แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๐
ใบความรู้เร่อื ง ลิลิตตะเลงพา่ ย
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ศึกษากวีนิพนธ์
ตอน ๑ เริ่มบทกวี
ร่าย
๑ (๑) ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่องชัยเชวง
เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์
ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ
ปราบดสั กรแกลนกลัว หวั ห่ันหายกายกลาด ดาษเตม็ ทง่ เต็มดอน พมา่ มอญพา่ ยหนี ศรีอโยธยารมเยศ พเิ ศษสุขบำเทิง
สำเริงราชสถาน สำราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเขญ็ เย็นพิภพดับยุค สนุกสบสีมา
ส่ำเสนานอบเกล้า ส่ำสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ำพลไกรเกริกหาญ ส่ำพลสารสินธพ สบศาสตราศรเพลิง เถกิงพระเกียรติ
ฟงุ้ ฟา้ ลอื ตรหลบแหลง่ หล้า โลกล้วนสดดุ ี
โคลง ๔ แผ่นสยาม ๓ (๓) ไพรินทรนาศเพ้ียง พลมาร
๒ (๒) บญุ เจ้าจอมภพพ้ืน แต่กี้
ขาดแกล้ว พระดงั่ องคอ์ วตาร รอฤทธิ์ พระฤๅ
แสยงพระยศยนิ ขาม ประลาตเหลา้ แหลง่ สถาน
พระฤทธิด์ ัง่ ฤทธิร์ าม รอนราพณ์ แลฤๅ แสนเศกิ หอ่ นหาญราญ
ราญอริราชแผ้ว
๔ (๔) เสดจ็ เสวยศวรรเยศอา้ ง แผกแพท้ กุ ภาย ดาลตระดกเดชลี้
เยน็ พระยศปนู เดอื น
เกษมสขุ ส่องสมบรู ณ์ ไอศูรย์ สรวงฤๅ
สวา่ งทุกข์ทกุ ธเรศหล้า
เดน่ ฟ้า
ฯลฯ
บานทวปี
แหลง่ ลว้ นสรรเสริญ
ตอน ๒ เหตุการณท์ างเมืองมอญ
รา่ ย
๕ (๖) ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบมิหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ
ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรินทร์ เจ้าปถพินทร์ผ่านทวีป ดับชนมชีพพิราลัย
เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จึ่งพระปิ่นปักธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ
ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล
ควรยาตรพลไปเยือน เตอื นประยุทธ์เอาเปรียบ แมน้ ไปเ่ รียบเป็นที โจมจูย่ ีย่ำภพ เสนนี บนกึ ชอบ ระบอบเบื้องบรรหาร
ธก็เอื้อนสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน
ไปเหยียบแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อยผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคงทำนาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต
ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิหยอน
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๑
ไป่พักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์
สรา่ งเคราะห์ ธตรสั เยาะเยย่ี งขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอปั ระมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลอื ดสลด
หมดคลำ้ ชำ้ กมลหมองมวั กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมลู ทลู ลาไท้ลลี าศ ธกป็ ระกาศเกณฑ์พล บอกยุบล
บ่ มหิ ึง ถึงเชยี งใหม่ตระบัด เร่งแจงจัดจตรุ งค์ ลงมาสหู่ งสา แลว้ ธ ให้หาเมืองออก บอกทกุ แดนทุกด้าว บอกทุกท้าว
ทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุ
เวียงราช แลสระพราศสระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตรา ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์
บพติ ร ธ เทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุหบาตร จกั ยาตราตรู่เชา้ เสด็จคืนเข้านเิ วศไท้ เกรยี มอุระราชไหม้ หม่นเศร้า
ศรีสลาย อย่นู า
โคลง ๒
๖ (๗) พระผาดผายสหู่ อ้ ง หาอนชุ นวลนอ้ ง ๗ (๘) ปวงประนมนบเกล้า งามเสงีย่ มเฟ้ียมเฝ้า
หนุม่ หนา้ พระสนม อยู่ถ้าทลู สนอง
๘ (๙) กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักรา้ งรสแคล้ว ๙ (๑๐) จำใจจรจากสร้อย อยูแ่ ม่อยา่ ละห้อย
คลาศเคล้าคลาสมร หอ่ นชา้ คืนสม แม่แล
ฯลฯ
รา่ ย
๑๐ (๒๓) เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาท บ ทันนิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว
แสงเงินขาวขอบฟ้า แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน ไก่แก้วขันเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงใส จึ่งบรมไทธิราช
ยุรยาตรยังที่สรง ชำระองค์ บ นาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นตรลบ หอมอวลอบอายขจร ทรงบวรวิภูษิต
สนับเพลาพิศพรายพร้อย ชายไหวย้อยยะยาบ ชายแครงทาบเครือวัลย์ รัตพัสตร์พรรณยรรยง ฉลองพระองค์
เพริศแพร้ว มกรแก้วเกยูร ตาบไพฑูรย์เรืองจรัส สะอิ้งรัตนประพาฬ สอดสังวาลเฉวียงองค์ มกุฎทรงเทริดเกศ
อย่างอิศเรศรามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ เพญพะพานแผ่เศียร แสงวิเชียรช่อช่วง ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย รายนพรัตน์
ชัชวาล เครื่องอลงการโอ่อ่า งามสง่าขัตติเยศ พระแสดงเดชผังผาย กุมแสงกรายกรนาด ยุรยาตรอย่างไกรสร
จากศขี รคูหา ลีลายงั วังราช ไหวบ้ วั บาทบิตรุ งค์ ขอลาองค์ท่านไท้ ไปเผดจ็ ดสั กรให้ เหอื ดเสยี้ นศกึ สยาม สนิ้ นา
โคลง ๒ โคลง ๓
๑๑ (๒๔) พระฟังความลกู ท้าว ลาเสดจ็ ศกึ ด้าว ๑๒ (๒๕) ภูบาลอ้ืนอำนวย อวยพระพรเลิศล้น
ดง่ั เบอื้ งบรรหาร จงอยธุ ย์อยา่ พน้ แห่งเงื้อมมอื เทอญ พ่อนา
โคลง ๔
๑๓ (๒๖) จงเจริญชเยศด้วย เดชะ ๑๔ (๒๗) สงครามความเศกิ ซงึ้ แสนกล
ชาวอยธุ ย์อยา่ พะ พ่อได้ จงพอ่ อยา่ ยินยล แตต่ ืน้
จงแพ้พินาศพระ วริ ิยภาพ พอ่ นา อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ทำนา
ชนะแด่สองท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม การศึกลกึ เลห่ ์พ้ืน ลอ่ เลยี้ วหลอกหลอน
๑๕ (๒๘) จงแจ้งแห่งเหตุเบือ้ ง โบราณ ๑๖ (๒๙) หนง่ึ รู้พยหุ เศกิ ไส้ สบสถาน
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๒
เป็นประโยชนย์ ุทธการ กล่าวไว้ เจนจิตวทิ ยาการ กาจแกล้ว
เอาใจทหารหาญ ชุมค่าย ควรนา
อย่าระคนปนใกล้ เริงรื่น อยู่นา รู้เชงิ พชิ ัยชาญ แผกแพพ้ ังหนี
๑๗ (๓๐) หนง่ึ รู้บำเหนจ็ ให้ ส่งั สอน
อันสมรรถมือผจญ เกลือกกล้ัวขลาดเขลา อาจจกั รอนรณแผ้ว พ่อให้
อย่าหย่อนวริ ิยะยล อริราช
แปดประการกลเทยี้ ร ขุนพล ๑๘ (๓๑) จงจำคำพ่อไซร้ เผดจ็ ด้าวแดนสยาม
จืดเสยี้ น จงประสิทธิ์สมพร
อยา่ งเกยี จ จงเรืองพระฤทธิ์รอน
ถ่องแท้ทางแถลง จงพอ่ ลุลาภได้
ร่าย
๑๙ (๓๒) เสร็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แด่ภูธรเอารส ธก็ประณตรับคำ อำลาท้าวลีลาศ
ยุรยาตรยังเกยชัย เสนาในเตรียมทัพ สรรพพลห้าสิบหมื่น ขุนคชหื่นหาญแกล้ว ขับช้างแก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย
ควาญเคยคดั ท้ายเทียบ เสด็จย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่องพุดตานตกแตง่
แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาคลาดแคล้ว คล้ายคล้ายนายทแกล้ว
ย่างเย้ืองธงทอง แลนา
ฯลฯ
โคลง ๒
๒๐ (๔๑) ถบั ถึงทวารกรุงแกว้ เดียรดาษพลคลาดแคล้ว
คล่ำคล้ายคลาขบวน
โคลง ๓
๒๑ (๔๒) ด่วนเดินโดยโขลนทวาร พวกพลหาญแห่หนา้
ล้วนทแกล้วทกล้า กลาดกลุ้มเกลือ่ นสถล มารคนา
ฯลฯ
ตอบ ๓ พระมหาอปุ ราชายกทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี
โคลง ๒
๒๒ (๕๓) ยกพลผ่านดา่ นกว้าง เสียงสนน่ั มา้ ชา้ ง
กึกก้องทางหลวง
โคลง ๓
๒๓ (๕๔) ลว่ งลดุ า่ นเจดีย์ สามองคม์ แี ห่งหนั้
แดนตอ่ แดนกันน้ัน เพอ่ื รู้ราวทาง
๒๔ (๕๕) ขับพลวางเขา้ แหล่ง แห่งอยธุ เยศหลา้
แลธุลีฟุ้งฟ้า มดื คลุ้มมัวมล ยิ่งนา
ฯลฯ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๓
โคลง ๔
๒๕ (๗๙) มาเดียวเปลีย่ วอกอ้า อายสู ๒๗ (๘๘) สายหยดุ หยุดกลิ่นฟงุ้ ยามสาย
สถิตอยู่เออ้ งคด์ ู ละห้อย สายบห่ ยดุ เสนห่ ห์ าย หา่ งเศร้า
พศิ โพ้นพฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่
พลางคะนึงนุชน้อย แนง่ เน้อื นวลสงวน ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยดุ ได้ฉนั ใด
ฯลฯ ฯลฯ
๒๖ (๘๖) สลัดไดใดสลดั น้อง แหนงนอน ไพรฤๅ ๒๘(๑๒๗) พลมอญเมลิ มดื ท้อง รัถยา
เพราะเพอ่ื มาราญรอน เศกิ ไสร้ อเนกนกิ รอาชา ชาติช้าง
สละสละสมร เสมอชอ่ื ไมน้ า ทวนทองเถือกทอตา เปลอื ยปลาบ
นกึ ระกำนามไม้ แมน่ แมน้ ทรวงเรียม เทียวธวัชแลสลา้ ง เฟอ่ื งฟ้าปลิวปลาย
ฯลฯ
รา่ ย
๒๙ (๑๒๘) ฝ่ายนครกาญจน จัดขุนพลพวกด่าน ผ่านไปสืบเอาเหตุ ในขอบเขตรามัญ เขาก็พากันรีบรัด
ลดั เลด็ ลอดเลาะดง ตรงไปทางแมก่ ษัตริย์ จดั กนั ซมุ่ เปน็ กอง มองเอาเหตเุ อาผล ยลนิกรรามญั เดนิ แน่นนนั ตน์ องเถื่อน
เกลื่อนมาทั่วออกทิศ หวังก่อกิจดัสกร แก่พระนครตระหนัก เห็นฉัตรปักห้าชั้น กั้นบนเบื้องหลังสาร
เขาก็ทราบการโดยขนาด ว่าอุปราชขุนทัพ เร็วรีบกลับมาบอก แดออกญาผ่านเผ้า เจ้านครกาญจนบุริน
ยินยุบลข่าวศึก พิลึกลาญขวัญแหลก แสกกมลทะท้าว ร้าวอุระขุนเมือง เคืองใจราษฎร์ทุกผู้ รู้ตรลอดไพร่นาย
เขาทั้งหลายตริกัน ขวัญเกี่ยงกินเผือนเผือด เลือดสลดหมดหน้า บ เห็นถ้าต่อรบ รู้ว่าทบ บ มิทาน รู้ว่าราญบมิรอด
คิดเททอดครัวแตก แหกหนีหน้าอย่าพะ เขาก็มละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง
แฝงเอาเหตุเอาผล ยลกระแหนเ่ ศกิ ไสร้ เพ่อื ลงลกั ษณะให้ ส่งทา้ วแถลงความ ทา่ นนา
โคลง ๔
๓๐ (๑๒๙) ชาวสยามคร้ามเศกิ สิน้ ทั้งผอง
นายและไพรไ่ ป่ปอง รบร้า
อพยพหลบหลกี มอง เอาเหตุ
ซกุ ซ่อนหอ่ นใหข้ ้า ศกึ ได้ไปเปน็
รา่ ย
๓๑ (๑๓๐) สว่ นนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธก็ให้เร่งผนั พลผ้าย ยา้ ยมาโดยทางเถ่อื น ทัพหน้าเคล่ือนพลเดิน
ลลุ ำกระเพนิ บ มหิ ึง จึง่ พระยาจิดตอง ให้พลกรองเวฬู ปูเป็นสะพานผ่านชล เรง่ เดินพลขา้ มฟาก มากนิกรคัง่ คาม พวก
ชาวสยามเห็นตระหนัก จึ่งลงลักษณ์สารสื่อ ใส่ชื่อทั่วตัวขุน ถ้วนทุกมุลทุกนาย รายเรื่องราชริปู ยกหยูหเหยียบแดน
แต่งขุนแผนเป็นทูต รูดเอาสารมาบอก แดออกญามหาด ทูลบัวบาทมหิบาล เขาก็รับสารขึ้นม้า รีบมาเร็วฤๅช้า
บอกข้อเขญ็ ความ ท่านนา
โคลง ๒
๓๒ (๑๓๑) กองทัพตามกันเตา้ เสียงสนน่ั ลั่นเท้า
พา่ งพ้นื ไพรพัง เพกิ ฤๅ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๔
โคลง ๔
๓๓ (๑๓๒) ดลยังเวยี งด่านด้าว โดยมี ๔๑ (๑๔๔) เหตุนีผ้ ิวเชา้ ชั่ว ฉุกเขญ็
เมอื งชื่อกาญจนบุรี ว่างว้าง เกิดเม่อื ยามเย็นดี ดอกไท้
ผู้ใด บ่ ออกตี ตอบตอ่ ทัพนา อย่าขุน่ อยา่ ลำเคญ็ ใจเจบ็ พระเอย
ยลแตเ่ หยา้ เรือนร้าง อยู่ไร้ใครแรม พระจกั ลลุ าภได้ เผดจ็ เสยี้ นศกึ สยาม
๓๔ (๑๓๓) สอดแนมจกั จบั ถ้อย ไถค่ วาม ๔๒ (๑๔๗) ครั้นฟังบพติ รเพ้ียง ฟังหู หน่งึ นา
ฤๅ บ่ ได้ชาวสยาม สกั ผู้ หูหน่งึ แหนงคำสู ซึ่งพร้อง
จกั สบื จกั เสาะถาม เหตหุ อ่ น รู้แฮ ไป่ไวห้ ฤทัยภู- ธรพรน่ั อยูน่ า
รู้ว่าชาวเมอื งรู้ เลห่ แ์ ลว้ หลกี หนี นกึ เรง่ กร่งิ เกรงต้อง แตแ่ พ้ดสั กร
๓๕ (๑๓๔) ธ กก็ รีธาทัพเข้า เนาเมอื ง ฯลฯ
ประทบั อยูแ่ รมคนื เคือง สวาทไหม้ ๔๓ (๑๕๐) สระเทินสระทกแท้ ไทถวิล อย่เู ฮย
คำนึงนชุ ไปเ่ ปลอื ง จิตท่าน ถวลิ นา ฤาใคร่คลายใจจินต์ จืดสร้อย
เจบ็ อุระราชไข้ ข่นุ แคน้ คับทรวง คำนึงนฤบดนิ ทร์ บิตเุ รศ พระแฮ
๓๖ (๑๓๕) ระลวงรำลึกอา้ บงั อร พระเรง่ ลานละห้อย เทวษไห้โหยหา
ยลแตแ่ สงศศธิ ร ถอ่ งฟา้ ๔๔ (๑๕๑) อ้าจอมจกั รพรรดิผู้ เพญ็ ยศ
แสงจันทร์ บ่ ส่องสมร หมดเทวษ แมพ้ ระเสียเอารส แกเ่ สยี้ น
ถวิล บ่ ลมื นวลหนา้ แมแ่ มน้ นวลจันทร์ จักเจ็บอุระระทด ทกุ ขใ์ หญ่ หลวงนา
ฯลฯ ถนดั ดงั่ พาหาเห้ยี น ห่นั กล้งิ ไกลองค์
๓๗ (๑๔๐) พระฝืนทกุ ข์เทวษกล้ำ แกลค่ รวญ ๔๕ (๑๕๒) ณรงค์นเรศวรด์ ้าว ดัสกร
ขับคชบทจรจวน จกั เพล้ ใครจกั อาจออกรอน รบสู้
บรรลพุ นมทวน เถื่อนที่ นนั้ นา เสียดายแผน่ ดินมอญ พลันมอด ม้วยแฮ
เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเห็น เหตุบ่มมี อื ผู้ อ่นื ต้านทานเขญ็
๓๘ (๑๔๑) เกิดเป็นหมอกมดื หอ้ ง เวหา หนเฮย ๔๖ (๑๕๓) เอน็ ดภู ธู เรศเจ้า จอมถวลั ย์
ลมชือ่ เวรมั ภา พดั คลมุ้ เปลีย่ วอุระราชรัน ทดแท้
หวนหอบหกั ฉัตรา คชขาด ลงแฮ พระชนมช์ ราครัน ครองภพ พระเอย
แลธุลีกลัดกลมุ้ เกลื่อนเพ้ียงจักรผัน เกรงบพติ รจกั แพ้ เพลย่ี งพล้ำศึกสยาม
๓๙ (๑๔๒) พระพลนั เหน็ เหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย ๔๗ (๑๕๔) สงครามคราน้หี นกั ใจเจบ็ ใจนา
ถนัดดงั่ ภูผาหลวง ตกตอ้ ง เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้
กระหม่ากระเหมน่ ทรวง สัน่ ซีด พักตรน์ า ลูกตายฤใครเก็บ ผีฝาก พระเอย
หนกั หฤทยั ท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ผีจักเท้งทีโ่ พล้ ที่เพลใ้ ครเผา
๔๐ (๑๔๓) ทงั้ หลายลว้ นจบแจ้ง เจนไสย ศาสตร์แฮ ๔๘ (๑๕๕) พระเนานัคเรศอ้า เอองค์
เหน็ ตระหนักแน่ใน เหตุหา้ ว ฤๅบม่ ใี ครคง ครู่ อ้ น
จกั ทูลบท่ ลู ไท เกรงโทษ ท่านนา จักริจกั เริม่ รงค์ ฤๅลุ แล้วแฮ
เสนอแตด่ กี ลบร้าว เกลื่อนร้ายกลายดี พระจกั ขุ่นจกั ข้อน จกั แค้นคับทรวง
ฯลฯ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๕
๔๙ (๑๕๖) พระคุณตวงเพยี บพ้ืน ภูวดล
เต็มตรลอดแหล่งบน บ่อนใต้
พระเกดิ พระก่อชนม์ ชบุ ชพี มานา
เกรงบ่ทนั ลูกได้ กลบั เตา้ ตอบสนอง
ฯลฯ
ร่าย
๕๐ (๑๕๘) เมอ่ื นั้นเจ้าธานนิ ทร์ บรุ ินทรศักดส์ิ ีมา ทุกบรุ าราชอาณาเขต ประเทศนครสิงหส์ รรค์ ศรีสุพรรณทุกพาย
เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดงป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่งอาการเหตุห้าว
มาบังคมทลู ท้าว ธิราชผู้ผา่ นถวัลย์ แลนา
ตอนท่ี ๔ สมเดจ็ พระนเรศวรทรงปรารภเรือ่ งตีเมืองเขมร
โคลง ๔
๕๑ (๑๕๙) ป่างนั้นนฤเบศเบอื้ ง บรู พา ภพแฮ ๕๖ (๑๖๔) พระหว่ งแต่ศึกเสยี้ น อสั ดง
เฉลิมพิภพอโยธยา ย่งิ ผู้ เกรงกระลบั ก่อรงค์ รัว่ หลา้
พระเดชด่ังรามรา- ฆพเข่น เข็ญเฮย คือใครจกั คุมคง ควรคู่ เข็ญแฮ
ออกอเรนทร์ร่วั รู้ เร่งร้าวราญสมร อาจประกันกรุงถ้า ทพั ขอ้ ยคืนถึง
๕๒ (๑๖๐) ภธู รสถิตท้อง โรงธาร ทา่ นฤๅ ๕๗ (๑๖๕) พระพึงพิเคราะห์ผู้ ภักดี ทา่ นนา
เถลิงภิมุขพมิ าน มาศแต้ม คือพระยาจกั รี กาจแกล้ว
มนตรีชุลีกราน กราบแนน่ เนืองนา พระตรัสแด่มนตรี มอบม่งิ เมอื งเฮย
บดั บดีศวรแยม้ โอษฐเ์ ออื้ นปราศรัย กูจกั ไกลกรงุ แก้ว เกลือกชา้ คลาคืน
๕๓ (๑๖๑) ไตถ่ ามถึงทกุ ขถ์ ้อย ทวยชน ๕๘ (๑๖๖) เยียวพ้นื ภพแผน่ ด้าว ตกไถง
ต่างสนองเสนอกล แก่ทา้ ว ริพิบัตพิ ูนภัย เพม่ิ พอ้ ง
พระดดั คดีดล โดยเย่ยี ง ยุกด์นิ า สูกันนครใจ ครอเคร่า กูเฮย
เย็นอุระฤๅร้าว ราษฎร์ร้อนหอ่ นมี กูจกั พลันคนื ป้อง ปกหล้าแหล่งสยาม
๕๔ (๑๖๒) นฤบดดี ำรัสด้วย การยุทธ์ ๕๙ (๑๖๗) สงครามพง่ึ แผกแพ้ เสียที
ซึ่งจกั ยอกัมพชุ แผ่นโพน้ แตกเม่อื ต้นปีไป ห่อนชา้
พลบกยกเอาอตุ - ดมโชค ชัยนา บ ร้างกระลบั มี มาขวบ นีเ้ ลย
นบั ดฤษถนี ้โี น้น แนน่ ั้นวันเมอื มกี ็มีปีหน้า แนแ่ ท้กทู าย
๕๕ (๑๖๓) พลเรือพลรบท้อง ทางชลา ๖๐ (๑๖๘) ทงั้ หลายสดับถ้อยทา่ น บรรหาร หนเฮย
เกณฑ์แต่พลพารา ปักษใ์ ต้ ยงั บเ่ ย้ือนสนองสาร ใส่เกล้า
ไปตพี ทุ ไธธา- นมี าศ เมอื งเฮย บัดทูตนครกาญ- จนถบั ถึงแฮ
ตปี า่ สักเสร็จให้ เรง่ ล้อมขอมหลวง พระยาอมาตยน์ ำเฝ้า บอกเบือ้ งเคืองเขญ็
ฯลฯ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๖
โคลง ๒
๖๑ (๑๗๐) พระเปรมปราโมทย์ไซร้ ซึง่ บดินทร์ดาลได้ ๖๒ (๑๗๑) ธ ให้หาองคน์ ้องท้าว แถลงยบุ ลเหตหุ า้ ว
สดับเบือ้ งบอกรงค์ ท่านแจ้งทกุ อนั แลนา
ตอนท่ี ๕ สมเด็จพระนเรศวรทรงเตรียมการสศู้ กึ มอญ
ร่าย
๖๓ (๑๗๒) แล้ว ธ บรรหารตระบัด ว่าเราจัดจตุรงค์ จะไปยงยอยุทธ์ ยังกัมพุชพารา ศึกมอญมาชิงควัน
กัน บ ให้ไปออก บอกให้เต้าโดยตก ควรจักยกไปยุทธ์ เป็นมหุสสวมหันต์ ปันเอาชัยชิงชื่น แล้ว ธ ก็อื้นออกพจน์
พระราชกฎประกาศ แก่เมอื งราชบรุ ี เกณฑโ์ ยธีหา้ รอ้ ย คะค้อยไปซุม่ ซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผ่านลำกระเพนิ โดยสะพาน
เพ่งพลหาญเห็นเสร็จ ให้ระเห็จเข้าหั่น บั่นเรือกขาดเป็นท่อน ค่อนพวนขาดเป็นทุ่น เถกิงกรานกรุ่นพลวกเผา
อยา่ ให้เขาจับได้ เขากระทำดั่งไท้ ธิราชเอ้อื นโองการ สง่ั นา
โคลง ๔
๖๔ (๑๗๓) นฤบาลสารเสรจ็ อ้าง ไปท่ ัน หึงแฮ ๗๐ (๑๘๐) โทไท้ทรงสดับถ้อย ทลู ถวาย
ถับทูตทกุ เขตขัณฑ์ ดา่ นดา้ ว ถูกหฤทยั ทา่ นผาย โอษฐพ์ รอ้ ง
สิงหส์ รรคส์ ุพรรณบรร- ลุถิน่ ทา่ นนา สตู ริก็ตรงหมาย เหมอื นตริ ตูนา
เขาเร่งนำเฝ้าท้าว ถง่ั ถ้อยแถลงทลู ตริ บ่ ตา่ งกันตอ้ ง ตอ่ นำ้ ใจตู
๖๕ (๑๗๔) บดีศรู สั่งให้อา่ น สารา ๗๑ (๑๘๑) ภธู รส่ังให้เทียบ โยธี ทัพแฮ
พระราชรับบญั ชา ทา่ นไซร้ ห้าหม่นื หมายบญั ชี เรียกได้
แถลงลักษณะทุกธา- นบี อก มานา เกณฑ์เมอื งจัตวาตรี ไตรตรวจ เอานา
เสนอยุบลข่าวใกล้ ศกึ ต้ังในแดน ยส่ี ิบสามเมอื งใต้ เตรียบตง้ั ตอ่ ฉาน
๖๖ (๑๗๕) บัดมอญแลน่ มา้ ลาด เลยแขวง ๗๒ (๑๘๒) บรรหารให้จัดผู้ อาจอง
วเิ ศษชัยชาญแสดง ข่าวซ้ำ เอาพระศรีไสยณรงค์ ฤทธิห์ า้ ว
เขานำอักษรแถลง ถวายดับ นั้นนา เป็นจอมพยหุ ยง ไปย่วั ยทุ ธ์แฮ
พระเร่งชื่นฤๅชำ้ ที่ขอ้ เข็ญความ นำนกิ รทพั ท้าว ออกรา้ รอนเขญ็
๖๗ (๑๗๖) จอมสยามขามศึกไซร้ ไปม่ ี ๗๓ (๑๘๓) พระเหน็ จกั เปลีย่ วข้าง ขุนพล
บานกมลเปรมปรีด์ิ ปราบเสยี้ น เยยี วบ่มเี พอ่ื นผจญ จึ่งใช้
สองสุริยกษัตรีย์ ตรัสต่อ กนั แฮ พระราชฤทธานนท์ หนง่ึ ช่วย กันนา
หาเลศมลายศึกเหยี้ น ห่ันหา้ วหายคม เปน็ ปลดั ทัพให้ ศกึ สู้ท้ังสอง
๖๘ (๑๗๗) สมเด็จผายโอษฐ์อนื้ ปรึกษา ๗๔ (๑๘๔) กองหน้านฤนาทตง้ั เสร็จสาร สัง่ แฮ
แดภ่ ิมุขมาตยา ท่วั ผู้ เร็วเร่งห้ำห่นั หาญ หกั กล้า
จกั โรมอริรา- มญั เม่อื น้ีแฮ บ่ แตก บ่ ตา้ นทาน มนั รอด ไซร้ฤๅ
รับทีถ่ ิ่นฤๅสู้ นอกไซรไ้ หนควร กูจกั ออกโรมร้า ศกึ รา้ ยภายหลงั
๖๙ (๑๗๘) ทง้ั มวลหมู่มาตยซ์ ้อง สารพลัน ๗๕ (๑๘๕) ทั้งสองรับถ้อยท่าน ทลู ลา แลเฮย
ทูลพระจอมจรรโลง เล่อื งหล้า ยกพยหุ แสนยา ยา่ งย้าย
แถลงลักษณะปางบรรพ์ มาเทียบ ถวายแฮ โดนแดนทรุ าธวา วายถิน่
แนะที่ควรเสด็จค้า เศกิ ไซรไ้ กลกรงุ ถึงทีห่ นองสร่ายท้าย ทุง่ กว้างทางหลวง
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๗
๗๖ (๑๘๖) ปวงทัพปลูกคา่ ยสร้าง กลางสมร
ภมู ิพยหุ ไกรสร ศกึ ต้ัง
เสนาพลากร ต่างรืน่ เริงแฮ
คอยจกั ยอยุทธ์ยงั้ อย่ถู ้าทางเขญ็
ฯลฯ
ตอน ๖ พระนเรศวรทรงตรวจเตรียมทพั
ร่าย
๗๗ (๑๘๗) กษณะนั้นนเรนทร์ไท้ ธให้โหรหามหุติฤกษ์ ซึ่งจะเบิกพยุหบาตรา จึ่งพระโหราผู้รู้โศลก
หลวงญาณโยคโลกทีป รีบคำนวณทำนาย ถวายพยากรณ์แก่ไท้ ท้าวธได้จัตุรงคโชค อาจปราบโลกลาญรงค์
เชิญบาทบงสุ์เสด็จคลา จากอโยธยายามเช้า เข้ารวิวารมหันต์ วันสิบเอ็ดขึ้นค่ำ ย่ำรุ่งสองนาฬิกา เศษสังขยาห้าบาท
ในบุษยมาสดฤษถี ศรีสวัสดีฤกษ์อุดม บรมนรินทร์ดาลสดับ ธให้ต รวจทัพเตรียมพล โดยชลมารคพยู่ห์
สู่ตำบลปากโมก ครั้นณวันโชควันยาม พยุหสงครามเขาตรวจ ทุกหมู่หมวดสรรพเสร็จ จึ่งสมเด็จภูวนาถ
กับบรมราชอนุชา ธก็สรงธาราเสาวรภย์ ตรลบสุคนธกำจร ทรงบวรวิภูษา รัตพัสตราตรูเนตร
ชายแครงเทศเถือกพร้อย ชายไหวห้อยเห็นเพรา พิศสนับเพลายรรยง ฉลองพระองค์แลเลิศ ทับทรวงเพริศพรายพริ้ง
สะอิ้งรัตนไพฑูรย์ แก้วเกยูรสวมหัตถ์ แสงนพรัตน์มลังเมลือง เรืองธำมรงค์รุ้งร่วง ช่วงพรรเหาเก้าแก้ว
แพร้วพรายน้วิ อษั ฎางค์ พลางสองกษตั ริยส์ วมทรง อลงกตกาญจนมกฎุ แสงเพชรผดุ พุ่งแพร้ว แก้วเก้ากอบแกมมาศ
นาดกรกรายทายธนู ดูสองเจ้าจอมสยาม เฉกลักษมณ์รามรอนราพณ์ ปราบอเรนทร์ทุกด้าว พลางบพิตรโทท้าว
ท่านเย้อื งยังฉนวน นำ้ นา
โคลง ๔
๗๘ (๑๙๗) ครั้นควรพชิ ัยฤกษพ์ ร้อม เพรียงสมยั
โหรคระหมึ ฆอ้ งชยั กึกก้อง
พฤฒพิ ราหมณพ์ รอกมนตรไ์ สย สังข์เป่า ถวายนา
แตรตรลบเสยี งซ้อง แซซ่ ้ันบรรสาน
ฯลฯ
รา่ ย
๗๙ (๒๐๐) พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ ปรายประชลเฉลิมทัพ
ตามตำรับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรั่ง คั่งคับขอบคงคา แลมเหาฬาร์พันลึก
อธึกท้องแถวธาร ถับถึงสถานปากโมก จึ่งพระจอมโลกลือเดช เสด็จเถลิงนิเวศวังทาง พลางธให้ตรวจเตรียมพล
โดยสถลพยุหบาตร บอกพระราชกำหนด กฎแก่ขุนทัพขุนพล จักยกหพลยาตรา ในเวลาล่วงค่ำ ย่ำสิบเอ็ดสามบาท
ครั้นเข้าราษตรีสมัย ภูวไนยตรัสตริการ ซึ่งจะรอนราญอริราช ด้วยภิมุขมาตยากร จนจันทรลับเลื่อน
เคลื่อนเข้าตติยยาม เจ้าจอมสยามไสยาสน์ เหนอื บรมอาสน์กอ่ งแก้ว คล้ายคล้ายสิบทมุ่ แคลว้ ทา่ นเคลมิ้ หลบั ฝนั ใฝน่ า
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๘
โคลง ๔
๘๐ (๒๐๑) เทวัญแสดงเหตใุ ห้ สงั หร เห็นแฮ ๘๕ (๒๐๖) พระโหรเหน็ แจ้งจบ ในมลู ฝนั แฮ
เห็นกระแสสาคร หล่ังลน้ ถวายพยากรณ์ทูล แดไ่ ท้
ไหลลบวนาดอน แดนตก ทิศนา สบุ ินบดินทรส์ รู ฝันใฝ่ น้ันฤๅ
พระแตเ่ พ่งฤๅพ้น ทีน่ ้ำนองสาย หากเทพสังหรให้ ธิราชรู้เปน็ กล
๘๑ (๒๐๒) พระกรายกรยา่ งเย้ือง จรลี ๘๖ (๒๐๗) นุสนธิ์ซึง่ น่านนำ้ นองพนา สณฑ์เฮย
ลยุ มหาวารี เรี่ยวกว้าง หนปัจฉิมทิศา ทว่ มไซร้
พอพานพะกุมภีล์ หน่งึ ใหญ่ ไสร้นา คือทัพอริรา- มญั หมู่ น้นี า
โถมปะทะเจ้าชา้ ง จกั เคีย้ วขบองค์ สมดง่ั ลกั ษณฝ์ นั ไท้ ธเรศนั้นอยา่ แหนง
๘๒ (๒๐๓) พระทรงแสงดาบแก้ว กบั กร ๘๗ (๒๐๘) เหตแุ สดงแหง่ ราชพอ้ ง ภัยชลา
โจมประจญั ฟันฟอน เฟ่อื งน้ำ ได้แก่อปุ ราชา เชษฐผู้
ต่างฤทธิต์ า่ งรบรอน ราญชพี กันแฮ สงครามซึ่งเสด็จครา น้ใี หญ่ หลวงแฮ
สระทา้ นทุกถิน่ ทา่ ถ้ำ ท่งท้องชลธี แท้จักถึงยทุ ธส์ ู้ ศกึ ชา้ งสองชน
๘๓ (๒๐๔) นฤบดโี ถมถีบสู้ ศกึ ธาร ๘๘ (๒๐๙) ซึง่ ผจญอริราชดว้ ย เดชะ
ฟอนฟาดสุงสุมาร มอดมว้ ย เพอ่ื พระเดโชชนะ ศกึ น้ำ
สายสนิ ธซ์ุ ึ่งนองพนานต์ หายเหอื ด แหง้ แฮ คือองค์อมติ รพระ จักมอด ม้วยเฮย
พระเรง่ ปรีดาดว้ ย เผดจ็ เสยี้ นเศกิ กษัย เพราะพระหัตถ์หากห้ำ หนั่ ดว้ ยขอคม
๘๔ (๒๐๕) ทนั ใดดิลกเจ้า จอมถวัลย์ ๘๙ (๒๑๐) เบอื้ งบรมขัตติย์ทอ่ งท้อง แถวธาร
สรา่ งผทมถวิลฝนั หอ่ นรู้ พระจกั ไล่ลุยลาญ เศกิ ไสร้
พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝันนา ริปูบร่ อราญ ฤทธิร์ าช เลยพ่อ
เร็วเร่งทายโดยกระทู้ ทีถ่ ้อยตแู ถลง พระจักชาญชเยศได้ ด่งั ท้าวใฝฝ่ ัน
โคลง ๒
๙๐ (๒๑๑) ครน้ั บดินทรด์ าลได้ สดบั พยากรณไท้ ๙๒ (๒๑๓) พระพลนั ทรงเครอ่ื งต้น งามประเสริฐเลิศล้น
ธิราชแผ้วพนู เกษม แหลง่ หล้าควรชม ช่นื นา
๙๑ (๒๑๒) เปรมปรีด์ปิ ราโมทยแ์ ท้ เพราะพระโหรหากแก้ ๙๓ (๒๑๔) สมเดจ็ อนุชนอ้ งแกว้ ทรงสภุ าภรณ์แพร้ว
กลา่ วต้องตามฝนั เพริศพร้อมเพราตา ย่งิ แฮ
รา่ ย
๙๔ (๒๑๕) สองขัตติยายุรยาตร ยังเกยราชหอทัพ ขุนคชขับช้างเทียบ ทวยหาญเพียบแผ่นภู ดูมหิมาดาดาษ
สระพราศพร้อมโดยขบวน องค์อดิศวรสองกษัตริย์ คอยนฤขัตรพิชัย บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธาตุ
ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างผล ส้มเกลี้ยงกลกุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ ผินแวดวงตรงทัพ นับคำรบสามครา
เป็นทกั ษณิ าวรรตเวยี น ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร ผา่ นไปอุดรโดยด้าว พลางบพติ รโทท้าว ทา่ นตง้ั สดดุ ี อยูน่ า
ฯลฯ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๕๙
โคลง ๔
๙๕ (๒๑๘) พระเปรมปราโมทยน์ ้อม วนั ทนา ๙๖ (๒๑๙) พลายปราบไตรจักรอา้ ง เอกิ ฤทธิ์
พลางพระทรงไอยรา ฤทธิแ์ กลว้ อาจปราบคชทุกทศิ ทั่วไซร้
พระคเชนทร์ชอ่ื ไชยา นภุ าพ พน้ แฮ เอกาทศรถอิศ วรเสด็จ ทรงนา
อาจเข่นคชศึกแผ้ว แผกแพท้ กุ พาย นำคเชนทเรศไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม
ฯลฯ
ตอน ๗ พระมหาอปุ ราชาทรงปรึกษาการศึกแลว้ ยกทพั เขา้ ปะทะทัพหน้าของไทย
รา่ ย
๙๗ (๒๒๘) ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร
จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอาอาการมาบอก แม้ บ ออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง
จึงสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่ อปลัดทัพ กับสมิงซายม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พวกพหลหมู่ม้า
ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตรทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง
แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็จไปทูล แด่นเรศูรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร
ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมายุทธ์แย้งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า
ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น
ดูดาษดื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้าช้างทรงสดับ ธ ก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ
เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แยกย่นย่อย
ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก
แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่สามยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า
เร็วเรง่ จดั อยา่ ชา้ พร่งุ เชา้ เราตี เทอญนา
โคลง ๔ ทกุ ตน ๙๙ (๒๓๐) ครนั้ ยามสิบเอ็ดแล้ว เวลา ลุเอย
๙๘ (๒๒๙) เสนีรบั ถ้อยทา่ น
ทกุ ผู้ องค์อัครอปุ ราชา หนอ่ ไท้
ต่างเรง่ ตรวจเตรียมพล
พลหาญห่นื หนรณ เริงรา่ น อยูแ่ ฮ โสรจสรงรสธารา รวยรื่น ฉมนา
คอยจักขบั เคี่ยวสู้
๑๐๐ (๒๓๘) ภเู บนทร์บ่ายบาทข้นึ เข่นเสยี้ นศกึ สยาม เฉลิมวิเลปน์ลบู ไล้ เฟ่อื งฟุ้งสาวคนธ์
ขี่คชชอ่ื พทั ธกอ
บ่ เขด็ บ่ ขามขอ เกยหอ ฯลฯ
มนั ตกติดหลังหน้า
กาจกลา้
ฯลฯ
เขาเงอื ด เง้ือแฮ
เสอื กเส้ืองส่ายเสย
รา่ ย
๑๐๑ (๒๖๗) ส่วนพระยาศรีไสยณรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนท์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้
ธ ให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีขีค่ ช
ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมุล ขุนผู้คู่กำกับ
เป็นทัพหลังพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๐
เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา
ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนแสะสาร
แสนยาหาญแนน่ ขนดั รัดเร่งเท้าเรง่ เทา โดยลำเนาลำดบั ถบั ถึงโคกเผาเข้า พอยามเชา้ ยังสาย หมายประมาณโมงครบ
ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์
เอิกอึงโห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน
เงื้อดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปันกันออกโรมรณ
ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร้า กล้าต่อกล้าชิงบั่น กลั่นต่อกลั่นชิงรอน
ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเขนสู้
ตาวคู่คู่ตาวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง ต่าง บ เกรง บ กลัว
ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร
ขานเสียงคึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโรม ทวนแทงโถมทวนทบ
หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไล่ไขว่แคว้ง แย้งธนูเหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว
เรี่ยวต่อเรี่ยวหักแรง แขงต่อแขงหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด
ล้วนสามรรถมือทาน ผลาญกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก
ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็มเผื่อนเต็มพง ที่ยังคง บ มิยู่ ที่ยังอยู่ บ มิหยอน ต่างต่อกรฮึกฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก
หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะคึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าตอ่ กล้า
ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่ง บ่ มิแตก แยกยุทธ์แย้ง บ่ มิพัง
ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ
ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขนเด็ด บอยากเข็ดอยากเกรง บอยากเยงอยากย่าน
บัดมอญม่านมาหลาย รายกันโอบกันอ้อม ล้อมกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผ่ออกรบ บ มิรอด
ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลามเหลอื ลน้ พลเตา้ เสียงปืนตงึ ต่นื เร้า เร่งคร้นื เครงครึก อยูน่ า
โคลง ๒
๑๐๒ (๒๖๘) พันลกึ ล่มล่ันฟ้า เฉกอสนุ ผี ่าหล้า ๑๐๔ (๒๗๐) สองฝา่ ยหาญใช่ช้า คือสีหสู้สีหกลา้
แหล่งเพ้ียงพกพงั แลนา ต่อแกล้วในกลาง สมรนา
๑๐๓ (๒๖๙) ดงั ตรลบโลกแล้ ฤๅบร่ ้างรู้แพ้
ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา
ตอน ๘ พระนเรศวรทรงปรึกษายทุ ธวธิ ีเอาชนะขา้ ศกึ
โคลง ๔ บูรพถ์ วัลย ราชย์แฮ ๑๐๖ (๒๗๒) เชญิ ไท้ยรู ยาตรเต้า เตยี งสนาน
๑๐๕ (๒๗๑) ปางอุภยั ภูเบศเบอื้ ง เพรียกพร้อง
พรง่ั พร้อม ถวายมทุ ธาภิสิตธาร สงั ขโ์ สรจ สรงแฮ
เรียบพริ ิยพลพรรค์ เกรกิ หล้าหวนั่ ไหว
เจียนจวบรววิ รรณ รางเรื่อ แลฤๅ ศวิ เวทวษิ ณุบรรสาน
ทวยทิชากรนอ้ ม
นอบน้วิ เสนอทูล มหรทึกครึกเครงกอ้ ง
ฯลฯ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๑
ร่าย
๑๐๗ (๒๗๗) ฝ่ายชีพ่อทวชิ าชาติ ราชปรุ ิโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละวา้ เซ่นไก่
ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แด่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท
บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอโสต โปรดโองการ ธ ใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ
ถีบไปสบื เอาการ เขารบั สารข้นึ มา้ ควบ บ ชา้ บ หึง ถึงที่ทวยพลทพั รบั พลางถอยพลางลา่ มอญพม่าตามติด ประชิด
ไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน
เขาเอาตนหมื่นหนึ่ง ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพทุ ธเจ้าอยู่หวั ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจ่งึ พา่ ย
เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ปะทะทัพดัสกร
เข้าราญรอนรมุ รกุ คลกุ คลีกนั หนั่นหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตงั้ ตนตอ่ บมคิ ง ตรงตนต่อบมหิ ยุด
เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย
ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด
จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก
เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร
ยกพยุหบาตรออกราญ เหน็ ควรการชัยชอบ ธก็ตรสั ตอบมนตรี ตรองคดดี ูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน
พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำ บ อยู่ บ หยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ
ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม
เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน
ไปเตอื นตอ้ นกองนา่ เรว็ เร่งล่าอยา่ รง้ั ทวยพหลทว่ั ท้ัง ทราบขอ้ บรรหาร ทา่ นนา
โคลง ๒
๑๐๘ (๒๗๘) บ นานตา่ งตนผ้าย ไปบ่รอร้ังท้าย ๑๐๙ (๒๗๙) ผนั หลังแล่นแผผ่ ้าน บ มผี ู้อยตู่ ้าน
ถี่เท้าผาดผัง มานา ตอ่ สู้สกั ตน หน่งึ นา
โคลง ๓
๑๑๐ (๒๘๐) พวกพลทพั รามัญ เหน็ ไทยผนั หนีหน้า ๑๑๒ (๒๘๒) แลหลงั หลามเหลอื นับ บเป็นทพั เปน็ ขบวนแท้
ไป บ่ หยุดยง้ั ช้า ตน่ื ต้อนแตกฉาน น่านนา ถวิลวา่ พ่ายจริงแล้ ไลล่ ำ้ ระสำ่ ระสาย ย่งิ นา
๑๑๑ (๒๘๑) ไปแ่ จ้งการแห่งเลห่ ์ เท่หก์ ลไทยใช่น้อย ๑๑๓ (๒๘๓) หมายละเลิงใจอาจ ประมาทประมาณหมิน่ หมนั้
ต่างเรง่ ตดิ เรง่ ตอ้ ย เร่งเตา้ ตีนตาม มานา เบาเรง่ เบาเชิงชั้น ช่นื หน้ามาสรลม สรลอนนา
ตอน ๙ ทพั หลวงเคล่อื นพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝ่าเขา้ ไปใน
กองทัพขา้ ศกึ
โคลง ๔
๑๑๔ (๒๘๔) เบอื้ งบรมจักรพรรดิเกล้า กษตั รา ๑๑๕ (๒๘๕) บัดดลวลาหกช้ือ ชระอับ อยแู่ ฮ
เยอื กฟา้
เถลิงพภิ พทวารา เกร่นิ แกลว้ แห่งทิศพายพั ยล ลิวลง่ ไปเฮย
แจม่ แจ้งแสงฉาน
สถิตเกยรัตนราชา อาสนโ์ อ่ องคเ์ อย มลกั แลกระลายกระลับ
คอยฤกษเ์ บิกยุทธ์แผ้ว แผน่ พ้ืนหาวหน เผยผ่องภาณเุ มศจ้า
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๒
๑๑๖ (๒๘๖) คคั นานต์นฤราสร้าง ราคิน
คือระเบียบรตั นอินทนลิ ดาดไว้
บริสทุ ธิส์ รา่ งมลทิน ถ่องโทษ อยูน่ า
นกั ษตั รสวสั ดเิ ดชได้ โชคชศี้ ภุ ผล
ฯลฯ
รา่ ย
๑๑๗ (๒๘๙) เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตากเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับประทะไพริน
ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก
อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง
บำเทิงมันครนั่ ครึก เข้าสศู้ กึ โรมราญ ควาญคัดทา้ ย บ มอิ ยู่ ว่วู างวง่ิ ฉบั ฉวิ ปลิวประเลห่ ล์ มพาน ส่ำแสะสารแสนยา
ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตร บ ทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร
ราญศึกสสู้ องไท้ ไร้พิริยะแห่หอ้ ม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสีโ่ ดยเสดจ็ เห็จเขา้ ใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร
ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร
ไล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยล บ เป็นทัพเป็นกอง ธ ก็ไสสองสารทรง
ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมนั แรงกาย หงายงาเสยสารเศกิ เพกิ พังพา่ ยบา่ ยตน ปนปะไปไขวค่ วา้ ง ชา้ งศกึ ได้กล่ินมัน
หันหัวหกตกประหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง
แทงถีบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุทัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร
ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟา้ ดูบ่รู้จักหนา้ หนง่ึ สนิ้ แสงไถง แลนา
โคลง ๔
๑๑๘ (๒๙๐) จึง่ ไทเทเวศอา้ ง สมมตุ ิ ๑๒๒ (๒๙๔) พอวายวรวากย์อา้ ง โอษฐ์พระ
ม่งิ มหศิ วรมกุฎ เกศหลา้ ดาลมหาวาตะ ตน่ื ฟ้า
เถลิงภพแผ่นอยธุ - ยายิ่ง ยศแฮ ทรหึงทรหวลพะ- พานพดั หาวแฮ
แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า เฟ่อื งด้าวดนิ ไหว หอบธมุ างคจ์ างจ้า จรัสด้าวแดนสมร
๑๑๙ (๒๙๑) ภวู ไนยผายโอษฐ์อนื้ โชยงการ ๑๒๓ (๒๙๕) ภธู รเมลิ อมิตรไท้ ธำรง สารแฮ
แก่เทพทุกถิน่ สถาน ฉชน้ั ครบสิบหกฉตั รทรง เทริดเกล้า
โสฬสพรหมพิมาน กมลาสน์ แลนา บจ่ วนบจ่ วบองค์ อุปราช แลฤๅ
เชญิ ชว่ ยชุมโสตซั้น สดบั ถ้อยตูแถลง พลางเร่งขับคชเตา้ แต่ต้ังตาแสวง
๑๒๐ (๒๙๒) ซึ่งแสร้งรงั สฤษฏ์ให้ มาอบุ ตั ิ ๑๒๔ (๒๙๖) โดยแขวงขวาทิศท้าว ทฤษฎี แลนา
ในประยูรเศวตฉตั ร สบื เช้อื บัดธเห็นขุนกรี หน่งึ ไสร้
หวังผดุงบวรรตั น ตรเั ยศ ยนื นา เถลิงฉัตรจตั รุ พริ ีย์ เรียงค่งั ขเู ฮย
ทำนกุ พระศาสนเ์ กือ้ กอ่ สร้างแสวงผล หนแห่งฉายาไม้ ขอ่ ยช้เี ณอนาม
๑๒๑ (๒๙๓) กลใดไปช่ ว่ ยแผ้ว นภา ดลฤๅ ๑๒๕ (๒๙๗) ป่นิ สยามยลแท้ท่าน คะเนนกึ อยู่นา
ใสสรว่างธุมา มดื มว้ ย ถวิลว่าขุนศกึ สำ- นักโนน้
มลกั เลง็ เหล่าพาธา ทวยเศกิ สมรแฮ ทวยทพั เทียบพนั ลึก แลหลาก หลายแฮ
เห็นตระหนักเนตรด้วย ด่งั น้แี หนงฉงาย ครบเคร่อื งอุปโภคโพ้น เพ่งเพ้ียนพิศวง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๓
โคลง ๒
๑๒๖ (๒๙๘) สองสุริยพงศ์ผ่านหลา้ ขบั คเชนทรบ์ า่ ยหน้า ๑๒๘ (๓๐๐) ไพรีเรง่ สาดซ้อง โซรมปืนไฟไป่ต้อง
แขกเจา้ จอมตะเลง แลนา ต่นื เตา้ แตกฉาน ผ้านนา
๑๒๗ (๒๙๙) ไป่เกรงประภาพเทา่ เผ้า พักตร์ทา่ นผ่องฤๅเศร้า
สเู่ สยี้ นไปห่ นี หนา้ นา
ตอน ๑๐ ยทุ ธหตั ถีและชยั ชนะของไทย
โคลง ๔
๑๒๙ (๓๐๑) นฤบาลบพติ รเผ้า ภูวนา ยกแฮ ๑๓๖ (๓๐๘) ดำเนนิ พจนพากย์พร้อง พรรณนา
ผายสหิ นาทกถา ทา่ นพร้อง องค์อัครอปุ ราชา ทา่ นแจ้ง
ไพเราะราชสุภา- ษิตส่อื สารนา กอบเกิดขตั ติยมา- นะนกึ หาญเฮย
เสนอบ่มขี ้อข้อง ข่นุ แคน้ คำไข ขับคชเข้ายุทธแ์ ยง้ ดว่ นด้วยโดยถวิล
๑๓๐ (๓๐๒) อา้ ไทภธู เรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ ๑๓๗ (๓๐๙) หสั ดนิ ปิ่นธเรศไท้ โททรง
เผยพระยศยนิ เยง ย่านแกลว้ คือสมทิ ธิมาตงค์ หน่งึ อา้ ง
สิบทิศทั่วลอื ละเวง หว่ันเดช ท่านนา หนง่ึ คือคิริเมขล์มง- คลอาสน์ มารเอย
ไป่เริม่ รอฤทธิแ์ ผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี เศยี รสา่ ยหงายงาคว้าง ไขวแ่ ควง้ แทงโถม
๑๓๑ (๓๐๓) พระพีพ่ ระผู้ผ่าน ภพอตุ - ดมเอย ๑๓๘ (๓๑๐) สองโจมสองจจู่ ้วง บำรู
ไป่ชอบเชษฐย์ ืนหยดุ รม่ ไม้ สองขัตติยสองขอชู เชดิ ดำ้
เชญิ ราชร่วมคชยุทธ์ เผยอเกียรติ ไวแ้ ฮ กระลงึ กระลอกดู ไวว่อง นักนา
สบื กวา่ สองเราไสร้ สดุ ส้นิ ฤๅมี ควาญขบั คชแขง่ ค้ำ เข่นเขีย้ วในสนาม
๑๓๒ (๓๐๔) หสั ดีรณเรศอ้าง อวสาน นนี้ า ๑๓๙ (๓๑๑) งามสองสุริยราชลำ้ เลอพิศ นาพ่อ
นับอนาคตกาล ห่อนพอ้ ง พา่ งพัชรินทรไพจิตร ศกึ สรา้ ง
ขัตติยายทุ ธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ ฤๅรามเริม่ รณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
คงแต่เผือพ่นี อ้ ง ตราบฟ้าดนิ กษัย ทกุ เทศทกุ ทศิ อ้าง อน่ื ไทไ้ ป่เทียม
๑๓๓ (๓๐๕) ไวเ้ ป็นมหรสพซ้อง สขุ ศานต์ิ ๑๔๐ (๓๑๒) ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง ขุนตอ่ ขุนไป่เยง หยอ่ นหา้ ว
บำเทิงหฤทยั บาน ประดิยุทธ์ นั้นนา ยอหัตถเ์ ทิดลบองเลบง องั กุศ ไกวแฮ
เสนอเนตรมนษุ ย์ตั้ง แตห่ ล้าเลอสรวง งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร
๑๓๔ (๓๐๖) ปวงไทเ้ ทเวศทั้ง พรหมาน ๑๔๑ (๓๑๓) คชยานขตั ติเยศเบอื้ ง ออกถวลั ย์
เชญิ ประชมุ ในสถาน ที่นี้ โถมปะทะไปท่ ัน เหยยี บยงั้
ชมช่นื คชรำบาญ ตูตอ่ กนั แฮ สารทรงราชรามญั ลงล่าง แลนา
ใครเช่ยี วใครชาญช้ี ชเยศอา้ งอวยเฉลิม เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู่ค้ำคางเขิน
๑๓๕ (๓๐๗) หวังเริ่มคณุ เกียรตกิ ้อง กลางรงค์ ๑๔๒ (๓๑๔) ดำเนนิ หนนุ ถนดั ได้ เชงิ ชิด
ยนื พระยศอย่คู ง ค่หู ล้า หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ เสด็จแสดงวราฤทธิ์ รำรอ่ น ขอแฮ
สองราชรอนฤทธิร์ ้า เรื่องรู้สรเสริญ ฟอนฟาดแสงของา้ ว อย่เู พ้ียงจกั รผัน
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๔
๑๔๓ (๓๑๕) เบอื้ งน้ันนฤนาถผู้ สยามนิ ทร์ ๑๔๘ (๓๒๐) ฝ่ายองค์อศิ วรนาถน้อง นฤบาล
เบีย่ งพระมาลาผิน หอ่ นพอ้ ง แสดงยศคชยทุ ธยาน ยาตรเตา้
ศัสตราวธุ อรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย มางจาชโรราญ ฤทธิ์ราช แลฤๅ
เพราะพระหัตถ์หากปอ้ ง ปัดดว้ ยขอทรง เรว็ เรง่ คเชนทรเข้า เข่นค้ำบำรู
๑๔๔ (๓๑๖) บัดมงคลพา่ หไ์ ท้ ทวารัติ ๑๔๙ (๓๒๑) บดั ภูธเรศพา่ ห์ได้ เชงิ ชน
แวง้ เหว่ยี งเบีย่ งเศยี รสะบัด ตกใต้ ลงลา่ งง้างโททนต์ เทิดใต้
อกุ คลุกพลกุ เงยงัด คอคช เศิกแฮ พชั เนยี งเบี่ยงเบนตน เซซวด ไปแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย หวั ป่ันหันข้างให้ เพลย่ี งพลั้งเสียที
๑๔๕ (๓๑๗) พลอยพลำ้ เพลียกถ้าทา่ น ในรณ ๑๕๐ (๓๒๒) ภูมีมือง่าง้าว ของอน
บัดราชฟาดแสงพล พา่ ยฟ้อน ฟันฟาดขาดคอบร บ่นั เกล้า
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ อนิ ทรีย์ซบกุญชร เมอื ชีพ แลเฮย
ถนดั พระองั สาข้อน ขาดด้าวโดยขวา เผยพระเกยี รตผิ า่ นเผ้า พน่ี อ้ งสองไท
๑๔๖ (๓๑๘) อรุ ารานร้าวแยก ยลสยบ ๑๕๑ (๓๒๓) ทันใดกลางคชเจ้า จลุ จักร
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดนิ้ มลายชิพิตลาญทกั ทา่ วซ้ำ
เหนอื คอคชซอนซบ สังเวช เหลอื หลามเหลา่ ปรปักษ์ ปีนป่าย เอาเอย
วายชิวาตม์สดุ สนิ้ สู่ฟา้ เสวยสวรรค์ ตรึงอกพกตกขว้ำ อยูเ่ บอื้ งบนสาร
๑๔๗ (๓๑๙) บน้ั ท้ายคชาธเรศท้าว ไทยไผท ๑๕๒ (๓๒๔) พระราญอริราชดว้ ย เดโช
ถึงพริ าลัยลาญ ชพี มล้าง สีท่ าสสนองบาทโท ท่านท้าว
เพราะเพ่อื พิพิธไพ- รีราช แลนา พระยศยง่ิ ภยิ โย ผา่ นแผ่ ภพนา
