิ่งทีเ่ คล่ือนไหวผา่ นสายตา

ศูนย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

ประเมนิ ครั้งที่................. ๕๕

แบบคัดกรองบคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ (มธั ยมศึกษา)

ชื่อ - นามสกุล (ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว).............................................................................................................

วัน เดือน ปี เกิด.................................................................................อายุ ......................... ปี .....................เดือน

ระดบั ชั้น................................................................. วัน เดอื น ปี ทปี่ ระเมิน.........................................................

คำชีแ้ จง

๑. แบบคดั กรองฉบบั นีเ้ ปน็ แบบคัดกรองเพ่ือประโยชน์ในทางการจัดการศึกษาเทา่ นน้ั

๒. วิเคราะห์ลักษณะ/พฤตกิ รรม ของเดก็ ซ่งึ เป็นลักษณะหรือพฤติกรรม ทีเ่ ด็กแสดงออกบอ่ ยๆ โดยให้ทำ

เคร่อื งหมาย /ลงในชอ่ ง “ใช่” หรอื “ไมใ่ ช่” ที่ตรงกบั ลักษณะหรือพฤติกรรมนั้นๆ ของเด็ก

๓. ผู้ทำการคัดกรองเบื้องต้นต้องผ่านการอบรมวิธีการใช้ และการประเมิน ตามแบบคัดกรองนี้และควร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด เช่น ผู้ปกครองหรือครู เพื่อให้เกิดความชัดเจน

ถูกต้อง

๔. ผู้คัดกรองควรจะมีอย่างน้อย ๒ คนขนึ้ ไป

ส่วนท่ี ๑ การวเิ คราะห์เบ้อื งตน้ / ขอ้ มลู พน้ื ฐานของบคุ คลท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้

ท่ี ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไม่ใช่

๑ ดฉู ลาดหรือปกติ ในดา้ นอื่นๆ นอกจากในด้านการเรยี น

๒ มีปญั หาทางการเรียน ซึ่งอาจทำไม่ไดเ้ ลยหรอื ทำไดต้ ่ำกวา่ ๒ ชน้ั เรยี น

ในด้านใดด้านหนึ่งหรือมากกว่า ๑ ดา้ น ต่อไปนี้

๑.๑ ดา้ นการอา่ น

๑.๒ ดา้ นการเขยี น

๑.๓ ด้านการคำนวณ

๓ ไมม่ ปี ัญหาทางด้านการเหน็ การไดย้ นิ สตปิ ญั ญา หรือออทิสติกหรอื จาก

การถูกละท้งิ ละเลยหรอื ความดอ้ ยโอกาสอ่ืนๆ

เกณฑก์ ารพจิ ารณา
ถา้ ตอบวา่ ใช่ ๓ ขอ้ แสดงวา่ มีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลทีม่ ีความบกพรอ่ งทางการเรยี นรคู้ วรสังเกตในสว่ นท่ี ๒ ตอ่

ผลการพิจารณาส่วนที่ ๑  ไมพ่ บ (ถ้าพบสังเกตในสว่ นท่ี ๒ ตอ่ )
 พบ

ส่วนที่ ๒ การวเิ คราะหค์ วามบกพร่องทางการเรียนรขู้ องเด็กในแต่ละดา้ น ผลการวิเคราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่
ที่ ลักษณะ / พฤติกรรม

๑. ด้านการอา่ น
๑ อา่ นข้ามบรรทดั อ่านซำ้ บรรทัด
๒ อ่านคำสมาส สนธิ ไมไ่ ด้
๓ อ่านอักษรนำไม่ได้
๔ เปรยี บเทียบความหมายของคำไม่ได้

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุม่ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

ที่ ลักษณะ / พฤติกรรม ๕๖

๕ ไมร่ ู้จักหน้าที่ของคำในประโยค ผลการวิเคราะห์
๖ มปี ญั หาในการอา่ นคำพ้องรปู พอ้ งเสยี ง ใช่ ไมใ่ ช่
๗ อา่ นราชาศัพท์ไมไ่ ด้
๘ อา่ นบทร้อยกรองลำบาก
๙ อา่ นคำยากประจำบทไมไ่ ด้
๑๐ อา่ นจบั ใจความสำคัญของเรื่องไม่ได้

๒. ด้านการเขยี น
๑ ฟังคำบรรยายแล้วจดโนต้ ยอ่ ไม่ได้
๒ เขียนคำที่มตี ัวการันต์ไม่ได้
๓ เขียนสรปุ ใจความสำคัญไม่ได้
๔ เขยี นบรรยายความรูส้ กึ นึกคิดของตนเองไม่ได้
๕ เขียนเรียงความยาวๆ ไมไ่ ด้
๖ เขยี นบรรยายภาพไมไ่ ด้
๗ เขียนยอ่ ความไม่ได้
๘ เขยี นคำพอ้ งรูป - พ้องเสยี งไม่ได้
๙ เขียนคำยากประจำบทไม่ได้
๑๐ เขยี นตามคำบอกไมไ่ ด้

๓. ด้านการคำนวณ
๑ ไมเ่ ขา้ ใจความหมายและสญั ลกั ษณ์ทางคณติ ศาสตร์
๒ ไม่สามารถเขยี นเศษสว่ นในลักษณะทศนยิ มและทศนยิ มซ้ำ
๓ ไมเ่ ข้าใจและเขยี นจำนวนตรรกยะ และอตรรกยะไม่ได้
๔ ไม่เข้าใจและเขียนจำนวนในรูปอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละในการ

แกโ้ จทยป์ ัญหา
๕ ไม่เข้าใจการเขยี นระบบจำนวนจรงิ
๖ ไม่เขา้ ใจและเขียนคา่ สัมบูรณไ์ ม่ได้
๗ ไม่เข้าใจการเขียนจำนวนจริงในรูปเลขยกกำลังที่เป็นจำนวนตรรกยะ

จำนวนจรงิ ทอี่ ย่ใู นเกณฑ์
๘ ไม่เข้าใจเร่อื งการประมาณคา่
๙ ไมเ่ ขา้ ใจเรอ่ื งจำนวนเต็มและเศษสว่ น
๑๐ ไม่เข้าใจเก่ยี วกับระบบจำนวน

๔.ด้านพฤตกิ รรมท่วั ไป
๑ ลังเลในความสามารถของตนเอง มักจะพึ่งโชคลางหรือสิ่งภายนอก

มากกวา่ การทำงานหนัก
๒ ไม่ทำตามคำสัง่ ทำงานไมเ่ สร็จ
๓ มีความยากลำบากในการจดั ระบบงาน

ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๕๗

ที่ ลักษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไม่ใช่
๔ หลีกเลย่ี ง ไมช่ อบหรือลังเลใจทีจ่ ะทำงานหรอื การบา้ นที่
ตอ้ งมรี ะเบยี บและใสใ่ จในงาน

๕ หันเหความสนใจไปสภู่ ายนอกไดง้ ่าย
๖ ลืมทำกิจกรรมทีเ่ ป็นกจิ วตั รประจำวนั
๗ สบั สนด้านซา้ ย ขวา
๘ วางสิ่งของเครื่องใช้ไมเ่ ปน็ ระเบียบ
๙ ใจไม่ค่อยจดจ่ออยู่กับงาน มองโนน่ มองน่บี ่อยๆ
๑๐ เสียสมาธงิ า่ ยมองไปยังทุกส่ิงทเี่ คลื่อนไหวผ่านสายตา

เกณฑ์การพจิ ารณา
๑. ดา้ นการอา่ น ถา้ ตอบวา่ ใช่ ๗ ขอ้ ขึน้ ไป แสดงวา่ มีแนวโนม้ ท่ีจะเปน็ บุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการเรียนรู้

ด้านการอ่าน
๒. ด้านการเขียน ถ้าตอบว่าใช่ ๗ ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่องทางการ

เรยี นรู้ ดา้ นการเขียน
๓. ด้านการคำนวณ ถ้าตอบว่าใช่ ๕ ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่อง

ทางการเรียนรดู้ ้านการคำนวณ
๔. ด้านพฤติกรรมทั่วไป ถ้าตอบว่าใช่ ๔ ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่อง

ทางการเรยี นรู้ หากพบวา่ มแี นวโน้มที่จะเป็นบคุ คลทมี่ คี วามบกพร่องทางการเรียนรดู้ า้ นใดดา้ นหน่ึง หรือหลายดา้ น
ให้จัดบริการชว่ ยเหลือทางการศกึ ษาพเิ ศษ และสง่ ต่อใหแ้ พทย์ตรวจวนิ ิจฉยั ตอ่ ไป

ผลการคดั กรอง
 พบความบกพร่อง O ดา้ นการอา่ น O ดา้ นการเขยี น O ดา้ นการคำนวณ
 ไม่พบความบกพรอ่ ง

ความคิดเหน็ เพ่ิมเตมิ
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ................................................. ใบวุฒิบตั ร เลขที่..................................(ผูค้ ัดกรอง)
(....................................................) ใบวฒุ บิ ัตร เลขท่.ี .................................(ผู้คัดกรอง)

ลงชอ่ื .................................................
(....................................................)

ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๕๘
คำยนิ ยอมของผปู้ กครอง

ข้าพเจ้า(นาย / นาง / นางสาว)................................................................................. เป็นผู้ปกครองของ
(ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว) ................................................................................... ยินยอม  ไม่ยินยอม
ให้ดำเนินการคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / น.ส.)..................................................................................................
ตามแบบคัดกรองนี้ เมื่อพบว่ามีแนวโน้มเป็นผู้ที่มีความบกพร่องตามแบบคัดกรองข้างต้น  ยินดี  ไม่ยินดี
ให้จัดบริการชว่ ยเหลือทางการศึกษาพิเศษตอ่ ไป

ลงชื่อ................................................. ผู้ปกครอง
(....................................................)