โซรมสาดตราดปนื ขวา้ ง ตอกตอ้ งตนสลาย สองรอดโดยเสดจ็ ด้าว ศกึ สู้เสียสอง
ร่าย
๑๕๓ (๓๒๕) จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายมาทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ
ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่
ไล่มล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตาย หลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว
ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกพายพ่ายแพ้
เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเขญ็ แลนา
โคลง ๒ เช่ยี วกว่าเชีย่ วเหลอื อ้าง
๑๕๔ (๓๒๖) เห็นประภาพเจ้าชา้ ง พวกอเรนทร์ด่วนด้น
เอกิ อ้ืออศั จรรย์ ย่งิ นา
๑๕๕ (๓๒๗) ขวัญหนดี ีฝอ่ พน้
ดดั ดน้ั ทางทวน ไปนา
ฯลฯ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๕
ตอน ๑๑ พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหนจ็ ทหาร
โคลง ๔
๑๕๖ (๓๓๒) ราชาชเยศอ้นื โองการ
รงั สฤษฏ์พระสถูปสถาน ทีม่ ล้าง
ขนุ เข็ญครู่ ำบาญ สวมศพ ไวแ้ ฮ
หนตระพงั ตรุสร้าง สบื หลา้ แหล่งเฉลิม
ร่าย
๑๕๗ (๓๓๓) เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์
องคอ์ ปุ ราชเอารส ขาดคอคชลาญชพี รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหบิ าลผู้เผ้า เจ้าแผน่ ภพหงสา
แลว้ ธให้คลาพยหุ ทัพ กลบั คนื ครองครอบเหลา้ เถลิงอยธุ ยเย็นเกล้า ทวั่ ถ้วนทวยสยาม ส้ินนา
โคลง ๔ เงินและทองทาสใช้ อกี ทงั้ ทวยเชลย
๑๕๘ (๓๓๔) กรุงรามฤทธิ์เฟ่อื งฟ้า ฟภู พ
ตระบดั บพติ รปรารภ ชอบพน้ ๑๖๑ (๓๓๗) แลว้ เผยพจนารถซ้ัน บรรหาร
เจ้ารามราฆพ คงคู่ เสดจ็ นา ยกชอบกอบบำนาญ ที่ม้วย
ตำแหนง่ กลางชา้ งต้น ต่อด้วยดัสกร นายมหานภุ าพควาญ กลางคช หนึง่ นา
๑๕๙ (๓๓๕) กญุ ชรวรพา่ หท์ ้าย เถลิงงาน หมน่ื ภกั ดีศวรด้วย ศกึ สู้เสียตน
องคอ์ นชุ นฤบาล บน่ั เสยี้ น ๑๖๒ (๓๓๘) บัดดลดำรัสให้ ปนู ยศ
ขนุ ศรีคชคงชาญ ชเยศ ยง่ิ นา ทรัพยส์ ิง่ ศรีสำรด ทั่วทั้ง
สนองบาทยาตรยุทธ์เทยี้ น เพ่อื นไท้ในรณ บตุ รทารทา่ นแทนทด ความชอบ เขานา
๑๖๐ (๓๓๖) สองผจญอริราชดว้ ย โดยเสดจ็ สมที่ภกั ดีตงั้ ตอ่ เหง้าเผา่ เฉลมิ
คณุ ขอบตอบบำเหนจ็ ท่านให้
ครบเครอ่ื งอุปโภคเสรจ็ ทกุ สิ่ง สรรพแฮ
ร่าย
๑๖๓ (๓๓๙) เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธ ให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์
ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไท ธ ทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ
ทัว่ ทวยราษฎรป์ ระชา ไป่ระอาออกทอ้ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอตุ สาหภาพ เสดจ็ ปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ
สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์
มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้
โดยระบอบแบบไว้ แต่เบือ้ งโบราณ รีตนา
โคลง ๒
๑๖๔ (๓๔๓) ถวายพพิ ากษาซ้ัน ดำรัสโดยเหตหุ น้ั ๑๖๖ (๓๔๕) กำหนดพรกุ เพญ็ แท้ พนั ธนาไวแ้ ล้
แหง่ เบอื้ งบนั ทึก โทษนา ตรุตรึง้ ตรากขัง มน่ั นา
๑๖๕ (๓๔๔) คำนึงนึกบาปใกล้ วันบณั รสีไซร้ โคลง ๓
จวบเข้าควรงด หน่อยนา
๑๖๗ (๓๔๖) ตงั้ แต่ปาฏิบท ลว่ งอโุ บสถเสรจ็ แล้ว
เรง่ สฤษฏโ์ ทษอย่าแคล้ว คลาดด้าวดำเนนิ บทนา
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๖
ตอน ๑๒ สมเด็จพระวนั รตั ขอพระราชทานอภัยโทษ
ร่าย
๑๖๘ (๓๔๗) ไปเ่ กินกาลทา่ นสัง่ กระท่งั แรมสบิ ห้าคำ่ ยำ่ สองนาฬกิ าปลาย ทำงนงายพอเสรจ็ จึง่ สมเดจ็ พระวันรัต
วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช
พระบาท ธ ให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรพุม
ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์
จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา
ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก
ตระดกดาลระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บ เต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง
แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง
ผดุงเดชเผือพ่นี อ้ ง ผิ บ พอ้ งบญุ บูรพ์ ไอศรู ยศ์ นู ยเ์ สียมภพ ตรลบเล่อื งขามนามตะเลง ลอื ละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา
เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า
ไวเ้ ป็นขนบภายหนา้ อยา่ ให้ใครยล เย่ยี งนา
โคลง ๔
๑๖๙ (๓๔๘) สมเด็จพนรตั เจ้า จอมชี ๑๗๒ (๓๕๘) ผิวหลายพยหุ ยุทธร์ ้า โรมรอน
ฉลองพจน์ราชวาที ทา่ นไท้ ชนะอมติ รมวลมอญ ม่วั มล้าง
ทวยทลู ละอองธลุ ี บัวบาท พระนา พระเดช บ่ ดาลขจร เจรญิ ฤทธิ์ พระนา
พ้ืนภกั ดตี ่อใต้ บทเบือ้ งเรณู ไปทว่ั ธเรศออกอ้าง เอกิ ฟ้าดนิ ไหว
๑๗๐ (๓๔๙) ดผู ิดไป่รักทา้ ว ไปเ่ กรง ๑๗๓ (๓๕๙) อย่าไทโทมนัสนอ้ ย หฤทยา
แผกระบอบแตเ่ พรง หอ่ นพอ้ ง เพอ่ื พระราชกฤษฎา แต่กี้
พระเดชหากแสดงเอง อำนาจ พระนา ทกุ ทวยเทพคณา ชุมช่วย พระเอย
เสนอทกุ ทวยธเรศกอ้ ง เกียรตอิ า้ งอศั จรรย์ แสดงพระเดโชชี้ ชเยศไวใ้ นสนาม
ฯลฯ โคลง ๒
๑๗๑ (๓๕๗) พระตรีโลกนาถแผ้ว เผดจ็ มาร ๑๗๔ (๓๖๐) สมด่ังความตูพร้อง ขอบพติ รอย่าข้อง
เฉกพระราชสมภาร พ่นี อ้ ง ขนุ่ แคน้ เคืองกมล ทา่ นนา
เสดจ็ ไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา ๑๗๕ (๓๖๑) โดยยุบลถอ่ งแท้ ฤๅสนเท่ห์เล่หแ์ ล้
เสนอพระยศยนิ ก้อง เกียรตทิ ้าวทกุ ภาย ถกู ถ้อยแถลงการ น้นี า
ร่าย
๑๗๖ (๓๖๒) ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร
โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมา แห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น
ต้นื เต็มปรีดป์ิ ราโมทย์ โอษฐอ์ อกอ้นื สาธู ชูพระกรกรรพุม ชมุ ทศนัขเหนอื ผาก เพื่อยนิ มลากเลอมาน เจา้ กูขานคำขอบ
ชอบทกุ สิ่งจริงถ้อย ถวิลบแ่ หนงหนง่ึ นอ้ ย แน่แท้ทางแถลง แลนา
โคลง ๔
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ 67
๑๗๗ (๓๖๓) แจ้งเหตุแห้งเหอื ดข้งึ ในมนสั ๑๗๙ (๓๖๕) ล่วงถึงบพติ รผู้ เถลิงถวัลย ราชย์ฤๅ
จึ่งพระวันรตั วดั ปา่ แก้ว คือพุทธบรรษัทสรรพ์ สบื สร้าง
ถวายพรบวรศรีสวัสด์ิ สวา่ งโทษ ทา่ นนา เชญิ งดอดอวยทัณฑ์ ทวยโทษ นีน้ า
นฤทุกขน์ ฤภยั แผ้ว ผ่องพ้นอันตราย เลยอยา่ ลาญชพี มล้าง หน่งึ ครง้ั ขอเผือ
๑๗๘ (๓๖๔)ทั้งหลายทวยบาทเบือ้ ง บงกช ๑๘๐ (๓๖๖) ไวเ้ พ่อื ผดุงเดชเจ้า จอมปราณ
ควรโคตรโทษสาหส อะคร้าว ก่อเกิดราชรำบาญ ใหมแ่ ม้
แต่ทลู ธุลีบท สนองบาท มานา พนู เพม่ิ พระสมภาร เพ็ญภพ พระนา
เพรงพระอัยกาท้าว ตราบไทพ้ ระเจ้าหลวง วายบห่ วงั ตนแก้ ชอบได้ไป่มี
ร่าย
๑๘๑ (๓๖๗) นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตภิปราย ถวายพระพรอายาจน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล
เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงส์ุ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองคงยศ
บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด
ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยบพิตรอัธยา
เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม
เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ
ทัพเจ้าพระยาพระคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จไปโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด
รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บังคัลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ
ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมาย บ่ หมดทั้งผอง
ตริไตรตรองคราวศึก เสื่อมหาญฮึกแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท
ปรากฏเกียรตยิ นื ยง คงคู่กลั ป์ประลัย เฉลิมแหลง่ ไผททวั่ ดา้ ว แสดงพระยศไทท้าว ธริ าชไว้ไป่วาย นามนา
โคลง ๔
๑๘๒ (๔๒๖) เสรจ็ แสดงพระยศเจ้า จอมอยธุ - ยาเอย ๑๘๕ (๔๒๙) อวยพรคณะปราชญพ์ ร้อม พจิ ารณ์ เทอญพ่อ
องคอ์ ดิศรสมมตุ ิ เทพไท้ ใดวริ ธุ บรรหาร เหตดุ ว้ ย
นเรศวรรัตนมกฎุ เกศกษตั ริย์ สยามฤๅ จงเฉลมิ แหล่งพสธุ าร เจรญิ รอด หึงแฮ
หวงั อยูค่ ู่ธเรศไว้ ฟากฟ้าดนิ เฉลิม มลายโลกอยา่ มลายมว้ ย อรรถอ้ืนอญั ขยม
๑๘๓ (๔๒๗) รังเริ่มรจเรขอา้ ง อรรถา แถลงเอย ๑๘๖ (๔๓๐) กรมหม่นื นุชติ เช้อื กวีวร
เสมอทิพยมาลย์ผกา เก็บร้อย ชโิ นรส มง่ิ มหศิ ร เสกให้
ฉลองบทรชั นรา- ธิปผา่ น ภพฤๅ ศรีสคุ ต พจนสนุ ทร เถลิงลกั ษณ์ นี้นา
โดย บ่ เช่ยี วเชลงถ้อย ถอ่ งแท้แลฉงาย ขตั ติยวงศ์ ผจงโอษฐไ์ ว้ สบื หลา้ อยา่ ศนู ย์
๑๘๔ (๔๒๘) บรรยายกลกาพย์แสร้ง สมญา ไวแ้ ฮ ฯลฯ วารี โอฆฤๅ
เลิศล้น
สมลกั ษณ์เล่ห์เสาวนา เรื่องรู้ ๑๘๗ (๔๓๗) ผิววงวา่ ยวฏั เว้ิง วรวากย์ เฉลียวเอย
บลโุ ลกุตรโมลี เผด็จเสยี้ นเบียนสมร
ตะเลงพา่ ยเพอ่ื ตะเลงปรา- ชเยศ พระเอย จงเจนจิตกวี
ตราบลว่ งบว่ งภพพน้
เสนอฤทธิส์ องราชสู้ ศกึ ชา้ งกลางสมร
ฯลฯ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๘
ใบความรู้เร่อื งบทละครพูดคำฉนั ท์ เรื่อง มทั นะพาธา
(ลกั ษณะคำประพันธ์ฉันท์และกาพย์)
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ตระหนักคุณค่าวรรณกรรม
คำประพันธท์ ่ปี รากฏในบทละครพดู คำฉันท์ เร่อื ง มัทนะพาธา องกท์ ่ี ๑ และ ๓
ฉันท์ คือ ลักษณะถ้อยคำที่กวีได้ร้อยกรองขึ้นให้เกิดความไพเราะซาบซึ้งโดยกำหนดคณะครุ
ลหแุ ละสมั ผสั
การแต่งฉันท์ต้องบรรจุคำให้ครบตามจำนวนที่บ่งไว้ จะบรรจุคำให้เกินกว่ากำหนดไม่ได้
เว้นไว้แต่อักษรนำอนุญาตให้เกินได้บ้าง แต่บัดนี้ไม่ใคร่นิยมแล้ว คำใดที่กำหนดไว้ว่าเป็น ครุและลหุ
จะต้องเปน็ ครุและลหุ จรงิ ๆ และเป็นได้แต่เฉพาะตรงที่บง่ ไว้เทา่ น้ัน จะใช้ครแุ ละลหุ ผดิ ทีไ่ ม่ได้
ครุ ( ั ) ได้แก่ คำที่ประสมสระเสียงยาว คำที่มีตัวสะกดทั้งหมดและคำที่ประสม อำ ไอ ใอ
เอา เช่น ป้า หนู บอก น้อง น้ำ ให้ ไป เขา
ลหุ ( ุ ) ได้แก่ คำที่ประสมสระเสียงสั้น ไม่มีตัวสะกดและคำมีพยัญชนะตัวเดียว เช่น ตุ๊ จะ
เกาะ ธ ณ บ บ่ ก็ ฤ
คำ บ ก็ดี คำที่ประสมด้วยสระ อำ ในแม่ ก กา ก็ดี เดิมใช้เป็นลหุ ได้ แต่บัดนี้คำที่ประสม
ด้วยสระอำ ไม่ใคร่นิยมใช้เพราะถือวา่ เป็นเสียงที่มีตวั สะกดแฝงอยูด่ ้วย
จิตรปทาฉันท์ ๘ หมายความว่า ฉันท์ที่มีส่วนหรือข้อความอันวิจิตรงดงาม นิยมแต่ง ๒ บท
คู่กันเป็นตอนหนึ่ง เมื่อขึ้นตอนต่อไปต้องย่อหน้าทุกๆ ตอน และต้องให้คำสุดท้ายบทที่ ๒ ของตอนต้น
สัมผสั กับคำสุดท้ายของบทที่ ๑ ของตอนตอ่ ๆ ไป จะแตง่ ยาวเท่าไรก็ได้ แต่ตอ้ งสมั ผัสกนั เช่นน้เี สมอ
แผนผงั
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๖๙
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ มีความหมายว่า ฉันท์ที่เปล่งสำเนียงยาวดุจสายฟ้าแลบ เป็นฉันท์ที่ใช้
คำครุล้วนและนิยมแต่ง ๒ บทคู่กันเป็นตอนหนึ่ง เมื่อขึ้นตอนต่อไปต้องย่อหน้าทุกตอน และต้องให้
คำสุดท้ายบทที่ ๒ ของตอนต้น สัมผัสกับคำสุดท้ายบทที่ ๑ ของตอนต่อๆ ไป จะแต่งยาวเท่าไรก็ได้
แต่ตอ้ งสัมผัสกนั เช่นน้เี สมอ
แผนผัง
สาลินีฉันท์ ๑๑ มีความหมายวา่ ฉันทท์ ีม่ ากไปด้วยครุ
แผนผัง
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ฉันท์ที่มีลีลาประดุจสายฟ้าของพระอินทร์ นิยมแต่งข้อความที่เป็น
บทชมหรอื บทคร่ำครวญ ถือเปน็ ฉนั ท์ที่ไพเราะรองจากวสันตดิลกฉนั ท์
แผนผงั
อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑ แปลว่า คาถาทีม่ เี สียงชัดเจน
แผนผงั
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๐
กมลฉนั ท์ ๑๒ หรอื กมลาฉันท์ ฉนั ท์ทีม่ ีลีลากล่อมใจใหเ้ พลิดเพลิน
แผนผัง
อินทวงศ์ฉนั ท์ ๑๒ มีความหมายวา่ ฉันทท์ ี่มสี ำเนยี งไพเราะประดุจปีข่ องพระอินทร์
แผนผงั
ภุชงคปั ปะยาตร์ฉันท์ ๑๒ แปลว่า งเู ลือ้ ย ฉันท์นมี้ ีลีลางดงามดุจการเลื้อยของพญานาค
ใช้บรรยายความ ในเรื่องที่ตอ้ งให้เห็นความรวดเร็ว กระฉับกระเฉง หรอื ราพันภาพที่ สนุกสนานรน่ื เริง
แผนผัง
โตฎกฉันท์ ๑๒ แปลว่า คาถาทีเ่ บียดเบียนลักษณะของคาถาก่อน
แผนผัง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๑
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ มีความหมายว่า ฉันท์ที่มีความงดงามดุจสายฝน ถือว่าเป็นฉันท์ที่
ไพเราะที่สดุ ใชส้ ำหรับพรรณนาโวหารหรอื สดดุ ีสิ่งใดสิง่ หนึ่ง
แผนผัง
อีทิสังฉันท์ ๒๐ เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก
ความวติ ก และความโกรธ
แผนผงั
การแต่งฉันท์มักแต่งกาพย์ฉบัง และกาพย์สุรางคนางค์ปนกันไปด้วย เพื่อดำเนินเนื้อความ
ยาวๆ ในท้องเรื่อง
กาพย์ฉบบั ๑๖ นิยมแตง่ เกี่ยวกับตอนทีเ่ ป็นพรรณนาโวหาร
แผนผัง
ฉบังสบิ หกคำควร ถ้อยคำสำนวน
พึงเลอื กใหเ้ พราะเหมาะกนั
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๒
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แปลว่า องคน์ างฟ้า
แผนผัง
กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘
สุรางคนางค์ กำหนดบทวาง ยี่สิบแปดคำ
บทหน่งึ เจด็ วรรค เปน็ หลักพึงจำ วรรคหนง่ึ สค่ี ำ แนะนำวิธี
(กำชยั ทองหล่อ. หลกั ภาษาไทย. พมิ พค์ รั้งที่ ๗. กรงุ เทพฯ : บำรุงสาสน์ , ๒๕๓๓. หนา้ ๕๐๗ – ๕๑๗.)