การเตรยี มการคดั กรอง
๑. แบบคัดกรอง เลอื กใช้แบบคดั กรองให้สอดคลอ้ งกบั สภาพปญั หาศึกษาทบทวนเนอ้ื หา
๒. เตรียมสือ่ อปุ กรณ์ ได้แก่ หนงั สือเรยี น รปู ภาพ แผน่ ภาพสี แบบทดสอบ ฯลฯ
๓. การสอบถามหรอื การสมั ภาษณข์ ้อมลู จากผเู้ กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่
- ผูป้ กครอง
- ครปู ระจำวิชา ครูประจำชนั้ พยาบาลประจำโรงเรยี น ขอ้ มลู สขุ ภาพ
- เพอ่ื นนักเรยี น
๔. การเตรยี มสถานการณ์ เชน่ ขอ้ คำถามให้แสดงพฤตกิ รรม คำสัง่ ให้ปฏบิ ตั ิ
๕. การเตรยี มสถานที่ เป็นการกำหนดสถานที่เพ่ือสังเกตพฤติกรรม
๖. การคัดกรองบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ครูหรือผู้ที่ให้ข้อมูลควรมีเวลาในการจัดการเรี ยนให้
นกั เรยี นมาระยะเวลาหน่งึ อาจประมาณ ๑ เทอม เพื่อมเี วลาท่จี ะพบปญั หาทางการเรยี นของนกั เรียน

ศนู ย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๕๙

เอกสารประกอบการอบรม

หน่วยท่ี ๓ การใชแ้ บบคัดกรองคนพิการทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาใหค้ นพิการได้รบั สทิ ธชิ ่วยเหลือทางการศึกษาเรือ่ ง กำหนดหลกั เกณฑ์และวิธกี าร
การรบั รองบคุ คลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยท่ี ๓.๖ บคุ คลท่ีมีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
เอกสารความรู้
บคุ คลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
บุคคลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา ได้แก่ บุคคลที่มีความบกพร่องในการเปล่งเสียงพูด เช่น

เสียงผิดปกติ อัตราความเร็วและจังหวะการพูดผดิ ปกติ หรือบุคคลที่มีความบกพร่องในเรื่องความเข้าใจหรือการใช้ภาษาพูด
การเขียนหรือระบบสัญลักษณ์อนื่ ทใ่ี ช้ในการตดิ ต่อสื่อสาร ซ่งึ อาจเกีย่ วกับรปู แบบเนือ้ หาและหน้าที่ของภาษา

(ประกาศคณะกรรมการพิจารณาให้คนพิการได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการ การรับรองบคุ คลของสถานศึกษาว่าเปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖)

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๖๐

แบบสรปุ องคค์ วามรู้

หนว่ ยท่ี ๓ การใชแ้ บบคัดกรองคนพิการทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาให้คนพกิ ารไดร้ ับสทิ ธิชว่ ยเหลือทางการศึกษาเรื่อง กำหนดหลกั เกณฑ์และวิธกี าร
การรบั รองบุคคลของสถานศึกษาว่าเปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยย่อยที่ ๓.๖ การใชแ้ บบคัดกรองบคุ คลที่มคี วามบกพรอ่ งทางการพูดและภาษา

ชอื่ - สกลุ (ผเู้ ขา้ รับการอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๖ ในลักษณะของการเขียนแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือ

เป็นแผนภูมิ ตาราง ฯลฯ

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๖๑

ใบงาน : กรณีศึกษา

กจิ กรรมท่ีปฏบิ ตั ิ : ให้ท่านศกึ ษาพฤติกรรมของเด็กต่อไปนี้ แล้วคดั กรองเดก็ โดยเลอื กใช้แบบคดั กรองที่ตรงกับ
พฤติกรรม พร้อมระบวุ า่ เดก็ ชายจรนิ ทร์ ถนิ่ คชสาร มีความบกพร่องประเภทใด

เด็กชายจรนิ ทร์ ถิ่นคชสาร เกิดวนั ที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พบว่ามีพฤตกิ รรมพูดด้วยนำ้ เสียงไมช่ ดั เจน
เสียงเพี้ยนมาก หรือเป็นเสียงพึมพำ ฟังแล้วไม่เข้าใจ บางส่วนของคำขาดหายไป ระดับเสียงอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่เว้น
วรรค หรอื เวน้ วรรคไมถ่ กู ต้องจนครูต้องเตือนตลอดใหพ้ ดู ชา้ ๆ ทีละคำ พูดไม่ตรงตามโครงสร้างของภาษา

ศูนยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๖๒
ประเมินครั้งท.่ี ..................

แบบคดั กรองบคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางการพูดและภาษา

(เนื่องจากไม่มีใบรบั รองความพกิ าร/สมุดประจำตัวคนพิการ/ใบรบั รองแพทย์)
ชื่อ-นามสกุล (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)........................................................................................................
วัน เดอื น ปี เกิด..........................................................................อายุ ........................... ปี ..........................เดอื น

ระดบั ชั้น.................................................................... วัน เดอื น ปี ทีป่ ระเมิน.......................................................
คำชีแ้ จง

๑. แบบคัดกรองฉบบั นเ้ี ป็นแบบคดั กรองเพอื่ ประโยชนใ์ นทางการจัดการศกึ ษาเทา่ นัน้

๒. วิเคราะห์ลกั ษณะ/พฤตกิ รรม ของเดก็ ซ่งึ เป็นลกั ษณะหรือพฤตกิ รรม ทเ่ี ดก็ แสดงออกบ่อยๆ โดยใหท้ ำ
เครอ่ื งหมาย /ลงในชอ่ ง “ใช่” หรือ “ไมใ่ ช่” ทต่ี รงกับลกั ษณะหรอื พฤติกรรมน้นั ๆ ของเด็ก

๓. ผทู้ ำการคัดกรองเบื้องต้นต้องผา่ นการอบรมวธิ ีการใชแ้ ละการประเมนิ ตามแบบคัดกรองนี้และควร

สอบถามข้อมลู เพ่ิมเติมจากผู้ที่อยใู่ กลช้ ิดเด็กมากทส่ี ุด เชน่ ผู้ปกครองหรือครู เพ่ือให้เกดิ ความชัดเจนถูกต้อง
๔. ผ้คู ดั กรองควรจะมอี ย่างน้อย ๒ คนขนึ้ ไป

ที่ ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไม่ใช่

๑ อวยั วะที่ใชใ้ นการออกเสยี งมีความผิดปกติ

๒ ใช้หนว่ ยเสียงแทนกัน เชน่ แทนทจี่ ะพูดวา่ “นาฬิกา” พดู ว่า “นากก๊ิ า” “เสอื ” เป็น
“เฉือ” เป็นต้น

๓ พูดด้วยนำ้ เสยี งไม่ชัดเจน เสียงเพ้ียนมาก หรอื เป็นเสียงพมึ พำ ฟังแล้วไม่เข้าใจ

๔ เสยี งบางส่วนของคำขาดหายไป เชน่ “ความ” เป็น “คาม” เปน็ ตน้

๕ ความบกพร่องของระดับเสียง เช่น เสียงสูงหรือต่ำตลอดเวลา หรือเสียงที่พูดอยู่ใน
ระดับเดียวตลอด เสียงผดิ เพศ ผิดวัย

๖ พดู ไม่ถกู ลำดบั ขัน้ ตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา เชน่ ฉนั ตลาดไป
ขา้ วกนิ ฉนั เปน็ ต้น

๗ การเวน้ วรรคตอนไม่ถูกตอ้ งเช่น “ผา้ สีเขยี วข.้ี ..มา้ ” เปน็ ต้น

๘ อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป

๙ พูดตะกกุ ตะกักหรือพูดติดอา่ ง

๑๐ บกพร่องในเร่ืองความเข้าใจหรือการใช้ภาษาพูด หรือภาษาเขียนหรือระบบสัญลกั ษณ์

เกณฑก์ ารพจิ ารณา

ถ้าตอบว่าใช่ ๕ ข้อ ขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นบุคคลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
ให้จัดบริการช่วยเหลอื ทางการศึกษาพเิ ศษ และส่งต่อใหแ้ พทย์ตรวจวินิจฉัยตอ่ ไป

ผลการคดั กรอง  ไม่พบความบกพรอ่ ง
 พบความบกพร่อง

ศูนย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๖๓
ความคิดเห็นเพ่ิมเตมิ
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ ................................................ ใบวุฒิบตั ร เลขที่..................................(ผู้คดั กรอง)
(....................................................)

ลงช่อื ................................................. ใบวุฒบิ ัตร เลขท่.ี .................................(ผคู้ ัดกรอง)
(....................................................)

คำยินยอมของผู้ปกครอง
ข้าพเจ้า(นาย / นาง / นางสาว)................................................................................. เป็นผู้ปกครองของ

(ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว) .................................................................................  ยินยอม  ไมย่ นิ ยอม ให้
ดำเนินการคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย / น.ส.)..................................................................................................ตาม
แบบคดั กรองนี้ เม่ือพบวา่ มแี นวโนม้ เปน็ ผ้ทู มี่ คี วามบกพรอ่ งตามแบบคดั กรองขา้ งตน้  ยนิ ดี  ไม่ยนิ ดี
ใหจ้ ัดบริการชว่ ยเหลอื ทางการศึกษาพเิ ศษต่อไป

ลงช่ือ ................................................. ผ้ปู กครอง
(....................................................)

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๖๔

เอกสารประกอบการอบรม

หน่วยที่ ๓ การใชแ้ บบคดั กรองคนพกิ ารทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาให้คนพกิ ารไดร้ ับสทิ ธชิ ่วยเหลอื ทางการศกึ ษาเรอื่ ง กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี าร
การรับรองบคุ คลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๓.๗ บคุ คลท่ีมีความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรอื อารมณ์

เอกสารความรู้
บคุ คลทมี่ ีความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์

ความหมายบุคคลท่ีมีความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์

บุคคลที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ หมายถึง บุคคลที่มีอารมณ์และพฤติกรรม

เบี่ยงเบนไปจากปกติเป็นอย่างมากและปัญหาทางพฤติกรรมนั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่เป็นที่ยอมรับทาง

สังคมส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็กและผู้อื่น เป็นผลมาจากความขัดแย้งของเด็กกับสภาพแวดล้อม

หรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตัวเด็กเองขาดสัมพันธภาพกับเพื่อนหรือผู้อื่น ความเก็บกดทางอารมณ์จะ

แสดงออกทางร่างกาย แบ่งออกเป็น ๔ กลุ่ม

- กลุม่ ความประพฤติผดิ ปกติ มลี กั ษณะกา้ วร้าว ทำรา้ ยผูอ้ ่ืน ตอ่ ตา้ น เสียงดัง พูดหยาบคาย

- กลุ่มบคุ คลผิดปกติ ชอบเก็บตัว ขาดความมั่นใจ กัดเลบ็ เงยี บเฉย ไม่พูด มองโลกในแงร่ ้าย

- กลุ่มขาดวุฒิภาวะ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับวัย สมาธิ ไม่สนใจสิ่งรอบตัว งุ่มง่าม เฉื่อยชา

สกปรก ขาดความรบั ผิดชอบ

- กลุ่มที่มีปัญหาทางสังคม ชอบหนีโรงเรียน หนีออกจากบ้าน คบเพื่อนไม่ดี ต่อต้านผู้มีอำนาจ ชอบ

เท่ยี วกลางคนื

เกณฑ์การตัดสนิ เป็นเด็กท่แี สดงพฤติกรรมทางอารมณ์ท่ีเบ่ยี งเบนไปจากเด็กท่วั ไปในวัยเดยี วกัน

ถึงแม้วา่ จะได้รบั บริการแนะแนวและบริการใหค้ ำปรึกษาแล้วกต็ ามก็ยงั มีปัญหาทางอารมณอ์ ยู่ในลักษณะเดิม

การประเมินผลทางจิตวิทยาและการสังเกตอย่างมีระบบ ระบุว่าเด็กมีปัญหาในทางพฤติกรรมมาเป็น

ระยะเวลาอันยาวนานมีพฤติกรรมท่ีเป็นอุปสรรคต่อการเรียนของตน การอ่าน การเขียน คณิตศาสตร์ พัฒนาการ

ทางสังคม พัฒนาการทางภาษาและการควบคุมพฤติกรรมของตนเองมีหลักฐานอื่นยืนยันว่าปัญหาของนักเรียน

มไิ ด้เกิดจากความบกพรอ่ งทางรา่ งกาย การรับรูแ้ ละสตปิ ัญญา

ลักษณะของบุคคลทม่ี คี วามบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ลักษณะบางอยา่ งที่พอสังเกตได้

๑. ควบคุมอารมณ์ไมไ่ ด้ กา้ วร้าว ก่อกวนเปน็ อนั ตรายแก่ตนเองและผ้อู ่นื

- โหดรา้ ย ทารุณ รังแกสัตว์ - ชกต่อยทำร้ายร่างกายตนเองและผู้อ่ืน

- ข่มขู่ คุกคาม หวีดร้อง กระทืบเท้า

- ก้าวร้าว ก่อกวนเพื่อน - การประทุษร้ายทางเพศ

๒. เคล่ือนไหวผิดปกติ ไม่อยู่น่ิง เคล่ือนไหวตลอดเวลา มีความสนใจส้ัน สนใจบทเรียนได้ไม่นาน

๓. มีปัญหาปรับตัวทางสังคม มีการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ ที่เป็นที่ยอมรับของสังคม

- ทำลายสาธารณสมบัติ - มีนิสัยลักขโมย ฝ่าฝืนกติกา ต่อต้านสังคม

- วิวาทกับผู้อื่นเสมอ - ประทุษร้ายทางเพศ

- ไม่เคารพ ไม่เชื่อฟังครูและพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างรุนแรง ไม่เคารพยำเกรงผู้อื่น

- ขาดความรับผิดชอบ

๔. มีความรู้สึกกังวลและปมด้อยอย่างรุนแรงสม่ำเสมอ

- ไมไกล้าพูดไม่กล้าแสดงออก

ศูนยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๖๕

- มีประหม่าอย่างมากเมื่อให้แสดงออก เช่น รายงาน
- มีอาการเจ็บป่วยทางกายเมื่อมาโรงเรียนอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เพ่ือท่ีจะไม่ทำกิจกรรมใด ๆ
- ร้องไห้บ่อย - วิตกกังวล ลุกลี้ลุกลน
๕. หนีสังคมปลีกตัวออกจากสังคมอันมีผลต่อการเรียน
- ไม่พูดคุย ไม่เล่นกับเพ่ือน ไม่มีสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้าง ถอยหนีสังคม
- ไม่ร่วมกับกิจกรรมที่โรงเรียนจัดให้ หนีเรียนเป็นประจำ
- เจ้าอารมณ์ รุนแรง
- แยกตัวอยู่คนเดียว ทำงานคนเดียวตลอดเวลา
- เก็บตัว หมกมุ่น เหม่อลอย
อาการที่อาจแสดงออกบ่อยๆ
๑. อาการสมาธิสั้น (Inattention)
๑) มีความยากลำบากในการต้ังสมาธิ
๒) มักวอกแวกง่าย ตามสิ่งเร้าภายนอก
๓) ดูเหมือนไม่ฟังเมื่อมีคนพูดด้วย
๔) ทำตามคำสั่งไม่จบ หรือทำกิจกรรมไม่เสร็จ
๕) หลีกเลี่ยงที่จะทำกิจกรรมท่ีต้องใช้ความพยายาม
๖) ละเลยในรายละเอียด หรือทำผิดด้วยความเลินเล่อ
๗) มีความยากลำบากในการจัดระเบียบงานหรือกิจกรรม
๘) ทำของหายบ่อยๆ
๙) มักลืมกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำสม่ำเสมอ
๒. อาการอยู่ไม่น่ิง (Hyperactivity)
๑) หยุกหยิก ขยับตัวไปมา
๒) น่ังไม่ติดท่ี มักต้องลุกเดินไปมา
๓) มักวิ่งวุ่นหรือปีนป่ายในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
๔) ไม่สามารถเล่นเงียบๆ ได้
๕) เคลื่อนไหวไปมา คล้ายติดเคร่ืองยนต์ตลอดเวลา
๖) พูดมากเกินไป
๓. อาการหุนหันพลันแล่น (Impulsiveness)
๑) มีความยากลำบากในการรอคอ
๒) พูดโพล่งขึ้นมา ก่อนถามจบ
๓) ขัดจังหวะ หรือสอดแทรกผู้อื่น ในวงสนทนาหรือในการเล่น

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๖๖
แบบสรปุ องคค์ วามรู้
หน่วยท่ี ๓ การใชแ้ บบคดั กรองคนพิการทางการศกึ ษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาใหค้ นพิการไดร้ ับสทิ ธชิ ว่ ยเหลือทางการศกึ ษาเรอื่ ง กำหนดหลักเกณฑแ์ ละวิธกี าร
การรบั รองบุคคลของสถานศึกษาว่าเปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยย่อยที่ ๓.๗ การใช้แบบคัดกรองบคุ คลท่ีมีความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์
ชือ่ - สกลุ (ผู้เข้ารับการอบรม)................................................................................................ เลขท.ี่ ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๖ ในลักษณะของการเขียนแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือ
เป็นแผนภูมิ ตาราง ฯลฯ

ศูนย์พัฒนาคุณภาพวิชาการกลมุ่ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๖๗

ใบงาน: กรณีศึกษา

กิจกรรมที่ปฏิบัติ : ให้ท่านศึกษาพฤติกรรมของเด็กต่อไปนี้ โดยเลือกใช้แบบคัดกรองที่ตรงกับพฤติกรรม
พร้อมระบุว่า เด็กชายพาที ปัญญาดี มีความบกพร่องประเภทใด

เด็กชายพาที ปัญญาดี เกิดวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ พบพฤติกรรม ดังนี้ โหดร้าย ทารุณ
รังแกสัตว์ ชกต่อย ทำร้ายร่างกายตนเองและผู้อื่น ข่มขู่ คุกคาม หวีดร้อง กระทืบเท้า ไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไหว
ตลอดเวลาโดยปราศจากจุดมุ่งหมาย มีความสนใจสั้น สนใจบทเรียนไม่ได้นาน ขาดสมาธิในการเรียน
ก่อกวนเพื่อน ทำลายสาธารณสมบัติลักขโมย การต่อสู้ระหว่างโรงเรียนที่เป็นคู่อริ วิวาทกับผู้อื่นเสมอ
ประทุษร้ายทางเพศ ไม่เคารพ ไม่เช่ือฟัง ครูและพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างรุนแรง ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก
มีการประหม่าอย่างมากเมื่อให้ออกไปแสดงออก เช่น รายงาน มีอาการตัวร้อนเป็นไข้เมื่อมาโรงเรียน
ร้องไห้บ่อย ไม่พูดคุย ไม่เล่นกับเพื่อน ไม่ร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดให้ เจ้าอารมณ์ รุนแรง ชอบอยู่คน
เดียวและทำงานคนเดียวตลอดเวลา

ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวิชาการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สาํ นกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๖๘
ประเมินคร้ังท.ี่ ......................

แบบคดั กรองบคุ คลที่มีความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์
(กรณีไม่มีใบรับรองความพกิ าร/สมดุ ประจำตวั คนพิการ/ใบรับรองแพทย)์
ชอ่ื - นามสกลุ (ด.ช./ด.ญ./นาย/างสาว).........................................................…………......................…..................
วนั เดือน ปี เกิด.......................................................................….อายุ...........................ปี.............................เดอื น
ระดบั ชัน้ ............................................................ วัน เดอื น ปี ท่ีประเมิน ..............................................................

คำช้ีแจง
๑. แบบคดั กรองฉบับนเ้ี ป็นแบบคดั กรองเพื่อประโยชน์ในทางการจดั การศกึ ษาเท่านั้น
๒. วิเคราะห์ลักษณะ/พฤติกรรม ของเด็กซึ่งเป็นลักษณะหรือพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากปกติอย่างมาก

หรือเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เหมือนเด็กปกติทั่วไปและการที่เด็กไม่สามารถเรียนได้
นนั้ มิได้มีสาเหตมุ าจากองค์ประกอบทางสติปัญญา การรับรูแ้ ละสขุ ภาพหรือความบกพร่องทางร่างกาย โดยให้ทำ
เครอื่ งหมาย/ลงในชอ่ ง “ใช่” หรอื “ไม่ใช่” ทีต่ รงกับลกั ษณะหรือพฤติกรรมนนั้ ๆ

๓. ผู้ทำการคัดกรองเบื้องต้นต้องผ่านการอบรมวิธีการใช้ และการประเมินตามแบบคัดกรองนี้และควร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด เช่น ผู้ปกครองหรือครู เพื่อให้เกิดความชัดเจนถูกต้อง

๔. ผู้คดั กรองควรจะมีอย่างน้อย ๒ คนขน้ึ ไป

ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่
๑ กา้ วร้าว ก่อกวนเป็นอันตรายแกต่ นเองและผู้อ่ืน
๑.๑ โหดร้าย ทารุณ รังแกสตั ว์
๑.๒ ชกตอ่ ย ทำร้ายรา่ งกายตนเองและผอู้ ่ืน
๑.๓ ข่มขู่ คุกคาม หวดี รอ้ ง กระทืบเท้า

๒ การเคล่อื นไหวทผ่ี ิดปกติ
๒.๑ ไมอ่ ยนู่ งิ่ เคล่ือนไหวตลอดเวลาโดยปราศจากจดุ มุ่งหมาย
๒.๒ มคี วามสนใจส้ัน สนใจบทเรียนไม่ไดน้ าน ขาดสมาธิในการเรียน
๒.๓ กอ่ กวนเพื่อน

๓ การปรบั ตวั ทางสงั คม มกี ารปรับตวั ทางสังคมไม่ถกู ต้อง มีการฝา่ ฝืน
กฎเกณฑท์ ่ีเปน็ ทยี่ อมรับของสงั คม
๓.๑ ทำลายสาธารณสมบัติ
๓.๒ ลกั ขโมย
๓.๓ การตอ่ สู้ระหว่างสถานศึกษาท่ีเป็นคูอ่ ริ ววิ าทกบั ผู้อื่นเสมอ
๓.๔ ประทษุ รา้ ยทางเพศ
๓.๕ ไม่เคารพ ไมเ่ ช่ือฟงั ครูและพ่อแม่ ผ้ปู กครองอยา่ งรนุ แรง

๔ มีความรสู้ ึกวติ กกังวลและมีปมด้วย อยา่ งรนุ แรงสมำ่ เสมอ
๔.๑ ไมก่ ล้าพดู ไม่กล้าแสดงออก
๔.๒ มกี ารประหม่าอยา่ งมากเมอื่ ให้ออกไปแสดงออก เช่น รายงาน
๔.๓ มอี าการตวั ร้อนเป็นไข้เมื่อมาสถานศึกษา
๔.๔ รอ้ งไหบ้ อ่ ย

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๖๙

ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรม ผลการวิเคราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่
๕ การหนสี งั คม การปลีกตวั ออกจากสงั คม อันมีผลต่อการเรยี น
๕.๑ ไมพ่ ดู คยุ ไม่เล่นกบั เพื่อน
๕.๒ ไมร่ ่วมกิจกรรมท่ีทางสถานศึกษาจดั ให้
๕.๓ เจา้ อารมณ์ รนุ แรง
๕.๔ ชอบอยคู่ นเดยี ว ทำงานคนเดียวตลอดเวลา

เกณฑ์กาพจิ ารณา
ถ้าตอบวา่ ใช่ ๑ ใน ๕ ข้อ และตอบใช่ ๒ ขอ้ ย่อยในข้อหน่ึง ถอื ว่ามีแนวโนม้ ทจ่ี ะเป็นบคุ คลท่ีมี ความ

บกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ ควรให้การช่วยเหลือตามความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศึกษาของผู้เรียน
และควรส่งตอ่ ให้แพทย์วนิ ิจฉัยต่อไป

ผลการคดั กรอง  ไมพ่ บความบกพร่อง
 พบความบกพรอ่ ง

ความคดิ เห็นเพมิ่ เติม
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ......................................... ใบวุฒบิ ัตร เลขท่.ี ...........................................ผู้คดั กรอง
(............................................)