เรื่องย่อ เทพบุตรองค์หนึ่ง ทรงนามว่า “สุเทษณ์” สำราญอิริยาบถอยู่ในวิมานสวรรค์
แวดล้อมด้วยเหล่าเทพบุตร คนธรรพ์และคณานิกรอัปสรผู้เป็นบริวารทั้งหลาย สุเทษณ์เทพบุตรนี้
พอใจรักใคร่นางเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ มัทนา แม้ว่าเหล่าบริวารจะพากันมาฟ้อนรำขับกล่อมบำเรอ
อย่างไรก็มิได้คลายความกลุ้มกลัดเพราะรำลึกถึงมัทนาเทพธิดาเลย จิตระรถสารถีของพระองค์จึงได้
ถวายรูปวาดนางอื่น ๆ อีกมากมายให้ทรงเลือกก็ไม่พอพระทัยในรูปโฉมของใคร จิตระรถจึงทูลว่าตน
ได้พบกับวิทยาธรเรืองวิชาตนหนึ่งชื่อ มายาวิน ซึ่งชำนาญในการใช้อาถรรพเวท สามารถเรียกเทพดา
มนุษย์ ครฑุ นาค มาได้ท้ังส้ินและบัดนีก้ ็ได้นำมายาวินมาด้วยแล้ว
สุเทษณ์เทพบุตรจึงรับสั่งให้จิตระรถนำเข้าเฝ้า เมื่อมายาวินเข้ามาเฝ้าสุเทษณ์เทพบุตรจึงให้
มายาวินใช้มนต์เรียกนางเทพธิดามัทนามาเฝ้าและรับสั่งถามมายาวินว่าเป็นเพราะเหตุใด นางเทพธิดา
องค์นี้จึงไม่ปลงใจรับความรักของพระองค์ มายาวินทูลเล่าว่า เมื่อครั้งก่อนสมัยที่สุเทษณ์ทรงเป็น
พระมหากษตั ริย์ ครองเมอื งปญั จาละนั้น ได้ตรัสใช้ทูตไปทูลขอพระราชธิดาของท้าวสุราษฎร์ผู้ทรงนาม
ว่า มัทนา แต่ท้าวสุราษฎร์มิทรงยินยอมถวายให้ สุเทษณ์จึงเสด็จกรีฑาทัพเข้าตีเมืองแห่งท้าวสุราษฎร์
เสียเมืองแก่สุเทษณ์ ครั้งนั้นสุเทษณ์รับส่ังให้ล้างพระชนม์ชีพท้าวสุราษฎร์เสีย แต่พระราชธิดาเสด็จมา
ทูลขอพระราชทานอภัยโทษพระราชบิดาของพระนาง โดยจะทรงยอมเป็นบาทบริจาริกาแห่งสุเทษณ์
จึงทรงงดพระราชอาญาไว้ แล้วมัทนาราชธิดานั้นก็เสด็จเข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ และกราบทูลด้วย
พระวาจาสัตย์ว่าการที่พระนางทูลขอมิให้ทำลายพระชนม์พระราชบิดานั้น เพราะมีพระประสงค์จะ
สนองพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระราชบิดา ส่วนพระนางเองนั้นจะมิยอมฝืนใจรักชายใด เมื่อสิ้น
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๓
คำพูดมทั นาราชธิดาก็ทรงทำลายพระองค์ด้วยพระแสงขรรค์ คือ ทรงแทงลงตรงพระทรวงสิ้นพระชนม์
เฉพาะพระพักตร์ของสุเทษณ์ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วก็ได้มาเกิดในสวรรค์ ส่วนสุเทษณ์ก็ได้บำเพ็ญ
พระกุศลจนได้เสด็จมาพบนางบนสวรรค์อีก ที่ได้มีพระทัยเสน่หานั้นก็เพราะเคยมีความเสน่หา
มาแล้วแตช่ าติกอ่ น และที่มไิ ด้สมพระหฤทัยน้ัน กเ็ พราะบุรพกรรมแต่ชาติปางก่อนขดั ขวางอยู่เชน่ กนั
สุเทษณ์เทพบุตรรับสั่งแก่มายาวินว่า พระองค์จะทรงขอเสี่ยงบุญดูอีกครั้ง มายาวินจึงตั้งพิธี
เรียกมัทนาเทพธิดามาเฝ้า สุเทษณ์เทพบุตรตรัสเล้าโลมเอาใจนางมัทนาเทพธิดาด้วยประการต่าง ๆ
ก็มิสมพระทัยจึงกริ้วและสาปมัทนาเทพธิดา ให้ลงไปถือชาติกำเนิดเป็นดอกกุพชกะ กำหนดให้
กลายรา่ งเปน็ สตรีโฉมงามอยูช่ ่ัววันกบั คืนหนึ่งในวนั เพ็ญทกุ ๆ เดือน ถ้าได้รบั รักชายใดกไ็ มต่ ้องกลับเป็น
ดอกไม้อีก แต่ให้ได้รับความทุกข์เริดร้างความรักไปและเมื่อใดความทุกข์นั้นยิ่งใหญ่จนทนมิได้ เมื่อนั้น
ถ้านางกล่าวคำออ้ นวอนต่อพระองค์จึงจะประทานอภัยโทษน้ันให้
เมื่อมัทนาเทพธิดาถูกสาปแล้วได้ลงมาถือชาติกำเนิดเป็นดอกกุพชก ะหรือดอกกุหลาบ
ต้นกุหลาบนั้น มีดอกเดียวใหญ่ กลีบสีชมพแู ก่ มีเกสรหอมฟุ้งตรลบและต้นน้ันขนึ้ อยู่ใกล้กับอาศรมของ
พระกาละทรรศินมุนี พระกาละทรรศินมุนีทราบด้วยญานว่าต้นกุหลาบนี้เป็นเทพธิดามัทนาถูกสาป
ลงมาจึงย้ายต้นไปปลูกไว้ในสวนหน้าพระอาศรมและบำรุงเลี้ยงเป็นอย่างดีเมื่อคราวที่ดอกกุหลาบนั้ น
กลายเปน็ คน มัทนากป็ ฏิบตั ิพระฤๅษีเป็นอนั ดีพระฤษีรักใครด่ จุ ธิดาของตนฉะน้ัน
อยู่มาวันหนึ่งท้าวชัยเสนกษัตริย์ผู้ครองเมืองหัสตินาปุระได้เสด็จประ พาสป่าทรงพาบริวาร
มาถึงอาศรมพระฤๅษีกาละทรรศินประจวบกับเป็นวันเพ็ญมัทนาได้กลายร่างเป็นคน ท้าวชัยเสน
ทอดพระเนตรรูปโฉมของมัทนาก็บังเกิดความเสน่หาต่อกันและกระทำพิธีหมั้น ณ ฝั่งแม่น้ำใกล้ ๆนั้น
ร่งุ ข้ึนพระกาละทรรศนิ มุนไี ด้ประกอบพิธีอภเิ ษกสมรสระหวา่ งท้าวชยั เสนและมัทนา
ครั้นท้าวชัยเสนเสด็จกลับกรงุ หัสตินาปุระได้ทรงพามัทนาอัครชายาตามเสด็จเข้ามาด้วยและ
ประทับแรมสำราญพระอิริยาบถร่วมกับนางมัทนา ณ สวนหลวงยังมิได้เสด็จเข้าวังหลวงฝ่ายพระนาง
จัณฑีมเหสีเดิมทรงทราบเสด็จออกมาหึงและด้วยความหึงนี้ได้รับสั่งใช้นางอราลีไปทูลขอกองทัพจาก
ท้าวมคธราชซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระนางให้กรีฑาเข้าประชิดกรุงหัสตินาปุระโดยเร็ว ท้าวชัยเสน
เสด็จยกกองทัพออกต้านทานไว้ได้ระหว่างที่ติดพันรบพุ่งต่อต้านศึกอยู่นั้นท้าวชัยเสนทรงระลึกถึง
นางมทั นาจึงเสด็จมาหา พระนางจัณฑที รงทราบก่อนจึงดำเนินอุบายโดยมีรบั ส่ังให้พราหมณ์วิฑูรไปทำ
ประหนึ่งว่านั่งบริกรรมทำเสน่ห์และมีรูปคนทำด้วยขี้ผึ้งสามรูป รูปหนึ่งเอาหนามปักที่ตรงหัวใจและ
ตรงท้อง อีกสองรูปทำเป็นหญิงชายแนบติดชิดกัน เมื่อท้าวชัยเสนเสด็จมาพบการกระทำคงรับสั่งถาม
แล้วให้กราบทูลว่าพระอัครราชชายามัทนารับสั่งให้กระทำอาถรรพวิธีนี้เพื่อจะปลงพระชนมชีพ
ท้าวชัยเสนเสียแล้วจะได้ลักลอบเสน่หากับสุภางค์ทหารเอกคนสนิทด้วยกลอุบายนี้ท้าวชัยเสนจึง
ทรงแคลงพระทัยในนางมัทนาและทรงกริ้วนางมัทนาว่าคงประพฤติมิชอบด้วยสุภางค์ทหารเอกของ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๔
พระองค์จริงจึงรับสั่งให้ประหารชีวิตเสียทั้งสองคน แล้วท้าวชัยเสนเสด็จคืนกองทัพด้วยพระทัยระทม
ทุกข์
ต่อมาภายหลังพราหมณ์วิฑูรผู้ดำเนินอุบายให้พระนางจัณฑีนั้นระลึกผิดชอบจึงเข้าเฝ้า
ท้าวชัยเสนแล้วกราบทูลสารภาพความผิด เมื่อท้าวชัยเสนทรงทราบเรื่องก็เสียพระทัยทรงเสียดาย
พระอัครชายามัทนาและนายทหารเอกคู่พระราชหฤทัย ขณะนั้นทหารกราบทูลว่าศุภางค์ทหารเอก
คู่พระหฤทยั น้ันได้เข้ามาอยใู่ นกองทัพแล้วนำหน้าทหารเข้ารบจนเสียชีวิตในที่รบเพราะภักดีต่อพระองค์
ท้าวชัยเสนรับส่ังให้จัดงานศพศุภางค์ขึ้นอย่างมโหฬาร ทัพท้าวชัยเสนชนะทัพท้าวมคธราชจึงกุมเอา
องค์ท้าวมคธราชมาเข้าพิธีประถมกรรมบั่นพระเศียรเอาพระโลหิตชำระพระบาทแล้วรับสั่งให้
พระนางจัณฑีเทินพระเศียรพระราชบิดากลับไปยังเมืองมคธ เพราะโทษที่คิดกบฏต่อพระราชสามี
ท้าวชยั เสนได้ทรงจะทราบว่านางมทั นายังดำรงพระชนม์อยู่กบั พระฤๅษีกาละทรรศนิ จึงเสด็จยกไพร่พล
เพื่อจะไปรับนางมัทนากบั พระราชวัง
กล่าวถึงนางมัทนานับตั้งแต่จากท้าวชัยเสนมาก็ยังครองความรักอยู่แต่ได้รับความทุกข์ระทม
ยิง่ ใหญจ่ ึงจะกระทำพิธีบวงสรวงขอใหส้ ุเทษณเ์ ทพบุตรเสดจ็ ลงมาช่วยเหลอื นางให้พน้ จากความทุกข์น้ัน
สุเทษณ์เทพบุตรลงมาตรัสว่าพระองค์จะช่วยถ้ามัทนาจะยินยอมรับพระองค์แล้วจะได้กลั บสู่
เมืองสวรรค์มัทนาทูลว่าที่โปรดนั้นก็เป็นพระกรุณาอันล้นพ้นแต่จะเป็นการผิดธรรมะในข้อที่ว่าหญิง
นิยมในสองชายดังคำประพันธว์ า่
“หากจะมวี ิถิถนัด บขัดหทั ย,
ทั้งจะใช้ ณ ธุระใด บมีระอา,
แต่จะโปรดดนแุ ละให้ คระไลนะภา
เปน็ พระบาทะบริจา- ริกาฉะนี้
เกรงจะผดิ พระนติ ิธรร- มะอันนะรี
เสพยก์ ะสองบุรษุ ะมี ฤใครจะชมุ ?”
มัทนาทูลขอให้สุเทษณ์เทพบุตรบันดาลให้ท้าวชัยเสนมารับพระนางกลับหสั ตินาปรุ ะ สุเทษณ์
เทพบุตรกริ้ว ทรงสาปให้มัทนาเป็นดอกกุหลาบอยู่ชั่วนิรันดร์ เมื่อท้าวชัยเสนเสด็จมาถึงจึงได้ทรงพบ
แต่ต้นและดอกกุหลาบครั้นทรงทราบความว่ามัทนากลายเป็นดอกกุหลาบเสียแล้วจึงตรัสสั่งให้ขุด
ต้นกุหลาบนั้นแล้วนำขึน้ ประดิษฐานบนวอพาไปปลกู ไว้ในกรุงหัสตินาปุระ
ข้อควรสังเกต พระราชนิพนธ์บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธานี้เป็นหนังสือดีอย่างไร
นั้นปรากฏชดั เจนในประกาศนยี บัตรซึ่งวรรณคดีสโมสรทลู เกล้า ฯ ถวายดังสำเนาต่อไปนี้
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๕
“กรรมการวรรณคดีสโมสรประชุมพร้อมกันณหอสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครในคราว
ประชุมครั้งที่ ๓ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๗ ปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันว่าหนังสือ
บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธาหรือตำนานแห่งดอกกุหลาบซึ่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรี
สินทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ และพิมพ์ครั้งแรก
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ เป็นหนังสือ แต่งดีเพราะทรงพระราชดำริใช้คำฉันท์เป็นบทละครพูด อันเป็น
ของแปลกในกระบวนวรรณคดีและแต่งได้โดยยาก ยังไม่เคยมีกวีคนใดได้พยายามแต่งมาก่อน
อีกประการหนึ่งในทางภาษาซึ่งทรงปรุงชื่อตัวละครและภูมิประเทศถูกต้องตามยุคแห่งภารตะวรรษ
อันจำนงให้เป็นตัวเรื่องนับว่ารูปเรื่องปรุงดีจะแต่งได้ แต่ด้วยพระปรีชาและสุตาญาณอันกว้างขวาง
สมควรจะยกยอ่ งตามพระราชบัญญตั ิแห่งวรรณคดีสโมสรจงึ พรอ้ มกันทำประกาศนยี บัตรฉบับนี้ลงนาม
กรรมการและประทับพระราชลัญจกรพระคเณศวรสำหรับวรรณคดีสโมสรเป็นสำคัญทูลเกล้า ฯ ถวาย
เมือ่ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พระพทุ ธศักราช ๒๔๖๗”
(ผู้เรียบเรียง ๑. ผอ.สงวน เล็กสกลุ ๒. อาจารย์ภาวาส บนุ นาค ๓. อาจารย์นริ นั ดร์ นวมารค
๔. อาจารย์ศุภชัย รัตนโกมุท ๕. อาจารยป์ ระวิทย์ วมิ ุกตะลพ เรียบเรียงไว้ในปี พ.ศ. ๒๔๙๖)
บทละครพดู คำฉันท์ เรือ่ ง มัทนะพาธา องก์ท่ี ๓
ฉาก : ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน
[คือฉากเดียวกันกับตอนที่ ๓ แห่งองก์ที่ ๒ นั้นเอง, แต่หนังกวางที่ปูบนแท่นศิลาใต้ต้นไม้นั้น
เกบ็ ไปเสีย; และสมมตว่าเปนเวลากลางคนื , มีแสงเดือนหงายแจ่มอย่างในวันเพ็ญ.]
(ท้าวชัยเสนออกทางหลืบซา้ ย.)
ชยั เสน. โอ้โอ๋กระไรเลย บมิเคยณกอ่ นกาล! [อนิ ทะวิเชียร, ๑๑.]
พอเหน็ กท็ ราบส้าน ฤดิรกั บหกั หาย.
ยิง่ ยลวะนดิ า ละกย็ ิ่งจะร้อนคลา้ ย
เพลิงรุมประชุมภาย ณอุราบลาลด.
พิศไหนบมีทราม, วะธุงามสงา่ หมด,
จนสุดจะหาพจน์ สรเสริญเสมอใจ.
องค์วิศวฺ ะกรรมัน นะสิป้ันวะธูไซร้
พอเสร็จกเ็ ทพไท พิศะรปู สุรางคเ์ พลิน;
ยืนเพง่ และนั่งพิศ วรพักตรบ์ หมางเมนิ ,
งามใดบงามเกิน มะทะนาณโลกสาม:
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๖
แลวิศฺวะกรรมนั ผจิ ะป้ันวะธูตาม
แบบอีกกไ็ มง่ าม ดุจะโฉมอนงคน์ ้ี:
เหตุนสี้ ินงคราญ ณสถานพิภพตรี
จ่งึ ไมป่ ระสพที่ สิรริ ูปะเทียมทนั .
งามเกินมนษุ จริง กละหญิงนิมิตร์ฝัน,
จนแรกประสพนั้น ดนุจวนจะปลกุ ตัว,
นึกวา่ สนธิ นิทร์ นยนาก็แน่วนวั ,
แตน่ กึ กอ็ อกกลัว จะผวาและไมเ่ หน็ .
คร้ันเมอ่ื สดับศัพ- ทะสำเนยี งกเ็ ยือกเย็น
ราวดื่มอุทกเพญ็ รสะร่นื ระรวยใจ;
เสียงเจ้าสิเพรากว่า ดุริยางคะดีดใน
ฟากฟ้าสุราลัย สุรศัพทะเริงรมย.์
ยามเดิรบเขินขดั , กละนจั จะน่าชม;
กรายกรก็เร้ารม- ยะประหนึง่ ระบำสรวย;
ยามน่งั กน็ งั่ เรียบ และระเบียบบเขินขวย,
แขนออ่ นฤเปรียบด้วย ธนกุ ง่ กระชับไว้.
พิศโฉมและฟังเสียง ละก็เพียงจะฃาดใจ,
โอ้นอนจะหลับไหล ฤฉนีน้ ะอกเอ๋ย!
ขืนนอนก็ร้อนเรา่ ฤดีเฝ้าคะนงึ เชย,
หากขืนจะนอนเฉย อรุ ะอาจจะพงั ภนิ .
จำมาณที่น้ี เพราะว่ะใกล้สุนาริน;
โอ้เราบสมจิน- ตะนะได้ฤฉนั ใด?
ช้าก่อน!ดนูเห็น ณประตสู ิรำไร
ดงั หนง่ึ จะมีใคร จระจากพระอาศรม.
อ้าขอถวายอญั - ชลิองคส์ โุ รดม,
ขอให้ดนชู ม วธเุ ลิดเถอะสกั ที!
(ท้าวชัยเสนเลี่ยงเข้าไปแฝงอยู่หลังกอไม้ข้างซ้าย. มัทนาเดิรออกมาจากอาศรมและมายืนพิง
เสาระเบียง, มองดูดวงเดือน.)
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๗
มทั นา. โอ้วา่ อนาถใจ ละไฉนนะเปนฉนี้? [อนิ ทวงส์, ๑๒.]
ชยั เสน. แตไ่ รก็ไม่มี มะนะนึกระเหระหน;
ไมเ่ คยจะเชอ่ื วา่ รตนิ ้ันจะสัประดน
มาสู่ณใจตน และจะต้องระทมระทวย.
เมือ่ ก่อนสิชายรกั ก็มิพักจะเออจะอวย,
อวดดีและอวดด้วย บมิเคยจะลุ่มจะหลง;
ทั้งเคยเยาะเย้ยหยนั นระผพู้ ะวา้ พะวง,
วา่ เฃานะเขลาคง จะบพ้นระอิดระอา.
เคยว่าบุรุษกลา่ ว วจะลวงยุพาและพา
ไปรว่ มสิเนหา บมิช้าก็ทอดก็ทิง้ ,
ดงั นนั้ สิแม้ชาย อภปิ รายและออ้ ยและอง่ิ
เราจึง่ มิสงุ สิง และบรกั สมคั สมาน.
ครานีส้ ิพบชาย วรรปู วิเศษวิศาล,
ใจวาบและหวามปาน ฤดินนั้ จะโลดจะลอย!
เธอนั้นฤเจียมตัว กิริยากเ็ รียบก็ร้อย,
ไม่มีละสกั น้อย จะแสดงณท่วงณที
วา่ เธอประสงค์จะ อภริ มย์ฤดีระตี,
เปนแตช่ ำเลืองที่ ดนบุ ้างณครง้ั ณคราว;
คราใดประสพเนตร์ ฤกเ็ ราละร้อนและหนาว,
เธอไกลกด็ ูราว นภะไร้ตวันและเดือน.
โอ้วา่ ณครานี้ แหละฤดีจะฟน่ั จะเฟือน,
ด้วยรกั กระทำเชอื น ละฉนีจ้ ะทำไฉน?
(พดู ปรารภ.) ก็กะมลบ่ม่นั ได้ [สาลิน,ี ๑๑.]
ฟงั คําที่หลอ่ นบน่ วธมุ ่งณตวั เรา;
วา่ คำที่พูดไซร้ ผวิ ะขัดฤดีเจ้า
หากเรานีห้ าญตอบ ณพระบรรณะศาลา.
โฉมยงคงรบี เฃ้า เถอะนะเหน็ จะดีกวา่ ,
คอยฟงั เผ่อื พดู อีก กร็ ะร่นื ระเริงใจ!
เพียงฟังเจ้าแก้วตา
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๘
มัทนา. (ยังไมเ่ หน็ ทา้ วชยั เสน, พดู คนเดียว.)
ชัยเสน. โอ้นึกขึน้ มาเเล้ว ละก็แทบจะร้องไห้,
มัทนา.
ชัยเสน. พอหมดคืนนีไ้ ซร้ กจ็ ะชวดละโอกาส.
มทั นา.
ชัยเสน. เออทำฉันใดดี นะจะให้พระทรงราชย์,
มัทนา.
อยตู่ อ่ ไมล่ ีลาศ จระจากณที่น้?ี
หากวา่ ไมไ่ ด้เปน ยุวะพรหมะจาร,ี
คงกล้าแลพาที พจะทูลพระภูธร,
ให้คงแรมอยอู่ ีก ณประเทศะนีก้ ่อน;
แลหากวา่ ทลู วอน พระก็อาจะเดารู้
วา่ เรานี่ภักดี และก็คงจะเอ็นดู;
ตัวเราจักได้อยู่ ปฏิบตั ิพระบาทา.
โอ้อยากใหท้ ่านรู้ ณฤดีดนูนา!
อยูก่ ่อนเถิดราชา!
(พูดตอบคำของมัทนา.) ดนเุ องกเ็ ตม็ ใจ!
อยากอยเู่ พือ่ ชมโฉม ยวุ ะดีมณมี ัย
ผเู้ ปนเจ้าของใจ.
เอะ๊ ! กใ็ ครนะพาที
มาจากในทีม่ ืด มละแฝงณแห่งน?ี้
ฃ้าเองซึ่งหล่อนมี มะนะม่งุ จะให้ยั้ง.
(เดิรออกจากที่แฝงมายืนหน้าอาศรม.)
อ้าจอมมงกุฎเกล้า! ก็กระไรพระมาบัง
พมุ่ ไม้แลทรงฟัง วะจะของกระหมอ่ มฉัน,
ผบู้ ่นดังคนเพ้อ และมะเมอประหนง่ึ ฝนั ,
ไม่ควรสมเดจ็ ธรร- มิกะราชจะทรงยิน.
ยินเเล้วฃ้าชื่นจติ ดจุ ะหลอ่ นและให้กิน
น้ำทิพยท์ ีค่ วรจนิ - ตะนะแท้นะนงคราญ.
หากว่าหม่อมฉันทราบ พระเสดจ็ ณน่าศาล,
ปากคงไม่อาจหาญ เพราะก็ย่อมจะมีอาย;
อนั หญิงย่อมไม่อยาก จะกระทำประดจุ ฃาย
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๗๙
ความรักให้แกช่ าย เพราะวะ่ เกรงจะดแู คลน.
อันชื่อของหมอ่ มฉัน ฤกส็ ดุ จะหวงแหน;
เกลียดหญิงที่แปร๋แปร้น กละชวนบุรุษชม.
ครานีพ้ ันเอินองค์ อธิราชนะโรดม
ทรงยินคำปรารม- ภะเเละบ่นณราตรี,
คงทรงนึกอยวู่ า่ ดนุทรามและสิ้นดี,
ราวนางโสเภณี บมิเขนิ มขิ วยใจ,
แล้วคงทรงดูถกู ดนุนลี้ ะยิง่ ใหญ่
วา่ เปนผู้หญิงไร้ คุณะธรรมะอนั ควร.
หมอ่ มฉนั ขอทลู ลา นรนาถบดีศวร,
ยิ่งอยู่คงยิง่ กวน วรบาทพระภธู ร.
ชัยเสน. อ้าโฉมมะทะนา บริสทุ ธิบงั อร, [อปุ ัฏ ิตา, ๑๑.]
ฃ้าฤๅจะติหล่อน
ชื่นจติ ตะสดบั เพราะสดับวะจีหวาน?
ทราบว่ายุวะมาลย์
พอเห็นวรพักตร์ มธรุ สฤดีบาน,
บดั น้ันฤก็มี
เหมอื นโฉมดะรุณี กรณุ าณฃ้านี.้
ล้วงใจดนุครา่ ห์
แต่นน้ั ก็อนงค์ วนิดาวะรางค,ี
กำดวงฤดิใน
หากนางบมิชอบ ฤดิท่วมสิเนหา;
ฃ้านีก้ ็จะศลั -
ขอให้วนิดา นะแหละยืน่ สุหดั ถ์มา
อย่าเพ่อสละรอน
ถึงหลอ่ นจะมิรัก และกระลึงหทัยไว้;
ให้ยอมดนุมี
จนกวา่ จะประจกั - นะสิยงั บคืนให้,
แล้วยกฤดิให้
วรหตั ถะแนน่ ครนั !
และจะคืนหะทัยน้ัน,
ยะพิลาปพิไรวอน
กรณุ าดะนกู ่อน,
ระติราญสุไมตร.ี
กจ็ ะขอกะโฉมศรี
ฤดิรักพะธไู ป,
ษะณจติ ตะหลอ่ นไซร้
ดนผุ พู้ ยายาม.
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๐
มัทนา. อ้าโฉมมะทะนา ผวิ ะหลอ่ นจะยอมตาม
ใจพีล่ ะกค็ วาม สุขะพ่จี ะพนู พี;
ชยั เสน. แตห่ ากมะทะนา บมิรักก็พี่น้ี
มทั นา. เหมอื นตกอะวิจี ทุขะท่วมบรู้วาย.
กระหมอ่ มฉันสดบั คำ ดำรสั แห่งพระฦๅสาย,[ภชุ งคัปปะยาตร,์ ๑๒.]
ประณตนอบระยอบกาย และกราบแทบพระบาทา.
ก็รสใดจะหวานแมน้ สรุ สแหง่ พระวาจา,
กระแสรท์ ราบณทรวงฃ้า พระบาทปลืม้ บลืมรส,
และรู้สกึ พระการุณ- ยะภาพแหง่ พระทรงยศ,
จะฝงั ใจบได้ลด ฤลืมจนณวนั มรณ์.
กแ็ ตว่ า่ กระหม่อมฉนั ฤเปนชาวพะนาดร,
จะเทียบชาวนครคอ่ น จะเสียเปรียบบค่ วรหวงั ;
สนมนางกำนัลใน สถิตแทบณเวียงวัง,
ฉวีนวลสะกาวปล่งั ประดับแก้ววราภา,
และรู้จกั บำเรอครบ ประจบองคพ์ ระราชา,
กระหม่อมฉันสิชาวป่า จะสู้เฃาบได้แท้.
อ๊ะ! จรงิ ๆ นะแก้วตา ดนนู บี้ อยากแล
ฤเชยนารอิ ื่นเเม้ กนิษฐาประนอมรัก;
เพราะนารีณวงั ใน บมีใครจะงามพักตร์
ฤงามรปู วิไลยลักษณ์ เสมอเจ้าบพึงมี.
คณานางสนมเปรียบ ประหนง่ึ กาและถ่อยที,
วธยู อดฤดีพี่ ประหนง่ึ หงสส์ พุ รรณ์พรรณ:
กพ็ ีน่ ้ีสเิ คยชม วิหคหงสะเลอสรร
จะกลับชมอิกานั้น บได้แล้วนะแก้วตา!
กระหมอ่ มฉันกเ็ คยทราบ สภุ าษิตบรุ าณวา่
บรุ ุษยามสิเนหา ก็พูดได้ละหลายลิ้น,
ประจบนางและพลางกอด พนอพลอดและปลอดปลิน้ ,
และหลอกเยาวะนาริน.
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๑
ชัยเสน. กท็ ุกลิน้ จะรุมกล่าว ผลิ ิน้ พี่จะมีหลาย,
และทกุ ลิน้ จะเปรยปราย แสดงรักณโฉมฉาย,
มัทนา. พะจีวา่ จะรกั ยืด ประกาศถ้อยปะฏิญญา
ชัยเสน. สบถใหล้ ะตอ่ หน้า บจางจืดสเิ นหา;
มัทนา. พระกล่าวอา้ งพระจันทร์นี้ พระจันทร์แจ่มณเวหน.
ชยั เสน. ชะรอยทีมชิ อบกล
มัทนา. เพราะเหตุใดละหนา้ มน?
ชยั เสน. เพราะเดือนนน้ั มมิ ัน่ คง.
มัทนา. ณฃ้างข้ึนสหิ งายแจม่ กระจ่างสดและกลดทรง,
ณข้างแรมบเหน็ องค์ พระจันทรเ์ จา้ ณราตร!ี
ชัยเสน. สดุ าราจำรสั ศรี
ฉนั้นขอสบถตอ่ นะภากาศพะแพรวพราย.
วะแวววบั ระยับที่ ละอกี แล้วพระฦๅสาย,
กเ็ หน็ ว่ามิชอบกล ก็ขบั ดาวละลายไป.
เพราะเมือ่ ใดพระจนั ทร์ฉาย สบถโดยสุเทพใด?
กระหมอ่ มฉนั นะเลอื กสรร,
ฉนั้นเจ้าจะให้พี่ ณองคเ์ ทวะเทวัน
กห็ ากทรงประทานให้ ฤดีเทา่ พระจอมเกศ;
จะขอให้พระสาบาล ก็สมมตสเุ ทเวศร์,
พระองค์ใดก็ไม่มั่น ดำรสั คำปฏิญญา,
พระองคท์ ูลกระหมอ่ มแก้ว และภักดีและเปนฃ้า
ฉน้ันแมพ้ ระทรงเดช
กระหมอ่ มฉนั กจ็ งรกั
ไฉนเล่าจะสงกา?
ฉน้ันพีก่ ็ยินด!ี
(ท้าวชยั เสนไปจูงมือมทั นาจากระเบียงและจงู มากลางเวที.)
มะทะนาดนุรกั วรยอดยุพะด,ี [โตฎก, ๑๒.]
และจะรักบมิมี ฤดิหน่ายฤระอา;
ผวิ ะอายจุ ะยนื ศะตะพรรษะฤกว่า
ก็จะรักมะทะนา บมิหยอ่ นฤดิหรรษ์;
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๒
มัทนา. นยะนาก็จะชม วธตุ า่ งมะณิพรรณ,
และจะสดู สวุ ะคันธ์ ระสะต่างสุผะกา;
ผวิ ะตน่ื กจ็ ะดู ยวุ ะดีสริ ิมา,
ผวิ ะหลบั ฤกฃ็ ้า จะสุบินฤดิเพลิน:
ทิวะราตรจิ ะนอน, ฤจะนง่ั ฤจะเดิร,
บมิมีละจะเหิน ฤจะหา่ งมะทะนา;
บมิเหน็ วรพกั ตร์ กจ็ ะหนกั อรุ ะว้า,
ขณะเคียงพะนดิ า ก็ระร่นื ฤดิศานต์.
ผวิ ะเจา้ กส็ มคั และจะรักดนนุ าน,
จระสู่อทุ ะธาร เถอะนะเรากจ็ ะวัก
อุทะกลา่ วสุประทาน เฉพาะเทพสรุ ศักดิ์,
และฉน้ันละกจ็ กั ดจุ ะหมน้ั จะวิวาห.์
ผพิ ระโปรดละกข็ ้อย บมิขดั วะจะนา,
และจะตามพระลิลา จระทว่ั ปะฐะพี.
(บดั นีส้ มมตวา่ เริม่ จะรุ่ง, ฉะน้ันให้มแี สงแดงข้นึ ที่ท้องฟ้า, แล้วคอยเปิดไฟขาวมากขึ้นทีละน้อยๆ
ระหวา่ งเวลาที่สองคนพูดกันต่อไปนี)้
ชัยเสน. อ้าอะรณุ แอร่มระเรื่อรุจี ประดุจมโนภริ มย์ระตี (อีทิสัง ๒๐)
ณแรกรัก
แสงอะรณุ วิโรจน์นะภาประจักษ์ แฉล้มเฉลาและโศภินกั
นะฉันใด
หญิงและชายณะยามระตีอทุ ยั สว่างณกลางกะมลละไม
กฉ็ นั น้ัน
แสงอุษาสกาวพะพราวณสรรค์ ก็เหมอื นระตีวสิ ุทธิอนั
สว่างจติ
อ้าอนงคะเชอญดำเนริ สนิธ ณฃ้างดะนูประดุจสุมติ ร์
มโนมาน
ไปกระท่ังณฝั่งอุทกอะจรี ะธาร และเปลง่ พะจณี สัจจะการ
ประกาศหม้ัน
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๓
มัทนา. ต่อพระพักตร์สรุ าภิรักษะอัน เสดจ็ สถิตณเฃตอะรณั -
ยะน่ไี ซร้
วา่ ดะนแู ละน้องจะเคียงคระไล และครองตลอดณอายุขัย
บค่ ลาดคลา
สูรฺยะสอ่ งสวา่ งณกลางนะภา กพ็ ลอยสว่างณภมู หิ ล้า
แหละฉนั ใด,
อนั พระโปรดก็จติ ตะฃ้าก็ได้ สว่างกระจ่างและสดและใส
ณบดั นี!้
ฃ้าพระบาทจะสุขสราญฤดี ก็ย่อมจะโดยพระบาระมี
ธปกเกล้า:
พึง่ พระคณุ กะรุณฺยะค่ำและเชา้ จะปราศะโศกบมีเศร้า
ฤทกุ ขํ;
ใจจะอิม่ จะเอมเพราะเปรมปฺริยํ, และรน่ื ณรสระตีจิรํ
ระรวยใจ.
ทูลกระหมอ่ มเสดจ็ ณเทศะใด กฃ็ ้าพระบาทจะตามธไป
พระเจา้ ฃ้า!
(ท้าวชัยเสนกบั มทั นาจงู มือกนั เดิรเข้าโรงทางหลืบซ้าย.)