ลงช่อื ......................................... ใบวฒุ บิ ตั ร เลขที่............................................ผู้คดั กรอง
(............................................)

คำยินยอมของผ้ปู กครอง
ขา้ พเจ้า (นาย /นาง/นางสาว..........................................................................................................

เป็นผู้ปกครองของ(ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)....................................................................
 ยนิ ยอม  ไม่ยนิ ยอม ใหด้ ำเนินการคัดกรองพบความบกพร่อง(ด.ช./ ด.ญ. / นาย/ นางสาว)
.................................................................................... ตามแบบคดั กรองน้ี

เมื่อพบว่ามีแนวโน้มเป็นผ็ที่มีความบกพร่องตามแบบคัดกรองข้างต้น ยินยอม  ไม่ยินยอม
ใหจ้ ดั บริการช่วยเหลือทางการศึกษาพเิ ศษตอ่ ไป

ลงชื่อ............................................................ผูป้ กครอง
(...........................................................)

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพิเศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๗๐

เอกสารประกอบการอบรม

หนว่ ยที่ ๓ การใชแ้ บบคัดกรองคนพิการทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาให้คนพกิ ารได้รบั สทิ ธชิ ว่ ยเหลือทางการศึกษาเรอ่ื ง กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร
การรับรองบุคคลของสถานศึกษาวา่ เปน็ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖
หน่วยย่อยที่ ๓.๘ การใชแ้ บบคัดกรองบุคคลออทิสติก
เอกสารความรู้
บุคคลออทิสติก

๑.ความหมายของบคุ คลออทสิ ตกิ
บคุ คลออทสิ ติก หมายถึง บุคคลทมี่ ีความผิดปกติของระบบการทำงานของสมองบางส่วน ซงึ่ สง่ ผลต่อ

ความบกพร่องทางพฒั นาการด้านภาษา ดา้ นสังคมและการปฏสิ มั พันธท์ างสงั คม และมีข้อจำกดั ด้านพฤติกรรม
หรอื มคี วามสนใจจำกัดเฉพาะเรอื่ งใดเร่ืองหนง่ึ โดยความผดิ ปกตนิ ั้นคน้ พบได้ก่อนอายุ ๓๐ เดือน (ประกาศ
กระทรวงศึกษาธกิ ารเร่ืองการกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒)

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๗๑

แบบสรุปองคค์ วามรู้

หนว่ ยท่ี ๓ การใชแ้ บบคัดกรองคนพิการทางการศึกษา ๙ ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ
พจิ ารณาให้คนพกิ ารได้รับสทิ ธิช่วยเหลือทางการศกึ ษาเร่ือง กำหนดหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี าร
การรบั รองบุคคลของสถานศึกษาว่าเปน็ คนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓.๘ การใช้แบบคดั กรองบคุ คลออทสิ ติก

ชอ่ื - สกลุ (ผ้เู ข้ารบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยย่อยที่ ๓.๘ ในลักษณะของการเขียนแผนที่ความคิด (Mind Map) หรือ

เปน็ แผนภมู ิ ตาราง ฯลฯ

ศูนย์พฒั นาคุณภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๗๒

ใบงาน : กรณีศึกษา

กิจกรรมที่ปฏิบัติ : ให้ท่านศึกษาพฤติกรรมของเด็กต่อไปนี้ แล้วคัดกรองเด็ก โดยเลือกใช้แบบคัดกรองที่
ตรงกับพฤติกรรม พร้อมระบุว่า เด็กชายชาคริต เวนิช มีความบกพร่องประเภทใด

เด็กชายชาคริต เวนิช เกิดวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พบว่ามีพฤติกรรมไม่ยอมสบตาพ่อแม่
มักจะชอบอยู่คนเดียว เด็กไม่ชอบการกอดรัด เด็กจะเหมือนหุ่นไม่แสดงออกถึงความรัก ความโกรธ ไม่
ร้องไห้เมื่อแม่ออกนอกห้องนอน ไม่ดีใจเมื่อแม่กลับเข้ามา พูดไม่เป็นภาษา เวลาดีใจ เสียใจหรือโกรธ ก็
ไม่แสดงสีหน้าหรือท่าทางเพื่อแสดงออก เวลาพูดมาน้ำเสียงจะเหมือนหุ่นยนต์ อยากได้อะไรก็จะใช้วิธีการ
ร้องหรือแย่งของแทนที่จะขอ และยังพบว่ามีพฤติกรรมแปลก เช่น นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมืออยู่เป็นชั่วโมง
นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานานและมักจะคว้ามือคนอื่นให้ดูนาฬิกาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ศูนยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

ประเมนิ คร้ังที่.............. ๗๓

แบบคดั กรองบคุ คลออทสิ ตกิ
(เนือ่ งจากไม่มีใบรับรองความพกิ าร/สมุดประจำตวั คนพิการ/ใบรบั รองแพทย์)
ช่อื -นามสกุล (ด.ช. / ด.ญ. / นาย / นางสาว)........................................................................................................
วนั เดอื น ปี เกดิ ....................................................................................อายุ....................... ปี .....................เดอื น
ระดบั ชนั้ ................................................................. วัน เดือน ปี ที่ประเมนิ .........................................................

คำช้แี จง
๑. แบบคดั กรองฉบับน้ีเป็นแบบคดั กรองเพ่ือประโยชนใ์ นทางการจดั การศึกษาเทา่ นน้ั
๒. วิเคราะหล์ ักษณะ/พฤติกรรม ของเดก็ ซ่ึงเป็นลักษณะหรอื พฤติกรรม ที่เดก็ แสดงออกบอ่ ยๆ โดยให้ทำ
เครอ่ื งหมาย/ลงในช่อง “ ใช่ ” หรือ “ ไมใ่ ช่ ” ท่ตี รงกับลักษณะหรือพฤติกรรมน้ันๆ ของเดก็
๓. ผทู้ ำการคัดกรองเบ้อื งต้นต้องผ่านการอบรมวธิ ีการใช้ และการประเมิน ตามแบบคดั กรองน้แี ละควร
สอบถามขอ้ มูลเพิ่มเติมจากผทู้ อ่ี ยู่ใกลช้ ดิ เด็กมากที่สุด เชน่ ผปู้ กครองหรอื ครู เพ่ือให้เกิดความชัดเจน
ถูกตอ้ ง
๔. ผู้คัดกรองควรจะมีอย่างนอ้ ย ๒ คนขน้ึ ไป

ที่ ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่

ดา้ นพฤติกรรม / อารมณ์

๑ มีพฤติกรรมกระตุน้ ตัวเอง ซ่งึ เปน็ พฤติกรรมซำ้ ๆ เช่น สะบัดนว้ิ มอื เลน่ มอื ดม

เคาะ หรือหมนุ สง่ิ ของ เปน็ ต้น

๒ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมประจำวัน เช่น

เด็กไม่ยอมเปลี่ยนเส้นทางการไปโรงเรียน เด็กไม่ยอมเปลี่ยนเก้าอี้นั่งใน

ห้องเรยี น เป็นต้น

๓ มีพฤติกรรมหลีกหนีการสัมผัส เช่น เดินเขย่งปลายเท้า ไม่ชอบการกอดรัด

ทนต่อเสยี งบางอย่างไม่ได้ เปน็ ตน้

๔ มพี ฤติกรรมอยู่ไมน่ งิ่ เชน่ ชอบวง่ิ เดนิ ไปมารอบห้อง เปน็ ต้น

๕ ไม่เขา้ ใจอารมณข์ องผู้อื่น เชน่ ไม่เข้าใจเวลาเพอ่ื นโกรธ เศรา้ เสยี ใจ เปน็ ตน้

ดา้ นการส่อื ความหมาย

๖ แสดงความตอ้ งการโดยการจูงมือ เช่น เดก็ จะจูงมอื ผู้ปกครอง/ครู เพือ่ นำไปทำ

สิง่ ทต่ี อ้ งการ เปน็ ตน้

๗ ใช้ภาษาพดู ของตนเองทีผ่ ู้อ่นื ไมเ่ ข้าใจ

๘ พูดเลียนแบบ หรือพดู ทวนคำถาม

๙ พูดคำซ้ำๆ ที่เคยไดย้ นิ บ่อย เชน่ พดู ตามโฆษณาที่ได้ยนิ จากโทรทศั น์

๑๐ ไม่สามารถเริม่ ต้นบทสนทนากบั ผอู้ ่นื ได้

๑๑ พูดเร่อื งท่ีตนเองสนใจโดยไม่สนใจผฟู้ ัง

๑๒ ไม่เขา้ ใจคำทเี่ ป็นนามธรรม เช่น การเอ้ือเฟื้อเผอื่ แผ่

ด้านสงั คม

๑๓ ไมม่ องสบตากบั ผอู้ ่ืนขณะสนทนา

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๗๔

ที่ ลกั ษณะ / พฤติกรรม ผลการวเิ คราะห์
ใช่ ไมใ่ ช่

๑๔ ไม่มปี ฏิสมั พันธก์ ับบุคคลรอบขา้ ง เชน่ ไม่เล่นกับเพื่อน ไมส่ นใจคนรอบขา้ ง

เป็นตน้

๑๕ มีปฏสิ มั พนั ธ์ตอ่ บุคคลรอบข้างไม่เหมาะสม เชน่ เลน่ กับเพ่ือนแรง

๑๖ แสดงพฤติกรรมการตอบสนองทางอารมณ์ และสังคมไมเ่ หมาะสม เช่น สง่

เสยี งกรีดรอ้ ง ทำร้ายตนเองหรือผอู้ ื่นเม่ือถูกขดั ใจ เปน็ ต้น

๑๗ แยกตัวออกมาอยู่ตามลำพัง เช่น ในขณะที่เพื่อนทำกิจกรรมกลุ่ม ไม่ยอมเข้า

รว่ มกจิ กรรม

๑๘ ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎกติกา ระเบียบหรือข้อตกลงได้ เช่น ไม่รู้จักการรอ

คอย ไม่รู้จกั การเขา้ แถว เปน็ ต้น

เกณฑก์ ารพิจารณา
ถา้ ตอบวา่ ใช่ อยา่ งน้อย ๒ ด้านๆ ละ ๒ ข้อ ขึน้ ไป แสดงวา่ มีแนวโน้มทจ่ี ะเปน็ บคุ คลออทสิ ติกใหจ้ ัดบริการ

ชว่ ยเหลอื ทางการศกึ ษาพเิ ศษ และส่งต่อใหแ้ พทย์ตรวจวินิจฉยั ตอ่ ไป

ผลการคัดกรอง  ไมพ่ บความบกพร่อง
 พบความบกพร่อง

ความคิดเห็นเพมิ่ เตมิ
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................

ลงชอื่ .................................................... ใบวุฒิบตั ร เลขท่.ี .................................(ผคู้ ัดกรอง)
(....................................................)

ลงช่ือ .................................................... ใบวุฒบิ ัตร เลขท.่ี .................................(ผูค้ ัดกรอง)
(....................................................)