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๔
ใบความรู้เรอ่ื งบทละครพูดคำฉันท์ เรอ่ื ง สมเด็จพระปิยมหาราชทรงรักษาเอกราช
ของชาติไว้ไดอ้ ยา่ งไร
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ ตระหนักคุณค่าวรรณกรรม
นำเรอ่ื ง
ผู้ประพันธ์ คือ เจตน์ อติจิตต์ เป็นฉบับที่ได้รับรางวัลที่ ๑ จากการประกวดเรียงความ
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย เนื่องในวันปิยมหาราช ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัยได้จัดประกวดเรียงความ โดยแยกเป็นประเภทร้อยแก้วและร้อยกรอง ผู้ส่งเข้าประกวด
แบง่ เป็น ประเภทนกั เรียน นิสติ นักศึกษาและประชาชน ฉบับที่นำมาให้เรียนนเี้ ปน็ ฉบบั ชนะที่ ๑ ประเภท
ประชาชนด้านร้อยกรอง แต่งเป็นโคลงสี่สุภาพ จำนวน ๒๕ บท บทร้อยกรองนี้แต่งต่อเนื่องเป็นเรื่อง
เดียวกัน มีเนื้อความชี้เฉพาะถึงพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระปิยมหาราชในการที่ทรงรักษา
เอกราชของชาติไทยไว้ได้ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างต้องตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจ
ตะวันตก พระเกียรติคุณในเรื่องนี้ของสมเด็จพระปิยมหาราชมีปรากฎอยู่แล้วในประวัติศาสตร์ ในบท
ประพันธ์บทนี้ ผู้ประพันธ์มิได้นำเรื่องราวในประวัติศาสตร์ทั้งหมดมากล่าวไว้ แต่ได้ชี้เฉพาะเรื่องที่
ประทับใจผปู้ ระพนั ธซ์ ึ่งเปน็ ธรรมดาของการเขียน ร้อยกรอง เราถือว่าผปู้ ระพนั ธ์น้ันเป็นแต่เพียงผู้ศึกษา
ประวัติศาสตร์และได้ประพันธ์บทร้อยกรองถูกต้องไม่ผิดพลาดจากประวัติศาสตร์ แต่ไม่จำเป็นที่
ผปู้ ระพนั ธ์จะต้องกลา่ วเรื่องราวในประวตั ิศาสตร์ให้ครบถ้วน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่นักประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นงานสำคัญที่สุด ที่ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจาก
การล่าเมืองขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น เราก็ควรจะทราบไว้ด้วยว่า คือ การปรับปรุงการบริหาราชการ
แผ่นดิน การปรับปรุงกฎหมายและวางรากฐานกิจการตุลาการให้สอดคล้องกับความนิยมของ
ชาวตะวันตกในสมัยนั้น นอกจากนั้นสมเด็จพระปิยมหาราชยังได้ทรงกวดขันเกี่ยวกับการประกอบ
กิจการในบ้านเมืองให้ถูกต้อง ด้วยพระปรีชาสามารถ และพระวิริยะอุตสาหาเป็นอย่างยิ่ง
มิใหช้ าวตะวันตกหาโอกาสยกเหตุการณ์ใดมากลา่ วแสดงความบกพรอ่ งของราชการไทยได้
อนึ่ง พระราชกรณียกิจที่ไทยเราจดจำไว้เด่นชัดข้อหนึ่งก็คือ การเลิกทาส การเลิกทาสนั้น
มิใช่เป็นการทำได้ง่าย เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง
ซึ่งในประเทศอื่น ๆ ที่มีความเจริญก้าวหน้า ก็ถึงกับมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้น เป็นต้น ในการอ่าน
บทประพันธ์นี้ เราจึงต้องไม่อ่านอย่างหนังสือประวัติศาสตร์แต่ควรอ่านโดยสังเกตอารมณ์ของ
ผปู้ ระพนั ธ์และศลิ ปะการใชถ้ ้อยคำในการประพันธ์เพื่อแสดงอารมณ์ทีเ่ กิดขึน้ น้ัน
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๕
สมเดจ็ พระปิยมหาราชทรงรักษาเอกราชของชาติไว้ได้อย่างไร
๑ ณ แดนผนื แผ่นพืน้ ภูมสิ ยาม
ไพสิฐอิสระคาม เขตนี้
สรรพ์ศิลป์แสดงความ เรืองโรจน์ ร่งุ แฮ
ชีช้ ดั วัฒนธรรมชี้ ชดั แจง้ แหลง่ เจริญ
๒ ก้าวเดนิ โดดเด่นเบือ้ ง บรู พา
คอื ประเทศไทยสา - มารถสู้
ผา่ นภัยพิบตั ิปรา - กฎเกยี รติ
นบั หลากร้อยปีรู้ เล่อื งท้ังธาษตรี
๓ มศี รีมศี ักดส์ิ ร้าง เสริมสรรพ์
สบื ชาติตราบแต่บรรพ์ บัดน้ี
มเี อกราชจรร- โลงอยู่ ย้ังแล
เป็นประหลาดเรือ่ งลี้ หลกี พ้นพิรัชภัย
๔ ไทยยงคงศักดด์ิ ว้ ย ดวงดี เดน่ ฤๅ
ฤๅปะเหมาะเคราะห์ปี- ศาจคุ้ม
ลำพงั ชะตามี ก็อาจ อับแฮ
เพราะพิรัชภัยคลุ้ม คลั่งล้อมรอบคาม
๕ บุญสยามยามอมิตรร้าย รุมมา
มพี ระปิยมหา ราชเจ้า
ทรงเป็นประดจุ วา - ยโุ บก
พดั ผอ่ นเมฆร้ายเร้า รอ่ ยร้างจางลง
๖ พระองค์ทรงปกป้อง ประการ ใดฤๅ
เม่อื พริ ัชภยั พาล พรง่ั พร้อม
อาวุธยทุ โธฬาร แลเหลี่ยม เลห่ ์แล
รุมกระหนาบหนักลอ้ ม รอบกล้ำทำลาย
๗ หลายชาติหลาดพ่ายดว้ ย ภัยไพ รชั เฮย
ลัทธิลา่ เมอื งไถย - จิตแท้
วางกลอบุ ายใคร เข้ากับ ดักแฮ
รู้ผิดจักคิดแก้ กช็ ้ากวา่ การณ์
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๖
๘ มอญมา่ นหาญหักเข้า รุกรบ
ปรามาสขาดสติพบ พ่ายพลง้ั
สญู ส้ินแผน่ ดินจบ ส้นิ เอก ราชนอ
คอื เหยอ่ื เพอ่ื เริม่ ครั้ง ใหม่จ้องปองราญ
เมอื งลาม รุกเฮย
๙ ดา้ นใตภ้ ยั ร้ายลา่ เขตแลว้
ยึดมลายคู าม เยีย่ งเหยือ่
มาดมุง่ สยามหยาม ผอ่ งสร้างวางกล
คาดคิดพิชิตแผ้ว บูรพา
เหตุให้
๑๐ มณฑลประเทศเบือ้ ง ใหม่มาด ร้ายแล
ฝ่ายฝรั่งเศสหา เดอื ดร้อนรอนแดน
พาลภยั พิรชั ครา คลุมควัน ความเฮย
ปองประทุษเทศได้ ตกจ้อง
หาห่าง หายแฮ
๑๑ แควน้ สยามยามยากคลุ้ม ตรึกใหไ้ ทยคง
ภยั ลา่ เมืองขึน้ ตะวัน จอมสยาม
มองหาทพ่ี ึ่งหนั จิตไท้
เหลือแต่ตนเองต้อง เพลิงพลงุ่ พล่านแฮ
มากเข้าเผาผลาญ
๑๒ องค์พระปิยเจ้า ปญั ญา
ทรงตรึกลกึ ซึ้งตาม วธุ ดว้ ย
ผิวส์ วู้ ู่วามยาม สนศาสตร์
ดับมดิ ับยิ่งไหม้ หมดส้ินเสรี
ปกเมอื ง
๑๓ เหมือนม่านขาดสติท้ัง ขกุ ใกล้
แคลนขาดสรรพศาสตรา - เนอื งอยู่
ยงั พลาดรัฐประศา - แจม่ แจ้งแห่งการณ์
ผลยอ่ มพาชาตมิ ว้ ย
๑๔ วิธพี ิทักษป์ ้อง
ยามพิบัตภิ ัยเคอื ง
วิจัยวิจารณ์เนอื ง
หมั่นสอบเหตเุ ลศให้
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๗
๑๕ ประมาณฐานะทั้ง ทัว่ ตน เองนอ
ชาตศิ ัตรูชาตชิ น เพือ่ นผู้
ยอมรับคตผิ ล เหตุที่ มแี ฮ
รู้รับความเจริญรู้ ผอ่ นสั้นบรรเทา
ต่างเขน
๑๖ เอาข้างขันติโต้ เบี่ยงล้ี
ถือหลกั ผ่อนหนกั เบน กำหนด นกึ แฮ
ยึดสนั ตกิ รรมเกณฑ์ ช่องไวใ้ นบรรพ์
เชน่ ชนกนาถช้ี บางที
ศกั ด์บิ ้าง
๑๗ กรรทบกระทง่ั บ้าง รภาพ
สญู ทรพั ยเ์ สยี สทิ ธิศ์ รี เรื่องร้ายกรายถึง
เสยี น้อยรกั ษาธี- ลำ้ สยาม
ดกี ว่าแข็งกร้าวสร้าง ลุกไหม้
โรจนเ์ ร่า ร้อนแฮ
๑๘ จึงเมือ่ ภยั ร้ายรุก ฉำ่ นำ้ ใจเจือ
เพลิงตะวันตกลาม เพลาลง
กลับลดหมดเปลวความ ตรึกตั้ง
ดว้ ยพระปรีชาใช้ ยนื อยู่
ใหม่จ้องปองหมาย
๑๙ แลเม่อื ภยั ผา่ นพ้น ใกลไ้ กล
องค์พระปิยะทรง หลากแควน้
ตราบนามสยามยง ตรีต่อ
ยอ่ มมหาภัยครั้ง ข่นุ น้ำใจเคย
ถือกรรม ดีเนอ
๒๐ จึงหลายประเทศท้ัง บดั ร้าย
พระเสด็จเยอื นไป เรจ็ ลุ ล่วงแฮ
หวงั ผลเพือ่ ผูกไม- เครือ่ งค้ำเสรี
เกล่อื นกลบลบเรื่องแค้น
๒๑ เผยจิตเปน็ มิตรท้ัง
กลเกราะกำบังบำ-
ผลพระพิริยสำ-
ไพรัชรบั รู้คลา้ ย
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๘
๒๒ อา้ พระปรียะเจ้า จอมไผท ไทยเฮย
เพราะพระปรีชาไว - ทิตแท้
ผันภัยพิเทศภัย ผองผ่าน
พ่ายพระพิริยะแพ้ พา่ ยน้ำใจจง
บารมี พระนอ
๒๓ ไทยยงยนื อย่ดู ว้ ย ศกั ด์พิ ร้อม
เกริกกติ ติสิทธิศ์ รี ฆราชย์
มชี าตพิ ระศาสน์ที - สุขล้ำจำเริญ
เป็นพิพฒั ประเทศลอ้ ม เน้อื ความ
นาถนี้
๒๔ ไป่เกินทีก่ ลา่ วเนน้ ยุ่งยาก
ผิมเิ พราะพระนาม เริดร้างห่างลง
ฤๅไทยจะรอดยาม คำนึง
อาจจกั เอกราชลี้ ตรึกไว้
สญู ชีพ
๒๕ จงประชาราษฎรน์ อ้ ม ทั่วหนา้ ประชาสยามฯ
จารพระคณุ พระตรึง
รกั ชาตศิ าสนก์ ษตั ริย์ถึง
ยอมถวายแด่ไท้
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๘๙
ใบความรู้เรอ่ื งการเพิ่มคำ
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ศึกษารปู ลกั ษณ์ของคำ
คำสมาส
คำสมาส เปน็ วิธีสร้างคำในภาษาบาลแี ละสันสกฤต มีลักษณะให้สงั เกตดงั นี้
๑. คำสมาสเปน็ คำทีม่ าจากภาษาบาลแี ละภาษาสนั สกฤตเทา่ นั้น
เช่น ศลิ ปะ + วิทยา ศลิ ปวิทยา
ราช + การ ราชการ
ยทุ ธ + วิธี ยทุ ธวิธี
ระวัง คำประสมหรือคำซ้อนบางคำมีลักษณะคล้ายคำสมาสแต่ไม่ใช่ เนื่องจากมีคำไทยหรือภาษา
อื่นปน เชน่
กรมทา่ กรมขุน พลความ พลเรอื น
คุณคา่ มูลค่า ทนุ ทรพั ย์ ทนุ นิยม
เทพเจา้ พุทธเจ้า เคมีภณั ฑ์ เมรมุ าศ
บรรจภุ ณั ฑ์ ผลไม้ ราชวัง สรรพสินค้า
๒. คำสมาสสว่ นมากมกั แปลความหมายจากคำหลงั มาคำหน้า เชน่
ดรณุ วัย แปลว่า วัยเดก็
วีรบุรุษ แปลว่า บุรษุ ผู้กล้า
พุทธบาท แปลว่า เท้าของพระพทุ ธเจา้
ระวัง คำบางคำคล้ายสมาสแต่ไม่ใชเ่ น่ืองจากแปลความจากคำหนา้ ไปคำหลงั เช่น
ภมู ปิ ัญญา แปลวา่ พืน้ ความรู้
ผลผลิต แปลวา่ ผลที่ได้จากการผลิต
คณุ โทษ แปลว่า ลักษณะที่ช่ัวและดี
ประธานสภา แปลว่า ประธานของทีป่ ระชมุ สภา
นายกสมาคม แปลว่า ผเู้ ปน็ หัวหนา้ ของสมาคม
ประวตั ิบคุ คล แปลวา่ ประวัติชีวติ บคุ คล
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๐
๓. เมื่อจะอ่านคำสมาสจะต้องอ่านให้มเี สียงสระเชือ่ มติดกนั ระหว่างคำหน้าและคำหลัง
ถ้าระหว่างคำไม่มีรูปสระ ให้อา่ นมสี ระ อะ ประสมอยู่ เช่น
ประวัติศาสตร์ อา่ นว่า ประ – หวัด – ติ – สาด
บุตรภรรยา อา่ นวา่ บุด – ตระ – พนั – ยา
มนุษยธรรม อ่านวา่ มะ – บุค – สะ – ยะ – ทำ
๔. คำสมาสคำหน้ามีวิสรรชนียท์ ีพ่ ยางค์ท้ายจะตัดออก เชน่
สมณพราหมณ์ ไม่ใช่ สมณะพราหมณ์
กาลเทศะ ไมใ่ ช่ กาละเทศะ
๕. คำสมาสคำหน้ามีเครอ่ื งหมายทณั ฑฆาตกำกับที่พยางคท์ ้ายจะตดั ออก เชน่
จนั ทรคติ ไม่ใช่ จันทรค์ ติ
แพทยศาสตร์ ไมใ่ ช่ แพทย์ศาสตร์
คำสนธิ
คำสนธิ จัดเป็นสมาสชนดิ หนง่ึ แตเ่ ปน็ คำสมาสที่มกี ารเปลีย่ นแปลงหรอื กลมกลืนเสียง เช่น
ราไชศูรย์ ราช + ไอศูรย์
ศลิ ปากร ศลิ ปะ + อากร
ยทุ โธปกรณ์ ยทุ ธ + อปุ กรณ์
เราจึงอาจเรียกได้วา่ เปน็ คำสมาสเปน็ สนธิ ซึง่ มกี ารกลมกลืนเสียงเป็น ๓ ชนิด คือ
๑. สระสนธิ เช่น
สัมมาชีพ สัมมา + อาชีพ ทูตานทุ ตู ทตู + อนุทูต
ปรมนิ ทร์ ปรม + อินทร์ นโยบาย นย + อุบาย
มโหฬาร มหา + โอฬาร ภุชงค์ ภุช + องค์
ระวัง สระ อิ หรอื อี เม่อื สนธิกบั สระอืน่ ๆ ต้องเปลีย่ นรูปเป็น ย เชน่
มติ + อธิบาย มตั ยาธิบาย รติ + อารมณ์ รัตยารมณ์
สระ อุ หรอื อู เมื่อสนธิกับสระอื่น ๆ ต้องเปลี่ยนรปู เป็น ว เช่น
จกั ขุ + อาพาธ จักขวาพาธ ธนู + อาคม ธนั วาคม
๒. พยญั ชนะสนธิ มีการเปลีย่ นแปลงเสียงพยัญชนะ เช่น
มโนภาพ มนสฺ + ภาว นิรภัย นิสฺ + ภัย
ทุสฺ + ชน
นิรมติ นิสฺ + มิต ทรชน
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๑
๓. นิคหติ สนธิ มีลักษณะสงั เกตดังน้ี +
๓.๑ นิคหติ สนธิพยัญชนะวรรค ให้เปลี่ยนนิคหติ เปน็ พยญั ชนะสดุ ท้ายวรรค เชน่
สงั กร สํ + กร สญั จร สํ + จร
สัณฐาน สํ + ฐาน กินนร กํ + นร
สยมภู สยํ + ภู สมาบตั ิ สํ + ปติ
๓.๒ นิคหติ สนธิสระ ให้เปลี่ยน นคิ หิต เปน็ “ม” เชน่
สมาคม สํ + อาคม สมาทาน สํ + อาทาน
สมิทธิ สํ + อิทธิ สมทุ ยั สํ + อทุ ยั
สโมสร สํ + โอสร สมาส สํ + อาส
๓.๓ นิคหติ สนธิเศษวรรค ให้เปลี่ยน นคิ หิต เปน็ “ง” เช่น
สังหรณ์ สํ + หรณ สงั วร สํ + วร
สงั หาร สํ + หาร สงั โยค สํ + โยค
คำแผลง
คำแผลง คือการสร้างคำใหม่ในภาษาโดยเปลี่ยนแปลงเสียงสระ พยัญชนะ หรือวรรณยุกต์ของคำ
เพือ่ ให้มคี ำใชห้ ลากหลาย เช่น
วชั ระ เปน็ วัชรา วชั รี
ปญั จะ เปน็ เบญจะ เบญจา
วร เปน็ พร พระ
ดัง เปน็ ด่งั
เพียง เปน็ เพี้ยง
นอกจากนี้ ยงั มีคำภาษาเขมรซึง่ ไทยเรานำมาใช้ท้ังคำเดิมและคำที่แผลงแล้วอกี มากมาย เชน่
ตรวจ เปน็ ตำรวจ
ชว่ ย เปน็ ชำรว่ ย
เพญ็ เป็น บำเพญ็
ประทุก เป็น บรรทกุ
ประจุ เป็น บรรจุ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๒
ใบงาน เร่อื ง การเพิ่มคำ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๓ ศึกษารปู ลักษณ์ของคำ
คำชีแ้ จง พิจารณาตอ่ ไปน้วี ่าเปน็ คำมูล คำประสม คำซอ้ น คำซำ้ คำสมาสหรอื คำสนธิ
ตำรา :_______ การงาน :_______ ขนม :_______ แกแ่ ดด :_______
สมบตั ิ :_______ กู้ยมื :_______ เอกชน :_______ แก่นสาร :_______
กำนัน :_______ ข้าทาส :_______ ละมุด :_______ ของใช้ :_______
ธนบตั ร :_______ คู่รัก :_______ เวชกรรม :_______ ขบั ไล่ :_______
ธรรมชาติ :_______ โคลนตม :_______ ชบา :_______ งามวิไล :_______
กะลาสี :_______ เจบ็ ไข้ :_______ มัจจุราช :_______ ช่างภาพ :_______
บรรณารักษ์ :_______ ชกตอ่ ย :_______ สมดุ :_______ ชา้ นาน :_______
กระถาง :_______ ควันหลง :_______ วัตถธุ รรม :_______ เชอ่ื มตอ่ :_______
ธนาคาร :_______ ดุร้าย :_______ มรรคนายก :_______ ของหลวง :_______
มัคคเุ ทศก์ :_______ เงินเดอื น :_______ กษัตริยาธริ าช :_______ ดแู ล :_______
คุณโทษ :_______ ตกหลน่ :_______ รากฐาน :_______ ตวั ตน :_______
สรรพสง่ิ :_______ แม่เหล็ก :_______ สายตรวจ :_______ ถ้อยคำ :_______
ตัวเตง็ :_______ ทบุ ตี :_______ เรียงเบอร์ :_______ นาไร่ :_______
หมอนวด :_______ บา่ วไพร่ :_______ ฤกษ์ยาม :_______ บีบคั้น :_______
หงิมหงิม :_______ ป่าดง :_______ สนาม :_______ ปีกนก :_______
จิตรกร :_______ ผดผื่น :_______ ไวไว :_______ ผีสาง :_______
โทรภาพ :_______ ยกร่าง :_______ พทุ รา :_______ ฝึกหดั :_______
กาแฟ :_______ ไฝฝ้า :_______ กับแกลม้ :_______ ผลไม้ :_______
โคลนตม :_______ พรรคพวก :_______ ภกิ ษุสงฆ์ :_______ พอ่ ตา :_______
ผางผาง :_______ ไพร่สถุล :_______ พทิ ยาจารย์ :_______ เพ่มิ เตมิ :_______
ทวบิ าท :_______ เลวทราม :_______ ห้างร้าน :_______ ยกทรง :_______
สคุ นธรส :_______ รบั ขวญั :_______ หนกั เบา :_______ เลอื กสรร :_______
สงกรานต์ :_______ เรือนจำ :_______ อุตสาหกรรม :_______ ลอยตัว :_______
อธิการบดี :_______ สวยงาม :_______ จันทโรภาส :_______ สายหยดุ :_______
สินธวางกรู :_______ หวั แขง็ :_______ สมาบตั ิ :_______ สูญหาย :_______
กาญจนาภรณ์ :_______ บว่ งบาศ :_______ กาลเวลา :_______ สบั เปลี่ยน :_______
สุโขทัย :_______ โง่เขลา :_______ สันนิบาต :_______ หลบหนี :_______
สมมตุ ิ :_______ เกรงกลวั :_______ จลุ ินทรีย์ :_______ บาดตา :_______
ใหน้ กั เรยี นเขียนรปู ศพั ทเ์ ดิมของคำแผลงตอ่ ไปน้ี
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๓
สำเนยี ง :__________________ ดำรู :________________ เสนห่ ์ :________________
บำเรอ :__________________ ศาล :________________ พริ ณุ :________________
บำราศ :__________________ ฉาย :________________ วเิ ชยี ร :________________
จำนอง :__________________ เจตน์ :________________ เคารพ :________________
ชำนาญ :__________________ ไพบลู ย์ :________________ ถลก :________________