คำยนิ ยอมของผูป้ กครอง

ข้าพเจ้า(นาย / นาง / นางสาว)................................................................................. เป็นผู้ปกครองของ
(ด.ช. / ด.ญ./ นาย / นางสาว) ..............................................................................  ยินยอม  ไม่ยินยอม ให้
ดำเนนิ การคัดกรอง (ด.ช./ ด.ญ./ นาย /น.ส.)...................................................................................................
ตามแบบคัดกรองน้ี เม่ือพบว่ามแี นวโน้มเป็นผทู้ ่ีมคี วามบกพรอ่ งตามแบบคดั กรองขา้ งต้น  ยินดี  ไมย่ ินดี
ใหจ้ ดั บริการชว่ ยเหลอื ทางการศกึ ษาพิเศษต่อไป

ลงชื่อ .................................................... ผู้ปกครอง
(....................................................)

ศูนย์พัฒนาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๗๕

เอกสารประกอบการอบรม

หนว่ ยที่ ๔ เทคนคิ การให้คำปรกึ ษาและการประสานกับผู้ปกครองและผทู้ ่ีเกี่ยวข้อง

เอกสารความรู้
แนวคิดในการใหค้ ำปรกึ ษาแกผ่ ูป้ กครองและผู้เก่ยี วข้องกับเด็กพกิ าร

สัมพันธภาพและความรู้ความเข้าใจของบุคคลในครอบครัวมีความสำคัญต่อพัฒนาการและความมั่นคงทาง
อารมณ์และสังคมของสมาชิกทุกคน หากสมาชิกคนใดมีปัญหาทางอารมณ์จะมีผลกระทบต่อสมาชิกคนอื่นๆ และ
บรรยากาศในครอบครัว ส่งผลต่อบุคลิกภาพ ปฏิสัมพันธ์ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันของสมาชิกใน
ครอบครวั การใหค้ ำปรกึ ษาแก่ผ้ปู กครองและผูท้ ี่เกย่ี วข้องทเี่ หมาะสมจะทำให้เด็กพิการได้รบั ความชว่ ยเหลือ ส่งผลต่อ
การสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเอื้ออาทรและการวางแผนการจัดการศึกษาและการรับบริการที่จำเป็นทำให้เด็กพิการ
ประสบความสำเรจ็ ในการดำเนินชีวติ สามารถเขา้ สู่สงั คมและพ่ึงพาตนเองได้โดยครอบครวั เป็นฐาน

เทคนิควธิ ีการให้คำปรกึ ษาแกผ่ ู้ปกครองและผทู้ ีเ่ กี่ยวข้อง
๑. ศึกษาประวัติครอบครัว เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังของครอบครัวรูปแบบปฏิสัมพันธ์ ตั้งแต่อดีตจนถงึ

ปัจจบุ ันโดยใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษาเล่าถึงเร่อื งราวตา่ งๆ ในครอบครัว คนสำคญั ในชีวติ
๒. รับฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ จับประเด็นเนื้อหาความรู้สึกเพื่อสื่อกลับให้ผู้รับคำปรึ กษารับรู้ตนเองสะท้อน

ความรู้สึก เพื่อให้ผู้รับการปรึกษาได้ทราบถึงความรู้สึกของตนเอง อาจสะท้อนโดยใช้คำพูดที่แสดงความรู้สึกจาก
เน้อื ความทผี่ ู้รบั การปรกึ ษาไดพ้ ดู มาแล้ว เชน่ “ คณุ รสู้ กึ วา่ ……… ”

๓. ทวนคำพดู การพูดตอ่ เติมประโยคใหส้ มบูรณ์การนำคำตอบของผรู้ ับคำปรึกษามาประกอบการสนทนา
๔. สรปุ ความ โดยสรปุ คำพูดของผรู้ ับการปรึกษาให้ส้ันลง เปน็ การใหข้ ้อมลู ย้อนกลับแกผ่ ูร้ บั คำปรึกษา
๕. ยกตัวอย่างประสบการณ์ของตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้ผู้รับคำปรึกษารู้สึกว่าปัญหาที่ตนพบนั้นเป็นปัญหาที่
เกิดข้ึนไดแ้ ละผู้อนื่ กเ็ คยประสบมาเช่นกัน
๖. สนบั สนุน โดยการพูดให้กำลงั ใจแกผ่ รู้ บั คำปรกึ ษาและเปน็ การยนื ยนั วา่ สงิ่ ท่ผี รู้ บั คำปรึกษาไดท้ ำน้นั เปน็ สง่ิ
ท่ถี ูกต้อง เชน่ “สงิ่ ท่ีคุณทำน้ันนบั ว่าเปน็ การเสยี สละอยา่ งมาก”

ผูใ้ ห้คำปรึกษาควรให้ความสำคัญกับการพฒั นาครอบครวั ให้มีความรู้ ทกั ษะปฏิบัตกิ ารและประสบการณ์ท่ี
จะช่วยให้เด็กพิการก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จโดยคำนึงถึงการทำงานร่วมกันของผู้ให้คำปรึกษาและ
ผู้เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมให้ความรู้แก่ชุมชนด้านกฎหมาย การสนับสนุนให้เด็กพิการมีโอกาสตัดสินใจด้วยตนเอง
และพัฒนาทกั ษะท่ีจำเป็นในการดำเนินชีวติ รวมทงั้ การเช่ือมโยงของแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลกบั แผนการ
เชอ่ื มต่อทางการศึกษาอยา่ งจริงจงั จะช่วยใหเ้ ด็กพิการประสบความสำเร็จต่อการดำเนนิ ชวี ติ ในอนาคตได้

การประสานงานกับผู้ปกครองและผ้ทู ี่เกี่ยวข้อง
การประสานงาน คอื การที่บุคคลหรือหนว่ ยงานในองค์กร ทำงานรว่ มกับบุคคลและหนว่ ยงานอน่ื เพ่ือให้
บรรลุจดุ มงุ่ หมายรว่ มกนั มีลักษณะเปน็ กระบวนการท่ตี ้องกระทำต่อเนอ่ื งสอดคล้องกนั ไปเพอื่ ใหง้ านสำเร็จอยา่ งมี
ประสิทธิภาพ
วัตถปุ ระสงค์ของการประสานงาน
๑. เพ่ือแจ้งให้ผู้มสี ว่ นเกย่ี วข้องทราบ
๒. เพอ่ื รกั ษาไว้ซ่งึ ความสมั พันธอ์ ันดี
๓. เพอื่ ขอคำยินยอมหรือความเหน็ ชอบ
๔. เพอื่ ขอความช่วยเหลอื
๕. เพ่ือขจดั ข้อขัดแยง้ ท่ีอาจมีขึน้

ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลุม่ การศึกษาพิเศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๗๖

๖. เพ่อื ใหง้ านสำเร็จตามเป้าหมาย
๗. เพ่ือให้งานมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
ประโยชน์ของการประสานงาน
๑. ช่วยให้การทำงานบรรลเุ ปา้ หมายได้อยา่ งราบร่ืนรวดเรว็
๒. ชว่ ยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการปฏิบัตงิ าน
๓. ชว่ ยให้ทกุ ผ่ายเขา้ ใจถงึ นโยบายและวตั ถุประสงค์ขององค์การ
๔. ชว่ ยสรา้ งความสามัคคีและความเข้าใจในหมู่คณะ
๕. เสรมิ สรา้ งขวัญของผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน
๖. ลดอนั ตรายจากการทำงานใหน้ ้อยลง
๗. ชว่ ยลดข้อขดั แย้งในการทำงาน
๘. ช่วยใหป้ ฏิบัตงิ านเปน็ หม่คู ณะและเพิ่มผลสำเรจ็ ของงาน
๙. ชว่ ยเกิดความคดิ ใหม่ๆและปรับปรงุ อยู่เสมอ
๑๐. ปอ้ งกันการทำงานซำ้ ซ้อน
๑๑. การดำเนินงานเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ประเภทของการประสานงาน มีหลายวิธแี ตกตา่ งกนั ไป ไดแ้ ก่
๑. การประสานงานอยา่ งเปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ
๒. การประสานงานภายในองค์การและภายนอกองค์การ
๓. การประสานงานในแนวดงิ่ (Top- Down Bottom-up) และแนว
เทคนคิ การประสานงาน
๑. กำหนดเป้าหมายในการประสานงานใหช้ ดั เจน
๒. เตรียมข้อมลู ที่จะใชใ้ นการประสานงานให้ครบถว้ นครอบคลุม
๓. ศึกษาข้อมูลของบุคคลหรือหนว่ ยงานจะประสานงานด้วย
๔. วางแผนการประสานงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายและระยะเวลา
๕. เตรียมตนเองให้พรอ้ มและเหมาะสมตามกาลเทศะ เช่น การแต่งกาย การใช้ภาษาพดู ทเ่ี หมาะสมกับ
บคุ คลทปี่ ระสานงานดว้ ย
๖. เคารพและให้เกยี รติผู้ที่ประสานงานดว้ ยรวมทง้ั เปดิ โอกาสใหม้ ีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น
๗. ประเมนิ ผลการสอื่ สารและประสานงานทุกคร้ัง
๘. ปรับปรงุ และพฒั นาแนวทางการประสานงานจากผลการประเมินทุกครง้ั

การประสานงานเพือ่ ให้เด็กพิการได้รับบริการอย่างเต็มศักยภาพตามความต้องการจำเป็น ซง่ึ เดก็ พิการ
จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและพัฒนาจากบ้านสู่ศูนย์เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน จากศูนย์การศึกษา
พิเศษสู่โรงเรียน จากชั้นเรียนสู่ชั้นเรียนและจากโรงเรียนสู่ชุมชน เป็นต้น ทักษะในการประสานงานของครูและ
ผใู้ หบ้ ริการทางการศึกษายอ่ มสง่ ผลตอ่ ความสำเร็จในการดำเนนิ งานและความร่วมมอื ของผ้ปู กครองและผู้เกี่ยวข้อง

ศนู ย์พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๗๗

แบบสรุปองค์ความรู้

หนว่ ยที่ ๔ เทคนิคการใหค้ ำปรึกษาและการประสานกับผู้ปกครองและผู้ที่เกีย่ วข้อง
ชือ่ - สกลุ (ผู้เขา้ รบั การอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำชี้แจง ให้ท่านสรุปองค์ความรู้ หน่วยที่ ๔ เทคนิคการให้คำปรึกษาและการประสานกับผู้ปกครอง

และผู้ทเ่ี กีย่ วข้อง โดยเขียนเป็นแผนทค่ี วามคิด (Mind Map)

ศนู ยพ์ ัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๗๘

เอกสารประกอบการอบรม

หน่วยท่ี ๕ การวางแผนการจดั การศึกษาทเี่ หมาะสมกับความพิการแต่ละประเภท

เอกสารความรู้
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลและแผนการสอนเฉพาะบคุ คล

๑. พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช ๒๕๔๒ และทแี่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ ทุกฉบับ
มาตรา ๑๐ ระบุว่า การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษาข้ัน

พืน้ ฐานไม่น้อยกว่าสบิ สองปีท่รี ัฐต้องจัดให้อยา่ งทัว่ ถึงและมคี ุณภาพ โดยไม่เกบ็ คา่ ใช้จา่ ย การจัดการศึกษาสำหรับ
บุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกาย
พิการหรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้หรือไม่มีผู้ปกครองหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคล
ดงั กลา่ วมีสทิ ธแิ ละโอกาสได้รบั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานเปน็ พิเศษ การศึกษาสำหรับคนพิการในวรรคสอง ให้จัดตั้งแต่
แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก
ส่อื บริการ และความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษาตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีกำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และ
ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและ
เต็มตามศักยภาพ