กำแหง :__________________ เศยี ร :________________ สีกา :________________
นฤมล :__________________ อกั โข :________________ เกียรติ :________________
โบสถ์ :__________________ เกษยี ร :________________ บรรทม :________________
อรชร :__________________ ครรลอง :________________ ผนวช :________________
วเิ คราะห์ :__________________ ไพเราะ :________________ ละโมบ :________________
พัฒนา :__________________ เธียร :________________ สลกั :________________
ให้นกั เรยี นขีดเสน้ ใต้ความหมายที่แทจ้ ริงของคำซอ้ นท่เี ป็นสำนวนคล้องจองตอ่ ไปน้ี
ไร่นาสาโท กินบ้านผา่ นเมือง ฝร่งั มงั คา่
วา่ นอนสอนงา่ ย โลภโมโทสนั รีดนาทาเร้น
ผลู้ ากมากดี ส้มสกุ ลูกไม้ ฤกษพ์ านาที
เกาะแกะและเลียม ใต้ถุนลุนช่อง ใสถ่ ้อยร้อยความ
เคราะห์หามยามร้าย เอะอะมะเทิง หายหกตกหลน่
อิม่ หมีพมี นั อิดหนาระอาใจ รั้วรอบขอบชิด
อุ่นหนาฝาคง่ั ข้าวปลานาเกลือ ถนนรนแคม
ให้นกั เรยี นพิจารณาคำเหล่านีว้ ่าเปน็ คำที่ยืมมาจากบาลี สนั สกฤตหรอื เขมร
อาสาฬหะ ___________________ อาชญา _________________ มัจฉรยิ ะ _______________
ไพบลู ย์ ___________________ อังคาร _________________ บำเรอ _______________
สกั กะ ___________________ จำรัส _________________ ยตุ ิ _______________
คัมภรี ์ ___________________ อศิ วร _________________ เรียม _______________
ปจั จัย ___________________ กลั ป์ _________________ อุปชั ฌาชย์ _______________
อคั คี ___________________ เวช _________________ ลออ _______________
ไพฑรู ย์ ___________________ พฤฒิ _________________ อัศจรรย์ _______________
วติ ถาร ___________________ ศรัทธา _________________ สรวล _______________
พนั ธ์ ___________________ คัพภ์ _________________ สนทนา _______________
ภริยา ___________________ แพทย์ _________________ ผนวก _______________
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๔
สาธารณ์ ___________________ ขจร _________________ สมั ผสั _______________
อัสสุ ___________________ สงฆ์ _________________ บังเอญิ _______________
พสิ ดาร ___________________ ตฤณ _________________ กรฑี า _______________
สจั จะ ___________________ ขจี _________________ สถาปนา _______________
วรรค ___________________ ขลัง _________________ สังฆาฏิ _______________
จักษุ ___________________ เขต _________________ สวามี _______________
รญั จวน ___________________ เขลา _________________ ปรชั ญา _______________
ประกายพรึก ___________________ ฐานะ _________________ อาณา _______________
เกษยี ร ___________________ ทกุ ข์ _________________ สายัณห์ _______________
พฤกษ์ ___________________ รฐั _________________ อสิ ระ _______________
ดำรง ___________________ บังคม _________________ ทิฐิ _______________
สัตย์ ___________________ ปัจจุบัน _________________ ภรรยา _______________
องั กรู ___________________ เผดียง _________________ บริจาค _______________
สลา ___________________ เวร _________________ สงั คม _______________
วทิ ยา ___________________ เกียรติ _________________ กรรม _______________
ขันติ ___________________ เพชร _________________ สังขาร _______________
อัคนี ___________________ ขณะ _________________ เมตตา _______________
อัญชลี ___________________ อุทยาน _________________ พสิ ดาร _______________
มโหฬาร ___________________ ผจญ _________________ ศรทั ธา _______________
อัชฌาลยั ___________________ พยคั ฆ์ _________________ สมั มนา _______________
สถานะ ___________________ ทัพพี _________________ ราษฎร _______________
ให้นักเรียนพิจารณาคำต่อไปนี้ว่ามาจากภาษาโปรตุเกส อาหรับ ชวา มลายู เขมร ฝรั่งเศส
ญีป่ ุน่ องั กฤษ จนี หรอื เปอร์เซีย
ปิน่ โต ___________________ คาราวาน _________________ ถนน _______________
โชเฟอร์ ___________________ กงสุล _______________
กะลาสี ___________________ จบั กัง _________________ สเกต็ _______________
สลาตนั ___________________ เตา้ ทงึ _______________
กิโมโน ___________________ เทอรโ์ มมเิ ตอร์ _________________ สบู่ _______________
สะตาหมนั ___________________ ปาทอ่ งโก๋ _______________
เกาเหลา ___________________ สกุ ีย้ ากี้ _________________ ลินิน _______________
กหุ ลาบ _________________
กะไหล่ _________________
กปั ตนั _________________
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๕
คาราเต้ ___________________ ลอ็ กเกต _________________ เหรียญ _______________
แท็งกน์ ้ำ ___________________ บาทหลวง _________________ บุหงารำไป _______________
จบั ฉา่ ย ___________________ ซ่าหริม่ _________________ เอ้ยี มจุ๊น _______________
เค็นโด ___________________ สมั มนา _________________ บหุ รง _______________
โฉนด ___________________ ตราชู _________________ ลงั ถึง _______________
กดิ าหยัน ___________________ กงไฉ่ _________________ เรสเตอรองต์ _______________
ลิปสตกิ ___________________ ข้าวโอ๊ต _________________ ทอนซิล _______________
กยุ ชา่ ย ___________________ กระจับปิง้ _________________ โฉนด _______________
ปิยามา่ ___________________ บุฟเฟต์ _________________ ก๊ยุ _______________
การบูร ___________________ สาเก _________________ ลิตร _______________
กิโล ___________________ โกหร่าน _________________ ย่หี ้อ _______________
เปอร์เซ็นต์ ___________________ กระยาหงัน _________________ เลหลงั _______________
ฮวงจุ้ย ___________________ กรัม _________________ อัลบ้ัม _______________
โก้เก๋ ___________________ กอและ _________________ พันดู _______________
กะละมัง ___________________ ปุ้งกี๋ _________________ คิว _______________
สหุ รา่ ย ___________________ ซูโม่ _________________ ฉนำ _______________
ปาเต๊ะ ___________________ มัมมี่ _________________ เยน็ ตาโฟ _______________
บหุ งา ___________________ กุยเฮง _________________ ทิงเจอร์ _______________
ซามไู ร ___________________ ปารเ์ กต์ _________________ อำพนั _______________
เซียมซี ___________________ ทอฟฟ่ี _________________ กะลอจี๊ _______________
เสิรฟ์ ___________________ กะละแม _________________ เตา้ เจยี้ ว _______________
เกอิชา ___________________ โสรง่ _________________ ตนุ๋ _______________
ดีเปรสชนั ___________________ โควตา _________________ บำเพ็ญ _______________
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๖
ความเกีย่ วขอ้ งระหวา่ งวฒั นธรรมกบั ภาษา
๑. คำในข้อใดไม่เกี่ยวข้องกบั คำวา่ วัฒนธรรม
๑. ธรรมชาติ ๒. ขนบธรรมเนยี ม
๓. กฎเกณฑ์ที่เกีย่ วเนื่อง ๔. ความรสู้ ึกต่อสิ่งต่าง ๆ
๒. ข้อใดไม่ถกู ต้อง
๑. คา่ นยิ มในการใชช้ ีวติ ของคนเกิดจากเหตุธรรมชาติได้
๒. ความเชื่อทางศาสนาทำให้เกิดความหลากหลายของวฒั นธรรมได้
๓. ร้านสะดวกซอื้ มีส่วนทำให้วัฒนธรรมการกินอาหารของคนไทยเปลี่ยนไป
๔. ภาษาไทยมีคำลกั ษณนามแสดงวา่ คนไทยนิยมเล่นกบั ภาษาในรูปแบบต่าง ๆ
๓. ขอ้ ใดไม่ใช่ปจั จัยที่ทำให้ลักษณะนิสยั คา่ นยิ ม และแบบแผนการดำเนินชีวิตของมนษุ ย์
มีความแตกตา่ งกันไป
๑. ที่ตง้ั และสภาพภมู อิ ากาศ ๒. เศรษฐกิจการเมอื ง
๓. ประมุขหรอื ผนู้ ำของกลุ่มชน ๔. ความอุดมสมบูรณห์ รอื ความแร้นแค้น
๔. ขอ้ ใดถูกต้อง
๑. ความกลัวและตอ้ งการมีที่พึง่ ทางใจทำให้เกิดสถาบนั ศาล
๒. มนุษย์มีความก้าวหน้ากวา่ สตั ว์เพราะมนษุ ยม์ ีอำนาจมากกวา่
๓. ความอดุ มสมบูรณห์ รอื ความแร้นแค้นมีอทิ ธิพลต่อลักษณะนิสัยของกลมุ่ ชน
๔. เอกลักษณ์ของชาติไทยมีหลายประการ ยกเว้นการชอบการประนปี ระนอม
๕. คนในประเทศอนิ โดนีเซียและประเทศญี่ปนุ่ มีความอดทนและยอมรับภัยพิบตั ิทีจ่ ะเกิดข้ึนโดยมิได้
แสดงความอ่อนแอหรอื เกรงกลวั เกิดจากความหลากหลายของวัฒนธรรมด้านใด
๑. ทีต่ ง้ั ๒. ภมู อิ ากาศ
๓. กล่มุ ชนแวดล้อม ๔. ความอดุ มสมบรู ณห์ รอื ความแร้นแค้น
๖. การทีค่ นไทยเข้ารว่ มกิจกรรมหรืองานฉลองได้ทกุ ชาติ เช่น ตรษุ จีน วาเลนไทน์ ฮาโลวีน คริสตม์ าส
น้ันแสดงให้เหน็ เอกลักษณท์ างวัฒนธรรมของคนไทยในข้อใด
๑. ความเกรงใจ ๒. การคำนึงถึงกาลเทศะ
๓. ความสามารถในการปรับตัว ๔. ความไม่กีดกนั คนต่างชาติตา่ งภาษา
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๗
๗. “ความรู้สึกทีไ่ มอ่ ยากใหผ้ อู้ ื่นลำบากเดือดรอ้ น รำคาญใจ” ความรสู้ ึกเชน่ นเี้ ปน็ เอกลักษณท์ าง
วฒั นธรรมของไทยในด้านใด
๑. ความเกรงใจ ๒. ความรักสงบ
๓. การคำนึงถึงกาลเทศะ ๔. ความพอใจในการประนปี ระนอม
๘. ภาษาเกีย่ วข้องกับวฒั นธรรมอยา่ งไร
๑. ภาษาสืบทอดมาจากวัฒนธรรม
๒. ภาษาทำให้กอ่ เกิดวฒั นธรรมข้ึน
๓. ภาษาเปน็ สิง่ ทีใ่ ชก้ ำหนดวัฒนธรรม
๔. ภาษาชว่ ยพฒั นาดำรงและสบื ทอดวัฒนธรรม
๙. ข้อใดกล่าวผดิ
๑. ภาษาถิ่นมีคุณค่าในทางประวตั ขิ องคำ
๒. คนไทยจะไม่นำชือ่ บุคคลมาเรียกพรำ่ เพรือ่
๓. คำร่นื หบู างคำมที ีม่ าจากภาษาบาลีสันสกฤต
๔. คำขยายในภาษาไทยสะท้อนความเปน็ คนชา่ งสงั เกต
๑๐. “ภาษาไทยนิยมใช้คำคล้องจอง” ข้อใดไม่สนับสนนุ คำกล่าวน้ี
๑. น้ำขึน้ ให้รบี ตกั น้ำหมกั ต้องป้าเช็ง
๒. ไม่ได้คิดจะแย่ง แค่แอบแชง่ ให้เลิกกนั เร็ว ๆ
๓. ตั้งแตเ่ กิดมาเคยเจบ็ แค่สองครง้ั คือครง้ั แล้วกับคร้ังเล่า
๔. อยู่บ้านทา่ นอย่าน่งิ ดดู าย เปิดกงั นัมสไตล์ใหล้ กู ทา่ นเต้น
๑๑. “คนไทยจะใช้คำรื่นหูแทนคำต้องห้ามซึ่งเป็นคำที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกรังเกียจหรือ
สะอดิ สะเอียน” แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณท์ างวฒั นธรรมของคนไทยด้านใดเด่นชดั ทีส่ ุด
๑. ความเกรงใจ ๒. การคำนึงถึงกาลเทศะ
๓. ความสามารถในการปรับตัว ๔. ความพอใจในการประนปี ระนอม
๑๒. การใชภ้ าษาถิน่ แสดงถึงความสมั พนั ธข์ องภาษาและวัฒนธรรมอย่างไร
๑. การส่อื สารอยา่ งไมเ่ ป็นทางการ
๒. การเล่นกับภาษาในรูปแบบต่างๆ
๓. การแสดงเอกลกั ษณ์ทางภาษาของคนในท้องถิ่น
๔. การใชภ้ าษาที่ไม่ใชภ่ าษามาตรฐาน
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๘
การเพม่ิ คำ
๑. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้อง
๑. คำทุกคำที่สร้างข้ึนใชจ้ ะติดอย่ใู นภาษาโดยไมเ่ สื่อมความนยิ ม
๒. คำที่ถกู สร้างข้ึนใชเ้ ฉพาะกลมุ่ เฉพาะโอกาส เรียกว่า คำคะนอง
๓. คำในภาษาไทยจำนวนไม่นอ้ ยมีที่มาจากการเลียนเสียงธรรมชาติ
๔. การเพิม่ คำในภาษาไทยมีทั้งการสรา้ งข้ึนใหมแ่ ละรบั มาจากภาษาอื่น
๒. การสร้างคำขอ้ ใดเป็นคำประเภทเดียวกันทุกคำ
๑. ตัวเต็ง พอ่ แม่ แมพ่ มิ พ์ ๒. บา่ วไพร่ เพือ่ นเกลอ มิตรสหาย
๓. สัตวบาล ทันตแพทย์ โหราจารย์ ๔. มคั คุเทศก์ เภสชั กร ประธานาธิบดี
๓. คำในข้อใดมีวธิ ีการสร้างคำแบบเดียวกันทั้งหมด
๑. เกะกะ เกาะแก่ง กีดกัน ๒. ข้างข้นึ ขดั ข้อง ขึงขงั
๓. คบั แคบ ค้างคาว คุ้นเคย ๔. งมงาย งงงวย งานงอก
๔. คำประสมในข้อใดหมายถึงลกั ษณะอุปนิสัยทุกคำ
๑. ใจร้อน ใจเรว็ ใจกลวง ใจแคบ ๒. ขขี้ ลาด ขีก้ ลวั ขเี้ หร่ ขคี้ ุย
๓. หวั ทึบ หวั ขวาน หัวหมอ หวั ขโมย ๔. มกั งา่ ย มักน้อย มกั ได้ มกั มาก
๕. ขอ้ ใดเป็นคำประสมทีม่ ีความหมายเชิงอปุ มาทกุ คำ
๑. หัวสูง หวั หมอ หัวจกุ ๒. มอื กาว มอื แขง็ ตีนแมว
๓. แม่ส่อื แม่แรง แม่มา่ ย ๔. หนา้ ม้า หนา้ มดื หนา้ หกั
๖. คำประสมข้อใดมีโครงสรา้ งเหมอื นคำวา่ “มือถือ”
๑. หมูหัน น้ำตก นักเรียน ยาดม ๒. น้ำใจ บ้านนอก กันสาด ดอกฟ้า
๓. เรือจ้าง แม่พมิ พ์ ดาวเทียม ตีนกา ๔. ห่อหมก น้ำหวาน เครื่องบิน ผา้ ขรี้ วิ้
๗. คำประสมข้อใดมีโครงสร้างเหมอื นคำว่า “เครอ่ื งกรองนำ้ ” ทกุ คำ
๑. จักรเย็บผา้ ทางมา้ ลาย คา่ ยกักกนั ๒. ผา้ ปูโตะ๊ ผา้ เช็ดหนา้ เก้าอีร้ บั แขก
๓. ไม้ตีกอลฟ์ เขม็ ขัดนิรภัย รถดับเพลิง ๔. หมอ้ ไฟฟ้า โรงจอดรถ สนามเด็กเล่น
๘. คำประสมข้อใดมีโครงสร้างเหมอื นคำว่า “จานบิน” ทุกคำ
๑. ถุงนอน ทองหยิบ ถวั่ เขียว ใจร้อน ๒. ยาดม พิมพ์ดีด หวั หอม หวานเย็น
๓. หมอดู กุ้งเต้น แบบเรียน เข็มกลดั ๔. เครื่องด่มื บ้านพกั พงุ พลุ้ย หมากพลู
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๙๙
๙. “บ้านน้อยของยายอยปู่ ลายสวน มากมายหลายล้วนภกั ษาหาร
ท้ังหนอ่ ไม้ผลไม้ได้เกินการ เครือ่ งจักสานยายชำนาญสานได้ดี”
คำประพนั ธข์ ้างตน้ มีคำซ้อน คำประสมกีค่ ำ
๑. คำซ้อน ๑ คำประสม ๔ ๒. คำซ้อน ๔ คำประสม ๒
๓. คำซ้อน ๒ คำประสม ๓ ๔. คำซ้อน ๒ คำประสม ๔
๑๐. ข้อใดเมือ่ สลับตำแหนง่ แล้วเปน็ คำประสมเช่นเดิม
๑. งูพิษ มอื หนกั ตาเหลือก ๒. เบาใจ ใจแขง็ ตาลาย
๓. ใจหาย ตาขวาง เท้าแขน ๔. ไกอ่ อ่ น มอื แข็ง ยกเมฆ
๑๑. “...นอ้ มใจบูชาเป็นบญุ หนักหนาได้มารว่ มใจ เกือ่ เกียรติเกรียงไกรเทิดทนู ศกั ดิไ์ ว้ ณ ใจทกุ ผู้
ฝากคำสญั ญา คนกล้าจะขอเคียงอยู่ เพือ่ สยามงดงามเฟื่องฟูให้สมคุณครผู ู้มอบดวงจนิ ต์...”
บทเพลงข้างตน้ มคี ำซ้อนกี่คำ
๑. ๔ คำ ๒. ๕ คำ
๓. ๖ คำ ๔. ๗ คำ
๑๒. ขอ้ ใดเป็นคำซ้อนเพื่อความหมายทุกคำ
๑. นมุ่ นม่ิ กู้ยืม โงเ่ ขลา ท้อแท้ ๒. หา้ งรา้ น พีน่ อ้ ง ผสี าง วอกแวก
๓. กักขัง เท็จจริง แขง้ ขา ได้เสีย ๔. ใหญ่โต บ้านเรือน ข้าวปลา จกุ จิก
๑๓. คำซ้อนข้อใดซ้อนแล้วความหมายเปลีย่ นไปจากเดิม
๑. ลทู่ าง บากบน่ั บีบค้ัน ๒. กอ่ สร้าง พดั วี ซื่อสัตย์
๓. เสือ่ สาด ขม่ เหง ข้าทาส ๔. ร่างกาย เลือกสรร เศร้าโศก
๑๔. คำซ้อนส่พี ยางค์ข้อใดความหมายหลักอยู่ที่คำต้นทั้งหมด
๑. ไปลามาไหว้ รู้จักมกั คุ้น ทำมาค้าขาย
๒. กู้หน้ียืมสิน มากมายก่ายกอง กระโดดโลดเต้น
๓. เจ้าบุญนายคุณ ตบั ไตไส้พุง ผหู้ ลักผใู้ หญ่
๔. ข้าเกา่ เต่าเลีย้ ง ทีน่ อนหมอนมงุ้ บ้างชอ่ งห้องหอ
๑๕. คำซ้อนข้อใดมีความหมายขยายออกท้ังหมด
๑. พี่นอ้ ง ลกู หลาน ไฝฝ้า ๒. ข้าวปลา หา้ งรา้ น กาลเวลา
๓. ถ้วยชาม ขนมนมเนย ปา่ ดง ๔. ปัดกวาด สะกดการนั ต์ เช่อื มตอ่