มาตรา ๒๔ การจดั กระบวนการเรียนรู้ ใหส้ ถานศึกษาและหน่วยงานที่เกยี่ วข้องดำเนินการ (๑) จัดเน้ือหา
สาระและกิจกรรมใหส้ อดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนงึ ถึงความแตกตา่ ง ระหวา่ งบคุ คล

มาตรา ๒๘ หลักสตู รการศึกษาระดับตา่ งๆ รวมทัง้ หลกั สตู รการศกึ ษาสำหรับบุคคลตาม มาตรา ๑๐ วรรค
สอง วรรคสาม และวรรคสี่ ต้องมีลักษณะหลากหลาย ทั้งนี้ ให้จัดตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ
โดยมงุ่ พฒั นาคุณภาพชีวิตของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัยและศักยภาพ
๒. พระราชบญั ญัติการจัดการศกึ ษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑

มาตรา ๕ คนพกิ ารมสี ทิ ธทิ างการศึกษาดงั น้ี
(๑) ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการจนตลอดชีวิต พร้อมทั้งได้รับ
เทคโนโลยี สิง่ อำนวยความสะดวก สอื่ บรกิ ารและความชว่ ยเหลอื อืน่ ใดทางการศึกษา
(๒) เลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษา โดยคำนึงถึงความสามารถ
ความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการจำเป็นพเิ ศษของบคุ คลนัน้
(๓) ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการจัดหลักสูตรกระบวนการ
เรียนรู้ การทดสอบทางการศึกษา ที่เหมาะสมสอดคลอ้ งกับความต้องการจำเปน็ พิเศษของคนพิการแตล่ ะประเภท
และบุคคล
มาตรา ๘ ให้สถานศึกษาในทุกสังกัดจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล โดยให้สอดคล้องกับความ
ต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการ และต้องมีการปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลอย่างน้อย ปีละหนึ่ง
คร้ัง ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารที่กำหนดในประกาศกระทรวง
๓. กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการให้คนพิการ มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ
และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐
ออกตามความในมาตรา ๑๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไข
เพิ่มเติมทุกฉบับ ซึ่งกำหนดให้คนพิการ มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใด
ทางการศกึ ษาตามที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล

ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพิเศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๗๙

๔. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลระดับ
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ.๒๕๕๒

ได้กำหนดองค์ประกอบ กระบวนการจัดทำ บุคคลที่เกี่ยวข้องการนำแผนไปสู่การปฏิบัติ การทบทวน
ปรับปรุงและความสำคญั ของแผนการสง่ ตอ่ ไวอ้ ย่างชดั เจน

ความหมายของแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
ผดุง อารยะวิญญู ( ๒๕๔๒ ) ได้ให้ความหมายว่า เป็นแผนการจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความ
ต้องการพเิ ศษที่ทางโรงเรยี นจดั ทำข้ึน โดยไดร้ ว่ มมือและความยินยอมจากผู้ปกครองของนักเรียนที่มีความต้องการ
พิเศษ แผนนี้บรรจุเนอื้ หาสาระของแต่ละคน เป็นแผนในระยะ ๑ ปีและมีการทบทวนแผนทุกภาคเรียน
เบญจา ชลธาร์นนท์ ( ๒๕๔๓ ) ได้ให้ความหมายว่า เป็นแผนการจัดการศึกษาซึ่งกำหนดแนวทาง
การศึกษาที่สอดคล้องกบั ความต้องการจำเป็นพิเศษของบคุ คลพิการแต่ละบคุ คล ตลอดจนกำหนดสิ่งอำนวยความ
สะดวก สือ่ บริการ และความชว่ ยเหลืออนื่ ใดทางการศึกษาใหเ้ ป็นเฉพาะบุคคล
สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ( ๒๕๔๖ ) ได้ให้ความหมายว่า เป็นแผนซึ่งกำหนดแนวทางการจัดการศึกษา
ที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการ ตลอดจนกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความ
ชว่ ยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษาเฉพาะบุคคล ซง่ึ แผนดังกล่าวเป็นเคร่ืองมืออย่างหน่ึงในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ
ทจี่ ะทำใหก้ ารจัดการศึกษาท่ีมีประสิทธภิ าพในการจดั การเรียนการสอนคนพิการทุกประเภท
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( ๒๕๔๘ ) ให้ความหมายว่า เป็นแผนการให้บริการทางการ
ศึกษาพิเศษรายปี ที่จัดทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับนักเรียนพิการหรือที่มีความบกพร่องเป็นรายบุคคล
โดย พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดทำ ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับระดับความสามารถในปัจจุบัน
ตลอดจนกำหนดสิ่งอำนวยสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษาให้เป็นเฉพาะบุคคล รวมท้ัง
แนวทางการจดั การเรยี นการสอนและการวดั ผลประเมนิ ผล
พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้นิยาม ไว้ว่า แผนการจัดการศึกษา
เฉพาะบุคคล หมายถึง แผนซึ่งกำหนดแนวทางการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคน
พิการ ตลอดจนกำหนดเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา
เฉพาะบคุ คล
กล่าวโดยสรุป แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หมายความว่า แผนการจัดการศึกษาที่จัดทำขึ้นให้
สอดคลอ้ งกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการเป็นเฉพาะบุคคล โดยการมสี ่วนรว่ มของผ้บู ริหารสถานศึกษา
ผู้ปกครอง ครูและคณะสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนการจัดการศึกษาให้คนพิการ เป็นลายลักษณ์อักษร
ซึง่ ในแผนจะต้องระบรุ ะดบั ความสามารถในปัจจบุ ัน เป้าหมายระยะยาว ๑ ปี จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เกณฑแ์ ละ
วธิ ีการวดั ประเมินผล กำหนดเทคโนโลยี ส่งิ อำนวยความสะดวก สอ่ื บริการและความชว่ ยเหลืออ่นื ใดทางการศึกษา
ตลอดจนมกี ารทบทวนปรับปรงุ แผนตามความเหมาะสม

วตั ถุประสงคข์ องการจดั ทำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคล

๑. เพื่อใหค้ นพิการได้รบั การจัดการศกึ ษาใหส้ อดคล้องตามความต้องการจำเป็นพิเศษเป็นเฉพาะบุคคล

๒. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดกระบวนการจัดการเรียนรู้ การตรวจสอบความก้าวหน้า ทางการ

เรียนรู้และพฒั นาการของผ้เู รียน

๓. เพื่อให้ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ผปู้ กครอง ครู คณะสหวิชาชีพ และผมู้ สี ่วนเกยี่ วขอ้ ง มสี ่วนรว่ มในการวาง

แผนการจดั การศกึ ษาให้ผู้เรยี นแตล่ ะบคุ คลได้รับการพฒั นาเตม็ ศักยภาพ

๔. เพอ่ื ให้สถานศึกษาสามารถวางแผนจัดบรกิ ารทางการศกึ ษา ตลอดจนจัดหาเทคโนโลยี ส่งิ

อำนวยความสะดวก สอ่ื บรกิ าร และความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษาทส่ี อดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษ

ของผู้เรียน

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวิชาการกล่มุ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๐

องค์ประกอบของแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล เป็นแผนให้บริการทางการศึกษาพิเศษ ที่จัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร
ใหก้ ับผเู้ รยี นทม่ี คี วามบกพร่องเป็นเฉพาะบคุ คล โดยความรว่ มมือของบุคลากรท่ีเก่ียวข้องและไดร้ ับความเห็นชอบ
จากบิดา มารดา ผปู้ กครอง หรือผเู้ รียนและมีการทบทวนแผนตามความเหมาะสม
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศกระทรวง เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนการจัดการศึกษา
เฉพาะบคุ คลระดบั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พ.ศ.๒๕๕๒ โดยมีองคป์ ระกอบดังตอ่ ไปนี้
๑. ข้อมูลทั่วไป
๒. ข้อมลู ด้านการแพทยห์ รือด้านสุขภาพ
๓. ข้อมลู ด้านการศึกษา
๔. ข้อมูลอนื่ ๆ ท่ีจำเป็น
๕. การกำหนดแนวทางการศึกษาและการวางแผนการจดั การศกึ ษาพเิ ศษ
๖. ความต้องการด้านสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีส่ิงอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ
อ่นื ใดทางการศึกษา
๗. คณะกรรมการจัดทำแผน
๘. ความเหน็ ของบิดา มารดา ผปู้ กครอง หรอื ผู้เรียน

ประโยชน์ของแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล
แผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคล เป็นแผนทีจ่ ัดทำข้นึ เพ่ือให้ผ้เู รยี นไดร้ ับการพฒั นาทางด้านการศึกษาตาม
ศกั ยภาพและสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของแตล่ ะบุคคล โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ไดร้ ับประโยชน์ ดังน้ี
ประโยชน์ต่อผเู้ รียน
๑. ผเู้ รยี นได้รบั การชว่ ยเหลือ บำบดั ฟื้นฟสู มรรถภาพ บริการทางการศึกษา เตม็ ศักยภาพอย่างเป็นระบบ
และเหมาะสมกบั ความตอ้ งการจำเป็นพเิ ศษของแต่ละบคุ คล
๒. ผู้เรียนได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลือ
อืน่ ใดทางการศกึ ษาตามกฎกระทรวง
๓. ผู้เรยี นมีส่วนรว่ มในการวางแผนการจัดการศกึ ษา การพัฒนาศักยภาพ การวัดและประเมนิ ผลตลอดจน
การปรบั ปรุงเปา้ หมายในการจดั การศกึ ษาของตน
๔. ผูเ้ รียนได้รบั การส่งต่อทางการศึกษา และดา้ นอืน่ ๆ อย่างเหมาะสม
ประโยชนต์ ่อครูผู้สอน
๑. ครูผสู้ อนมีขอ้ มลู ในการวางแผนการจัดการศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษของผ้เู รียน
๒. ครูผสู้ อนรู้ขอบเขตความรับผิดชอบการจดั การเรยี นการสอนของตนเอง
๓. ครูผ้สู อนมขี ้อมลู ในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนใหส้ อดคลอ้ งกับศักยภาพของผ้เู รียน
๔. ครูผูส้ อนวัดผลและประเมินผลการพัฒนาได้สอดคลอ้ งกบั เปา้ หมายที่กำหนดไว้
๕. ครูผูส้ อนสามารถปรบั แผนการจัดการศกึ ษาให้เหมาะสมสอดคล้องกบั ศักยภาพของผู้เรียน
๖.ครูผู้สอนสามารถจัดส่ิงอำนวยความสะดวก เทคโนโลยสี ิ่งอำนวยความสะดวก สอื่ บรกิ ารและความช่วย
อน่ื ใดทางการศกึ ษาทส่ี อดคลอ้ งกบั ความต้องการจำเป็นพิเศษของผเู้ รยี น
ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
๑. ผ้ปู กครองมสี ว่ นรว่ มในการวางแผนการจัดการศึกษาและรบั รู้เป้าหมายในการพฒั นาบตุ รหลาน
๒. ผ้ปู กครองสามารถขอรับส่ิงอำนวยความสะดวก เทคโนโลยสี ่ิงอำนวยความสะดวก สือ่ บรกิ ารและความช่วย
อ่นื ใดทางการศึกษา เพ่ือนำไปใชใ้ นการพัฒนาบตุ รหลานทบ่ี ้านได้อย่างต่อเนื่อง

ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพวิชาการกลุม่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๑

๓. ผปู้ กครองมคี วามรู้ ความเข้าใจและมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาการศกึ ษาของบุตรหลานได้อย่างถกู ต้อง
๔. ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล การปรับแผนการจัดการศึกษาให้สอดคล้องเหมาะสมกับ
ศักยภาพของบุตรหลาน
๕. ผู้ปกครองรับทราบความก้าวหน้าและพัฒนาการของบุตรหลาน ซึ่งสามารถนำมาวางแผนพัฒนาคุณภาพ
ชวี ติ บตุ รหลานไดอ้ ย่างมีเป้าหมาย
ประโยชน์ต่อสถานศกึ ษา
๑. สถานศกึ ษามีขอ้ มูลในการจัดผูเ้ รยี นเขา้ ศึกษาในรูปแบบ ระบบ และระดบั ทเ่ี หมาะสม
๒. สถานศึกษามีข้อมูลในการวางแผนบริหาร จัดสรรงบประมาณ การพัฒนาหลักสูตร และแนวทาง ใน
การจัดการเรียนการสอนแกผ่ เู้ รยี น
๓. สถานศกึ ษาสามารถวางแผนจดั บรกิ ารทางการศึกษา ตลอดจนจดั หาสง่ิ อำนวยความสะดวก เทคโนโลยี
สงิ่ อำนวยความสะดวก สือ่ บริการและความช่วยอื่นใดทางการศึกษาท่ีเกี่ยวข้องสอดคล้องกับความต้องการจำเป็น
พิเศษของผ้เู รียน
๔. สถานศึกษามีข้อมูลในการกำหนดทิศทางการจัดการ การประสานความร่วมมือและการส่งต่อผู้เรียน
ใหก้ บั หน่วยงานทเี่ กี่ยวข้อง
๕. สถานศกึ ษามีขอ้ มลู เพ่อื ใชใ้ นการปรบั ปรงุ พฒั นา และสง่ เสรมิ การจัดการศกึ ษาของผู้เรยี น
ประโยชน์ต่อผู้บริหาร
๑. ผู้บริหารมีส่วนร่วมในการวางแผนการจัดการศึกษา การวัดผล ประเมินผล และการปรับปรุงการจัด
การศกึ ษาใหก้ ับผเู้ รียนอย่างเหมาะสม
๒. ผู้บริหารมีข้อมูลในการวางแผนบริหารจัดการสถานศึกษาด้านบริหารงานทั่วไป แผนงานและงบประมาณ
วิชาการ และบุคลากร ท่ีเออ้ื ตอ่ การจัดการเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของผู้เรยี น
ประโยชน์ต่อคณะสหวิชาชีพ
คณะสหวิชาชีพได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านวิชาชีพ ในการวิเคราะห์ วางแผน ประเมิน และร่วมพัฒนา
ผู้เรียนใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพ

กระบวนการจัดทำแผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบุคคล
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(Individualized Education Program : IEP) เป็นแผนการจัด
การศกึ ษาท่ีจัดทำขน้ึ ให้สอดคล้องกบั ความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษของผู้เรียนเป็นเฉพาะบุคคล โดยการมสี ่วนร่วมของ
สถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ครูและคณะสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนการศึกษาใหผ้ ู้เรียนเป็นลาย
ลักษณ์อักษร กำหนดสิง่ อำนวยความสะดวก เทคโนโลยสี ิ่งอำนวยความสะดวก สอ่ื บรกิ ารและความช่วยเหลืออ่ืน
ใดทางการศึกษาให้เป็นการเฉพาะบุคคล ตลอดจนมีการทบทวนปรับปรุงแผนตามความเหมาะสม ซึ่งมี
กระบวนการดำเนนิ การ ๖ ข้ันตอน ดังน้ี
๑. ขน้ั เตรียมการ

เม่ือพบว่าผเู้ รยี นมปี ญั หาทางด้านการศึกษา สถานศึกษาควรดำเนินการ ดงั น้ี
๑.๑ การรวบรวมข้อมูล
รวบรวมข้อมูลของผู้เรียนจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสัมภาษณ์ การ

สอบถาม การสังเกต และการตรวจสอบเอกสารหลักฐานทเ่ี กี่ยวข้อง ตลอดจนทำความเข้าใจกับผู้ปกครองเกี่ยวกับสภาพ
ปัญหาและรว่ มกันหาแนวทางช่วยเหลือผ้เู รียน

ศนู ยพ์ ฒั นาคณุ ภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๒

๑.๒ การคัดกรองประเภทความพิการทางการศกึ ษา
ขออนุญาตผู้ปกครองคัดกรองผู้เรียน โดยใช้แบบคัดกรองคนพิการทางการศึกษาของ

กระทรวงศึกษาธิการ และอาจใช้แบบคดั กรองของหน่วยงานอื่นๆ เพิ่มเติมตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้ขอ้ มูลของ
ผ้เู รียนท่ีละเอยี ดมากยงิ่ ขน้ึ

กรณีพบว่าผู้เรียนมีแนวโน้มว่ามีความบกพร่อง ควรแนะนำให้ผู้ปกครองนำส่งแพทย์ หรือนักวิชาชีพ
วินจิ ฉัยเพิ่มเตมิ

๒. ขัน้ การจดั ทำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล
การดำเนนิ การจดั ทำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคล ใหส้ ถานศึกษาดำเนนิ การ ดังนี้
๒.๑ แตง่ ต้ังคณะกรรมการจดั ทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล สำหรับผู้เรียน แต่

ละคน โดยมกี รรมการไม่น้อยกว่า ๓ คน ซ่งึ ประกอบด้วย (๑) ผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผู้แทน (๒) บดิ าหรือมารดา
หรือผู้ปกครอง หรือผู้ปกครองคนพิการ (๓) ครูประจำชั้น หรือครูแนะแนว หรือครูการศึกษาพิเศษ หรือครู ท่ี
รบั ผิดชอบงานด้านการศึกษาพิเศษท่ีผ้บู ริหารสถานศึกษามอบหมายเป็นกรรมการและเลขานกุ ารและหรือคณะสห
วชิ าชีพ ตามความต้องการจำเป็นพิเศษของผู้เรียน

๒.๒ ตรวจสอบหรอื การประเมนิ ความสามารถพ้ืนฐาน
คณะกรรมการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือคณะกรรมการท่ีได้รับการแต่งต้งั ทำ

การตรวจสอบหรือการประเมินความสามารถพ้นื ฐานของผู้เรียน (Student) ตามหลักสูตรสถานศึกษาในแต่ละกลุ่ม
สาระการเรยี นรู้/ทกั ษะการเรยี นรู้ เพื่อใหท้ ราบ

จุดเด่น คือ ความสามารถหรือศักยภาพปัจจุบันที่ผู้เรยี นสามารถทำได้ในสาระการเรียนรู้/ทักษะ
การเรยี นรู้

จดุ ด้อย คือ ส่ิงท่ผี เู้ รยี นไม่สามารถทำได้ในสาระการเรียนรู้/ทกั ษะการเรียนรู้
ทั้งนี้ควรตรวจสอบหรือประเมินความสามารถพื้นฐานจากสภาพจริงในหลายสถานการณ์ให้ครอบคลุมถึง
บริบทด้านสิ่งแวดล้อม (Environments) ซึ่งประกอบด้วยสิ่งแวดล้อมด้านบุคคลและสิ่งแวดล้อม ด้าน
กายภาพทเี่ อ้ือหรือเป็นอุปสรรคในการพัฒนาศักยภาพผูเ้ รียน ดา้ นกจิ กรรม (Tasks) ท่ผี ้เู รยี นปฏิบัติได้หรือไม่ได้ใน
แต่ละวัน หรือไมไ่ ด้รับการส่งเสริมในการทำกิจกรรม กจิ กรรมน้นั เหมาะสมกับผเู้ รียนหรือไม่และด้านเทคโนโลยีสิ่ง
อำนวยความสะดวก ส่อื บริการและความช่วยเหลอื อ่นื ใดทางการศึกษา (Tools) ที่ผเู้ รยี นได้รบั หรือยงั ไมไ่ ดร้ ับก่อน
การจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและนำข้อมูลมาวิเคราะห์จัดทำแผนการจัด
การศกึ ษาเฉพาะบุคคลตามความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษของแต่ละบคุ คล
กรณีสถานศึกษาตรวจสอบหรือประเมินความสามารถพื้นฐานแล้วพบว่า ผู้เรียนมีความพร้อมในทุกสาระ
การเรียนรู้/ทกั ษะการเรียนรู้ ใหด้ ำเนินการส่งต่อตามความเหมาะสมต่อไป

๒.๓ จดั ทำแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล
คณะกรรมการนำข้อมูลจากการตรวจสอบหรือประเมินความสามารถพ้ืนฐาน มาจัดทำแผนการ

จัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ตามองค์ประกอบที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องหลักเกณฑ์และ
วธิ กี ารจัดทำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล ระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ.๒๕๕๒ ในการกำหนดแนวทางการ
จัดการศึกษาและการวางแผนการจัดการศึกษาพิเศษ ตลอดจนกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และ
ความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา ตามความต้องการพิเศษของผู้เรียน ให้คำนึงถึงบริบทด้านผู้เรียน (Student)
ดา้ นสิ่งแวดล้อม (Environments) ด้านกิจกรรม (Tasks) และด้านเทคโนโลยี สง่ิ อำนวยความสะดวก สอ่ื บริการ
และความชว่ ยเหลืออื่นใดทางการศกึ ษา (Tools) ดว้ ย

ศนู ยพ์ ัฒนาคณุ ภาพวิชาการกล่มุ การศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๘๓

๓. ข้นั การนำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคลไปใช้
การนำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลไปใช้ ครูผู้สอนต้องดำเนนิ การ ดังนี้
๓.๑ การจดั ทำแผนการสอนเฉพาะบุคคล (Individual Implementation Plan : IIP)
ครูผู้สอนนำจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม(เป้าหมายระยะสั้น) ที่กำหนดในแผนการจัดการศึกษา

เฉพาะบุคคล มาดำเนินการจัดทำแผนการสอนเฉพาะบุคคล โดยการวิเคราะห์งานหรือกิจกรรมการเรียนรู้
ด้วยการเรียงลำดับกิจกรรมที่ง่ายไปสู่กิจกรรมที่ยากขึ้นหรือกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมไปสู่กิจกรรมที่เป็นนามธรรม
ให้เหมาะสมกบั ความตอ้ งการจำเป็นพิเศษของผ้เู รียนแตล่ ะบุคคล

๓.๒ การนำแผนการสอนเฉพาะบคุ คลไปใช้
ครูผสู้ อนนำแผนการสอนเฉพาะบุคคลไปจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน พรอ้ มทั้งบันทึกหลังการ

สอนและประเมินผลการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนในแตล่ ะครั้ง

๔. ขน้ั การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามแผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบคุ คล
คณะกรรมการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลประชุมเพื่อประเมิน ทบทวนและปรับ

แผนพรอ้ มจัดทำรายงานผลการเรยี นรู้อย่างนอ้ ยปีการศึกษาละ ๒ ครัง้ โดยประเมนิ ตามขัน้ ตอนดังนี้
๔.๑ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามแผนการสอนเฉพาะบุคคล
การประเมินผลการเรียนรู้ตามแผนการสอนเฉพาะบุคคล เป็นการประเมินผลการจัดกิจกรรม

การเรียนรู้ให้ทราบว่าผู้เรียนมีพัฒนาการตามที่ระบุไว้ในแผนการสอนเฉพาะบุคคลฉบับนั้นหรือไม่ โดยประเมิน
ตามวิธกี าร เคร่ืองมอื และเกณฑร์ ะดับคุณภาพทรี่ ะบุไวใ้ นแผนการสอนเฉพาะบุคคล

๔.๒ การประเมินผลการเรียนรู้ตามจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (เปา้ หมายระยะสนั้ )
การประเมินผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ทำได้โดยประมวลผลการผ่านของ

จำนวนแผนการสอนเฉพาะบุคคล และนำมาเทียบกับเกณฑ์และวิธีประเมินผลการผ่านจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
(เป้าหมายระยะส้นั ) ทกี่ ำหนดไวใ้ นแผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบุคคล

๔.๓ การประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามเป้าหมายระยะยาว ๑ ปี
การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามเปา้ หมายระยะยาว ๑ ปี โดยประมวลผลการผ่าน/ไม่ผ่าน(จำนวน)

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม(เปา้ หมายระยะสนั้ )ของผู้เรยี น และนำมาเทยี บเกณฑ์การผา่ นตามทส่ี ถานศึกษากำหนด
๔.๔ การประเมนิ ผลการเรียนรู้และระดบั คณุ ภาพตามแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล
การประเมินผลการเรียนรู้ตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ทำได้โดยประมวลผลการ

ผา่ น/ ไม่ผา่ นจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม(เป้าหมายระยะส้นั )ของทุกเป้าหมายระยะยาว ๑ ปี มาคำนวณหาค่ารอ้ ยละ
และนำมาเทียบเกณฑ์การผ่านตามเกณฑ์ระดับคุณภาพของหลักสูตรการให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสำหรับ
เดก็ พกิ าร ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ หรอื หลกั สูตรสถานศึกษา

ในกรณีที่ผู้เรียนมีพัฒนาการ หรือผลการเรียนรู้ต่ำกว่าหรือสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ คณะกรรมการฯ
สามารถทบทวน ปรับแผนการสอนเฉพาะบุคคล จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เป้าหมายระยะยาว ๑ ปี เพื่อให้ผู้เรียน
ได้รบั การพฒั นาเต็มศกั ยภาพ

๔.๕ การตัดสินผลการเรยี นรู้
ให้นำค่าร้อยละจากการประมวลผลการผ่าน/ไม่ผ่านจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมมาเทียบเกณฑ์

การผ่านตามเกณฑ์ระดับคุณภาพของหลักสูตรการให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม ศูนย์การศึกษาพิเศษ
พุทธศักราช ๒๕๕๖ หรอื หลกั สตู รสถานศกึ ษา

ศูนย์พัฒนาคุณภาพวิชาการกลุม่ การศึกษาพิเศษเรียนรวม
สาํ นักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๔

๕. ขั้นสรุปและรายงานผลการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลนั้น
สถานศึกษาต้องรายงานผลความก้าวหน้าของผู้เรียนตามแบบรายงานผลการพัฒนาผู้เรียน เพื่อให้ผู้ปกครอง
ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบอย่างนอ้ ยปกี ารศึกษาละ ๒ ครง้ั

๖. ข้นั การสง่ ต่อ

การส่งต่อผู้เรียนที่จบการศึกษาแต่ละระดับชั้น หรือย้ายสถานศึกษา ให้นำส่งแผนการจัดการศึกษา

เฉพาะบุคคล รายงานผลการพัฒนาผูเ้ รียน เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดการศกึ ษาต่อไป

หากผเู้ รียนตอ้ งการรับบริการด้านอืน่ เชน่ ดา้ นอาชพี ดา้ นการแพทย์ ด้านสังคม เป็นต้น ให้

สถานศึกษานำส่งแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล รายงานผลการพัฒนาผู้เรียน เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานให้กับ

หน่วยงานท่เี ก่ียวข้องและให้สถานศกึ ษาพจิ ารณาดำเนินการจดั ทำแผนการใหบ้ ริการชว่ งเชอื่ มต่อตามความต้องการ

จำเป็นพเิ ศษของผเู้ รียนเปน็ เฉพาะบคุ คล

จากขั้นตอนในการดำเนินการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลดังกล่าวข้างต้น สามารถสรุป

เป็นแผนภาพการดำเนินการได้ดงั นี้

ศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพวิชาการกลุ่มการศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สํานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

๘๕

๑.๑ การรวบรวมข้อมูล

๑.ขนั้ เตรยี มการ ๑.๒ การคัดกรองประเภทความพกิ าร S : ผเู้ รียน
ทางการศึกษา E:สง่ิ แวดล้อม
๒.ขน้ั การจดั ทำ T :กจิ กรรม
แผน ๒.๑ แตง่ ตงั้ คณะกรรมการจดั ทำ
แผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล(IEP)
การจดั การศกึ ษา
เฉพาะบุคคล ๒.๒ ตรวจสอบหรอื การประเมินความสามารถพน้ื ฐาน

๓.ขนั้ การนำแผนการจัด ๒.๓ จัดทำแผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบคุ คล T : ส่ือ
การศกึ ษาเฉพาะบุคคล
ทบทวน/ ปรับปรุงแผน (IEP)
ไปใช้
๓.๑ การจดั ทำแผนการสอนเฉพาะบุคคล(IIP)
๔.ขัน้ ประเมินผล
การเรียนร้ตู ามทักษะที่ ๓.๒ การนำแผนการสอนเฉพาะบุคคลไป
ใช้
ระบใุ นแผนการจัด
การศกึ ษาเฉพาะบคุ คล ๔.๑ ประเมินผลการเรียนรตู้ ามแผนการสอนเฉพาะ

๕.ขนั้ การสรุปและ ๔.๒ ประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามจดุ ประสงค์เชงิ
รายงานผล พฤตกิ รรม

๖.ขั้นการสง่ ตอ่ ๔.๓ ประเมินผลการเรยี นร้ตู ามเป้าหมายระยะยาว
๑ ปี

๔.๔ ประเมินผลการเรยี นรู้ตามแผนการจดั การศึกษาเฉพาะ
บคุ คล

๔.๕ การตดั สินระดับผลการเรียนรู้

ภาพที่ ๑ กระบวนการจดั ทำแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคล

ศูนยพ์ ัฒนาคุณภาพวชิ าการกลุ่มการศกึ ษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๖
อย่างไรก็ตามวิธีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล สำหรับสถานศึกษาอาจมีความแตกต่างกัน
ในส่วนของเนื้อหาตามโครงสร้างของหลักสูตรที่สถานศึกษาใช้ ดังนั้นวิธีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะ
บุคคล แผนการสอนเฉพาะบุคคล รวมไปถึงการวัดและประเมินผลตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลใน
สถานศกึ ษาประเภทตา่ งๆ จะมีความแตกตา่ งกนั ไป

ศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพวชิ าการกลมุ่ การศกึ ษาพิเศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๗

แบบสรปุ องคค์ วามรู้

หน่วยที่ ๕ การวางแผนการจัดการศกึ ษาสำหรับนักเรยี นที่มคี วามตอ้ งการจำเปน็ พิเศษทางการศึกษา
ชอ่ื - สกลุ (ผูเ้ ข้ารับการอบรม)................................................................................................ เลขท.่ี ....................
คำช้ีแจง ให้ทา่ นสรปุ องค์ความรู้ หนว่ ยท่ี ๕ การวางแผนการจดั การศึกษาสำหรบั นักเรียนท่มี ีความต้องการจำเป็น

พิเศษทางการศึกษา โดยเขียนเป็นแผนท่คี วามคดิ (Mind Map)

ศนู ย์พฒั นาคณุ ภาพวิชาการกลมุ่ การศึกษาพเิ ศษเรียนรวม
สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

๘๘

ภาคผนวก

ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพวิชาการกลุ่มการศึกษาพเิ ศษเรยี นรวม
สาํ นกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒





คณะท่ีปรึกษา คณะผู้จดั ทำ
ดร.สชุ น วเิ ชยี รสรรค์
ผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา
ดร.อำนาจ อัปษร กรงุ เทพมหานคร เขต ๒
รองผูอ้ ำนวยการสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา
ดร.อุดม อินทา กรุงเทพมหานคร เขต ๒
รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา
นางสาวนนั นกรฐ์ ทิพย์สูงเนิน กรงุ เทพมหานคร เขต ๒
รองผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา
คณะกรรมการดำเนนิ งาน กรงุ เทพมหานคร เขต ๒
ดร.มาเรียม ซอหมัด
ดร.รังสรรค์ นกสกุล ผู้อำนวยการกลุม่ นิเทศติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนเทพลีลา ประธานศูนยพ์ ฒั นาคุณภาพ
นายจิระวัฒน์ ธนะสนุ ทรไชย์ วชิ าการกลุม่ การศกึ ษาพเิ ศษเรียนรวม
นางสาวสชุ ีรา รักษาภักดี ศกึ ษานิเทศก์
นายธีรชัย ศรีนาม รองผู้อำนวยการโรงเรยี นเทพลลี า
นางสาววราศิริ วงศส์ ุนทร รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนเทพลลี า
นายอชิ ณนก์ ร เซ่งเข็ม รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียนเทพลีลา
นางธัญดา ศรวี ิชยั รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียนเทพลีลา
ดร.ปอแก้ว ครฑุ นาค ครโู รงเรยี นราชดำริ
นางสาวอนุสรา หาพิพฒั น์ ครโู รงเรียนนวมินทราชทู ศิ สตรวี ิทยา ๒
นายวรี สิทธ์ิ ประกอบศรี ครโู รงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ
นางสาวรชั ฏาพร สที า ครูโรงเรยี นปทุมคงคา
นางสาวพัชรกันย์ หงส์ยนต์ ครโู รงเรียนรตั นโกสนิ สมโภชลาดกระบัง
นางสาวธนวรรณ วงษส์ วรรค์ ครโู รงเรยี นจันทร์หุ่นบำเพญ็
นายวิเชยี ร วงคผ์ าบตุ ร ครโู รงเรยี นสริ ิรตั นาธร
ครโู รงเรยี นเทพลีลา

นางวรัษฐา กาวชู ครโู รงเรยี นเทพลลี า
นางจตุพร หริ ัญกาญจน์ ครโู รงเรียนเทพลลี า
นางสาววัชรี แก่นจนั ทร์ ครูโรงเรยี นเทพลลี า
นางสาวธันยกานต์ สมควร ครโู รงเรยี นเทพลีลา
นายอนรรฆ สาสุข ครโู รงเรยี นเทพลีลา
นายบวรภัค ปันติ ครโู รงเรียนเทพลลี า

***************************


Click to View FlipBook Version